DOUBLE-FACED: เสแสร้งแกล้งรัก
Chapter 19: You can't blame someone for walking away if you didn't do anything to make them stay
HIM: OSHIN
สำหรับคนบางคนแล้ว มันก็น่าแกล้งให้ร้องไห้เสียจริงๆ อย่างคนที่นั่งหน้างอบนเตียงเป็นต้น ผมทำเป็นไม่สนใจหน้างอๆนั่น จัดการแต่งตัวหน้ากระจกเตรียมไปทำธุระ
“ไอ้เชี่ย!”
มันด่าผมครับ ผมหันไปมองหน้าพอร์ชนิ่งๆ แต่อีกฝ่ายกลับสบัดหน้าใส่ผม หึหึ คอเคล็ดไม่นั่นน่ะ สบัดซะแรงเชียว ผมกลั้นยิ้มเอาไว้อย่างยากลำบาก และพอร์ชคงทนต่อความเฉยเมยของผมไม่ไหว ถึงได้ลุกขึ้นจากเตียงเดินมายืนตรงหน้าผมด้วยสีหน้าทมึงทึง
“นี่แน่ะ!”
“โอ๊ย! เจ็บนะเว้ย!!!”
ผมกระโดดกุมเท้าที่ถูกพอร์ชเหยียบเต็มไปแรงไปมา มันทำหน้าสะใจมากที่ทำผมเจ็บตัวได้ ผมจ้องหน้ามันคาดโทษ ข่มความเจ็บเอาไว้แล้วยืนตามปกติ กวนแต่เช้าเลยได้นี่นิ
“เป็นบ้าเหรอไง”
“นายนั่นแหละบ้า ไอ้บ้า!!”
อื้อหือ ทั้งบ้าทั้งน้ำลายเต็มหน้าผมเลย
“”พอๆ อย่าเพิ่งชวนทะเลาะ วันนี้เรียนถึงบ่ายสามใช่ไหม เลิกเรียนแล้วรออยู่ที่นั่นเดี๋ยวไปรับ”
“ไม่รอ!!!”
“อย่ากวนตีนครับ พูดให้ทำตาม โอเคนะ”
มันขึงตาใส่ผม พอแล้วครับสำหรับเช้านี้ แกล้งมันพอหอมปากหอมคอพอ แต่พอร์ชยิ่งทำหน้างอเข้าไปใหญ่ แล้วก็เดินกระแทกเท้าปึงปักออกไปข้างนอกห้องนอน ผมส่ายหน้ามองตามมันขำๆ
ตั้งแต่กลับมาจากทะเลได้สองวัน มันก็วีนเหวี่ยงใส่ผมตั้งแต่สากกระเบือยันเรือรบ แน่ล่ะ ก็พอร์ชมันอุตส่าห์ของผมคบทั้งที ผมถึงกับเอ่ยปากเองเลยนะ แต่ผมดันเฉไฉแกล้งไม่ตอบตกลง พอร์ชถึงได้อารมณ์เสียไม่หายจนถึงตอนนี้ ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากคบมันหรอกนะ แต่ผมมีเหตุผลบางอย่างที่คบมันไม่ได้ในตอนนี้ก็แค่นั้นเอง
เมื่อถึงเวลา ผมจะเป็นคนขอมันคบด้วยตัวเอง
เพราะฉะนั้น ตอนนี้ต่อให้มันอ้อนวอนขอร้องผมให้ตาย ผมก็ไม่มีทางคบมันเด็ดขาด วันนี้มันอาจจะด่าผม ช่างมัน ปล่อยให้มันด่าผมไป แต่วันหน้ามันจะต้องนึกขอบคุณผมแน่ๆผมรับรองได้
ฟอดดด
“อื้ออ อย่ามาหอม!” พอร์ชร้องแล้วก็พลักตัวผมให้ออกห่าง ไม่ให้ผมหอมแก้มมันอีกที
“ฉันไปแล้วนะ แล้วอย่างลืมที่บอก เลิกเรียนแล้วรอที่คณะ อย่าไปแรดที่ไหนล่ะ”
“ไม่ต้องมาห้าม ไม่ฟังเว้ย!”
“ก็ลองดูสิ แล้วจะได้รู้ว่าตัวนายเองจะเดือดร้อนแค่ไหน”
“อย่าคิดว่าไม่กล้านะ!”
พอร์ชลุกขึ้นยืนประจันหน้ากับผม ตัวยังกับลูกหมายังจะทำใจกล้าอีก แต่ก็ดีๆ กล้าๆแบบนี้ผมชอบ และดูจากหน้ามันแล้ว มันคงอยากจะฆ่าผมให้ตายฆ่ามือมันเลยล่ะตอนนี้ แต่เปลี่ยนไปตายคาอกมันคงจะดีไม่น้อย จริงไหมครับ ^_^
“แล้วฉันพูดเหรอว่านายไม่กล้า เอาเลย อยากทำอะไรทำเลย ชีวิตนาย ตัวนาย สิทธิ์ของนายจริงไหม ถ้าหากว่านายไม่กลัวผลที่จะได้รับ ก็ลองดูได้เลย ฉันไม่ได้ห้ามเลยสักนิด”
ผมยกลือขึ้นลูบศีรษะทุยได้รูปของพอร์ชเบาๆราวกับเอ็ดดูเด็กน้อย แต่มันคงทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจถึงได้ปัดมือผมทิ้งเสียแรงจนเกิดเสียงดังเพี๊ยะ ผมยักไหล่ไม่ใส่ใจ เจ็บแค่เหมือนหมดกันผมไม่ถือสาเอาความ เพราะผมทำมันเจ็บปล่อยครั้งเหมือนกัน
“คอยดูนะ ฉันจะไปแรดให้ลืมโลกเลย!!!”
หึหึ เด็กชะมัด
ทำงานเสร็จผมก็โทรหาพอร์ชทันที แต่มันไม่รับ ผมโทรไปอีกหลายๆครั้งแล้วในที่สุดมันก็ปิดเครื่องหนีผมไปเลย ผมขับรถไปหามันที่มหาวิทยาลัย ขับไปตรงหน้าคณะแฟชั่นดีไซน์ ก็เหมาะกับหน้ามันอยู่หรอกนะครับที่เลือกเรียนคณะนี้ และบ้านมันคงต้องรวยมากแน่ๆที่ส่งลูกเรียนคณะนี้มหาวิทยาลัยนี้ได้ เพราะค่าเทอมๆหนึ่งก็เหยียบแสนแล้ว
ที่ผมรู้เกี่ยวกับพอร์ชก็มีแค่นี้ ผมแทบไม่รู้เรื่องราวอะไรของมันเลย ผมไม่ถามมันไม่เล่า เหมือนจะแฟร์เพราะมันเองก็ไม่รู้เรื่องของผมเหมือนกัน เห็นไหมล่ะ แล้วแบบนี้จะให้ผมตอบตกลงคบมันได้ยังไง แต่เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน โต๊ะประจำที่พอร์ชมักจะนั่งอยู่กับเพื่อน แต่ตอนนี้ผมเห็นเพื่อนมันแค่คนเดียว แต่เจ้าตัวไม่รู้หายไปไหน
“โทษทีนะ พอร์ชอยู่ไหน” ผมถามเพื่อนของพอร์ชที่ดูตุ้งติ้ง แต่ผมจำไม่ได้ว่าเขาชื่ออะไร แค่เคยเห็นว่าอยู่กับพอร์ชเท่านั้น ไม่ได้รู้จักอะไรมาก
“อ่อ มันกลับไปแล้วนิ เห็นว่าไปดูหนังกับรุ่นพี่...อุ้ย! แหะๆ” ดูเหมือนว่าเขาจะหลุดพูดความลับออกมาเสียแล้ว ผมเพียงแค่ยิ้มนิดๆ
“มันไปที่ไหนเหรอครับ”
“เอ่อ...”
“ที่ไหนครับ” ผมกดเสียงให้ต่ำลง ใช้สายตากึ่งบังคับให้เพื่อนพอร์ชพูด ทำท่าอึกๆอักๆแบบนี้คงต้องรู้แน่ว่าพอร์ชไปไหน
เมื่อผมได้จุดหมายปลายทางที่พอร์ชมันจะไปดูหนังกับรุ่งพี่แล้ว ก็ขับรถตามไปทันที เพื่อนมันบอกว่าผมคลาดกับสองคนนั้นไม่ถึงครึ่งชั่วโมงดี และที่ๆมันจะไปก็เป็นห้างที่อยู่ไม่ไกลจากที่นี่มากนัก ยังไงก็ตามไปทัน
ทันทีที่ผมขับรถมาถึงห้างxxxจะเรียกว่าฟ้าเป็นใจก็คงได้ ผมถึงไม่ต้องเดินตามหาพอร์ชให้เหนื่อย เพราะตอนนี้พอร์ชและรุ่งพี่ของมันเดินอยู่ข้างหน้าผม โดยที่ไอ้รุ่นพี่ของมันโอบไหล่เอาไว้ ผมทำใจเย็นเดินตามมันสองคนไปเรื่อยๆจนมาถึงหน้าโรงหนัง
เสียงหัวร่อต่อกระซิกของคนสองคนตรงหน้าทำให้ผมเริ่มหมั่นไส้ตงิดๆ ผมต่อแถวซื้อตั๋วหนังถัดจากพอร์ชแค่เพียงสองสามคนเท่านั้น แต่เชื่อเลยว่ามันยังไม่เห็นผม ผมรู้ว่าพอร์ชจะดูหนังเรื่องอะไร เพราะระหว่างทางทั้งคู่คุยกันเกี่ยวกับหนังที่จะดูมาตลอดทาง
“พี่วิน เรา...!”
พอร์ชมันหันมาเห็นผมแล้วครับ ตาของมันเบิกโตยิ่งกว่าไข่ห่านเสียอีก ผมแสยะยิ้มมุมปากนิดๆอย่างมาดร้ายใส่มันทีแล้วก็เดินไปเข้าช่องซื้อตั๋วหนังใกล้ๆมันที่ยืนอยู่
“เป็นอะไรไปครับพอร์ช รู้จักเหรอ”
“ปะ เปล่าครับ เราไปหาอะไรกินกันเถอะ” มันพูดกับไอ้วินเสียงหวานหยดย้อย แล้วก็เดินจากไป
“ทั้งหมดหนึ่งร้อยแปดสิบบาทค่ะ”
ผมจ่ายเงินค่าหนังเสร็จก็เดินตามมันไป มองเห็นแผ่นหลังคุณตาของพอร์ชแวบๆหายเข้าไปในร้านอาหารอิตาเลียนชื่อดังร้านหนึ่ง ผมเดินช้าๆไม่รีบร้อย เพราะยังไงคือนนี้มันก็ได้เจอบทลงโทษแบบจัดหนักจัดเต็มแน่ ตอนนี้ก็ปล่อยให้มันมีความสุขไปให้เต็มที่ไปก่อน
พนักงานต้อนรับหน้าร้านยกมือไหว้สวัสดีผมอย่างที่ถูกอบรมมาเป็นอย่างดี ภายในร้านใช้เฟอร์นิเจอร์สีขาวตัดครีม ประดับด้วยไฟสีเหลืองนวล ช่วยให้บรรยากาศในร้ายดูอบอุ่นและโรแมนติด ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเมียผมกำลังนั่งยิ้มหน้าระรื่นอยู่กับรุ่นพี่ชู้รักของมันราวกับมาออกเดตกัน ผมคงจะมีอารมณ์ชื่อชมความงามของร้านก็เป็นได้
ผมเลือกนั่งโต๊ะข้างๆพอร์ช มันมองผมอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ คงไม่พอใจที่ผมตามมาเป็นก้างขวางคอ แต่คุณเชื่อไหม ภายใต้ใบหน้าที่ยิ้มแย้มมีความสุขของพอร์ชที่แสดงออกต่อหน้าไอ้รุ่นพี่ของมันในขณะนี้ ผมมองออกวั่นว้าวุ่นใจไม่น้อยที่ผมตามมาเจอ ถามว่าผมอยากจะเข้าไปกระชากมันออกมาจากตรงนั้นไหม อยากมาก! แต่ถ้าทำแบบนั้นผมว่ามันจะดูออกง่ายเกินไป ค่อยๆทำให้มันจิตตกไปทีละนิดๆนี่แหละดี
ผมพิมพ์ข้อความบางอย่างส่งถึงพริก ไม่นานมันก้ตอบกลับมา ผมยกยิ้มอย่างพอใจ หึ! เดี๋ยวเราจะได้เห็นดีกันนะที่รัก!
HIM: PORCHE
มันตามผมาได้ไงวะเนี่ย!
เมื่อเช้ามันสั่งให้ผมรอมันที่คณะหลังเลิกเรียน แต่เรื่องอะไรผมต้องทำตามคำสั่งมันด้วย ผมกำลังโกรธและโมโหในแบบขีดสุดเรื่องที่มันกล้าเมินเฉยต่อคำพูดของผม คิดดูนะว่าผมต้องทำหน้าด้านขนาดไหนที่ขอมันคบน่ะ แต่มันกลับไม่สนใจไม่ยอมตอบตกลง ถึงมันจะไม่ได้ปฏิเสธออกมาเป็นคำพูด แต่การกระทำและคำพูดที่บ่ายเบี่ยงของมันผมก็พอจะแปลความออกว่ามันไม่ตกลง แล้วแบบนี้จะไม่ให้ผมหงุดหงิดได้ยังไง
ตอนนี้ผมกลายเป็นคนหน้าไปอายแบบสมบูรณ์แบบไปแล้ว
เฮอะ!
กูงอน!!!
ทุกวันนี้ผมกับมันแทบไม่ต่างกับผัวเมียเลยสักนิด บางวันมันมานอนกับผมที่คอนโอย่างเช่นเมื่อคืนเป็นต้น หรือบางวันมันก็ลากผมไปนอนด้วย แต่จะมีบ้างที่แยกกันนอนแต่ก็น้อยกว่ามากเมื่อเทียบกับนอนด้วยกัน =_=^
แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ มันก็ไม่ยอมคบกับผมเสียที เมื่อคืนผมถามมันอีกรอบมันกลับหัวราะแล้วหาว่าผมเพ้อเจ้อ
ไอ้ผัวเฮงซวย!!!
“ไม่อร่อยเหรอครับ” พี่วิน รุ่นพี่ต่างคณะของผมถามขึ้น พี่เขาเรียนคณะแพทย์ครับ จะเห็นได้ว่าชีวิตผมมีแต่เด็กแพร์ทมาติด ไม่ใช่อะไร ก่อนหน้านี้ผมไปอ่อยไว้เองแหละ ก็แค่สองหน้าแล้วยิ้มให้แค่นี้ ก็ติดกับล่ะ ง่ายไปไม่เร้าใจเล๊ย!
แต่ไอ้ที่เร้าใจแม่งก็ทำท่าว่าจะไม่เอาผม โอ๊ยเพลีย!
“อร่อยสิครับ มากินกับพี่วิน อะไรก็อร่อยทั้งนั้นแหละ”
รางวัลตุ๊กตาทองสาขาตีบทตอแหลได้เฉียบขาดปีนี้อย่าลืมมอบให้ผมนะ เพราะต่อให้ในใจขุ่นมันกับไอ้หน้าหล่อโต๊ะข้างๆมากแค่ไหน แต่ผมก็ต้องแก้แคนมันให้ได้ อยากว่าผมแรดดีนัก ผมก็จะแรดอย่างที่มันต้องการให้ดู
“ทั้งปากหวานน่ารักขนาดนี้ คงมีแต่คงหลงน้องพอร์ชแย่เลยสิครับแบบนี้ แล้วพี่จะมีโอกาสไหมเนี่ย”
เหอะๆ แค่มองหน้าพี่วินผมก็รู้แล้วว่ามันต้องการอะไร แต่ที่ออกมาด้วยครั้งนี้เพราะผมปฎิเสธพี่วินมาหลายครั้งแล้ว รวมกับความอับอกคับใจเลยตอบตกลง
“ไม่หรอกครับ” ผมพูดถ่อมตัว แต่ที่จริงมันก็คือความจริง ถึงเกย์คิงบางคนจะสนใจผม แต่พวกนั้นก็สนใจแค่ภายนอกหรือไม่ก็อยากจะนอนกับผม เพียงเพราะผมแค่ชอบเล่นหูเล่นตาอ ชอบอ่อยไปทั่ว พวกนั้นก็เลยเอาไปพูดกันต่างๆนานาว่าผมง่าย เฮอะ! ทุเรศสิ้นดีไหมล่ะ
ถึงผมจะแรดก็แรดอย่างเปิดเผยครับ ดีกว่าอีพวกที่แรดเงียบ แต่ผัวเพียบก็แล้วกัน
แต่เอ๊ะ....มันเกี่ยวอะไรกันวะ เริ่มงงตัวเอง กลับมาๆ
“ถ้าอร่อยก็กินเยอะๆนะครับ อ่ะนี้ ลองชิมของพี่หน่อย เนื้อแกะที่นี่อร่อยมาก นุ่มสุดๆ” พี่วินหน้าหม้อจัดการหั่นสเต็กแล้วก็ป้อนให้ถึงปากผม ผมปรายตามองโอชินแล้วก็ยกยิ้มยียวนใส่ก่อนจะเบนสายตาหวานๆมองหน้าพี่วินแล้วอ้าปากงับเนื้อแกะพอดีคำที่รสชาติดีอย่างที่บอกเข้าปาก
“หึหึ เด็กจังนะเรา ซอสเลอะปากแน่ะ” ปากพูดมือก็ยื่มมาเช็ดให้ผม สัมผัสจากนิ้วมือที่แตะริมฝีปากผมและสายตาแปลกที่พี่วินมองทำให้ผมรู้สึกขยะแขยงจนอยากจะปัดมือทิ้ง แต่ทำแบบนั้นได้ที่ไหน ทำได้แค่เอ่ยขอบคุณเท่านั้น
กินเสร็จก็ได้เวลาดูหนัง ผมเดินเข้าไปในโรง ผมรู้ว่าโอชินเดินตามมาข้างหลัง พี่วินหันไปมองก่อนจะหันมามองหน้าผม เหมือนเขาจะยากถามแต่ผมชวนเขาคุยเรื่องนู้นเรื่องนี้แทนเพราะขี้เกียจตอบคำถามมากมาย แต่ในใจผมรู้สึกว้าวุ่น ทำไมมันถึงนิ่งได้ขนาดนั้น ตามเกาะผมแจแต่ไม่ยักกะทำอะไร แถมใบหน้ามันยังทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่โมโหไม่หึงไม่หวง หรือว่ามันตจะไม่ได้รู้สึกอะไรกับผมจริงๆ เพราะงั้นมันถึงไม่ยอมคบกับผม
ถ้าเป็นแบบนั้น มันจะมายุ่งกับผมทำไมวะ ไอ้บ้าเอ้ย! ผมเกลียดมัน! แม่งทำผมดูหนังไม่รู้เรื่องเลย ไอ้พี่วินแม่งก็พยายามจะลวนลามผม จนผมต้องปรามมันหลายครั้งจนพี่วินมันเริ่งอารมณ์เสียเลยขอตัวไปเข้าห้องน้ำ เออ! จะไปไหนก็ไปเลยแม่ง พอกันหมดไอ้พวกเวรเอ้ย ชีวิตผมนี่แม่งจะไม่เจอคนดีๆบ้างเลยใช่ป่ะ เจอแต่พวกหลอกลวงและบ้ากามทั้งนั้น!
“อ๊ะ! อะไรวะ!”
นั่งดูหนังอยู่ดีๆก็มีคนมาฉุดแขนผมให้ลุกขึ้นพร้อมกับลากผมออกมา แต่กลิ่นน้ำหอมและกลิ่นกายเฉพาะตัวทำให้ผมอุ่นใจว่าไอ้คนที่ลากผมออกจากโรงหนังไม่ใช่ไอ้โรคจิตที่ไหน แต่เป็นโอชิน
“เป็นบ้าอะไร ยังดูหนังไม่จบเลยนะ!” ผมแกล้งโวยวายใส่มัน ผมดูหนังเสียที่ไหนและ เอาแต่คิดถึงมันจนหัวจะระเบิด แล้วใจผมมันก็เสือกไปบ้าดีใจที่มันลากผมออกมาจากโรงหนังแบบนี้
“ฉันปล่อยให้นายมีควมสุขมานานแล้ว ถึงเวลาไปลงนรกแล้วที่รัก!”
ผมเสียงสันหลังวาบกับคำพูดของมัน แต่ก็ยอมให้มันลากผมกลับคอนโดแต่โดยดี มันเลือกมาที่คอนโดผม ผมมองมันงงๆแล้วก็ก้มมองมือตัวเอง ปกติมันจะชอบเดินจูงมือผม แต่ตั้งแต่ถึงคอนโด จนเข้ามาอยู่ในตลิฟต์ มันไม่จับมือผมเลย หรือแม้แต่เดินมาถึงที่ห้องมันก็ไม่ทำ ผมรู้สึกว่ามือตัวเองสั่นและน้ำตากำลังจะไหลลงมา ถ้าไม่ติดว่า...
“พี่พอร์ช!!!”
มัน...มันมาได้ไงวะ!
“มาทำไม” ผมกระชากเสียงห้วนถามน้องชายตัวดีที่มีดีกรีความแรดไม่ต่างจากผม คิดไปแล้วมันอาจจะมากกว่าผมด้วยซ้ำเพราะมันตอแหลเก่งสุดๆไปเลย ผมทะเลาะกับแม่บ่อยครั้งก็เพราะมัน
“อะไรอ่ะ พาสต้ามาหาไม่ดีใจหรือไง นี่น้องนะ!”
“น้องเวรล่ะสิไม่ว่า” ผมบ่นกับตัวเองเบาๆ
โอชินมองพาสต้าเหมือนสนอกสนใจ ยิ่งทำให้ผมหน้าตึงเข้าไปใหญ่ ส่วนพาสต้าก็มองโอชินแล้วทำหน้าเขิน คือมึงจะเขินทำไมครับ นั่นผัวกู!!!
“นี่น้องชายนายเหรอ น่ารักดีนะ” โอชินชมมัน พาสต้าเลยหน้าแดงเข้าไปใหญ่
“น่ารักแล้วอยากรักไหมล่ะครับ”
เหอะๆ ผมบอกแล้วไงว่ามันแรดกว่าผม!!!
“กลับบ้านไป” ผมไล่มัน เปิดประตูแล้วดันหลังโอชินเข้าห้อง พาสต้าทำท่าจะแทรกตัวเข้ามา แต่ผมยกขากันไว้ มันชักสีหน้าไม่พอใจใส่ผมทันที
“ผมจะฟ้องแม่ว่าพี่พาผู้ชายขึ้นคอนโด!” ถึงมันจะหน้าตาน่ารัก แต่นัยมันนี่ยร้ายกาจยิ่งกว่าปีศาจเสียอีกครับ
“อยากฟ้องๆไป แต่อย่าลืมบอกแม่ด้วยล่ะว่าแกก็อ่อยผู้ชายของพี่เหมือนกัน!”
“ไอ้พี่พอร์ช!”
“ทำไมไอ้น้อพาส!!!”
ปัง!!!
ผมปิดประตูใส่หน้ามัน หันหลังพิงประตูแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ ที่พาสต้ามาหาผมมันไม่มีอะไรมากหรอก ก็แค่แม่สั่งให้มาดูความเป็นไปของผมแค่นั้นเอง แต่มันชอบแต่งเรื่องไปฟ้องแม่ว่าผมทำผิดนู่นนี่ ถ้าให้มันเข้ามาในห้องแล้วได้คุยกับโอชิน เชื่อเถอะว่ามันคงแต่งเรื่องเลวๆของผมได้เป็นเล่มนำส่งถวายเสด็จแม่ให้มาฉีกออกผมถึงที่ได้เลยล่ะ
“ทำไมทำกับน้องชายนายแบบนั้นล่ะ” โอชินถาม ผมส่ายหน้าเดินเข้าห้องแบบเบื่อๆ
“นายยังไม่เห็นความร้ายกาจของมัน”
“ก็น่ารักดีออก”
“เฮอะ! ชอบเหรอไง!”
แล้วทำไมผมต้องหงุดหงิดด้วยวะกับอีแค่มันชมน้องชายผม
“หึหึ เอาเถอะ ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าซะ” ผมสั่งผมอีกแล้ว มีวันไหนมันจะไม่สั่งผมบ้างไหมเนี่ย นี่พ่อหรือผัวครับถามหน่อย
“ไม่อาบ!”
ผมเดินหนีเข้าห้องนอน มันเดินตามมาติดๆ ผมทิ้งตัวลงนอนคว่ำหน้าลงกับเตียง ทั้งที่วันนี้ก็ไม่ได้ทำอะไรมากมาย แต่ทำไมรู้สึกเหนื่อยขนาดนี้ก็ไม่รู้
แล้วผมก็เผลอหลับไป ตื่นอีกทีก็ตอนที่โอชินปลุกผม มันยังไม่ทันตื่นเต้มตาดีมันก็ลากผมเข้าไปอาบน้ำกับมันแล้ว ไอ้บ้านี่! ผมชักจะหมดความอดทนแล้วนะ!
แล้วมันก็ลากผมออกมาจากห้องตอนสี่ทุ่มกว่า ที่ๆมันพาผมมาคือผับชื่อดัง นึกครึ้มอะไรผม ผมอยากนอนอยู่ห้อง มันเข้าใจบ้างไหมเนี่ย ไม่ได้อยากออกมาเที่ยวสักหน่อย
“พามาทำไมเนี่ย! จะกลับ!!!” ผมตะโกนแข่งกับเสียงเพรง แต่โอชินมันก็ไม่ฟังผมเลย ลากผมจนมาถึงโต๊ะๆหนึ่งที่มีคนสองคนนั่งอยู่ก่อนแล้ว
พริกและมาโค
“มาช้า!” พริกทำหน้าไม่พอใจใส่โอชิน มันดันตัวผมให้นั่งลง ทำไมไม่บอกวะว่าจะพามาเจอสองคนนี้
“พอดีคนแถวนี้มันทำตัวอืออาดยืดยาด เลยช้า”
คงไม่ต้องบอกหรอกยะว่าโอชินว่าใคร ถ้าไม่ใช่ผม
มาโคที่นั่งโอบไหล่พริกเอาไว้มองผมนิ่งๆ ผมก็แค่มองเขากลับนิ่งๆเหมือนกัน พริกคุยกับโอชินก่อนจะหันไปกระซิบบางอย่างกับมาโคแล้วเขาก็ยิ้มออกมา หึหึ เก่งนี่นา ทำเสือยิ้มยากให้ยิ้มได้ง่ายๆ ผมนั่งมองคนสองคนที่กระซิบพูดคุยกันไปมา สีหน้าของทั้งคู่ดูมีความสุข แล้วตัวผมล่ะ ทำไมถึงไม่มีความสุขบ้าง
“ยังชอบมันอยู่หรือไง” โอชินกระซิบที่หูผม ผมตวัดตามองมันอย่างไม่พอใจ
โอเค ผมยอมรับว่าผมยังรักมาโคอยู่ แต่ก็ไม่รุนแรงเหมือนแรกๆ ว่าจะเอาให้ได้ เพราะผมรู้แล้วว่าไม่ว่าจะทำยังไงผมก็ไม่มีทางได้เข้ามา
ตลอดทั้งคืนที่ผมได้แต่กระดกเหล้าเข้าปากไม่พูดไม่จา นั่งมองคนสองคนรักกันอย่างเปิดเผย บางขณะผมก็เผลอคิดว่า ตอนที่ผมคบกับมาโค เคยไหมที่เขาจะแสดงออกว่ารักแบบนี้ คำตอบคือไม ยิ่งคิดมันก็ยิ่งรู้สึกแย่ ยิ่งไอ้คนข้างๆที่ไม่ได้สนใจใยดีอะไรผมเลย ถ้าพริกไม่ชวนผมคุยบ้าง ผมก็ไม่รู้ว่าจะไปคุยกับใคร คงได้แต่นั่งใบ้กิน จนกระทั้งพริกเริ่มเมามาก มาโคเลยต้องพาพริกกลับไปนอนก่อน
อิจฉา...ผมอิจฉาพริก
“เห็นแล้วรู้สึกยังไง เจ็บไหม” มันถามผมตอนที่กำลังขับรถกลับ
“หึ!” ผมหัวเราะฮึในคอ “ถ้านายแก้แค้นที่ฉันไม่ฟังคำสั่งนายด้วยวิธีการนี้ นายทำสำเร็จ รู้ไว้ด้วย! เพราะฉันรู้สึกแย่จนอยากจะตายเลยล่ะ!”
ส่วนหนึ่งก็เพราะมาโค แต่ส่วนใหญ่เพราะมันที่รู้ว่าผมเสียใจมากแค่ไหนกับเรื่องมาโค แต่มันก็ยังเอาความรู้สึกเก่าๆที่ผมพยายามจะทิ้งมันไปกลับมาตอกย้ำผม ผมเสียใจที่มันเมินเฉยผม!
“แล้วแบบนี้ นายยังอยากให้ฉันคบกับนายงั้นเหรอ” มันพูดเสียงจริงจัง แม้จะมองเห็นเพียงเสี้ยวหน้าด้านข้าง แต่ทำไมผมถึงรู้สึกว่ามันกำลังเศร้าอยู่ หรือผมตาฝาดไปเองหรือไม่ก็เพราะผมเมา
“ให้ฉันคบกับนายทั้งที่นายยังรักไอ้หมอนั่นอยู่น่ะนะ ฝันไปเถอะ!”
“...!”
“จะให้ฉันคบกันนายน่ะ ถามตัวเองหรือยังว่าทำให้ฉันอยากอยู่กับนายหรือเปล่า! อะไรบ้างที่นายทำให้ฉันรู้สึกดี”
โอชินขับรถเร็วขึ้นจนน่าตกใจ ผมตัวสั่นด้วยความกลัว สายตาที่มันหันมามองผมเพียงแค่แวบเดียว แต่มันทำให้ผมตัวชาไปทั้งตัวได้ ความเร็รถยังเพิ่งขึ้นเรื่อยๆจนแทบมองไม่เห็นข้างทางจนกระทั้งลงจากทางด่วน โอชินหักเลี้ยวรถเข้าข้างทางแล้วก็ลงจากรถเดินอ้อมมาฝั่งผม มันกระชากผมลงจากรถอย่างแรง!
“โอ๊ย!!!”
“หาทางกลับเองแล้วกัน นี่เป็นบทลงโทษที่นายกล้าขัดคำสั่งฉันไปแรดที่อื่น เข้าใจนะ”
“ยะ...”
อย่าไป
ผมอยากจะตะโกนออกไปแต่ปากมันก็หนักเหลือเกิน
แววตาแข็งกร้าวและเย็นชาก่อนจะจากไป มันหมายความว่ายังไง ผมทำอะไรผิดพลาดไปอย่างนั้นเหรอ ทำไมมันต้องมองผมแบบนั้นด้วย ทำไมเพียงแค่มันหันหลังให้ ผมถึงได้รู้สึกว่าตัวเองไร้เรี่ยวแรงขนาดนี้
…………………………….
# มาม่านิดหน่อย คนเขียนอยากกิน 55555 เอาน่า มีแค่พอขำๆ คู่นี้ไม่เน้นดราม่าเท่าไหร่นะ ฮุฮุ
