เนื้อหาตอนนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่องหลักนะคะ แค่แบบว่าฟังเพลงแล้วเพ้อ ฮ่าๆๆฟังเพลงนี้ไปด้วย จะฟินมาก
http://www.youtube.com/watch?v=DmDzcTGpYr8SF แค่เท่านั้น มีคนเคยบอกว่า “เราจะไม่มีวัน รู้ว่าสิ่งนั้น สำคัญ จนกว่าจะถึงวันที่เราต้องสูญเสียมันไป”
ผมนอนมองนาฬิกา ดิจิตอล บนหัวเตียงที่ตอนนี้ โชว์ตัวเลขที่บอกว่าเป็นเวลาเกือบจะเช้าวันใหม่แล้ว ก่อนจะถอนหายอย่างเหนื่อยล้า วันนี้ก็ผ่านไปอีกวันแล้วสินะ เป็นอีกวันที่ผม ยังคงต้องนอนคนเดียว เตียงที่เมื่อก่อนเคยรู้สึก แคบเมื่อมีใครอีกคนนอนอยู่ข้างๆ แต่ทำไมวันนี้มันถึงได้กว้างมากขนาดนี้
Rrrrrrrrrrrrrrr
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นทำให้ผมตื่นจากภวังค์
“เป็นไงบ้าง ไอ้น้อง” เสียงปลายสายเอ่ยทัก
“ก็ดีพี่” ผมตอบแบบขอไปที
“ตอบไม่สมกับเป็น คุณเลยนะครับ คุณชลธร” เสียงปลายสายเอ่ยทำไมผมถึงรู้สึกว่าถูกเยาะเย้ยกันนะ
“แล้วจะให้ผมตอบแบบไหนล่ะครับ คุณหมอวายุ” ผมเอ่ยตอบ พี่หมอลม
“ก็ตอบความจริงไง ว่า แก “คิดถึง” น้องเขาน่ะ”
“แล้วมันมีประโยชน์อะไรล่ะพี่” ผมเอ่ยถาม คำว่าคิดถึงของผมมันจะมีประโยชน์อะไร ถ้าอีกคนไม่อยากจะรับฟัง
“อย่างน้อยก็ยังได้บอกล่ะมั้ง เฮ้อ ดูแลตัวเองด้วยแล้วกัน คุณป้าเป็นห่วง พี่วางล่ะ เดี๋ยวจะไปเข้าเวรแล้ว”
ปลายสายวางไปแล้ว แต่ผมยังคงกำโทรศัพท์ไว้แน่น ภาพรอยยิ้มของ “ใคร” บางคนยังคงอยู่อยู่บนหน้าจอของโทรศัพท์เหมือนกับที่ผ่านมาแต่มันต่างกันตรงที่ เมื่อก่อน เรายังอยู่ข้างๆกัน แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ทุกอย่างมันเป็นวามผิดของผม เอง เพราะผมเองที่ไม่เยใส่ใจเขา เพราะผมเองที่คิดเสมอว่า เมฆเป็นของตาย แต่ในวันที่ผมเสียเขาไป ผมถึงได้รู้ว่าที่จริงแล้ว “คนที่โง่ที่สุด คือตัวผมเอง” โง่ที่ไม่เคยรู้เลยว่ากำลังทำร้ายคนที่รัก มาตลอด
กว่าจะรู้ตัวมือเจ้ากรรมก็ดันกดเบอร์ที่ท่องขึ้นใจไปแล้ว แต่จะให้ตัดใจกดตัดสายผมก็ทำไม่ได้ …
“สวัสดีครับ” เสียงปลายสายตอบกลับมาแต่ว่ามันไม่ใช่เสียงของ คนที่ผมคิดถึง
“สวัสดีครับ ได้ยินไหมคุณ” เสียงนั้นยังคงเอ่ยถาม ผมได้แต่เงียบเพราะไม่กล้าพูดอะไร จริงๆคือมันพูดไม่ออกมากกว่า
“ใครโทรมาเหรอครับพี่ชิน” เสียงหนึ่งดังแทรกเข้ามา ยิ่งทำให้หัวใจผมเต้นแรง เป็นเสียงของเมฆ เสียงของคนที่ผมคิดถึงมาตลอด
“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันครับ โทรมาก็ไม่พูด โรคจิตหรือเปล่าก็ไม่รู้”
“ถ้างั้นก็วางๆ ไปเถอะ ผมหิวแล้วไปกินข้าวกันดีกว่านะๆๆๆ” เสียงนั้นเอ่ยอ้อนๆ ก่อนที่สัญญาณจะถูกตัดไป
“หึ” ผมยกยิ้มสมเพชให้ตัวเอง มันคงสายไปแล้วสินะ สายไปแล้วจริงๆ
จะมาคิดเสียใจตอนนี้มันคงสายเกินไป ในเมื่อวันนั้นเป็นผมเองที่ผลักไสเขาออกไปจากชีวิต เป็นคนที่เอ่ยปากขอเลิก แต่กลับเป็นเองที่ยังคิดถึงเขาตลอดเวลา กลับเป็นเองที่ตัดใจไม่ได้และเจ็บปวดกับการกระทำโง่ๆของตัวเอง
พี่คิดถึงเมฆนะ
คำสั้นๆที่ผมตัดสินใจส่งข้อความไปหาเขา แค่เพียงอยากบอกให้เขรารับรู้เท่านั้น อยากให้เขารู้ว่าตอนนี้ผมคิดถึงเขามากแค่ไหน
หากว่าย้อนเวลากลับไปได้ ผมคงเลิกที่จะทำดีกับเขา เลือกที่จะให้อภัยและปล่อยวางกับทุกสิ่ง แต่มันคงเป็นไปไม่ได้ นี่คงเป็นบทลงโทษของผมสินะ บทลงโทษของคนเลวๆที่ทำร้ายคนที่รักผมมากอย่างเมฆ
Rrrrrrrrrrrrr เสียงโทรศัพท์ ที่ดังขึ้นพร้อมกับเบอร์ที่โชว์หน้าเครื่องทำให้ผมใจเต้นไม่เป็นจังหวะ นานแค่ไหนแลล้วที่เบอร์นี้ไม่เคยโทรเข้ามา เบอร์ของเมฆ
“ฮัลโหล” ผมรับสาย ต้องใช้ความพยายามอย่างมากที่จะบังคับให้เสียงไม่สั่น
“พี่ต้องการอะไร” เสียงปลายสายตอบกลับมาด้วยความไม่พอใจ
“พี่ส่งข้อความมาทำไม จะเล่นตลกอะไรอีก” เขาถาม
“พี่ไม่ได้ต้องการอะไร พี่แค่อยาก บอกเมฆเท่านั้น” ผมตอบ
“เหอะ พี่จะมาบอกอะไรตอนนี้ ผมลืมมันไปหมดแล้ว พี่เองไม่ใช่เหรอที่เป็นคนผลักไสผมออกมาเพราะฉะนั้น ขอร้องเถอะ
เลิกตอแยกับผมสักที ผมรำคาญ”
ผมได้แต่นิ่งฟังและยกยิ้มสมเพชตัวเอง เมื่อก่อนคนที่พูดคำนั้นมักจะเป็นผมเสมอ แต่ตอนนี้พอเป็นคนฟังมันปวดใจชะมัดเลยนะ
“พี่เข้าใจครับ เอาเป็นว่าต่อไปนี้พี่จะไม่ตอแยเมฆอีก แต่พี่ขอถามอะไรเมฆสักอย่าได้ไหม”
“อะไร”
“เมฆสบายดีหรือเปล่า เขาดูแลเมฆดีใช่ไหม คนๆนั้นน่ะ”
“ผมสบายดีครับ พี่ชินเขาดูแลผมดีมาก ขอบคุณแล้วกันที่พี่ยังเป็นห่วง แต่อย่าลืมสัญญานะครับ เราสองคนจบกันไปแล้ว ผมไม่อยากให้อะไรๆมันค้างคา แค่นี้นะครับผมมีธุระ ”
“ครับ” ผมตอบก่อนที่สายจะตัดไปดีแล้วล่ะ ดีแล้วที่เขายังสบายดี ตั้งแต่นี้ต่อไปผมก็คงต้องทำใจสินะ ทำใจให้ชินกับชีวิตที่ไม่เขาอยู่ข้างๆอีกต่อไป
#######END#######
ลงพอเป็นพิธี ฮ่าๆๆ เอา SF ไปอ่านกันก่อนน้อ (เป็นตอนที่ บ้าบอมาก)
คึคึ คิดถึงทุกคนน๊า เอาเป็นว่าวันที่ 8 เจอกัน จิบิๆๆ
ส่วนพี่ชิน คนนี้ เป็นตัวละครที่เพิ่มขึ้นมา เขามีบทบาทในเรื่องนี้แน่นอน
แต่จะยังไง อุบ ไว้ก่อนเนาะ
