พบเจอ
จงเหรินพาร่างเพรียวมาที่บ้านไม้ไผ่หลังเล็ก ก่อนที่เด็กน้อยจะให้คนแปลกหน้ากลับไป แต่ร่างเพรียวก็ยังยืนยันว่าจะอยู่ขอโทษ พ่อกับแม่เขาเสียก่อน จงเหรินจึงให้คอยอยู่ที่หน้าบ้าน
“จินจงเหริน!!” เสียงหนึ่งเอ่ยเรียกก่อนที่เด็กน้อยจะสะดุ้งตัวโยน เมื่อเห็นว่า ใครยืนรออยู่ที่หน้าบ้าน
“ทะ ท่านแม่” จงเหรินเอ่ยเสียงแผ่ว พลางเหลือบมองไม้เรียวที่อยู่ในมือของคนที่ เขาเรียกว่า “แม่” อย่างหวาดกลัว แม้ว่าแม่ของเขาปกติจะเป็นร่าเริงเหมือนจะไม่ใส่ใจกับสิ่งรอบข้างแต่ถ้า สิ่งนั้นเกี่ยวข้องกับท่านลุงหรือว่าซือซุนแล้วล่ะก็ ท่านแม่ก็จะเปลี่ยนเป็นคนละคนทันที
“รู้ไหมว่า มันกี่โมงกี่ยามแล้ว เจ้าพาน้องออกไปตะลอนๆ ทั้งวันได้ยังไง ถ้าน้องไม่สบาย เจ้าจะรับผิดชอบไหวไหม ถ้าวันนี้ข้าไม่ตีเจ้า ข้ายังจะเป็นแม่เจ้าได้อีกหรือ” ร่างอวบเงื้อไม้เรียวขึ้นแต่ช้ากว่า มือหนาของใครบางคนที่มาแย่งไป
“ใจเย็นๆ สิ เจ้าจะตีลูกให้มันได้อะไรขึ้นมา”
“ท่านพ่อ” จงเหรินร้องอย่างดีใจก่อนจะวิ่งเข้าไปหลบหลังผู้เป็นพ่อทันที
“เจ้าก็ให้ท้ายลูก ตลอด”
“เอาน่า ใจเย็นๆสิ ตีลูกไปแล้ว ได้อะไร ข้าก็เห็นเจ้าร้องไห้ตามลูกทุกครั้ง” อีกคนบอกอย่างใจเย็น
“ทะ ท่านแม่ ข้าขอโทษ” จงเหรินที่เห็นว่า “แม่” อารมณ์เย็นลงแล้วจึงวิ่งเข้าไปกอดร่างอวบอย่างเอาใจ
“เฮ้อ เจ้านี่น๊า อย่าซนให้มันมากนักสิ รู้ไหมว่าแม่เป็นห่วง เอ๊ะ จงเหริน จะ เจ้า บาดเจ็บหรือ ” ร่างอวบอุทานลั่นพลางสำรวจร่างกายลูกชายยกใหญ่
“เจ้าไปทำอะไรมา นั่งลง เดี๋ยวแม่จะทำแผลให้”
“ไม่เป็นไรหรอกท่านแม่ แผลแค่นี้ ข้าไม่เป็นอะไรหรอก แต่ท่านต้องไปพบคนผู้หนึ่งกับข้าก่อน”
“ใครหรือ”
“มาทางนี้ ขอรับ แล้วข้าจะเล่าให้ท่านฟังทีหลัง” จงเหรินบอกพลางรั้งให้ผู้เป็นแม่ตามออกมา
“ท่าน นี่ท่านแม่ของข้า” จงเหรินแนะนำคนแปลกหน้าให้ร่างอวบรู้จัก
“ยินดีที่ได้พบทะ……ซิ่วหมิ่น!!!”
“จื่อเทา!!!”
ทั้งสองต่างมองอีกฝ่ายอย่างไม่เชื่อสายตา แผ่นดินกว้างใหญ่ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเจอกัน แต่ทำไมครั้งนี้ มันถึงได้ง่ายดายเหลือเกิน
“มีอะไรกันหรือ” จงต้าที่ตามสองแม่ลูกออกมาเอ่ยถาม ก่อนจะชะงักเมื่อเห็นว่าคนที่ยืนอยู่หน้าบ้านคือผู้ใด
“ท ท่านอ๋อง” จงต้าเอ่ยเสียงแผ่ว
“ท่านพ่อ ท่านแม่ นี่มันเรื่องอะไรกันขอรับ” จงเหรินที่ไม่เข้าใจอะไรสักอย่างถามขึ้น แต่กลับไม่มีใครตอบคำถามของเขาเลย
“ซิ่วหมิ่น จงต้า พวกเจ้า อยู่ที่นี่ เองหรือ” ร่างเพรียวเอ่ยถาม
“ข้าน้อยเป็นเพียง คนธรรมดา ไม่บังอาจจะสนทนากับท่านอ๋อง เกรงว่าจะทำให้ท่านมัวหมองโปรดคืน เด็กให้ข้าน้อยด้วยขอรับ” ซิ่วหมิ่นบอกเสียงเรียบ
จื่อเทามองอดีตเพื่อนรัก ก่อนจะก้มลงมองทารกน้อยในอ้อมกอด หากว่า ความเข้าใจของเขาไม่ผิด แสดงว่าเด็กคนนี้ …
“ซิ่วหมิ่น เด็กคนนี้ คือซือซุน ใช่ไหม เขาคือซือซุน ของข้า ใช่ไหม”
“ใช่แล้วอย่างไร ไม่ใช่แล้วอย่างไร ในเมื่อ เราทั้งหมดได้ตัดขาดกันไปแล้ว เด็กคนนี้จะเป็นใคร มันก็ไม่เกี่ยวกับท่านไม่ใช่หรือ โปรดคืนเขามาให้เราด้วยขอรับ”
“ไม่!! จนกว่าเจ้าจะตอบข้ามาว่า เขาคือ ซือซุน ของข้า ใช่หรือไม่” ร่างเพรียวบอกอย่างดื้อดึงพลางกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น หากว่าเด็กคนนี้คือ ซือซุน เขาก็อยากจะกอดลูกเอาไว้ให้นานที่สุด
“จงต้า เจ้าบอกข้ามาสิ ว่า เด็กคนนี้คือใคร” ร่างเพรียวหันไปคาดคั้นกับอดีตคนสนิท แต่กลับไม่ได้รับคำตอบใดๆกลับมา
“เจ้าไม่ต้องไปถามพวกเขาหรอก หากอยากรู้ถามข้าดีกว่า” เสียงทุ้มที่คุ้นเคยดังขึ้น ก่อนที่ร่างสูงของอู๋อ๋องจะเดินออกมา พร้อมกับคนสนิท
“อู๋อ๋อง” จื่อเทาครางแผ่ว
“ เยว่อ๋อง ไม่พบกันนานเลยนะ” น้ำเสียงและท่าทางที่เป็นทางการของร่างสูงทำให้หัวใจของจื่อเทารู้สึกเจ็บขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ
“เจ้าอุส่าห์เดินทางมาถึงที่นี่ นับว่าเป็นเกียรติของบ้านเราอย่างยิ่ง แต่บ้านช่อง ซอมซ่อ เช่นนี้คงไม่อาจรับรองเจ้าได้”
“ เด็กคนนี้คือซือซุน ใช่ไหม” ร่างเพรียวพยายามปัดความเจ็บในใจออก ก่อนจะเอ่ยถามร่างสูงด้วยน้ำเสียงที่ไม่มั่นคงนัก
“เด็กคนนี้ คือลูกชายของ ข้าเอง อู๋ซือซุน หากว่าได้คำตอบที่พอใจแล้ว ได้โปรดคืน ซือซุนให้ข้าด้วย” ร่างสูงบอกก่อนจะเอื้อมมือหมายจะรับลูกคืน แต่ร่างเพรียวกับยิ่งกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น
“เยว่อ๋อง เราทั้งสองไม่มี สิ่งใดเกี่ยวข้องกันอีกแล้ว คืนซือซุนให้ข้า แล้วเจ้าก็กลับไปเสียเถิด” น้ำเสียงเย็นชา ที่เอ่ยขึ้นทำให้ จื่อเทาเจ็บจนแทบจะหายใจไม่ออก ไม่เคยคิดว่าคำพูดเพียงไม่กี่คำของใครบางคนจะทำให้เขาเจ็บจนแทบไม่มีแรงเดินเช่นนี้
“ข้าขออยู่กับ ลูก สักครู่ได้หรือไม่” ร่างเพรียวบอกเสียงแผ่ว แม้ในใจจะเจ็บจนเจียนตาย แต่ด้วยความเป็นอ๋อง ทำให้ไม่อาจร้องไห้ต่อหน้าผู้ใดได้
“ขอให้ข้าได้กล่อมเขานอน ก็ยังดี”
อู๋อ๋องชั่งใจอยู่สักครู่ก่อนจะผายมือให้ร่างเพรียวเข้าไปในบ้าน
“ถ้าเช่นนั้นก็เชิญ”
จื่อเทา เดินเข้าไปในบ้านก่อนจะพบกับคนสองคนที่เขาคุ้นเคยดี
“พระชายา!!! พระชายา กลับมาแล้ว กลับมาแล้ว” สองสาวใช้บอกทั้งน้ำตาก่อนจะวิ่งเข้ามากอดขาของร่างเพรียวแน่น
“พระชายากลับมาอยู่กับพวกเราแล้วใช่ไหมเจ้าคะ” ชิงเออร์ถาม พลางกลั้นสะอื้น หนึ่งปีที่ผ่านมานางคิดถึงพระชายามากเหลือเกิน เฝ้าภาวนากับสวรรค์อยู่ทุกวันให้พระชายาของนางกลับมา
“ชิงเออร์ ม่านเออร์ พวกเจ้าออกไปก่อน ข้าจะพาซือซุนเข้านอน” ร่างเพรียวบอกเสียงแผ่ว ก่อนจะเดินไปที่เตียงนอน พร้อมกับลูกน้อย
อู๋อ๋องมองร่างเพรียวที่กำลังกล่อมเจ้าตัวน้อยอยู่ ก่อนจะเบือนหน้าไปอีกทาง ไม่อยากยอมรับว่าการพบกันอีกครั้งทำให้ใจของเขาเจ็บเพียงใด แม้จะอยากกอดอีกคนให้หายคิดถึงแค่ไหน ก็ทำได้เพียงแค่ฝันเท่านั้น เมื่อความจริง คนที่อยู่ตรงหน้าไม่ ชายาของเขาแต่เป็นเยว่อ๋อง บุคคลที่เขาไม่มีวันเอื้อมถึง
“อู๋อ๋อง ข้าฝากสิ่งนี้ไว้ให้ซือซุน ได้หรือไม่ บอกเขาว่า เป็นของขวัญจากข้า” ร่างเพรียวนำรองเท้าเด็กที่พกติดตัวตลอดเวลายื่น
ให้กับร่างสูง แล้วหันหลังเตรียมจะเดินกลับไป
หมับ!!
แขนแกร่งกอดร่างเพรียวไว้อย่างหวงแหน แม้จะพยายามห้ามใจตัวเองแล้วแต่มันเจ็บปวดเกินไป ถึงจะรู้ว่า ไม่ควรแต่เขากลับห้ามหัวใจตัวเองไม่ได้ หากว่าคนตรงหน้าจะโกรธ ก็ขอให้เขาได้ทำตามหัวใจเรียกร้องสักครั้ง
“จื่อเทา พี่คิดถึง เจ้า” เสียงสั่นเครือบอกก่อนที่อ้อมแขนแกร่งจะกระชับแน่นขึ้น เหมือนจะส่งความรู้สึกที่เก็บกักอยู่นานนับปี เพื่อให้อีกฝ่ายได้รับรู้
คิดถึง คิดถึงมากเหลือเกิน
“อู๋อ๋อง ”
“หากว่าจะโกรธ ขอพี่อยู่อย่างนี้สักพักได้หรือไม่ อย่าเพิ่งกลับเลยได้ไหม” ร่างเพรียวทำได้เพียงยืนนิ่งให้อีกคนกอดอยู่อย่างนั้น ในเมื่อเขาเองก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ตัวเองก็โหยหาอ้อมกอดนี้เช่นกัน
จื่อเทาทำได้เพียงกลืนก้อนน้ำตาให้กลับลงไป หากว่าเป็นเพียงคนธรรมดา หากว่า ไม่ใช่ศัตรู หากว่าเขาไม่ใช่เยว่อ๋องและคนตรงหน้าไม่ใช่อู๋อ๋อง เรื่องทุกอย่างมันคงจบลงด้วยดี
สวรรค์เหตุใด ท่านต้องให้ข้ารักเขา ทำไมต้องเป็น อู๋อ๋อง ทำไมกัน
“ข้าทนไม่ไหวแล้วนะ จงต้า อี้ชิง” ร่างอวบโวยวายหลังจากที่ลอบมองคนทั้งสองในห้อง
“แล้วเจ้าจะทำเช่นไร ในเมื่อทั้งสองคน ทั้งใจแข็ง ทั้งปากแข็งเช่นนั้น ” จงต้าเอ่ยถามคนรัก
“เรื่องนั้น มันไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร คนรักกันคุยกันไม่กี่คำก็คงรู้เรื่อง แต่ปัญหามันอยู่ที่ เจ้าไป๋เซียน นั่นต่างหาก ถ้าเรากำจัดเขา
ได้ พี่ชายของข้ากับเจ้าแพนด้า ก็สมหวัง” ร่างอวบบอกด้วยรอยยิ้ม
“นี่เจ้าคิดจะ ฆ่าท่านไป๋เซียนหรือ ซิ่วหมิ่น” จงต้าเอ่ยถามหน้าตาตื่น
“เจ้าบ้า!! ข้าคิดผิดมหันต์ เลยจริงๆที่เลือกคนงี่เง่าอย่างเจ้า เจ้าเห็นว่าข้าโหดเหี้ยมจนถึงขนาดฆ่าคนได้หรือไงกันห่ะ” ร่างอวบแหวลั่น ก่อนจะมองคนรักอย่างเอาเรื่อง
“ข้าน้อยว่า พวกท่านอย่าเพิ่งทะเลาะกันเลยนะขอรับ ท่านชายท่านมีแผนการแล้วหรือไม่ ขอรับ” เป็นอี้ชิงที่เอ่ยห้ามทัพก่อนที่ซิ่วหมิ่นจะลงมือทำร้ายคนรักของตัวเอง
“หึๆ” ร่างอวบไม่ยอมตอบแต่กลับยกยิ้มเจ้าเล่ห์ ทำเอาอีกสองคนที่ยืนอยู่ด้วย ได้แต่มองหน้ากันด้วยความกังวล หวังว่าคราวนี้ ซิ่วหมิ่นจะไม่ก่อเรื่องยุ่งอีกนะ
.............TBc..................
รู้สึก ซิ่วหมิ่น จะฮาไปนะ ฮ่าๆๆ
คู่นี้มี คล่ยเครียด เพราะคู่หลัก มันเครียด เหลือเกิน
นับวัน มันจะ บ้าขึ้นเรื่อยๆ ฮ่าๆๆ
ปอลิง สาเหตุที่ ใช้สรรพนามแทน ซฺ่วหมิ่น ว่าแม่นั้น ก็เพื่อ เพื่ออะไรดีล่ะ
เอาเป็นว่าเพื่อไม่ให้ สับสน เลยเรียกสรรพนามตาม พฤตินัย
ไปแล้วกนนะคะ ฮ่าๆๆ