ลืมโพสมาสองตอนค่ะ
ตอนที่8
“นายอาจจะลืมตัวคิดว่าตัวเองเป็นเครื่องจักรอยู่นะตาหวาน”
เสียงจากห้องทำงานภายในบ้าน เป็นน้ำเสียงตำหนิเชิงหยอกเล่นของปฐพีฝาแฝดคนพี่ทำให้ปารมีชะงักเท้าที่จะเดินไปเข้าไปไว้
“ผมเปล่า”
คนพูดดูหงุดหงิดเกินความจำเป็นทำให้ปารมีแปลกใจไม่น้อย
“นายทำงานมากไป ตั้งแต่เรื่องนั้น”
ปฐวี ฝาแฝดอีกคนเอ่ยขึ้น
“ไม่ใช่!...ผมไม่เคยรู้สึกอะไรกับเรื่องนั้น!”
เสียงที่บ่งบอกว่า อีกฝ่ายตีได้ตรงจุด แต่อีกคนก็ยังปากแข็งไม่ยอมรับ
“เรื่องนั้นที่ว่า ใช่เรื่องลูกชายคุณพัลลภาหรือเปล่า”
ทั้งสามคนในห้องสะดุ้งสุดตัว เมื่อเสียงปารมีดังขึ้นโดยไม่ได้คาดหมาย
แถมยังถามในเรื่องที่ปารมีไม่สมควรจะรู้อีกด้วย ทั้งสามคนต่างมองหน้ากันเป็นคำถาม ก็รู้กันอยู่แค่สามคน หากปารมีรู้เรื่อง ก็ต้องเป็นใครคนใดคนหนึ่ง หากแต่ทั้งสามคนกลับส่ายหน้าให้กันเป็นเชิงบอกว่าไม่ได้พูด
“ไม่ต้องสงสัยหรอกครับ เอาเป็นว่าคุณปามรู้ก็แล้วกัน ว่าแต่ใครจะเป็นคนเล่าเรื่องนี้ให้คุณปามฟังดีล่ะ”
เมื่อยังคงเงียบไม่ตอบ ปารมีจึงเดินไปนั่งที่โซฟา
“มานี้สิ คุณตาหวาน”
ปาฏิหาริย์ลุกขึ้นแต่โดยดี เดินไปนั่งลงยังโซฟาตัวเดียวกันกับปารมี
“คุณปามคิดว่าเคยเห็นเด็กคนนั้นเดินกับคุณในห้างนะ”
ปาฏิหาริย์ส่ายหัวอย่างไม่มีทางออก ทำไมเขาไม่เช็คให้ดีก่อนนะว่าปารมีจะไปไหนวันไหน ทำไมดันไปจ๊ะเอ๋กันได้พอดีขนาดนั้น ทั้งๆที่เป็นเพียงครั้งเดียวแท้ๆที่ปาฏิหาริย์พาภาคนิพนธ์ไปห้างสรรพสินค้า
“ผม.....”
“อย่าว่าตาหวานเลยครับคุณปาม”
สองพี่น้องฝาแฝดรีบออกตัวแทนปาฏิหาริย์ แต่ก็พูดได้เพียงเท่านั้นเพราะปารมีส่งสายตาดุๆมาให้
“ว่าไงคุณตาหวาน”
ปาฏิหาริย์ยังคงเงียบ .... เค้าไม่ได้ไม่กล้าเล่าให้ปารมีฟัง แม้จะหวั่นใจในสายตาอยู่มาก แต่ที่ไม่พูดเพราะไม่รู้จะเริ่มยังไง
ปารมีมองปาฏิหาริย์ที่ตะกุกตะกักไม่เหมือนช่วงเวลาปกติก็ถอนหายใจออกมา
“เอาเป็นว่าคุณตาหวานไปทำอะไรเค้าบ้าง”
“เอ่อ.....”
“อะไรกันนั่งทำหน้าเครียดกันเชียว”
ยังไม่ทันได้เล่าอะไร วสุธาที่เพิ่งกลับจากทำงานก็เดินเข้าซะก่อน
สองฝาแฝดผ่อนลมหายใจออกมาเล็กน้อย เพราะรู้ว่าถึงอย่างไรพ่อของพวกตนก็คงไม่ว่าอะไรนัก และก็คงช่วยเบรกปารมีได้บ้าง.....คงได้บ้าง....ไม่มากก็น้อยแหละนะ
“คุณดิน มาก็ดี มาฟังเรื่องลูกชายคนเล็กของคุณหน่อยแล้วกัน”
วสุธา มองหน้าฝาแฝดที่ส่งสายตาขอความช่วยเหลือ แล้วเหลือบสายตาไปมองปาฏิหาริย์ผู้ถูกกล่าวถึงนั่งก้มหน้าราวกับรอการชำระความ เขานั่งลงข้างๆปารมี แล้วโอบกอดร่างปารมีไว้เป็นเชิงบอกว่าให้ใจเย็น
“ว่ามาสิคุณตาหวาน”
ปาฏิหาริย์สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วก็เล่าเรื่อง ตั้งแต่ไปเจอภาคนิพนธ์ที่อเมริกา ตอนไปงานแต่งของธรณิน จนถึงหนึ่งเดือนก่อนหน้านี้
และแน่นอนว่าเหตุผลที่ปาฏิหาริย์ทำลงไป ไม่บอกปารมีก็รู้
“คุณทำเกินไปนะคุณตาหวาน”
ปารมีพูดด้วยน้ำเสียงตำหนิชัดเจน
“เดี๋ยวก่อนสิปาม ที่ลูกทำน่ะ....”
“คุณดินไม่ต้องพูดเลยนะครับ”
ปารมีหันมาทำเสียงดุใส่วสุธา
“แต่ผมไม่เห็นว่าที่ลูกทำมันจะผิดเลยนะ”
“เฮ้อ........ตาต่อตาฟันต่อฟันสินะครับ”
ปารมีพูดอย่างอ่อนอกอ่อนใจ
ตัวเค้าเองอยู่ที่บ้านจอมไตรมากว่า 10 ปี เห็นวิธีการที่ผู้ชายบ้านนี้สอนลูกหลานแล้วก็ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมทุกคนถึงได้ทำธุรกิจได้ดีกันนัก ความเมตตาสงสารจะมีให้เฉพาะผู้ที่สมควรได้รับจริงๆ ลงโทษคนผิดโดยไม่ปราณี ใครที่คิดเป็นศัตรูกับคนเพียงคนเดียวของบ้านนี้ ก็ต้องเตรียมใจเป็นศัตรูกับทุกคนในบ้านได้เลย
ปารมีเห็นด้วยกับเรื่องที่สอนให้รักกันในครอบครัว แต่ว่าเรื่องการต่อสู้แบบตาต่อตาฟันต่อฟัน และการชดใช้อย่างเท่าเทียม ในความคิดของพวกเขา แต่มันดูมากไปสำหรับคนอื่น เป็นสิ่งที่เถียงกันเสมอกับวสุธา
“แต่ผมคิดว่ามันเกินไป เด็กผู้ชายคนนั้นไม่ได้มารู้เห็นอะไรด้วยเลย แต่ต้องมารับกรรมไปเต็มๆ.....นี่ก็เห็นว่าถึงขนาดยอมไปหาพ่อเลี้ยงที่เกลียดนักเกลียดหนาเชียว คงหมดหนทางจริงๆ”
ปารมีพูดแล้วก็ลอบมองใบหน้าของปาฏิหาริย์ที่กระตุกขึ้นมาทันที เป็นปฏิกิริยาที่มีเพียงคนในครอบครัวเท่านั้นที่จะสังเกตเห็น
“ก็ยังดีที่คุณพัลลภาเค้าไปพาออกมาทัน ไม่อย่างนั้นก็ไม่รู้อะไรจะเกิดขึ้นบ้าง”
คราวนี้ปาฏิหาริย์ลอบถอนหายใจเบาๆคล้ายโล่งอก ปารมีเห็นแล้วต้องแอบส่ายหน้า พร้อมหันไปมองหน้าวสุธา อีกฝ่ายเองก็คงสังเกตเห็นเหมือนกันเลยได้แต่พยักหน้ารับ
“ยังไงก็ตาม คราวนี้คุณปามโกรธจริงๆ เรื่องมันตั้งแต่สมัยไหน แก้แค้นไป เค้าแค้นมาไม่จบไม่สิ้น คุณปามไม่เอาหรอกนะ”
“มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆนะครับ เค้าเกือบทำให้ครอบครัวเราแตกแยก เกือบทำลายครอบครัวเราเชียวนะครับ”
ปฐวีพูดขึ้นมาอย่างอดรนทนไม่ได้
“เค้าแค่เกือบทำลายครอบครัวเรา แต่เราไปทำลายชีวิตเค้า ซึ่ง คนที่โดนทำลายชีวิตเต็มๆน่ะ เค้าไม่ได้ทำอะไรให้เราเลยใช่ไหม”
“..............”
“.............”
“..............”
“คุณปามไม่ได้บอกให้ไปแก้แค้นคุณพัลลภานะ ถ้าจะเอาคืนเล็กๆน้อยๆ คุณดินเองก็เคยทำไปแล้ว....ใช่รึเปล่าครับ?”
วสุธาจำต้องพยักหน้ารับ ตอนนั้นเค้าเองที่กดดันพัลลภาทุกทาง และเป็นต้นเหตุใหญ่ที่ทำให้พัลลภากับนายมานิชแยกจากกันโดยเด็ดขาด....อย่างน้อยๆก็ทางพฤตินัยล่ะนะ
“ และการที่ไปหลอก แล้วหักหลังความเชื่อใจของคนอื่นน่ะ คุณปามเคยบอกแล้วใช่ไหมว่าขออย่าได้ทำ”
“แต่ว่า.......”
“พอที ถ้ายังคิดกันไม่ได้ คุณปามก็ไม่มีอะไรจะพูด”
ปารมีว่าแล้วลุกขึ้น โดยไม่ฟังคำทัดทานจากใคร
วสุธาเองก็ได้แต่ส่ายหน้าให้ลูกๆเป็นเชิงว่าไม่สามารถช่วยได้
“ผมไม่เคยเห็นคุณปามโกรธขนาดนี้เลย”
ปฐวีแฝดคนพี่ถอนหายใจแรงๆอย่างเหนื่อยใจ แม้ปารมีจะดุจะเตือนพวกเค้าตามประสาที่คนเป็นแม่(?)สมควรจะทำ แต่ว่าไม่มีครั้งไหนที่ปารมีจะโกรธมากขนาดนี้
“ปามไม่ชอบคนทรยศหักหลัง ตัวปามเองน่ะโดนแม่ทอดทิ้งหักหลังมาตั้งกี่ครั้ง ทั้งๆที่รักและไว้ใจแม่ตัวเองที่สุด”
วสุธาเฉลยเรื่องให้ฟังคร่าวๆ ชายหนุ่มทั้งสามคนเคยได้ยินเรื่องมาบ้างแล้ว ก็เข้าใจในทันที
“แล้วผมต้องทำยังไงต่อไปล่ะครับเนี่ย”
ปาฏิหาริย์กุมขมับ ไม่รู้ว่าตัวเองต้องทำอะไรเพื่อให้ปารมีหายโกรธ
“เรื่องนั้น ลูกต้องคิดเองนะตาหวาน คุณปามของลูกสอนเสมอไม่ใช่หรือว่า เรียนผูกต้องรู้จักเรียนแก้น่ะ”
วสุธาพูดแบบนั้นพร้อมกับตบบ่าอย่างให้กำลังใจ แม้จะอยากช่วยลูกชายคนเล็กเพียงใด แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะหากปารมีรู้ ต้องโกรธเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวแน่ๆ
...........................................
.......................................
...................................
...........................
TBC