บทที่ 173 Game
ตึงง
เสียงปะทะเบาๆ ดังขึ้นก่อนที่ร่างของเด็กหนุ่มจะกระทบกับพื้นดินให้แตกสลายไปต่อหน้าต่อตาเพื่อนทั้งสองคน ดูเหมือนว่าสมุนของเฟี๊ยตจะปฏิบัติการช่วยชีวิตธันได้ไวกว่าความคิดเฟี๊ยตเสียอีก เจ้าปีศาจทรายนั่นเอื้อมมือยักษ์ที่ประกอบขึ้นอย่างหยาบๆ นั่นไปรับเด็กหนุ่มไว้อย่างถนัดถนี่ ก่อนจะรีบถอยร่นพาร่างของธันกลับมาหาผู้เป็นนาย อย่างรู้ถึงภยันอันตรายที่ขวางอยู่เบื้องหน้า
ซู่มมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม
เสียงมวลน้ำปริมาณมหาศาลพุ่งตรงดิ่งลอดช่องเขื่อนที่เพิ่งพังทลายลงนั่นเข้ามาอย่างคุกคาม เจ้าไดโนเสาร์นั่นแทบไม่เปิดโอกาสให้เขาได้หายใจหายคอแม้แต่เสี้ยววินาทีเดียว
“The Wall of Art RELEASE!”
กันต์ที่ยืนนิ่งไม่ไหวติงมากว่าห้านาทีแล้วนั้นตะโกนออกมาอย่างจับจังหวะอยู่พอดี ทันทีที่สิ้นสุดคำสั่ง พื้นดินด้านหลังชายทั้งสองก็ดังสะเทือนเลื่อนลั่นขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับกำแพงหลากสีที่แทรกตัวขึ้นมาเหนือพื้นดิน ก่อนจะค่อยๆ โค้งลงมาโอบล้อมรอบชายทั้งสองจากเบื้องบน ปราการด่านที่สองกำลังก่อตัวขึ้นแล้ว!
“Transparent!”
ตึงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
กำแพงยักษ์นั่นโค้งปิดลงบนพื้นสนิททันทีที่ร่างของธันถูกมวลทรายขนาดยักษ์พามาถึงภายในได้ คำสั่งของกันต์เปลี่ยนสภาพให้กำแพงที่เคยมีลวดลายหลากสีนั่นเปลี่ยนไปเป็นกำแพงใสภายในช่วงอึดใจนั้นเอง
ปังงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
เสียงมวลน้ำเข้ากระทบกับบาเรียล่องหนนั่นหลังจากที่มันเพิ่งเสร็จสมบูรณ์ได้เพียงเสี้ยวของเสี้ยววินาทีเท่านั้น ละอองน้ำแตกกระจายไปภายนอกบาเรียนั้น เจ้าปราการด่านที่สองที่แข็งแรงไม่หยอกเลย
4 นาที
“ธัน เป็นไงบ้างวะ เจ็บอะไรตรงไหนหรือเปล่า”
เฟี๊ยตพูดขึ้นหลังจากที่ทรุดตัวลงไปนั่งอยู่ใกล้ๆ กับเด็กหนุ่มที่รับหน้าที่เป็นปราการด่านแรกซึ่งตอนนี้กำลังนอนหมดสภาพอยู่บนพื้น
“ไม่เป็นไรๆ แค่พลังเวทย์เกลี้ยงถังเฉยๆ ฮ่าฮ่า” ธันพูดออกมาง่ายๆ พร้อมรอยยิ้ม
ปังงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
“แน่ใจนะ” เฟี๊ยตพูดพร้อมกับกวาดสายตาไปทั่วร่างกายของคนตรงหน้า
“เออน่า กูอยู่กวนประสาทมึงได้อีกนาน ไปช่วยกันต์เถอะ”
ธันพูดออกมาพร้อมไล่ให้เฟี๊ยตไปทำหน้าที่ของตนเองต่อ เหมือนว่าเด็กหนุ่มพยายามจะพยักเพยิดหน้าเป็นการไล่คนตรงหน้า แต่แรงที่มีก็ไม่เอื้ออำนวยพอให้ทำได้
ปังงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
เสียงบอลน้ำยักษ์ปะทะเข้ากับบาเรียล่องหนนั่นดังขึ้นอย่างสม่ำเสมอ เฟี๊ยตชำเลืองไปมองกันต์น้อยๆ ก็พบว่าชายหนุ่มยังคงยืนมองเงียบๆ อย่างนั้น เฟี๊ยตเริ่มคิดไม่ออกแล้วว่าที่กันต์เฉยชากับสมรภูมิขนาดนี้เป็นเพราะว่าอาคมบังคับให้เขาต้องอยู่นิ่งๆ หรือกันต์เป็นคนตายด้านกับการต่อสู้แบบนี้อยู่แล้ว
3 นาที
“เออน่าๆ ถามไปงั้นแหละ ขี้เกียจจะเก็บศพต่างหาก”
เฟี๊ยตอย่างกวนๆ เป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะลุกขึ้นไปสมทบกับกันต์ เด็กหนุ่มที่นอนหมดท่าอยู่บนพื้นก็เพียงแต่ยิ้มให้อย่างไม่ต่อล้อต่อเถียงใดๆ ทั้งนั้น
ปังงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
“เฟี๊ยต เตรียมตัวได้แล้ว” กันต์พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ดูไม่ค่อยจะเย็นเหมือนท่าทางตอนนี้เท่าไหร่
“จะยื้อไว้ได้อีกนานไหม” เฟี๊ยตถามอย่างหารือ พร้อมกับเริ่มต้นหยิบการ์ดที่วางแผนแล้วว่าต้องใช้ออกมาจากสมุดเล่มโปรด
“ไม่น่านาน ดูเหมือนคราวนี้การโจมตีมันจะรุนแรงกว่าครั้งก่อน และถี่กว่าเดิมมาก” กันต์พูดออกมาอย่างเคร่งเครียด
ปังงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
“The Spore Blower RELEASE!”
เฟี๊ยตตัดสินใจเรียกการ์ดที่จะเป็นกลยุทธ์หลักในการต่อสู้เพื่อเผด็จศึกของเจ้าไดโนเสาร์ตรงหน้า ปืนขนาดยักษ์ยาวกว่าสองเมตรมาปรากฏร่างอยู่ในมือของเขาอย่างรวดเร็ว ปากกระบอกของมันกว้างเท่ากับช่วงกระบอกปืน ลักษณะของมันคล้ายจะเป็นลูกครึ่งระหว่างปืนยาวกับไดร์เป่าลมร้อนอย่างใดอย่างนั้น
2 นาที
ปังงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
“เทียนเกล็ดหอย!”
คำสั่งของเฟี๊ยตดังขึ้นพร้อมกับเสียงเหมือนใบพัดหรือมิเตอร์อะไรสักอย่างในปืนยักษ์อันนั้นเริ่มต้นการทำงาน มันหมุนเสียงดังชัดเจนอยู่ช่วงหนึ่งก่อนจะพ่นตัวเม็ดเทียนเกล็ดหอยขนาดเล็กออกมาจำนวนมากอย่างรวดเร็ว
ปังงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
เสียงกระแทกที่ดังชัดขึ้นเรื่อยๆ นั่นเร่งให้เฟี๊ยตกวาดปากกระบอกปืนไปรอบบริเวณภายในบาเรียแคบๆ นั่น เม็ดเทียนเกล็ดหอยไปปะติดอยู่บนบาเรียล่องหนนั่นจนบดบังทัศนียภาพภายนอกไปพอสมควร บนกำแพงใสในตอนนี้แทบจะมีธัญพืชนั่นประทับอยู่แทบจะทุกบริเวณ
“เฟี๊ยต วิธีนี้จะใช้ได้ผลจริงๆ เหรอ”
เสียงของกันต์ดังขึ้นอย่างไม่มั่นใจเท่าไหร่นัก เขากวาดตาดูเทียนเกล็ดหอยที่กระจายอยู่เต็มไปหมดนั่น ถึงแม้ว่ามันจะพองตัวได้มากกว่า 50 เท่าตามที่เฟี๊ยตบอกก็จริง แต่มันก็ไม่น่าเพียงพอสำหรับปริมาณน้ำที่ดูเหมือนจะมากมายไม่มีวันหมดเหล่านั้น
“นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่คิดออกในเวลานี้”
เฟี๊ยตพูดขึ้นด้วยความไม่มั่นใจในหนทางที่ตนกำลังเลือกอยู่เช่นกัน มือของเขาที่กำลังประคองปืนอันยักษ์นั้นชุ่มไปด้วยเหงื่ออย่างควบคุมไม่ได้เลย เขากำลังหวั่นวิตกและเริ่มควบคุมสติไม่ได้
ปังงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
“ถ้าร่างกายมันเป็นน้ำจริงๆ มันเสร็จเราแน่” เฟี๊ยตพูดขึ้นอย่างครุ่นคิด
“แต่เมื่อกี้มันเอาตัวเองพุ่งเข้าชนผนังเขื่อนได้นะ มันดูเหมือนจะมีกายเนื้ออยู่นะ เฟี๊ยต”
เสียงของธันแสดงความคิดเห็นขึ้นมา สิ่งที่เขาประสบมาเริ่มจะเป็นข้อเท็จจริงที่ทำให้แผนการที่วางไว้เริ่มจะผิดเพี้ยนไปจากตอนต้นเสียแล้ว
1 นาที
ปังงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
เฟี๊ยตกัดริมฝีปากตัวเองอย่างเคร่งเครียด เขาสลับเอาปืนนั่นมาถือไว้ด้วยมือซ้าย ก่อนจะใช้มือขวาเช็ดขากางเกงอย่างลวกๆ สถานการณ์ตึงเครียดจนหัวสมองเขาแทบจะระเบิดอยู่แล้ว
“เอาไงต่อไปดี”
กันต์พูดอย่างหารือ คิ้วคู่นั้นขมวดอย่างเห็นได้ชัด เสียงกระทบดังลั่นเหล่านั้นกดดันพวกเขาจนแทบหายใจไม่ออก เรื่องราวดูหนักหนาสาหัสกว่าที่เขาจินตนาการไว้มาก แม้ไม่อยาก แต่ก็ยากที่จะหักห้ามใจไม่ให้ตัวเองจินตนาการถึงความตายที่อาจจะกำลังมาถึงภายในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้
ปังงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
“ขอเวลาหน่อย ขอทบทวนอะไรอีกหน่อย”
เฟี๊ยตพูดขึ้นอย่างเริ่มจะเข้าสู่ตาจน นี่อาจจะถึงเวลาแล้วที่เขาจะต้องยอมรับว่าเขาพลาดไปหมด แผนเอที่วางไว้ผิดอย่างไม่เป็นท่า และความสับเพร่าของเขาก็ทำให้ไม่มีแผนบีไว้รองรับ ที่สำคัญ เวลาเหลือไม่ถึงหนึ่งนาทีจะให้คิดแล้ว นี่อาจจะเป็นวิกฤตการณ์ครั้งร้ายแรงที่สุดของเขาตั้งแต่เริ่มเล่นเกมนี้มาก็เป็นได้
“ไบเบิ้ล” ความคิดของเฟี๊ยตดังขึ้นเบาๆ ในหัว
“ขอบคุณอะไรก็ตามที่ดลใจให้นายท่านทักไบเบิ้ลขึ้นในช่วงวินาทีนี้ ไบเบิ้ลอยากติดต่อกับนายท่านเหลือเกิน แต่ไบเบิ้ลไม่อาจหาช่วงจังหวะใดๆ สื่อสารออกไปได้เลย”
เสียงของไบเบิ้ลดังขึ้นอย่างรัวเร็วราวกับว่าเจ้าสมองกลคู่ใจของเขาก็รอคอยจังหวะโอกาสนี้มานานแล้ว บางทีไบเบิ้ลอาจจะเห็นการเดินทางของการวางแผนของเขามาโดยตลอด
“เรากำลังมาผิดทางใช่ไหม ไบเบิ้ล” เฟี๊ยตเอ่ยถามขึ้นอย่างท้อๆ
“ใช่ นายท่านกำลังมาผิดทาง สัตว์ประหลาดนี่ไม่สามารถทำลายลงได้โดยการใช้พละกำลังตามธรรมชาติเท่านั้น มันเป็นการ์ดที่มีเงื่อนไขในการผนึกอย่างชัดเจน” ไบเบิ้ลตอบออกมาราวกับว่าอยากจะพูดประโยคเหล่านี้มากนานแล้ว
“เราต้องทำอย่างไรต่อไปดี” เฟี๊ยตเริ่มหมดกำลังใจเสียแล้ว ถึงแม้ว่าจะรู้เงื่อนไขนี้ได้ เขาจะจัดการอย่างไรได้ภายในเวลาที่เหลือไม่ถึงหกสิบวินาทีนี่
“คำใบ้ นายท่าน นายท่านเข้าใจผิดมาตลอดว่าท่านยังไม่ได้รับคำใบ้ แต่ความจริงนายท่านได้มันแล้ว โปรดทบทวนอีกครั้ง เรื่องราวตรงหน้าแก้ไขได้ง่ายกว่าที่คิด นายท่านโปรดอย่างเพิ่งหมดกำลังใจในตอนนี้” ไบเบิ้ลพูด
“คำใบ้?” เฟี๊ยตทวนอย่างสงสัย
“คำพูดที่ได้ยินหลังจากซื้อของราคาเกินหนึ่งพันเหรียญไงนายท่าน นั่นเป็นคำใบ้ตามที่ไบเบิ้ลบอก ถึงแม้ว่ามันจะฟังดูไม่เหมือนจะมีความหมายเท่าไหร่ แต่ปริศนาทั้งหมดซ่อนอยู่ในนั้น นี่ถ้าโซดิแอคไบรอั้นรู้ว่าไบเบิ้ลเปิดเผยความลับของเกมให้ท่านแบบนี้ ไบเบิ้ลคงจะต้องถูกลงโทษเป็นแน่”
ไบเบิ้ลพูดออกมาอย่างตัดสินใจเด็ดขาด ดูเหมือนว่าการ์ดของเขาจะทำตัวเกินขอบเขตหน้าที่เสียแล้ว ไบเบิ้ลบ่นถึงโซดิแอคคนหนึ่งที่เขาเคยได้ยินชื่อแล้ว ดูเหมือนว่าชายคนนั้นจะมีความสำคัญต่อไบเบิ้ลพอสมควร
“คำพูดสุดท้าย” เฟี๊ยตรำพึงช้าๆ กับตัวเองพร้อมครุ่นคิด
“คิดให้ออก นายท่าน คิดให้ออก” ไบเบิ้ลพูดออกมาอย่างร้อนรน
“ถ้ารู้ก็ไม่ต้องถามอะไรแล้ว!”
เสียงของเฟี๊ยตตะโกนลั่นออกมาอย่างยินดี พร้อมกันกับที่ชายผู้เป็นปราการด่านที่สองล้มลงบนพื้นไปอย่างหมดสภาพไปอีกคน ดูเหมือนว่ากันต์จะฝืนตัวเองและใช้การ์ดที่ใช้พลังเวทย์สูงพร้อมกันสองใบจนพลังงานหมดถังไปอีกคน บาเรียนั่นละลายหายไปต่อหน้าต่อตาเฟี๊ยตทั้งๆ ที่มันยังไม่ได้ถูกโจมตีจนแตกเป็นเสี่ยงๆ เจ้าของไพ่ดูจะไม่เหลือแรงที่จะยื้อพลังเวทย์ไว้ได้แม้แต่อีกวินาทีเดียว
เฟี๊ยตคือคนสุดท้ายในสมรภูมินั้นที่ยังคงยืนหยัดอยู่ได้ ธันกับกันต์ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรเขาได้อีกต่อไป การต่อสู้ต่อจากนี้จะเป็นศึกศักดิ์ศรีระหว่างนักวางยาพิษหนุ่มกับปีศาจกระหายเลือดจากดึกดำบรรพ์เท่านั้น!
0 นาที
ไลค์หน่อยสิ อิอิ
www.facebook.com/allornonetheauthor