พิมพ์หน้านี้ - จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: บุหรง ที่ 28-03-2008 01:51:05

หัวข้อ: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 28-03-2008 01:51:05
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามโพสต์ข้อความที่ไม่เหมาะสมและเกิดความขัดแย้ง
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn หรือคบหาพูดคุยกันในเล้า
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0)

..........................................................
บทนำ

เคยไหมครับ...เมื่อคุณคิดถึงอดีตในวัยเรียน แล้วคุณก็รู้สึกขำกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับคุณในตอนนั้น
เคยไหมครับ...เมื่อคุณคิดถึงอดีตในวัยเรียน แล้วคุณก็รู้สึกเสียใจกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับคุณในตอนนั้น
เคยไหมครับ...เมื่อคุณได้รับรู้ถึงความจริงของเรื่องราวบางเรื่องที่เคยเกิดขึ้นกับคุณในวัยเรียน ซึ่งคุณเคยเข้าใจแบบหนึ่ง แต่ในความเป็นจริงมันไม่ได้เป็นเช่นนั้น
และที่สำคัญ...คุณได้รับรู้ในเวลาคนคนนั้นได้จากคุณไปแล้วอย่างที่ไม่สามมารถกลับมาหาคุณได้อีก ไม่ว่าในฐานะใดก็ตาม

...........................................................

เช้าวันจันทร์ ซึ่งเป็นวันหยุดงานตามปรกติของผม ( ผมทำงานพุธ-อาทิตย์ หยุดจันทร์-อังคาร) หลังจากทำกิจวัตรประจำวันช่วงเช้าเรียบร้อยแล้วผมก็อ่านหนังสือ ฟังเพลง พักผ่อนไปตามเรื่อง วันหยุดนี่ครับ ก็ต้องขอสบายซะหน่อย ปรกติผมก็อยู่บ้านพักผ่อนแบบนี้แหละครับ ยกเว้นช่วงที่มีงานเยอะ ผมก็ต้องหอบงานมาทำต่อที่บ้านบ้าง มีบางวันที่ผมอาจจะออกไปเดินซื้อหนังสือ หรือของใช้ต่างๆตามห้างสรรพสินค้าบ้างเป็นครั้งคราว

เหตุการณ์ต่างๆก็ปรกติครับ แต่พอช่วงบ่ายๆ ประมาณบ่ายโมงครึ่งของวันนั้น วันที่ ๑ เมษายน  ก็เกิดอาการแปลกๆขึ้นกับตัวผม หัวใจเต้นแรงผิดปรกติ หัวหมุนๆ แล้วก็ตามมาด้วยความรู้สึกคิดถึงใครบางคนอย่างรุนแรง ประมาณว่าต้องการจะพบคนคนนั้นให้ได้เดี๋ยวนั้นเลย  แต่มันก็ทำไม่ได้ครับ เพราะคนที่ผมกำลังคิดถึง ผมไม่รู้เลยว่า เค้าอยู่ที่ไหน จะติดต่อได้อย่างไร  จะโทรถามเพื่อนก็ลำบากครับ เพราะตอนนั้นบ้านผมยังไม่มีโทรศัพท์เลย ตู้โทรศัพท์ใกล้บ้านที่สุดก็ 2 ป้ายรถเมล์  ผมก็เลยคิดว่า เดี๋ยววันพุธไปทำงานจะลองโทรศัพท์ถามข่าวของ ปอ จากเพื่อนๆบางคนดู

ครับ ปอ คือคนที่ผมรู้สึกคิดถึงอย่างมากในตอนนั้น เป็นเพื่อนคนหนึ่งของผมที่รู้จักกันมาตั้งแต่เรียนชั้น ม.๑ พอเข้าเรียนในระดับมหาวิทยาลัยแล้วเราก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย จนกระทั่งถึงวันนี้ วันที่ผมรู้สึกคิดถึง ปอ อย่างมาก

หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ
เริ่มหัวข้อโดย: อาจารย์..สีฟ้า ที่ 28-03-2008 07:37:18
เจิมเรื่องใหม่ครับ...เรื่องนี้ถ้าทางจะเศร้า  :o12: :o12: :o12:

แต่ก็เป็นกำลังใจให้คนโพสต์นะครับ  :L2: :L2: :L2:



ปล.กรุณามาลงอย่างต่อเนื่องนะครับ เดี๋ยวคนรออ่านจะขาดใจซะก่อน  :a2: :a2: :a2:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 28-03-2008 07:43:19
คนที่สอง  :oni2: :oni2: :oni2: :oni2:
เนื้อเรื่องน่าสนุกดีค่ะ จะรออ่านนะ  :oni1: :oni1:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 28-03-2008 14:15:24
ทักทายๆ  :mc4:

เอ้า....ลงต่อโลด
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ ตอนที่ ๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 28-03-2008 19:16:57
๑ โรงเรียนใหม่-เพื่อนใหม

ผมสอบเข้าเรียนชั้น ม.๑ ได้ในโรงเรียนชายล้วนแห่งหนึ่ง ถึงแม้จะได้ชื่อว่าเป็นโรงเรียนวัด แต่ก็เป็นโรงเรียนที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆของประเทศเลยทีเดียว

โรงเรียนใหม่ทำให้ผมตื่นเต้นไม่น้อย จากชีวิตเด็กนักเรียนประถม ที่ต้องตื่นเรียนตรงเวลาแต่เช้าทุกวัน เพื่อรอรถรับ-ส่งนักเรียนของโรงเรียน ตกเย็นก็นั่งรถโรงเรียนกลับบ้าน มาเป็นเด็กนักเรียนชั้นมัธยมต้น ที่ต้องตื่นไปโรงเรียนให้ทันเวลาเรียน ซึ่งไม่ค่อยจะตรงกันนักในแต่ละวัน เพราะตอนนั้นโรงเรียนของผมแบ่งนักเรียนออกเป็นภาคเช้าและภาคบ่าย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่านักเรียนภาคบ่ายอย่างผมจะเข้าเรียนตอนบ่ายโมงหรอกนะครับ บางวัน ๙ โมงเช้า บางวันก็ ๑๑ โมง ก็เลยต้องรับผิดชอบตัวเองในเรื่องของเวลามากขึ้น

วันแรกๆของการเรียนก็วุ่นวายพอสมควรครับ ไหนจะเรื่องเวลาเรียนที่เปลี่ยนไป แล้วไหนจะเป็นเรื่องของห้องเรียนที่ต้องเปลี่ยนห้องเรียนทุกคาบอีก ตอนนั้นยังไม่มีห้องประจำครับ ต้องเดินเรียนตามห้องเรียนตามตึกต่างๆ อย่างห้อง ๓๒๗ ก็ต้องไปเรียนที่ตึก ๓ ชั้น ๒ ห้อง ๗  พอผ่านไปหลายวันก็เริ่มคุ้นเคยกับระบบต่างๆมากขึ้น แล้วก็รู้จักเพื่อนๆในชั้นเรียนมากขึ้นด้วย เริ่มมีการจับกลุ่มกันเป็นกลุ่มๆ ตามความสนิทสนม กลุ่มผมก็มีกันอยู่ ๗ คนครับ ในกลุ่มก็เป็นเด็กเรียนกันเป็นส่วนใหญ่ มีผมนี่แหละที่ออกจะแก่นๆกว่าใครในกลุ่ม ก็ไม่มอะีไรมากครับ ขี้เล่น ซุกซนไปวันๆตามภาษาเด็กที่ถูกเลี้ยงมาแบบลูกคนเล็ก แต่ผมไม่เล่นกีฬาที่เป็นพวกใช้ลูกบอล อย่าง เตะบอลเนี่ย ผมไม่เล่นครับ เพราะผมมีปัญหาเรื่องสายตา ตาผม ๒ ข้างสั้นไม่เท่ากันครับ ตาขวา ๔๐๐ ในขณะที่ตาซ้ายปรกติทุกอย่าง ทำให้ผมมีปัญหาเรื่องการกะระยะและการทรงตัวในบางครั้ง

แต่ใครอย่ามาชวนผมเล่นพวก บอลลูน ตี่จับ โดดหนังยาง เป่ากบ ลูกข่าง ดีดลูกหิน ทอยกอง ทอยเหรียญ หรือหมากรุกนะครับ ผมเล่นหมด โดยเฉพาะหมากรุกนี่ ของชอบครับ เล่นกับพวกผู้ใหญ่แถวๆบ้านบ่อยๆ ดีดลูกหินนี่ผมเซียนเลยนะครับ มาเล่นกับผม ระวังโดนกินหมดกระเป๋า หุ หุ หุ
 
มีคนรักก็ต้องมีคนชัง มีมิตรก็ต้องมีศัตรู มีเพื่อนเล่นก็ต้องมีคนคอยแกล้ง มันคือสัจจะธรรม ( หรือเปล่าหว่า........ )

การแกล้งกันมันก็เป็นเรื่องธรรมดาของเด็กอยู่แล้ว โดยเฉพาะเด็กผู้ชายในโรงเรียนชายล้วน การกลั้นแกล้งเล็กๆน้อยๆ อย่างเอากระดาษที่เขียนว่า –เชิญเตะฟรี-มาแอบแปะที่หลัง  การตบหัวกันเล่น ขัดขากัน อะไรเล็กๆน้อยๆแบบนี้มันก็เรื่องปรกติสำหรับผมเหมือนกัน ที่ทั้งโดนด้วยตัวเองและทำกับคนอื่น....จะโดนอยูฝ่ายเดียวได้ยังไง จริงมั๊ยครับ หุ หุ หุ แต่จะมีอยู่กลุ่มหนึ่งครับ ไม่รู้เหมือนกันว่าโกรธแค้นอะไรผมนักหนา แกล้งผมแบบที่ไม่มีเพื่อนคนไหนในชั้นเรียนทำขนาดนั้น ผมขอเรียกว่าขบวนมารเรนเจอร์แล้วกันครับ

ขบวนมารเรนเจอร์มีอยุ่ ๕ คนพอดี มี ศักดิ์ เป็นหัวหน้า ตามด้วย สิทธิ์ , สมชาย , ชัย  ๔ คนนี้ตัวสูงใหญ่กว่าผมครับ ผมสูงประมาณไหล่ของพวกนี้เอง คนสุดท้าย ปอ ครับ สูงพอๆกับผม ( ประมาณ ๑๖๐ มังครับตอนนั้น ) แต่ดูหนาๆกว่าหน่อยนึง  พวกนี้จะไม่เรียกชื่อผมตรงๆหรอกครับ เรียก ไอ้ติ๋ม , ไอ้ตุ๊ด , ไอ้แห้ง  , ไอ้เปียกปูน และอีกสารพัดชื่อแล้วแต่จะสรรหามาเรียก ทำไมผมถึงรู้ว่าสรรพนามพวกนี้หมายถึงผมน่ะเหรอครับ ก็แต่ละครั้งที่มาประชิดตัวผมน่ะสิครับ

ตัวอย่างพฤติกรรมของพวกนี้เล็กๆน้อยๆนะครับ

……………“ ไง ไอ้ติ๋ม การบ้านไม่เสร็จหรือไง มานั่งทำแต่เช้า”  จบคำ มือ ศักดิ์ ก็ตบลงผมหัวผม ไม่ใช่เบาๆนะครับ หน้าคะมำแทบจูบสมุดที่กำลังทำงานอยู่เลยครับ

……………“ เฮ๊ย! ไอ้ตุ๊ด ไมตัวแห้งอย่างนี้วะ มาดูหน่อยเด๊ะว่ารอบเอวเท่าไร” ชัย พูดเสร็จคว้าตัวผมไปกอด ผมก็ดิ้นซิครับ ยิ่งดิ้นมันยิ่งรัด กว่าจะหลุดออกมาได้ ....... พอหลุดออกมาผมก็โกยสิครับ

……………“ อิดำ  ไมเมิงตัวดำอย่างนี้วะ ไหนดูดิ ดำสนิทติดทนนานมะ”  ว่าแล้ว สมชาย ก็เอามือมาหยิกแก้มผม เจ็บชมัด

……………“กลิ่นไรตุ่ยๆวะ” สิทธิ์ พูดขึ้นเมื่อเดินผ่านเก้าอี้ที่ผมนั่งอยู่ “กลิ่นมาจากมึงแน่เลยไอ้เน่า ไหนมาพิสูจน์กลิ่นหน่อยดิ๊” ว่าแล้วสิทธิ์ก็กดไหล่ผมไว้ทางด้านหลัง ทำให้ผมที่เตรียมจะลุกหนีเมื่อได้รับสัญญาณอันตราย ต้องนั่งลงไปกับเก้าอี้เหมือนเดิม แล้วผมก็รู้สึกชื้นๆที่แก้มขวา ตามมาด้วยแก้มซ้าย อึ๊ยยยยยยยยยยยยยยยยย......น้ำลายเต็มหน้าเลย  “เหม็นฉิบหายเลยว่า สงสัยไม่ได้อาบน้ำตั้งแต่เมื่อวาน ฮ่าๆๆๆๆๆๆ” แล้ว มันก็เดินไปเข้ากลุ่ม หัวเราะกันหน้าระรื่นเชียว มองไปรอบๆ หัวเราะกันใหญ่ เออ...ดีนะ ว่าแล้วก็วิ่งไปล้างหน้าครับ กลัวขี้กลากขึ้น

รายสุดท้ายครับ ปอ ชอบจับมือผมไปบีบแรงๆครับ แถมมักเป็นในชั่วโมงเรียนด้วย คาบไหนมานั่งเรียนข้างๆนะครับ เตรียมโดนได้เลย จะว่ามันก็เป็นในชั้นเรียน กลัวโดนครูดุหาว่าเล่นกันในห้องเรียน ปอ เลยยิ่งได้ใจครับ มีวันนึง ผมเจ็บจนน้ำตาซึมเลย เคยมั๊ยครับ โดนบีบให้กระดูกข้อนิ้วมันบดๆกัน เจ็บชมัดเลย

“สำออยนะมึง แค่นี้ทำน้ำตาซึม” ปอ พูดกับผมเบาๆ เพราะครูกำลังสอนอยู่
“ก็มันเจ็บ บีบซะมือจะหักอยุ่แล้ว” ผมตอบมันไปเบาๆตอนที่มันผ่อนแรงบีบลง
 “แล้วเสือกทำเก่งนะมึง ไม่ร้องซะแอะ” มันยิ้มกวนๆ
“อยากให้ร้อง แล้วโดนครูเรียกทำโทษทั้งคู่เหรอไง”นั่นแหละครับ ปอ ถึงนึกได้ว่ากำลังอยู่ในชั่วโมงเรียน จึงได้หันไปฟังครูสอนต่อ

...................................................................
......................................

ความจริงในกลุ่มเพื่อนผมก็มีอีก ๒ คนนะครับ ที่โดนขบวนมารเรนเจอร์เหม็นหน้าเอา แล้วก็โดนมันกระทบกระเทียบด้วยวาจาอยู่บ่อยๆ  คือ ตุ่ม กับ เต่า แต่.....................เอ๊ะ!............................เดี๋ยวก่อน แหม่งๆและ.............ทำไมผมถึงโดนประทุษร้ายทางร่างกายอยู่คนเดียวละนี่ ..... ไหนว่าผมทั้งดำ ทั้งผอม ตัวก็เหม็น หน้าตาก็อัปลักษณ์ แล้วมายุ่งอะไรกับผมนัก  มีขาว ตี๋ หน้าใสให้เลือกอีกตั้ง ๒ คน ถ้าแบบมีเนื้อนิดๆ แก้มแดงๆก็เจ้าตุ่ม ถ้าชอบแบบตัวเล็กๆดูคิขุน่ารัก ก็เจ้าเต่าไง ทำไมมารุมผมอยุ่คนเดียว อ๊า..........ไม่ยุติธรรมครับ

ทำใจครับ ขนาดในละครโทรทัศน์ที่ผมดู  คนน่ารักถึงจะมีคนทะนุถนอม........ส่วนคนอัปลักษณ์มักจะมีแต่คนรังเกียจและกลั่นแกล้ง



หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ เพิ่มเติม ตอนที่ ๑
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 28-03-2008 20:52:17
โรงเรียนวัดเทพศิรินทร์อ๊ะป่าวเนี่ย คึึคึ  :L2:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ เพิ่มเติม ตอนที่ ๑
เริ่มหัวข้อโดย: anna1234 ที่ 28-03-2008 21:18:12
 :m12: โอ้โห เจัแน๋วเก่งแท้โว๊ยอ่านนิดเด่ยวรู้เลย
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ เพิ่มเติม ตอนที่ ๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 28-03-2008 21:35:56
โรงเรียนวัดเทพศิรินทร์อ๊ะป่าวเนี่ย คึึคึ  :L2:
ไม่ใช่ครับ สมัยที่ผมเรียนอยู่ เทพศิรินทร์นี่โรงเรียนคู่อริกันครับ  :laugh:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ เพิ่มเติม ตอนที่ ๑
เริ่มหัวข้อโดย: อาจารย์..สีฟ้า ที่ 28-03-2008 21:42:01
ป้าแน๋วๆๆ โรงเรียนเทพศิรินทร์....เฉยๆครับ ไม่มีคำว่า" วัด " นี้หละหนาแก่แล้วแก่เลยจริงๆๆ ( จะโดนป้าแน๋ว ต....บ มั้ยละนี้ตรู )   :laugh: :laugh: 

แต่สุภาพบุรุษลูกแม่รำเพย ขึ้นชื่อว่าหล่อนะ  อิอิ   :oni2: :oni2: แต่คงสู้ รร.....................ไม่ได้หลอก

ถ้าโรงเรียนชายที่เป็นวัด มี 3 โรงฯ " รร.วัดบวรนิเวศ , รร.มัธยมวัดมกุฏกษัตริย์  , รร.มัธยมวัดสุทธิ" เน้อ   แล้วตกลงคุณน้องอยู่ รร.ไหนครับ แต่ขอเดาว่า มัธยมวัดมกุฏกษัตริย์  อิอิ  :oni3: :oni3: :oni3:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ เพิ่มเติม ตอนที่ ๑
เริ่มหัวข้อโดย: anna1234 ที่ 28-03-2008 21:59:51
 :laugh: น้องตกลงอยู่โรงเรียนไรอ่ะ บอกจารย์แกหน่อย เด่ยวแกตามไปผิดโรงเรียนมันจายุ่งนา
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ เพิ่มเติม ตอนที่ ๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 28-03-2008 22:05:46
ถ้าโรงเรียนชายที่เป็นวัด มี 3 โรงฯ " รร.วัดบวรนิเวศ , รร.มัธยมวัดมกุฏกษัตริย์  , รร.มัธยมวัดสุทธิ" เน้อ   แล้วตกลงคุณน้องอยู่ รร.ไหนครับ แต่ขอเดาว่า มัธยมวัดมกุฏกษัตริย์  อิอิ  :oni3: :oni3: :oni3:
โหรู้จริงอะ.....แต่เดาผิดครับ  :laugh:
เดี๋ยวกลางๆเรื่อง มีฉากท่าเรือข้ามฟากแม่น้ำเจ้าพระยาในซอยข้างๆโรงเรียนครับ
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ เพิ่มเติม ตอนที่ ๒
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 29-03-2008 20:10:44
๒ ห้องสมุด

การก่อกวนของพวกขบวนมารเรนเจอร์ยังคงมีมาเรื่อยๆ ถึงผมจะพยามอยู่ท่ามกลางกลุ่มเพื่อนๆที่สนิทกัน แต่ก็ใช่ว่าจะอยู่ด้วยกันตลอดเวลา อย่างวันนี้ ราญ , จก , ต่อ , กร ไปเตะบอลกันหมด เหลือ ผมกับ ตุ่ม และ เต่า เพียง ๓ คนนั่งทำงานกันอยู่ที่โต๊ะข้างสนาม ซึ่งกองเต็มไปด้วยกระเป๋าของเพื่อนๆที่ลงไปเตะบอลกันอยู่

เก่งกันจริงๆ ผมคิดในใจ บอล ๑๐ กว่าลูกอยู่ในสนามเดียวกัน เตะรับ-ส่งกันไม่มีผิดทีม ฮ่าๆๆๆๆๆๆ

“ทำไรกันวะ ๓ ตัวนี่ ไม่ออกไปเตะบอลออกกำลังกันมั่ง เดี๋ยวก็ง่อยแดกหรอก” มาแล้วครับขบวนมารเรนเจอร์ เสียง ศักดิ์ นำมาก่อนเลย
“กูว่ามันกลัวดำหว่ะ ยกเว้นอิดำนี่ ทั้งดำทั้งแห้งอย่างนี้ วิ่งตามบอลไม่ไหวหรอกหวะ ฮ่าๆๆๆ”
“วิ่งไหว แต่ตาสั้น มองไม่เห็นบอล” ผมตอบสวน สมชาย ออกไป
“อ้าว สายตาสั้นเหรอจ๊ะ ไหนมาดูดิ๊ นอกจากสายตาสั้นแล้วมีอะไรสั้นอีกรึเปล่า” สิทธิ์ พูดจบก็ล็อคแขนผมทางด้านหลังเลยครับ ดิ้นไม่หลุดครับผม นั่งอยู่ โดนลอคแขนอย่างนี้ใบ้กินเลย แล้วนี่มันลอคแขนจะทำอะไรผม มองไปทางฝั่งตรงข้ามของโต๊ะ ตุ่มกับเต่า หายไปไหนแล้ว อีก ๔ คนที่เหลือเริ่มล้อมเข้ามาแล้วครับ สายตามันพิกล ผมเห็นแล้ว งง ไม่เข้าใจว่ามันจะทำอะไรกัน

“นี่ๆ ศักดิ์ เราว่าพวกนายปล่อย ตั้ม มันก่อนดีกว่า มีครูเดินมาโน่นแล้ว เดี๋ยวนึกว่าพวกเราชกต่อยกันแล้วจะโดนดุ”  ราญ นั่นเอง ที่เดินเข้ามาแล้วพูดกับพวกศักดิ์ แล้วก็ชี้มือไปทางมุมตึกไม่ห่างนัก มีครูท่านหนึ่งกำลังเดินมาทางนี้พอดี
“เฮ๊ย ไปหาไรกินที่โรงอาหารดีกว่าหว่ะ” แล้วสิทธิ์ ก็ปล่อยตัวผม เดินกอดคอ ศักดิ์ไปทางโรงอาหาร มีอีก ๓ คนที่เหลือเดินตามไป

“เป็นไงมั่ง ตั้ม เจ็บรึเปล่า มันทำไรมั่ง” จก ที่เดินตามมาที่หลังพร้อม ตุ่ม กับ เต่า ถามยิ้มๆ
“ถามเพราะเป็นห่วงหรืออยากรู้แน่วะ ยิ้มแบบเนี๊ย...” คราวนี้เจ้าจก หัวเราะเลยครับ ผมเห็นเพื่อนหัวเราะก็เลยหัวเราะตามไปด้วย “ไม่เป็นไรแล้ว ช่างมันเหอะ แบบนี้ประจำอยู่แล้ว ขอบใจนะ ราญ ขอบใจ จก ด้วยที่เป็นห่วง”
“อ้าว ....... แล้วไม่ขอบใจพวกเรา ๒ คนเหรอ” เต่า ถามยิ้มๆ ผมก็รู้ว่าสองคนนี้ถามไปอย่างนั้นแหละ ไม่ได้อยากให้ขอบใจจริงจังนักหรอก
“ขอบใจดิ ขอบใจนาย ๒ คนด้วย  ทีแรกกะว่าจะด่าแล้วว่าหายไปไหนกันหมด ทิ้งเราไว้คนเดียว นึกว่าจะแย่ซะแล้วไม่รู้มันจะทำอะไรเรา ขอบใจหว่ะเพื่อน” ก็ที่สองคนมันหายไป เพราะมันไปเรียก ราญ กับ จก นั่นเองครับ
“อ้าว....แล้วตกลงนี่ไม่รู้เหรอว่ามันจะทำอะไรนายเมื่อตะกี้นี้น่ะ”  ตุ่ม ถามขึ้นมา
“จะรู้ได้ไงอะ....มาแปลกขึ้นทุกวันพวกนี้ นายรู้เหรอ พวกนั้นจะทำอะไรเราเหรอ” ผมยื่นหน้าไปถามด้วยความสงสัย
“ก็...................................” ตุ่ม อึกอัก
“เมื่อกี้ทำอะไรถึงไหนแล้วล่ะ ตั้ม” ราญ พูดขัดขึ้นมา “ จก เรามานั่งทำการบ้านกันดีกว่า  ขี้เกียจไปเตะบอลแล้ว”
แล้วพวกเราก็นั่งทำการบ้านของวิชาที่เรียนไปเมื่อคาบเช้ากัน จนกระทั่งออดบอกเวลาเรียนของคาบวิชาต่อไปดังขึ้น

..........................................

คืนนั้น ผมก็คิดว่า มีที่ไหนบ้างที่ผมพอจะหลบพวกขบวนมารเรนเจอร์ได้ แล้วสามารถนั่งทำงาน หรืออ่านหนังสือเตรียมการเรียนได้ แล้วผมก็ค้นพบครับ......................ห้องสมุด

ใช่แล้วครับ  ห้องสมุด งดใช้เสียง โปรดเงียบ

วันรุ่งขึ้น พอผมไปถึงโรงเรียน ยังอีกนานครับกว่าจะได้เวลาเข้าเรียน แทนที่ผมจะไปยังโต๊ะรวมพลของชั้นเรียนเหมือนเคย ผมตรงไปที่ห้องสมุดเลยครับ พอออดบอกหมดเวลาเรียนของคาบวิชาที่ผ่านมาดังขึ้น ผมมีเวลา ๑๐ นาทีที่จะไปยังห้องเรียนที่จะต้องเรียนคาบวิชาต่อไป เหลือเฟือครับ เหนื่อยแค่พอลิ้นห้อย จากชั้น ๖ ของตึก ๗ ชั้น มาชั้น ๓ ของตึกติดๆกัน พอพักกลางวัน หลังจากที่ทานข้าวกับเพื่อนๆเสร็จ ผมก็ตรงไปห้องสมุดอีกครั้งหนึ่ง แล้วก็มาเข้าชั้นเรียนเมื่อถึงเวลาเหมือนช่วงเช้า คาบวิชานี้ ตุ่ม กับ เต่า มานั่งขนาบข้างผม ถามกันใหญ่ว่าผมหายไปไหนมาตอนกลางวัน

“อยู่ห้องสมุดอะ เอาการบ้านไปนั่งทำ แล้วก็หาหนังสืออ่านด้วย เพลินดี” ผมพูดไปยิ้มไปเหมือนเคย
“เหรอ ดีเหมือนกันนะ ไว้ไปด้วย” เต่าบอก
“ครูมาแล้ว เรียนๆๆๆๆ” ตุ่มหันมาบอก

“นักเรียนเคารพ” ราญ หัวหน้าห้อง บอกให้พวกเราทำความเคารพครูที่เข้ามาสอน
“สวัสดีครับคุณครู”
.............................................
..............................
....................
.............
......
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ เพิ่มเติม ๒๙ มีนาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: อาจารย์..สีฟ้า ที่ 29-03-2008 22:01:03
เข้ามาติดตาม :a2: และเป็นกำลังใจให้เหมือนเดิมครับ   :L2: :L2: :L2:

ปล.งั้นเดาใหม่ ว่า " รร.มัธยมวัดสุทธิ ฯ "  อิอิ  
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ เพิ่มเติม ๒๙ มีนาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 29-03-2008 22:13:16
มีท่าเรือข้างโรงเรียน แบบนีม่ายต้องเดาแย้วววมังค๊าบบบบบบบบบบบบ

 :laugh:

ขอบคุณทุกกำลังใจค๊าบบบบ  :oni2:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ เพิ่มเติม ๒๙ มีนาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: anna1234 ที่ 29-03-2008 22:38:37
 :oni2:รอนะน้อง
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ เพิ่มเติม ๒๙ มีนาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: zeazaiz ที่ 30-03-2008 02:36:19
รออ่านต่อจ่ะ :oni1:

ชอบนะค้าเนี่ย เขียนเลขไทยทุกตัวเลย
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ เพิ่มเติม ๒๙ มีนาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 30-03-2008 09:01:10
เข้ามาติดตาม :a2: และเป็นกำลังใจให้เหมือนเดิมครับ   :L2: :L2: :L2:

ปล.งั้นเดาใหม่ ว่า " รร.มัธยมวัดสุทธิ ฯ "  อิอิ  

แหม รู้สึกว่าจะเชี่ยวชาญเรื่อง รร.มัธยมชายล้วนเหลือเกินนะ  :m12: :m12:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ เพิ่มเติม ๒๙ มีนาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: อาจารย์..สีฟ้า ที่ 30-03-2008 09:12:21

แหม รู้สึกว่าจะเชี่ยวชาญเรื่อง รร.มัธยมชายล้วนเหลือเกินนะ  :m12: :m12:

บร้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ พี่ทิพย์ก้อ  เค้าเขินหมด  :o8: :o8: :o8: :o8: ที่จริงก็เชี่ยวชาญอยู่ รร.เดียวแหละ   :m1: :m1: :m1: :m1:


ปล.แล้วเมื่อไหร่เจ้าของเรื่องจะมาลงต่อเนี้ย :a2: :a2: :a2:  รออยู่หนา  
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ เพิ่มเติม ๒๙ มีนาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: anna1234 ที่ 30-03-2008 10:01:20

แหม รู้สึกว่าจะเชี่ยวชาญเรื่อง รร.มัธยมชายล้วนเหลือเกินนะ  :m12: :m12:

บร้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ พี่ทิพย์ก้อ  เค้าเขินหมด  :o8: :o8: :o8: :o8: ที่จริงก็เชี่ยวชาญอยู่ รร.เดียวแหละ   :m1: :m1: :m1: :m1:


ปล.แล้วเมื่อไหร่เจ้าของเรื่องจะมาลงต่อเนี้ย :a2: :a2: :a2:  รออยู่หนา  
:o9: มันใช่ฤจารย์ เห็นรอบรู้ไปหมด คุณน้องขาพี่รอหนูอยู่นะจ๊ะ ต่อๆน้อง
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ ตอนที่๓ / ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 31-03-2008 20:02:46
 :pig4: ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณกำลังใจจากทุกคนนะครับ  และต้องขอโทษด้วยหากว่าการอัฟเดทช้าไปบ้าง ของแจงสาเหตุเป็นข้อๆนะครับ
๑) เวลางานของผมไม่แน่นอนครับ บางทีมีโทรศัพท์มาตามก็ต้องไปทันที  :o บางครั้งจึงขาดช่้วงในการเขียนไป ต่อไม่ค่อยติด ต้องใช้เวลานิดนึง
๒) ผมตรวจต้นฉบับหลายรอบครับ  :o8: เพราะเมื่ออ่านแล้ว ตัวเองจะต้องไม่รู้สึกว่ามันขัดๆตรงไหนในเรื่องการใช้คำต่างๆ จะได้ไม่ต้องมาแก้ไขหลังจากที่ลงไปแล้ว ซึ่งอาจทำให้ผู้อ่านสับสนได้
๓) เหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในเรื่อง มันมีบางอย่างที่ผมอุบไว้ ไม่ได้เล่าในตอนที่เกิดเหตุการณ์นั้น แต่จะมาเปิดเผยสิ่งที่เก็บซ่อนไว้ ของเรื่องนั้นๆ ในอีกหลายตอนข้างหน้า ดังนั้น ผมต้องคอยตรวจย้อนไปย้อนมา ว่าเนือหาที่เขียนผ่านมา พอดีกับเนื้อหาของตอนที่เีขียนต่อมาหรือไม่ อย่างเช่นในตอนที่ ๓ ที่จะนำมาลงต่อนี้ จะมพฤติกรรมีบางอย่างของตัวละครบางตัว ไปสอดคล้องกับบางพฤติกรรมของตัวละครตัวอื่นในตอนที่ ๙ หรือบาง เหตุการณ์ในตอนนี้ ที่ผมไม่ได้เขียนรายละเอียด แต่จะไปเอ่ยถึงในประมาณตอนที่ ๑๓  :serius2:
ดังนั้นผมจึงต้องขออภัยล่วงหน้าครับ หากว่าบางครั้งผมมาอัฟเดทช้าไปบ้าง ขอบคุณทุกท่านครับ :pig4:
(ขนาดคำนำก่อนอัฟเดทแค่นี้ ผมยังต้องอ่านทวนตั้ง ๑๐ กว่ารอบ  :laugh: )
................................................................................
๓ มือกับสัมผัสที่แตกต่าง

แล้ววันต่อๆมา ผมก็มีเพื่อนมานั่งที่ห้องสมุดเป็นเพื่อน ก็คือ ตุ่ม กับ เต่า บางวันพวก ราญ , จก , ต่อ , กร ก็จะมานั่งทำงานหรืออ่านหนังสือด้วย แต่ก็ไม่บ่อยนัก การตามล่าสัตว์ประหลาดของขบวนมารเรนเจอร์ ก็ดูเหมือนจะลดน้อยลง คงเพราะเจอกันแต่ในชั้นเรียน พอออกมานอกห้องเรียนก็ไม่ได้เจอกันบ่อยเหมือนที่เคย แล้ววันหนึ่ง ผมก็โดน ๑ ในขบวนการเข้ามาประชิดตัวจนได้

คาบเรียนสุดท้ายของวัน ปอ รี่เข้ามานั่งเรียนที่โต๊ะติดกันทางด้านขวาของผม  รังสีอำมหิตแผ่กระจายออกมาจากตัวมันเลยครับ ผมนึกอยู่ในใจแย่แน่คราวนี้ จะโดนมันแกล้งอะไรแปลกๆรึเปล่า หน้าตามันเอาเรื่องซะขนาดนั้น แต่เหตุการณ์ปรกติครับ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นจนหมดคาบเรียนวิชานั้น ผมก็โล่งอก เราคงคิดมากไปเอง คิดขอโทษ ปอ ในใจ ที่ระแวงไป พอคุณครูออกจากห้องแล้ว เพื่อนๆก็ทยอยกันออกไปแยกย้ายกันกลับบ้าน ผม กำลังเก็บของลงเป้ กำลังจะหยิบเป้สะพายบ่า ปอ ก็ คว้ามือขวาผมไปบีบเหมือนอย่างที่เคยทำกับผมบ่อยๆ  กระดูกข้อนิ้วผมบดกันไปมา เจ็บครับ เจ็บ

“กลางวันหายไปทำอะไรที่ไหน บอกมา” ปอ ถามผมเสียงดุๆ มือซ้าย ปอ ก็บีบมือขวาผมแรงขึ้น
“.................................”
“เงียบทำไม ไม่ได้ยินเหรอที่ถามน่ะ เมื่อกลางวันหายไปไหนมา เมื่อเช้าก่อนเข้าเรียนด้วย มาแต่เช้าแล้วหายไปไหน”
“ปอ เอ็งบีบมือมันซะขนาดนั้น ตั้ม มันเจ็บจนพูดไม่ออกแล้ว ปล่อยมือมันก่อน” ตุ่ม เข้ามาห้ามทัพ
“อ้าวเจ็บเหรอ ... เห็นเงียบ ... ไม่น่าเจ็บนี่ ถ้าเจ็บต้องร้องแล้วสิ” ถึงจะพูดแบบนั้น แต่ ปอ ก็ปล่อยมือผมแต่ยังไม่เลิกทำหน้าดุ
“ที่บ้านสอนไว้ เวลาเจ็บอย่าร้องโวยวายเป็นพวกไพร่ เหมือนไม่มีคนอบรมสั่งสอน” ผมตอบไปเฉพาะคำถามสุดท้าย
“เออ...อีผู้ดี แล้วตกลงหายไปไหนมา ทั้งเช้า ทั้งกลางวัน”
“ทำไมต้องบอกนายด้วย เราไปไหนมันเรื่องของเรา” เรื่องอะไรจะบอก ถ้าเกิดพวกนี้ตามไปถึงห้องสมุด ผมไม่แย่เหรอ
“อ้าว..........อีนี่ ไม่บอกใช่มั๊ย เดี๋ยวเจ็บ” พูดจบ ปอ ก็คว้ามือผมไปบีบอีก คราวนี้ทั้ง ๒ มือเลย บีบแรงกว่าทีแรกอีก ผมเจ็บจนกัดริมฝีปากตัวเองเลยครับ แต่ยังคงไม่มีเสียงอะไรลอดออกมาจกปากผม นอกจากน้ำตาที่เริ่มซึมเพราะความเจ็บ
“เฮ๊ย ปอ มึงกะจะบีบให้กระดูกมือ ตั้ม มันแตกเลยใช่มั๊ย ดูซิ ตั้ม มันเจ็บจนหน้าแดงไปถึงหูถึงคอแล้ว” ราญ เข้ามาห้าม ปอ อีกคนหนึ่ง ตอนนั้นในห้องเหลือกันอยู่ ๔ คนเท่านั้น
“ตั้ม มันไปนั่งอ่านหนังสือที่ห้องสมุด ไม่ได้ไปไหนกับใครหรอก”ตุ่ม บอกออกไป ผมฟังแล้ว งง งง ไปไหนนี่เข้าใจ แต่กับใครนี่ แปลว่าอะไร   -*-
“อื้อ มันอยู่ที่ห้องสมุดตลอดแหละ ปอ บางทีพวกเราก็ไปนั่งทำงานกับ ตั้ม มันที่ห้องสมุดนั่นแหละ”ราญ บอกย้ำให้ ปอ ฟัง
“จริงรึเปล่า”
“..................................”
“ทำไมไม่ตอบวะ เดี๋ยวกูบีบมือหัก” ปอ ตวาดใส่ผม
“เอ็งก็ปล่อยมือกันก่อนสิ ปอ มันเจ็บจนน้ำตาซึมแล้ว ต่อให้มันอยากตอบ มันก็พูดไม่ออกหรอก เจ็บขนาดนั้น”
“ชิ.......เรื่องแค่นี้ทำเป็นลับลมคมใน” ปอ ปล่อยมือผม “กลับบ้านดีกว่าเว๊ย หมั่นไส้อีพวกผู้ดี” ปอ พูดจบก็หันไปหยิบเป้สะพายแล้วออกจากห้องไป

พอ ปอ ออกจากห้องไป ผมน้ำตาไหลเลยครับ ทั้งเจ็บ ทั้ง งง คิดแต่ว่าทำไมต้องมาหาเรื่องกัน กระทั่งการที่ผมไปนั่งอยู่ที่ห้องสมุด ผมหายไป มันน่าจะดีใจมากกว่าที่เห็นผมไม่อยู่ให้รำคาญลูกตา

“เราว่าไปหาน้ำแข็งปะคบมือหน่อยดีกว่านะ ดูซิ เหมือนจะช้ำเป็นจ้ำๆเลย ไปล้างหน้าล้างตาก่อน แล้วไปโรงอาหารกัน” ราญ พูดขึ้น พลางหยิบเป้ผมมาสะพายบ่าให้ แล้วก็จูงมือผมไปล้างหน้า จากนั้นก็ไปโรงอาหาร ขอน้ำแข็งจากร้านขายน้ำมาห่อผ้าเช็ดหน้า ประคบมือให้ผม โดยที่มี ตุ่ม ยืนมองอยู่ข้างๆ

“อย่าไปโกรธ ปอ มันเลย ไงก็เพื่อนห้องเดียวกัน” ตุ่มพูดเบาๆ
“ทำแบบนี้จะไม่โกรธได้ไง แต่ช่างเหอะ เดี๋ยวก็คงหายโกรธ”ผมพูดเสียงอ่อยๆหน้าสลด “โกรธน่ะไม่เท่าไหร่หรอก  แต่เราไม่เข้าใจ ทำไมต้องทำกับเราแบบนี้”ผมพูดต่อเบาๆ ขณะที่ยังคงก้มหน้ามองมือของตัวเองที่ ราญ กำลังเอาน้ำแข็งปะคบให้อยู่ โดยที่ไม่รู้เลยว่า ราญ กับ ตุ่ม หันไปมองหน้ากันแล้วส่ายหน้าให้กับความไม่เดียงสาของผม

อืม......มีคนมาลูบมือเบาๆนี่มันรู้สึกดีเน๊อะ ผมนึกในใจ แล้วผมก็เงยหน้า ผมก็เห็นสายตาของ ราญ ที่มองมาที่ผมนั้นเหมือนกับสายตาของพี่ๆที่คอยพยาบาลผมเวลาที่ไม่สบายจนถึ่งขั้นต้องนอนซมอยู่กับนเตียง ผมก็เลยยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดีให้ ราญ “ขอบใจนะ ราญ” ผมพูดออกไปเบาๆ
ราญเห็นผมยิ้มแบบนั้น ก็ยิ้มแล้วตอบกลับมา “ไม่เป็นไร น้องชายทั้งคน แค่นี้เรื่องเล็ก” ราญ มักเรียกผมเป็นน้องชายครับ เพราะผมอายุน้อยกว่า ราญ เกือบขวบปี แล้วตัวก็เล็กกว่า ราญ มาก ผมสูงแค่ไหล่ ราญ เองครับ
“เปลี่ยนอารมณ์ง่ายจริงนะนาย เมื่อกี้ยังทำท่าจะร้องไห้อยู่เลย ตอนนี้หน้าระรื่นแล้ว บอกตรงๆนะ บางทีพวกเราตามอารมณ์นายไม่ทันเลยหว่ะ ” ตุ่ม พูด แล้วเราสามคนก็หัวเราะขึ้นพร้อมกัน
..................................................................................

วันรุ่งขึ้น ผมมีเรียนตอน ๙ โมงเช้า แต่ผมตื่นสายกว่าที่ตั้งใจไว้ พอไปถึงโรงเรียนก็ได้เวลาเข้าเรียนพอดี พอผมไปถึงห้องโสตฯที่ต้องใช้เรียนในคาบวิชานี้ ผมก็รู้สึกถึงสายตาพิฆาตจาก ปอ ที่มองมาจากเก้าอี้แลคเชอร์หลังห้องทางด้านขวาใกล้ๆกับประตูทางหลังห้อง ผมมองหา ตุ่ม กับ เต่า ทางกลางๆห้องก็ไม่เจอ มองไปก็เห็น ๒ คนนั่งอยู่แถวกลางๆ ทางซ้ายมือของห้อง แล้วก็เห็น จก กวักมือเรียกให้ไปนั่งตรงเก้าอี้ที่ว่างอยู่ติดกับ ราญ ผมก็รีบเข้าไปนั่ง เพราะเห็นคุณครูท่านกำลังเดินมาพอดี ปรากฏว่า คาบวิชานั้นผมเรียนไม่รู้เรื่องเลยครับ ทำไมน่ะหรือครับ.......................

ผมสายตาสั้นไงครับ โดยเฉพาะตาขวา พอไปนั่งมุมซ้ายของห้อง กระดานดำจะอยู่ทางขวาของผม ผมมองกระดานดำไม่ได้ทันทีครับ เพราะซีกขวาผมจะเบลอๆมัวๆไปหมด เวลาที่มีอะไรขึ้นกระดานดำ ผมจะจดไม่ได้เลย ในส่วนที่ครูอธิบายด้วยปากเปล่า ผมก็จดไม่ทันครับ.............................เพราะผมปวดมือ

พอหมดคาบเรียนวิชานั้น ผมเลยขอยืมสมุดจดงานของ ราญ ตั้งใจว่าจะไปนั่งลอกที่ห้องสมุด เพราะคาบเรียนต่อไปเริ่มเรียนตอน ๑๑ โมง มีเวลาเกือบ ๑ ชั่วโมง พอได้สมุดจาก ราญ ผมวิ่งตื๋อไปห้องสมุดเลยครับ หาที่ว่างนั่งแล้วตั้งหน้าตั้งตาลอกเนื้อหาจากสมุดจดงานของ ราญ ลงสมุดจดงานของผม จดไปนึกไป ราญ นี่จดได้ละเอียดจริงๆ ขนาดครูท่านไอ ๒ ที ยังมีในสมุดเลยเนี่ย แค๊กๆ จดลงไปได้ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ ผมนั่งลอกไปยิ้มไป

สักพักก็เหมือนมีคนมาดึงเก้าอี้ตัวข้างๆออกจากโต๊ะ แล้วก็มีคนนั่งลงไปบนเก้าอี้ ผมก็ไม่ได้สนใจครับ เพราะตอนนั้นสมาธิแน่วแน่อยู่ที่สมุดตรงหน้า  คิดอยู่แต่ว่าจะต้องลอกให้เสร็จก่อนเข้าเรียนคาบวิชาต่อไป จะได้คืนสมุดจดงานให้ ราญ สักพักก็มีเสียงพูดขึ้นมาเบาๆจากคนที่เข้ามานั่งข้างๆผม เสียงแผ่วๆเหมือนกระซิบ
“อยู่ห้องสมุดจริงๆเหรอเนี่ย แล้วเมื่อเช้าหายไปไหน มาดูที่ห้องสมุดไม่เห็นเจอ แล้วนี่มันวิชาของคาบเมื่อกี้นี่ มานั่งลอกทำไม ทุกทีเห็นจดทัน ทำไมวันนี้ต้องไปเอาของคนอื่นเค้ามานั่งลอก”
ผมได้ยินก็เลยเงยหน้าขึ้นมอง ว่ายุงตัวไหนมาบินทำเสียงหึ่งๆอยุ่ข้างหู.................... ปอ นั่นเองครับ

“....................................” ผมมองหน้ามัน งง งง “พูดธรรมดาก็ได้ทำไมต้องทำเหมือนกระซิบ นึกว่ายุงที่ไหนมาบินอยู่ข้างๆหู” กวนเล็กๆครับ ไม่ทันได้คิดอะไร เพราะปรกติผมคิดอย่างไรก็พูดไปอย่างนั้น แต่ปอมันยิ้มครับ แล้วพูดกับผมเบาๆ ด้วยน้ำเสียงเป็นมิตรกว่าปรกติ
“ก็ห้องสมุด มันงดใช้เสียงนี่” เออ นะ.....มีเล่นมุก ผมขำเลยครับ เผลอหัวเราะแล้วยิ้มกว้างๆออกไป
“แล้วเมื่อกี้ ถามไรเราอะ ฟังไม่ถนัด”ผมถามถึงคำถามยาวๆในตอนแรกของ ปอ
“เมื่อเช้าทำไมไม่เห็นอยู่ในห้องสมุดเลย แล้วที่นั่งลอกอยู่นี่มันวิชาเมื่อกี้ จดไม่ทันเหรอไง” ปอ พูดขึ้นหลังจากนิ่งมองหน้ายิ้มๆของผมอยู่สักพัก
“เมื่อเช้าตื่นสาย มาถึงโรงเรียนก็ได้เวลาเข้าเรียนพอดี” ผมตอบไป “แล้ววิชาคาบเมื่อกี้จดไม่ทัน ก็เลยยืมสมุดจดงาน ราญ มาลอก”ผมยังคงยิ้มตอบ ปอ ไปดีๆครับ เพราะนิสัยผม ใครพูดกับผมเพราะๆ ผมก็จะพูดเพราะด้วย ถ้ามาตวาดใส่ ผมจะเงียบหรือไม่ก็ตวาดกลับไปเหมือนกัน
“ทำไมตื่นสาย ทุกทีเห็นมาก่อนเวลาเรียนตั้งนาน แปลว่าปรกติตื่นเช้า” ปอ ทำหน้าดุ แต่ยังพูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นมิตรเหมือนตอนแรก
“เมื่อคืนแพ้อากาศ มีไข้ด้วย พอกินยาเข้าไปมันก็หลับเพลินอะ เลยตื่นสาย” ผมอธิบาย ( ผมเป็นโรคภูมิแพ้อากาศ พออากาศเปลี่ยนผมจะมีไข้ น้ำมูกไหล ต้องมีกระดาษชำระพกติดกระเป๋าตลอดเวลา อย่างน้อย ๑ ม้วนครับ ใช่ครับ ๑ ม้วน เพราะบางวันเป็นมากๆนี่ไม่พอนะครับ ต้องขอ ๒ )
“แล้วเรื่องสมุดล่ะ ทำไมจดไม่ทัน”
“........................................” ผมก้มหน้าเงียบครับทีนี้ ไม่อยากบอก

ปอเห็นผมเงียบ ก็เลยเอามามาแตะหน้าผาก แล้วเอาหลังมือมาแตะๆที่คอผม ผมเงยหน้ามอง ปอ แบบ งง งง ปอมองหน้าผมยิ้มๆ
“ไข้ไม่มีแล้วนี่ ไหนเอามือมาดู” ปอ พูดเบาๆ แล้วก็หยิบเอาปากกาในมือขวาผมออก แล้วจับมือ ๒ ข้างผมหงายขึ้นดู

ผมก็ปล่อยให้ปอจับมือผมไป  ไม่รู้จะพูดยังไง เพราะกำลัง งง กับน้ำเสียงและการระทำของมัน ปรกติมันพูดกับผมแต่ละที ตวาดแว๊ดๆ วันนี้มาแปลก พูดเบาๆ แถมอมยิ้มตลอด แล้วเวลาใครมาพูดกับผมเพราะๆ ผมก็สบายใจสิครับ อีกอย่างหนึ่ง ผมรู้สึกถึงความอ่อนโยนของมือที่มาจับมือผมอยู่ สัมผัสมันอ่อนโยนเหมือนตอนที่ ราญ ค่อยๆเอาน้ำแข็งปะคบมือให้ผมเมื่อวานนี้ แต่สายตาที่มองผม ไม่เหมือนความอ่อนโยนที่พี่มีให้น้องเหมือนสายตาของ ราญ มันดูอ่อนโยนประหลาดกว่านั้น แต่ตอนนั้นผมแปลสายตานั้นไม่ออกครับ ผมก็เลยก้มหน้ามองมือของผมที่ ปอ จับไว้

ปอ เอานิ้วกดๆไปตามฝ่ามือกับนิ้วมือผม บางจุดที่ ปอ กดนิ้วลงไป ผมขมวดคิ้วเลยครับ เพราะมันเจ็บๆ ปอ ก็คอยมองหน้าผมอยู่ตลอดเวลาครับ ตอนนั้น ซักพัก ปอ ก็ปล่อยมือผม แล้วเอามือมาขยี้หัวผมเบาๆ
“รีบๆเข้าแล้วกัน มีคนรออยู่นะ ไอ้ลูกหมาน้อย แล้วดูเวลาด้วย คาบต่อไปเรียนตึก ๑ เดี๋ยวเข้าห้องเรียนไม่ทัน” จากห้องสมุดชั้น ๕ ของตึก ไปยังห้องเรียนตึก ๑ ไกลเอาการอยู่ครับสำหรับเวลา ๑๐ นาที
ปอ พูดจบก็ลุกจากเก้าอี้ หันหลังเตรียมจะเดิน แล้วเหมือนว่าจะชะงักนิดหนึ่ง แล้วอุทานเบาๆ “เฮ๊ย...” แล้วปอก็เดินออกจากห้องสมุดไป สักพักก็รู้สึกก็เหมือนได้ยินเสียงฝีเท้าของใครอีกคนหนึ่งเดินออกไปจากห้องสมุดอีกคนหนึ่ง  โดยที่ผมยังคงนั่งคิดถึงคำพูดของ ปอ ที่เรียกผมเมื่อสักครู่นี้

อืม.....ไอ้ลูกหมาน้อย.....เหรอ ทำไม ปอ เรียกผมแบบนั้น เพราะว่าพ่อผมชอบเรียกผมแบบนี้เสมอครับ....ไอ้ตั้ม ไอ้ลูกหมาน้อยๆของพ่อ..........

สักพักผมก็เลิกคิดแล้วกลับมาลอกงานในสมุดจดงานต่อจนเสร็จก่อนเวลาเข้าเรียนคาบวิชาต่อไปเล็กน้อย
........................................................
.................................
...................

เหตุการณ์ก็ผ่านไปเรื่อยๆครับ ขบวนมารเรนเจอร์ทั้ง ๕ ยังคงตามราวีสัตว์ประหลาดอย่างผมอยู่แบบเดิมๆทุกครั้งที่มีโอกาส จากภาคเรียนที่ ๑ ไปจนจบภาคเรียนที่ ๒ ของการเรียนในชั้น ม.๑
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ เพิ่มเติม ๒๙ มีนาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: อาจารย์..สีฟ้า ที่ 31-03-2008 20:38:19
ปอ เค้ารัก ตั้ม มั้งถึงได้ทำอย่างนั้น  :m1: :m1: :m1:


เป็นกำลังใจให้คนโพสต์เสมอครับ   :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๓ /๓๑ มีนาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: anna1234 ที่ 31-03-2008 22:48:42
 :oni3: มาไม่เคยทันจารย์สีฟ้าซัก พยายามเข้าน้องพี่เป็นกำลังใจให้
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๔ / ๑ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 01-04-2008 22:11:33
๔ ปิดเทอมใหญ่ กับบ้านใหม่ชานเมือง

แล้วเวลาก็ผ่านมาจนถึงช่วงปิดเทอมใหญ่ก่อนจะขึ้นชั้น ม.๒ ช่วงนี้เองครับที่มีเหตุให้ผมต้องย้ายบ้านจากบริเวณแหล่งชุมชนในตัวเมือง ออกไปอยู่บ้านใหม่ที่กว้างขวางกว่าเดิมมาก เป็นเรือนใหญ่กับเรือนเล็ก มีเรือนครัว มีสนามหญ้าเล็กๆ แล้วก็มีศาลานั่งเล่นอีกหลังหนึ่ง เนื้อที่ประมาณเกือบสองร้อยตารางวา เสียอยู่อย่างเดียว คืออยู่ไกลออกมาจากตัวเมืองมากไปหน่อย การเดินทางมีแค่รถสองแถวคันใหญ่ๆ หรือรถยนต์ส่วนตัวเท่านั้นครับ แล้วบริเวณนั้นก็เปลี่ยวมากๆ บ้านแต่ละหลังห่างกันหลายช่วงเสาไฟฟ้า กลางคืนมืดตึ๊ดตื๋อเลยครับ บางคืนมีเสียงจิ้งหรีด จักจั่นร้องจิ๊กๆๆๆดังไปทั้งทุ่ง

แรกๆผมก็สนุกดีครับ ตื่นเต้นไปกับบรรยากาศท้องทุ่งข้าวเขียวขจี ท้องฟ้าสีครามสดใส วิ่งไล่จับแมงปอ เก็บดอกโสนริมทางมาคลุกน้ำตาลกิน เอาหนังสะติ๊กยิงใบไม้เล่น บางที่ก็ขี่จักรยานไปรอบๆหมู่บ้าน แต่พอผ่านไปหลายๆวัน ก็เริ่มเบื่อครับ ปรกติที่บ้านเดิมที่ผมเคยอยู่ พอถึงวันหยุดโดยเฉพาะช่วงปิดเทอม ผมก็มักวิ่งเข้าออกบ้านโน้นบ้านนี้ เข้าไปคุยไปเล่นกับเพื่อนบ้านไปทั่ว แต่ปิดเทอมคราวนี้ผมต้องอยู่บ้านคนเดียว เพราะทุกคนออกไปทำงานกันหมด ทั้ง พ่อ แม่ พี่สาว พี่ชาย พี่สะใภ้ ส่วนหลานสาวผมที่พึ่งอายุได้ 3 ขวบ พี่ชายเอาไปฝากเลี้ยงไว้แถวๆที่ทำงานในตอนเช้า และรับกลับบ้านพร้อมกันในตอนเย็น

มีอยู่วันหนึ่ง ผมก็ได้แผลจากการที่ปล่อยรถจักรยานให้วิ่งลงจากสะพานข้ามคลองแล้วเสียหลักล้ม แขนขาถลอกไปหมด เลือดไหลซิบๆจากแผลตรงข้อศอกและหัวเข่า เพราะถนนเป็นดินลูกรังโรยกรวดก้อนเล็กๆ หินมันบาดเข้าเนื้อครับ ตอนเย็นแม่ผมเห็นแผล ก็สั่งให้พี่ชายเอารถออกพาผมไปฉีดยากันบาดทะยักที่คลีนิค หลังจากวันนั้น แม่ห้ามผมขี่จักรยานเล่นอีกเด็ดขาด ให้ใช้จักรยานเฉพาะตอนไปซื้อของเท่านั้น ก่อนหน้านี้ผมโดนห้ามอีกหลายอย่างครับ ห้ามลงเล่นน้ำในคลองข้างบ้าน เดี๋ยวเป็นอะไรไปไม่มีใครรู้ แล้วในน้ำไม่รู้ว่ามีพวกปลิง , งูหรือเปล่า ถ้าอยากเล่นน้ำ ให้ไปเล่นที่สระว่ายน้ำในตัวเมือง
..........ห้ามลงไปกลิ้งตัวเล่นบนสนามหญ้า ( คือ ตอนย้ายบ้านใหม่ๆ ผมชอบลงไปนอนกลิ้งกับพื้นหญ้าครับ มันนุ่มมมมมมมมม...) เพราะบางทีมีงู หรือ ตะขาบ แอบอยู่ ตามต้นหญ้า อาจถึงตายได้
..........ห้ามปีนศาลาเล่น อันนี้ไม่ต้องห้ามผมก็ไม่ทำอยู่แล้วครับ ผมกลัวความสูง T-T สาเหตุเพราะเคยตกชิงช้าที่ไกวสูงๆ แล้วก็ตกต้นไม้เมื่อตอนเล็กๆ เวลาอยู่บนที่สูงๆผมก็จะเวียนหัวครับ
..........ห้ามสอยชมพู่ หรือ มะม่วงเองตอนที่ไม่มีคนอยู่บ้าน แต่ปรกติ ตอนเย็นๆแม่ก็จะสอยเก็บไว้ให้อยู่แล้วครับ ไม่มีหมดมีแต่จะกินไม่ทันละมากกว่า
..........ห้ามจุดไฟต้มน้ำ ถ้าน้ำร้อนในกระติกหมด แล้วอยากชงอะไรทาน ให้ไปซื้อทานที่ร้าน ( อนุญาตให้ใช้จักรยานได้ ผมก็ซื้อบ่อยๆสิครับ แฮะๆ )
..........และห้ามอะไรอีกหลายๆอย่าง ผมเข้าใจครับ เด็กอยู่บ้านคนเดียว อันตรายเยอะ

 ว่างๆๆๆๆๆ........เบื่อๆๆๆๆๆ  ทำอะไรดีละครับทีนี้ เดินไปเดินมาทั่วบ้าน เจอแล้วครับ หนังสือนิยายของพี่สาวผมบนชั้นหนังสือ หยิบมาอ่านจนเพลิน  พอหลายวันผ่านไป หมดครับ อ่านหมดแล้ว ทำไรดี  -*-

ไม่นานผมก็คิดออกครับ เช่าหนังสือนิยายมาอ่านไง เคยไปกับพี่แถวบ้านเดิม เคยไปเช่า 2-3 หนตอนปิดเทอมช่วงเดือนตุลาคม เย็นวันนั้นพอทุกคนกลับถึงบ้านหมดแล้ว ผมก็เริ่มเลยครับ เข้าไปหาพ่อที่นั่งดูโทรทัศน์อยู่ในห้องรับแขกที่เรือนใหญ่

“พ่อค๊าบบบบบบบบ..................พ่อค๊าบบบบบบบบ” ผมเดินเข้าไปนั่งบนพื้นข้างๆเก้าอี้ที่พ่อนั่งอยู่ พลางเอามือเกาะแขนพ่อ
“อะไรไอ้ลูกหมาน้อย”พ่อหันมายิ้มให้ผม แล้วพูดเบาๆ ช้าๆ ตามแบบคนอารมณ์เย็น
“พรุ่งนี้ ตั้ม ขออนุญาตไปเช่าหนังสืออ่านที่ร้านแถวโรงเรียนนะค๊าบ หนังสือในบ้านตั้มอ่านหมดแล้วอะค๊าบบบ........”
“พจนานุกรม ๑๐ เล่มบนชั้นหนังสือของพ่อละลูก ตั้มอ่านจบแล้วเหรอ” ดูพ่อผมถาม -*-
“พจนานุกรม ตั้ม ขอผ่าน ค๊าบบบบบ กว่าจะอ่านหมด เดี๋ยว ตั้มฉลาดเกินไป เพื่อนๆเลิกคบหมดอะค๊าบบบบบ ” คำตอบของผมทำให้พ่อหัวเราะเบาๆอย่างอารมณ์ดี พลางเอามือลูบหัวผมอย่างเอ็นดู
“ไปขอแม่เค้าสิลูก ว่าแม่อนุญาตรึเปล่า” แปลว่าได้ครับ อิ อิ  ผมเองก็รู้อยู่แล้วว่าพ่อคงตอบแบบนี้  เพราะคนที่จะอนุมัติคำขอของผมว่าผ่านหรือไม่นั้น เป็นแม่ แต่ยังไงก็ต้องบอกพ่อก่อนแหละครับ ตามลำดับไหล่
“งั้น ตั้ม ไปหาแม่นะค๊าบบบบ” แล้วผมก็ลุกขึ้นวิ่งตื๋อไปหาแม่ที่เรือนเล็ก

ก๊อก ก๊อก ก๊อก.....ผมเคาะประตู เป็นการขออนุญาตเข้าไปในเรือนเล็ก พอเข้าไปก็เห็นแม่นั่งอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก ผมก็คลานเข่าเข้าไปนั่งพับเพียบเรียบแต้อยู่ข้างๆโซฟา นั่งเก็บมือเก็บเท้าเรียบร้อย
“มีอะไรรึเปล่าลูก” แม่พูดพลางวางไหมพรมที่กำลังถักอยู่ในมือลงบนตัก แล้วก็ถอดแว่นออกวางบนโต๊ะ
“แม่ค๊าบบบบ.....พรุ่งนี้ ตั้ม ขออนุญาตออกไปเช่าหนังสือนิยายที่ร้านแถวโรงเรียนหน่อยนะค๊าบ” ผมบอกแม่สายตาอ้อนวอนสุดชีวิต
“ทำไมไปเช่าล่ะ ทำไมไม่ซื้อ ทุกทีเห็นซื้อการ์ตูนเยอะแยะ” แม่พูดเสียงเข้มขึ้นมานิดนึง เพราะช่วงนี้ผมซื้อการ์ตูนเยอะมาก ก็ปิดเทอมนี่ครับ ออกไปตลาดในเมืองสัปดาห์ละครั้ง ก็เลยซื้อเยอะ ความจริงก็เท่ากับที่ซื้อทุกวันเมื่อตอนเปิดเทอมนั่นแหละครับ แหะๆๆๆๆ
“หนังสือนิยายมันแพงนี่ค๊าบแม่ เช่าอ่านดีกว่าค๊าบ แล้วเล่มไหน ตั้ม ชอบมากๆ ค่อยเก็บตังส์ซื้อค๊าบ”
“แล้วบอกพ่อเค้าแล้วรึยัง” แม่ผมถามไปอย่างนั้น เพราะรู้ว่าถ้ามาขออนุญาตแบบนี้ แปลว่าบอกพ่อมาแล้ว
“พ่อบอกว่าให้มาถามว่าแม่อนุญาตรึเปล่าค๊าบ” พ่อผมให้เกียรติแม่เสมอ ถึงแม้จะใช้ชีวิตเหมือนคนที่แยกกันอยู่แล้วก็ตาม
“ออกไปพร้อมพี่ๆเค้าตอนเช้าแล้วกัน บอกพี่เค้าซะด้วย เค้าจะได้รู้ว่าเราจะไปด้วย กุญแจบ้านก็อย่าลืมล่ะเดี๋ยวจะเข้าบ้านไม่ได้ กลับถึงบ้านปิดประตูรั้วให้ดีด้วย” แม่กำชับเสร็จ ก็หยิบแว่นมาสวม แล้วหยิบไหมพรมบนตักมาถักต่อ ผมก็เลยคลานเข่าถอยออกมา แล้วก็ออกจากเรือนเล็กวิ่งตื๋อไปยังเรือนครัวหลังบ้าน

“พี่สาวค๊าบบบบบบบบบบ..........” ผมเรียกพี่สาวที่อายุมากกว่าผม 15 ปี
“ค๊าบ ....... เรียกทำไมไอ้ตัวยุ่ง” พี่สาวผมตอบกลับมา มือก็ไม่ละจากผัดผักในกะทะบนเตาแก๊ส ส่วนพี่สะใภ้ผมกำลังปรุงแกงเผ็ดอยู่ที่เตาถ่านอีกมุมหนึ่งของครัว
“พรุ่งนี้เช้า ตั้ม ออกไปข้างนอกพร้อมพี่สาวกับพี่ชายนะค๊าบบบบ ตั้มจะไปเช่าหนังสือนิยายที่ร้านแถวโรงเรียนหน่อย”
“ซื้อการ์ตูนด้วยละสิท่า”พี่สาวดักคอ
“การ์ตูนไว้ซื้อวันที่ไปตลาดค๊าบบบบ” พูดจบผมก็เดินไปเก็บจานที่วางอยู่ในตะแกรงตรงบริเวณอ่างล้างชาม ลำเลียงเก็บเข้าตู้ ตามด้วยแก้วน้ำ ช้อนและช้อนส้อม รวมทั้งอุปกรณ์การครัวต่างๆ เก็บเข้าที่ของมันเหมือนอย่างที่ผมเคยทำทุกวัน
...............................................
...........................
.............

หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๔ /๑ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: อาจารย์..สีฟ้า ที่ 01-04-2008 22:19:36
แล้วเมื่อไหร่ถึงจะได้รักกันเนี้ยะ อยากอ่านตอนนั้นเร็วๆๆ  :oni2: :oni2:



เป็นกำลังใจให้เสมอครับ นี้สำหรับคนเขียน>>>>>>   :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๔ /๑ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: anna1234 ที่ 02-04-2008 16:29:09
 :oo1:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๔ /๑ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 02-04-2008 19:22:56
ตั้งใจว่าวันนี้จะมาอัฟเดทนะครับ แต่ไม่แน่ใจเสียแล้ว :serius2: เพราะเรื่องที่พลอทไว้ ผมคิดว่าจะให้เหตุการณ์ต่างๆมันดำเนินไปเรื่อยๆ จากชั้นมัธยมต้น ไปจนถึงชั้นมัึธยมแล้ว แล้วถึงจะค่อยๆเปิดเผยความทรงจำเก่าๆของแต่ละตัวละครออกมาทีละตัว  o13 แต่พอเขียนไปรุ้สึกว่ามันยาวกว่าที่คิด  o2 ถ้าทำอย่างนั้น อาจมีความเข้าใจผิดๆในภาพพจน์ บุคลิคและอุปนิสัยของตัวละครบางตัวที่เปลี่ยนไปอย่างกระทันหัน หรือผู้อ่านบางท่้านอาจจะนึกรำคาญที่ต้องอ่านกลับไปกลับมา    o12 ผมจึงตัดสินใจเขียนให้ต่อเนื่องกันไปเลยจะดีกว่า เพราะง่ายกับการเขียนด้วย  :oni2:

ตอนนี้ผมเขียนตอนที่ตัวละครในเรื่องเรียนอยู่ ม.๓ แล้วนึกย้อนไปถึงเรื่องราวเมื่อชั้น ม.๑ ผมยังต้องพลิกไปพลิกมา แก้ทั้งบทใหม่ และบทที่เขียนไว้แล้ว เพื่อให้มันสอดคล้องกันอย่างสมเหตุผล ............ นี่ถ้าตัวละครของผมอยู่ ม.๖ แล้วนึกถึงเหตุการณ์ตอน ม.๑ มิแก้กันแย่ฤา   :o12: .......อย่ากระนั้นเลย รื้อบางส่วนออกแก้ไขซะก่อนที่ฐานของเรื่องราวจะใหญ่กว่านี้  :o8:

ดังนั้น ตอนนี้ผมขอเวลาตรวจทานต้นฉบับสักเล็กน้อยนะครับ กำลังเร่งอยู่ คิดว่า คืนนี้น่าจะลงได้อีกสักตอน

ขอบคุณทุกกำลังใจอีกครั้งครับ
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๔ /๑ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: อาจารย์..สีฟ้า ที่ 02-04-2008 20:07:23
เข้ามาให้กำลังใจครับ..ค่อยๆ เขียน เอาให้ดีที่สุดหนา  พี่เอาใจช่วย  :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๕ /๒ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 02-04-2008 21:22:37
๕ เปิดเทอมใหม่ เพื่อนเก่า

แล้ววันเปิดภาคเรียนใหม่ก็มาถึง เทอมนี้ผมเป็นนักเรียน ม.๒ แล้วครับ ยังอยู่กลุ่มเดิม ลืมบอกไปครับ โรงเรียนผมจะแบ่งนักเรียนแต่ละชั้นออกเป็น กลุ่มตามลำดับอักษรภาษาอังกฤษ ใน ๑ ห้องเรียนจะมี ๒ กลุ่มย่อย ทุกคนในชั้นเรียนยังอยู่กันครบ ปิดเทอมใหญ่ไม่ได้เจอเพื่อนนาน ผมก็เลยจับกลุ่มคุยอยู่กับเพื่อนๆราวกับไม่ได้คุยกันมาสัก ๑๐ ปี

สักพักรู้สึกเหมือนมีมือใครมาขยุ้มต้นคอทางด้านหลังไว้ ผมหลับตาปี๋ร้องแง๊วววว เป็นแมวโดนหิ้วคอเลยครับ แล้วก็มีมือมากอดเอวผมไว้แน่นๆ
“ไงวะ ไม่เจอกันนาน รอบเอวเพิ่มขี้นเท่าไรแล้ววะ” ผมดิ้นไม่ออกครับ เพราะยังโดนหิ้วคออยู่ นึกในใจ มันมากันแล้ว T-T
“เฮ๊ย ปิดเทอมไม่มีคนให้อาหารเหรอไงวะ ทำไมเนื้อหนังไม่เพิ่มขึ้นเลยฮึ ไอ้แห้ง” ศักดิ์ เข้ามาหยิกแก้มผม ส่วนแก้มอีกข้างกำลังโดนลูบด้วยมือ สมชาย
“โหย แก้มแม่งหยาบกว่าส้นตีนกูอีกนะเมิง” หยาบแล้วจะลูบทำไมฟระ -*- ยังไม่ยอมหยุดอีก
หง่ะ มือกำลังโดนบีบ ไม่ต้องบอกก็รู้ฝีมือใคร ใช่แล้วครับ ปอ มาพร้อมกับเสียงเอฟเฟค
“ไมเมิงดำอย่างนี้วะ ไอ้เปียกปูน ปิดเทอมไปไถนามารึไง” อะนะ อย่างกับว่าตัวเอ็งขาวนักนี่ แต่จะว่าไปพวกนี้ขาวกว่าผมแน่นอนครับ เพราะเป็นกรรมพันธุ์มาจาก เล่ากง เล่าม่า ( หมายถึงทางปู่ย่า ตายาย ผมเรียกแบบนี้ไม่ทราบว่าถูกหรือเปล่า)

พอ ชัย คลายแขนที่รัดผมไว้ พร้อมกับปล่อยมือที่หิ้วคอผมอยู่ ผมก็สะบัดตัวออกมาจากวงแขน วิ่งข้ามฟากโต๊ะไปฝั่งตรงข้ามทันที พอมองกลับไป ก็เห็นพวกมันหัวเราะกันใหญ่ มองไปรอบๆ เพื่อนคนอื่นก็หัวเราะผสมโรงไปด้วยเป็นที่ครื้นเครง
“เออ จริงด้วยหว่ะ เพิ่งสังเกต ไอ้ตั้ม ไปทำไรมาวะ ก่อนปิดเทอมยังตัวขาวๆเนียนๆ เปิดเทอมมาตัวดำยังกะไปเที่ยวฮาวาย” เออนะ ต่อ พูดแล้วฟังดูดี ดำยังกะไปเที่ยวฮาวาย ฟังแล้วดูดีกว่า กำยังกับไปไถนามา
เฮ๊ย....เดี๋ยวก่อน......คิดแล้วแปลออกมา ได้ใจความประมาณว่า ปอ ว่าผมว่าควายนี่หว่า แล้วอะไรตะกี้ที่ ต่อ พูด อะไรขาวๆเนียนๆ เริ่มงง หน้าเลยออกเหว๋อๆ
“ว่าไง ตั้ม ปิดเทอมไปเที่ยวไหนมาเหรอ ดูคล้ำขึ้นนะ เหมือนไปตากแดดที่ไหนมาทั้งวัน” กร ถามช้าๆ เสียงนุ่มๆ สมกับมาจากตระกูลที่มีชื่อเสียงอันดับต้นๆของประเทศ พร้อมกับรอยยิ้มหวานๆที่ กร มีให้เพื่อนๆเสมอ

“อื้อ ก็ตากแดดมาแหละ แต่ไม่ได้ไปเที่ยวไหนหรอก ปิดเทอมอยู่บ้านเล่นกับหมา แล้วก็นั่งอ่านหนังสือที่ศาลาในสนามทั้งวัน เลยโดนไอแดดไอลมมากไป หน้าร้อนแดดมันแรงอะ เลยเกรียมไปหน่อย” พอมีคนพูดเพราะๆด้วย ผมอารมณ์ดีทันที นึกถึงหมา ๓ ตัวที่บ้านด้วย เลยยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ลืมไปเลยว่าเมื่อกี้โดนอะไรไปบ้าง

“ตลก ตั้ม ศาลาไร สนามไร บ้านเอ็งมีที่แค่นั้นอะนะ มีสนามมีศาลา แล้วเดี๋ยวนี้เลี้ยงหมาด้วยเหรอ เอาที่ที่ไหนให้มันวิ่งเล่นวะ” เต่า ไม่ค่อยเชื่อผมเท่าไร
“แล้วบ้านนาย ร่มรื่นออกขนาดนั้น จะโดนแดดจนเกรียมขนาดนี้ได้ยังไง” ตุ่ม สนับสนุน

เพื่อนๆในกลุ่มผม เคยไปเที่ยวบ้านเดิมของผม ที่เป็นบ้านไม้ ๒ ชั้นหลังกะทัดรัด อยู่ในรั้วบ้านที่มีเนื้อที่ว่างอยู่นิดหน่อย พอเดินวนได้รอบบ้าน หน้าบ้านเป็นระเบียงไม้เล็กๆ มีต้นเฟื่องฟ้าขนาดใหญ่ให้ร่มเงาแก่ระเบียง ทำให้อากาศตรงระเบียงร่มรื่นเย็นสบายอยู่ตลอดเวลา จนเป็นแหล่งรวมของแมวในละแวกนั้นในบางเวลา

“อ๋อ ลืมบอกไป เราย้ายบ้านแล้ว ไปอยู่แถว ..........................” ผมบอกสถานที่ไป แล้วก่อนที่จะคุยอะไรกันต่อ เสียงสัญญาณบอกเวลาหมดคาบเรียนก็ดังขึ้น พวกเราจึงพากันหยิบเป้ของตัวเอง เตรียมตัวเดินไปยังห้องเรียนของคาบวิชาต่อไป มีเวลา 10 นาทีครับ ชั้น ๑ ของตึกใกล้ๆนี่เอง ไม่ต้องรีบร้อน ระหว่างที่เดินไป กลุ่มผมก็คุยกันว่า วันไหนมีเวลาว่างๆ จะพากันไปเที่ยวบ้านใหม่ของผมกัน

หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๕ /๒ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: zeazaiz ที่ 02-04-2008 23:39:24
เง้ออ

ขออีกนิดได้มั้ยคะพี่ขา

ชอบค่ะ
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๕ /๒ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: อาจารย์..สีฟ้า ที่ 03-04-2008 08:37:07
ค้างอย่างแรง ต่อด่วนๆๆๆๆๆ ครับ

เป็นกำลังใจให้เสมอ  :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๖ /๓ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 03-04-2008 19:26:03
๖ อุบัติเหตุในห้องเรียน

ชีวิตนักเรียน ม.๒ ในภาคเรียนแรกของผมก็คล้ายๆกับตอนอยู่ ม.๑ นั่นแหละครับ วนเวียนอยู่กับโต๊ะกลุ่ม ห้องเรียน และห้องสมุด แต่ช่วงนี้ผมมักอยู่ที่ห้องสมุดคนเดียวบ่อยๆ เพราะ ตุ่ม กับ เต่า ไม่ได้มาอยู่ที่ห้องสมุดกับผมทุกวันเหมือนที่เคย ที่โต๊ะกลุ่มบ่อยครั้งที่ผมเห็น ตุ่ม เต่า นังคุยอะไรกันอยู่ กับ สมชาย ชัย ปอ ส่วน ราญ กับ กร ก็เหมือนติววิชาอะไรกันอยู่ กับ ศักดิ์ และ สิทธิ์ ผมเห็นสถานการณ์เรียบร้อยดี ก็เลยเข้าไปหา คิดว่าจะไปนั่งคุยหรือฟังที่ติวกันอยู่ด้วยคน แต่พอผมไปถึงโต๊ะ สภาพการณ์กลับกลายเป็นเหมือนเมืองที่ถูกสัตว์ประหลาดบุกโจมตี แล้วขบวนการยอดมนุษย์ผู้พิทักษ์ธรรม จะต้องทำการปกป้องเมืองเอาไว้ ด้วยการจัดการกับเจ้าสัตว์ประหลาดที่เข้ามาบุกรุก และแล้วผมก็โดนโจมตีจากขบวนมารเรนเจอร์เหมือนเดิมครับ

จากเหตุการณ์วันนั้น ผมก็เลยคิดว่า ห้องสมุดคงจะเป็นแหล่งกบดานที่ดีที่สุดของสัตว์ประหลาดอย่างผม

จากภาคเรียนที่ ๑ เข้าสู่ภาคเรียนที่ ๒ ผมยังคงโดนลอบโจมตีเป็นระยะๆ มากบ้างน้อยบ้างตามแต่โอกาสที่จะอำนวยให้ขบวนมารเรนเจอร์ทั้งหลาย แล้ววันหนึ่ง เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นในห้องเรียนหลังเลิกเรียนคาบสุดท้ายในตอนเย็นวันหนึ่ง

โครม..........ปัง.........โผล๊ะ..........ตุ๊บ...................

ผมสะดุดขาตัวเองล้มลงในขณะที่ดิ้นหนีจากการรุมโจมตีสัตว์ประหลาดของขบวนมารเรนเจอร์  โต๊ะเก้าอี้รอบๆตัวล้มระเนระนาด

“เฮ๊ย.......ตั้ม เป็นไรรึเปล่า” กร กับ จก เดินเข้ามาพยุงตัวผมที่ฟุบคว่ำนิ่งอยู่บนพื้นให้ลุกขึ้นนั่งบนเก้าอี้ที่ ต่อ ลากมาให้ผมนั่ง
“เฮ๊ย เลือด...............คิ้วแตกนี่หว่า ตั้ม” ตุ่มตกใจ เมื่อเห็นเลือดไหลออกมาตรงหางคิ้วซ้ายของผม
“ปากแตกด้วยนี่ เจ็บมากมั๊ย พาไปห้องพยาบาลก่อนดีกว่า” ราญ หันไปบอก กร กับจก แล้วก็เดินไปเก็บสมุดและเครื่องเขียนบนโต๊ะใส่ลงไปในของเป้ของผม ยังไม่ทันที่ใครจะไปไหน ก็มีเสียงมาจากทางประตูห้อง

“เสียงอะไรโครมครามกันน่ะ นักเรียน” ครูผู้หญิงท่านหนึ่งเดินเข้ามา “แล้วนั่นเป็นอะไร ถึงได้เลือดออก” ครูเดินเข้ามาดูผม “คิ้วแตกปากแตกแบบนี้ ชกต่อยกันหรือไง ฮึ” ครูถามดุๆ
“หกล้มครับครู” ผมพูดออกไป ทั้งที่ยังเบลอๆอยู่
“หกล้มยังไงกัน โต๊ะเก้าอี้ถึงได้ล้มระเนระนาดขนาดนี้ พวกเธอพาเพื่อนไปทำแผลที่ห้องพยาบาลก่อน” ครูหันไปพูดกับ กร “แล้วเธอ” ครูหันหน้ากลับมาที่ผม “ทำแผลเสร็จแล้วไปพบครูที่ห้องพักครูด้วย” พูดจบครูก็เดินออกไปจากห้อง
“พา ตั้ม ไปทำแผลกันก่อน มีอะไรเดี๋ยวค่อยว่ากัน” ราญ พูดขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนๆสีหน้าไม่ค่อยดี เพราะคิดว่า งานนี้ต้องมีคนโดนครูเล่นงานแน่ บางคนที่เห็นท่าไม่ดีก็หลบออกไปกันเงียบๆ ต่อ กับ กร จึงพาผมไปยังห้องพยาบาล มี ราญ จก ตุ่ม เต่า เดินตามกันมาด้วยความเป็นห่วง

ที่ห้องพยาบาล ราญ อีกนั่นแหละครับที่เป็นคนทำแผลให้ผม โดยที่มีเพื่อนๆคอยหยิบอุปกรณ์ต่างๆส่งให้ ผมได้แผลที่หางคิ้วซ้าย มุมปากซ้าย ที่แขนซ้ายมีรอยขีดจางๆ ตรงท้องแขน ๒-๓ รอย แล้วก็มีแผลเป็นรอยมีเลือดออกซิบๆที่โคนขาซ้ายลงมาเกือบถึงเข่า

ระหว่างที่ ราญ ทำแผลให้ผม ผมนั่งก้มหน้านิ่ง พึมพำอะไรเบาๆอยู่ในลำคอ พอทำแผลเสร็จผมก็ผลุนผลันลุกขึ้นหยิบเป้สะพายบ่า ค่อยๆเดินก้มหน้าออกจากห้องพยาบาล ไม่ได้เงยหน้ามองใครเลย ไม่แม้แต่จะพูดขอบใจในความหว่งใยและความช่วยเหลือที่เพื่อนๆให้แก่ผม ผมยังคงพึมพำประโยคเดิมอยู่ในลำคอไปเรื่อยๆ พอพ้นจากประตูห้องพยาบาล ก็เหมือนมีใครมายืนขวางทางผมไว้ ผมเลยเดินเลี่ยงไปข้างๆ คนๆนั้นก็ขยับตัวมาขวางผมไว้อีก ผมเลยเงยหน้าขึ้นมาดูว่าเป็นใคร เพราะผมเห็นแต่รองเท้า ปอ นั่นเอง

“เดี๋ยวไปพบครูแล้วพูดอะไรระวังด้วยล่ะ อย่าให้มีเรื่อง…….” ปอทำท่าเหมือนอะไรจะพูดต่อ แต่พอมองเห็นสีหน้าผมที่นิ่งสนิท พร้อมกับสายตาที่เหมือนคนเหม่อลอยของผม ทำให้ปอเงียบไป ปอ ยืนมองผมอยู่ครู่ใหญ่ๆ ส่วนผมสายตาผมเหมือนคนใจลอยเหมือนเดิม ยังคงขยับปากพึมพำประโยคเดิมซ้ำๆแผ่วเบาอยู่ในลำคอ
“อย่าเพิ่งเข้าใจเราผิดนะ เราหมายความว่า........” ปอ พูดต่อ แต่ผมไม่ได้ฟัง ก้มหน้ามองพื้น ก้าวขาออกเดินเพื่อไปยังห้องพักครู
..................................................................................

“ตั้ม ฟังเราก่อนสิ” ปอทำท่าจะเดินตาม แต่ก็ต้องหยุดไว้เมื่อมีมือหนึ่งมาจับไว้ที่หัวไหล่ ทำให้ ปอ ต้องหยุดแล้วหันมามอง
“อย่าตามไปเลย ปอ ตอนนี้ ตั้ม มันไม่รับรู้อะไรแล้ว พูดอะไรไป มันไม่รู้เรื่องหรอก” ตุ่ม บอก พร้อมกับเอามือออกจากหัวไหล่ ปอ
“ตอนนี้ในหัว ตั้ม มันคิดอยู่ประโยคเดียว เห็นใช่มั๊ย ปอ ว่า ตั้ม มันพูดพึมพำอะไรอยู่” ราญ ถามพร้อมกับมองไปยัง ตั้ม ที่เดินห่างออกไป
“นั่นสิ มันเป็นอะไรของมัน” ปอหันกลับไปมองตามหลัง ตั้ม ด้วยความสงสัย “แล้วมันบ่นอะไรของมันวะ” ปอหันกลับมามอง ราญ ด้วยความสงสัย
“มันกำลัง บ่น ว่า .......อุบัติเหตุครับครู ผมขัดขาตัวเองล้มครับครู….. นี่แหละคำพูดที่มันกำลังวนไปวนมาอยู่ในหัวมันตอนนี้” ราญ พูดพลางมอง ปอ ด้วยสายตาดุๆ เน้นคำว่า บ่น เป็นพิเศษ “เรารู้เพราะตอนเราทำแผลให้ ตั้ม เราพยายามฟังว่า ตั้ม พูดอะไรอยู่” ราญ เว้นระยะสักครู่ แล้วจึงพูดต่อ “ตั้ม มันรักเพื่อนทุกคน ถึงแม้เพื่อนบางคนจะทำมันเจ็บ มันเลือกที่จะเจ็บเอง แต่มันจะไม่ยอมทำให้เพื่อนเจ็บเด็ดขาด  อีกอย่างนะ  ตั้ม มันเกลียดใครไม่เป็นหรอก”
ราญพูดจบก็เปลี่ยนสายตาไปมอง ตั้ม ด้วยรอยยิ้มน้อยๆ ไม่ได้บอก ปอ ไปว่า เขามองเห็นเข้าพอดี จังหวะที่ ปอ ขัดขา ตั้ม จนล้ม และเขาก็รู้ว่า ตั้ม ตั้งใจที่จะให้ทุกคนคิดว่าสะดุดขาตัวเอง

ในเมื่อ ตั้ม เลือกที่จะปกป้องเพื่อน เขาก็ไม่ควรทำร้ายเพื่อนของน้องอันเป็นที่รักของเขาเช่นกัน
........................................................

ผมก้มหน้าเดินช้าๆไปยังห้องพักครู แล้วก็เคาะประตูห้องที่เป็นบานเพียงบังตาเล็กๆกั้นไว้เท่านั้น
“ขออนุญาตเข้าห้องครับ”
แล้วผมก็ผลักบังตาให้เปิดออก แล้วเดินเข้าไปในห้องพักครู
........................................................

วันรุ่งขึ้น ไม่มีใครเห็นผมที่โรงเรียนเลย ผมไม่ได้ไปเรียนหนังสือทั้งสัปดาห์ จนถึงวันศุกร์ ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการเรียนในสัปดาห์นั้น

หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๖ /๓ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: อาจารย์..สีฟ้า ที่ 03-04-2008 20:33:50
ตอนนี้ได้ใจจัง  o13 o13 o13 o13 แต่ค้าง อีกแหละ  :o :o

เป็นกำลังใจให้ต่อไปครับ  :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๖ /๓ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 03-04-2008 20:49:12
คิดว่าอีกสักครู่จะมาลงอีกตอนนะครับ เพราะตั้งแต่วันที่ ๖ จะมีสัมมนา อาจยาวไปจนหมดเทศกาลสงกรานต์  :sad2: คิดว่าจะมาลงให้จบในส่วนของมัธยมต้นก่อนจะไปสัมมนาครับ   :o8:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๖ /๓ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: Mono_Koro ที่ 03-04-2008 20:53:46
มันค้างคาอยู่ในจิตใจ

คริ คริ

 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๗ /๓ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 03-04-2008 21:24:37
๗ นี่หรือคือเหตุผล

เช้าวันจันทร์ของสัปดาห์ต่อมา พี่สาวมาส่งผมที่โรงเรียน พร้อมกับนำใบรับรองแพทย์มาให้กับครูที่ปรึกษาประจำกลุ่ม เพราะผมขาดเรียนไปถึง ๓ วัน (ไม่นับวันเสาร์และวันอาทิตย์) เพราะในเย็นวันที่ผมล้มในห้องเรียน ผมหกล้มที่บ้านอีก เนื่องจากสะดุดธรณีประตูเรือนใหญ่ทำให้ข้อเท้าแพลง แล้วผมยังมีไข้ขึ้นสูงอีกในเช้าวันต่อมา

“ปรกติก็เป็นเด็กค่อนข้างซนอยู่แล้ว หกล้มอยู่บ่อยๆ แต่นี่คงซนมากไปจนได้แผลมาขนาดนี้ ทางบ้านตกใจกันมากค่ะ เกรงว่าจะมีเรื่องชกต่อยกับเพื่อนที่โรงเรียนหรือเปล่า” พี่สาวผมเอ่ยขึ้นหลังจากที่ครูที่ปรึกษาตรวจใบรับรองแพทย์เรียบร้อย แล้วนำไปเย็บติดกับสมุดบันทึกการเรียนการสอนประจำชั้น และเซนต์กำกับเรียบร้อยแล้ว

“แกยืนยันว่าเป็น อุบัติเหตุน่ะค่ะ ดิฉันคิดว่าคงไม่ใช่เรื่องชกต่อยกับเพื่อนอย่างที่คุณแม่กังวลหรอกค่ะ ศิลปี แกเป็นเด็กอัธยาศัยดี ค่อนข้างจะเป็นเด็กกิริยามารยาทเรียบร้อยด้วยซ้ำไป กับเพื่อนๆก็สนิทสนมกันดี ทุกคนเอ็นดูแกค่ะ คุณแม่ไม่ต้องกังวลว่าจะมีเรื่องชกต่อยกับใครหรอกค่ะ” คุณครูค๊าบบบ .....คุณครูเข้าใจอะไรผิดแล้วค๊าบ เพราะว่านี่น่ะ พี่สาวผมค๊าบ มะช่ายคุณแม่ ผมคิดอยู่ในใจ ผมส่งสายตาเตือนคุณครู

“ดิฉันเป็นพี่สาวค่ะ ไม่ใช่คุณแม่” ก็ตอนเจอครูที่ปรึกษา พี่สาวผมแนะนำตัวไปว่า .....สวัสดีค่ะคุณครู ดิฉันเป็นผู้ปกครองเด็กชาย ศิลปี ค่ะ...... เป็นงานเป็นการครับ เพราะพี่สาวผมก็เป็นครูเหมือนกัน

“ตายจริง ขอโทษด้วยค่ะ พี่สาวหรอกเหรอค่ะ ต้องขอโทษอีกครั้งค่ะ คุณพี่” ครูเปลี่ยนสรรพนาม เพราะมองแล้ว น่าจะอยู่ในวัยใกล้ๆกัน แล้วครูก็มองหน้าผมกับพี่สาวสลับกันไปมา “แต่หน้าตามีเค้าคล้ายกันมากๆเลยน่ะค่ะ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เพราะอายุห่างกันมากเวลาพาแกไปไหนด้วยกัน คนเค้าก็ทักว่าเป็นแม่ลูกกันทั้งนั้นเลยค่ะ “ พี่สาวผมหัวเราะน้อยๆอย่างคนอารมณ์ดี “ยังไงก็ฝากคุณครูช่วยอบรมแกด้วยนะค่ะ ซนมากๆก็ทำโทษได้เลยค่ะ เพราะที่บ้านก็ขนาบกันด้วยไม้เรียวเป็นปรกติอยู่แล้วค่ะ”
ครูฟังแล้วก็หันมามองผมยิ้มๆ “คงไม่ถึงขนาดใช้ไม้เรียวหรอกค่ะ ศิลปี เค้าเป็นเด็กดี เชื่อฟังครูดีค่ะ”
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ดิฉันขอตัวกลับนะค่ะ สวัสดีค่ะ” พี่สาวผมลาครูที่ปรึกษาออกมา ผมก็เดินไปส่งพี่สาวถึงประตูโรงเรียน
............................................................................................

“หกล้มแค่นี้ ต้องเอาแม่มาขู่เหรอมึง” ทั้ง ๕ คนเดินมาล้อมผมไว้ เมื่อผมเดินออกจากห้องเรียนหลังจากหมดคาบวิชาก่อนพักเที่ยง
“......................................” ผมไม่สนใจ ยังคงจะเดินไปหากลุ่มเพื่อนที่รออยู่ แต่พวกนั้นก็มายืนขวางผมเอาไว้
“ถามไม่ตอบนะมึง คิ้วแตกอีกข้างซะดีมะ”  ไม่รู้เหมือนกันว่าใครเป็นคนพูด
“หยุดเรียนไป ๓ วัน ก็ต้องมีใบรับรองแพทย์ หรือมีผู้ปกครองมาชี้แจงกับครูที่ปรึกษาตามระเบียบโรงเรียน ไม่ได้พาแม่มาขู่ใคร เพราะนั่นน่ะ ....พี่สาว” ผมตอบไปทั้งๆที่ยังก้มหน้าอยู่
“เออ ดีแล้วที่รู้จักกลัว จะได้ไม่ต้องเจ็บตัว” สงสัยคิดว่าที่ผมตอบเพราะกลัวคิ้วแตกอีกข้าง
“ไม่ได้กลัวจะมีเรื่อง แล้วก็ไม่กลัวเจ็บตัวด้วย เพราะไงพวกนายก็ต้องหาเรื่องให้เราเจ็บตัวอยู่ดี” ผมเงยหน้าขึ้นพูดกับพวกมัน ด้วยหน้าตาเศร้าๆ รู้สึกสงสารตัวเองครับตอนนั้น แต่ก็กลั้นใจพูดต่อไป “ที่ตอบเพราะไม่อยากให้เข้าใจผิดกันมากกว่านี้”
เงียบไปอึดใจ แล้วผมก็ตัดสินใจพูดในสิ่งที่คิดมาตลอด ๕ วันที่ผ่านมา
“เราถามพวกนายจริงๆเหอะ”  ผมตัดสินใจแน่แล้วว่าต้องพูด “พวกนายทำไมจ้องหาเรื่องกับเรานัก เราทำอะไรให้พวกนายเดือดร้อนงั้นเหรอ พวกนายถึงคอยหาเรื่องกับเราขนาดนี้ หรือว่าเราทำอะไรผิด”

“มึงทำตัวน่าหมั่นไส้” มีคำตอบทันทีที่ผมถามจบ “เป็นกะเทย เป็นตุ๊ด แล้วเสือกทำตัวเหมือนผู้หญิงจริงๆ” นี่คงเป็นเหตุผลที่ ๑
“นั่นดิ อย่างพวกมึงน่ะ เค้ามีแต่ชอบให้ผู้ชายจับ แต่มึงอะ จับนิดจับหน่อยทำสะดีดสะดึ้ง หวงเนื้อหวงตัวซะยิ่งกว่าผู้หญิงจริงๆซะอีก” นี่คงเป็นเหตุผลที่ ๒
“ทั้งดำ ทั้งแห้ง หน้าตาอัปลักษณ์ ยังเสือกอยากเป็นตุ๊ด นึกว่าเป็นแล้วรุ่งเหรอมึง ทำเป็นยั่วผู้ชายเกาะคนโน้นที คนนี้ที กูเห็นแล้วทุเรศลูกตา” นี่คงเป็นเหตุผลที่ ๓
“กับคนอื่นกูเห็นให้เค้ากอดคอ ให้เค้าเดินจูงมือมึงเฉย กับพวกกูแม่งทำหวงเนื้อหวงตัว” เหตุผลนี้คงต้องยกไปรวมกับข้อที่ ๒
“พวกกูอยากเห็นหน้ามึงตอนร้องไห้หว่ะ คงสะใจพิลึก” อันนี้จะคิดเป็นเหตุผลที่ ๔ได้รึเปล่า ผมไม่รู้
“สรุปนะโว๊ย พวกกูไม่มีเหตุผลหว่ะ แค่เห็นหน้ามึงพวกกูก็อยากทำแบบที่พวกกูทำ พอใจมะ”
“อีกอย่าง มึงถามว่ามึงทำอะไรผิดเหรอ กูจะบอกให้........” คนหนึ่งยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผม แล้วพูดต่อ “ มึงน่ะ.....ผิดมาตั้งแต่เกิดแล้ว”

ตอนนั้นผมไม่รู้หรอกครับว่าประโยคไหนใครเป็นคนพูด มัน งง ไปหมด ผมไปยั่วอะไรใครตอนไหน แล้วคนอื่นที่ว่าเข้ามากอดคอ เข้ามาจูงมือ ก็มีแต่เพื่อนๆในชั้นเรียนเดียวกันทั้งนั้น กอดคอคุยกันมันเรื่องธรรมดานี่นา แล้วสายตาผมมันผิดปรกติ เวลาลงบันไดตึกบางตึกผมทำท่าจะตกบันได เพื่อนๆก็ช่วยจูงมือ หรือเวลาข้ามถนน เพื่อนก็จูงมือด้วยความเป็นห่วง มี ราญ นี่แหละที่ผมสนิทมาก เดินเกาะแขนจูงมือบ่อยๆ ก็ ราญ เค้าพี่ชาย ผมเป็นน้องมันเสียหายอะไรตรงไหน กับพี่ๆที่บ้าน ผมก็ทำแบบนี้ แล้วมันไปทำให้พวกนี้หมั่นไส้ได้ยังไง ผม งง แล้วยิ่งประโยคสุดท้าย ผมเกือบน้ำตาไหล

“ถ้าพวกนายเกลียดเรา หมั่นไส้เราขนาดนั้น ก็ไม่ต้องมามามองเรา ไม่มายุ่งกับเรา มันไม่ง่ายกว่าเหรอ” ผมกลั้นใจพูดออกไปเบาๆ หลังจากที่กลั้นน้ำตาไว้ไม่ยอมให้มันไหลออกมา
“ไม่ได้หว่ะ มึงเสีอกโผล่มาให้พวกกูเห็น แล้วพอพวกกูเห็นมึงนะ มันเกิดอารมณ์หว่ะ ต้องระบายออกกับมึงแบบนี้แหละ” แล้วพวกมันก็ประสานเสียงหัวเราะกัน
“งั้นเราจะพยามยามไม่มาให้พวกนายเห็นเราก็แล้วกัน พวกนายจะได้สบายใจขึ้น” พูดจบผมก็ออกวิ่งไปหาเพื่อนๆที่ยืนรออยู่ไม่ไกลนัก
..........................................................

“คุยอะไรกับพวกนั้นน่ะ” จก ถาม
“ไม่มีไร ไปกินข้าวกันเหอะ หิวแล้ว” ผมแกล้งวิ่งเลยกลุ่มเพื่อนๆไปข้างหน้า แล้วถึงได้เงยหน้าขึ้นมาตอบ โดยที่ไม่ได้หันกลับไปมองใคร
“ไม่มีอะไร แล้วทำไมคุยกันนานขนาดนั้น” ตุ่ม ถามอีก
“เรื่องไร้สาระตามเคยแหละ รู้ๆกันอยู่ ไปกินข้าวเหอะ หิวๆๆๆๆๆ เดินช้าตามเราไม่ทันนะ” พูดจบ ผมก็วิ่งเหยาะๆตรงไปยังโรงอาหาร แอบเอามือเช็ดน้ำตาที่มันค่อยๆไหลออกมา ไม่อยากให้เพื่อนๆเห็น
“ดูมัน เมื่อกี้ยังเหมือนจะสลดอยู่เลย วิ่งแผล๋วไปโน่นแล้ว เปลี่ยนอารมณ์เร็วจริง” เต่า ส่ายหน้าเหมือนกับระอาในพฤติกรรมที่แปรเปลี่ยนไปตามความแปรปรวนของอารมณ์ของผม โดยไม่มีการปิดบังหรือเสแสร้ง
“ตั้ม มันไม่อยากให้พวกเราเป็นห่วงน่ะ” ราญ พูดแล้วก็ออกวิ่งเหยาะๆตาม ตั้ม ไป พอวิ่งทันก็จูงมือ ตั้ม เดินไปโรงอาหาร พร้อมกับเพื่อนๆที่วิ่งตามกันมา

หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๗ /๓ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: Mono_Koro ที่ 03-04-2008 22:08:03
อ่ะโห เจ็บปวด :m15:

คนเราก็เนาะ ไม่รุ้จะรังเกียจอะไรขนาดนั้น

ป.ล.รีบๆมาอัพนะคับ รออย่างใจจดใจจ่อเลยคับ :m4:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๗ /๓ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: อาจารย์..สีฟ้า ที่ 03-04-2008 22:25:27
เจ็บปวดจริงด้วย  :o12: :o12: :o12: แต่เชื่อว่าฟ้าหลังฝนต้องงดงามเสมอ 

เดี๋ยวต้องมีวีรบุรุษ มาช่วยตั้มแน่ๆ    :a2: :a2: :a2:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๘ /๔ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 04-04-2008 08:56:58
๘ เสียงหัวเราะที่จางหาย

จากวันนั้นเป็นต้นมา ผมจะไปโรงเรียนให้จวนเวลาเข้าเรียนให้มากที่สุด บางครั้งเข้าห้องเรียนเกือบจะพร้อมกับครูเลยก็ว่าได้ พอหมดคาบเรียน ผมก็เก็บของอย่างรวดเร็วที่สุดเพราะจะได้ออกจากห้องเรียนพร้อมกับเพื่อนๆ (ปรกติผมเก็บของช้าครับ วิ่งตามเพื่อนเป็นประจำ) แต่อย่างว่าแหละครับ ยังไงก็ต้องประจัญหน้ากันอยู่ดี  อยู่โรงเรียนเดียวกัน ชั้นเดียวกันยังไม่พอกลุ่มเรียนเดียวกันอีก ยังไงก็ไม่พ้นครับ แต่คราวนี้ไม่เหมือนเดิมแล้วครับ

สู้น่ะเหรอครับ......ไม่หรอกครับ ผมชกต่อยกับใครไม่เป็น ผมเงียบครับ นิ่งสนิท ไม่ขืนตัว ไม่สะบัดดิ้นรน  ไม่แม้แต่จะเหลือบตามองด้วยซ้ำ ว่าใครทำอะไรผมบ้าง มีอยู่ครั้งหนึ่งผมถูกผลักไปผลักมา จนตัวผมเองเสียหลักลงไปนั่งกองกับพื้น ถึงตอนนั้นผมก็นั่งนิ่งมันอยู่อย่างนั้นแหละครับ นิ่งสนิทไม่ขยับตัวไปไหนทั้งสิ้น ทำใจแล้วครับ ใครอยากทำอะไรก็ทำไป จนผมรู้สึกว่าทุกคนเดินออกไปจากผมแล้วนั่นแหละครับ ผมถึงได้ยืนขึ้น เก็บเป้ ที่ถูกโยนไปกองอยู่ที่พื้น แล้วก็ออกเดินไปตามทางของผม

ผมเข้าใจครับกับการที่ไม่มีเพื่อนคนไหนเข้ามาช่วยผมตอนที่ผมโดนแกล้ง บางคนเขาอาจจะเห็นว่ามันก็แค่เล่นๆกันเฉยๆ บางคนอาจเห็นแล้วสนุกสนานตามไปด้วย และมีบางคนที่ผมเห็นด้วยกับเขาเหมือนกันว่า หากเข้ามาช่วยผม มันอาจเป็นการทำให้โดนแกล้งหนักขึ้นกว่าเดิมก็ได้ ดังนั้นทุกคนจึงดูอยู่ห่างๆ ในระยะที่เห็นว่าหากมีอะไรไม่ชอบมาพากลจริงๆก็สามารถเข้ามาช่วยเหลือได้ทัน
 
อดทนไว้ อีกไม่กี่วันก็ปิดเทอมแล้ว....ผมท่องไว้ในใจ...อดทำไว้ ไอ้ตั้ม ปิดเทอมเดี๋ยวก็ไม่เจออะไรแบบนี้แล้ว
.................................................................

สัปดาห์หน้าก็จะมีการสอบปลายภาคแล้วเพื่อนๆทยอยกันไปทานข้าวกลางวันที่โรงอาหาร แต่ผมยังนั่งทบทวนแบบเรียนอยู่ เพราะคิดว่ารอสักพักให้คนน้อยลงก่อน จะได้ไม่ต้องไปเบียดแย่งซื้ออาหารกลางวันกับคนอื่นๆ

“หมู่นี้ลูกหมาจอมซนเรียบร้อยผิดปรกตินะ” ราญ ที่นั่งออยู่ตรงข้ามผมพูดขึ้นมาลอยๆ
“................” ผมไม่ได้ตอบอะไรไป เพราะกำลังมีสมาธิอยู่กับแบบเรียนตรงหน้า
“ตั้ม หมู่นี้ทำตัวเหินห่างกับเพื่อนๆนะ รู้ตัวรึเปล่า” คราวนี้ ราญ เรียกแล้วเอื้อมมือมาบังหน้าแบบเรียนที่ผมอ่านอยู่
“เหรอ.......ขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจ” ผมเงยหน้าขึ้นตอบ
 “หยุดอ่านแล้วมาคุยกันก่อนดีกว่า” พูดจบ ราญ ก็ลุกมานั่งข้างๆผม แล้วเอื้อมมือมาปิดหนังสือแบบเรียนที่ผมอ่านอยู่ โดยไม่ลืมหยิบที่คั่นหนังสือเล็กๆมาคั่นหน้าหนังสือไว้ด้วย ผมจึงต้องหยุดการทบทวนแบบเรียนไปโดยปริยาย
“จะคุยไรเหรอ” ผมยกขาขึ้นมานั่งขัดสมาธิ แล้วหันตัวไปทาง ราญ ที่อยู่ข้างๆ
“ตั้งแต่วันนั้นเงียบๆไปนะ ไม่เห็นร่าเริงเหมือนเคย”
“................” ผมก้มหน้านิ่งไม่ตอบอะไร ผมรู้ว่า ราญ หมายถึงวันนั้น....วันที่ ราญ เห็นผมร้องไห้
“ทำหน้านิ่งๆแบบนี้อีกแล้ว........ไม่เอา ทำหน้าแบบนี้ ไม่น่ารักเลย” ผมเงยหน้ามองหน้า ราญ แบบ งง งง ….ผมเนี่ยนะ น่ารัก “เพื่อนๆเป็นห่วงกันนะ รู้มั๊ย” ราญ พูดต่อ
“แล้วพี่ชายเป็นห่วงน้องมั่งมั๊ยอะ” ผมถามเสียงอ้อนๆ เหมือนเวลาที่ผมพูดกับพี่ๆที่บ้าน
“ห่วงสิ” ราญหัวเราะ “พวกนั้นก็ห่วงนะ” พูดพลาง ราญ ก็เอามือมาจับมือผมไว้
“พวกไหนอีกอะ” ผมขมวดคิ้วถาม
“ก็พวก....พวก” ราญ อึกอักสักพัก “พวกเพื่อนๆนั่นแหละ.......เอาน่า ยังไงก็รีบๆร่าเริงให้เหมือนเดิมก็แล้วกัน” ราญพูดต่อ
“จะพยายามค๊าบบบบบ” ผมตอบแล้วยิ้มนิดๆ “เดี๋ยวปิดเทอมจะไปนั่งเลียแผลใจก่อน เปิดเทอมใหม่แล้วค่อยว่ากันนะ”
“โห......ยาวไปโน่นเลยเหรอ แต่เอานะ พยายามเข้าแล้วกัน พวกเราน่ะอยากให้ ตั้ม กลับมาเป็นเสียงหัวเราะของพวกเราเหมือนเดิม ว่าแต่รีบไปโรงอาหารกันดีกว่า ไม่รู้พวก กร ยังรออยู่รึเปล่า”

ผมกับ ราญ หันไปเก็บของลงเป้ แล้วหยิบเป้ขึ้นสะพายไหล่ ก่อนจะเดินไปโรงอาหาร ผมก็ถาม ราญ
“พี่ชายไม่ได้เล่าให้พวกนั้นฟังใช่มั๊ย” ผมหมายถึง กลุ่มเพื่อนสนิท และเรื่องที่เกิดขึ้นภายในตึกใหม่ที่กำลังก่อสร้างอยู่ในวันนั้น
“ก็ไม่ได้เล่า อยากให้พวกนั้นรู้เหรอ” ราญ ตอบโดยไม่ต้องคิดเลยว่า ตั้ม ถามถึงเรื่องไหน แล้วถามกลับไป ทั้งๆที่รู้ดีถึงคำตอบ
“ไม่อะ อย่าเล่านะ พี่ชายอย่าเล่าให้ใครฟังนะ ไม่ว่าใคร แล้วก็.................”  ผมคิดอยู่ว่าจะพูดดีหรือไม่

“...............” ราญ มองหน้า ตั้ม นิ่ง คิดว่า ตั้มจะพูดในสิ่งที่เขาคิดหรือเปล่า
“พี่ชายอย่าไปมีเรื่องกับใครเพราะ ตั้ม นะ” ....นั่นไงอย่างที่เขาคิด... “ไม่ว่าใครเจ็บตัว ตั้ม ก็เจ็บด้วยนะ” ...ตั้ม ห่วงคนอื่นเสมอ ทั้งพวกผม และเพื่อนคนอื่นๆ รวมทั้ง ‘พวกนั้น’ ที่ทำให้ ตั้ม ‘เจ็บ’... ราญ อดนับถือไม่ได้ในความมีน้ำใจต่อเพื่อนของ ตั้ม ถ้าเป็นเขา เขาจะทำได้แบบนี้หรือเปล่า

“อื้อ พี่ให้สัญญา พี่ไม่ไปมีเรื่องกับใครที่ไหนหรอก แล้วเรื่องนั้นด้วย เอาเป็นว่ามันเป็นความลับของพวกเราดีมั๊ย” ราญ พูดยิ้มๆแล้วก็ทำท่าจะเดินออกไป แต่ก็หันมามองหน้าผมนิดหนึ่ง ทำหน้ายิ้มกวนๆ แล้วพูดขึ้นมา

“รีบๆเข้าแล้วกัน มีคนรออยู่” พูดแล้ว ราญ ก็เอามือขยี้หัวผมเบาๆ แล้วก้มมากระซิบที่หูผม “ไอ้ลูกหมาน้อย” แล้ว ราญ ก็จูงมือผมพาวิ่งเหยาะๆไปยังโรงอาหาร

แต่เอ๊ะ...ทำไมผมรู้สึกว่าคำพูดพวกนี้มันคุ้นๆยังไงก็ไม่รู้สิ

หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๘ /๔ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: อาจารย์..สีฟ้า ที่ 04-04-2008 09:17:16
เข้ามาติดตาม..แต่ค้างอย่างแรงอีกแล้ว  o12 o12 o12

เป็นกำลังใจให้เสมอครับ  :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๙ /๔ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 04-04-2008 10:51:42
๙ ปิดเทอมใหญ่ หัวใจร่าเริง

คงเป็นเพราะช่วงปิดเทอมใหญ่ ไม่มีอะไรมากวนใจผม สีสันของความร่าเริงและรอยยิ้มจึงได้กลับมาฉายอยู่บนใบหน้าของผมอีกครั้ง โดยที่ทางบ้านคิดว่าการที่ผมซึมๆไประยะหนึ่ง คงเป็นผลมาจากการไม่สบายจนต้องหยุดเรียนไปถึง ๓ วันในครั้งนั้น ทำให้ต้องคอยติดตามบทเรียน และทำงานที่ครูแต่ละท่านสั่งไว้ให้ครบ ประกอบกับเป็นช่วงใกล้สอบปลายภาค ผมก็เลยเพลียและเครียดจนทำให้ซึมไป

ปิดเทอมใหญ่คราวนี้ ผมขออนุญาตทางบ้านออกไปร้านเช่าหนังสือสัปดาห์ละ ๒ ครั้งในวันจันทร์และวันพฤหัสบดี บางวันผมก็จะแวะไปหา ตุ่ม หรือ เต่า ที่บ้าน บางครั้งก็อาจนัดเจอกันกับเพื่อนในกลุ่มพร้อมกันหลายๆคนที่โรงเรียน ซึ่งอาจติดตามมาด้วยการไปทัศนะศึกษานอกสถานที่เป็นครั้งคราว.....ไปเที่ยวตามห้างนั่นแหละครับ หุ หุ หุ.....และผมต้องบอกทางบ้านทุกครั้งว่าจะไปไหนกันบ้าง ปรกติผมก็จะออกจากบ้านตั้งแต่เช้าพร้อมพี่ๆ ถึงโรงเรียนประมาณ ๗ โมงเช้า แต่กว่าร้านหนังสือจะเปิดก็ประมาณ ๘ โมงครึ่ง ช่วงเวลาที่ว่างอยู่ ผมก็จะหาอะไรทานแถวๆโรงเรียนก่อน แล้วก็เข้าไปนั่งเล่นในโรงเรียนรอเวลาร้านหนังสือเปิด

เช้าวันพฤหัสบดีหนึ่งก่อนที่จะถึงเทศกาลสงกรานต์ หลังจากที่ผมทานโจ๊กเสร็จ ผมก็เข้าไปในโรงเรียนเพื่อไปนั่งรอเวลาเหมือนเดิม

“เฮ๊ย....ไอ้ ตั้ม มาทำอะไรแต่เช้าวะ” เสียงเรียกคุ้นๆหูดังมาจากโต๊ะใต้ตึกใกล้ๆประตูโรงเรียน ผมมองไปก็เจอ ชัย 
“มานี่เลยมึง มาไวไวอย่าช้า” ชัย กวักมือเรียก ผมมองไปรอบๆเห็นลุงยามนั่งอยู่ที่ม้านั่งติดประตูใหญ่ ยังมีคนอยู่พอให้ใจชื้นหน่อย
“นั่งตรงนั้นทำไม” ผมกำลังจะนั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม ชัย “มานั่งฝั่งนี้ ข้างๆกูนี่ ที่ยังมีอีกเยอะ” ผมเลยเดินไปนั่งอยู่ข้างๆ ชัย บนเก้าอี้ยาว
“หิ้วอะไรมาเยอะแยะ ไหนเอามาดูดิ๊” แล้ว ชัย ก็คว้าเอากระเป๋าสะพายผมไปเปิดดู “กินไรมารึยัง เอ้า .... เอานี่ไปกิน”
ชัย ยื่นถุงถั่วตัดถุงใหญ่ให้ผม ผมมองอึ้งๆ คิดในใจว่าจะโดนหลอกให้กินอะไรประหลาดๆรึเปล่าเนี่ย
“น่ารำคาญมึงหว่ะ เฉยอยู่ได้ บอกให้กินก็กินดิ” แล้ว ชัย ก็หยิบถั่วตัดชิ้นหนึ่งยัดเข้ามาในปากผม “อร่อยนะเว้ย เพิ่งออกจากเตาร้อนๆเมื่อเช้าเลย บ้านกูทำเอง”

โห.....อร่อยจริงๆด้วย ผมคิดในใจ ทั้งกรอบ ทั้งหวาน ทั้งมัน ทั้งหอมๆถั่วใหม่ ได้กินของอร่อยผมก็ยิ้มสิครับ
“อื้อ....อร่อยมากเลยอะ ชัย ปรกติที่ซื้อกินมันไม่เห็นอร่อยอย่างนี้เลย สงสัยเพราะเพิ่งทำเสร็จอะเน๊อะ นี่ยังอุ่นๆอยู่เลย ทั้งหอม ทั้งอร่อยเลย อะ บ้านชัยทำขายเหรอ มียี่ห้อพิมพ์ที่ถุงด้วย” ผมมองเห็นตรายี่ห้อกับชื่อร้านอยู่บนถุง “สงสัยขายดีน่าดูเน๊อะ ต้องทำตรากับยี่ห้อเป็นของตัวเอง” ผมพูดต่อแล้วหันไปยิ้มให้ ชัย พลางกัดถั่วตัดในมือเป็นคำเล็กๆเข้าปาก เคี้ยวให้มันมีเสียงกร๊อบๆ
“อร่อยก็กินเยอะๆ มีตั้งถุงเบ้อเร่อ แล้วนิยายพวกนี้มึงอ่านเองหรือคนฝากมาคืนร้าน” มีตราร้านเช่าประทับอยู่ที่หนังสือครับ
“เราเช่ามาอ่านน่ะ เดี๋ยวเอาไปคืนร้าน” ผมตอบหลังจากเคี้ยวถั่วตัดจนหมดคำ แล้วกัดถั่วตัดเข้าปากไปอีกคำ
“เล่มนี้ท่าทางสนุกหว่ะ เดี๋ยวกูไปร้านกับมึงด้วยดีกว่า พอมึงคืนแล้วกูจะได้เช่าต่อเลย” ชัย พูดขณะที่พลิกหนังสือในมืออ่านคร่าวๆ
“อ้าวแล้วไหนบอกว่าอร่อยไง กินแค่นั้นน่ะเหรอ กินอีกดิวะ” ชัย หันมาบอก เมื่อเห็นว่าเสียงเคี้ยวถั่วตัดของผมเงียบไป
“๒ ชิ้นพอแล้วอะ พอดีเราเพิ่งทานโจ๊กมา ยังอิ่มอยู่เลย ไม่งั้นนะจะทานให้หมดเลย อิ อิ” ผมหัวเราะหน้าบาน พลางหยิบหนังยางมามัดปากถุงถั่วตัด
“เออ มึงก็ต้องกินบ้าง ไม่ใช่อยู่บ้านไม่ได้ทำไรก็ไม่หิว ไม่กิน  กูอยากให้มึงอ้วนมีเนื้อมีหนังกว่านี้หน่อย เอาให้แก้มยุ้ยๆหน่อย” พูดแล้วมันก็เอามือแตะเบาๆที่แก้มผม ๒-๓ ที ผมกำลังอารมณ์ดี ก็เลยยิ้มให้มันไป สงสัยเพราะถั่วตัด เอ๊ยยยย....ม่ายช่ายยยยยคงเป็นเพราะ ชัย พูดกับผมเป็นมิตรกว่าที่เคย ทำให้ลืมนึกไปว่า ชัย รู้ได้ไงว่าเวลาผมอยู่บ้านผมไม่ค่อยกินอะไรจริงๆ เพราะวันๆเอาแต่อ่านหนังสือ เลยไม่ค่อยรู้สึกหิว

ชัยมองหน้าผมนิ่งๆพักนึงก็เอามือมาจับมุมปากซ้ายผม ผมสะดุ้งตกใจนิดหน่อย กำลังคุยกันดีๆ ชัย จะแกล้งอะไรผมอีกรึเปล่า
“อยู่นิ่งๆ มึง .....กูไม่แกล้งไรมึงหรอก” ชัยพูดเหมือนรู้ แล้วก็ลูบมุมปากด้านซ้ายผมเบาๆ แล้วเลื่อนมาลูบที่แก้มสักครู่ก็ลูบผ่านหางตาไปที่หางคิ้วซ้าย แล้วก็ลูบเบาๆอยู่นาน ผมรู้สึกว่า สายตา ชัย ตอนนี้ เปลี่ยนไปมาบางทีก็เหมือนตอนที่ ราญ เอาน้ำแข็งปะคบมือผม บางทีก็เหมือน ปอ ตอนที่จับมือผมในห้องสมุดตอนนั้น

“กูกลับบ้านก่อนดีกว่า ถั่วตัดมึงเอาไว้กินแล้วกัน” พูดจบ ชัย ก็ผลุนผลันลุกขึ้นจากเก้าอี้ แล้วก็เดินออกจากโรงเรียนไปด้วยความรวดเร็ว ปล่อยให้ผมนั่ง งง ว่าทำไม ชัย ถึงได้จากไปอย่างรีบร้อนนัก
.......................................................

เวลาผ่านไปนานพอสมควร เมื่อผมอ่านนิยายเล่นที่อ่านค้างอีก ๑๐ กว่าหน้าจนจบเล่ม ผมก็เก็บหนังสือลงกระเป๋าสะพายแล้วไปยังร้านหนังสือ ส่วนถุงถั่วตัดผมถือเอาไว้ เพราะกลัวว่าถ้าใส่กระเป๋าแล้ว ถั่วตัดจะแหลกเป็นชิ้นเล็กๆ หลังจากที่ทางร้านเซนต์ใบรับหนังสือให้ผมเรียบร้อย ผมก็เริ่มเลือกดูว่า มีหนังสือเล่มไหนที่ดูน่าอ่านสำหรับผมบ้าง

“ตั้ม.......ตั้มโว๊ย มานานรึยัง” เสียงเรียกดังมาจากทางหน้าร้าน ผมหันไปมอง ก็เห็นเต่าโบกมือให้ มี ตุ่ม กับ ราญ ยืนอยู่ด้วย ทั้ง ๓ คนเดินเข้ามาหาผมข้างในร้าน
“เพิ่งมาได้แป๊บนึงอะ แล้วนี่มากันได้งาย” ผมถามด้วยความสงสัย
“นัดกันมาให้นายเซอไพรส์เล่น” ตุ่ม บอก
“ไม่เห็นจะเซอไพรส์อะไรเลย” ผมกำลังจะพูดต่อ แต่.......
“เพราะว่าตอนเช้ามีอะไรให้เซอไพรส์มาแล้วเหรอไง ตอนนี้เลยเฉยๆ” ราญ พูดขัดขึ้นมา แล้วก็หัวเราะเบาๆ พลางเหลือบตามองถุงถั่วตัดในมือผม แล้วก่อนที่ผมจะถามอะไรออกไปตุ่ม ก็พูดขึ้นมาก่อน
“มาชวนไปกินไอติมกัน เดี๋ยวเราเลี้ยง วันนี้วันเกิดเราเอง นี่โทรฯไปชวนพรรคพวกตั้งแต่เมื่อคืน มากันได้แค่นี้เอง ที่เหลือไม่ว่าง”
“อ้าว วันเกิดนายเหรอ แย่ดิ ไม่ได้เตรียมของขวัญไว้ให้เลย”
“งั้นเดี๋ยวนายจ่ายค่าไอติมครึ่งนึงเป็นของขวัญให้เราแล้วกัน” ตุ่ม ยิ้มกวนๆ
“ม่ายอาวววววว.........จากินฟรีอะ” ผมลากเสียงตอบไป แล้วพวกเราก็หัวเราะกัน
“แล้วถุงไรในมือนั่น” เต่ามองมาที่ถุงถั่วตัดในมือผม ผมก็เลยยื่นส่งให้ “ถั่วตัดนี่หว่า ขอหน่อยแล้วกันกำลังอยากหาอะไรเคี้ยวเล่น” เต่า รับไว้ แล้วทำท่าจะแก้หนังยางที่รัดปากถุงออก แต่ ราญ มาคว้าถุงถั่วตัดไปจากมือ เต่า
“เฮ๊ย ถ้าอยากกินเดี๋ยวออกไปซื้อตรงโน้นกัน ถุงนี้คืน ตั้ม มันไป อย่าไปยุ่งของมัน” ราญ ว่าแล้วส่งถุงถั่วตัดให้ผม
“อารายวะ แค่นี้ ตั้ม มันไม่หวงหรอก” เต่า ประท้วง
“ไม่หวงหรอก จะหวงทำไมอะ ถุงเบ้อเร่อ มาๆ กินด้วยกัน แบ่งกัน” ผมกำลังจะแก้หนังยางที่รัดปากถุงออก ราญ ก็ห้ามไว้อีก
“ไม่ต้อง ตั้ม ถุงนี้ ตั้ม เก็บไว้กินคนเดียว เดี๋ยวพวกเราไปซื้อขนมกันก่อน ป่ะ....ไปร้านขนมตรงโน้นกัน” แล้ว ราญ ก็คว้าข้อมืออีก ๒ คนให้เดินออกไปนอกร้าน
“ค่อยๆเลือกหนังสือ ไม่ต้องรีบนะตั้ม เดี๋ยวพวกเรามา” ราญ หันมาพูดก่อนที่จะพากันเดินตรงไปยังร้านขนมจันอับที่อยู่ไม่ไกลจากร้านหนังสือนัก

หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๙ /๔ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: Mono_Koro ที่ 04-04-2008 12:03:13
งืม~~~~ :m1:

น่ารักจาง

สงสัยชัยคิดอะไรกะตั้มเเน่เลย :m13:

หุ หุ

เอาใจช่วยคนเขียนครับ

รีบมาต่อนะคัฟฟฟฟ o13
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๙ /๔ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 04-04-2008 18:20:58
งืม~~~~ :m1:

น่ารักจาง

สงสัยชัยคิดอะไรกะตั้มเเน่เลย :m13:

หุ หุ

เอาใจช่วยคนเขียนครับ

รีบมาต่อนะคัฟฟฟฟ o13

นั่นซิน้ออออ.....ชัย คิดอะไรอยู่น๊าาาาาา   :laugh:
ถ้า ชัย อ่านอยู่ รีบมาตอบเร็วเข้า คนเขียนก็ยังสับสนอยู่เหมือนกัน  :oni3:
แต่แหม ทำซะขนาดนี้ ใครเห็นเข้าเค้าก็ต้องคิดว่า ชัย คิดแน่ๆ  :o8:
เอ...แล้วตกลง ชัย คิดหรือเปล่าหว่า  :serius2:
โปรดรอสักครู่ ท่านจะได้อ่านตอนต่อไป คนเขียนขออนุญาติเติมพลังให้กองทัพก่อนนะครับ  :sad2:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๑๐ /๔ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 04-04-2008 20:14:35
๑๐ เจอกันเมื่อตอนปิดเทอม

“เดี๋ยวนายนั่งรอก่อนนะ ขอคุยโทรศัพท์ก่อน” ราญ หันไปบอก ชัย ที่มาหาเขาถึงบ้าน ชัยจึงเดินไปนั่งที่เก้าอี้ของชุดรับแขกกลางห้อง พักผ่อนซี่งอยู่บนชั้น ๒ ของบ้าน แล้วหยิบหนังสือพิมพ์บนโต๊ะมาพลิกๆดูอย่างไม่ค่อยสนใจนัก

“แล้ว ตั้ม มันจะออกมาแน่เหรอ” ราญ พูดกรอกไปในโทรศัพท์
“~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~” ทางโน้นคงพูดยาว
“เหรอ ก็ดีเหมือนกัน ตั้ม มันจะได้ไม่ต้องออกมาอีกวันหลัง บ้านมันไกล”
“~~~~~~~~~~~~~~”
“ฮ่าๆๆ ไปว่ามัน ถ้ามันได้ยินมันคงเถียงแบบเดิมๆ ว่าอยู่ๆภูเขาก็มาโผล่อยู่หน้าบ้านมันเอง ไม่ใช่ว่าบ้านมันอยู่หลังเขาซักหน่อย” ชัยได้ยินพลอยอมยิ้มไปด้วย นึกถึงเวลาที่ใครว่า ตั้ม ว่าบ้านอยู่หลังเขา
“~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~”
“งั้นก็ตามนั้นแล้วกัน แค่นี้ก่อนนะ ชัย มันนั่งรออยู่ พรุ่งนี้เจอกัน” แล้ว ราญ ก็วางหูโทรศัพท์ เดินมานั่งที่เก้าอี้รับแขกฝั่งตรงข้าม ชัย

บ้านของ ราญ เป็นตึกแถว ๓ ห้อง ชั้นล่างเป็นร้านขายอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าร้านใหญ่ในย่านนั้น ส่วนบ้านของ ชัย ซึ่งอยู่ถัดไปอีกไม่กี่ห้องนั้น เป็นร้านขายขนมที่มีชื่อเสียงพอสมควร เพราะถั่วตัด และขนมเปี๊ยะใส้ต่างๆในร้าน สด ใหม่ทุกวัน จึงมีลูกค้ามากมายทั้งในย่านนั้น หรือลูกค้าที่นั่งรถมาซื้อจากย่านอื่น ราญ กับ ชัย จึงสนิทสนมกันพอสมควร

“วันนี้มีอะไรรึเปล่า มาหาเราเนี่ย” ราญ ถาม
“เซ็งๆหว่ะ เลยว่าจะมานั่งคุยอะไรเล่น” ชัย ตอบแล้วถามต่อ “พรุ่งนี้ไปไหนกันเหรอไง” ชัยคิดว่า ราญ คงนัดกับเพื่อนในกลุ่มแน่ๆ
“อ๋อ พรุ่งนี้วันเกิด ตุ่ม ...มันเลยโทรฯมาชวนไปกินไอติม ไปมะ มีเรา ตุ่ม เต่า” ราญ เว้นระยะพูดนิดหนึ่ง “แล้วก็ ตั้ม” .......นั่นไง สีหน้าเปลี่ยนเชียวนะ........ ราญ คิด ราญ ก็พอรู้อยู่บ้างว่าที่จริง ชัย ก็เอ็นดู ตั้ม อยู่ไม่น้อยเหมือนกัน ทั้งๆที่แกล้งกันอยู่บ่อยๆก็เถอะ
“แล้วนัด ตั้ม มันไว้แล้วเหรอ นัดกันยังไง บ้านมันไม่มีโทรศัพท์” ชัยสงสัย
“ก็พรุ่งนี้วันพฤหัสบดี ปรกติ ตั้ม มันออกจากบ้านมาที่ร้านหนังสืออยู่แล้ว เดี๋ยวไปเจอมันที่ร้านเลย”
“อ้าว แล้วจะรู้เหรอว่ามันไปร้านตอนไหน” ชัยยังไม่หายสงสัย
“มันก็มาที่โรงเรียนตั้งแต่เช้าก่อน ซัก ๗ โมงมั้ง” .....อ้าวเผลอไป น่าจะบอกว่า ตี๕ อยากรู้ชัยมันจะว่ายังไง...... ราญคิดในใจ
“มันอยู่ที่โรงเรียนนั่นแหละ จนเวลาร้านเปิด มันค่อยไปที่ร้าน เดี๋ยวพวกเราไปหา ตั้ม มันที่ร้านตอนซัก ๙ โมงก็เจอ มันอยู่ที่ร้านทีนึงเกินครึ่งชั่วโมงอยู่แล้ว” ราญ พูดต่อ นึกเสียดายไม่หาย น่าจะแกล้ง ชัย มันซะบ้าง แต่อย่าดีกว่า ให้ ตั้ม มันมีพี่ชายคนเดียวก็พอแล้ว มีเพิ่มอีก เดี๋ยวกลายเป็นลูกแหง่ไปมากกว่านี้ แล้วอีกอย่าง เรื่องอะไรจะยอมยกน้องตัวให้เป็นน้องคนอื่น ราญ นึกแล้วก็อมยิ้ม
“อะไรของมึงวะ อยู่ๆก็ยิ้มแปลกๆ” ชัย เริ่มไหวตัว
“เปล่า เรานึกอะไรขำๆขึ้นมาได้ ว่าแต่นาย พรุ่งนี้ไปด้วยกันรึเปล่า”
“คิดดูก่อน ถ้าไปก็เจอกัน”
...เราว่าเราคงได้เจอนายแน่...ราญ นึกอย่างขำๆ

แล้ว ชัย ก็ชวน ราญ คุยเรื่องสัพเพเหระไปเรื่อยๆ นานพอสมควรจึงได้ออกจากบ้าน ราญ กลับไปช่วยงานที่บ้านต่อ
...............................................................

“ไหนว่ามันมาตั้งแต่เช้าไงวะ  นี่ ๗ โมงครึ่งแล้ว ยังไม่เห็นโผล่เลย” ชัยบ่นเบาๆ เขานั่งอยู่ที่โต๊ะใต้ตึกใกล้ๆประตูโรงเรียนมาตั้งแต่เวลาเกือบๆ ๗ โมง ป่านนี้แล้วยังไม่เห็นใครซักคน  เอ๊ะ เดี๋ยวก่อน นั่นใครเดินเข้าประตูมาวะ

ร่างบางๆในชุดเสื้อยืดคอกลมและกางเกงสามส่วนสีขาว สวมทับด้วยเสื้อแจคเกตแขนยาว เป็นผ้าตาสกอตเล็กๆสีน้ำเงินเข้ม สลับสีเขียวหัวเป็ด มีเส้นสีแดงกับเส้นสีขาวพาดเป็นลายเส้นบางๆ ด้านหลังของเสื้อ มีลวดลายเป็นรูปขบวนรถไฟ สวมรองเท้าผ้าใบขาว ใส่ถุงเท้าสีขาวไว้ครึ่งน่อง สะพายกระเป๋าสะพายสีเขียวหัวเป็ด ดูแล้วรับกันกับปกเสื้อและข้อมือของเสื้อแจคเกต ภาพที่เห็นราวกับหุ่นโชว์ชุดเด็กในห้างใหญ่ๆที่เขาเคยเห็น ผมที่ยาวจนปิดใบหูไปครึ่งหนึ่ง ทำให้ใบหน้าที่ดูเด็กอยู่แล้วนั้น ยิ่งมองดูเด็กลงไปอีก จนนึกว่าเป็นเด็กประถมตัวโตๆ มากกว่าเด็กวัยรุ่นที่กำลังจะขึ้นชั้นมัธยม ๓

...น่ารักขนาดนี้นี่เอง ราญ มันถึงได้รักนักรักหนา น่าอิจฉามันหว่ะ ถ้ากูได้น้องน่ารักแบบนี้มั่งก็ดีสิวะ... ชัย นึกในใจ

“เฮ๊ย....ไอ้ ตั้ม มาทำอะไรแต่เช้าวะ” ผมตะโกนเรียกไป ตั้ม หันมามองผม ดูสีหน้าตกใจไม่น้อย
“มานี่เลยมึง มาไวไวอย่าช้า” ผม กวักมือเรียก ตั้ม มันเหลียวมองไปรอบๆ สักครู่ก็เดินมาหาผมที่โต๊ะ
“นั่งตรงนั้นทำไม” ตั้ม กำลังจะนั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามผม “มานั่งฝั่งนี้ ข้างๆกูนี่ ที่ยังมีอีกเยอะ” ผมรีบบอกให้ ตั้ม มันมานั่งข้างๆผมบนเก้าอี้ยาว
“หิ้วอะไรมาเยอะแยะ ไหนเอามาดูดิ๊” แล้วผมก็หยิบเอากระเป๋าสะพายของ ตั้ม มาเปิดดู “กินไรมารึยัง เอ้า .... เอานี่ไปกิน” ผมยื่นถุงถั่วตัดถุงใหญ่ให้ ตั้ม เห็นมันมองทำหน้าอึ้งๆ คงคิดในใจว่าผมจะหลอกเอาอะไรประหลาดๆให้มันกิน
“น่ารำคาญมึงหว่ะ เฉยอยู่ได้ บอกให้กินก็กินดิ” แล้วผมก็หยิบถั่วตัดชิ้นหนึ่งยัดเข้าไปในปาก ตั้ม  “อร่อยนะเว้ย เพิ่งออกจากเตาร้อนๆเมื่อเช้าเลย บ้านกูทำเอง” ผมพูดด้วยความภูมิใจ
“อื้อ....อร่อยมากเลยอะ ชัย ปรกติที่ซื้อกินมันไม่เห็นอร่อยอย่างนี้เลย สงสัยเพราะเพิ่งทำเสร็จอะเน๊อะ นี่ยังอุ่นๆอยู่เลย ทั้งหอม ทั้งอร่อยเลย อะ บ้านชัยทำขายเหรอ มียี่ห้อพิมพ์ที่ถุงด้วย” มันมองไปที่ตรายี่ห้อกับชื่อร้านที่อยู่บนถุง “สงสัยขายดีน่าดูเน๊อะ ต้องทำตรากับยี่ห้อเป็นของตัวเอง” มันพูดต่อแล้วหันมายิ้มให้ผม พลางกัดถั่วตัดเข้าไปคำเล็กๆ

เห็น ตั้ม เคี้ยวถั่วตัดดังกร๊อบๆแล้วน่าขำ เวลากินยังเหมือนเด็ก แต่ดูแล้วก็รู้สึกอร่อยไปด้วย เออ...มารยาทดีเชียวนะเอ็ง กินอะไรทีก็เอาเข้าปากทีละนิด เคี้ยวหมดปากก่อนแล้วค่อยพูด บทจะเรียบร้อยก็ยังกับผ้าพับไว้ แต่เวลาอยู่กับเพื่อนกระโดดมั่ง วิ่งมั่ง ไปหาคนโน้นคนนี้ อยู่ไม่สุขเหมือนลูกหมาซนๆที่ชอบวิ่งไปงับโน่นงับนี่อยู่ตลอดเวลา......ชัยนึกพลางยิ้มด้วยความนึกเอ็นดูคนที่อยู่ข้างๆ
“อร่อยก็กินเยอะๆ มีตั้งถุงเบ้อเร่อ แล้วนิยายพวกนี้มึงอ่านเองหรือคนฝากมาคืนร้าน” ผมถามพลางหันไปทำท่าว่าสนใจกับหนังสือ หลบสายตากับรอยยิ้มซื่อๆหวานๆ แถมพกด้วยความไร้เดียงสาตามภาษาของมันที่ส่งมาให้ผม มันทำให้ผมรู้สึกวูบวาบแปลกๆอยู่ในใจ
 “เราเช่ามาอ่านน่ะ เดี๋ยวเอาไปคืนร้าน” ตั้ม ตอบหลังจากเคี้ยวถั่วตัดจนหมดคำ แล้วกัดถั่วตัดเข้าปากไปอีกคำ
“เล่มนี้ท่าทางสนุกหว่ะ เดี๋ยวกูไปร้านกับมึงด้วยดีกว่า พอมึงคืนแล้วกูจะได้เช่าต่อเลย” ผมพลิกหนังสือในมืออ่านคร่าวๆ รู้สึกว่าเสียงมันเงียบไป เลยหันไปดู เห็น ตั้ม กำลังหยิบหนังยางเตรียมมัดปากถุงถั่วตัด
“อ้าวแล้วไหนบอกว่าอร่อยไง กินแค่นั้นน่ะเหรอ กินอีกดิวะ”
 “๒ ชิ้นพอแล้วอะ พอดีเราเพิ่งทานโจ๊กมา ยังอิ่มอยู่เลย ไม่งั้นนะจะทานให้หมดเลย อิ อิ” ตั้ม มันหัวเราะหน้าบาน อ้อ ไปกินโจ๊กมานี่เอง ถึงมาเอา ๗ โมง ครึ่ง
“เออ มึงก็ต้องกินบ้าง ไม่ใช่อยู่บ้านไม่ได้ทำไรก็ไม่หิว ไม่กิน  กูอยากให้มึงอ้วนมีเนื้อมีหนังกว่านี้หน่อย เอาให้แก้มยุ้ยๆหน่อย” ผมเผลอพูดไป เพราะ ราญ เคยเล่าให้ฟังว่า ตอนปิดเทอม ตั้ม มันเอาแต่อ่านหนังสือ ไม่ค่อยกินอะไร มองไปเห็นมันมองผมตาแป๋ว น่ารักจนผมอดใจไม่ได้ ก็แลยเอามือแตะเบาๆที่แก้ม ตั้ม ๒-๓ ที มันคงกำลังอารมณ์ดี ก็เลยยิ้มให้ผม สงสัยเพราะถั่วตัดแสนอร่อยของบ้านผม หรือไม่ก็เป็นเพราะผมพูดกับมันด้วยความเป็นมิตรกว่าที่เคย

มองๆแล้วมันก็น่ารักดี ไม่สิ.....น่ารักฉิบหายเลย ดีนะ ที่หกล้มในห้องเรียนคราวนั้นไม่ทิ้งรอยแผลเป็นไว้เลย ผมนึกถึงอุบัติเหตุในห้องแล้วก็เอามือมาจับมุมปากซ้ายของ ตั้ม มันสะดุ้งตกใจนิดหน่อย สงสัยจะกลัวว่าผมจะแกล้งอะไรมัน
“อยู่นิ่งๆ มึง .....กูไม่แกล้งไรมึงหรอก” ผมพูดไปแล้วก็ลูบมุมปากด้านซ้าย ตั้ม มันเบาๆ .....ไม่มีรอยอะไรทิ้งไว้จากแผลคราวนั้น....แล้วเลื่อนมาลูบที่แก้มมันอยู่ครู่หนึ่ง แล้วลูบผ่านหางตาไปที่หางคิ้วซ้าย แล้วก็ลูบเบาๆพลางนึกในใจ ........เจ็บมากรึเปล่าวะตอนนั้น คิดๆไปสงสารมึงเหมือนกันหว่ะ เจ็บตัวจนต้องหยุดเรียนไปหลายวันเพราะพวกกู แล้วมาโดนพวกกูพูดใส่ซะขนาดนั้น วันนี้ยังมายิ้มให้กูอีก  เออ...นึกขึ้นได้ ไม่เห็นมึงยิ้มมานานแล้วนี่หว่า ทำกูเป็นห่วงนะมึง........มาทำมองกูตาแป๋วอีก เดี๋ยวกูก็............เฮ๊ย.............กูคิดอะไรของกูวะนี่ แล้วไหน ราญ บอกว่ามันไม่ค่อยกินอะไร ทำไมมันดูมีเนื้อมีหนังแบบนี้วะ จับตรงไหนก็นิ่มไปหมด แล้วกลิ่นหอมจางๆจากตัวมันอีก กลิ่นออกไทยๆ จะว่าน้ำอบไทยก็ไม่ใช่ ทำเอากูอยากเอาจมูกไปสูดกลิ่นที่ตัวมันให้ชื่นใจ

...........ไม่ได้แล้ว ก่อนที่กูจะตะบะแตก เสียฟอร์มแย่แน่กู

“กูกลับบ้านก่อนดีกว่า ถั่วตัดมึงเอาไว้กินแล้วกัน” แล้วผมก็รีบลุกขึ้น เดินออกนอกโรงเรียนไปโดยไม่หันกลับไปมอง ตั้ม เลย
...............................................................

ฮ่าๆๆ ไอ้ราญ เอ๊ย กูรู้แล้วมึงรู้สึกยังไงเวลาอยู่ใกล้ ไอ้ตั้ม ความรู้สึกของพี่ชายมันเป็นอย่างนี้นี่เอง มันจะยอมรับกูเป็นพี่ชายอีกสักคนมั๊ยวะ... ไอ้ตั้ม...ไอ้ลูกหมาตัวน้อยๆ ของพวกกู

หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๑๐ /๔ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: อาจารย์..สีฟ้า ที่ 04-04-2008 20:43:12
ตั้งแต่อ่านมา ก่อนอื่นต้องขอชม คนโพสต์ก่อนนะครับ

"ว่าน้องรับผิดชอบเรื่องของตัวเองดีมากๆๆ ลงอย่างสม่ำเสมอ การใช้ภาษาเข้าใจง่าย  การวางหน้าก็วางได้ดี อ่านง่าย  น้องใช้ภาษาไทยได้ดีมาก ไม่มีคำผิดเลย นานๆ จะเห็นนักเขียนดีๆ เช่นนี้สักคน "

รักษาความดีไว้นะครับ  ผมเป็นกำลังใจให้  :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๑๑ /๔ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 04-04-2008 22:06:49
๑๑ เปิดเทอมใหม่ กับความเปลี่ยนแปลง

โอย......ผมยังง่วงอยู่เลยนะนี่ ปิดเทอมตื่นสายซะเคยตัว พอเปิดเทอมใหม่ต้องตื่นตั้งแต่ตี ๕ เพื่อออกจาบ้านตอน ๖ โมงเช้านี่เป็นเรื่องทรมานน่าดู แต่วันที่ออกไปร้านหนังสือตอนช่วงปิดเทอมไม่ยักกะเป็น อิ อิ......

ภาคเรียนใหม่นี้ โรงเรียนผมเปลี่ยนระบบการเรียนการสอนมาเป็นเข้าเรียนตอน ๘ โมงเช้า และเลิกเรียนประมาณ บ่าย ๓ พร้อมกันหมดทุกชั้นเรียน เพราะตึกใหม่ที่เริ่มทำการก่อสร้างมาตั้งแต่ภาคเรียนที่แล้ว ตอนนี้สร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทำให้มีห้องเรียนเพียงพอในการจัดห้องเรียนประจำชั้นให้แก่นักเรียนชั้นต่างๆเสียที หลังจากที่ใช้ระบบการเดินเรียนมาเป็นเวลานาน

แต่ถึงกระนั้น.......ผมก็มาโรงเรียนสายจนได้ เหตุผลง่ายๆครับ..................รถเสีย     T-T

ยังดีนะครับที่เสียเอาใกล้ๆอู่ซ่อมรถ ก็เลยเดินไปตามช่างมาดูได้ รถมือสองก็แบบนี้แหละครับ ต้องมีรวนบ้าง ( สมัยนั้นยังไม่มีโทรศัพท์มือถือใช้กันเกร่อแบบนี้หรอกครับ ขนาดโทรศัพท์สาธารณะในตัวเมือง ยังหายากเลย ยิ่งแถบชานเมืองไม่ต้องพูดถึง ) พอถึงโรงเรียนผมก็วิ่งแน่บไปที่ห้องประจำชั้น พร้อมกับความตื่นเต้นในใจ
..........เพื่อนใหม่จะเป็นยังไง
..........จะโดนใครเหม็นหน้าเอาบ้างรึเปล่า
..........เราจะเข้ากับเพื่อนใหม่ได้ไหม

ใช่แล้วครับผมโดนย้ายกลุ่ม หรือเรียกง่ายๆ ย้ายห้อง นั่นแหละครับ

น่าแปลก พวก ราญ ตุ่ม เต่า จก ต่อ กร แถมพกด้วย ศักดิ์ สิทธิ์ สมชาย ชัย ย้ายไปอยู่รวมกันหมดที่ห้อง ๒ พร้อมกับเพื่อนคนอื่นอีก  ๔-๕ คน ส่วน ปอ กับเพื่อนอีกจำนวนหนึ่ง ถูกย้ายไปอยู่ห้องที่เรียกว่าห้องการงาน ซึ่งเป็นห้องสำหรับเด็กที่เตรียมจะเข้าเรียนในสายอาชีพ อย่างงานช่าง หรือ พานิชย์ ซึ่งถูกมองว่าเป็นห้อง บ๊วย และยังมีกระจายไปตามห้องต่างๆอีกหลายห้อง ห้องละหลายๆคน
ในขณะที่เพื่อนๆถูกจับย้ายไปตามห้องต่างๆกันเป็นกลุ่มๆ แต่มีเพียงผมคนเดียว ที่โดนย้ายมาห้อง ๖ คนเดียว....หัวเดียวกะเทียมลีบเลยครับ ทั้งตื่นเต้น ทั้งกลัวนิดๆ ดีใจหน่อยๆเพราะได้เรียนตึกใหม่ครับ อิ อิ

“คุณครูค๊าบบบบ.....ขออนุญาติเข้าห้องค๊าบบบบ” ผมขออนุญาตครูที่ปรึกษาทั้งสองท่าน พร้อมกับหอบแฮ่กๆ เพราะวิ่งมาจากประตูโรงเรียนจนมาถึงชั้น ๔ ของตึก
“ศิลปี เปิดเทอมวันแรกก็สายเลยเหรอไงจ๊ะ” ครูพูดยิ้มๆ โชคดีครับ ได้ครูประจำชั้นเป็นครูผู้หญิง ใจดีด้วย อ้อที่มีครูประจำชั้น ๒ ท่านเพราะว่าทางโรงเรียนยังคงแบ่งนักเรียนเป็นห้องละ ๒ กลุ่มอยู่ครับ มีครูที่ปรึกษากลุ่มละท่าน เพื่อจะได้ดูแลนักเรียนทั้ง ๕๐ คนในห้องได้อย่างทั่วถึงมากที่สุด
“รถเสียค๊าบครู เกือบต้องเข็นมาถึงโรงเรียนตอนเย็นๆแล้วค๊าบบบบ” ผมยิ้มกว้างบอกครู ตามมาด้วยเสียงหัวเราะของนักเรียนในห้อง
“เข็นไหวเหรอจ๊ะ ครูว่าถ้าเธอเข็นมาจริงๆน่ะ คงถึงโรงเรียนเทอมหน้ามากกว่า” คราวนี้เสียงหัวเราะในห้องดังกว่าเดิมครับ ผมบอกแล้วว่าครูท่านใจดี ไม่อย่างนั้นผมไม่กล้าพูดแบบนั้นออกไปหรอกครับ “รีบเข้ามาจ๊ะ สงสัยคงต้องไปนั่งตรงนั้นแล้วมัง ศิลปี ว่างอยุ่โต๊ะเดียว” ครูอีกท่านพูดแล้วชี้มือไปที่โต๊ะหลังสุด ทางมุมซ้ายของห้องติดกับหน้าต่าง

อ๊า.........................มุมนั้นเป็นมุมพิฆาตสำหรับผมเลยนะนั่น ( คงพอจำเหตุการณ์ที่ห้องโสตฯของผมเมื่อตอน ม.๑ ได้นะครับ ) ทำไงได้อะ....มาซะสายขนาดนี้ จะมีที่นั่งดีๆเหลือได้ยังไง...... 

ผมเดินไปที่โต๊ะแล้วเอาเป้วางกับเก้าอี้ก่อนจะนั่งลง พอเห็นโต๊ะแล้วก็ยิ้มแป้นเลยครับ หุ หุ โต๊ะเก้าอี้ชุดใหม่ซะด้วย ผมนั่งลูบโต๊ะไปมาด้วยความเห่อของใหม่ นึกในใจ เดี๋ยวเย็นนี้ต้องไปโม้ให้ที่บ้านฟังซะหน่อย คริ คริ
“ดูแลเพื่อนใหม่กันให้ดีๆนะจ๊ะ เพื่อนเค้าน่ารักขนาดนี้อย่าแกล้งกันจนเพื่อนทนไม่ไหวต้องลาออกไปซะล่ะ”
หา....อารายน๊ะ.....ใครน่ารัก แล้วใครแกล้งใครจนลาออก หน้ายิ้มๆของผมเหว๋อขึ้นทันทีครับ เงยหน้ามองครูตาโต อ้าปาก เหว๋อสนิท ผมได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆมาจากคนที่นั่งข้างๆด้านติดหน้าต่าง เสียงออดดังขึ้นพอดี
“หมดเวลาโฮมรูมแล้ว เดี๋ยวก็ตั้งใจเรียนกันนะจ๊ะนักเรียน” ครูอีกท่านหนึ่งพูด
“นักเรียนเคารพ” เสียงคนที่เป็นหัวหน้าห้องดังมาจากด้านหน้าสุดตอนกลางของห้อง
“ขอบคุณครับคุณครู” แล้วครูทั้ง ๒ ท่านก็เดินออกจากห้องไป
ยังคงมีเวลา ๑๐ นาทีเหมือนเดิมสำหรับการเปลี่ยนคาบเรียน แต่คราวนี้ไม่ได้มีไว้ให้นักเรียนครับ แต่มีไว้ให้ครูเดินเปลี่ยนห้องแทน ^_^

“นายชื่อไร เราชื่อวินท์” เสียงมาจากคนข้างๆในขณะที่ผมกำลังทยอยหยิบแบบเรียนและเครื่องเขียนออกมาจากเป้ พร้อมทั้งเอาม้วนกระดาษชำระ และกล่องแว่น ๒ กล่องใส่เข้าไปในเก๊ะใต้โต๊ะเรียน ( ผมตัดแว่นแล้วค๊าบบบ ก่อนวันเปิดเรียนประมาณ ๒ สัปดาห์ ยังไม่ค่อยชินครับ ตอนอ่านหนังสือก็ใส่ แต่ตอนเดินมักลืมครับ นึกได้ก็ใส่  บางทีก็ลืมไปไม่ได้ใส่เลยทั้งวัน )
“ศิลปี” ผมบอกชื่อจริงไป “ เรียกเราตั้มก็ได้” ผมตอบแล้วมองไปดูหน้าว่า วินท์ หน้าตาเป็นยังไง ก็เจอกับหน้าขาวๆตี๋ๆของ วินท์ ยิ้มมาให้อย่างเป็นมิตร ผมก็เลยยิ้มกว้างให้ วินท์ บ้าง
“ไหนชื่อไรนะ  ตั้ม เหรอ ชื่อโหลหว่ะ” ผมหันไปยังคนพูดที่นั่งอยู่ที่โต๊ะหน้าวินท์ หน้าไทยๆ ผิวคล้ำๆ ถึงจะยิ้มมาอย่างกวนๆ แต่ก็ดูเป็นมิตรเหมือนกัน “เราชื่อ เป็ด ไอ้นี่ชื่อ เบ๊” เป็ด ชี้ไปที่คนที่นั่งโต๊ะข้างๆ ก็โต๊ะหน้าผมแหละครับ
“เบ๊ เฉยๆนะครับ ตั้ม แต่ไม่ใช่เบ๊รับใช้นะครับ ฉะนั้นมีอะไรห้ามเรียกใช้” เบ๊ หันหน้าตี๋ๆมายักคิ้วให้ผม คำพูดของ เบ๊ ทำเอาผมหัวเราะคิกคักด้วยความชอบใจ
“นี่ๆ ห้องนี้เคยมีคนโดนแกล้งจนต้องลาออกไปคนนึงเหรอ ถึงได้มีที่ว่างให้คนย้ายมาแค่คนเดียวอะ” ผมหยุดหัวเราะเพราะนึกที่ครูพูดเมื่อตอนโฮมรูมขึ้นมาได้ แล้วถามทั้ง ๓ คนด้วยสีหน้าจริงจัง ปนความหวาดกลัวนิดๆ ทั้ง ๓ คนมองหน้ากันไปมาแล้วระเบิดหัวเราะขึ้นพร้อมกัน
“ฮ่าๆๆๆๆๆ เปล่าเว๊ย ครูเค้าพูดเล่น นายนี่ทำเป็นคิดมาก ตลกหว่ะ” เป็ด บอก “พอดีมีเพื่อนคนนึงลาออกไปเรียนที่อื่นเลยมีที่ว่างตั้ง ๑ ที่สำหรับเอ็งพอดี”
“เหรอ” ผมพยักหน้าอย่างเข้าใจในคำตอบ “เราก็ตกใจอะ นึกว่าห้องไหนที่มีคนย้ายเข้าไปเยอะๆ แปลว่าห้องนั้นมีคนโดนแกล้งจนลาออกเยอะซะอีก ที่แท้คงย้ายโรงเรียนเหมือนกันนิ”
“ฮ่าๆๆๆ......ตั้ม คิดได้ไงน่ะ” วินท์ พูดพร้อมกับหัวเราะกันใหญ่ทั้ง ๓ คน ผมเลยพลอยหัวเราะไปด้วย
“ว่าแต่ไม่กลัวโดนแกล้งจนต้องลาออกมั่งเหรอครับ ตั้ม” เบ๊ ถาม
“ไม่อะ เราโดนจนชินแล้ว” ทั้งสามคนทำหน้าประหลาดใจ คงคิดว่าผมพูดเล่น

ก่อนที่จะได้คุยอะไรกันต่อ ครูก็เข้าห้องเรียนมาพอดี
“นักเรียนเคารพ” เสียงดังมาจากทางหน้าชั้น
“สวัสดีครับคุณครู” แล้วพวกเราก็หันไปให้ความสนใจกับการสอนของครู
.........................................................

ระหว่างการรอครูในช่วงต่อของคาบเรียน เพื่อนๆที่นั่งอยู่ใกล้ๆกันก็หันมาทักทายทำความรู้จักกับผมเป็นระยะ จนกระทั่งการเรียน ๓ คาบแรกในตอนเช้าก็หมดลง ก่อนจะลงไปทานข้าว ผมก็ถาม วินท์ ด้วยความเกรงใจ หลังจากที่ผมเปลี่ยนแว่นแล้ว
“วินท์ เดี๋ยวทานข้าวเสร็จแล้ว เราขอยืมสมุดจดงาน วินท์ ลอกหน่อยได้มั๊ยอะ”
“วิชาไหนบ้างล่ะ” วินท์ ถาม
“๓ วิชาเลย เราจดบนกระดานไม่ค่อยทัน” ผมตอบอายๆ เพราะกลัวว่า วินท์ จะคิดว่าผมเป็นคนขี้เกียจ ไม่ตั้งใจเรียน
“จดไม่ทันหรือไม่ได้จด เราไม่เห็น ตั้ม จดอะไรเลยเวลาที่ครูขึ้นกระดาน” วินท์ ขมวดคิ้ว “เออ...จริงสิ หรือ ตั้ม มองกระดานไม่เห็น” วินท์พูดอย่างนึกขึ้นได้
“อื้อ” แล้วผมก็บอก วินท์ ถึงปัญหาของสายตาผม
“โธ่....แล้วก็ไม่บอกตั้งแต่แรก เราเห็นแว่นหนาซะขนาดนั้นแล้ว ก็ไม่นึกว่าจะเป็นมากขนาดนี้” วินท์ ตอบยิ้มๆ
“เกรงใจอะ มาวันแรกก็รบกวนเพื่อนแล้ว” ผมบอก วินท์
 “ไปกินข้าวกันก่อน เดี๋ยวกลับขึ้นมาเราค่อยหยิบให้ ดู...เป็ด มันเร่งใหญ่แล้ว” แล้วผมกับ วินท์ ก็เดินไปหา เป็ด ที่กวักมือเรียกพวกเราอยู่ที่ประตูห้อง พร้อมๆกับเพื่อนคนอื่นอีก ๕-๖ คน

ทานข้าวเสร็จ วินท์ ก็มานั่งอ่านในสมุดจดงาน ให้ผมจดตาม
“เราลอกเองก็ได้มังอะ วินท์” ผมบอกวินท์ด้วยความเกรงใจ
“เราว่าแบบนี้ดีกว่า เดี๋ยวอะไรที่เป็นตาราง ตั้ม ค่อยลอกจากสมุด เราจะได้ทวนไปด้วยในตัวไง” วินท์ ให้เหตุผล ผมก็จดๆๆไปตามที่ วินท์ บอกจนเสร็จทั้ง ๓ วิชา ก็ได้เวลาเรียนในคาบบ่ายพอดี

หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๑๑ /๔ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: Mono_Koro ที่ 04-04-2008 22:22:13
อ่ะนั่นเเน่ :m13:

ว่าเเล้วเชียวว่าชัยต้องคิดอะไรกับตั้ม

คริ คริ :m12:

มาอัฟต่อเร็วๆนะค้าฟฟฟฟฟฟ

รออยู่น้า~~~ :m1:
หัวข้อ: Re: อยากได้ความคิดเห็นจากผู้อ่านบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 05-04-2008 07:49:30
ขอขอบคุณอีกครั้งครับ สำหรับคำติชมจากเพื่อนๆในเวป โดยเฉพาะ อาจารย์สีฟ้า
การที่ผมสามารถใช้ภาษาไทยได้ในระดับนี้ คงเป็นเพราะพระคุณของคุณครูทุกท่านที่กวดขันผมมาตั้งแต่สมัยอยู่ชั้นประถม จนกระทั่้งจบการศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยนัี่นเอง

งานเขียนชิ้นนี้ของผมเป็นงานเขียนยาวๆชิ้นแรกของผม ผมอยากจะทำให้ดีที่สุดด้วยเหตุผลหลายๆประการ ซึ่งผมคงต้องขอบอกหลังจากที่นิยายของผมเรื่องนี้จบลง

จริงๆแล้วไม่ค่อยมั่นใจเท่าไรครับว่าจะทำได้ดีหรือเปล่า ไม่ว่าจะเป็นการใช้ภาษา พลอตเรื่อง และการดำเนินเรื่อง  :o8: เพราะมีความรู้สึกว่า ตัวเองเขียนในลักษณะของสัญลักณ์มากไป และยังไม่อธิบายรายละเอียดหลายๆอย่าง แต่ให้ผู้อ่านคาดเดากันเองจากบทสนทนา หรือความคิดของตัวละคร ผมไม่ทราบว่าการเขียนในลักษณะนี้ ทำให้ผู้อ่้านเข้าใจตัวละครได้มากน้อยเพียงใด

เพราะผมตั้งคอนเซปของเรื่องไว้ อย่างที่บอกไว้ในบทนำ
อ้างถึง
เคยไหมครับ...เมื่อคุณได้รับรู้ถึงความจริงของเรื่องราวบางเรื่องที่เคยเกิดขึ้นกับคุณในวัยเรียน ซึ่งคุณเคยเข้าใจแบบหนึ่ง แต่ในความเป็นจริงมันไม่ได้เป็นเช่นนั้น

ผมยังคิดอยู่ว่า มีผู้อ่านเคยสงสัยหรือไม่ว่า
-ตกลงว่า ตั้ม เป็นเด็กที่มีรูปร่างหน้าตาอย่างไรกันแน่
-ทำไม ราญ ถึงได้ดูเป็นผู้ใหญ่เกินวัยนัก
และอีกหลายๆประการ

ดังนั้น ผมจึงอยากได้คอมเมนท์ในเรื่องต่างๆ เช่นความคิดของผู้อ่านที่มีต่อตัวละคร หรือการดำเนินเรื่อง เพื่อผมจะได้ทราบว่าผมสามารถสื่อในสิ่งที่ต้องการให้ผู้อ่านทราบได้ถูกต้องหรือไม่
เพราะผมไม่ค่อยมั่นใจเท่าไรนัก
ที่สำคัญคือ ผมจะได้นำไปปรับปรุงงานเขียนของผมให้ดีขึ้น

ขอขอบคุณล่วงหน้าสำหรับความคิดเห็นที่จะมามานะครับ

 :pig4:

หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๑๒ /๕ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 05-04-2008 20:40:45
 :serius2: :serius2: :serius2:
ทีแรกตั้งใจว่าก่อนจะไปสัมมนาจะมาลงให้จบในส่วนของมัธยมต้น
แต่ตรวจต้นฉบับไม่ทัน เพราะพออ่านๆแล้วยังรู้สึกว่ามีจุดบกพร่องอยู่อีก  o7
ยังไงคืนนี้จะพยายามลงให้ได้สัก ๒ ตอนครับ  :sad2:
แล้วผมคงต้องขอหายไปสัก ๒ สัปดาห์นะครับ เพราะมีสัมมนา แต่ก็จะเอางานเขียนไปทำต่อด้วย (ไม่รู้จะได้ทำรึเปล่า :o8: )
ถ้ามีโอกาศแว่บมาลงเพิ่มเติมได้ ก็จะพยายามครับ พบกันอีกครั้งหลังสงกรานต์นะครับ  :bye2:

ใครที่ไปเที่ยว เที่ยวเผื่อผมด้วย ผมไปค้างคืนที่ไหนม่ายด้ายยยยยยยยย...... :sad2:

.................................................

๑๒ เพื่อนใหม่-เพื่อนเก่า

คาบวิชาเรียนในภาคบ่ายของวันนั้น เวลาที่ครูมีอะไรต้องขึ้นกระดาน ผมก็จะชะโงกหน้าไปดูที่สมุดจดงานของ วินท์ แทน วินท์ บอกว่า ไม่ต้องเกรงใจ ทำแบบนี้ง่ายกว่า ไม่ต้องเสียเวลามานั่งลอกที่หลัง หรือถ้าจดไม่ทันจริงๆ ก็ค่อยมานั่งลอกบางส่วนแทนที่จะต้องมานั่งลอกทั้งหมด วินท์ จดงานละเอียดยิบครับ ผมนึกไปถึงสมุดจดงานของ ราญ เลย แต่ ราญ ละเอียดกว่า เพราะถ้าเป็นสมุดจดงานของ ราญ คงมีคำว่า เป๊าะ......เสียงที่ครูทำชอกล์หักเมื่อสักครู่นี้อยู่ในสมุดจดงานของ ราญ ด้วยแน่ๆเลย  ^0^
แต่ลายมือของ วินท์ อ่านง่ายกว่าลายมือ ราญ มากครับ ตัวอักษรตัวโตๆ ป้อมๆ สวยงาม เรียนด้วยกันไปสักพัก ผมถึงได้รู้ว่า วินท์ มีฝีมือในการวาดรูปหรือการเขียนตัวอักษรแบบต่างๆ รูปสวยๆ หรือตัวอักษรที่งดงาม ที่อยู่บนบอร์ดข้างกระดานดำหน้าชั้น ส่วนใหญ่เป็นฝีมือวินท์ พูดง่ายๆว่า วินท์ เป็นฝ่ายศิลป์ของห้องเลยก็ว่าได้

หลังจากหมดคาบวิชาเรียนในวันแรกของเทอม เพื่อนๆในห้องก็ถามกันว่าบ้านผมอยู่แถวไหน รอรถกลับบ้านที่ป้ายไหน พอผมตอบไป มีเพื่อนบางคนชวนออกไปรอรถกลับบ้านพร้อมกัน ผมก็ปฏิเสธไปครับ โดยให้เหตุผลว่า ปรกติ ผมจะกลับบ้านเย็นกว่านี้ เพราะผมไม่ชอบขึ้นรถแน่นๆตอนช่วงโรงเรียนเพิ่งเลิกเรียน อีกอย่าง วันนี้ผมอยากเจอพรรคพวกกลุ่ม ม.๒ เดิมด้วย เพื่อนๆก็เข้าใจครับ บอกว่าตามสบาย ไว้วันหลังก็ให้กลับพร้อมกันกับพวกเขาบ้าง

พอเพื่อนๆห้อง ๖ แยกย้ายกันไป ผมก็วิ่งตื๋อ ตั้งใจจะไปหากลุ่มเพื่อนซี้ที่ย้ายไปอยู่ห้อง ๒ กะๆเอาว่าถึงแน่แล้ว ก็เกาะประตูชะโงกหน้าเข้าไปดูในห้อง เห็นมีคนนั่งจับกลุ่มกันอยู่ ๒-๓ กลุ่ม ผมก็มองดูกลุ่มแรกก่อน......ไม่มี กลุ่มต่อไป....ไม่มี กลุ่มต่อไป........
จากที่ยิ้มๆมองหาเพื่อนอยู่ ผมหน้าสลดเลยเพราะไม่เจอใครสักคน ผมก้มหน้าคิดในใจ .....ไวจริง กลับกันไปหมดและ ไม่มีใครอยากเจอเราเลยเหรอ........
“หาใครอยู่จ๊ะน้อง” มีเสียงถามมาจากกลุ่มหนึ่งในห้อง ผมเงยหน้าขึ้น กำลังจะอ้าปากถามถึงเพื่อน
“ตั้ม.....อ่ายตั้มม๋า ผิดห้องแล้วเว๊ย พวกเราอยู่ห้องนี้ ฮ่าๆๆๆๆ” เสียงคุ้นๆหูดังมาจากประตูห้องข้างๆผมก็เห็น ตุ่ม กวักมือเรียกผมอยู่ มี ราญ ยืนหัวเราะอยู่ข้างๆ ........อ้าว นี่ผมวิ่งเลยมาห้อง ๑ เหรอเนี่ย -*-
“โม่ๆๆ.....มานี่เร็ว ตั้ม” ราญ ดีดนี้วเรียกผม
“แฮ่ๆ” ผมวิ่งแลบลิ้นตรงไปกระโดดงับนิ้ว ราญ แต่ ราญ ก็เอานิ้วหลบจากฟันผมได้ทันท่วงที แล้วก็เอามือมาขยี้หัวผมเบาๆด้วยความเอ็นดูเหมือนที่เคยทำบ่อยๆ แล้วก็เอามือโอบไหล่ผมพาเดินเข้าไปหาพรรคพวกที่นั่งอยู่ในห้อง ๒ ผมเห็นเต่านั่งอยู่กับใครก็ไม่รู้อีก ๓ คน ผมกวาดสายตามองไปรอบๆห้อง
“ไม่ต้องมองหาหรอก ๓ ตัวนั่นกลับไปแล้ว เห็นว่ารีบกลับ” ตุ่มพูด เพื่อนซี้ ย้อมรู้ใจกันดี เพราะที่ผมมองหาอยู่คือ จก ต่อ กร นั่นเอง
“นี่เพื่อนเราตั้งแต่เรียนประถม วา โชค เชียร เคยเจอกันหลายหนแล้วนี่” เต่า แนะนำให้ผมรู้จักกับ ๓ คนนั้น ผมหันไปมอง ....ตี๋ อีกแล้ว เป็นไงนะ โรงเรียนนี้ มีแต่ ตี๋ๆ เอ........แล้วผมเคยเจอ ๓ คนนี้ที่ไหนหว่า แต่ก็คุ้นหน้ากันอยู่ เพราะคงเคยเห็นกันบ้างตอนเรียน ม.๑-ม.๒
“ดี ดี เรา ตั้ม” ผมยิ้มให้เพื่อนใหม่ พูดแล้วผมก็นั่งลงไปบนเก้าอี้ที่ ราญ ลากมาให้ แล้ว ราญ ก็นั่งลงบนเก้าอี้อีกตัวที่ลากมาพร้อมๆกัน
“รู้แล้ว นายตั้ม ศิลปี คนดัง” วา พูด แล้วหันไปหัวเราะกับ โชค เชียร
“...............................” งง ครับ.........คนดังอะไรอีกอะคราวนี้..............หน้าผมคงเหว๋ออีก เลยหัวเราะกันใหญ่เลย ผมมองเพื่อนใหม่ทั้ง ๓ คนอีกรอบ แล้วก็คิดในใจ ........ทำไม โชค กับ เชียร หน้าคล้ายๆกัน
“ไม....เราหล่อขนาดต้องมองขนาดเลยเหรอ” เชียร ยักคิ้วให้ผม
“เปล่าอะ เรากำลังมองว่า ทำไม พวกนายสองคนหน้าคล้ายๆกัน” ผมตอบ
“สองคนนี้พี่น้องกัน” ราญ บอกผม “แล้วห้องใหม่เพื่อนๆเป็นไงมั่ง” ราญถามต่อ
“ก็ดีอะ เพื่อนๆห้องนั้นนิสัยดีนะ เมื่อกี้ยังชวนกลับบ้านพร้อมกันเลย” ผมหันไปตอบราญ
“แล้วทำไมไม่ไป” ตุ่ม ถาม
“ก็โรงเรียนเพิ่งเลิก คนเยอะ ขี้เกียจกลับ” ผมตอบพร้อมกับยักคิ้วให้ ตุ่ม “เดี๋ยวคนน้อยๆแล้วค่อยกลับพร้อมพวกนายงายยยย”
“ทำเป็นอ้อนนะ” ราญ พูดยิ้มๆ
“ม่ายอ้อนพี่ แล้วจาให้น้องปายอ้อนครายยยยยยยยยยยยยยยยย” ผมทำจมูกย่น ยื่นหน้าไปให้ ราญ
“โอ๊ย......จาหมูกหักแย้วววววววววววววววว” ผมร้อง เพราะโดน ราญ บีบจมูกบิดไปบิดมา .....จริงๆร้องไปงั้นแหละ ไม่เจ็บหรอก อิ อิ......สักพัก ราญ ก็ปล่อยมือ พวกเราก็หัวเราะขึ้นพร้อมกัน

พวกเราพากันคุยรื่องเพื่อนใหม่ที่เพิ่งได้รู้จัก ให้แก่เพื่อนเก่าที่คุ้นเคยกันได้รับรู้ แล้วก็ต่อด้วยอีกสารพัดเรื่อง ตามแต่จะนึกออก จนเห็นว่าสมควรแก่เวลา จึงได้พากันออกจากโรงเรียนเพื่อแยกย้ายกันกลับบ้าน
....................................................................

 แล้วนับจากวันแรกของวันเปิดภาคเรียนในระดับชั้น ม.๓ ผมก็วิ่งเข้าวิ่งออกระหว่างห้อง ๖ ของผม กับห้อง ๒ เป็นว่าเล่น จนคนในห้อง ๒ แทบจะนึกว่าผมอยู่ห้อง ๒ ไปด้วยแล้ว ส่วนเพื่อนๆในห้อง ๖ ก็สนิทสนมเข้ากันกับผมได้เป็นอย่างดี การกลั่นแกล้งที่ผมเคยกลัวไม่เคยเกิดขึ้นเลย มีแต่การหยอกล้อกันเล็กๆน้อยๆ ความช่วยเหลือในเวลาที่ผมทำอะไรไม่ได้ และอีกหลายๆอย่างที่มีแต่ความประทับใจในวัยเรียน
....................................................................

เวลาผ่านไปเกือบ ๒ เดือน ในช่วงพักกลางวันวันหนึ่ง ขณะที่ผมกำลังให้ วินท์ สอนเรื่องการให้สีภาพต้นไม้อยู่ ก็มีเสียงเรียกมาจาก บัติ ที่คุยกันอยู่กับเพื่อนอีก ๓-๔ คนตรงประตูหน้าห้อง
“ตั้ม โว๊ย ตั้ม........มีหนุ่มหล่อมาหาอีกแล้วหว่ะ”  ตามด้วยเสียงเป่าปากวี๊ดวิ้วจากในกลุ่มนั้น

ผมนั่งวาดรูปต้นสนอยู่ที่โต๊ะ มีวินท์ยืนอยู่ข้างๆ มือหนึ่งวางไว้ที่พนักเก้าอี้ที่ผมนั่ง  อีกมือจับมือผมระบายสีไปตามต้นสนในกระดาษ พร้อมกับอธิบายถึงน้ำหนักของสีที่ควรเป็นให้ผมฟังไปด้วย
“เดี๋ยวค่อยมาต่อแล้วกัน ตั้ม ไปหาเพื่อนก่อนไป” วินท์ปล่อยมือผมแล้วเดินไปนั่งที่โต๊ะของตัวเอง
เออ.....หล่อกันหมดทั้งโรงเรียนนั่นแหละ ยกเว้นตู แล้วโรงเรียนชายล้วนคงมีสาวสวยมาหาหรอกเน๊อะ......ผมคิดในใจ แล้วก็ลุกจากโต๊ะไปดูว่าเป็นใคร โดยที่ไม่ได้ถอดแว่นสายตาออก และยังมีดินสอสีสีเขียวที่กำลังระบายใบของต้นสนถือค้างอยู่ในมือ

แต่พอเดินมาได้นิดหน่อย
......ทำไมพี้นมันเอียงๆหว่า...อ้อ ไม่ได้เปลี่ยนแว่น ช่างมัน เดี๋ยวคนที่มาหาจะรอ

ผมค่อยๆเดิน เอามือคอยจับโต๊ะประคองตัวไว้ไม่ให้ล้ม เพราะรู้สึกว่าพี้นมันเอียงลาดลง เหมือนทางลงเขา


หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๑๓ /๕ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 05-04-2008 22:15:02
๑๓ รอยแผลใหม่บนมือข้างเดิม

“ว่าไง ปอ” ผมยิ้มให้ เมื่อเห็นว่าคนที่มาหาผมคือ ปอ นั่นเอง จะว่าไปตั้งแต่เปิดเทอมมา ผมยังไม่ได้เจอกับ ปอ จังๆแบบนี้เลย จึงยังไม่ได้คุยกันสักครั้งตั้งแต่วันเปิดเทอม แล้วนี่ ปอ มาหาถึงห้อง มีธุระอะไรหรือเปล่า ผมสงสัยในใจ
“อ้อ.......ยังจำกูได้เหรอมึง......มานี่” ปอ มองหน้าผมนิ่งสักครู่ แล้วจึงคว้ามือขวาที่ถือดินสอสีของผมไว้ แล้วลากให้เดินไปที่รั้วเหล็กริมระเบียง พอผมรู้ว่าจะไปที่ไหน ผมก็ฝืนตัวไว้
“เป็นไร เห็นผู้ชายมาหาเลยทำเล่นตัวหรือมึง” ปอ ดุ เมื่อเห็นฝืนตัวไม่ยอมเดินไปด้วย รังสีอำมหิตเริ่มกระจายตัวออกมา
“ปอ เราไม่อยากไปยืนตรงนั้นอะ เรากลัวความสูง” ผมตอบ หน้าแหยๆ ปอ นิ่งไปสักครู่
“เออ กูลืมไป งั้นไปกับกูตรงโน้น” ทีแรกผมคิดว่า ปอ จะลากตัวผมไปหาพวกศักดิ์ แต่ก็เปล่า ปอ ลากผมให้เดินอย่างรวดเร็ว ผ่านห้อง ๒ไป แล้วมาหยุดที่ผนังตึกริมหน้าต่างด้านหน้าห้องน้ำชาย ซึ่งปรกติจะไม่ค่อยมีคน เพราะเป็นห้องน้ำบนชั้น ๔ ของตึก

......แว๊ดๆๆๆๆๆๆ......
ปอ พูดอะไรสักอย่าง ผมจับใจความไม่ค่อยได้ เพราะกำลังมึนหัวเนื่องจากแว่นที่ผมสวมอยู่เป็นแบบใส่สำหรับนั่งอ่านหนังสือ ถ้าใส่เดินผมจะเวียนหัว แล้วนี่ยังเดินมาอย่างเร็ว ผมจึงเกิดอาการ เมา  เล็กน้อย เนื่องจากการปรับระยะสายตาไม่ทัน แต่จับน้ำเสียงได้ว่า ปอ กำลังโกรธ ผมยังคงเอามือขยี้บริเวณหัวคิ้วเพื่อให้หายจากอาการเวียนหัว และอาการคลื่นไส้ที่กำลังเกิดขึ้น

“เดี๋ยวก่อน ปอ เมื่อกี้ว่าไรนะ เราไม่ทันฟัง” ผมคงใช้คำผิด..........ไม่ทันฟัง แทนที่จะบอกไปว่า ผมฟังไม่ทัน
“สาดดดดดดดดด.....ทำเป็นไม่ฟังที่กูพูดเหรอ” ท่าทาง ปอ เหมือนยิ่งโกรธหนักกว่าเดิม
“ปอ เดี๋ยวดิ ปอ โกรธอะไรเราอีกแล้วอะ” ผม งง ผมทำอะไรผิดให้ ปอ โกรธอีกแล้ว
“กูน่ะเหรอโกรธมึง กูมันไม่สำคัญอะไร กูพูดอะไรมึงถึงไม่ฟังกู แล้วกูจะมีสิทธิ์อะไรไปโกรธมึง” คำพูดกับการกระทำของ ปอ ขัดแย้งกันเห็นๆ เพราะดินสอสีในมือผมเริ่มทำให้ผมเจ็บมากขึ้นทุกที ตามแรงบีบที่มากขึ้นของ ปอ
“มึงนั่นแหละ โกรธอะไรกู” ปอพูดเสียงเขียว
“.....................................” ผมไม่ตอบ เพราะกำลัง งง หน้าเหว๋อเลยครับ ตอนนั้นลืมความเจ็บที่มือไปชั่วขณะ
“ไปหาคนอื่นถึงห้องมึงไปได้นะ กับกูไม่ไปให้เห็นหน้า หรือเพราะกลัวคนรู้ว่ามีเพื่อนอยู่ห้องบ๊วย มึงเลยไปไม่ได้”
“.....................................” ผมยังคง งง ก็ห้อง ปอ อยู่อีกตึกนึง ไกลไปคนละฟากของโรงเรียน แล้วคนอื่นที่ ปอ ว่าน่ะ พี่ชายกับเพื่อนสนิทผมเชียวนะ เพื่อนคนอื่นผมก็ไม่ได้ไปหาเหมือนกันนี่
“กูไปหามึงที่ห้องสมุด มึงก็เดินหนีกู กูเดินเฉียดมึง มึงก็ทำเป็นไม่เห็น เอาแต่จี๋จ๋ากับเพื่อนใหม่” ปอยังคงพูดต่อ ผมยังคงเงียบ กำลังนึกว่า ปอ พูดอะไร ผมไม่เคยเจอ ปอ ที่ห้องสมุดสักครั้งนอกจากครั้งนั้น แล้วผมก็ไม่เคยเห็น ปอ เดินเฉียดผ่านผมเลยสักครั้ง ผมเริ่มรู้สึกถึงความเจ็บที่มืออีกครั้ง เพราะน้ำหนักมือที่แรงขึ้นของ ปอ

แล้วสายตาผมก็มองไปเห็นคน ๓ คนยืนอยู่ข้างหลัง ปอ ห่างออกไปแค่ ๒-๓ ก้าว เรา ๒ คนไม่รู้เลยว่า มีคนเดินเข้ามาตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่
“มึงนะมึง มึงมันลืมเพื่อน ได้เพื่อนใหม่แล้วลืมเพื่อนเก่า” ปอ กัดฟันกรอดๆ มือผมถูกบีบแรงขึ้น แรงขึ้น ในขณะที่ผมตกใจในคำพูดประโยคนี้ของปอ
.....มึงมันลืมเพื่อน
.....มึงมันลืมเพื่อน
คำนี้มันสะท้อนไปมาอยู่ในหัวผม จนผมลืมความเจ็บที่มือไปชั่วขณะ

.........เป๊าะ........
.........อุ๊บ/โอ๊ย เชี่ยเอ๊ย......... เสียงผมกับ ปอ ร้องขึ้นพร้อมกัน แล้วปอก็ปล่อยมือผม
....แต๊ก....แต๊ก... เสียงของดินสอสีสีเขียวที่เคยอยู่ในมือผมหลุดจากมือ หล่นไปกลิ้งอยู่บนพื้น ผมเห็นมันหักเป็น ๒ ท่อน ผมเจ็บเปร๊บๆที่ง่ามนิ้วระหว่างนิ้วโป้งกับนิ้วชี้มือขวา ผมยกมือขึ้นดู เห็นแผลที่ตรงนั้น เนื้อหลุดออกมาเป็นวง เลือดไหลซิบๆออกมาจากเนื้อแดงๆ

“ตั้ม เป็นอะไรรึเปล่า” ราญ เดินเข้ามาจับมือผมขึ้นดู ขณะที่ผมจะก้มลงไปเก็บดินสอสีที่กลิ้งอยู่กับพื้นไปทางที่ เต่า กับ วา ยืนอยู่ วา ก็เลยก้มตัวหยิบดินสอสีทั้ง ๒ ท่อนเข้ามายื่นให้ผม ผมก็รับไว้ด้วยมืออีกข้างหนึ่ง โดยไม่ได้สังเกตุสีหน้าของ เต่า
“ถอดแว่นออกกก่อน แล้วไปทำแผลหน่อยดีกว่ามั๊ง ตั้ม แผลลึกเหมือนกันนะนี่” ราญ พูดแล้วถอดแว่นกลมของผมใส่ลงไปในกระเป๋าเสื้อของผม  แล้วหยิบกระดาษชำระออกมาเช็ดเลือดที่ซึมออกมาจากแผลออก แต่เลือดยังคงไหลซึมออกมาอีก
“ปอ มือโดนดินสอบาดรึเปล่า” ผมหันไปถาม ปอ ด้วยความเป็นห่วง เพราะมือผมยังเป็นแผลขนาดนี้ โดยที่ไม่ได้คิดว่าดินสอสีแท่งนั้นเป็นผมกำไว้ แล้ว ปอ ก็ กำมือผมไว้อีกทีหนึ่ง “ไปทำแผลด้วยกัน” ผมยังพูดต่อ แต่ ปอ นิ่ง
“วา กับ เต่า ช่วยพา ตั้ม ไปทำแผลที่ห้องพยาบาลก่อนแล้วกัน เดี๋ยวเรากับ ปอ ตามไป” พอ ราญ พูดจบ วา ก็เอามือโอบไหล่ผมพาเดินออกไปพร้อมกับ เต่า เพื่อพาผมไปทำแผลที่ห้องพยาบาล หลังจากที่ทำแผลเสร็จ ผมยังคงนั่งรอ ราญ กับ ปอ อยู่ วา กับ เต่า ก็นั่งคุยกันอยู่หน้าห้องพยาบาล ผมรออยู่จนกระทั่งเสียงออดบอกเวลาเข้าเรียนของคาบวิชาหลังพักเที่ยงดังขึ้น พวกเราจึงต้องรีบกลับไปยังห้องประจำชั้นของเต่ละคน เพื่อเช้าเรียนในคาบวิชาต่อไป เข้าเรียนแล้ว ผมก็ยังนั่งคิดอยู่ว่า ปอ เป็นอย่างไรบ้าง
........................................................


................มึงมันลืมเพื่อน ได้เพื่อนใหม่แล้วลืมเพื่อนเก่า..........
................มึงมันลืมเพื่อน ได้เพื่อนใหม่แล้วลืมเพื่อนเก่า..........
................มึงมันลืมเพื่อน ได้เพื่อนใหม่แล้วลืมเพื่อนเก่า..........


ตอนนั้นมีแต่ประโยคนี้วนเวียนซ้ำซากอยู่ในหัวผม
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๑๔ /๕ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 05-04-2008 22:45:05
๑๔ เข้าใจผิด

“ปอ ทำไมนายทำแบบนี้” ราญ ถามเสียงเอาเรื่อง “ลาก ตั้ม มันมาแบบนั้น มันจะตายเอา”
ปอ หันมามอง ราญ ด้วยความงุนงง นั่นสินะ เขาเห็นอาการแปลกๆของ ตั้ม  ตอนที่มาถึงตรงนี้ แต่เขาไม่ได้สนใจ
“แล้วมันเป็นอะไร เห็นทำท่าเหมือนจะอ๊วก” ปอ ถามด้วยความสงสัย
“มัน เมา” ราญ บอก  ปอยิ่ง งง “เหมือนเมารถ เมาเรือ แบบนั้นแหละ” ราญ พูดต่อ ให้ ปอ เข้าใจเมื่อเห็น ปอ ทำหน้างุนงง
“ทำไมวะ เป็นได้ไง เมื่อก่อนเห็นมั่นวิ่งไปวิ่งมาไม่เห็นเป็นอะไรนี่” ปอ ยังไม่หายสงสัย
“ก็แว่นมันนั่นแหละ ที่มันใส่อยู่มันแว่นอ่านหนังสือ ไม่ใช่แว่นเดิน” ราญ เรียกแว่นทั้ง ๒ อันนั้นสั้นๆ
“อะไรของเอ็ง แว่นอะไรแล้วมันต่างกันยังไงวะ” ปอ นึกถึงตอนที่เห็น ตั้ม เปลี่ยนแว่นที่ห้องสมุดเมื่อหลายวันก่อน
“ตั้ม มันใช้แว่น ๒ อัน อันนึงเป็นแว่นอ่านหนังสือเอาไว้ใส่อ่านหนังสือหรือทำงานตอนที่นั่งอยู่กับที่ ถ้าใส่เดินแล้วมันจะเวียนหัว เพราะมันจะเป็นพื้นเอียงๆเหมือนทางลงเขา แต่มันจะเห็นอะไรค่อนข้างชัด” ราญ ค่อยๆอธิบาย “ส่วนแว่นเดินน่ะ มันจะมองเห็นพี้นเหมือนปรกติ แต่มันจะมองอะไรไม่ค่อยชัด ยิ่งห่างๆก็เหมือนภาพเบลอๆไปเลย”
“มิน่า มันถึงทำท่าเหมือนมองไม่เห็นกูตั้งหลายที” ปอ อุทานเบาๆ แววตาบอกถึงความเสียใจ
“มีอะไรกันรึเปล่า” ราญ ถาม “ไม่สิ ต้องมีอะไรแน่ๆ นายบอกเรามาดีกว่าว่าเกิดอะไรขึ้น นายถึงต้องตามมาหาเรื่อง ตั้ม มันถึงตึกนี้” ราญ คาดคั้น
“ใครว่ากูมาหาเรื่องมัน” ปอ เถียง
“ก็เราเห็นอยู่เมื่อกี้ไง หรือนายจะบอกว่าเราเข้าใจผิด นายบอกเรามาดีกว่า ว่าเรื่องมันเป็นยังไง” ราญ ยังคงคาดคั้นเสียงเรียบๆ
ปอ เถียงไม่ออก เพราะความจริงเขาตั้งใจแบบนั้นจริงๆ แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่า เขาเข้าใจผิด ตั้ม ไม่ได้เมินเขาเลยสักนิด แต่ ตั้ม มองไม่เห็นเขาจริงๆเพราะแว่นที่ ตั้ม ใส่อยู่
“ไม่บอกก็ตามใจ เราจะไปดูว่า ตั้ม มันเป็นยังไงบ้าง” ราญ พูดจบก็หันหนังทำท่าจะเดินออกไป แต่ก็หันกลับมาพูดกับ ปอ อีกครั้ง “เราหวังว่านายคงเข้าใจในสิ่งที่นายเห็นได้ถูกต้องทั้งหมดนะ” ราญ พูดเหมือนกับจะประชด ปอ แล้วหันหน้ากลับไป
“เดี๋ยว ราญ เราจะเล่าให้ฟัง” ปอ ตัดสินใจ เพราะคิดว่า ราญ คงเป็นคนที่สามารถให้คำตอบกับเขาได้ดีที่สุด
.........................................................................................

แล้วเรื่องในห้องสมุดและเรื่องที่เกิดขี้นบนระเบียงตึก ก็ได้ถูกถ่ายทอดออกมาจากปากของ ปอ ให้ ราญ ฟัง
“เมื่อกี้เราบอกนายแล้วเรื่องแว่นของ ตั้ม นายก็เข้าใจซะด้วยว่ามันไม่ได้เมินนาย แต่มันมองไม่เห็นนายจริงๆ” ราญ สรุป
“เออ กูก็เพิ่งรู้จากเอ็งนี่แหละ แล้วเรื่องนี้พวก ไอ้ศักดิ์ มันรู้มั๊ยวะ” ปอ ถามอย่างนึกขึ้นได้
“คนอื่นเราไม่รู้ว่ารู้รึเปล่า แต่ ชัย มันรู้ เราบอกมันเอง” ราญ เคยเล่าให้ ชัย ฟังเมื่อตอนที่ ชัย มาหาเขาที่บ้านตอนเปิดเทอมใหม่ๆ
“แล้วทำไม ชัย มันไม่เล่าให้กูฟังวะ” ปอ ถามอย่างหัวเสีย
“อันนี้ นายต้องไปถาม ชัย มันเอง แต่เราคิดว่า ชัย คงไม่คิดว่ามันจะสำคัญจนกลายเป็นเรื่อง แล้วไม่คิดว่านายจะเข้าใจ ตั้ม ผิดถึงขนาดนี้ ก็เลยไม่ได้เล่า” ราญ ตอบยิ้มๆ
... นั่นสินะ ราญ พูดถูก ราญ มันดีตรงทำความเข้าใจกับเพื่อนๆ แล้วก็มีเหตุที่ดีเสมอในการอธิบายถึงการกระทำของเพื่อนๆ มันถึงได้เข้าใจ ตั้ม มากกว่าคนอื่น... ปอคิด

........แล้วตัวเขาควรจะทำอย่างไรดี ถึงจะแก้ไขเรื่องคราวนี้ได้ มันคงง่ายเหมือนครั้งแรกที่เขาทำมือของ ตั้ม เจ็บเมื่อตอน ม.๑ คราวนั้นเขาก็รู้สึกอาย ราญ อยู่แล้ว ที่มาเห็นเขากับ ตั้ม ที่ห้องสมุด แล้วยังอุบัติเหตุในห้องเมื่อตอน ม.๒ เขาแน่ใจว่า ราญ ต้องรู้แน่ๆ ว่าเขาเองนี่แหละ เป็นคนขัดขา ตั้ม จนหกล้ม .........เขาคิดว่า ราญ รู้ แต่ทำไม ราญ ไม่พูดออกมา....... มาครั้งนี้อีก เหมือน ราญ พยายามอธิบายสิ่งต่างๆเพื่อ   ตั้ม.......ทำไม.......คำตอบอย่าให้เป็นอย่างที่เขากลัวเลย ไม่อย่างนั้น ตั้ม คงเลือก ราญ มากว่าที่จะเลือกเขา

.............................................

คงต้องพักไว้แค่นี้ก่อนนะครับ o7
ช่วงวันหยุดยาว ขอให้ทุกคนเที่ยวกันให้สนุกนะครับ
ส่วนผม คงจะสนุกกับการสัมมนาเช่นกัน  :serius2:
กลับมาเื่มื่อไรจะรีบมาต่อให้ท้นทีครับ  :bye2:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๑๔ /๕ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: อาจารย์..สีฟ้า ที่ 06-04-2008 15:30:12
กลับมาแล้วรีบมาต่อหนา  รออยู่ครับ

ปล.น้องเขียนได้ดีแล้ว รักษาระดับไว้หนา


เป็นกำลังใจให้ครับ   :L2: :L2: :L2: :L2: 1+ สำหรับความน่ารักของคนโพสต์
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๑๕ /๑๑ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 11-04-2008 06:53:07
พอมีเวลานิดหนึ่งก่อนไปสัมมนา เลยแวะมาอัฟครับ ตอนนี้หากมีข้อผิดพลาดก็ต้องขออภัยนะครับ มีเวลาตรวจทานน้อยไปหน่อย
ช่วงวันหยุดสงกรานต์ขอให้เพื่อนๆเที่ยวกันให้สนุกนะครับ  o13

๑๕ ความหวังของพี่ชาย

“แล้วนายก็เลยทำแบบนี้ นายคิดว่ามันดีแล้วเหรอ” ราญ พูดขึ้น เมื่อเห็น ปอ นิ่งไป “ความเข้าใจผิดมันจะทำให้พวกนายเจ็บกันทั้งคู่”
“เจ็บทั้งคู่เหรอ ไม่จริงมั๊ง กูว่ากูเจ็บกว่ามัน มันเจ็บแค่มือ แต่กูน่ะ เจ็บใจ” ปอว่า
“แล้วนายรู้ได้ยังไง ว่าใจ ตั้ม มันไม่เจ็บ นายไม่ได้ยินที่มันถามก่อนเดินไปหรือไง” ราญเริ่มเสียงเข้มขึ้น
“กูไม่ทันได้ฟัง” ปอ ตอบห้วนๆ
“ว่าแต่เขา อิเหนาเป็นเองนะ ปอ เมื่อกี้นายว่า ตั้ม มันว่าไม่ฟังนาย แต่นายก็ไม่ได้ฟังมันเหมือนกัน” เสียง ราญ อ่อนลงอย่างระอาใจ
ราญ ได้ยินตั้งแต่ประโยคแรกที่ ปอ พูดกับ ตั้ม เมื่อสักครู่แล้ว เพราะเสียง ปอ ไม่เบาเลย ราญ เดินตามมาเมื่อเห็น ปอ จูงมือ ตั้ม เดินผ่านห้องเรียนของเขาไปอย่างรวดเร็ว เมื่อเขามองเห็น ตั้ม เดินหน้าซีดพลางเอามือกดที่หัวคิ้ว เขาจึงตัดสินใจเดินตามมา โดยที่มี วา และ เต่า ที่กำลังนั่งคุยอยู่ด้วยกันเดินตามมาด้วย ทั้งสองคนไม่เห็นพวกเขา เพราะ ปอ ยืนหันหลังมาทางที่เขาเดินมา ส่วน ตั้ม กำลังก้มหน้าเอามือกุมขมับ ขณะที่พูดกับ ปอ อยู่ ก็ยังไม่เอามือออกจากขมับอยู่อย่างนั้น

“ปอ ถ้านายยังทำอย่างนี้ ต่อไปใครจะรู้ว่าใจ ตั้ม มันจะยิ่งเจ็บกว่านายตอนนี้ซะอีก แล้วถ้าถึงตอนนั้นนายจะทำยังไง นายจะทนได้มั๊ย”
“................................” ปอ กำลังคิดว่า ราญ จะบอกอะไรเขากันแน่
“นายเคยทำให้มันเจ็บที่มือมาครั้งนึง คราวนั้นมือมันเจ็บ ใจมันก็เจ็บเพราะคิดว่าถูกเพื่อนเกลียด แล้วนายก็ทำให้ ตั้ม มันหายเจ็บด้วยวิธีของนายที่ทำในห้องสมุดคราวนั้น ต่อจากนั้นนายก็จะทำให้มันเจ็บตัวอีก เมื่อตอนที่มันล้มในห้องเรียน  ตอนที่นายทำเรื่องพวกนั้น นายคิดว่าใจ ตั้ม มันจะเป็นยังไง นายคิดว่าใจมันไม่เจ็บเหรอไง” เสียง ราญ แข็งขึ้นมาอีกเมื่อเขาคิดถึงเรื่องเหล่านั้นขึ้นมา เขายังจำได้ถึงคำพูด น้ำเสียง และรอยยิ้มที่ ปอ กับ ตั้ม ในห้องสมุดวันนั้น วันที่เขาตาม ตั้ม ไปที่ห้องสมุด ยังมีวันนั้นอีก ยังมีวันที่ ตั้ม ปกป้อง ปอ ด้วยความห่วงเพื่อน ทั้งๆที่ ปอ ทำให้ ตั้ม เจ็บจนต้องหยุดเรียนไปหลายวัน และวันที่เขาได้เห็น ตั้ม ร้องไห้แบบนั้นเป็นครั้งแรก วันที่เขารู้สึกว่าหัวใจเจ็บปวดอย่างสาหัส เพราะไม่สามารถปกป้องน้องอันเป็นที่รักของเขาได้

“กู...............กู...............” ปอ พูดไม่ออก ราญ รู้จริงๆด้วย ว่าเขาเป็นคนขัดขา ตั้ม เมื่อคราวนั้น
“ตอนนั้นนายก็เห็นว่า ตั้ม มันเป็นยังไงมั่ง บอกตรงๆ ตอนนั้นเราอยากจะตะบันหน้าพวกนายให้หมอบจริงๆ” ราญ พูดแล้วถอนหายใจ
“กูรู้นะราญ ว่าเอ็งก็.......” ปอ พูดหวั่นๆ
“หยุดเลย ปอ เราไม่ได้คิดแล้วก็ไม่เคยคิดแบบนั้น” ราญ พูดขัดขึ้นมาก่อนที่ ปอ จะพูดอะไรต่อ เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่ ราญ จะพูดต่อ “เราเคยคิดนะ ปอ เราเคยคิดว่าเราอยากมีน้องสาวซักคน” ราญ พูดต่อด้วยสายตาที่เปี่ยมด้วยความฝัน “น้องสาวหน้าตาน่ารัก ตาโตๆ ปากนิด จมูกหน่อย แก้มใสๆ ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มอยู่เสมอ น้องสาวที่ชอบวิ่งมาเกาะแขนเรา ให้เราจูงมือพาไปทางโน้นทางนี้ แล้วเรียกเราว่าพี่ชาย...พี่ชาย ไม่ว่าเวลาจะเปลี่ยนไปแค่ไหน ก็ยังเป็นน้องสาวเล็กๆ ไร้เดียงสาของเราตลอดไป แต่นายคงรู้ มันคงเป็นไปไม่ได้” สายตาของ ราญ สลดลงนิดหนึ่ง ปอ ยังคงนิ่งฟัง

“คนเรานะ ปอ พอโตขึ้น ความไร้เดียงสามันจะค่อยๆลดลง รอยยิ้มกับแววตามที่เคยใสซื่อ มันจะเริ่มมีอะไรเข้ามาบดบัง ยิ่งเริ่มโตความเป็นเด็กของคนเรามันก็ยิ่งหายไป จนเราเริ่มหมดหวัง ที่จะมีน้องสาวที่แสนบริสุทธิ์ไร้เดียงสาเหมือนเด็กน้อย” ปอ ยังคงนิ่ง รู้สึกแปลกใจในความคิดและความรู้สึกของเพื่อนที่อยู่ตรงหน้า ไม่น่าเชื่อ คนที่ตัวสูงใหญ่ดูเข้มแข็ง เป็นผู้ใหญ่มากกว่าอายุ ทั้งขยันเรียน เอาการเอางาน มีความรับผิดชอบ จะมีความในใจแบบนี้

“จนกระทั่งเรามาเจอ ตั้ม” ราญ พูดต่อ สายตาเริ่มทอประกายอ่อนโยน “ถีงมันจะผิดกว่าที่เราหวังไว้นิดหน่อย ฮ่าๆๆๆ นิดหน่อยเท่านั้น” ราญ หัวเราะแล้วส่ายหน้าเบาๆ ๒-๓ ครั้ง “นี่ก็นานแล้วที่เรารู้จักกับ ตั้ม ถึงจะมีบางช่วงที่รอยยิ้มของมันหายไป แต่รอยยิ้มที่ทั้งสดใส บริสุทธิ์และไร้เดียงสาของมันก็กลับมาได้ทุกครั้ง รอยยิ้มของมันไม่เคยเปลี่ยน ตั้ม ยังคงวิ่งตามเราต้อยๆ มาเกาะแขนเรา ให้เราจูงมือไปโน่นไปนี่ ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ สำหรับเรา มันเป็นเหมือนน้องที่เราเคยอยากได้ ตอนนี้เรามีน้องสมใจที่เราหวังแล้ว”
“แต่ตอนนี้ มันคงเกลียดกูน่าดู” ปอ พูดเบาๆ
“เราจะบอกอะไรนายอย่างหนึ่งนะ ปอ นายตั้งใจฟังดีๆ” ราญ ตัดสินใจแล้วว่า ควรจะบอกเรื่องนี้ให้ ปอ รู้ ก่อนที่ความใจร้อนและะเจ้าอารมณ์ของ ปอ อาจจะทำให้ ตั้ม เจ็บ อีก เขาไม่อยากเห็น ตั้ม ร้องไห้แบบนั้นอีกเป็นครั้งที่ ๒

“ปอ” ราญ มองหน้า ปอ สีหน้าจริงจัง “ตั้ม น่ะ มันไม่เคยโกรธหรือเกลียดนายเลยสักครั้งนะ กระทั่งพวก ศักดิ์ ตั้ม มันก็ไม่เคยคิด ตลอดเวลาที่ผ่านมา คนที่ ตั้ม มันเคยเกลียด มีอยู่คนเดียว” ราญ พูดช้าๆ อย่างชัดเจนทุกคำ
“มันคงเกลียดกูนี่แหละ” ปอ พูดเสียงเข้ม
“ปอ เราขอบอกนายอีกทีนะ ตั้ม ไม่เคยโกรธหรือเกลียดนายซักครั้ง” ราญ ย้ำ
“แล้วมันเกลียดใคร เกลียดเอ็งเหรอไง” ปอ พูดประชดออกไป
“ตั้ม มันเกลียดตัวมันเอง” ราญ มอง ปอ นิ่ง
“.............................” ปอ งุนงงกับคำพูดของราญ นึกในใจว่า .........วันนี้มันพูดอะไรของมันวะ แต่ละอย่าง........

“มึงพูดไร เกลียดตัวเอง กูไม่เข้าใจหว่ะ” ราญถอนใจ อยากจะโผล่งออกไปว่า ......เหมือนที่นายกำลังเกลียดตัวเองอยู่ตอนนี้ไง.... แต่อย่าดีกว่า เดี๋ยวเสียเรื่องหมด ปอ มันไม่ยอมรับหรอก
“ใช่ ปอ .... ตั้มมันเกลียดตัวเอง มันว่าทำไมตัวมันไม่ปรับปรุงตัวให้ดีขึ้น มันไม่สามารถทำให้ตัวดำๆของมันขาวขึ้นได้ มันไม่สามารถทำให้หน้าตาที่น่าเกลียดของมันดูดีขึ้นมาได้ มันไม่สามารถเปลี่ยนเสียง เและวิธีการพูดแบบเด็กๆของมันที่เพื่อนๆรำคาญได้ มันเกลียดที่มันทำตัวไม่ดี เพื่อนๆถึงเกลียดมัน”
“แล้วมึงรู้ได้ยังไงว่า ตั้ม มันคิดอย่างนั้น แล้วใครไปพูดว่ามันแบบนั้น..........อ้อ กูลืมไป มึงมันพี่ชาย รู้ความคิดน้องดี” ปอ พูดแล้วเหยียดปาก ส่งสายตากวนโมโหให้ ราญ....ดูมันถามมาได้ ว่าใครพูด ลืมใช่มั๊ย เดี๋ยวจะทำให้นึกออกเอง......ราญ คิดในใจ
“เราไม่ได้รู้เองหรอกนะ ปอ แต่เราฟังมาจากปาก ตั้ม เองเลย นายอย่าเพิ่งพูดอะไร เรารู้ว่านายกำลังโกรธ แล้วพวกนายเองไม่ใช่หรือไง ที่คอยตอกย้ำ ตั้ม มันอยู่ทุกวัน เรียกว่าไอ้ดำ ไอ้อัปลักษณ์ ไอ้เหม็นเน่า ไอ้แห้ง” ราญ พูดกระแทกเสียง ปอ อึ้งไปนิดหนึ่ง .......เออ เพิ่งจะนึกได้เหรอไง ที่จริงไม่น่าลืมได้นะ เรื่องแบบนี้... ราญ รู้สึกเหมือนสะใจนิดๆ ที่เห็นสีหน้าลำบากใจของ ปอ
“เราบอกนายแล้วไง เรารัก ตั้ม มันเหมือนเป็นน้องแท้ๆของเรา แล้วเราก็รู้ว่า ตั้ม เองมันก็รักเราไม่แพ้พี่ๆสองคนของมัน แล้วเรื่องนี้มันก็พูดให้เราฟังจากปากของมันเองอย่างที่เราบอก มันยังย้ำอยู่หลายครั้งว่าอย่าบอกใคร ถ้าจะให้ดี ลืมไปเลยก็ได้ แต่เราจะไม่ลืมหรอก แล้วคิดว่านายเองก็ควรรู้ไว้ด้วย ”

............ขอโทษนะ ตั้ม ที่พี่ชายคนนี้ผิดสัญญา แต่ความลับของเราเรื่องนี้ ปอ ควรได้รู้

แล้ว ราญ ก็เริ่มเล่าให้ ปอ ฟัง ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้น เมื่อภาคเรียนที่แล้ว
......... ภาคเรียนที่พวกเขายังเรียนอยู่ ม.๒
.........วันจันทร์ที่ ตั้ม กลับมาเรียน หลังจากที่หยุดเรียนไปถึง ๓ วัน
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๑๕ /๑๑ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: อาจารย์..สีฟ้า ที่ 11-04-2008 08:53:15
เข้ามาติดตามและเป็นกำลังใจให้ครับ  :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:


สวัสดีปี๋ใหม่เมือง

 :สงกรานต์2: :สงกรานต์3: :สงกรานต์3: :สงกรานต์3: :สงกรานต์2:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๑๖ /๑๒ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 12-04-2008 19:20:12
๑๖ คนที่ถูกเกลียด

วันแรกที่ ตั้ม กลับมาเรียนหลังจากที่หยุดเรียนไปถึง ๓ วัน เมื่อถึงเวลาพักเที่ยง ผมเห็นพวก ศักดิ์ เดินเข้าไปคุยอะไรกับ ตั้ม สักอย่าง พวกผมยืนมองอยู่ห่างๆ กะระยะว่าหากมีเรื่องอะไร จะได้เข้าไปช่วยได้ทัน กร บอกพวกเรามาตั้งแต่ตอนที่สนิทกันแรกๆว่า พวกเราควรดูอยู่ห่างๆ มากกว่าการเข้าไปกีดกันพวกศักดิ์ไม่ให้เข้าใกล้ ตั้ม เพราะอาจทำให้พวก ศักดิ์ กลั่นแกล้ง ตั้ม รุนแรงกว่าเดิม ซึ่งผมก็เห็นด้วย เพราะเท่าที่ผมเห็นก็ีมีเพียงการจับไปตามแขนขา จับกอดบ้าง จับหอมหรือหยิกตามแก้มบ้าง ซึ่งการหยอกล้อแบบนี้ดูแล้วอาจจะหนักไปสักหน่อยสำหรับความรู้สึกของ ตั้ม  แต่ไม่รุนแรงถึงขั้นเจ็บเนื้อเจ็บตัวสักครั้ง มีครั้งที่ผ่านมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้วนั่นแหละ ที่ ตั้ม เจ็บตัวจนถึงกับต้องหยุดเรียนไป

นานพอสมควร ตั้ม ก็ก้มหน้าวิ่งออกมาจากกลุ่มของศักดิ์ ที่ล้อมอยู่
“คุยอะไรกับพวกนั้น” จก ถามออกไป ตั้ม วิ่งเลยกลุ่มพวกผมไปข้างหน้า แล้วถึงได้เงยหน้าขึ้นมาตอบ โดยที่ไม่ได้หันกลับมามองใคร
“ไม่มีไร ไปกินข้าวกันเหอะ หิวแล้ว”
“ไม่มีอะไร แล้วทำไมคุยกันนานขนาดนั้น” ตุ่ม ถามอีก
“เรื่องไร้สาระตามเคยแหละ รู้ๆกันอยู่ ไปกินข้าวเหอะ หิวๆๆๆๆๆ เดินช้าตามเราไม่ทันนะ” พูดจบ ตั้มก็วิ่งเหยาะๆตรงไปยังโรงอาหาร ผมเห็น ตั้ม เอามือเช็ดอะไรที่ตา ......คงจะไม่ใช่น้ำตา.......ถ้าผมไม่คิดมากไปเองนะ
“ดูมัน เมื่อกี้ยังเหมือนจะสลดอยู่เลย วิ่งแผล๋วไปโน่นแล้ว เปลี่ยนอารมณ์เร็วจริง” เต่า ส่ายหน้าเหมือนกับระอาในพฤติกรรมที่แปรเปลี่ยนไปตามความแปรปรวนของอารมณ์ของตั้ม โดยไม่มีการปิดบังหรือเสแสร้ง
“ตั้ม มันไม่อยากให้พวกเราเป็นห่วงน่ะ” ผมพูดแล้วก็ออกวิ่งเหยาะๆตาม ตั้ม ไป พอวิ่งทันก็จูงมือ ตั้ม เดินไปโรงอาหาร พร้อมกับเพื่อนๆที่วิ่งตามกันมา
..........................................................

“เราอิ่มแล้ว ไปก่อนนะ” ตั้ม พูดขึ้นหลังจากที่นั่งทานข้าวราดแกงไปได้สักครู่ แล้วก็ลุกขึ้นเดินออกจากโต๊ะไป
“ทำไมมันอิ่มเร็วจังวะ เพิ่งกินได้ไม่กี่คำเอง” จก พูดขึ้นแล้วมองไปที่จานข้าวของ ตั้ม อย่างเสียดาย “ปูจ๋าของโปรดมันก็ไม่แตะสักคำ”
“งั้นเอ็งกินไป เสียดายนักก็” พูดจบ ราญ ก็เลื่อนจานข้าวของ ตั้ม ที่อยู่ตรงข้ามมาให้ จก ที่นั่งอยู่ข้างๆ แล้วก็หยิบเป้ลุกออกจากโต๊ะไปอีกคน
“อ้าว เป็นอะไรไปวะ ไม่กินอีกคนนึงแล้ว” ต่อ พูดพลางมองตาม ราญ ที่กำลังเดินออกจากโรงอาหารไป
“คนเค้าจะไปทำหน้าที่ พี่ชายที่แสนดีของน้องสาวผู้น่ารัก ปล่อยไปเหอะ” กร พูดยิ้มๆ “จก กับ ต่อ อย่าเพิ่งกินกับข้าวของ ตั้ม กับ ราญ นะ เผื่อจะกลับมากินกันต่อ” กร พูดจบก็กินก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นของเขาต่อไป ทำเป็นไม่สนใจกับสายตาอาฆาตเล็กน้อยของ จก กับ ต่อ ในขณะที่ ตุ่ม กับ เต่า หันไปยิ้มให้กัน
“รอพี่ก่อนนะจ๊ะปูจ๋า ยังไงน้องหนีพี่ไม่พ้นแน่ ฮ่าๆๆ” จก พูดแล้วก็กินข้าวราดแกงในจานของตัวเองต่อไป
................................................................

ผม มองหา ตั้ม ที่เดินออกมาจากโรงอาหาร นั่นไง....เจอแล้ว ชุดนักเรียนเนื้อผ้าอย่างดีเข้ารูป ดูสะอาดสะอ้าน มองดูก็รู้ว่าตัดเย็บมาจากช่างฝีมือดี ยิ่งทำให้ร่างที่ดูค่อนข้างขาว ถึงจะไม่ขาวแบบคนเชื้อชาติจีนอย่างพวกเขา แต่ก็ยังจัดว่าขาวในแบบของคนที่มีเชื้อชาติไทยแท้ๆนั้น ชวนมองมากขึ้น รวมกับท่าเดินเหมือน เขย่ง-ก้าว-กระโดด แบบนั้นมีคนเดียว ยังคงเดินท่านี้ได้คงไม่เป็นอะไร สงสัยว่าเขาคงคิดมากไปเอง
แต่เดี๋ยวก่อน......ทางที่ ตั้ม เดินไป เป็นตึกเรียนใหม่ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างนี่นา วันนี้ไม่มีคนงานมาทำงาน แต่ ตั้ม จะไปที่นั่นทำไม ผมคิดแล้วจึงตัดสินใจเดินตามไปห่างๆ ตั้ม เดินเลี้ยวเข้าไปด้านในของตึก แล้วเดินหายเข้าไปในประตูห้องห้องหนึ่ง เสียงเดินในห้องที่ดังก้องเพราะความใหม่ของตึกเงียบลงไป ผมตัดสินใจยืนรอดูอยู่ด้านนอก เพราะไม่แต่ใจว่า ตั้ม จะโกรธหรือเปล่าถ้ารู้ว่าผมตามมา
...โกรธน่ะเหรอ....ผมคิดแล้วส่ายหน้า หัวเราะให้กับความคิดนี้ ตั้งแต่ที่รู้จักกันมา ผมไม่เคยเห็นตั้ม “โกรธ” ใคร หรือ อะไร จริงๆเลยสักครั้ง อย่างมากก็แค่อาการ งอนๆ เท่านั้น

....ฮึก......ฮึก.......
เสียงเหมือนคนสะอื้นไห้ดังแผ่วๆ มาจากในห้อง เป็นเสียงของใครไม่ได้ นอกจาก ตั้ม ผมเดินเข้าไปในห้องทันที ภาพที่ผมเห็นทำให้ผมตกตะลึง

ตั้ม ยืนหันหลังพิงกำแพงห้องด้านที่เป็นประตู สองมือไขว้หลังไว้ ไหล่ทั้งสองข้างสั่นสะท้าน ศรีษะโคลงเบาๆ ไปตามแรงของก้อนสะอื้นที่ถูกเก็บกักไว้ในลำคอ ริมฝีปากเม้มสนิท หน้าตาแดงกล่ำ น้ำตาค่อยๆไหลรินออกจากตาทั้งสองข้าง

ผมเคยเห็นแต่คนที่ร้องไห้โฮๆ บางทีก็กรีดร้องเสียงดัง เหมือนกับจะระเบิดความเสียใจให้มันกระจายพ้นออกไปจากตัว

แต่การร้องไห้ของ ตั้ม กลับเหมือนกับการเก็บกดความทุกข์เอาไว้ในร่างกายของตน เหมือนกับความทุกข์นั้นค่อยๆถูกบดสลายไปภายในพร้อมๆกับตัวเอง

ตอนที่ผมเห็นภาพนั้น หัวใจผมเจ็บปวด ใครกัน...ใครมันบังอาจทำให้น้องที่แสนจะน่ารักของผมต้องเป็นถึงขนาดนี้...ใคร..... ถ้าผมรู้ ผมจะตะบันหน้ามันให้คว่ำ

ผมเดินเข้าไปหาตั้มช้าๆจนไปยืนอยู่ข้างหน้าตั้ม ผมค่อยๆรั้งร่างของ ตั้ม เข้ามากอดไว้กับอก แขนหนึ่งของผมโอบตัว ตั้ม ไว้ราวกับจะปกป้องให้พ้นจากอันตรายทั้งหลาย อีกมือหนึ่งผมลูบปอยผมนิ่มๆตรงท้ายทอยของ ตั้ม เบาๆ
“นิ่งซะ ตั้ม อย่าร้องไห้” ผมปลอบโยน “ใครทำให้ ตั้ม เสียใจขนาดนี้ บอกพี่ชายคนนี้มา พี่ชายจะไปคิดบัญชีกับมัน” ผมพูดเสียงแข็งด้วยความโกรธ
“.......................................”
ไม่มีเสียงตอบ นอกจากไหล่ที่ยังคงสั่นสะท้าน พร้อมกับเสียงสะอึกสะอื้นไห้อยู่ในลำคอ ผมรู้สึกว่าน้ำตาของ ตั้ม ที่เปียกชุ่มอยู่บนอกของผม มันไม่ใช่เพียงแค่น้ำตาที่ไหลจากตาของ ตั้ม เท่านั้น มันเหมือนมีน้ำตาที่ไหลออกจากหัวใจของผมผสมอยู่ด้วย

สักพักใหญ่ๆ ร่างที่สั่นไหวของ ตั้ม ก็ค่อยๆเงียบสงบลง จนนิ่งไปในที่สุด ตั้ม คงหยุดร้องไห้แล้ว ผมยังคงกอดน้องสุดที่รักของผมไว้ในอ้อมแขน สักพักผมจึงค่อยๆคลายวงแขนออก แล้วจับคาง ตั้ม ให้เงยหน้าขึ้น แววตาที่เศร้าสลดของน้องรัก ทำใหคนที่เป็นพี่ชายใจหายวูบ
“ไปล้างหน้าล้างตาซะก่อนนะ” ผมพูดเบาๆ
 ตั้ม พยักหน้ารับ ผมจึงจูงมือ ตั้ม พากันเดินไปยังสวนหย่อมใกล้ๆนั้น ซึ่งมีก๊อกน้ำอยู่ด้วย

หลังจากที่ ตั้ม ล้างหน้าที่เปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาเสร็จแล้ว ผมก็พา ตั้มไปนั่งที่เก้าอี้เล็กๆใต้ต้นไม้ใกล้ๆนั้น
“บอกพี่ชายมา ใครทำอะไรน้องพี่ขนาดนี้ พี่ชายจะไปตะบันหน้ามัน” ผมเริ่มถาม
“......................................” ตั้ม ก้มหน้านิ่ง
“พวกศักดิ์ใช่มั๊ย เมื่อกี้ที่คุยกันก่อนไปกินข้าว พวกนั้นพูดอะไร ตั้ม ถึงได้เสียใจขนาดนั้น” ผมคิดว่าต้องเป็นพวกนั้นแน่ๆ
“......................................” ตั้ม ยังคงเงียบ
“พวก ศักดิ์ ใช่มั๊ย.........ต้องใช่แน่ พี่ชายจะไปถามพวกมันเอง จะตะบันหน้าพวกมันยับ” ผมลุกขึ้น ทำท่าจะเดินออกไป
“ไม่ใช่ พี่ชายอย่าไปมีเรื่องกับใครนะ ไม่ใช่พวก ศักดิ์ พี่ชายอย่าไปนะ” ตั้ม พูดด้วยสีหน้าตกใจ พร้อมกับคว้ามือผมไว้
“แล้วใคร ตั้ม ต้องบอกนะถ้าคิดว่าคนคนนี้ยังเป็นพี่ชาย ตั้ม แต่ยังไงพี่ต้องตะบันหน้ามัน พี่ยอมไม่ได้” ผมนั่งลงไปอีกครั้ง
“งั้น พี่ชายตะบันหน้า ตั้ม ที” ตั้ม พูดกับผมด้วยสีหน้าเศร้าๆ
“ว่าไงนะ” ผมตกใจ “พี่ชายจะทำอย่างนั้นกับ ตั้ม ได้ยังไง”
“ก็..........” ตั้ม นิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ “ก็คนที่ทำ ตั้ม เสียใจจนร้องไห้ ก็คือ ตั้ม เอง”
“.................................” ผมตกใจ ตั้ม คิดอะไรอยู่

“ตั้ม เองแหละที่ผิด เพราะ ตั้ม เป็นแบบนี้ พวกนั้นเขาถึงได้เกลียด ตั้ม” ตั้ม ก้มหน้าลง “เรื่องที่ตัว ตั้ม ทั้งดำ ทั้งเหม็น ผอมเป็นไอ้แห้ง หน้าตาก็น่าเกลียด เรื่องพวกนี้ ตั้ม คงแก้อะไรไม่ได้ แล้วยังท่าทาง ทั้งเสียง ทั้งการพูดจาอีก ตั้ม เป็นของ ตั้ม อย่างนี้มาตั้งแต่เด็ก จะให้ ตั้ม เปลี่ยน ตั้ม ก็ทำไม่ได้อีก สมแล้วที่เพื่อนเค้าเกลียดเอา............ตั้ม ผิดเองที่แก้ไขอะไรตัวเองไม่ได้” ผมเห็น ตั้ม ตาแดงๆ เหมือนว่ากำลังพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ “ ตั้ม เกลียดตัวเองที่ทำให้เพื่อนเกลียด”


“พี่ชาย ตั้มเกลียดตัวเอง”  ตั้ม พูดเสียงแผ่ว ในขณะที่น้ำตาหยดลงสู่พื้นทรายด้านล่าง แล้วก็ค่อยๆซึมหายลงไป
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๑๖ /๑๒ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: อาจารย์..สีฟ้า ที่ 12-04-2008 21:46:28
ตอนนี้เศร้าจัง  o7 o7 o7 o7 o7

เป็นกำลังใจให้นะครับ   :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๑๗ /๑๓ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 13-04-2008 18:48:31
๑๗ ผิดสัญญา

ปอ นิ่งไปเมื่อฟังเรื่องที่ ราญ เล่าจบลง สมองกำลังนึกทบทวนสิ่งที่ ราญ เล่า....ตั้ม มันพูดขนาดนั้นเชียวหรือ จากสายตาที่ ปอ มองเห็นถึงความสดใสร่าเริงของ ตั้ม ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นไปได้ว่ามันจะคิดอะไรขนาดนั้น  ปอ ไม่อยากจะเชื่อ แต่ ราญ จะปั้นเรื่องหลอกเขาทำไม

“ทำไมมึงเล่าเรื่องพวกนี้ให้กูฟัง” ในที่สุด ปอ ก็ถามออกไป
“เพราะเราคิดว่านายควรรู้เรื่องพวกนี้ อย่างน้อยจะได้รู้ไว้ว่า ตั้ม มันคิดว่านายเป็นเพื่อนมาตลอด” ราญ ตอบ แล้วมองดูปฏิกิริยาของ ปอ
“แต่กูไม่อยากเป็นแค่เพื่อน กูอยากเป็นคนพิเศษสำหรับมัน” ปอ ระเบิดคำพูดออกมา แล้วมอง ราญ ด้วยสายตาที่ปนไปด้วยความอิจฉา “แบบมึง” ปอ ยังมองหน้า ราญนิ่ง
“ฮ่าๆๆ ปอ บอกมาให้ชัดๆหน่อยดีกว่า ว่าคำว่า คนพิเศษ ที่นายพูดน่ะ หมายถึงแบบไหน เราว่า คงไม่ได้หมายถึง พิเศษแบบพี่ชาย แบบที่เราเป็นหรอกนะ” ราญ มอง ปอ ยิ้มๆ ... สารภาพมาซะดีๆดีกว่า ไอ้ผู้ร้ายปากแข็ง ปากอย่างใจอย่าง... ราญ นึกในใจ
“กู... กู...” ปอ อึกอัก ก้มหน้าหลบสายตาที่มองมา ตัดสินใจไม่ถูกว่า ควรจะบอกคนตรงหน้านี้ถึงความรู้สักที่แท้จริงในใจของเขาหรือไม่ เขายังไม่แน่ใจว่า ราญ รู้สึกกับ ตั้ม เพียงแค่คำว่า ‘พี่ชาย’ เพราะสายตาของราญ เหมือนจะเยาะๆเย้ยๆเขาอย่างไรพิกล

“ไม่พูดไม่เป็นไร เอาเป็นว่าเราคิดว่าเรารู้แล้วกัน ว่านายรู้สึกยังไงกับ ตั้ม มัน เราถึงได้ยอมผิดสัญญา เล่าเรื่องนี้ให้นายฟัง”
“สัญญาอะไร” ปอ เงยหน้าขึ้นมามอง ราญ อีกครั้ง ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
“สัญญาที่เราให้ ตั้ม ไว้ ว่าเราจะไม่เล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง นี่ถ้า ตั้ม มันรู้คงโกรธ” ราญ เว้นระยะนิดหนึ่ง ก่อนจะพูดต่อ “ไม่สิ มันคงเสียใจมากกว่า ตั้ม มันโกรธเป็นซะที่ไหน นายว่ามั๊ย” ราญ ยิ้มอย่างอบอุ่น เมื่อนึกถึง ตั้ม

“เออ กูยอมรับ กู.......กู.....รักตั้ม” ปอ พูดออกไปเบาๆ รู้สึกว่าตัวเองหน้าแดงเล็กน้อยที่พูดคำนั้นออกไป เป็นเพราะคำพูดประโยคสุดท้ายของ ราญ ทำให้เขาตัดสินใจบอกความในใจที่เขาเก็บไว้มานมนาน
“ดี” ราญ ตบไหล่ ปอ เบาๆ แล้ววางไว้อย่างนั้น “จวนได้เวลาเรียนแล้ว มีอะไรไว้วันหลังค่อยคุยกัน” ราญ ปล่อยมือออกจากไหล่ของปอ แล้วพูดต่อ “อย่าให้เราเห็น ตั้ม มันร้องไห้เพราะพวกนายอีกเป็นครั้งที่สอง ไม่อย่างนั้นเราคงต้องผิดสัญญากับ ตั้ม มันอีกข้อ สัญญา ที่เราบอกมันว่าเราจะไม่มีเรื่องกับใคร เราไม่อยากผิดสัญญาข้อนี้ โดยเฉพาะกับเพื่อนของ ตั้ม เพราะมันจะยิ่งทำให้ ตั้ม มันเจ็บเป็นสองเท่า”

ราญ พูดจบก็เดินออกไป ทิ้งให้ ปอ ยืนคิดทบทวนถึงเองราวในหลายวันที่ผ่านมาอยู่คนเดียว จนเสียงออดบอกเวลาเรียนดังขึ้น


หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๑๗ /๑๓ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: AidinEiEi ที่ 14-04-2008 01:46:36
 :m1: :m1:รักตั้มจัง :o8:


ขอชมนะคะว่าเขียนดีมากๆเลย ชอบๆ o13 o13


มาต่อตอนต่อไปเร็วๆนะคะ  ตามอ่านอยุ่ค่ะ :m1:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๑๘ /๑๔ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 14-04-2008 19:48:20
๑๘ นอนไม่หลับ

เปิดเทอมแล้ว ปอ ก็ยังคงได้เจอพวกศักดิ์อยู่บ้าง ถึงแม้จะถูกแยกจากกลุ่มออกมาอยู่ห้อง ๑๒ ที่มีชื่ออย่างไม่เป็นทางการว่า ‘ห้องการงาน’ หรือที่หลายๆคนเรียกว่า ‘ห้องบ๊วย’ ส่วนใหญ่เขาก็มานั่งคุยกับ ศักดิ์ และพรรคพวกที่โต๊ะใต้ต้นไม้ ซึ่งมีอยู่หลายตัวรอบๆบริเวณสนามใหญ่ของโรงเรียน

“ไอ้ตั้ม แม่งไปหาพวกกูที่ห้องอีกแล้วเมื่อเย็นวาน” ชัย พูดขึ้นมา
“ไปหาพวกมึงเนี่ยนะ กูไม่เชื่อหรอก” ปอ หันมามองหน้าชัยด้วยความสงสัย
“อ้าว ก็พวกกูอยู่ห้องนั้นด้วย มันมาหาพวก ไอ้ราญ ทีไรก็ยิ้มให้พวกกูทุกที แบบนั้นแปลว่ามันมาหาพวกกูด้วยเหมือนกัน จริงป่ะวะ” ชัย ว่าแล้วก็หันไปพยักเพยิดกับพรรคพวกที่อยู่ห้อง ๒ ด้วยกัน
“แต่กูหมั่นไส้แม่งหว่ะ ทำเป็นระริกระรี้ หน้าบานกับไอ้พวกห้อง ๒” ศักดิ์ว่า
“นั่นดิ ถ้ากูไม่คิดว่าจะมีเรื่องกับพวกห้อง ๒ นะ กูอยากจะเข้าไปตบกระบาลมันให้คว่ำ” สมชาย เสริม
“แต่กูว่า หมู่นี้ตัวมันดูเต็มๆหว่ะ กูว่าน่าฟัด” ชัย ว่ายิ้มๆ
“ฮ่าๆๆ มึงจะเอามันทำเมียหรือไงวะ” สิทธิ์ พูด “ว่าไปน่าลองนะมึง เค้าว่ามันส์ไปอีกแบบ”
“เฮ๊ย พวกมึงคิดอะไร เอี้ยๆกันวะ” ปอ พูดดังๆ
“ถ้ามึงไม่เอาด้วยก็ไม่ต้องเว๊ย งานนี้พวกกูหาโอกาสกันเอง เป็นยังไงเดี๋ยวค่อยมาเล่าให้มึงฟังแล้วกัน ฮ่าๆๆๆๆ” ศักดิ์ พูดแล้วหันไปหัวเราะกับอีกสามคนที่เหลือ
“งานนี้กูขอผ่านหว่ะ ไม่เอากะพวกมึงด้วยหรอก แม่งพิเรนท์ขึ้นทุกวันนะพวกมึง” พูดจบ ปอ ก็เดินออกจากโต๊ะไป
.........................................................................................

.......เวรแล้วไง จากที่แกล้งมันเล่นๆ สนุกๆกัน ท่าทางจะกลายเป็นเรื่องซะแล้ว กูไม่ยอมให้พวกมึงทำแบบนั้นเด็ดขาด ไอ้ตั้ม มันต้องเป็นของกูคนเดียว.......

....ผิวเนียนๆของมึง ต้องมีแต่มือกูที่ได้สัมผัส
...ตัวหอมๆของมึงต้องมีไว้ให้กูดมได้คนเดียว
... ทั้งตา ทั้งคิ้ว ทั้งปาก ทั้งแก้ม ทุกส่วนในตัวมึงต้องเป็นของกู ใครอย่าได้มาแตะของกูเชียว

..........จะว่าไปจากที่กูเห็นไกลๆ มึงดูเนื้อเต็มๆขึ้นเหมือนที่ ไอ้ชัย มันว่าจริงๆหว่ะ เอี้ยเอ๊ยยยยยย....... ไอ้หมาตั้ม ทำไมมึงน่ารักจังวะ คิดถึงมึงแล้วกูสยิวจนนอนไม่หลับเลยหว่ะ พรุ่งนี้ก่อนนะมึง......พรุ่งนี้ก่อนกูจะไปหามึง
.........................................................................................

...โอย เสร็จซะที ทำไมงานมันเยอะแบบนี้วะ กินข้าวเสร็จยังต้องมานั่งทำต่ออีก... ปอ นึกในใจ ...เลยยังไม่ได้ไปหาไอ้ลูกหมาของกูเลย ไม่ได้ ไม่ได้ วันนี้ยังไงต้องไปให้ได้...
คิดแล้ว ปอ ก็ไปยังตึก ๗ ที่อยู่ตรงข้ามกับตึก ๓ ที่เขาอยู่ โดยมีสนามใหญ่ และ ตึก ๑ คั่นอยู่

“ไอ้ตั้ม อยู่รึเปล่า” ปอ ถามกลุ่มที่ยืนคุยกันอยู่ตรงประตูหน้าห้อง ๖ เห็นไอ้คนนั้นมองๆเข้าไปในห้องแล้วหันมาตอบ
 “ไม่อยู่ ลองไปดูห้อง ๒ สิ มันไปบ่อยๆ” ปอเห็นคนนั้นตอบพลางมอง ตัวอักษรกลุ่ม ที่ปักอยู่เหนือชื่อตรงอกเสื้อขวาด้านบนของกระเป๋าเสื้อ ซึ่งบอกให้รู้ว่าอยู่ห้องไหน
“เออ ขอบใจ” แล้ว ปอ ก็หันตัวเดินไปห้อง ๒

“ปอ ทางนี้โว๊ย มึงมานี่ได้ไงวะ” สิทธิ์ตะโกนเรียกมาจากทางหลังห้อง เมื่อ ปอ ชะโงกหน้าเข้าไป
“มาหาพวกมึงนั่นแหละ ไม่เจอพวกมึงหลายวัน มัวแต่ทำรายงาน” ปอ พูดแล้วเดินไปหากลุ่มเพื่อน ...จะให้พวกมันรู้ได้ยังไงวะ ว่ากูมาดูว่า ไอ้ตั้ม มันมาอยู่นี่รึเปล่า เสียฟอร์มตายห่าเลย...

คุยไปก็มองไปรอบๆห้อง ...พวก ราญ มันก็อยู่นี่ครบนี่หว่า แล้วมันไปไหนของมันวะ... ปอ คิด
...เอ๊ะ หรือว่ามันไปห้องสมุดวะ แหงเลยหว่ะ ทำไมเพิ่งนึกออกวะ...
“เฮ๊ย กูไปก่อนนะ เพิ่งนึกได้ มีธุระต้องทำหน่อย” พูดจบ ปอ ก็วิ่งออกจากห้องไป
“อะไรของมันวะ เพิ่งคุยกันได้นิดเดียว แล้วธุระอะไรของมันวะรีบซะขนาดนั้น” สมชาย บ่น
“มันไปตามควายมั๊ง” ศักดิ์ พูด แล้วก็หันไปหัวเราะกับเพื่อนในกลุ่ม

...ปอ มันไปตามลูกหมาน้อยของมันต่างหาก พวกนี้มันไม่รู้จริงๆ หรือแกล้งไม่รู้กันแน่ ... ราญ คิด เขารู้ทันทีว่า ปอ คงมาตามหา ตั้ม เพราะ ตอนที่ ปอ คุยกับพวกศักดิ์ ตามันมองมาทางนี้เหมือนสำรวจหาอะไรอยู่ตลอดเวลา เมื่อเขาหันไปทาง ชัย ก็เห็น ชัย หันมายิ้มให้เขาอย่างรู้กัน
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๑๘ /๑๔ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: อาจารย์..สีฟ้า ที่ 14-04-2008 20:56:45
เข้ามาติดตาม และเป็นกำลังใจให้เหมือนเดิมครับ   :L2: :L2: :L2:

1+ สำหรับความรับผิดชอบ และความตั้งใจในการเขียนเรื่องครับ
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๑๘ /๑๔ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: AidinEiEi ที่ 14-04-2008 23:32:52
เพิ่มอีก 1 ค่ะ o13


รักตั้มเหมือนเดิม


ขอรักราญอีกคนด้วยเน้อ :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๑๙ /๑๕ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 15-04-2008 21:51:13
๑๙ เมิน

...กูว่าแล้ว นั่งอยู่นั่นไง นั่งอยู่ได้ที่เดิมๆ มึงไม่คิดจะเปลี่ยนไปนั่งมุมอื่นของห้องมั่งเหรอไงวะ...
...สมาธิดีเหมือนเดิมนะมึง ตั้งอกตั้งใจอ่านใหญ่ เพลินตรงไหนวะ อ่านหนังสือเนี่ย...

ปอนึกถึงวันนั้น ที่ตั้มนั่งลอกสมุดจดงานของ ราญ อยู่ที่โต๊ะตัวนั้น ขนาด ปอ เดินเข้าไปนั่งเก้าอี้ข้างๆ ตั้ม ก็ยังไม่รู้สึกตัว เพราะกำลังมีสมาธิกับสมุดจดงานตรงหน้า เป็นที่รู้กันในกลุ่มเพื่อนว่า หากตั้มทำงานหรืออ่านหนังสือด้วยท่าทางตั้งอกตั้งใจแบบนั้นละก็ ต่อให้ฟ้าถล่มมันก็ไม่สนใจ
ปอ มองไปยังหน้าใสๆรูปไข่ ปอยผมที่ลงมาปรกหน้าผากอยู่บางๆ รับกับคิ้วที่เป็นเส้นเรียวยาวไปจนจรดหางตา กรอบแว่นกลมๆ ยิ่งทำให้ดวงตาโตใต้เลนส์เหมือนยิ่งมีประกายมากกว่าเคย

...อ้าว มันเปลี่ยนแว่นทำไมวะนั้น แล้วทำไมมันมีแว่นหลายอันจังวะ... ปอ นึกขณะที่ ตั้ม เปลี่ยนแว่นจากอันที่กรอบเป็นวงกลม มาเป็นกรอบแว่นตาทรงรีไปตามยาว

ความที่สายตาของตั้มผิดปรกติกว่าคนทั่วไป ตาซ้าย-ปรกติ ขณะที่ตาขวา-สั้นถึง ๕๕๐ มันจะทำให้ ตั้ม เกิดอาการ ‘เมา’คล้ายการเมารถหรือเมาเรือ หากเดินในขณะที่ใส่แว่นสายตากรอบทรงกลม ซึ่งตัดเลนส์มาเพื่อใช้สำหรับการอ่านหนังสือโดยเฉพาะ ตั้มจะเดินได้ตามปรกติ หากใส่แว่นสายตากรอบวงรีที่ตัดเลนส์มา ให้สายตาปรับภาพได้เหมาะกับการเดิน แต่ภาพที่เห็นในสายตาจะชัดเจนอยุ่ในระยะเพียง ๑-๒ เมตรเท่านั้น ในระยะที่ไกลกว่านั้น ก็จะเป็นเพียงภาพเบลอๆ ตั้ม จึงไม่สามารถรู้ได้ว่าคนที่ยืนอยู่ไกลๆนั้นเป็นใคร กรรมพันธุ์ทางสายตาของพ่อและแม่ ตกทอดมาสู่ลูกชายคนเล็กคนละครึ่งอย่างพอดิบพอดี  .....คนละข้าง....  ตาซ้ายจากพ่อ ตาขวาจากแม่

...เฮ๊ย แว่นกลมๆแม่งก็น่ารักขึ้นเยอะแล้ว แต่แว่นรีๆอันนี้ใส่แล้วน่ารักโคตรๆเลยหว่ะ... ปอนึก
...อ้าว แล้วมันจะไปไหนวะ มองเห็นกูแล้วเดินหนีเหรอวะ...ปอ มอง ตั้ม ที่เดินออกจากห้องสมุดไปทางอีกประตูหนึ่ง
“มึงนะมึง ทำเมินกู” ปอ คำรามเบาๆในลำคอ
..........................................................

...แม่งเดินหนีกูนะมึง... ปอ นึกพลงพลิกตัวไปมาบนเตียงนอน ...นอนไม่หลับอีกแล้วเว๊ย...
...หรือมันมองไม่เห็นวะ มันสายตาสั้นนี่หว่า... ปอ นึกแก้ตัวให้ ตั้ม ...ไม่สิ มันใส่แว่นแล้ว มันต้องเห็นชัดขึ้น มันต้องเห็น มันเห็นกูแล้วเดินหนี เมื่อก่อนมันไม่เคยทำแบบนี้ มันโกรธอะไรกูวะ หรือมันเกลียดกูแล้ว ... ปอ ยังพลิกตัวไปมา

...เฮ๊ย หรือพวกแม่งทำไปแล้ววะ ฉิบหายแล้ว ... ปอ ผลุนผลันลุกขึ้นนั่ง ... ไม่มังวะ ถ้าทำไปแล้ว พวกมันต้องคุยอวดแล้ว คงไม่เฉยกันแบบนี้ ... ปอ สบายใจขึ้นมาหน่อย เลยเอนตัวลงนอนต่อ ...เดี๋ยวพรุ่งนี้กูลองไปหามันที่ห้องใหม่ แล้วกูจะบอกมันยังไงวะ ถ้ามันถามว่าไปหามันทำไม ... ปอ กระสับกระส่าย พลิกตัวไปมา ...เออ ใช่ ต้องทำเป็นไปถามมันว่า ทำไมมันเดินหนีที่ห้องสมุด เออ เข้าท่าหว่ะ .... คิดถึงตอนนี้ ปอ ก็ผลอยหลับไป
.............................................................

ช่วงพักเที่ยงวันต่อมา ปอ ยืนพิงรั้วริมระเบียงอยู่แถวๆประตูหน้าห้อง ๖ คนในห้องบอกว่า ตั้ม ไปซื้อของที่ห้องสหกรณ์ของโรงเรียนกับคนที่ชื่อ วินท์ กับ เบ๊ รออยู่สักพัก ปอ ก็เห็นตั้มเดินมากับคนที่คิดว่าชื่อ วินท์ แต่ไกล ในมือทั้งคู่ถือกระดาษวาดเขียนมาคนละปึก

... เดินซะชิดกันเชียวนะมึง ไอ้ตี๋นี่เหรอวะที่ชื่อ วินท์ หล่อเหมือนกันนี่หว่าแต่สู้กูไม่ได้หรอก ฮ่าๆๆ ถึงจะสูงกว่ากูหน่อยก็เหอะ ยังไงกูกินขาด อ้าว คุยกันใหญ่นะมึง...
...เฮ๊ย มองกูแล้วเมินอีกแล้วเหรอวะ ... ปอ คิด เมื่อเห็นสายตาภายใต้กรอบแว่นรีๆมองมา แล้วหันกลับไปคุยกับคนข้างๆเหมือนกับมองไม่เห็นว่าเขายืนอยู่ตรงนั้น ...เดี๋ยวกูจะดูว่ามึงจะเมินกูอีกมั๊ย ...คิดแล้วปอก็เดินตรงไปที่คนทั้งสอง แล้วก็...................เดินสวนกับคนทั้งสองที่กำลังคุยกันไป

... เฮ๊ย กูเดินเฉียดขนาดนี้แล้วยังมองไม่เห็นกูอีกเหรอวะ ... ปอ หันกลับมามองทั้งสองคนที่เดินหายเข้าไปในประตูห้อง ๖
...มึงจำไว้นะ ทำเป็นไม่เห็นกู มึงเห็นเพื่อนใหม่สำคัญกว่ากู แล้วมึงจะรู้สึก...ปอ คิดแล้วอดพูดดังๆไม่ได้ “โมโหเว๊ย”

“โมโหอะไรวะ มาๆๆๆ พวกไอ้ศักดิ์อยู่ที่ห้องพอดี เข้าไปคุยกัน” สิทธิ์โผล่มาจากไหนไม่รู้ สะกิด ปอ ทางด้านหลัง
“เฮ๊ย มาเมื่อไรวะ” ปอ ตกใจ ... เมื่อกี้มันเห็นรึเปล่าวะ
“เดินมาจากห้องน้ำ กำลังจะกลับห้อง มองมาเห็นเอ็งพอดี ไปๆ ว่างก็ไปนั่งคุยกัน” สิทธิ์ พูดจบก็เดินไปยังห้อง ๒
...ไว้พรุ่งนี้ก็ได้วะ... ปอ คิดแล้วก็เดินตาม สิทธิ์ไป
.......................................................

“ตั้ม อยู่มั๊ย” ปอ ถามกลุ่มเดิมที่นั่งคุยกันอยู่ตรงประตูห้อง ๖
“อยู่ข้างในแน่ะ แป๊บ เดี๋ยวเรียกให้” หนึ่งในกลุ่มนั้นตอบ ปอ แล้วหันตัวตะโกนไปทางหลังห้อง “ตั้ม โว๊ย ตั้ม........มีหนุ่มหล่อมาหาอีกแล้วหว่ะ”  ตามด้วยเสียงเป่าปากวี๊ดวิ้วจากพวกที่เหลือในกลุ่มนั้น
“เจอตัวซะทีนะ เห็นมาหาหลายหนและ” คนหนึ่งในกลุ่มหันมาพูดยิ้มๆกับ ปอ

...ไหนดูหน่อยสิวะ ว่ามันนั่งตรงไหน... ปอ ชะโงกหน้ามองเข้าไปทางหลังห้อง เขาก็มองเห็น ตั้ม นั่งอยู่บนเก้าอี้ที่โต๊ะมุมในสุดของห้อง มีคนที่เขาจำได้ว่าชื่อ วินท์ ยืนอยู่ข้างๆ ท่าทางใกล้ชิด มือข้างหนึ่งของ วินท์ เหมือนจะโอบไหล่ ตั้ม อยู่ ในขณะที่อีกมือหนึ่งจับมือ ตั้ม วาดหรือระบายอะไรสักอย่างในกระดาษวาดเขียนตรงหน้า

... เฮ๊ย มึงอี๋อ๋อกันขนาดนี้เลยนะ ไม่อายคนในห้องมั่งเลยเหรอวะ ... ปอ คิดอย่างหัวเสีย ... อ้อ แบบนี้สินะ มึงถึงได้เมินกู...ปอ สะบัดหน้าเดินถอยห่างออกไปจากประตู

... แล้วทำไมยังไม่มาอีกวะ ทางแค่เนี๊ย เดินช้าจริงนะมึง ... มองเข้าไปอีกทีก็เห็น ตั้ม เดินก้มหน้ามองพื้น ค่อยๆเดินมาช้าๆ .. ทำไมมันเดินช้าขนาดนั้นวะ แล้วดูมัน เดินจับโต๊ะยังกับคนพิการ เดินไม่ได้

“ว่าไง ปอ” ตั้ม เดินมาถึงประตูห้อง แล้วเงยหน้ามามอง พอเห็นว่าเป็น ปอ ก็ยิ้มกว้างพร้อมกันทักทายออกมา
... หนอยทำมาเป็นยิ้มนะมึง น่ารักฉิบหาย หัวใจกูจะละลายเพราะยิ้มมึงนี่แหละ ... ปอ คิดในใจ ขณะที่มองหน้ายิ้มๆของ ตั้ม
...เฮ๊ย ไม่ได้ดิ กูต้องโกรธ อย่ายิ้มออกไปเชียวนะมึง ต้องทำท่าโกรธไว้ก่อน เดี๋ยวมันเหลิง ต้องปราบมันให้อยู่ซะตั้งแต่ตอนนี้ ...
“อ้อ.......ยังจำกูได้เหรอมึง......มานี่” ปอ คว้ามือ ตั้ม ลากตรงไปยังรั้วเหล็กริมระเบียง ... โอย นุ่มหว่ะ มือมันยังนุ่มเหมือนเดิม ตัวมึงยังหอมเหมือนเดิมมั๊ยวะ อ้าว แล้วฝืนตัวไว้ทำไมวะ ทำไมไม่เดินตามกูมา...ปอ คิด แล้วหันไปหา ตั้ม
“เป็นไร เห็นผู้ชายมาหาเลยทำเล่นตัวหรือมึง” ...แกล้งดุมันไป หน้าจ๋อยเชียวมึง...
“ปอ เราไม่อยากไปยืนตรงนั้นอะ เรากลัวความสูง” ตั้ม มันตอบทำหน้าแหยๆ ...เออ มันกลัวความสูงนี่หว่า ลืมไป บันไดบางตึกชันๆกว้างๆ มันยังเดินไม่ได้ ต้องมีคนจูงลงบ่อยๆ ลากมันไปคุยตรงไหนดีวะ อ้อ นึกได้แล้ว ...
“เออ กูลืมไป งั้นไปกับกูตรงโน้น”

พูดจบ ปอ ก็เดินลาก ตั้ม ให้เดินตามไปด้วยอย่างรวดเร็ว ไม่ได้สนใจกับอาการของตั้มที่หน้าซีดลง พลางเอามือกดหัวคิ้วไว้เหมือนมีอาการอะไรสักอย่าง

หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๑๙ /๑๕ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: RN ที่ 15-04-2008 23:00:16
รออ่านนนนนนนน o13
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๑๙ /๑๕ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: อาจารย์..สีฟ้า ที่ 15-04-2008 23:09:47
เข้ามาติดตามและให้กำลังใจเหมือนเดิมครับ   :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๑๙ /๑๕ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: AidinEiEi ที่ 15-04-2008 23:38:50
 o13 o13กำลังใจให้คุณเอาไปเลยจ้า

     :m13:แล้วก็รักตั้มเหมือนเดิม :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๑๙ /๑๕ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: สาวตัวกลม ที่ 16-04-2008 02:53:57
มารออ่านตอนต่อไปเหมือนกันจ้า :o8:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๑๙ /๑๕ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 16-04-2008 16:23:43
ขอบคุณสำหรับกำลังใจจากทุกคนครับ :o8: และขอบคุณสำหรับการแมสเซจมาบอกว่ามีการเขียนผิดในตอนที่ ๑๐ ด้วย  :sad2: ทำการแก้ไขเรียบร้อยแล้วครับ  o2


หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๑๙ /๑๕ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 16-04-2008 16:49:55
ถ้าเป็นหนังสือต้องบอกว่าอ่านแล้ววางไม่ลง

สนุกมากค่ะ  รออ่านต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๒๐ /๑๖ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 16-04-2008 20:30:00
๒๐  ที่ว่าอะไรมันคืออะไร

เมื่อหมดชั่วโมงเรียนคาบวิชาสุดท้ายของวัน หลังจากที่เพื่อนๆในห้อง ยกเก้าอี้ขึ้นวางคว่ำไว้บนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว ผมก็เริ่มทำการกวาดห้องเรียนเริ่มจากทางโต๊ะ วินท์ ซึ่งเป็นมุมสุดทางหลังห้อง ไล่มาทางหน้าห้อง เพราะเป็นเวรทำความสะอาดห้องของผมพอดี

“แผลที่มือ ตั้ม ได้แต่ ใดมา” โจ้เดินเข้ามาชี้ที่ผ้ากอตที่แปะอยู่ง่ามมือผม ตามมาด้วยเสียงวี๊ดวิ๊ว ของเพื่อนๆ๒-๓ ในบริเวณนั้น
“......................” ผมอมยิ้มให้กับกลอนทะเล้นของโจ้ ไม่ได้ตอบอะไร
“ทะเลาะกับหนุ่มหล่อมา จึ่งได้” บัติ ต่อกลอนให้
 “ทะเลาะกันเรื่องใดนา วานบอก”โจ้ ยังไม่หยุด สมกับที่มี่ครูที่ปรึกษาเป็นครูสอนวิชาภาษาไทย
“หนุ่มหึงนึกว่านอกใจไซร้ จึ่งได้แผลมา ฮ่าๆๆ” ชัช เข้ามาร่วมวง พร้อมกับหัวเราะประสานกับสองคนนั้น
“ตลกแล้ว ใครหึงใคร พูดอะไรไม่เห็นจะรู้เรื่อง” ผมทนไม่ไหวเลยพูดออกไป แต่ยังคงกวาดพื้นไปเรื่อยๆ
“อ้าวก็หนุ่มคิ้วเข้มๆห้องการงาน ที่มาหานายตอนกลางวันบ่อยๆไง” โจ้บอก .....ผมกวาดพี้นอยู่ เลยฟังมั่ง ไม่ฟังมั่ง
“เห็นจูงมือลากกันไป ลากกันมา ตั้งแต่เรียน ม.๑ ไม่ใช่เหรอ” ชัช เสริม ผมฟังแล้วสงสัยว่าพวกนี้เห็นอะไร ตั้งแต่ตอนไหน
“นั่นดิวะ แล้วคบกันไปถึงไหนแล้ว อยากรู้หว่ะ” บัติ ยื่นหน้ายิ้มกวนๆเข้ามาถามผม
“ถ้าเป็นคนที่มาหาเราเมื่อกลางวัน ก็เรียนด้วยกันมาตั้งแต่ ม.๑ อะ ปอ เค้าไม่ค่อยชอบขี้หน้าเรา เกลียดเราออกจะตาย ไม่ได้สนิทอะไรกันหรอก” ผมตอบพลางกวาดพื้นไปเรื่องๆ ไม่ได้เห็นว่า ทั้งสามคน มองหน้ากันเลิกลั่ก
“ไม่จริงมั๊ง....อ้อ ชื่อ ปอ เหรอ ถ้าไม่สนิทกันทำไมมาหานายที่ห้องบ่อยๆ” โจ้ บอก
“บ่อยอะไรกัน ก็เพิ่งมาเมื่อกลางวันนี้ครั้งเดียวเองไม่ใช่เหรอ” ผมหยุดกวาดพื้น หันมามอง โจ้ ด้วยสีหน้า งง งง
“เอ็งอย่ามาทำไม่รู้เรื่อง คบกันไปถึงไหนแล้ว บอกมาเร็วๆ” บัติ พูดพลางยิ้มประหลาดๆ แล้วทั้งสามคนก็พร้อมใจกันยื่นหน้ากวนๆเข้ามาใกล้ๆ ทำท่าตั้งอกตั้งใจฟังคำตอบ

“ไหน ลองสาธิตให้ดูหน่อยดิ๊ ว่าไอ้ถึงไหนที่ว่าน่ะ มันคือถึงไหน” ผม ยื่นหน้าเข้าไปมั่ง แล้วพูดกับ บัติ ทั้งสามคนสะดุ้งถอยไปคนละก้าว วงแตกกระจาย
“เฮ๊ย.......เอ็งจะให้ข้าสาธิตกับเอ็งเนี่ยนะ เอ็งเอาจริงอะ” บัติ พูดทำท่าทางตกอกตกใจ
“อื้อ......ก็จะได้รู้ไง ว่าไอ้ถึงไหน ที่นายว่าเนี่ย มันคือ ถึงไหนกันแน่” ผมยังคิดอยู่ว่า ตกใจอะไรกันนักหนา แล้วไอ้ถึงไหนเนี่ย มันอะไร
“เอาอย่างละเอียดเลยป่ะวะ ตั้ม ฮ่าๆๆๆๆๆ” โจ้ถาม
“มีละเอียดไม่ละเอียดด้วยเหรอ ถ้ามันละเอียดมากก็ทีละนิดก็ได้อะ” ผมยังคงตอบไปด้วยสีหน้าจริงจัง
“ฮ่าๆๆๆๆๆ เอาเลยเว๊ย บัติ เอาเลย เอาเลย”โจ้ เชียร์
“นั่นดิเว๊ย บัติ เอาเลย เค้าท้ามาแล้วนะมึง ไม่งั้นเสียเชิงชายนะเว๊ย ฮ่าๆๆ” ชัช เชียร์อีกคน ผมมอง โจ้ กับ ชัช หัวเราะสลับกับ บัติ ที่ทำหน้าพิกลพิกล เพื่อนคนอื่นๆที่ทำเวรอยู่เริ่มหยุดมือหันมามอง
“ไม่ดีกว่าหว่ะ กูไม่อยากรู้แล้ว” บัติ ตอบ หลังจากเงียบไปสักพัก แล้วก็หัวเราะแหะๆ ค่อยๆเดินออกไปกวาดห้องอีกด้านหนึ่ง
“งั้นนายอะ สาธิตได้ป่ะ” ผมหันไปทาง โจ้
“เฮ๊ย......นายจะบ้าเหรอ” โจ้ ตะโกนอย่างตกใจ แล้วก็รีบเดินไปเอาที่โกยผง มาโกยขยะที่เมื่อสักครู่กวาดมารวมๆกันไว้
ผมหันไปทาง ชัช แต่ไม่ทันจะพูดอะไร ชัช ก็เดินหนีไปทำความสะอาดกระดานดำซะแล้ว มองไปดูคนอื่น เห็นก้มหน้าก้มตาทำเวรไป เหมือนมีบางคนแอบหัวเราะจนตัวสั่นชียว
“แล้วตกลง ไอ้ ‘ถึงไหน’ เนี่ยมันอะไรกันแน่” ผมบ่นพึมพัมกับตัวเอง แล้วก็กวาดพื้นห้องต่อไป
..............................................................................

“แบบนี้เรียกว่าอะไรดีวะ ซื่อ โง่ หรือไร้เดียงสาวะ” บัติ ถาม โจ้ หลัวจากที่ ตั้ม สะพายเดินเป้ออกไปจากห้อง
“กูบอกแล้ว มันไม่รู้เรื่องหรอก” ชัช พูด
“ว่าไปมันก็ตลกหว่ะ น่ารักดี แบบนี้กูถึงกล้าสนิทกับมัน ถ้าเป็นแบบกลุ่ม................... ก็คงไม่ไหว” โจ้ พูดถึงกลุ่มกระเทยกลุ่มใหญ่ของโรงเรียน แล้วก็พูดต่อ “ว่าไปกูเห็นใจไอ้คนชื่อ ปอ หว่ะ คงอีกนานกว่าไอ้ ตั้ม มันจะรู้จักเรื่องแบบนี้”
..............................................................................

หลังจากทำเวรเสร็จแล้ว ผมก็สะพายเป้เดินไปห้อง ๒ คิดว่าเดี๋ยวจะถาม ราญ ว่า ปอ เป็นอย่างไรบ้าง เพราะป่านนี้ ปอ คงกลับบ้านไปช่วยงานที่บ้านแล้ว
“เต่า กับ ราญ มันกลับบ้านไปแล้ว” ต่อ บอก
“งั้นเรากลับก่อนนะ” ผมบอก ต่อ กับ กร ที่นั่งทำงานด้วยกันอยู่  คงเป็นรายงานอะไรสักวิชา
“เออๆ เดี๋ยวบอก ตุ่ม กับ จก ให้ พวกมันไปซื้อขนมกันอยู่ เดี๋ยวพวกเราคงอยู่ทำรายงานกันก่อน เดี๋ยวค่อยกลับ” ต่อ บอก
“ตั้ม มือหายไวไวนะ แล้วระวังตอนอาบน้ำ อย่าให้โดนน้ำล่ะ เดี๋ยวจะหายช้า” กร พูดยิ้มๆ
“นายก็ไปอาบให้มันซะเลยสิ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ” ต่อ หัวเราะร่วน
“ถ้า ตั้ม เค้าอนุญาตนะ” กร หันมามองผมยิ้มๆ
“จะจับเรากดน้ำซะล่ะไม่ว่า” ผมหัวเราะตอบ กร ไป แล้วผมก็เดินออกมาจากห้อง ๒ ออกไปยังป้ายรถเมล์ที่ป้ายรถเมล์ฝั่งตรงข้ามโรงเรียน เพื่อขึ้นรถประจำทางกลับบ้าน ทั้งที่ในใจยังสงสัยในเหตุการณ์เมื่อกลางวันไม่หาย

..........ทำไม ปอ ถึงได้ดูโกรธขนาดนั้น แล้วพูดอะไรไม่เข้าใจสักอย่าง
......... ปอ ได้แผลมั่งหรือเปล่า ถึงได้ไปไม่ทำแผลที่ห้องพยาบาล
......... แล้ว ราญ คุยอะไรกับ ปอ บ้างเมื่อตอนกลางวัน ราญ คงไม่เล่าเรื่องนั้นให้ ปอ ฟังหรอกนะ

ก็พี่ชายสัญญากับน้องแล้วนี่ ผมยังจำได้ที่ ราญ.....พี่ชายที่แสนดี พูดกับผม
“อื้อ พี่ให้สัญญา พี่ไม่ไปมีเรื่องกับใครที่ไหนหรอก แล้วเรื่องนั้นด้วย เอาเป็นว่ามันเป็นความลับของพวกเราดีมั๊ย”

หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๒๐ /๑๖ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: YO DEA ที่ 16-04-2008 20:32:13
^
^
^
|
|
|

มาๆๆๆ


คนเขียนครับ

ให้ผมจิ้มๆๆๆๆซะดีๆ

อิอิ
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๒๐ /๑๖ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: อาจารย์..สีฟ้า ที่ 16-04-2008 21:00:13
เข้ามาเป็นกำลังใจให้เหมือนเดิมครับ   :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๒๐ /๑๖ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: สาวตัวกลม ที่ 16-04-2008 21:07:45
ตามอาจารย์สีฟ้า มาให้กำลังใจจ้า  :L2: :L2: :L2: :L2:

อยากอ่านตอนต่อไปแล้วอ่ะ ชอบน้องตั้มจังเลย  :o8:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๒๐ /๑๖ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: AidinEiEi ที่ 16-04-2008 23:15:56
 :o8:เฮ่อ...น้องตั้มฉัน ช่างไร้เดียงสา
 

มาให้กำลังใจอีกเหมือนเดิมค่ะ o13


รอตอนต่อไปนะคะ  :o8: รักตั้มจ้า :o8:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๒๑ /๑๘ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 18-04-2008 21:54:54
พอดีว่าเมื่อวานมีงานด่วนเ้ข้ามา เลยไม่มีเวลาตรวจเรื่องก่อนลง ต้องขอโทษด้วยครับ  :m23:
ตอนนี้ก็เลยอยากจะบอกเพื่อนๆว่า ผมเองก็พยายามจะมาอัฟตอนใหม่ให้ได้ทุกวัน แต่บางทีถ้าหายไป ก็แปลว่ามีงานด่้วนเข้ามานะครับ  :m29:
แล้วก็ขอบคุณทุกกำลังใจครับ  :pig4:
.................................................................

๒๑ สัปดาห์นี้วุ่นวายจริง

ปรกติผมเป็นคนเข้านอนไว เพราะต้องตื่นตั้งแต่ตี ๕ พอเวลาประมาณสามทุ่มหรือสามทุ่มครึ่ง ผมก็จะหลับแล้ว แต่คืนนี้ ผมยังไม่หลับ ถึงแม้เวลาจะล่วงเลยมาถึงสี่ทุ่มกว่าๆแล้วก็ตาม ...ไม่เป็นไร พรุ่งนี้วันเสาร์ ตื่นสายได้...คิดได้แบบนั้น ผมก็นอนคิดต่อไปว่าทำไมสัปดาห์นี้ถึงได้มีเรื่องอะไรมาก่อกวนผมได้มากมายนัก เมื่อตอนกลางวันก็ไปมีเรื่องกับ ปอ จนได้แผลมา ที่บ้านคาดคั้นจะเอาความจริงให้ได้ เพราะไม่เชื่อที่ผมบอกว่า หกล้มแถวๆสวนหย่อม แล้วมือไปโดนขอบกระถางต้นไม้แถวนั้น
นั่นสิ เนื้อแหว่งเป็นรูแบบนั้น ใครจะเชื่อ แต่ผมก็ยังคงยืนยันแบบนั้น ถึงแม้จะถูกถามเอาตอนที่กำลังเผลอก็ตาม พอผมยืนยัน นั่งยัน กระทั่งอ่านหนังสืออยู่เพลินๆก็ยังยัน ขนาดนั้น ที่บ้านก็เลยเลิกถามไป

ผมไม่ยอมพลาดได้หรอกครับ เรื่องแบบนี้ ผมท่องไว้แล้วจนขึ้นใจตั้งแต่ตอนนั่งรถประจำทางมาต่อรถสองแถวคันโตๆกลับบ้าน รู้สึกผิดมากเหมือนกันที่โกหกออกไป แต่ถ้าผมพูดความจริง ผมไม่แน่ใจว่าทางบ้านผมจะไปเอาเรื่องกับ ปอ ถึงที่โรงเรียนหรือไม่ เพราะเคยมีเรื่องทำนองนี้มาแล้ว สมัยที่ผมเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาในโรงเรียนคริสต์แห่งหนึ่ง

พอมาตอนเย็น พวก โจ้ ก็มาทำเจ้าบทเจ้ากลอนอะไรไม่รู้ แต่ผมว่าเรื่องอะไรก็ไม่ทำผม งง เท่ากับเรื่องเมื่อตอนต้นสัปดาห์หรอกครับ
...............................................................................

เมื่อวันอังคารเวลาเย็นมากแล้ว หลังจากที่เพื่อนๆแยกย้ายกันกลับบ้าน ผมนั่งวาดรูปอยู่ที่โต๊ะตัวหนึ่งใต้ต้นหูกวางบริเวณสนามใหญ่ ความจริงผมไม่ค่อยมีหัวในเรื่องศิลปะแบบนี้มากนัก ถึงแม้ชื่อของผมน่าจะทำให้ดูเหมือนมีฝีมือก็ตาม ( ตั้งมาผิดแหงๆ -*- ตอนนั้นผมคิด แต่.......... ) ปรกติงานศิลปะผมจะได้คะแนนแย่มาก พอได้ วินท์ มาสอน ผมก็เข้าใจเรื่องของ แสง สีและเงา มากขึ้น งานของผมก็ได้คะแนนดีตามขึ้นมาด้วย ผมพยายามหาเวลาว่างและโอกาสในการฝึกเพิ่มเติม เพื่อให้สมกับที่ วินท์ อุตส่าห์มาช่วยสอนผมบ่อยๆในเวลาพัก เหมือนวันนี้ที่ผมกำลังแลเงารูปต้นหูกวางอยู่หลังจากที่ร่างเสร็จ ขณะที่สมาธิของผมกำลังอยู่ที่รูปบนกระดาษ ผมไม่ได้สนใจเลยว่ามีคนหลายคนเดินเข้ามาใกล้ๆ

“ทำอะไรอยู่วะ มึง” เสียงดังขึ้นข้างๆผม พร้อมกับมีคนนั่งลงมาข้างๆ บนเก้าอี้ยาวตัวที่ผมนั่งอยู่ แล้วมีคนอีกสองคนนั่งลงบนเก้าอี้ยาวฝั่งตรงข้ามผม
“วาดอะไรวะ กูดูหน่อย” คนที่นั่งข้างๆผมชะโงกหน้ามาดู นั่นแหละผมถึงได้รู้สึกตัว
“แฮะๆ อย่าดูเลย ไม่ค่อยได้เรื่องเท่าไร” ผมยิ้มแห้งๆตอบ ศักดิ์ ที่ชะโงกหน้ามาดูรูปที่ผมกำลังวาดอยู่

ความจริงแล้วผมก็กลัวๆเหมือนกันว่า พวกนี้จะเข้ามาแกล้งอะไรผมอีกหรือเปล่า แต่อีกใจหนึ่งก็คิดว่า คงไม่มีอะไรกระมัง เพราะพอขึ้น ม.๓ แล้วเหมือนว่าพวกนี้จะหยุดแกล้งผมไปโดยไร้สาเหตุ ผมคิดว่าอยู่ต่างห้องกัน เลยไม่ค่อยเจอกัน จึงไม่มีโอกาสซะละมากกว่า เพราะเวลาผมไปห้อง ๒ ผมมักอยู่กับกลุ่มเพื่อนเก่าและเพื่อนใหม่ที่เพิ่งรู้จักเสมอ แต่บางทีผมก็หันไปยิ้มทักพวกนี้บ้าง ก็เคยเรียนด้วยกันมาตั้ง ๒ ปีนี่ครับ จะให้ทำเป็นเมินเหมือนคนไม่รู้จักกันมันก็กระไรอยู่ มันเป็นมารยาทอันพึงปฎิบัติที่ทางบ้านผมสอนไว้ ซึ่งพวก ราญ จะคอยบอกผมเสมอว่าพวกนี้นั่งรวมกันอยู่ตรงไหน เพราะผมมองไม่ค่อยชัดหรอกครับ T-T

“วาดรูปมันจะไปสนุกอะไรวะ ไปทำอะไรสนุกๆกับพวกกูดีกว่า” ศักดิ์ พูด แล้วก็ยิ้มแปลกๆมาให้ผม
“ทำอะไรเหรอ” ผมหันไปมอง ศักดิ์ ด้วยความสงสัย ในขณะที่ สิทธิ์ กับ สมชาย หัวเราะกันเบาๆ
“ป่ะ ตามกูมา เดี๋ยวพวกกูจะพามึงขึ้นสววรค์” ศักดิ์ พูดแล้วทำท่าจะคว้ามือผม
“อะไรของนาย ชวนเราไปตายเหรอ ม่ายเอาอะ” ผมเลื่อนมือหลบมือของศักดิ์ ตอบไปพลางส่ายหน้าดิ๊กๆ พวกนั้นมองเห็นอาการตกใจ บนหน้าผมแล้วก็หัวเราะกันร่วน
“ตายบ้านมึงสิ” สมชาย พูด “พวกกูจะพามึงไปมีความสุขต่างหากละเว๊ย”
“ความสุขไร ต้องขึ้นสวรรค์” ผมยังถามออกไปอย่าง งงๆ พวกนี้จะทำอะไรกันแน่
“มึงไม่เข้าใจจริงๆ หรือแกล้งโง่วะ” สิทธ์ พูดขึ้นมาบ้าง “ไปให้พวกกูเอาแล้วมึงจะมีความสุขเหมือนขึ้นสวรรค์ไง” แล้วก็ตามมาด้วยเสียงหัวเราะดังๆของทั้งสามคน

ผม นึกไปถึงเนื้อหาบางเรื่องของวิชาสุขศึกษาที่ได้เรียนมา เริ่มเข้าใจถึงเรื่องอะไรอย่างเลือนลาง เพราะสิ่งที่เขียนอยู่ในแบบเรียนนั้น ยังไม่ได้เกิดขึ้นกับตัวผม
“เราไม่เข้าใจ” ผมพูดออกไป
“ไม่เข้าใจอะไรวะ พูดแบบนี้มึงยังแกล้งไม่รู้เรื่องอีกเหรอ” ศักดิ์ พูดด้วยอาการฉุนเฉียว
“เราเข้าใจเรื่องที่พวกนายเริ่มเป็นผู้ใหญ่ เลยต้องหาทางระบายออก แต่เราไม่เข้าใจว่า ทำไมพวกนายมาหาเราแบบนี้ เราไม่ใช่ผู้หญิงนะ ที่สำคัญ พวกนายเกลียดเราไม่ใช่เหรอ”ประโยคสุดท้าย ผมพูดเสียงเบา พอพูดจบผมก็ก้มหน้านิ่ง
“กูแค่อยากลองเว๊ย ไม่ได้พิศวาสอะไรมึงนักหรอก” สมชายพูดขึ้นมา เสียงหยันๆ
“นั่นสิ” ผมเงยหน้าขึ้นมาพูด “ถ้าอย่างนั้นนายไม่ไปหาพวก ...........ไม่ดีกว่าเหรอ” ผมเอ่ยชื่อกลุ่มกะเทยที่จัดว่าดังเอาการโนโรงเรียน
“พวกนั้นกูลองมาแล้ว กูเลยอยากลองกับมึงบ้างไง” ศักดิ์ พูดกับผมด้วยตาวาวๆ ผมเริ่มกลัวแล้วครับ คิดไม่ออกว่าจะทำยังไงดี
“ว่าง่ายๆน่ะมึง ไปกับพวกกูดีกว่า แล้วมึงจะติดใจ” พูดจบ สิทธิ์ ก็ลุกขึ้นเดินมาหาผม
“ถ้าพวกนายจะลากเราไปทำอะไรแบบนั้น เราร้องจริงๆนะ เราจะร้องเรียกคนจริงๆนะ” ผมเริ่มรนแล้วครับ
“ทำเป็นเล่นตัวนะมึง อย่างมึงน่ะอย่าคิดว่าจะมีผู้ชายที่ไหนมาสนใจเลย แล้วมึงจะสียดายนะเว๊ยที่ไม่ไปกับพวกกูวันนี้” สมชายพูดด้วยน้ำเสียงเหยียดๆ ใส่ผม
“เออ กูไม่ยุ่งกับมึงก็ได้ เล่นตัวนักนะมึง แค่นี้ทำเป็นหน้าซีดจะร้องไห้ เห็นแล้วหมดอารมณ์หว่ะ” ศักดิ์พูด “เฮ๊ย ไปกันดีกว่าหว่ะ รำคาญแม่ง” พูดจบ ศักดิ์ก็เดินออกไปจากโต๊ะ มี สิทธิ์ กับ สมชาย เดินตามออกไป
...............................................................................

 เฮ้อ......มันอารายกานนนนนนนนนนนนนนนนนน .....ผมตะโดนดังๆอยู่ในใจ ดึกแล้วทำเสียงดังไม่ได้เดี๋ยวโดนดุ

หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๒๑ /๑๘ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 18-04-2008 22:56:27
ตั้มเอ้ย ทำไมมันใสซื่อเหลือเกิน

ต้องหาคนสอนแล้วละ
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๒๑ /๑๘ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: อาจารย์..สีฟ้า ที่ 18-04-2008 22:59:13
เข้ามาติดตามและเป็นกำลังใจให้เหมือนเดิมครับ   :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๒๑ /๑๘ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: AidinEiEi ที่ 19-04-2008 13:29:26
 :L2: :L2: :L2:เอาไปอีกหนึ่งกำลังใจค่ะ

ตามอ่านต่อค่ะ สนุกดี ชอบ :m4:

 :m13:รักตั้มเหมือนเดิม :m13:

หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๒๒ /๑๙ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 19-04-2008 18:03:49
๒๒ ไอ้ลูกหมาตัวน้อย

“ไปไหนกันมาวะ ปล่อยให้กูนั่งรออยู่ตั้งนาน” ชัย พูดพลางหยิบชิ้นฝรั่งในถุงที่วางอยู่ตรงหน้าเข้าปาก
“พวกกูไปเดินเล่นมาหว่ะ” ศักดิ์ ตอบแล้วลงไปนั่งบนเก้าอี้ยาวฝั่งตรงข้าม ชัย
“เดินเล่นอะไรวะ กูเห็นนะ เอ็งไปคุยไรกับ ไอ้ตั้ม มันมาไม่ใช่เหรอไง”    แล้ว ชัย ก็เหลือบสายตามองไปยัง ตั้ม ที่นั่งนิ่งอยู่ที่โต๊ะใต้ต้นหูกวาง ไกลออกไปจากโต๊ะใต้ตึก ๗ ชั้น ที่พวกเขาอยู่พอสมควร
“อย่าไปพูดถึงมันเลย” สิทธิ์ พูดพลางนั่งลงไปข้างๆ ชัย  แล้วเอื้อมมือไปหยิบฝรั่งในถุงขึ้นมากินบ้าง
“นั่นดิวะ เล่นตัวฉิบหาย” สมชาย นั่งลงข้างๆ ศักดิ์  “ว่าแต่มึงเหอะ ไอ้ศักดิ์ ไหนว่าจะลากมันไปเลยไง ทำไมเปลี่ยนใจวะ”
“พวกมึงจะทำอะไรกันวะ อย่าบอกนะว่าจะลาก ไอ้ตั้ม มันไปรุมโทรม” ชัย ถามหน้าตาตื่น
“หัวไวนี่มึง” สิทธิ์  พูดแล้วตบหัว ชัย ไป ๑ ที “ไหนว่าไม่สน ไม่เอาด้วยไงวะ  คิดไวเชียว หรือมึงจะ เปลี่ยนใจเหรอไง”
“ใครว่ากูจะเอาด้วยวะ กูบอกแล้วกูทำไม่ลงหรอก นึกว่าพวกเอ็งพูดแหย่ ไอ้ปอ กันเล่นๆ นี่พวกเอ็งจะทำกันจริงๆเหรอวะ” ชัยขมวดคิ้ว
“กูก็ว่าจะทำอยู่หรอกวะ แต่ไม่แล้ว กูทำไม่ลง” ศักดิ์ หันไปพูดกับชัย พลางหยิบฝรั่งกินบ้าง
“หลงรักมันเข้าแล้วเหมือน ไอ้ปอ เหรอวะ เลยทำไม่ลง” ชัย พูดยิ้มๆ
“กูก็ทำไม่ลงหว่ะ” สิทธิ์ พูดขึ้นมาบ้าง “รู้สึกเหมือนกำลังจะข่มขืนเด็ก ๖ ขวบ กูยังไม่หื่นกามขนาดนั้นเหมือนไอ้นี่” สิทธิ์ ชี้ไปที่หน้า สมชาย
“เอี้ย...เล่นกูแล้วนะมึง ว่าไปเห็นหน้ามันซีดขนาดนั้นกูก็ทำไม่ลงหว่ะ จริงๆกูไม่ได้คิดอยากทำเรื่องแบบนี้หรอก” สมชาย ทำหน้าขึงขังขึ้น แล้วพูดเบาๆ “กูไม่ชอบกินถั่วดำหว่ะ ฮ่าๆๆ” พูดจบก็หัวเราะลั่น
“เออนะ แล้วเสือกตามพวกมันไปด้วยทำไมวะ” ชัย ถามยิ้มๆ
“ก็กูนึกว่าจะเข้าไปแหย่มันเล่นนิดหน่อย พอเป็นกระสายเหมือนที่เคยทำกัน แต่ไอ้นี่เด๊ะ” สมชาย พยักพเยิดไปที่ ศักดิ์ “เสือกเริ่ม กูเลยตามน้ำ กะว่าจะเข้าไปเป็นผู้สังเกตการณ์ ฮ่าๆๆ”
“ดีนะมึง มาลงที่กูคนเดียว” ศักดิ์ พูดบ้าง “กูก็คิดเหมือนไอ้สิทธิ์ มัน แล้วกูว่านะ ถ้าทำแบบนั้นเดี๋ยว ไอ้ปอ อาละวาดตายห่า แล้วจะมองหน้ากันไม่ติด”
“นั่นดิ แค่พวกมึงพูดกันวันนั้น มันยังงอนซะขนาดนั้น แล้วยังตามไปตรวจความเรียบร้อยไอ้ลูกหมาตัวน้อยของมันทุกวัน” ชัยว่า
“แล้วเป็นลูกหมาตัวน้อยของมึงด้วยรึเปล่าวะ” สิทธิ์ หันมาถาม ชัย
“ของมึงด้วยแหละ สาดนี่” ชัย พูดแล้วก็ตบหัว สิทธิ์ ไป ๑ ที แก้แค้นที่โดนไปเมื่อสักครู่

“ว่าแต่มึงเหอะ ไอ้ศักดิ์ มึงไปลองกับพวก...........นั้นมาตั้งแต่เมื่อไรวะ” สมชาย ยื่นหน้าถามด้วยความสนใจ
“ว่าไงนะ ไอ้ศักดิ์ เอ็งไปทำแบบนั้นตอนไหนวะ แล้วเป็นไงมั่งวะมึง มันส์ดีมะ” ชัย ยักคิ้วใส่ ศักดิ์
“เชี้ย กูยังไม่เคยเว๊ย สาด หาเรื่องกูกันอีกแล้ว กูไม่เอาไอ้พวกนั้นหรอก เดนใครมามั่งก็ไม่รู้” ศักดิ์ โวยวาย
“อ้าว ไหนเมื่อกี้มึงบอก ไอ้ตั้ม ว่ามึงไปลองมาแล้ว” สิทธิ์ ถามด้วยความสงสัย
“กูก็พูดไปงั้นแหละ พอแล้วพวกมึง เปลี่ยนเรื่อง ว่าแต่พรุ่งนี้เอาไง ไปทำรายงานกันบ้านใครดี” ศักดิ์รีบเปลี่ยนเรื่อง

ชัยเหลียวมองไปที่ต้นหูกวางต้นนั้นอีกครั้ง ก็ไม่เห็น ตั้ม อยู่ตรงนั้นแล้ว
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๒๒ /๑๙ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: AidinEiEi ที่ 19-04-2008 18:11:37
มาจิ้มจ้า :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๒๒ /๑๙ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: สาวตัวกลม ที่ 19-04-2008 20:38:56
มารอๆๆๆๆๆ ตอนต่อไปจ้า :o8:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๒๒ /๑๙ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: อาจารย์..สีฟ้า ที่ 19-04-2008 21:06:17
เข้ามาติดตามและเป็นกำลังใจให้เสมอครับ   :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๒๒ /๑๙ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 19-04-2008 23:30:17
มารอด้วยคนจ้า :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๒๓ /๒๐ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 20-04-2008 23:55:34
๒๓ ของเหลือหรือของฝาก

“ราญ ไม่อยู่หรอก ตั้ม เห็นบอกว่ามีธุระต้องไปทำก่อนไปทานข้าว เพิ่งไปเมื่อกี้นี้เอง” วา ตอบผมเมื่อผมถามถึง ราญ
“แล้วคนอื่นอะ ไปทานข้าวกันแล้วเหรอ” ผมถามถึงพรรคพวกที่เหลือ
“อื้อ ไปโรงอาหารกันซักพักใหญ่ๆแล้ว มานั่งคุยกันก่อนสิ” วา พูดพลางตบที่เก้าอี้ข้างๆเป็นสัญญาณว่าให้ผมไปนั่งตรงนั้น

คงเป็นเพราะเพิ่งจะพักกลางวันไปได้สักพักใหญ่ๆเท่านั้น ในห้องจึงมีคนเหลืออยู่เพียง ๕-๖ คน เพราะส่วนใหญ่ไปรวมกันอยู่กันที่โรงอาหารที่มีอยู่เพียงที่เดียวในโรงเรียน
“ไม่กวนดีกว่าอะ ทำงานอยู่ไม่ใช่เหรอ เราไปทานข้าวเลยแล้วกัน เดี๋ยวค่อยมาใหม่” ผม ตอบไป
“งั้นเราไปด้วย รอเดี๋ยวนะ” วา พูดจบก็เก็บสมุดจดงานและเครื่องเขียนเข้าไว้ในเก๊ะใต้โต๊ะเรียน แล้วเราก็พากันเดินไปยังโรงอาหาร

“แผลที่มือเป็นไงมั่ง” วา ถามขึ้นมาระหว่างทางลงบันไดตึก
“ไม่เป็นไรแล้ว ขอบใจนะวันนั้นที่ทำแผลให้เรา” จริงสิ ผมยังไม่ได้ขอบใจ วา เลยที่ทำแผลให้ผมวันนั้น
“เรื่องเล็ก ว่าแต่ทำไมมือนุ่มจัง แล้วนี่กลิ่นอะไรที่ตัว” วา ชะโงกมาทำจมูกฟุ๊ดฟิ๊ดแถวๆไหล่ผม
“ล้อเล่นแล้ว มือเราน่ะเหรอนุ่ม บางคนเค้าบอกว่า มือเราหยาบกว่า ซ่งตีง เค้าอีก” ผมพูดไปอย่าง งงๆ
“ฮ่าๆๆ เค้าแหย่เล่นน่ะสิ แล้วตกลงว่านี่กลิ่นอะไร” วาเอาจมูกมาดมที่แขนเสื้อผม แล้วเอาแขนมาโอบไหล่ผมไว้ ตอนนั้นเราเดินมาถึงชั้นล่างแล้ว กำลังจะเดินเข้าโรงอาหาร ที่อยู่ใกล้ๆกับตึก ๗ ที่ผมเดินลงมา
“ไม่เหม็นเหรอ ดมแบบนั้นอะ” ผมขมวดคิ้ว ก็พวก ศักดิ์ บอกว่าผมตัวเหม็นนี่นา
“เหม็นที่ไหนกัน ตัว ตั้ม หอมออก หอมอ่อนๆเหมือนกลิ่นดอกไม้ ชื่นใจดี”  ผมคิดไปว่า วา พูดอะไรแปลกๆ ยังไม่ทันพูดอะไรต่อก็ถึงโรงอาหารพอดี ผมเลยชวน วา เดินไปที่ร้านข้าวราดแกง โดยที่แขนของ วา ยังโอบไหล่ผมอยู่

“วา ไหนว่ายังไม่หิวไง ทำไมมากับ ตั้ม มันได้” เสียงเรียกมาจากข้างหลัง พวกผมหันกลับไปดู ...เต่า นั่นเอง... แต่ทำไมเสียงดุจัง
“ก็ ตั้ม มันไปหาพวกนายที่ห้องแล้วไม่เจอ เราเลยลงมาเป็นเพื่อน” วา พูดพลางรีบเอาแขนออกจากไหล่ผม
“เต่า ทานข้าวเสร็จยัง ถ้ายังเดี๋ยวเราไปนั่งด้วยนะ” ผมพูดกับเต่า “นั่งไหนกันอะ” ผมชะเง้อมองไปรอบๆ แต่มองไม่เห็นอะไรหรอกครับ มันเบลอๆ เต่าก็เลยชี้มือไปทางโต๊ะตัวหนึ่ง ผมมองตามไปก็เห็นมีมือใครชูขึ้นมาโบกไหวๆอยู่
“งั้นเดี๋ยวพวกเรารีบไปซื้อข้าวแล้วตามไปนะ” วา พูดแล้วก็บอกให้ผมรีบไปซื้อข้าว จากนั้นก็พากันไปนั่งกับพวกเต่า เหมือนพวกนั้นจะเว้นที่ไว้ให้ผมนั่งตรงกลางระหว่าง กร กับ ต่อ ส่วน วา นั่งข้างๆ เต่า ซึ่งนั่งถัดมาจาก จก และ ตุ่ม ทางฝั่งตรงข้าม

พอกินข้าวเสร็จ ผมก็ตามพรรคพวกไปนั่งรอ ราญ ที่ห้อง ๒ ตั้งใจว่าจะหาโอกาสคุยกับ ราญ เรื่องเมื่อวันศุกร์สัปดาห์ที่ผ่านมา แต่รอจนใกล้จะหมดเวลาพักเที่ยง ราญ ก็ไม่มาสักที ผมจึงต้องกลับไปเตรียมตัวเข้าเรียนคาบวิชาต่อไป เพราะคาบวิชาหลังเที่ยงครูมักจะมาตรงเวลาเป็นส่วนใหญ่
.........................................................................

... ทำไมต้องมาคุยกันเรื่องรายงานวันนี้ด้วยนะ ป่านนี้แล้ว ราญ กลับบ้านไปรึยังเนี่ย ... ผมคิดในใจระหว่างที่รีบเดินไปให้ห้อง ๒ พอถึงก็ชะโงกหน้าเข้าไปดู ไม่เจอใครเลย แต่เดี๋ยว เหมือนมีใครชูแขนโบกมือเรียกผมอยู่ตรงโต๊ะริมหน้าต่าง
“ตั้ม มานี่เร็ว” ดูเหมือนว่าจะเป็นเสียง ชัย พอผมเดินเข้าไปใกล้ๆ ก็เห็นว่าเป็น ชัย จริงๆ
“อ๊ะ เอาไป” ชัย ยื่นอะไรบางอย่างมาให้ผม พอผมมองเห็นว่าเป็นอะไรก็ยิ้มกว้าง ถั่วตัดแสนอร่อยของบ้าน ชัย นั่นเอง ชัย จัดแจงยกเก้าอี้ที่คว่ำอยู่บนโต๊ะข้างๆลงมาให้ผมนั่ง
“พอดีเอามาฝากเพื่อนๆ แล้วเหลืออยู่ถุงนึง นายเอาไป เราขี้เกียจถือกลับบ้าน” ผมก็รับมาแต่โดยดี แต่ก็ฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้
“เหลือได้ไงอะ ของอร่อยแบบนี้ไม่น่าเหลือมาถึงตอนเย็นขนาดนี้นะ” ผมตั้งข้อสังเกต
“พวก ราญ มันกลับไปหมดแล้ว มัวแต่ทำอะไรอยู่มาเอาป่านนี้ นี่มันสี่โมงจะครึ่งอยู่แล้ว” ชัย เปลี่ยนเรื่องกระทันหัน
“ก็เพื่อนในกลุ่มรายงานให้อยู่คุยกันเรื่องแบ่งงานอะ พอดีอยู่กลุ่มเดียวกันหลายวิชา เลยคุยทีเดียวเลย เพิ่งจะเสร็จเนี่ย” ผมลืมเรื่องเมื่อกี้ไปแล้ว -*-
“งั้นรอเราก่อน อีกนิดเดียวงานเราจะเสร็จแล้ว จะได้ออกไปพร้อมกัน” ชัย พูด “เดี๋ยวกินถั่วตัดเล่นๆไปก่อนแล้วกัน” แล้ว ชัย ก็หยิบคัตเตอร์มากรีดปากถุงถั่วตัดออก แล้วหยิบถั่วตัดขึ้นมาชิ้นหนึ่งมายัดปากผม “กินซะ ของดีต้องกินเยอะๆ”ชัยยิ้ม ผมก็เลยหยิบถั่วตัดชิ้นหนึ่งยัดเข้าไปในปากชัยมั่ง ดูชัยตกใจนิดๆ คงไม่คิดว่าผมจะเล่นด้วย เราสองคนยิ้มให้กัน แล้วชัยก็หันไปทำงานต่อ

“อร่อยจังอะ เอามาฝากบ่อยๆก็ดีนะ อิ อิ” ผมพูดเมื่อหมดถั่วตัดไป ๒ ชิ้น ชัยได้ยินก็หันมามองผมตาวาวๆ
“อยากกินทุกวันก็ไปอยู่กับเราที่บ้านดิ เป็นน้องเราจะได้กินทุกวัน” ชัย พูด
“อย่าเลย จะหลอกให้เราไปใช้แรงงานเป็นลูกมือทำขนมละไม่ว่า คิ๊ก คิ๊ก” ผมตอบไปโดยที่ไม่ทันคิดอะไร
“เออนะมึง ทีอย่างนี้ทำเป็นรู้ทัน” ชัยถอนหายใจ ส่ายหน้า ๒-๓ ที แล้วก็หันไปทำงานต่อ

สักพักใหญ่ๆ พอ ชัย ทำงานเสร็จก็เก็บของลงเป้ แล้วหยิบหนังยางในเก๊ะมารัดปากถุงถั่วตัดส่งให้ผม พวกเราพากันเดินออกจากห้อง โดยที่ผมยังคงถือถุงถั่วตัดไว้ในมือข้างหนึ่ง ไม่ใส่ลงไปในเป้ เพราะกลัวว่ามันจะหักเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย


หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๒๓ /๒๐ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: salapaw ที่ 21-04-2008 10:15:10
อยากจะขอชมคนเขียนหน่อยนะคะ  ที่ทำให้คอ่านคนนี้เข้าใจง่าย เพราะบางที ก็เป็นตัวเอกพูด บางทีก้เป็นอีกคนพูด

แล้วก็ขอปรบมือด้วย ที่ใช้เลขไทย แล้วทบทวนเวลสาเขียนทุกครั้ง


เอาไป+1 :m4:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๒๓ /๒๐ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: อาจารย์..สีฟ้า ที่ 21-04-2008 11:37:03
เข้ามาติดตามครับ

เป็นกำลังใจให้เสมอ   :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๒๓ /๒๐ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: AidinEiEi ที่ 21-04-2008 15:24:54
ตามมาให้กำลังใจค่ะ
ยิ่งอ่านยิ่งรักตัวละครในเรื่อง :m1: :m1:

ตามอ่านต่อ......



อ้อ...รักตั้มน้า....... :m1:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๒๔ /๒๑ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 21-04-2008 20:42:57
๒๔ นัดเจอ

“เอ็งรู้ตั้งแต่เมื่อไหร่” ปอ ถามขึ้นมาเป็นประโยคแรก เมื่อ พบราญ

เมื่อวานนี้เอง เขาโทรศัพท์ไปนัด ราญ ให้มาคุยกันตอนช่วงพักเที่ยง ที่โต๊ะใต้ต้นหูกวางข้างๆสนามใหญ่ ด้านตึก ๓ ที่เขาอยู่ คงไม่มีใครมาเห็น ซึ่ง ราญ ก็ตกลงมาตามนัด
“เอาตอนไหน ตอนที่เริ่มรู้ หรือว่าตอนที่แน่ใจ” ราญ ถามย้อนไปยิ้มๆ
“มีแบ่งตอนด้วยเหรอวะ” ปอ สงสัย “งั้นเอาทั้งสองตอนเลย” ปอ ตอบไป
“เราเริ่มรู้สึกตอนที่นายชอบมาป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ๆ ตั้ม มันนั่นแหละ มาแน่ใจเอาตอนที่เห็นพวกนายที่ห้องสมุด” ราญ ยิ้มอีก

ราญ นึกถึงตอนนั้น วันที่เขาตาม ตั้ม ไปที่ห้องสมุด เพราะคิดว่าเขาอาจช่วยให้ ตั้ม จดงานจากสมุดจดงานของเขาได้เร็วขึ้น ถ้าเขาอ่านให้ฟังแล้ว ตั้ม จดตามไป พอไปถึง เขาก็มองเห็น ปอ นั่งอยู่ข้างๆ ตั้ม กำลังมองหน้าของ ตั้ม อยู่ แต่เหมือนว่า ตั้ม จะไม่สนใจหรืออาจจะไม่รู้สึกตัว เพราะเวลาที่ ตั้ม ทำงานจะมีสมาธิมาก ไม่ได้สนใจสภาพรอบข้างเลย เขาจึงเดินอย่างแผ่วเบาเข้าไปใกล้ๆคนทั้งสอง กะว่าให้ห่างพอสมควร แล้วเขาก็ได้เห็นทุกอย่าง และได้ยินทุกคำพูดที่ ปอ ทำและพูดกับ ตั้ม วันนั้นเองที่เขามั่นใจว่าเขาดูไม่ผิด ..... ปอ รัก ตั้ม

“เฮ้ย นานขนาดนั้นเลยเหรอวะ” ปอ ตกใจ นี่เขาไม่รู้ตัวเลยว่ามีคนรู้ว่าเขาอย่างไรกับ ตั้ม มาตั้งนานแล้ว
“แล้วมีใครรู้อีกมั่งมั๊ยวะ” ปอ ถามด้วยน้ำเสียงกังวล
“ทำไม นายกลัวเหรอถ้ามีคนรู้” ราญ เริ่มเสียงแข็งเหมือนไม่พอใจ
“เออดิ แต่กูไม่ได้กลัว กูอายเว๊ย” ปอ หน้าแดง “กูอุตส่าห์เก๊กซะขนาดนั้น ขืนมีคนรู้กันเยอะๆ กูก็เสียฟอร์มสิวะ”

... นี่ถ้ามันรู้ความจริง ว่าทั้งโรงเรียนนี่คงมีแต่ ตั้ม คนเดียวที่ไม่รู้ มันคงชอคตาย... ราญ คิด ... เดี๋ยว ทั้งโรงเรียนคงมากไป เอาแค่ชั้น ม.๓ แล้วกัน ... ราญ นึกขำๆ ลองแหย่มันหน่อยดีกว่า

“ถามว่ามีใครไม่รู้มั่งดีกว่ามั๊ง ปอ” ราญ ลองแหย่ๆดู
“เฮ้ย ฉิบหายแล้ว จริงรึเปล่ามึง แล้วกูจะเอาหน้าไปไว้ไหนวะ” เห็นท่าตกใจของ ปอ แล้ว ราญนึกขำ ...น่าแกล้งมันอีกหน่อย ... ราญ คิดในใจ
“ล้อเล่นหว่ะ ปอ” เหมือนได้ยินเสียง ปอ ถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ตกลงนายห่วงตัวเองว่าจะอาย มากกว่าจะคิดห่วงว่า ตั้ม มันจะรู้สึกยังไงเหรอ” ราญ พูดต่อ
“กูไม่ได้หมายความว่ายังงั้น เอาเป็นกูขอโทษแล้วกัน ว่าแต่เอ็งรู้ได้ยังไงวะ” ปอ ถามต่อ
“ตาของนายมั๊ง เราหมายถึงแววตาของนายเวลามอง ตั้ม” ราญ ตอบแล้วพูดนิดหนึ่งเหมือนกับคิดอะไรสักอย่าง แล้วจึงพูดต่อ “แววตาที่มองคนที่เราเกลียด กับคนที่เราชอบมันต่างกันนะ ปอ แล้วอายุขนาดพวกเราน่ะ ดูไม่ยากหรอก วัยอย่างพวกเรายังซ่อนความรู้สึกทางแววตาไม่ได้หรอก”

ราญ นึกไปถึงแววตา ที่แสดงออกมาหมดทุกอย่างไม่เคยซ่อนเร้นอะไรไว้ได้เลยของ ตั้ม แล้วอดยิ้มไม่ได้ แววตาที่แสดงออกมาเพีงแค่ ชอบ กับไม่ชอบ ไม่เคยมีแววตาที่แสดงถึงความเกลียดออกมาเลย แววตาของความรักนั้นก็มีบ้าง แต่ก็เป็นความรักอย่างความรักเพื่อน รักพี่ชายอย่างเขา ไม่เหมือนแววตาของ ปอ ที่แสดงออกถึงความรักที่มีต่อ ตั้ม ว่าเป็นอย่างไร

“อืม คงอย่างนั้นมั๊ง” ปอ ทำท่าเห็นด้วย “แล้ว ตั้ม มันคิดยังไงกับกูวะ” ปอ ถามด้วยความกระตือรือร้น
“หึๆ” ราญหัวเราะในลำคอ
“หัวเราะแบบนี้แปลว่าอะไรวะ” ปอ เริ่มโมโหอีกแล้ว
“ใจเย็นดิ ปอ” ราญ มอง ปอ ยิ้มๆ “ใจร้อนแบบนี้ เดี๋ยวก็ไม่รู้เรื่องกันพอดี” ราญ ปราม “เราบอกนายหลายหนแล้ว ว่ายังไงตอนนี้ ตั้ม มันยังคิดว่านายเป็นเพื่อนอยู่ ตอนนี้นะ”
“ทำไมเอ็งเน้นจังวะว่า ตอนนี้” ปอ สงสัย
“เพราะอนาคตข้างหน้ามันยังไม่แน่น่ะสิ ปอ วันนึงข้างหน้านะ ตั้ม มันอาจจะรู้สึกกับใครสักคน เหมือนที่นายรู้สึกกับมันตอนนี้ ซึ่งอาจจะเป็นนาย หรืออาจจะเป็นเรา” ราญ คิดว่าน่าจะแกล้ง ปอ อีกสักที
“ไหนเอ็งบอกว่าไม่คิดอะไรไง” ปอ ทำท่าโกรธอีกแล้ว ... เออ สนุกดีเหมือนกัน ไว้ต้องหาโอกาสหยอดเข้าไปอีก ให้สมกับที่มันทำกับ ตั้ม ไว้เยอะ สัญญากับ ตั้ม ไว้ว่าจะไม่มีเรื่องกับใคร แต่การทำแบบนี้ ไม่นับว่ามีเรื่องนี่นา... ราญ คิด
“เราแค่สมมุติน่ะ นายใจร้อนแบบนี้จะรอ ตั้ม มันได้เหรอ” ราญ เริ่มการ ‘หยอด’
“ไหวๆ กูรอไหว”ปอ ยืนยันหนักแน่น “เอ็งมีวิธีเหรอ บอกมาเลยกูทำได้ทุกอย่าง”
“งั้น ก่อนอื่นนะ นายต้องระวัง อย่าทำให้ลูกหมามันกลัวจนวิ่งหนี แล้วไม่กล้าเข้าใกล้นายอีกเป็นครั้งที่สอง”
“ลูกหมามันมาเกี่ยวอะไรกับเรื่องของกูกับ ไอ้ตั้มวะ” ปอ พูดอย่างไม่เข้าใจ
“เฮ้อออออออออออออ.................” ราญถอนหายใจยาว “ก็นายเรียก ตั้ม มันว่า ไอ้ลูกหมาน้อยไม่ใช่เหรอไง”

......... นี่เขาคิดถูกหรือเปล่านะ ไม่อยากจะใช้คำว่า ‘โง่’ กับคนหน้าตาฉลาดอย่าง ปอ มันเลย
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๒๔ /๒๑ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: AidinEiEi ที่ 21-04-2008 23:43:27
 :m4: :m4: :m4:
ตอนนี้ ปอ น่ารักขึ้นนะเนี่ย   หุหุ
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๒๔ /๒๑ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 22-04-2008 10:02:06
ตั้ม..นี่เสน่ห์แรงจริงๆ มีแต่คนรัก

หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๒๔ /๒๑ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: nana ที่ 22-04-2008 10:31:30
 :laugh:ไร้เดียงสามั้งคู่ :laugh:



 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๒๔ /๒๑ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: salapaw ที่ 22-04-2008 10:43:25
 :m12: :m12: :m16: ตอนเดียวเอง  อยากอ่านเยอะๆๆ
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๒๕ /๒๒ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 22-04-2008 16:17:43
๒๕ ข้อควรจำเกี่ยวกับลูกหมา

๑)   ลูกหมา มักจะไม่ค่อยอยู่นิ่ง ฉะนั้นต้องคอยดูให้ดีว่ามันจะวิ่งซนไปทางไหน
๒)   ลูกหมา มักจะวิ่งเข้าหาคนที่เล่นกับมันดีๆ ฉะนั้นไม่ควรโกรธลูกหมาแต่เพียงฝ่ายเดียว หากว่าลูกหมาวิ่งตามคนอื่นไปบ้างเป็นบางครั้ง
๓)   อย่าเผลอทำร้าย ลูกหมา ให้มันเจ็บตัว จนมันไม่กล้าเข้าใกล้
๔)   ถ้าเผลอทำให้ลูกหมาเจ็บ ต้องทำดีกับมันใหม่ แล้วลูกหมาก็จะวิ่งเข้ามาหาเหมือนเดิม
๕)   ลูกหมา ก็คือ ลูกหมา มันไม่รู้หรอกว่า คน คิดอย่างไร มันรู้แค่ว่า คนทำกับมันอย่างไร

ปอ นึกสรุปคร่าวๆในใจ เมื่อฟังราญพูดไปเรื่อยๆ
“อีกอย่างนะ ปอ เราว่าเรื่องนี้สำคัญ นายจะเล่นกับลูกหมาได้ยังไง ถ้านายไม่ได้อยู่ใกล้มัน เพราะลูกหมาจะติดคนที่มันได้เจอบ่อยๆมากกว่า เราว่านายต้องหาทางเจอ ตั้ม มันให้บ่อยๆให้ได้ก่อน” ราญ พูดพลางมองปอด้วยสีหน้ากังวล
“ไม่ไหวมั๊งวะ นี่กว่ากูจะได้คุยกับมัน เมื่อศุกร์ที่แล้ว ยังล่อเข้าไปตั้งเกือบครึ่งเทอมแล้ว งานแม่งเยอะฉิบ ทั้งงานที่โรงเรียน ทั้งงานที่บ้าน อย่างนี้จะไหวเหรอวะเนี่ย” ปอ กันไปปรึกษา ราญ ด้วยสีหน้ากังวล
“เมื่อกี้นายบอกว่า นานแค่ไหนนายก็รอไหว ไม่ว่าอะไรนายก็ทำได้ ใช่มั๊ย” ราญ ถามยิ้มๆ ......เราขอดูความจริงใจของนายหน่อยเถอะวะ ปอ น้องเราทั้งคน ยกให้ใครง่ายๆได้ยังไง.... เขายิ้มให้กับความคิดของตัวเอง
“เออ ดิ....ให้กูทำอะไรกูก็ยอม” ปอ ทำสีหน้าจริงจัง
“งั้นนายต้องเสี่ยงเอา เพราะมันอาจไม่ได้ผล แล้วอีกอย่าง มันต้องใช้เวลา”
“นานมั๊ยวะ แล้วถ้านาน ไอ้ตั้ม ไม่โดนหมาที่ไหนคาบไปเหรอวะ” ปอ ถามด้วยสีหน้าจริงจัง
“อันนี้ไม่รับรองนะ เพราะมีหมาอยากจะคาบมันอยู่หลายตัวเหมือนกัน” ราญหยอดเข้าไปเมื่อได้โอกาส แถมหลอกว่า ปอ ไปด้วย
“เฮ๊ย......หมาตัวไหนกล้าตีท้ายครัวกู มึงบอกกูมาเดี๋ยวนี้” ปอ โมโหขึ้นมาทันทีที่ ราญ พูดจบ พูดแล้วเขาก็เอามือไปจับไหล่ ราญ
“บอกไม่ได้หว่ะ ปอ แต่วางใจได้อย่าง ตั้ม มันปลอดภัย พวกนั้นได้แต่จ้องอยู่ไกลๆเหมือนนายตอนนี้” ปอ ไม่คิดหรอกว่า เขาโดน ราญ เยาะเย้ยเอา
“แล้วกูจะทำไงดีวะ ที่เอ็งบอกเมื่อกี้นี้ จะให้กูทำอะไร” ปอ นึกขึ้นได้ว่า ราญ พูดค้างอยู่เรื่องที่ว่าจะให้เขาทำอะไรสักอย่าง
“นายต้องหาทางเรียนห้องเดียวกับ ตั้ม มันให้ได้ ตอน ม.๔” ราญ พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“เฮ๊ย.....มันจะเป็นไปได้ยังไงวะ ม.๔ มันมีตั้งกี่ห้อง” ปอ หัวเสีย “มึงแกล้งกูเหรอ”
“เราบอกแบบนี้มันมีเหตุผล นายจะฟังมั๊ย แต่ถ้านายคิดว่าเราแกล้ง งั้นก็คุยกันแค่นี้ เราเริ่มหิวข้าวแล้ว” ราญทำเสียงไม่พอใจ
“ไหน เอ็งว่ามา กูจะคอยฟัง แต่ถ้าเหตุผลที่เอ็งว่า มันฟังแล้วไม่เข้าท่า กูเลิกคบ” ปอ ถลึงตาใส่ ราญ
“ฮ่าๆๆ เลิกคบเหรอ ดีเหมือนกัน เราไปกินข้าวดีกว่า” ......ต้องแกล้งมันอีก ให้มันหัวเสียเล่น..... ราญ คิด แล้วก็ลุกจากเก้าอี้ยาว ทำท่าจะเดินไปจริงๆ
“เฮ๊ย........เฮ๊ย เดี๋ยวสิวะ แม่งทำเป็นใจน้อยไปได้ กูอุตส่าห์เห็นเอ็งเป็นความหวังเชียวนะเว๊ย เอางี้ เดี๋ยวกูเลี้ยงข้าว แต่ตอนนึ้เอ็งช่วยกูก่อน” ปอ รีบดึงมือ ราญ ให้นั่งลงเหมือนเดิม
“เออๆ เห็นแก่ข้าวที่นายจะเลี้ยง เราจะอธิบายให้ฟัง” ราญ กลับลงไปนั่งเหมือนเดิม พลางคิดว่า ถ้า ปอ เลี้ยงข้าวเขาจริงๆ เขาคงไม่รับไว้ เพราะเขาก็พอจะรู้เหมือนกันว่า ค่าขนมของ ปอ นั้น ค่อนข้างจะพอดีกับค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้ในแต่ละวัน
“ตั้ม มันไม่เรียนสายวิทย์แน่ๆ ก็เหลือแต่สายศิลป์” ราญ เริ่มอธิบาย “ปรกติ โรงเรียนเรามีสาย ศิลป์-คำนวณ ประมาณ ๒-๓ ห้อง โอกาสของนายจะเป็น ๑ ใน ๒ หรือไม่ก็ ๑ ใน ๓” ราญ เว้นระยะคำพูดนิดหนึ่ง ปอ เองก็กำลังตั้งใจฟัง “ส่วนสายอื่น มีสายละห้องเท่านั้น ถ้า ตั้ม มันเลือกเรียน ศิลป์-ภาษา หรือ ศิลป์-สังคม นายจะได้อยู่ห้องเดียวกับมันแน่ๆ” ราญ พูดอย่างแน่ใจ ในขณะที่ ปอ รู้สึกว่า ตัวเองเริ่มเหงื่อตก

ปอ ไม่แปลกใจที่ ราญ รู้เรื่องของ ตั้ม ค่อนข้างละเอียด แต่เขาคิดมาตลอดว่า ตั้ม มันต้องเรียนสายวิทย์แน่ๆ
“ทำไม ตั้ม ม้นไม่เรียนสายวิทย์วะ”  ปอ ถามทันทีในสิ่งที่เขาคิด
“เหตุผลของมันมีหลายอย่าง ปอ เราว่าถ้านายอยากรู้ นายไปถามมันเองดีกว่า จะได้มีเรื่องคุยกับมันดีๆตอนไปหามัน” ราญ ถือโอกาสประชด ปอ อีกครั้ง โดยที่ ปอ ยังไม่รู้สึกตัวอีกเช่นเคย
“เออ ดีเหมือนกันหว่ะ” ปอ เริ่มยิ้มได้ ไม่รู้สึกตัวเลยว่าโดนอะไรเข้ามั่ง
“แต่เราว่าปัญหามันไม่ได้อยู่ที่ว่า ตั้ม มันจะเลือกเรียนสายไหน” จู่ๆ ราญ ก็เปลี่ยนน้ำเสียงเข้มขึ้น แล้วมองหน้า ปอ นิ่ง
“แล้วปัญหามันอยู่ที่ไหนวะ” ปอ ขมวดคิ้ว
“ปัญหามันอยู่ที่ว่า นายเลือกสายอะไรได้มั่ง เพราะเท่าที่เราจำได้ จากคะแนนสอบของนาย นายคงเลือกได้สายเดียว” ราญ หยุดไปสักครู่แล้วพูดเน้นทีละคำ “สาย ศิลป์-สังคม”
แล้วเขาก็เห็นเหงื่อเม็ดเล็กๆผุดขึ้นมาตามหน้าผากของ ปอ


............นั่นสินะ ด้วยคะแนนของเขาในตอนนี้ เขามีทางสายเดียวให้เลือกเดิน
ศิลป์-สังคม ที่ใครๆมันเข้าใจว่าเป็นห้องของ เด็กบ๊วย
............นี่เขาหนีจากการเป็นเด็กห้องบ๊วยไม่พ้นเลยหรือ

“แต่เราว่า อะไรมันก็ไม่เกินความพยายามหรอกนะ หากเราตั้งใจจริง ทำไมไม่ไปให้ ตั้ม มันติวให้นายล่ะ”  ราญ ว่ายิ้มๆ
“เฮ้ย ได้ไงวะ แค่นี้กูก็รู้สึกด้อยกว่ามันเยอะอยู่แล้ว ขืนให้มันติวให้อีกกูจะเอาหน้าไปไว้ไหนวะ” ปอ ขมวดคิ้ว
“จะว่าไปพวก ศักดิ์ มันก็เรียนเก่งกันทั้งกลุ่ม มีนายคนเดียวที่ไม่ค่อยได้เรื่อง ลองให้พวกนั้นติวสิ” ราญ เสนอความเห็นต่อ
... นั่นสิ พวกนั้นมันเรียนเก่งกันทุกคน พวกมันจะยอมมั๊ยวะ .... ปอ คิดด้วยสีหน้ากังวล
“เราว่านะ พวกนั้นต้องรับปากนายแน่ หากนายออกปาก” ราญ พูด “แล้วพวกเราก็เป็นเพื่อนนายเหมือนกันนะ นายอย่าลืมสิ กร กับ เต่า มันก็ต้องเห็นด้วยกับเรา”
“เออ... กุจะลองคุยกับพวกนั้นดู ขอบใจเอ็งหว่ะ” ปอ พูดด้วยสีหน้าที่แสดงออกว่าเขารู้สึกขอบคุณ ราญ จริงๆ
“พวกนั้นรับปากนายแน่ เชื่อเราสิ” ราญ ว่าแล้วก็เอามือตบไหล่ ปอ เบาๆ ๒-๓ ที เป็นการให้กำลังใจ

“เพื่อนน่ะ มีไว้ช่วยเหลือกันเวลาแบบนี้แหละ”


หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๒๖ /๒๒ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 22-04-2008 21:35:41
๒๖ วิทย์ หรือ ศิลป์

หลายวันผ่านไป แผลที่มือของผมก็หายดี ผมไม่คิดที่จะถามอะไรจาก ราญ แล้ว ไม่ใช่ว่าผมไม่ต้องการรู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง แต่ผมคิดว่า ราญ คงไม่บอกอะไรผมแน่ ผมเดาเอาจากการที่ ราญ ไม่เอ่ยถึงเรื่องนั้นอีกเลยเมื่อได้เจอกัน

ผมก็ยังคงวนเวียนไปหาเพื่อนๆในห้อง ๒ อยู่เหมือนเดิม บางวันผมเห็น ปอ มาอยู่กับพวก ศักดิ์ และดูเหมือนว่าจะมีการติวเนื้อหาบางวิชาให้กับ ปอ ด้วย ซึ่งผมก็คิดว่าเป็นการดี เพราะในกลุ่มของศักดิ์ ทุกคนค่อนข้างเรียนเก่ง ยกเว้น ปอ และผมก็ดีใจที่ได้เห็น ปอ มีความเอาใจใส่เรื่องการเรียนมากขึ้น ผมเองก็พยายามทักทายทุกคนทุกครั้งที่ผมเจอ เรื่องกลั่นแกล้งน่ะหรือครับ ก็พอมีบ้างประปราย แต่ก็นับว่าน้อยลงมากเมื่อเทียบกับช่วง ม.๑-ม.๒ บางครั้งถ้าผมมองเห็นว่า ทั้ง ๕ คนเดินเข้ามาหาเมื่อไร ผมก็ตัดสินใจลุกหนีไปก่อนก็ยังเคย............. T-T

จนกระทั่งถึงภาคเรียนที่ ๒ ทางโรงเรียนจะมีการสอบวัดผลพิเศษขึ้น เพื่อนำคะแนนมาจัดชั้นให้กับนักเรียนเป็นสายการเรียนต่างๆในระดับชั้นมัธยมปลาย ซึ่งมี ๒ สายใหญ่ คือสายวิทย์ และสายศิลป์ ทำให้หลายๆคนตั้งใจเรียนกันมากขึ้น ตัวผมน่ะเหรอครับ แหะๆๆ ในสายตาของเพื่อนๆนะครับ....ยังเหมือนเดิม ดูเหมือนไม่ได้ขยันอะไรมากขึ้นเป็นพิเศษ ก็ปรกติผมตั้งใจเรียนอยู่แล้วครับ เวลาที่ต้องทบทวนก็เลยเข้าใจได้เร็ว ไม่ต้องทบทวนหลายครั้งเหมือนบางคน แต่ผมก็ตั้งใจในการสอบวัดผล ผลออกมาก็คือ ผมสามารถเลือกเรียนได้ทั้งสายวิทย์และสายศิลป์

“พี่ชาย จะไปสอบเข้าเตรียมอุดมฯ จริงๆเหรอ” ผมถาม ราญ ในวันหนึ่งขณะที่พวกเรานั่งคุยกันอยู่
“อื้อ กร ก็ไปสอบด้วยนะ” ราญ ตอบ
“ได้แหงๆเลย” ผมพูดด้วยเสียงเหงาๆ
“ตั้ม” ราญ วางมือลงบนไหล่ผม “แค่แยกที่เรียน ไม่ได้เจอกันบ่อยๆเท่านั้นเอง ไม่ใช่จะไม่ได้เจอกันอีกแล้วซะหน่อย ว่างๆก็นัดเจอกันได้” ราญ พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“นั่นสิ เตรียมอุดมฯก็แค่นี้เอง แล้วพวก ตุ่ม เต่า ก็ยังอยู่นี่นา” กร พูดเสริม
“อื้อ” ผมรับคำไปอย่างนั้นเอง ทำไมผมจะไม่รู้ว่าโรงเรียนนั้นเรียนกันหนักขนาดไหน แล้ว ราญ จะเข้าคณะแพทย์ศาสตร์ จะมีเวลามาเจอกันได้บ่อยๆ คงเป็นไปไม่ได้หรอก
“ว่าแต่นายเหอะ จะเลือกสายศิลป์จริงๆเหรอ อุตส่าห์มีสิทธิ์ได้เลือกสายวิทย์ทั้งที” เต่า ถามผม
“ถ้าเรียนสายวิทย์ แล้วต้องมานั่งท่องดิกฯวันละหน้าอย่างนายนะ เราไม่เอาดีกว่า” พูดจบผมก็แลบลิ้นใส่ เต่า
“เหตุผลแค่นี้เนี่ยนะ เราท่องหนังสือแทบตาย ได้สิทธิ์แค่สายศิลป์ แต่นายดันได้สิทธิ์สายวิทย์ มาอย่างสบายๆ แต่ดันไม่เอา น่าโมโห หว่ะ” ต่อ โวยวาย
“นายบอกว่าเราได้มาอย่างสบายๆเหรอ สบายตรงไหนกัน” ผมแย้ง
“ก็ดูนายดิ เห็นแต่วิ่งไปวิ่งมา อ่านการ์ตูน วาดรูป ไม่เห็นค่อยท่องหนังสือเท่าไหร่เลย” ต่อ บอก
“นั่นดิ เรายังนึกว่านายจะไปเรียนเพาะช่าง ตามคนที่ชื่อ วินท์ อะไรนั่นซะอีก” จก สนับสนุน
“วาดได้แค่นั้น ใครเค้าจะรับเข้าเรียน” ผมตอบเสียงอ่อยๆ หยุดไปสักครู่ ผมก็พูดต่อ “ที่คะแนนเราดีเพราะเราไปเรียนพิเศษมาตะหากอะ”
“หา....เรียนพิเศษ นายอะนะ”หลายๆคนอุทานพร้อมๆกัน คราวนี้ทุกคนหันมามองผมเป็นจุดเดียว เพราะผมเคยพูดกับเพื่อนบ่อยๆ ว่าผมไม่เคยเรียนพิเศษอะไรเลย และจะไม่ยอมเรียนด้วย
“ก็.....โดนจับไปเรียนกับเพื่อนของพี่สาวเราอะ พอดีพวกนักเรียนของพี่เราเค้าจัดกลุ่มกัน พี่เค้าเลยจับเราไปเข้ากลุ่มเรียนด้วย แล้วเราก็กังวลเหมือนกันนะเรื่องสอบวัดผลเนี่ย เราเลยยอมไปเรียน เหนื่อยจะตาย เรียนทั้งเสาร์ ทั้งอาทิตย์เลย”
“อ้อ แล้วก็เลยมาวิ่งเล่นชดเชยที่โรงเรียนเหรอไง” ราญ ถามยิ้มๆ
“ช่ายยยยยยยยยยยยยยยย................คิ๊กๆๆ” ผมลากเสียงตอบ พลางหันไปหัวเราะให้ ราญ
“แหม รู้ใจกันจริงนะคู่นี้” ตุ่มว่า “แล้วตกลงนายเลือกอะไรล่ะ เต่า กับ จก มันเลือกวิทย์ ต่อ ศิลป์-ภาษา เราศิลป์-สังคม”
“ศิลป์-คำนวณ” ผมตอบ แล้วหันไปพูดกับ ตุ่ม “โทษนะ ตุ่ม พอดีคณะที่เราอยากเข้าต้องใช้เลขสายวิทย์อะ”
“ขอโทษอะไรกันเรื่องแบบนี้” ตุ่ม หัวเราะ “เรายังอยากให้นายเลือกสายวิทย์ ด้วยซ้ำไป”
“นั่นดิ ตั้ม ทำไมไม่เลือกสายวิทย์วะ” ต่อ ถาม
“เพราะเรารู้ตัวน่ะสิ ที่เราทำคะแนนได้ตอนนี้ มันเป็นเพราะเราวิ่งเกินกำลัง เราอยากวิ่งแค่พอดีกับแรงของเรามันจะได้ไม่ล้ม ถ้าวิ่งเกินกำลัง เวลาเราล้ม เรากลัวลุกไม่ขึ้น” ผมตอบ
“อืม.....พอเข้าใจนะ ตั้ม แต่วันนี้ ตั้ม พูดมีสาระผิดปรกตินะ” กร ว่า
“แง๊ววววว......กร ว่าปรกติเราไร้สาระน่ะสิ” ผม ร้องเสียงหลง
“เปล่านะ คือวันนี้มีสาระมากกว่าปรกติไง” กร พูดยิ้มๆ ทำเอาเพื่อนๆหลายคนหัวเราะกันคิกคัก
“ตั้ม ไม่เปลี่ยนใจนะ” ราญ ถามขึ้นมา สีหน้าจริงจัง จนผม งง
“อื้อ ไม่เปลี่ยนใจหรอก อาจจะลำบากหน่อย ตอนบอกกับที่บ้าน แต่ไม่เปลี่ยนใจแน่นอน” ผม พูดด้วยความมั่นใจ
“คราวนี้ โอกาสก็เป็น ๕๐เปอร์เซนต์ละนะ” ราญ พูดเบาๆ
“หือ อะไร ห้าสิบ ห้าสิบ เหรอ พี่ชาย” ผมสงสัย
“ความหวังของคนบางคนน่ะ ตั้ม ก็พยายามทำให้เต็มที่นะ  ดีแล้วที่รู้กำลังของตัวเอง จะได้ไม่เจ็บเพราะทำอะไรเกินตัว” ราญ พูด แล้วเอามือมาขยี้หัวผมเบาๆ
“พยายามเข้าล่ะ” ราญ พูดยิ้มๆ

......ปอ นายก็ต้องพยายามด้วยนะ...



หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๒๖ /๒๒ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: salapaw ที่ 22-04-2008 21:47:42
สู้ๆๆนะปอ :m4: :m4:

 +1 อีก มาสม่ำเสมอดีจัง

ว่าแต่ ปัจจุบันยังคุยกับกลุ่มเพื่อนที่กล่าวมาทั้งหมดปะคะ
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๒๖ /๒๒ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: AidinEiEi ที่ 22-04-2008 22:03:23
 พีชายน่ารักจริงๆเลย:m13:
ปอจะทำได้ไหมเนี่ย  น่าเป็นหว่ง

...รักตั้มนะ.....เป็นกำลังใจให้เหมือนเดิมค่ะ :m4: :L2: :m4:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๒๖ /๒๒ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: อาจารย์..สีฟ้า ที่ 22-04-2008 22:12:27
ปอ สู้ๆๆๆๆๆๆๆๆ

เข้ามาติดตามและเป็นกำลังใจให้คนโพสต์ครับ  :L2: :L2: :L2: :L2:

1+  สำหรับกำลังใจ
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๒๖ /๒๒ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: สาวตัวกลม ที่ 22-04-2008 23:31:05
เข้ามาให้กำลังใจ :o8:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๒๖ /๒๒ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: nithiwz ที่ 23-04-2008 00:15:29
 :m15: น่ารักมากๆ ปอน่ารักดี
ตอนแรกเหมือนจะเป็นตัวร้ายอ่ะ  แบบว่าน่ากลัวมากๆ  :laugh:
แอบเชียร์ให้ราญเป็นพระเอกไม่ก็วินท์  แต่คราวนี้  เชียร์ปอแล้วแหละ (น่ารักมากมาย)

ตั้มก็เสน่ห์แรงเกิน  แต่ว่าไงกลับโดนแกล้งบ่อยๆ (รู้สึกเหมือนตัวเองตอน ม.ต้น แต่ตอนนี้จากหน้ามือเป็นหลังตีu)
ไร้เดียงสามากมายนายตั้ม ฮ่าๆๆๆ

ชอบชัยอ่ะ จริงใจดี  ถึงแรกๆ จะเลวนิดๆ ก็เหอะๆ -*-  หลังๆ มากลุ้มตัวร้ายรู้สึกจะน่ารักกันทุกคน เหอะๆ
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๒๖ /๒๒ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: nana ที่ 23-04-2008 12:57:33
ปอสู้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :a2: :a2:



 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๒๗ /๒๓ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 23-04-2008 13:27:04
๒๗ ไขข้อข้องใจ(๑)

“เพื่อนๆในห้องนี้ดีกับตุ๊ดอย่างเรามากเลยนะ วินท์”

ผมหลุดปากพูดกับวินท์ไปในช่วงพักกลางวันวันหนึ่งในช่วงปลายภาคเรียน ในขณะที่นั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะ เพราะผมรู้สึกว่าเพื่อนๆในห้อง ๖ เป็นมิตรกับผมมาก คำที่พวก ศักดิ์ เคยใช้เรียกผม ไม่ว่าจะเป็น อิกะเทย , อิตุ๊ด , อิดำ , ไอ้กระหร่อง , ไอ้แห้ง คำพวกนี้ไม่มีใครในห้องใช้กับผมเลยสักคน และไม่มีใครเลยที่เข้ามาแกล้งผมแบบที่พวกของ ศักดิ์ เคยทำ นอกจากการหยอกล้อกันเล็กๆน้อยๆ ตามภาษาเด็กนักเรียนมัธยมต้นทั่วๆไป พวกเพื่อนใหม่ที่ผมได้รู้จักในห้อง ๒ ก็เช่นเดียวกัน

“นายว่าอะไรนะ” วินท์ หยุดทำงานเงยหน้ามาฟังผมพูด
“เราว่า เพื่อนๆในห้องนี้ ดีกับเราจังเลย โดยเฉพาะพวกนาย ๓ คน” ผมหมายถึง เป็ด กับ เบ๊
“ไม่ดิ มีอีกคำนึง อะไร ตุ๊ดๆ” วินท์ ถามใหม่
“ก็เราไง เรามันตุ๊ด แต่พวกนายไม่มีใครรังเกียจเราเลย” ผมตอบไป
“ฮ่าๆๆ  นายน่ะเหรอตุ๊ด ฮ่าๆๆ” วินท์ หัวเราะร่วน
“เอ้า.....เลยหัวเราะเยาะเราใหญ่เลย” หน้าผมสลดลง
“ฮ่าๆๆ นายน่ะไม่ใช่ตุ๊ดหรอก นายมัน” วินท์หยุดพูดนิดหนึ่ง จ้องหน้าผม “ ผู้หญิง”
“เย้ย.....................หนักเข้าไปอีกนะนั่น” ผมหน้าเหว๋อ
“อ้าว ก็ตุ๊ดน่ะ เขาใช้เรียนผู้ชายที่มีท่าทางเป็นผู้หญิง นายมันผู้หญิงที่มีท่าทางเป็นผู้ชาย อ้อ...จริงดิ เรียกผู้หญิงไม่ได้ ต้องเรียก ทอม ฮ่าๆๆ”  วินท์ หัวเราะอีก สงสัยจะขำมาก ไม่รู้ว่าขำที่ตัวเองพูด หรือขำหน้าที่ยิ่งเหว๋อสนิทของผม
“ไม่เชื่อเหรอ งั้น” วินท์ หันไปทางกลุ่มเพื่อนที่คุยกันอยู่แถวกลางๆห้อง “เป็ด....เป็ด มานี่หน่อยดิ เบ๊ ด้วย”

ผม งง วินท์ เรียก เป็ด กับ เบ๊ มาทำไม หรือว่า................
“มีไร” เป็ด ถาม
“ตั้ม มันบอกว่ามันเป็นตุ๊ด” วินท์ บอก พอได้ฟัง เป็ด กับ เบ๊ หันไปมองหน้ากัน
“กร๊ากกกกกกกกกกกก”
“ฮ่าๆๆ...........................”  ทั้ง เป็ด ทั้ง เบ๊ ประสานเสียงหัวเราะกันลั่น ทำให้หลายๆคนในห้องหันมามอง
“มีอะไรน่าสนุกวะ หัวเราะกันใหญ่ เล่าให้พวกกูฟังมั่งดิ” เสียง โจ้ ตะโกนถามมาจากกลุ่มที่คุยกันอยู่แถวๆกลางห้อง
“ไม่มีอะไร มึงคุยเรี่องลามกของพวกมึงกันต่อเหอะ พวกกูจะถกปัญหาธรรม” เป็ด หันไปตะโกนตอบ แล้วหันกลับมาถามผม ตอนนี้ เป็ด กับ เบ๊ ลงไปนั่งที่โต๊ะของตัวเอง ทุกคนหันหน้ามาทางผม ( คงจำกันได้นะครับ โต๊ะของ วินท์ อยู่ติดหน้าต่างแถวหลังสุดของห้อง ถัดมาเป็นผม ถัดไปข้างหน้าเป็นโต๊ะของ เป็ด กับ เบ๊ )
“มึงไปเอาความคิดนี้มาจากไหนวะ ไอ้ตั้ม” เป็ด เริ่มถามผม
“ก็.....ก็......ผมอ้ำอึ้ง ก้มหน้างุดเลยครับ อายครับอาย ไม่คิดว่า วินท์ จะเรียกพวกนี้เข้ามาคุยเรื่องนี้
“เฮ๊ย.....ริจะเป็นตุ๊ด เขาต้องไม่ขี้อายแบบนี้สิวะ ต้องด้านๆแบบไอ้นี่” เบ๊ พูดแล้วชี้หน้าไปที่ เป็ด .... พอสนิทกันมากขึ้น ความสุภาพของ เบ๊ เริ่มลดลง ไม่เหมือนตอนรู้จักกันวันแรก มี ครับ ทุกประโยค
“พูดยังกับมึงหน้าบางนักนี่ ไอ้หน้าม้า” เป็ด ตบกระบาล เบ๊ ไป ๑ ที

ผมก็เลยเล่าให้พวกนี้ฟังไปว่าตอนที่ผมอยู่ชั้น ม.๑-ม.๒ โดนพวกศักดิ์แกล้งเอาบ่อยๆอย่างไรบ้าง แต่ผมไม่ได้เอ่ยชื่อใครหรอกครับ บอกว่า เพื่อนๆหลายๆคนบ้าง เพื่อนบางคนบ้าง แล้วก็ยังมีที่โดนเรียกว่า อิกะเทย , อิตุ๊ด , อิดำ , ไอ้กระหร่อง , ไอ้แห้ง ,ไอ้เน่า แล้วยังโดนว่าว่าหน้าตาน่าเกลียด อัปลักษณ์แล้วยังเป็นตุ๊ดอีก

เป็ด กับ เบ๊ หันมองหน้ากัน แล้วพากันมองวินท์
“พวกนายพูดแล้วกัน เรื่องอย่างนี้เราพูดไม่เก่ง” วินท์ ยกให้เป็นหน้าที่ของ เป็ด กับ เบ๊
“ดำอะไรวะ นายน่ะยังขาวกว่า ไอ้เป็ด มันตั้งเยอะไอ้นี่สิถึงจะเรียกว่าดำของแท้ ”
......ผั๊วะ....เบ๊ โดนไปอีกฝ่ามือนึง
“เริ่มก็โยนกูเลยนะมึง ไอ้นี่” เป็ด พูดกับ เบ๊ แล้วหันหน้ามาทางผม
“เอ็งนะจะขาวแบบพวกนี้มันได้ไงวะ พวกนี้มันคนจีน ส่วนเอ็งมันอิสลาม” เป็ด ว่า
“อะ....เดี๋ยวก่อน เป็ด เราคนไทยนะ ไม่ใช่อิสลาม” หน้าผมเหว๋ออีกรอบ “ไทยแท้ด้วย ไม่มีสารเจือปน” ผมย้ำ
“อ้าว ไทยแท้หรอกเหรอวะ นี่คิดว่านายเป็นอิสลามมาตลอดเลยนะเนี่ย เห็นชอบไปซื้ออาหารร้านอิสลาม มิน่า ยังสงสัยอยู่ทำไมกินหมู ฮ่าๆๆ “ เบ๊ หัวเราะใหญ่ ....ผมชอบทานอาหารที่เข้าเครื่องเทศแบบอิสลามครับ ก๋วยเตี๋ยวแขก( ก๋วยเตี๋ยวแกง)  บายเยีย สลัดแขก มัสมั่น เป็นอาหารจานโปรดของผม
“ตั้ม มีหลายคนนะ คิดว่านายเป็นอิสลาม ถ้าไม่เชื่อเดี๋ยวเราเรียกมาถาม” วินท์ ทำท่าจะเรียกคนอื่นมาอีก
“เฮ๊ย...อย่านะ วินท์” ผมรีบห้ามก่อนที่เรื่องของผมจะกลายเป็นปัญหาระดับห้อง
“เอาเป็นว่า นายน่ะจัดว่าขาวแล้วกันถ้าเป็นคนไทย เอาแขนมานี่จะให้ดูอะไร” เบ๊ ว่าแล้วยื่นมือมาจับแขนที่ผมยื่นให้พลิกทาง ท้องแขนขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะ แล้วเอาแขนของตัวเองมาวางคู่กัน โดยที่พลิกด้านท้องแขนขึ้นมาเหมือนกัน
“เห็นป่ะ ตั้ม” ผมมองตามไปที่แขนทั้งสองข้าง “แขนเราน่ะมันออกสีเหลืองๆ เพราะเรามันคนจีน แต่แขนนายน่ะ มันออกสีชมพู แล้วยังใสขนาดนี้อีก แบบนี้ยังว่าดำอีกเหรอ”
“เป็ด เอ็งเอาแขนเอ็งมา” เบ๊ หันไปบอกเป็ด เมื่อเห็นสีหน้าที่เหมือนไม่เชื่อของผม แล้วเอาแขนของตัวเองออกไป จับแขน เป็ด มาวางเทียบกับแขนผม
“เห็นป่ะ ต้องอย่างไอ้เป็ด ถึงจะเรียกว่าดำขนานแท้ ฮ่าๆๆ”

เบ๊ หัวเราะ ในขณะที่ผมมองท้องแขนของเป็ด ซึ่งมีสีตัดกันกับแขนของผมอย่างชัดเจนด้วยใบหน้าที่ยังคงความสงสัยอยู่

หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๒๗ /๒๓ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: nithiwz ที่ 23-04-2008 15:30:31
 :o8: กำลังน่ารักเชียวคับ  ต่อครับต่อ
ตั้มชักจะน่ารักเกินไปแล้วนะ
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๒๘ /๒๓ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 23-04-2008 16:52:24
๒๘ ไขข้อข้องใจ(๒)

เบ๊ เอื้อมมือมาเชยคาง ตั้ม ให้เงยขึ้นเล็กน้อย จับให้พลิกไปทางซ้ายที ขวาที พลางพิจารณาดู คิ้วที่เรียวโค้งจากหัวตาไปจรดหางตา ขนคิ้วบางเบา แต่ก็ดูดำขลับเป็นระเบียบ ดวงตากลมโต เปลือกตา ๒ ชั้น กับขนตาดำขลับเป็นแผง ยิ่งทำให้ดวงตาภายใต้กรอบแว่นทรงกลมนั้น ดูอ่อนหวานมากขึ้น ปากนิดจมูกหน่อย รับไปกับใบหน้ารูปไข่ จะว่าหล่อก็ไม่ใช่ สวยเหรอ...ยิ่งไม่ใช่เลย หน้า ตั้ม คงต้องใช้คำว่า มีเอกลักษณ์พิเศษ คงจะได้

“ตั้ม หน้าตาเอ็งน่ะนะ มันเด่นแบบแปลกๆ เอาเป็นว่า ถ้าอยู่ในกลุ่มคนเนี่ย คนเค้าจะมองเอ็งก่อนเลย” เบ๊ พูดแล้วก็ปล่อยมือออกจากคาง ตั้ม  “แล้วถ้าหน้าตาแบบเอ็งนี่เรียกว่าน่าเกลียดนะ หน้าอย่างไอ้เป็ดนี่ก็นรกขุมที่ ๑๘ แล้ว ฮ่าๆๆ” เบ๊ หัวเราะพลางพยักพเยิดไปทาง เป็ด พลางเอี้ยวตัวหลบมือของ เป็ด ที่ตวัดมา
“คราวนี้ไม่ได้แอ้มหรอกเว๊ย ฮ่าๆๆ” เบ๊หันไปยักคิ้วให้ เป็ด แล้วหันกลับมาทาง ตั้ม
“ตั้ม ถามหน่อย เอาไรทาคิ้วไว้ป่ะ” เบ๊ถาม
“เมื่อก่อนป้าให้ทาสีผึ้ง เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยได้ทาแล้ว ไมเหรอ” ตั้มตอบ แล้วถามกลับ
“เปล่า ไม่มีไร” ถึง เบ๊ จะตอบไปอย่างนั้น แต่ก็นึกในใจว่า มิน่าเล่า คิ้วของ ตั้ม ถึงดูสวยแปลกๆ
“อย่าบอกนะว่าทาขมิ้นที่ตัวด้วย” จู่ๆ วินท์ ก็ถามขึ้นมา หลังจากที่เงียบฟังอยู่นาน
“อื้อ ตอนเด็กๆนะ ทำไม วินท์ รู้ล่ะ” ตั้ม หันไปทาง วินท์
“เราเดาเอา” วินท์ ตอบยิ้มๆ
“แล้วตอนนี้เอาอะไรทาตัวแทนขมิ้นวะ” เป็ด ถามบ้าง
“แป้งร่ำ อะ ผสมน้ำอบไทย ทาตัวหลังอาบน้ำทุกวัน”  ตั้ม ตอบ ....นี่เอง กลิ่นหอมจางๆเย็นๆที่มาจากตัว ตั้ม แต่แป้งร่ำกับน้ำอบไทย ที่เขารู้จัก มันไม่ใช่กลิ่นแบบนี้ นี่นา...เป็ด คิดแล้วก็ถามออกไปอีก
“แล้วทำไมกลิ่นมันแปลกๆวะ ที่บ้านเราใช้ไม่เห็นกลิ่นแบบนี้เลย”
“อ๋อ ป้าเราทำเองอะ ผสมเกษรดอกไม้ น้ำปรุง แล้วก็อะไรอีกไม่รู้ เอามาให้ที่บ้านใช้ทุกเดือนเลย ป้าเราเคยอยู่ในวัง กลิ่นก็เลยแปลกๆกว่าที่ใช้กันทั่วไป เราใช้จนคุ้นแล้ว เลยไม่ค่อยรู้สึก จะเลิกใช้ก็โดนดุเอา คงเหม็นน่าดูเลยช่ายเปล่า” หน้า ตั้ม สลดลงไปอีกครั้ง
“เหม็นอะไรกัน หอมๆดีออก แต่ว่าไปกลิ่นมันก็แปลกดีนะ แต่รับรอง ไม่เหม็นหรอก  ถ้าเหม็นนะ พวกเราไม่เข้าใกล้แล้ว” วินท์ พูดแล้วหัวเราะเบาๆ เพราะหน้า ตั้ม เหมือนยิ่งแสดงความงุนงงมากขึ้นกว่าเดิม

“บ้าน ตั้ม นี่ไทยน่าดูเลยนะ สงสัยถือโชค-ลาง ด้วยละสิ” วินท์ ถามอีก
“อืม....” ตั้ม ทำท่านึก “มังอะ เรายังโดนจับไปเป่ากระหม่อมตั้งหลายที แม่ว่าจะได้หายดื้อ หายซน เลี้ยงง่ายๆ แล้วไรอีกจำไม่ได้และ เราไม่ค่อยชอบเลย บางทีโดนเอาไม้เคาะกะโหลกเราด้วย เจ็บจะตาย” หน้า ตั้ม มุ่ยลง สงสัยจะไม่ชอบเอาจริงๆ
“แล้วนายคิดว่าตัวเองเป็นไง” เบ๊ ถามมั่ง
“ก็คงอย่างที่ผู้ใหญ่เค้าว่ามัง ที่บ้านยังชอบพูดบ่อยๆเลยว่า พ่อก็หล่อ แม่ก็สวย พี่ๆก็หน้าตาดีๆกัน ทำไมไอ้คนเล็กอย่างเราถึงได้น่าเกลียดขนาดนี้” .....ตอนนี้ นอกจากหน้ามุ่ยแล้ว ยังทำตาเศร้าอีก ยังกะลูกหมาหงอยเลยนะเอ็ง....เป็ด คิดในใจ
“เราว่านายคิดมากไปแล้วมัง ตั้ม “ เป็ด พูดบ้าง “คนไทยก็งี้แหละ มีลูกต้องว่าไว้ก่อนว่าน่าเกลียด”
“ทำไมล่ะ” ตั้ม สงสัย
“ผีจะได้ไม่มาลักไง เค้าเชื่อกัน ยิ่งบ้านนายไทยซะขนาดนี้ เราว่าแหงเลยหว่ะ”
“นั่นมันต้องเด็กเล็ก หรือ เด็กแรกเกิดไม่ใช่เหรอ” ตั้ม ยังสงสัยไม่หาย
“ก็นายมันยังเด็กนี่หว่า ฮ่าๆๆ ” เบ๊ พูดแล้วหัวเราะลั่น “เค้าก็เลยยังกลัวอยู่ไง เดี๋ยวใครมา ร๊ากกกก เอ๊ย มาลัก ฮ่าๆๆๆ”
“แล้วนายเลิกกังวลเรื่องตุ๊ดอะไรนั่นด้วย เพราะนายน่ะ แค่บอบบาง แล้วก็อ่อนโยนกว่าปรกติเท่านั้นแหละ” วิทน์ พูด
“เออ ใช่ๆ ไอ้วินท์ มันพูดเข้าท่าหว่ะ ตั้ม มันบอบบาง แล้วก็อ่อนโยน สมเป็นผู้หญิงออก ตุ๊ดเติ๊ดอะไรที่ไหนกัน มันผู้หญิงตะหาก ฮ่าๆๆ” เป็ด หัวเราะเสียงดังอีกคนแล้ว
“เห็นมั๊ย ตั้ม เราบอกแล้ว ไม่มีใครเห็นว่า ตั้ม เป็นตุ๊ดหรอก” วินท์ หันไปยิ้มให้ เป็ด กับ เบ๊
“แต่เราไม่เห็นด้วยกับพวกนายหว่ะ” เบ๊ ขัด ทุกคนหันมามองหน้า เบ๊ รอฟังว่า เบ๊ จะพูดอะไรต่อ “เพราะ ไอ้ตั้ม มันเป็นทอมต่างหากเว๊ย ฮ่าๆๆ” เลยประสานเสียงหัวเราะกันใหญ่เลยที่นี้ ตั้ม รู้สึกร้อนๆที่หน้าพลางคิดว่าตอนนี้ตัวเองคงหน้าแดงไปหมดแล้ว งง ก็ งง , อาย ก็ อาย

“เฮ๊ย พวกเอ็งคุยไรกันวะ หัวเราะกันใหญ่ ท่าทางสนุกนะเอ็ง เล่าให้พวกกูฟังมั่ง” พวกโจ้ เริ่มเดินมาหาพวกเราที่โต๊ะ

ออดดดดดดดดดดดดดดด.................................
เหมือนเสียงระฆังช่วยชีวิต ...ตั้มคิด

“ครูมาแล้วโว๊ย นั่งที่กันเร็วพวกเอ็ง” เสียงดังมาจากทางหน้าห้อง ความวุ่นวายเมื่อช่วงพักกลางวัน เริ่มคืนสู่ความสงบ

“นักเรียนเคารพ”
“สวัสดีครับคุณครู”
“สวัสดีนักเรียน วันนี้พวกเราจะมาเรียนกันต่อจากคาบที่แล้ว..........................”
.................................................................................
....................................................
.................................


หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๒๘ /๒๓ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: Just let it be ที่ 23-04-2008 18:17:09
เราไปหลงอยู่ไหนมาเนี่ย  ถึงไม่ได้อ่านเรื่องนี้

อ่านแล้วสุดยอดมากเลยอะครับ  ขอชมจากใจเลย

บรรยายเนื้อหาได้ลึกซึ้งดีอะ  แสดงความรู้สึกของตัวละครก็ดี

ชอบมากเลยอะครับ

จะติดตามผลงานต่อไปนะคร้าบบบบ

 :o8:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๒๘ /๒๓ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: AidinEiEi ที่ 23-04-2008 18:42:40
 :L2: :L2: :L2:
กำลังใจ ค่ะ
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๒๙ /๒๓ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 23-04-2008 19:52:43
๒๙ เข้าค่ายก่อนเปิดเทอม

วันสุดท้ายของการสอบไล่ในภาคเรียนที่สองก็ผ่านพ้นไป ทิ้งความรู้สึกหลากหลายไว้ในใจผม ความเสียใจนั้นมีอยู่บ้าง จากการที่เพื่อนๆหลายๆคนไปสอบเข้าเรียนในสถาบันอื่น แต่ผมเองก็อยากให้เพื่อนๆสอบได้ในสถาบันเหล่านั้นเช่นกัน

วินท์ ,เบ๊ สอบเข้า เพาะช่าง ได้อย่างที่ตั้งใจ
ราญ , กร สอบเข้าเตรียมอุดม ได้เหมือนที่หวัง
ตุ่ม , เป็ด เรียนสายศิลป์-สังคม
ต่อ เรียนสายศิลป์-ฝรั่งเศส
เต่า , จก เรียนสายวิทย์ ๑
เพื่อนๆส่วนใหญ่ในห้อง ๖ ก็กระจัดกระจายไปอยู่ตามสายวิชาต่างๆ ส่วนตัวผมน่ะเหรอ แน่นอนอยู่แล้วครับ ศิลป์-คำนวณ

ก่อนที่โรงเรียนจะเปิดเทอมประมาณ ๑ สัปดาห์ ทางโรงเรียนจัดให้มีการเข้าค่ายลูกเสือวิสามัญ ของนักเรียนที่จะเข้าเรียนชั้น ม.๔ เป็นเวลา ๓ วัน ๒ คืน เพื่อให้นักเรียนได้รู้จักและทำความคุ้นเคยกันก่อนเปิดภาคเรียน ซึ่งมีทั้งนักเรียนที่มาจากชั้น ม.๓ เดิม และนักเรียนที่สอบเข้ามาใหม่ วันแรกของการเข้าค่าย ก่อนเวลาที่ทางโรงเรียนนัดไว้ตอนบ่ายสามโมง ผมมาถึงโรงเรียนก่อนเวลาประมาณครึ่งชั่วโมง มองไปมีแต่คนแต่งชุดลูกเสือ ใส่หมวกสีขียวๆ ดูแล้วคล้ายๆกันไปหมด ผมสอดส่ายสายตามองหาเพื่อนๆ แต่อย่างว่าครับ มองหาไปอย่างนั้นแหละ ก็สายตาผมออกจะดีปานนั้น......... T-T

“ตั้ม อ้ายม๋าตั้ม ทางนี้โว๊ย” มีเสียงเรียกมา พอผมมองไปตามเสียงเรียกก็มองเห็นว่ามีคนกวักมือเรียกอยู่ พอเดินเข้าไปใกล้ๆ ถึงได้เห็นว่าเป็นชัย นั่นเอง ข้างๆมี ตุ่ม กับ เต่า ยืนอมยิ้มอยู่ ส่วนข้างหลังชัยมีใครอยู่อีกคนหนึ่งผมมองไม่ถนัด
“ชะเง้อหาใครอยู่วะ มองเห็นเหรอว่าใครเป็นใคร” ตุ่ม ถามปนหัวเราะ
“ไม่เห็นหรอก ทำท่าไปงั้นแหละ เผื่อมีใครสังเกตุจะได้เรียกไง อิ อิ” ผมยิ้มกว้างตอบไป ไม่ทันสังเกตว่าคนข้างหลังชัยเดินมาอยู่ทางด้านขวาของผม
“หง่ะ” ผมสะดุ้งเล็กน้อย เพราะมีคนมาจับมือผมไปบีบเบาๆ ผมหันไปมองก็เจอกับหน้ายิ้มๆของ ปอ
“ไง ไม่เจอกันนานนะ” ปอ ยักคิ้วให้ผม ยังไม่ทันที่ผมจะพูดอะไร เต่าก็พูดขึ้นมา
“อยู่ตรงนี้แหละ ตั้ม เดี๋ยวครูเรียกให้ไปตามกองร้อย แล้วค่อยแยกกัน”
“งั้น  เดี๋ยวเราไปดูที่บอร์ดก่อนนะ ว่าเราอยู่กองร้อยไหน หมู่อะไร” ผม ทำท่าจะวิ่งไปที่บอร์ดที่อยู่ไม่ไกลนัก
“ไม่ต้องไป นายอยู่กองร้อย ๘ หมู่๘” ปอ ว่า ผมจึงหันไปมอง ปอ ด้วยความสงสัย ยังไม่ทันที่จะถามอะไร ปอ ก็พูดต่อ “เราอยู่กองร้ายเดียวกับนาย แต่หมู่ ๑ ชัย กับ เต่า อยู่กองร้อย ๒ ตุ่ม มันอยู่ กองร้อย ๙” ปอ แจกแจง
“อ้าว อย่างนั้น ปอ ก็อยู่ห้องเดียวกับเราน่ะสิ” ผม ประหลาดใจ เพราะคิดว่า ปอ คงจะอยู่ห้องเดียวกับ ตุ่ม
“ช่าย ดีใจมะ ไอ้ลูกหมา ฮ่าๆๆ” ปอ หัวเราะอย่างอารมณ์ดี
“อื้อ ก็ดีนะ ได้อยู่ห้องเดียวกันอีกแล้ว” ผมยิ้ม “ไม่เสียแรงนิ ที่ ปอ ขยันเรียนขึ้นตั้งเยอะ”
“มึงรู้ด้วยเหรอ ว่ากูขยันเรียนขึ้นน่ะ มึงสนใจเรื่องของกูด้วยเหรอวะ” ปอ ถามด้วยความกระตือรือร้น
“อ้าว ก็เพื่อนกันนี่นา เพื่อนก็ต้องสนใจเรื่องของเพื่อนสิ ปอ ยังสนใจเลยว่าพวกเราอยู่ห้องไหนกันบ้าง จริงมะอะ” ผมยิ้มกว้าง
......เห็นมันยิ้มไปทั้งหน้า ทั้งดวงตาแบบนี้ จะบอกมันยังไงดีวะ ราญ มันก็พูดถูก ตั้ม มันไม่เกลียดกูเลยสักนิด ไม่งั้น มันจะยิ้มให้กูแบบนี้เหรอวะ เอาวะ เท่าที่เป็นตอนนี้กูก็น่าจะดีใจแล้ว.....ปอ คิดแล้วก็ยิ้มออกมาด้วยความอ่อนโยน

“เฮ้ย ไอ้ปลากัดสองตัวนี่ จะจ้องตากันไปอีกนานมั๊ยวะ” ชัย พูด แล้วก็หัวเราะด้วยความเอ็นดู พลางชวนกันคุยเรื่องสัพเพเหระกันไป จนกระทั่งได้ยินเสียงประกาศให้นักเรียนไปรวมตัวกันยังกองร้อยของตัวเอง ตามที่ทางโรงเรียนได้ประกาศไว้ที่บอร์ด
“ป่ะ ตั้ม ทางนี้”
ปอ จูงมือผม ค่อยๆเดินไปยังกองร้อยที่ ๘ ผมเองก็เพิ่งจะรู้ตัวว่าตั้งแต่ ปอ เข้ามาจับมือผมตอนที่เจอกัน จนถึงตอนนี้ ปอ ก็ยังไม่ได้ปล่อยมือออกจากมือผมเลย พอไปถึงกองร้อย เราก็แยกกันไปยืนในแถวของหมู่ของตัวเอง ผมอยู่หมู่ ๘ ส่วน ปอ อยู่หมู่ ๒

“นี่ๆ นายชื่อ ตั้ม ช่ายมะ” มีเสียงถามเบาๆมาจากคนที่ยืนอยู่ข้างหลังผม
“อื้อ” ผมตอบทั้งๆที่ไม่ได้หันหน้ากลับไป
“เราชื่อ นึก นะ มาจากห้อง ๓/๕ ไว้เดี๋ยวค่อยคุยกันต่อ ครูมาแล้ว”
พอเสียงคนชื่อ นึก พูดจบ ก็มีครูเข้ามาตรวจแถวในกองร้อย มีกิจกรรมให้ทำกันเล็กน้อยจนถึงเวลาประมาณสี่โมงครึ่ง ครูก็สั่งให้แยกย้ายไปยังห้องพักที่ทางโรงเรียนจัดไว้ เพื่อเก็บของให้เรียบร้อย และให้นักเรียนตรียมตัวอาบน้ำ พักผ่อนกันสักครู่ก่อนที่จะรับประทานอาหารเย็นในเวลาหกโมงเย็น

ที่พักที่ทางโรงเรียนจัดไว้ ก็คือห้องเรียนปรกติที่นำเอาโต๊ะและเก้าอี้ออก เหลือโต๊ะไว้บางส่วนกั้นกลางห้อง แบ่งห้องออกเป็นสองส่วน และมีโต๊ะเรียงไว้ที่มุมห้องอีกด้านละประมาณ ๘-๙ ตัว ในหนึ่งห้องจะพักกัน ๒ หมู่ นับว่าไม่กว้างนัก

“ตั้ม เอาของมาวางไว้กับเราตรงโต๊ะนี่สิ” นึกเรียก ผมก็เลยเอากระเป๋าสัมภารก เอ๊ย สัมภาระ ไปวางไว้กับกระเป๋าของ นึก  คิดว่าเดี๋ยวจะดูให้เต็มตาสักหน่อย ว่าคนที่ชื่อ นึก นี่หน้าตาเป็นอย่างไร ตอนแรกผมรู้แต่ว่า นึก ตัวสูงกว่าผมเท่านั้น เทียบแล้วผมสูงประมาณติ่งหู นึก เท่านั้นเอง พอผมเงยหน้ามองเท่านั้นแหละครับ รู้สึกเหมือนตัวเองหน้าแดงขึ้นมาทันที ความรู้สึกแรกก็คือ ทำไมคนตรงหน้าถึงได้น่ารักขนาดนี้ ผิวขาวอย่างลูกคนจีน หน้าเนียนใส คิ้วหนาเข้ม ตากลมโตใต้กรอบแว่นเหลี่ยมๆดูแวววับ ปากแดงแจ๊ด แก้มมีลักยิ้มอยู่ทั้งสองข้างแก้ม กำลังยิ้มให้ผมอยู่
“เป็นไง เราหล่อจนตะลึงเลยเหรอ” นึก พูดยิ้มๆ
“อะ......อื้อ.......คงงั้นอะ ขอโทษนะ” ผม อ้อมแอ้มตอบไป แล้วก้มหน้าลง เพราะรู้สึกเขินกับรอยยิ้มของนึก
“ตั้ม เองก็น่ารักนะ หน้าแดงอย่างนี้ยิ่งน่ารัก” นึก พูดพลางเอามือมาแตะแก้มผมเบาๆ ทำเอาหัวใจผมเต้นแรง
“เอ้า จัดของกันก่อน ช่วยๆกันหน่อย เดี๋ยวจะได้ไปอาบน้ำกัน”
เสียงหัวหน้าหมู่ดังมา พวกเราจึงแยกย้ายกันเอาของใช้ออกจากกระเป๋ามาจัดเรียงไว้ พร้อมกับ ทักทายและแนะนำตัวกันไปด้วย ส่วนใหญ่ก็พอจะรู้จักกันมาก่อนบ้างแล้ว มีบางคนเคยอยู่ห้องเดียวกับผมตอน ม.๑-ม.๒ บางคนก็มาจากห้อง ๓/๒ มีส่วนน้อยที่สอบเข้ามาใหม่ จากนั้นก็พากันไปอาบน้ำ นั่งพักกันสักครู่ ก็มีประกาศให้ไปทานอาหารกันที่โรงอาหาร

หลังจากที่ทานอาหารมื้อเย็นกันเรียบร้อยแล้ว ก็มีกิจกรรมทำกันเล็กน้อย ส่วนใหญ่เป็นการบรรยายเรื่องต่างๆจากวิทยากรที่ทางโรงเรียนเชิญมา จนถึงเวลาประมาณสามทุ่ม จึงได้แยกย้ายกันไปนอน

“ตั้มๆ มานอนกับเราตรงนี้มา” นึก พูดพลางตบไปที่พื้นโต๊ะข้างๆ
“ม่ายอะ มันสูง เรากลัวตก” ผมกลัวจริงๆครับ เพราะผมคิดว่าโต๊ะเรียน ๙ ตัวที่นำมาต่อเรียงกัน ไม่น่าจะกว้างพอที่จะให้คน ๒ คนขึ้นไปนอนได้อย่างปลอดภัย ผมว่ามันคงอึดอัดน่าดูถ้าต้องนอนเบียดกัน นอนบนพื้นกว้างๆมีที่ให้กลิ้งไปกลิ้งมาได้ น่าจะสบายกว่า
“ไม่ตกหรอก มาเหอะ เดี๋ยวเรากอดไว้เอง เดี๋ยวดึกๆอากาศเย็นด้วย นอนกอดกันไว้จะได้อุ่นๆ” นึก พูดด้วยเสียงที่ไม่เบานัก ทำให้หลายๆคนหยุดคุยแล้วหันมามอง
“ม่าย~~~~~~~~~~~ เรากลัวความสูงอะ แล้วเราว่าเราคงไม่หนาวหรอก ชุดนอนเราอุ่นออก” ผมกางแขนออกทั้งๆที่นั่งอยู่ เหมือนจะแสดงให้ดูว่า ชุดนอนขายาวผ้าสำลี เนื้อผ้าสีฟ้าอ่อน มีลายตุ๊กตาหมีเล็กๆอยู่ทั่วตัว ของผมนั้นอบอุ่นพอ ถ้าอากาศเย็นจริงๆ “แล้วเรายังมีผ้าห่มอีกผืนนะ” ผมชูผ้าห่มลายสก๊อตสีแดงผืนบาง ให้ นึก ดู
“ชุดนอนเอ็งท่างทางอุ่นน่าดูหว่ะ ตั้ม เดี๋ยวดึกๆถ้ากูหนาวจะขอไปนอนกอดหน่อยนะเว๊ย” เสียงใครสักคนตะโกนข้ามฟากมาจากทางหมู่ ๗
“ไม่กลัวโดนตี๊บก็มาดิ” ผมตอบไป
“ตามจาย....เดี๋ยวดึกๆอย่ามาสะกิดเค้าแล้วกันนะ ฮ่าๆๆ” นึก พูดแล้วหัวเราะ ตามมาด้วยเสียงหัวเราะของเพื่อนๆอีกหลายคน

ตลอดเวลา ๓ วัน ๒ คืนที่เข้าค่าย กิจกรรมต่างๆทำให้พวกเราได้รู้จักกันมากขึ้น พอถึงวันสุดท้าย พวกเราก็แยกย้ายกันไป รอเวลาเปิดเทอมที่จะมาถึงในอีกไม่กี่วันข้างหน้า


หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๒๙ /๒๓ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: AidinEiEi ที่ 23-04-2008 20:07:34
 :m4:สองตอนเลยวุ๊ย
ตั้มน่ารักจัง ไอ้ลูกหมาน้อย :m1:

แล้วนึกนี่ยังัยหว่า.............อืม.....นึก....นึก.....นึกไม่ออก :laugh:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๒๙ /๒๓ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: salapaw ที่ 23-04-2008 21:05:26
 :m13: :m13: ขอโทษนะคะ  คือว่าไอ้กองร้อยกับหมู่ไมไม่เหมือนเดิมอ่ะ ตกลงอยู่หมู่ไหน อิ อิ 


ว่าแต่ นึกมันหล่อหหรือน่ารักหว่า
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๒๙ /๒๓ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 23-04-2008 21:18:26
:m13: :m13: ขอโทษนะคะ  คือว่าไอ้กองร้อยกับหมู่ไมไม่เหมือนเดิมอ่ะ ตกลงอยู่หมู่ไหน อิ อิ 


ว่าแต่ นึกมันหล่อหหรือน่ารักหว่า
หง่ะ  :o
หมายถึงตอนที่ ปอ พูดครั้งแรก กับตอนที่ ปอ พาเดินไปกองร้อยใช่รึเปล่าอะ ถ้าใช่ก็แก้ไขเรียบร้อยแล้วครับ   :o11:
ขอบคุณมากครับที่ช่วยบอกข้อผิดพลาด   o1

ส่วน นึก ให้ลองคิดถึงหน้า มาริโอ แต่คิ้วหนากว่านิดหน่อย ประมาณนั้นอะครับ o3
สงสัยจะเรียกว่าหล่อ แต่ในเรื่อง ตั้ม ใช้คำว่า น่ารัก เพราะตั้ม กำลังประทับใจกับรอยยิ้มที่ นึก ยิ้มให้คำแรกที่คิดอยู่ในหัว ก็คือคำว่า น่ารัก น่ะครับ  o8

ส่วนที่ถามว่า ยังได้คุยกับเพื่อนกลุ่มนี้อยู่อีกหรือเปล่า เดี่ยวตอนท้ายๆเรื่องจะมีคำตอบครับ  :o8:

หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๒๙ /๒๓ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 23-04-2008 21:40:21
:m4:สองตอนเลยวุ๊ย
ตั้มน่ารักจัง ไอ้ลูกหมาน้อย :m1:

แล้วนึกนี่ยังัยหว่า.............อืม.....นึก....นึก.....นึกไม่ออก :laugh:
เอ้อ...คือว่า....ตอนที่มีรีพลายนี้ ผมลงไป ๓ ตอนอะค๊าบ  :sad3:
ตอนไหนหายไปเนี่ยยยยยยยยย...... :confuse:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๒๙ /๒๓ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: A GE ที่ 23-04-2008 22:04:48
 :m20: :m20: ปอเจอคู่แข่งซะแระ  :m20: :m20:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๒๙ /๒๓ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 23-04-2008 22:09:05
ทำไมตั้มน่ารักอย่างนี้

หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๒๙ /๒๓ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: AidinEiEi ที่ 23-04-2008 22:38:48
 :m29:เออ จริงด้วย 3ตอนจริงด้วย อ่านเพลินลืมนับ :laugh: :laugh:


คอยตอนต่อไปค่ะ อิอิ
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๓๐ /๒๓ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 23-04-2008 22:50:09
คือว่า พรุ่งนี้ผมมีงานเลิกดึกครับ แล้ววันนี้ก็ตรวจไปได้หลายตอนด้วย ก็เลยลงเยอะหน่อย เพราะเหมือนจะมีผู้อ่านกำลังสับสนว่า ตกลงตัวละครบางตัว เป็นอย่างไรกันแน่ เดี๋ยวจะค่อยๆเข้าใจเองครับ เพราะอย่างที่ผมบอกไว้ในบทนำ

...เรื่องราวบางอย่างอาจจะเข้าใจอย่างหนึ่ง แต่ในความเป็นจริงมันเป็นอีกอย่างหนึ่ง

พรุ่งนี้คงจะหายไป ๑ วันนะครับ :sad2:
...................................................................

๓๐ เปิดเทอม

เปิดเทอมวันแรก ผมมาถึงโรงเรียนตั้งแต่ยังไม่ ๗ โมงเช้า ในห้องยังไม่มีใครมาเลย เพราะยังเช้าอยู่
...นั่งตรงไหนดี... ผมคิด แล้วก็ลองนั่งดูหลายๆมุม ในที่สุดก็ได้มุมที่คิดว่าเหมาะกับสายตาผมที่สุด ตรงกลางห้องค่อนมาทางซ้าย แถวที่ ๓ ต้องเลือกดีๆหน่อยแหละครับ เพราะต้องนั่งไปทั้งปีนี่นา กำลังวางเป้ลงบนเก้าอี้ ก็มีเสียงเรียกมาจากประตูด้านหน้าห้อง

“โห มาแต่เช้าเลย ตั้ม เราว่าเราน่าจะมาถึงเป็นคนแรกของห้องแล้วนะเนี่ย” นึก นั่นเอง พูดจบก็พุ่งตรงไปที่โต๊ะแถวหน้าสุด แถวเดียวกับผมแต่เยื้องไปทางขวา
 “นั่งหน้าสุดเลยเหรอ” ผมถามไป พลางคิดว่า ตัวก็สูงยังนั่งซะหน้าสุดอีก
“อือ เราชอบ มองกระดานชัดดี มานั่งด้วยกันสิ”
“ม่ายอะ เราว่าเรานั่งตรงนี้มุมดีแล้ว เราไม่ชอบนั่งแถวหน้าๆ”
ก่อนที่จะคุยอะไรกันต่อ ก็มีเพื่อนๆทยอยเข้าห้องมากันทีละคนสองคน ต่างก็เลือกที่นั่งของตัวเอง แล้วก็จับกลุ่มคุยกันเป็นกลุ่มๆ

“ไง จองที่ไว้ให้เราด้วยเหรอ ดีจัง” เสียงดังขึ้นมาข้างๆผม ปอ นั่นเอง พูดจบ ปอ ก็เอาเป้วางลงบนเก้าอี้ของโต๊ะตัวข้างๆผม แล้วก็นั่งลง
“........................” ผม งง เพราะคิดว่า ปอ คงจะไปนั่งกับเพื่อนคนอื่น ที่น่าจะสนิทกันมากกว่าผม
“จ้องหน้าพี่ทำไม ไอ้ลูกหมาน้อย วันนี้พี่หล่อมากเหรอ” ปอ พูดพลางยักคิ้วทำหน้าทะเล้นใส่ผม
“เปล่าอะ เรากำลังนึกว่านายอาบน้ำมารึเปล่า หัวเป็นกระเซิงมาเชียว เอิ๊กๆๆ” ผมแหย่ ปอ เล่น
“อ้าว อาบดิวะ แต่ไม่ได้เอาน้ำราดหัวเว๊ย ไม่เชื่อลองดมกลิ่นดิ “ ปอ พูดจบก็กางแขนออก เหมือนท้าให้ผมเข้าไปดมพิสูจน์กลิ่น
“แหวะ ม่ายอะ กลัวเป็นลม เอิ๊กๆๆ” ผม เลยยิ่งขำเข้าไปใหญ่เมื่อเห็นท่าทางของ ปอ
“งั้น มาให้พี่พิสูจน์กลิ่นแทนแล้วกันว่าอาบน้ำมารึเปล่า” พูดจบ ปอ ก็เอาแขนมากอดผมไว้ด้วยความรวดเร็ว  แล้วหอมแก้มผมไปทีนึง
“ชื่นใจหว่ะ” ปอ พูดยิ้มๆหลังจากที่ปล่อยแขนที่กอดผมไว้ออก
“...................” ผมเหว๋อเลยครับ ตกใจที่จู่ๆ ปอ มาทำแบบนี้ สายตาผมเหลือบไปเห็น นึก มองมาพอดี ยิ่งรู้สึกอายมากขึ้นกว่าเดิม รู้สึกว่าไม่อยากให้ นึก เห็นเลยที่ ปอ ทำกับผมแบบนี้.......ผมเป็นอะไรไปนี่ -*-
“ปอ เอ็งทำอะไรประเจิดประเจ้อไปรึเปล่าวะ” เชียร ตะโกนถามมา ......เชียร มาจากห้อง ๓/๒ จึงสนิทกับผมและ ปอ พอสมควร
“ประเจิดประเจ้ออะไรวะ กูก็ทำของกูแบบนี้มาตั้งนานแล้ว จริงป่ะ ไอ้ลูกหมา” ปอ หันไปตอบ ประโยคสุดท้าย ปอ หันมาพูดกับผม
“อ้าว แล้วนี่จะไปไหน” ปอ คว้ามือผมไว้ เมื่อผมลุกขึ้นทำท่าจะวิ่งออกไป
“ไปกินข้าว หิวแล้ว” ผมตอบไป ทั้งที่หน้ายังแดง
“เออ แล้วรีบมานะ” ปอ ปล่อยมือจากผมแล้วก็หันไปคุยกับ เชียร ต่อ
ตอนนั้นผมก็รีบออกจากห้อง มีเพื่อนๆตามมาด้วย ๓-๔ คน ตรงไปยังโรงอาหารที่อยู่ใกล้ๆเพื่อทานอาหารเช้ากัน
..........................................................
..............................................

...หนอย ไอ้พวกเด็กใหม่ ล้อมหน้าล้อมหลัง ไอ้ตั้ม กันใหญ่เลยนะ มึงก็อีกคนยิ้มให้พวกมันทำไมวะ  คุยกันหน้าระรื่นเชียวนะ ไม่สนใจกูเลย... ปอยิ่งคิดยิ่งรู้สึกโมโห
“ตั้ม เอาหนังสือวิชาร้อยกรองที่เรียนก่อนพักเที่ยงมาลอกหน่อยดิ๊ เราจดไม่ทัน” ปอ พูดพลางสะกิดไหล่ ตั้ม
“อื้อ แป๊บนะ” ตั้ม หันมาหยิบหนังสือส่งให้ปอ ทำท่าจะหันกลับไปคุยกับเพื่อนๆต่อ
“มาอ่านให้ฟังด้วย ลายมือเอ็งอ่านยากฉิบ” ปอ พูดดังๆ
“อื้อ ได้สิ ตรงไหนมั่งอะ” ตั้ม ยื่นหน้ามาที่หนังสือที่ ปอ กางไว้ให้ แล้วก็เริ่มอ่านให้ฟังตรงที่ ปอ ชี้ให้บอก
...ฮ่าๆๆ สำเร็จเว๊ย ดูดิ มันตั้งใจอ่านใหญ่เลย มันไม่เกลียดกูชัวร์ๆ... ปอ คิดแล้วก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
“ปอ เป็นอะไรรึเปล่า เราพูดเร็วไปจนจดไม่ทันเหรอ” ตั้ม ทักขึ้นเพราะเห็น ปอ เอาแต่ยิ้มไม่ยอมจดตามที่ตนบอก
“ไหนๆ กูฟังไม่ทันหว่ะ มึงพูดช้าๆ” ปอ รู้สึกตัวพลอยผสมโรงไปด้วย

“ทำไร ตั้ม” นึกเดินเข้ามากอดคอ ตั้ม ไว้ แล้วถามออกไป พลางเอาหน้าเข้ามาชิด จนแก้มเกือบชนกับแก้มของ ตั้ม
“ปอ จดไม่ทันน่ะ เราเลยอ่านให้ ปอ จดตาม” ตั้ม บอกไปเบาๆ พลางหน้าเริ่มแดงขึ้น
“ก็ให้ ปอ ลอกไปดิ แล้ว  ตั้ม ไปคุยกับพวกเราทางโน้นดีกว่า” นึก พูดเบาๆข้างๆหู ตั้ม ....หน้าแดงใหญ่เลย น่ารักจังหว่ะ... นึกคิด
“เอ็งยุ่งอะไรวะ ให้ ตั้ม มันบอกกูจดแบบนี้ดีแล้ว” ปอ ฉุน
“เราบอกจดแบบนี้เร็วกว่ามังอะ นึก เมื่อก่อนเราจดงานไม่ทัน เพื่อนก็มาบอกเราจดแบบนี้แหละ เร็วกว่าลอกเองเยอะนะ แบบนี้จะได้เสร็จเร็วๆ เดี๋ยวเสร็จแล้วเราไปคุยด้วยนะ” ตั้ม ตอบไปเสียงเบาๆ ไม่กล้าหันหน้าไปหา นึก เพราะแค่นี้หน้าก็เกือบจะชิดกันอยู่แล้ว
“งั้นตามใจแล้วกัน เร็วๆนะ เราไปหาพวกนั้นก่อน”
นึก พูดจบก็ปล่อยมือที่โอบคอ ตั้ม อยู่ แล้วเดินไปยังกลุ่มเพื่อน ๔-๕ คนทางหน้าห้อง ส่วนพวก ๓ คนที่คุยกับ ตั้ม อยู่ก่อนหน้านั้น ก็ไปคุยกับเพื่อนอีกกลุ่มทางหลังห้อง

... เออ ต้องแบบนี้ซิวะ ตั้ม มันต้องอยู่กับกูซิ ถึงจะถูก พวกเอ็งอย่าหวังเลย แต่ไหง ตั้ม มันหน้าแดงแบบนั้นวะ ท่าทางก็แปลกๆไป มันเป็นอะไรของมันวะ.. ปอ สงสัยในท่าทางของ ตั้ม ที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน กับเพื่อนๆ ตั้ม ไม่เคยหน้าแดงและมีท่าทางเขินอายขนาดนี้...เฮ้ย ไม่จริงน่ะ หรือว่า .... ปอ คิดถึงเรื่องบางอย่างที่เขาไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นมาได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้

...ไม่นะเว๊ย กูไม่ยอม มึงต้องชอบกูสิวะ มึงจะไปชอบคนที่มึงเพิ่งจะรู้จักไม่กี่วันได้ยังไง กูไม่ยอมเว๊ยยยยยยย.........
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๓๐ /๒๓ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: AidinEiEi ที่ 23-04-2008 22:56:56
 :serius2:มือที่สามโผล่มาแล้ว
แต่....ดูเหมือนจะน่ารักกว่าปอนะอิอิ



เฮ้อ!ไม่ได้อ่านวันพรุ่งนี้เหรอเนี่ย...

ไมเป็นไร...รอได้...

เป็นกำลังใจให้เหมือนเดิมนะคะ o13 o13
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๓๐ /๒๓ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: nana ที่ 24-04-2008 05:44:33
 :m29:ปอมีคู่แข่งแล้ว ทำไงดี :serius2:



 :L2: :L1: :L2:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๓๐ /๒๓ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: Just let it be ที่ 24-04-2008 08:11:20
อ้าว  แล้วทีนี้ปอจะทำยังไงละเนี่ย

 :o
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๓๐ /๒๓ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: salapaw ที่ 24-04-2008 09:03:43
 :m4: :เฮ้อ:  เจอกันพรุ่งนี้นะคะ

ว่าแต่ อ่านไปอ่านมา   ประโยคสุดท้าย  ปอเหมือนตัวนี้เลย :serius2: 55
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๓๑ /๒๔ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 24-04-2008 23:27:53
๓๑ หลุดปาก

... หงุดหงิดอีกแล้วเว๊ย ไอ้นึก นี่มันอะไรกันวะ มาอี๋อ๋อกับ ไอ้ตั้ม อยู่เรื่อย วันนี้ก็มาดึงตัวไปกินข้าวกลางวันกับพวกมัน เดินกอดคอไอ้ตั้มไปตลอดทาง ป่านนี้ยังไม่กลับขึ้นมาอีกเว๊ย... ปอ นั่งคิดด้วยความโมโห

“ปอ ตั้ม ยังไม่ขึ้นมาอีกเหรอวะ” พล ถาม
“เออหว่ะ มันไปไหนของมันวะ ว่าแต่มึงถามทำไม” ปอ ถามกลับ
“ก็ว่าจะยืมหนังสือภาษาอังกฤษมันลอกหน่อย เมื่อเช้าจดไม่ทันหว่ะ”
“กูด้วย” นัส โผล่มาจากไหนไม่รู้ ...ไอ้นี่ชอบโผล่มาเงียบๆอยู่เรื่อยเว๊ย... ปอ นึก
“แล้วทำไมไม่ยืมคนอื่นวะ มารุมยืม ไอ้ตั้ม มันคนเดียว” ปอพูดฉุนๆ
“แล้วทีมึงล่ะ กูห็นยืมโน่นยืมนี่ ตั้ม มันตลอดนี่หว่า” พล ไม่ยอมแพ้
“ก็กูนั่งกับมัน ไม่ยืมมันแล้วจะให้ยืมใครล่ะวะ” ปอ เถียง
“กูนั่งหลังมัน ข้างๆก็ไอ้นี่” พล ชี้ไปที่ นัส “พวกกูจดไม่ทันกันทั้งคู่นี่หว่า” นัส พยักหน้าเป็นเชิงเห็นด้วย
“ไอ้เชียร ไอ้นึง แล้วก็ ไอ้ดม ที่นั่งรอบๆพวกมึงก็จดทันนี่ ไมไม่ไปยืมพวกมันวะ” ปอ ยังไม่ยอมแพ้
“ยืม ตั้ม ดีแล้ว” นัส พูดสั้นๆตามเคย
“กวนนี่หว่า ดียังไงวะ” ปอ กันมาทาง นัส
“ก็ไอ้พวกนั้นเห็นมันคุยอยู่แต่กับกลุ่มพวกเรียนเก่งของพวกมัน ไม่เห็นค่อยยอมคุยกับพวกกูเท่าไหร่ กูเลยไม่อยากยุ่ง ยืม ตั้ม มันสบายใจกว่า” พล บอก นัส พยักหน้าเป็นเชิงเห็นด้วยอีก
“ตั้ม มันดี กูชอบ” นัส พูดเสริม
“เฮ๊ย มึงชอบอะไร ไอ้ตั้ม วะ พูดมาชัดๆนะมึง”ปอ ทำเสียงดุๆ
“กูก็ชอบ” พล พูด ปอ หันมามองทำท่าตกใจ ยังไม่ทันพูดอะไร พล ก็พูดต่อ “กูชอบนิสัยมัน ทั้งที่มันเรียนเก่ง ไม่เห็นมันทำตัวแบ่งแยกเหมือนพวกนั้น ขนาดเพื่อนๆห้องสังคม มันยังคุยด้วยสนิทสนม มึงไม่ต้องหึงมากไปหรอก” พล ยิ้มกวนๆ
“เฮ้ย หึงอะไรวะ มึงเข้าใจผิดแล้ว” ปอ แก้ตัว
“อ้าว มึงไม่ได้ชอบกันอยู่กับ ตั้ม มันหรอกเหรอ กูเห็นทำท่าเป็นไม้กันหมามาตลอด ฮ่าๆๆๆ” พล พูดแล้วก็หัวเราะไม่เบาเลย

... เฮ๊ย มันรู้เหรอวะ รู้ได้ไง เอาไงดีวะกู... ปอ คิดอย่างวิตก

“งั้นขอนะ” นัส พูดขึ้นมาลอยๆ
“ขออะไรของมึงวะ” ปอ หันไปมอง นัส พลางขมวดคิ้วเป็นเชิงสงสัย
“ขอ ตั้ม เป็นแฟน” นัส ยิ้มดวงตาแวววาว
“เฮ้ย มึงเอาจริงเหรอวะ” ปอ พูดอย่างตกใจ
“คบไปก่อน มีแฟนผู้หญิงแล้วค่อยเลิก” นัส ยังคงยิ้ม แต่ดวงตากลับฉายแววเจ้าเล่ห์
“มึงคิดจะหลอก ไอ้ตั้ม มันเหรอ กูไม่ยอมนะเว๊ย” ปอ เอามือคว้าคอเสื้อ นัส
“ปอ มึงใจเย็นดิ” พลเอื้อมมือมาแกะมือ ปอ ออกจากคอเสื้อ นัส “พวกกูผู้ชายนะเว๊ย ยังไงก็ต้องมีแฟนผู้หญิง อย่าง ตั้ม ยังไงก็ได้แค่คบเล่นๆแก้เหงา แก้เซ็ง ก็น่าจะพอ มึงก็คิดอย่างนี้ไม่ใช่เหรอ”
“ใครว่ากูคิดแค่เล่นๆ กูจริงจังกับมันนะเว๊ย” ปอ หลุดปากพูดเสียงดังด้วยความโกรธ พล กับ นัส หันไปมองหน้ายิ้มให้กัน
“จริงจังเรื่องอะไรเหรอ ปอ” เสียงคุ้นๆดังขึ้น

...ฉิบหายแล้ว มันมาตั้งแต่เมื่อไหร่วะ...ปอ นึก แล้วก็หันหลังไปตามเสียง เห็นตั้ม ยืนยิ้มอยู่ด้านหลัง  ท่าทางไม่รู้เรื่องอะไร...เฮ้อ รอดตัว มันคงเพิ่งมา...
“ว่าไง คุยเรื่องไรกันเหรอ เสียงดังเชียว” ตั้ม นั่งลงไปที่เก้าอี้
“เรื่อง” นัส ทำท่าจะพูดเรื่องเมื่อสักครู่ออกไป
“ไม่มีไร” ปอ รีบขัด “ไปไหนมา เพิ่งกินข้าวเสร็จเหรอวะ”
“เจอ พวก เต่า วา แล้วก็ โชค ที่โรงอาหารน่ะ เลยนั่งคุยกัน” ตั้ม ตอบมา
“เอาหนังสือภาษาอังกฤษที่เรียนเมื่อเช้ามาลอกหน่อยดิ๊” ปอพูด
“เฮ๊ย ได้ไงวะ ปอ พวกกูก็จะยืมนะเว๊ย” พล ท้วง
“ก็กูจดไม่ทันเหมือนกันนี่หว่า” ปอ ตอบ
“ก็ลอกไปด้วยกันนั่นแหละ อ้าว นั่น นัส ก็จะลอกด้วยเหรอ” ตั้ม ถามเพราะมองเห็น นัส หยิบหนังสือภาษาอังกฤษออกมาวางบนโต๊ะ
“อื้อ” นัส ยังคงตอบสั้นๆแต่ได้ใจความ
“ปอ เขยิบเก้าอี้ไปนั่งข้างๆนัสแล้วกันนะ แล้วเดี๋ยวตรงไหนมองไม่ชัด เราอ่านให้ฟัง”

ทีแรก ปอ ก็ตั้งใจว่าจะยึดหนังสือภาษาอังกฤษของ ตั้ม ไว้ เป็นการแกล้ง พล กับ นัส แต่พอเห็นสีหน้าและท่าทางของ ตั้ม แล้ว เขาก็ต้องใจอ่อนลง รอยยิ้มที่สดใส แววตาซื่อๆ การแสดงออกที่ห่วงใยต่อเพื่อนของ ตั้ม เขาพอจะเข้าใจว่า ทำไมเพื่อนๆถึงชอบ ตั้ม มันนัก


หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๓๐ /๒๓ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 24-04-2008 23:37:35
:serius2:มือที่สามโผล่มาแล้ว
แต่....ดูเหมือนจะน่ารักกว่าปอนะอิอิ
อืม...คงต้องอ่านต่อไปนะครับ :confuse:
:m29:ปอมีคู่แข่งแล้ว ทำไงดี :serius2:



 :L2: :L1: :L2:
แค่คนแรก ปอ ก็หนักใจแล้วครับ เดี๋ยวยังจะมีที่ตามมาอีก แต่ไม่ใช่คู่แข่งหัวใจนะครับ ไม่ต้องห่วง :haun5:

อ้าว  แล้วทีนี้ปอจะทำยังไงละเนี่ย

 :o
อืม...คงต้องติดตามกันต่อไปอะครับ o8
:m4: :เฮ้อ:  เจอกันพรุ่งนี้นะคะ

ว่าแต่ อ่านไปอ่านมา   ประโยคสุดท้าย  ปอเหมือนตัวนี้เลย :serius2: 55
คงต้องขอโทษนะครับ เพราะวันนี้ก็มาแล้ว   :laugh3:
พอดีงานเมื่อตอนเช้า งด น่ะครับ เข้าไปทำงานตอนบ่าย ๓ เลยพอมีเวลาตรวจงานเขียนต่อ
พอกลับบ้านก็เลยรีบมาลงเลยน่ะครับ
แล้วผมว่า ปอ น่าจะคล้ายรูปนี้ด้วยนะครับ ===>  o9
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๓๑ /๒๔ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: salapaw ที่ 25-04-2008 08:21:46
เห็นออนอยู่ มาต่ออีกปะคะ  :oni3: :oni2:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๓๒ /๒๕ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 25-04-2008 08:56:04
๓๒ อดข้าว

“เมื่อเช้าพวกเอ็งทำยังไงให้ ปอ มันเลี้ยงข้าวได้วะ”  ผมได้ยิน พงษ์ ถาม พล กับ นัส ขณะที่ผมกำลังจะนั่งลงกินข้าวกลางวัน
พล หันมามองผมนิดหนึ่ง ก่อนจะตอบออกไป “กูชนะพนันมันหว่ะ”
“พนันอะไรกันวะ” พงษ์ ถามต่อ แล้วตักข้าวเข้าปาก
“ความลับ” นัส พูดสั้นๆ แปลว่า ไม่บอก
“ปอ แพ้พนันต้องเลี้ยงข้าวพวกนายเหรอ” ผม ถาม นัส
“อื้อ” นัส ตอบ
“แล้วนี่ ปอ ลงมากินข้าวรึยังอะ” ผม ถามพลางมองไปรอบๆโต๊ะ เพราะปรกติ ปอ จะมานั่งทานข้าวกับ พงษ์ เสมอ พงษ์ เป็นคนหนึ่งที่เรียนด้วยกันมาตั้งแต่ชั้น ม.๑-ม.๒ จึงค่อนข้างสนิทกับ ผม และ ปอ
“ห่วงไรมัน เดี๋ยวหิวก็ลงมาเองแหละ กินเหอะ” นึก พูด
“ปอ น่ะ มีตังส์มาโรงเรียนแค่พอใช้เองนะ ต้องเลี้ยงข้าวพวก พล  ๒ คน แล้วจะมีตังส์พอกินข้าวกลางวันเหรอ” ผมขมวดคิ้วอย่างกังวล ยังไม่ยอมกินข้าว
“โกรธเหรอ” นัส ถาม
“เปล่าอะ จะโกรธได้ไง เพียงแต่เราไม่อยากให้ทำแบบนี้อะ” ผม ตอบ
“ห่วง ปอ มันด้วยเหรอวะ” พงษ์ ถามผม
“แล้วนายไม่ห่วงเหรอ ถ้านายรู้ว่าเพื่อนต้องอดข้าวกลางวันน่ะ” ผมตอบเสียงไม่ค่อยจะดีนัก  หน้าผมเริ่มบูดซะแล้ว
“ห่วงมากก็ไปดูสิ” นึก พูดฉุนๆ
“อื้อ งั้นฝากเดี๋ยวนะ เดี๋ยวมา” ผมไม่สนว่ามีใครเรียกไว้บ้าง ลุกจากเก้าอี้ได้ ผมก็วิ่งไปที่ห้องทันที
...........................................................................
...............................................

...แสบจริงนะมึง ไอ้พล กับไอ้นัส โดยเฉพาะไอ้นัส เห็นเงียบๆ ที่แท้น้ำนิ่งไหลลึก ทำเป็นมาขู่กูให้เลี้ยงข้าว ไม่งั้นจะไปประกาศให้ทั้งห้องรู้ ว่ากูคิดยังไงกับ ไอ้ตั้ม.. ปอคิดขณะที่นอนฟุบอยู่ที่โต๊ะ...ทำไงดีวะ หิวข้าวหว่ะ...

“ปอ ไม่สบายรึเปล่า” เสียง ตั้ม มาดังอยู่ข้างๆหู
“อ้าว กินข้าวเสร็จแล้วเหรอวะ” ผมตอบ เมื่อลืมตาขึ้นมาก็มองเห็น ตั้ม นั่งอยู่ข้างๆ
 “ยังไม่ได้กิน เห็นนายไม่ลงไปกินข้าว เลยขึ้นมาดู ไม่สบายรึเปล่า” ตั้ม มองมาด้วยสายตาเป็นห่วง
“เปล่า ไม่ได้เป็นไร”ผมตอบพลางหลบสายตาที่มองมา
“ไม่เป็นไรก็ไปกินข้าว ไปเร็ว”
“ไม่อะ กู....” ผม อ้ำอึ้ง
“ไปกินข้าวกะเราเร็ว เพื่อนๆรออยู่” ตั้ม ไม่สนใจ เอามือขวาคว้ามือซ้ายผมทำท่าเหมือนจะจูงไปโรงอาหารให้ได้
“กูไม่ไป กูไม่มีตังส์กินข้าว” ผมตัดสินใจบอก ตั้ม ไปขณะที่ฝืนตัวไว้ไม่ยอมลุกจากเก้าอี้
 “ก็ไปกินกับเราไง ไปเร็ว ข้าวจานใหญ่เรากินไม่หมด แล้ววันนี้เราอยากกินก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นด้วย ไปกินด้วยกัน” ตั้ม พูดยิ้มๆมาให้
“แต่ กูไม่อยากกวนให้มาเลี้ยงข้าวกู”
“ไม่ได้เลี้ยงซะหน่อย วันนี้เราอยากกินอะไรเยอะแยะ แต่มันกินไม่หมด เลยมาชวนนายไปช่วยเรากินตะหากอะ” มันยังคงยิ้มให้ผม ผมฟังมันพูดแล้วซึ้งจนน้ำตาแทบไหล
“ถ้านายไม่กินข้าว เดี๋ยวท้องร้องส่งเสียงกวนตอนเรียน ทีนี้เรียนไม่รู้เรื่องกันทั้งห้องนะ” ดูมัน พูดเป็นเรื่องตลกทำเอาผมยิ้มออกมาจนได้
“งั้นเดี๋ยววันหลังนายก็มากินข้าวกับเรานะ”ผม พูดพลางมอง ตั้ม ด้วยความซาบซึ้ง
“อื้อ วันนี้กินให้ทันเรานะ เดี๋ยวเรากินกับข้าวหมดก่อน เหลือแต่ข้าวแล้วอย่ามาว่ากันนะ เอิ๊กๆๆ” ตั้ม พูด ผมบีบมือ ตั้ม มันเบาๆเป็นการขอบใจ แล้วมันก็จูงมือผมค่อยๆเดินไปหาเพื่อนๆที่รออยู่ในโรงอาหาร
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๓๒/๒๕ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: salapaw ที่ 25-04-2008 09:06:53
โห น้องตั้ม ของพี่ (ในอดีต) ใจดีจังวุ้ยยยยยยยยยยยยยยยย


ว่าแต่ มันนานมากยังคะ เรื่องที่พี่เล่าอ่ะ จะลองกะอายุดู หุหุ


 :bye2:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๓๒/๒๕ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: Just let it be ที่ 25-04-2008 09:55:13
ถ้าใช้มุกนี้จามีคนไปกินข้าวด้วยมั้ยเนี่ย

"คือวันนี้เราอยากกินไรเยอะแยะ  แต่เรากินไม่หมด  เลยอยากให้นายไปกินด้วยกัน"

โอ้ยย  ตั้มนี่ม่ายรู้ตัวเอาซะเล้ยย  ว่าตัวเองน่ารักแค่ไหน

 :m1:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๓๒/๒๕ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 25-04-2008 10:18:33
โอ้ยย  ตั้มนี่ม่ายรู้ตัวเอาซะเล้ยย  ว่าตัวเองน่ารักแค่ไหน

 :m1:
ขอบคุณครับสำหรับทุกกำลังใจ และทุกคำติชมครับ  o1
สำหรับตัวตั้ม หลายคนชมว่าน่ารักมากมาย แต่ทำไมไม่รู้ตัวเองเลย  :confuse:
ก็ดูสิครับ เพื่อนแต่ละคน เรียกตั้ม ว่ายังไง ตั้่ม เลยฝังใจครับ  o6
แต่เดี๋ยวก่อนครับ.....บางคนบอกว่า แค่นี้เองน่ะเหรอ o16
นั่นสินะครับ...มันน่าจะมีอะไรมากกว่านี้ อีกไม่กี่ตอนก็จะได้เปิดเผยแล้วครับ  o8
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๓๓/๒๕ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 25-04-2008 13:35:54
๓๓ กิ่งหมามุ่ย-ใบตำแย

“ตั้ม หมูทอดน่ากินจัง ขอชิ้นนึงดิ” นึก พูดขึ้นมาระหว่างกินข้าวกลางวัน
“ตักเอาดิ” ผมหันไปบอก นึก ที่นั่งอยู่ข้างๆด้านซ้าย
“ป้อนหน่อย นะ” นึก ว่า พลางอ้าปากรอ ผมก็เลยเอาส้อมจิ้มหมูส่งเข้าปาก นึก ไปชิ้นนึง
“อะ เอาปลาเราไปกินมั่ง” นึก เอาส้อมจิ้มชิ้นปลาส่งเข้าปากผม
“เฮ๊ย มากไปรึเปล่าวะ ไอ้คู่นี้” พล ที่นั่งตรงข้ามผม พูดหัวเราะๆ
“ตั้ม หมู” นัส พูดพลางอ้าปาก ผมก็เลยจิ้มหมูส่งเข้าปาก นัส ไป นัส ก็เคี้ยวไปยิ้มไป
“พล เอามั่งมะ หมูวันนี้อร่อยอะ มีแต่เนื้อ” ผม ถามพล ซึ่งกำลังมอง นัส ตาค้างอยู่
“พอแล้ว ไอ้ตั้ม ให้คนอื่นกินหมด แล้วเอ็งจะกินอะไรวะ” ปอ พูดขึ้น เสียงดุๆ
“หมดแล้วก็แย่งนายกินไง” ผมหันไปหัวเราะกับ ปอ
“กูกินหมดจานไม่มีให้แย่งแล้ว อ้อมีนี่...มึงเอานี่ไป” ปอ พูดพลางเอาส้อมจิ้มกระดูกหมูที่แทะเนื้อหมดแล้ว ยื่นส่งให้ผม
“แหงะ...กินได้ที่ไหนอะ กระดูกเนี่ย” ผมย่นจมูก
“ก็มึงมันลูกหมา ต้องแทะกระดูกสิวะ” ปอ พูดพลางหัวเราะ
“ลูกหมาน่ารักแบบนี้ เอานิ้วให้แทะเล่นดีกว่ามั๊ง มาแทะนิ้วเราเล่นมา” นึก พูดแล้วก็ยื่นนิ้วให้ผม
“แบร่” ผมแลบลิ้นใส่ “กลัวเค็ม ล้างมารึยังเนี่ย” แล้วผมก็ยิ้มให้นึก
“กูกลับห้องก่อนดีกว่าเว๊ย ไปทำเลขต่อ พล นัส ป่ะ” ปอ พูดเหมือนอารมณ์ไม่ค่อยดี พูดจบ ก็ลุกเดินออกจากโต๊ะ โดยมี พล กับ นัส ลุกขึ้นเดินตามไป
“ปอ เป็นไรอีกแล้ว หมู่นี้อารมณ์ไม่ดีบ่อยจัง” ผม หันไปพูดกับ พงษ์ ที่นั่งตรงข้าม นึก
“ช่างมันเหอะ ตั้ม แหละ รีบกินดีกว่า คนอื่นเค้ากินจะหมดอยู่แล้ว” นึก พูด

ผมกินข้าวค่อนข้างช้าครับ ในขณะที่เพื่อนๆกินข้าวจะหมดกันอยู่แล้ว ผมเพิ่งจะกินได้ไม่ถึงครึ่งจาน ก็เลยก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อ ไม่งั้นเดี่ยวเพื่อนๆจะต้องมารอผมคนเดียว พอกินข้าวเสร็จพวกเราก็พากันเดินกลับห้อง ไม่ไกลหรอกครับ ตึก ๗ ที่ผมเคยเรียนตอนชั้น ม.๓ แต่ลงมาอยู่ที่ชั้น ๒ เดินน้อยลงอีกหน่อย ระหว่างทาง นึก ก็เดินโอบคอผมชวนคุยไปเรื่อยๆ จนพวกเราไปถึงห้อง นึกก็ลากผมไปคุยกับเพื่อนๆต่อ

ผมมักจะรู้สึกแปลกๆทุกครั้งที่ นึก โอบรอบคอผมไว้แบบนี้ มันไม่เหมือนตอนที่เพื่อนคนอื่นทำ หรือแม้กระทั่ง พี่ราญ พี่ชายที่รักของผมทำ พี่ราญ มักจะโอบไหล่ผมด้วยความอ่อนโยน บางครั้ง มือก็จะลูบที่ไหล่ผมเบาๆขณะที่คุยกัน ซึ่งมันทำให้ผมรู้สึกอบอุ่น เหมือนตอนอยู่กับ ป๊ะป๋า แต่ นึก ไม่ใช่แบบนั้น นึก มักจะเอามือมาลูบวนอยู่ที่ต้นคอผมบ้าง บางทีก็เอานิ้วมาเขี่ยๆที่แก้มผม แล้วยังชอบเอาหน้ามาใกล้จนเกือบชิดหน้าผมเวลาที่คุยกัน หลายครั้งที่นึกทำแบบนั้น ผมมักรู้สึกว่าตัวเองหน้าแดง ตัวร้อนๆคล้ายมีไข้ ตามมาด้วยอาการพูดตะกุกตะกัก แล้วก็ก้มหน้ามองพื้น ซึ่ง นึก ก็มักจะหัวเราะด้วยความขบขันเสมอที่เห็นท่าทางของผม

“ตั้ม มาสอนเลขข้อนี้กูหน่อย ทำไมกูทำแล้วตอบไม่เหมือนมึง” ปอ ตะโกนเรียก
“อื้อ” ผมหันไปตอบ ปอ แล้วก็หันหน้าไปบอกเพื่อนๆที่คุยกันอยู่ “เราไปช่วย ปอ ทำเลขก่อนนะ”
“ให้มันถามคนอื่นก็ได้มั้ง” นึก ไม่ยอมปล่อยมือที่โอบรอบคอผมอยู่
“ไม่เป็นไรหรอก รีบไปช่วย จะได้เสร็จเร็วๆ แล้วเดี๋ยวมาคุยต่อไง เอาแขนออกก่อนนะ” ผมพูดยิ้มๆ นึก จึงได้ปล่อยแขนออกจากตัวผม ให้ผมเดินไปช่วย ปอ ทำแบบฝึกหัดเลข พอผมนั่งที่โต๊ะ พล กับ นัส ก็หยิบสมุดแล้วลากเก้าอี้มานั่งข้างผม กับ ปอ คนละข้าง เป็นอันรู้กันว่า ผมต้องช่วยทั้งสองคนนี้ด้วย

“ตั้ม มันใจดีเน๊อะ” หมู พูดกับเพื่อนๆที่คุยกันอยู่
“นั่นดิ นายก็อย่าไปหลอกมันเล่นล่ะ นึก” วัฒน์ หันมาพูดกับนึก
“หลอกเรื่องไร ไม่เคยไปหลอกอะไรมันซักหน่อย” นึก พูดยิ้มๆ
“งั้นที่ทำอยู่นี่ แปลว่าเอาจริงอะดิวะ” โอ พูดขึ้นบ้าง
“ทำไรวะ” นึก พูด งงๆ
“อ้าว ก็ที่มึงไปกอดมันบ่อยๆ แล้วลูบคอลูบแก้ม กับท่าที่เหมือนจะเขมือบมันเข้าไปอยู่แล้วนั่นมันอะไรวะ” โอ มอง นึก ด้วยความประหลาดใจ
“เฮ๊ย หาเรื่องกูแล้ว กูแค่รู้สึกว่าตัวมันนิ่มๆ หอมๆ กอดแล้วเหมือนกอดตุ๊กตา แล้วคอกับแก้มมันก็ดูขาวๆเนียนๆ เลยลูบเล่นแค่นั้นเองเว๊ย” นึก พูดหน้าตาตื่น
“แต่เราว่า ศิลปี ไม่ได้คิดแบบนั้นน่ะสิ เราว่านายเลิกเหอะ” วัฒน์ พูดสีหน้าจริงจัง
“ฮ่าๆๆๆ นายคิดว่ามันจะมาชอบเราเหรอไง ถ้ามันมาชอบเราจริงๆ จะได้เอาไปคุยอวดได้เลย ว่าขนาด ตั้ม คนดังที่ไม่สนใครมาชอบได้ แปลว่า กูหล่อออออออ” นึก ยังหัวเราะไม่หยุด
“เออ ยอมรับหว่ะ นายมันหล่อ เวลาอยู่กับไอ้ตั้ม แล้วสมกันดี ยังกะกิ่งหมามุ่ยกับใบตำแย” หมู พูดแล้วก็หัวเราะ ทำเอาเพื่อนๆในกลุ่มหัวเราะกันทุกคน



หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๓๓/๒๕ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: nana ที่ 25-04-2008 14:28:04
 :กอด1:รักตั้มจริงๆๆๆเลยขอกอดแรงๆหน่อย :กอด1:




 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๓๓/๒๕ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: nana ที่ 25-04-2008 14:36:56
 :เตะ1:หมั่นไส้นึกขอสักทีเหอะ



 :L2: :L1: :L2:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๓๓/๒๕ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: nithiwz ที่ 25-04-2008 18:35:16
 :m1: ตั้มน่ารักจริงครับ  ชอบในความอินโนเซ็นต์ (จะเรียนตั้มหรือพี่ตั้มดี  เพราะดูท่าคงแก่กว่าเรา อ๊ากกกกก!!!(กำลังหนีมีดบิน))

เมื่อไหร่จะรักกันสักทีเนี่ยะ
นายปอก็ปากดี ขี้เหงา เอาแต่ใจเสียจริงๆ
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๓๔/๒๕ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 25-04-2008 18:38:49
๓๔ วางระเบิด

“ศิลปี เสาร์นี้มาทำรายงานกลุ่มวิชาสังคมกันที่โรงเรียนได้มั๊ย” วัฒน์ เดินมาถามผมที่โต๊ะ ขณะที่ผมกำลังทำการบ้านวิชาภาษาอังกฤษอยู่
“เสาร์นี้เหรอ” ผมเงยหน้าขึ้นมาถาม
“อื้อ”
“ว้า ทำไมต้องเสาร์นี้ด้วยอะ เรามีนัด” ผมหน้ามุ่ยลงนิดนึง
“นั่นแน่ นัดกับใคร” วัฒน์ ชี้หน้าผมแล้วยิ้ม
“คนสำคัญ” ผมยิ้มกว้าง เมื่อนึกถึงคนที่ผมจะได้เจอในวันเสาร์
“เลื่อนก่อนได้มั๊ยอะ พอดีเสาร์นี้ว่างกันทุกคนเลย ก็เลยอยากทำให้เสร็จไปเลยวิชานึง” วัฒน์ ทำหน้ากังวล
“เหรอ ทุกคนจะมากันเสาร์นี้เลยเหรอ” ผมนิ่งนึกสักครู่ “งั้นก็ได้อะ” หน้าผมซึมลงไปนิดหนึ่ง
“นี่ ศิลปี นัดคนนั้นมาเจอพร้อมพวกเราเลยสิ จะได้ไม่ผิดนัดไง” วัฒน์ เสนอความคิด
“ก็นัดที่โรงเรียนอยู่แล้วแหละ แต่ว่าจะไปที่อื่นกันต่อน่ะ สงสัยไปไม่ได้แล้วอะสิ” ผม บอกไป”กี่โมงอะ ทำรายงานน่ะ”
“๘โมง มาทันมั๊ย  ศิลปี บ้านไกลนี่นา” ...เรียกชื่อผมซะเต็มยศอีกแล้ว... -*-
“ทันๆ งั้นพรุ่งนี้ ๘ โมงเช้านะ” ผมรับปาก
พอได้รับคำตอบ วัฒน์ ก็เดินกลับไปคุยกับพวก นึก ต่อ

“เอ็งนัดใครไว้ วันเสาร์ คนสำคัญที่ไหน” ปอ ถามเสียงดุๆ
“นัด พี่ราญ ไว้” ผมหันไปยิ้มกว้างให้ ปอ
“เหรอวะ” ปอ ยิ้มขึ้นมาทันที “ เออ ดี กูก็อยากเจอ บอกมันด้วยว่ากูคิดถึง เสียดายหว่ะ กูต้องช่วยงานที่บ้าน ออกมาไม่ได้” ปอ บ่น
“เดี๋ยวเราบอกให้ ปอ นี่ดีจังนะ”
“เรื่องไร” ปอ ทำหน้าดีใจ
“ก็ช่วยงานที่บ้านไง ขยันดีจัง” ผมชมด้วยใจจริง รู้สึกว่า ปอ ยิ่งยิ้มกว้างกว่าเดิม
“ว่าแต่เดี๋ยวเอ็งทำไงล่ะ ต้องทำรายงานกลุ่มนี่” ปอ ถามด้วยความเป็นห่วง
“เดี๋ยวไปบอกตุ่ม ให้โทรถาม พี่ราญ อีกทีว่าเอาไง เพราะตอนเช้าก็นัดเจอกันที่โรงเรียนก่อนอยู่แล้ว อ้อ กร ก็มาด้วยนะ” ผมพูดอย่างนึกขึ้นได้
“เหรอวะ ดีหว่ะ สงสัยเอ็งจะได้เจอกับพวกมันแป๊บเดียวอะสิ”
“ได้แค่ไหนก็แค่นั้นอะ ไม่เป็นไรหรอก” ผมตอบยิ้มๆ...เราได้เจอแป๊บเดียว แต่นายไม่ได้เจอเลยนี่นา แย่กว่าเราอีก...ผมคิดในใจ
 “ทำการบ้านต่อเหอะ อยากทำให้เสร็จก่อนหมดพักเที่ยง” แล้วผมก็ก้มหน้าก้มตาทำการบ้านต่อไป โดยที่ ปอ หันมาถามศัพท์หรือไวยากรณ์ผมบ้างเป็นระยะๆ
..............................................................
....................................

๘ โมงเช้าวันเสาร์ ผมก็มานั่งทำรายงานวิชาสังคมอยู่กับเพื่อนๆ ที่โต๊ะใต้ตึกที่อยู่ใกล้ๆกับประตูโรงเรียน ในกลุ่มก็มี ผม วัฒน์ หมู โย่งและโอ โดยที่มี นึก กับ ดม มานั่งทำงานของตัวเองอยู่ด้วย พอใกล้ ๑๐ โมง ผมก็เริ่มกระวนกระวาย เพราะตุ่มบอกผมว่า จะนัดพวก ราญ มาเจอกันที่โรงเรียนก่อนตอน ๑๐ โมง แต่ยังไม่เห็นมีใครมาสักคน
“ตั้ม เป็นไรวะ ชะเง้อหาอะไรหลายหนแล้ว” โอ ถาม
“ก็พวก ตุ่ม บอกจะมากัน ๑๐ โมง นี่เลยมา ๑๕ นาทีแล้ว ไม่เห็นมีใครมาเลย” ผมตอบ สายตาก็มองไปที่ประตูโรงเรียนอย่างรอคอย
“ไม่มากันแล้วมั๊ง ไม่ก็นัดไปเจอกันที่อื่นแล้ว ก็นายไปด้วยไม่ได้นี่” หมู บอก
“สงสัยคงเป็นแบบนั้นมัง” ผมก้มหน้าลงทำรายงานต่อ รู้สึกว่าความกระตือรือร้นที่มีมาตั้งแต่เช้า กลายเป็นความหงอยเหงาไปซะแล้ว
..............................................................
....................................

...กว่าจะแยกตัวออกมาจากพวกนั้นได้ ก็สายมากแล้ว จู่ๆก็เปลี่ยนที่นัดกันกระทันหัน แล้วยังไม่ได้บอก ตั้ม มันอีก ป่านนี้มันจะรู้สึกยังไงกัน คงรอแย่แล้ว...ราญ คิด ขณะที่แวะซื้อน้ำส้มคั้นที่คนขายบรรจุใส่ขวดไว้อย่างเรียบร้อย เสร็จแล้วก็รีบเดินไปยังโรงเรียนที่อยู่ไม่ไกลนัก
... นั่นไง นั่งอยู่นั่นเอง ก้มหน้าก้มตาทำงานใหญ่เลย สมาธิดีเหมือนเดิม พวกที่นั่งอยู่ด้วยคงเพื่อนใหม่ในห้องล่ะสิ แล้วนั่นใคร นั่งเอาแขนโอบคอ ตั้ม ไม่เห็นทำอะไร เอาแต่นั่งจ้องหน้า ตั้ม แล้วอมยิ้ม อืม หน้าตาหล่อดีนี่หว่า อยู่ใกล้ๆกันแล้วเหมือนตุ๊กตาทั้งคู่... ผมคิดพลางเดินเข้าไปใกล้ๆโต๊ะที่ ตั้ม และเพื่อนๆนั่งกันอยู่ มีบางคนเงยหน้าขึ้นมามองผม ผมเดินอ้อมโต๊ะ ไปยืนอยู่ข้างหลัง ตั้ม แล้วเรียกเบาๆ
“ตั้ม”
ตั้ม เงยหน้าขึ้นจากงานที่ทำอยู่ แล้วหันมามองผม สีหน้าตกใจแล้วเปลี่ยนเป็นยิ้มกว้าง ลุกขึ้นจากเก้าอี้ขึ้นมาเกาะแขนผมแน่นพลางกระโดดแหยงๆ
“พี่ราญ พี่ราญมาแล้ว” ตั้ม พูดเสียงดัง ผมเอามือขยี้หัว ตั้ม เบาๆ
“ไหน ยืนนิ่งๆให้พี่ชายดูหน่อยซิ ว่าโตขึ้นบ้างรึเปล่า” ผมพูดจบ ตั้ม ก็หยุดกระโดดโลดเต้น ทำท่ายืนตรง แต่ยังยิ้มไม่หุบ

ผมมองน้องอันเป็นที่รักของผมอย่างเต็มตา เหมือนจะสูงขึ้นนิดหน่อย แต่งตัวเหมือนหลุดออกมาจากหนังสือแฟชั่นเด็กเหมือนเคย ผมมองไล่ตั้งแต่รองเท้าผ้าใบกับถุงเท้าสีขาวที่พับไว้ตรงข้อเท้า กางเกงสามส่วนสีเขียวขี้ม้า เสื้อยืดคอกลมสีเดียวกับกางเกง มีลายรถไฟขบวนเล็กๆอยู่ที่กลางอกเสื้อ เสื้อแจคเกตผ้าลายสกอตสีแดงเลือดหมูสลับกับสีเขียวขี้ม้า มีสีน้ำเงินกับสีขาวเป็นลายเส้นบางๆแทรกอยู่ตามเนื้อผ้า หน้าตากับรอยยิ้มของ ตั้ม ยังคงเหมือนเดิม กระทั่งแววตาภายใต้กรอบแว่นก็ยังสดใส ทอเป็นประกายเต็มไปด้วยความไร้เดียงสา ไม่เปลี่ยนไปจากเดิมเลย
“ตั้ม ทำอะไรค้างอยู่รึเปล่า” ผมถามไป เพราะรู้สึกว่าเพื่อนๆของ ตั้ม หลายคนหันมามอง
“ทำรายงานกับเพื่อนอยู่อะ พี่ชาย อีก ๓-๔ หน้าก็เสร็จแล้ว” ตั้ม ตอบ
“งั้นไปทำต่อก่อนสิ เดี๋ยวทำเสร็จจะได้ไปหาอะไรกินกัน”
ผมบอกพลางจูงมือ ตั้ม ให้ไปนั่งทำงานต่อ ส่วนผมก็นั่งลงไปข้างๆทางด้านซ้ายของ ตั้ม เพราะคนที่นั่งอยู่เดิมย้ายไปนั่งที่ฝั่งตรงข้าม เพื่อให้ผมนั่งแทน ผมก็พูดขอบคุณไป เพื่อนๆ ตั้ม แนะนำตัวให้ผมได้รู้จัก คนที่ลุกให้ผมนั่งชื่อ วัฒน์ คนที่ผมเห็นโอบคอ ตั้ม อยู่ชื่อ นึก คนที่เหลือ ชื่อ หมู โย่ง โอ และ ดม

“ตั้ม ทานน้ำส้มก่อน พี่ชายซื้อมาฝาก” ผมพูดพลางหยิบขวดน้ำส้มออกจากถุง เปิดฝาขวด เอาหลอดใส่แล้วยื่นให้ ตั้ม ดูด
“อร่อยอะ” ตั้ม พูดหลังจากดูดเข้าไปอึกใหญ่ๆ แล้วก้มหน้าลงไปทำงานต่อ ผมก็เลยเอาขวดน้ำส้มวางไว้บนโต๊ะ แล้วก็มอง ตั้ม ทำงานไปอย่างเพลิดเพลิน ในท่าทางเอาจริงเอาจังขณะทำงานของ ตั้ม ระหว่างนั้นผมก็รู้สึกเหมือนมีสายตาของใครบางคนมองผมอยู่ ผมมองไป ก็เห็น นึก กำลังมองผมอยู่จริงๆ แต่พอผมหันไปมอง นึก ก็ก้มหน้าลงทำงานต่อไป

...สงสัยต้องทิ้งระเบิดเวลาไว้สักลูกแล้ว...ผมคิด เมื่อนึกถึงท่าทางของคนที่ชื่อ นึก กอดคอ ตั้ม ไว้เมื่อสักครู่ แล้วยังสายตาไม่เป็นมิตรที่มองมายังผมเมื่อกี้อีก
“ไหน ให้พี่ชายดูหน่อยว่าทำอะไร” ผมขยับตัวเข้าไปจนชิดตัวเอาแขนขวาโอบรอบเอว ตั้ม ไว้ แล้วเอนตัวเข้าไป จนอกผมชิดกับไหล่ ตั้ม  ...แว่บหนึ่งของความรู้สึก ด้วยความเคยชินเมื่อตอนอยู่กับ ป๊ะป๋า ตั้ม ก็เอนตัวเข้ามาพิงกับอกราญ หน้าผากอยู่ในระดับเดียวกับคาง ราญ พอดี... ผมเห็นตั้มเอนตัวเข้ามาก็เลยเอาคางไปชนติดกับหน้าผากของตั้ม
ตั้มเอานิ้วก้อยของมือซ้ายที่ว่างอยู่มาเขี่ยมือขวาผมที่อยู่ตรงเอวเล่น ผมก็เลยจับนิ้วก้อยนั้นเอาไว้ แล้ว ตั้ม เอาหน้าผากถูคางผม ๒-๓ ที แต่ก็ยังคงทำงานอยู่อย่างมีสมาธิ
ผมคอยสังเกตดูคนอื่นที่อยู่รอบๆ วัฒน์ มองพวกผมแล้วอมยิ้ม หมู โย่ง โอ และ ดม มองพวกผมแบบ งงๆ ในตอนแรก แล้วรีบก้มหน้าทำงาน โย่งกลั้นหัวเราะจนไหล่สั่น ผมเหมือนเห็น โอ เหลือบมองไปทางนึกแล้วแอบหัวเราะอีกคน ส่วนนึก มองพวกเราอย่างตกใจ แล้วก็ก้มหน้าทำงานไปเช่นกัน แต่ผมเห็นจากด้านข้างว่า นึก มีสีหน้าไม่พอใจนัก
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๓๔/๒๕ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: salapaw ที่ 25-04-2008 18:40:20
พี่ตั้มคะ  ตกลงวันนี้ลง พรุ่งนี้ก็ลงช่ายปะคะ  :m12:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๓๓/๒๕ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 25-04-2008 18:48:41
:เตะ1:หมั่นไส้นึกขอสักทีเหอะ



 :L2: :L1: :L2:
อย่าค๊าบ อย่าทำอะไรนึก อย่าๆๆๆๆ
เพราะนึก น่ะ ควรโดนแบบนี้  ==>> :beat: ( พวก วัฒน์ กับ หมู คิดแบบนี้ครับ)
:m1: ตั้มน่ารักจริงครับ  ชอบในความอินโนเซ็นต์ (จะเรียนตั้มหรือพี่ตั้มดี  เพราะดูท่าคงแก่กว่าเรา อ๊ากกกกก!!!(กำลังหนีมีดบิน))

เมื่อไหร่จะรักกันสักทีเนี่ยะ
นายปอก็ปากดี ขี้เหงา เอาแต่ใจเสียจริงๆ
อย่าเพิ่งวางใจ ตั้ม นักครับ เพราะว่า.... :-[ เดี๋ยวพ่อตั้มจะมาบอกให้รู้ครับ
ส่วนปอ ไม่ยอมบอกรักซะที เพราะ  o18 อีกประมาณ ๑๐-๑๑ ตอน ปอ จะบอกครับ  o22
พี่ตั้มคะ  ตกลงวันนี้ลง พรุ่งนี้ก็ลงช่ายปะคะ  :m12:
จะพยายามลงให้ได้ทุกวันครับ  :try2:

ลืมๆๆ เรื่องสำคัญอีกเรื่อง ชัย น่ะครับ
คงจำกันได้ในตอน ๑๐ ที่ ชัย มาหา ตั้ม ที่โรงเรียนในช่วงปิดเทอม
พอเปิดเทอมมา เหมือนชัยเปลี่ยนไปเป็นคนละคน มันมีเหตุผลอย่างหนึ่ง ผมไม่ได้เล่าครับ
เดี๋ยว ชัย จะมาบอกเองประมาณตอนที่ ๔๑ ครับ  :sad3:

หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๓๕/๒๕ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 25-04-2008 20:43:04
๓๕ ป่วยหรือเปล่า

“ตั้ม เป็นไงวะ เจอ ราญ รึเปล่า” ปอ ถามทันทีที่เจอ ตั้ม ในตอนเช้าวันจันทร์
“อื้อ เจอสิ ไปกินข้าวกันด้วย แล้วไปเดินเล่นกันที่สยาม” ตั้ม เงยหน้าจากหนังสือที่อ่านอยู่ขึ้นมาตอบ ปอ
“แล้วพวก กร ล่ะ ไปด้วยกันรึเปล่า” ปอ ถามอีก พลางหยิบสมุดในเป้ขึ้นมา
“พี่ราญ มารับเราที่โรงเรียนน่ะ แล้วไปเจอพวกนั้นที่สยามตอนบ่ายๆ” ตั้ม ยิ้ม
“สนุกมั๊ยวะ เดินเล่นที่สยามน่ะ” ปอ ถามด้วยความสนใจ
“”ก็ดีนะ ดูนั่นดูนี่ เพลินดี พอหิวก็หาขนมแถวนั้นกิน เนี่ย ถ้าให้ไปเดินคนเดียว เราไม่กล้าไปหรอก”
“อ้าว ทำไมวะ” ปอ ขมวดคิ้ว สงสัย
“ที่จริงเราไปบ่อยนะ ตั้งแต่เด็กๆแล้ว พี่พาไปเดินซื้อของบ่อยๆ แต่เวลาพี่เข้าห้องน้ำ หรือทำอะไรแล้วต้องให้เราอยู่คนเดียว ชอบมีพวกผู้ใหญ่เข้ามาชวนเราคุยอะ พี่เราบอกว่า ให้ระวังตัวดีๆ บางทีเป็นพวกลักตัวเด็กไปขาย” ตั้ม พูดด้วยสีหน้ากลัวๆ
“แล้วพวกนั้นคุยอะไรกับเอ็งวะ” ปอหน้าตาตื่นบ้าง
“ก็ชวนไปถ่ายรูปมั่ง ไปเทสต์หน้ากล้องอะไรมั่ง ให้นามบัตรพี่เราไว้ด้วย แต่พี่เราทิ้งหมดเลย บอกว่า พวกนี้ไม่ค่อยน่าไว้ใจ”
“ระวังตัวไว้ก็ดีหว่ะ อย่างเอ็งน่ะ เค้าลงเอาไปลงหนังสือพวกเพื่อนสัตว์เลี้ยง ไม่ก็เอาไปไถนาแหละวะ ฮ่าๆๆ” ปอ ขำใหญ่
“รู้ตัวน่า ไม่ต้องมาย้ำบ่อยก็ได้ เรามันน่าเกลียดซะขนาดนี้ ใครเค้าจะเอาเราไปถ่ายรูปลงหนังสือเค้าให้มันขายไม่ออกกัน” ตั้มหน้าจ๋อยลงไป แล้วก็ก้มหน้าลงไปอ่านหนังสือต่อ

...ใช่ อย่างเอ็งน่ะถ่ายรูปเท่ห์ๆไม่ได้หรอก ต้องพวกแฟชั่นเด็ก หรือวัยรุ่นน่ารักๆ รับรอง คนกรี๊ดเอ็งแน่ เอ็งน่ะ ม.๔ แล้วนะเว๊ย จะเดิน จะกิน จะยิ้ม จะทำอะไรก็ดูไร้เดียงสาเหมือนเป็นเด็กประถมไปหมด แต่เพราะแบบนี้กูถึงรักมึงนัก เฮ้อ คิดแล้วกูก็กลุ้มหว่ะ อีกใจกูก็อยากให้เอ็งรู้เดียงสาซะที รับรู้ความรู้สึกของกู แต่พอถึงตอนนั้น ท่าทางน่ารักๆแบบนี้ของเอ็งจะยังเหลืออยู่รึเปล่าวะ... ปอ คิดแล้วก็ถอนหายใจยาว
...................................................................................
...............................................

“ไอ้นึก ทำไรของเอ็งวะ” โอ โวยวาย เมื่อเห็นนึกโอบรอบคอ ตั้มไว้ แล้วเอาคางมาถูหน้าผาก ตั้ม
“ไมวะ แค่นี่ไม่สึกหรอหรอก จริงป่ะ ตั้ม” นึก ก้มหน้าลงไปถาม ตั้ม ที่ก้มหน้างุดลงไปจนคางเกือบชิดหน้าอก ใบหน้าของ ตั้ม แดงกล่ำไปถึงหู แล้วจู่ๆ ตั้ม ก็เอามือปัดแขนของนึกออก แล้วเดินไปนั่งที่โต๊ะของตัวเอง

“ตั้ม มึงเป็นอะไรวะ” ปอ ชะโงกหน้าเข้ามาถาม “แล้วทำไมหน้ามึงแดงแบบนี้”
“ปะ..เปล่า” ตั้ม ตอบ ขณะที่นั่งก้มหน้าอยู่อย่างนั้น
“ตั้ม โกรธเราเหรอ” นึก เดินตามมาที่โต๊ะ แล้วโน้มตัวลงถาม
“เปล่าอะ ไม่มีไรหรอก” ตั้ม ยังคงก้มหน้าตอบ
“มึงทำไรมันวะ ไอ้นึก” ปอ ถามเสียงดุๆ
“เปล่านี่ แค่อยากทำแบบคนที่ชื่อ ราญ ทำมั่งเท่านั้นเอง” นึก หันไปตอบ
“ทำไรวะ” ปอ สงสัย
“ทำแบบนี้ไง” นึกว่าพลางก็ลงไปนั่งเบียดกับ ตั้ม เอาแขนขวาโอบรอบคอแล้วเอาคางถูที่หน้าผากของ ตั้ม พลางหัวเราะเบาๆ
....เฮ๊ย มันทำอะไรขนาดนี้วะ แล้วนั่นอะไร ไอ้ตั้ม ทำไมมันหน้าแดงขนาดนั้น... ปอ ตกใจ... เฮ๊ย มันตัวสั่นด้วย...
“อ้าว ตั้ม เป็นไร ไม่สบายรึเปล่า” นึกก้มหน้าลงถาม ตั้ม เพราะรู้สึกว่าร่างของ ตั้ม สั่นน้อยๆ
“มึงเอามือออก แล้วไปไกลๆเลย” ปอ พูดพลางปัดแขนนึกออกจากตัว ตั้ม ด้วยท่าทางเอาเรื่อง
“ตั้ม ไม่สบายรึเปล่าน่ะ” นึก ยังไม่ยอมไป เอามือมาจับแก้ม ตั้ม ลูบเบาๆ
“มึงไม่ต้องยุ่ง ไป ตั้ม ไปกับกู” ปอ พูดจบ ก็คว้าข้อมือ ตั้ม พาเดินออกไปนอกห้องทันที

... กูไม่ยอมเว๊ย กูไม่ยอมเด็ดขาด เป็นแบบนี้กูไม่ยอม... ปอ คิด ในขณะที่จูงมือ ตั้ม เดินอย่างรวดเร็ว
“ปอ เดี๋ยวก่อน เรามึนหัว” เสียง ตั้ม ร้องบอก ปอจึงได้หยุดเดินเพราะนึกขึ้นได้ถึงสภาพสายตาของ ตั้ม ซึ่งตอนนี้แย่ลงกว่าที่เคยเป็น
“โทษที กูลืมไปว่าเอ็งจะเมา” สีหน้า ปอ แสดงความเสียใจ
“ปอ จะพาเราไปห้องพยาบาลเหรอ ขอบใจนะ เราไม่เป็นไรแล้วอะ” คำพูดของ ตั้ม ทำเอา ปอ นิ่งไปชั่วครู่
... มึงอย่าคิดในแง่ดีแบบนี้กับกูสิวะ กูจะพามึงไปทำอย่าอื่นตะหาก...แต่สิ่งที่ ปอ พูดออกไปกลับเป็นอย่างอื่น
“เออ ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว ว่าแต่เมื่อกี้มึงเป็นอะไรวะ”
“ไม่รู้อะ เมื่อกี้เรารู้สึกใจมันเต้นแรง แล้วตัวร้อนๆเหมือนเป็นไข้ ตอนนี้หายแล้ว” ตั้ม ตอบ “เราป่วยรึเปล่าอะ ปอ”  ตั้ม ทำหน้าสงสัย
 “ไม่เป็นไรมัง ตั้ม ไปล้างหน้าล้างตาซะหน่อยดีกว่า ป่ะ เราพาไป” ปอ พูดแล้วก็จูงมือตั้ม พาไปยังห้องน้ำที่ใกล้ที่สุด

... เออ มึงป่วยอะ ไอ้ตั้ม มึงป่วยเป็นโรคใจ กูจะทำยังไงดีวะ วันไหนที่มึงรู้สึกตัว กูจะทำยังไง กูจะยอมแพ้เหรอวะ กูเฝ้ามึงมาตั้งนาน กูจะทำยังไงดี...


หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๓๕/๒๕ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: AidinEiEi ที่ 26-04-2008 00:06:19
 :oอ๊ะๆๆๆๆๆๆๆแย่แล้ว ตั้ม จะชอบนาย นึกรึเปล่านี่
น่าสงสารปอจัง แต่กว่าปอจะบอกความในใจนี่อีกนานจริงเหรอ :sad2:


 :m4: :m4:ดีจังวันนี้ได้อ่านหลายตอน หุหุ
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๓๕/๒๕ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: sunflower ที่ 26-04-2008 08:54:01
ขอ :เตะ1: นึกสักทีเถอะ
ทำแบบนี้ได้ไง :angry2: :angry2:

ตั้มอย่าไปชอบนึกน้า :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๓๕/๒๕ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: nana ที่ 26-04-2008 10:00:01
 :sad2: :sad2:สงสารปอจริงๆ



 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๓๕/๒๕ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: kongkilmania ที่ 26-04-2008 11:31:49
มาขอเป็นแฟนคลับตั้มด้วยคนนะจ๊ะ    :m13:
ตั้มน่าร๊ากกกกก     :m1:   ชอบจังนายเอกน่ารักใสซื่อแบบนี้เนี่ย
อ่านตอนแรกๆเกลียดพวกศักดิ์มากเลย   :angry2:  ไม่ชอบไอ้พวกขี้แกล้งแบบนี้อ่ะ
หลังๆมาค่อยยังชั่วหน่อย  รู้สึกว่าจิตใจยังไม่ชั่วร้ายมาก แค่คะนองตามประสาเด็ก  พอให้อภัยได้
แต่...
 :o
 :a6:


มาเจอนึกเข้าไป ท่าทางไม่ค่อยดีเลย   :m29:
หวังว่าจะไม่มาทำน้องตั้มคนดีของเราเสียใจนะ     o12
ไม่งั้น อ้ายนึก มรึงโดน   :เตะ1:     :เตะ1: 
 :m31:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๓๖/๒๖ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 26-04-2008 18:46:55
๓๖ เล่นละคร

“ศิลปี เดี๋ยวทานข้าวกลางวันให้เรียบร้อยแล้วไปพบครูที่ห้องพักครูหน่อยนะ” ครูจันทร์ ครูสอนวิชาร้อยกรองพูดขึ้นก่อนออกจากห้อง ในวันหนึ่งก่อนจะหมดเทอมแรกของภาคเรียนอีกไม่กี่วัน
.........................................................

“ครูเรียกไปทำไมวะ ตั้ม” ปอ ถามขึ้น หลัวจากที่ผมไปพบครูจันทร์ แล้วกลับมานั่งที่โต๊ะ พร้อมกับเอกสารปึกหนึ่ง และเทปอีก ๑ ตลับ
“ครูจะให้เล่นละครในงานสัปดาห์วิชาการ เทอมหน้าอะ” ผมตอบหน้ามุ่ยๆ
“เหรอวะ เรื่องไร แล้วเล่นเป็นตัวอะไรวะ” ปอ ถามอย่างนึกสนุก
“วิวาห์พระสมุทร เป็นละครร้อง แล้วก็ให้บทมาอ่าน กับเทปมาฟังเพลง” ผมตอบอย่างเสียไม่ได้
“แล้วเอ็งเล่นเป็นตัวอะไร” ปอ ยังไม่เลิกถาม
“ยังไม่รู้เลยว่าจะเล่นรึเปล่า ถ้าเล่นต้องไปลองเสียงร้องกับวงดนตรีอีก แล้วต้องซ้อมตอนเย็น ซ้อมวันอาทิตย์ แล้วก็ช่วงปิดเทอมก็ต้องมาซ้อมด้วย” หน้าผมยังไม่หายมุ่ย
“แล้วตกลงเล่นเป็นตัวอะไรวะ” ปอ ยังไม่ยอมเลิกถาม
“เดี๋ยวถ้าเล่นแล้วจะบอก ต้องขออนุญาตทางบ้านก่อน” ผมยังไม่ยอมบอกว่าเล่นบทอะไร ...บอกได้ไง ได้ล้อกันแย่สิ..ผมคิด
“ตั้ม โรบินสัน ครูโซ” นัส เดินเข้ามาหาผม พูดสั้น ๆ ผมก็เข้าใจว่า นัส คงจะยืมหนังสือนอกเวลา เลยหยิบส่งให้
“วันจันทร์นะ” นัส พูดสั้นๆ
“อื้อ อ่านให้ได้หลายๆรอบละ” ผมบอกไป เข้าใจว่า นัส คงบอกว่าจะคืนให้วันจันทร์
“เดี๋ยว มึงอย่าเพิ่งเอาไป เอามาให้กูลอกคำศัพท์ก่อน” ปอ เอื้อมมือมาคว้าหนังสือจากมือ นัส พลางหันไปหยิบหนังสือของตัวเองมาลอกคำศัพท์จากหนังสือของผม
“ตั้ม ตัวนี้อะไรวะ เขียนซะตัวเล็ก อ่านยากฉิบ”ปอ บ่น
ผมก็เลยหันไปอ่านให้ ปอ ฟัง แล้วปอ ก็ลอกไปเรื่อยๆ จนได้เวลาเข้าเรียนคาบวิชาในตอนบ่าย
.........................................................
..............................

“แล้วลูกอยากเล่นมั๊ยล่ะ” พ่อถามผมยิ้มๆ
“เฉยๆค๊าบ พ่อ แต่ เกรงใจครูมากกว่าอะค๊าบ” ผมบอกพ่อไป
“ถ้าไม่เสียการเรียน ลองดูก็ได้นี่ลูก กิจกรรมน่ะทำไว้บ้างไม่เสียหาย” พ่อผมยังยิ้มอย่างใจเย็นเหมือนเดิม
“ค๊าบบบบ งั้น ตั้ม ไปบอกแม่ก่อนนะค๊าบบ” พูดจบผมก็ลุกขึ้นวิ่งปร๋อไปหาแม่ที่เรือนเล็ก

ก๊อกๆๆ ผมเคาะประตูเป็นการขออนุญาต เมื่อผมเข้าไปในบ้านแล้วก็คลานเข่าเข้าไปหาแม่ที่นั่งดูโทรทัศน์อยู่
“แม่ค๊าบ โรงเรียนจะให้ตั้มเล่นละครในงานสัปดาห์วิชาการเทอมหน้าน่ะค๊าบ” ผมบอกแม่ หลังจากที่นั่งอยู่สักพัก แต่แม่ก็ไม่หันมาหาผมสักที
“แล้วทำไม” แม่หันมาถามเสียงเย็นชา
“ตั้ม เอ้อ....ตั้มเลยมาขออนุญาตแม่น่ะค๊าบ” ผมตอบอย่างกลัวๆ
“ฮึ ขออนุญาตหรือมาบอกให้รู้ อยากทำอะไรก็ตามใจแกสิ ถึงชั้นจะบอกว่าไม่อนุญาต แกก็ทำตามใจแกอยู่ดี หมดเรื่องแล้วใช่มั๊ย ชั้นจะดูโทรทัศน์” พูดจบ แม่ก็หันหน้าไปดูโทรทัศน์ต่อ ไม่สนใจผมอีกเลย
ผมก็คลานเข่าออกมาที่ประตูแล้วออกจากเรือนเล็ก กลับไปยังเรือนใหญ่
“แม่เค้าว่าไงลูก” พ่อถามพลางขมวดคิ้ว  คงเพราะเห็นผมเดินก้มหน้าเข้ามาเงียบๆนั่นเอง
“แม่ไม่ว่าอะไรค๊าบบบ” ผมรีบเงยหน้าขึ้นยิ้มเผื่อนๆบอกพ่อไป “ตั้ม ขึ้นไปอ่านหนังสือก่อนนะค๊าบบพ่อ ใกล้สอบแล้ว”

พูดจบผมก็เดินไปยังห้องส่วนตัวของผมบนชั้น ๒ ของบ้าน พอเข้าห้องแล้ว ผมก็ตรงไปที่เครื่องเล่นวิทยุ-เทปที่หัวเตียง เลือกเอาเทปเพลงมาม้วนหนึ่งใส่เครื่อง แล้วเปิดเบาๆ จากนั้นก็ลงไปนั่งกอดเข่าอยู่บนเตียง

...แม่ยังไม่หายโกรธ ตั้ม อีกเหรอ ตั้งแต่ ป๊ะป๋า เสียไปแม่ไม่ใจดีกับ ตั้ม เหมือนเมื่อก่อนเลย ..ผมคิดพลางน้ำตาเริ่มไหล

...ก็ตั้มไม่ได้อยากเรียนสายวิทย์นี่ พวกฟิสิกข์ เคมี ชีวะ จะเรียนไปทำไม เรียนไปก็ไม่ได้ใช้  ตั้ม ไม่ได้อยากสอบเข้าคณะแพทย์หรือวิศวะซะหน่อย สถาปัตย์น่ะ ตัดไปได้เลย ตั้มวาดรูปไม่ได้ แค่เส้นตรงธรรมดาก็ลากไม่ได้แล้ว บัญชี หรือ บริหาร ตั้มก็ไม่อยากเรียนเหมือนกัน ตั้ม อยากเรียนพวก อักษร นิเทศ  ครู หรือพวกดนตรีไปเลยด้วยซ้ำไป พูดเท่าไรแม่ก็ไม่ยอมเข้าใจ แล้วยังโกรธเอาซะอีก...
ตั้มยังจำได้  แม่จบการสนทนาในวันนั้นด้วยคำพูดว่า
“แกมันโตแล้วนี่ ปีกกล้าขาแข็ง เดี๋ยวนี้ทำอะไรด้วยตัวเองได้แล้ว ตามใจ อยากทำอะไรก็ตามใจแกแล้วกัน”

ผมปิดเทปเพลง เดินไปหยิบกล่องเพลงที่ทำเป็นรูปโทรทัศน์แบบโบราณที่วางอยู่บนโต๊ะหนังสือมาถือไว ้ไขลานด้านหลังจนเกือบสุด แล้วหมุนทางด้านที่เป็นหน้าจอกลับมา พอดึงลิ้นชักเล็กๆทางด้านหน้าออกมาเล็กน้อย กล่องเพลงที่เป็นสมบัติล้ำค่าที่สุดของผม ของดูต่างหน้าเพียงชิ้นเดียวที่ได้มาจาก ป๊ะป๊า ก็บรรเลงเป็นเพลงที่ไพเราะ รูปคนนั่งเล่นกีตาร์ที่อยู่บนหน้าจอก็ขยับไปมา ราวกับกำลังบรรเลงพลงให้ผมฟัง น้ำตาผมยิ่งไหลพราก
 
...นี่ถ้า ป๊ะป๋า ยังอยู่คงช่วยพูดให้แม่เข้าใจ ตั้ม

ป๊ะป๋า ค๊าบบ ตั้ม คิดถึง ป๊ะป๋า เหลือเกิน...


หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๓๖/๒๖ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: salapaw ที่ 26-04-2008 19:07:42
งงอ่ะ ปะป๋า กับพ่อคนละคนหรือคะ o2
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๓๖/๒๖ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: สาวตัวกลม ที่ 26-04-2008 19:40:24
เข้ามาให้กำลังใจคนเขียน o13

น้องตั้มมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมน่ารัก :o8:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๓๖/๒๖ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: nana ที่ 26-04-2008 19:49:40
  :กอด1:โอ้ๆตั้มไม่ร้องน๊า :กอด1:



 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๓๖/๒๖ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: AidinEiEi ที่ 26-04-2008 20:32:04
 :L2: :L2: :L2: :L2:เป็นกำลังใจให้เหมือนเดิมค่ะ
นู๋ตั้ม..อย่าเศร้าน้า
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๓๖/๒๖ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: อาจารย์..สีฟ้า ที่ 26-04-2008 20:43:26
เข้ามาติดตามและเป็นกำลังใจให้คนเขียนครับ   :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๓๗/๒๖ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 26-04-2008 20:48:03
๓๗ มนุษย์กินคน

เช้าวันต่อมา ผมมาถึงโรงเรียนแต่เช้าตามปรกติ นั่งทำงานไปได้สักพัก นึก ก็เดินเข้าห้องมา หลังจากที่วางเป้ไว้ที่โต๊ะของตัวเองแล้ว นึก ก็เดินมาที่ผม ลากเก้าอี้เข้ามานั่งจนชิด พลางเอาแขนซ้ายโอบรอบคอผมไว้เหมือนที่เคยทำบ่อยๆ แต่วันนี้ นึกเอาหน้าอกมาแนบจนติดไหล่ผม แล้วยื่นหน้ามาใกล้ๆ
“ตั้ม ตกลงเล่นละครของ ครูจันทร์ รึเปล่า” นึก ถามเบาๆเหมือนกระซิบ
“อื้อ ที่บ้านอนุญาตแล้ว” ผมตอบทั้งๆที่ยังก้มหน้าดูหนังสืออยู่
“แล้วเล่นเป็นตัวอะไร” นึก ถามอีก พลางเอานิ้วมาเขี่ยๆที่แก้มซ้ายผม
“ยะ..ยัง...ยังไม่รู้เลย เดี๋ยวครูบอกอีกที” ผมตะกุกตะกักตอบไป รู้สึกว่าหน้าร้อนๆ ใจเต้นแรง
“ตั้ม” นึกเรียกเบาๆ
“.........” นั่งอยู่ข้างๆแบบนี้แล้วจะเรียกทำไม
“ตั้ม” นึกเรียกอีก
“ไร” ผมตอบทั้งๆที่ยังไม่เงยหน้าจากหนังสือ
“ตั้ม หันมาหน่อย” นึกพูดเบาๆเหมือนกระซิบ ผมก็เลยหันหน้าไป

ฟอด... 0๐0...ผมตกใจอ้าปากหวอ ส่วน นึก ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ สักครู่นึกก็ขยับหน้าเข้ามาใกล้หน้าผม
......................
............
....
“ไอ้นึก นั่นมึงจะแดกไอ้ตั้ม มันเหรอไงวะ” เสียงคนดังมาจากหน้าห้อง นึก สะดุ้งตกใจหันหน้าไปมอง ผมเองก็มองไปที่ประตูด้วย
“ไอ้โอ ไมมาแต่เช้าวะวันนี้” นึก พูดพลางเอาที่โอบรอบคอผมออก
“กูทำเลขไม่เสร็จหว่ะ เลยว่าจะมายืม ไอ้ตั้ม มันลอกหน่อย” โอ เอาเป้วางแล้วนั่งลงที่โต๊ะ พลางหยิบสมุดและเครื่องเขียนออกมาจากเป้ ผมก็หยิบสมุดเลขออกมา เดินเอาไปให้ โอ ที่โต๊ะ
“เอ้า เอาไป เราไปกินข้าวก่อนนะ” พูดจบ ผมก็วิ่งตื๋อออกจากห้องไป
.....................................................

...ไอ้ตั้ม มันหายไปไหนวะ จะยืมเลขมันลอกซะหน่อย ... ผมมองหา
“โอ ไอ้ตั้ม หายไปไหนวะ” ผมตะโกนถาม
“มันไปกินข้าวตั้งนานแล้ว ยังไม่ขึ้นมาเลย สงสัยไปหา ไอ้ตุ่ม กับ ไอ้เต่า มัง” โอ หันมาตอบ “เอ็งจะยืมวิชาไรมันลอกอีกล่ะ”
“กูว่าจะยืมเลขหน่อยหว่ะ  ยังทำไม่เสร็จเลย”
“อยู่ที่กูนี่ เอ็งมานั่งลอกด้วยกัน” โอบอก
ผมก็เลยยกเก้าอี้ไปนั่งที่โต๊ะ โอ ลอกไปเรื่อยๆ ส่วน โอ มันก็ลอกไป หันไปคุยกับพวก วัฒน์ ที่จับกลุ่มคุยกันอยู่ใกล้ๆไปด้วย ทีแรกผมไม่ได้สนใจหรอกว่ามันคุยอะไรกัน จนกระทั่งได้ยินชื่อ ตั้ม มันแว่วๆ

“ไอ้นึก แม่งเกือบแดก ไอ้ตั้ม ไปแล้ว ถ้าเรามาช้าอีกนิดนะ ไอ้ตั้ม เสร็จแน่หว่ะ ฮ่าๆๆ” โอ พูดแล้วก็หัวเราะ
“อะไร นึก มันจะทำอะไร ศิลปี” วัฒน์ ถาม
“เปล่านะเว๊ย กูไม่ได้ทำอะไร” นึก โวยวาย
“อย่าเลย ไอ้นึก กูรู้ทันเอ็งนะ ประชิดตัวมันซะขนาดนั้น ต่อให้อมพระประธานมาพูด กูก็ไม่เชื่อหรอกว่ามึงไม่ได้คิดอะไร” โอ พูดยิ้มๆ
“เออ กูทำก็ได้วะ เมื่อเช้ากูว่าจะลองชิมมันดูซะหน่อย ว่ารสชาดเป็นยังไง แต่กูไม่ได้คิดอะไรนะเว๊ย แค่อยากลองชิมดูเฉยๆ”นึก พูดกลั้วหัวเราะ
“อะไรอะ นึก ตกลงนายจะกิน ตั้ม จริงๆน่ะเหรอ” โย่ง ถามหน้าตาตื่น
“นั่นดิ ไม่ได้คิดอะไรก็อย่าไปแกล้งเค้าแบบนี้ เราว่าไม่ค่อยดีนะ เกิดเค้าคิดจริงจังขึ้นมาเดี๋ยวจะแย่” วัฒน์ พูด พลางกระซิบอธิบายคำว่า กิน ให้หมูฟัง หมูฟังแล้วก็หน้าแดงมองหน้า วัฒน์ งงๆ
“อะไรวะ เราแค่สนุกๆ ไม่เห็นเป็นไรเลย แล้วเราไม่ได้ทำแบบนี้คนเดียวนี่หว่า พวกนายก็เห็น วันนั้นน่ะ คนชื่อ ราญ อะไรนั่น ทำยิ่งกว่าเราอีก ถ้ามันคิดอะไรนะ มันคิดกับคนชื่อ ราญ นั่นไปตั้งนานแล้ว” นึก พูดอ้างไปถึงเหตุการณ์วันที่ทำรายงานกันที่โรงเรียนในวันหยุด
.....................................................

“ไอ้ลูกหมา เมื่อเช้า ไอ้นึก ทำไรมึง” ผมชะโงกหน้ามาถาม ตั้ม เบาๆในชั่วโมงโฮมรูม
“เปล่านี่” ตั้ม หันมาตอบสีหน้า งงๆ
“มึงอย่าโกหก กูได้ยินพวกมันคุยกันก่อนลงไปเข้าแถว” ผมเริ่มทำหน้าดุใส่มัน
“ก็มาชวนคุยเหมือนปรกตินี่ ไม่เห็นมีไร” ตั้ม ตอบหน้ากลัวๆ ...กลัวกูรู้เหรอวะว่าพวกมึงทำอะไรกัน
“ปรกติยังไง” ผมยังซักต่อ
“ก็ มาโอบคอชวนคุย แล้วก็ เอ้อ...” มันทำหน้าเหมือนนึกอะไรออก “หอมแก้มเราทีนึงอะ”
“มึงก็ยอมให้มันทำเหรอวะ” ผมโกรธสิครับ
“ก็ไม่รู้ตัวนี่” มันหน้าจ๋อย “แล้วไมปอโกรธอะ ทีเมื่อก่อน พวกศักดิ์มันแกล้งหอมแก้มเรา ไม่เห็น ปอ เป็นงี้เลย”
“.........................” คำตอบของมันทำเอาผมอึ้งไปเหมือนกัน
“ปอ เองก็เหอะ ชอบแอบหอมแก้มเราเหมือนกันนี่นา” ตั้ม มันพูดงอนๆ
“เออๆ ไม่ว่าก็ได้วะ” ผมบอกไป แล้วทำไม่รู้ไม่ชี้ หันไปทางอื่น...พุดถึงเรื่องนี้ทำไมวะ กูเขินเว๊ย...

“ปอ” มันเรียกผม หน้าตาหวาดๆ “ปอ ว่า นึก มันเป็นพวกมนุษย์กินคนรึเปล่าอะ” มันถามเสียงเบาเหมือนกระซิบ
“อะไรของเอ็งวะ” ผม เริ่ม งง กับคำถามของมัน
“ก็เมื่อเช้าอะ นึก มันท่าประหลาดๆ โอ บอกว่า นึก จะกินเราอะ” สีหน้ามันเหมือนจะร้องไห้
“ฮ่าๆๆ” ผมอดหัวเราะไม่ได้ เมื่อเห็นท่าทางของมัน ...เฮ้ย หรือว่าที่มันคุยกันอยู่เมื่อเช้าจะจริงวะ
“กลัวเหรอ” ผมถามพลางเอามือซ้ายไปจับมือขวามันที่ใต้โต๊ะบีบเบาๆ
“อื้อ” หน้าตามันยังไม่หายกลัว ทำเอาผมอดยิ้มไม่ได้
“ถ้ากลัว ก็อย่าอยู่กับมันตามลำพัง แล้วเวลาอยู่กับมันก็คอยระวังไว้ เดี๋ยวเกิดมันหิวจัด ทนไม่ไหว มันจะกัดเนื้อมึงกินแหว่งเป็นแถบๆ ไม่รู้ด้วยนะเว๊ย” ผมขู่
“หง่ะ น่ากลัวอะ ปอ มันจะเป็นอย่างนั้นจริงๆเหรอ” สีหน้ามันยิ่งตกใจ เหลือบมองไปทางนึกแล้วขมวดคิ้วใหญ่

...เวรจริงๆ ไอ้ตั้ม กูหลอกแค่นึ้ก็เชื่อด้วยเว๊ย แต่ดีเหมือนกัน เผื่อมันจะได้ห่างๆ ไอ้นึก ไว้หน่อย ไอ้ตัวอันตรายแบบนั้น ถ้ามันคิดจริงจัง กูก็จะแข่งกับมันแฟร์ๆ นี่มันทำกับ ไอ้ตั้ม เพราะความสนุก กูไม่ยอมเว๊ย.....
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๓๗/๒๖ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: AidinEiEi ที่ 27-04-2008 01:28:13
 :m16:เจ้านึกนะมันน่า :เตะ1: :เตะ1: :เตะ1:
น้องตั้มนี่ก็ช่างนะไม่รู้อะไรเอาซะเลยเข้าทางปอล่ะสิทีเนี้ย :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๓๖/๒๖ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 27-04-2008 12:42:03
งงอ่ะ ปะป๋า กับพ่อคนละคนหรือคะ o2
คนละคนครับ เดี๋ยวอีกไม่กี่ตอนคงจะได้รู้กันแล้วหล่ะครับ ว่า ป๊ะป๋า คือใคร o8
มิหนำซ้ำยังมีส่วนสัมพันธ์กับตัวละครตัวหนึ่งอีกด้วย

เข้ามาให้กำลังใจคนเขียน o13

น้องตั้มมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมน่ารัก :o8:
อีกประมาณ ๒ ตอนก็จะรู้กันซะทีครับ ว่า ตั้ม น่ารักจริงๆน่ะหรือ  o3


หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๓๗/๒๖ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: AidinEiEi ที่ 27-04-2008 15:11:51
อ่ะ...ลุ้นค่ะลุ้น :m4:
มาตอ่ไวๆน้า รออยู่  :m1:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๓๗/๒๖ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: สาวตัวกลม ที่ 27-04-2008 17:47:03
รออ่านตอนต่อไปจ้ะ :o8:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๓๘/๒๗ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 27-04-2008 22:23:06
๓๘ เที่ยวบ้านชานเมือง

“ตั้ม พรุ่งนี้สอบวันสุดท้ายพวกไอ้นึก จะไปเที่ยวบ้านเอ็งกันเหรอวะ” ปอ ถามผมขณะที่ผมนั่งอ่านการ์ตูนอยู่
“อื้อ” ผมตอบสั้นๆ เพราะกำลังสนุกอยู่กับหนังสือการ์ตูนในมือ
“กูไปด้วยนะ” ปอ พูดพลางเอามือมาปิดหนังสือที่ผมอ่านอยู่ แล้วแย่งไปถือไว้
“ก็ไปสิ แล้วทำไมต้องมาปิดการ์ตูนเราด้วยอะ” ผมพูดงอนๆ
“จะสอบอยู่เดี๋ยวนี้แล้ว มึงยังเอาแต่อ่านการ์ตูน ทำไมไม่อ่านหนังสือเรียนวะ” ปอ พูดฉุนๆ “มึงทำอย่างนี้พวกกูฝ่อหมดดิ สบายฉิบ หนังสือก็ไม่อ่าน ดันสอบได้คะแนนดีอีกนะมึง”
“ก็เราอ่านหมดแล้วอะ ตอนนี้ไม่อยากอ่าน อ่านไปก็ไม่เห็นจะได้อะไรเลย อ่านแค่ ๑๐ นาทีก่อนสอบเนี่ย” ผมพุดพลางเอามือไปแย่งหนังสือการ์ตูนคืน
“งั้นมึงช่วยกูหน่อย เล่าโรบินสันตอนท้ายๆให้กูฟังหน่อย กูอ่านไม่ทัน”
“อ้าว ปอ ทำไมเพิ่งบอกอะ จะทันรึเปล่า เอาหนังสือมาเร็วๆ” ผมตกใจ รีบหยิบหนังสือออกมาเปิดอ่าน แล้วอธิบายในจุดที่ ปอ ถาม ไม่ได้สนใจว่า เริ่มมีคนเข้ามาล้อมฟังเพิ่มขึ้น ผมก็แปลให้ ปอ ฟังไปเรื่อยๆ จนได้ยินเสียงออดสัญญาณบอกเวลาให้เข้าห้องสอบดังขึ้น ถึงได้พากันเก็บของเข้าไปนั่งประจำที่ในห้องสอบ
.........................................................................

“โอย บ้านเอ็งนี่จังหวัดอะไรวะ”  เชียร บ่น หลังจากนั่งรถมานาน แล้วยังต้องเดินอีกเกือบ๒๐๐ เมตร กว่าจะถึงบ้านผม
“คิ๊ก คิ๊ก เดี๋ยวนะ อย่าเพิ่งเข้าไป เราเข้าไปผูกหมาก่อนนะ” ตั้ม พูดจบ ก็เปิดประตูรั้วเข้าไปแล้วปิดไว้เหมือนเดิม
“บ้านแม่งบ้านนอกจริงๆหว่ะ ไม่น่าเชื่อจะอยู่ในกรุงเทพฯอยู่นะเนี่ย” โอ พูดพลางมองไปรอบๆ ทุ่งนากว้างๆ มีต้นไม้ใหญ่ขึ้นเป็นระยะ
“ร่มรื่นดีนะ เราว่า อากาศดีด้วย” วัฒน์ พูดขึ้น
“เข้ามาได้แล้ว” ตั้ม เปิดประตูรั้วออกมาชะโงกหน้าเรียก เพื่อนๆก็เลยทยอยกันเดินเข้าไป มีเสียงหมาเห่ามาจากทางหลังบ้าน
“โห อยู่กันกี่คนเนี่ย บ้าน ๓ หลังเชียว” นึกพูดขึ้น เมื่อเข้ามาเห็นสภาพภายในรั้วเต็มตา

ประตูรั้วบ้านอยู่ค่อนมาทางด้านซ้าย เมื่อเข้ามาก็มองเห็นเรือนเล็กๆอยู่ถัดไปจากสนามหญ้า ทางขวามือ เป็นอาคารชั้นเดียว เชื่อมต่อกับเรือนใหญ่ด้านใน ที่เป็นอาคาร ๒ ชั้น แล้ว ถัดไปเหมือนมีเรือนไม้เล็กๆอยู่อีกหลังหนึ่ง มีศาลาเล็กๆใต้ต้นมะม่วงต้นใหญ่อยู่ริมสนามหญ้าใกล้ๆอาคารชั้นเดียว มองเข้าด้านหลังศาลา เห็นเป็นแนวต้นไม้พุ่มสลับต้นชมพู่เตี้ยๆเป็นระยะๆ
“แม่เราอยู่เรือนเล็กอะ แล้วเรือนใหญ่ เราอยู่กับพ่อ แล้วก็พี่ๆไง เรือนไม้นั่น เรือนครัว” ตั้มพูดพลางเดินนำเพื่อนๆ เข้าไปยังห้องรับแขกภายในเรือนใหญ่
“นั่งกันก่อน เดี๋ยวเราหาน้ำ หาขนมให้กิน ใครว่าง ช่วยเปิดหน้าต่างให้หมดเลยนะ ลมจะได้เข้า” ตั้ม บอกเพื่อนๆ
“เราไปช่วยนะ ป่ะ หมู ไปช่วย ศิลปี กัน” วัฒน์ พูด

 แล้วทั้ง ๓ คนก็เดินออกไปจากห้องรับแขกไปทางเรือนครัว สักพักก็กลับมาพร้อม น้ำเปล่าและน้ำอัดลมยี่ห้อต่างๆหลายขวด กระติกน้ำแข็ง ถาดใส่แก้วน้ำ แล้วก็จานขนมหวานแบบไทยๆใบใหญ่ มีขนมจำพวก ขนมชั้น  ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทองอยุ่บนจาน และโหลแก้วใบใหญ่ ใส่ขนมจำพวกคุ๊กกี้ต่างๆอีก ๒ โหล ด้วยความเหนื่อยเพราะนั่งรถมานาน ต่างคนจึงจัดการกินน้ำ กินขนมกันซะเต็มคราบ

“ตั้ม เราอยากเห็นห้องนอน ตั้ม อะ” นึก พูดขึ้นแล้วจับมือ ตั้ม ให้ลุกขึ้นจากที่นั่งอยู่
“ไปดูดิ ชั้นบนแน่ะ เดี๋ยวเราพาไปดู” ตั้ม ตอบ
“กูไปด้วย” ปอ พูดขึ้น ....เรื่องอะไรกูจะให้อยู่กันสองต่อสองวะ กูไม่ยอมหรอก แล้วดูดิ มันกลัว ไอ้นึกได้ไม่กี่วันกลับมาคุยกันเหมือนเดิมอีกแล้ว

“เฮ๊ย มึงอยู่ห้องนี้คนเดียวเลยเหรอวะ” ปอ ถามพลางมองดูห้องนอนขนาด ๔ เมตรคูณ ๔ เมตร มีเตียงนอนขนาดควีนไซด์วางชิดผนังด้านหนึ่ง ปลายเตียงมีตู้เสื้อผ้าใบย่อม ทางหัวเตียงมีโต๊ะเขียนหนังสือตัวใหญ่ กับชั้นหนังสือ บนชั้นเต็มไปด้วยหนังสือนิทาน และหนังสือภาพมากมาย ทั้งภาษาไทยภาษาอังกฤษ รวมทั้งหนังสือการ์ตูนสารพัดเรื่อง บนหัวเตียงมีเครื่องเล่นวิทยุ-เทปวางอยู่ พร้อมกับชั้นวางเทป กะด้วยสายตามีประมาณเกือบ ๑๐๐ ตลับได้ เมื่อเข้าไปดูใกล้ๆ ปอ ก็เห็นมีแต่เพลงบรรเลง ทั้ง ไทย สากล และไทยเดิม
“เพลงอะไรของมึงวะเนี่ย กูไม่เคยเห็นเลยหว่ะ” ปอ หันไปถาม ตั้ม
“ไหน ดูดิ๊” นึก เข้าไปดูบ้าง ... เพลงอะไรวะ เพลงฝรั่งทั้งนั้นเลยนี่หว่า แล้วนี่อะไรวะ บาค โมสาท บีโธเฟ่น  ไฮเดน เดอบุสซี่ ราเวล มันฟังอะไรแบบนี้ด้วยเหรอวะนี่ แล้วดูอีกด้านดิ ตับพระลอ  ตับนางลอย เดี่ยวขิม ซอสามสาย วงปี่พาทย์ วงมโหรี เข้ากันน่าดูเลยหว่ะ -*-...นึก คิด
“เพลงพวกนี้เพราะอะ เราเปิดฟังจนหลับทุกคืนแหละ ตั้งแต่เด็กๆแล้วอะ บางอันเราก็ไม่ค่อยรู้จักหรอก ญาติเราที่เป็นพยาบาลให้มา” ตั้ม ตอบยิ้มๆ 
“นี่อะไรวะ ตั้ม ท่าทางจะของโบราณ” ปอ ชี้ไปที่กล่องสีดำใบย่อม ที่วางอยู่บนโต๊ะเขียนหนังสือ ตัวกล่องเหมือนโทรทัศน์สมัยโบราณที่ย่อส่วนลงมา มีรูปคนนั่งเล่นกีตาร์อยู่ตรงส่วนที่เป็นเหมือนหน้าจอ ปอ ลองเอามือดึงลิ้นชักด้านหน้าออกมาเล็กน้อย รูปคนนั้นก็ขยับไปมาแล้วก็มีเสียงเพลงดังออกมา เหมือนกับรูปคนนั้นกำลังบรรเลงเพลงอยู่ นึกขยับตัวมาดูด้วยความสนใจอีกคน
“กล่องเพลงนี่หว่า น่ารักจังหว่ะ” ปอ หันไปพูดกับตั้มยิ้มๆ แต่เขากลับเห็น ตั้ม มีสีหน้าเศร้าสร้อยอย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน “เฮ้ย เป็นอะไรวะ ตั้ม” ปอถามด้วยน้ำเสียงตกใจ
“เอ้อ...ไม่มีอะไรอะ ปอ” สีหน้า ตั้ม เปลี่ยนเป็นยิ้มน้อยๆ “ลงไปข้างล่างดีกว่า หาอะไรเล่นกัน”

พอลงมาข้างล่าง ก็พากันออกไปนั่งกันที่สนามหญ้าหน้าบ้าน พากันเล่นกับหมาบ้าง อ่านหนังสือบ้าง บางคนหาสายเอ็นมาผูกไม้แล้วเขาขอตกปลาผูกสายเอ็นอีกด้าน (โอ กับ นึก ขี่จักยานไปซื้อจากร้านค้าแถวนั้น) พากันไปตกปลาที่สะพานข้ามคลองใกล้ๆบ้าน แต่ไม่ได้ปลาสักตัวหรอก ตกกันเป็นซะที่ไหนล่ะ -*-
 เพลินกันไปถึงสี่โมงครึ่ง  ตั้ม ก็เตือนเพื่อนๆว่าให้เตรียมตัวกลับได้แล้ว เพราะเดี๋ยวพ่อจะกลับบ้านมาตอน ๕ โมงเย็น พ่อ ตั้ม สั่งไว้ว่าให้เพื่อนๆนั่งรถประจำตำแหน่งของพ่อ ซึ่งจะไปส่งแถวๆตลาดคลองเตย จะได้ไปต่อรถกลับบ้านกันง่ายๆ

“ไอ้ลูกหมาเอ๊ย อยู่ไหนลูก” เสียง พ่อเรียกมาจากหน้าบ้าน ตั้ม วิ่งไปที่ตู้เย็นใบเล็กในห้องรับแขก หยิบผ้าเย็นออกมาแล้ววิ่งไปหาพ่อ
“พ่อค๊าบบบบ ผ้าเย็นค๊าบบ” ตั้ม ส่งผ้าเย็นให้พ่อที่กำลังเอามือขยี้หัวผมอยู่อย่างเอ็นดู
“สวัสดีครับ คุณพ่อ” เพื่อนๆพร้อมใจกันทักทาย
“สวัสดีลูก เอ้า กลับรถพ่อกันนะ รีบไปกันได้แล้ว เดี๋ยวเย็นมากไปทางบ้านจะเป็นห่วง ตั้ม ไปส่งเพื่อนๆที่รถนะลูก” พ่อพูดจบก็เดินไปยังห้องของพ่อที่อยู่ด้านหลังของห้องรับแขก

ตั้ม ก็พาเพื่อนๆไปที่รถ ทักทายกับคนขับรถที่เขาคุ้นเคยนิดหน่อย เมื่อเพื่อนๆขึ้นรถหมดแล้ว ตั้ม ก็โบกมือบ๊ายบายเป็นการส่งเพื่อนๆ จนรถแล่นออกไปลับตา

(http://img.photobucket.com/albums/v428/tumty/Thai%20Boys%20Love/musicbox.jpg)
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๓๙/๒๗ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 27-04-2008 23:42:17
๓๙ ลูกรัก-ลูกชัง

เฮ้อ...มองเห็นลูกชายคนเล็กของตัวเองในกลุ่มเพื่อน ถึงแม้จะเติบโตมาอย่างปรกติ แต่ ก็ยังดูออกว่ามีความเป็นเด็กมากกว่าเพื่อนในวัยเดียวกัน

ตอนมันจะเกิดมาก็ไม่ได้อยากจะให้มันเกิด แต่พอออกมาแล้วก็ต้องทนๆเลี้ยงไปตามแกน ให้ป้ามันมั่ง ลุงมั่ง เลี้ยงดูอุ้มชูไป แม่มันก็เอาแต่ทำงานไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ มีพี่สาวมันนี่แหละ ที่สนใจมันหน่อย เห็นว่ามันเป็นเด็กแปลกๆมาตั้งแต่เล็ก วางไว้ตรงไหน ก็อยู่นิ่งอยู่ตรงนั้น ไม่คลานไปไหน ข้าวของก็ไม่ซนไขว่คว้า ต้องมีคนยื่นส่งให้มันถึงจะลูบคลำด้วยความสนใจ มันตกจากเปล ก็สมน้ำหน้ามัน เวลาเห็นมันเอียงคอมองอะไรบ่อยๆ หรือบางทีก็มองโดยปิดตาไว้ข้างหนึ่ง ก็ไม่ได้คิดว่าสายตามันมีปัญหา จนมันเรียนชั้นประถม ครูเขียนมาในสมุดพกว่า มันเดินเป๋ไปเป๋มา ชนประตู ชนกำแพงบ่อยๆ แล้วยังเดินพลาดตกหลุม ตกบ่อ ตกบันไดเป็นประจำ พี่สาวมันถึงได้พาไปหาญาติที่อยู่ในโรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่ง อยู่ตรวจอย่างละเอียดอยู่หลายวัน ทำให้รู้ว่า มันมีปัญหาทางสายตาอย่างหนัก แล้วไอ้ท่าทางเอ๋อๆเหมือนเด็กปัญญาอ่อนของมัน หมอบอกว่าเกิดจากการกระทบกระเทือนตอนที่แม่มันตั้งท้อง ทำให้มีปัญหากับระบบสมองบ้าง ยังดีที่ไม่ถึงขั้นปัญญาอ่อนไป จะมีก็คงเป็นปัญหาเรื่องบุคลิคภาพ แล้วก็มีเรื่องของฮอร์โมนในตัวที่ไม่สมดุล ทำให้สภาพทางร่างกายบางอย่างผิดไปจากเด็กผู้ชายทั่วไปอยู่บ้าง และมีพัฒนาการทางร่างกายช้ากว่าเด็กปรกติ เพราะคำว่า พ่อ ก็เลยต้องส่งเสียรักษามันไปตามหน้าที่ พี่สาวพี่ชายมันก็ขยันพาไปตามศูนย์บำบัดต่างๆ

ด้วยความชังน้ำหน้ามันตั้งแต่เล็ก เวลามันเข้ามาใกล้ๆ ก็ไม่ค่อยจะอุ้มหรือกอดมันซักเท่าไร เวลาจะเรียกมันก็เรียก ไอ้ดำ ไอ้หมาขี้เรื้อน บอกมันบ่อยๆว่าเก็บมันมาจากถังขยะ ท่าทางมันก็ดูจะเสียใจเหมือนกัน แต่ตอนนั้นไม่ได้สนใจอะไรกับมันนัก เคยได้ยินมันถามป้ามันเหมือนกันว่า ทำไมพ่อไม่อุ้ม ไม่กอด มันบ้าง ป้าก็บอกว่า เพราะมันเอาแต่ซน สกปรกตัวเหม็น พ่อเลยไม่อยากอุ้ม หลังจากนั้นก็ดูเหมือนมันจะซนน้อยลง ยอมให้ป้าทาขมิ้น ทาน้ำอบ แป้งร่ำ ที่มันไม่ค่อยชอบเท่าไรนัก ป้ามันยังเอาสีผึ้งทาปาก ทาคิ้ว ทาน้ำมันหอมที่ผม แล้วพอมันใส่เสื้อผ้าดีๆมียี่ห้อ ที่แม่มันชอบหามาให้จากตามห้างสรรพสินค้า มันก็ดูสะอาดสะอ้าน น่ารักเหมือนตุ๊กตา แต่ก็ไม่ได้คิดจะกอดมันเลยสักครั้ง มันก็เอาแต่ถามป้ามัน ว่าตัวมันเหม็นมากเหรอ พ่อถึงไม่สนใจมันเลย

เรื่องเรียนก็เหมือนกัน ไม่ได้คิดจะส่งให้มันเรียนโรงเรียนดีอะไรมากมาย แต่แม่มันไม่ยอม บอกว่า พี่เรียนที่ไหน น้องก็ควรได้เรียนด้วย ลุงกับป้ามันก็เห็นด้วย ก็เลยให้มันเรียนโรงเรียนคริสต์ที่พี่ชายมันเคยเรียน แต่มันก็มีเรื่องทำให้รำคาญบ่อยๆ บางวันทำสำออยไม่ยอมไปเรียน บอกว่าไข้ขึ้นสูง พอตกเย็น เห็นมันวิ่งเล่นกับเด็กๆแถวบ้านออกปร๋อ พอหลายๆครั้งเข้า ก็พี่สาวมันอีกนั่นแหละพาไปหาหมอ ถึงได้รู้ว่ามันเป็นภูมิแพ้อากาศค่อนข้างรุนแรง พอเจอกับอากาศเย็นๆตอนเช้า ก็จะมีไข้และอาการปวดศรีษะ ตามมาด้วยมีน้ำมูกเหมือนเป็นหวัด ต้องรักษากันอยู่นาน อาการมันถึงได้ดีขึ้น เริ่มนึกห่วงอยู่เหมือนกัน กลัวว่ามันจะเป็นหอบหืดเหมือนพี่ชายมันตอนเด็กๆ

วิชางานไม้ มันก็ทำส่งไม่เคยทัน จนครูต้องมีจดหมายมาถึงผู้ปกครองทุกเทอม แต่มันก็ยังของเงินไปซื้อไม้ ซื้อใบเลื่อยเยอะผิดสังเกต จนมาเห็นตอนมันทำนั่นแหละถึงได้รู้ว่ามันทำไม่ได้จริงๆ สายตามันแย่ กะระยะอะไรผิดเพี้ยนไปหมด จับเลื่อย จับฉลุ ดูเก้ๆกังๆไปหมด เลื่อยไม้กว่าจะใช้ได้ ต้องเลื่อยใหม่หลายครั้ง แต่มันอดทนทำของมันไปเรื่อยๆ ไม่ได้มาเรียกให้ใครช่วย จนงานของมันเสร็จไปส่งครู เห็นแล้วก็ภูมิใจนิดๆไม่ได้ ที่มันอดทนเอาการเอางานดี ไม่ร่ำร้องให้ใครทำให้มันเหมือนลูกของเพื่อนบ้าน ที่พ่อต้องคอยทำงานให้ลูกเอาไปส่งครู การบ้านวิชาอื่นๆ พี่สาวมันก็สอนให้รู้จักเปิดหาคำตอบเองจากหนังสือ พี่สาวมันเป็นครู ก็เลยสอนมันแบบเดียวกับที่สอนนักเรียนในโรงเรียน มันก็ตั้งอกตั้งใจหาคำตอบที่มันต้องการหาเองจนเจอ ไม่ค่อยมาถามซอกแซกจะเอาแต่คำตอบอย่างเดียว

จะว่าไปมันก็เรียนดี พี่สาวมันไปงานรับเกียรติบัตรทุกเทอม โดยเฉพาะวิชาภาษาไทย มันทำคะแนนได้ไม่เคยต่ำกว่า ๙๐% ดูเหมือนพี่สาวมันจะภูมิใจมาก เพราะตัวเองก็เป็นครูวิชาภาษาไทยและสังคมศึกษา เวลาโรงเรียนมีงานแสดง มันก็จะได้ไปร้องเพลงบนเวทีกับพวกนักร้องประสานเสียงทุกปี เวลาว่าง ก็เห็นมันไปนั่งเล่นดนตรีไทยกับพวกคนแถวบ้านบ่อยๆ บางทีก็เห็นมันไปเล่นหมากรุกกับเค้าด้วย ไม่รู้ว่าใครมาสอนให้มัน  คนเฒ่าคนแก่แถวบ้าน เอ็นดูมันไปซะทุกคน

เท่าที่เห็น นอกจากเรื่องที่เกิดจากความผิดปรกติของร่างกายมันเอง มันก็ไม่เคยมีเรื่องอะไรให้เดือดร้อนรำคาญเลย จะเห็นก็มีบางครั้งที่มันนั่งเหม่อ ดวงตาเลื่อนลอยเหมือนพวกเด็กปัญญาอ่อน หรือบางครั้งมีน้ำลายยืดออกจากปากโดยที่มันไม่รู้ตัว เห็นแล้วก็นึกกลุ้มใจอยู่ว่ามันจะโตขึ้นเป็นแบบไหนกันแน่ เพราะดูแล้ว สมองกับบุคลิกมัน ดูจะพัฒนาไปไม่พร้อมกันเลย

ช่วงที่มันปิดเทอมภาคเรียนแรกตอนชั้นประถม ๕ กระมัง ตอนบ่ายๆที่พ่อเกิดอุบัติเหตุหกล้มในห้องน้ำ ต้องให้มันไปเรียกคนข้างบ้านมาช่วย พอตามคนมาเสร็จ มันก็หายหัวไปไหนไม่รู้ นึกโกรธมันมาก ทำไมไม่อยู่ดูแลพ่อ หรือเผื่อว่าพ่อจะเรียกใช้อะไรบ้าง มันหายไปตั้งแต่ตอนนั้นจนตกเย็น เพื่อนพี่สาวมันพามาส่งบ้าน พี่สาวมันถามดูก็ได้ความว่า มันวิ่งไปตามบ้านเพื่อนของพี่ชาย ตามหาว่าพี่ชายมันอยู่หรือเปล่า วิ่งไปตามหาลุงตามบ่อนไพ่ในตลาด แล้วก็วิ่งหาโรงเรียนของพี่สาว จนมันไปหลงทางอยู่ห่างจากบ้านไปเกือบ ๓ กิโลเมตร ยังดีที่คนที่เจอเข้าเป็นเพื่อนพี่สาวมัน เห็นยืนร้องไห้อยู่กลางถนนก็จำได้ ไม่อย่างนั้นไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะเป็นยังไง นึกขึ้นมาทีไรหวาดเสียวไม่หาย มันไม่กลัวจะโดนรถชน หรือโดนใครจับตัวไปบ้างเลยหรือไง

ตอนมันอยู่ประถม ๖ วันพ่อปีนั้น มันเอา ออดิโคโลน ๔๗๑๑ มาให้ขวดหนึ่ง ทำเอาตกใจว่ามันเอาเงินมาจากไหน ยี่ห้อนี้ไม่ใช่ของที่เด็กอย่างมันจะหาเงินมาซื้อได้ พี่สาวมันบอกว่ามันหยอดกระปุกทุกวันมาปีกว่าแล้ว ทำเอาตื้นตันไปเหมือนกัน แทนที่มันจะเอาเงินไปซื้ออะไรสำหรับตัวมันเอง มันเอามาซื้อของที่พ่อชอบ ให้พ่อที่ไม่ค่อยใส่ใจกับมันนัก  แล้วดูเหมือนว่ามันซื้อน้ำหอมยี่ห้อเดียวกันให้แม่มันอีกขวดหนึ่งด้วย

แล้วตอนมันอยู่มัธยม ๑ พ่อต้องเข้าโรงพยาบาล วันแรกมันมาอยู่เฝ้าหลังเลิกเรียน พอจะให้กลับบ้าน มันร้องไห้เกาะเตียงพ่อไว้แน่น อาละวาดดิ้นไปดิ้นมา ไม่ยอมกลับ บอกว่าเป็นห่วงพ่อ เดี๋ยวพ่ออยู่คนเดียวจะเหงา ต้องปล่อยให้มันหลับไปก่อนแล้วถึงได้อุ้มมันกลับบ้านไป ช่วงนั้นก็เข้าๆออกๆโรงพยาบาลบ่อยๆ  มันก็มาเฝ้าทุกวันที่ว่าง พอพ่อขยับตัวที มันก็ชะโงกหน้ามาถาม

...พ่อค๊าบบบบ พ่อจะเอาอะไรรึเปล่า
...พ่อค๊าบบบบ หิวน้ำมั๊ย เดี๋ยวตั้มป้อนให้
...พ่อค๊าบบบบ ทานหนมมั๊ย เดี๋ยวตั้มไปซื้อมาให้
...พ่อค๊าบบบบ พ่อหายไวไวนะค๊าบบบ
...พ่อค๊าบบบบ พ่อเจ็บมากรึเปล่า... มันพูดพลางน้ำตาคลอ

ตอนนั้นเอง ก็เริ่มรู้สึกตัว ยังไงมันก็ได้ชื่อว่าเป็นลูกเรา มันรักเราห่วงเราขนาดนี้ จะมัวแต่เกลียดชังมันก็ไม่ถูก
มีลูกรูปร่างหน้าตาน่ารักน่าชังขนาดนี้ น่าจะเป็นที่ชื่นใจของคนเป็นพ่อ
ลูกเรียนดี ประพฤติดี ไม่เคยสร้างปัญหาอะไร ยิ่งน่าภูมิใจ
ตอนนั้นเห็นท่าทางที่มันนั่งอ่านหนังสือ โยกขาไปมา ในปากมีอมยิ้ม ยังคิดว่ามันเป็นเด็ก ๗-๘ ขวบ ทั้งๆที่มันก็โตจนจะขึ้นชั้น ม.๒ อยู่ภาคเรียนหน้าแล้ว

เอานะลูก พ่อจะชดเชยให้แล้วกัน ต่อไปลูกอยากทำอะไร อยากได้อะไร พ่อจะตามใจทุกอย่าง เสื้อผ้า ข้าวของเครื่องใช้ดีๆ พ่อจะหามาให้ลูกได้ใช้ไม่ให้น้อยหน้าใคร ไอ้ลูกหมาตัวน้อย...ลูกรักของพ่อ


หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๓๙/๒๗ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: AidinEiEi ที่ 28-04-2008 01:08:01
โธ่!น้องตั้มของฉัน น่าสงสารจังเลย
ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง :sad2: :sad2:

รอตอนต่อไปนะคะ :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๓๙/๒๗ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: saramander39 ที่ 28-04-2008 01:28:31
 :o12: :o12: :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๓๙/๒๗ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: salapaw ที่ 28-04-2008 09:37:54
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: พูดไม่ออก บอกไม่ถูก

รู้แต่ว่า กำลังรมณ์ดีอยู่เลย มาสะดุดซะงั้น

หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๔๐/๒๘ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 28-04-2008 10:04:44
๔๐ ซ้อมละคร

“ดีมากทุกคน เอ้าพัก ๑๕ นาที”

สิ้นเสียงครูจันทร์ ผมก็ลงจากเวทีในห้องประชุม ลงมานั่งหอบอยู่ที่เก้าอี้ด้วยความเหนื่อย ก็ซ้อมกันมาตั้งแต่ ๙ โมงเช้า นี่จะ ๒ ชั่วโมงอยู่แล้ว ทั้งร้องทั้งทำท่าจินตลีลา แถมฉากเมื่อกี้โดนซ่อมตั้ง ๓ รอบ มีหวังโดนว่าจากรุ่นพี่ ๒ คนที่เล่นเป็นพี่เลี้ยงผมอีกตามเคย ก็เค้าหวังจะได้เล่นบทนี้กันทั้งคู่

“ตั้ม” เสียงเรียกมาจากข้างหลัง ผมหันไปมองก็พบกับ...
“พี่ราญ พี่ราญ มาได้ไง เย้ๆๆ”
ผมตะโกนลั่น พลางลุกขึ้นวิ่งไปหา ราญ ที่ยืนอยู่ตรงประตูห้องประชุม พอไปถึงตัวก็กระโดดโอบคอ พลางกระโดดแหยงๆ ราญ ก็เอามือโอบเอวผมไว้ พลางหัวเราะเบาๆ
“เป็นไง เหนื่อยมั๊ย” ราญ ถามพร้อมกับเอามือข้างหนึ่งมาขยี้หัวผมเบาๆ
“เหนื่อยอะ เมื่อกี้โดนซ่อมตั้ง ๓ รอบแน่ะ” ผมรายงาน หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง
“นี่ๆ ไอ้ตั้ม ไม่คิดจะทักทายคนอื่นเลยรึไงวะ” เสียงคนพูดพร้อมกับหัวเราะเบาๆ มาจากด้านหลัง ผมหันไปตามเสียง
“อ้าว ชัย มาด้วยเหรอ” ผมถามด้วยความสงสัย
“ไม่เอาเว๊ย เรียก พี่ชัย สิ”ชัยมองผมตาดุๆ แต่ปากยังคงยิ้มเหมือนเดิม ท่าแบบนั้นตลกจนผมหัวเราะดัง
“ฮ่าๆๆ ม่ายเอาอะ ไม่เคยเรียกนี่นา”
“ลองเรียกหน่อยสิ จะได้เรียกได้ซะทีไง ไหนลองเรียกดิ๊ พี่ชัย” ชัยพูดยิ้มๆ ผมส่ายหน้าดิ๊กๆ ไม่ยอมทำตาม
“ไปนั่งคุยกันดีกว่า” ราญ พูดพลางจูงมือ ตั้ม ไปนั่งที่เก้าอี้ โดยที่ ราญ เข้าไปนั่งด้านใน แล้วให้ผมนั่งตรงกลาง ชัยนั่งถัดจากผม
“เดี่ยวเลิกซ้อมกี่โมงล่ะ” ชัย ถาม
“ก็คงพักตอนเที่ยงอะ แล้วซ้อมต่อตอนบ่ายโมง กว่าจะเสร็จก็ ๔-๕ โมงมังอะ” ผมตอบไป
“งั้นเดี่ยวไปกินข้าวมันไก่กันนะ แล้วพวกพี่ชายค่อยกลับ” ราญ เว้นระยะไปนิดหน่อย “แล้วนี่เล่นเป็นตัวอะไรล่ะ”
“ง่า....เดี๋ยวดูเองตอนซ้อมแล้วกันอะ” ผมบอกหน้ามุ่ยๆ
“เห็นว่าเล่นเรื่อง วิวาห์พระสมุทร เหรอ สงสัยเล่นเป็นก้อนหินริมทะเลหว่ะ” ชัย พูดแล้วก็หัวเราะ
“ได้อย่างนั้นก็ดีอะดิ ไม่ต้องทั้งร้องทั้งทำท่าแบบนี้ ยังจำบทได้ไม่หมดเลย” ผมบ่น

“เอ้าซ้อมกันต่อได้แล้ว ทุกคนมารวมหน้าเวที” เสียงครูจันทร์เรียกทุกคนให้ไปรวมกัน แล้วพวกเราก็ซ้อมกันต่อ
.....................................................................
....................................

“ครูเค้าคิดยังไงวะ ให้เอ็งเล่นบทนั้น” ชัย ถามขึ้นมาระหว่างที่กำลังกินข้าว
“ไม่รู้อะ  เนี่ย...โดนว่าทุกวันเลย” ผมหน้ามุ่ยลงทันที
“อ้าว ทำไมล่ะ เท่าที่เห็น ตั้ม ก็ทำได้ค่อนข้างดีนี่นา เพิ่งซ้อมกันมาไม่กี่วันเองไม่ใช่เหรอ ครูเค้าว่าอะไรล่ะ” ราญ พูดบ้าง
“ครูน่ะไม่ว่าหรอก ถึงว่า ตั้ม ก็ยอมรับ แต่คนที่เล่นบทพี่เลี้ยงอีก ๒ คนนั่นอะ ชอบว่า ตั้ม บ่อยๆ”
“ว่าอะไรวะ”ชัย สงสัย
“ก็ สารพัด ท่าแข็งมั่ง พูดบทผิดมั่ง เค้าบอกว่าถ้าเป็นพวกเค้า ไม่ผิดบ่อยๆแบบนี้หรอก”ผมบอกเบาๆ “ตั้ม ว่าถ้าให้พวกพี่เค้าเล่น คงซ้อมกันได้ดีกว่านี้”
“อ้อ อย่างนี้นี่เอง ตั้ม ไม่ต้องห่วงหรอก เรื่องอย่างนี้อยู่ที่การซ้อม แล้วก็ความตั้งใจ แล้วพี่ชายว่า บทนี้เหมาะกับ ตั้ม นะ เข้ากับนิสัยบางอย่างของ ตั้ม พี่ชายว่าครูเค้าคงมองจุดนี้แหละ แล้วอีกอย่าง ตั้มร้องเพลงได้ดีกว่าพวกนั้นด้วย เรื่องนี้ละครร้องไม่ใช่เหรอ พี่ชายว่าครูเลือกถูกแล้วหล่ะ” ราญ พูดให้กำลังใจ “ตั้งใจซ้อมให้ดีๆล่ะ วันแสดงพี่ชายจะมาดูด้วย”
“จริงเหรอ” ผม ตาโตด้วยความดีใจ
“เออดิ ราญ มันเคยโกหกเหรอวะ แล้วพี่ชัยก็จะไปดูด้วยอีกคนนะ” ชัย พูดแล้วก็ยักคิ้วให้ผม
“คิ๊กๆ จะให้เรียก พี่ชัย จริงๆอะเหรอ” ผมถามกลั้วหัวเราะ
“อื้อ ราญ มันอนุญาตแล้ว” ชัย บอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ถึงจะดีได้ไม่เท่า พี่ราญ ของ ตั้ม แต่สัญญาจะเป็นพี่ชายที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ พี่ชัย สัญญา” ชัยพูดแล้วก็เอานิ้วก้อยมาเกี่ยวกับนิ้วก้อยของผม ผมหันไปมอง ราญ ก็เห็น ราญ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
“ตอนนี้ พี่ชาย อยู่ไกลไม่ค่อยได้ดูแล เลยฝาก ชัย ไว้ก่อน มีอะไร ตั้ม ก็มาปรึกษา ชัย นะ แล้ว ชัย จะมาบอกกับพี่ชายเอง” พูดจบ ราญ ก็เอานิ้วก้อยมาเกี่ยวกับนิ้วก้อยของผมด้วยอีกคนหนึ่ง
.....................................................................
....................................

“ไง น้องตั้ม” พี่เอก นั่นเอง เดินมาทางผมกับพร้อมกับ พี่วิทย์ แล้วพากันนั่งที่เก้าอี้ข้างๆผม พี่เอกนั่งข้างขวา พี่วิทย์ นั่งข้างซ้าย “เพื่อนไปไหนแล้วล่ะ” พี่เอก ถามยิ้มๆ
“กลับไปแล้วค๊าบพี่” ผมตอบพลางยิ้มให้พี่เค้า
“ว่าแต่ คนไหนเป็นแฟน ตั้ม ล่ะ สงสัยคนที่ ตั้ม กระโดดกอดแน่เลย” พี่เอก ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
“คิ๊กๆ ไม่ใช่แฟนอะพี่เอก นั่นน่ะ พี่ราญ เป็นเหมือนพี่ชาย ตั้ม คนนึงเลย” ผมยิ้มกว้าง
“อ้าว เหรอ พี่นึกว่าแฟนซะอีก เห็นสนิทกันขนาดนั้น” พี่เอก พูดพลางเหลือบสายตาไปยิ้มให้ พี่วิทย์
“แหมพี่ ถ้าอย่างนั้น ตั้ม ก็เป็นแฟนกะพี่เอกแล้วอะสิ ก็ในบทมีตอนตั้มกระโดดกอดคอพี่แบบนั้นด้วยนี่” พูดจบ ผมก็หัวเราะซะตัว งอ
“เป็นไงล่ะ โดนซะแล้ว” พี่วิทย์พูดแล้วหัวเราะเบาๆ
“เดี๋ยว ตั้ม กระโดดกอดคอ พี่วิทย์ด้วย อีกคน ดีมะอะ พี่วิทย์” ผมหันไปพูดกับพี่วิทย์แบบตลกๆ แต่พี่วิทย์กลับหน้าแดง
“เอ้อ พี่ไปห้องน้ำก่อน เดี๋ยวมานะ” พูดแล้ว พี่วิทย์ ก็ลุกเดินออกจากห้องประชุมไป มีพี่เอกมองตามแล้วก็หัวเราะดังๆ

หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๔๐/๒๘ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: salapaw ที่ 28-04-2008 10:31:11
มีตัวละครเยอะจัง

พระเอกออกมายังเนี่ย อิอิ


ว่าแต่ มันมีทั้งหมดกี่ตอนคะ
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๔๐/๒๘ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: Just let it be ที่ 28-04-2008 10:33:54
อ่านไปก็สงสารในอดีตของตั้มเหมือนกันนะ

เฮ้ออออ  แต่ก็ยังดีที่สุดท้ายอะไรๆ ก็ดีขึ้น (หวังว่านะ)

แต่นึกนี่  ไม่น่าคบเลยอะ  เหอะๆๆๆ

ตั้มคงไมหลงไปกับนึกหรอกนะ  แง่มๆๆๆ

รอติดตามต่อไปคร้าบบบ

 :a2:   :กอด1:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๔๐/๒๘ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 28-04-2008 11:28:16
มีตัวละครเยอะจัง

พระเอกออกมายังเนี่ย อิอิ


ว่าแต่ มันมีทั้งหมดกี่ตอนคะ
ที่เยอะๆก็พวกตัวประกอบทั้งนั้นแหละครับ  :o9:
ตัวหลักๆที่สำคัญมีอยู่ไม่กี่ตัว

ส่วนพระเอกน่ะ ออกมาตั้งแต่ตอนแรกแล้วคร๊าบบ  :sad3:

ส่วนที่ว่าทั้งหมดกี่ตอน กะว่าคงเขียนประมาณ ๖๐ ตอนอาจจะเกินบ้างนิดหน่อยครับ เยอะไปหรือเปล่า  o19
เดี๋ยวช่วง ม.๕-ม.๖ คงดำเนินเรื่องเร็วขึ้น เพราะมีพื้นฐานต่างๆที่เล่ามาตอนช่วง ม.๔ เยอะพอสมควรแล้ว  :laugh3:

ขอบคุณสำหรับกำลังใจและคำติชมของทุกคนนะครับ  o1
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๔๐/๒๘ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: nana ที่ 28-04-2008 13:33:57
 :m4: :m4: :m4:



 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๔๑/๒๘ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 28-04-2008 15:27:13
๔๑ เรื่องเก่า

“หัวเราะอะไรของเอ็งวะ” ชัย ถาม ราญ ด้วยความสงสัย เมื่อเห็น ราญ มองหน้าเขาแล้วหัวเราะเบาในลำคอ
“หัวเราะนายน่ะสิ พอรู้นะว่าเอ็นดู ไอ้ตั้ม มันเหมือนน้อง แต่ไม่นึกว่าจะขนาดนี้” ราญ พูดยิ้มๆ
“อ้าว ก็ ไอ้ตั้ม มันน้องกูนี่หว่า จริงสิกูลืมเล่าให้ฟัง ไอ้ตั้ม น่ะ เป็นญาติห่างๆกู เป็นลูกพี่ลูกน้องแท้ๆกับกูเลย” คราวนี้ ชัย หัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นหน้าที่ตกใจของ ราญ
...............................................................

ช่วงปิดเทอมใหญ่ก่อนจะขึ้น ม.๓ ประมาณปลายเดือนเมษายน ตั้ม ต้องลงไปจังหวัดหนึ่งในภาคใต้กับแม่ เพื่อไปบ้านของคนที่ ตั้ม เรียกว่า ป๊ะป๋า ซึ่งตัว ตั้ม เองก็เข้าใจมาตลอดว่าหมายถึง พ่อบุญธรรม  ตั้ม ไม่ค่อยเข้าใจว่า ทำไมแม่จึงต้องห้ามพูดถึง ป๊ะป๋า เวลาอยู่ที่บ้าน แต่ ตั้ม ก็เชื่อฟังทำตามที่แม่บอกมาตลอด

บ้านของ ป๊ะป๋า นั้น ตั้ม ไปบ่อยๆตั้งแต่เด็ก ป๊ะป๋า รักและตามใจ ตั้ม มากจนบางครั้งแม่ไม่พอใจ
...ป๊ะป๋า ที่แสนจะใจดี มักจะให้ ตั้ม นอนแนบอยู่กับอกแล้วเอามือลูบหัวเบาๆจน ตั้ม หลับไปเสมอ
...ป๊ะป๋า ชอบพา ตั้ม ไปทานขนมอร่อยๆ หรือแม้แต่ไอศครีมยี่ห้อดังๆที่แสนแพงสำหรับคนทั่วไป ขนมตามโรงแรมชื่อดังในกรุงเทพฯ ไม่มีที่ไหนที่ ...ป๊ะป๋า ไม่เคยพา ตั้ม ไป
...เสื้อผ้าน่ารักๆแบบสีสันแปลกตาที่ ตั้ม ใส่เมื่อกลับจากใต้ส่วนใหญ่ ก็เป็น ป๊ะป๋า ซื้อให้ แต่แม่ให้บอกว่าเป็นแม่ซื้อให้ ตั้ม ตอนลงมาใต้
...ตุ๊กตาหมาขนปุกปุย ที่ ตั้ม รักนักหนาไม่ค่อยยอมให้ห่างตัวเมื่อตอนเด็กๆ ก็เป็น ป๊ะป๋า ซื้อให้
...ป๊ะป๋า มักอยู่เล่นเกมส์ต่างๆกับ ตั้ม เสมอเวลาที่ ตั้ม ลงไปใต้  ป๊ะป๋า นี่แหละที่เป็นคนสอนตั้มเล่นดีดลูกหิน ปั่นลูกข่าง หรือแม้กระทั่งหมากรุก
...ตั้ม ว่ายน้ำเป็น ก็เพราะ ป๊ะป๋า หัดให้ที่คลองหลังบ้านของ ป๊ะป๋า
...ป๊ะป๋า ชอบพาตั้มไปเที่ยวบ้านสวน ป๊ะป๋า สอนให้ยิงหนังสะติ๊ก แม้กระทั่งปืนลมที่เสียงมันดังทำให้ ตั้ม ตกใจจนร้องไห้ในครั้งแรก แต่ป๊ะป๋า บอกให้ยิงเฉพาะใบไม้แห้งๆเท่านั้น และอย่ายิงสัตว์ เพราะมันก็มีชีวิต มันเจ็บเป็นเหมือนกัน
... และอีกหลายสิ่งหลายอย่าง ที่ ป๊ะป๋า ทำให้ ตั้ม มาตั้งแต่จำความได้

พอ ตั้ม เรียนประมาณชั้นประถม ๕ ป๊ะป๋า ก็ป่วยเป็นโรคมะเร็งในหลอดลม ปรกติแล้วทุกๆช่วงหนึ่งของช่วงปิดเทอม แม่จะต้องพา ตั้ม ลงไปหา ป๊ะป๋า เสมอ แต่พอป๊ะป๋าป่วย แม่จะพา ตั้ม ลงไปบ่อยขึ้น แม้ว่าจะเป็นช่วงที่โรงเรียนเปิดเทอมก็ตาม ทุกครั้งที่ลงไป อาการของ ป๊ะป๋า ก็เหมือนจะแย่ลง ครั้งสุดท้ายที่ลงไป ป๊ะป๋า นอนอยู่บนเตียงในห้องพยาบาล มีสายระโยงระยางเต็มไปหมด ตั้ม ถึงกับร้องไห้เมื่อเห็นอาการสะอึกเพราะหายใจไม่ออกของป๊ะป๋า พลางกอดขา ป๊ะป๋าไว้แน่น มีมือของ ป๊ะป๋า ลูบหัวเบาๆอยู่ตลอดเวลาจนผล๋อยหลับไป

ตอนที่แม่บอกว่าจะลงไปใต้ ตั้ม เก็บเสื้อผ้าลงกระเป๋าด้วยความดีใจที่จะได้เจอ ป๊ะป๋า ที่ ตั้ม แสนรัก แต่เมื่อไปถึงบ้าน ป๊ะป๋า มองเห็นโลงศพ และรูปภาพ ซึ่งตั้งอยู่ที่ศาลาในบริเวณบ้าน ตั้ม ยืนมองด้วยความงุนงง พอป้าใหญ่ที่เป็นพี่สาวของ ป๊ะป๋า มาบอกว่า ป๊ะป๋า เสียแล้ว ตั้ม ถึงกับปล่อยโฮออกมา พลางวิ่งไปกอดโลงศพแล้วร้องไห้ ท่ามกลางสายตาของ ป้าๆ และ น้าๆ ญาติของ ป๊ะป๋า ที่มองแล้วน้ำตาคลอด้วยความสงสาร

งานศพของ ป๊ะป๋า แม่ให้ ตั้ม ใส่ชุดผ้าดิบสีขาว เวลามีพระมาสวด ตั้ม ก็จะเป็นคนไปเคาะโลงเรียกให้ ป๊ะป๋า ฟังสวด ๓ วันผ่านไป ก็ถึงวันนำศพไปยังวัดเพื่อทำการเผา ตั้ม เป็นคนถือรูป ป๊ะป๋า นั่งอยู่หน้าของรถบรรทุกโลงศพ พร้อมกับคอยบอกกับรูปว่าถึงไหนแล้ว บอกให้เลี้ยวไปทางไหนเมื่อถึงทางแยก บอกให้ข้ามสะพาน จนกระทั่งไปถึงวัด ก็นำโลงศพไปวางที่หน้าเมรุ รอเวลาทำพิธี ระหว่างนั้น ตั้ม ยังคงนั่งซึมอยู่ที่เก้าอี้หน้าโลงศพ บางทีก็เอามือป้ายน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว มีแม่และคนอื่นๆมองดูอยู่ห่างๆด้วยความสงสาร

“สวัสดี นึกว่าจะไม่เจอซะแล้ว นี่กว่าจะปลีกตัวมาได้แทบแย่” ชายวัยกลางคน คนหนึ่งเดินเข้ามาทักแม่
“สวัสดีค่ะคุณพี่ มองๆหาอยู่เหมือนกันว่าจะมาหรือเปล่า”แม่ตอบไป
“แล้วลูกชายล่ะ” ชายคนนั้นถามต่อ
“นั่งอยู่นั่นน่ะค่ะ” แม่ชี้ไปที่ ตั้ม พลางตะโกนเรียก “ตั้ม ตั้มเอ๊ย มานี่หน่อยลูก” ตั้ม ได้ยินก็ลุกขี้นจากเก้าอี้เดินซึมๆเข้าไปหาแม่
“สวัสดีลุงก่อนลูก ลุงเป็นลูกพี่ลูกน้องกับ ป๊ะป๋า” แม่บอกกับ ตั้ม
“สวัสดีค๊าบ” ตั้ม ยกมือขึ้นไหว้คนที่แม่บอกว่าเป็น ลุง
“หน้าตาน่ารักนี่ หล่อเหมือน ป๊ะป๋า นะ สงสัยจะอายุพอๆกับลูกลุง” ลุง เอามือลูบหัวผมด้วยความเอ็นดู
“เป็นน้องมังค่ะ เหมือน ตั้ม จะอ่อนกว่าปีนึง แล้วนี่ไม่ได้มาด้วยเหรอค่ะ”แม่ถามถึงลูกชายของลุง
“โน่นแน่ะ ยืนอยู่โน่น” ลุงชี้ไปทางเด็กผู้ชายรูปร่างสูงคนหนึ่ง ตั้ม มองตามไป มองเห็นด้านข้างแล้วก็รู้สึกคุ้นๆตา แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร หันกลับไปมองโลงศพของ ป๊ะป๋า อยากจะไปนั่งใกล้ๆมากว่าจะมายืนอยู่ตรงนี้

ลุงยืนคุยกับแม่สักพัก ก็แยกตัวออกไป คุยกับคนอื่นๆต่อ ตั้ม ก็เลยเดินกลับไปนั่งอยู่หน้าโลงศพ ป๊ะป๋า เหมือนเดิม

“ใครน่ะพ่อ เมื่อกี้นี้”ชัย ถามพ่อ เพราะเห็นพ่อชี้มาทางเขาตอนที่คุยอยู่กับผู้หญิงคนนั้น
“เมียอาแกน่ะ มากับลูก นั่งอยู่หน้าโลงศพนั่นไง หน้าตาน่ารักเชียว แต่ตอนนี้คงกำลังเสียใจ ดูแล้วก็น่าสงสาร” พ่อพูดพลางชี้ไปที่เด็กชายตัวบางๆในชุดผ้าดิบที่นั่งก้มหน้าอยู่ ชัยมองตามไปก็รู้สึกคุ้นกับรูปร่างท่าทางแบบนี้ ...ไม่ใช่มั๊ง คงไม่บังเอิญขนาดนี้หรอกน่า...
ชัยคอยเหลือบตามองดูเด็กชายคนนั้นบ่อยๆ จนมีโอกาสได้เห็นหน้าเด็กคนนั้นเต็มตา
“เฮ้ย ไอ้ตั้ม นี่หว่า ไอ้ตั้มจริงๆด้วย” ชัยอุทานเบาๆด้วยความตกใจ
“พ่อๆ ลูกอาเค้าชื่ออะไร แล้วเรียนที่ไหน” ชัยเดินเข้าไปถามพ่อ
“เหมือนจะชื่อ ตั้ม นะ ชื่อจริง ศิลปิน หรือ ศิลปี  นี่แหละ เรียนอยู่ที่กรุงเทพฯจะขึ้น ม.๓ แล้ว เหมือนจะโรงเรียน *****” พ่อตอบ
“พ่อ พ่อบอกว่าเป็นลูกอา แบบนี้ก็เท่ากับเป็นน้องชายผมน่ะสิ” ชัย ถามอย่างกระตือรือร้น
“เออ ว่าอย่างนั้นก็ได้” พ่อตอบอย่างไม่ได้ใส่ใจอะไร แล้วก็เดินไปคุยกับญาติคนอื่นต่อ
“ไอ้ตั้ม ไอ้ม๋าตั้ม น้องตั้ม” ชัย พึมพัมเบาๆ มองไปทาง ตั้ม แล้วก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ “มึงเป็นน้องกูแล้วนะ”
.........................................................................

“อ้าว แบบนี้ก็เท่ากับ ตั้ม มันเป็นน้องนายน่ะสิ” ราญ ถามอย่างตื่นเต้น
“ก็กูบอกเมื่อกี้แล้วไง สรุปแล้ว ตั้ม มันน้องกู”ชัย ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
“ฮ่าๆๆ ทำไมโลกมันกลมแบบนี้วะ แต่ยังไงเราก็ไม่ยอมนะ เราต้องเป็นพี่ใหญ่” ราญ หัวเราะ
“เออ เออ เสือกเกิดก่อนกูไม่กี่วัน ทำวางท่าซะ” ชัยหัวเราะบ้าง “ว่าแต่มึงอย่าเล่าให้ ตั้ม มันฟังนะเว๊ย ตอนนั้นมันไม่เห็นกู แล้วกูก็ไม่รู้ว่ามันรู้เรื่องอะไรแค่ไหน แต่ดูจากท่าทางแล้วก็ฟังจากที่พ่อกูเล่า เหมือนแม่มันจะปิดๆไว้”
“เออ พอจะเข้าใจเหมือนกัน ไม่นึกเหมือนกันว่าจะมีเรื่องแบบนี้กับ ตั้ม” ราญ พูดพลางขมวดคิ้ว
“เออ แล้ววันงานเอาไงวะ มึงต้องไปดูให้ได้นะเว๊ย ไม่งั้น ไอ้ตั้ม เสียใจแย่” ชัย วกกลับมาเรื่องละครของ ตั้ม
“พลาดได้ยังไงเล่า ไม่ว่างก็ต้องหาทางเจียดเวลาไปดูให้ได้ แต่นึกภาพไม่ออกเลยนะ ว่า ตั้ม มันละเล่นบทนั้นออกมาได้แบบไหน”
“นั่นดิวะ จะกลายเป็นเจ้าหญิงจอมแก่นไปรึเปล่าก็ไม่รู้หว่ะ”

แล้วทั้ง ชัย  และ ราญ ก็พากันหัวเราะอย่างขบขันเมื่อนึกถึงบทที่ ตั้ม จะต้องแสดงในละครครั้งนี้

หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๔๑/๒๘ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: kongkilmania ที่ 28-04-2008 16:40:45
 :laugh: ดีใจวุ้ย ขอจิ้มน้องตั้มคนเก่งซักที

ว่าแต่ยังไม่ค่อยเคลียร์นะ   o2   รู้สึกว่ายังมีความลับให้ต้องติดตามไขกันต่อไป

อ่านตอนที่แล้ว   :sad2:  ที่พ่อไม่ค่อยรักตั้ม
ตั้มน้อยน่าสงสารจริงๆ    :o12:
แต่ก็นะ เด็กดีอย่างนี้ ใครๆเค้ารักกันทั่วบ้านทั่วเมือง พ่อจะไม่เห็นความน่ารักของลูกชายได้ไง
อ่านแล้วซึ้งมาก    o7  น้ำตาคลอเลย

ว่าแต่ อยากไปดูตั้มเล่นละครด้วยอ่ะ
เล่นเป็นนางเอกชิมิเคอะ   :m12:
ทำเป็นอ้ำอึ้งไม่ยอมบอกนะ 
แต่เราก็รู้    :laugh:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๔๑/๒๘ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 28-04-2008 17:08:44
ตั้มมีพี่ชายที่น่ารักถึง 2 คน อิจฉาจัง

หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๔๒/๒๘ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 28-04-2008 19:51:05
๔๒ ตั๋วฟรี

“ปอ จะลอกวิชาอะไรหยิบจากในเป้เราได้เลยนะ สงสัยตรงไหนอย่าลืมจดไว้ล่ะ แล้วเอามาถามเรา หรือถามใครก่อนก็ได้ ช่วงนี้เราซ้อมละครคงไม่ค่อยมีเวลามาช่วยอะ เราขอโทษนะ”

...ตั้ม มันบอกผมไว้ตั้งแต่วันแรกที่เปิดเทอม แล้วยังมีแก่ใจขอโทษผมอีก ตั้งแต่วันนั้น ช่วงกลางวันมันก็จะไปซ้อมกับวงดุริยางค์ของโรงเรียน บางทีก็ซ้อมบทกับรุ่นพี่ที่ต้องเล่นคู่กับมัน ถามเท่าไหร่ก็ไม่ยอมบอกว่าเล่นบทอะไร แต่ดีไปอย่าง ช่วงนี้มันก็ดูห่างๆจาก ไอ้นึก ไปบ้าง แต่ไม่ค่อยไว้ใจเท่าไหร่เลยหว่ะ ก็รุ่นพี่ ๓ คน ที่ต้องมีบทต้องซ้อมกับมันบ่อยๆ แต่ละคนนี่คัดมาจากสุดหล่อของสายศิลป์ทั้งนั้น เหมือนจะชื่อ เอก วิทย์ แล้วก็ ติ๊ก ๓ คนหล่อกันไปคนละแบบ

เอก คิ้วเข้ม ตาคม มีไรหนวดบางๆ หน้าใส ตัวสูง รูปร่างออกจะบางๆ ดูหล่อแบบหนุ่มเจ้าสำอางค์ แววตาเหมือนคนเจ้าชู้นิดๆ
วิทย์ หน้าออกจีนๆ ผิวขาว ดูสะอาดสะอ้าน คิ้วบาง ตาใสซื่อ ปากแดงระเรื่อ ดูเป็นคนซื่อๆ เงียบๆ รูปร่างสูงใหญ่ ตัวหนาแบบนักกีฬา
ติ๊ก หล่อแบบไทยๆ หน้าเกลี้ยงเกลา คิ้วหนา ตาสองชั้นหวานเชื่อม จมูกโด่ง รูปร่างสูง ดูแล้วมีกล้ามเล็กน้อย พูดเก่ง ยิ้มแย้มอยู่ตลอดเวลา

เมื่อหลายวันก่อนไปเห็นเข้าพอดี ตอน ตั้ม มันไปรอพวกนี้ รุ่นพี่คนที่ชื่อ วิทย์  จับตัว ตั้ม ให้ขึ้นไปนั่งตรงระเบียงหน้าห้อง แล้วตัวเองไปนั่งคู่ เอาแขนโอบเอว ตั้ม มันไว้ ไอ้ตั้ม มันก็หน้าแดง ไม่รู้เพราะมันเขินพี่เค้า หรือเพราะมันกลัวตกจากระเบียงกันแน่ คิดๆแล้วยิ่งหงุดหงิดเว๊ย...

“ปอ คนที่นั่งกับนายชื่อไร” ไมค์ เดินเข้ามาถามผม ไมค์ เป็นนักเรียนที่เพิ่งจะย้ายเข้ามาเรียนตอนเทอม ๒ พร้อมกับ ปุง ที่ย้ายมาจากห้อง ๑๐ ทั้งสองคนตัวสูงกว่าผมเยอะ โดยเฉพาะไมค์ ทั้งสูงทั้งหนา หน้าตาออกเหมือนพวกลูกครึ่งฝรั่ง
“ชื่อ ตั้ม ทำไมวะ” ผมถามอย่างหงุดหงิด
“เปล่า เห็นไม่ค่อยอยู่ที่ห้อง เลยสงสัย” ไมค์ยิ้มกวนๆ
“มันไปซ้อมละคร มึงจะทำไมมัน”
“เปล่า เห็นมันตลกดี ท่าทางยังกับเด็กๆ น่าแกล้งเล่นหว่ะ” ไมค์ พูดแล้วก็หัวเราะ
“อย่านะมึง ขืนทำอะไรมัน พวกกูเอามึงตายแน่” ผมขู่มัน
“เออๆๆ รู้แล้ว กูไปคุยกับพวกโน้นดีกว่าหว่ะ” พูดจบ ไมค์ ก็เดินไปคุยกับพวก ปุง ทางหลังห้อง

จะว่าไป ปอ ก็พอจะเข้าใจ ไอ้ไมค์ มันอยู่เรื่องที่อยากแกล้ง ตั้ม มันเล่น ตอนที่เขาเห็น ตั้ม ครั้งแรกเมื่อตอน ม.๑ เขาก็รู้สึกแบบนี้เหมือนกัน ตอนนั้น ตั้ม มันดูบอบบาง หน้าตายิ้มแย้มอยู่ตลอดเวลา เสื้อผ้าเนื้อตัวสะอาดสะอ้าน หน้าลายพร้อยด้วยแป้งมาโรงเรียนทุกวัน มันวิ่งไปวิ่งมา คุยกับคนโน้นคนนี้อย่างสนิทสนมตั้งแต่วันแรกที่เปิดเทอม เวลาเดินก็เดินแบบธรรมดาไม่ค่อยได้ เห็นมัน เดินได้ไม่กี่ก้าว ก็กระโดดไปกระโดดมา ไม่ก็วิ่งเหยาะๆอยู่ตลอดเวลา เวลามันกินข้าว กินขนม ก็เคี้ยวตุ้ยๆ อมยิ้มไม่หยุด เหมือนอะไรก็อร่อยไปหมด แล้วมันก็ซุ่มซ่ามซะขนาดนั้น เดี๋ยวชนโต๊ะ ชนเก้าอี้ บางทีเดินชนกระจกซะเฉยๆ

...เรื่องหนึ่งที่เขาแปลกใจ สำเนียงวิธีการพูดของตั้ม บางทีมันเหมือนเด็กเพิ่งหัดพูด พูดเหมือนลิ้นคับปากอยู่บ่อยๆ แล้วมันก็ซื่อซะเหลือเกิน เพื่อนจะหลอกอะไร มันเชื่อหมด อย่างหลอกว่าครูเรียกให้ไปพบ มันก็เชื่อจนโดนครูดุกลับมา หรือตอนที่มันวางชามก๋วยเตี๋ยวไว้ แล้วไปซื้อน้ำ เพื่อนบางคนแอบตักน้ำปลากับน้ำส้มสายชู ใส่ลงไปในชามมันหลายช้อน พอมันกลับมานั่งกินเข้าไปคำเดียว ก็ทำหน้าประหลาด ลุกขึ้นไปซื้อขนมปังมากินแทนหน้าตาเฉย มันบอกสงสัยเส้นก๋วยเตี๋ยวจะบูด แถมยังยิ้มให้เพื่อนๆอีก และอีกสารพัดเรื่อง แต่มันก็ไม่เคยโกรธ พอรู้ตัวว่าถูกหลอก มันกลับหัวเราะพูดให้เป็นเรื่องตลกไปทุกครั้ง
บางครั้งมันโดนแกล้งหนักๆ จนต้องเจ็บตัว มันก็ไม่เคยเอามาเป็นอารมณ์ แต่เวลาเพื่อนๆมีเรื่องอะไร ถ้ามันรู้มันจะเดือดร้อนไปด้วยทุกครั้ง เพื่อนยืมของอะไรมันไม่เคยปฏิเสธ ดูอย่างตอนที่เขาไม่มีเงินกินข้าวเมื่อเทอมที่แล้ว มันยังมาเรียกให้ไปกินข้าวกับมัน เวลาเพื่อนขอยืมการบ้านมาลอก แทนที่มันจะให้ลอกอย่างเดียว มันกลับมานั่งถามว่ามีตรงไหนไม่เข้าใจ แล้วก็อธิบายจนเพื่อนๆรู้เรื่องถึงจะยอมเลิกรา หนังสือนอกเวลา มันก็รีบอ่านตั้งแต่ต้นเทอม เพราะมันรู้ว่าเดี๋ยวต้องมีเพื่อนๆมายืมหนังสือมัน จะทำอะไรมันก็คิดถึงเพื่อนๆตลอด แบบนี้ทำไมเพื่อนๆในห้องจะไม่รักมันล่ะ...

แต่เพราะความเปิ่น กับความไร้เดียงสาไม่สมวัยของมันนี่แหละ ทำให้พวกผมชอบแกล้งมันบ่อยๆเมื่อตอนมัธยมต้น ด้วยความเอ็นดูปนไปด้วยความหมั่นไส้เล็กน้อย ไอ้ไมค์ตอนนี้มันก็คงรู้สึกแบบนี้เหมือนกัน
.......................................................................

“ปอ เอ้า...นี่ ตั๋วละครวันซ้อมใหญ่ ตอนบ่าย ๒ วันพฤหัสหน้านะ” ตั้ม ยื่นตั๋วให้ผม ๓ ใบ ก่อนที่ผมจะกลับบ้าน “เราคิดว่า ปอ คงชวน พล กับ นัส ไปดู เราเลยขอครูมา ๓ ใบ”
“ให้กูทำไมวะนี่” ผมแอบดีใจ แต่ก็พูดเหมือนไม่อยากดู กวนๆมันไป
“อ้าว เรานึกว่า ปอ อยากดู เห็นถามเราบ่อยๆ แบบนี้เราจะเอาไปให้ใครดีอะ” ตั้ม ทำสีหน้าคิดหนัก “ให้พวก นึก ๓ ใบคงไม่พอ”
“ใครว่ากูไม่เอาวะ” ผมพูดพลางคว้าตั๋วมาถือไว้ กลัวว่าเดี๋ยวมันเอาไปให้ ไอ้นึก จริงๆ “แล้วตกลงเอ็งเล่นเป็นตัวอะไร ไม่เห็นบอกกู”
“เดี๋ยวไปดูก็รู้เองแหละ เราไปซ้อมก่อนนะ สัปดาห์หน้าต้องเล่นแล้ว” พูดจบ ตั้ม ก็วิ่งตื๋อออกจากห้องไป

ผมมองไปทางหลังห้องก็มองเห็น ธง กับ ตี๋ นั่งคุยกันอยู่ยังไม่กลับ ก็เลยเดินเข้าไปหาพวกมันเพราะนึกขึ้นมาได้ว่า ๒ คนนี้อยู่วงดุริยางค์ของโรงเรียน และมันก็ต้องไปเล่นดนตรีให้ละครครั้งนี้ด้วย
“เฮ้ย ไอ้ตั้ม มันเล่นเป็นตัวอะไรวะ” ผมนั่งลงที่โต๊ะใกล้ๆพวกมันแล้วถาม
“อ้าว มันยังไม่บอกเหรอ” ตี๋ ทำหน้าสงสัย
“เออ ถามกี่ครั้งมันก็ไม่ยอมบอก บอกให้ไปดูเอง” ผมตอบไป
“ฮ่าๆๆ งั้นไปดูเองดีกว่า” ธง พูดพลางหันไปยิ้มให้ ตี๋
“นั่นดิ เอ็งต้องไปดูนะเว๊ย มันอุตส่าห์ขอตั๋วจากครูมาให้ตั้ง ๓ ใบ ปรกติครูเค้าให้คนละ ๒ ใบเอง มันขออยู่ตั้งนานนะเว๊ยกว่าครูเขาจะยอมให้” ตี๋ หันมาบอกผม
“เหรอวะ” ผมยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ รู้สึกดีใจจนตัวแทบลอย ที่ ตั้ม มันตั้งใจขอตั๋วมาให้ผมโดยเฉพาะ “เออ กูไม่พลาดหรอก กูกลับก่อนนะเว๊ย พรุ่งนี้เจอกัน” พูดจบ ผมก็ลุกจากเก้าอี้ เดินออกจากห้องไป


หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๔๒/๒๘ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: salapaw ที่ 28-04-2008 20:21:08
+1 ให้กับคนน่ารัก   รูปตอนเด็กน่ารักมากเลยค่า  รูปมันอยู่ตอนป.ไรคะ
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๔๒/๒๘ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: AidinEiEi ที่ 29-04-2008 00:00:00
เห็นด้วยกับรีบนค่ะ น่ารักจัง :o8:

ตกลงตั้มลูกใครอ่ะดูเป็นความลับจังแฮะ :serius2:

ตามลุ้นต่อไป.... :oni1:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๔๒/๒๘ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: Just let it be ที่ 29-04-2008 08:20:12
ได้ตั้วมา 3 ใบเลยแหนะ

อิอิ

แต่ยังมะเข้าใจอะ  ว่าตั้มคิดไงกะปอกันแน่

แป่ว

 o2
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๔๒/๒๘ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 29-04-2008 18:40:27
ก่อนจะอัฟต่อ ตอบคำถามก่อนดีหว่านะครับ  :teach:
+1 ให้กับคนน่ารัก   รูปตอนเด็กน่ารักมากเลยค่า  รูปมันอยู่ตอนป.ไรคะ
แหะๆ จำไม่ได้แล้วครับ แต่รูปนี้ ป๊ะป๋า ถ่ายให้ตอนไปเที่ยวบ่อน้ำพุร้อน น่าจะซัก ๘ หรือ ๙ ขวบแล้วครับ  o22

เห็นด้วยกับรีบนค่ะ น่ารักจัง :o8:

ตกลงตั้มลูกใครอ่ะดูเป็นความลับจังแฮะ :serius2:

ตามลุ้นต่อไป.... :oni1:
อันนี้ เขียนเป็นตอนพิเศษดีไหมครับ  :laugh3:

ได้ตั้วมา 3 ใบเลยแหนะ

อิอิ

แต่ยังมะเข้าใจอะ  ว่าตั้มคิดไงกะปอกันแน่

แป่ว

 o2
เพื่อนไงครับ เพื่อนที่นั่งเรียนด้วยกัน มักจะสนิทกันเป็นพิเศษ แล้วหลังๆ ปอ ดีกับ ตั้ม มาก ตั้ม เลยยิ่งไว้ใจไงครับ แล้วอาจจะรำคาญก็ได้ที่ ปอ เอาแต่ถามอยู่ทุกวันว่าซ้อมละครเป็นยังไง  o3

ว่าแต่ อยากไปดูตั้มเล่นละครด้วยอ่ะ
เล่นเป็นนางเอกชิมิเคอะ   :m12:
ทำเป็นอ้ำอึ้งไม่ยอมบอกนะ 
แต่เราก็รู้    :laugh:

หง่ะ โดนดักคอ  :o211: แต่จะเป้นนางเอกจริงเร๊อออ....อาจจะเป็นเจ้าชายอังเดรก็ได้นะครับ แล้วรุ่นพี่ ๑ ใน ๓ คนเป็นนางเอก  :laugh3:

หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๔๓/๒๙ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 29-04-2008 19:56:53
http://media.imeem.com/m/u6G4PRo5P3/aus=false/

๔๓ ละครวันซ้อมใหญ

“ปอ มาแล้วเหรอ เอ้านี่สูจิบัตร รีบเข้าไปนั่งเลย ตั๋วพวกนายมีเลขที่นั่งด้วย แถวที่สามนะ” ตุ่ม บอกผมพลางยื่นสูจิบัตรละครเล่มบางๆให้พวกผมคนละเล่ม ครูจันทร์ เป็นครูที่ปรึกษาคนหนึ่งของห้อง ๔/๙ นักเรียนในห้องจึงต้องมาช่วยงานในห้องประชุม
“เฮ้ย แล้วไอ้ตั้ม มันเล่นเป็นตัวอะไรวะ” ผมถาม
“เข้าไปก่อน แล้วอ่านดูในสูจิบัตรแล้วกันหว่ะ” ตุ่ม มันตอบยิ้มๆ พลางยักคิ้วให้ผมอย่างมีเลศนัย “เข้าไปก่อน ยืนนี่เกะกะ ชิ่วๆ” ตุ่มพูดพลางโบกมือไล่ แล้วหัวเราะเบาๆ

พวกผม ๓ คนจึงได้เดินเข้าห้องประชุมไป พอเข้าไปก็มองไปที่ตั๋ว เห็นมีเลขที่นั่งเขียนอยู่บนมุมบนด้านขวา
“C-15 มันอยู่ตรงไหนวะ” ผมหันไปถาม พล กับ นัส
“หน้าๆ” นัส บอก ...เออ กูรู้แล้วไอ้ตุ่มเพิ่งบอกตะกี้... ปอ นึกในใจ
พวกเราก็เลยเดินขึ้นไปด้านหน้าของหอประชุม เห็นมีตัวอักษรพร้อมตัวเลขติดอยู่ที่เก้าอี้ ผมเจอแล้ว แถว C แถวที่สามจากด้านหน้าเหมือนที่ ตุ่ม บอก พวกผมกำลังจะเดินเข้าไปนั่ง ก็มีนักเรียนห้อง ๔/๙ คนหนึ่งเข้ามาขอดูตั๋ว พอผมยื่นให้ ก็บอกพวกเราให้ไปนั่งที่เก้าอี้ตรงกลางๆแถว ที่มีหมายเลขติดอยู่
“นายเพื่อน ตั้ม ใช่รึเปล่าวะ ได้ที่นั่งดีซะด้วย ดูละครให้สนุกนะ” มันยิ้มให้พวกเราก่อนจะเดินไปดูแลที่นั่งให้คนที่ทยอยเดินเข้ามาในห้องประชุม ผมก็เลยนึกออก คนนี้เหมือนจะชื่อ เป็ด เป็นเพื่อนในห้อง ๓/๖ ที่ ตั้ม เคยเรียนด้วย

“ตั๋วฟรี ที่นั่งก็ดี” นัสพูดยิ้มๆ
“นั่นดิ เห็นขายตั๋วกันด้วย แต่ก็ยังมีคนเข้ามาดูกันเยอะนะเว๊ย” พล พูด
“เออ กูเห็นแล้ว พวกกระเทยกลุ่มนั้นแม่งกรี๊ดกร๊าดกันใหญ่ พระเอก พระรอง หล่อๆทั้งนั้นนี่หว่า” ผมพูดอย่างหมั่นไส้
“นางเอกก็ใช่ย่อยนะเว๊ย เห็นเค้าว่าทั้งสวย ทั้งน่ารัก” พล พูดยิ้มๆ
“แต่กูยังสงสัยอยู่เลยหว่ะ ไอ้ตั้ม มันเล่นเป็นตัวอะไรวะ” ผมพูดพลางทำท่าจะเปิดสูจิบัตรดู
“เฮ๊ย” เสียง นัส อุทาน พอหันไปมองก็เห็นมันดูในสูจิบัตรด้วยสีหน้าตกใจ
“อะไรของเอ็งวะ” ผม หันไปเอ็ดมัน
“ตั้ม”มันทำหน้าตื่นๆ เอามือชี้ไปบนสูจิบัตร ผมเลยชะโงกไปดู
“เฮ๊ย อะไรวะ” พล อุทาน
“เชี๊ย ล้อเล่นน่า” ผม แปลกใจไม่แพ้กันเมื่อเห็นชื่อนักแสดงในสูจิบัตร

เจ้าหญิงอันโดรเมดา             นายศิลปี   ********* นักเรียนชั้นมัธยมปีที่ ๔/๘
.................................................................................
.......................................
( คลื่นกระทบฝั่ง )
... อันโดรเมดาสุดาวรรค์                   ยิ่งกว่าชีวันเสน่หา
ขอเชิญสาวสวรรค์ขวัญฟ้า                  เปิดวิมานมองมาให้ชื่นใจ
ถึงกลางวันสุริยันแจ่มประจักษ์             ไม่เห็นหน้านงลักษณ์ยิ่งมืดใหญ่
ถึงราตรีมีจันทร์อันอำไพ                    ไม่เห็นโฉมประโลมใจก็มืดมน
อ้าดวงสุริย์ศรีของพี่เอ๋ย                     ขอเชิญเผยหน้าต่างนางอีกหน
ขอเชิญจันทร์แจ่มกระจ่างกลางสกล       เยี่ยมให้พี่ยลเยือกอุรา...

( บังใบ )
...กามเทพหลอกลวงเสียบศรปักทรวงให้ห่วงหา
ให้รักแล้วใยมาริดรักลาแรมไกล
รักของข้าดั่งบัวบังใบบังมิให้ใครเห็น
คร่ำครวญหวนทุกเช้าเย็นตรอมตรม
สุดหักสุดหายหัวใจมิวายระทม                                 
สุดตรอมสุดตรมใจยิ่งคิดยิ่งให้โหยหา
ตัองบังรักไว้ไม่กล้าบอกใคร
เย็นย่ำสุริยาตะวันจากลาพามืดมิด
โอ้ช่างเหมือนดวงจิตมิดมืดยามรักไกล
น้ำตาตกตามตะวันนึกแล้วหวั่นพรั่นใจ
อกเอ๋ยทำฉันใดเล่าเอย
คู่ชื่นคู่เชยรักร้างเลยแรมลายิ่งพาให้หนาวไฉน
ปองรักอย่างบัวบังใบต้องช้ำหัวใจเรื่อยมา....

( แขกสาหร่าย )
... ถ้าแม้นเลือกเกิดได้ตามใจพี่    จะไปพ้นที่นี้นั้นหาไม่
จะยืนชมขวัญตาผู้ยาใจ             กว่าจะได้สวมกอดแม่ยอดรัก
ถ้าแม้นไม่เกรงใจบิดาเจ้า           จะลักองค์นงเยาว์จากตำหนัก
นี่หากเกรงโฉมฉายจะขายพักตร์    จึงจำหักใจคอยดูถ้อยที ...

ร่างบางบนเวที ที่มีใบหน้าหวานๆ ผมสีทองยาวไปถึงกลางหลัง ในชุดวิวาห์สีขาวบริสุทธิ์ ทำให้นักเรียนหลายคนถึงกับเป่าปาก วี๊ดวิ้ว ชอบอกชอบใจ และปรบมือให้ดังสนั่น เมื่อจบการแสดงลง ผมยังตกใจและประทับใจ ตั้ม มันไม่หายตั้งแต่มันออกมาในฉากแรก บทเจ้าหญิงแสนสวย ที่ทั้งสวยงาม อ่อนหวาน จะยกแขน จะเดินเหิน ก็ดูนุ่มนวลไปทุกย่างก้าว ท่าทางที่เหมือนจะไร้เดียงสา แต่เต็มไปด้วยความรับผิดชอบและความเสียสละ มันแสดงได้อย่างเป็นธรรมชาติ เพราะนั่นแทบจะเป็นบุคลิกแท้ๆของมันอยู่แล้ว ท่าทางเขินอายในฉากที่พระเอกร้องเพลงบอกรัก ยิ่งทำให้คนดูปรบมือด้วยความพออกพอใจ เมื่อถึงบทที่ตัวเอกทั้งสองโอบกอดกัน ก็มีเสียงปรบมือและเสียงเป่าปากดังเป็นระยะ โดยเฉพาะเสียงกรี๊ดจากกลุ่มกระเทยประจำโรงเรียนเวลาที่พระเอกและพระรองทั้ง ๓ ออกแสดง ยิ่งดังเป็นพิเศษ

เสียงปรบมือยังคงดังอยู่ลั่นห้องประชุม ละครครั้งนี้ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม
.................................................................................
.......................................

“เหนื่อยมั๊ย น้องตั้ม” พี่ติ๊ก ถามผมหลังจากที่เปลี่ยนชุดเสร็จ
“ก็นิดหน่อยอะค๊าบ แต่ตื่นเต้นมากว่าอะ พี่ๆล่ะค๊าบ เหนื่อยกันแย่เลย” ผมตอบยิ้มๆ
“ตั้ม ทำได้ดีมากเลยนะวันนี้” พี่เอก พูดพลางตบไหล่ผมเบาๆ ๒-๓ ที พี่วิทย์ก็เดินมามองผมยิ้มๆ
“ขอบคุณค๊าบบ” ผมยิ้มกว้าง
“นู๋ตั้ม ยังไงอีก ๓ วันที่เหลือก็ฝากด้วยนะ” พี่ไก่ กับ พี่วัน เดินเข้ามาบอกผมยิ้มๆ พี่ทั้ง ๒ คนปรกติจะว่าผมอยู่ตลอด วันนี้มายิ้มให้ผม ผมจึงยิ้มกว้างด้วยความดีใจ
“พี่ๆต้องคอยช่วย ตั้ม ด้วยนะค๊าบ มีอะไรก็ช่วยบอกช่วยสอน ตั้ม ด้วย ตั้ม กลัวจะทำอะไรพลาดไปเหมือนกัน”ผมพูดยิ้มๆ
“ตั้ม พยายามขนาดนี้ ต้องทำได้ดีแน่ครับ” พี่วิทย์ พูดเบาๆ
“งั้น ๓ วันที่เหลือพวกเรามาพยายามด้วยกัน เพื่อละครของเรา” พี่ติ๊ก ยื่นมือออกมา
“เพื่อโรงเรียนของเรา” พี่เอก เอามือไปจับมือพี่ติ๊ก
“เพื่อ ครูจันทร์ ของพวกเรา” พี่วันบอก
พวกเราก็เอามือไปจับไว้ด้วยกัน แล้วร้อง เย้ ออกมาดังๆ

ครูจันทร์ ยืนมองอยู่ไม่ห่างจากพวกเด็กๆนัก ยิ้มด้วยความเอ็นดูและภาคภูมิใจในตัวนักเรียนทุกคนของครู

หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๔๓/๒๙ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: salapaw ที่ 29-04-2008 20:14:52
ว้ายๆๆๆๆ  ถามด่วน  มีรูปตอนนั้นป่าวคะ  ขอดูๆๆๆ

 :o8:  :o8:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๔๔/๒๙ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 29-04-2008 20:34:15
๔๔ การแสดงวันสุดท้าย

ก่อนการแสดงประมาณ ๑๐ นาที ผมก็เตรียมพร้อมอยู่ที่หลังเวที รอบนี้เป็นการแสดงรอบสุดท้ายแล้ว ผมตั้งใจไว้ว่า จะทำให้ดีที่สุดมากกว่าที่ผ่านๆมา แต่ใจผมอดกังวลไม่ได้ เพราะป่านนี้แล้ว ผมก็ยังไม่เห็นคนที่ผมรอคอยมาตลอด ๓ วัน

“ตั้มๆ ตั้ม ดูนี่เร็ว” เสียง ตุ่ม เรียก พอผมหันไปก็เห็น ตุ่ม เดินเข้ามาหาพร้อมช่อดอกลิลลี่ช่อใหญ่ “เอ้า เอาไป” ตุ่ม ส่งให้แล้วยิ้มให้ผม
“อะไรอะ” ผมยังไม่ได้รับไว้ เพราะไม่รู้ว่าเป็นดอกไม้จากใคร
“รับไป ของนาย มีคนฝากมา” ตุ่ม ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ พลางส่งช่อดอกไม้ให้ผม
“ใครให้มาอะ” ผมรับมาอย่าง งงๆ
“อ่านในการ์ดสิวะ” ตุ่ม บอกพลางหยิบการ์ดสีขาวใบเล็ก ที่เสียบอยู่ระหว่างก้านดอกไม้ออกมาให้ผมอ่าน

...แสดงให้เต็มที่นะ พี่ๆคอยดูอยู่...
จาก พี่ราญ และ พี่ชัย


“พี่ราญ อะ ตุ่ม พี่ราญ แล้วก็ พี่ชัย ด้วย” ผมพูดเกือบตะโกนด้วยความดีใจ เผลอตัวเรียก ชัย เป็น พี่ชัย ไปด้วย พลางรู้สึกว่าน้ำตาซึมออกมา
“อ้าว อย่าเพิ่งเป่าปี่ซิวะ” ตุ่ม พูดพลางหากระดาษชำระส่งให้ผม ผมรับมาแล้วซับๆน้ำตาที่รื้นอยู่ตรงหัวตาให้แห้ง
“ก็ดีใจอะ ที่บ้านเราไม่มีใครมาเลย มี พี่ราญ นี่แหละที่เราจะได้คิดว่ามีพี่ชายมาดู พวกนายก็ด้วยนะ เมื่อวานแห่กันมาซะเราตกใจ” ผมหัวเราะ พลางนึกถึง พวกกร จก ต่อ เต่า วา โชค แล้วยังพวก ศักดิ์ สิทธิ์ สมชาย ที่รวมกลุ่มมาดูกันเมื่อวานนี้ พร้อมกับกุหลาบสีชมพูช่อใหญ่ที่เอามาให้ผม
“เออ เอาดอกไม้มานี่ก่อน เดี๋ยวจะแขวนไว้ให้แถวนี้แล้วกันนะ แสดงให้ดีๆล่ะ รอบสุดท้ายแล้ว” ตุ่ม พูดแล้วก็คว้าเอาช่อดอกไม้จากมือผมไปหาที่แขวนไว้ตรงผนัง บริเวณที่ผมสามารถมองเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะอยู่มุมไหนของหลังเวทีก็ตาม
“ไง ดอกไม้จากใครล่ะนั่น สวยเชียว” พี่เอก ในชุดทหารแบบฝรั่ง เสื้อสีแดง กางเกงสีกรมท่า เดินเข้ามาหาผม พร้อมกับพี่วิทย์ และพี่ติ๊ก ในชุดแบบเดียวกัน ทั้งสามคนมองดูเด็กชายที่กลายเป็นสาวน้อยผมทองด้วยสายตาชื่นชม
“จากพี่ชายค๊าบ” ผมตอบพลางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
“เหรอ งั้นวันนี้เต็มที่ล่ะสิ” พึ่ติ๊ก หัวเราะน้อยๆ
“เต็มที่ทุกวันแหละค๊าบพี่ รอบนี้รอบสุดท้าย ยังไงก็ต้องพยายามให้ดีที่สุดอะค๊าบ”ผมยังยิ้มหน้าบานไม่หุบ
“แล้วอย่าเผลอ ค๊าบๆ บนเวทีล่ะ เดี๋ยวคนดูเค้าจะนึกว่าเจ้าหญิงเป็นทอมไปซะ” พี่วิทย์ พูดแซวเบาๆ แล้วพวกเราก็หัวเราะขึ้นพร้อมกัน
“มาเติมตาก่อน ตั้ม จางหมดแล้ว” พี่วัน พูดพลางหยิบอายแชโดว์มาระบายเพิ่มเติมให้ผม
.........................................................................
................................

พอแสดงเสร็จ ครูก็เรียกให้พวกเราถ่ายรูปกันเยอะพอสมควร ทั้งรูปเดี่ยว รูปหมู่ เพื่อเป็นที่ระลึก และเพื่อใช้ทำหนังสือรุ่นของพวกพี่ติ๊ก พี่เอก และพี่วิทย์ ที่จะจบชั้น ม.๖ ในเทอมนี้ ถ่ายรูปกันเสร็จผมก็รีบเปลี่ยนเสื้อผ้า กลับมาเป็นกางเกงสามส่วนสีน้ำตาลโกโก้ เสื้อยืดโปโลแขนยาวสีเหลืองสด รองเท้าผ้าใบกับถุงเท้าสีขาว คว้ากระเป๋าสะพายมาสะพาย ใส่หมวกสีเหลืองเข้มหันปีกหมวกไปไว้ที่ท้ายทอย หยิบแว่นตาออกมาสวม ไม่ลืมช่อดอกลิลลี่ที่แขวนไว้ รีบวิ่งออกมาจากหอประชุม ไม่ได้สนใจกับเสียงเรียกของ พี่เอก ที่เรียกตามหลังมาแว่วๆ
พอมาถึงบริเวณประตูหน้าของห้องประชุม ผมก็มองหา พี่ราญ กับ พี่ชัย ก็ไม่เห็นใครเลยสักคน
“ตั้ม ไม่ต้องหาหรอก กลับไปแล้ว” เสียง ตุ่ม เรียกมาจากข้างหลัง ผมก็หันไปตามเสียงเรียก “เอ้า นี่ ราญ ฝากไว้ให้” ตุ่ม ยื่นการ์ดสีชมพูอ่อนให้ผม ผมกางออกอ่านในการ์ด

...ทำได้ดีมากเลยนะ เจ้าหญิงน้อยๆของพี่ชาย
ต้องขอโทษด้วยที่อยู่เจอไม่ได้ เพราะมีธุระที่ต้องไปทำ
แล้วจะพยายามหาเวลาว่างมาหาใหม่...
รักและเป็นห่วงน้องเสมอ
พี่ราญ


ผมอ่านจบก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ พลางบรรจงเก็บการ์ดนั้นไว้ รวมกับการ์ดใบแรกที่อยู่ในกระเป๋าสะพายของผม
“ขอบใจนะ ตุ่ม อุตส่าห์เก็บไว้ให้” ผมยิ้มให้ตุ่ม
“ไม่เป็นไรหรอก ไปหา เต่า กันมะ แล้วเดินเล่นกันหน่อย งานโรงเรียนตัวเองไม่ได้ดู ใครรู้เข้าอายเขาแย่”
ตุ่ม พูดจบก็เดินนำผมไปหาเต่า ซึ่งกำลังเดินดูของที่ขายอยู่บริเวณห้องประชุม แล้วพวกเรา ๓ คนก็เดินดูกิจกรรมต่างๆในงานของโรงเรียน จนถึงเวลางานปิด ก็แยกย้ายกันกลับบ้านไป

         
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๔๔/๒๙ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: AidinEiEi ที่ 29-04-2008 20:58:34
 :m1:งานนี้ตั้มคงเนื้อหอมน่าดูล่ะสิ   :m4:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๔๔/๒๙ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: อาจารย์..สีฟ้า ที่ 29-04-2008 21:06:42
เข้ามาติดตามและเป็นกำลังใจให้เหมือนเดิมครับ  :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๔๔/๒๙ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: สาวตัวกลม ที่ 30-04-2008 02:28:49
ตามสีฟ้า มาให้กำลังใจคนเขียนจ้า :o8:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๔๔/๒๙ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: Just let it be ที่ 30-04-2008 07:55:02
ฮิ้ววว

เจ้าหญิงมาแล้ว

แล้วเจ้าชายไปไหนหงะ

ยังมะมาหาเจ้าหญิงตัวน้อยอีกเหรอไงเนี่ย

เดวได้มีคนซิวตัวเจ้าหญิงไปก่อนหรอก  แง่มๆ

 :m32:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๔๔/๒๙ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 30-04-2008 08:06:52
แง้ ...  :serius2:
เอาเพลงใส่แล้วมันไม่ขึ้นอะค๊าบบบ
ครายช่วยป๋มที  o2
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๔๔/๒๙ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 30-04-2008 15:25:22
รอเจ้าหญิงคนสวยนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๔๕/๓๐ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 30-04-2008 19:15:42
๔๕ แบ่งครึ่ง

“ศิลปี เดี๋ยวทานข้าวเสร็จแล้วครูวานไปเรียกนายเอก กับนายวิทย์ ให้ไปพบครูที่ห้องพักครูหน่อยนะ” ครูจันทร์ บอกก่อนออกจากห้องเรียนเมื่อหมดคาบเรียนวิชาร้อยกรอง

“พี่ค๊าบ พี่เอก กับ พี่วิทย์ อยู่มั๊ยอะค๊าบ” ผมถามรุ่นพี่สองคนที่ยืนอยู่หน้าห้อง
“อยู่ เดี๋ยวพี่เรียกให้” พูดจบพี่คนนั้นก็ตะโกนเข้าไปในห้อง “ เอก วิทย์ มีคนมาหาโว๊ย”
“เออ เดี๋ยวนะบอกให้รอแป๊บนึง” เสียง พี่เอก ตะโกนบอกออกมา
“น้องมาคุยกับพี่ๆตรงนี้ดีกว่า” รุ่นพี่อีกคนพุดแล้วก็จูงแขนผมมาที่ระเบียง แล้วพากันหิ้วปีกผมยกตัวให้นั่งลงบนระเบียงแคบๆ พี่ๆเค้าตัวใหญ่กว่าผมเยอะก็เลยทำได้สบายๆ แล้วก็พากันปีนขึ้นมานั่งข้างๆผม คนละข้าง
“อ้าว เป็นอะไร หน้าซีดเชียว” รุ่นพี่ที่นั่งทางขวาก้มหน้ามาถาม
“ผมกลัวความสูงอะค๊าบ เมื่อกี้เลยตกใจ” ผมตอบไป
“ฮ่าๆๆ ไม่ต้องกลัวนะ เดี๋ยวพี่จับไว้ให้” รุ่นพี่ที่นั่งทางซ้ายพูดจบก็เอาแขนโอบเอวผมไว้ ในขณะที่รุ่นพี่ที่นั่งทางขวาเอาแขนโอบคอผม
“น้องรึเปล่าครับ ที่เล่นเป็น อันโดรเมดา ตอนงานโรงเรียนน่ะ” เสียงถามมาจากทางขวา
“ค๊าบ ตั้มเอง” ผมหันไปตอบยิ้มๆ แล้วก็ส่ายขาไปมา เพราะเริ่มหายกลัว
“เก่งนี่ บนเวทีสวยน่ารักเชียว”เสียงมาจากรุ่นพี่ที่อยู่ทางซ้าย
“ขอบคุณค๊าบบ”ผมหันไปยิ้มให้พี่เค้า แต่รู้สึกแปลกๆเหมือนมือของพี่เค้ามาลูบๆแถวตะโพก

“เฮ้ย ทำอะไรน้องเค้าวะ พวกนายออกมาเลย”
เสียง พี่วิทย์ มาจากทางประตูห้อง ผมมองไปก็เห็น พี่วิทย์ เดินมาด้วยสีหน้าตกใจ ข้างหลังมี พี่เอก เดินตามมา พอมาถึงตัวผม ก็ยกตัวผมให้ลงมาจากระเบียง พอเท้าผมถึงพื้นพี่เขาก็ปล่อยมือ แต่ผมยังยืนไม่มั่น ก็เลยเซทำท่าจะล้ม พี่วิทย์ ก็รวบตัวผมไปกอดไว้ หน้าผมซบอยู่กับไหล่พี่เค้า เพราะ พี่วิทย์ ตัวใหญ่กว่าผมมาก
“พี่วิทย์ ค๊าบ ตั้ม ยืนได้แล้ว” ผมบอกเบาๆ อึดอัดนิดๆ เพราะพี่เขากอดผมเสียแน่น “ตั้ม หายใจไม่ออกอะพี่”
“ขอบคุณค๊าบพี่” พอพี่วิทย์ปล่อยมือ ผมก็ขยับแว่นให้เข้าที่ แล้วเงยหน้าขี้นไปพูดกับพี่เขา เห็นพี่วิทย์หน้าแดง นิ่งเงียบไป
“มีอะไรครับ ตั้ม มาหาพวกพี่ถึงห้อง” พี่เอก เดินเข้ามาถาม ส่วนรุ่นพี่สองคนนั้นหายตัวไปแล้ว
“ครูจันทร์ บอกว่าให้พี่ไปพบที่ห้องพักครูหน่อยน่ะค๊าบ” ผมหันไปบอกพี่เอก
“อื้อ ขอบใจนะ ตั้ม เดี๋ยวพี่ไป” พี่เอก ตอบแล้วหันไปมอง พี่วิทย์ ยิ้มๆ
“งั้น ตั้ม ไปก่อนนะค๊าบ ไว้เจอกันค๊าบพี่”
พูดจบผมก็วิ่งปร๋อมาที่บันไดขึ้นตึก ๗ ที่อยู่ใกล้ๆ แล้วก็วิ่งขึ้นบันไดตรงกลับไปที่ห้อง
................................................................................
......................................

ปอ เองคิดว่าละครที่ผ่านมา คงทำให้ ตั้ม กลายเป็นคนเนื้อหอมไปทั้งโรงเรียนแน่ๆ แต่ ตั้ม ยังคงเป็นคนเดิม ใช้ชีวิตอยู่แค่ ห้องเรียน โรงอาหาร ห้องสมุด แต่พอมีใครมองมันแล้วหันมายิ้มให้ มันกลับตกใจแอบไปซ่อนตัวอยู่ในกลุ่มเพื่อนๆ ปอเคยถามว่า ทำไมต้องหลบขนาดนั้น
“สงสัยเราคงประหลาดอะ ปอ ดูดิ มีแต่คนมองเราแล้วหัวเราะ” ตั้ม พูดเศร้าๆ
“มึงเป็นถึงนางเอกละครเชียวนะเว๊ย ไมมึงคิดอย่างนี้วะ” ปอ ถาม
“นั่นมันบนเวทีอะปอ ทั้งซ้อมบทแล้วยังโดนจับแต่งหน้าแต่งตัวซะขนาดนั้น มันก็ต้องสวยอะสิ คนเค้าคงตกใจนิ ที่ตัวจริงทั้งดำ ทั้งอัปลักษณ์” ตั้ม พูดเบาๆแค่พอได้ยินกันสองคน

... นี่มันฝังใจขนาดนี้เชียวเหรอะวะ ... ปอ คิดแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่
................................................................................
......................................
สัปดาห์ถัดมา ในชั่วโมงเรียนวิชาร้อยกรองของ ครูจันทร์ ช่วง ๒๐ นาทีหลัง ครูก็ให้ทำงานส่งในชั่วโมงเพื่อเก็บคะแนนย่อย หลังจากที่ตั้มนำสมุดงานไปส่ง ครูจันทร์ก็ยื่นห่อของขวัญขนาดย่อม ที่ครูถือติดมาเข้ามาด้วยให้กับ ตั้ม
“เอ้านี่ ศิลปี ครูให้เป็นของที่ระลึกที่ช่วยเล่นละครให้ครู ไม่รู้จะชอบใจหรือเปล่านะ เพราะครูให้พวกสามทหารเสือเค้าไปซื้อให้”ครูจันทร์พูดยิ้มๆ แล้วก็หันไปตรวจงาน ตั้มก็เดินกลับมาที่โต๊ะ สามทหารเสือที่ครูจันทร์พูด หมายถึงพวก พี่เอก นั่นเอง
“ได้อะไรมาวะ ไอ้ตั้ม” ปอ กระซิบถาม เมื่อตั้มกลับไปนั่งที่เก้าอี้
“ม่ายรู้อะ” ตั้ม พูดพลางพลิกห่อของขวัญไปมา
“หารสองนะเว๊ย แบ่งกูครึ่งนึง” ปอ พูดยิ้มๆ
“อ้าว เรื่องไรอะ ทำไมต้องแบ่งนายด้วย” ตั้ม หันไปมอง ปอ  งงๆ
“เอาน่า กูบอกหารก็หารดิ แกะๆๆ จะได้แบ่งกัน”ปอ เชียร์ให้รีบแกะ
“นายทำงานให้เสร็จก่อนดิ แล้วเราค่อยแกะ” ตั้ม พูดต่อรอง
“ได้ๆ ตกลงมึงแบ่งให้กูครึ่งนึงใช่มะ”ปอ ถามอีก
“อื้อ แบ่งก็ได้อะ แต่นายรีบทำงานเร็วๆเหอะ เวลาจะหมดแล้ว” ตั้ม เร่งเพราะกลัวว่า ปอ จะทำงานส่งไม่ทัน
ปอ ก็ก้มหน้าก้มตาทำงานไปอีกพักหนึ่ง ก็ลุกขึ้นวิ่งเอาสมุดงานไปส่งครูที่หน้าชั้น แล้ววิ่งกลับมาที่โต๊ะ ครูจันทร์ มองตามยิ้มๆ เพราะได้ยินที่เด็กทั้งสองคุยกัน
“แกะเลย กูอยากรู้ว่าอะไร” ปอ เร่ง
“นั่นดิ ตั้ม อะไรวะ” พล ชะโงกหน้าเข้ามาถามจากข้างหลัง
“ดูด้วย” นัส เข้ามาร่วมวงอีกคน ทั้งสองคนเอางานไปส่ง ครูจันทร์ หลังปอหน่อยนึง

ตั้ม ก็เลยค่อยๆแกะกระดาษห่อของขวัญออก จนเห็นว่าข้างในเป็นกล่อง ๓ ใบ
“เฮ๊ย...”ปอ อุทาน
“ฮ่าๆๆ” พล หัวเราะใหญ่
“...........”คงมี นัส กับ ตั้ม ที่เงียบกันไปทั้งคู่ นัส เงียบเพราะกลั้นหัวเราะไว้ ส่วน ตั้ม เงียบเพราะ งง
กล่องทั้ง ๓ เป็นกล่องบรรจุกางเกงใน ยี่ห้อที่เพิ่งจะออกวางขายได้ไม่นานนัก ราคาก็ไม่ใช่ถูกๆเลยสำหรับนักเรียนมัธยมปลาย
“อ๊ะ ปอ เอาไปกล่องนึงแล้วกันนะ” ตั้ม ยิ้มพลางหยิบกล่องใบหนึ่งส่งให้ ปอ
“มึงจะแบ่งกูจริงๆเหรอวะ” ปอ ถามงงๆ
“มันสามกล่องอะ แบ่งไม่ลงตัว หรือ ปอ จะเอาไปสองดี” ตั้ม ถามพลางทำหน้ายุ่งเหมือนตัดสินใจไม่ถูก
“กล่องเดียวกูก็ดีใจตายแล้ว ที่เหลือมึงเก็บไว้เหอะ” ปอ ยิ้ม ...กูจะเอาไว้ใส่ให้มึงดู ฮ่าๆๆๆ... ปอ คิดพลางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่

...เฮ๊ย เดี๋ยวก่อน กูได้มาแล้วกูยังคิดแบบนี้ แล้วไอ้คนให้มันคิดยังไงวะ อย่าบอกนะเว๊ยว่ามันให้ของแบบนี้เพื่อให้ ตั้ม ใส่ให้มันดู... ปอ คิดได้ก็หันไปมอง ตั้ม หน้าตาตื่น
“ปอ เป็นไรอะ ทำไมทำหน้าแบบนั้น” ตั้ม ถามเมื่อหันมาเห็นสีหน้าของ ปอ
“เปล่าๆ กูคิดอะไรเหลวไหลไปเองหว่ะ” ปอ ตอบไม่ค่อยเต็มเสียงนัก

...สงสัยกูต้องทำอะไรบ้างแล้วหว่ะ แบบนี้ท่าจะไม่ไหว เดี๋ยวลูกหมาของกูถูกคาบไปแดก กูก็แย่สิวะ...

หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๔๕/๓๐ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: AidinEiEi ที่ 30-04-2008 19:50:42
รีบๆเข้านะปอ :laugh: :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๔๕/๓๐ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: salapaw ที่ 30-04-2008 19:51:19
 :m16: :m16: ปอเอ๋ยเพิ่งคิดได้แงะ
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๔๖/๓๐ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 30-04-2008 21:16:20
๔๖ หมามุ่ย

หลังปีใหม่ผ่านมาได้ไม่กี่วัน บรรยากาศของความครึกครื้นในช่วงเทศกาล ก็กลับเข้าสู่บรรยากาศเคร่งเครียดตามปรกติของห้องเรียน เช้าวันนี้ พวกไมค์จับกลุ่มคุยกันถึงของอย่างหนึ่ง ที่ไมค์เอามาจากบ้านที่ต่างจังหวัด

“พวกมึงไม่เคยเห็นกันเหรอวะ” ไมค์ ถามเพื่อนๆทีกำลังมองของในถุงพลาสติกใสด้วยความสนใจ
“เออหว่ะ ในเมืองแบบนี้คงไม่มีหรอก แล้วมันอันตรายด้วยนี่หว่า” ปุง พูด
“ไม่เท่าไหร่หรอก แค่คันๆ ลองมั๊ยวะ” ไมค์ถามพรรคพวก
“จะเอางั้นเหรอ ไม่ดีมังวะ เดี๋ยวครูรู้เข้าจะโดนเอ็ดรึเปล่า” พล อดห่วงไม่ได้
“เฮ้ย ไม่โดนหรอก เดี๋ยวพักกลางวันก่อน กูจัดการเอง” ไมค์ พูดพลางเหลือบมองไปยังเป้าหมายที่เขาเล็งไว้
.................................................................................
..................................

คาบเรียนหลังพักเที่ยงวันนี้ เป็นวิชาการอ่านภาษาอังกฤษ เมื่อครูผู้สอนเข้าห้องมา ตั้ม ก็หยิบหนังสือขึ้นมาบนโต๊ะ พลางเปิดไปยังหน้าที่ครูให้ไปอ่านมาล่วงหน้าตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว
...อะไรอะ เต็มหนังสือไปหมด... ตั้ม คิดในใจ พลางเอามือปัดสิ่งที่เป็นเหมือนขนแมว ซึ่งกระจากอยู่เต็มหน้าหนังสือให้ตกลงไปบนพื้น แต่ก็มีบางส่วน หล่นไปอยู่บริเวณขาเหนือเข่า และบางส่วนก็ติดอยู่ที่มือ ตั้ม จึงเอามือปัดไปตามขา และมือ  แต่เหมือนสิ่งที่ดูคล้ายขนแมวนั้นไม่ยอมหลุดออกไป มิหนำซ้ำ อาการคันก็เริ่มเกิดขึ้นตามมือ และขา ตั้มเริ่มเกาไปทั่ว ยิ่งเกาเหมือนมันยิ่งกระจายขึ้นมาตามแขน และลงไปยังขาใต้เข่า

“ตั้ม มึงเป็นอะไรวะ ยุกยิกๆอยู่นั่นแหละ” ปอ หันมาถามเบาๆ ครูที่สอนอยู่หน้าห้องก็เริ่มมองมา
“ไม่รู้อะ ปอ มันคันไปหมดเลย” ตั้ม บอก พลางหน้าเริ่มแดง ขอบตาก็เริ่มแดงเหมือนจะร้องไห้
“เฮ๊ย ทำไมแขนมึงเป็นแบบนั้น โดนอะไรวะ” ปอ พูดด้วยความตกใจ เพราะเห็นแขน ตั้ม แดงเป็นจ้ำๆ
 ...เฮ้ย หรือว่ามันโดนหมามุ่ย.. ปอคิดพลางหันหลังไปมอง ไมค์  ก็เห็น ไมค์ เหลือมสายตามามองพอดี สีหน้าเหมือนพอใจอย่างมาก และเขาก็เห็น พล กับ นัส มองมาที่ ตั้ม ด้วยสีหน้าตื่นๆ หันกลับมาที่ ตั้ม ก็เห็น ก้มหน้านิ่ง กัดริมฝีปากแน่น น้ำตาไหล ไหล่สั่นเล็กน้อย

“ศิลปี เป็นอะไร” ครูถามเสียงดุๆ พลางเดินมาที่โต๊ะ
“...ฮึก....ฮึก” ไม่มีเสียงตอบ มีแต่เสียงสะอื้น
“ตายแล้ว แขนเธอเป็นอะไร” ครูพูดเมื่อเห็นแขน ตั้ม รอยแดงเป็นจ้ำๆ เริ่มมีตุ่มเล็กๆขึ้นมาด้วย
“เธอไปทำอะไรมาน่ะ ศิลปี ถึงได้เป็นแบบนี้” ครูขวมดคิ้วถาม “แล้วนี่อะไร เอาแต่ร้องไห้”
“คันค๊าบ ครู”ตั้ม เค้นเสียงพูด
“ไป ไปทายาที่ห้องพยาบาล ใครไปเป็นเพื่อนด้วยคนนึงซิ” ครูพูดอย่างรำคาญ
“ผมไปเองครับ” วัฒน์ รีบอาสา พลางเดินมาที่โต๊ะ จับต้นแขน ตั้ม พาเดินช้าๆออกไปจากห้อง
.................................................................................
..................................
ปรกติห้องพยาบาลจะไม่มีครูอยู่ประจำ นักเรียนที่เข้ามาใช้ หรือขอยา ก็ต้องไปบอกครูที่อยู่ในห้องพักครูใกล้ๆ แล้วครูที่ว่างก็จะเข้ามาหยิบยาให้ และเซนต์ลงในสมุด โชคดีที่วันนั้น ครูอร ครูที่ปรึกษาของกลุ่มอยู่พอดี ครูอร จึงมาที่ห้องพยาบาลด้วย
“ไหน ศิลปี ครูดูหน่อยซิ ว่าเป็นอะไร” ครูอร นั่งลงบนเก้าอี้ แล้วบอกกับ ตั้ม ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้อีกตัวหนึ่ง
ตั้ม ยื่นแขนให้ ครูอร ก็จับแขนทั้งสองข้างพลิกไปพลิกมา พลางพิจารณาดูอย่างละเอียด
“สงสัยจะหมามุ่ยน่ะครับ ครู” วัฒน์ บอกครู
“ตายแล้ว หมามุ่ยเหรอ ไปโดนมาจากไหน แล้วโดนได้ยังไง” ครูอร พูดด้วยน้ำเสียงตกใจ
“ผมเห็นอะไรเป็นขนๆไม่ทราบอะค๊าบอยู่ในหนังสือ ผมเลยเอามือปัดออก แล้วมันก็คันอะค๊าบครู” ตั้ม บอกเสียงเบาๆ ส่วนวัฒน์ ยืนขมวดคิ้วอยู่ข้างๆ
“ในหนังสือเลยเหรอ แสดงว่ามีคนเอามาโรยไว้สินะ” ครูอร พูดหลังจากนิ่งคิดอยู่สักพัก
แล้ว ครูอร ก็เดินไปหาอะไรสักอย่างจากตู้หลังห้องพยาบาล สักครู่ก็กลับมาพร้อมกับเทียนไข ๓-๔ เล่มและไฟแชค ครูอรเริ่มจุดไฟแชคลนไปตามแท่งเทียน แล้วเอาเทียนไขมาลูบตามแขนขาของ ตั้ม มีสิ่งที่คล้ายขนแมวติดออกมาเต็มไปหมด ครูอรทำอยู่หลายครั้ง
“คงออกมาได้แค่นี้มั๊ง เพราะบางชิ้นมันฝังเข้าเนื้อไปแล้ว วัฒน์หยิบสำลีให้ครูหน่อย” ครูอร พูดพลางเดินไปหยิบ คารามาย มาจากตู้ยา แล้วก็เอาสำลีชุบยาทาไปตามแขนขาของ ตั้ม ความเย็นของยา ทำให้อาการคันเบาบางลง
“เอาละเสร็จแล้ว คงค่อยยังชั่วขึ้นนะจ๊ะ อย่าไปเกามันล่ะ เดี๋ยวจะยิ่งคันมาก” ครูอร ยิ้มให้ “เล่นอะไรกันหนักไปแล้วนะ ถึงกับเอาหมามุ่ยมาเล่นกันที่โรงเรียน เดี๋ยวคงต้องจัดการกันซะหน่อยแล้ว เอาหล่ะ รีบไปเรียนต่อได้แล้วจ๊ะ”
“ขอบคุณค๊าบ” ตั้ม ยกมือไหว้ขอบคุณ ครูอร
“ขอบคุณครับครู” วัฒน์ ยกมือไหว้ของคุณ ครูอรด้วย แล้วก็จูงแขน ตั้ม เดินกลับไปห้อง
.................................................................................
..................................
“อะไรกัน ไปทายาแค่นื้ ทำไมนานนัก” ครูทำเสียงดุ
“พอดี ครูอร เอาหมามุ่ยออกจากแขน ศิลปี ก่อนครับครู ก็เลยนานหน่อย” วัฒน์ ตอบเบาๆ
“อะไรนะ หมามุ่ย” ครูขมวดคิ้ว นิ่งเงียบไปสักพัก ก็พูดต่อ “เอ้าเรียนกันต่อก็แล้วกัน” แล้วครูก็สอนต่อไปจนหมดคาบ

“ไอ้ไมค์ มึงใช่มะ เอาหมามุ่ยมาแกล้ง ตั้ม มัน” ปอ ลุกเดินไปหา ไมค์ ทันทีที่ครูก้าวออกไปจากห้อง
“เออ ทำไมวะ แค่สนุกๆ”ไมค์ ยิ้มกวนๆ
“สนุกกะพ่อเมิงสิ ไอ้ตั้ม มันคันจนร้องไห้” ปอ พูดโกรธๆ
“สำออยมากกว่าหว่ะ เรื่องแค่นี้” ไมค์ ยิ้มแค่นๆ
“อ้าว พูดงี้ก็สวยดิวะ” ปอ คว้าคอเสื้อ ไมค์
“อ้าว ได้ดิวะ นึกว่ากูกลัวมึงเหรอไง” ไมค์ลุกขึ้นยืน ทำท่าจะมีเรื่องกับปอ
“ปอ ปอ พอเหอะ เราไม่เป็นไรแล้ว” ตั้ม เดินมาจับมือ ปอ ออกจากคอเสื้อไมค์
“มึงไม่ต้องยุ่ง ถอยไป ไอ้ตั้ม” ปอ เอามือผลักไหล่ ตั้ม เบาๆ
“ทำตัวเป็นพระเอกเหรอมึง จะมีเรื่องกับกูเพราะอีกะเทยนี่ มาดิกูไม่กลัวมึงหรอก”
“ได้เลยมึง” ปอ พูดจบก็เงื้อหมัดชกไปที่หน้าไมค์

.....ผลั๊ว....โครม....ปัง....ทึบบบบบบบบบ
“เฮ๊ย ไอ้ตั้ม พวกมึงหยุดเดี๋ยวนี้เลย ไอ้ตั้มไปกองโน่นแล้ว” ปุง พูดเสียงดังด้วยความตกใจ พลางวิ่งไปที่ ตั้ม ที่ลงไปนอนหงายนิ่งอยู่บนพี้น ส่วน ปอ ได้แต่ยืน งง กับสิ่งที่เกิดขึ้น

ผลั๊วแรก เป็นเสียงหมัดของเขากระทบจังๆเข้ากับหน้าของ ตั้ม ที่วิ่งเข้ามาบัง ไมค์ ไว้
เสียงโครมถัดมา คือเสียงที่ ตั้ม โดนชกเซไปโดนโต๊ะ
ปัง คือเสียงเก้าอี้ล้ม
ทึบบบบบบบบบ....เสียงสุดท้าย เป็นเสียงหัวของ ตั้ม กระแทกกับพื้นปูน แว่นหลุดออกจากใบหน้า เลนส์กระจกแตกเป็นรอยเล็กๆไปทั่วเลนส์ทั้งสองข้าง

หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๔๖/๓๐ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: AidinEiEi ที่ 30-04-2008 21:38:31
 :serius2: :serius2:อ๊า!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!ตั้มอย่าเป็นอะไรน้า!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
ไอ้ไมค์ แกนะแก :angry2: :angry2:
ย๊ากกกกกกกกกกกกก :เตะ1: :เตะ1: :เตะ1:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๔๖/๓๐ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: salapaw ที่ 01-05-2008 10:11:51
 :m16: :serius2: :serius2: ตั้มทำไมทำงี้ล่ะ  ไม่ดีเลยน้า 55
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๔๖/๓๐ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: kongkilmania ที่ 01-05-2008 12:05:38
 :serius2:
 :m31:
ทำไมไอ้พวกขี้แกล้งมันไม่สูญพันธ์ไปซักทีวะเนี่ย   o12
ไอ้ไมค์   :angry2: ไอ้สาดดดดดด
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๔๓/๒๙ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 01-05-2008 22:33:33
ว้ายๆๆๆๆ  ถามด่วน  มีรูปตอนนั้นป่าวคะ  ขอดูๆๆๆ

 :o8:  :o8:
จะดูรูป ตั้ม หรือรูปสามหนุ่มกันแน่...รู้ทันนะ  :o9:
:m16: :m16: ปอเอ๋ยเพิ่งคิดได้แงะ
เดี๋ยวปอจะมาบอกครับว่า ทำไมถึงได้ไม่ยอมบอกซะที  :-[

:m16: :serius2: :serius2: ตั้มทำไมทำงี้ล่ะ  ไม่ดีเลยน้า 55
หง่ะ ตั้ม ทำอะไรเหรอ  :sad3:

:serius2: :serius2:อ๊า!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!ตั้มอย่าเป็นอะไรน้า!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
ไอ้ไมค์ แกนะแก :angry2: :angry2:
ย๊ากกกกกกกกกกกกก :เตะ1: :เตะ1: :เตะ1:
:serius2:
 :m31:
ทำไมไอ้พวกขี้แกล้งมันไม่สูญพันธ์ไปซักทีวะเนี่ย   o12
ไอ้ไมค์   :angry2: ไอ้สาดดดดดด
เอ้อ...ไม่มีใครว่าอะไร ปอ  มั่้งเหรอครับ  :confuse:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๔๖/๓๐ เมษายน ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: YO DEA ที่ 01-05-2008 22:35:50

 :oni2:
:m4:

ขอผมจิ้มๆๆๆ


อิอิ
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๔๗/๑ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 01-05-2008 23:03:43
๔๗ ตัวซวย

“ตั้ม เป็นไงมั่งวะ” เสียง ปอ ดังขึ้นข้างหูเมื่อ ตั้ม ค่อยลืมตาขึ้น แล้วพยายามยันตัวลุกขึ้นนั่ง
“................” ตั้ม ไม่ตอบอะไร แต่เอามือกุมขมับในขณะที่ ปอ ช่วยพยุงตัวให้ลุกขึ้นนั่ง มีอีกคนเอื้อมมือมาช่วยพยุงไว้อีกข้างหนึ่ง
“เป็นไงมั่งวะ” ตั้ม มองไปตามเสียงก็เป็น ปอ มองด้วยสายตาเป็นห่วง ก็เลยยิ้มน้อยๆให้ โดยที่ไม่ได้สังเกตว่า ปอ เหลือบสายตามองไปอีกด้านหนึ่งของเตียง แล้วกลับมามองที่ ตั้ม อีกครั้ง
“ปวดหัวอะ แล้วนี่ที่ไหน” ตั้ม ถามไปเพราะรู้สึกว่า ตัวเองนั่งอยู่บนเตียงในห้องที่ไม่ใช่ห้องเรียน
“ห้องพยาบาล ปวดหัวมากมั๊ยวะ” ปอ ตอบ แล้วถามอาการด้วยความเป็นห่วง
“แล้วทำไม ปอ มาอยู่นี่ ไม่ไปเรียน” ตั้ม ถามด้วยความสงสัย หลังจากที่เงียบไปซักพัก
“หมดคาบสุดท้ายไปแล้ว เอ็งสลบไปนานเลยนะเว๊ย ไม่เป็นไรนะ” ปอ บอก
“แล้วทำไม ปอ ไม่รีบกลับบ้าน ต้องไปช่วยงานที่บ้านไม่ใช่เหรอ” ตั้ม ถามอีก
“ไม่เป็นไร กลับช้าหน่อย ดูเอ็งก่อนดีกว่าว่าเป็นอะไรมากรึเปล่า” ปอ ตอบไป ....ดูมัน ยังมีหน้ามาห่วงกูอีก
“แล้ว ไมค์ ล่ะ ปอ อย่าทะเลาะกับ ไมค์ เลยนะ ไงก็เพื่อนกันอะ” ตั้ม บอก ปอ ด้วยสายตาอ้อนวอน
“เออ ไม่ทะเลาะกันแล้ว แล้วนี่เจ็บรึเปล่า โดนชกไปน่ะ” ปอ จับหน้า ตั้ม  เอียงไปมา “แล้วนี่ดูแขนขาเอ็งดิ๊ เป็นตุ่มเล็กๆต็มไปหมด คันรึเปล่าวะ” ปอ พูดแล้วลูบแขน ตั้ม เบาๆ
“ว๊า....พูดขึ้นมาแล้วคันเลยอะ” ตั้ม ขมวดคิ้ว “แต่ ครูอร บอกว่า อย่าเกา เดี๋ยวยิ่งเป็นมาก”
“ตั้ม ไม่โกรธเหรอวะ โดนหมามุ่ยเนี่ย” ปอ ถามเบาๆ
“ช่างเหอะ” ตั้มยิ้มบางๆ “เพื่อนคงล้อเล่นน่ะ คันแค่นี้เอง ทายาอีก เดี๋ยวก็หาย”
“ตั้ม..เอ้อ เรา...เราขอโทษ” เสียงดังมาจากอีกด้านหนึ่งของเตียง ตั้มหันไปก็เห็น ไมค์ นั่งมองมาด้วยความเสียใจ
“อ้าว ไมค์ เราขอโทษนะ ปอ มีเรื่องกับนายเพราะเราแท้ๆเลย” ตั้ม พูดด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความเสียใจ ไมค์ เห็นแล้วก็ยิ่งละอายใจในสิ่งที่เขาทำลงไป

“ฟื้นแล้วเหรอจ๊ะ ศิลปี เป็นไงมั่ง” ครูอร เดินเข้ามาในห้องพักครู พร้อมกับ วัฒน์ และ หมู
“ปวดหัวนิดหน่อยค๊าบ ครู” ตั้ม ตอบเบาๆ
“งั้นนอนพักต่อก่อนก็ได้จ๊ะ หรือไม่ก็นั่งพักไปก่อน เดี๋ยวซักพักพี่ชายจะมารับนะ ครูโทรฯติดต่อไปแล้วเมื่อตอนบ่าย” ครูอร พูดด้วยสายตาห่วงใย “เดี๋ยวครูไปรอพี่เธอที่ห้องพักครูก่อนนะ อีกซักพักคงมาแล้ว” แล้วครูอรก็เดินออกจากห้องพยาบาลไป ตั้มเหลือบมองนาฬิกา แต่ก็มองไม่ค่อยชัดว่ากี่โมงกันแน่
“กี่โมงแล้วอะ” ตั้ม ถามออกไป
“จะสี่โมงแล้ว ศิลปี นอนพักอีกหน่อยมั๊ย” วัฒน์บอกพลางเดินมานั่งลงบริเวณหัวเตียง ส่วนหมูนั่งลงไปตรงปลายเตียง
“ไม่อะ” ตั้ม ตอบแล้วหันไปทาง ปอ “ปอ กลับก่อนดีกว่ามังอะ เราไม่เป็นไรแล้ว”
“อยากให้กูกลับมากนักเหรอวะ” ปอ พูดด้วยความน้อยใจ
“ก็ ปอ ไม่เคยกลับบ้านผิดเวลา นี่จะสี่โมงอยู่แล้ว ที่บ้านจะว่าไงอะ” ตั้ม บอกด้วยสีหน้าเป็นห่วง
“งั้นกูกลับก่อนก็ได้” ปอ พูดน้ำเสียงดีขึ้น พร้อมกับยิ้มแป้น พลางหยิบเป้ที่วางอยู่บนพื้นมาสะพาย .... ที่แท้มึงห่วงกู ชื่นใจฉิบหายเลย
“พรุ่งนี้เจอกันนะ ลูกหมาน้อยของกู” ปอ พูดแล้วก็เอามือขยี้ปอยผมด้านหน้าของ ตั้ม เบาๆด้วยความรักและเอ็นดู ตั้ม ก็ได้แต่ยิ้มให้
“เรากลับด้วยนะ เอ้อ....หายไวไวนะ ตั้ม” ไมค์พูด ตั้ม หันไปยิ้มให้ แล้ว ไมค์ก็เดินออกไปพร้อมกับปอ

“ตั้ม เป็นอะไรอะ” หมู ถามเสียงตื่นๆเมื่อเห็น ตั้ม มีน้ำตาไหลออกมา
“ศิลปี เป็นอะไร ร้องไห้ทำไม เจ็บตรงไหน” วัฒน์ ถามด้วยความตกใจไม่แพ้กัน และยิ่งตกใจยิ่งขึ้น เมื่อเห็น ตั้มก้มหน้าปิดตา เม้มฝีปากแน่น ไหล่สะท้านไม่หยุด เพราะพยายามกลั้นน้ำตาและเสียงสะอื้นเอาไว้

...เอาอีกแล้ว ทำไมเป็นแบบนี้ สงสัย ตั้ม เป็นตัวซวยจริงๆ อยู่บ้าน ก็เป็นต้นเหตุให้พ่อกับแม่ทะเลาะกันจนแยกกันอยู่ พอมาโรงเรียน ก็เป็นต้นเหตุให้เพื่อนทะเลาะกันอีก ตั้ม มันตัวซวย...
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๔๗/๑ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: YO DEA ที่ 01-05-2008 23:18:02
^
|
|
|
|

จิ้มอีกๆๆ


อิอิ

 :m1:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๔๗/๑ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 01-05-2008 23:47:44
อึ้งไปกับความคิดของตั้ม....เฮ้อ
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๔๗/๑ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: AidinEiEi ที่ 01-05-2008 23:56:46
อึ้ง เหมือนกับรีบนเลยอ่ะ

เอ้อ...ไม่มีใครว่าอะไร ปอ  มั่้งเหรอครับ  :confuse:
[/quote]
ก็ปอไม่ใช่ต้นเหตุของเรื่องนี่คะ
ทีทำไปก็เพราะ รัก ตั้ม นิ :o8:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๔๗/๑ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: salapaw ที่ 02-05-2008 09:39:59
  น้องตั้มถ้ายังคิดอย่างงี้อีก พี่ว่านะ ต้องเป็นบ้าสักวันแน่ๆๆ55555555 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๔๗/๑ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 02-05-2008 10:06:45
ความคิด มันต้องมีสาเหตุ มีที่มา กำลังคิดอยู่ครับ ว่าจะเขียนถึงที่มาของคำว่า "ตัวซวย" นี้ดีหรือไม่ เพราะมันเกี่ยวพันกับอะไรที่วุ่นวายพอควร เอาเป็นว่า อ่านเรืองของ ปอ กันบ้างดีกว่านะครับ  :amen:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๔๘/๒ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 02-05-2008 10:10:21
๔๘ ไม่กล้าบอก

“มึงเป็นอะไรของมึงวะ ขึ้นมาหาพวกกูถึงห้องแล้ว เสือกเอาแต่นั่งเงียบ” สิทธิ์ ถามพลางสงสัยในท่าทางของ ปอ ว่าทำไมเอาแต่นั่งขมวดคิ้ว ไม่ยอมพูดจา
“ไปทำอะไรไอ้ลูกหมามันอีกแล้วเหรอไงวะ” ชัย ถามยิ้มๆ ปอ เงยหน้าขึ้นมามองด้วยความตกใจ
“มึงรู้ได้ไงวะ” ปอ ถามด้วยความสงสัย
“ฮ่าๆๆ ที่แท้ไปมีเรื่องกับไอ้ลูกหมานี่เอง มิน่าเป็นหมาหงอยเลยนะมึง” สิทธิ์ พูดแล้วก็หัวเราะใหญ่
“กูกลุ้มจะตายห่าอยู่แล้ว มึงยังหัวเราะอีก” ปอ พูดอย่างอารมณ์เสีย
“ตกลงคราวนี้มึงไปทำอะไรเข้าอีกวะ หรือมีหมาตัวไหนจะมาคาบลูกหมามึงไปแดก” ชัย พูดกลั้วหัวเราะ

แล้วปอก็เล่าเรื่องที่เกิดขี้นเมื่อวานนี้ให้ทั้งสองคนฟังอย่างละเอียด ไม่เว้นแม้แต่เรื่องที่ ไมค์ พูดขอโทษก่อนที่จะแยกกันกลับบ้าน
“วันนี้มันไม่มาโรงเรียน กูเป็นห่วงหว่ะ”
“ไอ้เชี่ย ปอ มึงก่อเรื่องกับน้องกูไม่หยุดเลยนะมึง” ชัย เผลอพูดด้วยความโมโห
“อ้าว มันเป็นน้องมึงตั้งแต่เมื่อไหร่วะ” สิทธิ์ ถาม งงๆ
“พอแล้วมึง เลิกเก๊กกันได้แล้ว หรือมึงไม่ได้คิดว่าไอ้ตั้ม เป็นน้อง” ชัย พูดเลี่ยงไป “ไหนๆกูก็พูดแล้ว มาเปิดอกพูดกันเลยดีกว่าหว่ะ ว่าอะไรเป็นอะไร” ชัยพูดเป็นงานเป็นการ “กูน่ะทั้งรักทั้งห่วงมันนะเว๊ย มันน่ะน้องคนเล็กของกู กูคิดของกูแบบนี้ มึงว่ามา” ชัย หันไปถาม สิทธิ์
“กูเหรอ บอกไม่ถูกหว่ะ ว่าไปมันก็น่ารักดี แต่กูไม่ได้คิดมากขนาดมึง แค่เพื่อนที่อายุน้อยกว่า แล้วก็ไม่ค่อยสนิทกันมั๊ง” สิทธิ์ พูดห้วนๆ
“แล้วมึงอย่ามาเปลี่ยนที่หลังนะ กูจะหัวเราะให้ฟันหักเลย” ชัย ว่า แล้วก็หันหน้าไปทาง ปอ “มึงก็อีกคน รู้สึกยังไงทำไมไม่บอกมันไปซะทีวะ เดี๋ยวก็โดนคาบไปแดกหรอก”
“กู...กูไม่กล้าหว่ะ” ปอ พูดขลาดๆ “เมื่อก่อนกูไม่กล้า เพราะกูรู้สึกว่าด้อยกว่ามัน กูรู้สึกว่า กูควรจะเก่งกว่ามัน ควรจะเข้มแข็งกว่ามัน และควรเป็นกูที่ปกป้องมัน” ปอ หยุดพูดนิดหนึ่ง แล้วถอนหายใจยาว “แต่ที่ผ่านมา มันเรียนเก่งกว่ากู ท่าทางมันเหมือนไร้เดียงสา แต่กูกลับรู้สึกว่ามันเข้มแข็งกว่ากูซะอีก ที่สำคัญ มันปกป้องกูตั้งหลายครั้ง กูละอายหว่ะที่จะไปบอกมัน ว่ากูรักมัน แต่กูทำอะไรให้มันไม่ได้ซักอย่าง มีแต่ทำให้มันเจ็บตัว”
“มึงคิดมากหว่ะ” ชัย พูดแล้วเอามือวางบนไหล่ ปอ พลางบีบเบาๆเป็นการปลอบใจ และให้กำลังใจไปด้วยในตัว
“ตอนนี้กูยิ่งไม่กล้า เพราะกูรู้ มันชอบคนอื่นอยู่ มันอาจจะยังไม่รู้ตัว แต่กูรู้”  ปอ พูดด้วยสีหน้าเศร้าๆ
“แล้วมึงจะยอมแพ้เหรอวะ” สิทธิ์ ถาม “มึงพยายามมาจนขนาดนี้แล้วนะเว๊ย ตอนนี้มันไม่รู้ตัว ทำไมมึงไม่พยายามทำให้มันชอบมึงแทนก่อนที่มันจะรู้ตัวล่ะวะ”
“นั่นดิวะ ตั้ม มันไม่ได้ต้องการคนที่เก่งกว่ามันหรอก มันต้องการคนที่ให้ความอบอุ่นมันได้ตะหาก มึงอาจจะรู้สึกว่ามันเข้มแข็ง แต่จริงๆน่ะ มันบอบบางกว่าที่มึงคิดเยอะ” ชัย พูดแล้วก็คิดถึงร่างของเด็กชายตัวบางๆ ที่นั่งร้องไห้อยู่หน้าโลงศพในคราวนั้น
“มึงพูดเหมือนมึงรู้ดี” ปอ หันมามอง ชัย ด้วยสีหน้าสงสัย “แต่ตอนนี้กูห่วงมันหว่ะ หยุดเรียนไปเป็นอะไรมากรึเปล่าก็ไม่รู้”
“ไม่เป็นไรมั๊งวะ คราวก่อนที่มันหยุดเรียน ก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก มันแค่ต้องการเวลาพักฟื้นมากกว่าคนอื่นเท่านั้นเอง” สิทธิ์ พูดให้กำลังใจ “คราวนี้คงเหมือนกันแหละวะ โดนไปหลายอย่างนี่ คงต้องพักผ่อนมากหน่อย กูว่า มึงลองถาม ครูอร ดูสิวะ ว่าทางบ้านมันติดต่อมาทางโรงเรียนบ้างหรือเปล่า” สิทธิ์ เสนอความเห็น
“เออ จริงสิ มึงบอกว่าคนที่ชื่อ วัฒน์ กับ หมู อยู่กับมันเมื่อวานไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่ลองถามสองคนนั้นด้วยล่ะวะ” ชัย พูดอย่างนึกขึ้นได้
“เออ จริงด้วยหว่ะ ทำไมกูไม่ทันคิดว่ะ งั้นกูรีบไปถามพวกนั้นดูก่อน” ปอ พูดจบก็วิ่งออกไปจากห้องของ ชัย กับ สิทธิ์ ทั้งสองคนหันมามองหน้ากันพลางส่ายหน้าด้วยความระอาใจ
..........................................................................................
................................................

“วัฒน์.....วัฒน์” ปอ เดินเข้าไปในกลุ่มที่กำลังคุยกันอยู่ แล้วเรียก
“มีอะไรเหรอ ปอ” วัฒน์ หันมายิ้มให้
“เอ้อ” ปอ รู้สึกไม่ค่อยดีกับสายตา นึก และ โอ ที่มองมาอย่างโกรธๆ “นายรู้รึเปล่า ทำไม ตั้ม ไม่มาโรงเรียน” ปอ ตัดสินใจถาม
“อ้าว” วัฒน์ ทำหน้า งงๆ พลางหันไปมองหน้า หมู โอ โย่ง ดมและนึก ทีละคน แต่ละคนทำหน้าแหมือนไม่รู้ไม่ชี้  “นี่ไม่มีใครบอก ปอ เหรอ” วัฒน์ ถามเพื่อนๆ
“บอกทำไม” นึก พูดห้วนๆ ปอ ได้ยินก็ทำหน้า งงๆ
“ปอ วันนี้ ศิลปี ไปหาหมอ แล้วก็ต้องไปตัดแว่นใหม่ที่โรงพยาบาล” วัฒน์ บอกพลาง ยิ้มให้ “พี่ชาย ศิลปี บอก ครูอร ไว้ตั้งแต่เมื่อวาน มีจดหมายลาล่วงหน้า แนบอยู่ในสมุดประจำชั้นแน่ะ”
“อ้าว เหรอวะ”...มิน่า ไม่มีครูถามถึงมันซักคน.. ปอ คิดแล้วถามไปอีก “แล้วเมื่อวานมันเป็นอะไรมากรึเปล่าวะ”
“ยังมีหน้ามาถามอีกเหรอวะ นายเป็นคนชกมันเองนะ” นึก ตะคอกใส่
“กูไม่ได้ตั้งใจเว๊ย พวกมึงก็เห็น” ปอ ตะคอกกลับ
“ไม่เอาน่า นึก เมื่อวานมันอุบัติเหตุ ปอ ด้วยอย่ามีเรื่องกันเลย เดี๋ยว ตั้ม รู้เข้ามันจะคิดมาก” วัฒน์ ไกล่เกลี่ย

นั่นสิ เดี๋ยว ตั้ม มันจะคิดมาก เดี๋ยวมันจะเสียใจ เขานึกถึงที่ ราญ เคยเล่าให้เขาฟัง ว่า ตั้ม บอก ราญ ว่า...พี่ชายอย่าไปมีเรื่องกับใครเพราะ ตั้ม นะไม่ว่าใครเจ็บตัว ตั้ม ก็เจ็บด้วยนะ... แล้วยังเมื่อวานนี้อีก ที่ ตั้ม ห้ามเขาไว้ไม่ให้มีเรื่องกับ ไมค์ เขาจึงคิดว่า อย่ามีเรื่องกับ นึก เลยจะดีกว่า แต่ นึก ยังไม่ยอมหยุด

“นายน่ะมีแต่ทำให้ ตั้ม มันเจ็บตัวมาตั้งแต่สมัยเรียน ม.ต้น แล้ว” นึก พูดขึ้น ปอ หันมามองด้วยสีหน้าโกรธๆ สุดท้าย เหมือน ปอ จะพยายามระงับความโกรธไว้ แล้วก็เดินกลับไปนั่งที่โต๊ะของตัวเอง
“นึก เราว่านายพูดเกินไปนะ” หมู พูดอย่างไม่ค่อยพอใจ
“นั่นดิเราว่า ปอ มันยังจริงใจกับ ตั้ม อย่างน้อยเมื่อวานเราก็เห็นว่ามันห่วง ตั้ม มันจริงๆ มันไม่ได้คิดจะทำอะไรเพราะความสนุก มันยอมขาดเรียนไปนั่งเฝ้า ตั้งแต่คาบบ่ายจน ตั้ม มันฟื้น” โย่ง สนับสนุน
“พวกนายว่าเราเหรอไง” นึก ยิ่งโกรธมากขึ้น
“พอเหอะ เดี๋ยวจะทะเลาะกันเปล่าๆ มึงก็หึงจนหน้ามืดนะ ไอ้นึก” โอ พูดบ้าง
“กูหึงใคร” นึก หันมาตะคอกใส่ โอ
“เอ๊ะ มึงนี่ มาตะคอกกูทำไมวะ มึงจะหึงใคร ถ้าไม่ใช่หึงที่ ไอ้ปอ มันไป นั่งเฝ้า ไอ้ตั้ม อยู่เมื่อวานน่ะ”โอ พูดสีหน้าดุๆ
“กูไม่ได้หึงเว๊ย ไอ้ตั้ม มันไม่ได้เป็นอะไรกับกูซะหน่อย กูโกรธตะหากเว๊ยที่ ไอ้ตั้ม มันโดนชก” นึก เสียงอ่อนลง เมื่อรู้สึกตัวว่าเพื่อนๆเริ่มไม่พอใจ
“โกรธ ปอ มันก็ไม่ถูกนะ นึก เมื่อวานก็เห็นกันทุกคน ว่า ศิลปี เอาตัวไปบัง ไมค์ ไว้ ก็เลยโดนชกแทน” วัฒน์ พูดพลางยิ้มน้อยๆ เขาไม่สงสัยเลยว่าทำไม ตั้ม ถึงได้ทำแบบนั้น “ตั้ม มันไม่อยากให้เพื่อนๆทะเลาะกัน นายเองก็อย่าไปหาเรื่อง ปอ มันนัก เดี๋ยว ตั้ม มันจะลำบากใจ”
“ทำไมมันต้องลำบากใจวะ” นึก ถาม
“อ้าว ก็คนนึงเพื่อน อีกคนนึงแฟน เป็นมึง มึงจะเข้าข้างใครวะ” โอ พูดกลั้วหัวเราะ
“กูไม่ใชแฟนมันนะเว๊ย มึงพูดแบบนี้กูเสียหาย” นึก พูดเคืองๆ
“อ้าว นายจะเอายังไงแน่อะ นึก วันก่อนยังเห็นพูดอยู่ว่าถ้าได้ ตั้ม เป็นแฟนก็ดีไม่ใช่เหรอ” หมู ทำหน้าสงสัย
“นั่นเราพูดเล่น เราผู้ชายนะ จะไปเอาไอ้ตั้ม มันเป็นแฟนได้ยังไงวะ แค่คิดก็สยองแล้ว” นึก พูดพลางทำท่าเหมือนหวาดกลัวนักหนา


หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๔๘/๒ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 02-05-2008 11:30:37
ค้างจ๊ะค้าง
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๔๘/๒ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: AidinEiEi ที่ 02-05-2008 17:44:07
 :serius2:ง่ามาต่อเลยนัชะ มาต่อเลย....
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๔๙/๒ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 02-05-2008 19:11:00
๔๙ โกหก

...นี่ก็วันที่ ๓ แล้วสิวะที่มันไม่มาเรียน... ปอ คิด ขณะที่กำลังเรียนอยู่ในคาบวิชาหลังพักเที่ยง
...ทำไมกูรู้สึกว่าห้องเรียนมันเงียบเหงาอย่างนี้วะ...ปอ มองโต๊ะที่ว่างเปล่าข้างๆ แล้วถอนหายใจยาว

“คุณครูค๊าบ ขออนุญาตเข้าห้องเรียนค๊าบ” เสียงใสๆดังขึ้นมาจากประตูหน้าของห้องเรียน ตั้ม กำลังยกมือไหว้ทำความเคารพครูอยู่หน้าประตู
“อ้าว ศิลปี เข้ามาสิจ๊ะ ทำไมมาเอาป่านนี้ล่ะ” ครูหันไปทักอย่างใจดี
“ไปรอรับแว่นที่โรงพยาบาลมาค๊าบ ขอโทษที่มาสายค๊าบครู” พูดจบ ตั้ม ก็ค่อยๆเดินมานั่งที่โต๊ะ
“ตั้ม เป็นไงมั่งวะ” ปอ มองตั้มอยู่ตลอดตั้งแต่ตรงประตูมาจนถึงโต๊ะ
“เดี๋ยวเล่าให้ฟังนะ ปอ ตอนนี้เรียนก่อน” ตั้ม หันไปยิ้มบางๆให้ ปอ แล้วหันหน้าไปสนใจกับการสอนของครู
... ทำไมมันยิ้มแปลกๆวะวันนี้ หรือกูคิดมากไปเอง ... ปอคิด แล้วก็พยายามตั้งใจฟังสิ่งที่ครูอธิบายอยู่หน้าชั้นต่อไป
.......................................................................................
............................................
“ตั้ม เป็นไงบ้าง หยุดไปตั้งหลายวัน” นัส ชะโงกหน้ามาถาม พล มองด้วยสายตาประหลาดใจที่ นัส พูดประโยคยาวๆได้
“ไม่เป็นอะไรหรอก หยุดไปเพราะต้องรอแว่นนี่แหละ” ตั้ม ตอบ พลางยิ้มบางๆให้ นัส กับ พล
“แค่รอแว่นเนี่ยนะ หยุดไปแบบนี้พวกกูเป็นห่วงนะเว๊ย” ปอ พูดบ้าง ไม่ว่าใครเห็นสีหน้าของ ปอ ตอนนี้ก็รู้ว่า ปอ ห่วง ตั้ม ขนาดไหน
“ขอบใจนะ ปอ” ตั้ม ยังคงยิ้มบางๆเหมือนเดิม ...ยิ้มแบบนี้ของมึงนี่กูไม่ชอบเลยหว่ะ มันดูอ่อนโยนก็จริง แต่ทำไมมึงไม่ยิ้มกว้างๆแบบที่เคยล่ะวะ... ปอ อุธรณ์ในใจ
“ที่บ้านอยากให้หยุดน่ะ เพราะวันแรกๆเรายังมึนหัวอยู่” ตั้ม บอกกับเพื่อนๆ
“แล้วนี่หายดีรึยัง” ไมค์ที่เดินเข้ามาตั้งแต่ตอนที่ นัส ถาม เอ่ยปากถามบ้าง
“อื้อ ดีขึ้นเยอะแล้วหล่ะ แต่ถ้าสะเทือนมากๆก็จะมึนหัวอยู่นิดหน่อย หมอบอกว่าจะเป็นแบบนี้ไปสักพักน่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก” ตั้ม แจกแจงอาการ ...หรือว่ามึงมึนหัวอีกแล้ววะ ถึงได้ยิ้มแห้งๆแบบนี้... ปอคิด
...แล้วนั้นมันรอยอะไรวะ เขียวๆจางๆตรงโหนกแก้มซ้าย... ปอ สังเกตุคิดแล้วก็อดไม่ได้ ที่จะเอามือไปลูบเบาๆที่รอยนั้น
“รอยช้ำน่ะ ปอ เป็นอะไรมากหรอก ทายาไม่กี่วันเดี๋ยวก็หาย” ตั้ม พูดเบาๆ “แผลที่ตัวน่ะอาจจะหายช้าหน่อย แต่ยังไงมันก็หาย รอยแผลเป็นอีกหน่อยมันก็จาง แต่แผลใจบางทีมันติดตัวไปไม่มีทางหายนะ ปอ”
... ผมฟังแล้วถึงกับสะดุ้งในใจ นี่มันจะบอกอะไรผมกันแน่ ...
“ปอ ต้องใจเย็นลงบ้างนะ มีอะไรอย่าคิดแต่จะมีเรื่อง โดยเฉพาะกับเพื่อนๆด้วยกัน ปอต้องใจเย็นให้มากๆนะ” ตั้ม พูดด้วยแววตาที่แสดงออกถึงความห่วงใย ทำให้ผมหันไปมอง ไมค์ โดยไม่รู้ตัว ตอนนั้น ไมค์ เองก็หันมามองผมเหมือนกัน
.......................................................................................
............................................
ปรกติ ตั้ม จะมาถึงโรงเรียนประมาณ ๖.๔๐ น. โดยประมาณ แต่หลังจากวันนั้น ตั้มจะมาถึงโรงเรียนทันเวลาเข้าแถวเคารพธงชาติพอดี บางวันก็มาถึงตอนเกือบหมดชั่วโมงโฮมรูม เป็นแบบนี้ไปจนวันสุดท้ายของการสอบปลายภาค คำตอบที่เพื่อนๆได้รับ เมื่อถามถึงเรื่องนี้ในช่วงแรกๆก็คือ
“พ่อสั่งให้ติดรถพ่อออกมาอะ ก็เลยมาสาย”
แต่ ปอ ดูออกว่าไม่จริง เพราะ สีหน้าและดวงตาของ ตั้ม ทอแววเสียใจออกมาอย่างปิดไม่มิด แม้แต่เพื่อนสนิทอย่าง ตุ่ม กับ เต่า ก็ได้รับคำตอบเช่นเดียวกัน ทำยังไงเขาถึงจะได้รู้ความจริง แล้วเขาก็นึกออก มีอยู่คนหนึ่งและอาจจะเป็นคนเดียวเท่านั้น ที่ ตั้ม จะยอมบอกความจริง
.......................................................................................
............................................
“เอ็งจะให้กูไปถามมันเหรอ แล้วทำไมมึงไม่ไปเองวะ” ชัย พูดอย่างใช้ความคิด
“เราไม่มีเวลา นายก็รู้ว่าเราเรียนหนักแค่ไหน นี่ถ้าบ้าน ตั้ม มีโทรศัพท์เราก็จัดการเองเรียบร้อยไปแล้ว” ราญ บอกไป สีหน้าแสดงออกถึงความกังวล “ไอ้ปอ นี่ก็เหลือเกิน ก่อเรื่องไม่หยุด แต่ก็น่าเห็นใจมัน”
“แล้วเอ็งว่ามันจะบอกความจริงกูเหรอวะ” ชัย ถาม
“นายไม่มั่นใจในความเป็นพี่ชายเหรอไงวะ ถ้าแค่นี้ทำไม่ได้ เลิกเป็นพี่ชายมันไปเลย” ราญ ท้าทาย
“อ้าว พูดแบบนี้ก็สวยดิวะ ถ้ากูทำได้มึงต้องให้กูเป็นพี่ใหญ่นะเว๊ย” ชัย พูดหัวเราะๆ
“ฮ่าๆๆ ไม่มีทาง ยังไงๆ เราก็เป็นพี่ใหญ่อยู่ดี ขนาดจะทำใจไปถามมันยังไม่มี ต้องให้เรายุ ยังคิดจะเป็นพี่ใหญ่อีกเหรอวะ” ราญ พูดยิ้มๆ
“เออๆๆ ยอมมึงก็ได้วะ ไอ้จอมวางแผน” แล้วทั้งสองคนก็หัวเราะให้กัน
.......................................................................................
...........................................

“กลัว พี่ชัย ไปบอกคนอื่นเหรอไง ถึงไม่ยอมบอกความจริง” ผมเริ่มคาดคั้นดุๆ
“ก็ ตั้ม บอกความจริงแล้วไง” ตั้มหลบสายตาผม
“ตั้ม” ผมพูดเบาๆ พลางเอามือลูบหัว ตั้ม เบาๆ “พี่ชัย ถามเพราะเป็นห่วงนะ แล้วเรื่องแค่นี้ทำไม พี่ชัย จะไม่รู้ว่า ตั้ม พูดจริงหรือไม่จริง พี่ชัย รู้ว่าตั้มทำแบบนี้ ตั้ม คงมีเหตุผล ถ้า ตั้ม ไม่บอกความจริงแล้ว พี่ชัย จะไปบอก ราญ มันว่ายังไง ราญ มันจะว่าเอาได้ว่า พี่ชัย ไม่ดูแลน้อง” ตั้ม ก้มหน้าเงีบบไป แต่จากสีหน้า ผมรู้ว่า ตั้ม กำลังคิดหนัก
“พี่ชัย อย่าไปบอกใครนะ” ตั้ม เงยหน้าขี้นมาพูด ... ต้องเอาชื่อมันมาอ้างจนได้ ถึงจะยอมพูด น่าโมโหหว่ะ แต่จะโมโหใครดีวะ ...
“ไม่ได้หรอก อย่างน้อย พี่ชัย ต้องไปบอก ราญ” ผมยิ้ม
“อื้อ ถ้าเป็น พี่ราญ ก็ไม่เป็นไร” ตั้ม หยุดพูดไปครู่หนึ่ง “ตั้ม ไปต้องหาหมอทุกวัน จนกว่าหมอจะบอกว่าไม่ต้องไปแล้ว”
“หาหมอทุกวันเนี่ยนะ ทำไม ตั้ม เป็นอะไร” ผมตกใจ
“หมอบอกว่า ตั้ม ยังมึนหัวอยู่เวลาที่กระเทือนมากๆ แล้วช่วงนี้ตาตั้มเบลอบ่อยๆ หมอก็เลยให้ให้ไปตรวจเพื่อดูอาการ” ตั้ม บอกด้วยสีหน้ากังวล “พี่ชัย อย่าบอกใครนะโดยเฉพาะ ปอ” ตั้ม ย้ำอีกครั้ง
“ทำไมล่ะ แต่เท่าที่ฟัง ตั้ม เป็นเยอะนะ” ผมเริ่มเป็นห่วง
“แต่หมอบอกว่า จะเป็นแบบนี้สักพักอะ เพราะตอนล้มคงกระทบกระเทือนมากไป คงนานเป็นเดือนกว่าจะหาย” ตั้ม พูดอย่างมั่นใจ
“ถ้าอย่างนั้นก็ควรบอกเพื่อนๆไป ทุกคนจะได้หายกังวล” ผมเสนอความเห็น
“จะดีเหรอ ถ้าบอกไปแล้ว ปอ กับ ไมค์ จะไม่คิดมากเหรอที่ ตั้ม ต้องไปหาหมอทุกวันแบบนี้” ...ที่แท้มันห่วงเรื่องนี้นี่เอง...ผมคิดแล้วยิ้มออกมาได้
“ดีสิ ตั้ม รู้มั๊ยทำแบบนี้ยิ่งทำให้ทุกคนเป็นห่วง” ตั้ม ฟังแล้วขมวดคิ้ว
“แล้วเพื่อนๆจะไม่โกรธเหรอ ที่ ตั้ม โกหก” ตั้ม พูดด้วยสีหน้าเหมือนตัวเองทำความผิด
“งั้นให้ พี่ชัย จัดการให้นะ แล้วที่หลังมีอะไรต้องมาปรึกษา พี่ชัย ห้ามลืมเด็ดขาดนะว่านอกจาก พี่ราญ ยังมีพี่ชายคนนี้อยู่อีกคน” ผมพูดแล้วบีบแก้ม ตั้ม เบาๆด้วยความเอ็นดู
.......................................................................................
...........................................
“ไอ้ตั้ม ทำไมมึงโกหกพวกกู” ปอ ถามขณะที่ชวนพรรคพวกล้อม ตั้ม เอาไว้ตรงกลาง
“เรื่องอะไรอะ ปอ” ตั้ม ตกใจ เพราะถูกเพื่อนๆ ๑๐ กว่าคนล้อมเอาไว้
“คราวหลังมีอะไรมึงต้องบอกพวกกูตรงๆ อย่าโกหกแบบนี้ ชัย มันบอกกูหมดแล้ว แล้วกูก็บอกพวกนี้ไปทั้งห้องแล้วด้วย” ปอ ยังทำเสียงดุไม่เลิก ... หนอยมาทำให้พวกกูเป็นห่วงซะขนาดนี้ พวกกูขอแกล้งมึงหน่อยเถอะ... เหมือนทุกคนจะคิดแบบเดียวกับ ปอ -*-
“เรา...เรา เอ้อ เราขอโทษนะ เรา...” ตั้ม ตะกุกตะกัก หน้าซีดด้วยความตกใจ
“ปอ พอเหอะ” นัสพูดยิ้มๆ “ไม่ได้โกรธนะ” นัส หันมาพูดกับ ตั้ม
“ไม่ได้ แบบนี้ต้องลงโทษ มาโกหกเพื่อนแบบนี้ได้ไง” ปอ ทำท่าเหมือนไม่ยอม
“เราเสนอได้มั๊ย” วัฒน์ เดินเข้ามา “หอมแก้ม ศิลปี มันคนละทีเป็นการลงโทษ”
“ฮ่าๆๆ”เพื่อนๆหัวเราะกันใหญ่ ทำให้ ตั้ม หายอึดอัดไปเยอะ
“เราก่อน” นัสยกมือ
“เฮ๊ย ไม่ต้อง พอแล้ว พอๆๆ” ปอ พูดเสียงดัง ... หนอย ไอ้วัฒน์ คิดอะไรเชี่ยๆวะ เรื่องอะไรกูจะยอม ...
“อ้าว ทำไมล่ะ ไหนว่าจะลงโทษไง” เชียร พูดยิ้มๆ “เราเห็นด้วยกับ วัฒน์ นะ”
“ไม่ต้องเลย ตั้ม มันต้องติวให้พวกกูเป็นการลงโทษ มาเลยเร็ว พวกกูอ่านหนังสือนอกเวลาไม่ทัน มึงมาเล่าให้พวกกูฟังเดี๋ยวนี้เลย” ปอ พูดแล้วก็จูงมือ ตั้ม ให้เดินไปที่โต๊ะ
“ปอ เราขอโทษนะ” ตั้ม พูดเบาๆหลังจากที่นั่งลงบนเก้าอี้
“คราวหลังจำไว้นะ อย่าทำแบบนี้ รู้มั๊ยพวกกูเป็นห่วง” ปอ พูดหน้าเครียดๆ
“อื้อ เราขอโทษ”ตั้ม ยังคงรู้สึกผิด
“อื้อ หายไวไวแล้วกันนะ แล้วนี่ไหวมั๊ย ถ้าไม่ไหวยังไม่ต้องติวพวกกูก็ได้ เดี๋ยวพวกกูอ่านเอง” ปอ ถามด้วยสีหน้าเป็นห่วง
“อื้อ พอไหว เดี๋ยวถ้าไม่ไหวแล้วจะบอก ไหนตรงไหนมั่ง” ตั้ม พูดแล้วก็หยิบหนังสือออกมา พล นัส และไมค์ ก็ลากเก้าอี้มานั่งใกล้ๆ แล้ว ตั้ม ก็เริ่มอธิบายเนื้อหาในหนังสือให้เพื่อนๆฟัง พร้อมกับรอยยิ้มกว้างที่เพื่อนๆไม่ค่อยได้เห็นนักในช่วงนี้

หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๔๙/๒ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: AidinEiEi ที่ 03-05-2008 01:06:53
ตั๊มมมมมมม!!!
ตั้มมมมมม!!!
มามะมาให้กอดทีดิ๊ :กอด1:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๔๙/๒ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 03-05-2008 08:00:16
กำลังกลุ้มใจว่า ไม่มีใครตอบวิธีการลงเพลงจากเวป imeem เลย เพราะในช่วงท้ายๆจะมีเรื่องของเพลงเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
ก็เผอิญไปอ่านเจอทึ่คุณ TM*LS โพสไว้ในกระทู้ของเวปรักแห่งสยาม
พอกลับไปลองทำดูก็ใช้ได้จริงๆ ขอขอบคุณไว้ ณ ที่นี้นะครับ
และขอขอบคุณทุกกำลังใจเช่นเคยครับ  o1
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๔๙/๒ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: salapaw ที่ 03-05-2008 10:09:10
ยินดีด้วยนะคะ ที่ทำได้แล้ว  เผอิญไม่รู้เรื่องนี้เลย เลยไม่บอก

 :o8:

ว่าแต่  คนเขียน เป็นโรคคิดมากปะคะ
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๔๙/๒ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: kongkilmania ที่ 03-05-2008 13:02:14
ขอ  :กอด1: น้องตั้มด้วยคน....
 :L1:    :L1:     :L1:
น้องตั้มน่าร๊ากกกก ที่ซู๊ดดดดด   :m1:


อ้อ !  :m23:  เกือบลืม 
ไอ้นึกกกก  :angry2: หนอยแน่ๆๆ  ทำเป็นพูดดี
ทำเป็นกลัวว่าจะต้องมาเป็นแฟนน้องตั้มของเรา  ชิๆๆ
 o12 ชั้นจะคอยดูนะยะ
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๕๐/๓ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 03-05-2008 18:07:12
๕๐

“ศิลปี ทำอะไรน่ะ” วัฒน์ ค่อนข้างตกใจ ที่เห็น ตั้ม เอาฉลากที่จับได้ยัดใส่มือ หมู แล้วเอาฉลากของ หมู ไปถือไว้ พลางวิ่งไปหาครูที่โต๊ะ
“ครูค๊าบ ผมม่ายได้อะค๊าบ” ตั้ม ยื่นฉลากที่เปิดออกมาแล้วมีรูปกากะบาด ส่งให้ครู
“เสียใจด้วยนะครับ เดี๋ยวเธอไปเลือกวิชาอื่นแล้วกันนะ” ครูพูดยิ้มๆ “แล้วอย่าไปเลือกยูโดล่ะ ครูว่ามันอันตรายไปหน่อยสำหรับเธอนะ ศิลปี” ครูพูดกลั้วหัวเราะ เพราะคุ้นเคยกับนักเรียนที่เรียนมาตั้งแต่ชั้น ม.๑ คนนี้ดี
“ค๊าบบบ เดี๋ยวผมไปนั่งคิดแป๊บนึงก่อน ขอบคุณค๊าบคุณครู” ตั้ม ยกมือไหว้ครูแล้ววิ่งมาหาพวกผม
“ไปเซนต์ชื่อเร็วเข้า เดี๋ยวเราไปลงชื่อที่วิชาศิลปะตรงโน้นก่อน” ตั้ม พูดแล้วก็วิ่งไปยังโต๊ะที่รับนักเรียนที่ต้องการเรียนวิชาศิลปะ

วันนี้ เป็นวันที่ทางโรงเรียนนัดหมายนักเรียนที่จะขึ้นชั้น ม.๕ มาลงทะเบียนเลือกเรียนวิชาเลือกเสรี ซึ่งเป็นวิชาที่แยกย่อยออกมาวิชาหลักต่างๆ เหมือนกับจะให้นักเรียนได้เลือกเรียนในรายละเอียดของบางวิชา ได้ละเอียดมากยิ่งขึ้น ตามแต่ความถนัด และความสนใจของนักเรียนแต่ละคน  บางวิชามีนักเรียนต้องการเรียนกันเป็นจำนวยมาก จนต้องมีการจับฉลากกัน เหมือนอย่างวิชาเทนนิสที่พวกผมต้องการเรียน

“ตั้ม เอ้อ” หมู รู้สึกกระดากเล็กน้อย  “เอ้อ ขอบใจนะที่แลกฉลากกับเรา”
“ไม่เป็นไรหรอก” ตั้ม ยิ้มให้ “ก็หมูอยากเรียนจริงๆนี่นา แล้วเรามาคิดๆดู สายตาเราดีขนาดนี้ คงหวดลมมากว่าหวดลูกเทนนิส”
“แต่เมื่อกี้เรากลัวแทบแย่นะ ถ้าครูเห็นขึ้นมาจะทำยังไง” หมู พูดหน้าแดง
“นั่นสิ ตั้ม นี่กล้าน่าดูเลย” โย่งพูดหัวเราะๆ
“หูย... ความจริงเราก็กลัวนะ แต่เราว่าคงไม่เป็นไรอะ ก็เราแค่แลกฉลากกันนี่นา ไม่ได้โกงเปลี่ยนแปลงฉลากซะหน่อย” ตั้มพูดเบาๆ
“เราไม่รู้จะขอบใจนายยังไงดีนะนี่ ที่แลกฉลากกับเรา สิทธิ์ของนายแท้ๆเลย” หมู ยังพูดอย่างเกรงใจ
“งั้นเลี้ยงไอติมเราถ้วยนึงแล้วกัน” ตั้ม พูดหลังจากคิดอยู่สักครู่
“ได้เลย ๑๐ ถ้วยก็ยังได้” หมู หัวเราะ
“งั้นเรากิน ๑๐ ถ้วยเลยนะ” ตั้ม ตาโต
“อ่า...เอาจริงเหรอ แหะๆ ถ้วยเดียวก่อนแล้วกันนะ เดี๋ยวเราไม่มีค่ารถกลับบ้าน” หมู พูดหน้าแดงๆ
“ขืนกินขนาดนั้นเดี๋ยวก็ท้องเสียหรอก ศิลปี” วัฒน์ พูดยิ้มๆ
“กินยาเดี๋ยวก็หายแล้ว แค่ท้องเสีย เล็กน้อยจาตาย” แล้วทั้งสี่คนก็พากันหัวเราะ แล้วพากันชวนกันไปยังร้านขายไอศครีม ที่ตั้งอยู่ใกล้ๆโรงเรียน โดยมี นึก โอ และดม เดินตามมาสมทบ
..................................................................................
....................................
ชั่วโมงโฮมรูมครั้งแรกในวันเปิดภาคเรียน ในห้อง ม.๕/๘ ก็วุ่นวายกันขนานใหญ่ นอกจากจะย้ายมาอยู่ในห้องเรียนบนชั้น ๔ ของตึก ๗ ชั้นแล้ว ครูอร ยังจัดให้นักเรียนนั่งตามแผนผังที่ครูจัดให้ ทุกคนจึงต้องทำการย้ายที่นั่งกันวุ่นวาย ผมถูกย้ายมานั่งริมขวาสุดของห้องติดกับหน้าต่าง โต๊ะที่ ๓ จากข้างหน้า คนที่นั่งโต๊ะคู่กับผม ชื่อ ญัฐ ซึ่งเป็นคนไม่ค่อยพูด แต่มักยิ้มแย้มแจ่มใสอยู่เสมอ

การย้ายห้องเรียนมายังตึก ๗ ชั้น ทำให้ผมเจอเพื่อนเก่าๆที่เรียนในสายวิทย์บ่อยขึ้น เพราะได้เรียนอยู่ตึกเดียวกัน แต่ห้องของสายวิทย์จะอยู่บนชั้น ๖ ชั้น ส่วนชั้น ๗  พวกเรากลับเรียกว่า ชั้นห้องทดลอง เพราะเป็นชั้นที่มีห้องปฏิบัติการสำหรับวิชาวิทยาศาสตร์ อยู่ถึง ๕ ห้องบนชั้นนี้ และเพราะห้องเรียนอยู่ใกล้กันมากขึ้น ผมจึงมักแวะเวียนไปยังห้องของ เต่า และ ชัย อยู่เสมอๆ ทำให้ความคุ้นเคยกับเพื่อนๆในห้อง ม.๕/๒ ที่ค่อนข้างคุ้นเคยกันมาตั้งแต่ตอนอยู่ ม.๓ สนิทกันมากขึ้น รวมทั้งเพื่อนๆในห้องอื่นที่เข้ามาทักทายทำความรู้จักกันมากขึ้น ทำให้ผมไม่ค่อยอยู่ที่ห้องของตัวเองนัก

“ตั้ม มานั่งกับ พี่ชัย นี่” ชัย กวักมือเรียกผมกับ ปอ ให้ไปนั่งด้วยกันที่โต๊ะยาว ในห้องเรียนวิชาศิลปะ ซึ่งเป็นวิชาเลือกเสรี
“พี่ชัย เรียนวิชานี้ด้วยเหรอ” ผมถามอย่างดีใจ เมื่อเห็นชัย ส่วน เชียร นึง โอ และดม ก็เริ่มหาที่นั่งให้กับตัวเอง
“ไอ้ตั้ม มึงเรียก ไอ้ชัยว่าไงนะ” ปอ หันมาถามผม
“พี่ชัย ไงวะ มึงไม่ได้ยินเหรอ” ชัย ตอบยิ้มๆให้ปอ “มึงก็เรียกกู พี่ชัย อีกคนได้รึยังวะ”
“ปอ ก็จะเป็นน้อง พี่ชัยเหรอ แล้ว ตั้ม ต้องเรียก ปอ ว่าไรอะ พี่ปอ หรือ น้องปอ” พูดจบผมก็หัวเราะคิกคักด้วยความชอบใจ
“ไม่ต้องเลยมึง แต่ถ้าอยากเรียกกู พี่ปอ กูก็ไม่ว่านะ” พูดแล้ว ปอ ก็ยักคิ้วใหผม  ...เรียกกูว่า พี่ปอที่รัก ยิ่งดี ฮ่าๆๆ... ปอคิดอยู่ในใจ
“แบร่ เรื่องไร” ผมแลบลิ้นใส่ ปอ ที่กำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
ก่อนที่เราจะคุยอะไรกันต่อ ครูก็เดินเข้ามาในห้องพอดี
“เอ้าเงียบๆกันได้แล้ว ลิงๆทั้งหลาย” ครูพูดอย่างอารมณ์ดี “ชั่วโมงแรกครูอยากรู้ระดับฝีมือพวกเธอกันก่อน เดี๋ยวครูจะแจกกระดาษวาดเขียนคนละแผ่นนะ วาดรูปอะไรก็ได้ ให้เวลา ๑๕ นาที เสร็จแล้วเราจะเรียนทฤษฎีกันต่อ”

ครูพูดจบก็ส่งกระดาษวาดเขียนปึกหนึ่งให้คนที่อยู่หน้าสุด แล้วก็ส่งต่อๆกันมา พวกเราใช้เวลา ๑๕ นาทีวาดรูปที่ตนพอใจส่งครู ผมวาดรูปอะไรน่ะเหรอครับ ผมวาดรูปต้นไม้ครับ รูปที่ผมคุ้นเคยเพราะใช้ฝึกฝีมือบ่อยๆ ตอนที่ วินท์ สอนผมวาดภาพเมื่อตอน ม.๓
..................................................................................
....................................
ชีวิตนักเรียนชั้น ม.๕/๘ ก็ไม่ค่อยมีอะไรเปลี่ยนแปลง การย้ายที่นั่ง ที่ ครูอร จัดให้ มีผลเฉพาะในคาบเรียนเท่านั้น นอกนั้น ต่างคนก็พากันเดินไปจับกลุ่มพูดคุย หยอกล้อ กับกลุ่มที่ตนสนิทสนม ส่วนคนที่ผมต้องมานั่งติว ให้ยืมหนังสือ หรือสมุดจดงานวิชาต่างๆ กลายมาเป็น ณัฐ แทน ส่วน พล กับ นัส ยังเหมือนเดิม เพรานั่งอยู่โต๊ะข้างหลังผมเอง -*-

ส่วน นึก ยังคงเข้ามาหยอกล้อกับผมเสมอ ถึงจะน้อยลงบ้าง เพราะที่โต๊ะที่ผมนั่ง เหมือนเป็นจุดอับ ทำให้เข้าถึงตัวได้ยาก แต่ด้วยความที่ยังคงนั่งอยู่ ถัดไปจาก ญัฐ เพียงสองตัวทางด้านหน้า นึก จึงมักหันมายิ้มให้ผม ด้วยแววตาประหลาดๆ ที่ทำให้ผมรู้สึกไม่ค่อยสบายใจได้บ่อยครั้ง

การสอบกลางภาคผ่านไป พร้อมกับความตื่นเต้น เพราะทางโรงเรียนจะจัดให้มีการเข้าค่ายวิชาศิลปะที่ชะอำ เป็นเวลา ๓ วัน ๒ คืน และต้องทำงานส่งสำหรับวิชาศิลปะด้วย นั่นคือการวาดภาพตามที่ตนถนัด ผมตื่นเต้นมากเพราะตามปรกติการเข้าค่ายจะจัดขึ้นภายในโรงเรียน คราวนี้จะได้ไปถึงชะอำ ผมคิดว่าคงจะสนุกน่าดู

หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๕๑/๓ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 03-05-2008 21:07:02
๕๑ ชะอำ

“พี่ชัย เป็ดอะ ฝูงเบ้อเร่อเลย” ตั้ม ส่งเสียงเรียกเมื่อมองเห็นฝูงเป็ดที่ว่ายน้ำอยู่ในบึงข้างทางรถไฟ
“ปอ ปอ ควาย” ตั้ม ร้องอีก
“มึงสิควาย หนอยอยู่ๆมาว่ากู” ปอ ที่นั่งอยู่ตรงข้ามตวาด ท่ามกลางเสียงหัวเราะของเพื่อนๆ
“ม่ายช่ายอะ ปอ โน่น” ตั้ม ชี้ออกไปนอกหน้าต่างรถไฟ “โน่นตะหากอะ ควายตั้งหลายตัว ว้า ไม่เห็นแล้ว”
“ฮ่าๆๆ ตั้ม เอ็งทำยังกะเด็กบ้านนอกนั่งรถไฟเข้ากรุง” เชียรว่า
“นั่งรถไฟไปชะอำตะหากอะ” ตั้ม หันมาเถียง พลางหันหน้ากลับไปสนใจกับทิวทัศน์ต่างๆ ผ่านทางหน้าต่างรถไฟต่อไป
ชัย มองดู ตั้ม ที่นั่งอยู่ข้างๆด้วยความเอ็นดู หยิบถุงถั่วตัดแล้วเอนตัวเข้าไปโอบไหล่ ตั้ม ชวนกันดูวิวไปกับ ตั้ม แล้วก็หยิบถั่วตัดกินเองบ้าง ส่งให้ ตั้ม บ้าง ด้วยความเพลิดเพลิน บางทีก็หันมามอง ปอ แล้วยักคิ้วให้
... เออใช่ กูอิจฉามึง ไม่ต้องมาเยาะเย้ยกู ... ปอส่งสายตาดุๆกับไปให้ ชัย
...........................................................................
.................................
ขบวนรถหวานเย็นที่ออกจากสถานีหัวลำโพงตั้งแต่เวลา ๗ โมงเช้า มาถึงชะอำเวลาเที่ยงพอดี นักเรียนทั้ง ๔๐ ขึ้นรถสองแถวที่มารอรับ ไปยังที่พักริมหาด เมื่อไปถึงก็พากันเอาสัมภาระไปเก็บยังห้องพัก ที่มีลักษณะเป็นห้องพักรวม พักได้ห้องละ ๑๐ คน แล้วเปลี่ยนจากชุดนักเรียนเป็นชุดลำลอง จากนั้นก็พากันไปรับข้าวกล่องที่ครูแจกมารับประทานกัน
“เอ้าเดี๋ยวกินข้าวกลางวันกันเสร็จแล้ว พักพ่อนตามสบายไปก่อนนะ เดี๋ยว บ่าย ๒ ก็เตรียมอุปกรณ์มารวมกันที่นี่นะจ๊ะ” ครูท่านหนึ่งตะโกนบอก

ดูๆไปแล้วการเข้าค่ายครั้งนี้เหมือนเป็นการพานักเรียนมาเที่ยวกันมากกว่า หลังจากที่วาดรูปกันเสร็จแล้ว นักเรียนก็พากันเดินเล่นบ้าง เล่นน้ำทะเลกันบ้าง หลายๆคนจับกลุ่มเตะบอลกันที่ชายหาดนั้นเอง หลังจากอาหารเย็นผ่านไป นักเรียนบางส่วนที่เอากีตาร์มาด้วย ก็ตั้งวงกันร้องเพลง ตั้ม ก็เข้าไปร้องเล่นกับเขาด้วย เสียงใสๆคล้ายเสียงของเด็ก ทำเอาครูหลายท่านชอบอกชอบใจ ยิ่ง ตั้ม ร้องเพลงสากลที่พวกครูชอบได้ ก็ยิ่งสนุกกันใหญ่ เพราะเพลงเหล่านั้นไม่ใช่เพลงที่เป็นที่ชื่นชอบกันของเด็กในวัยขนาดนี้
“ตั้ม เล่นกีตาร์ได้บ้างมั๊ยเนี่ย” เจ้าของกีตาร์ถามขี้นพลางยื่นให้ผม “ไหนมาลองซักเพลงดิ๊”
“ง่า.....เล่นได้นิดหน่อยเองอะ อย่าเลย” ตั้ม ส่ายหน้า
“เอาหน่อยน่า หนุกๆ โชว์พี่ชายหน่อยเร็ว” ชัย เชียร์
“เอาหน่อยเว๊ย ตั้ม อย่าให้เสียชื่อห้อง ๘” เชียร พูด แล้วพวก โอ นึง ดม ก็เชียร์กันใหญ่
ตั้ม จึงได้รับกีตาร์มาอย่างเสียไม่ได้ แล้วก็ลองเกาสายกีตาร์ดูเพื่อลองเสียง

... เล่นเพลงอะไรดีล่ะ ... ตั้มคิด แล้วเสียงเพลงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นมาในหัว ... เพลงที่ ป๊ะป๋า ชอบเล่นกีตาร์แล้วร้องให้ฟัง เมื่อ ตั้ม โตพอจะจับคอร์ดกีตาร์ได้ถนัดมือ ป๊ะป๋า ก็ซื้อกีตาร์ตัวเล็กๆให้ ตั้ม เอาไว้หัดเล่น ... มือของตั้มจีงเริ่มเกาสายกีตาร์เป็นทำนองขี้นต้นของเพลงนั้นออกมาโดยไม่รู้ตัว ครู ๒-๓ ท่านปรบมือขึ้นมาเมื่อจำได้ว่าเป็นเพลงอะไร

http://media.imeem.com/m/7dv70mfbXN/aus=false/

Puff, the magic dragon lived by the sea
And frolicked in the autumn mist in a land called honah lee,
Little jackie paper loved that rascal puff,
And brought him strings and sealing wax and other fancy stuff. oh

Puff, the magic dragon lived by the sea
And frolicked in the autumn mist in a land called honah lee,
Puff, the magic dragon lived by the sea
And frolicked in the autumn mist in a land called honah lee.

Together they would travel on a boat with billowed sail
Jackie kept a lookout perched on puffs gigantic tail,
Noble kings and princes would bow wheneer they came,
Pirate ships would lower their flag when puff roared out his name. oh!

Puff, the magic dragon lived by the sea
And frolicked in the autumn mist in a land called honah lee,
Puff, the magic dragon lived by the sea
And frolicked in the autumn mist in a land called honah lee.

A dragon lives forever but not so little boys
Painted wings and giant rings make way for other toys.
One grey night it happened, jackie paper came no more
And puff that mighty dragon, he ceased his fearless roar.

His head was bent in sorrow, green scales fell like rain,
Puff no longer went to play along the cherry lane.
Without his life-long friend, puff could not be brave,
So puff that mighty dragon sadly slipped into his cave. oh!

Puff, the magic dragon lived by the sea
And frolicked in the autumn mist in a land called honah lee,
Puff, the magic dragon lived by the sea
And frolicked in the autumn mist in a land called honah lee.


... ทำไมทำนองมันคุ้นๆวะ อ้อ เพลงที่เคยได้ยินจากกล่องเพลงบนโต๊ะ ในห้องของ ตั้ม นี่เอง ... ปอ คิดแล้วตั้งอกตั้งใจฟัง ตั้มร้องเพลงนั้นได้ไพเราะ ดวงตาของตั้มที่ทอแววมีความสุขอย่างประหลาด เหมือนกับมีความสุขไปด้วยกับเจ้ามังกรในเพลง แต่เมื่อถึงท่อนท้ายๆของเพลง ดวงตาคู่นั้นค่อยๆเปลี่ยนเป็นหงอยเหงาลงทีละนิด ทีละนิด เสียงเริ่มแตกพร่า ราวกับเป็นเสียงร่ำร้องด้วยความเศร้าสร้อยของเจ้ามังกร ปอ ฟังอย่างตั้งใจไปจนจบเพลง
“ขอโทษค๊าบ ขอตัวเดี๋ยวนะค๊าบ” แล้ว ตั้ม ก็ยื่นกีตาร์คืนให้เจ้าของ แล้ววิ่งออกจากตรงนั้นไป
“เฮ๊ย กูว่ามันต้องมีอะไรหว่ะ กูตามไปดูหน่อยดีกว่า” ปอ พูดแล้วก็ลุกขึ้นวิ่งตาม ตั้ม ไปโดยที่มี ชัย ตามไปอีกคนหนึ่ง

ปอ และ ชัย มองดู ตั้ม เอามือเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาไม่ยอมหยุด พลางสั่งน้ำมูกแล้วเปิดก๊อกน้ำที่อ่างล้างหน้า เพื่อล้างสิ่งต่างๆในมือ และล้างคราบน้ำตาบนใบหน้า แต่มันก็ไม่หมดไปง่ายๆ
“มึงเข้าไปดูหน่อยสิวะ” ชัย กระซิบบอก
“มึงดีกว่า มันไว้ใจมึงมากกว่ากู” ปอ กระซิบกลับ
“เข้าไปด้วยกันแหละวะ” ชัย ตัดสินใจแล้วเดินนำ ปอ เข้าไปหา ตั้ม
“ตั้ม เป็นอะไรรึเปล่า” ชัย ถามด้วยความเป็นห่วง
“พี่ชัย ปอ” เสียงตกใจนิดๆ “ไม่มีอะไรอะ ตั้ม สงสารมังกร” ตั้ม ก้มหน้า
“อย่าโกหกพี่ชาย นั่นมันแค่เพลง มันจะทำให้ ตั้ม ร้องไห้ขนาดนี้ได้ยังไง”ชัย พูดแล้วเอามือจับคาง ตั้ม ให้เงยหน้าขึ้น ดวงตาแดงกล่ำทำให้รู้ว่าเพิ่งจะผ่านการร้องไห้มา
“นั่นดิ กูเคยบอกแล้วไง มีอะไรห้ามโกหกพวกกู” ปอ ทำเสียงดุๆ
“ตั้ม...ตั้ม คิดถึง...” ตั้ม อ้ำอึ้ง “คิดถึงคนที่ชอบร้องเพลงนี้ให้ ตั้ม ฟังน่ะ”
“คิดถึงใครวะ ถึงขนาดร้องไห้แบบนี้” ปอ ถามด้วยความสงสัย
“ตั้ม” ชัย พูดแล้วดึงตัว ตั้ม เข้ามากอดไว้ ...กูรู้ว่ามึงคิดถึงใคร กูรู้ ...
“กลั้นไม่ไหวก็ร้องซะนะ พี่ชัย กับ ปอ จะอยู่เป็นเพื่อน พี่ชัย ว่าคนคนนั้นต้องคิดถึง ตั้ม มากๆเหมือนกัน” แล้วชัยก็เอามือลูบหัว ตั้ม ที่ซบอยู่กับไหล่เบาๆ ตั้มเอามือกอดเอว ชัย ไว้แล้วเริ่มร้องไห้ออกมาอีก โดยที่ ปอ ได้แต่ยืนมองด้วยความงุนงงอยู่สักพัก จึงเข้าไปจับไหล่ ตั้ม ลูบเบาๆด้วยความสงสารปนไปด้วยความห่วงใย
...........................................................................
.................................

“เฮ๊ย ตกลงมันคิดถึงใครวะ” ปอ ถามขึ้นขณะที่ทำธุระส่วนตัวอยู่ในห้องน้ำก่อนที่จะเข้านอน
“บอกไม่ได้หว่ะ” ชัย ตอบ
“ทำไมวะ” ปอ สงสัยมากขึ้น
“เอาเป็นว่า เป็นญาติผู้ใหญ่ที่รักมันมากที่สุดในโลก แล้วญาติมันคนนี้เสียไปได้สัก ๒ ปีแล้ว” ชัยบอกยิ้มๆ
“งั้นเหรอวะ แล้วมึงเสือกรู้ได้ยังไงว่าเป็นใคร” ปอ ซักอีก
“อันนี้กูไม่บอก ฮ่าๆๆ ไว้มึงเรียกกูพี่เมื่อไหร่ กูอาจจะเปลี่ยนใจ” ชัย ยักคิ้วให้
“เชี่ย ไม่มีทางหรอกมึง” ปอ โต้กลับ
“งั้นกูไม่ยกน้องกูให้มึงดีกว่า เก็บไว้ยกให้คนอื่นที่ยอมเรียกกูพี่” พูดจบ ชัย ก็ต้องวิ่งหนี เพราะ ปอ ยกขาขึ้นทำท่าจะเตะใส่
“สาดนี่ ไอ้ราญ ยกให้กูแล้วเว๊ย ยังไงก็ของกู” ปอ ตะโกนบอกไป แต่ชัยก็เดินเข้าห้องพักไปซะแล้ว

(http://img.photobucket.com/albums/v428/tumty/Thai%20Boys%20Love/Puff_the_Magic_Dragon.jpg)
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๕๑/๓ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 03-05-2008 21:42:53
 :serius2: ทำไมคราวนี้เพลงไม่มา ฝากเพื่อนๆช่วยฟังหน่อยนะครับ ว่าเพลงมาตั้งแต่ต้นจนจบหรือเปล่า ทำไมผมฟังได้แค่ ๓๐ วินาทีเอง
 :sad2:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๕๑/๓ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: salapaw ที่ 04-05-2008 12:53:22
ฟังไม่จบอ่ะ แต่เพราะมากๆๆเลยนะ

หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๕๑/๓ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 04-05-2008 13:51:31
เพลงที่ตั้มร้องเคยเป็นเพลงโปรดของเราเหมือนกัน


 :a10: :a10: :a10:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๕๑/๓ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: nana ที่ 04-05-2008 18:36:19
 :m1: :m1: :m1:



 :L2: :L1: :L2:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๕๑/๓ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 04-05-2008 22:38:45
ฟังไม่จบอ่ะ แต่เพราะมากๆๆเลยนะ


ทำการแก้ไขเรียบร้อยแล้วครับ สงสัยเป็นเพราะไฟล์ที่อัฟไว้เป็น wma ก็เลยแสดงผลผิดพลาด  :try2:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๕๒/๔ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 04-05-2008 23:03:05
๕๒ ของฝาก

ปอ ตื่นขึ้นมาแต่เช้า ไม่ใช่เพียงเพราะอากาศเย็นๆในบ้านพักริมทะเล แต่เพราะความเคยชิน ที่ต้องตื่นขึ้นมาเตรียมอาหารเช้า ให้กับพ่อแม่ที่ออกไปส่งผักในตลาดแต่เช้ามืด ทำให้ปอตื่นตั้งแต่ ๖ โมงเช้าทุกวัน
“ทำไมมันเย็นอย่างนี้วะ” ปอ พึมพำ ... ฮ่าๆๆ กูหาเรื่องกอด ไอ้ตั้ม มันดีกว่าเว๊ย ... คิดแล้ว ปอ ก็พลิกตัวหันไปทาง ตั้ม
“เฮ๊ย” ปอ อุทาน แล้วทะลึ่งตัวลุกขึ้นนั่งด้วยความตกใจ ... อะไรกันวะ แม่งขนาดนี้เลยเหรอ ...

ภาพที่เขาเห็นลางๆ จากแสงสลัวๆของดวงไฟหน้าห้องที่ลอดเข้ามา ตั้ม ที่อยู่ในชุดนอนแขน-ขายาว ผ้าสำลีลายตุ๊กตาหมี นอนหนุนอกของ ชัย โดยที่แขนซ้ายของชัย โอบเอว ตั้ม ไว้ มือซ้ายก็กุมกันอยู่ มีผ้าแพรบางๆห่มอยู่ครึ่งตัว เขารู้สึกตกใจมากที่เห็นภาพนั้น แต่เมื่อมองไปซักพัก เขาอดยิ้มไม่ได้ เพราะภาพที่เห็นทำให้เขานึกถึงภาพเขาตอนเด็กๆ ที่นอนหลับไปกับ อก ของ พ่อ มันเหมือนภาพที่เขาเห็นขณะนี้ไม่มีผิด คิดแล้วเขาก็โน้มตัวเข้าไปหา ตั้ม
... น่ารักฉิบหาย ที่รักของกู ขอกูหอมซักฟอดนึงเหอะวะ ...

ป๊อก

... อูย ใครเขกหัวกูวะ ... ปอเงยหน้าขึ้นมองก็เห็น ชัย มองมาสีหน้าดุๆ แถมยังเอานิ้วชี้มือขวาแตะไว้ที่ปาก เหมือนจะห้ามไม่ให้ส่งเสียง
ปอ ก็เลยจำเป็นต้องถอยกลับไปยังที่เดิมพลางล้มตัวลงนอน แต่ยังหันหน้าไปทาง ตั้ม
... หวงเป็นจงอางหวงไข่เลยนะมึง กูมองเฉยๆก็ได้วะ แค่นี้กูก็มีความสุขแล้ว... ปอ มองท่านอนของ ตั้ม แล้วก็อมยิ้ม ไม่สนใจกับสายตาที่มองมาอย่างเอือมระอาของ ชัย
..................................................................................
.....................................
“ทำไมยังไม่เสร็จวะ บ่ายขนาดนี้แล้ว” ปอ ถามเมื่อเห็นว่า ตั้ม ยังคงวาดรูปอยู่ ในขณะที่คนอื่นๆเก็บอุปกรณ์เข้าที่พักกันหมดแล้ว
“เสร็จนานแล้วอะ อยู่นั่นไง” ตั้ม พูดแล้วชี้ไปที่แผ่นไม้รองภาพอีกแผ่นหนึ่งที่วางอยู่ใกล้ๆตัว ปอหยิบขึ้นมาเปิดกระดาษที่ปิดรูปอยู่ เพื่อดูรูปวาดภายใน
“เฮ๊ย มึงทำได้ยังไงวะสีแบบนี้” ปอ อุทาน แปลกใจกับภาพท้องทะเลสีฟ้า ที่เป็นสีฟ้าอมเขียวในบางจุด  และท้องฟ้าที่มีสีขาวจางๆคล้ายเมฆกระจายอยู่เป็นหย่อมๆ
“เทคนิคพิเศษ” ตั้ม หัวเราะ “สวยมั๊ยอะ วินท์สอนมาเชียวนะเนี่ย” ตั้ม ยิ้มอย่างภูมิใจ
“สวยหว่ะ ว่าแต่ วินท์ นี่เป็นใครวะ” ปอ ถามดุๆ
“ปอ อะ ทำลืม เพื่อนเราตอนเรียน ๓/๖ ไง วินท์ วาดรูปเก่งมากเลย สอนเราตั้งเยอะ” ตั้ม ยิ้มไม่หุบ
 “ตั้ม ทานน้ำก่อน” ชัย เดินมาหาพร้อมกับแก้วน้ำแดงที่ครูชงไว้ให้นักเรียน แล้วก็นั่งลงอีกข้างหนึ่ง พร้อมกับยื่นแก้วน้ำหวานให้
“ขอบคุณฮับ พี่ชาย” ตั้ม รับแล้วดื่มไปอีกใหญ่ๆ
“แล้วรูปนี้ วาดอีกทำไมวะ” ปอ สงสัย
“ให้ พี่ราญ เดี๋ยวฝาก พี่ชัย ไปนะ” ตั้ม หันไปบอก ชัย
“อ้าว แล้วไม่มีของ พี่ชัย เหรอ แบบนี้ไม่ยอมนะ” ชัย พูดแล้วทำสีหน้าเหมือนไม่ยอมจริงๆ
“โห ก็ พี่ราญ ไม่ได้มาด้วยนี่นา ตั้ม เลยอยากหาของกลับไปฝาก พี่ราญ” ตั้ม ทำสีหน้าลำบากใจ “งั้นเดี๋ยว ตั้ม วาดให้ พี่ชัย อีกใบแล้วกัน”
“ไม่ต้องก็ได้ กว่าจะเสร็จคงค่ำพอดี เอาเป็นว่าก่อนกลับ ตั้ม ซื้อของสวยๆให้ พี่ชัย ชิ้นนึงแล้วกันนะ” ชัย พูดพลางยิ้มให้
“ได้เลย” ตั้ม ยิ้มกว้างแล้วก้มหน้าลงไประบายสีภาพต่อ
“ตั้ม นี่อะไรวะ” ปอ ถามขึ้นมา
ตั้ม เงยหน้าขึ้นมามองตามมือของ ปอ ที่ชี้อยู่บนภาพที่เสร็จแล้ว ชัย ก็ชะโงกหน้ามองตามไป ที่ ปอ ชี้อยู่เป็นรูปเล็กๆในมุมหนึ่งของภาพ เป็นรูปเด็กชายคนหนึ่ง มีผู้ชาย ๒ คนจูงมืออยู่คนละข้าง มีผู้หญิงอีกคนหนึ่งถือร่มตามหลังมา
“เด็กนั่น ตั้ม เอง ผู้หญิงที่ถือร่มนั่นแม่” ตั้ม ตอบแค่นั้น แล้วก็เงียบไป
“แล้ว ๒ คนที่จูงมือเอ็งอยู่นี่ล่ะ” ปอ ถามโดยที่ไม่ได้หันมามอง
“คนนึงพ่อ” ตั้ม ตอบเบาๆหลังจากที่เงียบไปพักหนึ่ง ปอ หันมามองหน้าแล้วทำท่าจะถามต่อ
“อีกคนนึงคนสำคัญของ ตั้ม มัน” ชัย ตอบแทน ทำให้ทั้ง ตั้ม และ ปอ หันมามอง
“เอ็งรู้ได้ไงวะ” ปอ ถาม
“ลองเดาเอา” ชัย พูดแล้วหันไปยิ้มให้ ตั้ม “ใช่รึเปล่า พี่ชายว่าอีกคนต้องเป็นคนที่สำคัญมากๆของ ตั้ม แน่นอนเลย”
“อื้อ” แล้วตั้มก็หันกลับมามองที่รูปเล็กๆนั้นอีกครั้ง ดวงตาทอประกายที่เปี่ยมไปด้วยความรักแบบที่ ปอ ไม่เคยเห็นมาก่อน
“แล้วตอนนี้คนคนนี้อยู่ไหนเหรอวะ” ปอถามด้วยความสงสัย
“เสียไปหลายปีแล้วหล่ะ แต่ไม่ว่ายังไง ก็ยังอยู่ในใจเราตลอดไป เราจะขอเก็บไว้ในความทรงจำไม่ลืมเด็ดขาด” ตั้ม ยิ้มเศร้าๆ แล้วน้ำตาก็เริ่มไหล
... นี่รึเปล่าวะ ญาติผู้ใหญ่คนที่ ตั้ม มันรักมากที่ ชัย บอกเมื่อคืนนี้ ...
“ตั้ม เราขอโทษ เรา...” ปอ ตกใจพูดพลางเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาให้ ตั้ม
“เราต่างหากต้องขอโทษอะ ปอ แย่จังนิ แค่นี้ก็ร้องไห้ซะแล้ว ไม่ไหวเลย” ตั้ม พูดแล้วยิ้มทั้งน้ำตา
เพี๊ยะ.... ชัย ตีมือของ ปอ ที่กำลังเช็ดน้ำตา ตั้ม อยู่
“ตีกูทำไมวะ” ปอ มองตาขวางๆ
“มือมึงสกปรก อย่าเอามาแตะน้องกู” ชัย พูดยิ้มๆ พลางเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาให้ ตั้ม
“มือมึงสะอาดตายหล่ะ เอาออกไป” ปอ พูดแล้วก็ตีมือ ชัย บ้าง
“ฮ่าๆๆ พอกันแหละ เดี๋ยว ตั้ม ไปล้างหน้าก่อนนะ”
พูดจบ ตั้ม ก็ลุกขึ้นวิ่งเข้าไปในบ้านพัก ปล่อยให้ ชัย ยิ้มล้อเลียน ปอ ซึ่งกำลังทำหน้าเหมือนแค้นเสียเหลือเกิน
..................................................................................
.....................................
“นับก่อนนะว่าครบรึเปล่า วัฒน์ หมู โย่ง นึก พล นัส ไมค์ ณัฐ ปุง .... ” ตั้ม พูดชื่อเพื่อนทีละคน ต่อไปอีกประมาณ ๖ คน พลางนับพวงกุญแจเรซิ่นทรงกลมที่มีเปลือกหอยเล็กๆอยู่ข้างในทีละอัน
“ไม่ซื้อไปฝากทั้งห้องเลยล่ะวะ” ปอ พูดประชด ...ไอ้โอ คู่หู ไอ้นึก มันก็มาจะซื้อไปฝากมันทำไมวะ..คิดแล้ว ปอ ยิ่งอารมณ์เสีย
“ไม่ต้องหรอก คนอื่นเดี๋ยวพวก เชียร ก็ซื้อไปฝาก ครบแล้ว” ตั้ม ตอบยิ้มๆไม่ทันคิดว่าโดนประชด
“ขาดไปอันนึงโว๊ย” ปอ พูดแล้วหยิบพวงกุญแจเพิ่มอีกอันนึง วางลงไปในกองพวกกุญแจที่ ตั้ม ถืออยู่
“ของใครอะ” ตั้ม งง เพราะคิดว่าตัวเองไม่น่าจะนับผิด
“ของกูไง” ปอ ตอบ
“หง่ะ ได้ไงอะ ก็มาด้วยกันแล้วจะเอาของฝากอีกเหรอ” ตั้ม ตาโต
“น่าๆ ซื้อให้กูอันนึงนะ กูอยากได้” ปอ ทำเสียงออดอ้อน ตั้ม ก็เลยคิดอะไรได้... ปอ มีตังส์แค่พอใช้...
“งั้นก็ได้อะ ว่าแต่ ปอ จะเลือกแบบอื่นมั๊ยอะ” ตั้ม พูดกลั้วหัวเราะ
“เลือกได้เหรอ งั้นกูเปลี่ยนนะ”  ปอ มีสีหน้าดีใจหยิบพวงกุญแจเรซิ่นออกจากมือ ตั้ม ไปอันนึง แล้วหยิบพวงกุญแจที่ทำจากเปลือกไม้ ลงแลคเกอร์เคลือบไว้เงาวับ มีรูปหัวใจสีแดงวาดอยู่ด้วย “กูเอาอันนี้” ปอ ยิ้ม
“อื้อๆ ป้าค๊าบ ทั้งหมดเท่าไหร่ค๊าบ” ตั้ม หันไปถามคนขาย
“น่ารักอย่างนี้ เดี๋ยวป้าลดให้พิเศษนะ” แล้วป้าคนขายก็บอกราคามา
“ขอบคุณที่ลดให้ค๊าบ ไปนะค๊าบป้า” ตั้ม พูดหลังจากที่รับเงินทอนมา แล้วก็ชวน ปอ กลับไปยังรถไฟที่จวนได้เวลาออกจากสถานี
..................................................................................
.....................................
“เฮ๊ย พวงกุญแจขาดไปอันนึงหว่ะ ไปซื้อไม่ทันแล้วทำไงดีวะ” เชียร บ่น ขณะที่รถไฟกำลังจะออกจากสถานี
“อ้าว ขาดได้ไงวะ ไหนว่านับดีแล้วไง” นึง พูดอย่างหัวเสีย
“ลืมนับ ไอ้นึก หว่ะ” เชียร บอก
“โหย...ถ้าเป็น ไอ้นึก ละก็ไม่ต้องกลัว กูว่ามีคนซื้อให้มันแล้วหล่ะ ไม่ต้องห่วง”โอ พูดแล้วหัวเราะ แล้วทุกคนก็พากันหันไปมอง ที่ ตั้ม
“ตั้ม ตั้ม”  โอ ตะโกนถาม ตั้ม ที่อยู่ห่างไป “ซื้อของฝากให้ ไอ้นึก มันรึเปล่าวะ”
 “หือ โอ ว่าอะไรนะ ” ตั้ม หันไปถาม เพราะฟังไม่ถนัดว่า โอ ถามอะไร
“เอ็งซื้อของฝาก ไอ้นึก มันรึเปล่าวะ” โอ ถามอีกครั้ง
“ อื้อ ซื้อมาแล้ว ทำไมเหรอ” ตั้ม ตะโกนตอบไป
“เปล่าๆ ถามดูเฉยๆ” โอ บอก แล้วหันมาพูดกับกลุ่มเพื่อน “เห็นมะ กูว่าแล้ว” แล้วทุกคนก็พากันหัวเราะเสียงดัง

หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๕๒/๔ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: nana ที่ 05-05-2008 14:01:04
 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๕๓/๕ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 05-05-2008 18:08:54
๔๓ ป่วย

“มึงเห่อเกินไปรึเปล่าวะ ถึงกับใส่กรอบซะหรูเชียว” ชัย พูด พลางยืนมองรูปวาดที่อยู่ในกรอบไม้สีทอง ที่แขวนไว้ตรงหัวเตียงของ ราญ
“ว่าแต่เรา นายเองก็พอกันแหละวะ เอาจี้ไปใส่กับสร้อยเงินซะหรูเชียว” ราญ ที่นั่งอยู่ที่โต๊ะเขียนหนังสือพูด พลางมองไปยังจี้รูปใบไม้ที่ทำจากเปลือกหอย ที่ห้อยอยู่บนลำคอของ ชัย
“กูว่าจะใส่กับสร้อยทองแล้วเว๊ย แต่มีแต่เส้นใหญ่ๆ ใส่แล้วไม่สวย” ชัย พูดยิ้มๆ พลางลูบคลำจี้บนลำคอ “เส้นนี้กำลังดี”
“แล้วน้องเราเป็นไงมั่ง” ราญ ถามถึง ตั้ม
“เออ กูว่าจะมาบอกมึงเนี่ย ไอ้ปอ มันมารายงานว่าไม่มาเรียน ๒ วันแล้วเว๊ย” ชัย พูดด้วยสีหน้าเป็นกังวล
“อ้าว เป็นอะไรไปล่ะ” ราญ เลิกคิ้วถาม
“กูก็ไม่รู้หว่ะ ตอนกลับจากชะอำก็เห็นดีๆอยู่ เห็น ปอ มันบอกว่า วันจันทร์มันบ่นๆว่าปวดท้อง แล้ววันรุ่งขึ้นก็ไม่มาโรงเรียน” ชัย เล่า
“ปวดท้องเหรอ” ราญ ทำท่าคิด “เมนส์แรกมาหรือเปล่าวะ สงสัยต้องหุงข้าวแดงฉลอง” ราญ พูดยิ้มๆ
“เมนส์เตี่ยมึงสิ” ชัย อารมณ์เสีย “มึงพูดแบบนี้ไม่ห่วงมันเหรอไงวะ”
“ห่วงสิ แต่จะให้ทำยังไงล่ะ เป็นทุกข์ไปตอนนี้ก็ไม่รู้เรื่องอยู่ดี บ้านมันน่ะ ไกลก็ไกล โทรศัพท์ก็ไม่มี” ราญ พูดแล้วถอนหายใจ หยุดคิดไปครู่หนึ่ง แล้วก็พูดกับชัย  “เดี๋ยวถ้าถึงวันศุกร์แล้วยังไม่มาเรียน ก็ให้ ตุ่ม มันพาไปดูที่บ้านก็แล้วกัน”
“เออ เอางั้นก็ได้วะ” ชัย พูดแล้วก็ถอนใจอีกคน
.........................................................................................
..............................................

... นั่นมันมาเรียนแล้วเหรอวะ แล้วไหงมันนอนฟุบอยู่แบบนั้น ... ชุดนักเรียนสีขาวสะอาดของ ตั้ม ดูเด่นสะดุดตา ท่ามกลางเพื่อนๆที่ใส่ชุดนักศึกษาวิชาทหาร ที่ต้องใส่ในวันพฤหัสบดี ทำให้ ปอ รู้ว่าร่างที่นอนฟุบอยู่ที่โต๊ะข้างๆ ญัฐ นั้นคือ ตั้ม
“ตั้ม เป็นอะไรวะ” ปอ เดินไปหาแล้วเรียกเบาๆ
“เบาๆ ปอ มันหลับอยู่” ณัฐ ที่นั่งอยู่ข้างๆบอกเบาๆ
“มันเป็นอะไรวะ” ปอ หันไปถาม ณัฐ
“ไม่รู้อะ เรามาถึงก็เห็นนอนอยู่แบบนี้แล้ว สงสัยไม่ค่อยสบาย” ณัฐ ตอบพลางขยับตัวลุกออกจากเก้าอี้ ไปนั่งที่โต๊ะข้างหน้า เพราะ ปอ ทำสัญญาณมือ เหมือนจะขอนั่งแทนที่เขา
... อืม ตัวอุ่นๆหว่ะ สงสัยยังไม่สบายอยู่ ... ปอ คิดเมื่อเอามือแตะไปที่หน้าผาก ตั้ม
“ตั้ม ตั้ม เป็นอะไรรึเปล่า” ปอ ตัดสินใจปลุก ตั้ม
“หือ ... ปอ เองเหรอ” ตั้ม งัวเงียเงยหน้าขึ้นมา แล้วพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าเป็นใคร
“เป็นไงมั่งวะ” ปอ ถามด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เป็นไรอะ แล้วนี่กี่โมงแล้ว” ตั้ม ยิ้มบางๆ
“๗ โมงครึ่งแล้ว” ปอ ตอบ
“อ้าว เหรอ งั้นเราไปกินข้าวก่อนนะ ยังไม่ได้กินเลย ปอ ล่ะ กินข้าวรึยัง” ตั้ม ตอบพลางหันไปเปิดเป้ หยิบถุงสีขาวใบย่อมขึ้นมา ปอ มองเห็นตราและตัวหนังสือบนถุง เป็นชื่อของโรงพยาบาลเฉพาะหน่วยงานหนึ่งของรัฐ ปอ จำได้ว่าหน่วยงานนั้นเป็นที่ทำงานของพ่อและแม่ ตั้ม
“เรากินแล้ว เอ็งรีบไปเหอะ ยิ่งกินข้าวช้าอยู่ เดี๋ยวไม่ทันเข้าแถว” ปอ บอก
“อื้อ งั้นเดี๋ยวเจอกันตอนเข้าแถวนะ เราคงไม่ขึ้นมาแล้ว”แล้ว ตั้ม ก็เดินช้าๆออกจากห้องไป
ปอ เดินกลับมาที่โต๊ะของตัวเอง หยิบสมุดขึ้นมาทำงานที่ยังไม่เสร็จ พลางมองไปยังกลุ่มเพื่อนๆ หลายกลุ่มที่คุยกันอยู่ในห้อง ติดแปลกใจว่า ทำไมไม่มีใครสนใจถามอะไร ตั้ม มันเลย นี่ถ้าเขาไม่ตัดสินใจปลุก ตั้ม มันคงไม่ได้กินข้าวเช้าแน่นอน ขณะที่เขากำลังคิดอยู่ วัฒน์ กับ หมู ก็เดินมาหาเขา

“ปอ ตกลง ศิลปี เป็นอะไรน่ะ” วัฒน์ ถาม
“อ้าว แล้วทำไมไม่ถามเองล่ะ” ปอ ตอบ
“เราเห็นหลับอยู่อะ เลยไม่กล้าไปปลุก” หมู ตอบเบาๆ
“เออ ดีนะ นี่ถ้ากูไม่ปลุกมันได้อดข้าวแล้ว” ปอ พูดอย่างมีโมโห
“อ้าว” วัฒน์ ตกใจ “ทุกทีมาถึงก็กินข้าวเลยนี่ แล้วทำไมวันนี้เป็นอย่างนี้ล่ะ”
“เออกูก็ไม่รู้หว่ะ” ปอ เสียงอ่อนลงเมื่อมองเห็นท่าทางของ วัฒน์
“งั้นพวกเราไปดูกันหน่อยดีมั๊ยอะ” หมู หันไปพูดกับ วัฒน์
“อื้อ ดีเหมือนกัน” วัฒน์ หันมาตอบ หมู แล้วก็หันไปพูดกับ ปอ “งั้นเดี๋ยวพวกเราไปดู ตั้ม ก่อนนะ” แล้ว วัฒน์ กับ หมู ก็ชวนกันเดินออกไปจากห้อง
.........................................................................................
..............................................

วัฒน์ กับ หมู มองดูชามเกาเหลา ที่ ตั้ม เอาข้าวสวยใส่ลงไปจนกลายเป็นข้าวต้ม ที่กินไปได้เพียงไม่กี่คำ แล้วหันมามอง ตั้ม ที่กำลังนับยาเม็ดสารพัดสีประมาณ ๗-๘ เม็ด ก่อนที่จะเอายาทั้งหมดเข้าปาก แล้วกินน้ำตามลงไป เสร็จแล้วก็ทำหน้าเบื่อหน่าย
“กินแค่นี้เองเหรอ แล้วนั่นยาอะไรเยอะแยะ” วัฒน์ ถามพลางขมวดคิ้ว
“นั่นดิ ตั้ม กินแค่นี้อิ่มแล้วเหรอ” หมู ถามขึ้นอีกคน
“ไม่เอาแล้วอะ กินแค่พอให้กินยาได้ก็พอแล้ว ไม่แน่ เดี๋ยวก็ออกมาหมดอยู่ดี” ตั้ม ตอบ ทั้ง ๒ คนทำหน้า งงๆ เพราะไม่ค่อยเข้าใจ
“ตั้ม กินยาเก่งจัง เป็นเรานะ คงทีละเม็ดกว่าจะหมดคงอิ่มน้ำพอดี” หมู พูดพลางหัวเราะเบาๆ
“ก็เราชินแล้วอะ ตอนเด็กๆนะ บางทีกินยามื้อละ ๑๐ กว่าเม็ด เลยเก่งไง”  ตั้ม ยิ้มราวกับมันเป็นเรื่องตลก ...เราโตมากับยานี่แหละ แค่นี้ยังน้อย ...
“เดี๋ยวเราไปนั่งแถวๆริมสนามดีกว่าอะ จะได้ไม่ต้องเดินมากตอนเข้าแถว” พูดจบ ตั้ม ก็ลุกขึ้นเดินช้าๆออกจากโรงอาหาร มี วัฒน์ และ หมู เดินไปนั่งด้วยกันที่โต๊ะใต้ต้นไม้ริมสนามใหญ่ แล้ว ตั้ม ก็ถามถึงงานของวิชาต่างๆในระหว่างที่หยุดเรียนไป
.........................................................................................
..............................................

“ครูครับ ขออนุญาตไปห้องน้ำครับ” ตั้ม ยกมือขึ้นหลังจากที่เรียนคาบวิชาแรกไปได้เพียง ๑๐ นาที
“อะไรกัน เพิ่งเรียนก็จะไปห้องน้ำแล้ว” ครู พูดเสียงดุๆ “หมดชั่วโมงก่อนค่อยไป”
ตั้ม นั่งเงียบสักพัก หน้าเริ่มแดง
... ไม่ไหวแล้ว ... ตั้ม คิดแล้วก็ลุกขึ้น ผลัก ญัฐ ให้ถอยหลัง แล้ววิ่งออกจากโต๊ะ ผ่านครู แล้วออกจากห้องไป ไม่สนใจกับเสียงดุที่ตามหลังมา
“ครูครับ ผมไปดูให้นะครับ” วัฒน์ ลุกขึ้นยืนหันไปบอกครูแล้ววิ่งตามออกมา

ตั้ม วิ่งไปที่ห้องน้ำ ที่อยู่อีกด้านหนึ่งของห้องเรียน เมื่อเปิดประตูเข้าไปในห้องส้วม ก็โก่งคอ อาเจียรอาหารเช้าที่กินเข้าไปออกมา พร้อมกับน้ำสีเขียวๆที่ส่งกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ น้ำมูกและน้ำตาก็ไหลออกมาด้วย แล้วก็รู้สึกว่ามีมือใครมาลูบหลังเบาๆ
“เป็นไงมั่ง แบบนี้สินะถึงได้ไม่ยอมกินข้าว” ตั้ม ได้ยินเสียง ก็เงยหน้าขึ้นมอง วัฒน์ นั่นเอง
 แล้วคลื่นอะไรบางอย่างก็เหมือนจะพุ่งขึ้นมาที่ลำคอ ตั้ม จึงหันไปอาเจียรอีกครั้ง คราวนี้มีแต่น้ำใสๆออกมาเล็กน้อย
“หมดรึยัง หมดแล้วก็ไปบ้วนปาก ล้างหน้าซะ” ตั้ม พยักหน้า แล้ว วัฒน์ ก็เดินตามหลัง ตั้ม ไปที่อ่างล้างหน้า
“ศิลปี เป็นอะไร ทำไมไม่ยอมบอก ทำเหมือนพวกเราไม่ใช่เพื่อน” วัฒน์ พูดน้ำเสียงน้อยใจ
“เปล่านะ” ตั้ม หันมาพูดเสียงตกใจ “เราแค่ไม่อยากให้เป็นห่วงกันเท่านั้นเอง”
“แล้วนี่จะบอกได้รึยังว่าเป็นอะไร” วัฒน์ คาดคั้น
“หมอบอกว่าลำไส้ทำงานผิดปรกติอะ แล้วมีโรคกะเพาะแทรก มันเลยยิ่งไปกันใหญ่ ” ตั้ม ตอบเบาๆ
“ก็แค่นั้นแหละ ไปเร็ว รีบกลับห้องเรียนก่อน ครูโกรธใหญ่เลย แล้วเดี๋ยวมีเวลาค่อยมาเล่าให้เราฟังนะ ”
“อื้อ”
แล้วทั้ง ๒ คนก็เดินกลับไปยังห้องประจำชั้น หลังจากหมดชั่วโมง ครูก็เรียก ตั้ม ออกมาถามที่หน้าห้อง เมื่อครูรู้ว่า ตั้ม วิ่งออกจากห้องเพื่อไปทำอะไร ครูก็หายโกรธ แต่ยังไม่วายดุ
“แล้วทำไมเธอไม่บอกล่ะว่าไม่สบายแล้วจะไปอาเจียร”
“ขอโทษค๊าบ” ตั้ม หน้าสลดยกมือขึ้นไหว้ครู ... ก็ครูดุออกขนาดนี้ ใครจะพูดออกอะ ...
.........................................................................................
..............................................

“ไอ้นึก มึงต้องรับผิดชอบนะเว๊ย” โอพูดเสียงแข็ง ขณะที่อยู่บนรถประจำทางปรับอากาศ ระหว่างที่เดินทางไปเรียนวิชาทหาร ที่ศูนย์ฯแถวรังสิต
“เรื่องไรวะ” นึก หันไปมองอย่างสงสัย
“ก็เรื่องที่มึง ทำ ไอ้ตั้ม มันท้องไง มึงต้องรับผิดชอบ” โอ พูดยิ้มๆ
“เชี่ย ท้องกับมึงน่ะสิ กูไม่ได้ทำอะไรเลยนะเว๊ย” นึกโวยวาย
“ก็มึงน่ะ วันๆเอาแต่จ้องมันจนแทบจะแดกมันเข้าไปแล้ว แล้วชอบคลุกวงในมันอยู่เรื่อย แบบนี้มันจะท้องกับกูได้ไง ท้องกับมึงนั่นแหละ” โอ พูดขำๆ
“กูไม่ใช่ปลากัดนะเว๊ย แค่จ้องตาจะได้ท้องได้” นึก พูดแล้วหัวเราะ “มันไปชะอำกับคนทั้งเยอะ ไปเสียท่าใครเข้าล่ะไม่ว่า” เพื่อนๆพากันหัวเราะเมื่อได้ยินประโยคนั้น
“หรือท้องกับ ไอ้วัฒน์ วะ เห็นมันดูแลกันเหลือเกิน” โอ พูดแล้วมองไปทาง วัฒน์
“อ้าว ไหงเป็นงั้นล่ะ ก็เราเป็นห่วง ศิลปี นี่ พวกนายไม่ห่วงเหรอ นี่ไม่รู้กลับบ้านคนเดียวจะเป็นยังไงมั่ง เห็นอาการไม่ค่อยดีเลย” วัฒน์ พูดอย่างกังวล
“ห่วงสิ ไม่ห่วงได้ไง ที่รักของพวกกู จริงมะ ไอ้นึก” โอ พูดพลางหันไปทาง นึก
“ที่รักของมึงคนเดียวเหอะ” นึก พูดแล้วก็หันหน้าออกนอกหน้าต่าง ไม่สนใจที่เพื่อนๆคุยกันต่อ

... มันก็ที่รักของทุกคนในห้องแหละวะ กูน่ะห่วงสิวะ ทำไมไม่ห่วงล่ะ ห่วงมันตั้งแต่ตอนที่เห็นมันมีเรื่องกับ ไอ้ปอ ตอน ม.๓ แล้วยังตอนที่มันโดนชกเมื่อปีที่แล้วอีก พวกมึงไม่รู้หรอกว่ากูห่วงมันขนาดไหน  แต่พวกมึงน่ะแหละ จ้องหาเรื่องกูจัง กูเลยไม่รู้จะทำยังไงดี เสียดายหว่ะ ตั้ม มันเป็นผู้ชาย เสียดายฉิบหาย ถ้ามันเป็นผู้หญิงคงไม่ลำบากใจขนาดนี้ ไม่สิ ถ้ามันเป็นผู้หญิงมันคงเรียนที่อื่น แล้วกูคงไม่ได้เจอกับมัน ไม่ได้ใกล้ชิดมันแบบนี้ ...  นึกคิดพลางถอนหายใจยาว

หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๕๓/๕ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: salapaw ที่ 05-05-2008 18:37:01
 ตั้มเป็นไรไปอ่ะ กินยาแต่เด็กเลย :เฮ้อ:


ว่าแต่ตัวละคนมันเยอะอ่ะ เริ่มงงชื่อเพื่อนๆๆและ
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๕๓/๕ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 05-05-2008 19:22:19
ตั้มเป็นไรไปอ่ะ กินยาแต่เด็กเลย :เฮ้อ:


ว่าแต่ตัวละคนมันเยอะอ่ะ เริ่มงงชื่อเพื่อนๆๆและ
เอ้อ...ถ้าอ่านในตอน ๓๙ ลูกรัก คงทราบแล้วว่า ตั้ม เข้าออกโรงพยาบาลบ่อยมากในตอนเด็ก ก็เริ่มกินยามาตั้งแต่ตอนนั้นแล้วครับ แล้วถ้ายังพอจำได้ ตอนแรกๆจะเห็นว่า ตั้ม พกกระดาษชำระติดกระเป๋าไว้ตลอด เพราะเป็นโรคภูมิแพ้อากาศ ซึ่งแน่นอนว่าเวลาที่เป็นก็ต้องกินยาอย่างน้อย ๒ เม็ด คือยาแก้แพ้ กับยาแก้ไข้ ถ้าเป็นมากต้องเพิ่มยาขยายหลอดลมอีกตัวหนึ่งด้วยครับ  :undecided:
ส่วนตัวละคร เดี๋ยวจะเยอะกว่านี้อีก  :laugh:
แหมจะให้เขียนว่า เพื่อนคนหนึ่ง หรือหนุ่มคนหนึ่ง มันก็กระไรอยู่  :o8:
แต่ตัวละครหลักยังคงเหมือนเดิมครับ
ตั้ม พี่ราญ
ปอ ชัย ศักดิ์ สิทธิ์ สมชาย
พอมาชั้นมัธยมปลาย ก็มี โอ นึก วัฒน์ ที่จะเป็นตัวสำคัญเพิ่มขึ้นมา
โอ นี่ทางวิทยาศาตร์คงเรียกว่าตัวคะตะไลท์ หรือตัวเร่งปฎิกิริยา เรียกได้ว่าทำให้เกิดเรื่องต่างๆขึ้นก็ว่าได้ ส่วน วัฒน์ ไว้คอยดูดีกว่าครับว่าสำคัญอย่างไร
ส่วนตัวละครอื่นๆ จะว่าไม่สำคัญก็ไม่เชิง เอาเป็นว่า จำเป็นต้องมีแล้วกันนะครับ  :o11:

หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๕๓/๕ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: RN ที่ 05-05-2008 21:49:35
เย่ๆๆๆๆ ในที่สุดก้ตามอ่านทันแล้ว

ยิ่งอ่านก็ยิ่งเห็นว่าตั้มน่ารัก

ปล.เรืองนี้ตัวละครเยอะได้ใจจริงๆๆ


 o2 o2

ปล.ตั้มน่ารักกกกกก o13
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๕๓/๕ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 05-05-2008 22:10:22
ทำไมตั้มน่าสงสารจัง
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๕๓/๕ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: Just let it be ที่ 06-05-2008 09:35:48
หวังว่าตั้มคงจะหายเร็วๆ อ่า

น่าสงสารจังนิ

 :serius2:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๕๓/๕ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: AidinEiEi ที่ 06-05-2008 16:50:50
อ่านแล้วก็นึกถึงตัวเองกินยาหาหมอเป้นว่าเนตั้งแต่เด็ก
ยางี้เป็นกำๆคิดถึงตัวเองจังเลย...น่าสงสาร :sad2:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๕๓/๕ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: GTo_CluB ที่ 06-05-2008 17:25:06
 :m23:    เด็กใหม่รายงานตัว คับ

ชอบพี่คนเขียนมากเลยคับ ภาษาไม่ตกเลย

แถมเลขไทยอีก  มาต่อไวๆนะคับ

ขอบคุณคับ   

o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๕๔/๖ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 06-05-2008 18:01:10
๕๔ นัดสาว

ช่วง ๑ เดือนก่อนสอบ ตั้ม หยุดเรียนเป็นระยะๆ ไปโรงเรียนเพียงสัปดาห์ละ ๑ หรือ ๒ วันเท่านั้น เพราะนอกจากโรคลำไส้อักเสบแล้ว ยังเป็นโรคไตอักเสบอีกด้วย ทำให้ ตั้ม ไปโรงเรียนไม่ค่อยไหว แต่การหยุดเรียนของ ตั้ม เหมือนจะไม่ค่อยมีผลต่อการเรียนสักเท่าไร ทางโรงเรียนอนุญาตให้ ตั้ม เข้าสอบปลายภาคได้ คงเพราะรายงานความประพฤติที่ผ่านมาตั้งแต่ชั้น ม.๑ ของตั้ม รวมทั้งคะแนนเก็บที่ค่อนข้างสูง ทำให้บางวิชาถึงแม้จะไม่เข้าสอบ ตั้มก็ได้เกรด ๔ อยู่ดี

ช่วงปิดเทอม ตั้ม ก็ต้องย้ายห้องจากเรือนใหญ่มาอยู่ที่เรือนเล็กกับแม่ เพราะพี่ชายต้องการย้ายมาอยู่ห้องเดิมของ ตั้ม แล้วทำห้องให้หลานที่กำลังโตขึ้นทุกวัน ห้องใหม่ของ ตั้ม มีขนาดกว้างกว่าเดิมเล็กน้อย ทำให้มีที่ว่างสำหรับวางออร์แกนไฟฟ้า ที่พ่อและแม่ตัดสินใจซื้อให้ ตั้ม ไว้ฝึกซ้อมในเวลาว่าง ตั้ม รู้สึกดีใจมากเพราะเคยพูดกับพ่อและแม่มานานมากแล้ว การมีเครื่องดนตรีสำหรับฝึกซ้อมที่บ้าน ทำให้ ตั้ม ไม่ต้องออกจากบ้านไปซ้อมดนตรี ที่สถาบันดนตรีซึ่งต้องเสียเวลา อย่างน้อย ๒ ชั่วโมง เพื่อนั่งรถเข้าไปในเมืองอีก แล้วยังทำให้ ตั้ม หายเหงาไปมากในเวลาที่อยู่คนเดียวในช่วงปิดเทอม

ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ ตั้ม เริ่มเปลี่ยนแปลงไป แต่ ตั้ม ไม่ได้ใส่ใจจะสังเกตตัวเองเลย จนกระทั่งโรงเรียนเปิดเทอม
.....................................................................................
..........................................

“พวกนายไปทำไรมาอะ” ตั้ม มองอย่างแปลกใจเมื่อเดินเข้าไปหากลุ่ม วัฒน์ หมู โย่ง โอ และนึก ที่กำลังคุยกันอยู่ เพื่อนๆเองก็มอง ตั้ม ด้วยความแปลกใจ “ทำไมเตี้ยลง” ตั้ม พูดพลางมองเพื่อนๆด้วยความสงสัย
“ฮ่าๆๆ ใช่ที่ไหนล่ะ นายตะหากที่สูงขึ้น” นึก หัวเราะแล้วเดินมากอดคอ ตั้ม ... โห อะไรวะ ก่อนปิดเทอมยังสูงแค่ไหล่ นี่มันสูงขึ้นมาถึงกกหูแล้ว อืมม หน้าผากมันได้ระดับพอดีเลย... นึกคิดในใจ
“อ้าว ไอ้ตั้ม เองเหรอวะ มองข้างหลังยังนึกอยู่ว่าใคร” เชียร พูดเมื่อเดินเข้ามาถึง “เพิ่งจะยืดเหรอวะ”
“คงงั้นมังอะ” ตั้ม พูดพลางขมวดคิ้ว “มิน่า พวกเสื้อแขนยาวเราถึงใส่ไม่ค่อยได้แล้ว เราก็แปลกใจว่าทำไมจู่ๆเสื้อผ้ามันพากันหดหมด สงสัยอยู่ว่าเป็นเพราะที่บ้านเปลี่ยนผงซักฟอก”
“ศิลปี คิดได้ยังไงเนี่ย จริงๆเลยนายนี่” วัฒน์ พูดยิ้มๆพลางส่ายหน้า ๒-๓ ทีเหมือนเอือมระอาเสียเหลือเกิน
แล้วเพื่อนๆก็ทยอยเข้าห้องเรียนมาทีละคนสองคน ทุกคนที่เห็น ตั้ม ต่างพากันมองด้วยความตกใจปนสงสัย แม้แต่ ปอ ก็ไม่เว้น

... เฮ้ย ได้ไงวะ ไอ้ลูกหมามันสูงกว่ากูแล้ว กูไม่ยอมมมมมม ...
.....................................................................................
..........................................

เรื่องหนึ่งที่เพื่อนๆคุยกันมาก ก็คือเรื่องการเรียนพิเศษ เพื่อเตรียมตัวสอบเอ็นฯ หลายคนต่างคุยกันว่า เมื่อช่วงปิดเทอมไปเรียนที่สถาบันไหนกันบ้าง แต่เหมือนจะไม่ได้เน้นที่เนื้อหากันสักเท่าไร ส่วนใหญ่ต่างโม้กันว่าเด็กสาวที่ตนไปเจอนั้นน่ารักขนาดไหน
... น่าเบื่อจริงพวกนี้ แทนที่จะไปเรียนให้เป็นเรื่องเป็นราว ดันมัวแต่มองสาว แบบนี้เสียดายเงินแย่ ... ตั้ม คิดในใจ
“นายไปเรียนที่ไหนมาบ้างล่ะ” เชียร หันมาถาม
“เปล่า เราไปเรียนดนตรีเพิ่มตลอดปิดเทอมเลย” ตั้ม พูดพลางเอ่ยชื่อสถาบันดนตรี ที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง
“นายจะเข้าศิลปกรรมเหรอไงวะ” โย่ง ถาม
“ได้ก็ดีสิ น่าเรียนออกนะเราว่า เราคงเลือกไว้ตอนเอ็นฯด้วยแหละ แล้วก็เลือกพวกครู” ตั้ม ตอบ
“ศิลปี จะเป็น ศิลปิน เหรอ” วัฒน์ แซว
“ม่ายอะ เป็นครูสอนดนตรีดีกว่า ไปอยู่โรงเรียนอนุบาลคงจะดี” ตั้ม ตอบยิ้มๆ
“อย่างเอ็งน่ะนะ จะเอาแต่เล่นกะเด็กมากกว่าล่ะวะ รุ่นเดียวกันนี่หว่า” โอ พูดขึ้น ทำให้เพื่อนๆทุกคนพากันหัวเราะด้วยความครื้นเครง
.....................................................................................
..........................................
“เอ้า นักเรียน แบ่งกลุ่มกันกลุ่มละ ๑๐ คน จับคู่กันด้วยว่าใครจะเป็นเสตปผู้ชาย หรือผู้หญิง แล้วส่งรายชื่อให้ครูด้วย” ครูวิชาพละพูดขึ้น เมื่อเสียงออดหมดชั่วโมงดังขึ้นในวิชากิจกรรมเข้าจังหวะ “เดี๋ยวเย็นนี้เอาไปส่งให้ครูที่ห้องพักครูแล้วกันนะ”
“ตั้ม อยู่กลุ่มเรานะ” โอ ตะโกนข้ามโต๊ะมา “คู่กับไอ้นึกแล้วกัน แล้วเสตปหญิงนะเว๊ย” โอ จัดการให้เสร็จสรรพ พูดจบก็จดลงไปบนกระดาษ
“เฮ้ย ให้กูอยู่ด้วย แล้วให้ ตั้ม มันคู่กับกู มึงน่ะคู่กับ ไอ้นึก ไป” ปอ เดินไปบอกโอ
“เอางั้นเหรอ ถ้างั้นนายต้องเสตปหญิงนะ แล้ว ตั้ม เสตปชาย” โอ พูดยิ้มๆ
“เฮ้ยได้ไง กูต้องเสตปชายสิวะ แล้ว ตั้ม เสตปหญิง”
“ไม่ได้หว่ะถ้าจับคู่กับเอ็ง ตั้ม มันตัวสูงกว่าก็ต้องเสตปชาย” โอ ยิ้มกวนๆ
“...........................” ปอ เงียบไป
“เออ งั้นให้กูคู่กับคนอื่นก็ได้ แต่กูต้องเสตปชายนะเว๊ย” ปอ หงุดหงิด
“งั้นคู่กับ ไอ้โย่ง แล้วกัน” โอ พูดยิ้มๆ แล้วก็เดินไปหาคนมาเข้ากลุ่มจนครบ ๑๐ คน
.....................................................................................
.........................................

“เฮ้ย เอาไงดีวะ พวกนั้นบอกว่าถ้าไม่ครบคู่จะไม่ไป” ดม ปรึกษากับพรรคพวก
“เอาไงดีวะ มีนาย เรา เชียร โอ นึก แค่ ๕ คนเองนี่หว่า” นึง ถามความเห็นพรรคพวก
“กูรู้แล้วว่าจะชวนใคร” โอ พูดขึ้น แล้วก็เดินไปหา ตั้ม คุยอยู่สักพักก็เดินกลับมา
“โอเคหว่ะ ได้และ แต่มันบอกว่าอยู่ได้แค่ช่วง ๑๑ โมง ถึงบ่ายโมง บ่าย ๒ มันมีธุระแถวนั้นพอดี” โอ บอกพรรคพวก
“เฮ้ย มึงชวน ไอ้ตั้ม เหรอวะ ได้ยังไงวะ” นึก โวยวาย
“เออ ทำไมไม่ดีเหรอวะยังไง ไอ้ตั้ม มันไม่สนสาวๆอยู่แล้ว ลดคู่แข่งไปในตัวไงวะ” โอ โวยกลับ
“เฮ๊ย มึงคิดอะไรเข้าท่าหว่ะ เพิ่งรู้สึกว่ามึงฉลาดคราวนี้แหละวะ” ดม พูดพลางตบไหล่ โอ
“เชี่ย กูฉลาดมานานแล้วเว๊ย แต่กูไม่ค่อยแสดงออก” โอ ด่าไป พลางหัวเราะอย่างขบขัน เมื่อนึกถึงเดทครั้งแรก กับกลุ่มสาวๆที่จะมาถึงในวันเสาร์
.....................................................................................
.........................................

“อีกคนทำไมยังไม่มาอีก นี่จะเที่ยงอยู่แล้วนะ” สาวผมหยิกหยองเพราะไปดัดมาถามขึ้น ในร้านพิซซ่าในห้างดัง ที่อยู่ติดกับสนามกีฬาแห่งชาติ
“เอ้อ สงสัยมาช้าน่ะ บ้านมันอยู่ไกล” นึง ตอบไป
“นี่ๆๆ พวกเรา” สาวผมซอยสั้น พูดเสียงดัง “ดูกลุ่มนั้นสิ” เธอชี้ไปยังกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งด้านนอก
สาวๆทั้ง ๖ คน และเด็กหนุ่มทั้ง ๕  มองตามไป ก็เห็นเด็กวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งมีกันอยู่ ๗ คน แต่ละคนเหมือนหลุดออกมาจากหนังสือแฟชั่น ตัวสูงไล่เรี่ยกัน แต่งตัวคล้ายๆกันในชุดที่เป็นผ้าลินินสีขาวทั้งชุด แล้วยังใส่สูทเทียมเป็นผ้าลินินแก้วทับไว้อีกชั้นหนึ่ง ผมใส่เยลหวีเป็นทรงนำสมัย แถมโรยกากเพชรไว้จนเป็นประกาย

“เฮ๊ย” เด็กหนุ่มทั้ง ๕ คนอุทานเกือบพร้อมๆกัน เมื่อมองไปเห็นหนึ่งใน ๗ คนนั้น พลางมองหน้ากันเลิกลั่ก

หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๕๔/๖ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: salapaw ที่ 06-05-2008 18:26:32
 :m29: อ้าวยังไง ตั้มอยู่ในนั้น(7)ป่าว o2

ว่าแต่ ไมเปลี่ยนชื่อเป็นบุหรงละคะ
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๕๔/๖ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: AidinEiEi ที่ 06-05-2008 18:31:01
 :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๕๔/๖ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: RN ที่ 06-05-2008 18:34:16
ตั้มสูงขึ้นเรื่อยๆๆแล้ววววววว

อิอิ

 :mc4: :m32:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๕๓/๕ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: nana ที่ 06-05-2008 18:34:50
 :laugh:ใครเอ่ย


 :L2: :L1: :L2:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๕๔/๖ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 06-05-2008 18:50:15

ว่าแต่ ไมเปลี่ยนชื่อเป็นบุหรงละคะ
ตอนที่เรียนวิชาการเขียนบันเทิงคดี กับ วิชาการเขียนสารคดี อาจารย์ผู้สอนทั้ง ๒ ท่านให้คิดนามปากกากันด้วยน่ะครับ ตอนนั้นใช้ชื่อนี้เวลาเขียนงานส่ง ก็เลยคิดว่าน่าจะนำชื่อนี้มาใช้อีกครั้งน่ะครับ   o18

ตั้มสูงขึ้นเรื่อยๆๆแล้ววววววว

อิอิ

 :mc4: :m32:

เพิ่งจะมายืดตัวตอนเทอมสองของ ม.๕  o6

หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๕๔/๖ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: สาวตัวกลม ที่ 06-05-2008 19:53:13
รออ่านตอนต่อไป อิอิ :o8:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๕๔/๖ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 06-05-2008 23:37:47
ตั้ม....ตัวสูงขึ้นแต่ยังเอ๋อเหมือนเดิม
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๕๕/๗ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 07-05-2008 13:59:49
๕๕ คอนเสริท

“ว๊าย เดินเข้ามาแล้วเธอ มองมาทางนี้ด้วย” หนึ่งในสาวๆทำท่ากรี๊ด

เด็กวัยรุ่นทั้ง ๗ คนเดินเข้ามาในร้านพิซซ่า แล้วเดินตามพนักงานของร้านไปยังโต๊ะอีกด้านหนึ่งของร้าน ๑ ใน ๗ ไม่ได้นั่งลงที่โต๊ะ แต่พูดอะไรกับคนในกลุ่มอยู่สักพัก ก็เดินตรงมายังโต๊ะใหญ่ของหนุ่มสาวทั้ง ๑๑ คน

“ขอโทษนะ มาช้าไปหน่อย” ตั้ม พูดกับเพื่อนๆ ที่กำลังมองเขาเหมือน งงๆ “หง่ะ ทำไมมองงั้นอะ” ตั้ม เริ่มก้มหน้ามองตัวเอง
“ตั้ม มานั่งนี่” นึกพูดพลางชี้ไปที่เก้าอี้ว่างข้างๆตัว ตั้มเดินเข้าไปนั่งตามท ี่นึก บอก กำลังจะบอกขอบใจ แต่พอหันหน้าไปเจอกับหน้าของ นึก ก็ต้องเงียบไป
“เอ้อ .... จ้องเราไมอะ” ตั้ม พูดเบาๆพลางรู้สึกหน้าร้อนๆ
“ทำไมมึงแต่งตัวอย่างนี้วะ จะไปเดินแฟชั่นที่ไหน” โอ พูดขึ้นมาทำลายความเงียบของโต๊ะ
“อ๋อ เดี๋ยว บ่ายสองเราเล่นคอนเสริทน่ะ นี่มัวแต่ไปดูเวที กับพวกเครื่องดนตรีเลยมาช้า ขอโทษนะ รอกันนานรึเปล่า” ตั้ม พูดยิ้มๆ พลางกวาดสายตาไปรอบๆโต๊ะ ก็พบว่า ผู้หญิงแปลกหน้าทั้ง ๖ คน กำลังมองมายังเขาเป็นตาเดียวกัน

“ชื่อ ตั้ม เหรอ”
“คอนเสริทอะไร”
“เล่นคอนเสริทที่ไหนล่ะ”
“คนนี้เหรอที่พวกนายบอก”
“พวกที่มาด้วยนั่นใครน่ะ”
“นี่ ทำไมไม่เคยเห็นที่สถาบันกวดวิชาเลยล่ะ”

สาวๆพากันยิงคำถาม ตั้ม งง ไปหมดเพราะฟังไม่ทัน จนต้องส่งสายตาให้เพื่อนๆเป็นการขอความช่วยเหลือ
“นี่ ตั้ม นะ เพื่อนที่โรงเรียนไม่ได้เรียนที่สถาบันหรอก” นึง ช่วยตอบ
“แล้วเดี๋ยวไปเล่นคอนเสริทที่ไหนล่ะคะ” สาวหนึ่งจีบปากจีบคอถาม
“ที่ชั้น ๑ ในนี้แหละ ตรงที่เห็นเป็นเวทีอะ คอนเสริทของสถาบันดนตรีที่เราเรียนอยู่” ตั้ม ตอบไป
“เหรอ กี่โมงล่ะ แล้ว ตั้ม เล่นอะไร”
“เดี๋ยวเล่นตอนบ่ายสอง เราเล่นคีย์บอร์ด” ตั้ม ตอบพลาง มองไปยังถาดพิซซ่า จานสลัด และของกินเล่นอีกสารพัดบนโต๊ะ มองๆแล้วก็รู้ว่าเพื่อนๆทานกันไปเกือบเสร็จแล้ว
“ตั้ม กินอะไรก่อนสิ” นึก พูดพลางตักชิ้นพิซซ่าใส่จานให้ ตั้ม ซึ่ง ตั้ม ก็ยิ้มให้เป็นการขอบใจ แล้วค่อยๆตัดพิซซ่าเป็นชิ้นเล็กๆ ก่อนที่จะเอาส้อมจิ้มเข้าปาก
“ไม่ใส่ซอสหรืออะไรเลยเหรอ” สาวที่นั่งตรงข้ามถามขึ้น
“ม่ายอะ เดี๋ยวเลอะเสื้อ แล้วจะโดนครูดุ เราซุ่มซ่ามจะตาย” ตั้ม ตอบพลางยิ้มกว้างให้ สาวคนนั้นถึงกับจ้อง ตั้ม ตาค้าง
แล้วสาวๆก็พากันชวน ตั้ม คุยโน่นคุยนี่ไปเรื่อยๆ บางคนก็เลื่อนจานสลัด และจานอาหารอื่นๆให้ ตั้ม ทำให้หนุ่มๆเริ่มไม่พอใจ เพราะสาวๆทั้งหลายเอาแต่คุยกับ ตั้ม แต่ไม่มีใครกล้าพูดอะไร ได้แต่คุยผสมโรงไปด้วยบางครั้ง

“ตั้ม มีแฟนแล้วสินะ” สาวผมหยิกถามขึ้นมา แล้วทุกคนก็เงียบลง เหมือนกับรอฟังคำตอบ
“ฮ่าๆๆ” ตั้ม หัวเราะเสียงดัง พอรู้สึกตัวก็หยุดหัวเราะ แต่ยังเอามือสองมือขึ้นมาปิดปากไว้กลั้นหัวเราะเต็มที่
“ม่ายมีหรอก แฟนเฟินอะไร ออกจาอัปลักษณ์ขนาดนี้ มีเพื่อนๆดีๆ แบบนี้มายอมเป็นเพื่อนด้วย ตั้ม ก็ดีใจแล้ว” ตั้ม พูดพลางหันไปมองเพื่อนทั้ง ๕ คน แล้วก็หันมาส่งรอยยิ้มใสซื่อให้สาวๆ “จริงๆนะ แล้ว ตั้ม ก็ดีใจที่มีเพื่อนใหม่เพิ่มขึ้นอีกตั้ง ๖ คนแน่ะ”

“งั้นเราถามใหม่นะ” สาวผมซอยสั้นพูดขึ้น “ตั้ม มีผู้ชายที่รักมากที่สุดรึเปล่า” แล้วเธอก็หัวเราะคิกคัก
“เอ้อ ...ผู้ชายที่รักเราแล้วเราก็รักเค้ามากที่สุดน่ะเหรอ” ตั้ม ยิ้มน้อยๆ ประกายตาทอประการของความรักและคิดถึง “ป๊ะป๋า มั๊ง” ตั้ม พูดเบาๆ
“ว๊ายยยย..... ตั้ม นี่น่ารักจัง แบบนี้ พ่อคงรัก ตั้ม น่าดู” สาวๆ พากันหัวเราะ ส่วน ตั้ม ได้แต่ยิ้ม โดยไม่ได้สังเกตสายตาที่จ้องมองมาขอ นึก ที่นั่งอยู่ข้างๆ
... เหรอ คงงั้นอะ พ่อคงจะรักเค้ามาก แต่ก็ยังรู้สึกว่า ป๊ะป๋า ต่างหากที่รักเค้ามากกว่า แต่ยังมีอีกคนหนึ่ง ที่อยู่ในใจของ ตั้ม แต่จะให้พูดออกไปได้ยังไงต่อหน้าคนที่เพิ่งรู้จัก ...
.....................................................................................
.........................................
“กรี๊ดดดดดดดดด..............ตั้ม ๆ” สาวๆทั้ง ๖ คนไปยืนกรี๊ดกันอยู่หน้าเวที พลางมีหนุ่มน้อยทั้ง ๕ คนมองวงดนตรีบนเวทีด้วยสายตาทึ่งแกมหมั่นไส้
วงดนตรีบนเวทีบรรเลงเพลงไปแล้ว ๓ เพลง แต่ละเพลงเป็นเพลงในแนว ปอป-แจส ที่ไม่ค่อยคุ้นหูคนไทยนัก แต่ด้วยทำนองทึ่สนุกสนาน รวมทั้งการบรรเลงและการร้องที่มีมาตรฐานค่อนข้างสูง สมกับเป็นนักเรียนของสถาบันดนตรีชื่อดัง อีกทั้งลีลาการพูดของนักร้องนำ ทำให้คนดูสนุกสนานไปด้วยไม่น้อย
“แหมๆ เหมือน พี่ตั้ม ของพวกเราจะมีแฟนๆมาเชียร์กันด้วยนะครับเนี่ย อย่างนั้นมาฟัง พี่ตั้ม ร้องเพลงกันหน่อยดีมั๊ยคร๊าบบบบบ” นักร้องนำพูดขึ้น พลางผายมือไปยัง ตั้ม ที่กำลังทำหน้าเลิกลั่ก เด็กหนุ่มผิวคล้ำหน้าตาคมเข้ม ที่เล่นคีย์บอร์ดอีกคนหนึ่ง เอามือดันหลัง ตั้ม ให้เดินออกไป  “ อ้าว พี่ตั้ม ห้ามปฎิเสธ นานๆพวกเราจะได้แกล้งพี่ที่รักซะที วันนี้ต้องยอมหน่อยแล้วนะ พี่ตั้ม ดีมั๊ยครับ พวกเรา”
“ดีๆๆ” เสียง สาวๆทั้ง ๖ พร้อมกับเสียงทีมงานและผู้ชมอีกจำนวนหนึ่งส่งเสียงสนับสนุน
“มาเลย พี่ตั้ม อย่าอู้ พวกผมต้องร้องคนละเพลงอยู่แล้ว พี่อย่ากินแรง แล้วนี่ประชาชนเรียกร้อง” นักร้องนำหันไปบอก ตั้ม แล้วหันมาทางผู้ชมที่กำลังหัวเราะกันเบาๆ  “แต่ พี่ตั้ม ไม่ค่อยชอบร้องเพลงเร็วๆน่ะสิครับ ให้ พี่ตั้ม ร้องเพลงรักแล้วกันนะครับ เดี๋ยวผมเลือกให้เอง ดีมั๊ยครับ” นักร้องนำพูดจบ ก็เดินไปส่งไมค์ให้กับ ตั้ม แล้วหันไปกระซิบอะไรบางอย่างกับพรรคพวกจากนั้นก็เข้าไปเล่นคีย์บอร์ดแทน ขณะที่ ตั้ม เดินออกมา เสียงดนตรีก็เริ่มบรรเลงขี้นเป็นท่วงทำนองช้าๆ พอได้ยินทำนองเพลงที่ขึ้นต้น ตั้ม ก็รู้ทันทีว่าเป็นเพลงอะไร

... เอาเพลงนี้จริงๆน่ะเหรอ ทำไมต้องเพลงนี้ด้วยอะ ... ตั้ม คิดพลางก้มหน้าหายใจลึกๆ พลางฮัมเบาๆ ไปกับทำนองเพลงเป็นการเทียบเสียงไปด้วยในตัว แล้ว ตั้ม ก็เริ่มร้องเพลง

http://media.imeem.com/m/OvDkskn5am/aus=false/

Lovin’ you is easy cause you’re beautiful...

เสียงแหลมใสของ ตั้ม ดังผ่านไมค์ ทั้งๆที่ยังก้มหน้าอยู่ แต่ท่าทางเหมือนเขินอายในยามพูดคำรักตามเนื้อเพลง ยิ่งทำให้คนดูชอบใจ

La la la la la.......
เสียงเพลงเริ่มไล่ระดับสูงขึ้น ตั้ม ก็ค่อยๆเงยหน้าขึ้น และค่อยๆเหลือบตามองไปยังกลุ่มเพื่อน ส่งสายตาหวานซึ้งไปให้ใครบางคนโดยไม่รู้ตัว

No one else can make me feel
The colors that you bring
Stay with me while we grow old
And we will live each day in springtime
Cause lovin' you has made my life so beautiful
And every day my life is filled with lovin' you


โอ มองตามสายตาของ ตั้ม ก็ต้องอมยิ้ม เพราะเห็นว่า นึกเองก็กำลังมอง ตั้ม ด้วยสายตาที่หวานเชื่อมอยู่เหมือนกัน โดยที่ไม่ได้คิดเลยว่า กำลังถูกมองโดยเพื่อนๆ และพวกสาวๆบางคนในกลุ่ม
.....................................................................................
.........................................
“กูว่าคราวหน้าอย่าชวน ไอ้ตั้ม มาอีกเลยดีกว่าหว่ะ” ดม พูดด้วยสีหน้าเซ็งๆ
“ไม่เฉพาะคราวหน้าเว๊ย คราวไหนก็ไม่ชวนแม่งแล้ว” นึง พูดด้วยความโมโห
“ฮ่าๆๆ ไปโกรธมันก็ไม่ถูกนะเว๊ย  กูว่าเอามันเป็นตัวล่อหญิงน่ะดีแล้ว” โอ พูดยิ้มๆ “สาวๆชอบมันน่าดู”
“เอ็งล่ะ ว่าไง ไอ้นึก” เชียร หันไปถามความเห็น
“ไม่ต้องชวนดีกว่า ตั้ม มันคงไม่อยากมาเป็นตัวล่อให้พวกเราหรอก” นึกพูดขรึมๆ
“อ้าว มึงห่วงด้วยเหรอวะ นั่นแน่ กูรู้นะมึงคิดอะไร เมื่อกี้จ้องตากันไฟแทบลุกเลยนะ” ดม พูดแล้วหัวเราะ
“นั่นดิวะ หวานซะกูเลี่ยน ตอนกินพิซซ่าก็เหมือนกัน เป็นกูนะ ละลายไปตรงนั้นแล้ว” โอ ผสมโรง
“เอ๊ะ พวกมึงนี่ชอบหาเรื่องกูจริง กูกลับบ้านแล้วเว๊ย” นึก พูดแล้ววิ่งขี้นรถประจำทางไปทันที
“ดูมัน เขินจนหนีไปแล้วเว๊ย” โอ พูดแล้วก็หันไปหัวเราะกับเพื่อนๆ

หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๕๕/๗ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: AidinEiEi ที่ 07-05-2008 16:04:58
กรี๊ด!!!!!!!!!!!!!! ค่ะ กรี๊ด
มาตอนนี้นึกดูจะน่ารัดแฮะ :serius2:โอ!!!ไม่นะไม่ๆๆๆๆๆ
ปออยู่หนายรีบมาด่วน!!!!!
นึกจะเอาลูกหมาน้อยไปแล้ว :serius2:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๕๕/๗ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: salapaw ที่ 07-05-2008 18:52:08
ตั้มมมมมมมมมมม  หล่อมากกกๆๆๆ ไม่ชมและว่าน่ารัก สูงขึ้นแถมแต่งตัวเก่ง

ว่าแต่มีรูปตอนนั้นป่ะคะ 55
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๕๔/๖ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 07-05-2008 20:54:44
ตั้ม....ตัวสูงขึ้นแต่ยังเอ๋อเหมือนเดิม
ตอนนี้ก็ยัง เอ๋อ เป็นระยะๆครับ  :laugh3:

กรี๊ด!!!!!!!!!!!!!! ค่ะ กรี๊ด
มาตอนนี้นึกดูจะน่ารัดแฮะ :serius2:โอ!!!ไม่นะไม่ๆๆๆๆๆ
ปออยู่หนายรีบมาด่วน!!!!!
นึกจะเอาลูกหมาน้อยไปแล้ว :serius2:
ไว้ต้องคอยดูครับ ว่าจะ gone with the wind หรือเปล่า  :sad3:

ตั้มมมมมมมมมมม  หล่อมากกกๆๆๆ ไม่ชมและว่าน่ารัก สูงขึ้นแถมแต่งตัวเก่ง

ว่าแต่มีรูปตอนนั้นป่ะคะ 55
อยากให้ดูเหมือนกันครับ แต่ไม่มีเลย ตั้ม เกลียดกล้องครับ กล้องเล็งมาเมื่อไร หลบวูบ  o6
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๕๕/๗ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: nana ที่ 08-05-2008 08:09:53
ตั้มเนื้อหอมใหญ่แล้ว :m12:


 :L2: :L1: :L2:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๕๕/๗ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: salapaw ที่ 08-05-2008 09:12:56
ให้+1 ที่น่ารัก มาต่อสม่ำเสมอ

เดี๋ยวตอนเย็นๆๆมาอ่านอีกที

เขียนเยอะๆๆๆนะคะ  o13
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๕๕/๗ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 08-05-2008 09:26:18
คืนนี้อาจจะมาลงต่อดึกหน่อย เพราะเดี๋ยวต้องออกไปทำงาน เลิก ๓ ทุ่มครับ  :try2:
แล้ววันศุกร์กับวันเสาร์อาจจะต้องหายไปสัก ๒ วันนะครับ  o7
วันศุกร์ต้องไปซาวน์เชคที่เวที คงกลับถึงบ้านเกือบเที่ยงคืน   :o211:
ส่วนวันเสาร์เป็นวันงาน ผมคงต้องไปอยู่ที่สถานที่จัดงานตั้งแต่เช้าจนงานเลิก o6
เดี๋ยวคืนนี้กลับมาจะรีบอัีฟต่อนะครับ  :bye2:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๕๕/๗ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: AidinEiEi ที่ 08-05-2008 15:10:21
 :m1:รับแซ่บ
จะรอค่ะ :oni1:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๕๕/๗ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: RN ที่ 08-05-2008 18:19:24
น้องตั้มน่ารัก น่ารักเวลากินพิซซ่า

วุ้ย   อยากเห้นคนน่ารัก

มีทั้งหนุ่มทั้งสาวตอมกันจัง

น่ารักกกกกกกจริงๆๆพ่อคูณณณณณณ :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๕๖/๘ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 08-05-2008 21:34:25
๕๖ วาเลนไทน์

“หน้าหงิกเชียวเอ็ง เป็นอะไรมาอีกละวะคราวนี้” สิทธิ์ ถามขึ้นมา
“กูหงุดหงิดเว๊ย” ปอ ตอบอย่างอารมณ์เสีย “ไอ้นึก มันจะอยู่เฉยๆมั่งไม่ได้เลยหรือไงวะ หยุดเต้นแล้ว มันยังกอดเอว ไอ้ตั้ม อยู่ได้”
“อะไรวะ มาถึงก็บ่นเอา บ่นเอา พูดให้มันรู้เรื่องหน่อยดิวะ” ชัย พูดเหมือนรำคาญ
“ก็วิชากิจกรรมเข้าจังหวะน่ะสิวะ ทุกชั่วโมงเลย ไอ้นึก แม่งเอาแต่กอด ไอ้ตั้ม มันไม่ยอมปล่อย” ปอ พูดแล้วเหมือนยิ่งอารมณ์เสียมากขึ้น
“แล้ว ตั้ม มันทำไง” ชัย ถามยิ้มๆ
“มันจะทำไง มันก็คงชอบมั๊งวะ เห็นยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ โอ๊ย ยิ่งคิดยิ่งโมโหเว๊ย วันก่อนมันหอมแก้มไอ้ตั้มด้วย” ปอ โวยวาย
“เอ็งมันก็มัวแต่ยืดยาดอยู่นั่นแหละ หมาจะคาบไปแดกแล้วถึงมาทำโวยวาย” สิทธิ์ ต่อว่า
“ใกล้วันวาเลนไทน์แล้วนะเว๊ย มึงจะเอาไงก็รีบๆเข้า เดี๋ยวจะหาว่าพวกกูไม่เตือน” ชัย สนับสนุน
............................................................................
....................................
๑๔ กุมภาพันธ์ วันวาเลนไทน์

ตั้ม มาโรงเรียนแต่เช้าเช่นเคย ในมือมีช่อมะลิซ้อน และดอกกุหลาบสีชมพูดอกใหญ่ กำลังบานน้อยๆ ที่เพิ่งตัดมาจากต้นเมื่อตอนเช้ามืด เมื่อมาถึงห้อง ก็เอาดอกกุหลาบใส่ไว้ในเก๊ะ แล้วเอาดอกมะลิซ้อนไปปักไว้ในแจกันบนโต๊ะครูที่หน้าห้อง แทนช่อเก่าที่กำลังเริ่มเหี่ยวเฉาลง ตั้มทำแบบนี้เกือบทุกวัน มาตั้งแต่เรียนชั้น ม.๔ แล้ว
“เปลี่ยนน้ำหน่อยจะดีกว่า” ตั้ม พูดเบาๆกับตัวเอง แล้วก็ถือแจกันเพื่อนำไปล้างและเปลี่ยนน้ำที่ห้องน้ำอีกด้านหนึ่งของตึก
เมื่อกลับมาถึงห้องก็นำช่อมะลิซ้อนปักลงไป แล้ววางไว้บนโต๊ะครู ตั้ม ยกนาฬิกาขี้นดู ก็เห็นว่าเป็นเวลา ๗ โมงเช้าแล้ว แต่ก็ยังไม่มีใครมา ตั้ม จึงเดินไปกินข้าวเช้าที่โรงอาหาร เมื่อกลับมาที่ห้องก็พบว่า เพื่อนๆมากันหลายคนแล้ว
“ตั้ม มานี่เร็ว” โอ กวักมือเรียกให้เข้าไปหากลุ่มเพื่อนๆที่ยืนคุยกันอยู่
“มีไรเหรอ” ตั้ม ถาม
“เอามารึเปล่าวะ” โอ ถามยิ้มๆ
 “อะไร” ตั้ม ถามด้วยความสงสัย
“กุหลาบไงวะ ที่ นึก มันขอไว้เมื่อวานไง” โอ ถามพลางเหลือบตาไปยัง นึก ที่ยืนอยู่ข้างๆ
ตั้ม ไม่ตอบ แต่เดินไปที่โต๊ะ แล้วหยิบดอกกุหลาบสีชมพู ออกมาจากเก๊ะ เดินกลับไปหากลุ่มเพื่อน
“นึก เราเอามาให้” ตั้ม ยิ้มน้อยๆแล้วพูดเบาๆ พลางยื่นกุหลาบให้ นึก
“ให้เฉยๆแบบนี้ได้ไง” โย่งบอก เมื่อเห็น นึก รับกุหลาบไปถือไว้
“นั่นดิ วันนี้วาเลนไทน์นะเว๊ย ลืมอะไรไปรึเปล่า ตั้ม” เชียร พูดยิ้มๆ
“เอ้อ” ตั้ม พูดไม่ออก หน้าเริ่มแดง
“พูดลำบากเราพูดแทนมั๊ย” โอ ชะโงกหน้ามาถาม ตั้ม แต่ ตั้ม ยังคงนิ่งเงียบ หน้ายิ่งกลายเป็นสีแดง แล้วก็ก้มหน้าลง
“เอ็งก็พูดไปสิวะ ว่าชอบไอ้นึกมัน” โอ พูดแล้วหันไปพยักเพยิดกับเพื่อนๆ “ไม่ต้องอายหรอกเว๊ย ทุกคนเค้าสนับสนุนกันทั้งนั้นแหละ”
 ตั้ม ไม่ตอบแต่หน้ากลับแดงลงไปถึงลำคอ ท่าทางตอนนั้น ตอบคำถามได้มากพอแล้ว ยิ่งเพื่อนๆ พากันหัวเราะ ทำให้ ตั้ม ยิ่งรู้สึกอาย
“พอแล้ว พวกเอ็งนี่ เล่นอะไรกันพิเรนทร์ขึ้นทุกวัน กูไม่ได้ชอบ ไอ้ตั้ม มันซะหน่อย มันผู้ชาย กูก็ผู้ชาย จะชอบกันเข้าไปได้ยังไงวะ” นึก พูดดังๆเหมือนอารมณ์เสีย “แล้วกุหลาบนี่แค่ขอเล่นๆ ใครจะคิดว่าจะเอามาให้จริงๆ” แล้ว นึก ก็โยนกุหลาบทิ้งไปบนพื้น
ตั้ม เงยหน้าขี้น หน้าที่แดงอยู่เมื่อสักครู่กลับกลายเป็นขาวซีด ตั้ม เดินไปเก็บกุหลาบที่ถูกทิ้งอยู่บนพื้นขึ้นมา แล้วหันไปยิ้มเจื่อนๆกับเพื่อน
“ทิ้งแบบนี้สงสารมัน เราเก็บไว้เองแล้วกัน” แล้ว ตั้ม ก็เดินกลับไปที่โต๊ะ เอาดอกกุหลาบใส่ไว้ในเก๊ะ แล้วเดินออกไปจากห้อง โดยที่ไม่ได้สนใจกับเสียงเรียกของเพื่อนบางคน
“นึก นายทำเกินไปรึเปล่า” วัฒน์ ต่อว่า
นึก ไม่ตอบ แต่มองตามหลัง ตั้ม ไปด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกสับสน
............................................................................
....................................
“ตั้ม หาอะไรวะ” ปอ ถามขึ้น เมื่อกลับขึ้นมาจากกินข้าวกลางวัน แล้วเห็นว่า ตั้ม กำลังหาอะไรบางอย่างที่เก๊ะอยู่ จึงเดินเข้าไปนั่งอยู่ที่เก้าอี้ทางด้านหน้าของโต๊ะ ตั้ม
“ช่างมันเหอะ ปอ แค่ของไร้สาระ” ตั้ม ตอบหน้าเศร้าๆ ใจยังคิดสงสัยว่า กุหลาบดอกนั้นหายไปไหน
“ตั้ม เมื่อเช้าเอ็งบอกรักไอ้นึกมันเหรอวะ” ปอ ถามเบาๆด้วยสีหน้าขึงขัง
“ปอ เอ้อ ... ปอ รู้ได้ยังไง” ตั้ม ตอบตะกุกตะกัก หน้าเริ่มแดง
“เฮ๊ย จริงเหรอวะ เอ็งชอบไอ้นึกเหรอ” คราวนี้ ปอ ตกใจจนหน้าซีด
“เอ้อ” ตั้ม อ้ำอึ้ง พลางก้มหน้าลง ปอ รู้คำตอบโดยที่ ตั้ม ไม่ต้องพูด “ช่างมันเหอะ เรามันบ้าไปเอง” เพราะว่าเป็น ปอ หรอกนะ ตั้ม ถึงได้กล้าพูดออกไป
“ทำไมวะ มันไม่ได้ชอบเอ็งเหรอ” ปอ ถาม
“นึก บอกว่า เค้าเป็นผู้ชาย เราก็ผู้ชาย เค้าจะมาชอบเราได้ยังไง” ตั้ม พูดเศร้าๆ
“ตั้ม” ปอ เริ่มพูดไม่ออก จะว่าเสียใจก็ไม่ใช่ จะว่าดีใจก็ไม่เชิง “เอ็งอย่าคิดมากนะ คนเค้าไม่เห็นความสำคัญของเอ็ง เอ็งก็อย่าไปคิดถึงมัน”
“มันคงยากนะ ปอ” ตั้ม พูด “เราจะพยายามก็แล้วกัน ขอบใจนะ ปอ เราดีใจนะที่มีนายเป็นเพื่อน” แล้ว ตั้ม ก็ยิ้มน้อยๆให้ ปอ รู้สึกดีใจที่ยังมี ปอ ให้พูดระบายความรู้สึกบางอย่างบ้าง
“เพื่อนเหรอวะ” ปอ ขมวดคิ้ว
“อื้อ ปอ เป็นเพื่อนที่ดีของเรา” ตั้ม บอกพลางยิ้มกว้างขึ้น
“แต่กูไม่เคยคิดแบบนั้นเว๊ย” ปอ พูดเคืองๆ ทำให้ ตั้ม รู้สึก งง “กูไม่ได้อยากเป็นเพื่อนกับมึงซะหน่อย” ปอ พูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“ปอ... ปอ พูดอะไรนะ” ตั้ม ถามด้วยความตกใจ
“กูบอกว่า กูไม่ได้อยากเป็นเพื่อนกับมึง กูไม่เคยคิดว่ามึงเป็นเพื่อนกูเลยสักครั้ง” ปอ หยุดพูดแล้วจ้องหน้าของ ตั้ม นิ่ง เขาเงียบไปสักครู่ แล้วก็ทำท่าเหมือนจะพูดอะไรต่อ แต่ตอนนั้นเองที่น้ำตาเริ่มไหลออกจากตาของ ตั้ม มันทำให้เขารู้สึกตกใจ จนไม่สามารถพูดอะไรต่อได้ ก่อนที่เขาจะทันตั้งสติ ตั้ม ก็ลุกออกไปจากโต๊ะ วิ่งออกไปจากห้องเรียน
“เฮ๊ย ตั้ม เดี๋ยว ฟังกูก่อน มึงเข้าใจผิด” ปอ ตะโกนแล้ววิ่งตามออกไป แต่ช้าไปเสียแล้ว เมื่อเขาออกพ้นประตูห้อง เขาก็มองไม่เห็นแม้แต่เงาของ ตั้ม
“เชี่ยเอ๊ย กูทำอะไรลงไปวะ” ปอ พูดแล้วก็ทุบหัวตัวเองอย่างอารมณ์เสีย
............................................................................
....................................
ดึกแล้ว นึก ยังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะเขียนหนังสือภายในห้องนอน ในมือมีกุหลาบสีชมพูที่เริ่มเฉาเพราะขาดน้ำหล่อเลี้ยง กลีบบอบบางที่มีรอยช้ำอยู่บางแห่ง เนื่องจากเขาใส่มาในเป้ด้วยความรีบร้อน จึงไม่ได้ระมัดระวังนัก
“ขอโทษนะ  ตั้ม เราคงได้แต่เก็บนายไว้ในใจเท่านั้นแหละ ทำไมวะ ทำไมนายไม่เป็นผู้หญิง อะไรมันจะได้ง่ายกว่านี้” นึก พึมพัมกับตัวเอง พลางลูบคลำไปตามกลีบของดอกกุหลาบสีชมพู ที่เขาแอบหยิบมาจากเก๊ะใต้โต๊ะของ ตั้ม อย่างเบามือ

หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๕๖/๘ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: AidinEiEi ที่ 08-05-2008 21:58:49
 :serius2:อ๊า!!!!ไม่นะไม่ ตั้มน่าสงสาร
เจ้านึก มันต้องโดน :เตะ1: :เตะ1:
ปอ เอ๊ย แค่บอกรักเองยากอะไรนักหนาฟร้า!!!!! :a6:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๕๖/๘ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: nana ที่ 09-05-2008 05:20:35
 :a6: ปอเอ๋ยปอ  :a6:


 :L2: :L1: :L2:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๕๖/๘ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: salapaw ที่ 09-05-2008 09:58:44
 ไม่รู้ว่าจะเห็นใจใครดี ปอหรือนึก :เฮ้อ:


แต่ปอพูดอย่างงี้  ตั้มก็คิดมากอีกแล้วดิ :angry2:


ว่าแต่ไมมาต่อนิดเดียวเองคะ  :o8:


หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๕๖/๘ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: RN ที่ 09-05-2008 11:34:26
 :o12: :o12:


ทำไมตั้มไม่ชอบปออ่ะ

แง๊ๆ

เข้ามาเชียร์ปอ

ปอ  ปอเอ้ย บอกไปดิ

บอกไปเลย

ปล.จะเชียร์ใครดีหว่า..เหอๆๆ


ทำไมทำกับตั้มแบบนี้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :o12:

หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๕๖/๘ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: kongkilmania ที่ 09-05-2008 11:46:53
 :a5:  ถึงตอนนี้แล้ว    o7
ความรู้สึกมันสับสน ปนกันจนเราก็   o2
คล้ายๆ puppy love    :o8:  ให้ความรู้สึกหวานๆ อบอุ่น ซึ้งใจ
แต่มันไม่หวานอย่างเดียว มันปนรสขื่น และขมมาด้วยนี่สิ   :a6:
ความรู้สึกของปอ ของนึก บางทีก็น่ารัก บางทีก็น่า   :เตะ1:
แต่ถ้าเป็นน้องตั้มแล้ว    :m1:   อย่างเดียวเลย 
มามะ ..ขอ   :กอด1:  ที
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๕๖/๘ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: nooww ที่ 09-05-2008 15:04:18
 :m15:  มาต่ิือเร็วนะ :bye2:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๕๖/๘ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: GTo_CluB ที่ 09-05-2008 15:32:57
ปอนะปอ รักเขาก็บอกเขาไปตรงๆเลย

สงสารตั้มจัง

มาต่อไวๆนะคับ รออยู่

 :a6: :a6:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๕๗/๑๐ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 10-05-2008 23:30:56
๕๗ เจ้ามังกรที่น่าสงสาร

ดึกแล้วผมยังนอนไม่หลับ ตลับเทปที่เปิดอยู่ในเครื่องเล่น ย้อนกลับมาเล่นเพลงเดิมอีกครั้ง เป็นรอบที่เท่าไรก็จำไม่ได้ นับตั้งแต่เข้ามาในห้อง หลังจากที่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนอน ผมนั่งฟุบอยู่ที่โต๊ะเขียนหนังสือ พลางคิดทบทวนว่า ในช่วงเกือบสองปีมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ระหว่างผม กับ นึก

... วันแรกที่ได้เจอ นึก ใบหน้าและรอยยิ้มนั้น ทำให้รู้สึกแปลกๆในใจ จำได้ว่าตัวเองถึงกับตะลึงไปกับรอยยิ้ม และใบหน้าใสๆนั้น แล้วเวลาที่ผมรู้สักว่ามีใครจ้องมองอยู่ มักจะหันไปเจอใบหน้านั้นยิ้มให้อยู่เสมอ
... ตอนเข้าค่าย นึก มักจะเข้ามานั่งชิด โอบรอบคอผมไว้ตลอด จับคู่ทำกิจกรรมเกือบทุกอย่างด้วยกัน จนเพื่อนหลายคนเริ่มล้อเลียน
... นึก มักเข้ามาโอบคอผม เอานิ้วลูบเบาๆ ไปบนแก้ม มันทำให้ผมนึกถึงความรู้สึกอบอุ่น ที่ผมเคยได้รับเมื่อผมยังเด็ก
... นึก มักจะเอาหน้าเข้ามาใกล้ๆหน้าผมเวลาพูด ลมหายใจอุ่นๆที่มักจะเป่ารดหู ทำให้ผมขนลุกในบางครั้ง
... วันนั้น วันที่ผมคิดว่า นึก จะกินผม แต่ต่อมาผมเริ่มเข้าใจว่า ที่จริงแล้ว นึก จะทำอะไร มันทำให้ผมใจเต้นแรงทุกครั้ง ที่ นึก โอบคอผม
... ละครในวันซ้อมใหญ่ ไม่มีใครรู้ว่า นึก มาบอกอะไรกับผมหลังจบละครในวันนั้น คำพูดที่ว่าบนเวที อันโดรเมดา เป็นของ อังเดร แต่นอกเวที จะเป็น อันโดรเมดา ของเขาได้ไหม ตอนนั้นผมไม่ได้ตอบอะไร แต่ในใจผมยอมรับไปแล้ว
... พวงกุญแจที่ผมให้เป็นของฝากจากชะอำ นึก บอกว่าแขวนไว้ที่หัวเตียง เพื่อที่จะได้เห็นชัดๆเวลาที่คิดถึงผมในยามค่ำคืน
... วันแรกของการเปิดภาคเรียนที่ ๒ ที่ผ่านมา นึกเข้ามากอดผมไว้แน่น กระซิบข้างหูผมว่าขอกอดให้สมกับที่เขาคิดถึง
... ในชั่วโมงกิจกรรมเข้าจังหวะ นึก โอบกอดผมไม่ยอมปล่อย พลางกระซิบกับผมว่า เขาอยากจะกอดผมไว้แบบนั้นทั้งวัน
... หลังจากคอนเสริทที่ผมร้องเพลงนั้น ... Lovin’ You ... เช้าวันที่เราอยู่กันตามลำพัง ยังไม่มีเพื่อนคนไหนเข้ามาในห้องเรียน นึก บอกว่าอย่าร้องเพลงนั้นให้ใครอื่นฟัง ขอให้เพลงนั้นเป็นเพลงของเขาเพียงคนเดียว แล้วนึกก็รวบตัวผมกอดไว้แนบอก จูบแก้มผมอย่างแผ่วเบา ริมฝีปากชื้นๆของนึกไล่จากแก้มผม ไปยังหน้าผาก คิ้ว เปลือกตา จมูก แล้วหยุดอยู่แค่นั้น ในขณะที่ผมตัวสั่นเทาด้วยความวาบหวิวและเขินอาย นึก กลับคลายอ้อมกอด ยันตัวผมออกจากอ้อมอก แล้วเดินออกไปจากห้องเรียน
... ก่อนวันวาเลนไทน์ นึกบอกผมว่า ต่อให้มีคนอยากให้ดอกกุหลาบเขามากมาย แต่เขาอยากได้ดอกกุหลาบจากผมเพียงคนเดียว ผมจะให้เขาได้ไหม

แต่วันนี้ หัวใจผมรู้สึกบอบช้ำและสับสนไปหมด ภาพที่ นึก โยนดอกกุหลาบที่ผมยื่นให้ลงกับพื้น เหมือนกับหัวใจของผมถูกโยนลงไปด้วย แล้วยังคำพูดนั้นอีก
... พอแล้ว พวกเอ็งนี่ เล่นอะไรกันพิเรนทร์ขึ้นทุกวัน กูไม่ได้ชอบ ไอ้ตั้ม มันซะหน่อย มันผู้ชาย กูก็ผู้ชาย จะชอบกันเข้าไปได้ยังไงวะ...
... แล้วกุหลาบนี่แค่ขอเล่นๆ ใครจะคิดว่าจะเอามาให้จริงๆ ...

ผมเจ็บปวด ... ผมเสียใจ... ผมหลบไปร้องไห้อยู่ในห้องน้ำ ผมรู้สึกว่าน้ำตาผมไหล จนมันไม่มีน้ำตาให้ไหลออกมาได้อีก
ผมคิดว่า ตอนนั้น ผมคงจะเสียใจมากที่สุดแล้ว
แต่ผมกลับต้องพบกับเรื่องที่ทำให้ผมเสียใจมากกว่านั้นในวันเดียวกัน

... กูบอกว่า กูไม่ได้อยากเป็นเพื่อนกับมึง กูไม่เคยคิดว่ามึงเป็นเพื่อนกูเลยสักครั้ง ...

คำพูดของ ปอ ทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวด
ผมไม่เข้าใจเลยว่า ทำไม ปอ ถึงพูดออกมาแบบนั้น ทั้งๆที่ผมคิดว่า ปอ เป็นเพื่อนมาตลอดตั้งแต่เรียนด้วยกันในชั้นมัธยมต้น

๓ ปี ที่ผมเองก็คิดว่า ปอ เกลียดผมมาตลอด แต่บางครั้งก็ใจดีกับผมเสียเหลือเกิน ผมยังจำได้ถึงเหตุการณ์ในห้องสมุดเมื่อตอน ม.๑ นั่นเป็นครั้งแรก ที่ผมได้เห็นถึงความใจดีของ ปอ ครั้งที่ ๒ ก็คงเป็นตอนเข้าค่ายก่อนจะขึ้นชั้น ม.๔ และหลังจากนั้น ผมก็คิดว่า ปอ คงไม่เกลียดผมแล้ว เพราะ ปอ เริ่มใจดีกับผมมากขึ้น พูดจาเพราะๆกับผมบ่อยขึ้น เอาใจใส่ผมหลายเรื่อง ถึงจะอารมณ์เสียกับผมบ้าง แกล้งผมบ้าง ดุผมบ้าง แต่มันก็น้อยนิดเหลือเกิน เมื่อเทียบกับความห่วงใย ที่ผมรู้สึกได้ โดยเฉพาะวันนั้น ที่ ปอ โกรธเพราะผมโดนแกล้ง แล้วผมก็โดนชกจนสลบไป ผมยังพอรู้สึกได้ถึงความคุ้นเคยของมือที่กุมมือผมไว้เมื่อตอนที่ผมรู้สึกตัวขึ้นมา มือที่เคยทำให้ผมเจ็บทั้งตัวและใจ และมือที่เคยปลอบประโลมให้ผมบรรเทาจากความเจ็บ

ผมทั้งเจ็บปวดและสับสน ทำไมการกระทำ คำพูด และสิ่งที่เขาคิด ถึงได้ไม่เหมือนกันเช่นผม

... คนหนึ่งกระทำประหนึ่งคิดถึงผม ต้องการผม รักผมเสียเต็มประดา แต่เขาบอกไม่แม้แต่จะคิดชอบผม...
... คนหนึ่งกระทำประหนึ่งเป็นมิตร ปกป้องและห่วงใย แต่เขาบอกว่าเขาไม่เคยคิดว่าผมเป็นเพื่อน ...

... แล้วคนอื่นๆล่ะ...  ผมเริ่มคิด ทั้งๆที่ไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน ว่าการกระทำกับความคิดของคนอื่นจะเป็นเช่นไร จะเหมือนกัน หรือตรงกับข้ามกันเหมือนที่ผมได้รับรู้ในวันนี้

ผมปิดเทปที่กำลังเล่นเพลงอยู่ หยิบกล่องเพลงที่ผมรักมาไขลาน แล้วเปิดลิ้นชักด้านหน้าออก กล่องเพลงก็บรรเลงเพลงที่ ตั้ม แสนรักออกมา คิดถึงเนื้อเพลง ที่มีคนแปลให้ฟังเมื่อตอนเด็ก

พัฟ เจ้ามังกรที่น่าสงสาร มันเคยมีความสุข ใช้ชีวิตที่สนุกสนานไปกับ แจคกี้ เพื่อนเพียงคนเดียวของมัน
พัฟ มังกรที่กล้าหาญและไม่เคยเกรงกลัวต่อสิ่งใด ทั้งจ้าวผู้ครองเมือง หรือแม้แต่โจรสลัด ก็ยังต้องแสดงความเคารพต่อ พัฟ ด้วยความเกรงกลัว แต่แล้ววันหนึ่ง แจคกี้ จากไปเพราะอายุขัยที่ไม่ยืนยาวเท่าเจ้ามังกร พัฟ โศกเศร้าจนไม่สามารถคำรามส่งเสียงที่อาจหาญออกมาได้อีก
ศรีษะของมันโค้งก้มลงต่ำด้วยความรันทด
เกล็ดสีเขียวของมันลู่หล่น ร่วงลงดุจฝนร่วงจากฟ้า
มันได้แต่เก็บตัวอยู่ในถ้ำด้วยความเศร้าเสียใจ

น้ำตาผมเริ่มไหลอีกครั้ง

... ร้องไห้ทำไมละลูก ...ป๊ะป๋าถาม พลางใช้นิ้วเช็ดน้ำตา และลูบเบาๆบนแก้มของร่างน้อยๆ ที่อยู่บนตัก
... มังกรน่าฉงฉานอะ ป๊ะป๋า มันคงเหงา หนูอยากไปอยู่เป็นเพื่อนมังกร ... ร่างนั้น เงยหน้าบอก ป๊ะป๋า
... ไม่ดีมังลูก ... ป๊ะป๋า พูดพลางหัวเราะ แล้วเอามือลูบศรีษะเด็กน้อยเบาๆ
... ทำมายอะฮับ ... ร่างน้อยๆถามด้วยความสงสัย
... แล้วถ้า ตั้ม หายไปอีกคนล่ะ มังกรไม่ยิ่งเสียใจเหรอ ... ป๊ะป๋า ตอบ
... แล้วจาทำงายดีอะ มังกรมานจะหายเหงา ...
... คงต้องปล่อยให้มันอยู่ตัวเดียวแบบนั้นจะดีกว่านะลูก แล้ววันนึง มังกรคงหายเหงา แล้วอีกอย่าง ... ป๊ะป๋า หยุดพูด
... อารายเหรอ ป๊ะป๋า ... ตั้ม เงยหน้าขึ้นมอง
... ถ้า ตั้ม ไปอยู่กับมังกร ป๊ะป๋า ก็เหงาแย่สิ ตั้ม อย่าทิ้ง ป๊ะป๋า ไปนะลูก...ป๊ะป๋า พูดพลางมองร่างน้อยๆด้วยความรัก
... ถ้า ป๊ะป๋า ม่ายอยู่ หนูคงเหงาเหมือนกาน ป๊ะป๋า ก็อย่าทิ้งหนูนะ... ร่างน้อยๆพูดพลางเอนตัวเข้าไปซบอยู่ที่อกของ ป๊ะป๋า
ป๊ะป๋า กอด ตั้ม ไว้แนบอก พลางก้มหน้ามาหอมที่ศรีษะน้อยๆด้วยความรักและเอ็นดู

ตอนนี้ ผมคงเสียใจไม่น้อยไปกว่า เจ้าพัฟ
... ไม่มีมืออันอบอุ่น มาคอยลูบหัวปลอบประโลม
... ไม่มีเสียงอันอ่อนโยนมาปลอบใจ
ตอนนี้ผมคงเป็นเหมือน พัฟ เจ้ามังกรที่น่าสงสาร ผมเข้าใจแล้วว่า ทำไมมันถึงคิดแต่จะเก็บตัวอยู่แต่ในถ้ำ ไม่คิดที่จะหาใครสักคนมาทดแทนเพื่อนผู้จากไป
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๕๗/๑๐ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: RN ที่ 11-05-2008 01:05:38
 :o12: :o12: :o12:

ทำไมใครๆๆก็ทำร้ายจิตใจน้องตั้ม

ม่ายยยยยยยยยยยย

ปล. ปอๆๆ กลับมาเลยยยยยยยย  มาปลอบน้องตั้มด่วนนนนนน

 :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๕๗/๑๐ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: nana ที่ 11-05-2008 04:44:18
 o7 แล้วก็เป็นตั้มที่น่าสงสารคนเดียว o7


 :L2: :L1: :L2:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๕๘/๑๑ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 11-05-2008 18:13:28
๕๘ หายตัว

“ทำไมมึงพูดออกไปแบบนั้นวะ” ชัย พูดพลางขมวดคิ้ว
“ก็กูกำลังจะพูดต่อ มันก็วิ่งหนีกูไปเลย” ปอ ถอนหายใจ
“เฮ่ย...จะยากอะไร มึงก็ไปปรับความเข้าใจกับมันสิวะ” ศักดิ์ พูดให้เห็นว่ามันไม่น่าเป็นเรื่องร้ายแรงอะไร
“ปรับเชี่ยอะไรล่ะ อย่าว่าแต่จะคุยกับมันเลย หน้ากูมันยังไม่มอง” ปอ พูดอย่างฉุนเฉียว
“แล้วมึงไม่รู้จักเดินเข้าไปหามันเหรอวะ” สิทธิ์ สงสัย
“เป็นกูหน่อยไม่ได้ กูจะตบจูบ ตบจูบ” ศักดิ์ พูดแล้วหัวเราะ
“จูบส้นตีนกูมะ กลุ้มจะแย่อยู่แล้วมึงยังทำเป็นเล่น” ปอ ตวาด
“ใจเย็นก่อนดิวะ ไอ้ปอ อย่างที่ ไอ้สิทธิ์ มันว่า ทำไมเอ็งไม่เข้าหามัน แล้วไปปรับความเข้าใจกับมันล่ะวะ” ชัย ปลอบ
“ก็วันๆไม่รู้มันไปหมกตัวอยู่ที่ไหนน่ะสิวะ เช้ามาก็ไม่เห็น เจอทีก็เข้าแถวแล้ว กลางวันมันก็หาย ไม่ไปกินข้าวกับเพื่อนๆ ห้องสมุดมันก็ไม่อยู่ ไม่รู้มันไปไหนของมัน แล้วเดี๋ยวนี้ พอเลิกเรียนมันก็กลับบ้านเลย แล้วยังไม่ได้ขึ้นรถประจำทางที่ป้ายเดิมด้วย ไม่รู้ว่าเดี๋ยวนี้มันกลับบ้านยังไง ” ปอ พูดแล้วถอนหายใจยาว
“มันไม่ได้มาหา ไอ้เต่า ที่ห้องเลยนี่หว่า หรือมันไปหา ไอ้ตุ่ม” ศักดิ์ เสนอความเห็น
“เปล่าหว่ะ กูเคยเดินข้ามฟากไปดูมาแล้ว มันไม่อยู่” ปอ พูดด้วยสีหน้าอมทุกข์ แล้วหันไปทาง ชัย “ไอ้ชัย มึงช่วยกูหน่อยสิวะ”
“ช่วยยังไงวะ” ชัย ถามด้วยความสงสัย
“มึงบอก ไอ้ตั้ม มันทีสิวะ ว่ามันเข้าใจกูผิด มึงช่วยบอกมันทีว่ากูรู้สึกยังไง” ปอ มอง ชัย ด้วยสีหน้าเปี่ยมไปด้วยความหวัง
ชัย นั่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วมอง ปอ ด้วยสีหน้าลำบากใจ
“คงไม่ได้หว่ะ กูว่าเรื่องแบบนี้มึงต้องพูดเอง” ปอ ฟังแล้วถอนหายใจ
“นั่นดิวะ ความรู้สึกของมึง มึงต้องเป็นคนพูด ให้คนอื่นพูด กูว่ามันคงไม่ค่อยดี” ศักดิ์ พูด
“ถ้าให้พวกกูช่วยมึง ตอนนี้คงได้แต่คอยมองดูว่า ไอ้ตั้ม มันไปสิงสถิตอยู่ที่ไหน เจอแล้วก็มาบอกมึง” สิทธิ์ พูด
“อีกอย่างที่กูพอจะช่วยมึงได้นะ” ชัย พูดขึ้นบ้าง ปอได้ยินก็หันมามอง “กูจะพยายามบอกให้ ตั้ม มันมาเคลียร์กับมึงให้รู้เรื่อง”
“เออ ขอบใจหว่ะ” ปอ พูดด้วยสีหน้าซาบซึ้งกับความมีน้ำใจของเพื่อนๆ
“ขอบใจอะไรวะ เป็นเพื่อนกันมาตั้งนานแล้ว ลำบากก็ต้องช่วยกันเป็นธรรมดาสิวะ”  ชัยพูดกลั้วหัวเราะ
“เดี๋ยวกูบอก ไอ้สมชาย มันอีกตัว”ศักดิ์ พูดยิ้มๆ
“พวกเราเป็นเพื่อนกันมานานแล้วนะเว้ย เพื่อนน่ะ มีไว้ช่วยเหลือกันเวลาแบบนี้ เป็นธรรมดา” สิทธิ์ พูดพลางเอามือตบไหล่ ปอ เป็นการปลอบใจ
... จริงสิ ราญ ก็เคยบอกเขาแบบนี้เหมือนกัน- เพื่อนน่ะ มีไว้ช่วยเหลือกันเวลาแบบนี้- แล้วก็เป็นความจริง เพื่อนๆพวกนี้ ไม่เคยทำให้เขาผิดหวังเลย  ดูอย่างตอนชั้น ม.๓ เมื่อเขานำเรื่องการเลือแผนการเรียนในชั้น ม.๔
“ทำไมเพิ่งคิดถึงพวกกูวะ”
“เชี่ย เกรงใจอะไรวะ เพื่อนกัน”
หรือแม้กระทั่งคำตอบที่ไม่ได้เป็นคำพูด แต่วันที่นัดติววันแรก เพื่อนๆทั้ง ๔ คนอยู่กันพร้อมหน้า พร้อมกับรอยยิ้ม
.....................................................................................
.....................................
“ไอ้หนู เรือมาตั้งหลายเที่ยวแล้วทำไมยังไม่ไปล่ะ” ลุงที่ดูแลท่าเรือตะโกนถามผม
“ยังไม่อยากไปอะค๊าบลุง น้ำในแม่น้ำมันสวยจัง ผมอยากนั่งเล่นอีกแป๊บอะค๊าบ ได้หรือเปล่าค๊าบลุง” ผมตอบ
“ฮ่าๆๆ ตามสบายนะไอ้หนู ลุงก็นึกว่ารอใคร เห็นจ่ายค่าเรือ แล้วก็ยังไม่ไปซะที” ลุงยิ้มอย่างใจดี แล้วก็หันหน้าไปคอยเก็บเงินค่าโดยสารจากคนที่เข้ามาในท่าเรือต่อไป

ช่วงนี้ผมกลับบ้านโดยการข้ามเรือข้ามฝากที่อยู่ในซอยข้างๆโรงเรียน เพื่อไปต่อรถประจำทางกลับบ้านเป็นประจำ อาจจะต้องนั่งรถอ้อมหน่อย แต่ก็เป็นหลักประกันได้ว่า ผมจะมีที่นั่งอย่างแน่นอน ไม่ต้องยืนโหนรถเมล์เป็นระยะทางสิบกว่ากิโลเมตร หากต้องขึ้นรถประจำทางจากหน้าโรงเรียน ไปต่อรถประจำทางสายนี้ในอีกบริเวณหนึ่งของตัวเมือง ผมนั่งมองสายน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ทอประกายวิบวับเมื่อสะท้อนกับแสงแดด ขณะที่ผมกำลังใจลอยอยู่นั่นเอง ก็มีเสียงเรียกดังขึ้นข้างๆตัว
“ตั้ม เอ็งมาทำอะไรตรงนี้วะ” เสียงทักทายที่ไม่ค่อยคุ้นหูผมนัก ผมจึงหันไปดู
“ปุง เองเหรอ” ผมยิ้มให้ เมื่อเห็นว่า เป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนที่ไม่ค่อยได้คุยกันนักนั่นเอง
“เออ มาทำอะไรตรงนี้วะ ข้ามเรือหรือว่ารอใคร” ปุง ถามแล้วก็นั่งลงข้างๆผม
“ข้ามเรือน่ะ จะไปต่อรถฝั่งโน้น” ผมตอบพลางยิ้มน้อยๆให้เพื่อน
“เหรอวะ นั่นไง เรือมาแล้ว” ปุงพูดพลางหันไปมองเรือข้ามฟากที่กำลังจะเข้ามาเทียบท่า
“เดี๋ยวค่อยไป ขอนั่งเล่นก่อนกำลังสบาย แล้ว ปุง ล่ะ จะข้ามไปเลยรึเปล่า” ผม ถามไป
“กูไม่ได้มานั่งเรือ กูมารอรับแฟนกู” ปุง พูดยิ้มๆ
“เหรอ” ผมตอบไปสั้นๆ เพราะไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี
“แฟนกูเรียน นาฎศิลป์ กูมารับที่นี่แล้วกลับบ้านทุกวันแหละ” ปุง พูดด้วยสีหน้ามีความสุข “เรือมาแล้ว อาจจะมาเที่ยวนี้แหละ” พูดแล้วปุงก็หันหน้ามองไปยังเรือหางยาวที่กำลังจะเทียบท่า
“นั่นไง กูไปก่อนนะ แล้วพรุ่งนี้เจอกัน” ปุง โบกมือให้ผมเล็กน้อย แล้วเดินเข้าไปหาหญิงสาววัยรุ่นในชุดนักเรียน หน้าตาน่ารักคนหนึ่ง ปุง พูดอะไรบางอย่างกํบแฟน แล้วทั้ง ๒ คนก็หันมายิ้มและโบกมือให้กับผม จากนั้นก็พากันเดินออกจากท่าเรือไป

ผมนั่งเล่นอยู่อีกสักครู่ ก็คิดว่าควรจะกลับบ้านไปซ้อมดนตรีสักหน่อยคงจะดี จึงลุกขึ้นยืนเตรียมตัวที่จะขึ้นเรือข้ามฟาก ที่กำลังจะเข้ามาเทียบท่าอีกครั้งหนึ่ง
.....................................................................................
.....................................
“ตั้ม เดี๋ยวกินข้าวแล้วขึ้นมาเล่าหนังสือนอกเวลาให้ฟังหน่อยสิ เราทำท่าจะอ่านไม่ทัน” ณัฐ เอ่ยขึ้นเมื่อครูเดินออกจากห้องเรียนไป
“ได้สิ” ตั้ม ตอบหลังจากนิ่งคิดสักครู่ “งั้นรีบไปกินข้าวกัน ป่ะ” แล้ว ตั้ม ก็เดินไปกับ ญัฐ
“ตั้ม เดี๋ยวพวกเราฟังด้วยนะ” พล กับ นัส เดินเข้ามาสมทบ
“งั้นพวกเราไปกินข้าวด้วยกัน จะได้ขึ้นมาพร้อมกัน” ญัฐ ชักชวน แล้วทุกคนก็พากันเดินไปยังโรงอาหาร

“ศิลปี มานั่งด้วยกันเร็ว” วัฒน์ เรียกให้ทุกคนไปนั่งกินข้าวด้วยกัน เพราะยังมีที่ว่างเหลืออยู่อีกเยอะ ตั้ม เลือกนั่งลงไปข้างๆ วัฒน์ ไม่สนใจกับที่ว่างที่ นึก ขยับตัวให้
“มากินข้าวได้แล้วเหรอวะ นึกว่าเฮิร์ทจนกินอะไรไม่ลง” โอ ที่นั่งอยู่ตรงข้ามแซว มี นึก นั่งอยู่ข้างๆ
“.............” ตั้ม ไม่ได้ตอบอะไร ได้แต่ค่อยๆตักข้าวเข้าปาก
“ศิลปี ทำไมไม่เห็นมากินข้าวด้วยกันเลยตั้งหลายวัน” วํฒน์ ถามหลังจากส่งสายตาดุๆไปปรามโอ
“ก็เบื่อคนเยอะๆ เลยมากินตอนไม่ค่อยมีคน ไม่มีไร” ตั้ม ตอบเบาๆ
“แล้วเดี๋ยวนี้กลับบ้านยังไง ไม่เห็นกลับกับพวกเราเลย” สักพัก หมู ที่นั่งถัดไปจาก วัฒน์ ถามบ้าง
“เราขึ้นเรือข้ามฟากข้างโรงเรียนไปต่อรถเมล์” ตั้ม หันไปตอบ
“แล้วเอ็งจะเล่นคอนเสริทอีกเมื่อไรวะ สาวๆถามถึง” โอ ถาม พลางเหลือบสายตาไปมอง นึก
“ไม่รู้เหมือนกัน” ตั้ม ตอบทั้งที่ยังคงก้มหน้าก้มตาตักข้าวเข้าปากทีละนิด ไม่เงยหน้ามองไปทางคนนั้นที คนโน้นที หมือนที่เคยทำ
“แล้วถ้ามีจะร้องเพลงนั้นอีกรึเปล่าวะ ฮ่าๆๆ” โอ รุกถาม
“วันนั้นเราโดนแกล้ง” ตั้ม ตอบสั้นๆทำหน้าเซ็งๆ “เพลงนั้นเราไม่ร้องอีกแล้ว ไม่รู้จะร้องให้ใครฟัง” จบประโยค โอ ก็มองเห็น นึก หน้าสลดลงไป
 “เพลงอะไรเหรอ” วัฒน์ หันหน้ามาถาม “ไว้ร้องให้พวกเราฟังมั่งสิ”
“ถ้าอยากฟังไว้เราร้องเพลงอื่นให้ฟังแล้วกัน” ตั้ม ยังคงตอบเบาๆเช่นเคย
“เพลงนั้นจะเก็บไว้ร้องให้ใครฟังรึเปล่าวะ”  โอ แซวไม่เลิก
ตั้ม ชะงักจากการกินข้าว โอ พอจะมองเห็น สายตาที่ทอแววเศร้าของ ตั้ม สักพัก ตั้ม ก็กินข้าวต่อ เพื่อนๆ จึงเงียบไปไม่ซักถามอะไรต่ออีก
“ป่ะ ญัฐ เราอิ่มแล้ว” ตั้ม พูดขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนๆเริ่มกินข้าวกันหมด แต่ข้าวในจานของ ตั้ม เพิ่งพร่องไปเพียงครึ่งเดียว
“กินให้เสร็จก่อนก็ได้” ญัฐ บอก
“ไม่เป็นไร เราอิ่มแล้ว” ตั้ม ตอบ
“อะไรกัน เพิ่งกินไปนิดเดียวเองนะ เดี๋ยวบ่ายๆก็หิวหรอก” วัฒน์ พูดด้วยความเป็นห่วง
“ถ้าหิวเดี๋ยวพักย่อยค่อยมาหาอะไรกินก็ได้” ตั้ม ตอบแล้วลุกออกจากเก้าอี้ ออกจากโรงอาหารไป ณัฐ จังต้องลุกเดินตามไปพร้อมกัน พล และ นัส

ปอ ลากเก้าอี้มานั่งฟัง ตั้ม เล่าเรื่องในหนังสือนอกเวลาด้วย คิดว่าจะหาโอกาสพูดกับ ตั้ม ให้รู้เรื่อง ปอ ลองถามคำศัพท์บ้าง ถามถึงประโยคต่างๆบ้าง ตั้ม ก็ตอบแต่โดยดี และยังอธิบายเสียละเอียด ในประโยคยากๆบางประโยค แต่สิ่งที่ผิดปรกติจนเพื่อนๆรู้สีกก็คือ ตั้ม ไม่มอง ปอ ตรงๆเลย ไม่แม้แต่จะเหลือบสายตา
ปอ ได้แต่รอ แต่ก็ไม่มีโอกาสจะพูดอะไร จนกระทั่งการติวจบลง พร้อมกับเสียงออดบอกเวลาเรียนในคาบบ่ายดังขึ้น
.....................................................................................
.....................................
จากวันนั้น ตั้ม ก็เหมือนกับมนุษย์ล่องหน ที่จะปรากฏตัวเฉพาะเวลาเข้าแถว และชั่วโมงเรียน ไม่มีใครรู้ว่า ตั้ม หายไปไหนในช่วงเวลาอื่น รู้แต่เพียงว่า ตั้ม มักจะหายไป และกลับพร้อมกับตำราเรียนหรือสมุดจดงานทุกครั้ง ปอได้แต่หาโอกาสปรับความเข้าใจกับ ตั้ม แต่ก็ไม่มีโอกาสสักที จนเวลาล่วงเลยไปถึงวันสอบปลายภาควันสุดท้าย

หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๕๘/๑๐ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: RN ที่ 11-05-2008 20:09:39
ตั้มเมื่อไหร่จะได้คุยกับปอๆๆๆ

เมื่อไหร่จะเข้าใจกันนน :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๕๘/๑๐ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: สาวตัวกลม ที่ 11-05-2008 20:18:32
คุยกันซะทีเถอะ เฮ้อ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๕๗/๑๐ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 11-05-2008 20:32:56
:o12: :o12: :o12:

ทำไมใครๆๆก็ทำร้ายจิตใจน้องตั้ม

ม่ายยยยยยยยยยยย

ปล. ปอๆๆ กลับมาเลยยยยยยยย  มาปลอบน้องตั้มด่วนนนนนน

 :o12: :o12: :o12:
ง่า...แค่ ๒ เองอะที่ทำ  :try2:
แล้วคนนึงที่ทำเพราะจำเป็น อีกคนก็ไม่ได้ตั้งใจ ตั้มคิดไวไปหน่อย  :sad3:
เคยมีคนถามว่า ตั้ม เป็นคนคิดมากหรือเปล่า
อยากให้ใช้คำว่าเป็นพวก sensitive มากกว่า โดนกระทบได้ง่าย แล้วมักจะไม่ค่อยเก็บความรู้สึก  :freeze:
o7 แล้วก็เป็นตั้มที่น่าสงสารคนเดียว o7


 :L2: :L1: :L2:
คงเป็นเพราผมเขียนเน้นไปที่ ตั้ม มากไปหรือเปล่าครับ  :o11:
ตั้มเมื่อไหร่จะได้คุยกับปอๆๆๆ

เมื่อไหร่จะเข้าใจกันนน :o12: :o12:
คุยกันซะทีเถอะ เฮ้อ :เฮ้อ:
เดี๋ยวก็ได้คุยกันแล้วครับ มาทายกันไหมครับ ว่าใครจะเป็นคนเข้าไปคุยกับใครก่อน และใช้วิธีไหน ถึงได้คุยกันได้  o3

ส่วนเรื่องที่จะเข้าใจกัน ไว้มาดูกันต่อไปดีกว่าครับ ถ้าบอกตอนนี้ เดี๋ยวไม่มีคนอ่านต่อ เพราะรู้ตอนจบแล้ว  :o211:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๕๘/๑๐ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: sunflower ที่ 11-05-2008 21:08:32
อ่านแล้ว :o12: :o12:
คุยกับปอดีๆ สิ  o7
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๕๘/๑๐ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: nana ที่ 12-05-2008 07:09:44
ปอพยายามหน่อย :a2:


 :L2: :L1: :L2:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๕๙/๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 12-05-2008 18:47:17
๕๙ พระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก

ช่วงปิดเทอมก่อนจะขึ้น ม.๖ เพื่อนๆหลายคนเริ่มเรียนพิเศษกันมากขึ้น แต่ผมกลับคร่ำเคร่งอยู่กับออร์แกนไฟฟ้า ที่ผมรู้สึกหลงไหลในเสียงของมันมากขึ้นทุกวัน เครื่องดนตรีอีกชิ้นหนึ่งที่ผมเริ่มฝึกซ้อมอย่างจริงจังมากขึ้นก็คือ เปียนโน โดยผมต้องไปซ้อมที่สถาบันสัปดาห์ละ ๒-๓ วันเลยทีเดียว เพราะผมเริ่มตั้งเป้าหมายแล้วว่า ผมจะต้องสอบเข้าเรียนในคณะดนตรีของสถาบันแห่งหนึ่งให้ได้ แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่คาดคิด ก็เกิดขึ้นกับชีวิตผม นี่กระมังคือสิ่งที่ผู้ใหญ่มักเรียกว่า เป็นช่วงที่พระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก

พ่อป่วยหนักจนต้องเข้าห้องไอซียูหลายวัน เมื่อออกจากห้องไอซียูแล้วก็ยังไม่ได้สติ จนหมอบอกว่าถ้าพ้นคืนนี้พ่อผมยังไม่ได้สติ ก็ให้ทำใจกันได้เลย พ่อผมอยู่ในห้องพิเศษ จึงไม่เป็นปัญหาที่จะอยู่กันได้ แม้จะดึกแค่ไหนก็ตาม เกือบเที่ยงคืนแล้ว พ่อก็ยังไม่ฟื้น ผมยืนอยู่ที่ปลายเท้าพ่อ พี่สาว พี่ชายและพี่สะใภ้ ยืนอยู่ทางหัวเตียงคนละด้าน แม้แต่หลานสาวของผม ก็ยังมาเฝ้าอยู่ด้วย ส่วนแม่ของผมน่ะหรือครับ ไม่ว่าพ่อผมจะเข้าโรงพยาบาลสักกี่ครั้ง ผมก็ไม่เคยเห็นแม่ผมมาเยี่ยมพ่อเลย มิหนำซ้ำแม่ยังมีทีท่าเหมือนไม่อยากให้ผมมาเฝ้าพ่อด้วยเหมือนกัน

ผมเอามือจับเท้าของพ่อไว้  พลางเรียกพ่อเบาๆ หลานผมก็เรียกปู่ด้วย แล้วมือผมก็เริ่มรู้สึกว่าเท้าของพ่อเคลื่อนไหวเล็กน้อย
“พ่อ พ่อ พี่เท้าพ่อกระดิก” ผมพูดด้วยความตื่นเต้น พี่สาว พี่ชาย และพี่สะใภ้ ต่างพากันเรียกพ่อ หวังจะให้พ่อคืนสติ
“สาวเหรอลูก” พ่อผมเริ่มลืมตา แล้วพึมพัมเรียกพี่สาว
แล้วพ่อก็เรียกพี่ชาย เรียกพี่สะใภ้ เรียกหลาน แล้วก็เงียบไป ผมก็ยังไม่ทันได้คิดอะไร แต่พี่สาวก็พูดกับพ่อ ดังพอที่จะได้ยินกันทั่ว
“ตั้ม ก็อยู่นะพ่อ”
“ใครกัน ตั้ม”พ่อพึมพำ ผมเริ่มตกใจว่าพ่อเป็นอะไรมากรึเปล่า โดยไม่ได้คิดอะไรมากกว่านั้น
“ตั้ม ลูกคนเล็กพ่อไง น้องชายคนเล็กของหนูไงพ่อ” พี่สาวผมพูดกับพ่อ
“ไอ้ตั้ม ไอ้เด็กเวรนั่นน่ะเหรอ” พ่อพึมพำ พี่สาวผมเริ่มตกใจ หันหน้ามาโบกมือเหมือนจะให้ผมออกไปก่อน แต่ผมยังคงงุนงงอยู่ จึงไม่ได้ขยับออกจากตำแหน่งที่ยืนอยู่ตรงปลายเท้าของพ่อ
“มันไม่ใช่ลูกชั้น ไอ้เด็กนั่นมันลูกชู้” พ่อพูดต่อ แล้วเงียบไปอีกครั้ง
ผมตกใจแทบล้มทั้งยืน พ่อพูดอะไร ที่พ่อพูดหมายความว่ายังไง ผมยืนนิ่งด้วยความตกใจอยู่อย่างนั้น จนพี่สาวเดินเข้ามาหา
“ตั้ม พ่อไม่มีสติ ตั้มไม่ต้องฟังนะ ไปนั่งที่โซฟาก่อน” พี่สาวจับแขนผมพาไปนั่งที่โซฟา
ซักพักหมอและพยาบาล ก็พากันเข้ามาตรวจอาการพ่อ อีกสักพักใหญ่ๆหมอก็คุยอะไรสักอย่างกับพี่สาวผม แล้วพี่สาวผมก็จับแขนผม
“ตั้ม กลับบ้านกันก่อน พ่อไม่เป็นอะไรแล้ว” ผมใจลอยลุกขึ้นยืนให้พี่สาวจูงมือขึ้นรถกลับบ้าน

เมื่อไปถึงบ้าน ผมก็ใช้กุญแจสำรองไขเข้าไปในเรือนเล็ก สติที่ยังพอมีอยู่ สั่งให้ผมปิดประตูใส่กลอนให้เรียบร้อย แล้วจึงเดินเข้าไปในห้องส่วนตัว ผมโยนตัวลงนอนบนเตียงด้วยความอ่อนแรง ไม่สนใจแม้แต่จะเอาผ้าคลุมเตียงออกเสียก่อน ไม่ได้ถอดแม้แต่ถุงเท้าที่ใส่มาทั้งวัน ไม่สนใจที่จะถอดเข็มขัดออกให้รู้สึกสบายขึ้น ผมนอนคิดถึงประโยคที่พ่อพูด

...ไอ้ตั้ม ไอ้เด็กเวรนั่นน่ะเหรอ มันไม่ใช่ลูกชั้น ไอ้เด็กนั่นมันลูกชู้ ...

พี่สาวบอกว่าพ่อไม่มีสติ แต่เท่าที่ผมรู้ เวลาที่คนไม่มีสตินั่นแหละ คือเวลาที่คนจะหลุดปากพูดความจริงออกมา
ถ้าสิ่งที่พ่อพูดเป็นความจริง
... ผมเป็นลูกใคร
... หรือว่า ...
ผมคิดถึงคนเพียงคนเดียว ที่น่าจะเป็นไปได้

ผมทะลึ่งตัวลุกขึ้นจากเตียง เปิดไฟที่โต๊ะหนังสือ หยิบกล่องเพลงที่ผมรักออกมาวางไว้ตรงหน้า ผมจ้องมองมัน ภาพต่างๆของบุคคลที่มอบมันให้กับผม ค่อยๆผุดขึ้นมาจากความทรงจำ ผมค่อยๆเรียบเรียงเรื่องราวต่างๆ
... มันจะเป็นไปได้หรือ แต่มีเพียงคนนี้คนเดียวเท่านั้น ที่อาจจะเป็นไปได้ ...
ถ้าเป็นความจริง มันก็คงจะเป็นเหตุผลเพียงพอ ที่คนคนนั้นรักผมอย่างสุดหัวใจ ผมรู้สึกว่ารักผมมากกว่าคนที่ผมเรียกว่า พ่อ อย่างเต็มปากมาตลอด
มิน่าเล่า คนที่ผมเรียกว่าพ่อ จึงได้แสดงอาการรังเกียจผมนักหนา เมื่อตอนที่ผมยังเด็ก แต่ตอนนั้นผมก็ยังคงรัก พ่อ อยู่ดี ถึงแม้ตอนนี้ ตอนที่ผมได้รับรู้สิ่งที่อาจจะเป็นความจริง ผมก็ยังคงรู้สึกเช่นนั้นไม่เปลี่ยนแปลง
ถึงแม้ว่าความรักนี้ จะเทียบไม่ได้เลยกับความรักที่ผมมีให้กับคนคนนั้น ความรักที่ผมเองก็แปลกใจมาตลอดว่า ... ทำไม
ถ้ามันเป็นความจริง มันคงเป็นสิ่งที่ตอบคำถามนี้ได้

แต่ต่อไปผมจะทำอย่างไร
ผมจะต้องใช้ชีวิตอยู่กับคนที่ผมเรียกว่าพ่อ คนที่ผมเรียกว่าพี่ คนที่ผมเรียกว่าหลาน ผมจะทำอย่างไรดี
ถ้าคนคนนั้นยังอยู่ ปัญหาเหล่านี้คงจะหมดไป ถึงผมจะรู้สึกรักและอาลัยกับคนเหล่านี้มากขนาดไหน มันก็คงจะดีกว่า หากผมย้ายตัวเองออกไปใช้ชีวิตอยู่กับคนคนนั้น
แต่มันจะเป็นไปได้อย่างไร ในเมื่อคนคนนั้นไม่มีชีวิตอยู่ในโลกนี้แล้ว

“ป๊ะป๋าค๊าบ ทำไมป๊ะป๋าทิ้ง ตั้ม ไว้แบบนี้ แล้ว ตั้ม จะทำยังไง” ผมพึมพำกับกล่องเพลงเบาๆ พร้อมกับน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม

หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๕๙/๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: RN ที่ 12-05-2008 19:03:51
ชีวิตตั้ม ทำไมต้องมาเกิดภาวะแบบนี้พร้อมๆกันๆๆๆ

แง๊ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

สู้ๆๆๆนะน้องตั้มมมมมมมมม

 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๕๙/๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: nana ที่ 12-05-2008 19:38:42
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:


 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๕๙/๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: GTo_CluB ที่ 12-05-2008 22:54:40


 :o12: :o12: :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๕๙/๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 13-05-2008 02:47:25
เพิ่งจะมีโอกาศมาอ่านนิยายดีๆเรื่องนี้
ถือว่าเป็นนิยายน้ำดีอีกเรื่องหนึ่งเลยนะครับเนี่ย
ภาษาก็อ่านเข้าใจง่าย
อ่านแล้วสบายใจกับวิธีเขียนของผู้แต่งครับ
ดีจังๆ
แล้วจะติดตามต่อไปครับ :a2:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๖๐/๑๓ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 13-05-2008 12:48:25
๖๐ ระหว่างความสับสน

ผมไม่ได้ไปเฝ้าพ่อที่โรงพยาบาลอีกเลย จนกระทั่งพ่อกลับมาบ้าน เวลาผ่านไปหลายวัน พี่สาวก็มาเรียกผมให้ไปหา พ่อ ผมลงไปหาพ่อที่เรือนใหญ่ นั่งลงบนพื้นใกล้ๆเก้าอี้นวมที่พ่อนั่ง

“ทำไมไม่ไปเฝ้าพ่อเลยล่ะลูก” พ่อถามเบาๆ
“...........” ผมไม่รู้จะบอกพ่อยังไง
“แล้วนี่พ่อกลับมาบ้าน ทำไมไม่มาให้พ่อชื่นใจ” พ่อพูดอีก
“ฮึก...ฮึก” ผมเริ่มสะอื้น น้ำตาไหลไม่หยุด มันสับสนไปหมด ... เสียใจ น้อยใจ ความรู้สึกผิด ...
“พ่อขอโทษนะลูก พ่อไม่ได้สติ ถึงได้พูดออกไปแบบนั้น” พ่อพูดแล้วเอามือลูบหัวผมเบาๆ เหมือนที่เคยทำบ่อยๆ
“ไปล้างหน้าล้างตาซะ แล้วว่างๆก็ลงมาหาพ่อบ้าง” พ่อพูดจบก็ลุกขึ้นเดินเข้าห้องส่วนตัวของพ่อไป
ส่วนผมก็เดินกลับไปยังเรือนเล็ก แล้วก็เข้าไปเก็บตัวอยู่แต่ในห้องส่วนตัว เหมือนหลายวันที่ผ่านมา

ตอนนั้นผมคิดในใจว่า ถ้าเป็น ป๊ะป๋า คงไม่เพียงแค่เอามือลูบหัวผมเบาๆ
ป๊ะป๋า คงกอดผมไว้แนบอก หอมผมที่หน้าผาก แล้วเอามือลูบหัวผมเบาๆ พลางพูดปลอบโยนผม ... นิ่งซะ อย่าร้องนะลูก

พ่อยังคงเรียกผมให้มาอ่านหนังสือพิมพ์ให้ฟัง หรือมานั่งอยู่ใกล้ๆในขณะที่พ่อดูโทรทัศน์ เหมือนที่เคยทำเป็นประจำ แต่ผมมักรู้สึกว่ามีกำแพงบางๆ กันอยู่ระหว่างผมกับพ่อและพี่ๆอยู่เสมอ และนับวันกำแพงนั้นก็ดูจะก่อตัวหนาขึ้นเรื่อยๆ

ผมได้แต่หวังว่า ...เวลา... คงจะช่วยทำให้ทุกอย่างดีขึ้น
....................................................................................
..................................
ผมได้แต่เก็บตัวอยู่แต่ในห้องส่วนตัว จะออกมาเฉพาะตอนกินข้าว ผมไปสถาบันดนตรีบ่อยขึ้น ออกจากบ้านไปแต่เช้า กลับบ้านก็มืดแล้ว เพื่อนๆในวงดนตรีก็ทักกันว่า ผมดูซึมๆไป
“เป็นไรน่ะ พี่ตั้ม ทำหน้ายังกับคนอกหัก” เล่ หัวหน้าวงถามขึ้น ในช่วงวอร์มเสียง
“แย่กว่านั้นอีก” ผมตอบ
“อ้าว โดนฟันแล้วทิ้งเหรอไง” ต่อ พูด
“แกสิโดนฟัน” ผมพยายามยิ้ม
“แล้วนี่พี่คบอยู่กับไอ้แว่นหน้าขาวคนนั้นถึงไหนแล้ว” บุ๋ม ถามพลางเข้ามานั่งใกล้ๆผม
“พูดถึงใคร” ผมสงสัย
“ก็คนที่มายืนจ้องตากับพี่หน้าเวทีเมื่อคอนเสริทคราวที่แล้วไง” บุ๋ม ยิ้มกวนๆ ... โห ยังจำกันได้อีกเหรอเนี่ย -*- ...
“นั่นเค้าผู้ชาย เค้าจะมาคบกับพี่ได้ยังไงกัน” ผมพูดเบาๆ พลางก้มหน้าลง
“อย่าเลยพี่ ท่าทางมันบอก ดูอย่างตอนนี้ ชัดเลย อกหักชัวร์” เล่ พูดเมื่อเห็นสีหน้าและท่าทางของผม
 “มาซ้อมเพลงกันดีกว่า พี่ร้องนะ เดี๋ยวผมเล่นเปียนโนให้” บุ๋ม พูดขัดจังหวะ พลางเดินไปที่เปียนโน “เพลงอะไรดีพี่” บุ๋ม ถามพลางค่อยๆพรมนิ้วลงไปบนคีย์ ออกมาเป็นทำนองขึ้นต้นของเพลง ...  Lovin’ You
“เพลงอะไรก็ได้ เปิดหนังสือมาก็แล้วกัน ยกเว้นเพลงนี้” ผมพูดพลางเดินเข้าไปนั่งที่เก้าอี้เปียนโนกับ บุ๋ม
“อ้าว ทำไมล่ะ ผมกำลังอยากฟังพี่ร้องอยู่เลย พี่ร้องเพลงนี้เสียงถึงคีย์ของมันพอดี” บุ๋ม หยุดเล่นพลางส่งสายตาอ้อนวอนให้ผม
“วันนี้เสียงไม่ค่อยดี ขอเพลงอื่นแล้วกันนะ” ผมตอบเลี่ยงๆ
แล้วพวกเราก็เริ่มซ้อมกัน โดยผลัดกันร้องเพลง และผลัดกันเล่นเปียนโน จนกระทั่งได้เวลาปิดของสถาบัน จึงพากันไปหาข้าวเย็นกิน จากนั้นก็แยกย้ายกันกลับบ้าน

http://media.imeem.com/m/LImxu3segf/aus=false/
....................................................................................
..................................
“ตั้ม เทอมนี้จะเลือกวิชาอะไร” หมู ถามผมในวันลงทะเบียนวิชาเลือกเสรี
“เราลงวิชา วรรณกรรมทั่วไป ของครูจันทร์ น่ะ ลงชื่อเรียบร้อยไปตั้งแต่พวกนายยังไม่มากันเลย” ผมตอบ
“อืม ดีเหมือนกันนะ ขี้เกียจไปแย่งจับฉลากแล้ว แต่ตัวนี้เรียนรวมกับพวกรุ่นน้องด้วยนี่” วัฒน์ พูด
“เหรอ เราไม่ทันได้ดูรายละเอียดมากซะด้วย แต่คงไม่เป็นไรมัง” ผมพูดอย่างไม่ค่อยใส่ใจเท่าไรนัก
“หมู ล่ะเรียนวิชานี้ด้วยกันมั๊ย” วัฒน์ หันไปถาม หมู
“อื้อ วัฒน์เรียนไร เราก็เรียนอันนั้นแหละ” หมู ตอบ
“อ้อ เราขออะไรหน่อยนะ ถ้าใครถามอย่าบอกนะว่าเราเลือกเรียนอะไร เพราะเรายังไม่ได้บอกใครเลย” ผมกระซิบเบาๆกับทั้งสองคน
“ทำไมล่ะ” วัฒน์ ทำหน้าสงสัย
“น่านะ ถือว่าเราขอร้องแล้วกัน เราไปก่อนนะ พอดีนัดเพื่อนไว้ที่สถาบัน”
แล้วผมก็รีบวิ่งออกไป เพราะสายตาเหลือบไปเห็นคนสองคู่เดินเข้ามา

“วัฒน์ นั่นไอ้ตั้ม มันจะรีบไปไหนของมัน” โอ ถาม
“เห็นบอกว่านัดเพื่อนไว้” วัฒน์ ตอบพลางหันหน้าไปมอง นึก ที่อยู่ข้างๆ โอ แว่บหนึ่ง
“วัฒน์” เสียง ปอ ที่เดินเข้ามาหาพร้อมกับ ไมค์ “ตั้ม มันเลือกเรียนอะไรเหรอวะ”
“เอ้อ” วัฒน์ อ้ำอึ้งเพราะไม่อยากโกหกเพื่อน  “เราไม่ได้ถามน่ะ” ... คนถามน่ะหมู เราไม่ได้ถามจริงๆนะ...
“แล้วมันวิ่งไปไหนของมันน่ะ” ไมค์ ถามขึ้น
“เห็นว่านัดเพื่อนไว้น่ะเลยรีบกลับ” วัฒน์ ตอบ แล้วก็ชวนหมูไปลงชื่อเรียนวิชาเสือกเสรีที่ต้องการ
....................................................................................
..................................
“อะไรของมันวะ เปิดเทอมได้แป๊บเดียว มันหยุดเรียนอีกแล้ว” ผม บ่นกับพรรคพวก
“กี่วันแล้ววะคราวนี้” สิทธิ์ถามยิ้มๆ
“มึงถามว่ากี่รอบแล้วดีกว่า” ผม ตอบอย่างหงุดหงิด
หลังจากเปิดภาคเรียนได้เพียง ๒ สัปดาห์ ตั้ม ก็หยุดเรียนหายไป ๒ วัน กลับมาเรียน ๑ วันบ้าง ๒-๓ วันบ้าง แล้วก็หยุดอีก เป็นแบบนี้มาหลายสัปดาห์ จากจดหมายลา ที่แนบอยู่พร้อมใบรับรองแพทย์ ในสมุดรายงานการสอนประจำชั้น ทำให้รู้ว่า ตั้ม ป่วยเป็นไตอักเสบ
“ไตอักเสบ นี่ต้องตัดไตทิ้งมั๊ยวะ” ผมถามเพื่อนๆ
“กูว่ามันไม่เป็นหนักถึงขนาดนั้นหรอกวะ ไอ้ชัย มึงว่าไง นั่งเงียบเลย” สมชาย พูดแล้วหันไปมอง ชัย ที่นั่งขมวดคิ้วไม่พูดจา
“กูกำลังสงสัย ว่าทำไมจู่ๆมันเป็นโรคนี้ขึ้นมาได้” ชัย พูดพลางนิ่งคิด
“แล้วนี่มึงเคลียร์กับมันรึยังวะ” แล้ว ชัย ก็พูดขึ้นมาอีก เมื่อคิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมากได้
“เรื่องนั้นเหรอวะ ยังเลย” ปอ ทำหน้ากลุ้มใจ “อย่างเคยหว่ะ ตอนเช้ากับตอนกลางวัน มันก็หายตัวไปไหนไม่รู้ แล้วช่วงนี่ตอนมันมาเรียน พอว่างมันก็เอาแต่ฟุบนอน กูเลยไม่รู้จะทำยังไง”
ผลั๊วะ... สมชาย ตบหัว ปอ ไปแรงๆ
“ควายยยยยยยยยยยยย” แถมด้วยคำชมเชย
“อะไรของมึงวะ อยู่ๆแม่งมาตบหัวกู” ปอ ถาม งงๆ พลางเอามือลูบหัวตัวเอง
“ตอนนี้แหละมึงจังหวะดี ทำไมมึงโง่อย่างงี้วะ” สมชาย พูดแล้วถอนหายใจ
“อ้อ กูรู้แล้ว เข้าใจคิดนี่หว่า หน้าโง่ๆอย่างมึงไม่น่าคิดออก” ศักดิ์ พูดแล้วหัวเราะ
“อะไรของมึงวะ” ปอ ถามด้วยความสงสัย
“อ้อ กูเข้าใจแล้ว” สิทธิ์ หัวเราะ พลางหันไปมอง ปอ ยิ้มๆ
“อะไรของพวกมึงวะ อธิบายให้กูฟังดิ๊” ปอ ยิ่งสงสัยเพราะทุกคนเมือนจะมีความคิดอะไรบางอย่างที่ตรงกัน มีแต่เขาที่ไม่เข้าใจ
“ปอเอ๊ย ฟังพี่ชายนะ” ชัย พูดยิ้มๆ “อย่าเพิ่งด่า กูจะขยายความให้ฟัง” ปอ ที่กำลังจะอ้าปากพูดอะไรก็หยุดฟัง ชัย ว่าจะพูดอะไรต่อ
“ถ้ามึงคิดว่าตอนนี้ยังไม่อยากพูด เพราะมันไม่สบาย มึงก็ยังไม่ต้องพูด” ชัย เกริ่น
“อะไรของมึงวะ เมื่อกี้ยังเหมือนเร่งกูอยู่ ตอนนี้เสือกมาห้ามกู” ปอ โวยวาย
ผลั๊วะ..........
“มึงอย่ามาด่านะ กูตบเผื่อมึงจะฉลาดขึ้น” สมชาย ชี้หน้า ปอ “กูว่าพวกเราคิดเหมือนกันหวะ สมกันคบกันมานาน แต่ทำไมไอ้ ปอ มันบื้อคิดไม่ออกอยู่คนเดียววะ” สมชาย กอดอก พลางมอง ปอ เหมือนพิจารณาอย่างละเอียด
“มึงต้องพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสสิวะ” ศักดิ์พูดเป็นงานเป็นการ ปอ มองเพื่อนๆอย่าง งงๆ
“ทำไมมึงไม่ไปคอยดูแลมันวะ อย่างน้อยมันจะได้เห็นว่ามึงเป็นห่วง” สิทธิ์ ต่อให้
“แล้วเผื่อมีงจะได้หาโอกาสพูดกับมัน ไม่ต้องถึงขนาดเคลียร์ว่ามึงรู้สึกยังไง อย่างน้อยควรให้มันเข้าใจว่ามันเข้าใจผิดที่มึงพูดวันนั้น” ชัย พูดบ้าง
“กูว่ายากหว่ะ แค่เข้าใกล้กูก็ว่ายากแล้ว พวก ไอ้วัฒน์ ล้อมหน้าล้อมหลังยังกะบอดี้การ์ด”
“กูเห็นใจมึงหว่ะ ปอ” สมชาย เอามือข้างหนึ่งจับไหล่ ปอ “แต่กูว่า มึงปล่อยเรื่องนี้ไว้นานเกินไปแล้ว เป็นกูนะ กูรวบหัวรวบหางมันไปตั้งนานแล้ว” สมชาย พูดแล้วยักคิ้วยิ้มกวนๆให้ ปอ
“นั่นดิวะ ไม่แน่นะ เป็นกูเรียบร้อยตั้งแต่ไปชะอำแล้ว” ศักดิ์ พูดพลางเอามือลูบคาง
ปอ หันไปมอง ชัย ที่หลบสายตาทำไม่รู้ไม่ชี้ ... ทำเป็นหลบสายตานะมึง เหน็บซะหน่อยเหอะวะ...

“พอดีที่ชะอำมีหมามาคอยเฝ้าหว่ะ กูเลยไม่มีโอกาส” ปอ พูดแล้วยักคิ้วให้ ชัย ที่หันมามองอย่างโกรธๆ

หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๖๐/๑๓ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: AidinEiEi ที่ 13-05-2008 13:24:13
เฮ่อ!!! :เฮ้อ:ปอเอ๊ย!!!!!!ชักช้ายืดยาดไม่ทันใจเจ้เลยยยยยยย
ว่าแต่...ตั้มเป็นไตอักเสบจริงเหรอ?  น่าสงสาร :sad2:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๖๐/๑๓ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: nana ที่ 13-05-2008 15:16:35
 :laugh:สมชายทำดีมาก :laugh:


 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๖๑/๑๓ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 13-05-2008 19:09:12
๖๑ เจอตัว

วันพฤหัสบดีนี้ อาจารย์ที่คณะเภสัชที่ผมเรียนอยู่งดชั้นเรียนในภาคบ่าย ทำให้ผมมีเวลาว่างหลายชั่วโมง กว่าจะถึงวิชาเรียนอีกครั้ง ผมลองนั่งรถประจำทางไปยังสถาบันดนตรีที่ ตั้ม เขียนเล่ามาในจดหมาย ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยที่ผมศึกษาอยู่นัก ตั้ม บอกว่า วันพฤหัสบดีในขณะที่เพื่อนๆเรียนวิชาทหาร ตั้ม จะมาฝึกซ้อมดนตรีที่สถาบันแทนที่จะกลับบ้าน  ตั้ม ให้เหตุผลว่า ขณะที่เพื่อนๆต่างไปเรียน ตัวเองก็ควรจะเรียนด้วยเหมือนกัน แต่ผมก็ไม่มั่นใจหรอกว่าจะได้เจอหรือเปล่า วันก่อน ชัยเพิ่งจะมาเล่าให้ผมฟังว่า ช่วงนี้ ตั้ม ขาดเรียนบ่อยมาก เพราะอาการป่วย แต่ ชัย ไม่รู้หรอกว่า ผมรู้เรื่องนี้อยู่ก่อนแล้ว

“ติดต่อเรื่องอะไรค่ะ” พนักงานสาวถามผมอย่างยิ้มแย้ม
“เอ้อ ศิลปี มาที่นี่หรือเปล่าครับ” ผมถามกลับไป
“อ๋อ หนูตั้ม น่ะเหรอค่ะ” เธอเรียกอย่างเอ็นดู แล้วหัวเราะเบาๆ “อยู่ข้างในน่ะค่ะ น้องเดินเข้าไปแล้วเลี้ยวขวา คงจะอยู่แถวห้องเปียนโน นะค่ะ”
“ขอบคุณครับ” ผมพูดขอบคุณเธอ แล้วเดินเข้าไปตามทางที่เธอชี้

เมื่อเดินเข้ามาด้านใน มีเสียงเปียนโนดังมาแผ่วๆ ดวงไฟเปิดอยู่สลัวๆ เพราะช่วงกลางวัน จะเป็นช่วงที่ไม่มีคนมาเรียนในสถาบัน ห้องเล็กๆที่เรียงกันอยู่ มีอักษรตัว P ตามด้วยหมายเลข มีห้องหนึ่งเปิดไฟอยู่ ผมจึงเดินเข้าไปใกล้ๆ จากกระจกใสบางส่วนของประตู ผมมองเห็น ตั้ม ในชุดนักเรียน แต่สวมทับด้วยแจกเกตสีน้ำเงินสด กำลังเล่นเปียนโนอยู่ สักพักหนึ่ง ตั้ม ก็หยุดเล่น ขยับตัวนั่งให้สบายขึ้น ก้มหน้ามองพื้น ขาที่ยกลอยอยู่กับพื้นขยับส่ายไปมาเบาๆ ท่าทางตอนนี้ไม่ต่างจากที่ผมเคยเห็น ตั้ม ชอบทำเวลานั่งมองหรือคิดอะไรอยู่ เหมือนเมื่อสมัยที่เรียนมัธยมต้นด้วยกัน เพียงแต่หน้าที่เคยยิ้มแย้มอยู่เสมอ ดูเศร้าซึมลงไป ผมเดินไปที่ห้องนั้น แล้วเคาะประตูห้อง ตั้ม เงยหน้าขึ้นมามองอย่างสงสัย เพราะแสงไฟที่สลัว คงทำให้มองเห็นไม่ชัด แล้ว ตั้ม ก็หน้าแดง สีหน้าดีใจลุกขึ้นมาเปิดประตูห้อง
“พี่ราญ พี่ราญจริงๆด้วย” ตั้ม พูดอย่างดีใจ
“ว่าไง สูงขึ้นเยอะเลยนะนี่” ผมเอามือจับไหล่ ตั้ม พลางมองสำรวจไปทั่ว จากเด็กชายตัวบางๆ สูงเพียงแค่ไหล่ของผมเมื่อก่อนนี้ กลับกลายเป็นเด็กหนุ่มที่ดูอ่อนโยนและบอบบาง ราวกับจะปลิวไปตามลมที่พัดแรง แต่ตัวกลับสูงขึ้นมาก ขนาดตัวผมเองที่สูงขึ้นมากแล้ว ตั้ม ยังสูงจนเท่าระดับคิ้วผม
“พี่ราญ มาได้ไงอะ” ตั้ม ถามขึ้น สายตาที่มองผม ยังคงสดใส เป็นประกายเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง เพียงแต่ท่าทางกระโดดโลดเต้นหายไป และน้ำเสียงที่เคยสดในกลับเหมือนคนที่อ่อนแรง ซึ่งคงเป็นเพราะยังไม่หายจากอาการป่วย
“วันนี้ พี่ราญ ว่างเลยลองเดินมาหา ไหนพี่ราญดูหน่อยสิว่าเป็นไงบ้าง” ผมพูดพลางเอามือแตะหน้าผาก ตั้ม รู้สึกว่าเหมือนจะมีไข้อยู่เล็กน้อย “เห็นว่าไม่ค่อยสบายนี่ แล้วทำไมไม่กลับบ้านพักผ่อนล่ะ” ผมถามยิ้มๆ
“ดีแล้วที่ไม่ได้กลับอะ ไม่อย่างนั้นอดเจอพี่ราญแน่เลย” ตั้มยิ้ม  “มานั่งข้างในดีกว่า” แล้ว ตั้ม ก็ชวนให้ผมเข้าไปนั่งในห้องเปียนโน ในห้องมีเก้าอี้เปียนโนตัวยาว กับเก้าอี้นั่งตัวเล็กอีกตัวหนึ่ง ผมนั่งลงบนเก้าอี้เปียนโนกับ ตั้ม
“ไหนเล่นเพลงอะไรอยู่” ผมมองดูโน้ตเพลง  ที่วางอยู่บนที่วางโน้ต “อะไรมั่งล่ะ  Pathetique แล้วนี่  Traumerei ทำไมมีแต่เพลงช้าๆล่ะ” ผมแกล้งถาม เพราะรูดีว่า ตั้ม ชอบเพลงแบบนี้
 “ครูให้มาซ้อมที่เปียนโนก่อนที่จะไปเล่นที่ออร์แกนไฟฟ้าอะ ครูบอกว่าทำให้คุมแรงของนิ้วได้ แล้วจะเล่นเพลงได้ดีขึ้น ” ตั้มอธิบาย
“แล้วนี่ ตั้ม กินข้าวกลางวันรึยัง” ผมถามดู เพราะผมเองก็ยังไม่กินข้าวกลางวันเหมือนกัน
“ยังเลย ตอนนี้คนเยอะอะ ตั้ม ไม่อยากออกไปนั่งกับคนเยอะๆ พี่ราญ หิวรึเปล่าอะ ถ้าหิวไปกินข้าวตอนนี้เลยก็ได้” ตั้ม พูดแล้วมองผมอย่างเป็นห่วง น้องที่รักของผมยังคงห่วงคนอื่นมากกว่าตัวเองอยู่เช่นเคย
“ยังไม่ค่อยหิวหรอก เมื่อกี้เดินผ่านร้านอาหาร คนเยอะอย่างที่ ตั้ม บอกน่ะแหละ เดี๋ยวค่อยไปก็ดีเหมือนกัน” ผมเห็นด้วยกับ ตั้ม “ตอนนี้พี่ชายอยากฟัง ตั้ม เล่นเพลงเพราะๆให้ฟังจะได้มั๊ย”
“ได้เลย เอาเพลงไรดีอะ” ตั้มขยับตัวนั่งให้ถูกแบบแผนของการเล่นเปียนโน พลางหันมาถามผม
“เอาที่ ตั้ม ซ้อมอยู่นี่แหละ” ผมพูดแล้วก็ขยับโน้ตเพลงให้อยู่ตรงกลางแท่นวางโน้ต
ตั้ม ขยับตัวนั่งตรง นิ่งไปสักครู่เหมือนกำลังตั้งสมาธิ วางมือช้าๆลงบนแป้นคีย์บอร์ด แล้วก็เริ่มเล่นเพลงออกมาด้วยเสียงที่นุ่มนวล
http://media.imeem.com/m/pwsYvke0t4/aus=false/
........................................................................................
.........................................
“แล้วมันเป็นอะไรมากรึเปล่าวะ” ชัย ถามขณะที่นั่งอ่านหนังสืออยู่บนเตียงผม
“แรกๆมีเลือดออกด้วย แต่ตอนนี้เหลือแค่อาการปวดท้องเวลาเดินมากๆ หรือเวลานั่งรถแล้วสะเทือน อีกซักพักก็คงหาย” ผมตอบไปทั้งๆที่ยังทำงานอยู่บนโต๊ะเขียนหนังสือ
“แล้วเอ็งคุยอะไรกับมันอีก” ชัย ถามต่อ
“นี่” ผมหยุดทำงาน แล้วหันไปหาชัย “ทำไมไม่ไปถามเองวะ” ผมยิ้มกวนๆ
“มึงนี่กวนตีน” ชัย เขวี้ยงหมอนบนเตียงใส่ผม ผมก็รับเอาไว้แล้วเขวี้ยงกลับ “กูเจอมันซะที่ไหนล่ะ เล่นหายตัวไปแบบนี้ กูก็ทำอะไรไม่ถูกเหมือนกันนะเว๊ย” ชัยเอาหมอนไปหนุนไว้ แล้วนอนคว่ำหันหน้ามาคุยกับผม “ว่าแต่มึงเหอะ เก่งหว่ะ ไปเจอตัวมันที่นั่นได้” ชัย ทำหน้าเหมือนทึ่งในการกระทำของผม
“ก็ ตั้ม มันบอกมาในจดหมายก็เลยลองไปดู” ผมพูดพลางหันไปทำงานต่อ
“จดหมายอะไรวะ” ชัย ถามด้วยความสงสัย
“ตั้ม มันส่งจดหมายมาให้ทุกเดือน เล่าให้ฟังว่าทำอะไรบ้าง แล้วเราก็เขียนตอบไปทุกเดือน ” ผมตอบแล้วหันไปยิ้มอย่างผู้ชนะให้ ชัย
“เฮ้ย ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ” ชัย ตาโต พลางขยับตัวลุกขึ้นนั่ง
“ตั้งแต่เราสอบเทียบได้แล้วเตรียมตัวสอบเอ็นฯ” ผมตอบ “แต่ช่วงหลังๆนี่แปลกๆไปนิดหน่อย” ผมมองหน้า ชัย “มีอะไรที่นายไม่ได้เล่าให้เราฟังอีกมั๊ย นอกจากเรื่องนั้น” ผมหมายถึงเรื่องที่ ชัย ไปเจอ ตั้ม ในงานศพญาติ
“มึงบอกมาก่อน ว่าอะไรที่มึงว่าแปลกๆ” ชัย พูดสีหน้าเคร่งเครียด
“แปลว่ามี” ผมถาม แต่ ชัย ก็เอาแต่จ้องหน้าผม “หลังๆ ตั้ม ไม่เขียนถึงคนที่บ้านเลย” ผมพูดอย่างกังวล “เมื่อก่อนเขียนมาเล่าให้ฟังบ่อยๆ ว่าไปไหน ทำอะไรกับพี่ๆ หรือพ่อกับแม่บ้าง ฉบับสุดท้ายที่เล่าถึงที่บ้าน บอกว่าพ่อเข้าโรงพยาบาลอาการหนัก” ผม จ้องมองชัย “นายคิดว่ายังไง”
“พ่อมันคงสบายดี เพราะถ้าเป็นอะไร ก็คงรู้กันแล้ว” ชัย พูดแล้วนิ่งคิด “เอาไว้กูค่อยๆสืบ แล้วจะมาบอกแล้วกัน”
“แล้วเรื่องอะไรที่นายไม่ได้เล่าให้เราฟัง” ผม เริ่มถามสิ่งที่ผมสงสัยบ้าง
“ก็ ไอ้ปอ น่ะสิวะ” แล้ว ชัย ก็เริ่มเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวันวาเลนไทน์ให้ผมฟัง “แม่งก่อเรื่องไม่หยุดเลยหว่ะ กูชักเริ่มเบื่อๆกับมันแล้ว” ชัย จบเรื่องด้วยสีหน้าเอือมระอา
“ปอ น่ะ มันดีอยู่ตรงจริงใจนี่แหละ เป็นคนอื่นคงทำอยู่ ๒ อย่าง คือตัดใจ หรือไม่ก็รวบรัดไปแล้ว” ผมพูดหลังจากที่ไตร่ตรองอยู่สักครู่
“แต่มันใจร้อนหว่ะ ไม่คิดให้ดีก่อนพูด” ชัย พูดพลางขมวดคิ้ว
“นิสัยเหมือนกันเลย ๒ คนนี้ พูดอะไรอย่างที่ใจคิด เพียงแต่ ตั้ม มันพูดหลังจากที่คิดแล้วว่า จะเป็นประโยชน์กับคนฟังหรือเปล่า” ผมพูดพลางยิ้มให้ ชัย “เรื่องนี้ คนผูกต้องเป็นคนแก้ ปอ มันก่อเรื่อง มันก็ต้องจัดการเอง ขืนคนอื่นเข้าไปวุ่นวาย เดี๋ยวมันจะยุ่งกันใหญ่”
“กูก็ว่าอย่างนั้นหว่ะ” ชัย พูดพลางยิ้มให้กับเพื่อนที่อยู่ตรงหน้า
........................................................................................
.........................................
เช้านี้ผมแวะกินโจ๊กแถวหน้าโรงเรียน ทำให้ถึงห้องเรียนสายกว่าที่เคยเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่มีคนมาถึงตามเคย ผมวางเป้แล้วก็ฟุบหน้าลงไปบนโต๊ะ ผมหลับตาลงด้วยความอ่อนเพลีย หมู่นี้ผมรู้สึกอ่อนเพลียมาก บางครั้งในชั่วโมงเรียน ผมก็ต้องฟุบหน้าลงกับโต๊ะฟังครูสอน แล้วผมก็เคลิ้มหลับไป
ผมรู้สึกตัวเมื่อมีมือหนึ่งมาจับมือผมบีบเบาๆ แล้วมีอีกมือหนึ่งมาแตะที่หน้าผากผม
... ปอ เหรอ ... ความรู้สึกของสัมผัสที่มือทำให้ผมคิด
แล้วผมก็รู้สึกว่ามีริมฝีปากชื้นๆสัมผัสกับหน้าผาก พร้อมกับลมหายใจอุ่นๆที่เป่ารด
... ใครน่ะ ไม่ใช่ ปอ เพราะ ปอ คงไม่ทำแบบนี้... ผมตกใจ ลืมตาขึ้นมองดู
ผมเห็นเป็นเงาลางๆ เนื่องจากความผิดปรกติของสายตา รวมเข้ากับอาการของคนที่กำลังจะหลับแต่ถูกปลุก เงาร่างของคนรูปร่างสูงโปร่ง สวมแว่นอยู่บนใบหน้า นั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างๆผม ผมหยิบแว่นสายตาขึ้นมาสวม
“นึก” ผมอุทานเบาๆ
นึก มองหน้าผมนิ่งอยู่สักพัก แล้วก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินออกจากห้องไป ปล่อยให้ผมนั่งอยู่ที่เดิมด้วยความงุนงง

... นายทำแบบนี้ทำไม นายพูดว่าไม่ได้ชอบเรา แล้วนายทำแบบนี้ทำไม ...
........................................................................................
.........................................
 
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๖๑/๑๓ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: RN ที่ 13-05-2008 19:38:52
นึกตกลงจะเอายังไงกันแน่

ปล.ปอ ทำไมไม่รีบมาเคลียร์ให้เรียบร้อย..เหอๆๆ
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๖๒/๑๓ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 13-05-2008 19:53:48
๖๒ เตรียมงาน

“ตั้ม เอ็งอย่าเพิ่งนอน มาคุยกันก่อน” ดม เรียกผมที่กำลังจะฟุบหน้าลงบนโต๊ะ

ตอนนี้เป็นช่วงปลายเทอมแล้ว อีกเพียงไม่กี่วันก็จะมีการสอบปลายภาค ถึงผมจะหายจากอาการป่วยแล้วก็ตาม แต่ด้วยความเคยชิน พอกินข้าวกลางวันเสร็จ ผมจะต้องหาเวลางีบให้ได้สัก ๑๐-๑๕ นาที

“อารายอะ” ผมเงยหน้าขึ้นมอง ดม ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ของโต๊ะข้างๆ มีพวก เชียร นึง โอ นึก วัฒน์ หมู และโย่ง พากันยืนบ้าง นั่งบ้าง อยู่ที่โต๊ะรอบๆ
“มึงทำอย่างนี้ได้ไงวะ” ดม ถามเครียดๆ
“อารายอะ เราทำไร” ผมถามกลับ
“เชียร มันบอกว่า เทอมหน้านายจะไปเล่นดนตรีให้พวกห้อง ๒ ตอนงานสัปดาห์วิชาการเหรอวะ” นึง ถาม

เทอมหน้าทางโรงเรียนจะจัดให้มีงานสัปดาห์วิชาการ เป็นงานที่ทางโรงเรียนจะจัดขึ้นทุก ๒ ปี ความจริง ครูจันทร์ ก็อยากให้ผมเล่นละครให้ท่าน แต่ผมปฏิเสธไป เพราะไม่ค่อยมั่นใจในอาการป่วยของตัวเองนัก แล้วเมื่อวานนี้เอง โชค พี่ชายของ เชียร ซึ่งเรียนอยู่ห้อง ๒ ก็มาชวนผมให้ร่วมวงดนตรีของเขา ที่จะร่วมแสดงในงานครั้งนี้ด้วย

“อื้อ ทำไมเหรอ” ผมตอบรับ
“เอ็งทำแบบนี้ได้ไงวะ” ดม ยังคงถามแบบเคืองๆ
“อะไรอะ แค่เราไปเล่นดนตรี มันมีอะไรเหรอ ถึงได้ทำท่าเหมือนโกรธเรากันแบบนี้” ผมเริ่ม งง
“ก็งานนั้น พวกเราจะจัดบอร์ดให้เป็นห้องร้อยกรอง แล้วนายจะไม่อยู่ช่วยพวกเราเหรอไง” โย่ง พูดขึ้น
“อ้าว แล้วทำไมไม่เห็นมีใครบอกเราเลย” ผมขมวดคิ้ว รู้สึกหายง่วงทันที
“พวกเราคุยกันตอนที่ ศิลปี มาๆหยุดๆน่ะ ก็คิดว่ากำลังจะบอกอยู่เหมือนกัน” วัฒน์ ค่อยๆอธิบายให้ผมฟัง “พวกเรากะว่าจะให้ ศิลปี ช่วยดูแลบอร์ดบางบอร์ดในงาน”
“แบบนั้นก็ต้องอยู่ที่บอร์ดตลอดสิ ตั้ง ๓ วันไม่ใช่เหรอ” ผมถามด้วยความสงสัย
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก ก็หลายๆคนสลับกันเฝ้าบอร์ดน่ะ” หมูอธิบาย “แต่คนที่เฝ้าต้องอธิบายข้อมูลในบอร์ดได้เวลาที่มีคนถาม”
“ก็มีกันหลายคนแล้วนี้ ขาดเราไปคนคงไม่เป็นไรมังอะ” ผมพูดไปโดยที่ไม่ได้คิดอะไรมากนัก “เอาเป็นให้เราช่วยทำอย่างอื่นแล้วกัน”
“ใจคอนายอยากจะไปทำงานร่วมกับคนอื่น มากกว่าเพื่อนหรือไง” นึก พูดโกรธๆ
“อ้าว ทำไมว่าเราอย่างนั้นอะ คนอื่นที่ไหนกัน พวกนั้น ก็เพื่อนเราเหมือนพวกนายน่ะแหละ แล้ว โชค ก็พี่ เชียร นะ” ผมพูดอย่างไม่ค่อยชอบใจนัก ที่ นึก พูดแบบนั้น
“งั้นเดี๋ยวพวกกูไปคุยกันก่อนว่าจะเอายังไง แล้วค่อยมาบอกเอ็งอีกทีก็แล้วกัน” ดม สรุป แล้วหลายคนก็พากันเดินออกไป
“ศิลปี อย่าคิดอะไรเลยนะ พวกนั้นแค่อยากให้มาทำกิจกรรมด้วยกันเท่านั้นแหละ” วัฒน์ เข้ามาพูดพูดยิ้มๆ
“นั่นดิ แล้ว นึก มันก็หวงนาย ไม่อยากให้ไปยุ่งกับคนอื่นน่ะ” หมู พูดเสริม แล้วทั้ง ๒ คนก็เดินออกไปคุยกับคนอื่นๆ

... เฮ้อ!!!  ทำไมต้องมาทำอะไร หรือมาพูดอะไรให้คิดด้วย คนพยายามจะลืมอยู่แท้ๆ ...

แต่หลังจากวันนั้น ก็ไม่มีใครมาบอกอะไรเกี่ยวกับงานให้ผมรู้เลย จนกระทั่งปิดภาคเรียน

หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๖๒/๑๓ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 13-05-2008 21:22:56
อ่ะๆๆ แล้วก็รอต่อปายยยยย
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๖๓/๑๓ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 13-05-2008 21:37:51
๖๓ อีกครั้งกับคอนเสริท

ด้วยความจำเป็นที่ผมอธิบายให้ฟัง ทางบ้านจึงยอมให้เงินส่วนหนึ่งมาเป็นค่าใช้จ่าย สำหรับการเรียนพิเศษในช่วงปิดเทอม ส่วนใหญ่เป็นการทบทวนเนื้อหาวิชาต่างๆ ที่เรียนมาแล้วในช่วง ม.๔-ม.๕ แต่ดูเหมือนพวก เชียร นึง  ดม โอ และนึก จะให้ความสนใจกับสาวๆวัยเดียวกัน ในห้องเรียนพิเศษ มากกว่าเนื้อหาวิชา มักจะชวนผมไปเดินเล่นกับกลุ่มสาวๆ หลังเรียนพิเศษเป็นประจำ มิน่าถึงได้ให้ผมบอกกับทางบ้านว่าเรียนพิเศษถึงช่วงเย็น แทนที่จะบอกว่าเรียนเพียงครึ่งวันตามความเป็นจริง

เสาร์นี้ก็เช่นกัน พวกนั้นชวนผมไปกินข้าวกลางวันกับพวกสาวๆ ที่ร้านอาหารร้านใหญ่แห่งหนึ่ง ในศูนย์การค้าติดกับสนามกีฬาแห่งชาติ ที่ผมยอมมาด้วยเพราะได้ยินว่า สาวๆกลุ่มนี้ปลื้ม ตั้ม มันนักหนา ทั้งๆที่ได้เจอเพียงแค่ครั้งเดียว

“นี่ วันนี้สงสัยมีคอนเสริทของที่นั่นอีกมั๊ง เมื่อกี้เห็นมีเวทีกับป้ายสถาบัน” สาวผมหยิกหยองพูดขึ้นมา
“แล้วนี่ ตั้ม เค้าจะเล่นดนตรีด้วยเหมือนคราวที่แล้วรึเปล่า” สาวคนเดิมหันมาถามพวกผู้ชาย ทำเอา ผมหูผึ่งเมื่อได้ยินชื่อนั้น
“เล่นมั๊ง เห็นมันเคยพูดถึงอยู่เหมือนกัน” โอ บอกออกไป “ทำไม จะไปดูมันเหรอ”
“อื้อ ไปสิ ว่าแล้วก็ไม่ได้เจอ ตั้ม นานเลยนะ คิดถึงเชียว” สาวผมสั้นบอก
“คิดถึงมันทำไม” ดม พูดอย่างหมั่นไส้
“อ้าว ก็ ตั้ม เค้าน่ารักออก คุยสนุกดี เน๊อะ พวกเรา” สาวแว่นพูดยิ้มๆ
“ช่าย ไม่ต้องคอยระแวงเหมือนพวกหนุ่มๆหลายๆคนด้วย” อีกสาวหนึ่งพูดพลางหันไปหัวเราะกับเพื่อนๆ
“โธ่ ไปปลี้มอะไรกับมันนักน่ะ มันไม่ใช่ผู้ชายแท้ซะหน่อย” นึง พูดอย่างอดไม่ได้
“รู้น่าว่า ตั้ม มันเป็นกะเทย” สาวผมหยิกหยอง พูดกลัวหัวเราะ
“กะเทยแล้วเป็นไง ตั้ม มันนิสียดีกว่าพวกปรกติหลายๆคนด้วยซ้ำ” ผม อดไม่ไหวพูดออกไปอย่างเคืองๆ ทำเอาทั้งโต๊ะเงียบไปครู่หนึ่ง
“เอ้อ ขอโทษนะ เราไม่ได้ตั้งใจจะว่าอะไรหรอก พวกเราก็บอกอยู่เมื่อกี้ไงว่า ตั้ม เค้าน่ารักออก” สาวผมหยิกหยอง ค่อยๆพูด
“ปอ นี่สงสัยรักเพื่อนคนนี้น่าดูเลยนะ” สาวผมสั้นพูดด้วยน้ำเสียงที่มีแต่ความชื่นชม “ถ้าเรามีเพื่อนแบบนี้เราก็รักน่าดูเหมือนกัน เน๊อะพวกเรา” พวกสาวๆต่างพยักหน้าเห็นด้วย ทำให้ผมอารมณ์ดีขึ้น
แล้วพวก นึง ก็ชวนสาวๆคุยเรื่องอื่นกันไปเรื่อยๆ ตอนนี้เองผมสังเกตว่า นึก เริ่มคุยบ้างแล้ว หลังจากที่เงียบไปตอนที่พูดถึง ตั้ม

หลังจากกินข้าวกลางวันกันเสร็จ พวกเราก็เดินเล่นกันอยู่ในห้างสักครู่ แล้วเดินลงไปยังเวทีบริเวณชั้น ๑ ของศูนย์การค้า ซึ่งกำลังมีการแสดงกนตรีอยู่พอดี นักดนตรีและนักร้องทั้ง ๗ คน อยู่ในชุด กางเกงยีนส์ สามส่วน เสื้อยืดสีสดพร้อมเสื้อแจกเกตยีนส์ ทุกคนใส่หมวกสีเดียวกับเสื้อยืดที่สวมไว้ข้างใน กำลังบรรเลงและร้องเพลงไทยสากลที่มีจังหวะเร้าใจอยู่บนเวที สาวๆพากันนำทั้งกลุ่มไปยืนอยู่ใกล้มุมขวาของเวที ผมเองก็ไม่ได้สนใจอะไรนัก จนกระทั่งเพลงนั้นจบลง สาวๆก็พากันตะโกนพร้อมกับตบมือลั่น
“ตั้ม ตั้มมมมมมมมมม” สาวๆ เรียก พร้อมกับโบกมือทักทาย
ผมมองขึ้นไปบนเวที เห็นหนึ่งในสองคนที่เล่นคีย์บอร์ด หันมาทางพวกเราแล้วโบกมือให้ ผมเพ่งมองร่างบางๆในชุดกางเกงยีนส์สามส่วน เสื้อยีดสีส้มสด สวมทับด้วยแจคเกตยีนส์ ใส่หมวกแก๊ปสีเดียวกับเสื้อยืด หันปีกหมวกไปข้างหลัง ผมจ้องอยู่นานด้วยความคิดถึง แทบจะวิ่งขึ้นไปกอดมันบนเวที
“นั่นแน่ แฟนๆ พี่ตั้ม มาอีกแล้ว” นักร้องนำพูดออกไมค์ “น่าอิจฉาจริงน๊า มีคนมาเชียร์ทั้งสาวๆหนุ่มๆ” คนดูบางส่วนพากันหัวเราะ “อย่างนี้ผมต้องปล่อยทีเด็ดมั่งแล้ว เผื่อมีสาวๆมาเชียร์ผมมั่ง ส่วนหนุ่มๆ ไว้ไปคอยเชียร์ พี่ตั้ม เค้าแล้วกันนะครับ”
แล้วเสียงดนตรีก็ดังขึ้นเป็นเพลงสากลแนว ปอป-แจส ในจังหวะเร็วเร้าใจ นักร้องทั้งร้องทั้งเต้นเต็มที่ มือกีตาร์ ๓ คนก็ใช่ย่อย วาดลวดลายกันใหญ่ ทำเอาคนดูชอบอกชอบใจ ปรบมือกันเสียงดังเมื่อเพลงจบลง

“โอย ผมเหนื่อยและ ฟังเพลงเร็วๆมากันเยอะแล้ว มาฟังเพลงช้าๆกันบ้างดีกว่า”นักร้องนำหยุดพูดไปสักครู่หนึ่ง “เดี๋ยวผมขอพักหน่อยแล้วให้ พี่ตั้ม มาร้องเพลงให้พวกเราฟังกันบ้างดีมั๊ยครับ” เด็กหนุ่มหันไมค์มาทางคนดู
“ดีๆๆๆๆๆ” สาวๆพากันตะโกน แล้วปรบมือ
บนเวทีมีการจัดสถานที่กันเล็กน้อย มีการยกเก้าอี้ทรงสูงออกมา ๒ ตัว พร้อมกับที่วางเท้าสำหรับคนเล่นกีตาร์ และไมค์ ๒ ชุด ระหว่างนั้นเหมือน ตั้ม จะคุยอะไรบางอย่างอยู่กับเด็กหนุ่มผิวคล้ำ หน้าตาคมคาย ตัวสูงรูปร่างเหมือนนักกีฬา
“มาฟัง พี่ตั้ม กับน้องบุ๋ม คู่รัก เอ๊ย คู่หูหวานแหว๋ว ร้องเพลงกันดีกว่าครับ”
มีเสียงหัวเราะเบาๆลอยมาจากกลุ่มคนดู นักดนตรีและนักร้องทุกคนหลบกันไปด้านหลังเวที เหลือเพียง ตั้ม และเด็กหนุ่มรูปร่างสูงคนนั้น คงเป็นคนที่ชื่อ บุ๋ม นั่งอยู่บนเก้าอี้พร้อมกับกีตาร์ในมือของทั้งสองคน แล้วก็เริ่มเกากีตาร์และร้องเพลงออกมา

http://media.imeem.com/m/octveX3NIe/aus=false/

ระหว่างที่ ตั้ม ร้องเพลง ผมสังเกตว่า สายตาของ ตั้ม เหมือนเหม่อมองไปยังที่ที่ไกลแสนไกล

ฉันไม่เคยคิดถาม ว่ารักฉันอยู่บ้างไหม
รู้คำตอบในใจ แน่แท้เธอไม่แลเหลียว
ก็รู้ใจอยู่ว่ารัก รักเธอข้างเดียว
อย่าเลย อย่าถาม


เมื่อร้องถึงเนื้อเพลงท่อนนี้ ตั้ม หลับตาลง เหมือนกับจะร้องมันออกมาจากหัวใจ ผมฟังแล้วคิดว่า ทำไมเนื้อเพลงท่อนนี้ ถึงได้ตรงใจผมในตอนนี้นัก

คิดก็ยังไม่เคย ไม่เคยคิดเลย
ถามออกไปก็เชย อย่างเคยรู้กัน
แต่ยังมีคำถามใจ เก็บไว้คำหนึ่ง
เคยคิดเคยรังเกียจฉัน ... หรือเปล่า


เนื้อร้องท่อนสุดท้ายของเพลง ตั้ม หันหน้ามาทางกลุ่มพวกเรา ส่งสายตาไปยังใครบางคน ผมเองก็มองเห็นคนคนนั้นมอง ตั้ม อย่างไม่วางตาเหมือนกัน

ตั้ม คงจะรอคอยคำตอบ ที่ไม่แน่ว่าจะได้รู้หรือไม่ แต่สำหรับผม ผมได้รับคำตอบนี้ตั้งแต่วาเลนไทน์ที่ผ่านมา มิหนำซ้ำผมยังรู้คำตอบผ่านทางสายตา เวลาที่ผมเข้าไปนั่งฟัง ตั้ม ติวให้เพื่อนๆ ว่า ตั้ม เป็นห่วงผมเสมอ เพราะผมเป็นเพื่อนคนหนึ่ง และไม่มีวันเลยที่ ตั้ม จะรังเกียจคนที่เป็นเพื่อน ต่อให้เพื่อนคนนั้นทำให้ ตั้ม ‘เจ็บ’ สักแค่ไหนก็ตาม

 ผมก้มหน้าอยู่กับความคิด โดยที่ไม่ได้สังเกตเลยว่า ตั้ม ส่งสายตาเลยมายังผมด้วย เมื่อใกล้จบเพลง
...
............................................
“พี่เปลี่ยนเพลงเป็นเพลงนั้นทำไมน่ะ” บุ๋ม ถามขึ้นหลังจากจบการแสดง แล้วพวกเราพากันไปกินไอติมกันที่ร้านชื่อดังร้านหนึ่ง
“ขอโทษนะ พี่อยากสื่ออะไรถึงคนบางคนน่ะ” ผมตอบพลางก้มหน้าตักไอติมเข้าปาก

แน่นอน ผมใช้เพลงเป็นสื่อบอกความรู้สึกของผมไปยัง นึก
แต่อีกคนจะรู้ไหมว่าผมใช้บางประโยคของเพลงนี้ สื่อถึงเขาด้วยเหมือนกัน

... ปอ นายจะเข้าใจเรารึเปล่า ถึงนายจะไม่คิดว่าเราเป็นเพื่อน แต่เราไม่อยากให้นายเกลียดเรา เรายังคิดว่านายเป็นเพื่อนที่ดีของเราเสมอ ...

หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๖๔/๑๔ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 14-05-2008 12:23:39
๖๔ สัปดาห์วิชาการ

แล้วงานสัปดาห์วิชาการก็ใกล้จะมาถึง เพื่อนๆต่างพากันวุ่นวายกับการเตรียมงาน ทุกคนมีหน้าทีที่จะต้องทำ ยกเว้นผม  ห้องที่ว่างเปล่าเนื่องจากโต๊ะและเก้าอี้ถูกนำไปเก็บรวบกันไว้ในห้องริมสุดของชั้น เพื่อนๆหลายคนพากันไปยกบอร์ดมาจัดวาง พอผมจะเข้าไปช่วย ก็ถูกหาว่าเกะกะ หลังจากนั้น กระดาษโปสเตอร์หลากสี ที่เขียนข้อความต่างๆ รวมทั้งรูปภาพต่างๆก็ถูกนำมาวางกองไว้เตรียมจะจัดลงบอร์ด ผมได้แต่ยืนคว้างอยู่กลางห้อง เพราะเหมือนว่ามีการแบ่งงานกันอย่างเรียบร้อยแล้ว ว่าใครจะทำอะไร

“ศิลปี มาช่วยเราทางนี้หน่อย” วัฒน์ เรียกผม
“ไม่ต้องดีกว่า นายไปซ้อมดนตรีของนายเหอะ” ดม พูดห้ามขณะที่ผมกำลังเดินไปหา
“ศิลปี มาช่วยเราน่ะดีแล้ว เร็วๆ งานจะได้เสร็จไวๆ” วัฒน์ เรียกผมอีก
ผมเดินเข้าไปหา แล้ว วัฒน์ ก็ให้ผมช่วยจับกระดาษโปสเตอร์บ้าง ส่งอุปกรณ์ต่างๆให้บ้าง วันนั้นทั้งวัน มีเพียง วัฒน์ หมูและโย่ง ที่คุยกับผม ส่วนคนอื่นๆ ไม่ค่อยสนใจผมนัก ผมคิดว่าคงเป็นเพราะต่างกำลังยุ่งอยู่กับงานที่ทำอยู่

วันที่สองของการเตรียมงาน สภาพการณ์ยังเป็นเหมือนเดิม จนผมเริ่มเอะใจ
“นี่โกรธเรากันขนาดนี้เลยเหรอ” ผมกระซิบถาม วัฒน์
“ไม่หรอก” วัฒน์ อมยิ้ม “พวกนั้นเค้างอนน่ะ” วัฒน์ หันหน้าไปพยักเพยิดกับ หมู ซึ่งกำลังยิ้มอยู่เหมือนกัน
“งอนไรอะ” ผมยังคงไม่เข้าใจ
“เดี๋ยวทำงานเสร็จก่อนแล้วกันนะ แล้วจะเล่าให้ฟัง” วัฒน์ หันมายิ้มให้ผม แล้วพวกเราก็ทำงานกันต่อ จนเสร็จในช่วงเวลาเที่ยงพอดี
.....................................................................................
..........................................
“ก็หมู่นี้ ศิลปี ทำตัวแปลกๆมาตั้งแต่อตอนต้นปีแล้วนะ” วัฒน์ เริ่มพูดขึ้นหลังจากที่เรากินข้าวกลางวันเรียบร้อยแล้ว “วันๆหายตัวไปไหนไม่รู้ เทอมก่อนก็ด้วย”
“เรา ...” ผมอ้ำอึ้ง จะให้บอกได้ยังไงว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง
“ถ้าเรื่อง นึก นายไม่ต้องห่วงอะไรหรอก พวกเราเข้าใจ” หมู พูดขึ้นมาบ้าง
“ขอบใจนะ” ผมพูดด้วยความดีใจที่เพื่อนเข้าใจผม “แต่มันมีอะไรมากกว่านั้น เรา...” ผมไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรดี
“ลำบากใจก็ยังไม่ต้องเล่าก็ได้” วัฒน์ บอก “เรื่องเก่าๆเอาไว้ก่อน แต่ตอนนี้ พวกนั้นน่ะกำลังงอน”
“เรื่องอะไรอะ” ผมถามพลางขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
“เรื่องที่นายไปเล่นดนตรีให้พวกห้อง ๒ นั่นแหละ” หมู ขยายความ “ก็พวกเราตั้งใจจะให้นายกับ นึก ดูแลบอร์ดเดียวกันวันนึง แล้วอีกวันให้นายกับ ปอ ดูแลบอร์ดด้วยกัน”
“อะไรนะ” ผมตกใจ “ทำไมทำอย่างนั้นอะ”
“ก็ตั้งแต่เทอมที่แล้ว เราไม่ค่อยเห็น ศิลปี คุยกับสองคนนี้เหมือนก่อนเลย กับ นึก น่ะ พอรู้หล่ะว่าเป็นเพราะอะไร แต่กับ ปอ นี่สิ พวกเรายังสงสัยอยู่” วัฒน์ พูดยาว “ปอ นี่เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ ม.๑ ไม่ใช่เหรอ”
“หรือ ปอ ทำอะไรให้นายโกรธอีกเหรอไง” หมูตั้งข้อสงสัย
“เปล่า” ผมตอบอย่างไม่ค่อยเต็มเสียงนัก “เราไม่เคยโกรธ ปอ เลยนะ แต่ ปอ คงไม่ค่อยชอบเราเท่าไหร่”
“ใครบอก” หมู หยุดพูดเหมือนกับว่าคิดอะไรได้  “แต่เราว่าอาจจะใช่นะ ปออาจจะไม่ชอบนายจริงๆก็ได้” พูดจบหมูก็หัวเราะไม่หยุด
“ไม่เอา หมู เรื่องแบบนี้ให้เค้าคุยกันเอง พวกเรามันคนนอก” วัฒน์ หันไปพูดเสียงดุๆ ผมฟังแล้วก็รู้สึกสงสัย ในคำพูดแปลกๆของทั้งสองคน
“เราว่าไม่ใช่แบบนั้นหรอก คนเราถ้าไม่รู้สึกดีๆต่อกัน คงไม่ดูแลกันขนาดนี้” วัฒน์ หันกลับมาพูดกับผม “อย่างตอน ม.๔ ที่เค้าเผลอชก ศิลปี นั่นน่ะ ปอ เค้าเป็นห่วงมากเลยรู้มั๊ย”
“อื้อ เรารู้ แต่เรามาคิดดู ถ้าเราเผลอไปชกใครเข้าจนเค้าสลบ เราก็คงเป็นห่วงแบบนั้นเหมือนกัน”
“เฮ้อ...” วัฒน์ ถอนหายใจ “โตขึ้นแต่ตัวจริงๆเลย” วัฒน์ พูดเบาๆเหมือนบ่น  แล้วหันมายิ้มให้ผม อย่างผู้ใหญ่เอ็นดูเด็ก
“เอาเป็นว่าพวกเราอยากให้พวกนาย ๓ คนกลับมาคุยเล่นกันเหมือนเดิม” หมู พูด “แต่พอนายไปรับปากเรื่องเล่นดนตรี มันก็เลยผิดแผนไง พวกนั้นก็เลยงอน”
“โหย ใครคิดแผนนี้เนี่ย” ผมอุทาน “คิดได้เก่งมากนะ”
“ทำไมเหรอ” วัฒน์ กับ หมู ถามขึ้นพร้อมกัน
“เริ่มคิดกันตอนเราไม่สบาย กว่าจะได้ทำเข้ามาเทอม ๒ แล้ว นี่ถ้าเราป่วยตายไปก่อนจะเป็นยังไงเนี่ย” ผมขมวดคิ้ว “คนคิดนี่ไม่ได้เรื่องเลย”
“ฮ่าๆๆ” หมู หัวเราะใหญ่ ตรงข้ามกับ วัฒน์ ที่หน้าจ๋อยลงไป
“หง่ะ อย่าบอกนะว่า วัฒน์ เป็นคนคิด” ผม พูดพลางยื่นหน้าไปใกล้ๆหน้า วัฒน์
“อื้อ เราคิดเอง” วัฒน์ หน้าแดง
“มิน่า ดูสุภาพบุรุษจัง” พูดจบผมก็หัวเราะซะตัวงอ “เรื่องง่ายๆ คิดซะซับซ้อนเชียว”
“อ้าว แล้วทำไงถึงจะง่ายล่ะ” หมู ถาม
“โธ่ ง่ายจะตายเรื่องแค่เนี๊ย ก็แค่....” ผมชะงักคำพูด เพราะนึกถึงอะไรขึ้นมาได้ “ไม่เอา ไม่บอกดีก่า ให้ไปคิดกันเองเป็นการบ้าน”
.....................................................................................
..........................................
แล้วงานสัปดาห์วิชาการก็มาถึง  ช่วง ๓ วันระหว่างจัดงาน ก็จะมีการแสดงต่างๆ สลับกันระหว่างเวทีให้ห้องประชุม และเวทีกลางแจ้ง วงดนตรีของพวกผม แสดงในวันที่ ๒ ของงานในช่วงเวลาก่อนเที่ยง บนเวทีในห้องประชุม และในช่วงบ่ายของทุกวัน จะมีการแสดงละครเวทีเรื่อง จุฬาตรีคูณ ของครูจันทร์
การแสดงดนตรีผ่านไปด้วยดี พวก วัฒน์ พากันมายืนเชียร์อยู่ข้างหน้าเวที พี่ราญ ฝากดอกกุหลาบขาวช่อเล็กน่ารักมากับ ชัย เพราะติดเรียนพิเศษ ไม่สามารถมาดูผมแสดงดนตรีได้ แต่เพียงแค่นี้ ก็ทำให้ผมมีกำลังใจขึ้นเยอะแล้ว
หลังจากที่กินข้าวกลางวันกับ ชัย ผมก็ขอตัวไปดูละครที่ห้องประชุม ซึ่งผมตั้งใจไว้แล้วว่าจะต้องดูให้ได้ ถึงแม้จะได้ดูจากตอนซ้อมมาแล้วหลายครั้งก็ตาม แต่มันก็คงจะเทียบไม่ได้เลยกับวันที่ต้องแสดงจริง ขณะที่ผมกำลังเดินไปที่โต๊ะขายบัตร ตุ่ม ก็เข้ามาเรียกผมไว้
“ตั้ม อยู่นี่เองเหรอ หาตั้งนาน” ตุ่ม เรียกผมไว้
“มีไรเหรอ” ผมถามพลางมองหน้าที่มีเม็ดเหงื่อกระจายอยู่บนหน้าผากของ ตุ่ม
“ครูจันทร์ อยากพบด่วนเลย ไปเร็ว ที่หลังเวที” ตุ่มบอกด้วยความรวดเร็ว
“เราซื้อตั๋วแป๊บนึง เดี๋ยวที่ดีๆหมด” ผมทำท่าจะเดินไปซื้อตั๋วละคร
“ไม่ต้องซื้อ ไปหาครูกันก่อน” ตุ่ม พูดแล้วดันหลังผมให้รีบไป
ผมก็เลยต้องรีบวิ่งไปที่ด้านหลังห้องประชุม ที่มีประตูทางเข้าไปหลังเวที
“ศิลปี มาช่วยครูหน่อย” ครูจันทร์ พูดอย่างดีใจที่ได้เห็นผม
“ค๊าบ มีอะไรเหรอคับครู” ผมถามอย่างสงสัย
“พอดีนักร้องชายเค้าทำท่าจะไม่สบาย ก็เลยอยากให้ศิลปีช่วยเค้าหน่อย” ครูจันทร์ มองผมอย่างมีความหวัง
ละครคราวนี้ ครูจันทร์ต้องใช้เสียงร้องจากนักร้อง ช่วยในการแสดง เพราะตัวแสดงนำหลายตัว ไม่สามารถร้องเพลงในระดับเสียงที่ถูกต้องได้ นักร้องชาย เป็นนักเรียนในวงดุริยางค์ของโรงเรียน ส่วนนักร้องหญิง เป็นญาติกับครูจันทร์
“ง่า จะได้เหรอค๊าบ ผมไม่ค่อยได้ซ้อมกับวงเลย” ผมลังเล
“ครูว่าทำได้อยู่แล้วหล่ะ ตอนซ้อม เธอก็มาช่วยร้องให้ครูบ่อยๆนี่นา” ครูจันทร์ ยิ้มนิดหนึ่ง “ถ้าเป็นเธอ ครูก็วางใจมากกว่าคนอื่น” ครูจันทร์ พูดเสียงอ่อนโยน
“ได้ครับ” ผมตอบรับ
แล้วบ่ายวันนั้น ผมก็เข้าไปนั่งร่วมกับนักร้องทั้ง ๒ ทางด้านข้างของหน้าเวที รับหน้าที่ร้องเพลงต่อจากนักร้องหลัก ที่ร้องไปได้เพียงเพลงเดียวก็มีอาการเจ็บคอ และรับหน้าที่ต่อไปในวันที่ ๓ ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการจัดงานสัปดาห์วิชาการ

หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๖๕/๑๔ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 14-05-2008 14:01:21
๖๕ คุ๊กกี้ถุงใหญ่

“ศิลปี ขอบใจมากที่ช่วยงานครู นี่ครูให้นะ”
ครูจันทร์ ยื่นถุงคุ๊กกี้ถุงใหญ่ให้ผม หลังจากหมดชั่วโมงที่ครูสอน ผมไหว้ขอบคุณก่อนที่จะรับมา กะดูด้วยน้ำหนักของมัน คงจะประมาณ ๒ กิโลกรัมได้ ผมอมยิ้มเพราะคิดถึงเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้
“ยิ้มใหญ่เลยนะ ได้ขนมมาถุงเบ้อเริ่ม” ญัฐ แซว
“กินด้วย” นัส ที่นั่งข้างหลัง ยื่นหน้ามาพูด
“เดี๋ยวไว้พักก่อนสิ กินข้าวเสร็จแล้วค่อยมาแบ่งกัน ตอนนี้ใครอย่ามายุ่งของเรานะ เราโกรธจริงๆด้วย” ผม พูดยิ้มๆ
“ทำไมยุ่งไม่ได้วะ จะเก็บไว้แบ่งใครเหรอไง” โอ ตะโกนถามมาจากด้านหน้า
ผม ไม่ตอบหันไปแลบลิ้นใส่ โอ แล้วเก็บถุงคุ๊กกี้ไว้ในเก๊ะ
“เดี๋ยวกลางวันเรามาทานด้วยกันนะ แล้วใครอย่าแอบมาหยิบกินก่อนล่ะ” ผมสำทับ
...................................................................................
....................................
“ศิลปี ทำไมต้องถือลงมาด้วยล่ะ” วัฒน์ ถามพลางมองถุงคุ๊กกี้ข้างตัวผม
“เดี๋ยวหาย” ผมตอบสั้นๆพลางตักข้าวราดแกงกะหรี่ของโปรดเข้าปาก
“จะหายได้ไง แค่คุ๊กกี้จะมีใครเอา” หมู หันมาถาม
“ไม่แน่อะ ของเราเคยหายนี่นา เราก็กลัวสิ” ผมตอบหลังจากที่เคี้ยวข้าวหมดคำ แล้วก็ตักคำใหม่เข้าปาก
“อ้าว เหรอ ทำไมไม่เคยได้ยิน ศิลปี พูดถึงเลย อะไรหายเหรอ” วัฒน์ หันหน้ามาถามผมด้วยความสงสัย เพราะตั้งแต่เรียนมายังไม่มีของคนในห้องถูกขโมยเลยสักครั้ง
“ก็แค่ดอกไม้ดอกเดียวน่ะ ช่างมันเหอะ ไร้สาระ” ผมตอบพลางกินข้าวต่ออย่างไม่สนใจอะไรนัก
โอ ได้ยินก็หันหน้าไปมองหน้า นึก พลางอมยิ้ม ... นี่ไงไอ้หัวโขมย หนอย ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ...

พอกินข้าวเสร็จ ผมก็ไปขอถุงพลาสติกกับหนังยาง มาจากร้านค้าที่ผมคุ้นเคย แล้วผมก็แบ่งคุ๊กกี้ประมาณ ๑ ใน ๔ ใส่ถุงที่ผมขอมา แล้วรัดหนังยางให้เรียบร้อย  แล้วผมก็เดินกลับไปที่ห้อง
“ไหน ไอ้ตั้ม เอาขนมมากินหน่อยเร็ว” โอ เรียก
“อะไร จะกินกันแล้วเหรอ ไม่กินตอนพักย่อยล่ะ” ผมทำท่าจะไม่ยอม
“เอามาซะดีๆ อย่ากินคนเดียว เดี๋ยวปวดท้องนะ” โย่ง พูดแล้วหัวเราะ
ผมก็ยื่นถุงคุ๊กกี้ถุงใหญ่ให้เพื่อนๆไป โอ รับไปแกะหนังยางที่รัดปากถุงออก แล้วต่างคนก็ต่างหยิบคุ๊กกี้ออกมากินกันคนละชิ้นสองชิ้น โอถือถุงคุ๊กกี้เดินวนไปรอบห้อง แล้วทุกคนที่อยู่ในห้อง ก็ได้กินกันอย่างทั่วถึง
“อ๊ะ ที่เหลือเก็บไว้ก่อน เดี๋ยวพักย่อยค่อยกินต่อ” โอ ยื่นถุงคุ๊กกี้ ที่เหลืออยู่อีกเกือบครึ่งถุงให้ผม “แล้วถุงนั้นเก็บไว้ให้ใครวะ”
ผมยิ้มไม่ตอบ รับถุงคุ๊กกี้มาจาก โอ แล้วเดินกลับไปที่โต๊ะของผม

“กูว่าของมึงแน่เลย เตรียมรับของฝากก่อนกลับบ้านด้วยนะเว๊ย” โอ หันไปพูดกับ นึก ซึ่งพอได้ฟังแล้วก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย พลางมองตามหลังตั้มที่เดินกลับไปที่โต๊ะ
...................................................................................
....................................
กว่าคนที่ผมรอจะกลับมาที่ห้อง เสียงออดบอกเวลาเรียนในคาบบ่ายก็ดังขึ้นพอดี
... เดี๋ยวพักย่อยค่อยเอาไปให้แล้วกัน ... ผมคิดแล้วยิ้มให้ถุงคุ๊กกี้ถุงเล็กในมืออย่างอารมณ์ดี พลางคิดถึงเรื่องราวบางอย่างเมื่อตอนที่เรียนอยู่ชั้น ม.๔
... หารสองนะเว๊ย แบ่งกูครึ่งนึง... ผมนึกถึงใบหน้าของเขาในตอนนั้น แล้วต้องยิ้มออกมาอย่างอบอุ่นใจ

หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๖๕/๑๔ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: kongkilmania ที่ 14-05-2008 15:04:52
 :m32:  ย่องมาขโมยคุ้กกี้อ่า...
 :L2:
 :L2:
ยังร๊ากกกกน้องตั้มเหมือนเดิม  ขอ  :กอด1: แน่นๆที

ว่าแต่ ยังไม่ได้เคลียร์กันเลยนะ ทั้งนึกทั้งปอ    o12
ใจเย็นกันจิ๊ง   :m16:
นึกก็ปากอย่างใจอย่าง
ปอก็ชักช้าไม่ทันใจ   :seng2ped:

มานน่าให้ตั้มโดน มคปด ซะจริงๆ เราจะ    :laugh: ให้สะใจเรยยย

หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๖๕/๑๔ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: RN ที่ 14-05-2008 15:54:58
เข้ามารอคุ้กกี้ๆๆ

อยากกินๆๆ

แบ่งบ้างดิ  ... :oni2: :oni2:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๖๕/๑๔ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: salapaw ที่ 14-05-2008 16:39:17
 ขอถามไรหน่อยนะคะ    มันเหลืออีกเยอะไหมอ่า  กลัวคิดไรไว้จะไม่ใช่ 55 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๖๕/๑๔ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: GTo_CluB ที่ 14-05-2008 19:19:27
อยากกินคุกกี้ด้วยจัง   :o8: :o8: :o8:

มาต่อให้ยาวมาก ขอบคุณงับ +1ให้แระนะ
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๖๕/๑๔ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 14-05-2008 19:42:48
:m32:  ย่องมาขโมยคุ้กกี้อ่า...
 :L2:
 :L2:
ยังร๊ากกกกน้องตั้มเหมือนเดิม  ขอ  :กอด1: แน่นๆที

ว่าแต่ ยังไม่ได้เคลียร์กันเลยนะ ทั้งนึกทั้งปอ    o12
ใจเย็นกันจิ๊ง   :m16:
นึกก็ปากอย่างใจอย่าง
ปอก็ชักช้าไม่ทันใจ   :seng2ped:

มานน่าให้ตั้มโดน มคปด ซะจริงๆ เราจะ    :laugh: ให้สะใจเรยยย

เรื่อง มคปด นี่ เกือบไปเหมือนกันครับ แต่เรื่องราวตอนนั้นคงไม่เขียนถึง แค่นี้ตัวละครก็เยอะจนบางคนเวียนหัวแล้ว  o6

ขอถามไรหน่อยนะคะ    มันเหลืออีกเยอะไหมอ่า  กลัวคิดไรไว้จะไม่ใช่ 55 :เฮ้อ:
ถ้าในเรื่อง ยังมีเหลือไงครับ ส่วนถุงเล็กอีกถุง ตั้ม ไม่ให้ใครแตะหรอก  :laugh3:

เข้ามารอคุ้กกี้ๆๆ

อยากกินๆๆ

แบ่งบ้างดิ  ... :oni2: :oni2:
อยากกินคุกกี้ด้วยจัง   :o8: :o8: :o8:

มาต่อให้ยาวมาก ขอบคุณงับ +1ให้แระนะ
ถ้าอยากกิน หยิบจากถุงใหญ่นะค๊าบบบ  :haun5:
ถุงเล็กใครอย่าแตะเชียว เป็นเรื่องแน่ เดี๋ยว ตั้ม มีอาละวาด  o17
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๖๖/๑๔ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 14-05-2008 20:34:21
๖๖ บอกรัก

เมื่อถึงเวลาพักย่อย ตั้ม ก็หยิบถุงคุ๊กกี้ใบเล็กออกมาจากเก๊ะ เดินออกมาจากโต๊ะเพื่อเอาไปให้คนที่ ตั้ม ตั้งใจไว้
“มาแล้วเว๊ย ไอ้นึก มึงเตรียมรับของได้เลย” โอ หันไปพูดกับนึก เมือเห็น ตั้ม ลุกขึ้นจากเก้าอี้
แต่ ตั้ม ไม่ได้เดินมาหา นึก อย่างที่คิด
ตั้ม เดินอ้อมไปทางหลังห้อง ไปยังโต๊ะของคนคนหนึ่ง

“ปอ อ๊ะ” ตั้ม ยื่นถุงคุ๊กกี้ให้ผม
“อะไรวะ” ผม มอง ตั้ม อย่าง งงๆ
“เราไปช่วยละครของ ครูจันทร์ มา ครูเลยให้คุ๊กกี้มาถุงนึง” ตั้ม พูดยิ้มๆ
“เห็นแล้ว แล้วนี่เอามาให้กูทำไม” ผมถามอย่างสงสัย
“ก็เราเคยแบ่งของรางวัลกันนี่นา เราเลยแบ่งมาให้เหมือนเคยไง” ตั้ม ยิ้มพลางยื่นถุงคุ๊กกี้ให้ผมอีกครั้ง แต่ผมก็ไม่ได้รับเพราะกำลัง งง กับการกระทำของ ตั้ม ... มันยังจำได้อีกเหรอวะ กูยังลืมไปแล้วเลย ... ผมคิดในใจพลางมองหน้า ตั้ม นิ่ง ตั้ม ยิ้มให้ผมด้วยแววตาเป็นประกาย ผมรู้สึกถึงความรัก ความห่วงใย ความคิดถึง ที่ทอประกายออกมาจากดวงตานั้น ... หรือผมกำลังคิดเข้าข้างตัวเอง
“มึงไม่เอา กูเอาเองนะ” ปุง ที่นั่งข้างๆผมยื่นหน้าเข้ามา พลางทำท่าจะหยิบถุงคุ๊กกี้จากมือ ตั้ม
“ของกู มึงอย่ายุ่ง” ผมปัดมือ ปุง ออกไป พลางยื่นมือไปรับถุงคุ๊กกี้มา
“ไม่ได้แบ่งครึ่ง เพราะเราอยากแบ่งเพื่อนคนอื่นๆด้วย ปอไม่ว่าอะไรนะ” ตั้ม พูดเบาๆ พลางหัวเราะน้อยๆ
“แค่แบ่งมาให้แค่นี้ กูก็ดีใจแล้ว” ผมตอบแล้วยิ้มให้ ตั้ม มันยิ้มตอบ ตั้ม ไม่ได้ยิ้มแบบนี้ให้ผมมานานแล้ว ทั้งอ่อนโยน ทั้งเป็นมิตร ยิ้มที่ระบายอยู่ทั้งหน้า ทั้งตา ทั้งปาก ของมัน ทำเอาผมตะลึงอึกครั้ง แล้ว ตั้ม ก็เดินกลับไปที่โต๊ะ ผมมองตาม ก็เห็นมันหยิบถุงคุ๊กกี้ใบใหญ่ออกมา เดินส่งให้เพื่อนๆได้แบ่งกันอย่างทั่วถึง
“มึงจะค้างอยู่แบบนี้อีกนานมั๊ยวะ”เสียง ปุง ถามขึ้น ผมตื่นจากภวังค์ หันหน้าไปมองมัน
“เอามาแบ่งกูมั่ง” ปุง พูดพลางเอื้อมมือทำท่าจะหยิบถุงคุ๊กกี้
“นี่ของกู มึงอย่ายุ่ง” ผมพูดพลางปัดมือ ปุง อีกครั้ง
“ฮ่าๆๆ เดี๋ยวกูไปกินตรงโน้นก็ได้วะ ว่าแต่มึงเหอะ อย่าเก็บไว้ปลื้มจนลืมกินล่ะ เดี๋ยวบูดหมด” พูดจบ ปุง ก็ลุกเดินไปรวมกลุ่มกับเพื่อนๆที่กำลังแบ่งคุ๊กกี้กินกันอย่างเอร็ดอร่อย

ผมได้แต่นั่งมองถุงคุ๊กกี้ในมือด้วยความปลื้มใจ ผมดีใจที่ ตั้ม  แบ่งคุ๊กกี้ไว้ให้ผม แต่ผมดีใจมากกว่า ที่ ตั้ม มาพูดกับผมหลังจากที่ไม่ได้พูดกันเลยมาจนถึงภาคเรียนที่ ๒ ... ที่สำคัญ รอยยิ้มที่มีให้ผม ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

ผมมอง ตั้ม ที่ยิ้มแย้มอยู่กลางกลุ่มเพื่อน ผมลุกจากเก้าอี้เดินเข้าไปหา พอไปถึงตัว ผมมองหน้า ตั้ม นิ่ง
“อะไรเหรอ ปอ” มันยิ้มกว้างให้ผม “โอ๊ย อะไรอะ” เสียงอุทานอย่างตกใจ เมื่อผมรวบตัวมันเข้ามากอดแรงๆ ไม่สนใจกับเสียงหัวเราะของเพื่อนๆ
“ปอ เราอึดอัดอะ” ตั้ม พูดเบาๆพลางดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมกอดของผม
“ตั้ม กูรักมึงฉิบหายเลย” ผมกระซิบเบาๆที่หู ตั้ม
“ปอ ว่าไรนะ เราหายใจไม่ออกแล้วอะ” ตั้มไม่ได้ยินที่ผมพูดเพราะกำลังอึดอัดกับแรงกอดของผม
ผมเริ่มรู้สึกตัว จึงคลายวงแขนปล่อย ตั้ม ออกจากอ้อมกอด
“ปอ อะ เล่นอะไรก็ไม่รู้” ตั้ม พูดพลางย่นจมูก “แล้วเมื่อกี้พูดอะไรอะ ฟังไม่ถนัด”
“อารายวะ ไม่ได้ฟังเหรอ” ผมถามอย่างอารมณ์เสีย
“จะฟังได้ไงอะ นายรัดเราซะแน่น แค่หายใจก็จาแย่แล้ว” มันยังเถียง “ไหนพูดใหม่ดิ๊ คราวนี้จะตั้งใจฟังแล้ว” มันทำยืนนิ่งทำท่าตั้งใจฟังว่าผมจะพูดอะไร
... ทำไมบรรยากาศมันแปลกๆวะ... ผมเอะใจ ลองมองไปรอบๆ เห็นทุกคนพากันเงียบ มองมาที่พวกเรา
“ไม่เอาแล้วเว๊ย ไอ้ลูกหมานี่ทำเสียเรื่องจริงๆเลย” ผมพาล ... จะให้พูดต่อหน้าพวกนี้ได้ไงเล่า เขินเว๊ย...
“อ้าว อารายอะ เรายังไม่ได้ทำอะไรเลย” มันยังทำหน้าไม่รู้เรื่อง หน้าตามันแบบนี้น่ารักชะมัด
“อยากฟังก็มาให้กูกอดอีกทีสิ” ผมพูดพลางเดินเข้าไปหา ตั้ม
“ม่ายอาววว แบบนั้นไม่เรียกกอดแล้ว เค้าเรียกรัด หายใจแทบไม่ออก” แล้ว ตั้ม มันก็เดินหนีผมไปหลบหลังเพื่อนๆ ผมเดินตามไป
คนนึงเดินหนี คนนึงเดินไล่ ทำเอาเพื่อนๆในห้องพากันหัวเราะด้วยความขบขัน
............................................................................
..................................
“เอ้านี่ ซื้อมาฝาก” โอ ยื่นหนังสือเล่มหนึ่งให้ตั้ม
“อะไรอะ” ตั้มรับมาดู ปรากฏว่าเป็นคู่มือสอบเข้าวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง พร้อมกับใบสมัครสอบ เป็นวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงในเรื่องการเรียนการสอนที่เป็นภาษาอังกฤษล้วน
“*** บาทจ่ายด้วย” โอ พูดพลางแบมือ
“ไหนว่าซื้อมาฝากไง” ตั้ม ตอบกวนๆ “พรุ่งนี้แล้วกัน วันนี้ตังส์ไม่พอ” ตั้ม ตอบพลางพลิกหน้าหนังสือออกอ่าน
“พรุ่งนี้ก็เขียนใบสมัครมาเลย ติดรูปมาด้วยล่ะ” โอ กำชับ ตั้ม ก็รับปากไป

วันรุ่งขึ้น ตั้ม ก็เอาเงินค่าหนังสือคู่มือ พร้อมกับใบสมัครมาให้ โอ แล้วก็เหลือบไปเห็นข้อความบางอย่าง ในใบสมัครของคนอื่นๆ
“อ้าว ทำไมเป็นงั้นอะ” ตั้มโวยวาย
“อะไรวะ” โอ ถาม
“ก็สถานที่สอบอะ ทำไมไปสอบที่โน่นกันหมด” ตั้ม หมายถึงที่วิทยาลัยแห่งนั้น “แล้วทำไมเราไปสอบที่โรงเรียนนั้นคนเดียว” ตั้ม หมายถึงโรงเรียนในเครือของวิทยาลัยนั้น
“อย่าเรื่องมากน่ะเอ็ง ซื้อมาให้แล้วก็ไปสอบซะ” โอ ทำเสียงดุ

แล้วพอถึงวันสอบ ตั้ม ก็ไปสอบตามกำหนด ที่โรงเรียนแห่งนั้นเพียงคนเดียว
............................................................................
..................................
“เอ็งเลือกคณะพวกนี้จริงๆเหรอวะ” ผมถาม ตั้ม ขณะที่มันกำลังแปะเลขรหัสคณะ ลงในใบสมัครสอบคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัย
“อื้อ ปอล่ะ” ตั้ม ถามกลับ
“กูยังคิดไม่ตกเลยหว่ะ” ผมพูดเสียงเสียงอ่อยๆ
“ทำไมล่ะ” ตั้ม หยุดมือจากสิ่งที่ทำ หันหน้ามาทางผม  “พรุ่งนี้ต้องส่งแล้วนะ”
“คือว่า กูน่ะ” ผมอ้ำอึ้ง ตั้ม มองผมด้วยสีหน้าแสดงความเป็นห่วง “กู...” ผมยังอ้ำอึ้งอยู่
“ทำไมอะ ปอ มีปัญหาอะไรเหรอ” ตั้ม ถามผมด้วยน้ำเสียงห่วงใย
“กูอยากสอบเข้าที่เดียวกับคนที่กูชอบหว่ะ” ผมหยุดดูสีหน้า ตั้ม  ...ไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอวะ...
“แล้วไงอะ” ... โห ดูมันถาม...
“แต่มหาวิทยาลัยที่คนนั้นเลือก คะแนนมันสูงเกินกำลังกู” ผมพูดต่อย่างเซ็งๆ ตั้ม มันคงคิดว่าผมกำลังเซ็งกับเรื่องเลือกคณะ แต่จริงๆแล้ว ผมรู้สึกเซ็งเมื่อเห็นว่ามันไม่ตื่นเต้น หรืออยากจะรู้เลยว่าคนที่ผมชอบเป็นใคร
“เป็นเอ็งจะทำยังไงวะ” ผมลองถามมันดู
“ถ้าเราเป็นนายเหรอ” มันทำท่าคิด
“ไม่ใช่เว๊ย ถ้าเอ็งเป็นคนที่กูชอบ เอ็งจะคิดยังไง” ผมพูดพลางจ้องหน้ามันนิ่ง ...กูจะบ้าตาย ขนาดนี้มันยังไม่เอะใจ ...
“อืม...ถ้าเป็นเราเหรอ” ตั้ม ก้มหน้าคิดสักพักก็เงยหน้าขึ้นมา “ถ้าเป็นเรานะ เราก็คงอยากให้คนที่เราชอบ สอบเข้าที่เดียวกับเราน่ะแหละ” ผมฟังแล้วใจแป้ว “แต่ว่า...”
“แต่อะไรวะ” ผมรีบถาม
“ถ้าเค้าไม่ไหว ก็อย่าลำบากเลย เค้าควรเลือกมหาวิทยาลัยที่เค้ามั่นใจมากกว่า” มันยิ้ม
“แล้วเอ็งไม่เสียใจเหรอว่ะ ที่ไม่ได้เรียนด้วยกันน่ะ” ผมถามด้วยความสงสัย
“ก็คงนิดหน่อยนะ เรียนคนละที่ แต่ยังไงคงหาเวลามาเจอกันได้ ดูอย่างเพื่อนในวงเราสิ อยู่ต่างจังหวัดกันตั้งหลายคน วันเสาร์อาทิตย์ ยังหาเวลามาเจอกันเลย” ตั้ม พูดอธิบายเหมือนเป็นเรื่องง่ายๆ
“มันไม่เหมือนกันนะเว๊ย” ผมแย้ง
“เราว่ามันคงคล้ายๆกันอะ” มันยังคงยืนยันความคิดเดิม “อีกอย่างนะ ปอ เราคงเสียใจมากกว่านั้น ถ้าเรากลายเป็นสาเหตุทำให้เค้าสอบไม่ได้เพราะมาเลือกตามเรา แทนที่จะเลือกตามกำลังของเค้า  เราว่าถ้าคนนั้นเค้าชอบ ปอ จริงๆ เค้าคงคิดแบบนี้แหละ” มันพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
... ใครมันจะไปเหมือนเอ็งล่ะ ห่วงแต่คนอื่นมากกว่าจะห่วงตัวเอง แบบนี้แหละกูถึงรักเอ็งนัก ไอ้ลูกหมาน้อยของกู ขอกอดหน่อยเถอะวะ ... คิดแล้วผมก็รวบตัวมันมากอดแน่น
“โอ๊ย ปอ เอาอีกแล้ว เราอึดอัด” ตั้ม โวยวาย พลางดิ้นไปดิ้นมาอยู่ในอ้อมกอด
“นิ่งๆน่า อีกหน่อยก็ไม่ค่อยได้เจอกันแล้ว ขอกูกอดให้ชื่นใจหน่อยเถอะวะ”  พอผมพูดจบ ก็รู้สึกว่าร่างที่กำลังดิ้นขลุกขลักอยู่นั้นนิ่งลงไปอย่างกระทันหัน
“อื้อ แต่ ปอ อย่ากอดแน่นนักสิ เราหายใจไม่ค่อยออก” เสียงเบาๆบอกมา
ผมจึงคลายวงแขนออกเล็กน้อย พลางค่อยๆซึมซับความรู้สึกเอาไว้ในใจ

“ไอ้ลูกหมา ไม่ว่ามึงจะอยู่ที่ไหนกูจะตามไปหามึงนะ” ผมพูดเบาๆ
“อื้อ เราจะรอ ปอ ต้องหาเราให้เจอนะ อย่าให้เรารอเก้อล่ะ” ตั้ม ตอบกลั้วหัวเราะกลับมา
“กูไม่ได้พูดเล่นนะ ไม่ว่ามึงไปอยู่ไหน กูจะตามไปจริงๆ” ผมย้ำ
“อื้อ” แล้ว ตั้ม ก็ซบหน้าลงบนไหล่ผม ผมอดไม่ได้ที่จะเอามือไปลูบหัว ตั้ม เบาๆ
“ป๊ะป๋า” เสียง ตั้ม พึมพำอะไรเบาๆ แต่ผมฟังไม่ถนัด
ผมมีความสุขจนลืมโลกแห่งความเป็นจริงไปชั่วครู่

ลืมแม้กระทั่งจะใช้โอกาสนี้บอกความในใจของผมอีกครั้งหนึ่ง

หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๖๖/๑๔ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: nana ที่ 14-05-2008 21:09:41
 :m15:ปออ่ะยังช้าเหมือนเดิม :m15:


 :L2: :L1: :L2: :L1: :L2:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๖๖/๑๔ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: AidinEiEi ที่ 14-05-2008 21:24:50
ปอ ปอ ปอ บอกซะทีเซ่  รักตั้มที่ซู้ดนะ แค่เนี๊ยะ :serius2: :serius2:ไม่ล่ายลังจายเลย :sad2:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๖๖/๑๔ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 14-05-2008 21:41:54
เอ้อ คือว่า ปอ บอกแล้วครับ แต่พลาดไปหน่อย ตั้ม เลยไม่ได้ยิน  :o11:

พอมีโอกาสอีกที ดันมัวแต่เคลิ้มกับบรรยากาศจนลืม  :sad3:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๖๖/๑๔ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: RN ที่ 14-05-2008 23:40:57
ทำไม


ทำไมถึงเป็นแบบนี้

เสียดายยยยยย

ปออุตส่าห์รวบรวมความกล้าที่มี บอกไปแล้ว

ดันไม่ได้ยินซะนั่น  เฮ้ออออออออออออออออ :o12:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๖๗/๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 15-05-2008 14:52:58
๖๗ เพลงนี้เพื่อใคร

“ตั้ม วาเลนไทน์ ไปไหนวะ” โอ หันมาถามผมที่กำลังทำงานอยู่ ในช่วงพักกลางวัน
“วันไรอะ” ผมถามกลับทั้งๆที่ไม่ได้เงยหน้า
“วาเลนไทน์ไงเว๊ย” โอ เดินเข้ามาตะโกนข้างๆหูผม
“โอ๊ย ... หูระเบิดแล้ว” ผมโวยวาย พลางย่นจมูกมอง โอ “รู้แล้วอะว่า วาเลนไทน์ เราหมายความว่าตรงกับวันอะไร เสาร์หรืออาทิตย์”
“วันเสาร์ ว่าไง ไปทำอะไรที่ไหนหรือเปล่า” โอ ถามยิ้มๆ
“เสาร์เหรอ มีเล่นคอนเสริท” ผมตอบแล้วก้มหน้าทำงานต่อ
“เอาแต่เล่นดนตรี ไม่อ่านหนังสือสอบมั่งเหรอวะ” โอ ถามต่อ
“อ่านแล้ว เทอมก่อนหยุดไปเยอะ เลยอ่านล่วงหน้าไว้แล้ว” ผมตอบขณะที่ทำงานไปเรื่อยๆ
“อะไรนะ เอ็งอ่านตั้งแต่เทอมที่แล้วเหรอวะ” โอ ทำท่าตกใจ
“แปลกอะไรอะ” ผมเงยหน้าขึ้นมามอง โอ  “พวกนายก็ไปเรียนพิเศษกันตั้งแต่ปีที่แล้วไม่ใช่เหรอ น่าจะอ่านกันมากกว่าเราอีกนะ”
“แล้วคอนเสริทคราวนี้ เอ็งร้องเพลงอะไรอีกรึเปล่าวะ” โอ เปลี่ยนเรื่อง
“ยังไม่ได้ตัดสินใจเลยว่าจะร้องเพลงอะไรดี เพื่อนๆมันอยากให้ร้อง Lovin’ You อีก” ผมตอบอย่างเซ็งๆ
“ฮ่าๆๆ คราวนี้จะร้องให้ใครล่ะวะ” โอ ถามพลางยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ พลางยักคิ้วให้อย่างกวนๆ เมื่อผมเงยหน้าขี้นมา
“เราไม่รู้จะร้องให้ใคร” แววตาผมสลดลง “มันเค้วงๆยังไงไม่รู้” ... ใครจะรู้ ไม่ใช่แค่เรื่องนี้ ยังมีเรื่องที่บ้านอีก ...
“ถามจริงๆเหอะวะ มึงชอบมันตรงไหนวะ” โอ ถามพลางจ้องหน้าผม
“นายถามถึงใคร” ผมแกล้งทำไม่รู้ไม่ชี้
“เอ็งไม่ต้องทำเป็นไม่รู้เรื่อง จะว่าไปมันก็น่ารักนะ” โอ พูดพลางลูบคาง “แล้วมันก็หล่อดี” โอมองผม แล้วหัวเราะเบาๆ “สมกับที่มีฉายาร่วมกับกูว่า คู่แฝดมหัศจรรย์ ” ประโยคสุดท้าย ทำเอาผมอดไม่ได้ ที่จะต้องหัวเราะคิกคักด้วยความชอบใจ เพราะคนหนึ่งขาวอีกคนดำ คนหนึ่งสูงอีกคนเตี้ย คนหนึ่งผอมอีกคนค่อนข้างสันทัดจนเกือบอ้วน แต่มักเรียกตัวเองว่าคู่แฝด
“เอ็งก็ทำใจให้ได้แล้วกัน” เสียง โอ อ่อนโยนลง “ตอนนี้มันก็มีแฟนเป็นตัวเป็นตนแล้ว”
“อื้อ เราเข้าใจ ถึงจะยังไม่มี เราก็ต้องตัดใจอยู่ดีไม่ใช่เหรอ” ผมตอบอย่างปลงๆ
“เอ็งก็ตั้งใจกับดนตรีที่เอ็งชอบก็แล้วกัน แล้วเดี๋ยวพวกกูจะไปเชียร์” โอ พูดยิ้มๆ
“จะไปดูกันเหรอ” ผมถามด้วยความรู้สึกที่ดีขึ้น
“เออ ดิ เดี๋ยวถ้าพวกสาวๆรู้ คงตามกันไปกรี๊ดเอ็งเหมือนเดิม ว่าแล้วหมั่นไส้เอ็งหว่ะ ขอซักหน่อยเหอะวะ ” โอ พูดแล้วก็เอามือมาขยึ้หัวผมแรงๆ พลางหยิกแก้มผม แล้วก็วิ่งออกไปคุยกับเพื่อนๆ ที่จับกลุ่มกันอยู่บริเวณหน้าห้อง

ผมตัดสินใจได้แล้วว่า ผมจะร้องเพลงอะไร ในคอนเสริทวาเลนไทน์ ที่ทางสถาบันจะจัดขึ้น ซึ่งมีคอนเสปว่า ... เพลงรัก ... มันคงจะไม่ผิดอะไร ถ้าผมจะตีความหมายของเพลงนั้นในแบบที่ผมคิด แล้วตอนเย็นเมื่อโรงเรียนเลิก ผมก็นั่งรถประจำทางไปสถาบัน เพื่อปรึกษากับอาจารย์ผู้สอน หลังจากที่ผมอธิบายถึงความคิดของผม อาจารย์ก็เห็นด้วย แล้วผมก็ฝึกซ้อมอยู่กับอาจารย์ จนเพลงเข้าที่ คืนนั้นผมก็โทรศัพท์บอกเพื่อนในวงบางคนที่อยู่ต่างจังหวัด เพื่อนจะได้เตรียมตัวซ้อมก่อนจะมารวมวงกันในตอนเช้าวันเสาร์
....................................................................................
.................................
http://media.imeem.com/m/1XqglR_-bk/aus=false/
เสียงดนตรีบรรเลงจนถึงท่อนทึ่ควรจะเป็นเนื้อเพลง แต่ ตั้ม ยังคงนิ่งเงียบ ทำให้เพื่อนๆในวงเริ่มมองหน้ากัน ก่อนที่จะตกลงใจทำอะไร ตั้ม ก็ส่งสัญญาณมือบอกว่าให้เล่นกันต่อ
“ผมเชื่อว่าทุกคนที่อยู่ในที่นี้ คงมีคนที่สำคัญอยู่ในใจกันทุกคน” ตั้ม เริ่มพูดพลางมองไปรอบๆ นักดนตรีบางคนเริ่มผิวปากเป็นทำนองเพลงไปเบาๆ ขณะที่ ตั้ม พูด
“คนคนนั้นอาจจะเป็น คนรัก คนในครอบครัว หรือเป็นเพื่อนของคุณ” ตั้มพูดพลางหันไปมองยังกลุ่มเพื่อนนิ่ง
“ผมไม่รู้ว่าใครจะมีความรู้สึก หรือคิดอย่างไรกับคนที่อยู่ในใจของคุณ แต่สำหรับคนที่อยู่ในใจผม ผมคงรู้สึกไม่ต่างจากเพลงนี้นัก” ตั้ม ยิ้มกว้างให้เพื่อนๆด้านล่างเวที แล้วก็เริ่มร้องเพลงขึ้นมา

You know I can't smile without you
I can't smile without you
I can't laugh and I can't sing
I'm finding it hard to do anything
You see I feel sad when you're sad
I feel glad when you're glad
If you only knew what I'm going through
I just can't smile without you


ตั้ม ร้องเพลงพลางมองไปยังคนดูรอบๆ แววตาและรอยยิ้มรวมทั้งเสียงของ ตั้ม ดูสดใส ร่าเริง ผิดกับเสียงเพลงต้นฉบับที่มีแต่ความอ่อนหวานของชายหนุ่มที่มีให้คนรัก บางครั้ง ตั้ม ก็หันไปยิ้มกับเพื่อนๆในวง

You came along just like a song
And brightened my day
Who would have believed that you were part of a dream
Now it all seems light years away


แล้วจู่ๆ ตั้ม ก็หยุดมองไปยังคนสองคนที่เพิ่งจะเดินมาถึงบริเวณนั้นแน่วนิ่ง ดวงตาเป็นประกายมากขึ้น เหมือนกับดีใจมากที่ได้เห็นคนทั้งสอง ตั้ม ร้องเพลง พลางผายมือไปยังคนทั้งสอง และเสียงเพลงของ ตั้ม เหมือนจะยิ่งเปี่ยมไปด้วยความสดใส

And now you know I can't smile without you
I can't smile without you
I can't laugh and I can't sing
I'm finding it hard to do anything
You see I feel sad when you're sad
I feel glad when you're glad
If you only knew what I'm going through
I just can't smile

Now some people say happiness takes so very long to find
Well, I'm finding it hard leaving your love behind me

And you see I can't smile without you
I can't smile without you
I can't laugh and I can't sing
I'm finding it hard to do anything
You see I feel glad when you're glad
I feel sad when you're sad
If you only knew what I'm going through
I just can't smile without you


ท่อนสุดท้ายของเพลง ตั้ม หันหน้าไปยังเพื่อนๆ ที่อยู่ด้านล่างเวที พลางยิ้มกว้างให้ทุกคนด้วยความสดใส ตั้ม มองไปที่หน้าของเพื่อนทีละคน และไปหยุดที่ ปอ

... เพลงนี้เพื่อพวกนายนะ เพื่อนของเรา  และ ปอ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น สุดท้ายนายทำให้เรายิ้มได้เสมอ ...

....................................................................................
..................................
“ไปหามันที่หลังเวทีดีมั๊ยวะ” เด็กหนุ่มรูปร่างสูง ผมทรงรองทรงสูง หันไปถามคนข้างๆ
“รออยู่นี่แหละ เดี๋ยวจะคลาดกันเปล่าๆ” เด็กหนุ่มรูปร่างใกล้เคียงกันที่ยืนอยู่ข้างๆ ตอบ
“งั้นมาพนันกันมั๊ยวะ” เด็กหนุ่มผมทรงรองทรงสูง ถาม
“เรื่องอะไร” เด็กหนุ่มอีกคน ถาม ดวงตาที่อยู่ใต้กรอบแว่น เป็นประกาย
“พนันกันว่า มันจะออกมาแล้วเดินไปหาเพื่อนๆมันก่อน หรือเดินมาหาพวกเราก่อน” เด็กหนุ่มผมรองทรงสูง พูด “ใครแพ้มื้อนี่จ่าย”
“เอางั้นเหรอ”  ดวงตาภายใต้กรอบแว่นทอแววขำขัน “งั้นให้นายทายก่อน”
“กูว่า มันต้องมาหาพวกเราก่อน” เด็กหนุ่มผมรองทรงสูง พูดพลางยิ้มเหมือนตัวเองชนะแน่ๆ
“หึ หึ” เด็กหนุ่มอีกคนหัวเราะเบาๆ “งั้นเราก็ต้องทายว่า ตั้ม จะไปหาเพื่อนๆก่อนน่ะสิ”
“ เออ คราวนึ้มึงแพ้แน่” เด็กหนุ่มผมรองทรงสูง พูดอย่างมั่นใจ

แต่รอยยิ้มอย่างเชื่อมั่นในอะไรสักอย่าง ของเด็กหนุ่มอีกคนหนึ่ง เริ่มทำให้เขารู้สึกว่า เขาอาจจะแพ้อีกครั้งก็ได้
. ....................................................................................
.................................
ขณะพวกเรายืนอยู่ที่เดิม กำลังตกลงกันว่าจะไปไหนกันต่อดี ผมก็เหลือบไปเห็น ตั้ม วิ่งมาจากด้านเวทีแสดงคอนเสริท ซึ่งขณะนี้มีวงดนตรีวงอื่น ของสถาบัน ขึ้นไปแสดงต่อจางวงของ ตั้ม 
“ว่างายพวกเรา” ตั้ม ทักทาย พลางหันไปยิ้มให้พวกสาวๆ “ไม่เจอกันนานเลยนิ”
“เฮ๊ย ตั้ม เดี๋ยวไปด้วยกันดิ หาขนมกินกัน” ดม ชวน
“ตั้ม เพลงเมื่อกี้ร้องให้ใครเอ่ย” สาวแว่นถามยิ้มๆ ก่อนที่ ตั้ม จะตอบอะไร
“ก็ร้องให้เพื่อนๆเรานี่ไงล่ะ” ตั้ม ยิ้มกว้าง “ทุกวันนี้เรายิ้มได้ก็เพราะมีเพื่อนๆนี่แหละ”
“แหมๆ แน่ใจเหรอว่ามีแต่เพื่อนน่ะ” สาวผมหยิกถามยิ้มๆ “เมื่อไหร่จะมีแฟนล่ะ”
“สงสัยคงอีกนาน แฟนเราคงยังไม่เกิดมั๊ง” ตั้ม ตอบยิ้มๆ แต่ประกายในดวงตาเหมือนจางลง
“งั้นคนพิเศษล่ะวะ” โอ ถามบ้าง
“คนพิเศษเหรอ” ตั้ม ยิ้มกว้างดวงตาเป็นประกายอีกครั้ง “ นั่นไง”  ตั้ม หันหน้าพยักเพยิดไปทางเด็กหนุ่ม ๒ คน ที่ยืนห่างออกไปพอสมควร ทุกคนก็เลยหันไปมองตาม
เด็กหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งทั้ง ๒ คน โบกมือให้ ตั้ม คนหนึ่งไว้ผมรองทรงสูง อีกคนหนึ่งผมยาวประบ่า ใส่แว่นสายตา ผิวค่อนข้างขาวตามเชื้อสายจีนที่มีอยู่ในตัว หน้าตาจัดว่าดีทั้งคู่
“ใครอะ ตั้ม หล่อทั้งคู่เลย” สาวหนึ่งถามอย่างตื่นเต้น
“คนพิเศษไง” ตั้ม หัวเราะ “เราคงไปต่อด้วยไม่ได้แล้วหล่ะ เราขอโทษนะ” ตั้ม พูดกับเพื่อนๆ
“เออ มึงรีบไปเหอะ พวกนั้นรอนานแล้ว” ผม พูดแล้วยิ้มให้
“ปอ ไปด้วยกันสิ” ตั้ม พูดชวนผม
“ไว้วันหลังเหอะ บอกมันด้วย ว่าเราคิดถึง แล้วก็ขอบใจมันเรื่องเก่าๆด้วย” ผม บอกปฏิเสธไป
“งั้นเราไปก่อนนะ เจอกันที่โรงเรียน บายทุกคน” ตั้ม โบกมือให้พวกผม แล้ววิ่งตรงไปหาคนทั้งสอง
พอ ตั้ม ไปถึงก็กระโดดกอดเด็กหนุ่มที่ใส่แว่นตา พูดอะไรกับทั้งสองคนอยู่สักครู่ ก็หันไปกอดเด็กหนุ่มผมรองทรงสูง คุยกันอีกสักพัก ทั้งสองคนก็จูงมือ ตั้ม คนละข้าง คนใส่แว่นหันมาโบกมือให้ผม ผมก็โบกมือตอบกลับไป
“ปอ รู้จักสองคนนั้นด้วยเหรอ” สาวๆถามผม
“อื้อ พวกนี้ก็รู้จัก” ผมพยักหน้าไปทางพวก เชียร และ นึง
“ใครอะ ท่าทางสนิทกับ ตั้ม น่าดูเลย”
“พี่ชายมัน” ผมตอบยิ้มๆ
“เหรอ มิน่าถึงไม่มีแฟนซะที” สาวๆพูดพลางหัวเราะ
“นั่นดิ รักป๊ะป๋าขนาดนั้น แล้วยังมีพี่ชายเท่ห์ๆแบบนี้นะ เป็นเราก็ไม่มองใครทั้งนั้นแหละ” สาวผมหยิกหยุดพูดนิดหนึ่ง แล้วพูดต่อ “แล้วถ้าเรามีน้องแบบนี้ เราก็รักตายเหมือนกันแหละ” แล้วเธอก็หัวเราะร่วน  ท่ามกลางเสียงแสดงความเห็นด้วยของเพื่อนๆของเธอ

หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๖๗/๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: RN ที่ 15-05-2008 15:26:08
แง๊ ๆๆ

ปอทำไมไม่ตามไปด้วยอ่ะ

อิอิ

ว้า

สรุปใครจะครองใจตั้มกันเนี่ย

เฮ้อออออออออออออออออ
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๖๗/๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: AidinEiEi ที่ 15-05-2008 15:43:20
เพลงนี้เพราะมากเลยจำได้ว่าเคยฟังตอนเด็กๆนะ :o8:
เมื่อไหร่ปอจะบอกรักอีกครั้งน้า :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๖๗/๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: nana ที่ 15-05-2008 16:04:27
  :laugh: ยังคงเป็นได้แค่เพื่อนที่ดีต่อไป :laugh:


 o12 ทำไมไม่มีใครใจดีพอจะช่วยปอเลยเหรอ o12


 :L2: :c5: :L2:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๖๗/๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: salapaw ที่ 15-05-2008 17:34:04
 :m4: :m24: เม้นท์ก่อน

น้องตั้มน่ารัก น่าหยิกจัง แก้มยุ้ยๆๆ อิอิ


ว่าแต่  มีกี่ตอนคะเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๖๗/๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 15-05-2008 21:33:44
๖๘ ผลสอบคัดเลือก

พวกเรายืนคุยกันไปสักพัก ก็มองเห็น ตั้ม เดินไปยังกลุ่มเพื่อนๆ ที่ยืนอยู่ห่างจากเราสองคนไปพอสมควร
“อะไรวะ ทำไมไปหาพวกนั้นก่อน” ชัย พูดพลางขมวดคิ้ว
“เห็นมั๊ย เราชนะ” ผมพูดพลางหัวเราะเบาๆ “นายต้องเลี้ยงแล้วนะ”
“ฟลุ๊ค หรือ ของจริงวะ” ชัย หันมามองผมอย่างสงสัย
“ถ้านายยังสงสัยอยู่ งั้นมาพนันกันใหม่ก็ได้” ผมท้า
“เออ กูยอมแพ้ก็ได้วะ กี่ครั้งไม่เคยชนะซักที” ชัย บ่น “ว่าแต่ เอ็งแน่ใจได้ยังไงวะ ว่าจะเป็นแบบนี้”
“ง่ายๆ” ผม มอง ชัย ยิ้มๆ “ถ้านายกินเค๊กสตอเบอรี่ นายจะกินสตอเบอรี่ตอนไหน”
“นั่นมันความคิดเด็กเว๊ย ที่จะเก็บสตอเบอรี่ไว้กินสุดท้ายน่ะ” ชัย ทำท่าเหมือนเถียง
“คล้ายๆกันนั่นแหละ ก็ ตั้ม มันเด็ก” ผมหัวเราะ “คิดอะไรไม่ค่อยซับซ้อนหรอก เห็นแบบนั้นก็เถอะ มันโตแต่ตัว” ชัย ฟังคำตอบของผมก็เงียบไปสักครู่
“เออ หว่ะ ทำไมกูเพิ่งรู้ซึ้งวะ” ชัย พูดปลงๆ แล้วพวกเราก็หันหน้าไปมอง ตั้ม ในกลุ่มเพื่อนๆ

สักพัก ตั้ม ก็ผละจากกลุ่มเพื่อน  วิ่งมาหาพวกเรา พอมาถึงตัวก็กระโดดกอดเอวผม
“พี่ราญ” ตั้ม เรียกเสียงค่อนข้างดัง ผมใช้มือหนึ่งโอบรอบเอว ตั้ม ไว้ ส่วนอีกมือหนึ่งจับแก้มหยิบเบาๆ
“ตัวโตขนาดนี้แล้ว ยังกระโดดกอดพี่ชายอีก ไม่อายคนเหรอ” ผมถามยิ้มๆ
“ทำไมต้องอายอะ” ตั้ม ทำหน้า งงๆ “ก็คิดถึงนี่นา พี่ราญ ไม่ชอบที่ ตั้ม ทำแบบนี้เหรอ” หน้า ตั้ม สลดลง พลางคลายมือออกถอยตัวออกไป
“พี่ชายไม่ว่าอะไรหรอก แต่หมู่นี้ตัวโตขึ้น พี่ชายหนักน่ะสิ” ผมโอบตัว ตั้ม เข้ามาใกล้ๆเหมือนเดิม แล้วพวกเราก็พากันหัวเราะ
“ทักแต่ พี่ราญ นะ พี่ชัย น้อยใจแล้ว” ชัย ยื่นหน้าเข้ามา
“ก็เจอ พี่ชัย บ่อยกว่า พี่ราญ นี่นา” ตั้ม หันหน้าไปพูด
“แต่ พี่ชัย อยากให้น้องกระโดดกอดมั่งนี่” ชัย พูดยิ้มๆ
ตั้ม ได้ยินก็ผละจากผม กระโดดเข้าไปกอดคอ ชัย บ้าง
“ตั้ม หนักมั๊ยอะ พี่ชัย” ตั้ม ถามพลางหัวเราะ
“ลูกหมาอะไรวะ ตัวหนักฉิบเป๋ง” ชัย พูดพลางเอามือทั้งสองหยิกแก้ม ตั้ม เบาๆด้วยความเอ็นดู
“ตั้ม หิวมั๊ย ไปหาอะไรกินกัน” ผมถามพลางเอามือลูบหัว ตั้ม เบาๆ
“ยังไม่หิวเลยอะ” ตั้ม ตอบพลางคลายมือออกมาออกจากการกอดคอชัย
“งั้นไปกินขนมกัน เอาอะไรดี” ผม ถาม
“พี่ชัย ว่าไงอะ” ตั้ม หันไปถาม
“ตั้ม อยากกินอะไรล่ะ วันนี้ พี่ชัย เลี้ยงเอง” ชัยบอกยิ้มๆ
“ทำไมต้องเลี้ยงอะ กินด้วยกัน ก็จ่ายด้วยกันดิ” ตั้ม ท้วง
“ชัย มันแพ้พนันพี่ชาย เลยต้องเลี้ยง” ผมบอก
“พนันไรกันเหรอ” ตั้ม ทำหน้าสงสัย
“พนันอะไรกับพี่ชายก็แพ้หมดแหละ” ผมบอกจบ ตั้ม ก็หัวเราะด้วยความชอบอกชอบใจ “งั้นไปกินไอติมกันดีกว่านะ” ผมสรุปให้ เพราะถ้ามัวแต่เลือกคงอีกนาน
แล้วเราสองคนก็จูงมือ ตั้ม คนละข้าง ผมหันไปโบกมือให้ ปอ ที่ยังยืนอยู่ที่เดิม ปอก็โบกมือตอบกลับมา แล้วพวกเราก็พา ตั้ม ไปยังร้านไอติมชื่อดังในศูนย์การค้าแห่งนั้น
..........................................................................
.....................................
“ไอ้ ตั้ม” ดม เรียกผมเมื่อถึงเวลาพักเที่ยง พร้อมกับเดินมาหาผมที่โต๊ะ แล้วก็มีอีกหลายคนเดินมาล้อมผมไว้

ผมนึกอยู่แล้วว่าต้องโดนเรียกแน่ เพราะเมื่อเช้านี้ เพื่อนๆที่ไปสอบเข้าวิทยาลัยเอกชน พากันไปดูผลสอบคัดเลือก แต่ผมไม่ได้ไปด้วย เพราะต้องโดดเรียนวิชาในคาบเช้าบางวิชา อีกอย่างหนึ่ง ผลสอบจะส่งทางไปรษณีย์ด้วย เมื่อเพื่อนๆกลับมาประมาณคาบเรียนที่ ๓ ผมก็เริ่มรู้สึกถึงบรรยากาศแปลกๆ เพราะแต่ละคนมักจะหันมามองผมบ่อยๆ ด้วยสายตาต่างๆกัน

“แสบจริงนะเอ็ง เมื่อกลางเทอมก็ดันสอบเลขผ่านอยู่คนเดียว ทั้งๆที่เพื่อนๆตกกันหมดทั้งห้อง” โอ พูดยิ้มๆ
“อ้าว” ผมพูดได้แค่นั้น เพราะกำลัง งง ว่าเกิดอะไรขึ้น  มองดูเพื่อนๆแต่ละคน มีทั้งหน้าเคืองๆ บางคนก็อมยิ้ม ...ตกลงโดนโกรธ หรือโดนชื่นชมกันแน่เนี่ย -*- ...
“ร้ายนะเอ็ง สอบผ่านคนเดียวอีกแล้ว” เชียร พูดยิ้มๆ
“สอบอาราย” ผมไม่ทันนึกถึงบางเรื่อง
... โป๊กกก ... นึงเอามือมาเขกหัวผม ผมไม่กล้าร้อง ได้แต่มองหน้าเพื่อนๆด้วยความงุนงง พลางเอามือคลำหัวตัวเองที่ถูกเขก
เงียบกันไปนาน ไม่มีใครพูดอะไร ผมมองหน้าเพื่อนๆทีละคน รู้สึกเหมือนตัวเย็นๆขึ้นทุกที ... ทำไมเงียบกันแบบนี้ ...
“พอได้แล้ว พวกนายนี่ ศิลปี งง จนทำอะไรไม่ถูกแล้ว” วัฒน์ พูดทำลายความเงียบ
“ตั้ม ดีใจด้วยอะ นายสอบเข้าที่วิทยาลัย****ได้แล้วนะ” หมู บอกผมยิ้มๆ
“หา เราอะนะสอบได้ แล้วคนอื่นอะ” ผมตกใจ เพราะไม่คิดว่าจะสอบได้
“เอ็งสอบได้คนเดียวเว๊ย” โอ บอกอย่างหมั่นไส้นิดๆ
“อ้าว ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ ไม่ดีใจเหรอ” เชียร ถามเมื่อเห็นว่าผมขมวดคิ้ว เม้มปากไว้นิดหนึ่ง ไม่ได้แสดงอาการว่าดีใจเลย
“ทำไมเป็นงั้นอะ เราไม่อยากได้นี่ เราอยากให้เพื่อนๆสอบได้กันมากกว่า” ผมพูดออกไปตามที่ใจผมคิด ก็ใบสมัครที่เพื่อนบอกว่าซื้อมาฝากนั้น ความจริงเป็นใบที่ซื้อเกินมาต่างหาก
“ไอ้นี่นี่ยังไงวะ คนทำหน้าเศร้าควรเป็นพวกกูนี่ ไม่ใช่เอ็ง” ดม ดุ
“ไม่เห็นดีเลย” ผมพูดพลางก้มหน้า
“เรื่องมากจริงเอ็งนี่ ไปกินข้าวกันดีกว่า หิวแล้ว” พอ นึง พูดจบ พวกเราก็พากันไปกินข้าวกลางวันที่โรงอาหาร
แต่ผมอึดอัดมากกว่าที่จะดีใจ เพราะระหว่ากินข้าว เพื่อนบางคนก็ยังพูดถึงเรื่องนี้ไม่ยอมจบ แล้วยังพูดโยงไปถึงผลสอบกลางเทอมหลายๆวิชา ที่ผมได้คะแนนแบบที่เรียกว่า หลุดเคิฟ อีกหลายวิชา
... แต่ผมต้องทำรายงานซ่อมวิชาพละ ไม่เห็นมีใครพูดบ้างเลย ...
..........................................................................
.....................................
กินข้าวกลางวันเสร็จ ผมก็เดินไปห้อง ๖/๒ ตั้งใจจะไปบอก พี่ชัย ว่าผมผ่านการสอบคัดเลือก แต่พอผมเดินเลี้ยวจะเข้าประตูห้อง ก็ชนเข้ากับคนคนหนึ่ง ผมเอามือประคองแว่นที่เกือบหลุด รู้สึกว่ามีมือใหญ่ๆมาจับไหล่ผมไว้ คงเป็นมือของคนที่ผมชนนั่นเอง
“ขอโทษอะ” ผมรีบบอกขอโทษที่ผมเดินชน
“ซุ่มซ่ามจริงนะเอ็ง” ผมเงยหน้ามองก็เห็น สิทธิ์ มองผมยิ้มๆ
“แหะๆ” ผมได้ยิ้มแหยๆ
 “ไอ้เต่าไม่อยู่” สิทธิ คงคิดว่าผมมาหา เต่า
“มาหา พี่ชัย อะ” ผมบอกไป พลางเอะใจ เพราะมือของ สิทธิ์ ยังอยู่ที่บ่าผม
“อ๋อ มันไปเข้าห้องน้ำ เดี๋ยวมา มาหามันมีไรล่ะ” สิทธิ์ พูดพลางเอามือออก เพราะผมเริ่มมองไปที่มือบนไหล่
 “จะมาบอกผลสอบที่วิทยาลัย**** อะ  เพื่อนไปดูมาบอกว่าผ่านแล้ว” ผมบอกยิ้มๆ
“เหรอวะ เก่งนี่” สิทธิ์ ยิ้มอย่างดีใจ พลางเอามือขยี้หัวผม “แบบนี้ต้องให้รางวัลลูกหมาซะหน่อยแล้ว”
“ฮ่าๆๆ ไม่ต้องหรอก รู้นะจะให้กระดูกยางอันใหม่เราช่ายมะ” ผมพูดพลางหัวเราะ
“เอ็งคงมีไว้แทะเยอะแล้ว ให้อย่างอื่นดีกว่าหว่ะ มาทางนี้ดีกว่า” สิทธิ์ พูดพลางโอบไหล่ผมให้เดินตามไปริมหน้าต่างริมระเบียงทางเดิน

ถ้าเป็นเมื่อก่อนนี้ ผมคงหาทางปลีกตัวออกมา แต่ระยะหลังนี้ สิทธิ์ เหมือนเป็นมิตรกับผมมากขึ้น ผมจึงเดินตามไปโดยที่ไม่คิดอะไร

หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๖๗/๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 15-05-2008 21:42:38
แง๊ ๆๆ

ปอทำไมไม่ตามไปด้วยอ่ะ

อิอิ

ว้า

สรุปใครจะครองใจตั้มกันเนี่ย

เฮ้อออออออออออออออออ
ถ้าเป็นคนอื่น ปอ ตามไปแน่ครับ แต่สำหรับ ๒ คนนี้ต้องยกไว้เป็นข้อยกเว้น  :try2:

  :laugh: ยังคงเป็นได้แค่เพื่อนที่ดีต่อไป :laugh:


 o12 ทำไมไม่มีใครใจดีพอจะช่วยปอเลยเหรอ o12


 :L2: :c5: :L2:
เพื่อนๆอยากช่วยเหมือนกันครับ แต่จากนิสัย ตั้ม ทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่า อย่าดีกว่า เดี๋ยวยิ่งยุ่งกว่าเดิม  :sad4:

:m4: :m24: เม้นท์ก่อน

น้องตั้มน่ารัก น่าหยิกจัง แก้มยุ้ยๆๆ อิอิ


ว่าแต่  มีกี่ตอนคะเรื่องนี้
อีกไม่กี่สิบตอน เอ๊ยยยยยยยยย มะช่ายยยยย :freeze:
อีกไม่ถึงสิบตอนก็จบแล้วค๊าบ  o18
เกินกว่าที่ตั้งใจไว้  o6
... เบื่อกันแล้วเหรอค๊าบ  :undecided:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๖๘/๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: GTo_CluB ที่ 15-05-2008 22:04:22
จิ้มๆๆๆๆ   :m4: :m4: :m4:

ยังไม่เบื่อหรอกคับ

เป็นกำลังใจให้ต่อไปคับ

 o13 o13 o13

 :oni2: :oni2: :oni2:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๖๘/๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: meawmeaw ที่ 15-05-2008 22:27:07
มาอ่านตอนใหม่จ้า  :m13:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๖๘/๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 15-05-2008 22:33:01
มารอตั้มนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๖๘/๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: nana ที่ 16-05-2008 04:23:50
รอลุ้นต่อไป :a1:


 :L2: :L1: :L2:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๖๘/๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: RN ที่ 16-05-2008 10:50:29
อ๊ากกกกกกก

จะเกิดอะไรขึ้นป่าวววววว

ต่อด่วนๆๆ
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๖๘/๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: kongkilmania ที่ 16-05-2008 12:22:10
 :o ไรนะ  ใกล้จบแล้วเหรอเนี่ย 
 :serius2:
น้องตั้มยืดเรื่องหน่อยน้า... :m13:
แบบละครช่องหลายสีไง   :m23:
ก็เค้า   :m1:  น้องตั้มอ่ะ    :o8:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๖๙/๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 16-05-2008 13:12:25
๖๙ เลี้ยงอำลา

“หลับตาก่อน เดี๋ยวจะหยิบรางวัลให้” สิทธิ์ พูดจบ  ผมก็หลับตา โดยที่มือของสิทธิ์ทั้งสองข้างยังวางไว้บนไหล่ของผม
แล้วผมก็รู้สึกว่ามีอะไรมาแตะที่แก้มผม พร้อมกับลมอุ่นๆ กับความชื้นของสัมผัสบางอย่าง ผมตกใจลืมตาขึ้น สิทธิ์ ถอนจมูกออกจากแก้มแล้วมองหน้าผมยิ้มๆ
“ฮ่าๆๆ ทำไมทำหน้าอย่างงั้นวะ” สิทธิ์ พูดพลางมองหน้านิ่ง
ผมก็นิ่งไม่ได้ตอบอะไร เพราะกำลัง งง กับสิ่งที่เกิดขึ้น ก่อนที่ใครจะพูดอะไร ก็มีแขนมาโอบไหล่ผม พร้อมกับเสียงคุ้นๆ
“มึงทำอะไรน้องกูวะ” ชัยถามดุๆ
“กูให้รางวัลลูกหมาอยู่หว่ะ” สิทธิ์ตอบ
“รางวัลไรวะ มึงฉวยโอกาสมากกว่า เดี๋ยวกูจะบอก ไอ้ปอ” ชัย พูดแล้วหัวเราะเบาๆ
... ทำไมต้องบอก ปอ... ผมหันไปมอง ชัย ด้วยความสงสัย
“อย่านะมึง  มันโกรธตาย” สิทธิ์ ห้ามหน้าตาตื่น
... ปอ น่ะเหรอจะโกรธ เมื่อก่อน สิทธิ์ ก็ทำแบบนี้บ่อยๆ ปอ จะหัวเราะชอบใจล่ะไม่ว่า เผลอๆจะทำแบบนี้อีกคนน่ะสิ ทำไมหมู่นี่มีแต่คนพูดอะไรแปลกๆ... ผมคิดพลางหันไปมอง สิทธ์ อย่าง งงๆ
“ตั้ม มันสอบติดที่****” สิทธิ์เปลี่ยนเรื่อง
“จริงเหรอวะ” ชัยหันมาถามผม
“อื้อ จะมาบอก พี่ชัย เนี่ย” ผมบอก
“เก่งนี่นา เดี๋ยวเย็นนี้ พี่ชัย ไปบอก ราญ ให้”
“เดี๋ยว ตั้ม โทรบอกเองดีกว่าอะ ถ้าไม่เกิน ๓ ทุ่ม ยังพอโทรฯได้” ผมบอกยิ้มๆ
“งั้น พี่ชัย ให้รางวัลมั่ง” ชัยพูด พลางเกาคางผมเบาๆ
“แบบตะกี้ม่ายเอานะ” ผมพูดพลางขมวดคิ้ว
“ทำไมล่ะ” ชัย ถามยิ้มๆ
“ก็แก้ม ตั้ม เลอะน้ำลาย สิทธิ์ อะ เดี๋ยว พี่ชัย เหม็นแย่เลย” ผมพูดเสียงอ่อย รู้สึกว่า็แก้มยังชื้นๆอยู่
“ฮ่าๆๆ เดี๋ยว พี่ชัย พาไปหาขนมอร่อยๆกินดีกว่า” ชัย พูดแล้วก็เปลี่ยนเอามือมาขยี้หัวผมเบาๆ พลางหันไปมองหน้า สิทธิ์ ที่ทำหน้าเจื่อนๆอยู่ด้านข้าง
แล้วพวกเราก็พากันคุยเรื่อยเปื่อยไปเรื่อยๆ สักพัก ศักดิ์ และ สมชายก็เดินมาสมทบ ทุกคนพากันดีใจไปกับผมด้วยที่ผมสอบผ่าน
..............................................................................................
..........................................
สัปดาห์หน้าก็จะสอบปลายภาคแล้ว ผมก็ยังไม่มีโอกาสที่จะบอกความในใจให้ ตั้ม รับรู้สักที บางครั้งผมเห็นว่า ตั้ม อยู่คนเดียว ก็เข้าไปคุยด้วย พอจะพูดอะไรออกไป ก็มีคนเข้ามาขัดจังหวะได้เสียทุกครั้ง หลายหนที่ทำเอาผมอารมณ์เสีย จนพาลพูดดุๆหรือตวาดไป ทำให้ ตั้ม งุนงงไปหลายครั้ง ยิ่งใกล้สอบผมยิ่งกระวนกระวาย ตัดสินใจไม่ถูก เพราะกลัวว่าถ้าพูดอะไรผิด จะทำให้ ตั้ม สะเทือนใจจนมีผลไปถึงการสอบ แล้วผมก็ยังกลัวว่าถ้า ตั้ม ปฎิเสธผม ตัวผมเองจะมีสมาธิกับการสอบหรือเปล่า สุดท้ายผมตัดสินใจว่า ควรให้การสอบผ่านไปก่อนจะดีกว่า

“ตั้ม สอบเสร็จแล้วไปไหนรึเปล่า” ผมถามขึ้นก่อนจะเข้าสอบวิชาสุดท้าย
“อื้อ วันนี้เรามีสอบที่สถาบันด้วย สอบที่นี่เสร็จต้องรีบไปเลย” ตั้ม ตอบมา “มีไรเหรอ”
“ก็...นิดหน่อยหว่ะ มีอะไรอยากคุยด้วย” ผมบอกเบาๆ
“อืม เอาไงดีอะ เราต้องรีบไปซะด้วยสิ” ตั้ม นิ่งคิด
“เสาร์อาทิตย์ล่ะวะ” ผมเริ่มใจไม่ดี
“มีเรียนที่สถาบันน่ะสิ ตั้งแต่เช้าเลย กว่าจะเสร็จก็ ๕ โมง” ตั้ม บอก “เอาไงดีอะ เรื่องสำคัญรึเปล่า ปอ” ตั้ม มองผมด้วยสีหน้าเป็นห่วง
“เอ้อ ก็นิดหน่อยหว่ะ เอางี้เดี๋ยวเสาร์นี้กูไปหาที่สถาบันได้มั๊ยวะ” ผมตัดสินใจ
“ได้สิ” ตั้ม ยิ้มกว้าง  “ตอนไหนดีล่ะ เรามีพักเที่ยง ๑๑ โมง ถึงบ่ายหนึ่ง แล้วมีพักระหว่างชั่วโมงนิดหน่อย”
“ตอนเย็นเลยดีกว่าหว่ะ เดี๋ยว ๕ โมงกูไปหานะ ห้ามลืมเด็ดขาดนะเว๊ย” ผมย้ำ “ห้าโมงเย็นวันเสาร์นะ ตั้ม”
“ไม่ลืมหรอก ลืมได้ไง นัดกับเพื่อนคนสำคัญนี่นา แล้ววันนั้นไปกินข้าวเย็นด้วยกันนะ” ตั้ม ยิ้มออกมาทั้งใบหน้า ทั้งดวงตา
... โอ๊ย วันเสาร์ อีกตั้ง ๓ วัน เอาหน่อยเหอะวะ ... คิดแล้วผมก็ดึงตัว ตั้ม มากอดแรงๆ ไม่สนใจแล้วว่าใครจะมองดูอยู่บ้างหรือเปล่า
“โอ๊ย ปอ ทำแบบนี้อีกแล้ว อึดอัดอะ” ตั้ม โวยวาย แต่ไม่ดิ้นรน มีเพียงอาการขยับตัวเล็กน้อย พอให้คนที่กอดอยู่รู้สึกว่า ตั้ม อึดอัดเพราะแรงกอดเท่านั้นเอง ผมเลยผ่อนแรงลงเล็กน้อย ตั้ม เองก็ปล่อยให้ผมกอดอยู่อย่างนั้น ไม่ได้สนใจกับเสียงหัวเราะเบาๆ หรือสายตาของเพื่อนบางคนที่มองมาทางพวกเรา
“ปอ” ตั้ม เรียกเบาๆ
“อะไรวะ กำลังดีเลย” ผมกำลังเคลิ้ม ขยับมือลูบไหล่ ตั้ม เบาๆ
“อย่าให้เรารอเก้อนะ” ตั้ม พูดแล้วก็ซบหน้ามาที่ไหล่ของผม
“มึงก็อย่าเล่นซ่อนหากับกูอีกนะ กูเหนื่อย” ผมตอบไป พลางเอามือลูบหัว ตั้ม เบาๆ
......................................................................
...............................
“ไอ้ตั้ม อย่าลืมนะเว๊ย คืนนี้ที่บ้านไอ้นึก” โอ ตะโกนตามหลังผม ที่วิ่งลงจากตึกด้วยความรีบร้อน
“อื้อ เราไปช้าหน่อยนะ บาย” ผมตะโกนตอบไป

หลังสอบที่สถาบันเสร็จ ผมก็รีบกลับบ้านเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า และเตรียมกระเป๋าที่จะไปงานเลี้ยงเล็กๆ ที่เพื่อนๆประมาณ ๑๐ กว่าคนจัดกันขึ้นเอง เหมือนเป็นการฉลองที่สอบเสร็จ งานนี้จัดที่บ้านของ นึก และมีเพื่อนหลายคน กว่าผมจะไปถึง ก็เกือบ ๒ ทุ่มแล้ว งานเลี้ยงไม่มีอะไรมาก มีกินอาหาร ปิ้งบาร์บีคิว เล่นกีตาร์ ร้องเพลง พูดคุยกันไปเรื่อยๆ จนเวลาประมาณเที่ยงคืน เพื่อนๆบางคนก็ทะยอยกลับกันไปบ้างแล้ว เหลือกันไม่กี่คนที่จะอยู่ค้างคืน  เพราะกลับบ้านลำบาก รวมทั้งผมอีกคนหนึ่งด้วย

พวกเราช่วยกันเก็บจานชามต่างๆให้เรียบร้อย แล้วพากันอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เตรียมเข้านอน ที่นอนก็ไม่มีอะไรมาก เด็กผู้ชายกันทั้งนั้น นึกแจกหมอนคนละใบ ให้จับจองที่กันเองบนฟูกที่ปูยาวอยู่ในห้องนอนของ นึก ผมเลือกที่ริมสุด ติดผนัง ถัดมาเป็น วัฒน์ และ หมู ส่วน นึง และ เชียร นอนบนเตียงกว้างๆกับ นึก
“ตั้ม มานอนบนเตียงดีกว่ามั๊ย” เชียร ถาม
“ไม่เป็นไร เรานอนนี่แหละดีแล้ว” ผมตอบยิ้มๆ “แต่ขอผ้าห่มเราหน่อยสิ เราไม่ถูกกับแอร์” ผมร้องขอ เพราะรู้สึกหนาวนิดๆ กับความเย็นของแอร์ในห้อง นึงหยิบผ้าห่มหนาๆผืนหนึ่งโยนมาให้ผม
“ไม่ต้องก็ได้มั๊ง มานอนตรงกลางสิ เดี๋ยวเรากับหมูจะกอดให้หายหนาว” วัฒน์ พูดยิ้มๆ
“แบร่” ผมแลบลิ้นใส่ วัฒน์หัวเราะพลางเอามือมาขยี้หัวผม
“เฮ๊ย ไอ้นึก พวงกุญแจนี่ยังอยู่อีกเหรอวะ” เชียร พูดเมื่อนึกเดินเข้ามาในห้อง พลางหยิบพวงกุญแจอันหนึ่งจากหัวเตียง ขึ้นมาแกว่งไปมา
“ยุ่งกับของกู เอามานี่” นึก คว้าพวงกุญแจเรซิ่นไปจากมือ เชียร เดินไปเปิดลิ้นชักที่โต๊ะหนังสือ แล้วหย่อนพวงกุญแจลงไป แล้วปิดลิ้นชักลง
“ตั้ม ไม่มานอนบนเตียงล่ะ” นึก ถามพลางเดินมานั่งที่ขอบเตียง
“ตรงนี้ก็นอนได้ ไม่เป็นไรหรอก” ผมตอบเบาๆ พลางก้มหน้าหลบสายตาที่มองมา
“ดึกแล้วนอนเหอะ” นึก บอก แล้วพวกเราก็ล้มตัวลงไปบนที่นอนของตัวเอง นึกเดินไปปิดไฟ แล้วทั้งห้องก็หลงเหลือเพียงเสียงเบาๆของเครื่องปรับอากาศ ที่ทำงานอยู่

ผ่านไปนานพอสมควร ผมยังนอนไม่หลับเพราะความแปลกที่ ผมเลื่อนผ้าห่มขึ้นมาคลุมถึงต้นคอ เพราะความเย็นของเครื่องปรับอากาศ พลางขยับตัวจากท่านอนหงาย เป็นท่านอนตะแคงหันหน้าไปทางผนังห้อง แล้วขยับตัวเอาหน้าผากไปแตะกับผนังห้องตามความเคยชิน เพราะเวลาอยู่ที่บ้าน ผมมักเอาหน้าผากแตะไว้ที่หมอนอีกใบหนึ่ง สักพักผมได้ยินเสียงเหมือนมีคนลุกจากที่นอน เดินมายังกลุ่มพวกผมที่นอนอยู่บนพื้น สักพัก วัฒน์ ที่นอนอยู่ข้างๆผมก็ลุกขึ้น เหมือนกับไปคุยกับคนคนนั้นเบาๆ แล้วทั้งสองคนก็กลับไปยังที่นอนของตน

แล้วผมก็รู้สึกว่า วัฒน์ ขยับตัวมานอนบนหมอนใบเดียวกับผม ซุกตัวเข้ามาในผ้าห่ม พลางเอาแขนข้างหนึ่งโอบกอดผมจากทางด้านหลัง เอามือมาจับมือผมไว้ ส่วนแขนอีกข้างหนึ่งสอดเข้ามาใต้ศรีษะ แล้วโอบกอดลำคอผม
“วัฒน์ ทำอะไรอ๊ะ” ผมพูดเบาๆอย่างตกใจ
“ตั้ม” เสียงที่เรียกชื่อผม ทำเอาผมแทบหยุดหายใจ

 ... นึก ...

เมื่อเห็นผมเงียบไป นึก ใช้แขนที่โอบเอวผมอยู่รั้งตัวผมเข้าหา จนแผ่นหลังของผมแนบติดกับแผ่นอก เปลี่ยนเอามือของผมที่จับไว้ไปไว้ในมือที่โอบคอผมอยู่ มือที่โอบเอวเลื่อนมาจับที่แก้ม สักพักนิ้วโป้งบนแก้มของผม เริ่มขยับลูบวนไปมา แล้วเลื่อนมาลูบวนที่ริมฝีปากของผม ใบหน้าที่ซุกอยู่ที่ลำคอ ทำให้ผมรู้สึกถึงลมหายใจร้อนๆที่เป่ารด ตัวของผมเริ่มสั่นเทา ลมหายใจเริ่มติดขัด
“ไม่ต้องกลัวนะ ตั้ม เราไม่ทำอะไรหรอก แต่เราขออยู่แบบนี้จนเช้าได้มั๊ย” เสียงกระซิบเบาๆที่หู
ผมไม่ได้ตอบ ได้แต่บีบมือที่กุมมือผมอยู่นั้นอย่างแผ่วเบา
......................................................................
...............................
ผมมาถึงก่อนเวลานัดประมาณครึ่งชั่วโมง ยืนลังเลอยู่ว่าจะทำอย่างไรดี เพราะผมลืมถาม ตั้ม ว่า จะให้ผมไปหาตัวได้ที่จุดไหนในสถาบัน เพราะผมมองดูแล้วมีห้องมากมายเหลือเกิน จะให้ไปเดินหาทีละห้อง คงลำบากเหมือนกัน แล้วผมก็ตัดสินใจเดินเข้าไปหาเจ้าหน้าที่ที่นั่งอยู่ตรงเคาเตอร์
“สวัสดีค่ะ มีอะไรให้ช่วยมั๊ยค่ะ” เจ้าหน้าที่สาวสวยถามผม
“เอ้อ คือผมมาหา ศิลปี น่ะครับ” ผมตอบอย่างลังเล คนตั้งมากมาย เค้าจะรู้ไหมว่าผมหมายถึงใคร
“หนูตั้ม เหรอค่ะ”เจ้าหน้าที่ถามกลับมายิ้มๆ
“ใช่ครับ ตั้ม น่ะครับ ไม่ทราบอยู่ที่ห้องไหนครับ” ผมรีบตอบ
“เอ วันนี้ยังไม่เห็นเลยนะคะ” เธอหยุดพูด พลางมองไปทางประตู เหมือนเห็นอะไรสักอย่าง “สักครู่นะค่ะ” เธอหันมายิ้มให้ผม
“บุ๋ม น้องบุ๋ม” เธอเรียกเด็กหนุ่มตัวสูงที่กำลังจะเดินเข้าไปด้านใน เด็กหนุ่มคนนั้นหันหน้าเดินมาที่เคาเตอร์
“อะไรครับพี่” คนชื่อ บุ๋ม ถามเจ้าหน้าที่
“คนนี้เค้ามาหา หนูตั้ม แน่ะ” เธอชี้มาที่ผม
“วันนี้ พี่ตั้ม ไม่มา” บุ๋ม บอกผมหลังจากที่นิ่งมองผมสักครู่
“ไม่มาได้ยังไง ก็นัดกันไว้” ผมลืมตัว พูดเสียงแข็งๆออกไป
“นัดไว้เหรอ” บุ๋ม มองผมกวนๆ
“ใช่ นัดว่าเดี๋ยวจะไปกินข้าวเย็นด้วยกัน” ผมจ้องหน้าตอบไป ... ทำไมรู้สึกเขม่นมันแบบนี้วะ...
“งั้นผมขอโทษแทนด้วย” บุ๋มตอบ
... เอ็งเป็นใครวะ มาขอโทษแทน ตั้ม มัน ... ผมยิ่งรู้สึกเขม่นคนคนนี้มากขึ้น
“พี่ตั้ม ไปเฝ้าพ่อที่โรงพยาบาล แล้วเดือนนี้คงไม่มา เพราะใกล้สอบเอ็นฯแล้ว”
“อ้าว พ่อมันเป็นอะไร” ผมถามด้วยความตกใจ
“ไม่รู้เหมือนกันครับ ผมขอตัวก่อนนะครับ ต้องเข้าเรียน” แล้ว บุ๋ม ก็เดินเข้าไปด้านใน
“เอ้อ พี่ครับ จะติดต่อ ตั้ม ได้ยังไงครับ พอจะมีเบอร์โทรศัพท์ไหมครับ” ผมหันไปถามเจ้าหน้าที่สาวคนนั้น
“ต้องขอโทษนะคะ ไม่มีเลยค่ะ เพราะปรกติเวลามีอะไร น้องเค้าจะโทรฯมาบอกเองค่ะ แล้วอย่างที่ บุ๋ม บอก น้องเค้าลาเรียนไว้ ๒ เดือน แต่วันธรรมดาอาจจะมาซ้อมบ้างนะคะ”
“วันไหนครับ ตั้ม จะมาซ้อมวันไหนบ้างครับ” ผมรีบถาม
“ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ เพราะทางเราไม่ได้ฟิคเวลา ไว้เดี๋ยวถ้าพี่เจอ พี่จะบอกให้แล้วกันนะค่ะ ว่ามีคนมาหา”
“ขอบคุณครับ” ผมตอบเธอเบาๆ แล้วก็เดินออกมา

ผมกลับบ้านด้วยความเซ็งสุดขีด ในหัวของผมคิดวนไปวนมา ผมจะทำอย่างไรดีถึงจะได้เจอ ตั้ม อีก จะไปหาที่บ้าน ผมก็จำทางไม่ค่อยได้ บ้านมันไกลเหลือเกิน นั่งรถไม่รู้กี่ต่อ นี่ผมหมดโอกาสแล้วหรือ
ความรักของผม จะต้องจบลงแบบนี้หรือไร
“ปอเอ๊ย มีคนโทรมาหาตั้งแต่เมื่อคืนแน่ะ ว่าจะบอกตั้งแต่เช้าแล้วบอกไม่ทัน อ่านดูที่แม่เขียนโน้ตไว้ข้างโทรศัพท์นะ” แม่ตะโกนบอกเมื่อผมเดินเข้าบ้าน
“ครับ แม่” ผมตอบแล้วเดินไปหาโทรศัพท์ ... ใครโทรมาวะ ... ผมหยิบกระดาษมาอ่านดู

... พ่อเข้าโรงพยาบาลกระทันหัน พรุ่งนี้ไปตามนัดไม่ได้ ขอโทษด้วย จากตั้ม ... แม่ลงเวลาไว้ ๒๒.๓๐น. ของเมื่อวานนี้

ผมอ่านข้อความบนกระดาษซ้ำไปซ้ำมาหลายรอบ พลางนึกแปลกใจว่า ตั้ม เอาเบอร์โทรศัพท์ของบ้านผมมาจากไหน

หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๖๙/๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: kongkilmania ที่ 16-05-2008 14:57:34
 :m4:  ดีใจจัง ได้อ่านอีกตอน
เด๋ว น้องตั้มเข้ามาอัพอีกป่ะ จะได้คอยเข้ามาดูเป็นระยะ 


แต่หมั่นไส้นึกอ่ะ    o12  ได้ข่าวว่ามีแฟนแล้วไม่ใช่เหรอ
ยังทำเนียนมานอนกอดน้องตั้มนะ    :m16:
 :เฮ้อ: แล้วน้องตั้มก็เป็นใจด้วยเนี่ยสิ
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๖๙/๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: salapaw ที่ 16-05-2008 16:02:17
ไม่ได้เบื่อค่า  แต่ที่ถามเพราะว่า อยากรู้ว่ามันมีจนจบม.6หรือว่าเข้ามหาลัย หรือปัจจุบัน ประมาณเนี้ยอ่า

 :o แล้วตั้มไปเอาเบอร์จากไหนอ่า

ที่สำคัญ  ตั้มคิดไงกับปอเนี่ย แล้วก้นึกด้วย  ชักหงุดหงิดกับตั้มแล้วน้า  ทำตัวแปลกๆๆ 55
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๖๙/๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: nana ที่ 16-05-2008 17:35:24
 :L2: :L2: :L2:


 :c5: :c5: :c5:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๖๙/๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 16-05-2008 17:58:36
:m4:  ดีใจจัง ได้อ่านอีกตอน
เด๋ว น้องตั้มเข้ามาอัพอีกป่ะ จะได้คอยเข้ามาดูเป็นระยะ 


แต่หมั่นไส้นึกอ่ะ    o12  ได้ข่าวว่ามีแฟนแล้วไม่ใช่เหรอ
ยังทำเนียนมานอนกอดน้องตั้มนะ    :m16:
 :เฮ้อ: แล้วน้องตั้มก็เป็นใจด้วยเนี่ยสิ
เง้อ ...   :o7: ตั้ม แค่เห็นใจอะค๊าบ ม่ายได้เป็นใจ ถ้าเป็นใจนะ หันหน้าหาแล้ว  :laugh3:
เพราะเหตุผลที่ นึก บอกกับ ตั้ม (แต่ไม่ได้เขียนไว้) มันก็พอจะรับฟังได้  :o211:
ไม่ได้เบื่อค่า  แต่ที่ถามเพราะว่า อยากรู้ว่ามันมีจนจบม.6หรือว่าเข้ามหาลัย หรือปัจจุบัน ประมาณเนี้ยอ่า

 :o แล้วตั้มไปเอาเบอร์จากไหนอ่า

ที่สำคัญ  ตั้มคิดไงกับปอเนี่ย แล้วก้นึกด้วย  ชักหงุดหงิดกับตั้มแล้วน้า  ทำตัวแปลกๆๆ 55
อ๋อ... เดี๋ยวช่วงเรียนมหาวิทยาลัยจะเขียนแค่ ๒ ตอนค๊าบ
แล้วเรื่องคงจบลงหลังจากที่ ตั้ม เรียนจบประมาณปีนึงน่ะครับ   o8
สำหรับนึก แหม มันน่าจะชัด...มะอยากพูด เขิล  :-[
ส่วน ปอ ช่วงนี้คงสับสนกันหน่อย แต่คงมีบางคนเอะใจกันบ้างนะครับ กับตัวละครบางตัวว่าทำไมผมเขียนถึงบ่อยนัก  :undecided:

หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๗๐/๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 16-05-2008 19:03:26
๗๐ เอนทรานซ์

แล้วการสอบเอนทรานซ์ก็มาถึง ผมวุ่นวายนิดหน่อย เพราะในวันสอบวันแรกตรงกับวันลงทะเบียนเรียนคอร์สปรับพี้นฐาน ของวิทยาลัยเอกชนที่ผมสอบเข้าได้ ทำให้ผมเกือบไปไม่ทันในวันสอบวันแรก

“ตั้ม ทางนี้โว๊ย” ดม เรียกผม เมื่อผมเดินออกมาจากตึกที่เป็นห้องสอบ ผมเดินตรงไปหาเพื่อนๆที่รวมกลุ่มกันอยู่ตรงโต๊ะใต้ต้นไม้ใหญ่ ริมสนามบอลของมหาวิทยาลัยที่เป็นสนามสอบ
“ออกจากห้องสอบกันไวจัง” ผมยิ้มให้เพื่อนๆ วันนี้ผมออกจากห้องสอบช้ากว่าเพื่อนๆ ทั้งๆที่การสอบที่ผ่านมาในโรงเรียน บางวิชาผมออกจากห้องสอบเป็นคนแรกด้วยซ้ำไป
“เอ็งนั่นแหละ ออกมาช้า ทำอะไรกันมากมายวะ” โอ พูดยิ้มๆ
“อื้อ ช้าจริงๆแหละ ต้องระวังหน่อยสิ ไม่ใช่สอบที่โรงเรียนนี่นา” ผมหันไปตอบ “จริงสิ ที่สอบทฤษฎีดนตรีอยู่ที่ไหนอะ เราไปไม่ถูก เย็นนี้พาเราไปดูที่สอบหน่อยดิ๊” ผมหันไปหา ธง กับ ตี๋ ที่จะสอบวิชานี้ด้วยกัน
“แถวนี้แหละ ไม่ต้องไปดูหรอก ไว้ไปด้วยกันวันสอบ” ธง ตอบ ผมก็รับคำไป แล้วพวกเราก็เดินไปยังโรงอาหารเพื่อหาข้าวกลางวันกินกัน
..............................................................................................
..........................................
“เดี๋ยวมาเจอกันตอน ๑๑ โมงนะ กินข้าวกันก่อนแล้วไปพร้อมกัน” ธง กับ ตี๋ พูดย้ำก่อนจะแยกย้ายกันเข้าห้องสอบในช่วงเช้า ส่วนตอนบ่ายจะเป็นการสอบวิชาทฤษฎีดนตรี

ผมออกจากห้องสอบประมาณ ๑๐.๔๐ แล้วมานั่งรอเพื่อนๆ ที่โต๊ะตัวเดิม เมื่อมาถึงโต๊ะ ไม่มีใครเลยสักคน ผมก็นั่งรอไป เพราะคิดว่าคงยังไม่มีใครออกมาจากห้องสอบ
๑๑.๐๐
๑๑.๓๐
๑๒.๐๐
๑๒.๓๐
ผมเริ่มกระวนกระวาย มันผิดปรกติเกินไป หมดเวลาสอบไปนานแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีใครออกมาจากห้องสอบเลย
๑๓.๐๐
ถึงเวลาสอบทฤษฎีดนตรีแล้ว แต่ผมยังนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม
๑๖.๐๐
หมดเวลาสอบ ผมก็ยังไม่ได้ขยับไปไหน
๑๙.๐๐
ฟ้ามืดแล้ว ผมลุกจากโต๊ะ เดินไปที่ตู้โทรศัพท์สาธารณะใกล้ๆ ผมหยอดเหรียญ มือหมุนหมายเลขที่ผมจำได้
“สวัสดีค๊าบ ขอสาย วัฒน์ ค๊าบ” เสียงจากอีกฟากบอกให้ผมรอสักครู่
“วัฒน์ เหรอ ตั้ม เองนะ” ผมเว้นระยะเพราะวัฒน์ พูดตอบมา “เมื่อกลางวันหายไปไหนกันหมดอะ” ผมถามต่อ พลางนิ่งฟังที่ วัฒน์ พูด
“แล้ว ธง กับ ตี๋ ไปด้วยเหรอ” ผมรอคำตอบ “อยู่ที่มหาวิทยาลัยนี่แหละ” ผมตอบเพราะ วัฒน์ ถามว่าผมโทรไปจากที่ไหน
ผมได้ยินเสียง วัฒน์ อุทานอย่างตกใจและถามว่า ผมยังทำอะไรอยู่ที่นี่ ผมไม่อยากโกหกเพื่อน จึงเลี่ยงที่จะไม่ตอบ
“เอ้อ งั้นแค่นี้นะ เราจะกลับบ้านแล้ว บาย” ผมวางหูโทรศัพท์ น้ำตาผมเริ่มไหล

จากคำตอบที่ผมถาม เพื่อนๆออกจากห้องสอบกันครบประมาณเวลา ๑๐.๓๐ แล้วพากันไปกินข้าวกลางวันนอกมหาวิทยาลัย ไม่มีใครรอผมสักคน รวมทั้ง ธง กับ ตี๋ หลังจากกินข้าวกันเสร็จ ทั้งสองคนก็แยกตัวนั่งรถตุ๊กตุ๊ก ไปยังสถานที่สอบอีกที่หนึ่ง มันมักเป็นแบบนี้เสมอ เพื่อนๆมักนัดกันไปไหนสักแห่งโดยไม่มีผม หรือมักเปลี่ยนสถานที่นัดโดยไม่บอกผม

สรุปคือ นี่เป็นอีกครั้งหนึ่ง ที่ผมโดนเพื่อนๆทิ้ง
..............................................................................................
..........................................
“ตั้ม ไม่มาหรอกวันนี้ ” หมู ตอบเมื่อ ปอ ถามถึง ตั้ม
วันนี้เป็นวันประกาศผลสอบเอนทรานซ์ หลายๆกลุ่มจึงนัดมาเจอกันที่โรงเรียน ก่อนจะไปยังสถานที่ประกาศผลพร้อมๆกัน
“ทำไมวะ แล้วมันจะไปกับใคร” ปอ ถาม
“ก็ ศิลปี ไม่ได้ไปสอบ ๒ วิชา แบบนี้สอบไม่ได้แน่นอนอยู่แล้ว ก็เลยไม่ไป” วัฒน์ บอกพลางถอนหายใจ
“วิชาอะไรวะ แล้วทำไมมันไม่ไปสอบ” ปอ ถามอย่างตกใจ
“ตั้ม ไปสนามสอบวิชาทฤษฎีดนตรีไม่ถูก ก็เลยไม่ไปสอบปฏิบัติด้วย” หมูบอก
“อ้าว ไหงยังงั้นวะ ไปไม่ถูก ทำไมไม่ถามพวก ธง กับ ตี๋ มันล่ะ” ปอ อารมณ์เสีย
“เอ้อ เราก็ไม่รู้รายละเอียดนะ รู้แต่ว่าไม่ได้ไปสอบแค่นั้นแหละ” วัฒน์ ตอบหลังจากคิดอยู่ครู่หนี่ง
“นั่นไง มันมากันพอดี” ปอ พูดพลางเดินไปหา ตี๋ ที่เดินเข้าโรงเรียนมา วัฒน์ กับ หมู ก็เดินตามไปด้วย
“ตี๋ ทำไม ไอ้ตั้ม มันไม่ไปสอบทฤษฎีดนตรีวะ” ปอ ถามทันที
“เอ้อ... กูก็ไม่รู้” ตี๋ ตอบอ้อมแอ้ม
“แต่เราได้ยินนาย กับ ธง บอกให้ ตั้ม คอย จะได้ไปพร้อมกันนี่นา” หมู ถามบ้าง
“ก็พวกเราทำข้อสอบเสร็จเร็ว ก็เลยไปกินข้าวกับพวก ดม มัน” ตี๋ตอบ “ก็มันตั้งเกือบชั่วโมงนี่หว่า กว่าจะถึงเวลานัดน่ะ ขี้เกียจรอมัน”
“อ้าว ทำไมนายทำแบบนั้นล่ะ แล้วไปนัด ศิลปี ทำไม” วัฒน์ พูดอย่างตกใจ
“ก็ถ้ามันไม่เจอพวกเรา มันก็น่าจะถามคนอื่น แล้วไปเองได้นี่” ตี๋ พูด
“จะบ้าเหรอไง” วัฒน์ พูดเสียงดัง ปรกติ วัฒน์จะสุภาพกับเพื่อนๆเสมอ คราวนี้แปลว่าโกรธมากๆ  “ ทำยังกับไม่รู้นิสัยกัน เรียนด้วยกันมาตั้ง ๓ ปีแล้วนะ เรื่องแค่นี้ทำไมไม่รู้ เห็นแบบนั้นก็เถอะ เวลาอยู่คนเดียว ศิลปี กลัวคนแปลกหน้า ไม่เข้าไปถามอะไรใครหรอก แล้วนี่นายรู้รึเปล่า ศิลปี รอพวกนายถึงกี่โมง” วัฒน์ พูดอย่างรวดเร็วด้วยความโมโห
“คงไม่นานมั๊ง เพราะสอบบ่ายนี่ ยังสงสัยอยู่ว่าทำไมมันไม่ไปสอบ” ตี๋ พูดอย่างไม่คิดอะไร
“นายจำที่พวกนายนัด ศิลปี ไปติววิชาดนตรีได้รึเปล่า ตอนนั้น ศิลปี รอพวกนายกี่ชั่วโมง แล้วตอนที่พวกนายจะให้พาไปหาโน้ตเพลงที่สถาบัน แต่พวกนายไม่มาตามนัด ศิลปี รอนายกี่ชั่วโมง” วัฒน์ รู้เพราะทั้งสองครั้ง วัฒน์ กับ หมู มาทำรายงานกับเพื่อนๆที่โรงเรียนพอดี

ยังจำได้ว่า ตั้ม รอทั้งสองคนจนเย็น ตอนกลางวันเขาต้องพูดเกลี้ยกล่อมให้ ตั้ม ไปกินข้าวอยู่นาน โดยรับปากว่าจะคอยดูคนทั้งสองให้ หากทั้งสองคนเข้ามาในโรงเรียน

“เฮ๊ย ไม่มั๊ง นี่มันสอบเอนทรานซ์นะเว๊ย สำคัญขนาดนี้ มันจะรอจนไม่ไปสอบเหรอไง” ตี๋ ตกใจ เพราะเขาเองยังจำเรื่องนั้นได้ดี
“ตั้ม รอพวกนายจนถึงทุ่มนึง” หมู ตอบแทน วัฒน์
“อะไรนะ มันรอถึงขนาดนั้นเลยเหรอ” ตี๋ ยิ่งตกใจมากขึ้น  “นายรู้ได้ยังไง”
“ศิลปี โทรหาเราคืนวันนั้น ถามว่าพวกนายหายไปไหนกันหมด เราว่า ศิลปี รอพวกนายตั้งแต่เวลานัด จนถึงตอนที่โทรมาหาเรา” วัฒน์ ตอบช้าๆ พลางจ้องหน้า ตี๋ นิ่ง “เราว่า ข้าวกลางวันก็ไม่ได้ไปกิน ศิลปี คงนั่งรอพวกนายไม่ได้ไปไหนเลย เพราะกลัวว่าถ้าพวกนายมาถึงจะไม่เจอ”
“พวกมึงทำแบบนี้กันได้ยังไงวะ” ปอ พูดด้วยความโมโห “ไอ้ตั้ม ก็เหลือเกิน โดนหลอกให้รอหลายทีแล้วยังไม่เข็ด”
“ปอ พูดแบบนี้เหมือนไม่เข้าใจ ศิลปี เลยนะ” วัฒน์ พูดพลางมองผมอย่างตำหนิ “เรานึกว่า นายจะเป็นคนที่เข้าใจ ศิลปี ที่สุดซะอีก”

ปอ รู้สึกเหมือนตัวเองถูกตบหน้า เมื่อได้ยินแบบนั้น ทำไมเขาจะไม่เข้าใจล่ะ
ก็อย่างที่ วัฒน์ พูด เขาควรจะเข้าใจเรื่องนี้ดีที่สุด เพราะเขาทำเรื่องทำนองเดียวกันนี้มาแล้วหลายหน แต่ ตั้ม ก็อภัยให้เขาเสมอ ไม่เคยแม้แต่พูดถึงเรื่องเหล่านั้นสักครั้ง

สำหรับ ตั้ม เพื่อนเป็นสิ่งสำคัญ ... สำคัญยิ่งกว่าการสอบเอนทรานซ์เสียอีก
..............................................................................................
..........................................
“ดีใจด้วยหว่ะ พวกเอ็งสอบติดที่เดียวกัน” ปอ หันไปยินดีกับ วัฒน์ และ หมู
“ปอ ไม่ต้องเสียใจนะ ยังมีที่เรียนอีกเยอะ แล้วถ้าอยากสอบใหม่ ปีหน้ายังมีโอกาส” วัฒน์ พูด “แต่น่าเสียดายนะ ศิลปี สอบไม่ติดจริงๆด้วย”
“เออ พวกเอ็งไปบ้าน ตั้ม มันถูกรึเปล่าวะ” ปอ ถามอย่างกระตือรือร้น
“ทำไมเหรอ” หมู ถามอย่างสงสัย
“กูอยากไปหามันที่บ้าน นะ ช่วยพากูไปหน่อย” ปอ มองอย่างอ้อนวอน
“พาไปน่ะได้อยู่หรอก แต่จะไม่เจอน่ะสิ” วัฒน์ ตอบยิ้มๆ
“อ้าว ทำไมวะ มันไปไหนล่ะ” ปอ ถามอย่างสงสัย
“ก็ช่วงนี้ที่วิทยาลัย ตั้ม มีเรียนไง ออกจากบ้านแต่เช้า กว่าจะกลับบ้านก็ดึก บ้านอยู่คนละมุมเมืองกับวิทยาลัยแบบนั้น” หมู  ตอบ
“เหรอวะ สงสัยกูต้องตัดใจซะแล้วเหรอวะ” ปอ พูดเศร้าๆ
“ปอ อย่าเพิ่งท้อสิ  ยังไงคงต้องได้เจอกันอีก เดี๋ยวถ้า ศิลปี โทรหาพวกเรา จะบอกให้ว่านายเป็นห่วง แล้วให้โทรหานายบ้าง” วัฒน์ ให้กำลังใจ

ทำไม วัฒน์ กับ หมู จะไม่รู้ ว่า ปอ รู้สึกกับ ตั้ม อย่างไร ไม่เพียงแค่เขาสองคนเท่านั้น แต่เพื่อนๆทั้งห้อง เหมือนจะรู้และเข้าใจกันหมด ยกเว้น ตั้ม ที่ทำตัวเหมือนไม่รู้เรื่องอะไรเลย

คิดขึ้นมาได้ วัฒน์ ก็ต้องถอนหายใจยาว
เรื่องของ นึก กับ ตั้ม คงจบไปได้ในคืนนั้น ทั้งสองคนทำความเข้าใจกันไปแล้ว
แต่เรื่องของ ตั้ม กับ ปอ เขายังนึกไม่ออกเลยว่าจะลงเอยเมื่อไร และอย่างไร

หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๗๐/๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: AidinEiEi ที่ 16-05-2008 19:49:20
อ่านแล้วนึกถึงตอนแรกขึ้นมาได้ จะเกิดอะไรขึ้นกับปอรึเปล่าคะ
เรื่องคงไม่เศร้าขนาดนั้นมั๊ง อย่าเลยนะ

ปล. รักตั้มกับปอและเพื่อนๆทุกคน ยกเว้น เจ้านึก :เตะ1:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๗๐/๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 16-05-2008 21:03:26
อ่านแล้วนึกถึงตอนแรกขึ้นมาได้ จะเกิดอะไรขึ้นกับปอรึเปล่าคะ
เรื่องคงไม่เศร้าขนาดนั้นมั๊ง อย่าเลยนะ

ปล. รักตั้มกับปอและเพื่อนๆทุกคน ยกเว้น เจ้านึก :เตะ1:
อยากบอกหลายๆคนว่า อย่าเกลียด นึก เลยค๊าบ เพราะความจริง เขาก็ห่วง ตั้ม เหมือนกัน ไม่เชื่อลองย้อนอ่านไปหลายๆตอนดูสิครับ  :try2:
บางครั้งอาจจะแสดงออกเกินไปบ้างก็ตาม ลองคิดสิครับ ถ้าเป็นคนอื่น ตั้ม คงจะ เรียบร้อยโรงเรียนนึก ไปนานแล้ว ไม่ปล่อยไว้แบบนั้นหรอก.... จริงมะ  :laugh3:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๗๐/๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: RN ที่ 17-05-2008 00:17:07
เข้ามากด + ให้น้องตั้มคนขยันนนน

แง๊ๆๆๆ

เป็นห่วงปอจังเลยยย


 :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๗๐/๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 17-05-2008 06:26:14
วันเสาร์ผมคงมาอัฟเดทให้ช่วงกลางคืนนะครับ เพราะตอ้งออกไปทำงาน แล้ววันอาทิตย์คงต้องของด ๑ วัน เพราะไปต่างจังหวัด กลับวันจันทร์ ซึ่งยังไม่ทราบเวลา อาจจะมาอัฟเดทวันจันทร์ดึกๆ หรือเช้าวันอังคาร  o1

มีใครอยากรู้บ้างไหมครับ ว่า คืนนั้นเกิดอะไรขึ้นที่บ้าน นึก ทำให้ วัฒน์ คิดแบบนั้น ถ้ามี เดี๋ยวผมลงเป็นตอนพิเศษให้ครับ เพราะเนื้อเรื่องหลักผมเขียนจบแล้ว แต่ขอทยอยลงนะครับ  :haun5:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๗๐/๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: salapaw ที่ 17-05-2008 09:58:13
อยากอ่านค่า

ปล. ตั้ม เชียรืนึกออกนอกหน้าเลยอ่า อิอิ เชียปอน้า  สู้ๆๆ
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๗๐/๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: kongkilmania ที่ 17-05-2008 15:07:26
 :เฮ้อ:  เจอเพื่อนแบบธงกะตี๋นี่ นับเป็นคราวเคราะห์ของตั้มนะ
มัน2คน (ขอเรียกแบบนี้แหล่ะ น้องตั้มอย่าเพิ่งโกรธนะ) จะรู้สึกผิดบ้างไม๊เนี่ย
แต่น้องตั้มก็นะ   o12 นั่งรออยู่ได้ ซื่อจริงจิ๊ง 
 :L1:    :L1:
ช่วงนี้ น้องตั้มเข้าข้างนึกแบบออกนอกหน้ามากเลยนะ    :m14:
พระเอกตัวจริงคงเป็นนึกแน่แล้วสิเนี่ย    :seng2ped:
 :m15: สงสารปอ
แต่ว่า   :m1:  น้องตั้มเหมียลเดิม


ไหนๆนึกก็เป็นพระเอกละ   :m12:
น้องตั้มเล่าเรื่องคืนนั้นที่ตกเป็นของนึกด่วนนนนน   :o8:
 :laugh:  เอาละเอียดๆเลยนะ
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๗๐/๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: AidinEiEi ที่ 17-05-2008 18:16:34
กรี๊ดเจ้าค่ะ!!ตกลงนึกเป็นพระเอกจริงง่ะ :serius2:
สงสารปออ่ะ :sad2:
ว่าแต่....ตั้มเข้าข้างนึกจริงๆน๊า!!น่าหมั่นใส้ เชอะ!!!!(ล้อเล่นน๊า)
ยังคงหวังว่าจะไม่เกิดเรื่องขึ้นกับปอนะคะ กลัวจัง......
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๗๐/๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 17-05-2008 18:34:19
อยากอ่านค่า

ปล. ตั้ม เชียรืนึกออกนอกหน้าเลยอ่า อิอิ เชียปอน้า  สู้ๆๆ

ช่วงนี้ น้องตั้มเข้าข้างนึกแบบออกนอกหน้ามากเลยนะ    :m14:
พระเอกตัวจริงคงเป็นนึกแน่แล้วสิเนี่ย    :seng2ped:
 :m15: สงสารปอ
กรี๊ดเจ้าค่ะ!!ตกลงนึกเป็นพระเอกจริงง่ะ :serius2:
สงสารปออ่ะ :sad2:
ว่าแต่....ตั้มเข้าข้างนึกจริงๆน๊า!!น่าหมั่นใส้ เชอะ!!!!(ล้อเล่นน๊า)
ยังคงหวังว่าจะไม่เกิดเรื่องขึ้นกับปอนะคะ กลัวจัง......
หง่ะ  :o แค่บอกว่าอย่าเกลียด นึก เลย กลายเป็นเรื่องใหญ่ซะแล้ว
คือ อยากจะบอกว่า แต่ละคนทำอะไร เค้าก็มีเหตุผล มันอาจจะไม่ใช่เหตุผลที่ดีนัก ในมุมมองของเรา แต่ก็นับว่า มันเป็นเหตุผล.... งง มะค๊าบ ผมยัง งง เลย  :confuse:
อย่างเพื่อนๆที่นัดกันไปไหน แล้วไม่ยอมบอก หรือพอ ตั้ม จะไปด้วย ก็พากันย้ายที่นัด บอกสั้นๆนะครับ เค้าจะไปเที่ยวกันแบบผู้ชาย แต่ ตั้ม น่ะ ผู้หญิง ห้ามไป  :freeze: อันนี้เรื่องจริงครับ เพื่อนบอกผมหลังจากงานรับปริญญาไม่นาน

เดี๋ยวผมขอตรวจตอนพิเศษก่อนแล้วกัน รีบเอามาลงก่อนจะเข้าใจผิดมากกว่านี้
่ว่าแต่คิดได้ยังไงเนี่ย อันนี้

น้องตั้มเล่าเรื่องคืนนั้นที่ตกเป็นของนึกด่วนนนนน   :o8:
 :laugh:  เอาละเอียดๆเลยนะ


 :sad3: :sad3: :sad3:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนที่ ๗๐/๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: AidinEiEi ที่ 17-05-2008 18:50:16
 :m4:เนี่ยแหละอีกอย่างที่เราชอบ ตั้ม คอยตอบคำถามหรือความรู้สึกของผู้อ่านน่ารักจริงๆ :กอด1:
เป็นอันว่าเข้าใจแล้วจ้า เรื่องนึก จะไม่เกลียดนึกแล้วจ้า
รอตอนพิเศษนะคะ :bye2:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนพิเศษ/๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 17-05-2008 19:47:02
ตอนพิเศษ ๑ คืนเลี้ยงอำลา

ผ่านไปนานพอสมควร ตั้ม ยังนอนไม่หลับเพราะความแปลกที่

ตั้ม เลื่อนผ้าห่มขึ้นมาคลุมถึงต้นคอ เพราะความเย็นของเครื่องปรับอากาศ พลางขยับตัวจากท่านอนหงาย เป็นท่านอนตะแคงหันหน้าไปทางผนังห้อง แล้วขยับตัวเอาหน้าผากไปแตะกับผนังห้องตามความเคยชิน สักพักก็มีเสียงเหมือนมีคนลุกจากที่นอน คนคนนั้นเดินเข้าไปใกล้ๆกลุ่มเพื่อนที่นอนอยู่บนพื้น แล้วสะกิด วัฒน์ ที่นอนอยู่ให้ลุกขึ้น ทั้งสองคนพูดคุยกันเบาๆ จากนั้น วัฒน์ ก็เดินไปนอนลงที่เตียง ส่วนคนคนนั้นนอนลงแทนที่ วัฒน์ แล้วขยับตัวมานอนบนหมอนใบเดียวกันกับ ตั้ม  คนนั้นซุกตัวเข้ามาในผ้าห่ม พลางเอาแขนข้างหนึ่งโอบกอด จากทางด้านหลัง เอามือมาจับมือ ตั้ม ไว้ ส่วนแขนอีกข้างหนึ่งสอดเข้ามาใต้ศรีษะ แล้วโอบกอดลำคอ
“วัฒน์ ทำอะไรอ๊ะ” ตั้ม พูดเบาๆอย่างตกใจ เพราะคิดว่า วัฒน์ ไม่น่าที่จะทำอะไรแบบนี้
“ตั้ม” เสียงที่เรียกชื่อ ทำเอา ตั้ม แทบหยุดหายใจ

 ... นึก ...

เมื่อเห็น ตั้ม เงียบไป นึก จึงใช้แขนที่โอบเอวอยู่รั้งตัว ตั้ม เข้าหา จนแผ่นหลังแนบติดกับแผ่นอก เปลี่ยนเอามือที่จับไว้ ไปไว้ในมือที่โอบคออยู่ มือที่โอบเอวเลื่อนมาจับที่แก้ม สักพักนิ้วโป้งบนแก้มของ ตั้ม ก็เริ่มขยับลูบวนไปมา แล้วเลื่อนมาลูบวนที่ริมฝีปาก ใบหน้าของ นึก ที่ซุกอยู่ที่ลำคอ ทำให้ ตั้ม รู้สึกถึงลมหายใจร้อนๆที่เป่ารด ตัวของ ตั้ม เริ่มสั่นเทา ลมหายใจเริ่มติดขัด
“ไม่ต้องกลัวนะ ตั้ม เราไม่ทำอะไรหรอก แต่เราขออยู่แบบนี้จนเช้าได้มั๊ย” นึก กระซิบเบาๆที่หู
ตั้ม ไม่ได้ตอบ ได้แต่บีบมือของ นึก ที่กุมมือตัวเองอยู่อย่างแผ่วเบา

“ตั้ม” นึก เรียกเบาๆอีกครั้ง หลังจากที่โอบกอดอยู่นาน
“หือ” ตั้ม ตอบเบาๆในลำคอ
“ขึ้นไปดูดาวกันนะ” นึกชวน “ขึ้นไปห้องโถงชั้นบนกัน” นึกหมายถึงห้องโถงกว้างบนชั้น ๕ ของตึกแถวที่เป็นบ้าน นึก สถานที่ที่ี่พวกเราจัดปาร์ตี้เล็กๆกันเมื่อตอนเย็น
“...........................”
“นะ ตั้ม ไปดูดาวแล้วนั่งคุยกัน” นึก บอกอีกครั้ง
เมื่อ ตั้ม ไม่ตอบ นึกก็คลายมือจากอ้อมกอด ดึงตัว ตั้ม ให้ลุกขึ้นยืน มือหนึ่งถือผ้าห่ม อีกมือจูงมือ ตั้ม ให้เดินตาม แล้วเปิดประตูออกจากห้องไป

พอมาถึงชั้น ๕ นึกเปิดไฟ เปิดเครื่องปรับอากาศ แล้วเลื่อนโซฟาตัวยาวให้ไปใกล้ๆหน้าต่าง พลางกวักมือเรียก ตั้ม ให้เข้าไปหา
“มานั่งดูดาวกันตรงนี้ดีกว่านะ อย่าออกไปข้างนอกเลย ดึกๆมันอันตราย” แล้ว นึก ก็นั่งลงบนโซฟา หันหน้าไปมอง ตั้ม
ตั้ม จึงเดินเข้าไปนั่งลงบนโซฟา ห่างจาก นึก พอสมควร นึก จึงขยับตัวเข้ามาไป แล้วเอามือมาโอบไหล่ ตั้ม ไว้ เอื้อมมืออีกข้างมาจับมือ ตั้ม บีบเบาๆ ตั้ม ก็ได้แต่นั่งก้มหน้านิ่ง

“ตั้ม” นึก เริ่มพูด หลังจากที่เรานิ่งเงียบกันไปสักพักหนึ่ง “บ้านเราน่ะมีเชื้อจีน เราเป็นลูกชายคนโต แล้วเรา....เรา” นึกเริ่มตะกุกตะกัก แล้วก็นิ่งเงียบไป
“คนจีนน่ะ ลูกชายคนโตต้องแต่งงาน สืบสกุล” ตั้ม พูดหลังจากที่รอประโยคต่อมาของ นึก อยู่พักใหญ่ พลางเงยหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง “ดาวไม่มีเลยนะ ไฟในเมืองกลบหมดเลย”
“อื้อ” นึก รับคำแต่ไม่รู้ว่าตอบรับเรื่องไหน แล้วหันหน้าออกไปมองนอกหน้าต่างบ้าง พลางเอามือลูบแขน ตั้ม
“ตั้ม” นึกเรียกอีก หลังจากเงียบไปสักครู่ “ตั้ม รักเรามั๊ย” นึกถามพลางเอาศรีษะไปอิงกับศรีษะ ตั้ม
“...............” ตั้ม ไม่ตอบ
“ตั้ม รักเราบ้างมั๊ย” นึกถามอีก
“นึกล่ะ” ตั้ม ไม่ตอบแต่ถามกลับเบาๆ
“เรา...” นึก อ้ำอึ้ง ต่างคนต่างเงียบไปนาน
“นึก” ตั้ม เรียกบ้าง
“หือ” นึก รับคำเบาๆ
“ลำบากใจก็ไม่ต้องตอบหรอก แต่เราขออะไรอย่างนึงนะ” ตั้ม พูดพลางขยับตัวออกห่าง นึก จึงคลายวงแขนที่โอบรอบคอออกมา เหลือแต่อีกมือหนึ่ง ที่ยังจับแขน ตั้ม อยู่ไม่ยอมปล่อย
“หลังจากคืนนี้ นึก อย่าทำแบบนี้อีก ได้มั๊ย” ตั้ม บอกพลางยิ้มเศร้าๆ “นะ นึก ให้มันจบแค่คืนนี้ แล้วพรุ่งนี้ เราเป็นเพื่อนกัน”
“แต่ ตั้ม ยังไม่ตอบเราเลยนะว่า...” นึก ยังต้องการคำตอบ
“เก็บมันไว้ดีกว่านะ” ตั้ม พูดแทรกขึ้นมา “เท่าที่ผ่านมา เราคิดว่า นึก รู้ว่าเรารู้สึกยังไง เราไม่เคยโกหกตัวเอง เราไม่เคยทำอะไรตรงข้ามกับที่ใจเราคิด เราคิดยังไง เราก็ทำอย่างนั้น เราปิดบังความรู้สึกตัวเองไม่เป็น แต่ถ้าให้เราพูดมันออกมา มันอาจทำให้ นึก ลำบากใจยิ่งกว่านี้ พวกเราเก็บมันไว้ในใจดีกว่านะ” ตั้ม ตอบช้าๆอย่างชัดถ้อยชัดคำ

นึกมองหน้า ตั้ม นิ่ง มองเห็นน้ำตาที่เริ่มก่อตัวอยู่ในดวงตาของ ตั้ม ค่อยๆไหลลงมาตามแก้ม นึก ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาให้ ลูบแก้ม ตั้ม เบาๆพลางขยับใบหน้าเข้าไปหาใบหน้าของ ตั้ม อย่างช้าๆ  แต่ ตั้ม ก็ลุกจากโซฟา หยิบผ้าห่มข้างตัวมาถือไว้ พลางหันตัวเดินช้าๆลงบันได กลับไปยังห้องนอน

นึก ถอนหายใจยาว ลุกขึ้นปิดไฟ ปิดเครื่องปรับอากาศ เดินกลับลงมา ตั้งใจจะขอแค่นอนกอด ตั้ม เหมือนเมื่อตอนก่อนจะออกจากห้องไป แต่ก็ทำไม่ได้เสียแล้ว เพราะวัฒน์ กลับลงมานอนอยู่ที่ตรงนั้น เขาไม่กล้าเรียก วัฒน์ อีกเป็นครั้งที่สอง จึงกลับไปล้มตัวนอนลงบนเตียงเช่นเดิม
..................................................................
.............................
“ศิลปี ไม่เป็นอะไรนะ” วัฒน์ ถาม ตั้ม ขณะที่รอรถประจำทางเพื่อกลับบ้านในตอนสายๆ
“เรื่องอะไรเหรอ” ตั้ม ถามเบาๆ
“ก็เรื่อง เอ้อ... เรื่อง” วัฒน์ หันไปมองหน้า หมู ซึ่งทำหน้าลำบากใจเหมือนกัน
“ถ้าเรื่องเมื่อคืน ก็อย่างที่เพื่อนๆได้ยินน่ะแหละ มันจบไปแล้ว” ตั้ม บอกพลางยิ้มเจื่อนๆ
“รู้เหรอ ว่าพวกเราตามขึ้นไปน่ะ” หมู พูดอย่างตกใจ
“ทีแรกไม่แน่ใจ ตอนนี้รู้แน่แล้ว” ตั้ม ตอบ
“พวกเราเป็นห่วงน่ะ กลัวว่า ... กลัวว่า เอ้อ...” วัฒน์ ตะกุกตะกัก เพราะไม่รู้ว่าพูดไปแล้ว ตั้ม จะเข้าใจหรือเปล่า
“เรารู้ว่าเป็นห่วง ขอบใจนะ” ตั้ม ยิ้มด้วยสายตาอ่อนโยน
“แล้วรู้ได้ไงอะ ว่าพวกเราตามขึ้นไป” หมู ถามด้วยความสงสัย “เราว่าไม่มีเสียงแล้วนะ”
“เราน่ะ นักดนตรีนะ ประสาทหูไว แล้วกลางคืนมันเงียบจะตาย พวกนายตั้ง ๔ คน เราไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยก็แย่แล้ว” ตั้ม หัวเราะน้อยๆ “โดยเฉพาะที่รีบวิ่งกลับเข้าห้อง ตอนเราลงบันไดน่ะ เราว่าได้ยินกันทั้งบ้านแหละ ที่สำคัญนะ” ตั้ม หยุดพูดแล้วจ้องหน้า วัฒน์ “ก่อนเราออกจากห้องน่ะ วัฒน์ นอนอยู่บนเตียงไม่ใช่เหรอ กลับลงมานอนที่เดิมตั้งกะตอนไหนอะ”
พูดจบ ตั้ม กับ หมู ก็หันไปหัวเราะให้กัน ส่วน วัฒน์ ได้แต่หน้าแดง อมยิ้ม พลางมองดูทั้งสองคนอย่างอ่อนโยน

“ถ้าพวกเราไม่ตามขึ้นไป ศิลปี จะทำแบบนั้นหรือเปล่า” หมู ถามพลางยิ้มกวนๆ ทำเอา วัฒน์ มองอย่างตกใจ
“อื้อ ต่อให้เวลาย้อนกลับไปตอนนั้นอีกกี่ครั้ง ต่อให้พวกนายไม่ได้ตามไป เราก็จะทำแบบนั้น ให้มันเป็นแค่ความทรงจำของความรู้สึกที่อยู่ในใจ ก็พอแล้ว” ตั้ม ตอบพลางเปลี่ยนสายตามองกลับไปทางบ้าน นึก แล้วหันกลับมาทางเพื่อนทั้งสอง พลางยิ้มให้

“พัฟ น่ะอยู่ตัวเดียวดีกว่า ” ตั้ม พูดออกมาลอยๆ ทำให้ วัฒน์ และ หมู มองหน้ากันด้วยความงุนงง

หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนพิเศษ/๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: salapaw ที่ 17-05-2008 20:05:23
 :m4: :m15: เก็บความทรงจำนี้ไว้ให้นานๆๆนะคะ

ยังเป็นเพื่อนกันอยู่หรือเปล่า


ปล.ขอโทษที่ถาม  ตอนนี้พี่ตั้มอายุเท่าไรคะ  o13
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนพิเศษ/๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: AidinEiEi ที่ 17-05-2008 20:55:33
 :เฮ้อ:โล่งอก ดีแล้วล่ะตั้ม ปอจะได้เป็นพระเอก อิอิ :m4:
รออ่านตอนต่อไปอยู่นะคะ :m1:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ๗๑/๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 17-05-2008 22:58:21
๗๑ หนึ่งปีทีที่ผ่านไป

ที่วิทยาลัยแห่งนี้ในช่วงการเรียนคอร์สปรับพื้นฐาน ผมรู้สึกเหนื่อยมาก เพราะผมต้องใช้เวลาในการเดินทาง ไป-กลับ ร่วม ๕ หรือ ๖ ชั่วโมง และยังต้องใช้เวลาในการท่องคำศัพท์ภาษาอังกฤษ อีกมากมาย จนผมปวดหัวทุกวัน
เมือถึงวันประกาศผลสอบเอนทรานซ์ ผมก็ไม่ได้ไปดูผล เพราะรู้อยู่แล้วว่าอย่างไรผมก็คงสอบไม่ติด ไม่ว่าจะเป็นอันดับใดก็ตาม แต่ผมก็โทรถามผลสอบของเพื่อนบางคน

ราญ สอบใหม่ - ทันตแพทย์
เต่า สิทธิ์ - แพทย์ศาสตร์
วัฒน์ - นิติศาสตร์
ชัย ศักดิ์ สมชาย หมู - เศรษฐศาสตร์
ธง - ศิลปกรรมศาสตร์
ตุ่ม นึก โอ ดม เชียร นึง ตี๋ ปุง พล นัส  ไมค์ รวมทั้ง ปอ และเพื่อนหลายๆคน ไม่ติดคณะที่เลือกไว้ หลายคนเลือกเรียนในมหาวิทยาลัยเปิดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ บางคนก็สอบเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยเอกชน บางคนก็ไปเรียนต่อต่างประเทศ และมีบางคนตัดสินใจกลับไปช่วยงานที่บ้านที่อยู่ต่างจังหวัด โดยไม่คิดจะเรียนต่อ

หลังจากนั้นผมก็ไม่ได้ติดต่อกับใครอีกเลย เพราะมัวแต่ยุ่งกับการเรียน จนกระทั่งเปิดภาคเรียน ผมเริ่มรู้สึกอึดอัดกับสภาพหลายๆอย่าง ของวิทยาลัยแห่งนี้ มาตั้งแต่ช่วงเรียนคอร์สปรับพื้นฐาน พูดง่ายๆคือผมปรับตัวไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเพื่อน ที่เปลี่ยนกลุ่มใหม่ทุกครั้งที่เปลี่ยนวิชาเรียน ระบบการเรียนการสอน ที่เป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด รวมถึงสภาพแออัด เนื่องจากนักศึกษาจำนวนมาก ในพื้นที่ค่อนข้างแคบของวิทยาลัย ซึ่งทำให้ผมรู้สึกเวียนหัวบ่อยๆ เมื่อต้องอยู่ท่ามกลางคนมากมาย และปัญหาจากเสียงที่ค่อนข้างอึกทึกตามบริเวณต่างๆ ของวิทยาลัย ผลการสอบกลางภาคผมแย่มาก ผมจึงตัดสินใจที่จะสอบเอนทรานซ์ใหม่ แน่นอนผมจะต้องปรึกษากับทางบ้านก่อน คนแรกที่ผมต้องบอกให้รู้ และขออนุญาต ก็คือ พ่อ

“ตามใจสิลูก ไม่ไหวก็อย่าไปฝืนมัน ดีกว่าเรียนแล้วไม่รู้เรื่อง เดี๋ยวจะพาลไม่จบเอา” พ่อพูดยิ้มๆ “อยากเข้าที่ไหนล่ะลูก”
“ตอนแรก ตั้มว่าจะเรียนดนตรี แต่ไม่มีที่ไหนมีเอกออร์แกนเลย ส่วนเอกเปียนโน ก็มีคนสอบกันเยอะ” ผมค่อยๆอธิบาย “ตั้ม เลยจะเรียนเกี่ยวกับ วรรณคดีไทย”
“ทำไมไม่เรียนพวก ภาษาและวรรณคดีอังกฤษ ล่ะลูก มันน่าจะไปได้ดีกว่านะ” พ่อถาม
“ตั้ม ไม่ชอบอะพ่อ ตั้ม ชอบวรรณคดีไทยมากกว่า ตอนเรียนมัธยม ตั้ม ก็ทำได้ดีมากกว่าภาษาอังกฤษ” ผมให้เหตุผลตามที่ตัวเองรู้สึก
“นั่นสินะ พ่อก็ว่าอย่างนั้นแหละ ตั้งใจแล้วก็ทำให้ดีนะลูก” พ่อบอกผมที่นั่งอยู่บนพื้น ห่างออกมาจากเก้าอี้ที่พ่อนั่งอยู่
“อีกเรื่องค๊าบพ่อ” ผมหยุดพูดไปนิดหนึ่ง พลางมองหน้าพ่ออย่างเกรงใจ “ตั้ม อยากหยุดเรียนที่วิทยาลัยไปเลย เอาเวลามาทบทวนตำรา กับซ้อมดนตรีเพิ่ม ตอนนี้ที่สถาบันอยากได้คนช่วยงาน ตั้ม อยากไปช่วยงานซัก ๒-๓ เดือน ได้มั๊ยค๊าบ”
“เอาอย่างนั้นเลยเหรอลูก” พ่อหัวเราะ “เรื่องหยุดเรียนพ่อก็ว่าดี เพราะเรียนไปแล้วคะแนนไม่ดีขึ้น ก็เอาเวลามาท่องหนังสือเตรียมสอบดีกว่า เรื่องค่าหน่วยกิจน่ะ ช่างมันเถอะไม่ต้องไปเสียดายมัน ถือซะว่าเป็นค่าประสบการณ์ ให้เรารู้จักโลก รู้จักตัวเองมากขึ้น แต่พ่อไม่ค่อยเข้าใจ เรื่องที่จะไปช่วยงานที่สถาบัน”
“ก็ถ้าเอาแต่ท่องหนังสือ มันน่าเบื่ออะค๊าบ ตั้ม เลยอยากไปช่วยที่สถาบัน หายเบื่อด้วย ได้ความรู้ด้วย” ผมอ้อมแอ้มบอกไป
“จะไปหาเพื่อนว่างั้นเถอะ” พ่อดักคอ ผมได้แต่หัวเราะแหะๆ “เอาสิลูก ท่องหนังสืออยู่กับบ้านอย่างเดียว เหงาแย่ แล้วถ้ามันเป็นเรื่องที่มีประโยชน์ ก็ทำไป พ่อไม่ว่าอะไรหรอก อย่าเกเรแล้วกัน”
“ตั้ม ไม่เกเรหรอก ตั้ม จะตั้งใจเรียนค๊าบ แล้ว ตั้ม จะเอาให้ได้เกียรตินิยมเหมือนพี่สาวด้วย” ผมบอกพ่อเหมือนเป็นการให้สัญญา “เดี๋ยว ตั้ม ไปบอกแม่ก่อนนะค๊าบ”
......................................................................
...............................
ปฏิกิริยาจากแม่ก็คือการนิ่งเงียบ เหมือนเมื่อตอนที่ผมเคยขออนุญาตเล่นละครของโรงเรียน ผมจึงต้องเดินกลับเข้าห้องส่วนตัวของผมไป

วันรุ่งขึ้นผมก็เริ่มหยุดการเรียนในวิทยาลัย อีกไม่กี่วันต่อมา เมื่อถึงวันที่แม่ต้องให้เงินค่าใช้จ่ายประจำเดือนกับผม ผมก็รู้คำตอบ นอกจากค่าใช้จ่ายประจำเดือนและค่าเรียนดนตรีแล้ว  ยังมีเงินอีกจำนวนหนึ่งเพิ่มขึ้นมาด้วย
“แม่ค๊าบ แม่หยิบตังส์ให้ ตั้ม ผิดอะค๊าบ มันเกินมา” ผมบอกจำนวนเงินที่เกินกับแม่
“ต้องซื้อหนังสือแบบฝึกหัดมาทำไม่ใช่เหรอไง” แม่ตอบ
“ขอบคุณค๊าบ” ผมตอบหลังจากนิ่งไปสักครู่ แล้วจึงไหว้ขอบคุณแม่ พลางเอามือเช็ดน้ำตาที่เรี่มปริ่มออกมา
“แบ่งเวลาให้ดีล่ะ แล้วต้องสอบให้ได้ อย่าให้ชั้นขายหน้า” แม่พูดเหมือนไม่สนใจอะไร แต่แค่นี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับผม ที่ได้รับรู้ว่า แม่ยังห่วงใยผมอยู่
“แม่ค๊าบ” ผมตัดสินใจสักพัก แล้วพูดออกไป “ถ้า ป๊ะป๋า ยังอยู่ ป๊ะป๋าจะว่าอะไรมั๊ยค๊าบที่ ตั้ม ทำแบบนี้” พูดไปแล้วผมก็รู้สึกกลัว จนแทบหยุดหายใจ
...แม่จะตอบไหม
...แม่จะบอกอะไรผมมากกว่าคำตอบรึเปล่า

แม่หันมามองหน้าผมนิ่ง จนผมต้องก้มหน้า
“คนก็ไม่อยู่แล้ว แกจะพูดถึงทำไม” แม่พูดเบาๆ
“ก็ ตั้ม ตั้ม....” พูดได้แค่นั้นน้ำตาของผมก็เริ่มไหล “ตั้ม คิดถึง ป๊ะป๋า” ผมพูดแล้วก้มหน้าเช็ดน้ำตา
“เฮ้อ...” แม่ถอนหายใจ “ถ้าแกสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ ป๊ะป๋า ของแกก็คงดีใจ” แม่พูดกับผมด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ตั้ม ต้องสอบได้สิแม่ ตั้ม สัญญา” ผมตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง
......................................................................
...............................
ช่วง ๓ เดือนแรก ผมไปสถาบันเกือบทุกวัน อาจารย์ชาวญี่ปุ่นที่สถาบัน ให้ความเอ็นดูผมมาก มักจะนำโน้ตเพลงแปลกๆ มาให้ลองฝึกซ้อมเสมอ บางครั้งหากมีการสัมมนา อาจารย์จะเรียกผมให้ไปช่วยงานต่างๆในห้องสัมมนาด้วย เช่นเปิดเพลง เปลี่ยนเทปคลาสเซท หรือแม้กระทั่งเล่นออร์แกนไฟฟ้า ตามที่อาจารย์เขียนบนกระดาน ประกอบการอธิบายของท่าน ซึ่งทำให้ผมได้ประโยชน์ทางดนตรีมากมาย ยังมีอาจารย์อีกหลายท่าน ที่เดินผ่านมาเห็นผมซ้อมดนตรีอย่างจริงจัง มักจะเข้ามาให้คำแนะนำกับผมเสมอๆ ทำให้ทักษะทางดนตรีของผมในตอนนั้น พัฒนาอย่างรวดเร็วมาก

๓ เดือนผ่านไป ผมเริ่มไปสถาบันน้อยลง และ ๓ เดือนสุดท้ายก่อนการสอบ ผมหยุดไปที่สถาบัน รวมทั้งพักการเรียนดนตรีที่สถาบันเอาไว้ด้วย จนกระทั่งการสอบเสร็จสิ้น เมื่อไปที่สถาบันเพื่อนๆพากันเอะอะโวยวาย ถามโน่นถามนี่ พวกเราคุยกันด้วยความคิดถึง แล้วก็พากันซ้อมเพลงจนปวดมือ และเสียงแหบแห้งกันไปตามๆกัน

เมื่อถึงวันประกาศผล ถึงผมจะสอบไม่ติดในอันดับต้นๆที่ผมเลือกไว้ แต่อันดับที่ผมสอบได้ก็ไม่เลวเลยทีเดียว เป็นสถาบันเดียวกับที่พี่สาวผมจบมาเสียด้วย และยังเป็นวิทยาเขตเดียวกันอีก เมื่อผมบอกกับทางบ้าน ทุกคนต่างก็ดีใจกัน แต่ก็มีเสียงบ่นอยู่บ้าง
“เลือกทำไมเนี่ย ภาษาและวรรณคดีไทย ทำไมไม่เลือก ภาษาและวรรณคดีอังกฤษ” พี่สาวผมบ่น
“เอาน่า ไหนๆก็ได้แล้ว ตั้งใจเรียนนะ” พี่ชายผมพูดปลอบ เมื่อเห็นผมหน้าสลด
“เป็นรุ่นน้องพี่สาวเค้าแล้วนะลูก” คำพูดของพ่อ ทำให้พวกเราหัวเราะกันได้
......................................................................
...............................
“สอบได้แล้วก็ตั้งใจเรียนล่ะ” เป็นคำพูดสั้นๆของแม่ผม

แม่นั่งอยู่บนโซฟา ลูบคลำของบางอย่างอยู่ในมือ
“เอามือมานี่สิ”ผมขยับตัวไปใกล้ๆ พลางยื่นมือขวาให้แม่
“มือซ้ายสิลูก” แม่บอกเสียงอ่อนโยนขึ้น ผมจึงเปลี่ยนเป็นยื่นมือซ้ายให้แม่ด้วยความงุนงง

แม่บรรจงสวมแหวนที่แม่ลูบคลำอยู่เมื่อสักครู่ ลงไปที่นิ้วนางของผมอย่างช้าๆ แหวนทองขาว ประดับด้วยเพชรเม็ดเล็กๆหลายเม็ด เรียงเป็นแถว ๔ แถว ผมมองแหวนวงนั้นด้วยความตกตะลึง ตั้งแต่ผมเห็นมันอย่างชัดเจน เพราะผมจำได้ติดตาว่าแหวนวงนี้ เป็นแหวนที่คนคนหนึ่งสวมไว้ตลอดเวลาที่ยังมีชีวิตอยู่

“พอดีเลยนะ แม่ไปตัดเรือนมา เพราะนิ้วเรามันเล็ก ชอบมั๊ย” แม่พูดพลางมองผมด้วยสายตาอ่อนโยน แบบที่ผมไม่ค่อยเห็นบ่อยนัก
“แม่ แหวนวงนี้มัน...” ผมพูดไม่ออก น้ำตาเริ่มไหล ผมรีบเอามือป้ายน้ำตา พลางมองแหวนที่สวมอยู่ “แหวนของ ป๊ะป๋า ใช่มั๊ยแม่ ตั้ม จำได้” ผมพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเล็กน้อย
“ป๊ะป๋า บอกว่าให้เก็บไว้ให้ลูก เมื่อลูกโตพอจะรักษามันได้แล้ว ตั้ม รักษาสัญญาเรื่องสอบกับแม่ได้ แม่ก็คิดว่าลูกคงจะรักษาแหวนวงนี้ได้” แม่พูดช้าๆ “รักษามันไว้ให้ดีนะลูก ถ้าจะให้ใคร ต้องให้กับคนที่ ตั้ม รักที่สุดนะลูกนะ”

คำถามบางอย่าง ผุดขึ้นมาในหัวของผม ผมเกือบจะถามออกไป แต่ภาพของครอบครัวตอนนี้ ทำให้ผมต้องเปลี่ยนใจ ในเมื่อทุกสิ่งทุกอย่าง กำลังดำเนินไปในทางที่สงบ ทำไมผมต้องทำให้มันขุ่นมัวขึ้นมาอีกครั้ง  ถ้ามันจะเจ็บปวด ผมก็ขอเก็บไว้เพียงคนเดียวจะดีกว่า

หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ๗๑/๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: nana ที่ 18-05-2008 02:04:22
 :L2: :L2: :L2:



 :L1: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ๗๑/๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 18-05-2008 21:59:02
 :yeb: สู้ นะตั้ม
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ตอนพิเศษ/๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 19-05-2008 18:08:28
:m4: :m15: เก็บความทรงจำนี้ไว้ให้นานๆๆนะคะ

ยังเป็นเพื่อนกันอยู่หรือเปล่า


ปล.ขอโทษที่ถาม  ตอนนี้พี่ตั้มอายุเท่าไรคะ  o13
หมายถึง ตั้ม กับ นึก ใช่ไหมครับ ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันครับ  o18

ส่วนอายุ
... ห้ามถามอายุกับน้ำหนักผู้หญิง  :laugh3:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ๗๒/๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 19-05-2008 19:06:28
๗๒ ย้ายวิทยาเขต

ผมกลายมาเป็นนักศึกษาปีที่ ๑  คณะมนุษยศาสตร์ในรั้วมหาวิทยาลัย วิทยาเขตที่อยู่ติดกับ มหาวิทยาลัยชื่อดังที่สุดของประเทศ เนื่องจากเป็นวิทยาเขตเล็กๆ จึงมีจำนวนนักศึกษาไม่มากนัก ชีวิตช่วงนี้ของผมมีความสุขดี ผมสนิทสนมกับเพื่อนๆ และรุ่นพี่อย่างรวดเร็ว จากการที่ผมผ่านการเรียนบางวิชามาแล้วในช่วงที่เรียนในวิทยาลัยเอกชนเมื่อปีก่อน ทำให้ผลการสอบวิชาภาษาอังกฤษ และวิชาวิชาคณิตศาสตร์ ของผม ได้คะแนนดีมาก โดยเฉพาะวิชาวิชาคณิตศาสตร์ ผมทำคะแนนได้เกินกว่า ๙๐% ในขณะที่เพื่อนๆในชั้นปี ทำคะแนนกันได้เพียง ๔๐%-๗๐% เท่านั้น ก็เลยโดนเขม่นไปพักหนึ่ง แต่ไม่นานเราก็สนิทกันเหมือนเดิม โดยผมยังคงทำหน้าที่ติวเพื่อนๆเหมือนสมัยที่เรียนชั้นมัธยม นอกจากเรื่องการเรียนแล้ว ยังมีเรื่องต่างๆเกิดขึ้นกับผมอีกมากมาย

จนภาคเรียนที่สองมาถึง หลังจากการสอบกลางภาคผ่านไป ก็มีการสอบวัดคะแนนเพื่อเลือกวิชาโท ของภาควิชาภาษาอังกฤษ ซึ่งผมก็ต้องสอบด้วย ถึงแม้ว่าผมคิดไว้แล้วว่าผมจะเรียนวิชาโทสาขาวิชาอื่นก็ตาม เมื่อผลการสอบออกมา ก็มีประกาศจากทางมหาวิทยาลัยเรียกตัวผมไปพบหัวหน้าภาควิชาภาษาอังกฤษ ท่านพยายามพูดให้ผมย้ายวิชาเอก จากภาษาไทย เป็น ภาษาอังกฤษ แต่ต้องย้ายคณะ จากคณะมนุษยศาสตร์ เป็นคณะศึกษาศาสตร์ เพราะการย้ายวิชาเอกในคณะเดียวกันนั้นไม่สามารถทำได้ ผมเรียนท่านว่า ผมขอปรึกษากับทางบ้านก่อน แน่นอน ผมไม่ต้องการแบบนั้นเลย ไม่อย่างนั้นผมคงเรียนต่อในวิทยาลัยเอกชนแห่งเดิม ไม่มาสอบเอนทรานซ์ใหม่ในสาขาวิชานี้หรอก ผมลองปรึกษากับพี่รหัส และรุ่นพี่หลายคนที่ผมสนิทด้วย ทุกคนพากันแปลกใจกับข้อเสนอของอาจารย์ท่านนั้น หลายคนให้การสนับสนุน เพราะโอกาสแบบนี้เป็นที่ต้องการของหลายๆคน แต่มันกลับตกมาที่ผม ผมควรจะรับไว้

จากการปรึกษาเรื่องนี้เอง ทำให้ผมรู้เรื่องของการย้ายวิทยาเขต ซึ่งบางวิทยาเขตมีวิชาโท ที่ทำให้ผมต้องใจระทึก ... ภาควิชาดุริยางค์

เมื่อผมได้ข้อมูลมาเรียบร้อย ผมก็นำมาพิจารณาดูวิทยาเขตต่างๆ การย้ายวิทยาเขตในกรุงเทพฯ เป็นเรื่องยาก แต่หากย้ายไปวิทยาเขตต่างจังหวัด จะเป็นการง่ายกว่า ผมจึงเลือกวิทยาเขตหนึ่งทางภาคตะวันออก ซึ่งไม่ไกลจากกรุงเทพฯนักเป็นจุดหมาย ซึ่งต้องออกไปอยู่หอในวิทยาเขตนั้น แน่นอน ผมต้องปรึกษาทุกคนในบ้านก่อน ซึ่งทุกคนตามใจผมจนทำให้ผมแปลกใจ พี่สาวบอกว่า เป็นเพราะผมโตแล้ว อยากให้ลองรับผิดชอบตัวเองบ้าง แล้วความตั้งใจสอบเข้า กับผลการเรียนของภาคเรียนที่ผ่านมา ทำให้ทางบ้านรู้ว่า ผมตัดสินใจด้วยความต้องการเรียนจริงๆ

ส่วนสาเหตุจริงๆ ที่ทำให้ผมอยากย้ายวิทยาเขตนั้น จะเกิดจากอะไรก็ตาม  แต่ปล่อยให้มันอยู่ในใจผมเพียงคนเดียวคงจะดีกว่า

ผมเริ่มทำเรื่องขอย้ายวิทยาเขต แล้วผลการอนุมัติก็ออกมา เมื่อถึงช่วงปิดเทอม ผมก็เดินเรื่องเกี่ยวกับการย้ายทะเบียนนักศึกษา ซึ่งได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อนหลายๆคน ที่ได้รู้จักกันในงานมีทติ้งระหว่างวิทยาเขต ตุ่ม เต่า พากันมาช่วยผมขนของ โดยที่ ราญ เป็นคนขับรถพาผมไปส่งที่หอพักของวิทยาเขตแห่งนั้น ช่วงนั้น ราญ เป็นนิสิตปี ๒ คณะแพทย์ศาสตร์ จากการสอบเอนทรานซ์ครั้งที่ ๓

ขณะที่ผมเรียนอยู่ชั้นปีที่ ๒ นี้เอง แม่ได้ไปซื้อบ้านไว้อีกหลังหนึ่ง ห่างจากบ้านที่อยู่ในตอนนี้ไปประมาณ ๕ กิโลเมตร แม่ไปๆมาๆ ระหว่างสองบ้านอยู่นาน แล้วจึงย้ายไปอย่างถาวร และผมถูกขอร้องแกมบังคับให้ย้ายตามไปอยู่กับแม่ ในช่วงเทอมแรกของชั้นปีที่ ๔ ช่วงนี้เอง ที่ผมพบว่าของหลายอย่างของผมหายไป อะไรก็ไม่สำคัญเท่าอัลบั้มรูปหลายเล่ม ซึ่งรวบรวมรูปเมื่อสมัยที่ผมเรียนอยู่ในชั้นมัธยม หนังสือหายากที่ผมสะสมไว้ รวมทั้งสมุดจดหมายเลขโทรศัพท์เล่มใหญ่ ที่จดหมายเลขโทรศัพท์ทั้งหมดของเพื่อนๆไว้
 
ช่วงชีวิต ๓ ปีในวิทยาเขตแห่งนั้น ผมพบกับเรื่องราวต่างๆมากมาย ผมร่วมกิจกรรมต่างๆในชมรมนาฎศิลป์ ชมรมดนตรีไทย และชมรมศิลปการแสดง ผลการเรียนของผมเป็นที่พอใจของตัวผม และทางบ้าน ผมเข้ารับเกียรติบัตรในพิธีไหว้ครูทุกปี และจบออกมาด้วยคะแนนเกียรตินิยมอันดับ ๒ เป็นเกียรตินิยมคนเดียวของภาควิชาภาษาไทย ทำให้ผมเด่นเป็นพิเศษในวันรับปริญญา เมื่อผมสอบเสร็จแล้ว ผมยังอยู่ช่วยงานของมหาวิทยาลัยต่ออีกจนหมดช่วงสงกรานต์ ผมกลับเข้าไปสถาบัน หลังจากที่หายไปตั้งแต่ช่วงปีใหม่ เมื่ออาจารย์หัวหน้าฝ่ายวิชาการพบผม ก็เรียกให้ผมเข้าไปคุยที่ห้องทำงาน กับผู้บริหารระดับสูงของสถาบันท่านหนึ่ง พวกท่านต้องการให้ผมเป็นอาจารย์สอนภาควิชาคีย์บอร์ด ในสาขาแห่งหนึ่งของสถาบัน เนื่องจากจะมีอาจารย์ท่านหนึ่งในสาขานั้น ย้ายเข้ามาทำงานในส่วนวิชาการ ซึ่งผมก็ตอบตกลงไปด้วยความเต็มใจ และดีใจเป็นอย่างมาก

ผมเริ่มทำงานเป็นอาจารย์สอนออร์แกนไฟฟ้า ในสาขาของสถาบัน ที่อยู่ใกล้โรงเรียนมัธยมที่ผมเคยเรียนอยู่ ผมมักจะเข้าไปกราบครูผู้มีพระคุณของผมเสมอในวันไหว้ครู ครูทุกท่านดีใจที่ได้เจอผม และดีใจที่ผมเรียนจบออกมาได้ทำงานด้านดนตรีที่ผมรัก ผมเริ่มติดต่อหาเพื่อนเก่าบางคนทางโทรศัพท์ ซึ่งผมต้องหูชาทุกครั้ง เพราะโดนต่อว่า ว่าหายตัวไปโดยไม่ติดต่อเพื่อนๆเลย  แต่ก็มีเพื่อนๆหลายคนเหมือนกัน ที่ผมไม่ต้องการติดต่อ บางคนผมก็ไม่สามารถติดต่อได้เนื่องจากเปลี่ยนหมายเลขโทรศัพท์ไป หรือโทรไปแล้วเป็นเวลาที่เพื่อนไม่อยู่บ้าน 

เป็นเพราะวันทำงานและวันหยุดของผม ตรงกันข้ามกับคนทั่วไป ทำให้ไม่ค่อยไปพบเพื่อนๆ ที่นัดเจอกันบ่อยๆ ในคืนวันศุกร์ หรือวันเสาร์-อาทิตย์

หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ๗๒/๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: AidinEiEi ที่ 19-05-2008 21:55:30
ง่า.....ตั้มใจร้าย ค้างไว้อย่างเนี๊ย
เรื่องใกล้จะถึงตอนเริ่มต้นแล้วใช่มั๊ยคะ
หวังว่า ปอ จะไม่เป็นไรนะ หายไปเลย...
อยากอ่านต่อเร็วๆจัง....
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ๗๒/๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: RN ที่ 19-05-2008 22:42:44
รอน้องตั้ม

ปล.เราก็ยังเชียร์ปอเหมือนเดิม

 :oni1: :oni2:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ๗๒/๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: nana ที่ 20-05-2008 05:51:38
ทำงานแล้วดีจังเลย



 :L2: :L1: :L2:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ๗๒/๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: salapaw ที่ 20-05-2008 08:37:17
บทจะเร็วก็เร็วมาก อิอิ
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ๗๓/๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 20-05-2008 12:59:09
๗๓ กลับมาพบกันอีก

“ไอ้ตั้ม ทางนี้เว๊ย” เสียง ดม ตะโกนเรียก ตั้มจึงเดินเข้าไปหา

วันนี้ ตั้ม มีนัดกินข้าวกลางวันกับ ดม ที่สาขาของร้านอาหารฝรั่งร้านหนึ่ง ซึ่งมีชื่อเสียงว่าอาหารจานหลักอร่อย และสลัดบาร์ที่มีผักแปลกๆมากมาย ซึ่งสามารถทานได้ไม่จำกัด รวมทั้งซุบต่างๆ ของหวาน และผลไม้ ก็เช่นกัน ทั้งสองคนสั่งอาหารจานหลัก แล้วไปตักซุป และสลัดมานั่งกิน พลางคุยเรื่องต่างๆกับ ดม ไปเรื่อยๆ ดม เล่าให้ ตั้ม ฟังว่าเพื่อนๆแต่ละคนยังเรียนอยู่ หรือทำงานแล้วที่ไหนบ้าง

“แล้ว ปอ ล่ะเป็นยังไงบ้าง” ตั้ม ถามถึงคนที่ตนคิดถึง
“ปอ มันเหลืออีกไม่กี่หน่วยก็จบแล้ว เมื่อก่อนมันขี้เกียจ แต่พักหลังมันขยันขึ้นเยอะ โดยเฉพาะปีการศึกษานี้ มันตั้งใจจะจบให้ได้” ดม ตอบ
“แบบนั้นก็ดีสิ เรียนให้จบไวๆ ที่บ้านจะได้ชื่นใจ แล้ว ปอ สบายดีใช่มั๊ยอะ” ตั้ม ถามพลางยิ้มน้อยๆ
“อื้อ มันสบายดี เอ็งไม่โทรไปหามันบ้างล่ะ” ดม ถาม
“โทรแล้ว แต่ไม่เจอตัว” ตั้ม ตอบด้วยสีหน้าหมองลง
“เหรอวะ แต่อย่างว่าหว่ะ ช่วงนี้มันขยันฉิบหาย ทั้งเรียน ทั้งทำงานพิเศษ สงสัยเก็บเงินเตรียมขอคนแต่งงาน” ดม พูดยิ้มๆ
“เหรอ” ตั้ม ยิ้มกว้าง  “ปอ มีแฟนแล้วเหรอ”
“ก็ไม่เชิงหว่ะ” ดม ตอบแล้วนึกขำ ...มันจะมาขอมึงนั่นแหละ ตอนนี้มันขยันเรียนเพราะเอ็งเรียนจบแล้วไงวะ มันจะรีบเรียนให้จบ ขืนดองไว้ไม่ยอมจบซะที มันก็ขายหน้าเอ็งสิ ...
“เอ้อ ... แล้ว นึก ล่ะ” ตั้ม ถามขึ้น หลังจากที่กินอาหารจานหลักหมดจานแล้ว
“รายนั้น ถ้าเอ็งอยากรู้เดี๋ยวถามกันเองแล้วกัน เดินมานั่นแล้ว” ดม พูดยิ้มๆ
แล้ว ตั้ม ก็ต้องแปลกใจ ปนด้วยความตกใจเล็กน้อย เมื่อ นึก เดินเข้ามานั่งลงบนเก้าอี้ตัวที่อยู่ตรงข้าม
“โทษทีที่ช้า รถติดน่าดู” นึก พูดพลางหัวเราะเบาๆ
“ไม่ต้องเลยเอ็ง นัดเที่ยง มาซะเกือบบ่าย พวกกูกินกันเสร็จแล้ว” ดม หันไปเอ็ด
“เอาน่า ไหนๆก็มาแล้ว” นึกหยุดพูด หันไปสั่งอาหารและเครื่องดื่มกับพนักงาน แล้วหันมาพูดกับ ดม ต่อ “มึงตักสลัดให้กูที เหนื่อยหว่ะรีบมา”
“ตั้ม แน่ะ ไปตักสลัดให้มันที” ดม หันไปบอกยิ้มๆ
“เอาอะไรมั่งล่ะ” ตั้ม ถามเบาๆ
“อะไรก็ตักมาเหอะ หิวแล้ว” นึก พูดเสียงดังเหมือนสั่ง
ตั้ม ลุกขึ้นไปที่สลัดบาร์ ตักผักหลายอย่าง อย่างละนิดอย่างละหน่อย พร้อมทั้งขนมปังกรอบชิ้นเล็กๆ ตักน้ำสลัดข้นๆ ๒-๓ แบบ ลงไปที่ขอบจาน แทนที่จะราดลงไป แล้วเดินกลับไปที่โต๊ะ พลางวางจานลงตรงหน้า นึก
“ตักอะไรมาวะเนี่ย ของพวกนี้ใครจะกินลง” นึก โวยวาย ในขณะที่ ตั้ม หน้าซีดลง
“งั้นมึงไม่ต้องกิน” ดม ดึงเอาจานสลัดมา แล้วเอาส้อมจิ้มผักในจาน จิ้มน้ำสลัดส่งเข้าปาก
“ทำไรวะมึง” นึก หันไปโวยวายกับ ดม
“ก็มึงบอกกินไม่ลงไง จะเอาอะไรที่แดกลงก็ไปตักเอง จะได้ไม่ต้องบ่น” ดม ไม่ยอมแพ้ เอ็ดเอาบ้าง นึกจึงต้องลุกเดินไปที่สลัดบาร์ด้วยตัวเอง
“ดม เรากลับก่อนดีกว่า เดี๋ยวเข้างานไม่ทัน” ตั้ม บอกพลางยื่นเงินให้จำนวนหนึ่ง “ค่าอาหารนะ ถ้ามีเงินทอนก็เก็บไว้ให้ด้วยแล้วกัน เจอกันคราวหน้าค่อยคืนเรา”
“เอางั้นเหรอวะ งั้นงานรับปริญญาอย่าลืมโทรบอกกูนะ” ดม พูดพลางรับเงินมาวางไว้ข้างๆจานสลัด
“อื้อ ไม่ลืมหรอก” ตั้ม พูดพลางหน้าสลดลง ... แต่งานรับปริญญาของพวกนายน่ะ ไม่มีใครบอกเราสักคน
“ฝากขอโทษนึกด้วยแล้วกันนะ เดี๋ยวเราเข้าชั้นสอนไม่ทันจริงๆ เราไปก่อนหล่ะ” ตั้ม พูดจบก็ลุกเดินออกไปจากร้าน
“อ้าว ตั้ม ไปไหนวะ เข้าห้องน้ำเหรอไง” นึก ถามขึ้นเมื่อเดินกลับมานั่งที่โต๊ะ
“กลับไปแล้ว” ดม พูดอย่างอารมณ์เสีย “มันฝากขอโทษเอ็งด้วย ที่ต้องกลับไปก่อน มันมีสอน” ดม พูดพลางจิ้มผักเข้าปาก... เป็นกูนะจะฝากด่า
“ทำไมรีบกลับวะ น่าจะอยู่คุยกันก่อน สักคำสองคำก็ยังดี ” นึก บ่น
“ยังมีหน้ามาถามอีก ปากมึงน่ะสิ เป็นกู กูก็เผ่น” ดม หันมาเอ็ดอีก
“กูไม่ได้ตั้งใจหว่ะ” นึก พูดอย่างสำนึกผิด
“กูรู้ว่ามึงเขิน แต่มึงไม่ควรพูดแบบนั้น” ดม ยังไม่หายโกรธ
“เขินเชี่ยมึงดิ” นึก เถียง “คราวหน้ากูจะระวังแล้วกัน” นึก พูดเสียงอ่อนลง
“งั้นคราวหน้ามึงอยากเจอมัน ก็นัดเองนะเว๊ย กูไม่เป็นองคตให้มึงแล้ว” ดม พูดอย่างเบื่อหน่าย
......................................................................
...............................
“ตั้ม เอาไปอันนี้ของพวกเรา” เต่าพูดพลางยื่นช่อกุหลาบช่อใหญ่ให้ผม
“ส่วนนี่” ตุ่ม ยื่นช่อลิลลี่ ที่มีดอกลิลลี่อยู่ ๓ ดอกให้ผม “ราญ กับ ชัย ฝากมาให้”
“ไม่น่าลำบากกันเลย แค่มาเราก็ดีใจจะแย่แล้ว” ผมรับมารวมกับช่อดอกไม้ที่อยู่ในอ้อมแขน จับวางไว้แนบอก

วันนี้เป็นวันรับปริญญาของผม เมื่อช่วงเช้าตอนรับปริญญา เพราะผมเป็นคนเดียวของภาควิชาที่ได้เกียรตินิยม ปกเสื้อครุยสีขาวของผม เด่นอยู่ท่ามกลางปกเสื้อครุยสีม่วง และสีเขียวของคณะอื่น ตั้งแต่ตอนตั้งแถวเข้าหอประชุม ยังดีที่คนที่คนที่อยู่ถัดจากผม เป็นเพื่อนที่เคยอยู่ชมรมเดียวกัน ทำให้ผมหายประหม่า จากการจ้องมองของคนรอบข้างไปได้มาก หลังจากที่ออกมาจากหอประชุม ผมก็เดินถ่ายรูปกับเพื่อนๆ ไปเรื่อยๆ จนมาเจอกับ ตุ่ม และ เต่า ซึ่งยืนรออยู่แถวเตนท์ ที่จัดไว้สำหรับเป็นจุดนัดเจอของบัณฑิต กับญาติหรือเพื่อนๆ แล้วสักพักกลุ่มเพื่อนๆจากโรงเรียนมัธยม ก็ยกขบวนกันมาถึง

“ไอ้ลูกหมา เท่ห์เชียวนะเอ็ง ตัวโตขึ้นเยอะ สูงเกือบเท่าไอ้นึกมันแล้ว” โอ ทักทายเสียงดัง
“เอาไป นี้พวกกูบริจาคเงินซื้อให้ มัวแต่รอเค้าจัดช่อนี่แหละถึงได้มาช้า” ช่อดอกไม้ช่อใหญ่ ถูกส่งมาให้ผม ผมรับมาอย่างทุลักทุเล เพราะมีช่อดอกไม้จากรุ่นพี่และรุ่นน้อง อยู่เต็มอ้อมแขน 

ไม่ใช่เพียงแค่ขนาดและความสดชื่นของช่อดอกไม้เท่านั้น แต่การที่เพื่อนๆสิบกว่าคนนัดกันมาอย่างพร้อมเพรียงแบบนี้  มันทำให้ผมรู้ว่า เพื่อนๆตั้งใจแค่ไหนที่มาร่วมแสดงความยินดีกับผมในวันนี้

“ขอบใจมากนะ ไม่น่าลำบากหิ้วมาเลย” ผมตื้นตัน ตาเริ่มแดง
“ศิลปี ยังไม่หายขี้แยอีกเหรอ วันนี้วันดี อย่าร้องเชียวนะ” วัฒน์ พูดหัวเราะๆ แล้วพวกเราพากันถ่ายรูปร่วมกันหลายใบ
“เอ้อ ปอ ล่ะทำไมไม่มา” ผมถามถึงคนที่ผมคิดถึงมาตลอด ในช่วงที่ผมเรียนอยู่ในวิทยาเขตต่างจังหวัด
“เอ้อ...” นึก อึกอัก ... เขาจะบอกได้ยังไง ว่าเขาลืมบอก ปอ
“มันติดธุระ” ดม รีบพูดต่อ
“เหรอ เสียดายจัง” ผมตอบพลางรู้สึกโหวงเหวงอยู่ในใจ

พวกเราจับกลุ่มคุยกันอยู่สักพัก เพื่อนๆก็แยกย้ายกันกลับ ส่วนผมยังอยู่ที่เดิม ไม่นานนักคนที่บ้านผมก็มาถึง ผมถ่ายรูปกับแม่ พี่ๆ และหลานๆหลายใบ ส่วนพ่อไม่ได้มาด้วย เพราะโรคเบาหวานทำให้พ่อต้องตัดขาข้างหนึ่งตั้งแต่ส่วนหัวเข่าลงมา การนั่งรถนานๆทำให้พ่อหงุดหงิด และพ่อที่เกษียณอายุราชการมาหลายปี เริ่มมีอายุมากแล้ว ช่วงนี้มักมีอาการหลงลืมบ่อยๆ และมักอารมณ์ไม่ดีโดยไม่มีสาเหตุเสมอ ... เมื่อเห็นผม

ผมจึงไม่มีรูปที่ถ่ายกับ พ่อ ในงานรับปริญญาเลยสักใบ
......................................................................
...............................
ผมยังนัดเจอกับเพื่อนๆอีกหลายครั้ง แต่ทุกครั้งไม่เคยมี ปอ อยู่ด้วย ดม บอกว่าตอนนี้ ปอ กำลังเรียนหนัก เพราะตั้งใจจะให้จบภายในปีการศึกษานี้ ผมได้แต่ฝากบอกเพื่อนๆไปว่า ให้ ปอ พยายาม และให้บอกด้วยว่า ผมคิดถึง ปอ มาก

หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ๗๓/๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: nana ที่ 20-05-2008 13:24:09
 :เฮ้อ:แล้วปอก็หายไป o7


 :L2: :L1: :L2:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ๗๓/๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: AidinEiEi ที่ 20-05-2008 13:42:18
คิดถึงปอเหมียลกัลลลลลล
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ๗๓/๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: kongkilmania ที่ 20-05-2008 16:16:26
คิดถึงปอด้วยคน   :m13:
กะลังสงสัย  o2 ว่าวิทยาลัยที่น้องตั้มไปเรียนแค่เทอมเดียว จะเป็นที่ที่เราจบมาหล่ะ
ตอนเข้าไปเรียน ยังไม่ได้เป็นมหาวิทยาลัยเลย  วิทยาเขตที่บางนาก็ยังไม่ได้สร้าง
เอ่อ....เค้าเลยรู้กันหมดเรยยย ว่าเรารุ่นป้าแระ    :serius2:

สงสัยอีกอย่างนึง    :a11:
เพื่อนๆตั้ม ทำไมหาว่าน้องตั้มเป็นผู้หญิงหล่ะ   :m31:
ไม่เห็นเคยอ่านว่ามีตอนไหน น้องตั้มสาวแตกเลยนะ   :laugh:  แค่เรียบร้อยมั่กมากแค่นั้นเอง 
หรือเราพลาดไรไป   :m29:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ๗๓/๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 20-05-2008 16:41:23
คิดถึงปอด้วยคน   :m13:
กะลังสงสัย  o2 ว่าวิทยาลัยที่น้องตั้มไปเรียนแค่เทอมเดียว จะเป็นที่ที่เราจบมาหล่ะ
ตอนเข้าไปเรียน ยังไม่ได้เป็นมหาวิทยาลัยเลย  วิทยาเขตที่บางนาก็ยังไม่ได้สร้าง
เอ่อ....เค้าเลยรู้กันหมดเรยยย ว่าเรารุ่นป้าแระ    :serius2:

สงสัยอีกอย่างนึง    :a11:
เพื่อนๆตั้ม ทำไมหาว่าน้องตั้มเป็นผู้หญิงหล่ะ   :m31:
ไม่เห็นเคยอ่านว่ามีตอนไหน น้องตั้มสาวแตกเลยนะ   :laugh:  แค่เรียบร้อยมั่กมากแค่นั้นเอง 
หรือเราพลาดไรไป   :m29:
ก็ไม่ได้สาวแตก แต่ผู้หญิงเลย บอกไม่ค่อยถูกอะครับ เวลาที่ไม่ได้ซนนี่ ให้ลองนึกภาพผู้หญิงร้อยมาลัยเข้าไว้   :-[ เพื่อนบางคนเรียก ตั้ม ว่า ...สุภาพบุรุษอ่อนโยน  :try2:
แล้วก็เสียงมังครับ แบบมันจะแหลมๆสูงๆ

ส่วน ปอ กำลังมุ่งมั่นกับการเรียนไงครับ ตั้ม ก็ส่งกำำลังใจผ่านเพื่อนๆไปตลอดแหละครับ

ลืมไปอีกเรื่องนึง วิทยาลัยที่ไปเรียนอยู่ึครึ่งเทอม คงที่นั้นแหละครับ แหะๆ
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ๗๓/๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 20-05-2008 18:08:21
อืม

รับแซ่บเคอะ  อิอิ
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ๗๓/๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: MeepadA ที่ 20-05-2008 19:05:09

คิดถึงปอแล้วน๊า   :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ๗๓/๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: สาวตัวกลม ที่ 21-05-2008 10:09:04
ตั้มมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม
เค้าคิดถึงปออออออออออออออออออออออออออ :o12:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ๗๓/๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: RN ที่ 21-05-2008 12:21:18
เข้ามาคิดถึงปอด้วยคนนนนนนน

 :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ๗๔/๒๑ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 21-05-2008 13:19:35
๗๔ สังหรณ์

เช้าวันจันทร์ ที่ ๑ เมษายน ซึ่งเป็นวันหยุดงานตามปรกติของผม ( ผมทำงานพุธ-อาทิตย์ หยุดจันทร์-อังคาร) หลังจากทำกิจวัตรประจำวันช่วงเช้าเรียบร้อยแล้วผมก็อ่านหนังสือ ฟังเพลง พักผ่อนไปตามเรื่อง ปรกติผมก็อยู่บ้านพักผ่อนแบบนี้ ยกเว้นช่วงที่มีงานเยอะ ผมก็ต้องหอบงานมาทำต่อที่บ้านบ้าง มีบางวันที่ผมอาจจะออกไปเดินซื้อหนังสือ หรือของใช้ต่างๆตามห้างสรรพสินค้าบ้างเป็นครั้งคราว

เหตุการณ์ต่างๆก็ปรกติ แต่พอช่วงบ่ายๆ ก็เกิดอาการแปลกๆขึ้นกับตัวผม หัวใจเต้นแรงผิดปรกติ หัวหมุนๆ รู้สึกเหมือนมีคนมากระซิบเรียกอยู่ที่ข้างหู ตามมาด้วยความรู้สึกคิดถึง ปอ  อย่างรุนแรง ประมาณว่าต้องการจะพบให้ได้เดี๋ยวนั้นเลย  แต่มันก็ทำไม่ได้ เพราผมไม่รู้เลยว่า เค้าอยู่ที่ไหน จะติดต่อได้อย่างไร  จะโทรถามเพื่อนก็ลำบาก เพราะที่บ้านผมยังไม่มีโทรศัพท์ ตู้โทรศัพท์ใกล้บ้านที่สุดก็อยู่ห่างไป ๒ ป้ายรถเมล์  ผมก็เลยคิดว่า เดี๋ยววันพุธไปทำงาน จะลองโทรศัพท์ถามข่าวของ ปอ จากเพื่อนๆบางคนดู ผมรู้สึกหงุดหงิดทั้งวัน กับความรู้สึกคิดถึงอย่างรุนแรง โดยที่หาสาเหตุไม่ได้ภายในใจผม

เช้าวันพุธ ผมไปถึงที่ทำงานก่อนเวลาเข้างานเล็กน้อย ผมเดินเข้าไปจัดของในห้องทำงาน สักครู่แม่บ้านก็เข้าบอกผมว่า มีโทรศัพท์ติดต่อผมมาหลายครั้งตั้งแต่วันจันทร์ และวันอังคาร แล้วสักพักหนึ่ง พี่ธุรการก็มาเรียกให้ผมออกไปรับโทรศัพท์

“สวัสดีครับ ศิลปี พูดครับ” ผมพูดลงไปในโทรศัพท์
“พี่ราญ เหรอ คิดถึงจังเลย” น้ำเสียงและสีหน้าผมเปลี่ยน จนพี่ธุรการอมยิ้ม
“วันนี้เหรอ เลิกงาน ๖ โมงเย็นอะ” ผมตอบไปเมื่อ ราญ ถามว่าผมเลิกงานกี่โมง “ได้ๆ เดี๋ยว ตั้ม รอ พี่ราญ หน้าโรงเรียนนะ” ผมยิ้มอย่างดีใจมากขึ้น เพราะ ราญ จะมารับผมตอนเย็นหลังเลิกงาน ผมมัวแต่ดีใจ จนลืมถามว่า มารับไปไหน
“ชุดเหรอ” ผมขมวดคิ้ว เพราะ ราญ ถามว่าผมแต่งตัวอย่างไร “ก็เสื้อสีฟ้าอ่อน กางเกงดำอะ” ผมตอบไปในสาย “มีๆ ตั้มมีแจคเกตสีกรมท่า ให้ใส่ไปด้วยเหรอ ได้ๆ” แล้วผมก็วางหูโทรศัพท์ลง
“นั่นแน่ นัดกับใคร แฟนรึเปล่า” พี่ธุรการถามผมยิ้มๆ
“พี่ราญน่ะครับ ที่เคยมาหา ตั้ม ตอนมาทำงานใหม่ๆไงพี่ เดี๋ยวเย็นนี้จะมาหา” ผมตอบอย่างอารมณ์ดี
“อ๋อ ที่ว่าเรียนหมอใช่มั๊ย” พี่ธุรการถามหลังจากคิดอยู่สักครู่
“ใช่ครับ” ผมตอบยิ้มๆ แล้วก็เดินเข้าห้องทำงานไป
ความจริงตอนเย็นผมมีสอนพิเศษที่บ้านของเด็กนักเรียน แต่เมื่อ ราญ โทรมานัดแบบนี้ ตอนกลางวัน ผมจึงโทรศัพท์ ไปงดการเรียนการสอนกับผู้ปกครองของนักเรียน เพื่อที่จะได้ไปตามนัดในตอนเย็น

๖ โมงเย็นเศษๆ นักเรียนพากันกลับไปหมดแล้ว ผมเก็บของอย่างอารมณ์ดี พอเดินออกามาจากห้องทำงาน ก็เจอ ราญ นั่งรออยู่ที่เก้าอี้บริเวณหน้าห้อง เมื่อเห็นผม ก็ลุกเดินเข้ามาหา
“พี่ราญ คิดถึงจัง” ผมโผเข้าไปกอดเอวร่างที่สูงเกือบจะพอๆกันด้วยความคิดถึง
“ฮ่าๆๆ ไม่อายคนเหรอ โตป่านนี้แล้วนะ” ราญ พูดพลางเอามือขยี้หัวผมเบาๆ “พี่ชายว่าไปหาอะไรกินกันนิดนึงก่อนดีกว่า เดี๋ยวไม่ทัน”
“พี่ราญ จะพา ตั้ม ไปไหนเหรอ” ผมถามอย่างสงสัย
ราญไม่ตอบแต่ยิ้มน้อยๆให้ พลางจูงมือผมออกจากที่ทำงาน เราชวนกันไปกินก๋วยจั๊บร้านอร่อยแถวๆนั้น ระหว่างนั้นก็เราก็คุยเรื่อยๆ ถึงเรื่องงานของผม และการเรียนของ ราญ เสร็จแล้ว ราญ ก็พาผมไปขึ้นรถที่จอดอยู่บริเวณหน้าโรงเรียน
“เดี๋ยวไปรับ ชัย กันก่อนนะ” ราญ บอกก่อนจะออกรถ
แล้ว ราญ ก็ขับรถไปรับ ชัย ที่ยืนรออยู่ระหว่างทางไม่ไกลจากที่ทำงานของผมนัก
“พี่ชัย” ผมหันหน้าไปทักพร้อมกับยิ้มกว้างให้ เมื่อ ชัย ขึ้นรถนั่งที่เบาะหลังเรียบร้อยแล้ว ชัย มองหน้าที่ยิ้มแย้มของผมอย่าง งงๆ
“เฮ้ย มึงยังไม่ได้บอกเหรอวะ” ชัย หันไปถาม ราญ
“ยัง ไม่รู้จะบอกยังไง นายบอกสิ” ราญ หันมาตอบด้วยสีหน้าลำบากใจ
ทั้งสองคนหันมามองผมด้วยสีหน้าไม่ค่อยดีนัก ผมเองก็เริ่มรู้สึกแปลกๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“มีอะไรเหรอพี่ชาย พี่ชัย” ผมถามเบาๆด้วยความงุนงง
“รีบไปกันก่อนเถอะวะ เดี๋ยวไม่ทัน ไปถึงก่อนแล้วค่อยว่ากัน” ชัย หันไปบอก ราญ พลางถอนหายใจ

แล้วรถก็แล่นไปด้วยความรีบเร่ง โดยที่ไม่มีใครคุยอะไรกันเลย

หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ๗๔/๒๑ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: kongkilmania ที่ 21-05-2008 14:04:42
 :a6: ไหงจบค้างไว้แค่นี้หล่ะน้องตั้มเอ๋ย
ยังมีต่ออีกซัก 3-4 ตอนใช่ป่าว   :m13:
แต่อีกใจก็ชักไม่อยากรู้แล้วอ่ะ มานต้องเป็นอย่างที่เราก็สังหรณ์ไว้เหมือนกันแน่ๆ   :serius2:
โธ่....ปอ   :o12:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ๗๔/๒๑ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: meawmeaw ที่ 21-05-2008 14:26:26
 :serius2:  อย่าให้เป็นอย่างที่คิดไว้ตั้งแต่ครั้งที่อ่านบทแรกเลย  :serius2:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ๗๔/๒๑ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: nana ที่ 21-05-2008 14:55:23
 :serius2:คงไม่ใช่ปอนะ o7


 :L2: :L1: :L2:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ๗๔/๒๑ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: salapaw ที่ 21-05-2008 15:59:31
 :m15: :o12: :sad2: ไม่อยากจะคิดเรื่องไม่ดี
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ๗๕/๒๑ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 21-05-2008 18:09:16
๗๕ จากลา

ราญ ขับรถเข้าไปในวัดแห่งหนึ่ง เมื่อจอดรถแล้วพวกเราก็ลงจากรถ ผมมองคนทั้งสองด้วยความงุนงง ในขณะที่ทั้งสองคนมองผมด้วยสีหน้าเศร้าๆ ทั้งสองคนจูงมือผมคนละข้างเดินเข้าไปในศาลาสวดศพศาลาหนึ่งในวัด ผมมองเห็นรูปคนคนหนึ่งที่คุ้นตา วางอยู่ข้างโลงศพ

“ป๊ะป๋า” ผมครางเบาๆ ทำไมรูป ป๊ะป๋า ตอนหนุ่มๆถึงได้มาอยู่ที่นี่
“ตั้ม ดูให้ดี ไม่ใช่ คุณอาหรอก” ชัย บอก ผมหันไปมองหน้า ชัย อย่าง งงๆ ไม่ทันได้คิดว่าทำไม ชัย ถึงเรียก ป๊ะป๋า ของผมว่า คุณอา
ผมเดินเข้าไปใกล้ๆ เพ่งมองรูปนั้นให้เต็มตา พอผมจำได้ว่าชายหนุ่มในรูปเป็นใคร ผมหันไปมอง ราญ และ ชัย ไม่กล้าที่จะอ่านชื่อที่เขียนอยู่ภายใต้รูปนั้น
“ปอ มันไปดีแล้ว ตั้ม” ราญ เดินเข้ามาใกล้ๆ แล้วก้มหน้าบอกผม
เท่านั้นเอง น้ำตาของผมไหลพราก  ผมรู้สึกว่าหัวของผมหมุนไปหมด เข่าอ่อนจนแทบยืนไม่ได้
“เฮ้ย พามันไปนั่งก่อนดีกว่า” ชัย พูดแล้วทั้งสองคนก็พยุงผมไปนั่งที่เก้าอี้ ผมร้องไห้ไม่หยุด คนหลายคนหันมามองพวกเราด้วยความแปลกใจ ผู้หญิงวัยกลางคนคนหนึ่ง เดินเข้ามาหาพวกเรา
“เพื่อน ปอ หรือค่ะ” เธอถามพวกเรา
“ครับ เป็นเพื่อนกันตั้งแต่เรียน ม.๑ น่ะครับ” ราญ หันไปตอบ ส่วน ชัย กำลังปลอบผมอยู่
“เหรอจ๊ะ ป้าเป็นแม่ ปอ เองจ๊ะ ปอ คงดีใจนะที่เพื่อนๆมากัน” พอรู้ว่าเป็นแม่ของ ปอ ผมก็เงยหน้ายกมือไหว้ทำความเคารพ
“อย่าร้องแบบนั้นสิลูก เดี๋ยว ปอ เสียใจ” แม่ปอ ปลอบผม
“อุบัติเหตุน่ะ ตั้ม” ชัย บอกผมช้าๆ “ตอนที่ ปอ ขับรถกลับจากชลบุรี รถบรรทุกแซงกันมาอีกฝั่งนึง ปอ หักหลบ รถเลยเสียหลักพุ่งลงข้างทาง”
“วันจันทร์ ใช่มั๊ย พี่ชัย วันจันทร์บ่าย” ผมพูดเสียงเครือ ทั้ง ราญ ชัย และแม่ปอ มองผมด้วยความแปลกใจ
“เมื่อวันจันทร์บ่ายโมงกว่าๆใช่มั๊ย” ผมถามอีกครั้ง
“ตั้ม รู้ได้ยังไง” ราญถาม
“ปอ....ปอ เค้ามาหา ตั้ม” พูดจบ ผมก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมาอย่างไม่อายใคร แม่ของปอ แสดงสีหน้าตกใจอย่างเห็นได้ชัด
“ตั้ม ว่าอะไรนะ” ชัย ถามอย่างตกใจ
“ปอ มาหา ตั้ม” ผมพูดได้แค่นั้น ทุกคนมองหน้ากันด้วยความงุนงง
“ตั้ม ไม่เป็นไรนะ ตั้ม อย่าร้องเลย ปอ ไปดีแล้ว”
ทั้ง ราญ ทั้ง ชัย พากันปลอบผม แต่ผมก็ยังไม่หยุดร้องไห้ ผมรู้แล้วว่าทำไมวันจันทร์ผมถึงเกิดอาการเหล่านั้น ที่แท้สำนึกสุดท้ายของ ปอ ส่งมาหาผมนี่เอง
“คนนี้ชื่ออะไรนะลูก” แม่ปอ ถามพลางมองมาที่ผม
“ตั้ม ครับ” ราญ ตอบ “ผมชื่อ ราญ ส่วนคนนี้ชื่อ ชัย”
“ตั้ม”แม่ปอ นิ่งคิดอะไรอยู่สักครู่ “ใช่ ตั้ม ที่เรียนกับ ปอ ตั้งแต่ ม.๑ หรือเปล่าลูก ชื่อจริงอะไรนะ ศิล ... ศิล อะไรสักอย่าง”
“ศิลปี ครับ” ชัย ตอบพลางมองด้วยความแปลกใจ แม่ ปอ พยักหน้าเล็กน้อย
“เดี๋ยวถ้าค่อยยังชั่วแล้วก็เข้าไปหา ปอ เค้าซะหน่อยนะลูก แล้วนี่จะอยู่กันจนสวดจบหรือเปล่า” แม่ปอ ถามอีก
“ครับ ก็ตั้งใจไว้แบบนั้นครับ” ราญ ตอบ
“งั้นอย่าเพิ่งรีบกลับกันนะลูก เดี๋ยวพระสวดเสร็จแล้ว แม่ขอคุยอะไรด้วยหน่อย”
แล้วแม่ปอ ก็เดินไปดูแลความเรียบร้อยของงานต่อ เมื่อผมดีขึ้นแล้ว ราญ กับ ชัย ก็พาผมไปไหว้ศพ ปอ จากนั้นก็นั่งฟังพระสวด ระหว่างนั้น ผมเหมือนคนอยู่ในภวังค์ทุกอย่างมันดูเบลอๆไปหมด น้ำและอาหารที่ผมรับมาโดยไม่ค่อยรู้ตัวก็ไม่ได้แตะต้องเลยสักนิด ผมนั่งก้มหน้าอยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งพระสวดจบ พวกเราก็พากันไปลา ปอ บนศาลา แล้วกลับไปนั่งที่เก้าอี้ รอแม่ของ ปอ ที่กำลังร่ำลาแขกที่มาร่วมงาน

“ตั้ม ใช่มั๊ยลูก ไหนขอแม่ดูหน้าชัดๆหน่อยซิ” แม่ปอ พูดขึ้นเมื่อมานั่งใกล้ๆพวกเรา
ผมเงยหน้าขี้น แม่ปอ มองผมไปทั่วทั้งใบหน้าอย่างช้าๆ เหมือนจะพิจารณาให้ละเอียด แล้วมองสำรวจผมไปทั่วทั้งตัว จนผมต้องหน้าแดง เพราะรู้สึกเขินอาย จนต้องหลบสายตาลงมองที่พื้น
“ยิ่งดูยิ่งน่ารักเหมือนที่ ปอ พูดเลยนะลูก” แม่ปอ พูดช้าๆ “เห็นหนูเสียใจขนาดนั้น แม่ก็คิดว่าคงเป็นเพื่อนที่รักกันมากจริงๆ สมกับที่ ปอ เค้าพูดถึงหนูบ่อยๆ” พวกผมพากันนิ่งเงียบ
“ปอ น่ะเล่าเรื่องหนูให้แม่ฟังเยอะแยะจนแม่รู้จักไปด้วยอีกคน บอกว่าหนูน่ะน่ารัก วิ่งซนเหมือนลูกหมาตัวเล็กๆ เวลาเรียบร้อยขึ้นมายังกับเด็กผู้หญิง เวลาอยู่นิ่งๆบางทีดูแล้วเหมือนตุ๊กตากระเบื้อง ทั้งอ่อนโยน ทั้งใจดี แล้วก็อะไรอีกสารพัด แม่ฟังแล้วยัง งงๆ ว่าตกลงหนูเป็นเด็กยังไงกันแน่ พอมาเห็นตัวจริงนี่แหละ แม่ถึงได้รู้” แม่ปอ หยุดพูดไปครู่หนึ่ง แล้วจึงพูดต่อ “ปอ น่ะรักหนูมากเลยนะลูก” พูดจบ แม่ปอ ก็ถอนหายใจ ส่วนผมก้มหน้านิ่ง น้ำตาเริ่มไหลพรากอีกครั้ง เมื่อได้ยินประโยคสุดท้าย
“วันเผามาอีกได้ไหมลูก มาส่ง ปอ เค้าครั้งสุดท้าย นะลูกนะ” แม่ปอ พูดพลางเอามือแตะบ่าผม
“ครับ” ผมรับปากไม่ค่อยเต็มเสียง เพราะกำลังร้องไห้อยู่
“พวกผมขอตัวกลับก่อนนะครับ เดี๋ยวต้องไปส่ง ตั้ม ด้วย” ราญ บอกกับ แม่ปอ จากนั้นพวกเราก็ไหว้ลา แล้วพากันขึ้นรถ

ราญ ขับรถไปส่งผมถึงบ้าน ผมเข้าบ้านด้วยสภาพไม่ค่อยดีนัก เมื่อแม่ถามว่าไปไหนมา ถึงได้มีคนมาส่ง ผมบอกแม่เพียงว่า ไปงานศพเพื่อน คืนนั้นผมร้องไห้ด้วยความเสียใจอีกหลายครั้ง

...ไอ้ลูกหมา ไม่ว่ามึงจะอยู่ที่ไหนกูจะตามไปหามึงนะ ... ปอ เคยบอกผมแบบนี้
... อื้อ เราจะรอ ปอ ต้องหาเราให้เจอนะ อย่าให้เรารอเก้อล่ะ ... ตอนนั้นผมเองก็ตอบกลับไป
... กูไม่ได้พูดเล่นนะ ไม่ว่ามึงไปอยู่ไหน กูจะตามไปจริงๆ ... วันนั้น ปอ ย้ำอย่างมั่นคง
... อื้อ ... ผมรับรู้พลางก้มหน้าลงซบกับไหล่ ปอ ด้วยความรู้สึกอบอุ่นในใจ

ปอ รักษาคำพูดที่ให้ไว้กับผมเมื่อวันนั้น
แต่วันนี้ ... ไม่มี ปอ อีกแล้ว

... มึงก็อย่าเล่นซ่อนหากับกูอีกนะ กูเหนื่อย ... เสียง ปอ ยังก้องอยู่ในหูของผม

หลายปีที่ผ่านมา ผมยอมรับว่า ผมหนีไปเพื่อจะซ่อนตัวจากอะไรบางอย่าง
และในวันข้างหน้า อาจมีเรื่องราวที่ผมทนไม่ได้ จนต้องหนีไปซ่อนตัวอีกครั้ง

หากมีวันนั้น ... ปอ ไม่ต้องเหนื่อยกับการตามหาผมต่อไปอีกแล้ว


หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ๗๕/๒๑ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: nana ที่ 21-05-2008 18:20:09
 :sad2: :sad2: :serius2:



 :o12: :o12: :o12:







หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ๗๕/๒๑ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: meawmeaw ที่ 21-05-2008 18:25:11
 :o12:
 :serius2:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ๗๕/๒๑ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: salapaw ที่ 21-05-2008 18:43:04
 :m15: :m15:

อย่าจบเศร้าเด็ดขาด  นี่คือคำสั่ง อิอิ
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ๗๕/๒๑ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: MeepadA ที่ 21-05-2008 19:50:13

เศร้าอ่ะ  อยู่ๆก้อต้องจากกันไป ความสัมพันธ์ยังไม่ได้สานต่อเลย

ปอคงยังรักตั้มอยู่มากเลยล่ะ  :sad2: :sad2:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ ๗๖-จบบริบูรณ์
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 21-05-2008 20:46:04
๗๖ จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ

... ป๊ะป๋า ...

เสียงเรียกของ ตั้ม เมื่อเห็นรูปของ ปอ ในวัยหนุ่ม ทำให้ผมเข้าใจในสิ่งผมเคยคิดมาตลอด

... ทำไม ตั้ม ถึงไม่ยอมรับรู้ถึงความรู้สึกที่แท้จริงของ ปอ ทั้งที่ควรจะรู้มานานแล้ว
... ทำไม ตั้ม ถึงยอมรับความเจ็บปวด และให้อภัย ปอ ทุกครั้ง ไม่ว่า ปอ จะทำให้ ตั้ม เจ็บที่ตัวหรือหัวใจ สักแค่ไหนก็ตาม
... ทำไมบางครั้ง ตั้ม ถึงได้มอง ปอ ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรักที่แสนบริสุทธิ์ และใสซื่อถึงเพียงนั้น
... ทำไมหลายปีที่ผ่านมา ทั้งที่ไม่ได้เจอกันเลย ตั้ม ก็ยังให้ความสำคัญกับ ปอ นัก มักจะถามถึงอยู่เสมอ เวลาที่คุยกันทางโทรศัพท์

ที่แท้ ตั้ม มอง ปอ ซ้อนทับกับภาพพจน์ของ คุณอา...ป๊ะป๋า ของ ตั้ม

ทำไมผมพึ่งจะคิดได้
ความจริงผมควรจะสังหรณ์ใจมานานแล้วด้วยซ้ำไป
... ถ้าเพียงแต่ผมสะกิดใจสักนิด

ผมคิดว่า ตั้ม ควรจะได้รับรู้เสียทีว่าที่ผ่านมา ปอ คิดอย่างไร
มันอาจจะช้าเกินไป แต่มันออกจะเป็นการไม่ยุติธรรมต่อ ปอ หากจะปล่อยให้เรื่องนี้เงียบหายไป โดยที่ ตั้ม ไม่ได้รับรู้
และ ตั้ม คงจะสับสนกับความรู้สึกของตัวเองไปเรื่อยๆ หากปล่อยให้ ตั้ม ยังรู้สึกแบบนี้

ผมปรึกษากับ ราญ ซึ่งเราทั้งคู่คิดเหมือนกัน พวกเราจึงช่วยกันโทรศัพท์นัดเพื่อนบางคน เพื่อที่จะได้มาจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย บางคนไม่เห็นด้วย เพราะเห็นว่าช่วงเวลานี้ยังไม่เหมาะสม แต่สุดท้ายก็ยอมทำตามที่ผมขอ  สุดท้าย ผมให้ ราญ โทรศัพท์นัดให้ ตั้ม มาพบกันที่ร้านอาหารเล็กๆแห่งหนึ่งในย่านสีลม
“นายแน่ใจแล้วนะ ที่ทำอย่างนี้” ราญ ถามผมอีกครั้ง
“อื้อ ... มันอาจจะช้าเกินไป แต่ดีว่าไม่ได้ทำอะไรเลย” ผมตอบไปเบาๆ
มันคงเป็นสิ่งเดียวที่ผมพอจะทำได้ในตอนนี้ เพื่อ ปอ
และ ... เพื่อ  ตั้ม น้องรักของผม
...........................................................................................
...............................................
เมื่อถึงเวลานัด ตั้ม มาถึงตรงเวลา ตั้ม รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย ที่นอกจากผมและราญ ยังมี ศักดิ์ และสิทธิ์ อยู่ด้วยที่โต๊ะอาหารเล็กๆ ตั้ม ทักทายทุกคนด้วยสีหน้าเศร้าๆ ยิ้มที่ขาดความสดใสของ ตั้ม ทำให้พวกเราต้องมองสบตากันด้วยความลังเลในสิ่งที่จะทำ พวกเราสั่งอาหาร พลางพูดคุยกันเล็กน้อย ถึงเรื่องงานของแต่ละคน ตั้ม ไม่ค่อยกินอะไร เอาแต่เขี่ยข้าวในจานไปมา พวกผมต้องคะยั้นคะยอ คอยตักกับข้าวให้ ตั้ม จึงต้องกินด้วยความเกรงใจ
“พรุ่งนี้ ตั้ม ไปงานเผารึเปล่า” ผมถามหลังจากที่เราทานอาหารกันเสร็จแล้ว
“ไปสิ ตั้ม คิดว่าจะไปช่วยงานตั้งแต่ตอนเลี้ยงพระเพล เพราะเป็นวันหยุดพอดี พี่ชัย ล่ะ” ตั้ม ตอบเสียงแผ่วเบา
“ไปสิ พวกเราไปกันหมดแหละ เดี๋ยวพรุ่งนี้ สมชาย ก็ไป” ผมตอบพลางยิ้มให้ ตั้ม
“พี่ชัย” ตั้ม เรียกพลางจ้องหน้าผมนิ่ง “ตั้ม ยังไม่อยากเชื่อเลย ว่า ปอ...” น้ำตา ตั้ม เริ่มไหล
“พวกเราก็ไม่อยากเชื่อเหมือนกัน” ราญ พูดพลางใช้กระดาษชำระเช็ดน้ำตาให้ ตั้ม
“ตั้ม พวกเรามีอะไรจะบอก” ผมเริ่มเรื่องที่ตั้งใจไว้
ตั้ม ไม่พูดอะไร หันกลับมามองผมนิ่ง พวกเราจึงได้เริ่มเล่าเรื่องต่างๆให้ ตั้ม ได้รับรู้ตั้งแต่ต้น

เรื่องราวและความรู้สึกของ ปอ นับตั้งแต่ได้พบ ตั้ม ครั้งแรกเมื่อเริ่มเรียนชั้น ม.๑
ความเป็นห่วงของ ปอ ที่ ตั้ม มาเรียนสาย และหายไปอยู่ที่ห้องสมุด
ความกังวลและห่วงใย เมื่อ ตั้ม หกล้มในห้องเรียนจนต้องหยุดเรียนไป ๓ วัน
ความกระวนกระวายจากการเข้าใจผิดเมื่อชั้น ม.๓  การปรับความเข้าใจกับ ราญ และความพยายามอย่างหนักในการเรียน เพื่อที่จะได้เรียนห้องเดียวกับ ตั้ม ในชั้นมัธยมปลาย
ความดีใจที่ได้เรียนด้วยกันในชั้น มัธยมปลาย
ความหึงหวงเมื่อ ตั้ม ไปเล่นละครกับรุ่นพี่
ความไม่พอใจที่ ตั้ม สนิทสนมกับ นึก
ความลังเลที่ ปอ ไม่ยอมบอกความรู้สึกที่แท้จริงให้ ตั้ม ได้รู้เสียที
ความตกใจและความกังวลที่ ปอ ทำให้ ตั้ม เข้าใจผิด เมื่อตอนวาเลนไทน์
ความห่วงใย เมื่อตอนที่ ตั้ม ป่วยหนัก
ความน้อยใจ ที่ ตั้ม หายตัวไปไม่มีการติดต่อในช่วงที่เรียนมหาวิทยาลัย จนแทบจะตัดใจจากความรู้สึกที่มีต่อ ตั้ม
ความต้องการที่จะหาคนมาทดแทน แต่ไม่นานนัก ปอ ก็รู้ว่า ไม่ว่าใครก็แทนที่ ตั้ม ไม่ได้
ความมุ่งมั่นที่จะเรียนให้จบในปีการศึกษาที่ผ่านมา พร้อมกับความหวังที่กลับมาอีกครั้ง เมื่อรู้ว่า ตั้ม เรียนจบและยังไม่ได้คบหาอยู่กับใคร

... และความดีใจที่จะกลับมาทำเรื่องจบการศึกษา ตั้งใจจะมาพบกับ ตั้ม ให้แปลกใจเล่น และตั้งใจว่าจะบอกความในใจเสียที ...

แต่ก็มาเกิดอุบัติเหตุขึ้นเสียก่อน

ตั้ม น้ำตาไหลตั้งแต่พวกเราเริ่มพูดไปได้เพียง ๒-๓ เรื่อง ตั้ม ไหล่ตกเอนตัวไปพิงพนักเก้าอี้เหมือนคนหมดแรง ริมฝีปากเม้มกันแน่น แต่ก็นิ่งฟังอย่างตั้งใจ จนทุกคนเล่าเรื่องราวทั้งหมดจบลง
“ปอ รัก ตั้ม นะ” ผมบอกพลางเอามือจับมือ ตั้ม บีบเบาๆ “มันรัก ตั้ม มานานแล้ว ตอนนี้ก็รัก”
“ฮึก...ฮึก” ตั้ม หันมามองผม น้ำตาไหลพรากออกมา พลางกลั้นก้อนสะอื้นไว้ในลำคอ
“ตั้ม รู้ไว้นะ ปอ รัก ตั้ม มาก” ราญ บอกกับ ตั้ม พลางโอบศรีษะ ตั้ม ไว้แนบอก
“ตั้ม รู้” ตั้ม พูดเบาๆพร้อมกับเสียงสะอื้น “ตั้ม รู้มานานแล้ว ตั้ม รู้”
ตั้ม ยังคงสะอึกสะอื้นอยู่ในอ้อมอกของ ราญ

“พี่ราญ พี่ชัย ตั้ม ก็รัก ปอ”
...........................................................................................
...............................................
“ตั้ม บอกลา ปอ มันสิ” ชัย บอกผม แล้ว ชัย กับ ราญ ก็เดินนำดอกไม้จันทน์ใส่ลงไปในเตาเผาที่เริ่มจุดไฟ ผมเดินตามไป ราญ และ ชัย ขยับตัวไปด้านข้าง ให้ผมได้เข้าไป ผมมองโลงที่อยู่ภายในเตาเผา น้ำตาเริ่มไหลอีกครั้ง ผมยื่นดอกไม้จันทน์เข้าไปวางในเตาที่เริ่มติดไฟอย่างช้าๆ
“ปอ” ผมพูดอะไรไม่ออก ราญ หยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดน้ำตาผม แล้วมายืนโอบเอวผมไว้ ชัยมายืนอีกข้างหนึ่ง จับไหล่ผมเบาๆ
“พูดสิ ตั้ม บอกลา ปอ มันหน่อย ครั้งสุดท้ายแล้วนะที่จะได้เจอกัน” ราญ พูดกับผมเบาๆ ผมหันไปมองหน้าคนทั้งสอง ที่ยิ้มให้ผมน้อยๆอย่างให้กำลังใจ
“ปอ เราก็รัก ปอ นะ เราอาจจะรักมานานแล้วก็ได้ แต่เราเพิ่งแน่ใจเมื่อตอนเรียนมหาวิทยาลัย” ผมพูดพลางพยายามยิ้มให้โลง ดอกไม้จันทน์ทางด้านล่างกำลังติดไฟที่ถูกจุดขึ้น
“ตอนแรกเราไม่รู้หรอกว่า ทำไมเราถึงได้คิดถึง ปอ มากกว่าที่คิดถึง คนคนนั้น” ผมหยุดพูดสักครู่หนึ่ง “ทีแรกเราคิดว่าเป็นเพราะ ... หลายครั้งเวลาที่เราอยู่กับ ปอ เรารู้สึกเหมือนเวลาที่เราอยู่กับ ป๊ะป๋า” ผมหายใจเข้าแรงๆ พยายามกั้นน้ำตา
“เราเพิ่งรู้ ว่าเป็นเพราะเรารัก ปอ แต่เรากลัว ปอ จะเสียใจ เราไม่อยากให้ ปอ คิดว่าเราเอา ปอ มาเป็นตัวแทนของ ป๊ะป๋า ” น้ำตาผมเริ่มไหลอีกครั้ง ผมเหมือนเห็นหน้าของ ปอ ยิ้มรับคำของผมอยู่ที่โลง ผมเอื้อมมือออกไปพยายามจะสัมผัสเงานั้น
“ปอ” ผมเรียกหา น้ำตาผมไหลไม่หยุด
“ตั้ม ทำอะไรน่ะ” ราญ ตกใจดึงมือผมไว้ ผมหันไปมองหน้า ราญ แล้วกลับไปมองโลงที่กำลังเริ่มติดไฟ ด้วยน้ำตานองหน้า
“ขอบใจนะลูก แค่นี้ ปอ เค้าคงดีใจมากแล้ว ” แม่ปอ น้ำตาคลอ “ไปกันเถอะ เดี๋ยวเค้าจะได้ปิดเตา”
“เดี๋ยวครับแม่” ผมบอก แล้วหันกลับไปมองโลงนั้นนิ่งอยู่สักครู่ พลางเช็ดน้ำตา
“ปอ ถ้าชาติหน้ามีจริง พวกเรามาเจอกันอีกนะ จะเป็นอะไรกันก็ได้ ขอให้เราได้เจอ ปอ อีกนะ ปอ เคยบอกว่าไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ปอจะหาเเราให้เจอ ปอ อย่าให้เรารอเก้ออีกนะ แล้วเราก็จะพยายามหา ปอ ให้เจอเหมือนกัน เราจะไม่หนีไปซ่อนตัวที่ไหนอีกแล้ว ” แล้วผมก็ค่อยๆถอยหลังออกมา ให้พนักงานปิดเตา แล้วพวกเราก็พากันเดินลงจากเมรุ

“ตั้ม ปอ มันไปดีแล้ว” ศักดิ์ ปลอบผม
ผมยืนอยู่กับกลุ่มเพื่อนๆ พลางมองควันที่ลอยออกมาจากปล่องเมรุ ด้วยหัวใจที่เลื่อนลอย มีมือของชัย กับ ราญ กุมมือทั้งสองข้างของผมไว้ บางครั้งก็บีบเบาๆ เหมือนกับปลอบใจและให้กำลังใจไปพร้อมๆกัน แล้วน้ำตาผมก็เริ่มไหลออกมาอีกครั้ง

... ปอ ไปดีนะ แล้วเรามาพบกันอีก เราจะรอ
ไม่ว่าตอนนี้หรือเมื่อไหร่ เราจะไม่มีทางลืม ปอ
ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ปอ ก็จะอยู่ในใจเรา เราจะระลึกถึง ปอ ตลอดไป
ไม่ว่านานแค่ไหน ทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้น เราจะขอเก็บไว้ในความทรงจำ
เราจะจดจำคนที่รักเราไว้ตลอดไป
ปอ... เรารัก ปอ นะ
...........
....
..
พัฟ เจ้ามังกรที่น่าสงสาร มันเคยมีความสุข ใช้ชีวิตที่สนุกสนานไปกับ แจคกี้ เพื่อนเพียงคนเดียวของมัน
พัฟ มังกรที่กล้าหาญและไม่เคยเกรงกลัวต่อสิ่งใด ทั้งจ้าวผู้ครองเมือง หรือแม้แต่โจรสลัด ก็ยังต้องแสดงความเคารพต่อ พัฟ ด้วยความเกรงกลัว แต่แล้ววันหนึ่ง แจคกี้ จากไปเพราะอายุขัยที่ไม่ยืนยาวเท่าเจ้ามังกร พัฟ โศกเศร้าจนไม่สามารถคำรามส่งเสียงที่อาจหาญออกมาได้อีก
ศรีษะของมันโค้งก้มลงต่ำด้วยความรันทด
เกล็ดสีเขียวของมันลู่หล่น ร่วงลงดุจฝนร่วงจากฟ้า
มันได้แต่เก็บตัวอยู่ในถ้ำด้วยความเศร้าเสียใจ

พัฟ เจ้ามังกรที่น่าสงสาร เจ้าคงคิดแต่จะเก็บตัวอยู่แต่ในถ้ำ ไม่คิดที่จะหาใครสักคนมาทดแทนเพื่อนผู้จากไป

พัฟ เจ้ามังกรที่น่าสงสาร
...........
....
..

หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ๗๖-จบบริบูรณ์
เริ่มหัวข้อโดย: RN ที่ 21-05-2008 21:23:10
 :o12: :o12: :o12: :o12:


แง๊ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ปอๆๆ

ทำไมเหตุการณ์มันเป็นแบบนี้

 :o12: :o12: :o12: :o12:

ไม่มีอะไรจะพูด

ปล.ตั้มดูแลตัวเองนะ

หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ๗๖-จบบริบูรณ์
เริ่มหัวข้อโดย: meawmeaw ที่ 21-05-2008 21:35:38
 :o12: :o12: :o12:
คิดไว้แล้ว ฮือๆ

ขอบคุณเรื่องเล่าจากคุณตั้มนะคะ

สู้ๆนะคะ
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ๗๖-จบบริบูรณ์
เริ่มหัวข้อโดย: AidinEiEi ที่ 22-05-2008 00:17:59
 :sad2:
 :sad2: :sad2:
 :sad2: :sad2: :sad2:
 :sad2: :sad2: :sad2: :sad2:
 :sad2: :sad2: :sad2:
 :sad2::sad2:
 :sad2:
                                                                 
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ๗๖-จบบริบูรณ์
เริ่มหัวข้อโดย: AidinEiEi ที่ 22-05-2008 00:18:59
 :pig4:ขอบคุณนะตั้ม..... :L2:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ๗๖-จบบริบูรณ์
เริ่มหัวข้อโดย: nana ที่ 22-05-2008 06:26:51
 :m15:ซึ้งมากมาย :m15:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ๗๖-จบบริบูรณ์
เริ่มหัวข้อโดย: kongkilmania ที่ 22-05-2008 12:18:59
 :โฮๆ1:
ไม่รู้จะว่ายังไง มันตื้นตันหน่ะ   :m15:
ทั้งเสียใจที่ปอต้องจากไปก่อนเวลาอันควร   :sad2:
เสียใจที่ตั้มต้องเสียคนที่รักไป ก่อนจะได้บอกความรู้สึกที่มีให้แก่กัน   :o12:
 o7  ขอให้ตั้มเข้มแข็งนะ เพราะปอยังอยู่ในใจน้องตั้มเสมอ


 o12 ทำไมนะ คนเรามักเป็นแบบนี้
กว่าจะซึ้งถึงค่าของอะไรซักอย่าง ก็เป็นตอนที่เราเสียมันไปตลอดกาล
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ๗๖-จบบริบูรณ์
เริ่มหัวข้อโดย: แก้ว ที่ 22-05-2008 16:44:05
เรื่องดีมากมาย
ประทับตั้มหลาย ๆ อย่างเลยค่ะ

สู้ ๆ นะคะ  :m1:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ๗๖-จบบริบูรณ์
เริ่มหัวข้อโดย: krit-c ที่ 22-05-2008 20:46:20
จบเศร้าจังครับ แต่ประทับใจมากมาย
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ๗๖-จบบริบูรณ์
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 22-05-2008 21:24:59

จงเป็นผู้ทำปัจจุบันให้ถึงพร้อมเถิด

ปล.  จบได้เศร้าเหลือใจมากมาย  :o12:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ๗๖-จบบริบูรณ์
เริ่มหัวข้อโดย: GTo_CluB ที่ 23-05-2008 01:10:55
หายไปนานมาอ่านอีกทีจบซะแระ  ขอบคุณที่เอาประสบการณ์มาเล่าสู่กันฟังนะคับ

 :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12:

อ่านไปน้ำตาไหลไป เป็นกำลังใจให้พี่ตั้มนะคับ ดูแลรักษาตัวเองด้วย :bye2: :bye2:

ปล.รถมอไซคว่ำหลังวันเกิด2วัน ซวยสุดๆ :seng2ped: :seng2ped:

หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ๗๖-จบบริบูรณ์
เริ่มหัวข้อโดย: christiyaturnm ที่ 23-05-2008 10:46:23
 :sad2:



 :o12:

ไม่ว่าจะเจ็บปวดเพียงไร

แต่ชีวิตคนเรายังต้องดำเนินต่อไป

เขาไม่ได้จากไปไหน

ยังอยู่ในใจ ในความทรงจำของเราตลอดกาล


 :o12:



 :sad2:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ๗๖-จบบริบูรณ์
เริ่มหัวข้อโดย: kongkilmania ที่ 23-05-2008 13:18:03
วันนี้น้องตั้มไม่เข้ามาโพสต์ไรมั่งเหรอ     :L1:
สุขภาพตอนนี้เป็นยังไงบ้าง   :L1: ยังต้องกินยาเป็นกำๆเหมือนสมัยเด็กอีกไม๊   
แล้วสายตาหล่ะ ได้รักษาหรือผ่าตัดแก้ไขให้ดีขึ้นบ้างหรือปล่าว   :L1:
ที่สำคัญ   :L1:  พี่ราญกะพี่ชัยยังดูแลไต่ถามทุกข์สุขน้องตั้มเหมือนเคยไม๊ 
คิดถึงน้องตั้ม    :กอด1:
เข้ามาพูดคุยกันในนี้ก็ดีนะ ถือเป็นการดันเรื่องไปในตัว   :laugh:
ไม่อยากให้ตั้มโดดเดี่ยวเหมือนมังกรพัฟเลย   :L2:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ๗๖-จบบริบูรณ์
เริ่มหัวข้อโดย: salapaw ที่ 23-05-2008 15:36:49
ขอให้กลับมาเหมือนเดิม ให้เราได้เริ่มต้นใหม่ ให้รักกันอีกครั้ง....


ขอให้กลับมาแต่งเหมือนเดิม อิอิ o13
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ๗๖-จบบริบูรณ์
เริ่มหัวข้อโดย: kongkilmania ที่ 23-05-2008 17:06:01
 :serius2:  น้องตั้มยังไม่มาจริงๆด้วย
แต่ทำไมเราไม่ได้สังเกตหว่า  ว่าน้องตั้มเปี๊ยนไป๋   :laugh:
รูปน้องตั้มตัวจริง เสียงจริงป่าวเนี่ย..... :m13:
น้องตั้มน่าร๊ากกกกก  :กอด1:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ๗๖-จบบริบูรณ์
เริ่มหัวข้อโดย: AidinEiEi ที่ 23-05-2008 17:52:00
ตั้มเปลี่ยนรูปแล้วน่ารักจัง :m13:
กลับมาเยี่ยมเยียนกันบ้างนะคะ
อย่าปล่อยให้คิดถึงนานนะ :o8: :o8:
 :bye2:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ๗๖-จบบริบูรณ์
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 23-05-2008 17:59:58
ขอบคุณทุกคนนะครับสำหรับกำลังใจ และความห่วงใยที่มีให้ o1
ยังคงเข้ามาเป็นปรกติครับ แต่พออ่านรีพลายทีไร น้ำตาไหลทุกที ผมคิดถึง ปอ เหมือนที่ทุกคนคิดถึงครับ
เรื่องราวก็ผ่านไปหลายปีแล้ว ตอนนี้ผมเองก็โตขึ้น จิตใจก็เข้มแข็งขึ้น แต่ผมยังคงไม่ลืมเรื่องราวต่างๆที่ผ่านมา
สุขภาพก็ดีขึ้นเยอะครับ แตยังเป็นภูมิแพ้อากาศเหมือนเดิม :undecided:
ส่วนรูปที่เปลี่ยน ก็ตัวจริงครับ แต่เป็นรูปตอนที่ยังเรียนอยู่มหาวิทยาลัยปี๓ พอดีมีเพื่อนเรียนถ่ายรูป เลยเป็นแบบให้ถ่ายรูปส่งอาจารย์ ตัวจริงตอนนี้ไม่น่ารักเหมือนในรูปแล้วหล่ะครับ  :try2:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ๗๖-จบบริบูรณ์
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 23-05-2008 18:10:39
อ่านแล้วอึ้งเลย  เป็นความทรงจำที่เศร้ามากๆของน้องตั้ม

มันผ่านไปแล้วนะ 

รูปนะขอแบบชัดๆหน่อยได้ป่าว  55555

หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ๗๖-จบบริบูรณ์
เริ่มหัวข้อโดย: salapaw ที่ 23-05-2008 18:24:08
อุ้ยหล่อ อิอิ


มีรุปปอป่ะคะ  o7 o7

 ปล. ถามไร้สาระเช่นเคย  มีคนมาแทนปอยังคะ
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ๗๖-จบบริบูรณ์
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 23-05-2008 22:45:01
จบเศร้าขนาด ครับพี่ :sad2:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ๗๖-จบบริบูรณ์
เริ่มหัวข้อโดย: paulla ที่ 24-05-2008 06:08:35
น้ำตาท่วมจอ... :o12:  :o12:  :o12:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ๗๖-จบบริบูรณ์
เริ่มหัวข้อโดย: kongkilmania ที่ 24-05-2008 13:22:34
 :o ตกใจหมด นึกว่าเล้าเป็นไรไปอีกแล้ว
กว่าจะหาย  o2  หาทางเข้าเจอ   :m29:

 :m4: ที่ตอนนี้สุขภาพกาย สุขภาพใจน้องตั้มดีขึ้นแล้ว
ขอเป็นกำลังใจให้เสมอนะจ๊ะ   :L2:   :L2:

ส่วนที่ว่าตอนนี้ไม่น่ารักเหมือนในรูปก็ไม่เห็นแปลก   :m12:
คนเรามานก็ต้องปั๊ดตะนากันม่าง  หน้าตาก็ต้องพัฒนาขึ้นตามวัยใช่ป่ะ    :m20:  เค้าล้อเล่นน้า.....
ส่วนบุคลิกยังคงความเป็นผู้ยิ๊ง ผู้หญิงอยู่ใช่ป่าว   :o8:
นึกจิ้นเอาเองว่า บุคลิกของน้องตั้มคงคล้ายๆ กงกิลนายเอกจากหนังเกาหลี the king and the clown
ไม่รู้น้องตั้มเคยดูรึป่าว 
ถ้ายังไม่เคยดู แล้วอยากรู้ว่าเป็นแบบไหน


เราไม่บอก    :laugh:
ไปหามาดูเองเน้อ   :L1:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ๗๖-จบบริบูรณ์
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 24-05-2008 18:26:10
ส่วนที่ว่าตอนนี้ไม่น่ารักเหมือนในรูปก็ไม่เห็นแปลก   :m12:
คนเรามานก็ต้องปั๊ดตะนากันม่าง  หน้าตาก็ต้องพัฒนาขึ้นตามวัยใช่ป่ะ    :m20:  เค้าล้อเล่นน้า.....
อันนี้ยอมรับอะ ยังไงมันก็ความจริงนี่นิ   o13

...
ส่วนบุคลิกยังคงความเป็นผู้ยิ๊ง ผู้หญิงอยู่ใช่ป่าว   :o8:
นึกจิ้นเอาเองว่า บุคลิกของน้องตั้มคงคล้ายๆ กงกิลนายเอกจากหนังเกาหลี the king and the clown
เรื่องนี้ดูแล้วอะ แต่คงไม่ขนาดนั้นหรอกครับ เดี๋ยวไว้นึกออกว่าเหมือนใครแล้วจะมาบอก  :o8:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ๗๖-จบบริบูรณ์
เริ่มหัวข้อโดย: RN ที่ 24-05-2008 18:50:59
เข้ามาบอกว่าคิดถึงตั้ม

ปล.รูปน่ารัก..
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ๗๖-จบบริบูรณ์
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 27-05-2008 21:20:32
ขอให้กลับมาเหมือนเดิม ให้เราได้เริ่มต้นใหม่ ให้รักกันอีกครั้ง....


ขอให้กลับมาแต่งเหมือนเดิม อิอิ o13

แปลที อันแรกให้กลับมาเหมือนเดิมกับครายอะค๊าบ  :try2:
แล้วให้กลับมาแต่งเหมือนเดิมนี่ แต่งอารายดีอะ เรื่องใหม่หรือเปล่าฮับ  o6

เกือบลืมไป ... ขอบคุณทุกคนที่มาให้กำลังใจ และทุกคนที่คิดถึงนะค๊าบ
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ ... จบบริบูรณ์
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 18-06-2008 14:37:04
 :m4: :m4: :m4: :m4: :m4: :m4: :m4: :m4: :m4: :m4: :m4: :m4: :m4: :m4: :m4: :m4: :m4: :m4: :m4: :m4: :m4:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ ... จบบริบูรณ์
เริ่มหัวข้อโดย: ThyRist ที่ 19-06-2008 15:41:26
ว่าละ - -

สังหรณ์ใจแปลก ๆ 

เพราะ imeem สุ่มได้เพลง Kiss Shita mama Sayonara ของ ดงบัง - -

จบเศร้าจริง ๆ  ด้วยดินะ - -


เป็นกำลังใจให้ผู้เขียนนะครับ

พี่เขียนเรื่องได้ดีมาก ๆ  ภาษาสวยลงตัวหมดทุกอย่าง

นาน ๆ  จะได้เจอเรื่องดี ๆ  แบบนี้สักที ><


เค้าว่ากันว่า อดีตคือบทเรียน ส่วนอนาคตคือการเริ่มต้นใหม่

อดีตมีแสนสุขและแสนเศร้า มีทั้งเรื่องที่อยากจำและอยากลืม

ขึ้นอยู่กับว่าเราจะมองมันอย่างไร

แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือ เรายังสามารถเริ่มใหม่ได้เสมอ

ไม่ว่าเวลาจะไปนานเท่าใดก็ตาม ^^"

ฝากไว้นะครับ ^^ (เน่าป่ะเนี่ย ><)


ซาโยนารา.... T-T

..
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ ... จบบริบูรณ์
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 04-07-2008 08:44:27
ตอนนี้ผมกำลังนำเรื่องนี้ไปลงใน blog ส่วนตัวของผม และได้พบตัวสะกดบางตัว และการเว้นวรรคที่ยากกับการอ่าน ตอนนี้ำกำลังทยอยแก้ไข
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาติดตามเรื่องของ ตั้ม กับ ปอ และเป็นกำลังใจให้ตลอดมา
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ ... จบบริบูรณ์
เริ่มหัวข้อโดย: maabbdo ที่ 11-07-2008 20:51:33
ดีใจจังที่ได้อ่านเรื่องนี้

ตั้มเป็นคนน่ารักจัง  ปอก็เเสนดี

ขอบคุณที่ถ่ายทอดเรื่องราวดีๆเเบบนี้ให้อ่านนะ

 :pig4: :pig4: :pig4:

 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ ... จบบริบูรณ์
เริ่มหัวข้อโดย: ArtyKung ที่ 12-07-2008 21:20:52
 :o12: :o12:แงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง

ซึ้งมากเรยค้าบ ร้องไห้อยู่เรย แงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ ... จบบริบูรณ์
เริ่มหัวข้อโดย: คามาจิ ที่ 13-07-2008 15:46:52
เศร้า ฉิป.......
 :m15:    :m15:    :m15:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ ... จบบริบูรณ์
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 14-07-2008 19:57:05
แล้วอย่าลืมอ่านภาค ๒ ของเรื่องนะครับ กับการกลับมาของ ปอ ...
ใน ความทรงจำที่หวนคืน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=4693.0)
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ ... จบบริบูรณ์
เริ่มหัวข้อโดย: panang ที่ 15-07-2008 02:10:53
สาวตัวกลม แนะนำให้อ่านเรื่องนี้

ขอไปอานก่อนนะคะ
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 25-09-2008 15:10:08
น้ำตาซึม ไม่น่าเลย :m8:
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวที่ประทับใจค่ะ :m17:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ
เริ่มหัวข้อโดย: Shumi ที่ 27-09-2008 02:44:02
 :sad2:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 29-09-2008 21:26:12
เศร้ามากมาย ทั้งเรื่องปอและเรื่องตั้ม

 :sad4: :monkeysad:

สมกับชื่อเรื่องจริงๆ  o13
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ
เริ่มหัวข้อโดย: BIRD ที่ 04-10-2008 15:28:51
ยิ้ม หัวเราะ ร้องไห้
มีครบเลยครับ
ขอบคุณนะครับ อีกเรื่องที่ผมชอบมาก
 :L2:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 09-10-2008 11:44:44
 :sad2:
เขียนได้ดีมาก ๆ จริง ๆ น้ำตาร่วง 4 shotใหญ่ ๆ
1 เวลาพูดถึงครอบครัวตั้ม นึกสภาพตามแล้วบอกไม่ถูกอึดอัดหรืออบอุ่น
2 ความผิดปกติทางสายตาหรือเวลาตั้มป่วย บรรยายได้เห็นถึงความลำบาก
   อย่างมากในการดำเนินชีวิตแต่ละวัน
3 ตอนแปลความหมายเพลงเจ้ามังกรพัฟที่น่าสงสาร
4 น้ำตาร่วงพรั่งพรูตอนตั้มรู้ว่าปอจากไปแล้ว

+1 ให้กับผลงานดี ๆ อีกหนึ่งเรื่องของ บุหลง  :m4:
 :L2:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ
เริ่มหัวข้อโดย: thaitanoi ที่ 11-10-2008 02:43:14
 :m15:  เพิ่งเข้ามาอ่านนะครับ พอดีไปอ่านเรื่องวิหารจันทราและเรื่องผู้มาเยือนยามวิกาลมาเลยลองมาอ่านดูนะครับ รู้สึกประทับใจมากเลยทั้งเนื่อหามีทั้งยิ้มและมีน้ำตา ความรักของพ่อแม่กับลูก และความรักระหว่างเพื่อน คงต้องเก็บไว้ในความทรงจำต่อไป  ขอบคุณที่นำเรื่องมาเล่าสู่กันฟังนะครับแล้วก็อย่าลืมดูแลตัวเองด้วยนะครับ
ปล.จะติดตามผลงานของคุณต่อไปนะครับ
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ
เริ่มหัวข้อโดย: win_zah ที่ 12-10-2008 09:22:05
---

ขอบคุณนะคับ

ที่เขียนเรื่องดีๆแบบนี้

มันทำให้ผมย้อนกลับไปถึงม ต้น

ตอนนี้ผมอยู่ม. ห้าแระ

ขอบคุณท่กๆจริงนะคับ

เรื่องที่พี่เขียนมันสอนให้รู้หลายๆอย่างเกี่ยวกับความรัก

ขอบคุณอีกครั้ง :pig4:

หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ
เริ่มหัวข้อโดย: win_zah ที่ 12-10-2008 09:56:29
ลืมบอกนะคับ

เพลง loving u ผมฟังครั้งแรกตอน ม 1(ตอนนี้อยู่มห้า)

ผมเจอคนที่ทำให้ผมใจสั่นวันนั้นพอดีแล้วพอกลับบ้านเพลงนี้มันก็เปิดในวิทยุอีกพอดีเปนวันที่ฝนตกแต่ตกปลอยๆ
พี่เขาเดินไปส่งที่ รร ข้างๆพอดี(เราห่างกันมานานแล้ว)

แต่ผมก็มีเขาอยู่เสมอนะคับ

ขอบคุณสำหรับนิยายเรื่องนีนะคับ
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ
เริ่มหัวข้อโดย: chayton ที่ 13-10-2008 10:04:32
อืม.. อ่านจบแล้ว น่ารักเนอะ
เรียนที่เดียวกันเลย แต่คนละวิทยาเขต....
ตอนตั้มเรียนยังเหลือ 8 วิทยาเขตหรือเปล่านี่....
อ่านแล้วนึกถึงตอนที่นุ่งกุงเกงลินิน....
เดินเล่นสยาม....
ลินิน..ต้องสีขาวเท่านั้นถึงจะผู้ดี.....
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ
เริ่มหัวข้อโดย: อิง ที่ 05-11-2008 23:19:51
ไปอ่านพาร์ทสองก่อนมาอ่านพาร์ทนี้

อ่านจบแล้วพร้อมน้ำตาเลย  :o12:

ถึงจะเศร้า แต่ความทรงจำดี ๆ ระหว่างปอกับตั้มก็ไม่จางหายไปไหน

เก็บเอาไว้เสมอในความทรงจำ

ขอบคุณและเป็นกำลังใจให้คุณบุหรงนะคะ  :L2:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ
เริ่มหัวข้อโดย: daris ที่ 07-11-2008 00:53:20
 :m15:
เศร้ามาก ๆ เลย
สงสารตั้มมาก ๆ ถ้าได้มีเพื่อนแบบตั้มคงจะดีมาก ๆ เลย
ปอ ก็น่าสงสารอ่ะ

คุณบุหรงเขียนได้ดีมาก ๆ เพลงเจ้ามังกรพัฟ
สื่อความรู้สึกได้ดีสุด ๆ เลยอ่ะ
แม้ในประโยคจะธรรมดา แต่ไม่สื่อถึงอารมณ์ ได้แบบเศร้าจริง ๆ
 :a1:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ
เริ่มหัวข้อโดย: chalee1983 ที่ 13-11-2008 17:34:10
 :sad4: :o12:

ขอบคุณนะค่ะ  เศร้าได้ใจ ที่เดี้ยนชอบเลยค่ะ  ถ้ามีแบบที่เศร้ากว่านี้ขออีกนะค่ะ
 :pig4:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ
เริ่มหัวข้อโดย: โพ่มือคลี่ ที่ 24-11-2008 19:07:24
I think... when I start to read...

unhope always and forever
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ
เริ่มหัวข้อโดย: luna ที่ 04-12-2008 22:30:52
ตามมาอ่านเรื่องนี้ค่ะ  ชอบการใช้ภาษาของคุณบุหรงมาก  แต่งได้เยี่ยมทุกเรื่องเลยค่ะ

เรื่องนี้ขอบอกว่าตอนแรกเรากะจะเซฟแล้วไปอ่านใน talking dict เพราะปวดตามาก เรามีปัญหาสายตาเหมือนตั้มค่ะ  ตาเราข้างขวาสั้น 275 ข้างซ้ายปกติ  อ่านในคอมนานๆไม่ค่อยได้ จะปวดตามากค่ะ  เราเลยได้แต่สแกนคร่าวๆตอนเซฟน่ะค่ะ   แต่อยากบอกว่าแค่เราสแกนแบบคร่าวๆ  ก็น้ำตาซึม รู้สึกปวดใจมากค่ะ   :monkeysad:

สงสารปอมากค่ะที่จากไปทั้งที่ยังไม่ได้บอกรักตั้ม    :sad11:

ติดตามไปอ่านเรื่องต่อไปค่ะ   

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ 


 :L2:


หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ
เริ่มหัวข้อโดย: i-tatae ที่ 05-12-2008 20:03:05
 :monkeysad: :monkeysad:

ชอบมากเลยค๊าบบบบบ


ซึ้งสุดๆๆๆๆ  น่ารักดี
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ
เริ่มหัวข้อโดย: altctrldelete ที่ 13-02-2009 22:45:17
กำลังตามอ่านนิืยายของคุณบุหรง

ผู้มาเยือนก็เศร้า เรื่องนี้ก็อีก  :m15:



ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ
เริ่มหัวข้อโดย: doonut_kabpom ที่ 15-02-2009 12:16:12
เศร้าจังคับ


ทำไมตอนท้าย ปอต้องตายด้วยล่ะ  แล้วงี้ตั้มจะอยู่กับใคร


อยากให้มันจบแบบแฮปปี้จัง


แต่ก็สนุกดี  เสียน้ำตาด้วย

มีคนบอกว่าผมนี่เป็นเอาหนัก  อ่านแล้วร้องไห้

แต่ก็นะ  มันเศร้านี้  ให้ทำไงอะ  หัวเราะหรอ    :o12:

[attachment deleted by admin]
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 22-03-2009 16:53:37
เศร้าบาดลึกถึงทรวงอีกแล้วครับท่านบุหรง
ตระหนักได้ถึงความเป็นจริง ชีวิต และปัจจุบัน
 :pig4: กับอีกเรื่องดีๆ นะคุณบุหรง
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ
เริ่มหัวข้อโดย: ammpy ที่ 28-03-2009 17:01:37
เศร้ามากเลยนะ
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 01-04-2009 21:54:12
๑ เมษายน วันแห่งความทรงจำ ...

หลายคนถามว่า ทำไม ปอ ต้องจากไปแบบนั้น

คำถามนี้ยังค้างคาใจผมอยู่เช่นกัน ตั้งแต่วันนั้น ... จนถึงวันนี้

แต่อย่างไรก็ตาม ปอ ยังอยู่ในใจผมเสมอ ไม่ว่าเวลาจะผ่านมานานเท่าไร

ภาพรอยยิ้มที่ ปอ ยิ้มให้ผมในวันสุดท้าย ก่อนจะจากกันชั่วนิรันดร์ ยังคงอยู่ในใจผมเสมอ

ปอ ... นายจะอยู่ในความทรงจำของเราตลอดไป
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ
เริ่มหัวข้อโดย: imageriz ที่ 02-04-2009 15:20:51
อ่านเรื่องนี้จบภายในวันเดียว
ถึงแม้จะอ่านจบภายในวันเดียว แต่ความประทับของเรื่องจะอยู่กับเราไปอีกนาน
เพราะเราประทับใจกับความรักของปอที่มีต่อตั้มมาก  ความมั่งคงในความรักที่
มีของปอ มีให้ตั้มจนวินาทีสุดท้ายของลมหายใจ และคงจะยังมีไปอีกตราบนาน
เท่านาน  ยอมรับว่าเมื่ออ่านถึงตอนที่ ตั้ม พี่ราญ พี่ชัย ไปที่วัด น้ำตามันไหลออกมา
เพราะว่าคิดว่าทำไม ทำไมล่ะ อีกแค่นิดเดียวไม่ใช่เหรอ ที่ปอจะได้เจอกับตั้มแล้ว
ทำไมต้องเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น  แต่อนาคตเป็นสิ่งที่ไม่ใครรู้ว่าจะเกิดขึ้น
ขอให้ทำวันนี้ให้ดีที่สุดก็พอ

ขอบคุณคะ ที่นำเรื่องราวความรักที่น่าประทับใจของปอมาถ่ายทอดให้ได้อ่าน  :pig4:
 :L2: :L2: :L2:

ขอร่วมระลึกถึงการจากไปขอปอ ด้วยนะคะ ขอบคุณคะ  :pig4:

หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ
เริ่มหัวข้อโดย: กิมตี๋หัดขับ ที่ 04-04-2009 01:03:55

โตขึ้นแล้วนะ...  o13
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ
เริ่มหัวข้อโดย: B_O_M ที่ 16-04-2009 02:58:43
 :m15:เยี่ยมากครับ :monkeysad:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ
เริ่มหัวข้อโดย: patz ที่ 18-04-2009 01:54:57
เพิ่งอ่านจบครับ ใช้ภาษาได้เยี่ยมมากๆเลยอะครับ แต่ตอนจบเศร้าเหลือเกิน :m15:


ยังไงก็เป็นกำลังใจให้นะครับผม  :L2:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ
เริ่มหัวข้อโดย: mango ที่ 23-04-2009 19:33:26

Thank you,
 :L2:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ
เริ่มหัวข้อโดย: nintendome99 ที่ 06-06-2009 10:35:08
ผมตามอ่านมานานคับ งานเขียนเรื่องนี้ จากอีกเว็บนึง ที่มีคนไปโพสต์ลงไว้ และก็รอมานานมาก จากเว็บดังกล่าว แต่ก็ไม่เห็นมีการ อัพเดทเรื่องราวลงซักที ได้แต่หงุดหงิดด้วยการรอคอยไปวันๆ เข้าไปเช็คทุกวัน แต่ก็เหมือนเดิม คือ รอๆๆๆๆ จนเหนื่อยใจ และบังเอิญโชคดีที่สุด ที่ได้เข้ามาเจอกับเว็บนี้
 งานเขียนของคุณตั้ม ผมบอกเลยครับ ว่าการพรรณาถึงบทตัวละครต่างๆ เป็นการที่พรรณาออกมาอย่างให้เราสามารถนึก แล้วคล้อยตามไปด้วย ความรู้สึกที่สามารถอยู่ร่วมในเหตุการณ์นั้นๆ เศร้า ก็รูสึกจะฉุดอารมณ์ให้ตกอยู่ในห้วงความเศร้านั้นได้จริงๆ น้ำตาผมปล่อยไหลออกมาทุกครั้งที่นึกถึง ความกดดัน และความเสียใจที่ตั้มได้รับ และรูึสึกใจหายจากการจากไปตลอดกาลของปอ คนที่ตั้มรัก และรักตั้ม ทำไมชีวิตมันมีการพลัดพลากแบบนี้ ทั้งที่ยังไม่ได้อยู่ชื่นชมกับความรักนั้นเลย จะติดตามงานเขียนของคุณตั้มต่อไปนะคับ เป็นกำลังใจให้เสมอ
ป.ล. อ่านคอมเมนท์บางข้อความเห็นว่า เคยอ่านพาร์ทสองก่อนที่จะมาอ่านพาร์ทนี้ เลยแอบสงสัยว่ามีภาคต่อจากนี้จริงหรือเปล่า ถ้ามีผมจะพยายามหาอ่านให้ได้ แต่หวังว่าตัวละครจะมีชีวิตที่สมหวังบ้าง ให้หัวใจคนอ่านได้กระชุ่มกระชวยขึ้นนะคับ อดึต เราไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขได้ อย่าจมปลักอยู่กับอดีต เก็บความทรงจำที่ดีๆไว้ และเปิดโอกาสให้ตัวเองกับคนรอบข้างที่เข้ามา รักแท้อาจจะได้อยู่ไกลอย่างที่เราคิดนะคับ (ใครที่รู้ว่ามีภาคต่อ ก็ขอรบกวนช่วยแจ้งให้ผมทราบด้วยแล้วกันะคับ ขอบคุณล่วงหน้าคับผม)
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ
เริ่มหัวข้อโดย: EaK_kung^^ ที่ 11-06-2009 16:36:43
ผมคงเป็นนักอ่านที่ไม่ค่อยดีนักที่ไม่ค่อยได้เม้นให้กับเรื่องที่อ่านเท่าไร
แต่เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ผมประทับใจ(เรื่องอื่นก็ประทับใจนะครับ แต่ไม่มีโอกาศได้เม้นขอโทษจากใจจริงๆครับ) และทำให้ผมรู้สึกเสียน้ำตา
แต่ผมอยากบอกคุณตั้มนะครับผม แม้มันจะจบเศร้าแต่ผมดีใจว่า พี่ตั้มมีคนที่รักพี่ตั้มมากจริงๆ และรักพี่ตั้มจนวันสุดท้าย ซึ่งน้อยคนนักที่ะมีโอกาศเจอแบบพี่ตั้ม ผมเชื่ออย่างนั้น ขอให้พี่ตั้มมีความสุขนะคร้าบ ......แฮะ และอย่างเหมือนรีบน เห็นมีอีกเรื่องที่พี่ตั้มแต่ง ผมเองอยากที่จะเห็นความสดใสของพี่ตั้มอีกครั้งแม้จะเป็นจินตนาการเหอๆ ขอบคุณอีกครั้งกับเรื่องดีๆแบบนี้คร้าบ
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ
เริ่มหัวข้อโดย: Letm3diE ที่ 15-09-2009 03:44:42
 :pig4:

ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดี ๆ  ที่นำมามอบให้

ขอให้มีความสุขกลับความทรงจำที่ดี ๆ  จดจำแต่สิ่งที่ดี ๆ  ของคนที่เรารัก

และขอให้พบรักครั้งใหม่ที่สวยงาม

 :bye2:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ
เริ่มหัวข้อโดย: tutu ที่ 17-09-2009 21:23:03
เศร้ามากกกก  :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ
เริ่มหัวข้อโดย: Solar cell ที่ 25-09-2009 16:32:05
ประทับใจกับความทรงจำดีๆ

เขียนถ่ายทอดความรู้สึกเก่งจังค่ะ

ตั้มน่ารัก จริง ๆ อยากให้ตั้มมีความสุขนะคะ

ถึงแม้จะเศร้าแต่อ่านแล้วมีความสุขจัง

ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดี ๆ ค่ะ
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ
เริ่มหัวข้อโดย: ธรรพ์ ที่ 25-04-2010 01:16:28
ประทับใจมากมายเลยครับ กับเรื่องนี้

ตั๊ม เป็น เพื่อนในอุดมคติ จริงๆ รักตัวละครตัวนี้มากๆครับ

ส่วน เดอะเบสมายเฟรนส์ ผมยกให้ วัฒน์ ครับ ถ้าในชีวิตจริงมีเพื่อนที่ได้สักครึ่งของวัฒน์ สักคน นี่

ต่อให้ไม่มีใครคบก็ยอม อิอิ
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 30-04-2010 23:43:52
ให้ตายสิ เคือง กะ รำคาญกะความไร้เดียงสาของตั้มจริง ๆ

อ่านมาถึงตอนนึกเข้ามาแล้ว ไม่กล้าอ่านต่ออ่ะ

ขอพักก่อน

หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ
เริ่มหัวข้อโดย: Ygirl ที่ 08-06-2010 14:55:42
ไม่ไหวแล้ว

เสียนำตาไปหลายลิตร

พอรู้ว่าพี่ตั้มชอบพี่นึก หงุดหงิดๆ

แล้วตอนหลังที่พี่ตั้มแน่ใจแล้วว่ารักพี่ปอไอ้เราก็หลงดีใจ

พอมาพี่ปอตาย น้ำตาร่วงเลย แต่เป็นเรื่องที่ประทับใจมากค่ะ


 o13
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ
เริ่มหัวข้อโดย: Ultramann ที่ 11-07-2010 01:34:02
ชอบมากเลยครับ
ตอนสุดท้ายนี่น้ำตาไหลเลย
ขอบคุณสำหรับเรื่องที่น่าประทับใจเรื่องนี้ครับ
 :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ
เริ่มหัวข้อโดย: sa-ma-cha-ya ที่ 21-07-2010 17:06:59
เศร้าจัง   :3123:  :pig4:

ทุกข์เท่านั้นที่เกิดขึ้น
ทุกข์เท่านั้นที่ตั้งอยู่
ทุกข์เท่านั้นที่ดับไป

ขอให้ผ่านมันไป เก็บไว้เป็นความทรงจำ และทำสิ่งดี ๆ ให้แก่ตนเองและผู้อื่นสืบไป สักวันคงได้พบกันอีก โชคดีนะครับ
 :bye2:

หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ
เริ่มหัวข้อโดย: nakrob ที่ 27-09-2010 19:46:16
 :o12: :sad4:ผมเองพึ่งได้มีโอกาสกลับมาที่เล้าเป็นนี่ครับ และก็มาเจอเรื่องของคุณบุหรงเข้า ไม่ผิดหวังเลยครับ ผมไม่มีอะไรจะบอกจริงๆนอกจากว่า ซึ้งครับ และเป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ
เริ่มหัวข้อโดย: rainy_naja ที่ 25-12-2010 05:17:20
merry★ 。 • ˚ ˚ ˛ ˚ ˛ •
•。★Christmas★ 。* 。
° 。 ° ˚* _Π_____*。*˚
˚ ˛ •˛•*/______/~\。˚ ˚ ˛
˚ ˛ •˛• | 田田|門| ˚★ 。 • ˚ ˚ ˛ ˚ ˛ •
Jaaaaaaaa \\(^^)//
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ
เริ่มหัวข้อโดย: BBChin JungBB ที่ 21-01-2011 17:38:09
คิดว่าตั้มน่าสงสารแล้วนะ พอมาเจอเรื่องปอ
ปอน่าสงสารกว่าอีก เฮ้อออ  :o12:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ
เริ่มหัวข้อโดย: micky99 ที่ 17-08-2011 14:55:46
หลังจากอ่านสานฝันนิรันดรแล้วก็ตามมาอ่าเรื่องนี้
ขอบคุณคุณพี่บุหรงมากๆครับ  :pig4: :pig4:
น้ำตาไหลเช่นกันครับ เขียนได้สุดยอดมากเลยครับ
ทำให้รู้สึกได้ถึงความรู้สึกน้อยใจแต่เก็บไว้ในใจคล้ายๆเรา
เด๋วจะไปอ่าภาค2ต่อ ขอบคุณจากใจค้าบบ o13
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ
เริ่มหัวข้อโดย: KanomPhing ที่ 03-10-2011 22:36:39
ถึงจะเศร้าแต่ก็ยังยิ้ม

เหมือนเป็นรักนิรันดร์
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ
เริ่มหัวข้อโดย: sarumatty ที่ 04-10-2011 20:17:38
ผมอ่านวันเดียวจบเลยครับ ผมพอจะรู้ว่าตอนแรกคุณตั้มเรียนที่วิทยาลัยไหน (ถ้าเดาไม่ผิดและก็อาจจะเป็นที่เดียวกัน)
คุณตั้มที่ว่าออร์แกนไฟฟ้า นี่หมายถึงอิเล็กโทนป่าวคับ ถ้าเป็นอิเล็กโทนผมก็เรียนมาเหมือนกัน อิอิ
จะว่าไปผมก็คล้ายๆคุณตั้มแต่ยกเว้นที่ไม่มีคนรัก อย่างเช่น ปอ กับ นึก แหะๆ (เพราะฉนั้นต้องรอต่อไป)
ขอบอกว่าตอนสุดท้ายอ่านแล้วน้ำตาไหล ซึ้งมากๆ
ขอบคุณสำหรับประสบการณ์และนิยายดีดี นะครับ :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ
เริ่มหัวข้อโดย: choicep ที่ 03-11-2011 16:57:08
มันเป็นนิยายที่ดีมากๆเลยคับ ผมอ่านแล้วก้อน้ำตาไหล ไปพร้อมๆกับความประทบใจ
ขอบคุณมากๆคับ
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ
เริ่มหัวข้อโดย: loverken ที่ 18-11-2011 14:39:04
 :monkeysad:

จบเศร้าซึ้งอะ

เป็นนักแต่งที่ใช้ภาษาดีมากอะ การจัดหน้า และการตัวหนังสือ ก็จัดวางได้ดีมากคะ

ตามไปอ่านตอนสองต่อ
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 21-11-2011 18:31:57
ขอบคุณมาก ๆ สำหรับเรื่องราวดี ๆ ซึ้ง ๆ
ตอนสุดท้ายเสียน้ำตาไปมากมาย
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ
เริ่มหัวข้อโดย: ummax ที่ 24-03-2012 19:45:31
จบได้เศร้ามากๆเหมือนชีวิตของผมเลย
แต่ไม่ได้บอกลาเค้าเมื่อวันเผาเพราะไม่รู้เรื่อง
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ
เริ่มหัวข้อโดย: NewYearzz ที่ 02-12-2012 22:49:00
รู้สึกโหวงๆในหัวพิกล :เฮ้อ:

ขอบคุณสำหรับภาพความทรงจำที่ถ่ายทอดออกมาให้ได้รับรู้เป็นเครื่องเตือนใจนะครับ  :pig4:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ
เริ่มหัวข้อโดย: kungfoopungpon ที่ 11-02-2013 01:16:19
 :กอด1: :L2: :pig4: :n1:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ
เริ่มหัวข้อโดย: pemiko2012 ที่ 25-11-2013 18:24:35
เพิ่งได้อ่านเรื่องนี้
 เศร้ามาก
ร้องไห้เป็นเผาเต่าเลยจริงๆ
ไม่รู้น้ำตามาจากไหนไหลไม่หยุด

เศร้าาาาาา
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 02-12-2014 18:52:23
เฮ้อ ... เศร้าอ่ะ อ่านแล้วซึมเลย

ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ
เริ่มหัวข้อโดย: Cloudnine ที่ 29-03-2016 12:23:23
ตามอ่านเรื่องนี้อยู่ :katai5:
น้องตั้มน่ารัก มีแต่คนเอ็นดู
ซื่อจนบางทีโดนแกล้งแรงๆ น่าสงสารอ้ะ
ปอก็ปากไม่ตรงกับใจซะเหลือเกิน

อ่านต่อๆ
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ
เริ่มหัวข้อโดย: Pawana ที่ 15-05-2016 10:43:06
เป็นความทรงจำที่น่าประทับใจมาก.    เป็นเรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้น. ทั้งความน่ารักของตั้ม.  รักที่มั่นคงของปอ. ทั้งความรักของเพื่อน ถึงจะจบด้วยน้ำตา.  แต่มันคงอยู่ในใจตั้มตลอดไป.  ประทับใจมากค่ะ. ขอบคุณที่มีเรื่องดีๆมาให้ประทับใจ
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 16-05-2016 07:30:09
อ่านไปร้องไห้ไป ไม่เคยร้องไห้มากขนาดนี้มาก่อนเลย
รัดทดใจกับตั้มวัยเด็ก  พ่อไม่รัก ไม่อุ้ม ไม่กอด
พ่อที่ยังฝังใจที่ตั้มเป็นลูกชู้ แม้เข้าวัยชรา
ตั้มที่ไร้เดียงสา นึกว่าคำด่าของเพื่อนเป็นจริง ถูกแกล้งมาตลอด
แม้สอบเอนท์ก็ยังถูกแกล้ง ถูกเมิน เป็นเพื่อนที่เลวจริง
อยากอ่านต่อ คุณบุหรงเขียนได้ดีมาก
เหมือนได้เห็นชีวิตทุกระยะของตั้มจริงๆ
ขอบคุณมากที่ทำให้ได้อ่านเรื่องดีๆ  :L1: :L1::L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ
เริ่มหัวข้อโดย: SOMCHAREE ที่ 20-05-2016 17:40:04
ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆนะค่ะ ร้องไห้เลย
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ
เริ่มหัวข้อโดย: DarkCat_BK ที่ 17-03-2018 03:58:27
กลับมาอ่านอีกรอบ ก็ร้องไห้อีกรอบ ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆนะคะ :mew6:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ
เริ่มหัวข้อโดย: Zinub ที่ 25-06-2019 11:02:31
กลับมาอ่านทีไรก็ร้องไห้ทุกที

ขอบคุณคุณคนเขียนมากนะคะสำหรับเรื่องราวดีๆ

 :กอด1:  :กอด1:  :pig4:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ
เริ่มหัวข้อโดย: mentholss ที่ 26-04-2020 02:48:17
 :o12:
หัวข้อ: Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ อัฟเดท ๗๒/๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๑
เริ่มหัวข้อโดย: Musashi ที่ 18-08-2021 07:23:57
คณะมนุษยศาสตร์ในรั้วมหาวิทยาลัย วิทยาเขตที่อยู่ติดกับ มหาวิทยาลัยชื่อดังที่สุดของประเทศ เนื่องจากเป็นวิทยาเขตเล็กๆ จึงมีจำนวนนักศึกษาไม่มากนัก
มศว.ปทุมวัน พระเกี้ยวธรรมจักรน้ำเงินชมพู สถาบันที่สร้างทุกอย่างให้เราในวันนี้
วันนี้ไม่เหลืออะไรที่เป็นหลักฐานว่าตึก6ชั้น(เดิมมี5ชั้น)เคยเป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงทางด้านศึกษาศาสตร์มีคะแนนสอบเข้าไม่แพ้คณะครุฯมหาวิทยาลัยข้างๆ