……………….22…………………..
ผมตื่นขึ้นมาในช่วงสายของอีกวัน ด้วยร่างกายที่เปลือยเปล่าคงไม่ต้องบอกนะครับว่าเมื่อคืนมันเกิดอะไรขึ้น ผมร่างมองร่างกายตัวเองอย่างสมเพช ก่อนจะยกยิ้มเย็นชา หัวใจผมกำลังจะตาย การถูกกระทำหลายๆอย่างที่ผ่านมากำลังทำให้ผมด้านชา แต่ก็ดีเหมือนกัน หากวันนึงผมไร้ซึ่งความรู้สึก ผมจะได้ไม่ต้องเจ็บ ไม่ต้องปวด บางทีปล่อยหัวใจให้มันตายไปน่าจะดีกว่า
Rrrrrrrrrrrrrrrrr เสียงของโทรศัพท์ทำให้ผมตื่นจากภวังค์
“ว่าไงเล็ก”
“มึงเป็นไงบ้าง” เสียงปลายสายถามอย่างเป็นห่วง
“กูโอเค ไม่ต้องห่วงหรอกน่า กูใคร กูนายเมฆา นะครับ ”
“เออ กูรู้ว่ามึงเก่ง ครับเชี่ย แต่คนเก่งไม่ใช่จะอ่อนแอไม่เป็น กูเป็นห่วงมึงมากนะเมฆ ”
“กูอยู่ได้ พี่มึงไม่ฆ่ากูหรอกน่า อย่าห่วงเลย” ผมบอก
“เฮ้อ กูไม่ได้ห่วงว่าพี่ใหญ่จะฆ่ามึง เพราะถ้าจะฆ่ามึงตายไปตั้งนานแล้ว แต่กูห่วงว่าเขาจะฆ่ามึงทั้งเป็นมากกว่า กูถามมึงจริงๆนะ ที่มึงยังอยู่กับพี่ใหญ่ทุกวันนี้ มันเพราะอะไร ตกลงว่าที่เป็นอยู่พี่กูไม่ยอมปล่อยมึงไป หรือว่าเป็นตัวมึงกันแน่ที่ไม่ยอมออกมา อย่าทำร้ายตัวเองอีกเลยนะ กูรู้ว่าการตัดใจจากใคร สักคนมันไม่ใช่เรื่องง่าย แต่กูก็อยากให้มึง รักตัวเองบ้าง ถ้ามึงไม่รู้จะอยู่เพื่อใคร ก็ถือซะว่าอยู่เพื่อกูได้ไหม กูขอร้องล่ะ มาอยู่กับกูเถอะ แล้วกูจะช่วยมึงเอง”
“เล็ก…”
“คุยอะไรกัน!!!” เสียงทุ้มตะคอกก่อนจะแย่งโทรศัพท์ของผมไปแล้วกดวางสายทันที
“พี่ถามว่าคุยอะไร” เขาถามด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเหมือนโกรธ
“ก็คุยกันปกติ ผมกับเล็กเป็นเพื่อนกัน คุณก็รู้ แล้วมันแปลกตรงไหนที่เพื่อนจะโทรคุยกัน”
“มันก็ไม่แปลกหรอกครับ ถ้าเป็นเพื่อนคนอื่น แต่เพราะเป็นเมฆพี่ก็เลยไม่อยากจะไว้ใจ”
“นั่นมันก็เรื่องของคุณ” ผมตอบก่อนจะถอนหายใจยาว ยอมรับว่าเหนื่อย เหนื่อยมากกับการที่ต้อง มานั่งโกรธเกลียดกันแบบนี้
“อย่าให้พี่รู้แล้วกันว่าแอบวางแผนอะไรไว้อีก ” เขาคาดโทษก่อนจะเดินออกจากห้องไป
กูถามมึงจริงๆนะ ที่มึงยังอยู่กับพี่ใหญ่ทุกวันนี้ มันเพราะอะไร ตกลงว่าที่เป็นอยู่พี่กูไม่ยอมปล่อยมึงไป หรือว่าเป็นตัวมึงกันแน่ที่ไม่ยอมออกมา
คำถามจากเพื่อนรัก ดังขึ้นในความคิด นั่นสินะ กี่ครั้งแล้วที่ผมมีโอกาสหนี แต่ผมก็ยังกลับมา ทั้งๆที่พยายามบอกตัวเองเป็นร้อยเป็นพันรอบให้ไปซะ แต่สุดท้ายผมก็ไปไหนไม่ได้สักที คำถามนี้มันมีคำตอบอยู่ในตัวมันอยู่แล้วและผมก็รู้ดีว่าคำตอบมันคืออะไร ผมคนที่บอกใครๆว่าเข้มแข็ง จริงๆแล้วกลับเป็นคนอ่อนแอที่สุด ผมตัดใจจากเขาไม่ได้ แม้ว่าอ้อมกอดของเขา จะไม่อบอุ่น แม้ว่าอ้อมกอดนั้นมันจะมาจากความเกลียดชัง แต่มันกลับทำให้ผมรู้สึกว่าอย่างน้อย ผมก็ยังเป็นที่ต้องการ ของใครสักคน
เหอะ ผมนี่ช่างเป็นคนที่ น่าสมเพช ซะจริง
เสียงรถที่แล่นออกจากบ้านเป็นสัญญาณว่าพี่ใหญ่ไปทำงานแล้ว และผมก็ควรจะลุกจากที่นอนไปทำอะไรที่มันเป็นประโยชน์ซะบ้าง ผมอาบน้ำและจัดการหาอะไรลงท้องตอนเช้าก่อนจะออกมา ยืนรดน้ำต้นไม้ที่หน้าบ้าน ก็ไม่รู้หรอกว่าเขารดกันเวลาไหนแต่แค่ไม่อยากอยู่ว่างๆแล้วคิดอะไรฟุ้งซ่าน ก็เท่านั้น
“เอ่อ คุณครับ” เสียงหนึ่งดังขึ้นจากบ้านข้างๆ แต่ผมก็ไม่ได้สนใจ บางทีเขาอาจจะเรียกคนอื่นก็ได้
“เอ่อ คุณครับ คุณที่รดน้ำต้นไม้อยู่นั่นล่ะครับ”
“ผมเหรอครับ” ผมถามพลางชี้นิ้วเข้าหาตัวเองไปด้วย
“ครับผมเรียกคุณนั่นแหล่ะ” อีกคนตอบก่อนจะยกยิ้มกว้าง เหอะหมอนี่ คิดว่าตัวเองโฆษณายาสีฟันอยู่หรือไงนะ
“ผมชื่อ ชินนะครับ เพิ่งย้ายมาเมื่อวาน วันนี้ก็เลยมาทักเพื่อนบ้าน” เขาแนะนำตัวก่อนจะยิ้มให้ผมอีกรอบ ชิน เป็นผู้ชายที่จัดว่า “หล่อ” นะครับและผมคิดว่าเขาต้องเป็นนักดนตรีแน่ทำไมถึงรู้นะเหรอ เพราะตอนนี้เขาถือกีตาร์อยู่นะสิ
“ ผมเมฆครับ” ผมตอบไปตามมารยาท
“โห ตอบมาซะทางการขนาดนี้ผมก็ไปไม่เป็นกันพอดี” เขายอกก่อนจะหัวเราะน้อยๆ ซึ่งมันทำให้ผมคิดว่า สงสัยนอกจากเขาเป็นพรีเซ็นเตอร์ยาสีฟันแล้วยังเป็นพรีเซ็นเตอร์ น้ำยาดับกลิ่นปากด้วย
“ก็เราเพิ่งพบกันครั้งแรก ผมคงไม่บ้าขนาดขึ้น มึงกู หรอกครับ” ผมตอบไปตามจริง
“ฮ่าๆๆ คุณนี่จริงใจดีเนาะ ว่าแต่วันนี้คุณว่างไหม” เขาเอ่ยถาม ผมมองคนตรงหน้าด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม
มัน ต้องการอะไรว่ะ
“เฮ้ย อย่ามองหน้าผมแบบนั้นดิ ผมก็แค่หาเพื่อนคุย ผมเป็นนักแต่งเพลง แต่วันนี้ไอเดียมันตันๆ ก็เลยอยากลองหาเพื่อนคุยเผื่อว่าจะได้ไอเดียไปแต่งเพลงน่ะครับ” เขาบอกคงจะพออ่านสีหน้าผมออกมั้งครับ
“เอ่อ” ผมอึกอักไม่ใช่ว่า ผมไม่ไว้ใจ แต่ว่าบ้านนี้มันไม่ใช่บ้านผม ผมไม่กล้าจะเปิดประตูให้ใครเข้ามาหรอกนะครับถึงแม้ว่าคนนั้นจะเป็นเพื่อนบ้านที่รั้วติดกันก็เถอะ
“อ่า ลำบากใจสินะครับ ก็เราเพิ่งเจอกัน คงไม่มีใครที่ไหนไว้ใจคนแปลกหน้าหรอก”
“ไม่ใช่แบบนั้นหรอกครับ ผมว่าในบ้านมัน คงจะไม่มีแรงบันดาลใจอะไรหรอก ผมว่าจะไปเดินเล่นที่สวนของหมู่บ้านพอดี คุณชิน สนใจจะ
ไปกับผมไหมครับ” ผมบอก ใจจริงไม่คิดว่าจะออกจากบ้านด้วยซ้ำ แต่เพราะเห็นหน้าพรีเซ็นเตอร์ยาสีฟันหุบยิ้มแล้วมันรู้สึกผิด
“สนครับ” เขาบอกก่อนจะยกยิ้มกว้าง จนผมอดที่จะยิ้มตามไม่ได้ ชินเป็นคนที่ดูอารมณ์ดีตลอดเวลาเหมือนไม่มีเรื่องทุกข์ใจ ตลอดทางที่
เดินมา เขาเหมือนจะสนใจและเก็บทุกรายละเอียดเพราะผมเห็นมือเขาจดอะไรก็รู้ลงสมุดพกตลอดเวลา
“นี่คุณ ผมถามจริงๆนะ คุณจดอะไรนักหนา” ผมเอ่ยถาม
“นี่ล่ะคุณ แรงบันดาลใจ ถึงตอนนี้มันจะยังไม่ได้ใช้แต่ไม่แน่ เดือนหน้ามันอาจจะเป็นเพลงของใครสักคนก็ได้นะ” เขาบอกพลางจดทุกสิ่ง
ที่อยู่รอบๆตัวไปด้วย
“ดูคุณจะมีความสุขกับการแต่งเพลงมากเลยนะครับ”
“ผมรักดนตรีครับ เพราะดนตรีเป็นความฝันของผม”เขาตอบพลางยกยิ้มกว้าง เขาดูมีความสุขมากเมื่อพูดถึงสิ่งที่ตัวเองรัก มันทำให้ผมรู้สึกว่าเพื่อนใหม่คนนี้เป็นคนที่น่าคบ
“ว่าแต่คุณเถอะ มีความฝันอะไรหรือเปล่าครับ” เขาถามกลับ
ฝัน ฝันเหรอ??? ผมมองหน้าคนถามด้วยสับสน นั่นสิ ผมมีความฝันเหมือนคนทั่วไปเขาหรือเปล่า ชีวิตผมอยู่กับ โกรธ ความเกลียด มา
ตลอดชีวิต จนผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่า จุดมุ่งหมายในชีวิตคืออะไร
“เอ่อ ผมทำให้คุณลำบากใจหรือเปล่าครับ”
“ไม่หรอก คุยกับคุณก็สนุกดี ”
“อืมว่าแต่ คุณเมฆอายุเท่าไหร่เหรอครับ ผมจะได้เรียกถูก ไหนๆเราก็เป็นเพื่อนบ้านกัน คงต้องอยู่ด้วยกันอีกนาน”
“24 ครับ”
“งั้นก็เป็นน้องผมสินะ เพราะพี่ 26 พี่เรียกเมฆ ว่า น้องเมฆ ได้ไหมครับ” เขาเอ่ยถาม
น้องเมฆ น้องเมฆเหรอ ผมจำได้ว่าครั้งหนึ่งเคยมีคนเรียกผมด้วย น้ำเสียงที่อ่อนโยน แบบนี้ แต่ตอนนี้ มันคงเป็นเพียงอดีตแล้วสินะ
“เอ่อ คุณเมฆครับ เป็นอะไรหรือเปล่า”
“เปล่าครับ ผมว่าพี่เรียกผมว่าเมฆ เฉยๆดีกว่านะครับ” ผมตอบ
ทำไม ผมต้องรู้สึกไม่อยากให้ใคร เรียกผมด้วยคำนั้นด้วยนะ ทำไมผมต้องอยากให้ เป็นคนๆเดียวที่ เรียกแบบนั้น
เราสองคนเดินเล่นในสวนของหมู่บ้านไปเรื่อยๆพลางคุยเรื่องสัพเพเหระ ทำให้ผมรู้ว่า พี่ชินทำงานเป็นนักแต่งเพลงและโปรดิวเซอร์ที่ค่ายเพลงแห่งหนึ่งที่ถือว่าใหญ่พอสมควร เขาเป็นคนเปิ่นๆ โก๊ะๆ แถมยังซุ่มซ่ามมากด้วย ขัดกับหน้าตาที่ดูหล่อจนเหลียวหลังอย่างสิ้นเชิง
“เมฆ พี่ว่าตอนนี้ใกล้เที่ยงแล้ว ไปหาอะไรกินกันไหม” พี่ชินเอ่ยชวน
“ก็ดีนะพี่ ว่าแต่จะกินอะไรเหรอครับ”
“เดี๋ยวพี่ทำให้กิน” ชินเสนอตัว
“เฮ้ย จะดีเหรอ ถ้าผมท้องเสียใครจะรับผิดชอบ” ผมแซว
“อย่ามาดูถูก นายชินภัทร นะครับ ไม่มีอะไรที่นายชิน คนนี้ทำไม่ได้ ” พี่ชินบอกก่อนจะตบอกตัวเองด้วยท่าทางมั่นใจสุด ๆ
“เออ งั้นผมจะลองเสี่ยงตายดูสักครั้งแล้วกันนะ”
“ขนาดนั้นเลยเหรอ รับรองว่าไม่ตายหรอกน่า ป่ะๆ กลับๆ”
พี่ชินบอกก่อนจะดันหลังผมกลับไปทางเดิม ผมยิ้มน้อยๆก่อนจะยอมเดิน วันนี้ผมยิ้มมากี่ครั้งแล้วนะ แค่รู้จักกันวันเดียวแต่พี่ชินกลับทำให้ผมยิ้มไม่รู้ตั้งกี่ครั้ง ในชีวิตผมไม่เคยมีเพื่อนนอกจากไอ้เล็ก แต่เขาคนนี้กลับทำให้ผมผูกพันอย่างบอกไม่ถูก ในส่วนลึกของความรู้สึก มันบอกผมว่า คนๆนี้หวังดีกับผม
“มาแล้วๆๆ” เสียงของพี่ชินดังขึ้นพร้อมกับ บะหมี่ชามโต ที่วางอยู่ตรงหน้า
“อะไรของพี่เนี่ย”
“ข้าวกลางวันไง” เขาตอบ ก่อนจะยกยิ้มกว้าง
“ไหนพี่บอกว่าจะทำกับข้าวไง ทำไมมันออกมาเป็นมาม่าล่ะ” ผมแหวลั่น แต่ก็ไม่ได้จริงจังอะไร
“นี่ไอ้น้อง ชายโสด อย่างพี่ก็ทำได้แค่นี้ละว่ะ กินๆไป มันก็อิ่มเหมือนกัน อย่าพูดมาก” เขาบอกก่อนจะจัดการโซ้ยบะหมี่เข้าปากทันที
ผมอมยิ้มก่อนจะกินบ้าง ถ้าบอกว่าตอนนี้ผมกำลังมีความสุขมันก็คงไม่แปลกนัก แต่ผมกลับบอกไม่ได้ว่ามีความสุขเพราะอะไร ตั้งแต่เกิดมาถ้าไม่นับแม่ กับไอ้เล็ก ผมเพิ่งรู้สึกว่ามีคนจริงใจกับผมเป็นครั้งแรก แต่ผมจะสามารถเชื่อสัญชาตญาณของตัวเองได้มากแค่ไหนนะ
..............................TBC......................
พี่ชินมาแล้วววววววววววววววว
เขาเป็นใคร มาจากไหน แล้วมาได้ยังไง กันล่ะนั่น
เอิ๊กๆๆๆ เดากันเอาเองนะจ๊ะ
สปอยๆๆๆ ....
“น่าเสียดายจังนะครับ ที่บ้านสวยๆแบบนี้ไม่มีคนอยู่”
“เมฆชอบเหรอ”
“ชอบครับ”
“แล้วถ้าให้มาอยู่ จะมาอยู่ไหมล่ะ”
......