#Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| Special ==When I was young [18/7/57] P.26
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

โพลล์

ชอบใครที่สุดใน A BOY

น้องต้า
79 (41.6%)
วิคเตอร์
21 (11.1%)
พี่จิม
64 (33.7%)
หมอเซม
22 (11.6%)
แซมแฝดน้องพี่หมอ
4 (2.1%)

จำนวนผู้โหวตทั้งหมด: 163

ผู้เขียน หัวข้อ: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| Special ==When I was young [18/7/57] P.26  (อ่าน 225453 ครั้ง)

atcharayee

  • บุคคลทั่วไป
จิมมมมม  :katai5:

ออฟไลน์ killti

  • ง่ายๆยากๆนั้นแหละเรา
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
    • http://www.facebook.com/
ลุ้นตลอด. 

รถที่มาจอดหน้าบ้านอ่ะ พี่จิม ใช่ไหม??

แล้วเรื่องนี้มันจะจบยังไงเนี่ย  ดราม่าที่สุดด.  :katai4:

ออฟไลน์ kamenashi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
หวังว่าจะจบแบบไม่มีอะไรติดค้างอยู่ในใจนะคะ    :เฮ้อ:  อึดอัดมาทั้งเรื่องแล้ว...มาต่อเร็วๆนะคะ :bye2:

ออฟไลน์ pipoo

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 326
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
    • https://twitter.com/dokpeepo

ออฟไลน์ kuankao

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ hongzaa

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-2
ชอบมากกกกกกกกกก มันดาร์คมาก หน่วงมากกก โอ้ยยย
แต่มันดลับน่ารักมากกกกกกกได้ในเรื่องเดียวกัน ชอบมากๆๆๆอะ
รอพี่จิมมาง้อน้องน๊าาาา

ออฟไลน์ spsygk

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 193
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
เชียร์จิม ๆๆ  :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ Lonelyนู๋โรนลี่

  • ฉุด กระชาก ลากถู พาเข้า.....
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 667
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-2
จิมมาใช่ไหมมม
แงงงง เห็นพี่เตอร์หลบหน้าแล้วก้อยากให้พี่เขามีคู่และปลอบใจพี่เขาที่ทำผิดพลาดไปจริงๆ
แต่ใจก็อยากให้ดราม่าถึงที่สุด คือพี่เตอร์หายตัวไป หรือตาย อะไรประมาณนี้//โดนนักเขียนฆ่าปาดคอ 5555+
แล้วมันจะจบอย่างไร เข้าทางพ่อกับแม่หรือเปล่า?? หรือตัวเองจะยอมใจอ่อน หืมม การไปรับเพื่อนที่กลับมาครั้งนี้จะมีผลหรือไม่?
อยากอ่านต่อแล้วววว

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
พี่จิมมาง้อน้องต้าด้วยล่ะ...

ช่วงหลังๆ มานี่พี่จิมน่ารักมากกกกกกก

(ในที่สุดก็อ่านทัน...เย้ๆๆๆๆๆ)

ออฟไลน์ zelesz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 525
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-4
สิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตมันก็เป็นแค่สิ่งที่แก้ไขอะไรไม่ได้นะต้า

เราต้องอยู่กับปัจจุบันนะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ kuankao

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อยากอ่านต่อแล้วววววววว :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ NNEW33

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 73
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
ตอนที่ 36 รอ...

เช้าวันอังคาร ผมตื่นขึ้นมาเพราะสัมผัสแปลกปลอมที่กำลังลูบไล้เส้นผม เป็นสัมผัสคุ้นเคยที่ผมอยากหลีกหนี...

ดวงตาเปิดปรือมองภาพเบื้องหน้า แม้จะยังพร่าเลือนอยู่บ้าง แต่ก็ชัดเจนพอที่ทำให้ผมรู้ว่าคนที่นั่งข้างๆอยู่บนเตียงคือใคร ผมรู้ว่าเขาคือใคร แต่ผมก็ยังคงนอนเฉย หลับตาลงทำเหมือนอีกฝ่ายไม่มีตัวตนอยู่ในห้องนี้ จนสัมผัสแผ่วเบาที่หัวนั้นล่าหายไป

"พี่ขอโทษ" เสียงทุ้มดังผ่านอากาศมากระทบโสตประสาท

"พี่ทนอยู่กับความรู้สึกแบบนี้ต่อไปไม่ไหวแล้ว"

ผมรับฟังพลางเม้มริมฝีปากแน่นเป็นเส้นตรงขณะที่ดวงตายังปิดสนิท ‘ไม่ไหวแล้วยังไง..’ มีเพียงเสียงในหัวที่ร้องถาม และนาทีต่อมาผมก็ได้รับคำตอบของคำถามนั้น

"พี่จะบอกความจริงกับพ่อแม่ ...พี่ขอโทษ"

สิ้นคำ ผมก็ลืมตาแล้วประสานสายตากับเขา

บอกความจริงเหรอ..?

ผมมองใบหน้าคมคายอย่างพินิจ แต่ก็ไม่สามารถคาดเดาได้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไร หลังจากที่ปล่อยให้ความเงียบโรยตัวอยู่นานผมก็ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

"ทำไม"

ใช่ ทำไม ทั้งๆที่เขาก็หนีมาตลอด แล้วทำไมอยู่ๆถึง..

"พี่ขอโทษ พี่ทำผิดพี่รู้ตัว เรื่องคืนนั้น.. พี่ไม่ได้ตั้งใจ"

คำว่าไม่ได้ตั้งใจของเขาราวกับคมมีดที่ค่อยๆเฉือนหัวใจของผมทีละน้อยจนเลือดสาดกระเซ็น ..ไม่ได้ตั้งใจ

“พี่รู้ว่าพี่สร้างบาดแผลให้ต้า แต่พี่เองก็เจ็บปวดไม่แพ้กัน พี่อยากให้ต้ารู้ว่าพี่ไม่ได้ตั้งใจให้เรื่องทุกอย่างมันเป็นอย่างนี้ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ พี่จะไม่ทำ.. พี่ผิดเอง ทุกวันนี้พี่เหมือนกับตกนรกทั้งเป็น พี่ทำให้น้องของตัวเองต้องเจ็บปวด ทุกครั้งที่พี่เห็นหน้าเราพี่ก็รู้สึกผิดจนแทบหายใจไม่ออก ยิ่งเราทำเฉย ความผิดนั้นก็ยิ่งรัดคอพี่แน่นมากขึ้นทุกที ..ถ้าบอกความจริงกับพ่อแม่ไป แล้วพวกท่านลงโทษพี่ เกลียดพี่ บางทีมันอาจจะดีกว่านี้”

ผมแค่นยิ้ม เขาคิดจะปลดปล่อยตัวเองจากพันธนาการโดยการบอกความจริงเหรอ..?

"อย่าบอกใคร.." ผมพูดเสียงเบา เขาไม่ได้ทำเพื่อผมแต่เขาทำเพื่อตัวเอง "ผมกับพี่ไม่สามารถกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ เราจะเป็นพี่น้องกันแค่ต่อหน้าพ่อและแม่.. แค่เท่านั้นที่เราเป็น นอกเหนือจากนั้น เราคือคนแปลกหน้า" ผมหยุดพูดไป ก่อนจะพูดต่อด้วยเส้นอารมณ์ที่นิ่งกว่าเดิม

"ถ้าพี่ไม่อยากทำร้ายผมมากไปกว่านี้ ได้โปรดอย่าบอกพ่อกับแม่เรื่องที่พี่ทำร้ายผม"

เพราะถ้าพ่อกับแม่ยกโทษให้เขา ...เขาจะหลุดพ้นจากพันธนาการนี้ แล้วความเจ็บปวดที่ผมได้รับล่ะ?

ความลับนี้จะต้องติดตัวเขา มันจะต้องอยู่กับเขา จะต้องไม่มีใครได้รู้

เขาจะต้องจมอยู่กับความรู้สึกผิด

 

...ผมขอโทษที่เห็นแก่ตัว

 

...

ประตูห้องถูกปิดลงพร้อมกับร่างของเขาที่เดินออกไป ทั้งที่คิดว่าสมควรแล้วที่เขาจะได้รับโทษนี้ จมอยู่กับความรู้สึกผิดที่ทำแบบนั้นกับผม แต่ทำไม ในใจของผมยังคงเจ็บอยู่

“ฮึก” ผมกัดริมฝีปากแน่นก่อนจะยกแขนขึ้นวางทับดวงตา

ผมไม่อยากเห็นเตอร์ทำหน้าเศร้าแบบนั้น ความรู้สึกของผมที่มีต่อเตอร์มันไม่เหมือนเดิม แต่ผมพูดได้ไม่เต็มปากว่าผมเกลียด.. เตอร์เป็นพี่ชายเพียงคนเดียวของผมต่อให้เขาทำเรื่องแบบนั้นกับผม ผมก็พูดได้ไม่เต็มปากว่าผมเกลียดเขา

ผมโกรธ

ผมน้อยใจ อึ่ก..

ผมเสียใจ

ผมเจ็บ..

...

ถ้าหากว่าผมให้อภัยเตอร์ เหมือนที่แม่ให้อภัยผม สิ่งที่เรียกว่าความสุขจะกลับมาไหม

“อึ่ก.. ฮึก” ผมอ้าปากออกเล็กน้อยเมื่อเริ่มรู้สึกว่าการหายใจทางจมูกเป็นสิ่งลำบาก ปลายนิ้วขยี้ปาดเช็ดน้ำตาก่อนจะผุดลุกขึ้นนั่งบนเตียง

พอคิดว่าจะให้อภัย พอคิดว่าจะได้เห็นรอยยิ้ม ก็ราวกับความสุขค่อยๆแทรกซึมเข้ามา

ผมคิดถูกแล้วใช่ไหม

เรื่องที่ผิดพลาดไปแล้ว ผมไม่ต้องการให้เตอร์บอกใคร ผมอยากให้พ่อกับแม่มองผมกับเตอร์ด้วยสายตาเหมือนเดิม ความลับไม่สามารถปิดไว้ได้ตลอดก็จริง แต่วันนี้.. ผมขอเก็บมันไว้เป็นความลับต่ออีกหน่อย ..เพราะผมไม่รู้ว่าถ้าพ่อกับแม่รู้ความจริง ผลลัพธ์ที่ตามมาจะเป็นอย่างไร

..แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องที่ดี

ผมจ้ำตรงไปยังห้องน้ำ รีบล้างหน้าแปรงฟัน อาบน้ำ ผลัดเปลี่ยนชุดใหม่ อยากจะรีบลงไปคุยกับเตอร์เร็วๆ

ไม่นานผมก็จัดการธุระของตัวเองเสร็จ รีบวิ่งตึงตังลงมาชั้นล่างตรงไปยังห้องครัว เพราะคิดว่าไม่ว่ายังไงเตอร์ก็คงกำลังนั่งกินข้าวอยู่แน่ๆ ทว่าเมื่อไปถึงกลับไม่ใช่ โต๊ะกินข้าวว่างเปล่า.. ไม่มีเตอร์

“แม่ เตอร์ล่ะ” แม่ที่กำลังตักโจ๊กใส่ชามชะงักไปเล็กน้อยก่อนหันมามอง

“ออกไปก่อนหน้าเราแป๊บเดียว เห็นว่าจะรีบไปอ่านทวน สอบวันสุดท้ายแล้วนี่”

“แม่รู้ไหมเตอร์จะกลับกี่โมง”

“วันนี้ก็คงจะไม่กลับบ้านหรอก เห็นหอบข้าวหอบของพะรุงพะรัง อีกสามอาทิตย์นู่นล่ะถึงจะกลับ เห็นพี่ชายเราบอกจะไปพรีค่ายกับพวกเจ้าโค้ก เราลองโทรไปถามให้แน่ใจอีกครั้งสิ”

สามอาทิตย์?

ค่าย?

ใจผมเริ่มร้อนรน..

ทำไมผมไม่รู้เรื่อง

สามอาทิตย์..

ไม่ทัน..

ริมฝีปากเม้มแน่นเป็นเส้นตรงเมื่อทุกอย่างไม่ได้เป็นอย่างที่ตั้งใจไว้

“แม่ ต้าขอไปหาเตอร์นะ”

แม่วางมือจากทัพพีแล้วหันมาหาผมเต็มตัว

“มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นรึเปล่า? ทะเลาะกันใช่ไหม?”

ผมอึกอัก เบนสายตาหนีไปทางอื่น

“ที่แม่ไม่ถามไม่ได้แปลว่าแม่มองไม่เห็นหรือไม่สนใจ แต่เห็นว่าเป็นเรื่องของเด็กๆแม่เลยไม่อยากยุ่ง”

ผมยืนฟังแม่เงียบๆ ก่อนแม่จะเดินเข้ามาใกล้ มือนุ่มจับแขนผมไว้ขณะที่อีกมือลูบผมของผมแผ่วเบา

“โกรธพี่เขามากเหรอ แม่ไม่เคยเห็นน้องต้าเป็นอย่างนี้”

ผมกัดริมฝีปาก พยักหน้ายอมรับง่ายๆ

“อภัยให้พี่เขานะลูก ต้ากับเตอร์มีกันอยู่สองคนพี่น้อง มาโกรธกันอย่างนี้พ่อกับแม่ไม่สบายใจเลย ถ้าวันหนึ่งพ่อกับแม่ไม่อยู่ อย่างน้อยลูกของแม่สองคนก็ไม่ได้อยู่กันตามลำพัง”

ผมเบ้หน้าคิ้วขมวด

“ไม่อยู่ จะไปไหน” ผมรู้ความนัยของคำว่าไม่อยู่ดี แต่ก็แสร้งไม่รู้ ดึงดันถามเอาคำตอบอื่นที่ไม่ใช่อย่างที่ผมคิด

“พ่อกับแม่ไม่รู้จะตายวันตายพรุ่ง บางทีอาจจะเป็นพรุ่งนี้มะรืนนี้ก็ได้ใครจะรู้” แม่พูดด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะไม่คิดอะไรมาก แต่กับคนฟังอย่างผม ผมไม่ชอบเลยที่แม่พูดอย่างนี้

“ถ้าตอนนี้ต้ายังไม่แน่ใจว่าจะยกโทษให้จริงๆรึเปล่าก็ไม่เป็นไร ไม่ต้องฝืนความรู้สึกตัวเอง รออีกสักยี่สิบวันจนกว่าพี่เขาจะกลับมาก็ยังไม่สาย บางทีถ้าถึงตอนนั้น คำว่าให้อภัยมันอาจจะพูดออกมาได้ง่ายๆก็ได้”

ผมนิ่ง คิดตามสิ่งที่แม่พูด หากถามว่าผมอยากให้อภัยเตอร์มั้ย ..อยาก

ถามต่อไปอีกว่า ลึกๆแล้วผมหายโกรธเตอร์หรือยัง ..มันไม่ถึงกับโกรธ แต่ผมเสียใจ ..และทุกครั้งที่นึกถึงเรื่องนั้น รอยแผลที่ดูคล้ายจะสมานก็กลับกลายเป็นแผลสดอีกครั้ง อีกครั้ง..

จนถึงตอนนี้ หากผมบอกเตอร์ไปว่าผมให้อภัยเตอร์แล้ว ผมก็ไม่มั่นใจว่าผมจะยิ้มให้เตอร์ได้เหมือนเดิมหรือเปล่า

แต่ผมเชื่อว่า เวลาจะเยียวยาผมได้

“แม่ ยี่สิบวัน.. ต้าจะรอ” ริมฝีปากคลี่ยิ้มบางๆ พลันในอกก็รู้สึกเบาขึ้น.. ทว่าผมหายใจได้คล่องปอดได้ไม่ทันถึงนาที ความหน่วงก็ฉุดรั้งให้ผมดำดิ่งด้วยคำถามถัดมาของแม่

“เล่าให้แม่ฟังได้ไหม ว่าทำไมเราถึงจำอะไรไม่ได้”

รับรู้ได้ว่ามือของตัวเองแปรเปลี่ยนเป็นเย็นเฉียบ เมื่อหัวข้อสนทนาวกกลับเข้ามาในเรื่องที่ผมไม่อยากพูดถึงมากที่สุด

“ต้า ...ต้าไม่อยากพูดถึงมัน แม่ไม่โกรธต้านะ” ผมถามด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจ ท้ายประโยคติดอ้อนเล็กน้อยก่อนตรงเข้ากอดแม่แล้วเอียงแก้มแนบอกอุ่น

แม่นิ่งไปนาน ก่อนผมจะรับรู้ถึงสัมผัสจากมือนุ่มที่ขยี้หัวของผมไปมา

“อาหารใกล้เสร็จแล้ว ไปตามพ่อเรามาป่ะ คงจะอยู่ที่เดิม”

“ครับ” รับคำแล้วสาวเท้าเดินผ่านกรอบประตูออกไปนอกบ้าน เลี้ยวไปยังสวนหลังบ้านทันที

ดีแล้วที่แม่ไม่ไล่เบี้ยถามเอาคำตอบ เพราะถ้าเกิดแม่ไล่ถามจริงๆ ผมเองก็ไม่รู้จะบ่ายเบี่ยงอย่างไร

โฮ่ง!!

เสียงเห่าทักทายดังมาก่อนที่ตัวจะพุ่งเข้ามาเคล้าแข้งเคล้าขา ผมหยุดเดินด้วยกลัวว่าจะไปเหยียบหางหมาอ้วนที่วิ่งล้อมหน้าล้อมหลัง หางสีขาวของมันกวัดแกว่งไปมาพลางส่งเสียงร้องอยู่ในลำคอบอกให้รู้ว่ามันดีใจกับการปรากฏตัวของผมมากแค่ไหน

“ว่ายังไง คิดถึงล่ะสิ” พูดพลางย่อตัวลงเล็กน้อย ยื่นมือไปลูบหัวเล็กๆนั่น ไม่กล้านั่งลงกลัวมันกระโจนใส่ ตอนนี้พุงพลุ้ยตัวเลอะมาก ดำไปหมด แต่ลำพังแค่ผมคนเดียวคงอาบน้ำให้มันไม่ไหว

“รู้ไหมว่าพ่ออยู่ไหน” ปลายนิ้วเคาะหัวมันเบาๆ ถามเหมือนคุยกับมันรู้เรื่อง ซึ่งบางทีอาจจะรู้เรื่องก็ได้เพราะพุงพลุ้ยเห่าโฮ่งคล้ายตอบคำถาม

ผมหัวเราะเบาๆเมื่อมันนั่งลงกับพื้นแหงนหน้ามองผมไม่ได้ริกรี้เหมือนตอนแรก

“ไปหาพ่อกัน” เอ่ยชวนพร้อมกับเริ่มออกเดิน ซึ่งมันก็รู้ดี ลุกขึ้นยืนก่อนสะบัดก้นแล้วเดินตามหลังผมต้อยๆ บ้างก็เร่งฝีเท้าวิ่งนำผมแล้วหยุดรอ เห็นแล้วก็หมั่นเขี้ยวอยากจะจับขึ้นมาอุ้มแนบอก แต่ติดที่ตัวมันมอมแมมไปหมด ขืนถ้าจับอุ้มได้โดนแม่บ่นหูชาแน่

เดินไม่นานผมก็เห็นแผ่นหลังของพ่อที่กำลังก้มๆเงยๆอยู่กับกระถางดอกชวนชม ผมไม่รอช้ารีบตรงเข้าไปหาโดยมีพุงพลุ้ยวิ่งนำลิ่วๆ

“พ่อ ตื่นมาทำอะไรแต่เช้า” ถามพร้อมกับทิ้งกายนั่งยองๆอยู่ข้างๆ พ่อหันมามองพร้อมรอยยิ้มก่อนจะถอดแว่นออกแล้วใช้แขนเสื้อปาดเช็ดเม็ดเหงื่อตรงหน้าผากและดวงตา ก่อนจะสวมแว่นอีกครั้งแล้วเอ่ยตอบ

“มีออร์เดอร์มาแต่เช้า พ่อเลยรีบมาจัดการ อยากจะให้มันเสร็จเร็วๆ”

ผมมองไม้ดอกสีชมพูแล้วพยักหน้าหงึกหงัก พ่อไม่ได้แค่ชอบเพาะดอกไม้ไปวันๆ แต่พ่อยังส่งออกชวนชมด้วย บางต้นก็ทำมูลค่าได้มากอย่างที่ผมก็ไม่คาดคิด

“แม่ให้ต้ามาเรียกพ่อไปกินข้าว ถ้าไม่รีบไปเดี๋ยวโดนโกรธนะ ถ้ากินข้าวเสร็จแล้วเดี๋ยวต้าช่วยทำ”

“จะดีเหรอออ” พ่อลากเสียงยาว มองผมด้วยสายตาเคลือบแคลงว่าผมจะช่วยหรือจะมาป่วนกันแน่

ผมตีหน้ายุ่งก่อนจะฉวยกรรไกรตัดแต่งกิ่งออกจากมือของพ่อแล้ววางไว้ในกระถาง พยุงตัวเองขึ้นยืนแล้วดึงแขนพ่อให้ลุกตาม

“เดี๋ยวต้าช่วยยย ไปกินข้าวกัน ต้าหิวแล้ว”

ผมออกแรงดึงไม่หยุด แต่ไม่ได้ดึงแรงมากจนสร้างความเจ็บให้กับพ่อ พ่อที่ตอนแรกไม่มีวี่แววว่าจะลุกก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะเอามืออีกข้างวางบนเข่าแล้วยันตัวลุกขึ้น ผมยิ้มแป้นเมื่อได้ดั่งใจ

“เดี๋ยวพ่อล้างมือก่อน เราไปเทอาหารให้เจ้าอ้วนสิ”

สิ้นคำพ่อก็เดินตรงไปยังก๊อกน้ำ ส่วนผมก็หันรีหันขวางหาถุงอาหาร เมื่อเห็นก็รีบตรงไปหยิบแล้วนำมาเทใส่จานสามจานในปริมานเท่าๆกัน แต่ก็แอบเอนเอียงเทให้พุงพลุ้ยมากกว่าใครเพื่อน พุงพลุ้ยเมื่อได้ยินเสียงอาหารเม็ดกระทบจานก็รีบวิ่งหูกระดิกตรงมาทันที มันก้มหน้าก้มตากิน ฟันบดเคี้ยวเม็ดอาหารดังกรุบๆ

ผมยืนมองมันกินอย่างเพลินๆจนพ่อกลับมายืนอยู่ข้างๆ

“ไปหรือยัง ของตัวเองน่ะไม่ใช่อันนี้ อันนี้ของเจ้าอ้วนมัน” พูดเสร็จพ่อก็เดินจากไป ทิ้งให้ผมมองถุงอาหารในมือด้วยหน้าเหวอๆ

ผมไม่ใช่หมานะ!

รีบมัดปากถุงแล้ววางไว้ทีเดิมก่อนจะวิ่งตามพ่อไป

บรรยากาศอุ่นๆกลับมาอีกครั้งเมื่อได้อยู่ในสถานที่คุ้นเคย ได้ทำอะไรเหมือนเดิมอย่างที่เคยทำ

ถ้าตอนนี้เขาอยู่ด้วยคงจะดี

 

ออฟไลน์ NNEW33

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 73
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
....

หลังจากรับประทานอาหารมื้อเช้าเสร็จ ผมกับพ่อและแม่ก็ตรงเข้าไปลุยงานในสวนหลังบ้านกันต่อ ความจริงแล้วหน้าที่หลักเป็นของผมกับพ่อเสียมากกว่า ส่วนแม่เป็นเสมือนกำลังเสริมด้านกำลังใจ มีบริการของกินทั้งคาวหวานรวมถึงผลไม้ไม่ได้ขาด ไม่รู้ว่ากำลังทำงานหรือกำลังมาพักผ่อนหย่อนใจกันแน่

งานก็ไม่ได้หนักมากหรอกครับ แค่คัดเลือกต้นไม้ที่สมบูรณ์ตัดแต่งกิ่งอีกเล็กน้อยเท่านั้น เพราะส่วนใหญ่ต้นมันก็อยู่ในกระถางพร้อมส่งอยู่แล้ว ส่วนเรื่องแบกขนนั้นก็ไม่ใช่หน้าที่ของผมกับพ่อ เป็นหน้าที่ของคนงานที่จะมาขนในตอนเย็นอีกที

ยังดีที่ออร์เดอร์ล็อตนี้ไม่เยอะมาก เพียง 20 ต้น ผมกับพ่อเลยทำไปเรื่อยๆไม่รีบร้อน แต่นั่งนานๆก็เมื่อยเนื้อเมื่อยตัวเหมือนกันนะครับ ขนาดผมอายุยังไม่ถึงยี่สิบยังปวดเมื่อยขนาดนี้ แล้วพ่อที่ปาไปสี่สิบกว่าล่ะ

“พ่อ พักก่อนได้นะ เดี๋ยวต้าทำต่อเอง”

มือหนาของพ่อที่กำลังจะตัดใบเสียออกชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะไล่ผม

“เหลืออีกไม่กี่ต้นเอง ค่อยพักทีเดียว เราน่ะไปพักไป”

“พ่อไม่พัก ต้าก็ไม่พัก” บอกอย่างดื้อดึงแล้วย้ายตัวเองไปหาชวนชมกระถางถัดไป

พ่อน่ะก็อย่างนี้ทุกที เดี๋ยวจะให้แม่ดุซะให้เข็ดจะได้ไม่ดื้อ

“พ่ออ มาพักก่อนเร็ว แม่ปลอกแอปเปิ้ลไว้ให้แล้ว” คิดปุ้บเสียงหวานๆก็ลอยมาทันที ผมเหลียวมองไปด้านหลังเห็นพ่อชะงักมือก่อนจะวางกรรไกรตัดกิ่งแล้วลุกขึ้นง่ายๆ

เหวอสิครับ ผมพูดพ่อไม่เห็นฟังเลย ทีแม่พูดแค่ประโยคเดียวพ่อก็ทำตามง่ายๆ เดี๋ยวผมจะน้อยใจให้ดู

“เราด้วยต้า มาพักก่อน”

จากที่จะน้อยใจๆ ก็น้อยใจไม่ออก รีบวางมือ หยัดกายขึ้นยืนปัดก้นสองสามทีแล้วเดินลากแตะไปหาแม่ในที่ร่ม

พอได้ทิ้งตัวนั่งพิงเก้าอี้เท่านั้นล่ะ สวรรค์บนดินเลยครับ นั่งตากแดดร้อนๆมานาน แม้จะมีหมวกคลุมหัวแต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก ครั้นเมื่อได้นั่งพักใต้ร่มไม้อย่างนี้ก็รู้สึกผ่อนคลายจนไม่อยากกระดิกตัวไปเจอแดดร้อนๆอีก ก็อย่างว่าล่ะครับ ผมมันสบายจนเคย นั่งๆนอนๆดูทีวี ถึงเวลากินก็กิน ถึงเวลานอนก็นอน พอได้ลงมือลงแรงนิดหน่อย ทั้งๆที่ยังเด็กอยู่แต่พละกำลังก็ดูท่าจะห่างจากพ่อที่อายุเยอะไปมากโข

“เป็นไง แค่นี้เหนื่อยแล้วรึไง” พ่อเย้าขณะเลื่อนแก้วน้ำที่มีไอเกาะรอบนอกมาตรงหน้าผม ผมยู่หน้าเถียงไม่ออกได้แต่ยกน้ำดื่มแทน ก็มันเหนื่อยจริงๆ

“ไม่ต้องไปช่วยพ่อแล้ว ขึ้นบ้านไปเลย เดี๋ยวพ่อทำต่อเอง”

ผมกระดกน้ำอีกอึกใหญ่ก่อนจะวางแก้วลงบนโต๊ะ ตีหน้ายุ่งมองพ่อ

“ไม่เอา แค่นี้เอง พักแป๊บเดียวต้าก็หายเหนื่อยแล้ว”

พ่อดื้อยังไง ผมอะ ดื้อกว่าพ่อหลายเท่าตัว ไม่ยอมให้พ่อเหนื่อยคนเดียวหรอก

“เอ้า กินซะ สองพ่อลูก จะได้มีแรงไปทำงานต่อ” แม่ว่าพลางเลื่อนจานผลไม้มาตรงกลางโต๊ะแล้วหยิบส้มมาปลอกเปลือกต่อ “บ่ายโมงกว่าแล้วพ่อจะกินข้าวเลยไหม”

พ่อส่ายหน้าปฏิเสธก่อนหยิบหมวกมาพัดคลายร้อนให้ตัวเอง

“แม่ไปกินเถอะ เดี๋ยวพ่อกะว่าจะทำต่อให้เสร็จแล้วค่อยกินทีเดียว”

คำตอบของพ่อทำเอาแม่ขมวดคิ้ว พ่อบทจะใจดีก็ใจดี แต่บทจะรั้นก็รั้นสุดๆเหมือนอย่างตอนนี้ที่ต่อให้แม่โน้มน้าวให้พ่อไปกินข้าวสักเท่าไหร่ ถ้างานไม่เสร็จอย่างที่ตั้งใจไว้ พ่อก็ไม่กินหรอก

ว่าแล้วพ่อก็ลุกขึ้นยืนทั้งๆที่เพิ่งนั่งได้ไม่นาน ยังผลให้ผมต้องลุกตาม ทว่าคราวนี้แม่ก็ไม่นั่งอยู่เฉยๆ ลุกขึ้นยืนด้วยอีกคน เดินตามพ่อไปติดๆ

“แม่จะตามพ่อมาทำไม” พ่อหันมาถาม คิ้วขมวดเป็นปม ขาของผมชะงักเมื่อเห็นท่าเริ่มจะไม่ดี

“แม่จะช่วยพ่อไง งานจะได้เสร็จเร็วๆ สามคนก็ยังดีกว่าสองคนใช่ไหมน้องต้า” แม่หันมาถามหาพวก ผมหน้าเหวอแต่ก็พยักหน้าหงึกหงัก

“ไม่ๆ แม่ไปนั่งรอ เดี๋ยวพ่อทำกับลูกเอง”

“พ่ออย่าดื้อ” แม่ไม่ต่อร้อต่อเถียงเดินผ่านพ่อเข้าไปในสวนแล้วนั่งจุ้มปุ้กตรงหน้ากระถางต้นไม้ จัดการดูความเรียบร้อยอย่างชำนาญ พ่อมองหน้าผมอย่างคาดโทษด้วยท่าทางไม่จริงจังเท่าไหร่นักก่อนจะเดินไปหาแม่แล้วถอดหมวกที่สวมอยู่วางแหมะบนศีรษะของแม่แล้วนั่งยองๆไม่ห่างกัน

ผมมองภาพตรงหน้าแล้วก็ได้แต่อมยิ้ม แต่สงสัยว่าผมจะซึมซับความหวานตรงหน้ามากไปหน่อยจนเสียงทุ้มของพ่อดังประท้วงเข้ามา

“จะยืนยิ้มอีกนานไหม รีบๆมาช่วยพ่อกับแม่เร็วๆเลย”

“คร้าบบบ”

ทำงานไป ยิ้มไปนี่ก็มีความสุขดีนะครับ

 

.....

ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนั้นชวนชมนับยี่สิบกระถางก็อยู่ในสภาพพร้อมส่ง เหลือแค่รอเวลาให้คนงานมายกขึ้นรถแล้วนำไปส่งให้ลูกค้าเท่านั้น

แม้งานจะไม่ได้หนักมาก แต่พระอาทิตย์ที่ส่องแสงจ้าบนท้องฟ้าก็ทำให้เหงื่อกาฬไหลอาบแผ่นหลังจนเสื้อชุ่มโชก แม่บ่นผมกับพ่อยกใหญ่แล้วไล่ให้ไปอาบน้ำ ส่วนตัวเองก็ตรงเข้าครัวทำอาหารจานเดียวง่ายๆอย่างผัดซีอิ๊ว

พอเข้ามาในห้องตัวเองได้ ขามันก็พาเดินไปยังหน้าต่าง ผมจัดการรวบผ้าม่านเข้าหากัน่โดยผูกเชือกเป็นปมหลวมๆ ก่อนสายตามองลงไปด้านล่างตรงจุดเดียวกับเมื่อวานที่เห็นใครคนนั้นกดกริ่งอยู่หน้าประตูรั้ว

ทว่าวันนี้ไม่มี..

ผมเลียริมฝีปากล่างก่อนจะหันหลังไปหยิบผ้าขนหนูแล้วตรงเข้าห้องน้ำ

สายน้ำที่ไหลออกจากฝักบัวในตอนบ่ายอย่างนี้ อุณหภูมิกำลังพอดี ความเย็นของน้ำทำให้ผมรู้สึกสดชื่นขึ้นเล็กน้อย

กายรู้สึกสดชื่นดีแล้ว ทว่าจิตใจกลับยังคงหนักหน่วงแปลกๆ

ไม่ใช่เรื่องเตอร์.. ผมรู้ตัวเอง

ผมเดินเข้าไปใกล้สายน้ำมากขึ้นก่อนจะก้มหัวลงปล่อยให้น้ำตกกระทบศีรษะ เผื่อว่ามันจะช่วยคลายความรู้สึกหน่วงๆนี้ได้

ผมไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองกำลังรออะไร และผมไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้

...

แป้งเด็กในกระป๋องถูกเทใส่ฝ่ามือข้างหนึ่งก่อนจะวางลงบนโต๊ะเครื่องแป้ง แล้วค่อยๆประแป้งไปตามใบหน้าและลำคอจนหอมฟุ้ง

ผมของผมยังชื้นอยู่เล็กน้อยเพราะไม่ได้เป่าพัดลมจนแห้งก็รีบลงมาข้างล่างเสียก่อน พลันขาที่กำลังวิ่งก็ต้องชะงักไป เมื่อได้ยินเสียงโหวกเหวกโวยวายดังมาจากชั้นล่าง

เสียงดังไม่ต่างกับคนกำลังทะเลาะกัน

ผมขมวดคิ้วเร่งฝีเท้าแทบกลายเป็นวิ่ง ทว่าเมื่อลงมาถึงตีนบันไดผมก็มองภาพวุ่นวายตรงหน้าอย่างตกตะลึง

"ต้า!!" เสียงดังขึ้นพร้อมกับสายตาที่มองเห็นวัตถุไหววูบที่พุ่งจู่โจมเข้ามาพร้อมกับที่ผมรู้สึกอึดอัดไปทั้งตัว พลันเสียงเอ็ดตะโรเมื่อครู่จะเงียบกริบในพริบตา

"ต้าาาา คิดถึงจังเลยยยย" ไอ้น้ำเพื่อนในกลุ่มที่จัดว่าเตี้ยจัดพูดพร้อมทั้งออกแรงกอดผมแน่นมากกว่าเดิม ผมยิ้มกว้างวาดแขนกอดตอบมัน ผมรู้สึกดีเสมอเมื่ออยู่ใกล้มัน ไม่ใช่อะไร เพราะเมื่อผมอยู่ใกล้มัน มันทำให้ผมรู้สึกว่าผมสูงงงงนะ

ไอ้นี่อะขี้อ้อน ผมไม่ได้คิดไปเองนะ แต่มันชอบอ้อนผมมากกว่าคนอื่นในกลุ่มและผมก็ไม่ได้รู้สึกรำคาญด้วย

“พวกมึงสองตัวจะเล่นเลสกันอีกนานป้ะ” ไอ้แบงค์พูดขึ้นก่อนจะตรงรี่เข้ามาดึงคอเสื้อน้ำแล้วหิ้วปีกให้ออกห่างจากผม โดยที่ไอ้น้ำก็หันไปตะแง้วข่วนไอ้แบงค์ยกใหญ่

“อะไรของมึงเนี่ยน้ำ!” ไอ้แบงค์โวย ยกไม้ยกมือปกป้องตัวเองเป็นพัลวันก่อนจะรวบจับข้อมือของคนตัวเล็กไว้

“มึงนั่นแหละ อะไร! กูจะหาต้า!” มันตวาดแหวอย่างไม่ได้ดูกำลังตัวเองเลยว่าจะมีอะไรไปสู้คนที่สูงกว่าตัวเองขนาดนั้นได้

“เมื่อกี้ก็กอดกันไปแล้วไง มึงจะเอาอะไรอีก” สีหน้าไอ้แบงค์เริ่มจะหงุดหงิด แต่ก่อนที่ไอ้สองคนนั้นจะเถียงกันใหญ่โตเสียงไอ้เบียร์ก็แทรกเข้ามาก่อน

“เงียบๆไปเลยไอ้สองผัวเมีย”

เพี้ยะ!

ไอ้เบียร์โดนฟาดปีกไหล่เต็มๆจากฝ่ามือเล็ก ที่ตอนนี้ใบหน้าคนฟาดแดงก่ำยิ่งกว่าตำลึงสุก ผมหัวเราะเบาๆเมื่อเห็นว่ามันอาย ก่อนจะรีบกระแอมไอแล้วหุบยิ้มฉับพลันเมื่อไอ้ตัวเล็กฟาดค้อนส่งมาให้วงโต

“พวกมึงแม่งเสียงดัง พ่อกับแม่กูอยู่ไหน” ถามขณะที่ลงบันไดมาอยู่บนพื้นแล้วมองผ่านเข้าไปในครัว แต่ก็ไม่เห็นใครสักคน

“เข้าไปในสวนมั้ง เขาปล่อยให้พวกกูอยู่กับมึง ส่วนผัดซีอิ๊วอยู่ในกระทะให้ตักกินเอา” ไอ้นุเพื่อนอีกคนในกลุ่มพูดขึ้น ผมพยักหน้ารับยกมือลูบท้องเล็กน้อย

“พวกมึงกินข้าวกันมายัง?”

ส่ายหน้ากันโดยพร้อมเพรียง

ผมเดินตรงเข้าไปในครัว มองผัดซีอิ๊วในกระทะที่เกือบล้นอึ้งๆ สงสัยพวกมันคงมาตอนที่แม่กำลังทำพอดี ท่านเลยทำเผื่อไว้

“กินด้วยกันดิ”

“จะดีเหรอวะ” ไอ้เบียร์มันพูดคล้ายจะเกรงใจ แต่ตางี้เป็นประกาย ผมอยากจะข่วนหน้ามันจริงๆ ปากเนี่ยถาม แต่มืออะหยิบจานเตรียมพร้อมแล้ว

“ทีหลังก็ถามตอนกินเสร็จแล้วก็ได้” ผมพูดเปรยๆก่อนจะรับจานมาแล้วตักผัดซีอิ๊วให้มันจนพูนจานแล้วส่งกลับคืนให้ไอ้เบียร์ แล้วก็หันไปรับจานจากไอ้นุ ตามด้วยไอ้แบงค์ น้ำ และตัวผมเอง

หมดกระทะครับ จากล้นๆนี่เกลี้ยงเลย ฮ่าๆ

ผมหันหลังเดินไปนั่งที่โต๊ะก็เห็นว่าพวกมันเริ่มกินนำไปบางส่วนแล้ว สงสัยคงจะหิวจริง

“เอาเครื่องปรุงไหม”

“ไม่เอา อร่อยแล้ว” น้ำเงยหน้าขึ้นมาพูดแล้วยิ้มตาหยี น่ารักตลอดอะมัน

แกร๊ง!

ผมปรายตาหันไปมองยังทิศทางที่เสียงส้อมเคาะกับจานดังแทรกเข้ามา เป็นไอ้แบงค์ครับ แต่ตอนนี้มันกำลังลอยหน้าลอยตาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อยู่ ไอ้ห่านี่ก็ขี้หวงจัง เดี๋ยวกูแย่งน้ำมากอดไม่ปล่อยเลย

“ไม่กินไงวะ? มึงไม่กินงั้นกูขอ” เสียงพูดกลั้วหัวเราะดังขึ้นใกล้ๆตัว ผมรีบก้มหน้ามองจานตัวเองก็เห็นว่ามีมือดีกำลังใช้ส้อมจิ้มกุ้งในจานของผมไป!!

มันเป็นปฏิกิริยาอัตโนมัติที่ยื่นมือไปจับไว้อย่างรวดเร็ว

“ของกู!”

กุ้งอะ ของโปรดผมเลยนะ แล้วในจานก็ไม่ได้มีกุ้งเยอะขนาดนั้นด้วย

“ฮ่าๆๆๆ กูจะกิน” ไอ้เบียร์ว่าพลางสับส้อมไปที่มืออีกข้างแล้วเอากุ้งเข้าปาก มันยื่นหน้ายิ้มๆมาใกล้ผม ไม่รู้ว่าผมกำลังแสดงสีหน้าอย่างไหนอยู่ แต่คิดว่าหน้าคงต้องกำลังงอแน่ๆ เพราะไอ้เบียร์ยิ่งยิ้มกว้างมากกว่าเดิม

ไอ้ห่านี่นิสัยเสีย ชอบขัดใจ!

“มึงกลับบ้านไปเลยไปปปป” เอ่ยไล่แล้วยกจานหนีให้ห่างจากมัน ซึ่งไอ้เบียร์นอกจากจะไม่ออกจากบ้านไปอย่างที่ผมไล่แล้วกลับหัวเราะเสียงดังอย่างชอบใจอีก ไม่เพียงแค่มันที่หัวเราะขำ ไอ้นุที่นั่งกินเงียบๆก็ร่วมผสมโรงด้วย

“นิสัย!”

....

มื้ออาหารที่แสนวุ่นวายจบลง แต่มื้อของหวานที่วุ่นวายพอกันยังไม่สิ้นสุด

"ไอ้เชี่ยนุ อันนั้นกูจอง" ไอ้เบียร์ส่งเสียงโหวกเหวกพร้อมทั้งเอื้อมมื้อไปแย่งเลย์มาจากมือนุ นุมันก็ไม่ไร ยักไหล่ตามประสาพวกชอบความสงบสุข ก่อนจะตักบัวลอยกิน

"ต้า น้ำจะเลือกม.เดียวกับต้าแหละ" น้ำมันพูดขึ้นเรียกความสนใจของทุกคนให้พุ่งตรงไป

"แน่ใจว่าที่เลือกม.เดียวกับต้าเพราะต้าเรียน ไม่ใช่เพราะว่าใครบางคนหรอกนะ"

สิ้นคำพูดของผมก็เกิดเสียงโห่หิ้วขึ้นระรอกหนึ่ง พาลให้แก้มนวลซับสีเลือดโวยวายกลบเกลื่อน ในขณะที่อีกคนที่นั่งข้างๆกันทำเพียงยักยิ้มมุมปากเท่านั้น

ก็นั่นล่ะครับ ไอ้แบงค์มันตั้งใจจะแอดม.นี้เป็นอันดับ 1-2 อยู่แล้ว แต่อย่างมัน ผมว่ามันติดสบายๆ

ในกลุ่มมีแค่ผมกับนุเท่านั้นที่มีที่เรียนต่อแล้ว และเป็นม.เดียวกัน ต่างกันเพียงคณะเท่านั้น

ที่เขาว่ากันว่า เลือกที่แอดอย่าเลือกตามเพื่อน อันนั้นก็แล้วแต่บุคคล แต่หากถามผม ถ้าเป็นไปได้ผมเองก็อยากเรียนที่เดียวกับเพื่อนม.ปลายเหมือนกัน ในความคิดผมเรียนที่ไหนก็ขึ้นชื่อว่าเรียน แม้ว่ามหา’ลัยนั้นจะดังหรือไม่ดัง แต่เขาก็ให้ความรู้เราได้ไม่ต่างกัน เพราะงั้นจะเลือกตามเพื่อนผมว่าก็ไม่ใช่สาระสำคัญ สำคัญที่การเลือกคณะ เลือกที่ตัวเองชอบ ตัวเองอยากเรียน ไม่ใช่ตามเพื่อน แม้จะไม่ได้เรียนด้วยกัน แต่มีเพื่อนไว้อุ่นใจว่าอย่างน้อยเราก็ได้เรียนที่เดียวกันก็พอ

"แล้วมึงอะเบียร์ เลือกที่ไหน"

"ถามหมาๆ"

ถ้าหลังแหวนได้ผมหลังแหวนมันไปแล้ว คนถามดีๆกวนตีนกลับอีก

"เป็นไร ทำหน้างั้น ถ้าไม่เลือกที่เดียวกับมึงจะให้กูไปเรียนไหนล่ะวะ"

เพราะคำตอบนั้น ทำให้ผมยิ้มออก รู้สึกอุ่นใจเมื่ออีกคนสำคัญจะได้ไปเรียนอยู่ใกล้ๆกัน

มหา’ลัยที่ผมเลือกก็ไม่ใช่ที่ไหนหรอกครับ ที่เดียวกับที่เตอร์เรียนนั่นล่ะ ยังดีที่ผลประกาศออกมาก่อนเกิดเรื่องวุ่นวาย ถ้าเรื่องบ้าๆพวกนั้นดันเกิดก่อน ผมคงไม่มีโอกาสได้เรียนที่นี่

...

ตกเย็นพวกตัวดีทั้งหลายแหล่ก็พากันยกขบวนกลับไป ยังผลให้บ้านของผมรู้จักคำว่าความสงบสุขอีกครั้ง

พ่อกับแม่ยังไม่กลับเข้าบ้าน ผมก็ไม่อยากออกไปตาม ปล่อยพวกท่านมีเวลากระหนุงกระหนิงกันไป

ผมยกจานที่วางซ้อนกันเป็นตั้งไว้ในอุ้งมือแล้วนำไปวางในซิงค์ หยิบสก็อตไบท์แล้วบีบน้ำยาล้างจานเล็กน้อย ก่อนจะเริ่มล้างจานทีละใบเพื่อลดภาระให้แม่

ผมดีใจนะที่วันนี้พวกมันยกโขยงมาหา ความจริงที่พวกมันมาก็ไม่ได้มีธุระอะไร หลักๆเลยคือแค่มาเจอมาเห็นหน้ากัน

เท่านั้นก็พอแล้วล่ะครับ

ริมฝีปากคลี่ยิ้มบางๆ นึกถึงเสียงโหวกเหวกเมื่อครู่นี้แล้วก็มีความสุข อยากกลับไปใช้เวลาร่วมกับพวกมันอีกเหมือนเมื่อก่อน

แม้ว่าผมจะมีที่เรียนแล้ว แต่ผมก็ยังอดลุ้นอดตื่นเต้นไม่ได้ ลุ้นครับ ว่าจะได้เรียนที่เดียวกับพวกมันไหม ..ผมขอให้เราได้เรียนที่เดียวกัน

...

ออฟไลน์ NNEW33

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 73
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0


หลังจากที่ล้างจานและคว่ำจานเสร็จเรียบร้อย ผมก็เดินไปยังส่วนห้องนั่งเล่น เอนหลังพิงเบาะ หยิบรีโมทเลื่อนกดหาช่องที่ต้องการ หัวคิ้วเลิกสูง เมื่อพบว่าช่องการ์ตูนที่เคยดูอยู่ตลอดตอนนี้มันหายไป คล้ายกับไม่มีสัญญาณ และผมก็ไม่รู้ว่ามันเปลี่ยนไปอยู่ช่องที่เท่าไหร่ เจอแบบนี้มันเซ็งครับ

พลันหูแว่วคล้ายได้ยินเสียงเครื่องยนต์ของพาหนะสี่ล้อที่วิ่งขับผ่านหน้าบ้าน ปฏิกิริยาของร่างกายเป็นไปอย่างรวดเร็ว ผมชะเง้อคอมองออกไปนอกหน้าต่าง มองไปยังถนน แต่ก็ต้องพบกับความผิดหวัง

ผิดหวังเหรอ...?

"คิดอะไรอยู่ล่ะเรา"

เสียงทุ้มของพ่อดังขึ้น ผมสะดุ้งเล็กน้อยไม่รู้ว่าพ่อเข้าบ้านมาเมื่อไหร่ พ่อนั่งลงบนโซฟาตัวเดียวกัน ผมหันไปมองแล้วส่ายหน้าไปมา

"เพื่อนเรากลับไปหมดแล้วเหรอ"

"อื้อ ครับ กลับไปได้สักพักใหญ่แล้ว ลำบากพ่อกับแม่เลย ไม่เห็นต้องออกไปข้างนอกเลย"

"ลำบากอะไรกัน ปล่อยให้อยู่กันตามประสาเด็กๆไม่ชอบรึไง"

"ก็ชอบ.." อ้อมแอ้มตอบไม่เต็มเสียง

"ก็เพราะอย่างนั้นไง พ่อกับแม่เลยปล่อยให้เราอยู่กันตามประสาเด็กๆ"

ผมยิ้ม ก่อนจะชะงัก เผลอมองดวงตาข้างซ้ายหลังกรอบแว่นของพ่อนิ่งงัน

"พ่อยังเจ็บอยู่ไหม"

"ตานี่น่ะเหรอ" พ่อทวนถามพลางถอดแว่นสายตาออก ผมรับมาวางบนโต๊ะให้ มองพ่อที่ยกมือลูบตาช้าๆ

"ไม่เจ็บหรอก พ่อหายเจ็บนานแล้ว แล้วเมื่อไหร่ลูกของพ่อจะหายเจ็บล่ะ"

...

"ต้าขอโทษ"

พ่อยิ้ม ยิ้มให้ผม ยิ้มที่ไม่มีความโกรธ ยิ้มที่เข้าใจ

พ่ออภัยให้ผม แต่เป็นผมเองที่ยังไม่สามารถให้อภัยตัวเองได้

 

...

วงเวียนชีวิตของผมเริ่มวนมาเป็นเหมือนเดิมเหมือนที่เคยเป็น หลังจากกินข้าวเย็นเสร็จและแยกกับพอแม่แล้ว ขณะที่กำลังจะเข้าห้องตัวเอง ผมก็หยุดชะงักตรงกลางระหว่างประตูสองห้อง ..ผมมองไปที่ประตูห้องของเตอร์ ที่ตอนนี้เจ้าของห้องมันไม่อยู่ ผมอยากจะเข้าไปและนอนในนั้นเหมือนที่เคยทำ ทว่าลึกๆแล้วผมยังกลัว..

หากรอวันที่เตอร์กลับมา บางทีผมอาจจะกล้าเข้าไปในห้องนั้นด้วยกันกับเตอร์พร้อมกับความรู้สึกที่สามารถอภัยให้อย่างที่ตั้งใจไว้

สายตาเบนกลับมาที่ห้องตัวเอง เปิดประตูและเดินเข้าไปด้านใน ผมยืนเคว้งอยู่กลางห้อง ในหัวขาวโพลนไม่รู้ว่าควรต้องทำอะไรต่อจากนี้

แปลกดี ผมเติบโตมาที่บ้านหลังนี้ ผมอยู่มาเกือบยี่สิบปี ผมเคยชินกับมัน แต่พอมาวันนี้ ผมไม่ชินและรู้สึกว่าการอยู่คนเดียวมันเหงา ..อาจเพราะไม่มีเตอร์ ผมคิดว่านั่นคือเหตุผล

ผมเดินไปใกล้หน้าต่างเพื่อจะปิดมัน ค่อยๆยื่นแขนออกไปนอกเหล็กดัดแล้วจับที่จับพลันออกแรงดึงปิดให้สนิทเพื่อจะเปิดแอร์

หลังจากกดปุ่มบนรีโมทคอนโทรล เสียงเครื่องปรับอากาศก็ครางหึ่งก่อนความเย็นจะโอบล้อมห้องนี้ และแทนที่ผมจะเดินไปนอนบนเตียงอย่างทุกคืน ผมกลับนั่งลงที่เก้าอี้ตรงโต๊ะเขียนหนังสือ นั่งทั้งๆที่ไม่มีอะไรทำ ไม่มีสิ่งที่ต้องเขียนต้องอ่าน เพียงแค่นั่งเฉยๆ

สายตามองผ่านกระจกใส จุดโฟกัสอยู่ที่ถนนหน้าบ้าน ..คืนนี้ก็เหมือนกับเมื่อวาน ต่างกันเพียงคืนนี้ที่พื้นลาดยางไม่มีรถคันนั้น..

จากสี่ทุ่มเปลี่ยนเป็นห้าทุ่ม.. ความรู้สึกโดดเดี่ยวและความหน่วงในใจยิ่งเพิ่มมากขึ้นทุกที พลันเสียงโทรศัพท์บ้านที่ต่อสายพ่วงมาที่ห้องผมจะดังขึ้นมา

Trrrrrrrrrrr

โทรศัพท์บ้านจะมีแค่ด้านล่างและห้องผมกับเตอร์เท่านั้น ในห้องของพ่อกับแม่จะไม่มี เพื่อที่ท่านจะได้พักผ่อนอย่างเต็มที่

ผมผละตัวลุกขึ้นแล้วยกกระบอกโทรศัพท์ขึ้นแนบหู

"ฮัลโหล" กรอกเสียงทักทายและเงียบรอฟัง ทว่าสิ่งที่ได้ยินกลับมีเพียงความเงียบ

"..."

"สวัสดีครับ" ผมพูดทักทายอีกรอบ กะว่าถ้ารอบนี้ปลายสายไม่พูดธุระมาผมคงวางจริงๆ

"..."

"ถ้าคุณไม่พูดผมวางแล้วนะครับ" คิ้วชนเข้าหากันอย่างไม่ชอบใจ

"ทำไมยังไม่นอน"

หัวใจกระตุกวูบกับเสียงที่ได้ยิน

"วันนี้ยุ่งทั้งวัน เลยไม่มีเวลาไปหา" เสียงนั้นยังคงดังเข้าหูมาเรื่อยๆด้วยจังหวะการพูดเนิบช้า

ใจผมสั่งให้วางโทรศัพท์ลง ..และนับเป็นครั้งแรกที่มือและหัวใจทำงานประสานกันได้ดี

ปั้ง!

โทรศัพท์ถูกกระแทกวางลงดังโครมใหญ่ แต่ผมไม่ได้ใส่ใจเมื่อสายตายังคงไม่ละออกจากโทรศัพท์นั้น หัวใจยิ่งเต้นรัวมากกว่าเดิมเมื่อเสียงกรีดร้องของเครื่องมือสื่อสารดังขึ้นอีกครั้งแทบจะทันทีหลังจากวางสาย

ไม่ต้องยกหูขึ้นรับก็รู้ว่าใครเป็นคนโทรมา

ผม กำลังไม่เข้าใจตัวเอง

...ทั้งที่วันนี้ผมรอมาทั้งวัน แต่พอตอนนี้.. ผมกำลังจะหนี

เสียงร้องของโทรศัพท์เงียบหายไปพร้อมกับใจของผมที่คล้ายกับหยุดเต้นไปชั่วครู่ ..ไม่นานมันก็ดังขึ้นอีกครั้งนำพาให้หัวใจของผมกลับมาเต้นในจังหวะเดิม

แต่เป็นผมเองที่เลือกที่จะถอดสายโทรศัพท์ออกจากตัวเครื่อง พลันความเงียบก็เข้าปกคลุมห้องทั้งห้องอีกครั้ง

ห้องเงียบก็จริงอยู่แต่เสียงกรีดร้องของโทรศัพท์ยังคงดังก้องอยู่ในหัว ผมค่อยๆปล่อยสายโทรศัพท์ออกจากมือปล่อยให้ร่วงหล่นลงไปบนพื้นตามแรงโน้มถ่วงของโลก สองขาก้าวเดินขึ้นเตียงด้วยตัวลอยๆ ก่อนจะพลิกกายนอนตะแคงข้างหันหลังให้กับโทรศัพท์แล้วดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวจนถึงริมฝีปาก

 

 

___________________________________________
TALK :: พาร์ทนี้มาแบบ น้ำๆ เนื้อเข้าพระเข้านางไม่ค่อยมี 55555 อยากให้เห็นว่าตอนนี้น้องต้าเริ่มกลับไปใช้ชีวิตแบบปกติที่เคยเป็น น้องมีเพื่อน มีครอบครัว มีสังคมในแบบของตัวเอง อื้ม... ส่วนคนที่สบตาปิ๊งๆกับน้องในตอนที่แล้วนั้น ไม่ใช่ใครอื่น เป็นคนเดียวกับที่ทุกคนคิดไว้นั้นแหละค่ะ 55555555
มันเป็นวิธีการง้อของเฮียแก (ปล่อยเฮียแกไปปปปป ทุกวันนี้ก็ยังนึกสภาพเฮียแกมาง้อน้องไม่ออก) 5555
มีคนเชียร์ให้เตอร์มีคู่ ตามโปรแกรมแล้ว เตอร์มีคู่นะ (จะใช่คู่เตอร์ต้าหรือเปล่าน้า (ผลัวะ)) 555 ใครที่แอบหวังอยู่ ไม่ใช่เตอร์ต้าหรอก (กำๆ ฝันสลาย ฮ่าๆ)
* อยากตอบคอมเม้นท์ แต่งานล้นมือมากเลย T_T อาทิตย์หน้าเสมือนสัปดาห์นรกเลยค่ะ ฮือออ ถึงรอบนี้จะไม่ได้ตอบ แต่ก็อ่านทุกเม้นท์ เม้นท์ละหลายๆรอบเลย ขอบคุณมากๆนะคะ จุ้บบบบ
** ตอนจบของเรื่องนี้จะเป็นยังไงก็ขอให้ลุ้นขอให้อ่านกันต่อไปป อีกอึดใจเดียว ฮึบ!! จะพยายามไม่ให้จบแบบค้างคา 5555
*** ช่วงนี้อากาศหนาวอีกแล้ว ดูแลสุขภาพกันด้วยนะคะ
**** ใครที่คิดถึงพี่จิม อาจจะไม่ได้มีมุมมองพี่จิมมาให้ได้อ่านกันแล้ว เพราะตั้งใจจะให้เป็นมุมมองน้องอย่างเดียว แต่ก็ไม่แน่ รอจังหวะเหมาะๆจะพาพี่จิมมาหา จุ้บบ
***** รักนะคะ. เจอกันใหม่ตอนหน้าน้าา

ออฟไลน์ pornumpai-ka

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 209
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0


 :katai5: :katai5: :katai5:


มานอนริตอนต่อไป

ออฟไลน์ Lonelyนู๋โรนลี่

  • ฉุด กระชาก ลากถู พาเข้า.....
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 667
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-2
เตอร์อาจจะคู่กับเพื่อนของเตอร์ตอนนั้นก็ได้ งานนี้พี่เตอร์อาจเป็นเคะบ้าง 55555+
(หาคนมาคอยปลอยใจให้จิตใจที่ปลอบบางของเตอร์เข้มแข็งก็ต้องเมะสิ สินะสินะ)

น้องต้าร์เริ่มคิดได้ ให้อภัยเตอะ แต่ว่านะ กลัวจังว่า20วันนี้เตอร์อาจจะได้สามีกลับมาด้วย//โดนนักเขียนตรบ อิอิ
ส่วนตาจิม เราเชื่อว่าน้องต้าร์จะต้องให้อภัยแน่นอน ทำไมไม่รีบเข้าถึงคุณพ่อคุณแม่นะ อุอิ

ออฟไลน์ naruxiah

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 913
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
มาแล้วอ่ะ มาแล้ว มาเต็มร้อยด้วย กรีดร้องด้วยความดีใจ อร๊ายยยย

ออฟไลน์ kuro

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 415
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-12
คิดถึงจิมจัง
ถ้าเป็นไปได้ จบแล้วขอตอนพิเศษมุมมองของจิมนะคะ
จิมสู้ๆนะ ง้อให้ได้

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
หน่วงหัวใจจริงๆ

ออฟไลน์ strawberryboys

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ zelesz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 525
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-4
สายสัมพันธ์พี่้น้องมันตัดกันไม่ขาดหรอก

ออฟไลน์ iammz

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2681
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +292/-6
น้องต้าก็แอบคิดถึงพี่จิมอยู่นะนั่น กิ๊วๆๆๆ >.<

ออฟไลน์ mammam

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
เวลาเท่านั้นจะช่วยทุกอย่าง

ออฟไลน์ Moose

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1257
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
ตอนนี้พี่จิมออกแต่เสียง 55555 ง้อน้องให้สำเร็จเร็วๆ น้าจิม เอาใจช่วยยยยยยยยย

รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ diduek

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 163
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
    • http://diduek-san.exteen.com/
มาต่อแล้วว กร๊ีดด ขอให้แฮปปี้เอ็นดิ้งเถอะนะะ คืนดีกับเตอร์กับพี่จิมนะต้าาาา

ออฟไลน์ mro

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 293
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-2
จิมมมม มีปัญญาง้อน้องแค่นี้ช้ะะ โอ้ยหงุดหงิดแทนน้องงง
คนเขียนสู้ๆนะคะ

ออฟไลน์ kuankao

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ Lovecartoon1996

  • ชอบกินมาม่า
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-2
    • -
คิดถึงจิมมมมมมม

atcharayee

  • บุคคลทั่วไป
เมื่อไหร่จะมา รอนานแล้วนะ คิดถึง

ออฟไลน์ IöLIKE

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 993
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-6

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด