#Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| Special ==When I was young [18/7/57] P.26
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

โพลล์

ชอบใครที่สุดใน A BOY

น้องต้า
79 (41.6%)
วิคเตอร์
21 (11.1%)
พี่จิม
64 (33.7%)
หมอเซม
22 (11.6%)
แซมแฝดน้องพี่หมอ
4 (2.1%)

จำนวนผู้โหวตทั้งหมด: 163

ผู้เขียน หัวข้อ: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| Special ==When I was young [18/7/57] P.26  (อ่าน 225473 ครั้ง)

ออฟไลน์ zelesz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 525
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-4
เปิดใจอีกนิดสิน้องต้าา

ออฟไลน์ monoboruok

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
พึ่งอ่านจบ แบบรวดเดียว

อยากบอกว่า น้ำตาไหลไปหลายรอบมาก.


ต้าก็สงสาร.  ,  จิมก็สงสาร.  มันหน่วงไปหมด

อ่านเรื่องนี้แล้วเห็นภาพชัดเจนมากกกก

. พอต้าตอนซีนเด็กก็แบบ. น่ารักได้อี๊กกกกกกก. พอซีนทารุณกรรมก็แบบ รันท๊ดดดดรันทดดด

สรุป ชอบเรื่องนี้มากกกกกกก.  รอตอนจบ นะจ๊ะ

ออฟไลน์ jamlovenami

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 639
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
 :hao5: โอยย อีทาสเศร้าแทน

minduen

  • บุคคลทั่วไป
เป็นเรื่องแรกที่โพส55 โหวตให้พี่จิม (น้องต้าอย่าน้อยใจ ยังไงก็รักหนูนะ)

อ่านไปตอนแรกแล้วเลิกอ่าน อุส่าห์หาแนวนี้ตั้งนาน :angry2:
แต่แล้วก็กลับมาอ่านอีก

ชอบมากกกกกกก ชอบภาษาแบบนี้ นึกภาพตามได้ง่ายมาก ปกติเจอภาษาสวยๆแต่ไม่ค่อยนึกภาพ55
บางประโยคโดนมาก ผู้ชายที่ไม่มีหัวใจ ไอ้ประเภทนี้ ถ้าได้รักใครสักคนจะให้เค้าหมดหัวใจ ตัวเองถึงไม่มีหัวใจ ฮ่าา สะใจจริงๆ กับประโยคนี้ :laugh:
“..เรื่องนึงที่ต้าคงไม่รู้ แม้แต่ตัวพี่เองก็ยังไม่อยากจะเชื่อมัน ... เรื่องความรักเป็นเรื่องที่ไกลตัวมากสำหรับพี่ พี่ไม่คิดว่าจะได้สัมผัสกับความรู้สึกนั้นอีก จนถึงตอนนี้พี่ก็ยังไม่อยากเชื่อว่าความรู้สึกนั้นกำลังเกิดขึ้นอีกครั้งกับเด็กผู้ชายอย่างนาย ..จริงอยู่ที่ระยะเวลาไม่ถึงอาทิตย์ไม่น่าจะพอที่ทำให้เกิดความรักได้ แต่มันมากพอที่ทำให้เกิดความรู้สึกดีๆ ตอนนี้คำจำกัดความของความรู้สึกนี้คืออะไรพี่เองก็ยังไม่แน่ใจ อาจตกหลุมรัก รัก ชอบ หรือว่าถูกใจก็ล้วนแล้วแต่เป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับเด็กอย่างนายคนเดียว และมันก็เพิ่มขึ้นทุกวัน จนพี่ไม่รู้ว่าควรจัดการกับมันยังไง..”

รู้เลยว่าคนเขียนกลั่นกรองมาดี

ขอโพสแบบจัดเตร็มนานๆที5555

ใจจริงชอบจิมตั้งแต่ตอนแรกแล้ว ถึงจะเห้..อย่างนั้น เร้าใจดี55 :hao3:

กลับมาอ่านรวดเดียวประมาณตอนที่6-30กว่าๆ ตอนนี้ตามทันแย้ว
 
ในที่สุดน้องก็จำได้ อยากให้น้องจำได้อยู่แล้วแต่อยากอ่านหวานๆด้วย(เอ๊ะยังไง?) น้องใจแข็ง(จนน่าจับกด)มาก ไอ้เราก็เข้าใจโดนหนักขนาดนั้น ตอนน้องอ่อยเพื่อน ถึงจะหลอก(ให้จิมหึง)แต่น่ารักมากกกกก โอ๊ยยยย อยากให้คนที่ถูกอ้อนเป็นจิมม :z3:

อยากให้ยาวกว่านี้ หยิ่งกว่านี้ ง้อเข้าไป ฟินเข้าไป แล้วค่อยอภัยให้ ไม่อยากให้จบเลย ขอตอนพิเศษเยอะๆๆๆๆน้าาคร้าบ :impress2:

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่อ่านแล้วเราชอบคิดตอนต่อไป สงสารจิม คิดว่าอยากให้ตอนเตอร์ไปค่ายแล้วจมน้ำตาย น้องสำนึกได้ก็ให้อภัยจิมก่อนที่จะสายไป เสียจิมไปอีกคน
พอมาถึงตอนจิมขับรถ เห็นเหม่อๆ เหมือนไม่ดูทางก็อยากให้จิมชนสิบล้อ ร่วมมือกับหมอเซมหลอกว่าสมองเสื่อม แล้วน้องมาดูแล555

สุดท้ายนี้ เกรงคนเขียนจะไขว้เขว จากตอนแรกบอกว่าน้องมีคู่ เย้ o13 ขอจิมมมน้า :-[ มีบางคนอยากได้แบบไม่มี งั้นทำ2เวอร์ชั่นเลย ฮ่าา แล้วแต่คนเขียนจะกรุณา ไม่ว่าจะจบแบบไหนเราก็จะอ่านต่อ ขอบคุณมากค่ะที่สร้างสรรค์ผลงานดีๆแบบนี้ รักนิยายแต่รักคนเขียนมากกว่า โดนผึ้งต่อยหายยังหว่า หายๆ เพี้ยงงง <3


ออฟไลน์ NNEW33

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 73
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
ตอนที่ 38 ....70%



เช้าวันนี้ผมตื่นมาด้วยสภาพยับเยิน...

ลอบถอนหายใจเมื่อเห็นสภาพตัวเองในกระจก น่าเกลียดระคนน่าสมเพช หัวฟู ตาบวมปูดอย่างที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก ผมยกมือคลึงหัวตาที่ปวดหนึบ ก่อนจะเดินลากเท้าตรงไปยังห้องน้ำเพื่ออาบน้ำแปรงฟันเผื่อว่าอะไรๆมันจะดีขึ้น

สายน้ำช่วยทำให้ผมสดชื่นได้เสมอ แม้กระทั่งเวลานี้

หลังจากที่ผลัดเปลี่ยนชุดใหม่แล้ว ผมก็เดินออกมายังระเบียงห้องนอน ลอบยิ้มบางๆเมื่อมันว่างเปล่าปราศจากร่างของอีกคน

เมื่อคืนที่เขามาหาผม ผมจะคิดเสียว่านั่นคือความฝัน

จมอยู่กับภวังค์ไม่นาน เสียงโหวกเหวกด้านล่างก็ดึงความสนใจของผมจนอดมองลงไปไม่ได้

โฮ่ง โฮ่ง!!

เสียงเห่าของเจ้าหมาหวงบ้านดังขึ้นทันทีที่เสียงเครื่องยนต์ของพาหนะสี่ล้อจอดเทียบหน้าประตู เมื่อเพ่งมองดีๆก็ทำให้รู้ว่านั่นไม่ใช่รถที่จอดผิดบ้านหรือรถของคนแปลกหน้าแต่อย่างใด

ผมเดินกลับเข้าไปในห้องนอน พลางเหลือบมองหน้าปัดนาฬิกาติดผนัง มุ่นหัวคิ้วนึกสงสัยว่ามันมาทำอะไรที่บ้านผมแต่เช้า ไหนตอนแรกว่าจะมารับเย็นๆ

“อ้าว ลงมาพอดีเลย ไปดูให้แม่หน่อยสิว่าใครมา”

ร้องรับคำแล้วรีบรุดหน้าเดินออกไปหวังจะเป็นฮีโร่เข้าช่วยเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย แต่คงไม่ทันเพราะเมื่อเปิดประตูบ้านออกไปก็พบว่าไอ้เบียร์กำลังถูกพุงพลุ้ยปู้ยี้ปู้ยำจนกางเกงเปื้อนเศษดินเต็มไปหมด

“เฮ้ย!! หยุดๆ พุงพลุ้ย หยุดเดี๋ยวนี้!! วันนี้พี่ต้องหล่อที่สุดเว้ยย หยุดดด!” ไอ้เบียร์กระโดดเหยงส่งเสียงโวยวายดังลั่น

ผมหลุดหัวเราะให้กับสภาพของมัน ตลกจนน่าขัน ยิ่งกระโดดแบบนั้นพุงพลุ้ยมันคงจะหยุดหรอก หางกระดิกดิ๊กๆไม่หยุดแล้วน่ะ มันคงคิดว่าไอ้เบียร์กำลังเล่นกับมัน

“เห้ย! ไอ้ต้า มึงมาเอาหมาของมึงไปเก็บเลย” เสียงห้าวร้องทักเมื่อหันมาเห็นผม

ผมเบิกตา เมื่อเห็นไอ้เบียร์ทำท่าจะพุ่งเข้ามาหา ทว่าเดินได้เพียงไม่กี่ก้าวพุงพลุ้ยก็ไม่ยอม งับขากางเกงมันเต็มเหนี่ยวจนมันก้าวขาเดินไม่ได้แม้แต่ก้าวเดียว

“ฮ่าๆๆๆ น่าสงสารว่ะ สงสัยหมาคงคิดถึงมึง”

เป็นภาพที่น่าถ่ายคลิปเก็บไว้ยิ่งนัก ไอ้เบียร์สะบัดขาข้างนั้นไม่หยุดหวังให้หมาปล่อย แต่พุ่งพลุ้ยไม่ยอม มันคงนึกว่าไอ้เบียร์เล่นด้วยอีกนั่นล่ะ กัดแน่นไม่ปล่อยเลย ครั้นเมื่อเบียร์ขยับจะเดินก็จะมีไอ้หมาอ้วนติดสอยห้อยตามมาด้วย พุงกลมๆลากบนพื้นดินจนฝุ่นฟุ้ง

“อย่ามัวแต่หัวเราะดิวะ มาเอาหมามึงออกไปเลย”

ผมยกมือกุมกระบังลม หัวเราะจนปวดท้องไปหมด ยิ่งมองหน้าแหยงๆของมันก็ยิ่งขำ

“เสียใจด้วย กูไม่ใช่คนใจร้ายขนาดจะขัดขวางความสุขของหมาได้หรอกนะ” พูดกลั้วหัวเราะพลางมองพวงหางสีขาวที่สะบัดไปมาอย่างครึ้มใจ

ตอนที่มันมาบ้านผมคราวก่อน ไม่รู้ไปทำเสน่ห์อะไรใส่พุงพลุ้ย มาคราวนี้มันถึงได้ติดไอ้เบียร์แจ สงสัยแม่งคงแอบดีดน้ำมันพรายใส่ แม้แต่หมาก็ยังไม่เว้นอะมัน เลวขนาดไหน ฮ่าๆ

“อย่าให้กูหลุดไปได้นะ จะซัดทั้งคนทั้งหมาให้น่วมเลย!” มันขบเคี้ยวเขี้ยวฟันอย่างเจ็บแค้น มันอะแค้น แต่ผมอะโคตรสะใจ!

หึ คิดจะแก้แค้นเหรอ

“พุงพลุ้ย อย่าหยุดนะลูก ไม่งั้นอดกินข้าวเย็นแน่!” ผมกระตุกยิ้มท่ามกลางสีหน้าตื่นตะลึงของไอ้เบียร์

โฮ่ง!!

แค่เสี้ยวนาทีที่พุงพลุ้ยละปากเห่าตอบรับ ไอ้เบียร์ก็อาศัยจังหวะนั้นสะบัดขาจนหลุดแล้วโจนตัวจะวิ่งมาที่ผม ทว่ามันก็ช้ากว่าสัญชาติญาณของสัตว์ โดยเฉพาะหมาอ้วนที่เห็นของกินเป็นที่หนึ่งอย่างพุงพลุ้ย!

เจ้าตัวสีขาวลายน้ำตาลหมอบลำตัวช่วงบนลงต่ำจนเกือบติดดิน ขณะที่ลำตัวช่วงล่างโก่งสูงพร้อมทั้งกวัดแกว่งหางไปมาอย่างเริงร่า ดวงตากลมแป๋วจ้องไอ้เบียร์ไม่วางตา พลันสี่ขาตะกุยพื้นถีบตัวเองพุ่งทะยานเข้าใส่ไอ้เบียร์อย่างจัง! แรงอัดจากหมาอ้วนทำให้คนที่ไม่ได้ตั้งหลักถึงกับล้มหน้าคะมำ!

ผมอ้าปากค้างไม่คิดว่าหมาอ้วนจะเห็นแก่กินขนาดนี้

แต่ตะลึงได้ไม่นานก็ต้องหัวเราะงอหงายเมื่อไอ้เบียร์เงยหน้าขึ้นมา หน้าของมันแดงก่ำไม่รู้ว่าโกรธหรืออะไร ทว่ายังไม่ทันได้เดินเข้าไปใกล้เพื่อช่วยพยุงมันขึ้น ความเจ็บแปลบก็แล่นกลางศีรษะพร้อมกับเสียงป๊อกเหมือนอะไรสักอย่างเคาะลงมาที่หัวของผมจนผมต้องนิ่วหน้ายกมือกุมหัวแทบไม่ทัน

“แกล้งอะไรเพื่อนหะ”

ไม่ต้องมองหาสาเหตุของความเจ็บ พ่อก็มาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า ในมือมีทัพพีคดข้าวถืออยู่ ผมเบ้ปากกำลังจะอ้าปากเถียงแต่ก็โดนพ่อเอาอาวุธ(?)ชี้หน้าคาดโทษ

ผมเหลือบตามองไอ้เบียร์เห็นมันยิ้มเผล่มีชัย

พ่อหันหน้ากลับไปยังจุดเกิดเหตุ มือง้างทัพพีขึ้นสูงก่อนจะพูดขู่พุงพลุ้ย

“ลงมาจากตัวพี่เขาเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นจะฟาดให้ตัวลายเลย!”

มันเป็นภาพที่น่าขำ พ่อถือทัพพีขู่หมา แต่ทั้งผมและพุงพลุ้ยคงขำไม่ออก เพราะรู้ว่าถึงแม้พ่อจะใจดี แต่พ่อฟาดแน่ๆถ้าพลุ้ยไม่ลงจากตัวไอ้เบียร์

“นับหนึ่ง...”

เมื่อพ่อเริ่มนับด้วยน้ำเสียงกดต่ำ พุงพลุ้ยก็ครางหงิงอย่างน่าสงสาร สี่เท้าเดินย่ำบนหลังไอ้เบียร์ไปมาดูกระวนกระวาย

“นับสอง...”

หูสีน้ำตาลแนบลู่ไปกับหัวกลมๆ ไม่ได้ตั้งร่าเริงเหมือนเดิม ตากลมๆนั่นก็ดูหงอยจนน่าสงสาร ผมเบะปากมองพลุ้ยสลับกับพ่อ พ่อฟาดแน่ๆ ..ในหัวเร่งคิดหาทางช่วยหมาอ้วน พลันเปล่งเสียงร้องเรียกมันก่อนพ่อจะนับสาม

“พุงพลุ้ย มานี่เร็ว”

สิ้นเสียงพุงพลุ้ยก็รีบกระโดดลงมายืนบนพื้นแล้ววิ่งทะยานมาหาผมอย่างว่องไว

ผมส่ายหัวเอือมๆ นั่งยองๆลูบหัวของมันไปมา ที่มันวิ่งมาหาไม่ใช่ว่ามันเชื่อฟังผม  และที่มันไม่ลงจากหลังเบียร์ตั้งแต่แรกไม่ใช่ว่ามันไม่กลัวพ่อ มันกลัวครับ ไม่งั้นไม่ครางหงิงขนาดนั้นหรอก แต่ที่ไม่ลงเพราะมันกลัวจะอดข้าวเย็นที่ขัดคำสั่งผมต่างหาก

โคตรเห็นแก่กินเลย หมาใครวะ -_-

 

เข้าบ้านมาได้ผมก็โดนแม่สวดยับที่ไปแกล้งเบียร์มันอย่างนั้น จากตอนแรกที่ไอ้เบียร์ก็เหมือนลูกคนที่สามของบ้านอยู่แล้ว ตอนนี้มันเลยกลายเป็นลูกรักของพ่อกับแม่ไปเลย

น้องเบียร์อย่างนั้น น้องเบียร์อย่างนี้ ฟังแล้วโคตรหมั่นไส้อะ

ผมเหลียวหันไปมองไอ้คนที่เดินขึ้นบันไดตามอยู่ด้านหลังอย่างปิดความหมั่นไส้ไว้ไม่มิด ยิ่งเห็นมันส่งยิ้มยียวนมาให้ แทบจะถีบมันตกบันได คนอะไรหน้าโคตรกวนตีน

เมื่อขึ้นมาถึงชั้นสองผมก็หยุดยืนอยู่ระหว่างกลางของห้องทั้งสองก่อนชี้ไปที่ประตูห้องเตอร์

“มึงเข้าไปเอาเสื้อผ้าในห้องนั้นเองแล้วกัน”

มันเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม คงสงสัยว่าทำไมผมไม่เข้าไปเอาให้

“ทำไม กูขี้เกียจ เข้าไปเอาเองเดะ เร็วๆ กูจะรออยู่ตรงนี้” พูดพลางเตะขามันไปพลางโทษฐานที่หน้าแม่งกวน

ไอ้เบียร์ก้มมองขาผมที่กำลังประทุษร้ายมันอยู่ก่อนจะเงยหน้ามองยิ้มกวนๆแล้วยักไหล่ไม่แคร์ นัยน์ตาคู่นั้นราวกับจะบอกผมว่า มีปัญญาทำได้แค่นี้เหรอไง? นั่นยิ่งทำให้ผมปวดประสาทมากกว่าเดิม

ยังไม่ทันได้ก่นด่าก็ราวกับมันรู้ตัวดี จึงรีบเดินปลีกเข้าห้องเตอร์ไป

ปกติถ้ามันมาค้างบ้านผม ผมก็จะเข้าไปเอาเสื้อผ้าในห้องเตอร์มาให้มันเสมอ หรือไม่ก็เข้าไปด้วยกัน แต่ตอนนี้ ผมยังไม่พร้อมเข้าห้องนั้น...

รอไม่นานมันก็กลับออกมาพร้อมกับกางเกงยีนส์และเสื้อยืดสีดำลายกราฟฟิคของเตอร์ กำลังจะร้องบอกว่าให้เอาไปเก็บ ตัวนี้เตอร์หวง แต่ก็รีบกลืนคำพูดตัวเองลงคอ ..ช่างมันเถอะ

“ได้เสื้อผ้าแล้วก็รีบไปอาบน้ำ จะได้ลงไปกินข้าว” พูดพลางเปิดประตูเข้าห้องตัวเองแล้วเดินไปทิ้งกายนอนพิงหัวเตียง หยิบรีโมทมาเปิดทีวีกะจะนอนดูการ์ตูนฆ่าเวลารอมัน

“กูใช้ผ้าเช็ดตัวมึงนะ”

“เออ” บอกขณะที่สายตาไม่ได้ละออกจากหน้าจอสี่เหลี่ยม เลื่อนหาช่องการ์ตูนด้วยความเคยชิน

แรกเริ่มไอ้เบียร์มันก็จะกลับไปอาบน้ำบ้านมันนั่นล่ะ แต่แม่ของผมก็ขัดมันไว้ก่อน แสดงความรับผิดชอบไม่ให้มันต้องลำบากเทียวไปเทียวมา ครั้นจะให้ผมไปพร้อมมันเลย ก็นะ แม่ทำกับข้าวจัดเต็มขนาดนั้นก็คงไม่อยากให้ไป จะให้มันกินก่อนแล้วค่อยไปด้วยกัน ตัวก็เลอะจนขี้โคลนเรียกพี่ มันก็คงไม่กล้าร่วมโต๊ะด้วย สุดท้ายแม่เลยเสนอทางเลือกให้มันขึ้นมาอาบน้ำก่อน แล้วค่อยออกไปพร้อมกัน

เมื่อมีบัญชามาขนาดนี้แล้วใครล่ะจะกล้าขัด แม้แต่ประมุขของบ้านยังไม่กล้าหือ ใครหน้าไหนล่ะ จะกล้า

.

.

ระหว่างที่รับประทานอาหารทุกคนแลดูมีความสุข ทั้งเสียงคุยเสียงหัวเราะสรวลเสเฮฮากันถ้วนหน้า ยกเว้นผม -_-

ความรู้สึกของผมตอนนี้ไม่ต่างกับเด็กที่ถูกแย่งความสำคัญ ยิ่งพ่อกับแม่ให้ความสนใจไอ้เบียร์มากเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งหงุดหงิดมากเท่านั้น

อะไรคือการพะเน้าพะนอแต่กับมัน ผลัดกันตักกับข้าวให้มันจนพูนจานหมดแล้ว ไม่เห็นตักให้ผมมั่งเลย!

“แม่ ต้าอยากกินไก่ทอด” ร้องบอกแล้วนั่งรอให้แม่ตักให้ แต่สิ่งที่แม่ทำคือเงยหน้าจากจานข้าวพลางมองไก่ทีมองหน้าผมที

“ตักไม่ถึงเหรอ?” ถามด้วยหน้าสงสัยที่ทำเอาพ่อถึงกับยิ้มกริ่ม

“ไม่ถึง” ตอบหน้ามุ่ย มองไก่ไม่ยอมยื่นแขนไปตัก ถ้าจะตักอะ ถึงอยู่แล้ว เพราะโต๊ะกินข้าวบ้านผมมันก็ไม่ได้ใหญ่โตมโหฬารขนาดนั้น เอื้อมถึงทุกจานนั่นแหละ ก็แค่อยากให้แม่ตักให้

“อะ”

อะ ของแม่ยิ่งทำให้ผมหน้าง้ำมากกว่าเดิม แต่กับไอ้คนที่นั่งข้างผมนี่ถึงกับหัวเราะหึๆในลำคอ ผมหน้าม้านหันไปฟาดค้อนใส่มันสักห้าหกที ก่อนจะมองจานไก่ที่แม่ยื่นประเคนถึงที่แต่ไม่ยอมตักให้ ทั้งๆที่ตักให้ง่ายกว่ายกจานทั้งใบอย่างนี้ตั้งเยอะ!

บอกตรงๆว่า โคตรขัดใจ!

สุดท้าย ทำไงได้ล่ะครับ ก็ใช้ส้อมจิ้มไก่แล้วกัดกินระบายความเจ็บใจน่ะสิ!

ตบตีกับน่องไก่ได้ไม่นานก็ต้องตาวาวเมื่อเห็นกระดาษทิชชู่สีขาวกวัดแกว่งอยู่ตรงหน้า หันไปมองต้นทางก็เห็นว่าพ่อส่งมันมาให้ เห็นอย่างนั้นก็ทำให้ความขุ่นข้องหมองใจเมื่อครู่ลดฮวบๆจนแทบไม่เหลือ ผมรับกระดาษเนื้อนุ่มมาถือไว้ก่อนจะเช็ดปากตัวเองด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

“อ้าว แล้วนั่นเช็ดปากตัวเองทำไม พ่อตั้งใจจะให้เจ้าเบียร์มัน เฮ้อ เรานี่นะเจ้าต้า!”

มือผมชะงักค้าง หันไปมองหน้าพ่อที่ทำหน้าเอือมผมเสียเต็มประดาอึ้งๆ ก้มมองทิชชู่ในมืออีกที ก่อนจะหน้างอเป็นจวักอย่างที่ตัวเองก็รู้สึกได้ ผมปาทิชชู่ใช้แล้วให้ไอ้เบียร์พร้อมทั้งพาลพาเลเตะขาเก้าอี้มันเสียงดังปั้ก!

“กลับบ้านมึงไปเลย!”

“น้องต้า ทำไมไล่เพื่อนอย่างนั้น! // น้องต้า ทำไมพูดไม่เพราะ!!”

ผมอ้าปากค้างกับสองเสียงของชายหญิงที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพ่อกับแม่ของผมดังขึ้นพร้อมกัน..

ไอ้เชี่ยเบียร์!!

.

.

กว่าจะได้ออกจากบ้านก็เป็นเวลาบ่ายแก่ๆ หลังกินข้าวรอบสองแล้วนั่นล่ะ ตอนแรกผมพาลจะไม่กินข้าวจริงๆด้วย ถ้าพ่อกับแม่ยังไม่เลิกพะเน้าพะนอลูกชายคนใหม่ แต่ยังดีที่ท่านทั้งสองหันมาให้ความสนใจผมที่เป็นลูกชายแท้ๆบ้าง ไม่งั้นล่ะ พ่อจะอาละวาดให้ครัวพังเลย

ก็ได้แต่คิด ได้แต่จินตนาการนั่นล่ะครับ ขืนได้ลงมือทำจริง นายหญิงของบ้านได้เพ่นกบาลผมแน่

เสียงเพลงที่ดังคลอจากเครื่องเสียงของรถยนต์ทำให้ผมอารมณ์ดีขึ้นมานิดๆ แต่อารมณ์สุนทรีย์ก็ต้องถูกทำลายลงเมื่อเสียงควายออกลูกดังประสานไปกับนักร้องสาวแสนสวยสุดเซ็กซ์

"มึงขับรถเงียบๆไม่เป็นไงวะ" สุดจะทนเลยต้องออกปากขอร้อง(?)ให้มันขับรถเงียบๆ

"ทำไม ฟังแล้วใจสั่นเพราะกูร้องเพราะล่ะสิ"

ดูไว้นะครับ อย่างนี้เค้าเรียกว่าหลงตัวเอง

"เปล่า กูรำคาญ"

"เบื่อพวกปากไม่ตรงกับใจ"

มันยักไหล่ไม่ยี่หระด้วยท่าทางที่ผมเห็นแล้วชวนให้ส้นเท้ากระตุกยิกๆ นึกอยากถีบคนขึ้นมารำไร

“ตกลงจะบอกได้รึยัง ทำไมมาบ้านกูแต่เช้า มีไรรึเปล่าวะ” ทางเดียวที่ทำได้คือเปลี่ยนหัวข้อสนทนา เบื่อไอ้เบียร์ที่ชอบแถน้ำขุ่นๆ

“จะมีอะไรล่ะ พ่อกูใช้ให้มาซื้อเครื่องดื่มสำหรับปาร์ตี้เลี้ยงต้อนรับไอ้นิกซ์ไง แม่งกลับมาทีก็ทำคนเค้าวุ่นวายไปหมด”

“แล้วมึงซื้อยัง”

“ยัง มารับมึงไปซื้อด้วยกันนี่ไง”

“เอ้า เค้าใช้มึงไม่ได้ใช้กู”

“แต่มึงเพื่อนกู”

เกี่ยวไรกันวะ ไอ้ห่านี่ชอบมั่ว

“อย่าทำหน้างอง้ำอย่างนั้นสิวะ ยิ้มก่อนเร็ว เดี๋ยวพี่เบียร์เลี้ยงไอติม”

เปล่าครับ ผมไม่ได้เห็นแก่ของกิน

“รีบๆขับเดะ เร็วได้เท่าไหร่ก็เหยียบๆไปเลย”

ไม่ได้เห็นแก่ของกินครับ แค่รักษาผลประโยชน์ของตัวเอง เรื่องปากท้องไม่เข้าใครออกใคร ตอนบ่ายกินของคาวแล้วยังไม่ได้กินของหวานเลย

.

.

ห้างสรรพสินค้าในวันธรรมดาตอนบ่ายแก่ๆอย่างนี้ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่านเท่าไหร่ ดีครับ ผมชอบ ไม่แออัด ไม่ต้องแย่งอากาศหายใจกับใคร

“ตกลงเมื่อคืนเป็นไรวะ อยู่ๆก็พูดจาแปลกๆ แล้วก็ตัดสายกูเฉย”

ผมที่กำลังเลียไอติมโคนในมือชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะใช้ฟันกัดครีมขาวๆแล้วอมไว้ รสหวานที่แผ่ซ่านในปากไม่ได้ช่วยให้สมองคิดหาเหตุและผลเพื่อตอบมันได้เร็วขึ้นเลย ในหัวตื้อไปหมด ไม่รู้ว่าควรตอบยังไง นอกจาก

“เปล่า ไม่ได้เป็นอะไร”

“แน่นะ?”

ผมชะงักขาที่เดินตามหลังมันเมื่ออยู่ดีๆไอ้คนที่เดินนำหน้าก็หมุนกายหันมาเผชิญหน้ากัน อีกทั้งนัยน์ตาคมยังหรี่ลงเล็กน้อยราวกำลังจับผิด ผมอึกอัก

โกหกใครไม่รู้สึกผิดเท่ากับโกหกคนในครอบครัวและคนตรงหน้าคนนี้

เพราะมันสำคัญ ผมจึงไม่อยากโกหกมัน..

“พ่อมึงใช้ให้มาซื้อไร? ซื้อเหล้าซื้อเบียร์ได้เปล่าวะ” ถามพลางยิ้มเผล่ รุดหน้าไปหยุดตรงแผนกเครื่องดื่มแล้วหยิบขวดทรงสวยที่บรรจุน้ำสีอำพันมาถือไว้ ..สุ่มหยิบมามั่วๆที่ตาเห็นว่าสวย ไม่ได้สนใจยี่ห้อและไม่ทันได้ดูราคา หยิบมามั่วๆเพื่อที่จะได้ไม่ต้องตอบคำถามของมัน และเพราะคบหากันมานาน ทำให้มันรู้ว่าผมไม่อยากพูดมันจึงไม่เซ้าซี้ผมต่อ เพราะต่อให้เซ้าซี้หรือตื๊อยังไง ถ้าผมไม่อยากบอก ไม่อยากพูดมันก็จะไม่ได้คำตอบ หากยังดึงดันรั้นจะอยากรู้ให้ได้ สุดท้ายจะผิดใจกันเปล่าๆ

“ถ้ามึงจะกินก็หยิบมา”

มันพูดเพียงแค่นั้นให้สิทธิ์ขาดในการเลือกตกอยู่ในมือผม เห็นผมอย่างนี้ผมก็ดื่มนะครับ ผมวางขวดทรงสวยลงที่ชั้นเดิม ก่อนจะเดินดุ่มไปยกเบียร์โหลหนึ่งมาใส่รถเข็น เบียร์นี่ล่ะครับ ดีแล้ว ดูเบาๆ ใสๆ ยังไงก็กินบ้านมัน ยังเกรงใจพ่อแม่มันอยู่ เอาไว้ไกลหูไกลตาค่อยจัดหนัก

ไอ้เบียร์มันหันมามองก็หยักยิ้มมุมปากคล้ายรู้ทัน ก่อนจะชูนิ้วชี้หนึ่งนิ้วเป็นอันรู้กันว่าน้องเบียร์ขอสอง

ก็ไม่ไร จัดให้ตามคำขอ

หลังจากมัวเมาหลงในโซนน้ำเมาหลายนาที พวกผมก็พากันเดินไปยังโซนน้ำผลไม้บ้าง ดูเป็นคนใส่ใจสุขภาพขึ้นมาทันที น้ำพวกนี้ก็กะจะซื้อไปให้สาวๆเขากินนั่นล่ะ พวกแม่ไอ้เบียร์ น้องบีมน้องสาวมันหรือแม้แต่ไอ้น้ำที่โดนคุมเข้มห้ามแตะของมึนเมา

หลังจากที่ซื้อของครบตามที่ได้รับมอบหมาย พวกผมก็นำของไปเก็บใส่ท้ายรถก่อนจะพากันกลับเข้าห้างอีกรอบเดินเตร็ดเตร่ฆ่าเวลา ตอนนี้เพิ่งจะบ่ายสอง เหลืออีกสี่ชั่วโมงกว่าจะได้เวลา

“ดูหนังกัน”

เมื่อมันเอ่ยชวนผมก็ไม่รีรอปล่อยให้คำชวนนั้นเป็นหมัน ก็อย่างว่า คนมันว่างๆไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว ไปนอนงีบในโรงหนังสักชม.สองชม.คงไม่เป็นไร

ขณะที่ยืนดูโปรแกรมหนังกันอยู่ หูไม่รักดีก็ดันได้ยินเรื่องส่วนตัวของคนข้างๆเข้าไปเต็มสองรูหู จากตอนแรกก็ไม่ได้สนใจฟัง พอสนใจเท่านั้นล่ะ สนใจเลย ฮา

“พี่บอกพลอยแล้วไงคะ งานก็ส่วนงาน พลอยก็ส่วนพลอย จะให้พี่เลือกอย่างใดอย่างหนึ่งพี่เลือกไม่ได้หรอก”

“นี่พี่ธันย์เห็นงานดีกว่าพลอยใช่ไหม!”

“ทำไมพลอยไม่เข้าใจพี่”

ให้เลือกคนรักกับงานเหรอ ถ้าเป็นผม ผมคงเลือกไม่ได้เหมือนกัน..

คิดมาถึงตรงนี้ในอกพลันเจ็บยอกเบาๆ ...ผมเองก็เคยยื่นข้อเสนอนี้ให้ใครคนนั้นเลือกเหมือนกัน

“แล้วพี่เคยเข้าใจพลอยบ้างหรือเปล่า กว่าเราจะมีเวลาอยู่ด้วยกันมันไม่ง่ายเลยนะคะ พลอยบอกแล้วว่าให้ปิดมือถือๆ แล้วทำไมไม่ปิด”

“พลอย มีเหตุผลหน่อยสิ”

“ก็นี่แหละเหตุผลของพลอย พลอยอยากอยู่กับพี่ อยากใช้เวลาร่วมกันกับพี่ แต่ทำไมพี่ชอบเห็นงานมาก่อนเสมอ ยังไม่ทันได้ซื้อตั๋วหนัง พอเพื่อนพี่โทรมาพี่ก็จะทิ้งพลอยใช่ไหม!”

อดไม่ได้จริงๆที่จะไม่หันไปมอง แค่เหลือบมองไปด้านหลังเยื้องไปทางซ้ายก็มาเต็มทั้งภาพและเสียง มือบางของผู้หญิงแต่งตัวเปรี้ยวที่ถือกระเป๋าใบย่อมฟาดไปเต็มๆที่แผ่นอกของผู้ชายร่างสูงที่หันหน้ามาทางผม ผมเลิกคิ้วเล็กน้อยมองใบหน้าของผู้ชายคนนั้นอย่างครุ่นคิด

คลับคล้ายคลับคลาเหมือนเคยเจอที่ไหนมาก่อน

ผู้ชายคนนั้นเหลือบมองไปรอบบริเวณ ก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนมือหนาจะรวบจับข้อมือบางของแฟนสาวไว้แล้วออกแรงลากให้เดินไปด้วยกัน โดยที่สาวเจ้าก็ขัดขืนไม่ยอมท่าเดียว

“พลอย มาทะเลาะกันตรงนี้ไม่อายชาวบ้านชาวช่องเขามั่งเหรอไง”

“พลอยไม่อาย!”

เห็นสีหน้าของผู้ชายคนนั้นดูเคร่งเครียดก่อนเขาจะหมุนกายหันหลังให้หญิงสาวแล้วเริ่มออกเดิน

“พี่ธันย์! พี่ธันย์จะทิ้งพลอยไว้อย่างนี้เหรอ!!” เธอตะโกนไล่หลังไม่ก้าวตามไป แต่ลำตัวของเธอเริ่มสั่นเทิ้ม

“เฮ้ย มองอะไรเรื่องชาวบ้านเค้า” มือใหญ่ของไอ้เบียร์วางลงบนหัวผมแล้วจับหมุน จนผมหันกลับมามองที่แผ่นโปรแกรมหนังตรงหน้าอีกครั้ง ผมสะบัดหัวหนีแล้วมองมันอย่างขัดใจ

“จะดูมั้ยหนังน่ะ”

“ดู!” ปากตอบแต่ตานี่เหลียวหันกลับไปมองคู่รักพ่อแง่แม่งอนอีกครั้งอย่างห้ามใจไม่ไหว ทว่าผมกลับเห็นแต่ความดำมืดเมื่อไอ้เบียร์ยกมือขึ้นปิดตาผม!

ผมจับมือมันออกแล้วหันไปมองมันเต็มๆตา

“มึงนี่ชอบขัดกูจริงๆ”

“แล้วมึงจะอยากรู้เรื่องชาวบ้านเค้าทำไม ไปๆ ไปซื้อตั๋วกับกู”

ไม่รู้จะฝืนแรงหมียังไงไหว เลยต้องปล่อยให้มันลากไป

เพราะไม่ได้ตกลงเรื่องหนังกันก่อนว่าจะดูเรื่องอะไร สุดท้ายก็ไปตบตีกันต่อหน้าพนักงานคนสวยจนเธอทำหน้าไม่ถูก สุดท้ายใครล่ะชนะ ถ้าไม่ใช่ผม

เออ ก็ไม่ใช่ผมน่ะสิ ไอ้ห่าเบียร์แม่งเผด็จการ มันบอกว่ามันเป็นคนเลี้ยงหนังต้องมีสิทธิ์เลือก แล้วดูหนังที่มันเลือก -_-

พี่ชาย แม่งหนังเกย์ชัด

กูเริ่มกลัวมึงขึ้นมาตะงิดๆแล้วว่ะเบียร์

.

.

ดูหนังจบก็ไม่ทำให้รู้สึกว่าเสียดายเงินแต่อย่างใด ถือว่าเป็นหนังดีอีกเรื่องหนึ่งทีเดียว ตอนแรกก็มีความรู้สึกกระดากๆ ที่ต้องเข้าโรงไปกับมัน ผู้ชายสองคนเดินเข้าโรงหนังด้วยกันแล้วดูหนังแบบนี้ ..อืม เรียกสายตาของผู้หญิงได้ดีนักแล แต่ละคนที่มองมาก็ไม่ได้มองแบบชอบหรือปิ๊งปั๊ง แลจะมองแบบ.. หลงใหล เขินอาย!!?

ตลอดเวลาที่ดูหนัง ผมแทบจะดูไม่รู้เรื่อง ไม่ใช่ว่าหนังดูยากหรือซับซ้อนอะไรมากมาย แต่เป็นเพราะว่ามีสายตาหลายคู่แวะเวียนมาที่เก้าอี้พวกผมสองคนแทบจะตลอดเวลา

อึดอัดครับกับการเป็นเป้านิ่งให้คนเขาจ้องมอง

แค่คิดว่าภายใต้หัวสวยๆพวกนั้นคิดอะไรอยู่ ก็พาลให้ผมขนลุกขนพองไปตามๆกัน

ถึงผมจะหวั่นไหว ถึงผมจะสับสนกับเพศเดียวกัน หรือถึงแม้ผมจะเคยเกิดความรู้สึกเกินเลยกับคนที่ไม่ควรให้มันเกิดขึ้นแต่ก็ใช่ว่าผมจะมีรสนิยมทางนี้

“เป็นไรวะ ทำหน้าอมขี้ตั้งแต่ออกจากโรงละ”

ดูมันเปรียบ -_-

ผมเตะน่องมันไปทีอย่างอดไม่ได้ ก่อนจะเดินนำลิ่วเมื่อเหลือบมองนาฬิกาที่หน้าจอมือถือก็เห็นว่าเวลาปาไปสี่โมงครึ่งแล้ว

“นั่น แล้วมึงจะรีบไปตามควายที่ไหน”

แม่งปากดีตลอด

“มึงลืมไปแล้วเหรอไง ว่าต้องไปรับไอ้นิกซ์มัน” หันไปตอบทั้งยังไม่หยุดเดิน เบียร์เลิกคิ้วหน้าตาคล้ายกับเพิ่งนึกขึ้นได้ มันมองนาฬิกาข้อมือก่อนจะนิ่วหน้า

“เหลือเวลาอีกตั้งชม.ครึ่ง ทันถมเถ”

“แหม่ะ คุณชาย ไม่เผื่อเวลารถติดเหรอไง”

“เออว่ะ”

คิดได้ดังนั้นทั้งผมทั้งมันต่างก็จ้ำอ้าวเดินจนขาขวิดลงมาลานจอดรถแทบไม่ทัน ขึ้นรถได้ไอ้เบียร์ก็ใส่เกียร์เหยียบแหลก แซงได้เป็นแซง ซิ่งได้เป็นซิ่ง

ปากก็บอกว่าไม่อยากไปรับๆ ปล่อยให้มันกลับเอง พอจวนตัวนี่รีบกว่าใครเพื่อน

.

.

เมื่อมาถึงสนามบิน กว่าจะหาที่จอดรถได้เข็มสั้นบนหน้าปัดนาฬิกาก็ชี้เลขหก เข็มยาวชี้เลขเก้าเสียแล้ว บอกได้คำเดียวว่าสายโคตรๆ

เรื่องที่ไอ้เบียร์กลัวไม่ได้กลัวที่ให้นิกซ์รอนาน แต่มันกลัวหม่อมแม่มันมากกว่า ลองให้ไอ้นิกซ์หาทางกลับบ้านเองได้ ถ้าไอ้เบียร์ย่างเท้าเข้าบ้านเมื่อไหร่ หูมันคงชาเมื่อนั้น

ไม่ได้ชาเพราะโดนบ่นอย่างเดียวนะ แต่จะชาเพราะโดนบิดโดนดึงด้วย

แม่ไอ้เบียร์ลือชื่อว่าโหดนักโหดหนา ไม่ใช่แค่เสียงลือเสียงเล่าอ้าง แต่ตัวผมก็เคยประจักษ์กับตัวเองมาแล้ว

โครตโหดอะ

ขนาดผมไม่ใช่ลูกแท้ๆยังเคยโดนตบ เหตุเพราะ ด้วยวัยคะนอง ม.สามวัยละอ่อนผมกับไอ้เบียร์เคยริลองสูบบุหรี่ แต่โดนท่านจับได้เลยโดนตบปากกันคนละทีสองที ขยาดเลยครับ

เรื่องนี้แม้แต่พ่อแม่ผมก็ไม่เคยรู้ ไม่เคยบอกหรอก ถ้าบอกกลัวว่าจะไม่ใช่แค่โดนตบปาก

ผมวิ่งเหยาะๆตามแผ่นหลังกว้างของเบียร์ สวนกับผู้คนมากมาย ทว่าเมื่อถึงจุดนัดหมายกลับไม่เจอนิกซ์ฝรั่งตาน้ำข้าวยืนรออยู่เลย

ผมกับเบียร์มองหน้ากันด้วยสีหน้าว้าวุ่น

"เอาไงดีวะ"

มันส่ายหน้าจนปัญญา ทว่าขณะที่กำลังหันรีหันขวางไม่รู้จะทำอย่างไรดี ตัวผมกลับถูกรวบกอดจากด้านหลังก่อนจะถูกยกขึ้นจนเท้าลอยเหนือพื้น!

"เฮ้ย!!!"


_________________________________
TALK :: มาแล้วค่ะ กับตอนที่ 38
ช่วงนี้กำลังอกหัก(?) ค่ายอาสาที่ตั้งใจจะไปดันไม่ได้ไป อยู่ๆดันมาเป็นไข้ซะได้ อดค่ะอด อกหักอดใจ จนนอนไม่หลับ ตื่นมาเป็นหนักกว่าเดิมเลย ลุกไม่ขึ้นไปสองวัน T_T
วันนี้ยังอาการร่อแร่ ยังดีที่หลังจากแต่งตอนที่ 37 จบไปคร่าวนั้นนึกคึกแต่งตอน 38 ต่อ ไม่งั้นล่ะ อดยาวๆ ฮ่าๆ
ไม่่รู้จะบ่นทำไม แต่อยากบ่น TT^TT

กลับเข้าเรื่องนิยายกัน ... ใครอุ้มน้องต้า จะเป็นเพื่อนนิกซ์หรือว่าพี่จิม 555 ไม่รู้ ไม่บอก รออ่านกันน้าาาา

อีกเรื่องนึงค่ะ อยากถามนักอ่านที่รักว่า หากเขารวมเล่มน้องต้าจะมีใครอยากได้น้องไปนอนกอดที่บ้านบ้างไหม? ลองซาวเสียงดูค่ะ ถ้ามีคนสนใจจะทำ แต่ถ้าไม่แล้ว คงจะปล่อยให้น้องได้โลดแล่นในหน้าเว็บเท่านั้น

* อุอิ ได้อ่านเม้นท์ย๊าวยาว ตอนแรกคิดว่าเปิดหน้าผิดเป็นตอนที่ตัวเองโพสไว้ 555 อ่านเม้นท์แล้วยอมรับว่าแอบไขว้เขวไปบ้าง ฮา
** ขอบคุณเม้นท์ทุกเม้นท์ กำลังใจทุกกำลังใจที่มอบให้มากๆเลย รักนะ จุ้บบบ
*** ไว้เจอกันอีก 30% ที่เหลือนะคะ ^_____^

รักนักอ่าน : )

ออฟไลน์ Lonelyนู๋โรนลี่

  • ฉุด กระชาก ลากถู พาเข้า.....
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 667
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-2
อ๊าา ตอนแรกก็เดาเป็นนิกซ์แต่พอมาพี่จิมด้วยก็เริ่มเขวแล้วสิ
งานนี้ใครจะอุ้มม ว่าแต่เบียร์กับนิกซ์มีซัมติงวรองกันหรือเปล่า (ถ้าจริง สมการจะยังไงนะ)
คิดถึงพี่เตอร์!! เบียร์เอากางเกงไปใส่อย่างนั้น หวงแย่เลย//เราเข้าใจความรู้สึกหวงของนะ
แอบรู้สึกไม่ค่อยชอบนิสัยน้องต้าที่ชอบเอาแต่ใจมากไปหน่อย แกล้งเพื่อนเบียร์เกินไปหรือเปล่า
แล้วฉากกินข้าว รู้สึกว่าเอาแต่ใจเกินไปอะ แต่ ณ จุดนี้ถ้าทำกับพี่จิมหนูไม่ว่า //ขำ
ขอให้นักเขียนหายป่วยไวๆนะ จะได้กลับมาเขียนต่อได้เร็วๆ
ส่วนเรื่องรวมเล่ม อยากซื้อนะ แต่ว่าช่วงนี้งานสัปดาห์หนังสือ คงหมดตัวไปหลายพันและต้องพักฟื้นหลายเดือนเลยทีเดียว
;a; ปล. ถ้ารวมเล่มจริง จะมีตอนพิเศษแถมไหมอะ

ออฟไลน์ saruttaya

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 926
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-6
เฮ้ย! ใครมาอุ้มน้องต้าเนี่ยยยย

ออฟไลน์ Sirada_T

  • We Will [Luk] You!!
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
ดูหนังเรื่องพี่ชายกับผู้ชายสองต่อสองนี่ ใครเห็นก็ต้องคิดล่ะจ่ะน้องต้าร์....

ออฟไลน์ kakaris

  • หากชีวิตเป็นเพียงสิ่งเดียวที่เราสามารถให้ผู้เป็นที่รักยิ่งนั้นได้ แล้วเราจะไม่มอบให้เ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 149
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
ฮุ่ย... ใครอ่า

ออฟไลน์ mro

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 293
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-2
ต้าาาาาา มีเหตุผลหน่อยดิ่ ฮือออ ไม่บอกก็รู้ว่านี้แม่ยกใคร 5555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 38 {70%} [23/03/57] P.24
« ตอบ #699 เมื่อ: 24-03-2014 18:11:09 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ pare_140

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1192
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-6
เราเดาว่านิกซ์ ถ้าเป็นพี่จิมคงไม่เข้ามากอดแล้วอุ้มอย่างนี้หรอกมั้งงง55

Viper_Wa

  • บุคคลทั่วไป
เฮ้ย!!!......ค้างอ่า  :hao7:

ต้าโดนใครอุ้มอ่า  :hao5:

ออฟไลน์ iammz

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2681
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +292/-6
ใครเอ่ย~ อิอิ ลุ้นค่าา >.<

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
พี่จิม?

มโนชนะเลิศค่าาาา

ขอให้เป็นพี่จิม และขอให้น้องต้าเคลียร์ๆ กันเหอะนะ

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
โฮกกก!! ตามอ่านแบบไม่ต้องหลับต้องนอน แบบหน่วงแล้วหน่วงอีก

พอยิ้มได้ก้อกลับมาหน่วงอีก โอ่วแม่เจ้า!!

รีบมาต่อน้าา

ออฟไลน์ tiktok

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
สนุกมาก อยากให้รวมเล่มนะ

ออฟไลน์ newyniniw

  • kiki >_<
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 337
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
งื้อออออ อีก 30% อยู่หนายยยยย น้องต้าพี่จิมมมม

 :z3:

ออฟไลน์ NNEW33

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 73
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
ผมกับเบียร์มองหน้ากันด้วยสีหน้าว้าวุ่น

"เอาไงดีวะ"

มันส่ายหน้าจนปัญญา ทว่าขณะที่กำลังหันรีหันขวางไม่รู้จะทำอย่างไรดี ตัวผมกลับถูกรวบกอดจากด้านหลังก่อนจะถูกยกขึ้นจนเท้าลอยเหนือพื้น!

"เฮ้ย!!!"

อารามตกใจทำให้รีบตะครุบจับมือคนแปลกหน้าที่อยู่บริเวณหน้าท้องของผมอย่างรวดเร็ว ทว่ายังไม่ทันได้ดิ้นรนให้หลุดพ้นจากสภาพนี้ น้ำเสียงคุ้นหูกับสำเนียงแปร่งภาษาที่ดังอยู่ข้างหูก็ทำให้ชะงักกึก

“ขอบคุณที่มารับ”

และนั่น ทำให้ผมรู้ได้ทันทีว่าคนที่กำลังฉวยโอกาส(?)กับผมตอนนี้อยู่เป็นใคร!

“ไอ้นิกซ์ มึงไปอุ้มมันไว้ทำไม ปล่อยมันลงเดี๋ยวนี้”

ไม่ทันได้เปิดปากด่า ไอ้เบียร์ก็พูดเสียงดังหน้ายุ่ง ครั้นจะเข้ามาช่วยผม ไอ้ฝรั่งตัวโตที่ดูเหมือนจะตัวโตกว่าเมื่อสามปีก่อนก็อุ้มผมขยับโยกหนีไอ้เบียร์อย่างสนุก

มันน่ะสนุก แต่ผมอะมึนหัว เดี๋ยวพ่ออ้วกใส่หน้าแม่งเลยนี่!

“I miss you”

เป็นอีกครั้งที่ผมนิ่งค้าง มือที่ซ้อนจับมือฝรั่งตัวโตเผลอบีบแน่น และยิ่งบีบแน่นเข้าไปอีกเมื่อสัมผัสแผ่วเบาประทับลงข้างแก้มด้านซ้าย!

ผมเบิกตาโพลง ขนแขนสมัครสมานพากันลุกพรึ่บ! โสตประสาททุกส่วนในร่างกายพากันหยุดทำงานเสียดื้อๆ....

“พอๆ มึงดูหน้าเพื่อนมึงดิ๊ ซีดยังกะไก่ต้มแล้วน่ะ”

เสียงไอ้เบียร์ลอยเข้าหูแล้วลอยผ่านไป ก่อนผมจะรู้สึกโคลงเคลง ภาพที่มองเห็นก็ไหวโยก หลังจากนั้นเท้าของผมก็สัมผัสกับพื้นมั่นคงไม่ลอยคว้างเหมือนเมื่อครู่

“อย่าซีเรียส มันแค่การทักทาย” เจ้าตัวว่างั้นก่อนใบหน้าโซนตะวันตกจะโฉบเข้ามาใกล้พร้อมรอยยิ้มกรุ่มกริ่ม ผมผงะถอยหลัง ..ยิ่งถอยคนตรงหน้าก็ยิ่งยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนต้องใช้สองมือดันหน้ามันออกไปจนสุดแขนทว่าไอ้ฝรั่งถึกไม่สะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อย

“คิด-ถึง-นะ-ครับ”

มันพูดช้าๆ ชัดๆทีละพยางค์ด้วยสำเนียงแปร่งหู ...ทำไมผมรู้สึกเหมือนกำลังถูกม้อ!?

“ขอหอมอีกทีนะ”

เฮ้ย!!

คล้ายกับหาเส้นเสียงไม่เจอ คล้ายกับลืมวิธีเปล่งเสียง และเหมือนจะหลงลืมอาการห้ามปราม! ผมยืนนิ่งมองมันตาค้าง ทว่าก่อนที่ปลายจมูกโด่งจะฝังลงแก้มผมในเสี้ยววินาที ร่างผมก็ถูกกระชากอย่างแรงพร้อมกับใบหน้าของมนุษย์ช่างม้อจะถูกยันออกไปไกลๆ

“ชักจะเยอะไปละ ไอ้ฝรั่งขี้นก”

ไอ้เบียร์ชี้หน้าคาดโทษไอ้ฝรั่งที่กำลังจึ๊ปากสบถหยาบด้วยภาษาบ้านเกิด ไอ้เบียร์ดึงผมเข้าไปใกล้ แขนหนักพาดมาที่ลำคอ ทิ้งน้ำหนักพิงตัวผมจนเกือบเซ

ไอ้ห่า สบายไปละ

“มึงก็อีกตัว ไปห่างๆกูเลย!”

ออกแรงยันไอ้มนุษย์รักสบายออกไปห่างๆ ก่อนจะยกมือลูบหน้าตัวเอง ตามด้วยการขยี้หัวแรงๆอย่างหงุดหงิดใจ ผมมองพวกมันสองคนสลับกันไปมาก่อนหยุดสายตาอยู่ที่เจ้าของเส้นผมสีอ่อน นี่แค่เจอหน้ามันไม่ถึงสิบนาทีผมยังเหนื่อยขนาดนี้ ทั้งเหนื่อยกาย เหนื่อยใจ ไม่รู้จะจัดการกับไอ้ฝรั่งตัวโตนี่ยังไง

ยิ่งเห็นริมฝีปากบางๆเผยยิ้มกว้างมากเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งหนักใจมากเท่านั้นจนต้องถอนหายใจออกมาดังๆ

เห็นผมนิ่งเข้าหน่อยคนที่สัญชาติแปลกแยกหนึ่งเดียวก็ตีเนียนสืบเท้าเข้ามาใกล้ก่อนเอนหัวลงมาหมายจะซบไหล่ ผมเหล่ตามองมันพลันขยับหนีในวินาทีที่มันเอนตัวลงมาสุดๆ ส่งผลให้ร่างใหญ่เกือบหน้าคะมำ

“ใจร้าย...”

เชี่ยเถอะ ใครไปสอนให้มันพูด ให้มันทำหน้าทำตาอย่างนี้ ไอ้เบะปากคว่ำท่าทางงอแงที่ขัดกับภาพลักษณ์ภายนอกเนี่ย

“หยุด! ถ้ามึงโวยวายกูจะทิ้งมึงไว้ที่นี่” ผมชี้หน้ามันแล้วทำตาดุ!

“...”

ได้ผลชะงัดนักล่ะ เมื่อปากเบะๆที่กำลังจะงอแงปิดฉับทันควัน

ผมบอกไปหรือยัง ถึงแม้ไอ้นิกซ์มันจะพูดภาษาไทยไม่คล่องแต่ถ้าการฟังมันเข้าใจหมดนั่นล่ะ ใครนินทามัน นิกซ์รู้ นิกซ์เห็น นิกซ์เข้าใจ ดูอย่างตอนนี้ดิ ทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยมจนผมอยากจะหัวเราะออกมาดังๆกับสีหน้าของมัน

โคตรไม่เข้ากับหน้าตา ท่าทางเล้ย หึๆ

ผมรีบเบือนหน้าหนีไปทางอื่น กลัวจะหลุดฟอร์มที่อุตส่าห์เก๊กไว้ ก่อนจะหลุบตามองบรรดาสัมภาระของมันก็ให้แปลกใจ ..มีเยอะกว่าที่คิด ทั้งกระเป๋าล้อลาก กระเป๋าถือใบโต ไหนจะเป้ที่มันสะพายหลังอีก ทำอย่างกับจะย้ายมาอยู่ถาวรอย่างนั้นล่ะ

“คราวนี้มึงจะอยู่ไทยกี่เดือนวะ” ไอ้เบียร์เป็นคนถามคำถามที่ผมเองก็นึกสงสัย

ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่าพอหันไปสบตากับมัน นัยน์ตาสีอ่อนคู่นั้นก็คล้ายกำลังสื่อความนัยอะไรบางอย่าง

มันไม่ตอบคำถามแต่กลับยักไหล่แล้วหยักยิ้มมุมปากอย่างที่คนมองมองแล้วรู้สึกว่าโคตรกวนตีน เห็นไอ้เบียร์เริ่มจะแง่งๆ ตั้งท่าจะกระโจนใส่ไอ้นิกซ์ ผมก็เลยรีบตัดไฟตั้งแต่ต้นลม พูดแทรกทันที

“จะไปกันได้หรือยัง เดี๋ยวจะเย็นไปมากกว่านี้ ป่านนี้พ่อกับแม่มึงรอนานแล้ว”

เมื่อผมเปิดประเด็น ไอ้เบียร์ก็ชะงัก ทำหน้าเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้

“Let’s go!”

คนกระตือรือร้นสุดเห็นจะเป็นไอ้ฝรั่งตัวสูงที่ใส่เสื้ออวดเนื้อหนังมังสา เสื้อกล้ามสีดำกับกางเกงลายพรางระดับเข่า ผมสีอ่อนถูกเสยไปด้านหลังลวกๆ นัยน์ตาสีฟ้าเป็นประกายสดใส รอยยิ้มกว้างๆนั่นก็ส่งมาได้ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

“ไปก็ไปสิเว้ย มัวแต่ยิ้มให้กันแล้วมันจะถึงบ้านมั้ย”

ไอ้เบียร์แม่งโวยแล้วหันหลังเดินลิ่วๆไม่รอใคร ซึ่งผิดธรรมชาติของมันที่ค่อนข้างเป็นคนใจเย็น ผมก็ได้แต่ทอดถอนใจมองตามหลังเพื่อนหน่ายๆ สงสัยมันยังผูกใจเจ็บไม่หาย

เบียร์กับนิกซ์จะว่าไม่ถูกกันก็ไม่เชิง เบียร์เป็นโฮสฯนิกซ์ก็จริงอยู่ และด้วยนิสัยใจคอของพวกมันก็ดูเหมือนจะเข้ากันได้ดีหมดทุกเรื่อง แต่เพราะผู้หญิงเป็นเหตุแท้ๆเลยทำให้มันแง่งๆกันมาตั้งแต่ตอนนั้น สืบเนื่องมาจากแฟนสาวของไอ้เบียร์ที่อยู่ๆก็ดันไปหลงเสน่ห์ไอ้นิกซ์เข้า และไม่ใช่แค่เธอคนเดียว บรรดาผู้หญิงที่เข้ามาวอแวกับมัน ไม่ว่ามันจะเมินหรือไม่สนใจยังไงพวกเธอก็ไม่เคยย่อท้อ แต่พอไอ้นิกซ์ก้าวเข้ามาพวกเธอก็เบนเข็มไปหลงของนอกกันหมด คงเพราะเหตุนี้ล่ะมั้งที่ทำให้สองคนนี้กัดกันมาตั้งแต่ตอนนั้น โคตรไร้สาระอะ

หืม?

ผมเลิกคิ้วเล็กน้อยเมื่อรู้สึกร้อนๆที่มือ ..ก้มลงมองก็เห็นว่ามือของผมถูกไอ้คนข้างๆกำลังกุมอยู่

“จับทำไม”

ไม่คิดสะบัดออก เพราะแค่จับมือไม่ใช่เรื่องเสียหาย อีกอย่างผมก็ไม่ได้รู้สึกไม่ดี แค่รู้สึกแปลกๆ และมีเสียงแย้งในหัวดังแว่วๆว่า ปล่อยให้มันจับมือต่อไปอย่างนี้ดีแล้วเหรอ?

“กลัวหลง”

เกือบจะพลั้งปากด่ากับข้ออ้างปัญญาอ่อน แต่ก็หุบปากฉับเมื่อเห็นแววตาอ้อนๆ(?)คู่นั้น ผมส่ายหัวเล็กน้อยอย่างเอือมระอา พลางก้าวขาตามแรงจับจูงของคนที่เดินล้ำหน้าหนึ่งก้าว ทว่ายิ่งสับฝีเท้าเดินจ้ำมากเท่าไหร่ผมก็เผลอบีบมืออีกคนแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว

!!

..ผมนิ่วหน้า หยุดเดินกะทันหันเมื่ออยู่ๆก็รู้สึกเจ็บยอกบริเวณหน้าอกจนต้องยกมืออีกข้างขึ้นวางทาบแล้วกำเสื้อไว้ สายตากวาดมองซ้ายมองขวาอย่างห้ามตัวเองไม่ได้

อยู่ๆก็เจ็บ ..เจ็บจนขอบตาร้อนผ่าว

..อยู่ไหน

“Are you alright?”

ผมเงยหน้ามองเจ้าของประโยคคำถามนั้นท่าทีเลิ่กลั่ก เมื่อเห็นแววตาเป็นห่วงทอดมองมาจึงส่ายหน้าบอกมันว่าไม่ได้เป็นอะไร ริมฝีปากเม้มแน่นเป็นเส้นตรงก่อนจะดันแผ่นหลังกว้างให้เดินนำต่อเสมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ดูเหมือนคนข้างหน้าจะไม่ให้ความร่วมมือ มันหมุนกายหันมามองผมตรงๆ สีหน้าที่ส่อแววขี้เล่นแทบจะตลอดเวลา ตอนนี้กลับดูเคร่งเครียด

“อย่าเพิ่งถามอะไรตอนนี้.. ได้ไหม”

“Okay”

คำตอบตกลงของมันทำให้ผมคลายใจ ผมละสายตาออกจากคนตรงหน้าแล้วมองรอบกายอย่างค้นหา

“Have you ever listened to this song?”

คำถามนั้นผ่านเข้ามาในหูและผ่านเลยไปโดยไม่สามารถดึงความสนใจจากผมได้ ทว่าไม่กี่วินาทีต่อจากนั้นก็เป็นผมเองที่เบนสายตาหันมามองคนที่จับมือผมไม่ปล่อย มันกำลังยิ้มและเริ่มร้องเพลงออกมาโดยไม่อายสายตาคนรอบข้าง

“If you ever find yourself stuck in the middle of the sea

I'll sail the world to find you

If you ever find yourself lost in the dark and you can't see

I'll be the light to guide you

ถ้าเธอรู้สึกเหมือนติดอยู่กลางทะเล
ฉันจะข้ามน้ำข้ามทะเลเพื่อหาเธอ
ถ้าเธอหลงอยู่ในความมืด และมองหนทางไม่เห็น
ฉันจะเป็นแสงสว่างนำทางเธอเอง

 

Find out what we're made of

When we are called to help our friends in need

ลองค้นหาดูว่าเพราะอะไรพวกเราถึงมาอยู่ร่วมกันได้
ยามที่เพื่อนต้องการเราและเรียกให้เราไปช่วย

 

You can count on me like one, two, three

I'll be there and I know when I'm need

I can count on you like four, three, two

And you'll be there

'Cause that's what friends are supposed to do

, oh yeah, ooh, ooh”

เธอไว้ใจฉันได้เลย แค่นับ 1 2 3
ฉันก็จะไปอยู่ตรงนั้น เมื่อเธอต้องการ
และฉันก็ไว้ใจเธอได้ แค่นับ 4 3 2
เธอก็จะมาหาอยู่ตรงนี้ เพราะนั่นคือสิ่งที่เพื่อนควรจะทำ

 

“ร้องอะไร ฟังไม่รู้เรื่อง”

ผมพูดทันทีที่เสียงทุ้มกังวานร้องจบท่อน นิกซ์มันทำหน้าเซ็งโลกก่อนจะถอนหายใจเฮือกแล้วเบือนหน้าหนีไปทางอื่นเฉย

ก็น่าแปลกดี หลังจากที่ฟังเพลงที่มันตั้งใจร้องให้ ใจของผมก็ค่อยๆสงบลง แม้จะไม่สามารถเรียกว่าปกติดีนัก แต่ก็ยังดีกว่าตอนแรกที่ร้อนรน ข้างในมันมีแต่คำว่าต้องหาเขาให้พบอัดแน่นเต็มไปหมด

ตอนนี้มันเบาบางลง ..จนผมสามารถบังคับสายตาตัวเองไม่ให้หันไปมองหาแผ่นหลังคุ้นตาได้

 

_______________________________________

TALK :: ตัดจบตอนกันดื้อๆอย่างนี้เลย 555
ตอนพีคหนักๆของเรื่องแต่งยากนะ ยากมากกก ทั้งอารงอารมณ์มาเต็ม กับตอนนี้ จิ๊บๆมากเลย ไม่มีอะไร แต่รู้สึกว่ายากกว่า =___=
สู้ต่อไป เย่

http://www.repeatmyvids.com/watch?v=Yc6T9iY9SOU&kmdom=youtube
แปะเพลง Count on me - Bruno Mars ที่นิกซ์ร้องให้ต้าฟัง เพลงน่ารักกกกก ชอบบ
วันนี้ย่องมาดึก ต้องนอนกันหมดแล้วแน่ๆเลยยย แต่รู้สึกว่าอยากลงเวลานี้ 55 อากาศกำลังเย็นสบาย (เกี่ยวไหม? -..-)
 
เรื่องรวมเล่มนะคะ ที่มีคนถามมาเกี่ยวกับตอนพิเศษ อิอิ เท่าที่คิดไว้... บอกเลยว่าไม่มี ไม่รู้จะเพิ่มตอนพิเศษยังไง
แต่ถ้าได้ทำจริง จะเขียน “เรื่องพิเศษ” ชื่อว่า “A boy วัยละอ่อน” เป็นเรื่องราวตอนน้องต้ายังเด็ก (เด็กมากกกกก) เหตุการณ์จะลากตั้งแต่น้องยังเตาะแตะๆจนมาถึงจุดเกิดเรื่อง

แปลกเนอะ ตอนห้าทุ่มก็ยังง่วงอยู่ พอเลยตีหนึ่งมาเท่านั้นล่ะ ตาสว่างอย่างกับนกฮูก ทุกวันนี้โดนแม่หาว่ารับจ๊อบพิเศษเป็นยามเหรอ 555

ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้าน้า จุ้บๆ
รักนักอ่าน.

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
คิดถึงจิมมมมม
ฝรั่งขี้นกแต๊ะอั๋งน้องต้าร์นะ ฮึ่มมม

ออฟไลน์ SiLent_GRean

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 566
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
คิดถึงจิมมมมมมมมมม จิมไปไหนนนนนนนนน   :hao5: :hao5: :hao5:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ iammz

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2681
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +292/-6
ขอบคุณค่าา รอตอนต่อไปน๊าา

 :mew1:

ออฟไลน์ Lonelyนู๋โรนลี่

  • ฉุด กระชาก ลากถู พาเข้า.....
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 667
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-2
คิดถึงจิมมม
ตอนแรกที่คิดว่าจะเบียร์นิกซ์ คงจะนิกซ์เบียร์ใช่ไหมนักเขียนนนน
(อย่างน้อยตอนพิเศษก็แบบคู่รอง..//หรือว่าเรื่องนี้ไม่มีกันนะ)
ก็อยากได้นะ แล้วราคาจะเท่าไหร่หรอ แบบว่าเงินเดือนหมดแล้วต้องรอเปิดเทอมT_T;;
♥♥

ออฟไลน์ kakaris

  • หากชีวิตเป็นเพียงสิ่งเดียวที่เราสามารถให้ผู้เป็นที่รักยิ่งนั้นได้ แล้วเราจะไม่มอบให้เ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 149
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
จะไม่หาจริงๆหรอ

ออฟไลน์ mro

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 293
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-2
แง่งงงงง นิกซ์อย่ามายุ่งกับน้องต้าของพี่จิมนะะะะ แม่ยกจิมดุนะะ 5555
ขอบคุณาำหรับนิยายดีๆนะะ คนเขียนอย่าท้อนะ สู้ๆ จุ้บบ

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
ปวดร้าววว

ออฟไลน์ NNEW33

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 73
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ตอนที่ 39 {50%} [22/4/57] P.24
«ตอบ #715 เมื่อ22-04-2014 18:40:06 »

ตอนที่ 39 50%


อึดอัด...

 

ปวดหัว...

 

ผมยกสองมือขึ้นกุมศีรษะ กำทึ้งผมตัวเองหวังให้อาการปวดที่รุมเร้าทุเลาลง ทว่ามันไม่ช่วยให้ดีขึ้นเลยสักนิด ในทางตรงกันข้ามมันยิ่งไปกระตุ้นให้เส้นเลือดข้างขมับให้เต้นตุบมากกว่าเดิม

"อืออ!"

เสียงครางต่ำดังอยู่ในลำคอระบายความทรมานก่อนจะค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ ภาพแรกที่เห็นคือเพดานสีขาวที่มีลวดลายคดเคี้ยวเรียงต่อกัน แต่ภาพนั้นก็พร่ามัวเต็มที หลังจากที่ผมหลับตาลงอีกครั้งแล้วกระพริบตาถี่เพื่อปรับสภาพสายตาจึงทำให้การมองเห็นของผมดีขึ้น ..ผมมองไปรอบๆ ไล่จากเพดาน ผนังห้อง เฟอร์นิเจอร์ครบชิ้นที่วางอยู่มุมต่างๆ ทั้งตู้เสื้อผ้า ทีวี โต๊ะเขียนหนังสือ ชั้นวางของ.. สิ่งเหล่านี้ทำให้ผมตระหนักว่า ผมกำลังอยู่ในห้องที่ไม่ใช่ของตัวเอง!

ทว่าก่อนที่ผมจะทันได้ผุดลุกขึ้น เสียงของการเคลื่อนไหวและเตียงที่ยวบยาบก็ทำให้ผมหันขวับไปมอง ..ผมเพ่งมองใบหน้าด้านข้างที่ปรากฏให้เห็น ดวงตาหลับพริ้ม สันจมูกโด่งและริมฝีปากที่ปิดสนิท.. แม้จะเห็นหน้าเพียงด้านเดียว แต่มันก็ทำให้เลือดในกายที่เย็นเฉียบค่อยๆปรับอุณหภูมิจนกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง

เพราะนั่นไม่ใช่คนแปลกหน้า แต่เป็นไอ้เบียร์ และคาดว่าห้องนี้ก็คงจะเป็นห้องของมัน

ผมกวาดสายตามองรอบห้องอีกครั้งด้วยความรู้สึกที่เปลี่ยนไป แม้ว่าพักหลังจะไม่ได้มานอนค้างที่นี่บ่อยนัก แต่ถ้ามองดีๆ ห้องนี้ก็แทบไม่มีอะไรเปลี่ยนไป คงเพราะตกใจจึงทำให้ผมจำรายละเอียดของห้องไม่ได้

ผมใช้ปลายนิ้วนวดคลึงศีรษะตัวเองไปมาพร้อมทั้งพยายามนึกภาพเหตุการณ์เมื่อคืนให้ออก แต่ดูท่าจะคว้าน้ำเหลว..

เฮ้ย!!

พลันร่างทั้งร่างสะดุ้งเฮือก หลงลืมอาการปวดหัวไปชั่วขณะเมื่ออยู่ๆก็ถูกรวบกอดจากด้านหลัง ผมกดสายตาลงมองบริเวณช่วงเอวของตัวเองก็เห็นลำแขนสีซีดซึ่งไม่ใช่สีผิวโทนขาวเหลืองอย่างคนเอเชียกำลังกอดรัดตัวผมแน่นจนแทบขยับไม่ได้

ผมขมวดคิ้วฉับ พยายามแกะแขนที่มีเส้นเลือดนูนเล็กน้อยออกจากตัว แต่มันไม่ง่ายเลยสักนิด แขนสองข้างนั้นไม่ต่างจากงูเหลือมที่รัดพันเหยื่อ.. ผมพรูลมหายใจออกทางปากอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนพลิกตัวนอนตะแคงหันหน้าเผชิญกับมัน

ไม่ผิดจากที่คิดเมื่อคนตรงหน้าผมคือไอ้นิกซ์ มันกำลังหลับสบาย ดูได้จากแผ่นอกที่กระเพื่อมขึ้นลงเป็นจังหวะสม่ำเสมอ นัยน์ตาลึกแบบคนต่างชาติก็ปิดปรือ อีกทั้งมุมปากหยักก็ขยับยิ้มบางๆราวเจ้าตัวกำลังฝันหวาน

หลับสบายเชียวนะมึง ยิ่งมองมันก็ยิ่งหมั่นไส้จนพาลอยากจะถีบให้ตกเตียง

ผมวางมือลงบนท่อนแขนที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้ออย่างน่าอิจฉาก่อนเขย่าปลุกมัน ..และเพิ่มแรงมากขึ้นเรื่อยๆเมื่อเห็นว่าร่างนั้นยังนิ่งเฉย ซ้ำร้ายมันยังกอดรัดตัวผมแน่นมากกว่าเดิมจนหน้าของผมกดแนบกับแผ่นอกเปลือยเปล่า

ผมเองก็เพิ่งจะสังเกตเดี๋ยวนี้เองว่าไม่ใช่แค่มันคนเดียวที่นอนเป็นชีเปลือย.. ผมกับไอ้เบียร์ก็ล้วนแล้วแต่ไร้เสื้อปกปิดกายท่อนบนด้วยกันทั้งสิ้น หากถามว่าตกใจหรือแปลกใจมั้ยที่ตื่นมาเห็นสภาพตัวเองเป็นเช่นนี้ ..ไม่เลยครับ มันกลายเป็นความเคยชินไปเสียแล้ว เพราะนี่ไม่ใช่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งแรก แต่เป็นทุกครั้งที่แอลกอฮอลล์เข้าสู่ร่างกายจนเมาได้ที่ เพราะนิสัยเวลาเมาที่แก้ไม่หาย... เมาแล้วอ้วก นอกจากจะทรมานตัวเองแล้ว ยังนำพาความเดือดร้อนมาให้คนอื่นอีก สงสารก็แต่พวกมันต้องคอยหิ้วปีกและดมกลิ่นอ้วกของผมทุกครั้ง

แต่รู้สึกว่าพอตื่นขึ้นมาครั้งนี้ สภาพของผมจะดูดีกว่าทุกครั้ง เหมือนเนื้อตัวถูกเช็ดทำความสะอาดจนไม่มีคราบเปรอะเปื้อนติดผิวหนัง ซึ่งต่างจากทุกครั้งที่พอตื่นขึ้นมามักจะพบว่าตัวเองนอนกอดโถส้วมอยู่ในห้องน้ำ หรือไม่ก็ถูกถอดเสื้อแต่เนื้อตัวยังหลงเหลือคราบเหนอะหนะเหม็นหึ่ง

"ไอ้นิกซ์" ผมลองเรียกมันอีกครั้งแล้วเขย่าๆทุบๆตีๆไม่หยุดมือ ทว่าอีกฝ่ายกลับครางฮือในลำคออย่างรำคาญที่มีคนมาปลุกเวลานอน ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อสองมือถูกพันธนาการโดยไอ้คนที่กำลังหลับลึก

"ไอ้เบียร์!!"

เมื่อการปลุกฝรั่งขี้นกล้มเหลว ผมจึงเปลี่ยนเป้าหมายไปปลุกอีกคนที่อยู่ด้านหลังแทน โดยการงอเข่าแล้วถีบเพื่อนสนิท ปลุกมันอย่างถนอมสุดๆ

ตุ้บ!

เสียงของวัตถุหล่นกระทบพื้นดังมาให้ได้ยิน ครั้นเมื่อลองวาดเท้าไปด้านหลังก็พบเพียงความว่างเปล่า

..ไอ้ห่าเบียร์กลิ้งตกเตียงไปแล้ว ลำพังแรงถีบของผมคงไม่มากพอจะทำให้มันลงไปนอนเล่นบนพื้นได้แน่ๆ นอกเสียจากว่ามันจะเป็นฝ่ายกลิ้งตกลงไปเอง!

โครตขัดใจอะ

ในวินาทีที่จิตใจกำลังคลุ้มคลั่ง ผมก็รับรู้ได้ถึงสัมผัสแผ่วเบาที่ลูบไล้ศีรษะผมไปมา มันอ่อนโยนจนปลอบประโลมจิตใจของผมให้กลับมาสงบอีกครั้ง

ผมดันตัวเองออกจากอ้อมกอดนั้น ซึ่งครั้งนี้ผมผละออกได้โดยง่าย สายตามองใบหน้าไอ้นิกซ์อย่างแปลกใจที่เห็นว่าอีกฝ่ายยังคงหลับสนิท ตอนแรกผมก็นึกว่ามันตื่นแล้ว

ผมแกะตัวเองออกจากพันธนาการนั้นก่อนจะลุกขึ้นนั่ง ค่อยๆเอี้ยวตัวหันไปมองมันอีกที พลันเสียงกระซิบที่ติดอยู่ในห้วงความทรงจําก็ลอยเข้ามา..

 

"No matter how long time passes, my feelings for you will never change."

 

ผมสะบัดหัวไล่อาการมึนงงที่ยังตกค้างออกไป ก่อนจะหยัดกายลุกขึ้นจากเตียง เมื่อทั้งตัวไร้ผ้าห่มปกคลุม ความเย็นยะเยือกจากเครื่องปรับอากาศก็กระทบโดนผิวเนื้อจังๆจนทำให้ขนลุกพรึ่บ ผมลูบแขนตัวเองพลางมองเสื้อเปื้อนอ้วกของพวกผมสามคนที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้น มันเปรอะเสียจนนำมาใส่อีกไม่ได้ ขนาดยืนอยู่ห่างขนาดนี้ยังได้กลิ่นโชยมาไกล ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ

ผมเดินเลี่ยงไปเปิดตู้เสื้อผ้าของไอ้เบียร์แล้วหยิบเสื้อยืดของผมที่แขวนอยู่บนราวมาใส่ก่อนจะรื้อหากางเกงขาสั้นเท่าเข่าที่จำได้ว่าเคยนำมาทิ้งไว้ที่นี่ตัวสองตัว.. หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ ครั้นจะหันไปหยิบกางเกงตัวเมื่อวานขึ้นมาสวมแทนก็คงจะไม่ดี เนื่องจากว่ามันก็มีสภาพไม่ต่างจากเสื้อเท่าไหร่นัก

ผมหันหน้าเข้าหาตู้เสื้อผ้าอีกครั้ง ก่อนจะเริ่มยิ้มออกเมื่อเห็นผ้าสีเหลืองอ๋อยผมก็ดึงออกมาทันที ..กางเกงเลไอ้เบียร์มัน ถึงสีจะสดไปหน่อย แต่ผมก็มั่นใจว่าตัวนี้ผมใส่ได้แน่ๆ จัดการสวมมันทับบ็อกเซอร์แล้วผูกปมแน่นหนา เมื่อเสร็จก็ทำตัวเป็นคนดี คีบหยิบเสื้อผ้าเน่าๆนำไปใส่ตะกร้าก่อนจะเดินออกจากห้องโดยไม่เหลียวมองด้านหลังอีก

เมื่อบานประตูห้องนอนถูกปิดลงด้วยมือของผมเอง เสียงทุ้มๆที่ติดหูก็ยังคงตามหลอกหลอน วนซ้ำไปมาจนผมแทบบ้า

ผมจำไม่ได้ว่านั่นเป็นสิ่งที่ผมได้ยินจริงๆก่อนสติจะหลุดลอยหรือเป็นเสียงลวงๆที่ไม่ได้เกิดขึ้นกันแน่

..ทว่าลึกๆในใจแล้ว เกินกว่า 70% ผมมั่นใจว่า นั่นไม่ใช่เสียงกระซิบจากห้วงแห่งฝัน

ทุกย่างก้าวที่เหยียบย่างลงพื้นล้วนหนักอึ้ง เมื่อบนบ่าของผมกำลังแบกรับความรู้สึกของผู้ชายคนหนึ่งอยู่

...

 

กว่าจะถึงบ้านก็เล่นเอาเหงื่อกาฬไหลอาบร่าง ไม่รู้นึกคึกอะไรขึ้นมาที่ดันนั่งรถเมล์ลงหน้าปากทางและเดินเท้ามาจนถึงบ้าน จะว่าอยู่ในช่วงถังแตกหรือก็ไม่ใช่ ทั้งที่ขึ้นแท็กซี่ นั่งครู่เดียวก็ถึงแท้ๆ มันเป็นการกระทำที่บ้าบอสิ้นดี กว่าจะถึงบ้านเล่นเอาเกือบหน้ามืด ล้มฟาดพื้นไปเสียหลายรอบ เดินท่ามกลางแดดร้อนจัดของเวลาเที่ยงตรงนี่ไม่ใช่เรื่องตลก คิดจะเปลี่ยนใจนั่งมอเตอร์ไซด์เข้าบ้านก็ไม่ทันเสียแล้ว เพราะวินมอเตอร์ไซด์มันมีเฉพาะหน้าปากซอยเท่านั้น

"กลับมาแล้วครับบบ" ร้องบอกเสียงเนือยก่อนจะยกมือกุมหัวเมื่อหน้ามืดกะทันหัน

"เป็นอะไรไปน่ะเรา แล้วกลับมายังไงหืม กินข้าวกินปลามาหรือยัง"

น้ำเสียงหวานๆแสนคุ้นหูรัวถามมาก่อนผมจะรู้สึกได้ถึงฝ่ามือนุ่มๆที่เข้ามาลูบหน้าลูบตาแล้ววางทาบบนหน้าผากของผมเพื่อตรวจสอบว่าผมสบายดีหรือเปล่า

ผมเบ้ปากบ่ายหน้าหนีก่อนจะตรงเข้ากอดแล้วแนบแก้มซบทรวงอกอุ่น

"ต้ายังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เช้า แม่ทอดไข่เจียวให้ต้ากินหน่อยนะ" ปากว่าหน้าก็ถูไถอย่างออดอ้อน ได้ยินเสียงหัวเราะดังมาจากลำคอเรียวผมก็ยิ่งได้ใจ กอดแม่แน่นกว่าเดิม

"ไปนั่งรอที่โต๊ะก่อนไป"

ผมยอมผละตัวออกมาง่ายๆแล้วตรงรี่ไปยังตู้เย็น หยิบไข่ส่งให้แม่หนึ่งฟองก่อนจะคว้านมแกลอนออกมาเทใส่แก้วแล้วเก็บใส่ตู้เย็นที่เดิม

"ใส่หัวหอมด้วยนะแม่"

ร้องบอกแล้วพาตัวเองไปนั่งรอที่โต๊ะ กระดกนมในแก้วรวดเดียวหมดก่อนจะล้มฟุบลงบนไม้เนื้อแข็งขณะที่สายตาเฝ้ามองแผ่นหลังบอบบางของผู้หญิงที่ผมรักสุดหัวใจไม่วางตา

"ยังไม่ได้ตอบคำถามแม่เลย กลับมายังไงหืม ตาเบียร์มาส่งเหรอ แล้วทำไมไม่พาเพื่อนเข้าบ้าน"

ถามเองตอบเองจนผมนึกขำ

"เปล่า ป่านนี้ไอ้เบียร์ยังนอนหลับตูดโก่งอยู่เลย ต้าเดินเข้าบ้านมาเอง"

สิ้นคำแม่ก็เหลียวมามอง.. ด้วยสายตาตำหนิ

"ทำไมไม่นั่งรถมา"

"ก็มันแพงงงง"

"พูดอย่างกับทุกทีออกเองอย่างนั้นล่ะ" ว่าจบท่านแม่ก็สะบัดบ๊อบหันไปเทไข่ใส่กระทะจนเกิดเสียงดังฉ่า

ผมยิ้มขำๆให้กับคำพูดกัดๆของแม่ ก็จริงอย่างที่ท่านว่า ทุกครั้ง หากผมนั่งแท็กซี่กลับบ้านผมก็ให้เก็บเงินที่ปลายทางเสมอ ไม่ต้องเสียเงินเองแม้แต่แดงเดียว

"แล้วตานิกซ์เป็นยังไงบ้างล่ะ เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนบ้างไหม" แม่ถามก่อนจะปิดเตาแก๊ส เดินไปหยิบจานแล้วคดข้าวสองทัพพี

"ก็เหมือนๆเดิมนั่นล่ะ"

"คราวหลังก็ชวนเพื่อนมาบ้านสิ แม่จะทำอาหารเลี้ยง" ว่าพลางตักไข่โปะข้าวก่อนจะนำมาวางบนโต๊ะตรงหน้าผม

ผมขยับตัวลุกขึ้นนั่งดีๆ สองมือหยิบช้อนกับส้อมคนละมือก่อนจะเริ่มตักข้าว

"ถึงไม่ชวนเดี๋ยววันสองวันนี้มันก็มาเองนั่นแหละ"

เพี๊ยะ!

ผมมุ่ยหน้ามือเผลอปล่อยส้อมจนมันกระทบจานเสียงดังเคร้งเมื่อมือเรียวของแม่ฟาดมาบนท่อนแขนของผมไม่เบานัก

"ทำไมพูดอย่างนั้นล่ะหืม เรานั่นล่ะ ต้องเป็นฝ่ายเชิญมา เพื่อนจะได้รู้สึกดี"

...มันจะยิ่งเหิมเกริมล่ะสิไม่ว่า

"คร้าบๆ" ตอบรับเอาตัวรอดแล้วนำข้าวที่ตักรอไว้อยู่แล้วเข้าปากคำโต

สาบานเลยครับ ที่ร้องกินข้าวนี่ท้องผมไม่ได้หิวเลยสักนิด แค่คิดว่าถ้ามาถึงบ้านแล้วร้องกินอาหารฝีมือแม่ท่านคงจะดีใจ

และตอนนี้ก็อิ่มจนแน่นท้องไปหมดเมื่อผมยัดข้าวเข้าไปจนเกลี้ยงไม่เหลือแม้แต่เม็ดเดียว

อิ่มหนำกับมื้ออาหารผมก็ขอตัวขึ้นมาบนห้อง ปลดเปลื้องเสื้อผ้าออกจากตัวกลางห้องโดยไม่อายผีสางเทวดานางฟ้าก่อนจะเข้าห้องน้ำโดยไม่ลืมหยิบผ้าขนหนูติดมือมาด้วย ผมยืนมองฝักบัวกับอ่างอาบน้ำสลับไปมาอย่างชั่งใจ ก่อนจะตัดสินใจนอนแช่น้ำ

เดินไปเปิดน้ำลงอ่างด้วยความแรงสูงสุดก่อนจะเลือกน้ำมันหอมระเหยกลิ่นอ่อนๆหยดลงไปแล้วหมุนกายเดินกลับมาแขวนผ้าขนหนูกับราวสแตนเลสแล้วเดินไปหยุดอยู่ใต้ฝักบัว เปิดน้ำล้างตัวพลางหลับตา เงยหน้ารับสายน้ำที่รินรด

เหตุการณ์เมื่อวาน หลังจากไปรับนิกซ์ที่สนามบินที่กลับมาพร้อมกับการจากไปของคนๆหนึ่ง.. เมื่อถึงบ้านไอ้เบียร์ พ่อและแม่ก็เตรียมงานเลี้ยงขนาดย่อมไว้ที่ลานกว้างหน้าบ้าน บรรดาแขกเหรื่อก็ไม่ใช่ใครอื่น นอกจากคนในครอบครัวไอ้เบียร์ พ่อ แม่ น้องบีม ก็ยังมีพวกไอ้แบงค์ นุ น้ำด้วย ส่วนอาหารส่วนใหญ่จะเป็นอาหารอีสานอย่างพวกส้มตำ ลาบ น้ำตก ซุปหน่อไม้ ต้มยำ ข้าวเหนียว คอหมูย่าง ไส้ย่าง บาร์บีคิวอย่างที่เจ้าของงานชอบนักชอบหนา

บรรยากาศของปาร์ตี้มีแต่เสียงพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวและเสียงหัวเราะบ้างบางครั้ง ทุกคนมีแต่รอยยิ้มประดับหน้าทำให้คนที่มาเยือนไทยอีกครั้งยิ้มหน้าบานด้วยความสุข

เมื่อตกดึกจนย่างเข้าสู่เช้าวันใหม่ของอีกวัน ทั้งพ่อ แม่และน้องบีมต่างก็พากันขึ้นไปนอน เหลือเพียงพวกผมหกคน  เข้าอีหรอบนี้ก็ตรงกับสำนวนไทยที่ว่า แมวไม่อยู่หนูร่าเริง ..ของมึนเมาที่สู้อุตส่าห์ซื้อมาก็เป็นได้แจกจ่ายกันอย่างทั่วถึง

ส่วนปริมาณ จำไม่ได้หรอกครับว่าดื่มไปมากแค่ไหน

มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ตื่นขึ้นมาแล้วพบว่านอนอยู่บนเตียงที่ถูกขนาบด้วยไอ้นิกซ์กับไอ้เบียร์ไปแล้ว

ลอบถอนหายใจหนักๆก่อนจะหมุนปิดน้ำ ใช้ปลายนิ้วสางผมแล้วก้าวเดินออกมาตรงพื้นส่วนที่ยังแห้งอยู่

ผมเลิกคิ้วเล็กน้อยเมื่อเดินผ่านกระจกแล้วเห็นร่องรอยอะไรบางอย่าง หัวคิ้วขมวดเป็นปม เผลอยกมือลูบรอยปริศนาเหนือหน้าอกเบาๆก่อนจะเดินไปใกล้กระจกมากกว่าเดิม สายตาจับจ้องนิ่งที่รอยจุดสีแดงหนึ่งจุดไม่ละไปไหน

รอยจุดที่ผมรู้ดีว่าเป็นรอยอะไร ไม่ใช่ยุ่งกัดและไม่ใช่แมลงกัดต่อย..

เงาในกระจกสะท้อนให้เห็นสีหน้าที่เคร่งเครียดของผม..

ผมกวาดตามองผิวเนื้อส่วนอื่นของร่างกายว่ามีรอยแบบเดียวกันนี้อีกหรือเปล่า ทั้งหันข้าง หันหลัง ..หาจนทั่ว

ไม่มี..

มีแค่บริเวณเหนืออกเท่านั้น

..แม้จะพบเพียงรอยเดียวแต่ก็ไม่ได้คลายความกังวลที่สุมในอกให้เบาบางลงเลยสักนิด

ผมดึงสายตาของตัวเองออกจากจุดนั้น เดินผ่านกระจกแล้วก้าวขาลงในอ่าง ยืนจนมั่นคงแล้วก้าวขาอีกข้างตามลงไปก้อนจะทรุดตัวนอนแช่อย่างหมดแรง ผมนั่งนิ่งๆรอจนระดับน้ำท่วมหน้าอกแล้วหมุนก๊อกปิด เอนศีรษะนอนซบขอบอ่างพลางหลับตาลงอย่างอ่อนเพลีย

แม้ไฟในห้องน้ำจะสว่างโร่จนเห็นบรรดาของใช้ทุกชิ้นที่วางอย่างเป็นระเบียบแต่แสงไฟที่มากขนาดนั้นกลับไม่สามารถส่องสว่างมาถึงจิตใจของผมให้มองเห็นวิธีการรับมือกับปัญหาเหล่านี้

ทั้งความรู้สึกว้าวุ่นที่เกินจะควบคุมจนต้องหันไปพึ่งของมึนเมา อีกทั้งเรื่องที่กำลังจะโถมเข้าใส่..

ผมไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร..

...


 

___________________________________

TALK : มาแล้วววววว แอบชอบตอนนี้ 5555 ชอบตานิกซ์ รู้สึกว่าเรื่องดำเนินมาจนถึงตอนนี้ไม่เหมือนเรื่องที่ใกล้จะจบแล้วเลยยย ฮาแป้ป
เดี๋ยวนี้เป็นโรคค่ะ กว่าจะนอนหลับได้ช่างยากเย็น พอสงบๆ ดับไฟจะนอนเท่านั้นล่ะ หัวพลุ่งพล่านมาก คิดโน่นคิดนี่จนสุดท้ายทนไม่ไหวและกลัวจะลืมเลยต้องหยิบมือถือมากดๆบันทึกๆทั้งๆที่ไฟมืดตื้อ กลัวว่าสายตาจะสั้นเข้าสักวัน ฮา
*หวังว่าเราจะพบกันอีกในเร็ววัน อิอิ
PS. ราคาหนังสือยังไม่รู้เลยค่ะ ยังไม่ได้ลองถามโรงพิมพ์เลยยย ยังไม่มั่นใจด้วยว่าจะมี  1 หรือ 2 เล่ม แต่ถ้าทำจริงคงเรื่องใหญ่ 555 คงได้ปรับแก้กันยกใหญ่ เพราะเราเองก็ไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่

อีก 50%จะเป็นยังไงน้อออ แม่ยกพี่จิมรอหน่อยน้า (ตุ้บตั้บ โดนนักอ่านสหบาทาข่มขู่ว่าอย่าหลอกให้ดีใจเก้อ) 5555555555

จะนิกซ์เบียร์ เบียร์นิกซ์ไหมไม่รู้ ต้องรอลุ้น 5555

ไว้เจอกันใหม่ค่า จุ้บๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-04-2014 18:47:24 โดย NNEW33 »

ออฟไลน์ mro

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 293
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-2
Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ตอนที่ 39 {50%} [22/4/57] P.24
«ตอบ #716 เมื่อ23-04-2014 00:19:35 »

กะ..ใกล้จบแล้วเหรอค้ะ -0- ยังไม่เห็นความคืบหน้าเลยยยยพี่จิมมมม รีบดำเนินการด่วน โห่ย อยากอ่านต่ออีกเยอะๆ 55555//โดนนักเขียนตี
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ
ปล.ขอเป็นอีกหนึ่งเสียง รวมเล่ม ๆ ๆ ๆ 555

ออฟไลน์ kakaris

  • หากชีวิตเป็นเพียงสิ่งเดียวที่เราสามารถให้ผู้เป็นที่รักยิ่งนั้นได้ แล้วเราจะไม่มอบให้เ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 149
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ตอนที่ 39 {50%} [22/4/57] P.24
«ตอบ #717 เมื่อ24-04-2014 00:22:13 »

ตามมาแล้วจ้า

ออฟไลน์ NNEW33

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 73
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ตอนที่ 39 {50%} [22/4/57] P.24
«ตอบ #718 เมื่อ25-04-2014 02:24:21 »

100%

...

 

แว่วได้ยินเสียงตึงๆในความสะลึมสะลือและเสียงเรียกชื่อที่ดังมาจากที่แสนไกล ..เสียงนั้นยังคงดังต่อเนื่องโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด จวบจนเริ่มได้ยินถนัดขึ้นเมื่อสติสัมปชัญญะกลับคืนครบถ้วน

ผมสะดุ้งเฮือก ผุดลุกขึ้นนั่งตัวตรงยังผลให้น้ำที่โอบล้อมกายกระพือไหวจนกระฉอกออกนอกอ่าง

"ต้า! ได้ยินแม่ไหม"

ตึงๆๆ

เสียงของแม่ดังสลับกับเสียงเคาะประตูตึงๆไม่หยุดหย่อน

"ต้า!! ต้า ถ้าไม่เปิดออกมา แม่จะให้พ่อเราพังประตูเข้าไปเดี๋ยวนี้แล้วนะ!"

ผมไม่รู้ว่าแม่เคาะประตูมานานเท่าไหร่แล้ว แต่มันคงจะนานมากพอจนท่านร้อนใจจนอดทนรอต่อไปไม่ไหว

ผมทะลึ่งพรวดลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่เพราะอารามรีบร้อนจึงทำให้ทั้งร่างซวนเซเสียการทรงตัวจนเกือบล้มหัวฟาดพื้น ผมตั้งสติใหม่อีกครั้งด้วยการนับหนึ่งถึงสามในใจ ข่มความลนลานแล้วจึงค่อยๆก้าวออกจากอ่างอย่างระมัดระวัง คว้าผ้าขนหนูมาพันกายก่อนจะสาวเท้าเดินตรงไปที่ประตูอย่างเร่งรีบ

เมื่อประตูเปิดออกก็เผยให้เห็นสีหน้าร้อนใจและนัยน์ตาที่ทอประกายห่วงใย ก่อนนัยน์ตาคู่นั้นของแม่จะแปรเปลี่ยนเป็นบันดาลโทสะ

"เป็นอะไร แม่เรียกตั้งนานไม่ได้ยินหรือไง บอกกี่ครั้งกี่หนแล้ว ถ้ากำลังยุ่งหรือติดทำอะไรให้ขานรับ ไม่ใช่เงียบอย่างนี้"

"ต้าขอโทษ ต้าไม่ได้ยิน.. ต้าเผลอหลับระหว่างอาบน้ำ" พูดบอกพร้อมก้าวประชิด สวมกอดแม่หลวมๆหวังให้ท่านใจเย็นลง

"ถ้ารู้ตัวว่าจะหลับทำไมไม่ขึ้นจากอ่างก่อน ถ้าไม่สบายขึ้นมาจะทำยังไงฮึ"

ท้ายเสียงสะบัดแต่มือนุ่มๆกลับจับคลำเนื้อตัวผมไม่ขาด ปากก็บ่นพึมพำว่าผมตัวเย็นไปหมดแล้ว

"ต้าไม่รู้ตัวจริงๆ อยู่ๆมันก็เผลอหลับไปเอง" พอหลุดปากเถียง ความเจ็บแปลบก็แล่นปราดมาที่ลำแขนเมื่อแม่ฟาดเพี๊ยะลงมาพร้อมกับดันตัวผมออกแล้วมองผมอีกครั้ง

"ดูสิ หัวเหอก็เปียกมะลอกมะแล่ก! ไป..เข้าไปแต่งตัวได้แล้ว เดี๋ยวก็ไม่สบายเข้าจริงๆ"

แม่พูดพลางดันผมเข้าไปในห้องก่อนจะจัดแจงหาเสื้อผ้าให้ใส่ นี่ถ้าไม่อายผมจะนอนแผ่หลาบนเตียงรอให้แม่มาทาแป้งแล้วใส่เสื้อผ้าให้เลย

"รีบแต่งตัวแล้วตามแม่ลงไปข้างล่างเร็วๆล่ะ เพื่อนเรามารอนานแล้ว"

หืม?

"ใครอะแม่"

"ตานิกซ์ไง ไปๆ รีบๆแต่งซะ ปล่อยให้เขารอนานมันไม่ดี"

ผิดจากที่พูดที่ไหน ไอ้นิกซ์อะ ไม่ต้องไปเชิญมันมาบ้านหรอก นี่เพิ่งจะผ่านไปไม่กี่ชั่วโมงมันก็พาตัวเองมาเรียบร้อย

สิ้นคำแม่ก็หมุนตัวเดินออกจากห้องไปทันที ผมเดินไปหยิบเสื้อผ้าที่แม่วางไว้บนเตียงขึ้นมาก่อนจะจัดการสวมลงบนร่างกาย

อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมายาวๆ

จะปล่อยให้กูนอนหลับสบายๆสักวันนึงไม่ได้หรือไง มึงจะรีบมาทำไมวะนิกซ์

....

"ไหนนิกซ์ล่ะแม่ หรือว่ามันกลับไปแล้ว" ผมถามขณะที่กำลังเดินลงบันได สายตาก็สอดส่องไปรอบบริเวณหาไอ้ฝรั่งตัวสูงโย่ง

"นู้น เห็นเดินตามพ่อเราต้อยๆตั้งแต่มาถึง คงจะอยู่ที่สวนหลังบ้านนั่นล่ะ"

ผมโครงหัวเล็กน้อย เตรียมมุ่งหน้าตรงไปยังสวนหลังบ้าน ทว่ายังไม่ทันได้ก้าวขาก็ถูกขัดด้วยน้ำเสียงหวานๆพร้อมกับถาดอาหารที่ยื่นมาตรงหน้า

"ไหนๆก็กำลังจะเข้าไปอยู่แล้ว แม่วานเอาของพวกนี้เข้าไปด้วยไป"

ผมรับมาถือไว้ก่อนเอ่ยถาม

"แล้วแม่ไม่เข้าไปด้วยกันเหรอ"

"ไม่ล่ะ แดดดีอย่างนี้แม่ว่าจะซักผ้าเสียหน่อย"

"ต้าช่วยมั้ย"

เห็นผมอย่างนี้ งานบ้านผมก็พอทำเป็นนะเออ นอกจากทำอาหารแล้ว จะซักผ้า ถูบ้าน ล้างจาน รดน้ำต้นไม้ หรือรีดผ้าผมทำได้หมดนั่นล่ะ ไม่ได้เกิดมาบนกองเงินกองทองนี่ครับที่มีคนคอยทำให้ตลอดเวลา ครอบครัวก็มีกันอยู่แค่นี้ สี่คนพ่อแม่ลูกลูก ถ้าไม่ช่วยกันทำแล้วมัวแต่ยึดติดว่างานบ้านคือหน้าที่ของผู้หญิงแล้วล่ะก็.. บ้านผมที่มีชายสามหญิงหนึ่ง ไม่แคล้วภาระหนักได้ตกอยู่ที่แม่คนเดียวแน่

"จะช่วยทำหรือช่วยยุ่งฮึ ให้เราช่วยกว่าจะเสร็จแดดหมดพอดี ไปได้แล้วไป มัวแต่โอ้เอ้อยู่อย่างนี้ เดี๋ยวผ้าเพ่อไม่ต้องซักกันพอดี"

แม่บ่นตามประสาก่อนจะหมุนกายหันหลังให้ผมดื้อๆเป็นการยุติบทสนทนา

ผมกระชับถาดสแตนเลสในมือให้มั่นก่อนจะสืบเท้าเดินไปยังที่หมาย

แดดตอนบ่ายสามนี่ช่างร้อนแรงจนพาลให้ผิวเนื้อนอกร่มผ้าเช่นแขนและขาพากันแสบร้อนไปหมด ผมเร่งฝีเท้าเร็วขึ้นอีกนิด ก่อนชะลอความเร็วให้ช้าลงเมื่อหูแว่วได้ยินเสียงคุ้นหู

"ผมเองก็ช่วยแด๊ดและมัมปลูกต้นไม้บ่อยๆ เป็นครั้งแรกเลยนะครับที่ได้มาเห็นสวนที่น่าทึ่งขนาดนี้"

เจ้าของคำพูดยาวเหยียดนี้ไม่ใช่ใครอื่น นอกจากไอ้คนที่ผมคิดว่ามันพูดไทยกระท่อนกระแท่นไม่ต่างจากเมื่อสามปีก่อน บางครั้งก็มักจะพูดไทยคำอังกฤษคำอย่างพวกไร้ทักษะในการใช้ศัพท์ภาษาไทย

แต่ไอ้การพูดคล่อง ไม่สะดุดหูคนฟัง ไหนจะความสามารถกระดกลิ้นพูด ร.เรือ ได้ไม่ผิดเพี้ยนนี่คืออะไร?

ผมกระชับถาดในมือแน่นขึ้นกว่าเดิม

ทั้งหมดทั้งมวลนี้ ผมไม่สามารถคิดเป็นอื่นได้นอกจาก.. ผมถูกหลอก

"พูดไทยเก่งดีนะ"

เป็นคำพูดแรกที่ผมเปิดปากพูดก่อนจะวางถาดลงบนโต๊ะแล้วหันไปจ้องใบหน้าโซนตะวันตกที่หน้าเผือดสีนิ่งๆ

"S...Surprise!"

หึ เซอร์ไพรซ์มาก!

ผมมองหน้ามันด้วยสีหน้าไม่บ่งบอกความรู้สึกใดใดก่อนจะเมินหน้าหนี หันไปมองพ่อที่มีเครื่องหมายเควชั่นมาร์กลอยเต็มหน้า และผมเลือกที่จะไม่ขยายความหรืออธิบายอะไรเพิ่มเติมทั้งนั้น

"แม่ให้เอาของทานเล่นมาให้ พ่อจะทานเลยมั้ย"

"พ่อยังไม่หิวเลย นิกซ์ล่ะลูก หิวรึยัง"

เจ้าของชื่อเหลือบมองผมเล็กน้อย มันหัวเราะแห้งๆก่อนส่ายหน้าไปมา

“เอ้า เป็นอะไรไปน่ะเรา เมื่อกี้ยังดีๆพูดเป็นต่อยหอย ทำไมตอนนี้หน้าซีดอย่างนั้นล่ะฮึ” พ่อปักเสียมลงกับพื้นพลางมองมันด้วยสายตาเป็นห่วงเป็นใย คงจะเอ็นดูมันไม่น้อย

ไอ้นิกซ์หน้าเลิ่กลั่กส่ายหน้ารัวๆพูดกระท่อนกระท่อนคล้ายลิ้นพัน

“ป.. เปล่าครั่บ ผมไม่ ได้ ป..เป็นอะ ไร”

หึ ผมเหยียดยิ้มมุมปากและดูเหมือนเจ้าตัวเองก็จะทันหันมาเห็นพอดี หน้าถึงได้ซีดมากกว่าเดิมไม่ต่างอะไรกับไก่ต้ม

ผมโครตไม่ชอบเลยไอ้การโกหกหลอกลวง แต่พอจะโกรธมันจริงจังก็โกรธไม่ลง เห็นหน้าหงอยๆซีดๆอย่างนั้นก็พาลให้ใจอ่อน อีกอย่างมันก็ไม่ได้ทำผิดร้ายแรงอะไร แค่อำเล่นสนุกๆ แต่ที่ผมยังเฉยไม่ยินดียินร้ายกับมันก็แค่ต้องการเอาคืนเล็กๆน้อยๆเท่านั้น

“เอ้า ทำไมพูดติดๆขัดๆอย่างนั้น หรือว่าตรงนี้มันร้อนไปเลยหายใจไม่สะดวก”

คำพูดเป็นห่วงของพ่อที่ฟังดูคล้ายกับต้อนให้ฝรั่งตัวโตยิ่งจนมุมโดยที่ท่านไม่รู้ตัวเลยสักนิด พ่อวางมือจากงานที่ทำแล้วเดินมาหามัน จับแขนขาวก่อนฉุดรั้งให้ลุกขึ้น ประคองมันให้มานั่งตรงโต๊ะที่ผมนั่งอยู่โดยที่มันเองก็ยากจะปฏิเสธ

“ต้า ไปหาพัดมาพัดให้เพื่อนสิ ดูซิ คงจะเป็นลมแดด”

สิ้นคำผมก็ทำท่าจะลุกขึ้นไปจริงๆ หากไม่ติดที่เสียงละล่ำละลักห้ามของไอ้คนต้นเรื่อง

“ไม่ต้องครั่บ ผม..ไม่ เป็นอะ ไร ผ..ผมสะบาย ดี”

หึ อยากจะขำออกมาดังๆ เมื่อได้ยินคำพูดติดๆขัดๆอย่างนั้นซึ่งต่างกับตอนแรกที่ผมได้ยินลิบลับ เกิดกลัวอะไรขึ้นมา?

“แน่ใจนะ ต้าเพื่อนเรามีโรคประจำตัวอะไรหรือเปล่า” พ่อยังไม่คลายกังวล

“พ่อลองถามมันเองสิ ต้าจะไปรู้ได้ไง”

“ว่ายังไงล่ะตานิกซ์ มีโรคประจำตัวอะไรหรือเปล่า”

มันเหลือบมองผมครั้งหนึ่งก่อนจะหันไปตอบพ่อด้วยสำเนียงภาษาแบบเดียวกับที่ผมแอบได้ยิน

“ไม่มีครับ”

“ไม่มีก็ดี งั้นก็นั่งพักตรงนี้ไปก่อน นั่งคุยกับเจ้าต้านั่นล่ะ เดี๋ยวพ่อไปทำงานต่อก่อน” พูดจบพ่อก็เดินลิ่วๆไปหยิบเสียมแล้วเดินลึกเข้าไปในแปรงชวนชม

“I can explain..”

“พูดไทยได้ก็พูดไทยสิ กลัวอะไร”

“กลัวต้าดุ”

หึ ผมหลุดยิ้มให้กับสีหน้าหงิมๆและน้ำเสียงหงอยๆของมันจนได้ เมื่อมันเงยหน้ามาเห็นเท่านั้นล่ะ สีหน้าเจี๋ยมเจี้ยมนี่หายไปพริบตา

“แล้วไอ้เบียร์ไม่มาด้วยเหรอ”

“ป่านนี้ยังไม่ตื่นเลยมั้ง ไม่อยากรอ” ไอ้ฝรั่งเริงร่าว่าก่อนจะใช้ส้อมจิ้มชมพูกิน

“แล้วมึงจะรีบมาทำไม”

“I just wanna see you” มันพูดพร้อมรอยยิ้มหวานหยด ชัดเจนไปไหมมึง

“ทำไมไม่คิดบ้างล่ะว่ากูไม่อยากเจอมึง”

ตอบกลับไปอย่างนั้นก็ทำให้ไอ้ฝรั่งตัวโตหน้าหดเหลือสองนิ้ว

“กลับบ้านไปนอนต่อไป พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่”

“มาได้เหรอ”

“เออ”

“จริงๆนะ”

“เออ!”

“งั้นกลับแล้วนะ”

“...”

“จะไปจริงๆแล้วนะ”

“...”

ผมตีหน้าเฉยมองมันด้วยสีหน้าเหม็นเบื่อ ซึ่งก็เบื่อจริงจนขี้เกียจต่อกรส่งผลให้มันลุกขึ้นช้าๆก่อนจะเดินสโลวๆจากไปจนลับสายตา

ก็ถือว่าการเจอหน้ามันหลังจากเกิดเรื่องตะขิดตะขวงใจผ่านไปด้วยดีกว่าที่คิด อย่างน้อยผมก็ไม่อึดอัด อาจเป็นเพราะมันเองก็มีทีท่าปกติ ไม่ได้พูดถึงเรื่องที่แล้วมา ซึ่งผมคิดว่าดี เพราะหากมันยกประเด็นนั้นมาพูด ผมเองก็ไม่รู้จะทำหน้ายังไงเหมือนกัน

ขอบคุณแอลกอฮอลล์ ขอบคุณที่ทำให้เมามายจนไม่มีสติรับรู้อะไร

เพราะเอาจริงๆ ผมไม่อยากเสียเพื่อนแบบมัน

 

....

ผ่านไปหนึ่งอาทิตย์ที่นิกซ์มาอยู่ไทย ทุกวันของผมมีความสุขดี อยู่บ้านบ้าง ไปเล่นบ้านไอ้เบียร์บ้าง ออกไปพบปะเพื่อนฝูงนอกบ้านบ้าง ซึ่งทุกๆที่ที่ผมอยู่มักจะมีไอ้ฝรั่งขี้นกโผล่หน้ามาร่วมแจมด้วยเสมอ

วันนี้เป็นวันพระครับ ต้องอยู่ติดบ้านเพื่อไหว้พระให้จิตใจผ่องใสปราศจากเรื่องมัวหมองและเสริมสิริมงคลให้กับตัวเอง ตอนนี้ผมกำลังช่วยแม่จัดดอกไม้อยู่ครับ

กิ๊งก่องง

เสียงกดออดหน้าบ้านดังขึ้นพาให้มือผมที่กำลังจะเสียบดอกกล้วยไม้ลงแจกันชะงักกึก

"ต้า ออกไปดูซิว่าใครมาแต่เช้า"

"คร้าบบ" ขานรับก่อนจะวางของในมือลงบนโต๊ะแล้วหยัดกายขึ้นยืนก่อนเดินออกไปหน้าบ้าน

ใบหน้าด้านข้างของคนที่ยืนอยู่นอกประตูรั้วดูคุ้นตาแต่ก็นึกไม่ออกว่าเป็นใคร หรือเคยเห็นที่ไหน..

ผมปลดล็อกรั้วพาตัวเองออกมาอยู่หน้าบ้านพลางมองแขกที่มาแต่เช้าก่อนเอ่ยถามย้ำให้แน่ใจว่าเขามาถูกบ้านหรือเปล่า เพราะเสียงของผมจึงทำให้เขาคนนั้นเบือนหน้าหันมา..

"...พี่กานต์?" ครั้นเมื่อได้เห็นหน้าอีกฝ่ายชัดๆ ชื่อนี้ก็หลุดออกจากปากโดยที่สมองยังไม่ทันได้สั่งการ

"ดีใจนะที่ต้ายังจำพี่ได้"

กระแสความสับสนกำลังวิ่งวนในหัวของผม ผมมองเขาอย่างไม่รู้ว่าควรเว้นระยะห่างหรือพูดคุยกับเขาแค่ไหนดี  ..เพราะเขาเป็นพี่ชายของคนๆนั้น

"เหมือนเดิมเถอะนะ"

ราวกับอ่านความคิดของผมออกเขาถึงได้พูดออกมาอย่างนั้น แต่นั่นก็สร้างความสบายใจแก่ผมจนต้องระบายยิ้มน้อยๆ มองเขาอย่างเป็นมิตร เพราะไม่มีความจำเป็นอะไรเลยที่จะตัดสัมพันธ์กับคนตรงหน้านี้

"พี่กานต์มาหาผมหรือเปล่า" ผมถามอย่างไม่แน่ใจ

"มาหาเรานั่นล่ะ" พี่กานต์คลี่ยิ้มสบายๆชวนให้คนมองรู้สึกผ่อนคลาย

การที่เขามาหาถึงบ้านอย่างนี้เป็นสิ่งที่ผมไม่เคยคาดคิดมาก่อน เกือบจะลืมไปแล้วว่าผมเคยรู้จักคนๆนี้

"เอ่อ ...มีอะไรหรือเปล่าครับ"

"มี เรื่องใหญ่มากด้วย"

"..."

และก่อนที่ผมจะทันได้ถามอะไร เขาก็เป็นฝ่ายชิงพูดขึ้นมาก่อน

"ถ้าพี่ขออะไรต้าอย่างนึง เราจะทำให้พี่ได้ไหม"

"...ต้องดูก่อนว่าสิ่งที่พี่ขอมันคืออะไร ถ้าผมทำให้ได้ก็ตกลงครับ" ผมพยายามตอบกลางๆไม่ตัดรอนน้ำใจอีกฝ่าย

"ดี เพราะพี่เชื่อว่าต้าทำให้พี่ได้แน่ๆ"

ทำไมผมเริ่มรู้สึกแหยงๆกับรอยยิ้มของเขาก็ไม่รู้ ขนอ่อนที่ท้ายทอยพากันลุกพรึ่บ

บ็อก..

ผมเบนสายตามองไปยังต้นเสียงโดยอัตโนมัติ ทำไมตอนแรกไม่สังเกตเห็นนะ

"ของพี่กานต์เหรอ"

"เปล่า สงสัยมันคงอยากหาเจ้าของเต็มแก่แล้วมั้ง" พี่กานต์พูดพลางเดินไปอุ้มหมาตัวเล็กสีขาวสะอาดตาขึ้นแนบอกก่อนจะเดินกลับมายังที่ที่ผมยืนอยู่

"หืม" ผมเผลอก้าวถอยหลังโดยอัตโนมัติเมื่อเขายื่นเจ้าตูบมาใกล้ เมื่อผมถอยหลังพี่กานต์ก็ไล่ต้อนจนผมหมดทางหนี แผ่นหลังสัมผัสได้ถึงรั้วเหล็กเย็นชืด

"รับไปสิ"

เจ้าตูบขนปุยถูกยื่นมาตรงหน้าจนหน้าเล็กๆของมันแทบจะชนกับหน้าผมจนผมต้องรีบยกมือกันไว้เพราะอีกแค่เซนต์เดียวลิ้นเล็กๆนั่นต้องเลียหน้าผมแน่ๆ

"ถ้าไม่รับพี่จะโยนมันลงพื้นเดี๋ยวนี้ล่ะ"

เฮ้ย!

เมื่อผมนิ่งพี่กานต์ก็พิสูจน์คำพูดโดยทำท่าจะโยนมันลงพื้นจริงๆ ผมรีบยื่นมือไปรับเจ้าตูบมาอุ้มไว้แทบไม่ทัน

"ก็แค่นั้น พี่ไปก่อนนะ ต้องรีบไปทำงานต่อ สายมากแล้ว"

มือนุ่มๆของพี่กานต์ลูบหัวผมไปมา แต่ก่อนที่เขาจะหันหลังกลับผมก็เรียกเขาไว้ก่อน

"เดี๋ยวครับ ..แล้วหมานี่.."

"ทำไม? ไม่ชอบเหรอ"

"บ้านผมมีหมาแล้ว"

"ถ้าอย่างนั้นก็ดีสิ เราก็รับเลี้ยงไว้อีกสักตัวจะเป็นไรไป"

"แล้วพี่เอามาให้ผมทำไม"

"ใครบอกว่าพี่เป็นคนให้"

"ก็.."

"จิมมันฝากให้พี่เอามาให้เรา"

"ถ้าอย่างนั้น..."

"มันยังบอกอีกว่า ให้แล้วไม่รับคืน ถ้าต้าไม่เอาก็ปล่อยมันไว้ข้างถนน ไม่ก็เอาไปขายต่อก็ได้แล้วแต่เรา” พูดจบเขาก็มองประเมินผมครู่หนึ่ง นัยน์ตาคู่สวยหรี่ลงเล็กน้อยอย่างรู้เท่าทันความคิดก่อนสำทับ “ถ้าจะคืนให้พี่เห็นทีต้องปฏิเสธ เพราะพี่เองก็ไม่มีเวลาเลี้ยงเหมือนกัน ลำพังแค่ทำงานก็เต็มกลืนแล้ว"

“แต่ผมรับไว้ไม่ได้จริงๆ” พูดพร้อมกับปล่อยสัตว์สี่ขาวางลงบนพื้นลาดยาง พี่กานต์ยักไหล่ไม่ไยดีทั้งยังเปิดประตูรถก่อนเข้าไปนั่งหลังพวงมาลัย ปิดประตูรถฉับไม่สนใจผมอีก พลันเสียงเครื่องยนต์ทำงาน เขาก็ลดกระจกลงแล้วหันมามองผม

“ถ้าไม่อยากเลี้ยงก็ปล่อยมันไป อย่าคิดอะไรมาก ยังไงซะสัตว์ก็คือสัตว์ ไม่ได้มีความรู้สึกนึกคิดเหมือนอย่างกับคนเราอยู่แล้ว พี่ไปนะ”

พูดจบรถคันงามก็วิ่งฉิวจากไปจนฝุ่นฟุ้งในอากาศ

ความรู้สึกของผมตอนนี้.. ไม่รู้จะอธิบายยังไงเลยครับ ผมก้มลงมองตัวปัญหาที่นั่งแต้บนพื้นพร้อมกับเงยมองผมตาแป๋ว



ช่างมันแล้วกัน! จะเป็นตายร้ายดียังไงก็ช่างมัน!

ตัดสินใจเสร็จก็หมุนตัวกลับโดยไม่เหลียวมองมันอีกเป็นครั้งที่สอง มือดันประตูรั้วเปิดกว้างก่อนแทรกตัวเข้าไปในอาณาเขตบ้าน ก้าวฉับๆอย่างไร้ความลังเล

...เสียงกระดิ่งที่ดังกรุ๊งกริ๊งและเสียงครางหงิงที่ดังอยู่ด้านหลังก็ทำปฏิกิริยากับร่างกายของผมจนไม่สามารถขวบคุมได้ ..อยู่ๆขามันก็แข็งจนไม่สามารถก้าวเดินต่อได้

ผมกัดฟัน สองมือกำแน่นข้างลำตัวก่อนจะบังคับตัวเองให้เดินต่อ

...ทว่าเดินไปได้เพียงไม่กี่ก้าวก็เป็นอันต้องชะงักอีกจนได้ เมื่อเสียงร้องหงิงอย่างน่าสงสารยังคงดังไม่หยุด อีกทั้งเสียงประตูรั้วที่ดังกึกๆราวกับมันกำลังพยายามใช้ตัวดันเข้ามาทำให้ผมใจอ่อนยวบ

ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะหันไปมองสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กเบื้องหลังพลางยกมือขยี้หัวแรงๆอย่างขัดใจตัวเอง

ขาไม่รักดีมันดันเดินกลับไปทางเก่า มือไม่รักดีก็ดันเปิดประตูรั้วค้างไว้ ส่วนปากไม่รักดีก็ดันร้องเรียกเจ้าหมาสีขาวให้เข้ามาให้บ้านเสียอย่างนั้น

“เข้ามาสิ”

สิ้นคำมันก็เดินส่ายก้นดุ๊กดิ๊กวิ่งเข้ามาในบ้านทันทีอย่างลิงโลด ผมลอบถอนหายใจอีกครั้งพลางมองพื้นลาดยางยังทิศทางที่รถคันงามเพิ่งวิ่งจากไป

อยู่ๆสำนวนไทยก็ลอยเข้ามาในหัว

ตัดบัวต้องตัดให้ขาด

ยิ่งถอนรากถอนโคนได้เลยยิ่งดี!

 

_____________________________

TALK: ครบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วค่า ลงดึกไปหน่อย(ไม่หน่อยมั้ง) 555

ไว้เจอกันใหม่พาร์ทหน้าค่า ขอบคุณทุกกำลังใจมากมายค่ะ เยิฟฟฟ

คืนนี้ฝันดีราตรีสวัสดิ์ : )

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ตอนที่ 39 {100%} [25/4/57] P.24
«ตอบ #719 เมื่อ25-04-2014 03:28:29 »

ของแทนใจสินะ มันต้องผ่านไปด้วยดี

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด