บทที่ 6
TYPHOON
นี่มันผ่านมากี่เดือนแล้วนะที่ผมไม่ได้เจอหน้าฟราน ไม่รู้ว่าเหตุบังเอิญหรือใครจงใจจะหลบหน้าวดีบอกว่าฟรานไม่จำเป็นต้องลงวิชานี่แล้วผมเองก็ไม่รู้รายละเอียดชัดเจนเหมือนกันแต่ดูเหมือนหลังจากสอบเสร็จผมก็ไม่เจอหน้าฟรานในชั้นเรียนเลยและไม่เคยเดินชนกันเหมือนเหตุการณ์วันนั้น
"น้องฝุ่นคืนนี้ว่างหรือเปล่า"ถึงแม้ผมยังยืนยันว่ายังรู้สึกกับพี่ไมโลเหมือนเดิมแต่จริงๆแล้วความรู้สึกของผมกับพี่ไมโลมันลดลงไปมากกว่าครึ่งจนบ้างครั้งผมยังแอบคิดเล่นๆว่าบางทีผมอาจจะลดฐานะของพี่ไมโลเป็นแค่พี่ชายก็ได้นะ
"ว่างครับพี่ไมโลมีอะไรเหรอ?"น่าแปลกที่เดี๋ยวนี้ผมจะออกไปไหนมาไหนกับพี่ไมโลจะต้องมีเหตุผลเสมอ
"พอดีว่าพี่จะชวนฝุ่นงานวันเกิดอเลนอ่ะเธอกลับมาพอดี วดีก็ไปด้วยนะ"และก็ไม่มีครั้งไหนที่พี่ไมโลจะมาหาผมโดยไม่มีเรื่องอเลนมาข้องเกี่ยว ผมยิ้มบางๆก่อนจะพยักหน้ารับเบาๆ ผมยังยืนยันคำเดิมว่าใครได้พี่ไมโลไปนี่โคตรจะโคตรดีเลยแต่ทุกอย่างมักจะมีข้อแม้เสมอและในเรื่องนี้ก็มีข้อแม้เช่นกัน
เขาอาจจะดีพอสำหรับเราแต่ไม่พอดีสำหรับเรา และถ้าเมื่อไหร่คนที่พอดีสำหรับผมยอมเปิดใจรับผมอีกครั้งผมก็ยินดีที่จะเดินกลับเข้าไป
"งั้นเป็นเย็นนี้หลังเลิกเรียนพี่มารับหน้าตึกนะ"
"คร้าบบบบผม"ผมยิ้มให้พี่ไมโลอีกครั้ง พี่เขาเดินเข้ามาใกล้ผมแล้วโยกหัวผมเบาๆ
"เลิกทำหน้าเหมือนคนเบื่อโลกได้สักทีนะ"จากเบาๆมันเริ่มแรงขึ้นแล้วสินะ หัวผมยุ่งหมดเลยไอพี่ไมโลบ้า!
"อะไรของพี่เนี่ย ติ๊งต๊องป่ะคนเบื่อโลกอะไรกัน"ผมปัดมือที่ไมโลออก แอบเห็นวดีนั่งหัวเราะคิกคักด้วย หึ่มน่าโกรธจริงๆ
"ก็ฝุ่นนะเวลาปกตินะจะชอบทำหน้าตึงๆไม่ค่อยยิ้มไม่ค่อยหัวเราะอะไรกับใครเลยทำเหมือนแบกโลกเอาไว้คนเดียวอย่างนั้นแหละ แต่เดี๋ยวนี้ฝุ่นดูเหมือนคนขึ้นเยอะเลย"ผมหัวเราะเบาๆในคำพูดของพี่ไมโล
"ที่ผมดีขึ้นคงเพราะมีใครอีกคนกำลังช่วยผมแบกโลกอยู่ละมั้ง ผมกับคนนั้นคงยืนอยู่คนละซีกโลกเรากำลังรอเวลาวันนึงเราจะโคจรมาเจอกัน"ผมยิ้มบางๆให้พี่ไมโล พี่เขาเข้ามาขยี้ผมผมอีกครั้งคนบ้านี่ชอบเล่นหัวจริงๆนะผมเสียงทรงหมดวุ้ย
"คนนั้นฝุ่นหมายถึงฟรานหรือเปล่า?"วดีถามขึ้นหลังจากที่พี่ไมโลเดินออกไปแล้ว ผมเปิดหนังสือผ่านๆเงยหน้ามองวดีแล้วส่งเสียงหัวเราะให้เบาๆ
"ไปเรียนเถอะได้เวลาแล้วนะ"ผมเลี่ยงที่จะตอบคำถาม ผมกับวดีเดินเข้าไปนั่งที่ประจำในห้องเลคเชอร์จริงๆแล้วผมไม่ชอบอะไรร้อนๆชอบที่เย็นๆแต่ผมดันเป็นคนขี้หนาวซะงั้นผมละเซ็งตัวเองจริงๆ
"ว่าจะถามหลายครั้งแล้ววดีลืมทุกทีเลย ฝุ่นมีเสื้อกันหนาวติดตัวตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอ"วดีถามขึ้นหลังจากที่เห็นผมหยิบเสื้อกั้นหนาวตัวใหม่มาจากกระเป๋า
"สักพักแล้วละวดีก็รู้ฝุ่นขี้หนาวจะตาย"
"ก็รู้แหละแต่ปกติฟ..เอ้ย!"วดีคงรู้แหละครับว่าผมกับฟรานเราไม่มองหน้ากันมาหลายเดือนแล้ว
"ไม่เป็นไรเรียนเถอะอาจารย์มาแล้ว"วดีพยักหน้าแล้วการสนทนาของเราก็หยุดลงแค่นั้น ผมยังเพ่งสมาธิไปยังกระดานแม้ตอนนี้หนังตาผมกำลังจะปิดแล้วก็ตาม คุณว่าความง่วงกับความตั้งใจอันไหนจะชนะ?
ถูกเผง!
ผมจำไม่ได้เลยว่าหลับไปตั้งแต่ช่วงไหนของการสอน แต่ตื่นขึ้นมาอีกทีก็เจอวดีกำลังเก็บอุปกรณ์เขียนหนังสือใส่กระเป๋าดินสอ
"วดีซื้อมาให้เหรอขอบคุณนะ"ผมพยักเพยิดไปทางเบอร์ดี้กระป๋องที่เย็นจนไอน้ำเกาะ วดีหันมามองผมแล้วเบิกตากว้างเหมือนเจอเรื่องประหลาด
"เปล่านะของใครก็ไม่รู้"ผมที่กำลังจะเปิดฝากินก็รีบวางทันทีของใครก็ไม่รู้เหรอแล้วทำไมเอามาวางไว้ตรงนี้ละ
"อ้าวแล้วใครเอามาวางไว้อ่ะ วดีไม่เห็นเหรอ"
"ไม่นิก็วดีออกไปเข้าห้องน้ำกลับมาก็เห็นมันวางไว้อยู่ ทีแรกนึกว่าฝุ่นลงไปซื้อเองซะอีก"ผมขมวดคิ้วถึงแม้ตอนนี้ร่างกายผมต้องการคาเฟอีนแต่ก็ไม่ไหวนะถ้าจะต้องเอาของคนอื่นมากิน ผมเลยตัดสินใจวางมันเอาไว้ที่เดิมแล้วเดินออกจากห้องไปพร้อมวดี
วดีปฏิเสธไม่ไปงานวันเกิดเพราะแม่ของวดีให้พาไปทำธุระต่างจังหวัดเย็นวันนั้นเลย ผมเลยต้องมาคนเดียวตามแบบฉบับคนรวยงานเลี้ยงวันเกิดถูกจัดขึ้นในร้านอาหารกึ่งผับแบบค้อกเทล ทุกคนในงานมาพร้อมกับเพื่อนหรือแฟนและต่างก็เป็นคนที่ผมไม่รู้สึกคุ้นหน้าสักนิด ผมไม่น่ามาเลยอึดอัดชะมัด
"ดีใจนะที่น้องฝุ่นมาได้ ไมโลเล่าเรื่องฝุ่นให้พี่ฟังเยอะแยะเลย"เจ้าของวันเกิดเดินมาคุยกับผมนี่เป็นครั้งแรกที่เราได้เจอกันแบบตัวเป็นๆเพราะครั้งอื่นๆผมได้แค่เห็นพี่อเลนผ่านสไกป์ พี่อเลนเป็นผู้หญิงสูงรูปร่างปราดเปรียวแบบนางแบบฝรั่งเลยครับหน้าพี่เขาเหมือนฝรั่งละตินนั้นคงเป็นเพราะแม่เขาเป็นคนไทยเลยได้ความคมไป พี่อเลนมักจะเดินมาคุยกับผมเธอคงรู้ว่าผมตื่นเต้นและอึดอัดนั้นทำให้ผมรู้สึกละอายใจที่แอบรักพี่ไมโลและคิดที่จะแย่งพี่เขามา
เวลาล่วงเลยมาเกือบจะเที่ยงคืน พี่ไมโลให้เพื่อนพี่อเลนเดินถือเค้กเข้ามาในตอนนั้นพี่อเลนเดินมาจับมือผมให้ไปยืนข้างพี่เขาตอนเขาเป่าเค้ก พี่อเลนยืนอยู่ข้างผมส่วนพี่ไมโลยืนอยู่ข้างพี่อเลน พวกพี่เขามีความสุขนั้นทำให้ผมหลุดยิ้มออกมา ผมไม่ควรอยู่ที่นี่ผมอาศัยจังหวะที่พี่อเลนปล่อยมือผมจึงปลีกตัวออกมา วันนี้ผมขับรถมาเพราะร้านนี้อยู่ค่อนข้างไกลผมขับรถออกมาเรื่อยๆเพราะไม่รู้จะไปไหนผมไม่อยากกลับบ้านและไม่อยากไปนั่งตามผับแบบพวกสิ้นคิด แล้วอะไรทำให้ผมมาที่นี่..
ผมเงยหน้ามองหน้าต่างของชั้นที่16มันยังเปิดไฟไว้แสดงว่าเจ้าของห้องคงยังไม่นอน ผมอยากขึ้นไปจังแต่ผมจะขึ้นไปทำไมละมันไม่มีเหตุผลให้ขึ้นไปแล้วของผมก็เก็บลงมาหมดแล้ว ถ้าจะขึ้นไปเพราะอยากเจอหน้าเจ้าของห้องคงได้โดนถีบออกมาแน่อีกอย่างผมก็ยังไม่พร้อมที่จะมองหน้ามัน มึงกำลังทำอะไรอยู่นะ?
FRAN
ทำไมมันน่าเบื่ออย่างนี้วะ
ผมลุกขึ้นจากกองงานมากมายมองไปทั่วห้องมีแต่ความว่างเปล่ามีแต่ความเงียบเหงา ผมเดินออกมาที่ระเบียงเบื่ออากาศสังเคราะห์ ถึงแม้อากาศข้างนอกจะไม่เย็นออกจะร้อนแต่มันก็ให้ความรู้สึกที่แตกต่างออกไปมันทำให้ผมรู้สึกสดชื่นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ผมกวาดตามองวิวของกรุงเทพตอนกลางคืนมันดูสวยแต่ในขณะเดียวกันก็ดูเงียบเหงาอย่างไม่มีเหตุผล แต่เมื่อผมกวาดสายลงมาข้างล่าง
คนที่ผมคุ้นตาและโหยหามาตลอดและพยามหลบหน้ามาตลอดกำลังเงยหน้ามองขึ้นมาข้างบนแต่มันคงไม่ทันเห็นเลยหมุนตัวกลับมันกำลังเดินออกไปและผมจะไม่ยอมให้เป็นแบบนั้น เร็วเท่าความคิดผมวิ่งออกจากห้องโชคดีที่ลิฟต์จอดอยู่ที่ชั้นผมพอดี ลิฟต์ลงมาจนถึงชั้นล๊อบบี้มองจากไกลๆผมเห็นรถของฝุ่นกำลังถอยรถออกมาจากซอง
ไม่ผมจะไม่ปล่อยให้มันเป็นแบบนี้อีกแล้ว!
เอี๊ยดดด!
เสียงล้อบดถนนนั่นเป็นเสียงที่ผมได้ยินหลังจากวิ่งออกมาจากใต้ตึกรถBMWจอดอยู่ห่างจากผมแค่คืบเดียว คนหลังคนขับนั่งกำพวงมาลัยแน่นดวงตาเบิกกว้างอย่างคนตกใจสุดขีด ให้ตายเถอะเมื่อกี้ผมเกือบจะตายหรือเปล่า!
"มึงทำบ้าอะไรเนี่ย!"กะแล้วเชียวไอคนที่เพิ่งเดินลงมาจากรถตะโกนใส่หน้าผม พอมองดีๆก็เพิ่งจะรู้ว่ามันน้ำตานองหน้าอีกครั้งและมันไหลออกมาก็เพราะเป็นห่วงผม ผมเดินเข้าไปใกล้ๆมันมันยังเป็นไต้ฝุ่นคนเดิมขี้วีนขี้เหวี่ยงขี้โมโหแต่ไม่รู้ทำไมผมถึงไม่เลิกรักมัน ผมจูบเบาๆที่ปากไต้ฝุ่นโดยไม่มีการล่วงล้ำอะไร
"กูรักมึงและนั่นคือเหตุผลที่กูอยากให้มึงอยู่ต่อ"ผมมองลึกเข้าไปในดวงตามัน หยาดน้ำตารื้นขึ้นมาคลอบคลุม ผมรู้สึกได้ถึงแรงกอดรัดที่เอวพร้อมกับความเปียกชื้นที่อกเสื้อ
"กูเกือบฆ่ามึงแล้วนะทำไมต้องวิ่งมาขวางรถด้วยวะก็รู้ว่ามันอันตราย"ตอนนี้ผมพามันขึ้นมาที่ห้องแล้วครับ และตลอดทางมันก็ยังบ่นไม่เลิกว่านู้นว่านี้
"กูคิดว่าจะไม่ได้เห็นตาเหลือกๆกับปากคว่ำๆของมึงอีกแล้ว"ผมพูดแซวและหลังจากนั้นไม่นานแก้มขาวซีดก็แดงสุกขึ้นมาทันที
""มึงไม่โกรธกูแล้วเหรอ"ผมลุกขึ้นนั่งประคองหน้ามันด้วยฝ่ามือของผมจ้องลึกเข้าไปในดวงตาที่กำลังรอคำตอบผมจูบเบาๆที่หน้าผาก ถามว่าโกรธมั้ยผมก็ต้องบอกว่าโกรธแต่หลายเดือนที่ผ่านมามันทำให้ผมรู้ว่าการที่ผมโกรธมันไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นหนำซ้ำมันยิ่งแย่ลงกว่าเดิม ผมมาคิดดูแล้วการที่มันไม่รักผมนั้นไม่ได้หมายควายว่าผมจะต้องเลิกรักมันหรือรักมันน้อยลง
"ว่าไงตอบมาสิ"มันตีมือผมเบาๆ
"เพราะกูรักมึงและกูจะไม่ยอมให้ความโกรธชั่วขณะมาทำให้กูเลิกรักมึงหรือรักมึงน้อยลง"ไต้ฝุ่นยกมือขึ้นมาจับมือผมที่กำลังประคองหน้ามันอยู่ ตอนนี้ความรู้สึกมันกำลังสื่อออกมาทางสีหน้าผมเดาออกว่ามันกำลังสับสนอย่างหนักผมค่อยๆดึงมือออก ชั่ววินาทีของการตัดสินใจผมรู้ว่ามันกำลังจะบอกอะไรและผมก็เชื่อมั่นในตัวมันแต่ในขณะเดียวกันผมก็กลัวใจของมัน ผมเดินตรงไปที่ประตูและไต้ฝุ่นก็เดินตามผมมาเงียบๆ
"กูจะรอ"ผมยิ้มบางๆให้กับคนที่อยู่อีกฟากหนึ่งของประตู ไต้ฝุ่นหันมามองหน้าผมมันยิ้มให้ผมเหมือนจะให้ผมเชื่อใจมัน
"กูจะกลับมา"
ประตูถูกปิดลงอีกครั้ง ห้องกลับมาเงียบเหมือนเดิมแต่มันให้ความรู้สึกที่เปลี่ยนไปถึงแม้ห้องจะเงียบและมืดขนาดไหนแต่ผมก็รู้สึกได้ถึงความเต็ม..ที่หัวใจของผม
---------------------------------------------------------------------
to be continue
ขอโทษที่หายไปนานค้าาา เผอิญเน็ตเกิดมีปัญหาเลยอัพไม่ได้
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะค่ะ