จอมไตร ซีรีส์(ตาหวาน)*ซื้อด้วยใจ ขายด้วยรัก*(END)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: จอมไตร ซีรีส์(ตาหวาน)*ซื้อด้วยใจ ขายด้วยรัก*(END)  (อ่าน 163852 ครั้ง)

ออฟไลน์ parn11

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 236
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-2
กรี้ดดดดดดดด มาซักที.

ออฟไลน์ treerat002

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-2
รู้สึกว่ามันง่ายไปยังไงก็ไม่รู้...

ตาหวานอย่าได้หลงคิดเด็ดขาดนะว่าแค่นี้จะทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ตัวเองทำลงไปถูกลืมได้ง่าย ๆ เค้าไม่ลืมหรอกนะ ฮื้ย!!!~ เจ็บใจ!!! (กัดผ้าเช็ดหน้า)

ภาคก็ยอมเค้าง่ายเกิ๊น~ ถ้าเป็นไอ้เรารึจะเล่นตัวอีกซักหน่อย แต่คิดอีกที..ถ้าเล่นตัวมาก ๆ ตาหวานมันจามาตามง้อรึเปล่าเนี่ย = =''

6 เดือนรึ...รอสมน้ำหน้าพ่อคนปากแข็งค่ะ!!!!



 

อยากกินไข่พะโล้ โปะ

  • บุคคลทั่วไป
เห้ออ, ข้อเสนอของตาหวานแมร่มมม  พออ่านแล้วแม่มมเจ็บใจ  อยากตื้บบบบบบ

ออฟไลน์ janji

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 118
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
มารอเรื่องนี้หลายวันเลย ได้อ่านแย้ว อยากอ่านอีกอ่ะ

ออฟไลน์ nunnan

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2275
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-6
ตอนนี่มาต่อยาวเลยยย  o13 o13
ตาหวาน อย่ารังแกภาค อีกน่ะะะ :z3: :z3:

ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
ไหงตั้งเงื่อนไขแค่ 6 เดือนอ่าาาาาา
แล้วมันจะไปรอดไหมน้อ

ออฟไลน์ rabbit-orange

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
 :-[ ดีใจจังมาต่อ ให้อ่านแล้ว

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
น้องภาคจ๊ะ หนูเปลี่ยนชื่อเป็นสีทนได้แล้วเหรอคะ
หูย...ไปรักทำไม๊ คนใจร้ายใจดำ
ที่กลับมาขอคืนดี ก็เพราะคุณปามโกรธหรอก สำนึกเองที่ไหน
อยากให้ถึง 6 เดือนไวไว ให้ใครบางคนอกแตกตายเพราะคำพูดของตัวเอง
พอถามถึงกำหนดเวลา บอกไปเลยสิว่าตลอดชีวิต พูดได้ไม่พูด เชอะ...(ฉันอินตลอด)

ออฟไลน์ praseat

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-4
ตอนนี้รู้สึกจุใจ..หลังจากที่หายไปนาน....ขอให้ราบรื่นไปเรื่อยๆนะครับ

Kray

  • บุคคลทั่วไป
อยากให้ตาหวานเจอหนักเหมือนที่ภาคเจอตอนโดนตาหวานทำร้ายอ่า T T
แถมไม่ได้สำนึกด้วยตัวเองอีก
ภาคอย่าเพิ่งใจอ่อนนะ เจ็บแล้วต้องจำให้แม่นนน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ormn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3925
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +324/-8
    • http:///uc.exteenblog.com/riko-tomo/images/23213506_1208714389_3598161_Okane_ga_Nai_v01_ch01_pg002__Cover.jpg

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
ช่วงเวลาหกเดือนที่อยู่ด้วยกัน ก็ใช้มันสำรวจหัวใจกันและกันเลยนะจ๊ะหนุ่มๆ :z1:
จะได้บอกรักกันอย่างเต็มปากซะที ต่างคนต่างคิดแต่ไม่ยอมบอกอะไร อีกฝ่ายไม่มีทางรู้แน่นอน :เฮ้อ:
จะหวานแล้วสินะเนี่ย ลุ้นๆ :o8:

ออฟไลน์ minchy

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +173/-0
ยังไม่เข็ดกับตระกูลนี้อีกหรอ เจ็บแล้วไม่จำจะเจ็บซ้ำเจ็บซากนะภาค

ออฟไลน์ ต่ายน้อย

  • กระต่ายน้อยลอยคอ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 816
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-3
    • http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=27719.0
แอบสมน้ำหน้าตาหวานแฮะ อยากกอดก็กอดไม่ได้

ออฟไลน์ sam3sam

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2562
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +247/-4

ออฟไลน์ devilpoo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 93
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
อ๊ายยยยยยยยยยยยยย  ตามมาอ่าน ตาหวานอ่ะ

กรี๊ดอย่างแรงส์ค่ะ

ออฟไลน์ Masochism

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 23
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
น้องภาคสู้ๆ  :mc4:

คนแต่งสู้ๆ  :mc4:

ตาหวาน  :beat:

bow55

  • บุคคลทั่วไป
หมั่นไส้ตาหวาน
ภาคอ่า อย่าใจอ่อนเร็วนักซี่ =_=

ออฟไลน์ mentholss

  • "เหตุผล" หรือ "ข้ออ้าง"
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1278
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
เหมือนจะหวานแต่ก็แอบขม

nut28phat

  • บุคคลทั่วไป
น้องภาคอย่าไปยอมค่ะ
คราวนี้เราต้องทำให้รักเราแล้วก็สะบัดบ๊อบใส่บ้าง ฮึ่ย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ thanza1970

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
ใจจด ใจจ่อ กับการรอ ในที่สุดวันนี้ก็สมหวัง

ขอบคุณมากๆครับ



ออฟไลน์ beery25

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 808
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +130/-0

ออฟไลน์ StillLoveThem

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3253
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +295/-10
...คุณน้องภาค คะ แสดงตัวกับว่าที่แม่ซะมี เอ๊ะ หรือพ่อซะมี ซะแบบ ไม่ปิดบังเลยนะ(คุณปามนี่เป็นอะไรกับตาหวานหว่า) :laugh:

ออฟไลน์ wan

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5575
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +643/-10
ทำตามที่หัวใจเรียกร้อง แต่ก็ยังมีแผ่นบาง ๆ ที่ทำให้ทั้งสอง ยังต้องระแวงต่อไปอีก
แล้วถ้า ถึง 6 เดือนเมื่อไหร่ ปัญหาที่ซุกไว้ใต้พรม ก็ต้องนำกลับมาสะสางใหม่  :เฮ้อ:
แต่อย่างน้อย ก็มีคุณปามที่มองเห็นว่า คนทั้งสองมีใจให้กัน  :z2:
+1 ให้เป็นกำลังใจครับ จุ๊บจิ๊บ  :กอด1:

ออฟไลน์ devilpoo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 93
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
สงสารภาคอ่า  ตาหวาน แกช่างทำได้นะ อย่างนี้มันน่าจะให้ภาคหนีไปให้ไกล ให้สะใจไปเลย ชิส์

ออฟไลน์ devilpoo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 93
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
แต่ยังคาใจ พี่ณิน แต่งงานไปแล้ว กีรติอ่ะ ทำยังไงอ่า

หรือว่ามีหักมุมให้แม่ศรีภรรเมีย ของพี่ณิน เป็นอะไรไป

อ๊ากกกกกกกกกกกกกกก อยากรู้เรื่้อง มันคาใจ นอนไม่หลับ

ออฟไลน์ WilpeR

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-2
ครบ 6 เดือนเมื่อไร ภาคจะตัดใจได้หรอ

ตาหวานก็ไม่น่าพูดอย่างนั้นเลยอ่ะ ภาคก้เข้าใจว่าที่ต้องมาอยู่อย่างนี้ก็เพราะปารมีซินะ

เฮ้อ เมื่อไรจะเข้าใจกันซักทีเนี่ย

ออฟไลน์ JUPJIB

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +218/-0
ผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ

คำเตือน อ่านๆไป(ตอนหลังๆ)ระวังจะตกหลุมรักเรือชานะคะ (บทน้อยแต่ก็นะ :o8:)

ตอนที่ 10

ปารมีไม่ชอบใจเลยสักนิดเมื่อสังเกตเห็นว่าภาคนิพนธ์ดูเหมือนจะเกรงใจคนในบ้านอยู่ตลอดเวลา ก็รู้หรอกว่าการสร้างความคุ้นเคยมันไม่ได้ง่ายและรวดเร็วได้อย่างใจ แต่ภาคนิพนธ์ก็ทำตัวเหมือนกันตัวเองไว้ ไม่ก้าวเข้ามาและไม่ปล่อยให้ใครก้าวเข้าไปหา ซึ่งหากยังคงเป็นอยู่อย่างนี้มันจะไม่มีทางเกิดความคุ้นเคยกันได้เลย และที่น่าหนักใจที่สุดก็คือ คนที่ภาคนิพนธ์ดูจะเกรงและตีตัวออกห่างที่สุดคือปาฏิหาริย์ที่ได้ชื่อว่าเป็นคนรักกัน ปารมีเห็นแล้วกลุ้มใจจนต้องเอาไปปรึกษากับวสุธา และคุณพ่อของบ้านก็บอกเพียงแค่ว่ามันเป็นเรื่องของคนสองคน ถึงแม้เราจะเป็นพ่อเป็นแม่ก็ไม่ควรเข้าไปก้าวก่าย แต่ปารมีคิดว่าบางครั้งคนสองคนที่อยู่ในปัญหาก็มองปัญหาเหล่านั้นไม่ชัดและไม่สามารถที่จะช่วยกันแก้ไขปัญหาได้มีแต่จะทำให้ปัญหามันยิ่งผูกปมใหญ่ขึ้น

บางครั้งก็จำเป็นต้องมีบุคคลที่สาม สี่ ห้า เพื่อช่วยในการแก้ปัญหาเหล่านั้น

พอบอกไปแบบนี้วสุธาก็บอกว่าหากปาฏิหาริย์เอ่ยปากขอเราถึงจะยื่นมือเข้าไป แต่ปารมีคิดว่ามันคงไม่ทันการณ์หากต้องรอจนถึงวันนั้น

บรรยากาศระหว่างภาคนิพนธ์กับปาฏิหาริย์ว่ามันอึมครึมขนาดเด็กชายตัวน้อยอย่างน้องเอิร์ธยังมองออก ปารมีเคยได้ยินน้องเอิร์ธถามปาฏิหาริย์ว่าทะเลาะกับอาภาคหรือ

มันดูหนักหนาขนาดนี้แล้วจะไม่ให้ปารมีต้องยื่นมือเข้าไปได้ยังไง

....................................

ภาคนิพนธ์นั่งเหม่ออยู่ข้างสระน้ำ ตอนนี้ เวลานี้คนบ้านนี้ไปทำงานกันหมด ไม่มีใครอยู่สักคน ภาคนิพนธ์ฟุบหน้าลงกับโต๊ะ ทั้งๆที่ทุกคนทำงานแต่เขากลับเป็นคนเดียวที่ไม่ต้องทำ

“คุณภาคค่ะอาหารเที่ยงพร้อมแล้วนะคะ”

แม่บ้านเดินมาบอกภาคนิพนธ์เลยพยักหน้าให้แล้วเดินตามแม่บ้านไปกินข้าว ภาคนิพนธ์กินข้าวช้าๆ เขาบอกตัวเองว่าคงทนสถานการณ์ตอนนี้ไปได้ไม่มากกว่านี้อีกแล้ว

ภาคนิพนธ์รู้เรื่องเกี่ยวกับคนในบ้านคร่าวๆเพราะชวนแม่บ้านคุย

ในบ้านจอมไตรนี้แต่ล่ะคนมีงานในส่วนของตัวเองด้วยการสานต่อและขยายงานจากของเดิม

มีแต่ปารมีกับจิตรินที่เป็นส่วนลงทุนใหม่ รวมไปถึงคนรักของปฐวีที่ถือว่าทำงานอิสระแม้จะต้องไปช่วยปฐวีบ้างเป็นครั้งคราวแต่ก็ไม่บ่อยนัก

ภาคนิพนธ์ไม่ได้อยากเข้าไปมีส่วนร่วมในกิจการของครอบครัวจอมไตร แล้วก็ไม่ได้อยากลงทุนทำอะไรใหม่ แน่นอนว่าสาขาที่ตัวเขาเรียนมาย่อมไม่สามารถจะทำงานอิสระอะไรได้

แต่เขาก็ไม่อยากอยู่เฉยๆ

ถ้าจะให้นับว่าการที่เขาตกลงยอมมาเป็นคนรักชั่วคราวของปาฏิหาริย์คืองาน แต่มันก็เป็นงานที่ว่างเกินไป

สักวันคงว่างจนเฉาตาย แม้ปาฏิหาริย์จะบอกให้เขาไปเยี่ยมแม่ ไม่อยู่เป็นเพื่อนแม่ แต่มันยิ่งทำให้เขาดูไร้แก่นสารไม่ใช่หรือ

แล้วเมื่อวันไหนที่ช่วงเวลานี้สิ้นสุดลง

หากเขากลายเป็นคนเอื่อยเฉื่อยไปเสียแล้ว

เขาจะรับความเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นได้อย่างไร

...............................

“ผมจะทำงาน”

สามวันมานี้ ปาฏิหาริย์แทบต้องกุมขมับ เจ้าตัวไม่เคยเจอส่วนดื้อดึงของภาคนิพนธ์มาก่อน ตอนที่อยู่ด้วยกันก่อนหน้านี้ ภาคนิพนธ์ว่าง่ายเหลือเกิน หากปาฏิหาริย์เอ่ยปากยืนยันเป็นครั้งที่สองแล้วล่ะก็ไม่มีเสียล่ะที่ร่างบางจะกล้าขัด แต่ครั้งนี้ ทั้งๆที่ทัดทานจนเหนื่อย ภาคนิพนธ์ก็ยังไม่ยอม ยืนกรานที่จะไปทำงานให้ได้

“ทำตัวว่างง่ายๆแล้วอยู่แต่บ้านไม่ได้หรือไงกันนะ”

ปาฏิหาริย์มองอาการเม้มปากจ้องหน้าตนของอีกฝ่ายอย่างเหนื่อยหน่ายใจ

“ผมเรียนจบมา ไม่ได้จะมานั่งอยู่เฉยๆหรอกนะคุณ”

“แต่ฉันชอบให้นายอยู่เฉยๆมากกว่า”

“ความรู้ผมมันจะได้ละลายหายไปกับสายลมน่ะสิ ผมอุตส่าห์ตั้งใจเรียนมา จะไม่ให้ผมได้ใช้ความรู้หน่อยหรือไง”

ดื้อ ... ปาฏิหาริย์คิดในใจ แต่ก็ไม่ได้พูดออกไป เพราะที่ภาคนิพนธ์พูดมาก็จริง หากเป็นเขา เรียนมาขนาดนี้แต่ต้องมานั่งๆนอนๆอยู่เฉยๆ ปาฏิหาริย์ก็ไม่คิดว่าตนเองจะยอม ... แต่ปาฏิหาริย์ก็อยากให้อีกฝ่ายอยู่แต่ที่บ้านจริงๆ

“เฮ้อ...งั้นก็ได้...”

พอปาฏิหาริย์ตอบตกลง รอยยิ้มดีใจเหมือนเด็กๆก็แสดงขึ้นมาบนใบหน้าอีกฝ่ายทันที พอเห็นรอยยิ้มแบบนั้นแล้ว ปาฏิหาริย์ค่อยรู้สึกว่าคุ้มแล้วที่ยอมลงให้ภาคนิพนธ์ในครั้งนี้

.........................

งานที่ปาฏิหาริย์ให้ภาคนิพนธ์ไปทำมันไม่ได้ตรงกับสายที่เจ้าตัวเรียนมาเลยสักนิด ทั้งๆที่จบวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมมา แต่กลับต้องมาเป็นผู้ช่วยส่วนตัวของปาฏิหาริย์ ทำงานที่เกี่ยวข้องกับการบริหารเกือบทั้งสิ้น แต่ถึงอยากจะบ่น ปาฏิหาริย์ก็ดักทางไว้เรียบร้อยแล้วว่า

“อยากจะทำงานนี้ หรือนั่งอยู่เฉยๆกับบ้านล่ะ”

แค่นั้น ภาคนิพนธ์ก็เก็บปากเก็บคำ คิดแค่ว่าทำงานนี้ไปอีกสักไม่กี่เดือนก็คงไม่เป็นไร อย่างน้อยๆ เขาก็ได้เห็นปาฏิหาริย์ในสายตาเกือบตลอดเวลา ถือว่าใช้ช่วงเวลาที่จะได้อยู่กับอีกฝ่ายให้คุ้มค่าแล้วกัน

“อันนี้กับอันนี้เอาไปให้ที่ฝ่ายบัญชีทีนะ”

ปาฏิหาริย์ชี้ไปที่แฟ้มงานที่ตนเองเซ็นชื่อแล้ว

ที่จริงถึงแม้ภาคนิพนธ์จะไม่เคยเรียนมา แต่เพราะต้องช่วยงานจิปาถะของมหาวิทยาลัยตามหน้าที่ของเด็กทุนจึงทำให้เรียนรู้เรื่องการทำเอกสารต่างๆได้อย่างรวดเร็ว

ถึงไม่ได้เอ่ยปากชม แต่คนอื่นๆก็รู้ว่าภาคนิพนธ์ทำงานใช้ได้ แม้จะดูเป็นเด็กเส้นแต่ก็ไม่มีใครนึกว่าอะไร เพราะจะเส้นใหญ่แค่ไหนหรือปาฏิหาริย์อยากเก็บไว้กับตัวเองยังไง หากทำงานไม่ได้เรื่องแล้ว คงไม่สามารถอยู่ในตำแหน่งได้เกินสองวัน

“ผมเอาเอกสารมาส่งครับ”

เอ่ยกับคนที่นั่งตรงโต๊ะแรกของแผนกบัญชี แต่พออีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมามองตามเสียง ภาคนิพนธ์ก็เบิ่งตาขึ้นกว้างอย่างตกใจ

“ภาค”

อีกฝ่ายเรียกชื่อภาคนิพนธ์ด้วยความยินดี เรือชารีบลุกขึ้นจากโต๊ะมาสำรวจร่างกายเพื่อนด้วยความเป็นห่วง ก็หลังจากที่ออกจากห้องเรือชาไป เรือชาก็ไม่สามารถติดต่ออีกฝ่ายได้อีกเลย ติดต่อไปที่โรงพยาบาลที่แม่ภาคนิพนธ์รักษาอยู่ก็ได้รับแจ้งว่าย้ายออกไปเสียแล้ว แถมโรงพยาบาลเก่ายังไม่สามารถให้ข้อมูลที่ใหม่ได้อีก

“นายมาทำอะไรที่นี่”

ภาคนิพนธ์ถามด้วยความแปลกใจ เรือชายิ้มให้เพื่อนอย่างขำๆ

“ก็มาทำงานน่ะสิ”

ถามได้ อันหลังนี่พูดแล้วก็หัวเราะออกมาเบาๆ คนโดนหัวเราะพยักหน้ากลายๆ เขารู้แค่ว่าเรือชาเป็นนักตรวจสอบบัญชี แต่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายทำงานตรวจสอบบัญชีให้กับจอมไตรด้วย

“ฉันไม่เห็นรู้ว่านายทำงานที่นี่ด้วย”

“อืม นิดหน่อย ดูเหมือนคนเก่าที่ออกไปจะทำระบบรวนไปเยอะ ฉันเลยมาช่วยๆรุ่นพี่น่ะ”

พูดพลางชี้ไปทางด้านในที่ซึ่งมีหญิงสาวอีกคนนั่งอยู่ เจ้าหล่อนกำลังหน้าดำคร่ำเครียดอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์

“เดี๋ยวเย็นนี้ไปกินข้าวด้วยกันนะ”

เรือชาเอ่ยชวน และภาคนิพนธ์ก็ไม่ได้คิดจะปฏิเสธ เพราะตัวเองก็คิดถึงเพื่อนไม่ต่างกัน

“อืม เอาสิ”

ยิ้มให้เพื่อนแล้วเดินกลับไปยังห้องทำงานของตัวเอง

.....................

“ไปกับใคร”

ปาฏิหาริย์เอ่ยถามเป็นคำแรกทั้งๆที่ยังไม่เงยหน้าขึ้นจากแฟ้มเอกสาร เมื่อภาคนิพนธ์บอกว่าเย็นนี้จะไปกินข้าวกับเพื่อน

“ไปกับเรือชาครับ”

“คนที่เคยไปอยู่ด้วยหรือ”

“ครับ”

ทั้งที่ภาคนิพนธ์ตั้งใจจะบอกแค่ให้อีกฝ่ายรับรู้ ซึ่งมันไม่ใช่การขออนุญาต แต่ไม่รู้ทำถึงอยากได้คำตอบกลับเป็นเชิงอนุญาตจากปาฏิหาริย์อย่างไม่มีเหตุผล

ปาฏิหาริย์นิ่งอยู่อย่างนั้น ในหัวเขากำลังประมวณความคิด พูดตรงๆว่าเขาไม่อยากให้ภาคนิพนธ์ไป แต่เขาจะเอาอะไรไปห้ามล่ะ คิดอยู่ในใจแล้วก็หงุดหงิดตัวเองที่ถ้าเป็นเรื่องของภาคนิพนธ์ในตอนนี้แล้วปาฏิหาริย์รู้สึกราวกับมีอะไรหนักๆมาถ่วงขาเขาไว้ตลอดเวลา

“คุณ...”

เสียงเรียกเบาๆนั้นทำให้ปาฏิหาริย์หยุดความคิดต่างๆของตัวเองแล้วพยักหน้าให้

“ไปเถอะ ถ้าจะให้ไปรับก็โทรมาแล้วกัน”

ภาคนิพนธ์ขยับปากจะเอ่ยค้าน แต่ก็โดนโบกมือไล่ให้ไปทำงานจึงต้องถอนหายใจออกมาเบาๆแทน ก่อนจะเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะและเริ่มลงมือทำงานอีกครั้ง

ทุกอย่างทุกปฏิกิริยาของภาคนิพนธ์อยู่ในสายตาของคนตัวสูงที่นั่งก้มหน้าทำท่าเหมือนทำงานแต่ที่จริงลอบสังเกตอาการของอีกฝ่ายอยู่ต่างหาก

พอเห็นท่าทางเหนื่อยอกเหนื่อยใจของภาคนิพนธ์ที่แสดงออกมาความหงุดหงิดก็ยิ่งเพิ่มขึ้น ปาฏิหาริย์กดปากกาลงเซ็นชื่อแรงๆ ปิดแฟ้มลงแรงๆ แล้วก็เลื่อนเก้าอี้เพื่อลุกขึ้นจากที่นั่งแรงๆ

“เอ่อ”

คนที่สะดุ้งทุกครั้งที่อีกฝ่ายทำเสียงดังเงยหน้าขึ้น ตั้งใจจะถามเมื่อเห็นว่าร่างสูงนั้นกำลังเก็บเอกสารบางอย่างลงกระเป๋าแล้วเดินผ่านหน้าโต๊ะตัวเองไป

“ฉันจะไปข้างนอก เจอกันที่บ้านเลยแล้วกัน”

พูดจบก็เปิดประตูออกไป ยังดีที่เป็นระบบปิดอัตโนมัติ ไม่อย่างนั้นเสียงปิดประตูคงดังสนั่นหวั่นไหวให้ใครต่อใครด้านนอกได้แปลกใจเป็นแน่

ภาคนิพนธ์มองอาการเหล่านั้นแล้วก็เอนตัวพิงเก้าอี้ตัวเองอย่างอ่อนแรง

ถ้าจะมาทำท่าทางแบบนี้ใส่ ทำไมปาฏิหาริย์ไม่พูดออกมาตรงๆเลยล่ะว่าไม่ให้ไป คิดแล้วก็นึกถึงเมื่อก่อน ตอนที่ยังอยู่ด้วยกันที่คอนโดภาคนิพนธ์เคยบอกปาฏิหาริย์ว่าอยากไปพบเรือชา แต่อีกฝ่ายก็ห้ามไม่ไห้ไป ปาฏิหาริย์แสดงถึงความเอาแต่ใจชัดเจนเสียจนภาคนิพนธ์ตอนนั้นทั้งนึกขำและก็โมโหที่ปาฏิหาริย์เผด็จการซะเหลือเกิน สุดท้ายก็จำต้องยอมไม่ไปหาเพื่อน แต่ตอนนี้ทั้งๆที่ทำหน้าตาแบบนั้น แต่กลับยอมให้ไป

“ไม่เข้าใจเลย”

รำพึงกับตัวเอง ด้วยไม่เคยจะตามปาฏิหาริย์ทันสักที

................................

ปาฏิหาริย์โทรนัดคู่ควงคนหนึ่งออกมาเพื่อหวังว่าจะสามารถแก้อารมณ์หงุดหงิดของตัวเองไปได้ แต่เอาเข้าจริงๆแล้ว ....

“คุณปาฏิหาริย์ค่ะ กุ๊กกิ๊กอยากได้ตัวนี้จังเลยค่ะ”

ร่างสูงถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความเบื่อหน่ายสุดขีด เสียงออดอ้อนกับการเกาะแขนออเซาะไม่ได้ทำให้ปาฏิหาริย์รู้สึกพึงใจสาวเจ้าเลยสักนิด แล้วก็ให้นึกไปถึงใครคนหนึ่งที่ปาฏิหาริย์เคยพามาซื้อของด้วยกัน ทั้งๆที่เขาพาร่างเล็กๆนั้นเข้าออกร้านโน้นร้านนี้อย่างสนุกสนาน แต่ของที่ได้มากลับน้อยจนไม่น่าเชื่อเมื่อเทียบกับการเข้าไปไม่กี่ร้านของหญิงสาวคนนี้ เสียงที่ปาฏิหาริย์ได้ยินคือเสียงประท้วงไม่ซื้อเพราะข้าวของมันราคาแพงเกินไป ไม่ใช่เสียงหวานๆขอให้ซื้อของให้อย่างผู้หญิงตรงหน้านี่

“บ้าจริง!”

ด่าตัวเองเบาๆเมื่อตนเองเอาคนสองคนมาเปรียบเทียบกัน

ปาฏิหาริย์พยักหน้าเป็นเชิงตกลงว่าจะซื้อเสื้อที่อยู่ในมือของหญิงสาวให้ตามคำขอ แล้วเบนสายตาไปด้านนอกด้วยความเซ็ง กำลังหาเหตุผลจะขอตัวกลับก่อนอยู่ก็ให้พอดีไปสบเข้ากับดวงตากลมแสนคุ้นเข้า

อีกฝ่ายดูเหมือนจะมองเข้ามาอยู่นานแล้ว เมื่อเขาหันไปมองจึงสะดุ้งเล็กน้อยเหมือนเพิ่งรู้สึกตัวก่อนจะรีบจ้ำเท้าเดินจากไป มองจนลับสายตาแล้วจึงหันกลับมาเมื่อถูกเรียกโดยพนักงานขาย

“อะไรจะพอดีปานนี้”

พูดให้ตัวเองได้ยินคนเดียวพลางส่งเครดิตการ์ดให้พนักงาน

............................

ภาคนิพนธ์จ้ำเท้าเดินออกมาให้ไกล ในหัวตื้อไปหมด เขามองเข้าไปในร้านนั้นด้วยความไม่ตั้งใจ แค่เพียงเป็นการมองไปเรื่อยๆระหว่างทางเดินกลับมาจากห้องน้ำ แต่สายตากลับไปสะดุดเข้ากับร่างสูงใหญ่ที่ภาคนิพนธ์จำได้ดี ข้างกายชายหนุ่มมีหญิงสาวหน้าตาสะสวยเกาะแขนและยิ้มหวานให้อย่างสนิทสนม มันดูเหมาะกันอย่างเหลือเชื่อ เหมาะกันจนภาคนิพนธ์เกลียดตัวเองขึ้นมาที่เกิดมาเป็นผู้ชายที่ไม่มีอะไรคู่ควรแบบนี้ เกลียดตัวเองที่อิจฉาขึ้นมาเมื่อมองเห็นภาพเหล่านั้น

เพราะแบบนี้ใช่ไหมปาฏิหาริย์ถึงได้ไม่เหมือนเดิม เหมือนตอนที่ยังอยู่ที่คอนโดด้วยกัน เพราะมีตัวจริงอยู่แล้วและไม่มีความจำเป็นต้องทำเป็นรักภาคนิพนธ์อีก ... ที่กลับมาเหมือนจะคบกันมันก็แค่ข้อตกลง เหมือนเป็นธุรกิจอย่างหนึ่งเท่านั้น

มันก็แหงอยู่แล้ว ไม่ว่าถามใครก็คงตอบได้โดยไม่ต้องคิด

แล้วทำไมภาคนิพนธ์ถึงคิดอะไรโง่ๆหลงตัวเองอยู่เรื่อยว่าคงมีความสำคัญกับอีกฝ่ายอยู่บ้าง

ภาคนิพนธ์กัดริมฝีปากตัวเอง ด่าตัวเองว่าโง่ๆๆให้คำๆนี้มันซึมเข้าสู่สมอง ...

................

มีต่อข้างล่างนะคะ

ออฟไลน์ JUPJIB

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +218/-0
การมาเจอกันนี้ทำเอาปาฏิหาริย์นึกกร่นด่าโชคชะตาและความบังเอิญ

ทำไมนะ ทั้งๆที่ห้างก็มีตั้งมากมายไม่เลือกจะไปทั้งเขาและภาคนิพนธ์ จำเพาะเอาต้องมาห้างนี้ แถมต้องมาเจอกันอีก

หลังจากจ่ายเงินค่าชุดให้หญิงสาวแล้ว ปาฏิหาริย์ก็เอ่ยขอตัวแยกออกมาทันที

สองขาก้าวเดินมาตามทางที่ร่างบางเดินหายไปเมื่อครู่ สายตาสอดส่องเข้าไปในร้านอาหารเพื่อมองว่ามีภาคนิพนธ์นั่งอยู่ในร้านเหล่านั้นหรือไม่

และเป็นโชคดีที่เจอ

ร่างสูงก้าวเข้าไปในร้าน ตรงไปยังโต๊ะเป้าหมาย และนั่งลงตรงข้างๆภาคนิพนธ์โดยไม่ได้เอ่ยขออนุญาตใครในโต๊ะเลยสักคำ

“.....”

“....”

สองร่างที่กำลังนั่งคุยกันเบาๆต่างก็ตกใจต่อการปรากฏตัวของอีกฝ่าย แม้จะด้วยความคิดที่ต่างกันไป

“เอ่อ...สวัสดีครับคุณปาฏิหาริย์”

และเป็นเรือชาที่ได้สติก่อน เอ่ยทักทายผู้ที่อายุน้อยกว่าตน แต่ดำรงตำแหน่งสูงกว่า

“สวัสดีครับ วันนี้ขอกินข้าวด้วยคนนะครับ”

อีกฝ่ายก็ยิ้มให้อย่างเป็นมิตรพร้อมทั้งเอ่ยขอ เรือชาเลยยิ้มกว้างพยักหน้ารับพลางเรียกพนักงานมาเพื่อสั่งอาหารเพิ่ม

“ต้องขอบคุณมากเลยนะครับ ที่เข้าไปช่วยจัดการเรื่องบัญชียุ่งๆ”

พอสั่งอาหารเสร็จปาฏิหาริย์ก็หันมาคุยกับเรือชา

“ไม่เป็นไรครับ ผมเองก็ได้เครดิตมากอยู่จากการเข้าไปช่วยที่นั่น”

และการพูดคุยก็ผูกขาดอยู่ที่สองคน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องงาน ภาคนิพนธ์นั้นนอกจากจะเออออไปตามเรื่องตามราวแล้ว สติก็ไม่ได้อยู่กับเนื้อกับตัวเท่าไหร่นัก

ทั้งสงสัยว่าทำไมปาฏิหาริย์ถึงได้มานั่งกินข้าวด้วยกันและยังความรู้สึกขุ่นๆในใจยามที่คิดภาพร่างสูงอยู่กับผู้หญิงเมื่อครู่ แต่ถึงจะคิดอย่างนั้น ถึงจะไม่ได้มีส่วนพูดคุยมากเท่าใดนัก หากมือเรียวก็ยังตักอาหารใส่จานให้คนตัวโตอยู่ตลอดเวลาจนเพื่อนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามยังอดยิ้มไม่ได้ที่เห็นการกระทำนั้น เรือชาไม่ได้เอ่ยทัก ด้วยความที่คบกันมานานถึงจะห่างๆกันไปบ้างเมื่อภาคนิพนธ์ไปอยู่ที่ต่างประเทศ แต่ท่าทางเงียบๆของภาคนิพนธ์เรือชาก็รับรู้ได้ว่าเพื่อนไม่ปกติ

ส่วนปาฏิหาริย์แม้จะพูดคุยกับเรือชาและไม่ได้หันมาชวนคนนั่งข้างๆคุยเลยสักนิด แม้จะเพียงแค่นั่งกินอาหารที่อีกฝ่ายตักให้ไปเรื่อยๆ และตักอาหารใส่จานให้อีกฝ่ายกลับไปบ้างเท่านั้น แต่ปาฏิหาริย์ก็มองเห็นบรรยากาศอย่างที่เคยเป็น เหมือนเมื่อตอนที่เคยอยู่ด้วยกัน ทั้งสองคนที่นั่งกินข้าวเงียบๆ แต่ก็ผลัดกันตักอาหารให้กันและกัน รอยยิ้มจุดขึ้นที่ริมฝีปากของร่างสูง คิดว่าตัวเองคิดถูกจริงๆที่แยกจากหญิงสาวมาแล้วตามมาหาภาคนิพนธ์อย่างนี้

“คุณปาฏิหาริย์”

เสียงเรียกดังขึ้นที่ข้างโต๊ะทำให้บทสนทนาที่ดำเนินมาหยุดชะงัก คนโดนเรียกเงยหน้าขึ้นมองผู้ที่เข้ามาทักแล้วต้องขมวดคิ้วด้วยความไม่ชอบใจ

“ยังไม่กลับไปอีกหรือครับ”

เป็นคำถามที่ทำเอาหญิงสาวหน้าเสียเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะปรับให้เป็นรอยยิ้มดังเก่า

“พอดีกุ๊กกิ๊กหิวน่ะค่ะ”

“ครับ”

แม้ว่าจะรู้จุดประสงค์ในการบอกว่าหิวของหญิงสาว แต่ปาฏิหาริย์ก็แค่รับฟังและตอบรับไปเฉยๆ จากนั้นสายตาก็เลื่อนกลับมายังเพื่อนร่วมโต๊ะ และชวนเรือชาคุยต่อโดยไม่ได้สนใจหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างๆอีก

เมื่อปาฏิหาริย์ที่เป็นเพียงคนเดียวเท่านั้นที่รู้จักกับหญิงสาวไม่เอ่ยแนะนำ ไม่เอ่ยชวน แล้วสองคนที่เหลือจะชวนได้อย่างไร

เรือชาที่คุยกับปาฏิหาริย์แอบเหลือบตามองหญิงสาวที่ยืนทำหน้าบึ้งตึงนิดๆพร้อมทั้งยิ้มขำๆอย่างโจ่งแจ้งไม่ปิดบังให้เธอได้เห็น

ส่วนภาคนิพนธ์นั้นมองหญิงสาว มองปาฏิหาริย์ มองเพื่อนตัวเอง แล้วกลับไปมองหญิงสาวอีกครั้ง พอเห็นเหตุการณ์แล้วก็ต้องถอนหายใจออกมาเบาๆ ด้วยรู้ว่าเพื่อนตัวเองไม่ชอบผู้หญิงมาแต่ไหนแต่ไร ผู้หญิงที่เรือชาคบค้าสมาคบด้วยนั้นมีน้อยจนนับคนได้ ยิ่งคนที่ยืนอยู่ข้างโต๊ะยิ่งใกล้แบบที่เรือชาไม่ชอบที่สุดแบบนี้ด้วย นี่ยังดีว่าปาฏิหาริย์ไม่ใช่เพื่อนทำให้เรือชาต้องเกรงใจบ้าง ไม่เช่นนั้นแล้วหญิงสาวคงไม่ได้แค่รอยยิ้มยียวนส่งไปให้เท่านั้นแน่

ในที่สุด เมื่อมองไม่เห็นทางว่าจะทำให้ปาฏิหาริย์หรือคนในโต๊ะเชิญเธอนั่งด้วยอย่างที่ต้องการ หญิงสาวจึงส่งเสียง หึ แล้วสะบัดตัวเดินลงส้นเท้าแรงๆจากไป

เมื่อเธอเดินจากไปแล้ว ภาคนิพนธ์ก็ถอนหายใจออกมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ดังขึ้นกว่าเดิมจนเรียกสายตาคนนั่งข้างๆให้หันมามองได้

“เป็นอะไร”

ถามแต่ก็ไม่ได้รับคำตอบ ภาคนิพนธ์เพียงแค่ส่งค้อนเล็กๆให้แล้วกลับมาตั้งหน้าตั้งตากินข้าวต่อเงียบๆ

สำหรับภาคนิพนธ์แล้วถ้าถามว่าตัวเองโกรธปาฏิหาริย์ไหมที่เห็นร่างสูงอยู่กับผู้หญิงในวันนี้ ถ้าบอกว่าไม่โกรธเลยก็ดูเหมือนจะเป็นการโกหก เพราะว่ารักเมื่อเห็นครั้งแรกจึงทั้งโกรธและไม่พอใจ แต่เมื่อมาคิดคำนึงถึงสถานะของตัวเองในตอนนี้ก็รู้ดีว่าไม่สามารถโกรธอีกฝ่ายจนออกนอกหน้าได้ ตอนนี้ความรู้สึกที่หลงเหลืออยู่คงเป็นเพียงแค่ความน้อยใจ

“วันนี้ขอบคุณมากเลยนะครับ เลยกลายเป็นว่าต้องมาให้จ่ายให้เลย”

เรือชาเอ่ยด้วยรอยยิ้มเมื่อจะแยกตัวไปที่รถของตัวเอง

“ไม่เป็นไรครับ ถือว่าเป็นการขอโทษที่มาเอาเองโดยไม่ได้รับเชิญ”

ปาฏิหาริย์ก็ตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มพอกัน

“คิดอย่างนี้ ผมจะตกงานไหมเนี่ย .. แยกกันตรงนี้แล้วกันนะครับ ขอบคุณอีกครั้งนะครับ ไปก่อนนะภาค”

“อืม บาย”

เมื่อเพื่อนแยกตัวไปแล้ว ทั้งสองคนก็เดินไปชั้นจอดรถเงียบๆ

หลังจากขึ้นรถ ภายในรถก็มีแต่ความเงียบ

ปาฏิหาริย์อยากจะพูดอยากจะบอกเรื่องของกุ๊กกิ๊ก แต่เมื่ออีกฝ่ายไม่ได้ถามอะไรออกมา เขาก็เลยไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มต้นพูดที่ตรงไหน

ภาคนิพนธ์อยากถามออกไปในเรื่องที่ตนข้องใจ แต่เพราะไม่รู้ว่าตัวเองมีลิมิตถามอีกฝ่ายได้แค่ไหน พอนึกว่าจะล้ำเส้นมากเกินไปจึงไม่ได้เอ่ยถามอะไรออกมาสักคำ

ต่างคนต่างความคิด ในรถจึงมีเพียงแค่ความเงียบไปตลอดทาง

.................................

ไม่ใช่แค่ในรถ แม้แต่ในห้องนอนเองทั้งสองคนก็เงียบพอกัน หลายวันที่ผ่านมาภาคนิพนธ์นอนเตียงเดียวกับปาฏิหาริย์มาโดยตลอด เจ้าตัวไม่ได้เดือดร้อนอะไรในเรื่องนี้เพราะปาฏิหาริย์ไม่ได้มีท่าทางคุกคามและเตียงก็ใหญ่พอให้ผู้ชายสองคนสามารถนอนห่างๆกันได้

ระหว่างทั้งสองคนมีแต่ความเงียบ ความเงียบที่ทำให้อึดอัดใจแต่ก็ไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมา ความเงียบและตึงเครียดระหว่างกันที่คนอื่นๆก็สามารถสัมผัสได้ แล้วก็พลอยทำให้คนอื่นๆเงียบตามไปด้วย

ปารมีไม่ชอบบรรยากาศระหว่างทั้งคู่ แต่ก็ยังคิดไม่ออกว่าจะพูดยังไงให้ทั้งคู่เลิกทำเงียบๆใส่กัน ไม่ทันได้คิดออกก็มีคนทำลายความเงียบขึ้นมาเสียก่อน

“อาตาหวานคับ”

น้องเอิร์ธเรียกอาของตนพลางปีนลงมาจากเก้าอี้เดินไปหาอา วันนี้เป็นเสาร์ที่เด็กชายไม่ต้องไปเรียนจึงมีเวลามากินข้าวเช้าพร้อมกับเขา คนถูกเรียกยิ้มให้หลานชายตัวน้อยก่อนจะยกอีกฝ่ายขึ้นมานั่งตัก

“ว่าไงครับ”

น้องเอิร์ธไม่ตอบแต่หันไปจ้องภาคนิพนธ์ที่นั่งอยู่ข้างๆ ปาฏิหาริย์ก็เพิ่งรู้สึกตัวตอนนี้เองว่ายังไม่ได้แนะนำภาคนิพนธ์อย่างเป็นทางการ แม้ว่าทุกคนจะรับรู้แล้วก็เถอะว่าภาคนิพนธ์เข้ามาอยู่ที่นี่ด้วยฐานะคนรักของเขา แต่ก็ยังไม่ได้แนะนำจริงๆจังๆเลย

“นี่อาภาคครับ แฟนอาเอง”

เอิร์ธยิ้มส่งไปให้และภาคนิพนธ์เองก็ยิ้มกลับมาให้เด็กชาย

“เอิร์ธชื่อเอิร์ธฮับ เป็นลูกของคุณพ่อกะหม่าม้า”

ภาคนิพนธ์ยิ้มแบบงงๆ เพราะยังไม่เห็นใครในที่นี้จะเป็นหม่าม้าอย่างที่เด็กชายเรียกได้สักคน

“น้องเอิร์ธ!”

เสียงเรียกดุๆที่ดังมาทำให้ภาคนิพนธ์หันกลับไปมองอย่างสงสัย

“แต่อาภาคเป็นแฟนอาตาหวานนะฮับ ต้องนับเป็นครอบครัวด้วยสิ”

เด็กชายเถียงงอนๆพร้อมๆกับกอดอาตัวเองไว้แน่น จิตรินที่ได้ฟังคำก็ได้แต่ถอนหายใจ แน่นอนเพราะเถียงไม่ได้

ปาฏิหาริย์เห็นภาคนิพนธ์งงๆเลยช่วยอธิบายให้

“น้องเอิร์ธเขาเรียกพี่ตรินว่าหม่าม้าน่ะครับ แต่พี่ตรินบอกไว้ว่าให้เรียกเฉพาะเวลาอยู่กันในครอบครัวเท่านั้น”

ภาคนิพนธ์พยักหน้าแม้จะยังงงๆ แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าปาฏิหาริย์เคยบอกว่าพี่ชายสองคนมีคนรักแล้ว พอมองตำแหน่งที่นั่งก็พอเข้าใจได้ว่าคนที่นั่งข้างๆพี่ชายทั้งสองของปาฏิหาริย์ตอนนี้คือคนรักของทั้งคู่นั่นเอง

“วันนี้เอิร์ธไปทำงานกับอาตาหวานได้ไหมคับ”

ปาฏิหาริย์หันไปมองหน้าพี่ชายแล้วเลยไปมองจิตริน เมื่อทั้งสองพยักหน้าให้จึงได้ตอบตกลงกับหลายชาย

..............................

ในรถที่เคยมีแต่ความเงียบเมื่อมีเด็กชายอยู่ด้วยก็เริ่มมีการพูดคุยบ้าง แม้จะเป็นการพูดคุยของเด็กชายเป็นส่วนใหญ่ก็เถอะ

เอิร์ธนั่งตักภาคนิพนธ์แล้วก็เล่าจ้อยๆถึงเรื่องที่โรงเรียน เรื่องที่ไปเที่ยวสวนสนุกกับปาฏิหาริย์ เรื่องที่คุณพ่อกับหม่าม้างอนกัน ไอ้เรื่องสุดท้ายนี่แหละที่ทำเอาผู้ใหญ่สองคนแอบสะอึก

“หม่าม้านะไม่ยอมพูดว่าโกรธคุณพ่อเรื่องอะไร คุณพ่อก็ไม่ยอมถามก่อนเหมือนกัน คุณพ่อบอกว่าแน่ใจว่าไม่ได้ทำอะไรผิด เอิร์ธโมโหเลยบอกว่าถ้าไม่คุยกันที่ไม่เข้าใจกันมันก็จะไม่เข้าใจกันไปเรื่อยๆ เอิร์ธเป็นเด็กยังรู้เลย แล้วคุณพ่อกับหม่าม้าทำไมไม่รู้”

เด็กชายพูดจบก็มองหน้าอาตัวเองทีแฟนอาตัวเองทีแล้วถอนหายใจ น้องเอิร์ธพูดขนาดนี้แล้ว ทำไมทั้งสองคนยังเงียบได้อีกนะ พวกผู้ใหญ่นี่ทำไมชอบเงียบใส่กันนัก เอิร์ธไม่เข้าใจจริงๆ

...............................

ที่จริงตอนแรกปาฏิหาริย์บอกว่าวันนี้ให้ภาคนิพนธ์ช่วยดูแลเอิร์ธไม่ต้องทำงาน แต่น้องเอิร์ธเป็นเด็กดีมาก พอมาถึงก็นั่งลงตรงพื้นของชุดรับแขกและเริ่มทำการบ้าน เสร็จแล้วก็ระบายสีอะไรไปเรื่อย ไม่กวน ไม่งอแงเลยสักนิด ภาคนิพนธ์จึงสามารถทำงานได้ พอบ่ายๆหน่อยเด็กชายก็หลับ ภาคนิพนธ์ก็แค่มาช่วยอุ้มให้เด็กชายนอนสบายๆบนโซฟาก็เท่านั้น

เด็กชายที่ดูอย่างไรก็ยังเป็นแค่เด็กเล็กๆนอนหลับอย่างสบาย พอนั่งมองแล้วก็ให้คิดถึงสิ่งที่เด็กน้อยพูดในรถ ภาคนิพนธ์เหลือบมองคนที่จดจ่อกับเอกสารแล้วก็ต้องแอบถอนหายใจ บางทีอะไรๆมันก็ไม่ง่ายขนาดนั้นทำให้ไม่สามารถพูดทุกอย่างอย่างที่คิดออกมาได้ บางทีก็ไม่รู้ต้องพูดยังไงเรื่องทั้งหมดมันถึงจะดีขึ้น และบางทีสิ่งที่ได้ฟังมันก็เชื่อไม่ได้เสมอไป

................................   

“คุณตาหวาน”

ปารมีเอ่ยเรียกคนที่ก้มหน้าก้มตาทำงาน ซึ่งเจ้าตัวก็เงยหน้าขึ้นมาแต่โดยดี

ผู้มาเยือนวางถ้วยชาร้อนให้แล้วลงนั่งฝั่งตรงข้ามของโต๊ะ เป็นการแสดงออกกลายๆว่ามีเรื่องจะพูดด้วย

“คุณปามมีอะไรหรือครับ”

ยอมรับว่าแอบกังวล ปาฏิหาริย์อดที่จะเกร็งร่างกายไม่ได้ ตามประสาคนมีความผิดติดตัว

ปารมีมองชายหนุ่มที่ตัวเองเลี้ยงมาตั้งแต่เจ้าตัวยังแบเบาะแล้วยิ้มบางๆเพื่อให้อีกฝ่ายหายเกร็งไปบ้าง ซึ่งมันก็ช่วยได้ไม่น้อย

“คุณตาหวานมีปัญหาอะไรกับคุณภาคหรือเปล่า”

ปาฏิหาริย์เสหลบตา ถอนหายใจออกมาเบาๆ เขาไม่อยากตอบอะไรปารมี พูดตรงๆว่าไม่อยากโกหก ไม่อยากโกหกคนที่สามารถจับโกหกตัวเองได้อย่างง่ายดาย

“คุณปามรู้ว่าเรื่องเมื่อคราวก่อนทำให้ทั้งสองคนกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ยาก”

ปารมีเอื้อมมือไปกุมมือของหลานชายตัวเองไว้

“แต่มันไม่ต้องเป็นเหมือนเดิมก็ได้ เราสามารถเริ่มต้นใหม่ได้ถ้าทั้งสองคนเปิดใจ คุณตาหวานเองก็รู้ ก่อนที่คุณตาหวานจะจำความได้ คุณปามกับคุณดินก็เคยต้องเริ่มต้นกันใหม่ มันจะเป็นไปอย่างช้าๆ เราทั้งสองคนเปิดใจยอมรับความเป็นไปอย่างช้าๆนั้น มันไม่สามารถทำได้โดยทันที แต่เวลาสามารถช่วยได้มาก”

“แต่ผมไม่ได้มีเวลามากอย่างคุณพ่อกับคุณปาม”

ปารมียิ้ม ปาฏิหาริย์แม้จะตัวโตกว่าเขาไปมากแล้วแต่สำหรับปารมี เจ้าตัวยังเหมือนเด็กน้อยเมื่อตอนก่อนๆ ปาฏิหาริย์ที่มักจะแสดงออกมาอย่างที่คิด บางทีเจ้าตัวเองก็ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตัวเองได้แสดงมันออกมา

อย่างตอนที่ปารมีแอบไปเห็นปาฏิหาริย์กับภาคนิพนธ์ในห้างก่อนจะเกิดเรื่องนั้นไง

แม้จะไม่ได้เห็นรอยยิ้มกว้างขวางราวกับเด็กน้อยเหมือนตอนที่อยู่กับพวกพี่ชาย แต่รอยยิ้มมุมปากบางเบายามเจ้าตัวจ้องมองคนที่เดินข้างกันนั้นมันเต็มไปด้วยความอบอุ่น ห่วงใย อ่อนโยน และรัก

ใช่รัก

แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่รู้ตัวเลยว่าได้แสดงออกมามากขนาดนั้น ... หรือไม่ก็ไม่อยากจะรู้ตัว

“เราไม่มีทางรู้ว่าเวลาของเรามีมากแค่ไหน คุณปามกับคุณดินไม่ได้รู้ล่วงหน้าว่าจะสามารถอยู่ด้วยกันมาได้นานขนาดนี้ ตอนนั้นบางทีเวลาของเราอาจจะสะดุดและหยุดชะงักจนต้องแยกกันไปก็ได้ แม้มันจะไม่เกิดขึ้นจริงก็เถอะ แต่มันก็เกิดขึ้นได้ใช่ไหม”

ปาฏิหาริย์พยักหน้าอย่างเห็นด้วย

มันก็จริงที่ว่าไม่มีใครรู้ว่าในอนาคตเรื่องอะไรจะเกิดขึ้น

“แต่ในเวลานั้นเราทั้งสองคนเปิดใจรับมัน คุณดินรู้ตัวว่าทำผิดและเปิดใจยอมรับความผิดนั้น เปิดใจรับคุณปามทั้งๆที่ตอนนั้นเขาไม่ได้รัก”

“แต่คุณพ่อเคยบอกว่าคุณปามพิเศษกว่าใครและสำคัญมาตั้งแต่แรกแล้ว”

ใบหน้าของปารมีเรื่อขึ้นเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ

“โอเค แต่มันก็แค่ถูกตาถูกใจ อาจจะชอบ อาจจะสำคัญ แต่มันยังไม่สามารถเรียกว่ารักได้ เพราะอย่างนั้นถึงเป็นพิเศษและสำคัญ ไม่ใช่รักไงล่ะ และคุณดินก็ยอมเปิดใจรับความรู้สึกเหล่านั้นเข้ามา สานต่อความรู้สึกเหล่านั้น พร้อมกับที่พยายามทำให้คุณปามเชื่อใจ”

เพราะสิ่งที่วสุธาทำนั้นร้ายแรงนักในความรู้สึก แม้ปารมีจะเปิดใจและยอมให้อภัย แต่มันก็ยังมีเศษเสี้ยวที่ยังไม่ไว้ใจ และที่สำคัญ ปารมียังกลัว

วสุธายอมรับความผิดของตัวเองและทำพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้ปารมีเชื่อใจตน และเขาก็รอ

แต่มันไม่มีอะไรมายืนยันได้เลยว่าจะมีวันที่ปารมีเลิกกลัว และก็ไม่มีอะไรมายืนยันได้เช่นกันว่าวสุธาจะไม่เลิกรอ หากทั้งสองคนก็ยังประคับประคองความสัมพันธ์นั้นเรื่อยมา เพราะทั้งสองคนต่างมองเห็นเส้นใยเล็กๆที่เชื่อมความรู้สึกของทั้งคู่เอาไว้ด้วยกัน ต่างคนต่างรู้สึกว่าอีกฝ่ายมีความพิเศษในใจตน ทั้งสองคนเชื่อและเปิดใจรับความรู้สึกนั้นจึงก้าวผ่านมันมาได้ จนเส้นใยเล็กๆนั้นกลายเป็นสายสัมพันธ์อันแข็งแกร่งมาจนถึงทุกวันนี้

“แล้วคุณตาหวานเปิดใจหรือยัง อย่างน้อยๆ เคยเปิดใจยอมรับว่าสิ่งที่ตัวเองทำไปนั้นเป็นความผิดรึยัง ถึงแม้จะบอกว่าทำไปเพื่ออะไรก็ตามที่ยุติธรรมในความคิดของคุณตาหวาน แต่คุณตาหวานลองคิดดูหรือยังว่ามันผิดต่อตัวเองไหม แล้วมันผิดต่อคุณภาคหรือเปล่า ตัดสินจากความรู้สึกของคุณในฐานะคนรักของคุณภาคดูนะ ลองตัดความรู้สึกทางอื่นทิ้งไป ลองคิดแค่ในฐานะคนๆหนึ่งที่รักและหวังดีกับคุณภาค”

ปาฏิหาริย์รู้ว่าเขาเองพยายามไม่คิดว่าสิ่งที่ตนทำไปนั่นมันผิด คิดแค่ว่ามันเป็นสิ่งที่พัลลภาสมควรได้รับ

พัลลภาที่แกล้งมาตีสนิทกับปารมีเพื่อเข้าหาวสุธา พัลลภาที่ไม่ยอมรับว่าตัวเองไม่มีทางแย่งปารมีมาจากวสุธาได้ พัลลภาที่หลอกให้ปารมีเชื่อใจ หลอกเอาเงินไป พัลลภาที่พยายามทำลายความเชื่อใจของปารมีที่มีต่อวสุธา แถมยังตั้งใจหลอกไปให้ผู้ชายรุมทำร้าย พัลลภาที่ไม่รู้ว่ากว่าปารมีจะก้าวผ่านความกลัวในใจที่เกิดจากวสุธามาได้ต้องใช้เวลาและความพยายามของวสุธามากแค่ไหน

หากไม่เพราะพัลลภาประเมินความรักและเชื่อใจของคนทั้งคู่ต่ำเกินไปอะไรจะเกิดขึ้น

หากไม่เพราะวสุธารักและเป็นห่วงปารมีมากขนาดวางกำลังไว้ติดตามเจ้าตัวอย่างลับๆด้วยจำนวนคนกว่าสิบจะสามารถเข้าช่วยเหลือปารมีได้ทันไหม

หากไม่เพราะปารมีเชื่อใจวสุธาว่าไม่มีทางหักหลังตนไม่ว่าทางไหนทั้งสองคนจะยังคงอยู่ด้วยกันอย่างนี้หรือเปล่า

พัลลภาทำในสิ่งที่ร้ายแรงในความรู้สึกของปาฏิหาริย์

แม้วสุธาจะทำให้เธอแทบไม่มีที่ยืนแต่มันก็ให้เธอแค่เจ็บใจและไม่สะดวกสบายอย่างเคย

ปาฏิหาริย์อยากให้เธอได้รู้สึกบ้างว่าการโดนคนที่เชื่อใจทรยศนั้นมันทำให้เสียใจมากแค่ไหน แม้คุณปามจะบอกว่าไม่ได้เสียใจมาก แต่มันก็มากพอให้ปาฏิหาริย์จำฝั่งใจ

พัลลภาสมควรที่จะต้องได้รับความเสียใจ

ภาคนิพนธ์คือหนทางที่จะทำให้เธอเสียใจอย่างที่สุดได้

ปาฏิหาริย์คิดมาตลอดว่าตัวเองก็แค่ทำในสิ่งที่สมควรทำเท่านั้น

“นอกจากนี้ คุณตาหวานพูดเองว่าตัวเองไม่ได้มีเวลามาก แล้วในช่วงเวลาอันน้อยนิดนี้ คุณได้ลงมือทำอะไรหรือยัง พยายามทำให้มันดีขึ้นรึยัง”

ปารมีลุกขึ้นมองสบตากับหลานชายและยิ้มอย่างอ่อนโยนส่งไปให้ก่อนจะเดินออกมาจากห้อง

ปารมีไม่ได้อยากให้ปาฏิหาริย์สำนึกผิด หากปาฏิหาริย์ทำร้ายภาคนิพนธ์แล้วมีความสุขปารมีอาจจะตำหนิแต่ไม่มีทางบอกว่าอีกฝ่ายทำผิด เพราะอย่างน้อยๆสิ่งที่ทำก็ไม่ผิดต่อความรู้สึกตัวเอง

แต่นี่ปาฏิหาริย์ไม่ได้มีความสุขในสิ่งที่ตัวเองทำ

ปารมีก็แค่อยากให้คนที่เปรียบเสมือนลูกชายคนเล็กของตัวเองมีความสุข

ถึงจะต้องยื่นมือเข้าไปยุ่งมากกว่านี้เจ้าตัวก็พร้อมจะทำ

.....................................................

TBC

ออฟไลน์ parn11

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 236
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-2
รักเรื่องนี้รักคนเขียนนน

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด