ตอนที่ 3
ครอบครัวของภาคนิพนธ์เคยเป็นบ้านที่สงบสุข อย่างน้อยๆก็ในความคิดของเจ้าตัว จนกระทั่งวันหนึ่ง พ่อที่เป็นที่รักของภาคนิพนธ์ตัดสินใจยิงตัวตาย ….
ภาคนิพนธ์ไม่รู้สาเหตุของการกระทำของพ่อ จนไปเจอไดอารี่ ไดอารี่ซึ่งเขียนถึงความสัมพันธ์ของพ่อกับแม่ตั้งแต่เริ่มคบกันใหม่ๆ..........ในขณะที่พ่อสุดแสนจะรักแม่นั้น แม่กลับไม่เคยพอใจอยู่ที่พ่อเลย เนื่องจากพ่อไม่ใช่คนฐานะดีอะไร จนกระทั่งพ่อสู้อุตส่าห์ทำงานและฐานะดีขึ้นมาได้ ถึงไม่มากก็มั่นคง แม่จึงยอมแต่งงานด้วย เพราะเหตุผลที่ว่าแม่กำลังท้อง ต้องการคนรับผิดชอบ และพ่อก็เต็มใจ ......แน่นอน เด็กในท้องคือตัวภาคนิพนธ์เอง ตอนนั้นเองที่เขาได้รู้ รู้ว่าตนเองนั้นไม่ใช่ลูกแท้ๆของพ่อ พ่อซึ่งทำทุกอย่างเพื่อเขาเสมอ รักและดูแลเอาใจใส่เขายิ่งกว่าแม่ที่มักออกไปสังสรรค์กับเพื่อนตลอดเวลา เพราะตัวเองหน้าเหมือนแม่จึงไม่เคยนึกเอะใจเรื่องพ่อเลย
เหตุผลที่พ่อยิงตัวตาย ก็ไม่พ้นเรื่องของแม่ ในไดอารี่ พ่อของภาคนิพนธ์รู้อยู่ตลอกเวลาว่าแม่นั้นนอกใจ แต่เพราะรักมากจึงอยากให้อยู่ด้วย สักนิดพ่อของภาคนิพนธ์ก็ไม่เคยบ่นไม่เคยว่าให้ แต่แล้ว เมื่อแม่เจอเข้ากับคนที่ต้องการอย่างแท้จริงจึงมาขอหย่า ไม่ว่าพ่อจะพยายามแค่ไหนแม่ก็ยืนยันที่จะหย่า นั่นเองที่ทำให้พ่อตัดสินใจจบชีวิตลง
ภาคนิพนธ์ไม่เคยรู้เรื่องอะไรเลย ไม่เคยสักนิด เขาคิดมาตลอดว่าครอบครัวของตนถึงไม่ใช่ครอบครัวที่อบอุ่น แต่พ่อและแม่ที่ไม่เคยทะเลาะกันนั้นก็รักกัน พอมารู้ความจริงหลังพ่อตายไม่นานแบบนี้ ด้วยอายุเพียง 9 ขวบ ทำให้อดที่จะช๊อคกับเรื่องนี้ไม่ได้
หลังจากตอนนั้นเองที่เขาทำตัวเปลี่ยนไป จากเดิมที่เป็นเด็กเรียบร้อยก็เริ่มเกเรและใช้กำลังกับคนที่ตัวเล็กกว่า ยิ่งไม่นานนักแม่ของภาคนิพนธ์ได้แต่งงานใหม่กับ มานิช ทำนองพัน ผู้มีอิทธิพลคนหนึ่งของเมืองไทย นั่นยิ่งทำให้ภาคนิพนธ์ดูยิ่งใหญ่จนไม่ค่อยมีใครกล้าห้าม หรือว่ากล่าวในสิ่งที่ทำผิดไป พ่อเลี้ยงเองไม่เคยสนใจ แม่ก็ไม่สนใจ ภาคนิพนธ์จึงกลายเป็นเด็กไม่ดีเอาแต่ใจไปเต็มๆ
เรื่องมันมาเลวร้ายสุดขีดในความคิดภาคนิพนธ์เมื่อตอนที่กำลังจะจบ ป.6 อย่างที่บอกว่าเขาหน้าเหมือนแม่ เลยกลายเป็นเด็กผู้ชายหน้าสวย แต่ด้วยส่วนสูงที่เลยเกินเพื่อนวัยเดียวกันไปเยอะก็เลยทำให้เด็กๆด้วยกันมักมองข้ามใบหน้าของเขาไป .....แต่กับผู้ใหญ่ มันไม่ใช่เลย ใบหน้าหวานๆและผิวขาวๆของภาคนิพนธ์เริ่มเป็นที่สังเกตเห็นของพ่อเลี้ยง และเขาเริ่มเข้ามาลวนลาม จากที่แค่จับบ้างกอดบ้างก็มากขึ้นเรื่อยๆ เรื่อยๆ เด็กป.6ที่ต้องมาเจออะไรแบบนั้นก็หวาดกลัวจนไม่กล้าออกไปไหน ยังดีที่แม่บังคับให้ไปเรียนจนจบ จากนั้นแม่เขาก็พูดหว่านล้อมจนกระทั่งพ่อเลี้ยงยอมส่งเขามาเรียนต่อที่อเมริกา ด้วยคำสัญญาของแม่ที่ว่า ถ้าหากภาคนิพนธ์เรียนจบม.ปลาย แม่ยินดียกภาคนิพนธ์ให้
เขารู้ว่าที่แม่ขอแบบนั้นไม่ใช่เพื่อตัวเขา แต่เพื่อตัวของแม่เอง พัลลภา แม่ของเขาไม่ต้องการให้ลูกตัวเองเสียเปล่า การที่ต้องปล่อยตัวลูกให้กับผู้ชายคนเดียวกับตนมันได้อะไรไม่มากพอเท่ากับการรอให้ลูกได้คนอื่นๆที่ดีกว่านี้ เธอคิดว่าเธอสามารถบังคับลูกชายหัวอ่อนคนนี้ได้ แต่เปล่าเลยนั้นแหละที่เธอคิดผิด
ภาคนิพนธ์เรียนจนจบม.ปลาย และไม่กลับบ้านตามคำสั่งของแม่และพ่อเลี้ยง ที่บ้านจึงตัดเงินส่งเสีย ภาคนิพนธ์จึงต้องหยุดเรียนไปทำงาน 2 ปี และกลับเข้าเรียนใหม่ จนตอนนี้ใกล้ๆจะจบก็ยังมีโทรศัพท์จากแม่มาบอกให้เขากลับบ้านอยู่เรื่อยๆ แต่ภาคนิพนธ์บอกตัวเองเสมอว่าไม่มีทาง ไม่ว่าเขาจะลำบากแค่ไหน เขาจะไม่ยอมตกไปเป็นของพ่อเลี้ยง หรือคนอื่นๆที่แม่เขาหามาให้แน่ๆ
...........................................................
ปาฏิหาริย์กลับถึงที่พักในอเมริกาด้วยอารมณ์ค่อยข้างเบิกบาน นอกจากจะดีใจที่ได้เจอกีรติแล้ว เขายังพอใจในตัวเองอย่างมากที่ได้เจอภาคนิพนธ์ ซึ่งว่ากันตามตรง ไม่ใช่ความพอใจที่ส่งผลดีอะไรต่อภาคนิพนธ์เลย
เขาเดินทางมาที่นี้เพื่อเข้าร่วมงานแต่งงานของธรณินพี่ชายกับแฟนสาวชาวอเมริกา ถึงเธอจะเข้าไปเรียนและทำงานที่ประเทศไทยนานแล้ว แต่พ่อแม่ของฝ่ายเจ้าสาวก็ยืนยันที่จะให้มีการแต่งงานขึ้นที่นี่ ปาฏิหาริย์ดีใจที่มาไม่เสียเที่ยวเพราะว่าได้รับที่อยู่ของกีรติมาเมื่อไม่นานนี้และเป็นเมืองที่อยู่ใกล้ๆกันกับเมืองของพี่สะใภ้
“ว่าไง ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ไปเจออะไรถูกใจมาล่ะสิ”
ปฐวีซึ่งเดินทางมาร่วมงานนี้ด้วยเช่นกันถามเมื่อเห็นรอยยิ้มไม่น่าไว้วางใจของน้องชาย
“นั่นสินะครับ ก็หลายอย่าง”
ว่าแล้วก็เดินไปทางห้องของตน
“ผมไปอาบน้ำก่อนดีกว่า”
แล้วก็ผลุบเข้าไปในห้องนอน เขาไม่ต้องการให้พี่ๆรู้ว่าตัวเองกำลังคิดอะไรอยู่ ไม่ใช่เพราะกลัวพี่ๆจะห้าม แต่เพราะกลัวว่าพี่ๆจะมาแย่งจัดการแทนต่างหาก เรื่องสนุกๆแบบนี้เขาไม่ยอมให้พี่มาแย่งเล่นหรอก
......................................................
ตอนเช้าของวันถัดมา ปาฏิหาริย์เดินทางมายังบ้านของกีรติอีกครั้ง และแน่นอนว่ากานต์ ออกมาต้อนรับชายหนุ่มด้วยความเต็มใจ ซึ่งดูออกจะมากไปหน่อยสำหรับหลานชาย
“ผมอยากชวนกีไปงานแต่งงานพี่ณินด้วยกันน่ะครับ”
ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ อย่างที่บอกว่ากีรติแพ้ชื่อนี้ แต่พอมาได้ยินว่าอีกฝ่ายกำลังจะเข้าพิธีแต่งาน ไม่รู้ทำไมกีรติถึงได้รู้สึกราวกับว่าหัวใจมันตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่มได้
“ทำไมฉันต้องไป”
ถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจนิดๆ ไม่สนใจสายตาห้ามปรามจากน้าชายที่มองมา
“ก็เราคิดว่าพี่ณินน่าจะดีใจ”
“อย่ามาขำน่า เรากับพี่นายลืมๆกันไปหมดแล้วด้วยซ้ำนะ”
“แต่ว่า......”
“ไปกับเพื่อนหน่อยสิกี อย่าทำตัวเป็นเด็กๆน่า”
กีรติคิดผิดไปที่ไม่เชื่อสายตาห้ามปรามที่น้าชายส่งมา หากว่าเขาสงบปากสงบคำไว้ บางทีกานต์อาจเข้าข้างเขา และช่วยพูดปัดให้ แต่เพราะว่ากีรติดื้อที่จะพูดเอง ด้วยคำพูดที่น้าชายคิดว่ามันไม่สมควร ก็เลยทำให้กานต์ไม่ยอมช่วย แถมยังหันไปช่วยฝ่ายปาฏิหาริย์อีก
“นะ คุณน้าก็อนุญาตแล้ว”
“.............”
กีรติไม่เคยขัดใจกานต์ได้ ใครก็รู้ เพราะว่ารักน้ายิ่งกว่าใคร แม้ตัวเขาจะเจ้าเล่ห์ชอบแกล้งคนอื่นเล่นแค่ไหน แต่ก็มีเพียงแค่กานต์เท่านั้นทีเขาต้องยอมให้ทุกที
“ช่วยไม่ได้ ไปก็ไป”
.........................................
งานแต่งงานถูกจัดขึ้นที่โบสถ์ค่อนข้างห่างจากตัวเมือง แต่สวยมากๆ กีรติที่เข้างานมาเริ่มรู้สึกว่าตัวเองมาผิดที่ เมื่อสายตาที่มองมาที่เขาเต็มไปด้วยความสงสัย ไม่รู้ว่าสงสัยเพราะไม่เคยเห็นหน้า สงสัยเพราะเขาเดินเข้ามาพร้อมปาฏิหาริย์ หรือว่าทั้งสองอย่างรวมกันกันแน่ ยังดีที่ปาฏิหาริย์ไม่ได้ทิ้งเขาไปไหน อยู่เป็นเพื่อนตลอดกีรติเลยไม่ต้องยื่นเซ่ออยู่คนเดียวอย่างที่กลัว
ธรณินสวมชุดเจ้าบ่าวเข้ามาในงาน และยืนรอเจ้าสาวตามธรรมเนียมของคริสต์ เจ้าสาวของธรณินเดินเข้ามาพร้อมพ่อของเธอ เธอเป็นผู้หญิงชาวอเมริกาที่กีรติคิดว่าสวยมาก และยิ่งสวยมากขึ้นไปอีกเมื่อเธออยู่ในชุดเจ้าสาวแบบนี้
กีรติลุกออกมาตอนนี้เอง เขาขอตัวออกมาห้องน้ำทั้งๆที่ไม่ได้อยากเข้าห้องน้ำสักนิด เขาก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเขาต้องหลบออกมาด้วย แต่พอเห็นภาพพวกนั้นมันรู้สึกแปลกๆยังไงไม่รู้ เป็นความรู้สึกในแบบที่เขาเองก็ไม่เข้าใจ
หลังจากนั้น คู่บ่าวสาวก็ออกมาพูดคุยกับบรรดาแขกในงาน และเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ที่ธรณินจะต้องเข้ามาทักน้องชายของตัวเองที่ยืนอยู่ข้างๆเขา กีรตีเลยต้องยิ้มแย้มทักทายไปด้วย
“นี่กีรติครับ”
ธรณินยิ้มทักทายมาให้เมื่อได้รับการแนะนำ และกีรติก็ยิ้มกลับไป ถึงแม้ว่าความจริงในใจจะไม่ได้เต็มใจยิ้มนักก็เหอะ
“มาไม่ทันไรก็หาแฟนได้ นายนี้น้า”
พี่ชายพูดหยอกเล่นขำๆ ก่อนจะพาเจ้าสาวตัวเองเดินไปทักทายแขกคนอื่นๆต่อ ทิ้งให้กีรติที่ไม่ได้เข้าใจความหมายของคำพูดนั้นทันทียืนนิ่งคิดอยู่นาน ส่วนปาฏิหาริย์ได้แต่ส่ายหัวกับคำพูดของพี่ชาย ก่อนจะคิดในใจว่า เอาเถอะ อยากทำอะไรก็ทำ กีรติคิดอยู่นานก่อนจะเข้าใจได้ในที่สุดว่า ธรณินคิดว่าเขาเป็นแฟนของปาฏิหาริย์ พอคิดได้จึงมองหาคนพูด ตั้งใจจะส่งสายตาพิฆาตไปให้สักทีสองที่ โทษฐานไม่ถามสักคำ เดามั่วไปเรื่อย แต่เอาเข้าจริงๆ กลับต้องมองภาพธรณินประคองเจ้าสาวคนสวยด้วยความรู้สึกแปลกๆในใจแทน
ไหนปาฏิหาริย์บอกว่าอีกฝ่ายน่าจะดีใจไง นี่อะไร จำเขายังไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ที่จริงกีรติเองก็รู้และเข้าใจว่าไม่ใช่เรื่องแปลกที่คนไม่เจอกันมากกว่า10 ปีจะจำกันไม่ได้ แถมเมื่อก่อนก็ใช่ว่าจะสนิทสนมกลมเกลียวอะไรกันสักหน่อย แต่ไม่รู้ทำไม มันก็อดรู้สึกราวกับว่าตัวเองกำลังน้อยใจแบบนี้ไม่ได้ กีรติไม่ค่อยเข้าใจความรู้สึกของตัวเองมากนัก พอเป็นเรื่องของธรณินทีไรก็ไม่ค่อยเข้าใจตัวเองทุกที .......ซึ่งที่จริงกีรติไม่รู้เลยว่า ที่ไม่เข้าใจนั้นเป็นเพราะไม่อยากทำความเข้าใจต่างหาก
.................................................
เย็นวันเดียวกันนั้นเองที่ภาคนิพนธ์ต้องตัดสินใจกลับเมืองไทย
หลังจากที่ไปทำงานพิเศษตามปกติ ภาคนิพนธ์ก็กลับมาบ้าน พร้อมได้รับโทรศัพท์ฝากข้อความจากเมืองไทยว่า แม่ของเขาประสบอุบัติเหตุเข้าโรงพยาบาล ภาคนิพนธ์ไม่ใช่คนโง่ที่จะไม่เช็คว่าข้อความที่ได้รับนั้นเป็นเรื่องจริงหรือเป็นเพียงแค่ข้อความลวงเพื่อเรียกตัวเขากลับไป
และเพราะแม่ของเขาเป็นภรรยาของนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งของเมืองไทยจึงต้องมีข่าวแน่ๆถ้าเกิดอุบัติเหตุจริง ......ภาคนิพนธ์โทรหาเพื่อนที่เมืองไทย ซึ่งเป็นคนที่พ่อแม่ไม่รู้ว่าเขาสนิทและติดต่อด้วย และเพื่อนก็ยืนยันว่าแม่ของเขาประสบอุบัติเหตุรถชนและตอนนี้ยังพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล และยังบอกอีกว่าช่วงก่อนหน้านี้มีข่าวแม่และพ่อเลี้ยงกำลังมีเรื่องระหองระแหงเหมือนกับว่ากำลังจะแยกกันอยู่ และเป็นเรื่องจริงที่พ่อเลี้ยงไม่ใช่เจ้าของไข้ของแม่เขา สำหรับภาคนิพนธ์ตอนนี้....เรื่องเรียนไม่ได้มีปัญหาอะไรแล้วเหลือแต่พิธีจบการศึกษาเท่านั้น....มันก็ไม่ได้สำคัญอะไร.... เขาจึงตัดสินใจจะกลับไทยให้ได้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
......................แล้วภาคนิพนธ์ก็ได้รู้ว่า ชีวิตเลวร้ายที่แท้จริงน่ะ มันเริ่มตั้งแต่เขาเดินทางกลับไปเมืองไทยต่างหาก
....................................................
..............................................
..................................................
TBC