…………………23………………
ตั้งแต่รู้จักกับพี่ชายข้างบ้านได้เกือบๆสองอาทิตย์ ผมรู้สึกว่า ชีวิตมันดูมีความสุขมากขึ้น ผมยิ้มมากขึ้น หัวเราะมากขึ้น แปลกนะครับที่ผมไว้ใจคนแปลกหน้าคนหนึ่งได้มากขนาดนี้ ทั้งที่เพิ่งรู้จกกันแค่ไม่นาน
“เป็นอะไรเรา นั่งหน้าเครียดอีกแล้ว” พี่ชินบอกก่อนจะขยี้หัวผมไปด้วย
“เฮ้ยๆๆ ทำไรเนี่ย ผมเสียทรงนะ”
“ฮ่าๆๆ ก็เห็นนั่งหน้าเครียด พี่ไม่ชอบเห็นเมฆทำหน้าแบบนั้นนะ พี่ว่าเมฆยิ้มเยอะๆดีกว่า”
“ครับ” ผมรับคำก่อนจะยิ้มให้ พี่ชิน
“ดีมาก ว่าแต่วันนี้เมฆ ว่างไหม พี่จะพาไปเที่ยวเห็นเราอุดอู้ อยู่แต่ในบ้านทุกวันแบบนี้พี่เบื่อแทน”
ข้างนอกเหรอ ผมไม่ได้ออกไปข้างนอกมากี่วันแล้วนะ อย่างมากก็ไปแค่สวนของหมู่บ้านกับพี่ชินเท่านั้น
“เป็นอะไรหรือเปล่า ทุกครั้งที่พี่ชวนออกไปข้างนอก ทำไมเมฆต้องทำหน้าลำบากใจทุกที”
“ผม เอ่อ ผม” ผมอึกอักเพราะไม่รู้จะตอบยังไง
“ไม่รู้ล่ะ ยังไงวันนี้ พี่จะพาเมฆไปเที่ยวให้ได้ ไปกันเร็ว” พี่ชินบอกก่อนจะลากผมขึ้นรถไปทันที ผมไม่ได้กังวลที่จะออกมาข้างนอกกับคนที่เพิ่งรู้จัก แต่ผมกังวลถ้า เขาคนนั้น กลับมาแล้วไม่เจอผม มันจะเป็นเรื่องมากกว่า
“ขมวดคิ้วอีกแล้ว เรานี่ ทำไมชอบทำหน้าเครียดจังห่ะ”
“ไม่มีอะไรหรอกครับ” ผมบอกก่อนจะเสมอง นอกหน้าต่าง ช่างเถอะ ที่ผ่านมาเขาก็ไม่ได้ดีกับผมสักเท่าไหร่ ถ้าเขาจะโกรธก็ปล่อยเขาโกรธไปเถอะ
ผมได้ยินเสียงพี่ชิน ถอนหายใจอย่างแรง ก่อนจะหันไปสนใจกับการขับรถ แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก เพราะลำพังเรื่องของตัวเองก็แทบจะหัวระเบิดตายอยู่แล้ว
“อ้าวถึงแล้ว เชิญครับ” พี่ชินบอก เมื่อรถมาถึงบ้านไม้สองชั้นหลังไม่ใหญ่มาก แต่บรรยากาศรอบๆเต็มไปด้วยต้นไม้และสวนสวยที่ถูกจัดแต่งอย่างลงตัว ถึงไม่ได้หรูหราแต่ บรรยากาศของบ้านหลังนี้กลับทำให้ผมรู้สึกถึงคำว่า “บ้าน” อย่างแท้จริง ถ้าผมได้อยู่ในบ้านหลังนี้ก็คงจะดีสินะครับ
“ที่นี่บ้านใครครับ”
“บ้านพี่เอง” พี่ชินตอบ
“อ้าว แล้วตกลงพี่อยู่บ้านหลังไหนกันแน่เนี่ย” ผมถามด้วยความไม่เข้าใจ เพราถ้าผมมีบ้านที่น่าอยู่ขนาดนี้คงไม่ยอมย้ายออกหรอกครับ
“ก็อยู่ทั้งสองหลัง แต่ว่าบ้านนี้พี่จะมาก็ต่อเมื่ออยากจะพักใจพักกาย ”
“แล้วนี่ ไม่มีคนอยู่เหรอครับ ทำไมบ้านเงียบจัง” ผมเอ่ยถามหลังจากที่มองไปรอบๆบ้านแต่กลับไม่พบสิ่งมีชีวิตเลยนอกจากเราสองคน
“เมื่อก่อน พ่อพี่ท่านอยู่แต่ตอนนี้ท่านเสียไปแล้ว ก็เลยเหลือแค่ คนดูแลที่พี่จ้างไว้น่ะ แต่พวกนั้นเขาก็จะมาทำความสะอาดอาทิตย์ละครั้งไม่ได้อยู่ประจำหรอก” พี่ชินอธิบาย
“น่าเสียดายจังนะครับ ที่บ้านสวยๆแบบนี้ไม่มีคนอยู่”
“เมฆชอบเหรอ”
“ชอบครับ”
“แล้วถ้าให้มาอยู่ จะมาอยู่ไหมล่ะ” เขาถามด้วยรอยยิ้ม มันเป็นรอยยิ้มที่ดูอบอุ่นซะจนผมเดาไม่ออกว่าเขาคิดอะไรอยู่กันแน่
“เฮ้อ ช่างเถอะ ถือว่าพี่ไม่ได้ถามแล้วกันนะ เอาเป็นว่าวันนี้พี่พาเมฆมาเที่ยวบ้านพี่แล้วกัน” เขายังคงบอกพร้อมรอยยิ้มก่อนจะยกมือขึ้นลูบหัวผมเบาๆ แปลก มันแปลกมากที่ผมรู้สึกอบอุ่น ทุกครั้งที่มือของพี่ชินวางลงมา แต่มันให้ความรู้สึก อบอุ่น อ่อนโยน และความหวังดี ผมไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงรู้สึกแบบนี้ ผมบอกได้แค่ว่าตอนนี้ผมรู้สึกดี ดีมากๆที่มีพี่ชินอยู่ข้างๆ
“เมฆ เมฆ ได้ยินพี่ไหมเมฆ!!!” เสียงของพี่ชินทำให้ผมตื่นจากภวังค์
“เป็นอะไร หรือเปล่าทำไม จู่ๆถึงเงียบไป”
“เปล่าครับ ผมก็แค่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย”
“พี่ว่า ถ้าอะไรมันหนัก ก็อย่าไปถือมันไว้เลยนะครับ พี่ไม่รู้ว่าเมฆมีเรื่องอะไรในใจ แต่พี่อยากให้เมฆปล่อยวางมันบ้าง อย่างน้อยแค่ตอนนี้
ก็ยังดี ”พี่ชินบอกพร้อมๆกับ มือที่ยังคงลูบหัวผมอย่างอ่อนโยน
“ครับ” ผมตอบพลางยกยิ้มกว้าง ช่างเถอะ เอาเป็นว่าเวลานี้ผมจะยิ้มก็แล้วกัน
…………………………………………………
“ขอบคุณนะครับที่มาส่ง” ผมเอ่ยขอบคุณพี่ชายข้างบ้านที่ขับรถมาส่งหลังจากที่วันนี้พาผมเที่ยวทั้งวัน
“ไม่เป็นไรครับ แค่เห็นเมฆยิ้มพี่ก็ดีใจแล้ว เมฆนะ เหมาะกับรอยยิ้มมากว่าเป็นไหนๆ ”
“ที่ผมยิ้มได้ก็เพราะพี่ มากกว่าครับ ขอบคุณนะครับที่พาผมไปเที่ยว”
“พี่เต็มใจครับ จำไว้นะครับว่าเมื่อไหร่ที่เมฆ ไม่สบายใจพี่พร้อมรับฟังเสมอ ”
“ขอบคุณอีกครั้งนะครับ”
วันนี้ผมยอมรับว่าสนุกมาก แม้ว่าทั้งวันผมจะง่วนอยู่กับการทำกับข้าวที่ออกมากินได้บ้างไม่ได้บ้าง หรือลองนั่งแต่งเนื้อเพลงที่มันแปลกประหลาดสุดๆ จนนักแต่งเพลงมือทองได้แต่กุมขมับ แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้ผม ลืม อะไรบางอย่าง ได้เหมือนกัน
“หึ ดูท่าทางจะสนุกนะครับ” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นตอนที่ผมก้าวเข้ามาในบ้าน
“ครับ ก็สนุกดี”
“ขนาดพี่แทบขังไว้ในบ้านแล้ว เมฆยังออกไปกับคนอื่นได้อีก เห็นแล้วอยากจะปรบมือให้จริงๆ” เขาบอกก่อนย่างสามขุมเข้ามาหาผม
“ไปรู้จักกับมันได้ยังไง” เขาถามเสียงเข้ม
“มันที่คุณพูดถึง หมายถึงใครล่ะครับ”
“พูดแบบนี้ แปลว่าไม่ได้มีแค่ไอ้คนข้างบ้านคนเดียวหรือไง” แม้ว่าเสียงของเขาจะยังเป็นโทนเดิมแต่แรงบีบที่ต้นแขนกลับเพิ่มขึ้นมาก
“ก็แล้วแต่จะคิด” ผมประชดกลับ
เราสองคนจ้องกันนิ่งก่อนที่เสียงที่สามจะดังขึ้นมา
“เมฆครับ เมฆลืมโทรศัพท์ไว้บนรถพี่น่ะ” เสียงร่าเริงของพี่ชายข้างบ้านเอ่ยขึ้นก่อนที่ถือวิสาสะเข้ามาในบ้าน
“หึ” พี่ใหญ่แค่นเสียงก่อนจะจ้องคนมาใหม่นิ่งๆ
“สวัสดีครับ คุณคงเป็นเพื่อนเมฆเหมือนกัน ผมชื่อ ชินครับ อยู่บ้านข้างๆ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ” พี่ชินบอกก่อนจะยิ้มแต่อีกคนยังตีหน้านิ่ง
“เอ่อ พี่ชิน เมื่อกี้ได้ยินแว่วๆว่า เอาอะไรมาคืนนะครับ” ผมเอ่ยถาม
“อ้อ พอดีว่าเมฆลืมโทรศัพท์ไว้นะครับ พี่ก็เลยเอามาคืน นี่ครับ” พี่ชินบอกก่อนจะยื่นโทรศัพท์ให้ผม
“ขอบคุณมากนะครับ”
“ไม่เป็นไรครับ เอาไว้ว่างๆ เดี๋ยวพี่มารับเมฆไปเที่ยวอีกแล้วกันนะ”
“ไม่จำเป็นหรอกมั้งครับ เพราะผมไม่อนุญาต” คนที่เงียบมานานเอ่ยขึ้น พลางจ้องเราสองคนเขม็ง
“แล้วก็ที่สำคัญ ผมไม่ใช่เพื่อนอย่างที่คุณเข้าใจ แต่เป็น ผัว คงไม่ต้องให้อธิบายนะครับว่าคำว่า ผัว มันหมายถึงอะไร ถ้าหมดธุระแล้ว
ผมว่าคุณออกไปจากบ้านผมได้แล้ว เชิญครับ” พี่ใหญ่บอกด้วยเสียงนิ่งๆ แต่แฝงไปด้วยแววคุกคามที่ขนาดผมไม่ได้โดนมองตรงๆยังรู้สึก
ได้
“หึ งั้นเหรอครับ” พี่ชินบอกอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะเดินเข้าไปกระซิบ บางอย่างกับพี่ใหญ่
“ไอ้เหี้ย เอ้ย!!! มึงออกไปจากบ้านกู เดี๋ยวนี้ ก่อนที่กูจะทนไม่ไหวแล้วกระทืบมึงตายตรงนี้” พี่ใหญ่ตะคอกก่อนจะต่อยเข้าที่หน้าของพี่ชินจนอีกคนหน้าหัน
“หึ เป็นหมาบ้าแบบนี้ ระวังจะรักษา เอาไว้ไม่ได้นะครับ เพราะผมเป็นคนพูดจริงทำจริงเหมือนกัน” พี่ชินบอกพลางเช็ดเลือดที่มุมปาก ก่อนจะแสยะยิ้มแล้วเดินออกจากบ้านไป
“โถ่เว้ย!!!” พี่ใหญ่สบถลั่น ก่อนจะกระแทกตัวลงบนโซฟาด้วยท่าทางหัวเสีย ผมไม่รู้ว่าพี่ชินพูดอะไร แต่มันก็คงเป็นเรื่องใหญ่พอสมควรเพราะ ผมไม่เคยเห็นพี่ใหญ่จะหัวเสียหรือโกรธแทบควบคุมตัวเองไม่ได้แบบนี้มาก่อน
.............................................
หึงแล้ว???? ครึๆๆๆ
ไม่มีอะไรจะพูด เชิญสมน้ำหน้า ด่าทอ พระเอกกันได้เลยจร้า