๖๐ ระหว่างความสับสนผมไม่ได้ไปเฝ้าพ่อที่โรงพยาบาลอีกเลย จนกระทั่งพ่อกลับมาบ้าน เวลาผ่านไปหลายวัน พี่สาวก็มาเรียกผมให้ไปหา พ่อ ผมลงไปหาพ่อที่เรือนใหญ่ นั่งลงบนพื้นใกล้ๆเก้าอี้นวมที่พ่อนั่ง
“ทำไมไม่ไปเฝ้าพ่อเลยล่ะลูก” พ่อถามเบาๆ
“...........” ผมไม่รู้จะบอกพ่อยังไง
“แล้วนี่พ่อกลับมาบ้าน ทำไมไม่มาให้พ่อชื่นใจ” พ่อพูดอีก
“ฮึก...ฮึก” ผมเริ่มสะอื้น น้ำตาไหลไม่หยุด มันสับสนไปหมด ... เสียใจ น้อยใจ ความรู้สึกผิด ...
“พ่อขอโทษนะลูก พ่อไม่ได้สติ ถึงได้พูดออกไปแบบนั้น” พ่อพูดแล้วเอามือลูบหัวผมเบาๆ เหมือนที่เคยทำบ่อยๆ
“ไปล้างหน้าล้างตาซะ แล้วว่างๆก็ลงมาหาพ่อบ้าง” พ่อพูดจบก็ลุกขึ้นเดินเข้าห้องส่วนตัวของพ่อไป
ส่วนผมก็เดินกลับไปยังเรือนเล็ก แล้วก็เข้าไปเก็บตัวอยู่แต่ในห้องส่วนตัว เหมือนหลายวันที่ผ่านมา
ตอนนั้นผมคิดในใจว่า ถ้าเป็น ป๊ะป๋า คงไม่เพียงแค่เอามือลูบหัวผมเบาๆ
ป๊ะป๋า คงกอดผมไว้แนบอก หอมผมที่หน้าผาก แล้วเอามือลูบหัวผมเบาๆ พลางพูดปลอบโยนผม ... นิ่งซะ อย่าร้องนะลูก
พ่อยังคงเรียกผมให้มาอ่านหนังสือพิมพ์ให้ฟัง หรือมานั่งอยู่ใกล้ๆในขณะที่พ่อดูโทรทัศน์ เหมือนที่เคยทำเป็นประจำ แต่ผมมักรู้สึกว่ามีกำแพงบางๆ กันอยู่ระหว่างผมกับพ่อและพี่ๆอยู่เสมอ และนับวันกำแพงนั้นก็ดูจะก่อตัวหนาขึ้นเรื่อยๆ
ผมได้แต่หวังว่า ...เวลา... คงจะช่วยทำให้ทุกอย่างดีขึ้น
....................................................................................
..................................
ผมได้แต่เก็บตัวอยู่แต่ในห้องส่วนตัว จะออกมาเฉพาะตอนกินข้าว ผมไปสถาบันดนตรีบ่อยขึ้น ออกจากบ้านไปแต่เช้า กลับบ้านก็มืดแล้ว เพื่อนๆในวงดนตรีก็ทักกันว่า ผมดูซึมๆไป
“เป็นไรน่ะ พี่ตั้ม ทำหน้ายังกับคนอกหัก” เล่ หัวหน้าวงถามขึ้น ในช่วงวอร์มเสียง
“แย่กว่านั้นอีก” ผมตอบ
“อ้าว โดนฟันแล้วทิ้งเหรอไง” ต่อ พูด
“แกสิโดนฟัน” ผมพยายามยิ้ม
“แล้วนี่พี่คบอยู่กับไอ้แว่นหน้าขาวคนนั้นถึงไหนแล้ว” บุ๋ม ถามพลางเข้ามานั่งใกล้ๆผม
“พูดถึงใคร” ผมสงสัย
“ก็คนที่มายืนจ้องตากับพี่หน้าเวทีเมื่อคอนเสริทคราวที่แล้วไง” บุ๋ม ยิ้มกวนๆ ... โห ยังจำกันได้อีกเหรอเนี่ย -*- ...
“นั่นเค้าผู้ชาย เค้าจะมาคบกับพี่ได้ยังไงกัน” ผมพูดเบาๆ พลางก้มหน้าลง
“อย่าเลยพี่ ท่าทางมันบอก ดูอย่างตอนนี้ ชัดเลย อกหักชัวร์” เล่ พูดเมื่อเห็นสีหน้าและท่าทางของผม
“มาซ้อมเพลงกันดีกว่า พี่ร้องนะ เดี๋ยวผมเล่นเปียนโนให้” บุ๋ม พูดขัดจังหวะ พลางเดินไปที่เปียนโน “เพลงอะไรดีพี่” บุ๋ม ถามพลางค่อยๆพรมนิ้วลงไปบนคีย์ ออกมาเป็นทำนองขึ้นต้นของเพลง ... Lovin’ You
“เพลงอะไรก็ได้ เปิดหนังสือมาก็แล้วกัน ยกเว้นเพลงนี้” ผมพูดพลางเดินเข้าไปนั่งที่เก้าอี้เปียนโนกับ บุ๋ม
“อ้าว ทำไมล่ะ ผมกำลังอยากฟังพี่ร้องอยู่เลย พี่ร้องเพลงนี้เสียงถึงคีย์ของมันพอดี” บุ๋ม หยุดเล่นพลางส่งสายตาอ้อนวอนให้ผม
“วันนี้เสียงไม่ค่อยดี ขอเพลงอื่นแล้วกันนะ” ผมตอบเลี่ยงๆ
แล้วพวกเราก็เริ่มซ้อมกัน โดยผลัดกันร้องเพลง และผลัดกันเล่นเปียนโน จนกระทั่งได้เวลาปิดของสถาบัน จึงพากันไปหาข้าวเย็นกิน จากนั้นก็แยกย้ายกันกลับบ้าน
http://media.imeem.com/m/LImxu3segf/aus=false/....................................................................................
..................................
“ตั้ม เทอมนี้จะเลือกวิชาอะไร” หมู ถามผมในวันลงทะเบียนวิชาเลือกเสรี
“เราลงวิชา วรรณกรรมทั่วไป ของครูจันทร์ น่ะ ลงชื่อเรียบร้อยไปตั้งแต่พวกนายยังไม่มากันเลย” ผมตอบ
“อืม ดีเหมือนกันนะ ขี้เกียจไปแย่งจับฉลากแล้ว แต่ตัวนี้เรียนรวมกับพวกรุ่นน้องด้วยนี่” วัฒน์ พูด
“เหรอ เราไม่ทันได้ดูรายละเอียดมากซะด้วย แต่คงไม่เป็นไรมัง” ผมพูดอย่างไม่ค่อยใส่ใจเท่าไรนัก
“หมู ล่ะเรียนวิชานี้ด้วยกันมั๊ย” วัฒน์ หันไปถาม หมู
“อื้อ วัฒน์เรียนไร เราก็เรียนอันนั้นแหละ” หมู ตอบ
“อ้อ เราขออะไรหน่อยนะ ถ้าใครถามอย่าบอกนะว่าเราเลือกเรียนอะไร เพราะเรายังไม่ได้บอกใครเลย” ผมกระซิบเบาๆกับทั้งสองคน
“ทำไมล่ะ” วัฒน์ ทำหน้าสงสัย
“น่านะ ถือว่าเราขอร้องแล้วกัน เราไปก่อนนะ พอดีนัดเพื่อนไว้ที่สถาบัน”
แล้วผมก็รีบวิ่งออกไป เพราะสายตาเหลือบไปเห็นคนสองคู่เดินเข้ามา
“วัฒน์ นั่นไอ้ตั้ม มันจะรีบไปไหนของมัน” โอ ถาม
“เห็นบอกว่านัดเพื่อนไว้” วัฒน์ ตอบพลางหันหน้าไปมอง นึก ที่อยู่ข้างๆ โอ แว่บหนึ่ง
“วัฒน์” เสียง ปอ ที่เดินเข้ามาหาพร้อมกับ ไมค์ “ตั้ม มันเลือกเรียนอะไรเหรอวะ”
“เอ้อ” วัฒน์ อ้ำอึ้งเพราะไม่อยากโกหกเพื่อน “เราไม่ได้ถามน่ะ” ... คนถามน่ะหมู เราไม่ได้ถามจริงๆนะ...
“แล้วมันวิ่งไปไหนของมันน่ะ” ไมค์ ถามขึ้น
“เห็นว่านัดเพื่อนไว้น่ะเลยรีบกลับ” วัฒน์ ตอบ แล้วก็ชวนหมูไปลงชื่อเรียนวิชาเสือกเสรีที่ต้องการ
....................................................................................
..................................
“อะไรของมันวะ เปิดเทอมได้แป๊บเดียว มันหยุดเรียนอีกแล้ว” ผม บ่นกับพรรคพวก
“กี่วันแล้ววะคราวนี้” สิทธิ์ถามยิ้มๆ
“มึงถามว่ากี่รอบแล้วดีกว่า” ผม ตอบอย่างหงุดหงิด
หลังจากเปิดภาคเรียนได้เพียง ๒ สัปดาห์ ตั้ม ก็หยุดเรียนหายไป ๒ วัน กลับมาเรียน ๑ วันบ้าง ๒-๓ วันบ้าง แล้วก็หยุดอีก เป็นแบบนี้มาหลายสัปดาห์ จากจดหมายลา ที่แนบอยู่พร้อมใบรับรองแพทย์ ในสมุดรายงานการสอนประจำชั้น ทำให้รู้ว่า ตั้ม ป่วยเป็นไตอักเสบ
“ไตอักเสบ นี่ต้องตัดไตทิ้งมั๊ยวะ” ผมถามเพื่อนๆ
“กูว่ามันไม่เป็นหนักถึงขนาดนั้นหรอกวะ ไอ้ชัย มึงว่าไง นั่งเงียบเลย” สมชาย พูดแล้วหันไปมอง ชัย ที่นั่งขมวดคิ้วไม่พูดจา
“กูกำลังสงสัย ว่าทำไมจู่ๆมันเป็นโรคนี้ขึ้นมาได้” ชัย พูดพลางนิ่งคิด
“แล้วนี่มึงเคลียร์กับมันรึยังวะ” แล้ว ชัย ก็พูดขึ้นมาอีก เมื่อคิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมากได้
“เรื่องนั้นเหรอวะ ยังเลย” ปอ ทำหน้ากลุ้มใจ “อย่างเคยหว่ะ ตอนเช้ากับตอนกลางวัน มันก็หายตัวไปไหนไม่รู้ แล้วช่วงนี่ตอนมันมาเรียน พอว่างมันก็เอาแต่ฟุบนอน กูเลยไม่รู้จะทำยังไง”
ผลั๊วะ... สมชาย ตบหัว ปอ ไปแรงๆ
“ควายยยยยยยยยยยยย” แถมด้วยคำชมเชย
“อะไรของมึงวะ อยู่ๆแม่งมาตบหัวกู” ปอ ถาม งงๆ พลางเอามือลูบหัวตัวเอง
“ตอนนี้แหละมึงจังหวะดี ทำไมมึงโง่อย่างงี้วะ” สมชาย พูดแล้วถอนหายใจ
“อ้อ กูรู้แล้ว เข้าใจคิดนี่หว่า หน้าโง่ๆอย่างมึงไม่น่าคิดออก” ศักดิ์ พูดแล้วหัวเราะ
“อะไรของมึงวะ” ปอ ถามด้วยความสงสัย
“อ้อ กูเข้าใจแล้ว” สิทธิ์ หัวเราะ พลางหันไปมอง ปอ ยิ้มๆ
“อะไรของพวกมึงวะ อธิบายให้กูฟังดิ๊” ปอ ยิ่งสงสัยเพราะทุกคนเมือนจะมีความคิดอะไรบางอย่างที่ตรงกัน มีแต่เขาที่ไม่เข้าใจ
“ปอเอ๊ย ฟังพี่ชายนะ” ชัย พูดยิ้มๆ “อย่าเพิ่งด่า กูจะขยายความให้ฟัง” ปอ ที่กำลังจะอ้าปากพูดอะไรก็หยุดฟัง ชัย ว่าจะพูดอะไรต่อ
“ถ้ามึงคิดว่าตอนนี้ยังไม่อยากพูด เพราะมันไม่สบาย มึงก็ยังไม่ต้องพูด” ชัย เกริ่น
“อะไรของมึงวะ เมื่อกี้ยังเหมือนเร่งกูอยู่ ตอนนี้เสือกมาห้ามกู” ปอ โวยวาย
ผลั๊วะ..........
“มึงอย่ามาด่านะ กูตบเผื่อมึงจะฉลาดขึ้น” สมชาย ชี้หน้า ปอ “กูว่าพวกเราคิดเหมือนกันหวะ สมกันคบกันมานาน แต่ทำไมไอ้ ปอ มันบื้อคิดไม่ออกอยู่คนเดียววะ” สมชาย กอดอก พลางมอง ปอ เหมือนพิจารณาอย่างละเอียด
“มึงต้องพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสสิวะ” ศักดิ์พูดเป็นงานเป็นการ ปอ มองเพื่อนๆอย่าง งงๆ
“ทำไมมึงไม่ไปคอยดูแลมันวะ อย่างน้อยมันจะได้เห็นว่ามึงเป็นห่วง” สิทธิ์ ต่อให้
“แล้วเผื่อมีงจะได้หาโอกาสพูดกับมัน ไม่ต้องถึงขนาดเคลียร์ว่ามึงรู้สึกยังไง อย่างน้อยควรให้มันเข้าใจว่ามันเข้าใจผิดที่มึงพูดวันนั้น” ชัย พูดบ้าง
“กูว่ายากหว่ะ แค่เข้าใกล้กูก็ว่ายากแล้ว พวก ไอ้วัฒน์ ล้อมหน้าล้อมหลังยังกะบอดี้การ์ด”
“กูเห็นใจมึงหว่ะ ปอ” สมชาย เอามือข้างหนึ่งจับไหล่ ปอ “แต่กูว่า มึงปล่อยเรื่องนี้ไว้นานเกินไปแล้ว เป็นกูนะ กูรวบหัวรวบหางมันไปตั้งนานแล้ว” สมชาย พูดแล้วยักคิ้วยิ้มกวนๆให้ ปอ
“นั่นดิวะ ไม่แน่นะ เป็นกูเรียบร้อยตั้งแต่ไปชะอำแล้ว” ศักดิ์ พูดพลางเอามือลูบคาง
ปอ หันไปมอง ชัย ที่หลบสายตาทำไม่รู้ไม่ชี้ ... ทำเป็นหลบสายตานะมึง เหน็บซะหน่อยเหอะวะ...
“พอดีที่ชะอำมีหมามาคอยเฝ้าหว่ะ กูเลยไม่มีโอกาส” ปอ พูดแล้วยักคิ้วให้ ชัย ที่หันมามองอย่างโกรธๆ