DOUBLE-FACED: เสแสร้งแกล้งรัก
Chapter 23: Romantic dreams will stop50% หลัง
HIM: MACO
บทจะซวยก็ทำเอาไม่ทันตั้งตัว ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีพลาด มันต้องมีอะไรบางอย่างผิดปกติแน่ๆ เพราะห้องพักรับรองที่ผับนั้นค่อนข้างส่วนตัว ผมไม่ได้เป็นคนถ่ายคลิป แล้วมันมีคลิปหลุดออกมาได้ยังไงวะ!
อย่าให้รู้นะว่าใครทำ ผมไม่เลี้ยงมันไว้เอาบุญแน่!!!
“พริก...เดี๋ยว คุยกันก่อน” ผมดันประตูเอาไว้สุดแรง เพราะทันทีที่พริกเปิดออกมาเจอหน้าผม มันก็ทำท่าจะปิดทันที เห็นตาแดงๆที่บวมช้ำจากการร้องไห้แล้วผมก็รู้สึกแย่โครตๆ ความรู้สึกผิดเกาะกินจิตใจผมจนอยากจะดึงมันเข้ามากอดปลอบ
โอเค ผมมันเหี้ยและเลวมากที่ทำแบบนั้นลงไปเพียงเพราะกิเลสตันหาของตัวเอง แต่ผมย้อนเวลากลับไปไม่ได้ ทำได้ก็แค่ขอโทษและปรับปรุงตัวเท่านั้น
“ไม่คุย พี่กลับไปเถอะ” น้ำเสียงแหบระโหยต่างจากปกติ ผมออกแรงดันประตูด้วยแรงที่เยอะกว่าเดิมจนพริกไม่อาจต้านแรงได้ ตัวมันเซถอยหลังเพราะแรงผม ผมรีบแทรกตัวเข้าไปในห้อง ปิดประตูลง มองหน้าคนที่ยืนเม้มปากแน่นเพราะโกรธจัด
“ออกไปเลยนะ ผมไม่อยากเห็นหน้าพี่!” พริกพูดเสียงสั่น พอน้ำตาหยดหนึ่งไหลออกจากดวงตาที่ทั้งบวมและแดงกล่ำ ผมก็คว้าตัวพริกเข้ามากอดทันที
การที่ได้เห็นคนที่เรารักเจ็บปวด มันทรมานแบบนี้เองสินะ
ยิ่งผมเป็นคนทำให้พริกเป็นแบบนี้แล้วด้วย ผมยิ่งรู้สึกเจ็บยิ่งกว่าครั้งไหนๆ
“ขอโทษ ฉันขอโทษ”
คงไม่มีคำพูดไหนที่ผมจะพูดออกมาได้นอกจากขอโทษมันเท่านั้น
“ฮึก ฮือออ พี่ทำแบบนี้ทำไม”
ผมปล่อยให้พริกทุบตีผมตามใจชอบ เพราะผมสมควรได้รับมัน คนเราตอนทำก็ไม่คิด มาคิดได้ตอนที่คนที่รักเสียใจ ถ้าวันนั้นผมคิดที่จะยับยั้งชั่งใจตัวเองสักนิด เรื่องมันคงไม่เป็นอย่างนี้...
แต่จะคิดแก้ไขไปให้ได้อะไรขึ้นมา ในเมื่อเรื่องมันเกิดขึ้นแล้ว และผมทำให้พริกมันเจ็บช้ำน้ำใจไปเรียบร้อยแล้ว
“ฮึกก ผมเกลียดพี่ ฮืออ”
มือที่ทุบตีผมหยุดลง พริกเพียงแค่กำเสื้อตรงหน้าอกผมเท่านั้น ตัวมันพิงผมทั้งตัว ลมหายใจของพริกที่รินรดตรงหน้าอกผมร้อนผ่าว ตัวก็ร้อน ไม่สบายแน่ๆ ผมอุ้มมันขึ้น พริกผวาเอามือกอดคอผม และเอาขารัดเอวผมแน่น
“ฮึก ทำไร!” เสียงตะวาดปนสะอื้น ฟังแล้วน่ารักไม่มีใครเกิน ผมเปล่าโรคจิต แต่มันน่ารักจริง พอร้องไห้งอแงแล้วเหมือนเด็กไม่มีผิด
“พักผ่อนก่อนนะ ไว้หายดีแล้วฉันจะให้นายอาละวาดใส่ฉันให้เต็มที่เลย” ผมไม่เคยใจเย็นขนาดนี้มาก่อนเลย ที่ผ่านมาถ้าคู่ควงคนไหนงี่เง่าเอาแต่ใจ ผมก็ปล่อยผ่าน แต่พริกไม่เหมือนคนอื่น เขาให้อะไรกับผมมากมาย อย่างน้อยๆ เขาก็ทำให้ผมรู้จักกับคำว่า...รัก
ผมวางพริกลงบนเตียง แล้วนั่งลงข้างๆ พริกมองค้อนผม ใบหน้าเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา ใบหน้าดูอ่อนล้าเพราะพิษไข้ ผมลุกไปเข้าห้องน้ำ ผมมาพร้อมกับผ้าชุบน้ำผืนหนึ่ง พอผมจะเช็ดหน้าให้ พริกก็ปัดมือผมออก แล้วผลิกตัวนอนตะแคงหันไปอีกทาง
“อย่าพึ่งดื้อได้ไหม เช็ดหน้าก่อน” ผมจับตัวพริกให้หันมา แต่คนป่วยขืนตัวเองไว้สุดแรง
“อย่ามายุ่ง! แค่กๆๆ”
“ไม่ยุ่งได้ไง แฟนทั้งคน” ผมออกแรงกระชาดตัวพริก รู้แหละว่าทำมันเจ็บ แต่ทำไงได้ ก็มันดื้อนี่
“เจ็บ! นะ ฮึก! ไอ้บ้า! ไปไหนก็ไปเลย ไม่เป็นแล้วแฟนอ่ะ ไม่เป็นแล้ว! จะไปนอนกับใครก็ไปเลย อย่ามายุ่งกับผม แค่กๆ ผมเกลีย...อื้อออ!”
เสียงไม่มีก็ยังจะโวยวายอยู่ได้ รำคาญเลยปิดปากมันด้วยปากผมซะ พริกดิ้นไม่ยอมให้ผมจูบดีๆ ผมเลยลูบแก้มพริกเบาๆ พรมจูบเบาๆไม่ได้ทำรุนแรงจนพริกค่อยๆสงบลง สะอื้นเบาๆในลำคอเท่านั้น
“ลืมได้ไหม ต่อไปฉันจะไม่ทำอีกแล้ว” ผมกระซิบบอก ไม่รอคำตอบก็จูบซ้ำอีกครั้งด้วยความรู้สึกของผมที่มีทั้งหมด มีแค่คนนี้เท่านั้นที่ทำให้ผมใจเต้นแรงได้ขนาดนี้ แม้ว่าแค่จูบเพียงแผ่วเบาเท่านั้น
“ทำไม” แววตาตัดพ้อของพริกเป็นสิ่งที่ผมไม่อยากจะเห็นที่สุด
“กับผู้หญิงคนนั้น มันไม่มีความหมายอะไร แค่ผ่านมาและผ่านไป”
“ผมก็เป็นแบบนั้นใช่ไหม แค่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป”
“ไม่ นายไม่ใช่แค่ผ่านมาแล้วผ่านไป นายสำคัญสำหรับฉัน ขอโทษ ฉันอยากจะขอโทษนายอีกสักพักสักหมื่นครั้งถ้ามันจะทำให้นายรู้สึกดี”
ผมประคองใบหน้าของพริกเอาไว้ มองสบตาคู่ที่ตรึงใจผมเอาไว้เพีงแรกเห็น ผมไม่กล้าที่จะสัญญาว่าผมจะไม่ทำให้เขาเจ็บอีก แต่ผมอยากจะบอกมันว่า ความรู้สึกที่ผมให้ไปนั้นมันคือของจริง ผมไม่ได้หลอกลวง ไม่ได้เสแสร้งแกล้งทำทั้งนั้น
“รักนะ ฉันรักนาย”
คนป่วยหลับไปแล้ว ผมนั่งมองคนที่หลับไปจนเวลาผ่านเข้าวันใหม่ คอยเช็ดตัวอยู่ตลอดเวลาจนไข้เริ่มลดลง ผมกระตุกยิ้มมุมปากขำตัวเอง คนอย่างผมเนี่ยนะดูแลคนอื่นก็เป็น
ผมนั่งมองคนป่วยจนไม่รู้ว่าตัวเองหลับไปตอนไหน ตื่นมาอีกทีพริกก็ไม่อยู่บนเตียงแล้ว ใจผมหายแวบ รีบออกไปนอกห้อง เห็นพริกนั่งฟุบอยู่ที่โต๊ะตรงโซฟา บนโต๊ะมีหนังสือวางเกลื่อน ผมเดินเข้าไปดูใกล้ๆ นั่งยองๆแล้วเอามือทาบที่หน้าผากเนียนเบาๆ
ตัวยังร้อนอยู่เลย
“พริก มานอนอะไรตรงนี้” ผมเขย่าตัวมันเบาๆ พริกปรือตาขึ้น
“ผมมีสอบ” เสียงแหบแห้งตอบเบาๆ
“แล้วทำไมไม่นอนพัก นี่กินข้าวหรือยัง”
“ยังไม่ได้กิน”
“เฮ้อ ลุกขึ้นไหวไหม กลับไปนอนที่ห้องไป” อยากจะดุมันเหลือเกิน แต่จะโทษมันก็ไม่ได้ที่มันยังไม่ได้กินข้าว เพราะผมเผลอหลับไปจนตื่นสาย
“ไม่เอา ผมจะอ่านหนังสือสอบ” พริกยังดื้อแพ่ง หยิบหนังสือตรงหน้ามาอ่าน แต่ตาปรือลงจะจะปิดแหล่ไม่ปิดแหล่ ไม่ไหวแต่ก็ยังจะฝืน
“พักก่อน หายดีแล้วค่อยอ่าน เอางี้ ขึ้นไปนอนอ่านบนโซฟาก่อน”
พริกนิ่งเงียบก่อนจะขยับตัวขึ้นนอนบนโซฟา ในมือก็ถือหนังสือเรียนไว้ด้วย ผมเดินเข้าไปหยิบผ้าห่มมาห่มให้มัน แล้วรีบอาบน้ำล้างหน้าล้างตาลงไปหาซื้อข้าวมาให้พริกกิน
ได้โจ๊กกับข้าวต้มมาอย่างละสองถุง เผื่อตอนกลางวันด้วย จะได้ไม่ต้องลงมาซื้ออีกรอบ พอกลับมาถึงห้อง มันก็หลับคาหนังสือไปแล้ว ผมเพิ่งสังเกตุว่ามันยังอยู่ในชุดเมื่อคืน คงไม่ได้อาบน้ำ ซึ่งก็ดีแล้ว เพราะไม่งั้นได้เป็นหนักกว่าเดิมแน่
[Krrrr Krrrr]
ผมรีบเทโจ๊กใส่จานแล้วให้พริก แล้วล้วงโทรศัพท์ในการเป๋ากางเกงขึ้นรับ
“ครับ”
[มาโค อยู่ไหนแล้ว! ใกล้ได้เวลาถ่ายแบบแล้วนะ!] เสียงแว้ดๆของผู้จัดการดังลั่นจนผมต้องเอามือถือออกห่างจากหูก่อนที่หูตัวเองจะหนวก
“โทษทีพี่ ผมไม่ว่าง” ผมบอกไป อันที่จริงผมลืมด้วยแหละ มัวแต่ห่วงคนป่วยจนลืมไปเลยว่าวันนี้มีงาน
[ไม่ได้นะ! งานนี้สำคัญมาก!]
“ผมไม่ว่างจริงๆ เดี๋ยวผมจะส่งคนอื่นไปทำงานแทนแล้วกัน ถ้าทางนู่นเขาจะเก็นค่าเสียหายก็บอกได้ เอาเงินในบัญชีผมจ่ายไปเลย แค่นี้นะพี่” ผมพูดเสร็จวางสายทันที ขี้เกียจฟังพี่แกบ่นมากนัก มันน่ารำคาญ ผมกดโทรศัพท์หาไอ้กัส
[ว่าไงวะ]
“ไปทำงานแทนกุที ค่าตัวก็เอาไปเลย ที่ตึก...” ผมใช้ไหล่หนีบโทรศัพท์ไว้ แล้วกดน้ำอุ่นใส่แก้มให้พริกแทนน้ำเย็น พร้มกับทำน้ำผึ้งผสมมะนาวที่ผมซื้อติดขึ้นมาด้วยให้คนป่วย
[ทำไมวะ ไอ้งานถ่ายแบบนั่นน่ะนะ]
“เออ พริกไม่สบาย ไม่มีคนดู ฝากมึงทีแล้วกัน อีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็จะเริ่มงานล่ะ”
[เออๆๆ ไม่บอกกูซะตอนเลิกงานแล้ววะ เดี๋ยวกูทำแทนเอง ดูแลพริกดีๆนะเว้ย]
“เออ ขอบใจ” ผมวางสาย ยัดโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกงตามเดิน แล้วลงมือแกะโจ๊กของตัวเองต่อ
ผมปลุกพริกที่นอนกลับให้ลุกขึ้นกินข้าว แต่ปลุกยากกว่าที่คิดเพราะจะเอาแต่นอน
“กินข้าวกินยาก่อนแล้วค่อยนอน” ผมเกลี่ยมกล่อม พริกส่ายหน้าไปมา ตัวเริ่มร้อนขึ้นกว่าเดิมจนผมนึกเป็นห่วง
“งั้นไปโรงพยาบาล” ผมว่า พริกลืมตาโพรงทันที
“ไม่เอา ไม่ไป”
“ถ้าไม่อยากไปก็ต้องลุกขึ้นมากินข้าว”
พริกเบ้หน้าเหมือนจะร้องไห้ แต่ก็ยอมลุกขึ้นนั่งแต่โดยดี ผมช่วยประคองและนั่งลงข้างๆ ยกถ้วยโจ๊กขึ้นถือไว้ ผมตักโจ๊กขึ้นเป่าให้หายร้อนแล้วจ่อที่ปากพริก ผมมองแล้วเบือนหน้าหนี
“ผมกินเองได้”
“อย่าเรื่องมากน่า ฉันป้อนก็กินๆเข้าไปเถอะ” ผมไม่ยอม แรงก็ไม่ค่อยมี จะกินเองไว้ได้ไง เดี๋ยวก็ได้หกเลอะเทอะกันพอดี แต่คนดื้อก็คือคนดื้อครับ พริกไม่ยอมกินโจ๊กที่ผมป้อนให้ จนผมต้องยอมปล่อยให้มันกินเอง
ปล่อยให้กินเองไม่กี่คำ พริกก็วางชามโจ๊กลง แล้วทำท่าจะล้มตัวลงนอน ผมต้องรีบวางชามตัวเองลงแล้วรีบจับตัวพริกไว้ไม่ให้นอน
“ปล่อยผม ผมจะนอน” พริกร้องอย่างขัดใจ หงุดหงิดที่ผมห้ามไม่ให้มันนอน
“ยังนอนไม่ได้ กินยังกะแมวดม”
“ไม่เอา อิ่มแล้ว” พริกดิ้นไปมา ผมเลยต้องจับมันขึ้นนั่งบนตักแล้วรัดเอวเอาไว้แน่น มันดิ้นไปดิ้นมาจนสิ้นฤทธิ์ ซบอกผมอย่างหมดแรง เฮ้อ นี่คนป่วยจริงเปล่าวะเนี่ย แรงเยอะฉิบ
“กินอีกหน่อย แล้วจะได้กินยา”
“...”
“นะ”
“ปล่อยผมนะ! ผมยังโกรธพี่อยู่นะ ผมไม่ให้กอด!”
อยากจะขำจริงๆ บอกให้ผมปล่อยทั้งที่ตัวเองเป็นคนซบผมเนี่ยนะ แต่ผมเลือกที่จะไม่ล้อมัน เดี๋ยวมันจะยิ่งงอนเข้าไปใหญ่
“จะโกรธก็ได้ ไม่ได้ห้ามสักหน่อย แต่กินข้าวก่อนนะ”
ผมขยับตัวเอื้อมไปหยิบชามโจ๊กของพริกมาถือไว้ และจัดท่าทางให้พริกนั่งบนตักผมถนัดๆ ผมตักโจ๊กป้อนพริกถึงปาก เจ้าตัวลังเลแต่ก็ยอมอ้าปากกิน ผมดีใจเลยรีบป้อนมันอีกก่อนที่มันจะไม่อยากกิน แต่แค่สามคำพริกก็ส่ายหน้าหนีอีกรอบ
“อีกสามคำนะ กินอีกสามคำแล้วกินยานอนเลย จะไม่บังคับแล้ว” ผมพยายามหว่านล้อมให้เด็กดื้อยอมกินข้าว ไม่เคยดูแลคนป่วยมาก่อนเลยไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงถึงจะพอดี มันถึงจะหายป่วย
กว่าจะยอมกินกว่าจะป้อนยาได้ก็เล่นเอาผมเหนื่อย ผมจัดการกินข้าวของตัวเองจนเสร็จแล้วเอาชามโจ๊กไปเก็บในครัวก่อนจะออกมาอุ้มพริกกลับเข้าไปนอนในห้อง ผมเช็ดตัวให้มันอีกรอบแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ให้ ทาแป้งให้ด้วยมันจะได้นอนสบายตัว ผมไม่เปิดแอร์แต่เปิดประตูระเปียงห้องมันแทน อากาศจะได้ถ่ายเท
เฮ้ออ ดูแลคนป่วยนี่ยากเหมือนกันนะ
ผมเดินออกมาข้างนอกอีกครั้ง สายตาเหลือไปเห็นหนังสือเรียนของพริกที่วางกองอยู่บนโต๊ะโซฟา ผมเดินเข้าไปนั่งตรงที่พริกเคยนั่งก่อนหน้านี้ หยิบหนังสือแต่ละเล่มออกมาดู มีกระดาษแผ่นหนึ่งจดเอาไว้ว่าวิชาไหนสอบเรื่องอะไร บทไหนบ้าง
อีกสองวันก็ถึงวันสอบแล้ว ถ้ายังไม่หายแบบนี้ก็คงอ่านหนังสือไม่ได้แน่ เอาไงดีวะ....
และแล้วผมก็ตัดสินใจหยิบวิชาแรกที่พริกต้องสอบมาดู แล้วจัดการพูดอัดเสียงใส่โทรศัพท์เอาไว้ให้มันฟัง จะได้ไม่ต้องอ่านเอง ผมนั่งอ่านนั่งท่องอยู่หลายชั่วโมงจนจบไปหนึ่งวิชา พอใช้เสียงนานๆผมก็เริ่มรู้สึกเจ็บคอจึงต้องพัก เข้าไปดูคนป่วยในห้อง เที่ยงกว่าแล้ว คงต้องปลุกขึ้นมากินข้าวอีกรอบ ดีที่ไข้ลดลงหน่อย
อุ่นข้าวต้มเสร็จผมก็ถือเข้าไปในห้องนอนพริก ปลุกมันให้ลุกขึ้นมากินข้าว พริกงัวเงียตื่นขึ้นมามองตาผมปริบๆ น่ารักจนผมก้มลงไปหอมแก้มมันสองฟอดใหญ่
“อื้ออ ไม่ให้หอม!” มันโวยวายเสียงเบา ผมยิ้มขำกับอาการขู่ฟ่อๆของมัน
“ลุกขึ้นมากินข้าวเที่ยงก่อน”
กว่าจะกินเสร็จผมกับมันก็แทบตีกันอีกรอบ เพราะมันทำท่าจะไม่กินข้าว กินก็กินน้อย แล้วแบบนี้มันจะหายไหมเนี่ย พอผมจะให้กินยาก็ไม่ยอมกินอีก
“ไม่เอาไม่กิน เดี๋ยวง่วง” มันว่า
“ง่วงก็ดีแล้วไง จะได้พักผ่อน”
“ไม่เอา เดี๋ยวผมจะอ่านหนังสือสอบ”
“กินยาก่อน แล้วค่อยอ่าน”
“ผมบอกว่าไม่กินไง! เดี๋ยวมันง่วง แค่ก!”
โวยวายจนเจ็บคอจนได้ ผมลุกขึ้นเดินออกจากห้องไปหยิบโทรศัพท์ตัวเองที่อัดเสียงเอาไว้เมื่อกี้มาให้พริก มันมองโทรศัพท์ผมงงๆ ผมเลยจัดการเปิดไฟล์แล้วเสียบหูฟังใส่หูมัน
“นอนฟังไป ฉันอ่านแล้วอัดเสียงไว้ให้ ทีนี้ก็กินยาได้แล้วนะ”
“...”
“พักผ่อนเยอะๆจะได้หายไวๆ จะได้มีแรงอ่านหนังสือเต็มทีไงครับ”
“ก็ได้”
เฮ้อออ เหนื่อย...แต่ผมเต็มใจ
……………………………….
ว่าจะไม่แต่ง ว่าจะไม่ต่อเพราะงานเยอะ แต่ก็อดไม่ได้

คิดถึงนิยายตัวเอง สุดท้ายก็ต้องแบ่งเวลามาจิ้มๆให้จบตอนนี้
ยังมีใครรออ่านอยู่ไหมน้า ขอเวลาหน่อยนะคะ ปิดเทอมเมื่อไหร่ก็จะมาได้บ่อยเหมือนเดิมแล้ว ^_^
