จอมไตร ซีรีส์(ตาหวาน)*ซื้อด้วยใจ ขายด้วยรัก*(END)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: จอมไตร ซีรีส์(ตาหวาน)*ซื้อด้วยใจ ขายด้วยรัก*(END)  (อ่าน 163429 ครั้ง)

ออฟไลน์ ่patsaporn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4339
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-6
ลุ้นให้สองคนเปิดใจให้กันเต็มร้อยเร็ว ๆ คุณตาหวานเปิดแล้ว แต่ให้เวลาภาคอีกนิดนะ
เรื่องที่เจอมามันหนักหนาจัง แล้วคุณตาหวานก็ยังไม่ได้พูดอะไรชัดเจนจนจะเชื่อใจได้เต็มที่
เค้าแสดงออกด้วยการกระทำมากกว่า
เรื่องมานิชของให้พระเอกเราทำสำเร็จละกัน ซึ่งต้องสำเร็จอยู่แล้ว ร้ายนักอีตามานิชนี่ เลวหลายเรื่องเกิ้น

ขอบคุณค่ะ

nut28phat

  • บุคคลทั่วไป
ตาหวานวางคนไว้แน่ๆ
ที่โทรมา คือคุณทนายหรือเปล่านะ

แต่ว่า...
แต่ว่าที่ทำก็ยังไม่สาสมอยู่ดี
อะไรกัน ตาหวานจะได้อย่างใจทุกอย่างเลยเหรอ
คิดจะหลอกก็หลอก พออยากให้รักก็รัก
งอนแทนคุณภาค  :o12:

ออฟไลน์ nokkaling

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 941
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
ใกล้จบแล้วหรอ สนุกมาก  :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ janji

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 118
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
สนุกอ่ะยังอ่านไม่จุใจเลยอ่ะ

ออฟไลน์ asmar

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

name

  • บุคคลทั่วไป
เอาตาหวานคนเดิมคืนมา  :sad4:

ออฟไลน์ wan

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5575
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +643/-10
พ่อเลี้ยงโฉด ยังไม่รู้ตัวอีกว่า กำลังเดินเข้ากับดัก .......... :katai3:
+1 ให้เป็นกำลังใจนะครับ จุ๊บจิ๊บ  :z2:

ออฟไลน์ StillLoveThem

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3253
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +295/-10
...อ้าว สรุปว่าทนายความนี่ก็ของ..บ้านจอมไตร หรือ
...คุณพ่อเลี้ยงนี่ก็กัดไม่ปล่อยเนอะ ...จะเอาให้ได้ ว่างั้น
...ดูเหมือนตอนนี้ทั้งคู่ก็มีความสุขดีนะ แต่คงต้องดูตอนครบ 6 เดือนอีกที
...นายเอก รักเค้าก็จริง แต่คงต้องมีศักดิ์ศรีกันบ้างหละ ใช่เปล่า
:laugh:

ออฟไลน์ jubujubu

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 376
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1

ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
จัดไปเรยตาหวาน
เอาให้ อิมานิช ร้องไห้ไม่เป็นไปเรย~~~~~!!!!
 o3 o3 o3 o3 o3 o3 o3 o3

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ beery25

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 808
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +130/-0

ออฟไลน์ WilpeR

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-2
ภาคเริ่มเปิดใจให้ตาหวานแล้ว

นายมานิชจะทำอะไรนะ ไม่เป็นไรมีตาหวานอยู่ด้วยทั้งคน ทำอะไรภาคไม่ได้อยู่แล้ว

ออฟไลน์ aoaer

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 306
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
รู้สึกถึงบรรยากาศแบบครอบครัวแล้ว ตาหวานสู้ๆน๊ำ   :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ uknowvry

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-6

ออฟไลน์ thanza1970

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1

na-au

  • บุคคลทั่วไป
คนแก่ตามอ่านทันแล้ว

แต่พอมาดูแผนผัง คิดคิคดูแล้ว มันขาดคู่น้ำกับเออ่ะ

ตามอ่านได้ที่ไหนอ่ะ

 :bye2: :bye2: :bye2:

ออฟไลน์ JUPJIB

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +218/-0
ผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ


ตอนที่13

ปาฏิหาริย์แจ้งทนายของตนให้ติดต่อนายมานิชผ่านทนายความของฝั่งนั้นว่าต้องการเจรจานอกรอบ ซึ่งตรงตามกับที่นายมานิชต้องการพอดี ปาฏิหาริย์ไม่ได้ไปเอง แต่ให้ตัวแทนไปคุยซึ่งเป็นไปตามที่คาด นายมานิชต้องการเงิน และการช่วยเหลือ ซึ่งตัวแทนก็บอกว่าต้องรายงานกับปาฏิหาริย์ก่อน ยังไม่สามารถตัดสินใจได้ แน่นอนมันทำให้นายมานิชอารมณ์เสียมากเพราะเขาใจร้อนอยากออกนอกประเทศเร็ว ๆ แต่ก็ต้องยอมไปก่อนเท่านั้น แม้ก่อนกลับยังมิวายขู่ว่าถ้าชักช้าจะยื่นเรื่องฟ้องเร็ว ๆ นี้แน่

ที่นายมานิชเข้าใจผิดคือ เขาคิดว่าปาฏิหาริย์ไม่อยากให้เกิดการฟ้องร้อง และต้องการให้มีการหย่าร้างกันอย่างเงียบ ๆ ซึ่งปาฏิหาริย์ไม่ได้คิดจะทำอย่างนั้น พัลลภาเองก็ตกลงยอมให้มีการฟ้องร้องได้ แม้จะรู้ดีว่าต้องแพ้คดีก็ตาม

มานิชเข้าใจผิดเพราะรู้ศักยภาพของบ้านจอมไตรดีว่าสามารถทำให้ได้ในเรื่องที่ตนเองเรียกร้อง โดยไม่ลำบากอะไรสันิดด้วยซ้ำ ยิ่งท่าทีการแสดงออกของฝ่ายปาฏิหาริย์ที่ต้องการให้การประนีประนอม ประกอบกับมั่นใจว่าตนต้องชนะคดีแน่ ๆ จึงไม่ได้รู้สึกตัวเลยว่าทั้งหมดนั้นล้วนเป็นการตบตาเพื่อยื้อเวลาการหาหลักฐานเอาผิดนายมานิชฐานฉ้อโกงและเลี่ยงภาษี แล้วเพราะความที่นายมานิชชะล่าใจนี้เองส่งผลให้เขาไม่ได้มองหาทางอื่นในการหลบหนีสำรองไว้อย่างจริงจังเลย

..................................

ภาคนิพนธ์มองปาฏิหาริย์ที่มีโทรศัพท์เข้ามาเกินกว่าสิบครั้งแล้วในวันนี้ด้วยความสงสัย

จริงอยู่ว่าเขาช่วยงานแค่บางส่วน รู้เนื้องานแค่บางส่วน แต่การที่มีโทรศัพท์เข้ามาติด ๆ กันหลาย ๆ ครั้งแบบนี้มันต้องเป็น ‘ธุระด่วน’ ใช่ไหม แล้วถ้ามัน ‘ปกติ’ ปาฏิหาริย์ก็ควรจะบอกภาคนิพนธ์ให้ช่วยไปแล้ว แต่กลับไม่มีเลย ซึ่งหมายความได้อย่างเดียวว่ามัน ‘ไม่ปกติ’

แม้จะพยายามบอกตัวเองว่าบางทีปาฏิหาริย์อาจจะแค่ลืมคิดหรืออาจจะไม่มีตรงไหนให้ภาคนิพนธ์ไปช่วย ปาฏิหาริย์จึงไม่ได้บอกอะไร แต่มันก็แอบสงสัยไม่ได้อยู่ดี

“คุณช่วยดูเอกสารนี้ให้ที ถ้าไม่มีอะไรต้องแก้แล้วก็เอาไปให้ฝ่ายบัญชีจัดการเลยนะ เดี๋ยวผมจะออกไปข้างนอกสักสองชั่วโมง แล้วจะกลับมารับ ถ้ามีอะไรก็โทรหาผมได้”

พูดเสร็จก็ปุบปับออกไป ไม่ให้ภาคนิพนธ์ได้ซักได้ถาม ทำให้มันน่าสงสัยมากยิ่งขึ้น แต่เมื่อยังหาคำตอบไม่ได้ สุดท้ายเลยได้แต่เก็บความสงสัยไว้แล้วทำงานที่ได้รับมอบหมายให้เสร็จก็เท่านั้น

............................

“สวัสดีครับ”

ภาคนิพนธ์กล่าวสวัสดีกับพยาบาลที่ประจำอยู่ที่แผนกของแม่ซึ่งเห็นหน้าเห็นตากันบ่อย ๆ

 “วันนี้ผลัดกันมานะคะ”

“ครับ?”

คำทักกึ่งแซวทำให้ภาคนิพนธ์ตอบกลับไปด้วยความสงสัย

“แหม ก็คุณภาคกับคุณปาฏิหาริย์ไงค่ะ ทุกทีเห็นคุณปาฏิหาริย์มาพร้อมคุณภาคอย่างเดียว เดี๋ยวนี้ผลักกันแล้วหรือค่ะ”

ปาฏิหาริย์มาที่นี่? มาทำไม?

ด้วยพักหลังมานี้ปาฏิหาริย์มาที่โรงพยาบาลกับภาคนิพนธ์เกือบทุกครั้ง ทำให้เหล่าพยาบาลคุ้นหน้า รวมถึงรู้กันดีทุกคนว่าปาฏิหาริย์เป็นคนรักของภาคนิพนธ์ เป็นโชคดีที่ดูเหมือนจะยังไม่มีใครรู้ว่าปาฏิหาริย์ คือคนเดียวกับปาฏิหาริย์ จอมไตร

แต่ถึงจะยังไม่รู้ว่าคือจอมไตร ถึงจะรู้ว่ามีคนรักอยู่แล้ว มันก็ไม่ได้ทำให้เสน่ห์ของปาฏิหาริย์ลดลงไปเลยจริง ๆ ภาคนิพนธ์สังเกตเห็นว่า วันไหนที่ปาฏิหาริย์มาด้วยเหล่าพยาบาลจะเข้ามาตรวจความเรียบร้อยบ่อยครั้งกว่าเดิม เรื่องนี้ดูเหมือนเจ้าตัวเองก็คงรู้สึก แต่ก็เห็นแค่ยิ้ม ๆ ภาคนิพนธ์เองก็ไม่ได้ว่าอะไร คืออาจจะแอบหวั่นใจอยู่บ้างที่เห็นมีคนมาสนใจปาฏิหาริย์เยอะ แต่ก็ไม่ได้มากมาย อาจจะเพราะปาฏิหาริย์ไม่ได้มีทีท่าว่าจะสนใจอีกฝ่ายด้วยก็เป็นได้

แต่ที่ได้ยินวันนี้มันน่าแปลกใจนัก

ปาฏิหาริย์มาหาพัลลภาโดยที่ภาคนิพนธ์ไม่รู้ และดูเหมือนนี่จะไม่ใช่ครั้งแรก

ทำไมถึงไม่มีใครบอกอะไรภาคนิพนธ์ซักคน

ภาคนิพนธ์เดินเข้าไปหาแม่ด้วยความไม่สบายใจ

“อ้าวภาค”

พัลลภาดูตกใจเล็กน้อยที่เห็นลูกชาย นั่นยิ่งทวีความสงสัยของภาคนิพนธ์มากยิ่งขึ้นไปอีก

“แม่มีอะไรหรือเปล่า ทำไมทำท่าแบบนั้น”

พัลลภามองหน้าลูกชายก่อนจะส่ายหัว

“ไม่มีหรอก แม่แค่แปลกใจ”

“คุณตาหวานมาหาแม่หรือครับวันนี้”

เมื่อสงสัยจนเก็บเอาไว้ไม่ได้ ก็เลยตัดสินใจว่าถามพัลลภาไปเลยคงจะดีกว่า

“อ้อ ใช่แล้ว มาเมื่อบ่าย”

“เขามาคุยอะไรกับแม่”

ภาคนิพนธ์เริ่มเครียดเมื่อคิดไปแต่ในทางเลวร้าย

“ไม่มีอะไรหรอก เขาแค่ผ่านทางนี้เลยแวะมาก็เท่านั้น”

“ทางนี้มันกลับต้องไปหรือกลับจากชานเมืองนะครับ เขาไม่ได้มีธุระอะไรแถวนี้เลยวันนี้”

พัลลภาเงียบไปเพราะลืมคิดไปว่าภาคนิพนธ์ทำงานกับปาฏิหาริย์ ย่อมจะรู้ตารางกัน

“หรือเขามาทำอะไรแม่อีกหรือเปล่า เขาไม่ได้มาขู่มากดดันอะไรแม่ใช่ไหม ถ้ามีแม่ก็บอกผมมาเถอะ ไม่ต้องปิดบังกลัวผมเสียใจหรืออะไร ผมน่ะ....”

“ภาค”

พัลลภารีบเรียกให้ภาคนิพนธ์ให้หยุดพูดเมื่อเห็นว่าคนที่กำลังถูกพูดถึงยืนค้างอยู่หน้าประตูและได้ยินทุกสิ่งที่ลูกชายเธอพูด

“คุณตาหวาน”

พัลลภาเรียกเสียงเบา เมื่อได้ยินภาคนิพนธ์ก็หันไปมองด้วยความตกใจ ก่อนจะรีบปรับสีหน้าตัวเองเมื่อคิดได้ว่าไม่จำเป็นต้องตกใจเพราะตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิด และที่ตัวเองพูดไปก็เป็นสิ่งที่ควรคิดแล้ว

“มันไม่ใช่อย่างนั้นนะภาค ที่จริง...”

“ช่างเถอะครับ”

ปาฏิหาริย์ตัดบทไม่ให้พัลลภาพูดอะไร เขามองไปทางภาคนิพนธ์ด้วยสายที่ทำเอาคนที่มั่นใจว่าตัวเองไม่ผิดต้องหลบตา

ความเจ็บช้ำ เสียใจ ตัดพ้อ ที่ส่งมาทางสายตานั้นทำให้ภาคนิพนธ์รู้สึกผิดอย่างอดไม่ได้ แม้จะย้ำว่าตัวเองไม่ผิด ๆ

เพราะมันก็มีทางที่จะเป็นไปอย่างที่ภาคนิพนธ์คิดได้ เขาไม่อยากเสียใจเพราะเชื่ออีกฝ่ายอย่างหมดใจอีก

เรื่องที่เขาจะระแวง สงสัย ในการกระทำที่เหมือนจะปกปิดไว้มันก็ไม่ใช่เรื่องผิดไม่ใช่หรือ

ฝ่ายปาฏิหาริย์ ที่เขามาที่โรงพยาบาลอีกทั้งที่กลับไปและเข้าเมืองไปแล้วก็เพราะเมื่อโทรไปบอกว่าจะไม่เข้าบริษัทแล้ว ให้ภาคนิพนธ์กลับกับรถบริษัทเลย เจ้าตัวก็บอกว่าจะมาเยี่ยมแม่ เขาไม่ได้พูดอะไรในตอนนั้น แค่บอกให้มากับคนรถ ให้รถมาส่ง

แต่ธุระที่ต้องไปจัดการเสร็จเร็วกว่าที่คิด ปาฏิหาริย์เลยขับรถมาที่โรงพยาบาลอีกครั้งอย่างตั้งใจจะมารับภาคนิพนธ์กลับบ้านไปพร้อมกัน เลยพอดีมาได้ยินเรื่องที่ไม่อยากได้ยินเข้า

“ถ้าไม่มีอะไรทำไมไม่บอกกันล่ะ”

ภาคนิพนธ์ยืนยันความคิดตัวเอง เจ้าตัวยังไม่ยอมหันไปสบตากับปาฏิหาริย์อยู่เหมือนเดิม

“ภาค”

พัลลภาเรียกลูกชายอย่างปราม ๆ ก่อนจะมองไปทางปาฏิหาริย์อย่างเห็นใจ

“ลูกไม่น่ามอง ‘คนรัก’ ของลูกในแง่ร้ายนัก ทำไมไม่เชื่อใจเขาบ้าง”

ภาคนิพนธ์หลับตาสูดลมหายใจเข้าก่อนจะมองแม่แล้วพูดอย่างที่ใจคิด แม้รู้ว่าพูดไปแล้วจะทำให้คนถูกพูดถึงเสียความรู้สึก แต่พูดออกไปตรงนี้ เดี๋ยวนี้ จะได้รู้กันไปเลยว่าอะไรเป็นอะไร

“ผมเคยเชื่อเขาอย่างที่ไม่เคยเชื่อใคร และเขาก็ทรยศต่อความเชื่อใจนั้นของผมไปแล้ว แม่คิดว่าผมจะกลับไปเชื่อเขาได้ง่ายนักหรือครับ”

ที่จริงหากปาฏิหาริย์ไม่ทำลับ ๆ ล่อ ๆ บอกภาคนิพนธ์ตรง ๆ ว่ากำลังทำอะไร ภาคนิพนธ์คงไม่ระแวงและสงสัยในตัวปาฏิหาริย์ขนาดนี้

แต่เมื่อมีเรื่องปิดบังกันทั้ง ๆ ที่ยังไม่สามารถเชื่อใจกันได้ มันก็มีแต่ต้องระแวงสงสัยไว้ก่อนเท่านั้น

พัลลภาส่ายหัวกับความคิดของลูกชาย เธอเข้าใจว่าลูกชายเธอรู้สึกอย่างไร แต่ภาคนิพนธ์ได้เลือกแล้วที่จะกลับไป แม้จะบอกกับเธอว่ามันเป็นข้อตกลงที่ใช้ระยะเวลาแค่ 6 เดือน แต่ลูกชายเธอก็รักอีกฝ่ายจริง ๆ เพราะงั้นถึงปาฏิหาริย์ไม่บอกอะไร ลูกชายเธอก็ไม่ควรออกอาการไม่ไว้ใจขนาดนี้

“ผมเข้าใจภาคดีครับ คุณพัลลภาไม่ต้องคิดมากหรอก เพราะมันจริงอย่างที่ภาคเขาพูด”

ปาฏิหาริย์พูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อย ๆ เขารู้ว่าเขาผิดที่เคยทรยศต่อความเชื่อใจของภาคนิพนธ์ แต่เขาก็พยายามทำเพื่ออีกฝ่าย ทำทุกอย่างด้วยความจริงจังและตั้งใจจริงเพื่อให้อีกฝ่ายกลับมาเชื่อเขาอีกครั้ง

เขาเพิ่งรู้นี่แหละว่า ที่เขาเคยคิดไปว่าภาคนิพนธ์เริ่มที่จะเชื่อใจเขาบ้างแล้วนั้นเป็นเรื่องที่เขาคิดไปเองคนเดียว

หากใครจะบอกว่าเพราะภาคนิพนธ์ไม่รู้ความจริงจึงต้องระแวงเป็นธรรมดา แต่มันก็มีไม่ใช่หรือ คนที่ไม่รู้ความจริงแต่เชื่อใจคนที่รักอย่างหมดหัวใจน่ะ

อย่างน้อย ๆ เขาก็เคยเห็นมาแล้วในกรณีของวสุธาและปารมี

ปาฏิหาริย์รู้สึกท้อและล้าอย่างที่ไม่เคยเป็น

หรือที่เขาคิดว่าภาคนิพนธ์เริ่มเปิดใจแล้วมันจะไม่ใช่อย่างนั้น

หรือที่เขาหวังไว้ว่าทั้งเขาและภาคนิพนธ์จะไปด้วยกันได้ดีนั้นมันไม่มีทางเป็นไปได้

หรือว่าบางที ปาฏิหาริย์สมควรที่จะปล่อยภาคนิพนธ์ไป

“กลับกันเถอะ แล้วไปคุยกันให้รู้เรื่อง คุณตาหวานเองก็บอกภาคไปเถอะ บางทีมันอาจจะทำให้เขาเข้มแข็งขึ้น และคุณเองจะได้ไม่ต้องทำแบบนี้อีก”

ไม่ต้องปกป้องลูกชายเธอจากความเจ็บปวดอย่างหนึ่งจนกระทั่งมันก่อให้เกิดความเจ็บปวดอีกอย่างหนึ่งแทน

เจ็บทั้งภาคนิพนธ์ที่ไม่สามารถเชื่อใจคนที่ลึก ๆ แล้วตัวเองอยากจะเชื่อ

เจ็บทั้งปาฏิหาริย์ที่โดนระแวงสงสัยทั้ง ๆ ที่กำลังปกป้องอีกฝ่ายแท้ ๆ

และเจ็บที่เธอที่เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด

เธอมองคนสองคนที่เดินออกจากห้องไปเงียบ ๆ แล้วก็ได้แต่หวัง

หวังว่าทั้งสองคนจะคุยกันให้เข้าใจ

หวังว่าเรื่องมันจะไม่จบโดยที่ทำให้ทุกคนต้องเสียใจ

เธอไม่กลัวด้านภาคนิพนธ์เพราะเธอมั่นใจว่าเมื่อรู้เรื่องทั้งหมด ภาคนิพนธ์ต้องเข้าใจและรู้สึกตัว

แต่ทางปาฏิหาริย์นี่สิ

เธอเห็นสีหน้าท้อแท้ของเขาแล้วเธอกลัว กลัวว่าเขาจะหมดกำลังใจจนเลิกล้มการเริ่มต้นใหม่กับภาคนิพนธ์อย่างที่กำลังทำอยู่ตอนนี้

เธอไม่อยากให้ลูกชายเธอต้องมาเสียใจจากความไม่รู้และอคติของตัวเอง

แต่พัลลภาก็ทำอะไรไม่ได้ เธอได้แต่หวังให้ทุกอย่างดำเนินไปได้ด้วยดีเท่านั้นเอง

......................

ภาคนิพนธ์นั่งมองไปนอกหน้าต่างห้องนอน ในขณะที่ปาฏิหาริย์ยืนถอดกระดุมเสื้อเงียบ ๆ

ตลอดทางที่กลับมา ทั้งคู่ไม่ได้พูดคุยกันแม้ซักคำ

ภาคนิพนธ์กำลังรอ รอว่าปาฏิหาริย์จะคุยกับเขาไหม

ในขณะที่ปาฏิหาริย์กำลังคิดอย่างชั่งใจว่าจะบอกภาคนิพนธ์ไปเลยดีหรือเปล่า

การที่ไม่เล่าเรื่องคดีความของพัลลภากับนายมานิชให้ภาคนิพนธ์ฟัง เป็นความเห็นที่ตรงกันของพัลลภาและปาฏิหาริย์ ด้วยทั้งสองคนทราบดีว่าภาคนิพนธ์จะเครียดมากหากรู้เรื่อง

ปาฏิหาริย์จำได้ว่าคราวก่อนตอนที่ชวนภาคนิพนธ์ไปอยู่ด้วยกันได้สำเร็จ ส่วนหนึ่งก็เพราะมีเรื่องของนายมานิชเข้ามา ภาคนิพนธ์อาจจะไม่รู้ตัว แต่ว่าเจ้าตัวเหมือนต้องการที่พึ่งพิง เลยตัดสินใจอะไรง่าย ๆ โดยที่ไม่คิดให้ดีเสียก่อน ไม่อย่างนั้นภาคนิพนธ์คงคิดให้ถี่ถ้วนและละเอียดกว่านั้น อาจจะไม่ตกหลุมพรางแรกของปาฏิหาริย์ แล้วอะไร ๆ คงไม่เป็นไปตามแผนการอย่างง่ายดายตามที่ปาฏิหาริย์คิดอย่างนี้

ปาฏิหาริย์จึงสรุปได้ว่า ถ้ามีนายมานิชมาเกี่ยวข้อง ความรอบคอบในการตัดสินใจของภาคนิพนธ์จะลดลงจนเกือบไม่มีเหลือ

ใคร หรืออะไรก็ตามที่ดูเหมือนจะทำให้สามารถถอยห่างจากผู้ชายคนนั้นได้ภาคนิพนธ์จะคิดทันทีว่ามันเป็นทางที่ถูกที่ควรโดยไม่คำนึงเลยว่าจะหนีเสือปะจระเข้

ที่สำคัญอาการเครียดของภาคนิพนธ์ที่สามารถเห็นได้และที่เก็บซ่อนเอาไว้ก็น่าเป็นห่วง

ด้วยความหวังดีจึงพยายามกันภาคนิพนธ์ให้ห่างจากเรื่องนี้

ด้วยความเป็นห่วงจึงไม่อยากให้ภาคนิพนธ์รับรู้ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับนายมานิช

แต่ไม่ว่าจะหวังดีหรือเป็นห่วงซักแค่ไหน ปิดบังมันก็คือปิดบัง

ที่โดนภาคนิพนธ์ระแวงปาฏิหาริย์ก็รู้ตัวว่าเป็นความผิดของตัวเองทั้งนั้น

ปาฏิหาริย์ไม่ได้โกรธ แค่เสียใจ เสียใจที่ตัวเองทำให้ภาคนิพนธ์เชื่อใจได้ไม่มากพอ

“คุณจะเงียบอีกนานไหม”

ในที่สุดภาคนิพนธ์ก็เป็นฝ่ายทนไม่ได้

ปาฏิหาริย์พับแขนเสื้อขึ้นพลางเดินมานั่งข้างภาคนิพนธ์บนเตียง

“ผมมันคงไม่น่าเชื่อถือเลยสักนิดสำหรับคุณ”

กล่าวขึ้นลอยแต่ทำเอาคนฟังต้องเม้มปากแน่นกับคำตัดพ้อ

“เอาเถอะ ผมทำตัวเอง ผมไม่โทษคุณหรอก”

ว่าแล้วก็ล้มตัวนอนหงายอย่างคนหมดแรง

“เรื่องที่คุณสงสัย มันไม่มีอะไรมากมายนักหรอก ก็แค่ผมกำลังตามเรื่องหย่าของแม่คุณให้ก็เท่านั้น”

“แล้วทำไมไม่บอกผม ทำไมต้องทำเหมือนปิดบังกัน”

ปาฏิหาริย์ถอนหายใจเบา ๆ อย่างตัดสินใจ

“เพราะมันเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับผู้ชายคนนั้น บอกตามตรงนะ ผมไม่อยากให้คุณเข้ามารับรู้อะไรด้วย คิดว่าจะจัดการให้เสร็จโดยที่ไม่ต้องให้คุณวุ่นวายใจ”

“นี่คุณ....”

ภาคนิพนธ์ที่ได้ฟังเหตุผลแล้วก็พอจะเข้าใจได้ ด้วยอาการของตัวเองนั้นใช่ว่าเจ้าตัวจะไม่รู้ แต่ไม่คิดว่าคนอื่นก็ดูรู้ด้วยเหมือนกัน

“ผมควรจะปล่อยให้คุณเผชิญหน้ากับความจริงมากกว่าปกป้องคุณไว้ข้างหลังไม่ให้ได้เห็นอะไรสินะ”

ปาฏิหาริย์พูดด้วยความท้อแท้ สายตาที่มองเพดานห้องนั้นบ่งบอกว่าเจ้าตัวเริ่มหมดกำลังใจลงไปทุกที

“คุณควรยืนเคียงข้างผมในขณะที่ผมเผชิญหน้ากับความจริงต่างหาก ไม่ใช่ปล่อยและไม่ใช่ปกป้องจนเหมือนปิดตากันแบบนั้น”

คำที่ตอบกลับมาทำให้ปาฏิหาริย์ดีดตัวลุกขึ้นนั่งพร้อมกับมองไปทางภาคนิพนธ์อย่างแปลกใจ

ความท้อแท้เริ่มมลายหายไปเมื่อเห็นสีหน้าเรื่อ ๆ ของคนที่หันไปมองทางอื่น ไม่ยอมสบตาด้วย

มันไม่ใช่การหลบตาด้วยความไม่พอใจ ไม่ใช่เพราะโกรธหรือโมโห ที่ภาคนิพนธ์ไม่สบตาตอนนี้ เป็นเพราะกำลังเขินในสิ่งที่ตัวเองพูด

ปาฏิหาริย์ถามตัวเองว่ายังหวังได้ใช่ไหม

อย่างน้อย ๆ ที่ภาคนิพนธ์พูดออกมามันก็ไม่ใช่การตัดรอน และดูเหมือนจะอยากให้เขาอยู่ข้าง ๆ

เป็นแบบนั้นใช่ไหม?

“ผมขอโทษที่สงสัยคุณ แล้วก็พูดไม่ดี แต่คุณก็ไม่ควรปิดบังผม”

“ผมเข้าใจ ที่ผมทำไว้มันก็น่าระแวงจริง ๆ ”

“ไม่ใช่นะ ผมต่างหากผิด ผมขอโทษ”

ภาคนิพนธ์หันมาพูดอย่างรวดเร็ว เพราะถึงปาฏิหาริย์จะเคยทำไม่ดีจริงอย่างที่ว่า แต่ภาคนิพนธ์เองก็ไม่สมควรจะระแวงสงสัยมากขนาดนั้น ... ถึงอีกฝ่ายจะทำตัวน่าสงสัยขนาดไหนก็เถอะ

“แล้วอีกอย่าง ผมไม่ควรพูดเหมือนปรักปรำคุณไปก่อนทั้งที่ยังไม่รู้อะไร”

“ไม่หรอก ผมเองที่ทำให้คุณเชื่อไม่ได้”

ยิ่งพูด ภาคนิพนธ์ก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองผิด ในขณะที่ปาฏิหาริย์ก็คิดว่าตัวเองผิดเช่นเดียวกัน

แล้วทั้งสองคนจะต้องจมอยู่กับความคิดเหล่านี้ของตัวเองอีกนานแค่ไหน ทั้งที่ก็ทรมานใจกันทั้งสองฝ่าย

“ถ้าผมเชื่อใจคุณ คุณสัญญาได้ไหมว่าจะไม่หักหลังผมอีก”

อยู่ ๆ ภาคนิพนธ์ก็พูดขึ้นมาทามกลางความเงียบ

ปาฏิหาริย์แทบไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน ด้วยไม่คิดว่าภาคนิพนธ์จะเป็นคนพูดขึ้นมาเองว่าจะเชื่อใจเขา

สำหรับภาคนิพนธ์ เขารู้ตัวเองอยู่ตลอดเวลาว่าเขารักผู้ชายตรงหน้านี้ ทั้ง ๆ ที่โดนทรยศความไว้ใจ ทั้ง ๆ ที่เคยโดนอีกฝ่ายทำร้าย ทั้ง ๆ อย่างนั้น เขาก็ยังรัก

แล้วในเมื่อเขารักได้ ทำไมเขาจะเชื่อใจคนที่เขารักไม่ได้ล่ะ

ขอแค่ปาฏิหาริย์สัญญาเท่านั้น ไม่ว่าสัญญาแล้วปาฏิหาริย์จะทำตามสัญญาได้หรือไม่ได้ ขอแค่คำสัญญาไว้เป็นหลักไว้ให้ภาคนิพนธ์ได้ยึดในตอนนี้ก็เพียงพอ

“คุณจะปิดบังผมบ้าง โกหกผมบางที ผมก็ไม่ว่าอะไร แค่อย่าทรยศหักหลังกันอีก ได้ไหมครับ”

ภาคนิพนธ์มองหน้าปาฏิหาริย์อย่างร้องขอ ปาฏิหาริย์จึงขยับเข้าใกล้ พลางดึงมือภาคนิพนธ์มากุมไว้

“ถ้าคุณสามารถเชื่อใจผมได้อีกครั้ง ผมจะไม่มีวันทรยศคุณอีกเป็นครั้งที่สองแน่ ผมสัญญา ขอแค่คุณเชื่อผม แค่เท่านั้นจริง ๆ ”

ภาคนิพนธ์มองตาอีกฝ่ายแล้วบีบมือกลับไปเบา ๆ

“ครับ ผมเชื่อคุณ”

.............................



ตอน 14 ต่อด้านล่างนะคะ

ออฟไลน์ JUPJIB

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +218/-0
บทที่ 14


 

นายมานิชนั่งจิบไวน์ราคาแพงพลางอ่านเอกสารรายงานที่ส่งมาบอกว่า ในแต่ล่ะวันปาฏิหาริย์ทำอะไรบ้างด้วยรอยยิ้มพอใจ

เอกสารรายงานที่ให้คนของตนคอยตามสืบบอกให้รู้ว่าปาฏิหาริย์วิ่งวุ่นไปในหลายที่เพื่อพยายามดิ้นรนเรื่องคดีความ ทั้งยังพยายามสืบหาบ้านเล็กของมานิช แต่เขาป้องกันเรื่องพวกนั้นอย่างดีแล้ว ปาฏิหาริย์ไม่มีทางสืบเจอแน่ๆ

“ร้อนรนน่าดู”

ในความคิดของมานิช ปาฏิหาริย์คงอยากจะลองหาทางอื่นดูก่อนจะยอมตอบรับข้อเสนอ ซึ่งเขาก็ปล่อยให้ปาฏิหาริย์ดิ้นรนได้ตามใจชอบเพราะมันไม่มีทางไหนอีกแล้วที่จะทำให้เขายอมความ นอกจากทำตามที่เสนอไปเท่านั้น

“อยากจะลองพยายามก็เอา ให้เวลาอีกนิดล่ะกัน ให้เหนื่อยมาก ๆ หน่อย จะได้รู้ว่าทำไปแล้วเสียเงินเปล่า เสียเวลาเปล่าเป็นยังไง”

ว่าแล้วก็ลูบเฝือกที่แขนซึ่งได้มาจากคนของปาฏิหาริย์เบา ๆ  รอยยิ้มสาสมใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าอย่างช้า ๆ  ถือว่าได้แก้แค้นทางอ้อมก็แล้วกัน

 



 

สิ่งที่ไม่มีอยู่ในรายงานของนายมานิชคือการเคลื่อนไหวอย่างลับ ๆ ของปาฏิหาริย์ที่กำลังสืบหาหลักฐานเอาผิดนายมานิชให้ได้มากที่สุด และเร่งให้ได้เร็วที่สุด

ไม่ใช่ว่าทางกรมสรรพากรหรือตำรวจทำงานไม่ดี แต่บางทีมันก็มีเรื่องอื่นให้ต้องจัดการด้วย และหากพูดกันตามตรง เรื่องคดีของนายมานิชไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน จึงต้องเลือกเรื่องที่เร่งด่วนกว่าขึ้นมาทำก่อน

แต่ปาฏิหาริย์ไม่อยากรอ

เขาอยากให้เรื่องนี้จบไม่ต้องให้มีอะไรค้างคาโดยเร็ว จึงประสานงานกับทางหน่วยงานเพื่อช่วยสืบหาหลักฐาน ซึ่งในกรณีเลี่ยงภาษีที่ไม่ได้มีแค่นายมานิชคนเดียว เขาก็รับปากจะสืบหามาให้ทั้งหมด เพื่อไม่ให้ใครว่าได้ว่าเจ้าหน้าที่มีการเลือกปฏิบัติ

ปาฏิหาริย์จึงค่อนข้างยุ่งในช่วงนี้ ด้วยเป็นช่วงแรกของการมอบหมายงานให้ลูกน้องไปกระจายกำลังสืบ อะไร ๆ จึงยังไม่ค่อยลงตัวเท่าที่ควร แม้จะเหนื่อยไปบ้างแต่ก็สามารถคืบหน้าไปได้อย่างน่าพอใจ

นายมานิชประมาทเพราะคิดว่าปาฏิหาริย์เป็นแค่เด็ก เล่ห์เหลี่ยมและประสบการณ์ย่อมมีไม่มาก หากแต่นายมานิชลืมนึกไปว่า ปาฏิหาริย์ไม่ได้ตัวคนเดียว

เขามีทั้ง พ่อ อา และพี่ ๆ คอยให้คำปรึกษา และถึงประสบการณ์ในชีวิตจะน้อยจริง แต่ปาฏิหาริย์ก็ไม่ใช่เด็กไม่ประสาอย่างที่นายมานิชเข้าใจ

 



 

 “คุณน่าจะพักบ้าง”

ภาคนิพนธ์บ่นเมื่อใกล้เที่ยงคืนเข้าไปทุกทีแล้วแต่ปาฏิหาริย์ก็ยังนั่งดูเอกสารซึ่งน่าจะเป็นบัญชีรายรับรายจ่ายของบริษัทแห่งหนึ่งที่โดนตรวจสอบการเลี่ยงภาษีอยู่

“อีกนิดเดียวก็เสร็จแล้วครับ”

ปาฏิหาริย์เงยหน้ามาตอบพร้อมรอยยิ้มแล้วก้มลงอ่านเอกสารต่อ

“ผมว่าน่าจะย้ายโต๊ะทำงานออกจากห้องนอน เผื่อมันจะทำให้คุณพักผ่อนมากขึ้น”

คำบ่นที่เหมือนบ่นลอย ๆ ทำเอาคนขะมักเขม้นอ่านเอกสารยิ้มไม่หุบมากขึ้นไปอีก ภาคนิพนธ์จะรู้ไหมนะว่าแค่คำบ่นทำนองว่าเป็นห่วงปาฏิหาริย์พวกนี้แค่คำเดียวก็ทำเอาความเหนื่อยล้าที่มีมลายหายไปเกือบสิ้น

หลังจากที่ได้ให้สัญญากันในวันนั้น ภาคนิพนธ์ก็เหมือนจะเลิกเกร็ง เลิกคิดมาก เจ้าตัวดูเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น ยิ้มมากขึ้น และดูมีความสุขมากขึ้น ไม่ใช่แค่ตอนอยู่กับปาฏิหาริย์ แต่เป็นตลอดเวลา

ขนาดปารมียังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างพอใจที่ดูเหมือนความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะเป็นไปได้ด้วยดี

ส่วนปาฏิหาริย์ไม่ต้องพูดถึง ก็ขนาดนั่งอ่านเอกสารที่แสนจะน่าเครียดและน่าเบื่ออยู่อย่างตอนนี้ เจ้าตัวยังอ่านไปยิ้มไป จะมีใครมีความสุขกว่านี้อีก

แต่แน่ใจได้จริง ๆ หรือว่าทุกอย่างกำลังไปได้ดี...

 



 

“ทางนั้นเริ่มไม่พอใจและเร่งเรื่องมาแล้วนะครับ”

ทนายความของปาฏิหาริย์แจ้งให้ทราบเป็นเรื่องแรกเมื่อปาฏิหาริย์มาติดตามงาน

“ส่วนหลักฐานต่าง ๆ  ผมดูรายละเอียดประกอบทุกอย่างเสร็จแล้ว เหลือแต่ส่งเรื่องให้ทางหน่วยงานครับ”

ปาฏิหาริย์พยักหน้าก่อนจะหยิบเอกสารมาเปิดดู

“ยังไงตรวจสอบให้แน่ใจได้ว่าหลักฐานมัดแน่นหนา เอาให้ไม่มีทางดิ้นหลุด แล้วค่อยส่งไปล่ะกัน”

“ได้ครับ”

“ส่วนทางมานิช ถ้ายืดเวลาได้ก็ยืดอีกสักสองสามวัน แต่ถ้ายืดไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ปล่อยให้ฟ้องเลย เราก็ทำเรื่องทุกอย่างให้มันถูกต้องก็พอ”

“ครับ”

ปาฏิหาริย์พยักหน้าอย่างพอใจที่ทุกอย่างเป็นไปอย่างที่วางไว้

และหลังจากนั้นอีกไม่กี่วัน การฟ้องร้องเรื่องหย่าระหว่างพัลลภาและมานิชก็ตกเป็นข่าวสังคมกรอบเล็ก ๆ  แม้คนยื่นฟ้องจะอยากให้มันเป็นข่าวใหญ่โตเพื่อเรียกร้องความเห็นใจเหมือนเมื่อตอนแถลงข่าวว่าแยกกันอยู่และกำลังจะฟ้องหย่า แต่เมื่อจอมไตรเข้ามาและยืนอยู่ข้างพัลลภา การจะทำให้เป็นข่าวใหญ่แบบนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

 



 

 “จะไปเที่ยวหรือ?”

“ครับ อีกสองอาทิตย์ ไปค้างหนึ่งวัน พอดีเรือชามีตรวจงานแถวชะอำ เลยมาชวนผมไปด้วย ผมไปนะครับ”

ปาฏิหาริย์มองท่าทางตื่นเต้นของภาคนิพนธ์แล้วก็จำใจพยักหน้าอนุญาต ตอนที่ได้ยินวันที่จะไป ปาฏิหาริย์ก็เปิดดูตารางของตัวเองแล้ว ช่วงนั้นเขามีงานคงไม่สามารถไปด้วยได้ ใจจริงนั้นไม่ได้อยากให้ภาคนิพนธ์ไปโดยไม่มีตนเองไปด้วยเลยสักนิด แต่เมื่อมาคิดดูแล้ว ภาคนิพนธ์มีเพื่อนที่ไทยเพียงคนเดียว เขาก็ควรจะปล่อยให้เพื่อนได้อยู่ด้วยกันบ้าง และเรือชาก็ไว้ใจได้ ยิ่งหลัง ๆ มานี้ ปาฏิหาริย์ ภาคนิพนธ์ และเรือชา ไปกินข้าวด้วยกันค่อนข้างบ่อย  จึงทำให้เขาสนิทกับทางนั้นไปด้วย

“ยังไงก็ไปพักที่โรงแรมของเรานะ แล้วก็เอารถที่บ้านไป”

“เรื่องที่พักก็ได้อยู่หรอกครับ แต่รถนี่เห็นว่าชาเขาจะเอารถไปเองนะครับ”

“เดี๋ยวผมไปคุยกับคุณชาเอง ถือว่าผมขอเถอะ ยังไงก็อยากให้รถที่บ้านไปส่งมากกว่า”

ไม่ใช่ว่าปาฏิหาริย์ไม่ไว้ใจให้เรือชาขับรถไปเอง แต่เพราะเป็นห่วงภาคนิพนธ์ในหลาย ๆ ทาง การที่ให้เอารถของที่บ้านไปนั้นเขาจะสามารถให้คนคอยคุ้มกันภาคนิพนธ์อย่างใกล้ชิดได้อย่างน้อยหนึ่งหรือสองคน

แน่นอนว่าไม่นับที่คอยดูแลอยู่ห่าง ๆ อีกหลายคน

ที่ภาคนิพนธ์กังวลก็คือความรู้สึกของเรือชา การให้คนขับรถให้แถมยังต้องไปพักในโรงแรมของจอมไตรอาจจะทำให้เรือชาอึดอัด ไม่สบายใจ

ครั้งนี้ตั้งใจจะไปเที่ยวพักผ่อนกันจึงไม่อยากให้มีอะไรมาทำให้ไม่สนุก

“ถ้าชาเขาไม่ว่าอะไร ผมก็ไม่ว่าอะไรครับ”

สุดท้ายก็เลยตอบอย่างแบ่งรับแบ่งสู้

ปาฏิหาริย์เองก็ไม่ได้บังคับหรือหว่านล้อมอะไรอีก ด้วยค่อนข้างมั่นใจว่าเรือชาต้องตกลง เท่าที่ได้คุยกันมาต้องนับว่าเพื่อนของภาคนิพนธ์คนนี้ค่อนข้างทันคนและคุยกันถูกคอกับปาฏิหาริย์ เรียกว่าเป็นคนประเภทเดียวกันเลยคุยกันรู้เรื่อง

“คุณเอาเอกสารนี่ไปให้แล้วชวนคุณชาไปกินข้าวเที่ยงด้วยกันนะ ผมจะได้คุยกับเขา”

ภาคนิพนธ์พนักหน้ารับเอกสารแล้วออกไปจากห้อง

และก็เป็นไปตามที่ปาฏิหาริย์คิด เมื่อภาคนิพนธ์เกริ่นกับเพื่อนดูก่อน เรือชาก็ดูเหมือนจะสามารถเข้าใจได้โดยไม่ต้องอธิบายเหตุผลและตกลงให้เอารถของที่บ้านจอมไตรไปอย่างง่ายดาย

“ถ้าชาไม่สะดวกใจก็บอกได้นะ ไม่ต้องเกรงใจ”

“โธ่ภาค ถ้าไม่สะดวกเราก็บอกว่าไม่สะดวกสิ อย่าคิดมาก รถฟรี น้ำมันฟรี แถมที่พักยังฟรี ดีจะตาย”

พอเห็นเพื่อนตอบด้วยสีหน้ายิ้ม ๆ  ภาคนิพนธ์จึงคลายใจลงไป

“บางทีภาคก็คิดมากไปนะเราว่า”

เรือชาพูดขึ้นมาลอย ๆ  แต่กระทบใจเพื่อนอย่างจัง

หลังจากที่สัญญากันว่าภาคนิพนธ์จะเชื่อใจ แลกกับที่ปาฏิหาริย์จะไม่หักหลัง ภาคนิพนธ์ยอมรับว่าไว้วางใจปาฏิหาริย์มากขึ้น แต่ถ้าถามว่าเชื่อใจเต็มร้อยไหม คำตอบคือไม่เต็มร้อย

ทั้ง ๆ ที่บอกตัวเองว่าปาฏิหาริย์จะไม่หลอกลวงอีกแน่นอน ทั้ง ๆ ที่ย้ำกับตัวเองหลายครั้ง

แต่ความเคลือบแคลงสงสัยมันยังคงมีอยู่ตลอดเวลา

ภาคนิพนธ์อยากขจัดความคิดเหล่านั้นทิ้งไป หากมันก็ทำไม่ได้ ก็คล้าย ๆ กับที่ภาคนิพนธ์มีอาการเครียดทุกครั้งที่เจอนายมานิชนั่นแหละ ทั้ง ๆ ที่พยายามไม่แสดงอาการอะไรออกไป แต่มันก็อดจะตื่นกลัวไม่ได้ทุกที

คงต่างตรงที่ภาคนิพนธ์ไม่ได้กลัวปาฏิหาริย์ เขาก็แค่ระแวง และไม่ไว้ใจนิดหน่อยก็เท่านั้น

“เราว่าเราก็คิดมากไปจริง ๆ  แต่บางทีมันก็อดคิดมากไม่ได้จริง ๆ นะ”

เรือชาไม่ได้รับรู้เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น แต่ก็พอจะรู้สถานการณ์ตอนนี้ว่าปาฏิหาริย์คงเคยทำผิดอะไรสักอย่าง ทำให้ภาคนิพนธ์ไม่ค่อยไว้ใจนัก

“คิดแล้วทุกข์ คิดแล้วเหนื่อย คิดแล้วตัวเองไม่สบายใจ คิดแล้วคนอื่นก็พลอยไม่สบายใจตามไปด้วย ถ้ามันเป็นอย่างนั้นเราว่า ภาคเลิกคิดเรื่องแย่ ๆ ดีกว่าไหม”

ภาคนิพนธ์ฟังเพื่อนแล้วถอนหายใจออกมา มันก็เป็นอย่างที่เรือชาพูดทุกอย่างจริง ๆ

“ถ้ามันทำได้ง่าย ๆ นะชา เราทำไปนานแล้ว”

“โอย... ยากง่าย อยู่ที่ตัวเรากำหนด เข้าใจ? แล้วก็กลับไปทำงานได้แล้วคุณผู้ช่วย กระผมก็ต้องทำงานต่อแล้ว”

เรือชายิ้มกวน ๆ ให้เพื่อน ด้วยรุ่นพี่ที่ออกไปซื้อกาแฟกลับเข้ามาแล้ว ถึงเรือชาจะสนิทกับเธอพอประมาณแต่ภาคนิพนธ์ไม่ได้สนิทด้วย จะคุยเรื่องของภาคนิพนธ์กับปาฏิหาริย์ให้เธอได้ยินก็คงไม่ดีนัก

“อืม เจอกันเที่ยงครึ่งนะ”

ภาคนิพนธ์เองก็เข้าใจเจตนาของเพื่อนดีจึงไม่ได้ต่อความอะไรอีก

หลังจากนั้นตลอดทั้งวัน ภาคนิพนธ์ก็เอาแต่คิดถึงสิ่งที่เรือชาพูด คิด คิด คิด และคิด

และแล้วภาคนิพนธ์ก็รู้ตัวว่า ตัวเองเป็นคนคิดมากจริง ๆ

 



 

“เหอะ ไอ้เด็กบ้านั่น คิดจะงัดกับฉันงั้นเหรอ!”

มานิชทุบโต๊ะอย่างโมโหเมื่อทนายความแจ้งมาว่าทางปาฏิหาริย์ไม่ยื้อเรื่องการยื่นฟ้องหย่า และไม่ตกลงในข้อเสนอของนายมานิชแม้แต่ข้อเดียว

“นึกว่ามันจะจริงจังกับไอ้เด็กภาค นี่มันคงเลี้ยงไว้แก้เซ็งแก้เบื่อเท่านั้นล่ะสิ โธ่เว้ย!”

เพราะไม่ได้หาทางเผื่อเอาไว้ ตอนนี้มานิชจึงร้อนใจเป็นอย่างมาก แม้จะคิดว่าตัวเองต้องชนะคดีและได้เงิน 20 ล้านมาไว้ในมือ

แต่กว่ากระบวนการศาลจะเสร็จล่ะ

ถ้ารอถึงตอนนั้นเขาไม่ต้องเข้าไปอยู่ในคุกก่อนหรือไง

“ไม่ได้ เราจะให้มันเกิดขึ้นไม่ได้”

ว่าแล้วก็ยกโทรศัพท์ต่อหาทนายความของตัวเองทันที

“ฟ้องหย่าให้เร็วทีสุด อย่าให้เรื่องยืดเยื้อ เงินไม่ต้องได้เต็มจำนวนก็ได้ แต่ขอให้ได้มากที่สุดเร็วที่สุด!”

 



 

 “ปล่อยให้ฟ้องไป”

ปาฏิหาริย์สั่งการพร้อมกับมองคนตัวเล็กที่จ้องมาทางตนด้วยความสนใจ ทันทีที่รู้ว่าโทรศัพท์สายนี้โทรมาด้วยเรื่องอะไร

“ใช่ ถ้ามีอะไรคืบหน้าก็โทรมาแจ้งผมโดยตรงได้เลยนะ”

หลังจากวางสาย ปาฏิหาริย์ก็ยิ้มให้ภาคนิพนธ์และบอกเรื่องที่ฝ่ายนายมานิชยื่นฟ้อง

“ผมใจไม่ดีเลย”

ภาคนิพนธ์ไม่คุ้นชินกับอะไรแบบนี้ เล่ห์เหลี่ยมต่าง ๆ  การชิงไหวชิงพริบ ไม่ใช่สิ่งที่ภาคนิพนธ์ถนัดหรือเคยเจอมาก่อน

กลับกันปาฏิหาริย์ที่อายุน้อยกว่ากลับเคยชินกับเรื่องเหล่านี้ แม้จะไม่ใช่การเผชิญหน้าโดยตรงทั้งหมด แต่ปาฏิหาริย์ก็เรียนรู้จากพ่อ อา และพี่ๆมาโดยตลอด เขาลุกขึ้นจากโต๊ะทำงานแล้วเดินไปคุกเข่าหน้าเก้าอี้ของภาคนิพนธ์ พลางวางมือไว้บนเข่าทั้งสองข้างของอีกฝ่าย

“ไม่ต้องห่วงหรอก ผมไม่ปล่อยให้อะไรไม่ดีเกิดขึ้นแน่ ๆ ”

ภาคนิพนธ์รับฟังคำนั้น แต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เจ้าตัวเพียงแค่มองปาฏิหาริย์นิ่งอยู่อย่างนั้นด้วยดวงตาเหม่อลอย

ไม่มีความเชื่อถือในคำพูดของปาฏิหาริย์อยู่ในดวงตาคู่นั้น

มันไม่ได้ดีขึ้นอย่างที่คิดอย่างนั้นหรือ

ปาฏิหาริย์ลอบถอนหายใจ ก่อนจะบอกกับตัวเองว่า นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาคิดเรื่องนี้ เขายังมีเรื่องที่ต้องจัดการให้เสร็จก่อน

เสร็จจากเรื่องนายมานิชแล้วค่อยมาทบทวนเรื่องนี้ก็แล้วกัน

 



 

 “ศาลวินิจฉัยแล้วว่า...........................”

หลังจากฟังคำตัดสินทั้งสองฝ่ายมีอาการแตกต่างกันไป

ทางที่แพ้คือพัลลภาและปาฏิหาริย์ที่มาร่วมฟังด้วยมีท่าทีนิ่งเฉย

แม้คำตัดสินจะไม่ได้เป็นไปตามที่ทนายของปาฏิหาริย์คาดการณ์ แต่ก็ยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่พอรับได้

ส่วนมานิชทั้งที่ชนะคดีแต่ก็แทบจะตะโกนโวยวายประท้วงคำตัดสินของศาล ดีที่ทนายความดึงตัวไว้ และแนะนำให้ยื่นอุทธรณ์ แทนการโวยวายจะดีกว่า

แต่นายมานิชไม่รู้หรอกว่าตัวเองจะไม่มีเวลามากพอให้ทำเรื่องยื่นอุทธรณ์

คดีเลี่ยงภาษีของนายมานิชได้ถูกยื่นให้อัยการตรวจดูเพื่อตัดสินว่าจะสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องแล้ว และมีแนวโน้มว่าจะโดนสั่งฟ้องมากกว่าเพราะหลักฐานชัดเจน นอกจากนี้แม้คดีโกงเงินและผิดสัญญาบางคดีจะหมดอายุความไปแล้ว แต่ที่ฟ้องได้ก็ยังมีอยู่ โทษที่ได้รับอาจจะไม่เยอะแต่ก็ทำให้นายมานิชดิ้นไปไหนไม่ได้และลำบากมากพอดู

นายมานิชที่พอรู้ชะตากรรมตัวเองแล้วก็ได้แต่เจ็บใจ ถึงไม่ได้ออกหน้าชัดเจนแต่มานิชก็รู้ว่าปาฏิหาริย์ต้องมีส่วนในเรื่องที่เกิดขึ้นไม่มากก็น้อย

เขาประเมินเด็กบ้านจอมไตรต่ำไปจริง ๆ

 



 

“สองล้าน!”

ภาคนิพนธ์ดูจำนวนเงินที่ปาฏิหาริย์จ่ายให้มานิชตามคำสั่งศาลแล้วต้องอุทานออกมาอย่างตกใจ

“นี่ยังมีค่าจ้างทนายขอคุณ ค่าดำเนินการต่าง ๆ  ค่าจ้างคนที่คุณให้ช่วยหาหลักฐานอะไรพวกนั้นอีก”

ไม่อยากจะนึกถึงตัวเลข ภาคนิพนธ์พึมพำแล้วทรุดตัวลงนั่งบนเตียงอย่างท้อใจ

หนี้เก่าที่ยืมมาจ่ายค่าโรงพยาบาลยังไม่ได้คืนเขาซักบาท ตอนนี้เพิ่มเจ้าหนี้ขึ้นมาอีกคนแถมจำนวนเงินก็ไม่ใช่น้อย ๆ

ทั้ง ๆ ที่ภาคนิพนธ์กำลังเครียด แต่ปาฏิหาริย์กลับเอาแต่อมยิ้ม เลยโดนขว้างค้อนใส่ไปหลายทีหากก็ไม่ได้ทำให้รอยยิ้มที่มีจืดจางลงสักนิด

“คุณยิ้มอะไรของคุณ ดีใจที่ผมเป็นหนี้ใช่ไหม จะซ้ำเติมกันงั้นสิ”

ด้วยความไม่สบายใจ ภาคนิพนธ์ก็เลยพาล แล้วก็เป็นคำพูดของภาคนิพนธ์นี่แหละที่ทำให้ปาฏิหาริย์ต้องหุบยิ้มแล้วเปลี่ยนเป็นถอนหายใจแทน

ภาคนิพนธ์เองก็ดูเหมือนจะเพิ่งคิดได้ว่า พูดคำที่ไม่สมควรจะพูดออกไปเสียแล้ว

“ก็ผมกำลังกลุ้มใจ แต่คุณตาหวานเล่นยิ้มเหมือนพอใจอะไรสักอย่าง”

ดูเหมือนคำแก้ตัวไปหน่อยแต่ภาคนิพนธ์คิดอย่างนั้นจริง ๆ

“ผมไม่ว่าคุณหรอก”

รอยยิ้มกลับขึ้นปรากฏบนใบหน้าอีกครั้ง แม้มันจะดูฝืน ๆ ไปบ้าง

“ผมก็กำลังยิ้มอย่างพอใจจริง ๆ นั้นแหละ”

“นี่คุณ”

ภาคนิพนธ์ผุดลุกขึ้นมองใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างไม่อยากเชื่อ

นี่เขาจะโดนทรยศอีกแล้วหรือ

ปาฏิหาริย์กำลังจะทำเหมือนเดิมใช่ไหม หลอกให้เขาไว้ใจ ทำตัวเป็นหลักให้เขาได้พึ่งพา จากนั้นก็ปล่อยลอยแพเขาตอนที่เขาไม่สามารถหันไปทางไหนได้อีก

ทั้ง ๆ ที่เขาคิดว่าจะเชื่ออีกฝ่ายแล้วแท้ ๆ

“คุณยังระแวงผมอยู่มากจริง ๆ ”

ก็แน่ล่ะสิ ภาคนิพนธ์คิด ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายด้วยความตกใจ แล้วก็เป็นตอนนี้เองที่ภาคนิพนธ์รู้สึกตัว

สำหรับภาคนิพนธ์แล้วถึงแม้จะอยากเชื่อใจปาฏิหาริย์มากแค่ไหนมันก็เป็นเรื่องยากที่จะทำ

และที่ภาคนิพนธ์คิดไว้ว่าถึงตัวเองจะไม่เชื่อใจปาฏิหาริย์ได้เต็มร้อย แต่ก็เชื่อในระดับหนึ่งนั้น มันไม่จริงเลย...

ภาคนิพนธ์ไม่เคยเชื่อใจปาฏิหาริย์เลยต่างหาก

ที่ดูเหมือนความสัมพันธ์ของทั้งคู่ดีขึ้นมากนั้น มันไม่ใช่เพราะการเชื่อใจ

มันก็แค่เพราะภาคนิพนธ์อภัยให้ และปาฏิหาริย์ก็แน่ใจแล้วว่าภาคนิพนธ์ไม่ได้ถือโทษ

แต่การให้อภัยก็ส่วนการให้อภัย และความเชื่อใจก็ส่วนความเชื่อใจ

การให้อภัยมันง่ายมาก ยิ่งอีกฝ่ายเป็นคนที่เรารู้สึกดี ๆ ด้วย มันไม่ใช่เรื่องยากที่จะอภัย

แต่การเชื่อใจนี่สิ ภาคนิพนธ์ไม่สามารถทำมันได้ ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหน เพราะเจ็บจากครั้งนั้นยังฝังแน่นในความรู้สึก

มันไม่สามารถลืมและทำใจไม่ให้นึกถึงได้ง่าย ๆ

แล้วปาฏิหาริย์ก็คงดูออกในสิ่งที่ภาคนิพนธ์เป็น

“ผมรู้ว่ามันเร็วไปนะภาค”

ปาฏิหาริย์เมินมองไปทางอื่นในขณะที่พูด ทั้ง ๆ ที่คู่สนทนาเองก็ไม่ได้มองมาที่ตน ปาฏิหาริย์ไม่อยากจะมองอีกฝ่ายในตอนนี้ ในตอนที่เขาไม่สามารถบังคับตัวเองไม่ให้แสดงความเจ็บช้ำ และพ้ออีกฝ่ายผ่านสีหน้าและแววตาได้

“มันต้องใช้เวลาผมรู้ แต่เชื่อเถอะว่าผมไม่ได้ยิ้มพอใจเพราะคุณจะต้องเดือดร้อนเลยจริง ๆ ”

ภาคนิพนธ์ไม่ชอบแบบนี้เลย เขาไม่ชอบความอึดอัดนี้ ไม่ชอบที่ปาฏิหาริย์ทำหน้าแบบนี้ และไม่ชอบที่ตัวเองเป็นแบบนี้

เจ้าตัวก้มหน้าเม้มริมฝีปากแน่น น้ำตาเหมือนจะท้นเอ่อขึ้นมาด้วยความเสียใจ ไม่รู้จะต้องพูดอย่างไรเรื่องถึงจะดีขึ้น ไม่รู้จะต้องทำอย่างไรบรรยากาศแบบนี้มันจึงจะหายไป

ไม่ใช่แค่ปาฏิหาริย์เท่านั้นที่ทรมานใจ ภาคนิพนธ์เองก็ทรมานใจไม่แพ้กัน

 “คุณ....”

อ้อมกอดที่ไม่คาดว่าจะได้รับทำเอาภาคนิพนธ์ตกใจเล็กน้อย

“ไม่เป็นไร ผมเข้าใจ ไม่เป็นไรนะ”

ปาฏิหาริย์เพิ่งหันมาเห็นว่าคนตัวเล็กกว่ากำลังร้องไห้ ซึ่งเขาไม่อยากให้มันเกิดขึ้น และจะไม่ปล่อยให้ภาคนิพนธ์ร้องไห้อยู่แบบนี้

ปาฏิหาริย์โอบร่างตรงหน้าเข้าสู่อ้อมกอดเพื่อปลอบโยน คิดว่าจะช่วยให้อีกฝ่ายหยุดร้องไห้ได้ หารู้ไม่ว่ายิ่งมาโดนกอดแบบนี้ น้ำตาก็ดูเหมือนจะยิ่งไหล เหมือนจะไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป

มันเจ็บปวดและไม่สามารถหาทางออกได้

ทั้ง ๆ ที่อยากเชื่อกลับเชื่อไม่ได้

ทั้ง ๆ ที่อยากให้เชื่อแต่กลับทำให้เชื่อไม่ได้

มันคงจะจริงอย่างที่เรือชาเคยพูด ไม่มีใครมีความสุขเลยสักคน มีแต่ทุกข์ใจกันทั้งนั้น

ตอนนี้มันก็แสดงให้เห็นชัดเจนแล้ว

ภาคนิพนธ์เสียใจ ....ปาฏิหาริย์เองก็เสียใจ

หากยังเป็นอยู่อย่างนี้ มันคงไม่มีอะไรดีขึ้น มีแต่จะแย่ลงไปเรื่อย ๆ

ควรถึงเวลาแล้วหรือยังที่ภาคนิพนธ์จะลองเสี่ยงดูอย่างจริงจัง

ควรถึงเวลาแล้วหรือยังที่ภาคนิพนธ์จะพาตัวเองออกมาจากกำแพงที่ตั้งกั้นไว้โดยบอกตัวเองว่าเพื่อป้องกันไม่ให้ต้องเจ็บอย่างที่เคยเจ็บอีก

ควรจะลองเสี่ยง เพื่อความสุข แม้มันอาจจะต้องผิดหวัง และเจ็บอีกครั้ง

หรือจะทิ้งความเสี่ยงเหล่านั้น เพื่อป้องกันให้ไม่ต้องเจ็บปวดที่โดนหักหลังอีก แต่ก็ไม่มีทางจะมีความสุขได้เลย

ภาคนิพนธ์ไม่อยากเจ็บและอยากมีความสุข

แต่มันก็ต้องเลือก

แขนเรียวยกขึ้นกอดตอบปาฏิหาริย์อย่างตัดสินใจ และมันทำให้อ้อมกอดของปาฏิหาริย์แน่นขึ้น

แน่นแต่ไม่อึดอัด

หากมองเห็นได้ภาคนิพนธ์ก็คงได้เห็นว่าปาฏิหาริย์กำลังยิ้มอย่างยินดี เขารู้ว่าภาคนิพนธ์ได้ตัดสินใจแล้ว เขาดีใจที่ภาคนิพนธ์เลือกที่จะกอดเขาตอบ และเขาจะไม่ทำให้คนในอ้อมกอดนี้ต้องเจ็บอีกแน่ ๆ

ปาฏิหาริย์ได้เรียนรู้แล้วว่าอีกฝ่ายคือความสุขของตัวเอง หากทำร้ายไปก็เท่ากับทำลายความสุขของตัวเองก็เท่านั้น และปาฏิหาริย์ไม่โง่พอจะทำมันอีกเป็นครั้งสอง

ทางภาคนิพนธ์ที่ตัดสินใจอย่างนี้ก็เพราะเขาอยากมีความสุข และอยากให้ปาฏิหาริย์มีความสุขด้วยเช่นกัน

แม่ของเขาเคยบอกว่าชีวิตคนเรามันสั้นนัก อย่าปล่อยโอกาสในชีวิตไปจนต้องมานั่งเสียดายภายหลัง

ภาคนิพนธ์จึงเลือกทางที่ตัวเองจะมีความสุข มีความสุขไปกับคนที่ตนรัก

เลือกที่จะลองเสี่ยงเพื่อความสุข แม้มันอาจจะต้องผิดหวังและเจ็บอีกครั้งก็ไม่เป็นไร

 

มีต่อข้างล่างค่ะ

ออฟไลน์ JUPJIB

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +218/-0
 “สรุปว่าคุณปาฏิหาริย์จ่ายเงินให้ไปก่อนเรียบร้อยหมดแล้ว”

เรือชาที่กำลังม้วนเส้นสปาเก็ตตี้พูดสรุปหลังจากที่เพื่อนเล่าเรื่องคดีให้ฟัง

“ใช่แล้วล่ะ แล้วก็เห็นว่าจะหักจากเงินเดือนเราเอาน่ะ”

“ตั้งสองล้าน ต้องทำงานใช้กี่ปีล่ะนั่น”

 

จริงอย่างที่เรือชาพูด ภาคนิพนธ์เองตอนที่ได้ยินปาฏิหาริย์บอกเมื่อคืนว่าให้เขาใช้เงินด้วยวิธีนี้ก็แย้งไปอย่างนั้น แถมปาฏิหาริย์ยังบอกด้วยว่าจะหักเงินแค่ครึ่งเดียวต่อเดือนเท่านั้นเพราะอยากให้ภาคนิพนธ์เก็บเงินไว้ใช้จ่ายบ้าง ด้วยเข้าใจว่าเขาคงอึดอัดหากจะต้องให้ปาฏิหาริย์ออกเงินค่าทุกอย่างให้

แล้วมันต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ ถึงจะคืนเงินให้ได้หมดกัน

เรือชายักไหล่แล้วนั่งกินต่อไปแม้จะเห็นว่าเพื่อนเริ่มกลุ้มใจกับการเป็นหนี้ ก็เรือชาเป็นคนประเภทเดียวกัน คิดออกได้ไม่ยากเลยว่าปาฏิหาริย์มีจุดประสงค์อะไร

เมื่อเป็นหนี้ก็ต้องใช้คืน ภาคนิพนธ์ติดหนี้ปาฏิหาริย์ ก็ต้องใช้คืนปาฏิหาริย์ไปจนกว่าจะหมด จะไปจากปาฏิหาริย์ไม่ได้ตราบใดที่หนี้ยังอยู่ ยิ่งมีหนี้มากเท่าไหร่ ภาคนิพนธ์ก็ต้องอยู่กับปาฏิหาริย์ไปนานมากขึ้นเท่านั้น

เรียกว่าปาฏิหาริย์หาทางรั้งภาคนิพนธ์ไว้ทุกทางจริง ๆ  ถึงเรือชาจะมองไม่เห็นว่าภาคนิพนธ์อยากจะไปจากปาฏิหาริย์ตรงไหน ดูยังไงภาคนิพนธ์ก็รักอีกฝ่ายมากแท้ ๆ  แต่ก็คงเพื่อความมั่นใจแหละนะ

เรื่องบ้า ๆ ของคู่รัก เรือชากลอกตาอย่างเซ็ง ๆ  เอาเถอะ แค่รักกันแล้วภาคนิพนธ์มีความสุขได้ แค่นั้นก็พอ

 



 

 “อะไรนะครับ!”

ภาคนิพนธ์ตะเบ็งเสียงอย่างไม่อยากเชื่อ

“ผมบอกว่าผมเพิ่งโอนเงินให้คุณอาของกีรติ คืนไปแทนคุณ”

ปาฏิหาริย์แกะกระดุมเสื้อไปแล้วก็พูดไปด้วย

เมื่อเช้าธรณินโทรมาบอกว่าดูเหมือนภาคนิพนธ์จะยืมเงินอาของกีรติมาจ่ายค่าโรงพยาบาลในคราวก่อน ทางนั้นไม่เร่งให้ใช้คืนก็จริง แต่ถ้าอยากจะจ่ายให้ก็ให้ปาฏิหาริย์จ่ายให้เสีย ‘เผื่อเอาไว้อีกหน่อยไง’ เป็นคำแนะนำที่ปาฏิหาริย์เต็มใจจะทำตามอย่างยิ่ง เขาจึงติดต่อกานต์และใช้เงินคืนไปอย่างรวดเร็ว เมื่อจัดการเรื่องทุกอย่างเรียบร้อยแล้วก็ค่อยมาบอกภาคนิพนธ์ทีหลังอย่างที่เห็น

“คุณ คุณ คุณ ทำไมไม่บอกผมก่อน!”

ภาคนิพนธ์เริ่มหงุดหงิดกับอาการติดอ่างของตัวเองอีกครั้ง หลังจากทีไม่ได้นึกหงุดหงิดมันมานาน หงุดหงิดจนลืมถามอีกฝ่ายไปเลยว่ารู้ได้อย่างไรว่าตนไปยืมเงินอากานต์มา

“บอกคุณก่อนแล้วไง คุณจะให้ผมใช้ให้แทนไหมล่ะ”

คนพูดไม่ยอมสบสายตาด้วย แต่ก็รู้ได้โดยไม่ยากว่าตอนนี้ภาคนิพนธ์กำลังส่งสายตาแบบไหนมาให้

“ไม่ให้แน่นอน ทั้ง ๆ ที่ ทั้ง ๆ ที่คุณรู้ว่าผมไม่เต็มใจ ไม่อยากให้คุณทำ แต่คะ.. คุณ คุณก็ยังทำ”

“ก็ผมไม่อยากให้คุณเป็นหนี้ใคร”

“ตะ ตะ แต่ผมก็ยังเป็นหนี้คุณอยู่ดี”

ภาคนิพนธ์หงุดหงิด หงุดหงิดที่ตัวเองพูดติด ๆ ขัด ๆ  หงุดหงิดที่ปาฏิหาริย์ไม่ยอมหันมาสบตาด้วย หงุดหงิดที่อีกฝ่ายทำอะไรตามใจตัวเอง และหงุดหงิดที่ไม่สามารถหาเงินไปคืนได้จนปาฏิหาริย์ต้องจ่ายให้ไปก่อนอีกแล้ว

“กับผมไม่นับว่าเป็นหนี้สักหน่อย”

เสียงอ้อมแอ้มพูดเบาจนภาคนิพนธ์แทบไม่ได้ยิน โดยเฉพาะตอนที่หูอื้อตาลายด้วยความโมโหแบบนี้

“อะ อะไรนะ โธ่เว้ย!”

คำสบถที่ไม่เคยได้ยินทำให้ปาฏิหาริย์ยอมหันกลับมามองคนพูด เขาไม่ชอบใจเลยที่อีกฝ่ายสบถออกมาอย่างนี้ แต่นี่คงไม่ใช่เวลาที่จะไปว่าเจ้าตัว ยิ่งพอเห็นท่าทางทำอะไรไม่ถูกมองซ้ายมองขวาเหมือนจะหาอาวุธแบบนั้นแล้ว ปาฏิหาริย์ยิ่งแน่ใจว่าข้ามเรื่องคำสบถไปก่อนเป็นดีที่สุด

เขาถอนหายใจเบา ๆ  ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้และดึงมืออีกฝ่ายมากุมไว้

ไม่ใช่ว่าป้องกันไมให้ภาคนิพนธ์หยิบอะไรมาขว้างใส่หรอกนะ ถึงจะคิดอย่างนั้นนิดนึงแต่ที่สำคัญคือเขาอยากให้ภาคนิพนธ์ใจเย็นลงกว่านี้ และคิดว่าวิธีนี้อาจจะช่วยได้

และมันก็ได้ผลจริง ๆ  ภาคนิพนธ์สงบลง จนแม้แต่เจ้าตัวเองยังตกใจที่สามารถสงบใจได้อย่างง่ายดายขนาดนี้

“ผมบอกว่า ผมไม่นับว่าเงินที่ผมจ่ายแทนคุณไปเป็นหนี้สักหน่อย ไม่ว่าจะที่จ่ายคืนให้อาของกีรติ หรือที่จ่ายให้นายมานิชไป ผมก็ไม่นับทั้งนั้น”

ภาคนิพนธ์เงยหน้ามองคนพูด ก่อนจะส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วย

“คุณเอาเงินมาจ่ายส่วนที่ผมสมควรจะต้องเป็นคนจ่าย ถ้าไม่นับว่าผมเป็นหนี้คุณ แล้วมันจะเป็นอะไรละ”

“ถือว่าเป็นค่าจ้างล่วงหน้าไง”

“เงินเดือนผู้ช่วยของผมเนี่ยนะ”

ปาฏิหาริย์สบตาคนที่เงยหน้ามองตัวเองอย่างจริงจังแล้วคนตัวโตกว่าก็เสไปมองทางอื่นเหมือนไม่กล้าสบตาด้วย

“เงินเดือนผู้ช่วย กับที่ผมจะขอต่อสัญญาให้คุณอยู่กับผมต่อไปเรื่อย ๆ...เงินไม่สามารถแก้ปัญหาทุกอย่างได้ผมรู้ แต่ถ้ามันจะทำให้คุณต้องติดอยู่กับผมตลอดไป มากกว่านี้ผมก็จะจ่าย”

“คุณนี่มัน....”

ไม่รู้จะพูดอย่างไรดี ภาคนิพนธ์เริ่มแน่ใจแล้วว่า ปาฏิหาริย์เด็กกว่าตัวเองจริง ๆ อย่างน้องก็มีบางเรื่องที่ยังทำตัวเหมือนเด็ก เช่นที่กำลังหลบตาเหมือนเด็กทำความผิดตอนนี้ไง  เขายิ้มบางก่อนจะกุมมืออีกฝ่ายกลับไป

“ตามนั้นก็ได้”

ปาฏิหาริย์หันกลับมามองภาคนิพนธ์อย่างรวดเร็ว ด้วยไม่อยากเชื่อว่าภาคนิพนธ์จะยอมรับง่าย ๆ อย่างนี้

ที่ยอมรับง่าย ๆ ก็เพราะภาคนิพนธ์ตัดสินใจไปแล้วว่าจะเชื่ออย่างหมดใจ เขาอยากจะมีความสุข สุขโดยไม่ต้องตั้งเงื่อนไขให้กับตัวเอง

ภาคนิพนธ์บอกกับตัวเองไปแล้วว่าจะเชื่อ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ต่อให้ต้องเจ็บปวดอีกก็ไม่เป็นไร

พอคิดได้แบบนั้นก็เหมือนได้ยกอะไรหนัก ๆ ออกไปจากใจ

มันรู้สึกถึงความสบายใจและสุขใจอย่างที่ไม่เคยเป็น

ภาคนิพนธ์ตระหนักได้ว่าความสุขมันก็มีได้ง่าย ๆ แค่นี้ ทุกอย่างมันอยู่ที่ใจ

“จนกว่าคุณจะไม่ต้องการ หรือจนกว่าคุณจะหักหลังผมอีกครั้ง ผมต่อสัญญาให้คุณจนถึงตอนนั้นก็แล้วกัน”

พูดแล้วก็มองใบหน้าที่แสดงออกมาชัดเจนว่าคาดไม่ถึงของปาฏิหาริย์อย่างขำ ๆ

“แต่คุณต้องหักเงินผมทุกเดือนอย่างที่ตกลงกันไว้นะ”

“ได้สิได้ แค่คุณยอมอยู่กับผมแบบนี้ แค่นั้นได้อยู่แล้ว”

ปาฏิหาริย์พูดแล้วกอดภาคนิพนธ์ไว้แน่น และตัวภาคนิพนธ์เองก็กอดอีกฝ่ายกลับไปด้วยเช่นกัน

ระหว่างทั้งสองคนไม่มีใครเอ่ยคำว่ารักออกมา

แต่แค่การกระทำของทั้งคู่ก็คงบอกได้แล้วว่าแต่ละคนรู้สึกเช่นไร

ปาฏิหาริย์คงไม่อยากให้ภาคนิพนธ์อยู่ข้าง ๆ เพราะไม่ได้คิดอะไรหรือเพราะเกลียดหรอก

และแน่นอน ภาคนิพนธ์ไม่ตอบตกลงเพราะเหตุผลอื่นนอกจาก ‘รัก’ อยู่แล้ว

ในเมื่ออีกฝ่ายใช้เงินจ่ายเพื่อซื้อเวลาด้วยหัวใจ เขาเองก็จะขายเวลาเหล่านั้นให้ด้วยความรักตอบแทนไปเหมือนกัน

แม้มันจะดูเป็นธุรกิจไปหน่อย แต่ทั้งสองคนต่างก็มีความสุขดี แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว



... THE END ...

มีตอนพิเศษอีก 2 ตอนค่ะ ส่วนคู่น้ำเอจะมาลงให้หลังจากลงตอนพิเศษนะคะ ขอบคุณค่า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-04-2013 23:12:31 โดย JUPJIB »

ออฟไลน์ gumrai3

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1966
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-4
กว่าจะมาถึงตรงนี้ได้

ตาหวานเอ๋ยภ้าจะให้ภาคเชื่อใจมันยากนะเเต่สุดท้ายก็ทำจนได้

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






อยากกินไข่พะโล้ โปะ

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ parn11

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 236
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-2
กรี้ดดดดด จบแล้วว รอตอนพิเศษนะคะ

ออฟไลน์ praseat

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-4

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9405
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
กว่าจะเชื่อใจกันได้ ทำเอาคนอ่านลุ้นจนเหนื่อย :katai1:
รอตอนพิเศษค่า :katai2-1:

ออฟไลน์ maiouar

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
ปรบมือกึกก้องงงงง  ชอบบ้านจอมไตรจัง คิคิ

ออฟไลน์ kny

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1800
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +171/-15

ออฟไลน์ Yร้าย

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-1
จบลงแล้วสำหรับจอมไตรภาคนี้......
ชอบทุกภาคเลยนะ ยิ่งของกลอนกับไม้...
ชอบมากที่สุด   พอมาถึงภาคตาหวานบ้าง..
รู้สึกว่าทำไมตอนจบมันดูแปลก ๆ เหมือน
คนอื่นมานั่งเล่า และบรรยายให้ฟัง....
หรือว่าอิป้าเองอาจจะไม่ใช่นักอ่านตัวยง
เลยไม่รู้ว่าบทสรุปต้องเป็นแบบไหน...
เอาเป็นว่ารอตอนพิเศษดีกว่านะ...
แล้วยังอยากให้แต่งตอนของกีรติด้วย.... :pig4:

ออฟไลน์ aoaer

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 306
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0

ออฟไลน์ WilpeR

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-2
เย้ ภาคกับตาหวานดีกันแล้ว แต่จบแล้วหรอนายมานิชจะโดนอะไรบ้างเนี่ยจะมีกลับมาแก้แค้นภาคอีกไหมอ่าาาาา

รอตอนพิเศษฮับบบบ

ออฟไลน์ zuu_zaa

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1
 :pig4: อ่านรวดเดียวจบ สนุกเช่นเคย แล้วจะติดตามผลงานต่อไปนะคะ :กอด1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด