บทที่ 82 The Monthly Battle
“ตกลง!” เฟี๊ยตตอบอย่างมั่นใจโดยไม่ต้องคิดสักนิดเดียว เขาคิดไว้อยู่แล้วว่าจะต้องเจอสถานการณ์แบบนี้ เขาจึงเลือกที่จะไม่ขายการ์ดหญ้าฝรั่นนั่นจนหมด
“ว่าไงนะ” หญิงชรานั่นหันมาถามเขาอย่างไม่มั่นใจในสิ่งที่ตัวเองได้ยินเท่าไหร่นัก ดวงตาโปนโตภายในเบ้าตาลึกนั่นจ้องมองเขาอย่างเคลือบแคลง
“ผมตอบว่าตกลงครับ ผมยินดีจ่ายการ์ดสูงสุดหนึ่งใบเป็นค่าเล่าเรียนครับ” ชายหนุ่มเอ่ยช้าๆ ชัดๆ อีกครั้ง เพื่อให้ว่าที่อาจารย์ของเขาได้ยินอย่างชัดเจน
“ฮ่าฮ่า เจ้านี่มันน่าสนใจโดยแท้ ในเมื่อกล้าจ่าย ข้าก็กล้าสอน พรุ่งนี้เวลานี้มาเจอข้าที่นี่เพื่อเรียนวิชา ข้าจะสอนเจ้าเป็นเวลาสามวัน เตรียมใจไว้ให้ดี เพราะวิชาที่ข้าจะสอนนั้นมันน่าสยองขวัญกว่าที่เจ้าคิดนัก ฮ่าฮ่าฮ่า” หญิงชราหัวเราะออกมาเสียงดังด้วยเสียงแหบพร่าอย่างพึงพอใจ
“น่าสยองขวัญ ทำไมถึงสยองขวัญหรอครับ มันต่างกับวิชาปรุงยาตรงไหนหรอครับ” เฟี๊ยตเอ่ยถามขึ้นอย่างฉงน คิ้วของเขาเลิกขึ้นเล็กน้อยด้วยความสงสัย
“ไม่ถูกหรอก ข้าจะสอนเจ้าปรุงยา แต่ไม่ใช่ยารักษาคนนะ มันคือยาพิษ ฮ่าฮ่าฮ่า มีแต่ผู้ที่สำเร็จวิชาปรุงยาแล้วเท่านั้น ถึงจะเรียนวิชาการวางยาต่อได้ แล้วเจ้าจะรู้ว่าการฆ่าคนมันช่างมีศิลปะมากมายกว่าที่เจ้าคิด ฮ่าฮ่าฮ่า” เสียงหัวเราะของหญิงชรายังคงก้องกังวานไปมาในห้องแคบๆ แห่งนั้น ชายหนุ่มขมวดคิ้วอย่างคิดหนัก การเรียนปรุงยาพิษเพื่อฆ่าคนนี่ต่างไปจากความต้องการของเขามาก แต่คิดไปคิดมา นี่มันก็เป็นเพียงแค่เกมเท่านั้น เรียนรู้ไว้ก็คงไม่เสียหลาย อีกอย่าง เขาเองก็ยังจำเป็นต้องต่อสู้ เรียนแต่รักษาอาจจะไปไม่รอดก็ได้ เฟี๊ยตหรี่ตาลงเล็กน้อย แต่ก็ตัดสินใจไม่พูดอะไรออกไป ก่อนจะโค้งหัวน้อยๆ และออกมาจากว่าที่โรงเรียนแห่งใหม่ของเขานั้น
เฟี๊ยตตัดสินใจใช้เวลาที่เหลือในวันนั้นในการเดินเล่นไปในเมืองและหาข่าวสารต่างๆ ไปเรื่อยๆ ชายหนุ่มแวะเข้าร้านโน้นออกร้านนี้อย่างสนุกสนาน แต่เขาก็เสียเงินไปแค่การใช้ซื้อเสบียงของกินสำเร็จรูปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เขาตัดใจในการซื้อโรงยิมสำเร็จรูปอย่างเสียไม่ได้ การ์ดใบดังกล่าวเป็นการ์ดที่มีสนามกีฬาทุกรูปแบบไว้ในใบเดียว ไม่ว่าอยากจะเล่นกีฬาอะไร ขอเพียงแค่สั่งเท่านั้น สนามกีฬาและคู่ซ้อมก็จะปรากฏขึ้นมาต่อหน้า เฟี๊ยตยืนมองตาละห้อยอย่างเสียดาย ราคาเหยียบครึ่งหมื่นของมันทำให้เฟี๊ยตทำได้แค่มอง
ชายหนุ่มตั้งใจเป็นอย่างยิ่งที่จะรักษาเงินที่มีอยู่เอาไว้ใช้ให้ได้นานที่สุด ตอนนี้เขามีรายรับเพียงวันละ 100 เหรียญเท่านั้น ในขณะที่ซองการ์ดที่มีไพ่ระดับดีๆ สนนราคาที่พันกว่าเหรียญขึ้นไปทั้งนั้น ซึ่งนั่นทำให้เขาต้องวางแผนการใช้การ์ดอย่างดี เพราะถึงแม้ว่าไพ่ตัวตนจะพอหาได้จากการผนึกด้วยตัวเองได้อยู่บ้าง แต่การ์ดเวทมนตร์นั้นแทบจะเรียกได้ว่าผูกขาดอยู่ที่การเปิดซองการ์ดเพียงอย่างเดียว เฟี๊ยตจำเป็นต้องหารายได้ให้เพิ่มมากขึ้นกว่านี้ เขาถึงจะมีสิทธิ์ใช้เงินอย่างสุรุ่ยสุร่ายได้
“ข่าวร้อนๆ จ้า ข่าวร้อนๆ” เสียงหนึ่งดังขึ้นไม่ไกลจากเฟี๊ยต ขณะที่ตัวเขาเดินเล่นอยู่ในเมืองแห่งนั้น เมื่อหันกลับไปมองก็พบว่า ต้นกำเนิดของเสียงนั้นคือหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งที่มีโทรโข่งตัวไม่ใหญ่นักอยู่ในมือ ในอ้อมแขนอีกข้างหนึ่งของเธอหอบกระดาษปึกโตเอาไว้ เฟี๊ยตคิดว่านั่นน่าจะเป็นข้อมูลอะไรสักอย่างเกี่ยวกับข่าวที่กำลังพูดถึงอยู่แน่
“เร่เข้ามาจ้า เร่เข้ามา ผู้เล่นคนไหนสนใจอยากได้ข้อมูลเกี่ยวกับการแข่งขันชิงการ์ดสูงสุดประจำเดือนนี้ เร่เข้ามาเลยจ้า ข้อมูลราคาไม่แพงเลยน้า ใครมาเมืองนี้แล้วไม่ลงแข่ง ถือว่ามาไม่ถึงกุมภาพันธ์นะจ๊ะ เร่เข้ามาจ้า” เสียงนั่นยังคงเจื้อยแจ้วต่อไปราวกับไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เฟี๊ยตยืนอยู่ห่างๆ ก่อนจะใช้สมองประมวลผลตามช้าๆ
‘ไบเบิ้ล’ เขาเอ่ยเรียกเพื่อนคู่ใจอย่างคุ้นเคย
“ว่าอย่างไร นายท่าน” เสียงนั่นเอ่ยตอบมาอย่างว่องไวเช่นเดิม
‘อะไรคือการแข่งขันชิงการ์ดสูงสุดประจำเดือน’ เขาเอ่ยถามตามคำสำคัญที่เขาจำได้มาจากเนื้อความของประกาศนั้น
“การแข่งขันชิงการ์ดสูงสุดเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของเมืองกุมภาพันธ์ ที่จัดขึ้นเพื่อให้ผู้เล่นเข้ามาแข่งขันกันเพื่อชิงการ์ดสูงสุดไปเป็นของรางวัล อีกนัยหนึ่งก็เป็นการประชาสัมพันธ์เมืองไปในตัวด้วย การแข่งขันจัดในรูปแบบของการ Duel ผู้ชนะในการแข่งขันอันดับหนึ่งจะได้รับไพ่สูงสุดเป็นของรางวัล ซึ่งงานนี้ถูกจัดขึ้นทุกเดือน จึงถูกเรียกว่าการแข่งขันชิงการ์ดสูงสุดประจำเดือนนั่นเอง” ไบเบิ้ลอธิบายยาวเหยียดแก่เขา
‘มีคนเก่งเข้าร่วมการแข่งขันมากไหม ไบเบิ้ล’ เขาเอ่ยถามในสิ่งที่เขากังวลที่สุดออกไป
“การแข่งขันนี้เรียกได้ว่าเป็นการแข่งขันของผู้เล่นชั้นต้นถึงชั้นกลางมากกว่า เพราะเป็นที่รู้กันในหมู่ผู้เล่นดีว่าการ์ดสูงสุดที่ได้มานั้นส่วนใหญ่จะเป็นการ์ดลำดับที่ไม่ค่อยดีนัก ผู้เล่นเก่งๆ ส่วนใหญ่จึงจะไม่เสียเวลามาเก็บการ์ดด้วยวิธีนี้ แต่จะรับทำภารกิจ หรือหาข้อมูลการ์ดระดับต้นๆ จะดีกว่า การแข่งขันนี้เหมือนการประลองเพื่อเป็นโชว์หรือสีสันมากกว่าจะเป็นการต่อสู้ของยอดฝีมือจริงๆ” เฟี๊ยตถอนหายใจอย่างโล่งอก เขาอยากเข้าร่วมกิจกรรมอันน่าสนใจนี่ แต่ถ้ามีคนเก่งๆ ลงสมัครด้วยมาก เขาก็คงต้องคิดหนัก
‘แล้วทำไมต้องมีการขายข่าวด้วย ในเมื่อมันก็เป็นงานที่จัดขึ้นเป็นประจำอยู่แล้วนี่ ไบเบิ้ล’ ชายหนุ่มเอ่ยถามต่ออย่างสงสัย
“หัวข้อการแข่งขันในแต่ละเดือนจะไม่เหมือนกัน ข่าวสารจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก ที่จะทำให้ผู้เล่นไปสู่ชัยชนะได้ ใครที่เตรียมตัวไว้ดี ก็มีสิทธิ์ชนะได้มาก” ไบเบิ้ลตอบ
‘หัวข้อการแข่งขันคืออะไร อธิบายให้ละเอียดหน่อย’ เขาขัดขึ้น
“ยกตัวอย่างเช่น 3 เดือนที่แล้ว หัวข้อการแข่งคือ ห้ามใช้การ์ดพรสวรรค์ในการต่อสู้ 2 เดือนที่แล้ว คือ ต้องใช้การ์ดต่ำกว่าเลเวล 5 เท่านั้นในการแข่ง 1 เดือนที่แล้ว คือ ต้องใช้การ์ดที่ได้รับจากการสุ่มแจกตอนก่อนเริ่มเกมเท่านั้นในการสู้ แต่ละหัวข้อในการแข่งมีผลต่อการแข่งขันสูงมาก ถึงแม้ว่าจะเก่งมากแค่ไหน แต่ถ้าเตรียมตัวมาไม่ตรงกับเงื่อนไขในการแข่ง โอกาสชนะก็ลดน้อยลงไปมาก” ไบเบิ้ลยกตัวอย่างจนชายหนุ่มเริ่มจะเข้าใจ
‘แล้วหัวข้อการแข่งขันของเดือนนี้?’ เขาเอ่ยวลีสั้นๆ เป็นคำถาม
“การต่อสู้แบบคู่ การแข่งขันในเดือนนี้ ผู้ที่ลงสมัครเป็นคู่เท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์ลงแข่งขัน การต่อสู้จะเป็นการปะทะกันแบบสองคนต่อสองคน คู่ที่ชนะตลอดการแข่งขันจะได้รับรางวัลเป็นการ์ดสูงสุดไป” ไบเบิ้ลตอบคำถามที่ต้องทำให้เขาคิดหนักอีกครั้ง ชายหนุ่มมองว่าการแข่งขันนี่เป็นนิมิตหมายอันดีในการทดสอบฝีมือและเก็บการ์ดสูงสุดให้ได้มากขึ้น แต่เขาจะไปหาคู่ได้ที่ไหนนี่สิ ขาของชายหนุ่มหมุนบิดกลับหลังหันก่อนจะเดินออกมาจากบริเวณนั้น เขาไม่จำเป็นต้องเสียเงินซื้อข่าวสารใดๆ แค่มีไบเบิ้ลก็มากเกินพอ
เฟี๊ยตใช้เวลาบ่ายนั้นในการเดินเถลไถลไปเรื่อยๆ ในเมืองที่แสนสงบแห่งนั้น หลังจากที่หาอะไรบรรจุลงในกระเพาะสำหรับตอนเที่ยงเป็นที่เรียบร้อย เขาเดินมาถึงบริเวณลานกลางเมืองที่เหมือนเป็นที่ว่างสำหรับจัดกิจกรรมสำหรับชาวเมืองนั่น จัตุรัสดังกล่าวมีผู้คนเดินกันอยู่อย่างประปราย มีชาวบ้านบางคนในของมาวางขายแบกับดินอยู่บ้าง ส่วนใหญ่เป็นพวกอุปกรณ์เครื่องใช้ รวมไปถึงผลผลิตทางการเกษตรกรรมต่างๆ
สายตาของชายหนุ่มเหลือบไปเห็นคนกลุ่มหนึ่งที่แต่งกายเหมือนกันทั้งกลุ่ม คือ ชุดสีขาวดำที่ประดับเป็นลวดลายแบบจีนที่ดูเคร่งขรึมและลึกลับ ชายคนหนึ่งที่โดดเด่นอยู่กลางคนกลุ่มนั้นเป็นที่จับตาของผู้คนโดยรอบ ชายวัยกลางคนที่ดูน่าเกรงขามคนนั้นสวมผ้าคลุมยาวตั้งแต่ไหล่มาเกือบจรดปลายเท้า ท่าทีนิ่งๆ นั้นดูไม่ต่างจากคนปรกติทั่วไป แต่มีบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้เฟี๊ยตรู้สึกว่าชายคนนี้ไม่ธรรมดาเลย
‘ไบเบิ้ล มีข้อมูลของชายชุดขาวดำตรงหน้านี้หรือไม่’ เขาเอ่ยถามไบเบิ้ลด้วยความสงสัย
“ชุดขาวดำนี่นายท่านเห็นคือ ชุดเครื่องแบบขององค์กร Dark Drag หรือองค์กรมังกรทมิฬ ซึ่งเป็นองค์กรที่ถือเป็น 1 ใน 4 ขั้วอำนาจในเกมนี้ Dark Drag ขึ้นชื่อว่าเป็นองค์กรชั่วร้ายอันดับต้นๆ ของเกม ไม่มีใครรู้ว่าเป้าหมายขององค์กรนี้คืออะไร แต่ที่ทุกคนรู้คือ พวกมันชอบระรานคนบริสุทธิ์จนมีแต่ผู้คนหวาดกลัว ผู้เล่นส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีใครชอบสุงสิงกับองค์กรนี้เท่าไหร่ เพราะมันขึ้นชื่อว่าถ้ากัดใครแล้ว มันจะกัดไม่ยอมปล่อย คนส่วนใหญ่จึงเลือกที่จะหลีกเลี่ยงการมีปัญหากับพวกมันเสียมากกว่า” ชายหนุ่มฟังคำตอบของไบเบิ้ลพร้อมกับมองไปที่คนชุดขาวดำกลุ่มนั้น เพราะเหตุใดไม่รู้ที่ทำให้เขารู้สึกคุ้นเคยกับลวดลายเหล่านั้นอย่างประหลาด แต่ไม่ว่าจะพยายามคิดเท่าไหร่ เขาก็คิดไม่ออกเลยจริงๆ
จากผู้แต่ง : ถึงแม้ว่าตอนนี้จะดูสั้น แต่............... มันก็สั้นจริงๆนะฮ๊าฟฟฟ 555
มาน้อยก็ดีกว่าไม่มานะ อิอิ
