DOUBLE-FACED: เสแสร้งแกล้งรัก
Chapter 22: I can't go any further then this. ฉันไปไกลกว่านี้ไม่ไหวแล้ว - 100%HIM: PRIK
รถยนต์คันหรูราคาหลักสิบล้านแล่นเข้าจอดเทียบฟุตบาตหน้าสตูดิโอ ผมหันไปยกมือไหว้คุณไวน์ เขาเพียงแต่มองผมนิ่งๆ แต่ก็ดุดันอยู่ในทีด้วยความไม่พอใจ
“ทำงานให้ดี อย่าทำให้ฉันต้องผิดหวัง”
“...” ผมได้แต่เงียบ ในใจนึกค้าน...ผมไม่อยากทำแล้ว
“หวังว่าฉันจะไม่ได้ยินนายพูดว่าทำไม่ได้อีกนะ”
“คุณไวน์...” ผมเรียกชื่อผู้มีประคุณเสียงเบาหวิว
“เธอรู้ใช่ไหม ข้อตกลงก็คือข้อตกลง ถ้าเธอทำไม่ได้ ก็ไม่ต้องมาพูดกับฉัน”
“ครับ” สุดท้ายผมก็ต้องเปร่งเสียงออกมาจากลำคออย่างยากเย็น
“ก็ดี ลงไปได้แล้ว”
ผมเปิดประตูลงจากรถ คุณไวน์ขับรถออกไปทันที ผมยืนอยู่กับที่อยู่นาน หลังตาลงช้าๆ แล้วค่อยๆผ่อนลมหายใจออมาแผ่วเบา เบาจนผมคิดว่าตัวเองไม่ได้หายใจ หลังจากยืนทำใจอยู่สักพักผมก็หันหลังเดินเข้าไปในสตูดิโอ
“มาแล้ว! เกือบสายแล้วนะเรา” พี่จีจี้ก้าวพรวดเดียวก็ถึงตัวผม
“ขอโทษครับ”
“ไม่เป็นไร รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ ยังจะต้องแต่งหน้าทำผมอีก” ผมมองไปรอบๆสตูดิโอที่มีคนเยอะมากกว่าปกติ และเป็นคนที่ผมไม่รูจักเกือบทั้งนั้น ยกเว้นผู้ชายสองคนที่ยืนอยู่ในฉากสำหรับถ่ายแบบ พวกเขาคือวัยรุ่นชื่อดังที่ใครๆก็รู้จักและให้ความสนใจ
ผมคว้าเสื้อในมือของพี่จีจี้ไปเปลี่ยน แล้วออกมาให้ช่างแต่งหน้าและทำให้ผม ผมไม่เคยกังวลกับการถ่ายแบบมาก่อนถ้าไม่นับสองสามครั้งแรก นอกนั้นผมก็ทำได้ดี แต่วันนี้มันค่อนข้างต่างจากครั้งก่อนๆ ผมต้องกลายมาเป็นหนึ่งในพรีเซนต์เตอร์ให้กับน้ำหอมแบรนด์ดังคบวคู่กับสองหนุ่มอย่าง ริคและพายุ โดยคุณไวน์เป็นผู้ให้ใช้สถานที่และเสื้อผ้าในการโฆษนาน้ำหอมตัวใหม่
ริกเป็นนายแบบวัยรุ่นและมีงานถ่ายเอ็มวีรวมถึงงานโฆษนาต่างๆมากมาย ส่วนพายุนอกจจากตะเป็นนายแบบแล้ว เขายังเป็นพระเอกหนุ่มหน้าใหม่ไฟแรงๆที่ใครๆต่างก็จับตามอง แน่นอนว่าทั้งคู่มีรัศมีเปร่งประกาย แต่ยืนเฉยๆก็มีเสน่ห์แล้ว แล้วผมเป็นใคร? ผมมาทำอะไรที่นี่?
แล้วอย่างนี้จะไม่ให้ผมกังวลได้ยังไงไหวครับ!
ผมไม่เคยคิดว่าจะได้ทำงานใหญ่ๆแบบนี้มาก่อน นี่ไม่ใช่การถ่ายแบบเสื้อผ้าธรรมดาอย่างที่ผ่านมาที่ผมเคยทำ ที่จะโพสท่าแบบไหนก็ได้ จะทำหน้ายังไงก็ได้ แต่นี่เป็นการถ่ายแบบพรีเซนต์เตอร์ให้กับน้ำหอมตัวใหม่ ที่มีกลิ่นหอมเย้ายวน ช่วยเพื่อความเซ็กซี่และดูลักลับให้แก่ผู้ชาย แต่ผมยังไม่รู้เลยว่าตัวเองดูเซ็กซี่เหมาะกับสินค้าชิ้นนี้ตรงไหน ต่างกับริคและพายุที่ดูเป็นผู้ชายเซ็กซี่เต็มขั้น แถมเขายังเคยผ่านงานจำวพกนี้มากมาก งานนี้จึงไม่เป็นปัญหาสำหรับพวกเขา แต่มันเป็นปัญหายิ่งใหญ่สำหรับผม
ผมไม่รู้ว่าจะต้องทำตัวยังไงตอนอยู่หน้ากล้อง ต้องโพสท่าแบบไหน มองกล้องยังไง สื่ออารมณ์ประมาณไหนถึงจะพอดี ถึงจะเป็นการสื่อถึงประสิทธิภาพของตัวน้ำหอมออกมาให้ตรงจุดตรงคอนเซ็ปที่สุด
“พริก อย่าเกร็ง ทำตัวตามสบายกว่านี้หน่อย” ตากล้องพูดดึงสติผมกลับมา ไม่ถึงสามนาทีผมก็ถูกตำหนิเสียแล้ว และมันยิ่งทำให้ผมเกร็งมากกว่าเดิม
ผมว่าคุณไวน์คิดผิดแล้วแหละที่ให้ผมทำงานนี้
“ตั้งคอตรงเชิดหน้าขึ้น มองไปที่กล้องด้วยความมั่นใจราวกับว่านายเป็นผู้ชนะก็พอแล้ว อย่าไปคิดอะไรมาก”
ผมแทบไม่เชื่อหูตัวเองว่าริคกำลังแนะนำผมอยู่ เพราะเคยได้ยินข่าวมาว่าเขาค่อนข้างหยิ่ง แต่ฟังจากน้ำเสียงที่เขาแอบกระซิบเบาๆแล้วมันไม่ใช่เลย
ผมทำตามที่เขาบอก เสียงกดชัตเตอร์ดังขึ้นติดต่อกันสามที ผมก็เอียงหน้าเปลี่ยนองศา ดันหันไปสบตากับพายุโดยบังเอิญ สายตาที่เต็มไปด้วยกำลังใจ ช่วยผ่อนคลายอาการเกร็งของผมได้เยอะ
“ดีมาก แบบนั้นแหละ พริกหันข้างหน่อย แล้วพายุ เอามือท้าวบนไหล่พริก เอียหน้าเข้าไปหา ริคขยับเข้าไปใกล้อีกนิด นั่นแหละ เยี่ยม!”
แชะๆๆ
“เปลี่ยนเซต!”
จบการถ่ายเซตแรกแบบราบรื่นเกินคาด ผมแยกไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เพราะทุกคนดูเป็นมืออาชีพจนผมไม่กล้าทำให้พวกเขาเสียงาน และอาจจะพาลไปเสียชื่อเสียงของคุณไวน์ได้
ต่อไปเป็นการถ่ายเดี่ยวคู่กับผลิตภัณฑ์ ริคและพายุได้ถ่ายก่อน ผมนั่งดูและคอยจดจำสีหน้าท่าทางของพวกเขา จะได้เอามาประยุกต์ใช้กับตัวเอง มันน่าทึ่งมากที่ผมทำได้ดีโดยที่ไม่ต้องมีใครบอก ยิ่งเห็นแบบนี้แล้วผมยิ่งอยากรู้ว่า เวลามาโคอยู่ในกล้อง เขาจะดูดีมากแค่ไหน แค่ผมเคยเจอเขาเดินแบบในครั้งแรกที่เจอกันนั้น ผมก็ว่ามันน่าทึ่งมากแล้ว แต่เพราะผมไม่เคยมีโอกาสตามเขาไปทำงานเลย จึงไม่เคยเห็น ถ้าผมขอตามเขาไปทำงานบ้าง เขาจะว่าอะไรไหมนะ
พอถึงตาผม ความตื่นเต้นก็กลับมาอีกครั้ง ผมสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆราวกับว่าจะไม่มีโอกาสให้หายใจอีก ตอนเดินเข้าฉากผมสวนกับพายุที่เดินออกมา เขาตบมือบนไหล่ผมเบาๆ
“สู้ๆ”
แล้วงานก็เสร็จสิ้นด้วยดี
“เก่งมาก ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคุณไวน์ถึงได้เลือกเธอ ถึงตอนแรกๆจเกร็งๆอยู่บ้าง แต่หลังก็ทำออกมาได้ดีจนน่าทึ่ง”
“ไม่หรอกครับ” ผมเกาท้ายทอยเขินๆ ไม่เคยถูกชมโดยคนเก่งๆแบบนี้มาก่อน ยิ่งพอรู้ว่าเขาเป็นตากล้องระดับแนวหน้าของเมืองไทยก็อดจะปราบปลื้มไม่ได้
“ครั้งหน้าหวังว่าจะได้ร่วมงานกันอีกนะ” ตากล้องชูนิ้วโป้งให้ผม ผมยกมือไหว้ขอบคุณแล้วเขาก็เดินกลับไปเก็บของ ผมเองก็ไปเก็บของๆตัวเองเช่นกัน
“ไง” ริคเป็นคนเดินเข้ามาทักผมก่อน
“ไปไหนต่อไหม พวกฉันกำลังจะไปหาข้าวกิน” พายุเป็นคนเอ่ยชวน ทีแรกก็ไม่หิวหรอกครับ แต่พอพายุพูดเท่านั้นแหละ ผมก็หิวเลย
“นั่นดิ ไปเปล่า” ริคสำทับชวนผมอีกรอบ
“ไปก็ได้ หิวเหมือนกัน” ผมตอบตกลง
“นายมีรถหรือเปล่า” พายุถาม ผมส่ายหน้าก่อนตอบ
“วันนี้ฉันไม่ได้เอารถมาน่ะ”
เพราะว่าวันนี้คุณไวน์เพิ่งจะกลับมาจากต่างประเทศ แต่ผมดันไม่อยู่ห้อง เพราอยู่คอนโดมาโค คุณไวน์เลยขับรถไปรับเนื่องจากว่ารถของผมอยู่ที่คอนโดตัวเอง
“ไม่เป็นไร งั้นไปรถฉันเนี่ยแหละ” ริคควงกุญแจรถแล้วก็เดินออกไป ผมเพิ่งสังเกตุว่าริคตัวเล็กกว่าพายุอยู่หน่อย ทั้งสัดส่วนของขนาดและส่วนสูง แต่ผมกลับตัวเล็กกว่าริคเสียอีก ก็แน่ล่ะ ผมสูงร้อยเจ็บสิบเอง สองคนข้างหน้าสูงเกินร้อยแปดสิบทั้งคู่
เห็นแล้วเพลียกับความสูงตัวเอง
ริคเลือกร้านที่อยู่ไม่ไกลจากสตูดิโอมากนัก เหตุเพราตอนนี้เป็นเวลาเลิกงาน รถติด ถ้าจะออกไปกินที่อื่นคงได้หิ้วท้องรอเป็นชั่วโมงแน่ๆ เลยเลือกร้ายอาหารไทยใกล้ๆแทน
“เอาอ่ะไรสั่งเลย เดี๋ยวเลี้ยง” ริคเอ่ยอย่างใจปล้ำ แต่ผมรีบปฏิเสธ
“ไม่เอา หารกันเถอะ”
“ไม่ๆ เดี๋ยวเลี้ยง เพราะพายุจ่าย” ริกฉีกยิ้มกว้าง คนที่ถูกพาดพิงก็ไม่ได้ว่าอะไร แค่ส่ายหน้ามองริคยิ้มๆเท่านั้น
“ไม่ดีอ่ะ หารเถอะ ฉันไม่สบายใจ”
คนเพิ่งจะรู้จักกันจะให้เขาเลี้ยงได้ยังไงครับ น่าเกลียดตายเลย
“ขี้เกรงใจจัง เอาเถอะ หารก็หาร แต่กูไม่จ่ายนะครับ”
“อืม ทำยังกับว่าเคยจ่ายเอง” พายุพูดขำๆแล้วกวักมือเรียกพนักงานให้มารับออเดอร์
ทั้งสองคนสั่งกันชนิดที่ว่าผมไม่ต้องเอ่ยปากสั่งเลย นี่กะสั่งมาเลี้ยงคนทั้งหมู่บ้านหรือยังไง แล้วพวกเขาไม่ต้องดูแลหุ่นกันหรือยังไง ถึงได้กินกันเยอะขนาดนี้
“เฮ้ย! แม่ง เจ๋งวะ” ริคร้องตกใจขึ้นกลางโต๊ะ เขากำลังเล่นโทรศัพท์ตัวเองอยู่ ก่อนที่เจ้าตัวจะหัวเราะเบาๆออกมา พายุขมวดคิ้วมองหน้าผมเหมือนสงสัย แล้วก็ชะโงกหน้าไปมองในโทรศัพท์ของริค พายุเองก็ดูจะตกใจไม่น้อย จนผมเริ่งรู้สึกอยากรู้อยากเห็นตามไปด้วยว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ถามจะออกไปก็คงไม่เหมาะ เพราะเราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น
“เอาจนได้วะไอ้นี่ แม่งฟันนางแบบในวงการหมดทั้งวงการแล้วมั้ง” ริคพูดไปหัวเราะไป เหมือนเรื่องที่ทำให้เขาตกใจไม่ใช่เรื่องร้ายแรง
“เรื่องปกตินิ นั่นมันใคร มาโค...ยังได้สิแปลก”
แต่ชื่อของคนคุ้นเคยทำให้ผมกล้าทำเรื่องที่เสียมารยาท
“มาโค...ทำไมเหรอ” ผมถามขึ้น ไม่ว่ามันจะเป็นเรื่องอะไร แต่ถ้าเกี่ยวข้องกับมาโค ผมก็อยากรู้ทั้งนั้น
“อ่อ นายก็คงจะรู้จัก เพราะมันดังจะตาย ดูนี่” ริคส่งโทรศัพท์ให้ผมดู เป็นภาพของมาโคกับผู้หญิงรูปร่างสะโอดสะอองหน้าตาสวยเซ็กซี่กำลังคลอเคลียกันอยู่บนเตียง และอีกหลายๆภาพ ที่ทำให้ผมเกือบจะหายใจไม่ออก สมองมันตื้อไปหมด รู้สึกว่าการกลืนน้ำลายลงคอเป็นเรื่องยากลำบาก
“ปกติบางคนต้องเกี้ยวเป็นอาทิตย์ถึงได้จะนาเดียไปกิน แต่ไอ้นี่แม่งเล่นคืนเดียวได้ สุดยอดจริงๆวะ”
“ใช่เมื่อคืนเปล่าวะ เหมือนเห็นมันและนาเดียอยู่ที่ผับ เสื้อผ้าชุดเดียวกันเลย”
“เออใช่ เมื่อคืนเราก็เจอนี่หว่า แต่ไม่คิดว่าทั้งสองคนจะไปนอนด้วยกันมา ไวมาก!”
พอได้ฟัง...ดวงตาผมก็ร้อนผ่าวขึ้นเรื่อยๆ
“ใครเป็นคนถ่ายวะ ห้องนั้นมันห้องวีไอพีไม่ใช่เหรอ”
“มันอาจจะถ่ายเองก็ได้”
“ขอตัวนะ พอดีมีธุระ” ผมวางโทรศัพท์ของริคลงบนโต๊ะแล้วรีบเดินออกจากร้านทันที ไม่อยู่ฟังเรื่องราวของมาโคต่อ ผมทนฟังต่อไปไม่ไหวแล้ว ทนไม่ได้ที่จะต้องรับรู้ว่านอกใจผมไปนอนกับคนอื่นจริงๆ แถมยังเป็นผู้หญิงที่สวยขนาดนั้น
บรรยากาศก็ช่างเป็นใจให้ฝนตกลงมาอย่างหนัก ผมก้มหน้าก้มตาเดินไม่สนใจว่าตัวเองจะเปียกไหม ไม่สนใจเสียงเรียกของพายุและริคที่ดังขึ้นจากด้านหลัง จนเสียงพวกเขาสองคนเงียบไป ในสมองผมมีแต่ภาพที่เห็นและเรื่องที่ได้ยิน
เมื่อคืน...เขากลับมาดึกด้วยสภาพที่เมามาย แล้วเขาก็กอดผม โดยที่ผมไม่รู้เลยว่าก่อนหน้านี้เขาไปกอดใครมา
ทำไมถึงเจ็บแบบนี้ล่ะ...ทั้งที่ผมคิดว่าผมเผื่อใจเอาไว้แล้ว คิดว่าจะไม่เป็นอะไรถ้าวันนั้นต้องเสียเขาไป แต่ว่า...มันเจ็บมากขนาดนี้ได้ยังไงกัน
“พริก! มาเดินตากฝนทำไม ขึ้นรถเร็ว!” ใครบางคนดึงแขนผมเอาไว้ ผมค่อยเงยหน้ามองเขา แววตาและสีหน้าของคนที่มาทำให้ความอดทนอดกลั้นของผมสิ้นสุดลง
“พี่ธัน ฮือออ ผมเจ็บ ฮืออ” ผมปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อายเมื่อเจอคนที่พึ่งพิงได้
“ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไร พี่อยู่นี่แล้ว”
.......................................................
หลังจากนี้ริริไม่สามารถบอกอะไรได้ บอกได้แค่ว่าจงติดตามกันต่อไป บางทีมันก็มีอะไรมากกว่าที่คุณคิด วะฮะฮ่าๆๆๆๆ
