สวัสดีปีใหม่ค่ะ
ขอให้ทุกท่านแต่ความสุขความเจริญนะค่ะ
ปีใหม่ขอให้มีแต่สิ่งดีๆเข้ามในชีวิตค่ะ
ขอบคุณสำหรับปีที่ผ่านมานะค่ะ

วันนี้เอาตอนใหม่มารับปีใหม่ค่ะ
ตอนนี้จะมีสองตอนนะค่ะ
อ่านให้สนุกค่า
บทที่ 22 (1)
สวัสดีครับทุกคน...ผม...นายจอมราชัน สุทธิไพศาล บุตรชายคนโตของท่านจอมไตรและนางนวลอนงค์ สุทธิไพศาล มีน้องชายสี่คนครับ...ปัจจุบันดำรงตำแน่งรองประธานบริษัทแลนด์ พรอบพรอตี้ ครับ
ผมขอออกตัวก่อนเลยว่าผมเป็นคนพูดไม่เก่ง ไม่มีความเฮฮาเหมือนเจ้าเวทย์เท่าไร เพราะฉะนั้นถ้าผมพูดอะไรแข็งๆทื่อๆไปบ้างอย่าได้โกรธเคืองนะครับ
ผมรู้ว่าทุกๆคนอยากให้ผมออกมาแถลงไขเรื่องราวยุ่งๆในช่วงนี้ของผม ผมรู้ครับว่าทุกคนกังวลเรื่องของผม ผมมีทั้งเรื่องที่บริษัทแต่ตื้นลึกหนาบางแค่ไหนผมคงไม่ได้เพราะว่ามันเป็นความลับทางบริษัทที่ไม่สามารถเปิดเผยได้ครับ
ส่วนอีกเรื่องก็คือเรื่องที่ยังคงติดใจกันมาตลอดว่าทำไมผมถึงทำตัวไม่เป็นสุภาพบุรุษกับผู้หญิงคนนั้นที่เคยได้ชื่อว่า...”เพื่อน” แต่ถ้าเป็นเมื่อก่อนอาจจะบอกได้ว่ามันเป็นความสัมพันธ์ที่เกินกว่าเพื่อนก็ได้ครับ แต่พอมีเรื่องนั้นเกิดขึ้นมา...ผมคนนี้แหละที่เป็นคนตัดความสัมพันธ์จากนั้นเป็นต้นมา
วันนี้ผมก็อยากจะมาบอกให้ทุกคนได้รู้ถึงอดีตเรื่องนั้นกันครับ
หากจะเล่ามันก็ต้องย้อนไปเมื่อสิบสองปีที่แล้ว สมัยผมยังเป็นนิสิตชั้นปีที่สาม
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
สมันนั้นผมยังคงเป็นนิสิตของมหาวิทยาลัยรัฐชื่อดังใจกลางกรุงเทพฯ ผมเรียนอยู่คณะบริหารชั้นปีที่สาม
ชีวิตผมก็มีแค่เรื่องเรียน มีเที่ยวเล่นบ้างตามประสา แต่ด้วยความเป็นลูกชายคนโตสุดของบ้านทำให้พ่อแม่คาดหวังกับผมไว้ค่อนข้างสูง มันเลยเป็นการบ่มนิสัยเคร่งขรึม การวางตัวที่ดี เพื่อจะได้มาสืบทอดกิจการอสังหาริมทรัพท์ของครอบครัว ซึ่งไม่มีปัญหาใดสำหรับผมเพราะผมค่อนข้างจะชอบการบริหารมานานแล้ว และเนื่องด้วยความเป็นพี่ใหญ่ของน้องๆ ผมต้องมีความเป็นผู้นำและค่อนข้างเด็ดขาดเพื่อที่จะสามารถดูแลน้องๆได้
บางคนอาจจะมองผมแก่เกินวัยแต่บอกตรงนี้เลยไม่แก่เกินแกงแน่นอนครับ!!!
ผม ชิน และจักรเราสามคนเป็นเพื่อนซี้ปึกปักกันครับ ไปไหนไปด้วย ทุกคนในขณะเลยคิดว่าพวกผมเล่นสามพีกันครับ แต่แบบ...แค่คิดก็สยองแล้วครับ
ผมไม่มีแฟน ไม่มีใครเป็นตัวเป็นตน ไม่ใช่ว่าผมตายด้านอะไรนะครับเพียงแค่ยังไม่เจอคนที่ใช่ครับ ไม่อยากคบกันแบบชุ่ยๆคบแล้วเลิก ฟันแล้วทิ้งอย่างนี้ผมไม่ชอบครับ อย่างไรผู้หญิงคือเพศแม่เราควรให้เกียรติครับ
เรื่องของผมและผู้หญิงคนนั้นมันก็เกิดช่วงเวลานี้แหละเมื่อ...การรับน้องใหม่ของคณะผมมาถึง...
ผมจำได้ว่าคณะของผมมีการรับน้องใหม่ในวันหนึ่ง ผมซึ่งเป็นพี่ปีสามแล้วก็ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรมาก ยกหน้า ที่ทั้งหมดให้
น้องปีสองดูแล เราก็แค่ดูน้องๆอยู่ห่างๆ
พวกเรามารวมกันที่ใต้ตึกคณะ โดยน้องๆปีหนึ่งนั่งเรียงแถวกันและมีป้ายห้อยคอ ปีสองก็จะคอยเปิดกิจกรรม ทั้งร้องเพลง เต้น และอื่นๆ ผมก็นั่งดูอย่างขำๆครับ เมื่อสองปีก่อนตอนเราเข้ามาเป็นเฟรชชี่พี่ๆเขาก็แกล้งเรา พอเราขึ้นปีสองเราก็แกล้งน้องต่อ มันเหมือนเป็นวงจรชีวิตเด็กมหาลัยมากๆเลยครับ
“เอาละครับน้องๆ หลังจากเราไร้สาระมากันนานแล้วนะครับ เรามามีสาระกันสักนิดดีกว่า” น้องปีสองที่ชื่อโอ ถ้าผมจำไม่ผิดตะโกนใส่ไมค์ด้วยความตลก น้องๆก็ขำครับ “เราจะขอเชิญพี่ปีสามมาให้โอวาท ให้ข้อคิดน้องๆสักหน่อยนะครับ” เจ้าตัวพูดเหมือนแบบอธิบดีคณะจะมาเลยครับ เป็นงานเป็นการมากๆ
น้องๆก็มองไปรอบๆเหมือนกับมองหาว่าใครจะมาพูด ผมก็ไม่ได้อะไรเพราะคิดว่าคงมีเพื่อนผมบางคนคงจะขึ้นไปพูด นั่งมองไปเรื่อยๆแต่แบบเริ่มรู้สึกขนลุกยังไงไม่รู้ครับ สายตาแปลกของพวกปีสองและเพื่อนผมมันเพ่งมาที่ผม
แล้วไอ้โอมันก็พูดกรอกลงไมค์ครับ “งั้นเรามาพบกับพี่ปีสามที่เขาว่ากันว่าหล่อที่สุดในคณะ พ่วงด้วยตำแหน่งผู้สละสิทธิ์เดือนบริหารอย่างเป็นทางการ” พูดแค่นี้เขาก็รู้กันทั้งบางแล้วครับ “เชิญพี่จอมราชันเลยครับ” นั่นไง!!!
ทำไมถึงรู้หรือครับ...เพราะผมเป็นคนที่สละสิทธิ์การเป็นเดือนของบริหารเพราะว่าผมไม่ได้อยากเป็นเลยต้องเลือกคนอื่นมาเป็นแทนครับ ความจริงผมก็ไม่ได้คิดว่าผมหล่ออะไรมากมาย แต่มีคนชอบบอกว่าผมหล่อ หน้าตาดี คือความจริงมันก็เป็นแค่ส่วนเดียวครับ อีกส่วนก็คือถ้าเรารู้จักดูแลตัวเอง มีสุขภาพที่ดี เป็นคนดี สุภาพ ผมคดว่าใครๆก็หล่อได้ครับ!!!
เสียงปรบมือเสียงโห่จากน้องทำให้ผมต้องยืนขึ้นอย่างเสียไม่ได้
“ว้าววว หล่อจังเลย” เสียงซุบซิบที่ดันมาเข้าหูผม ผมเลยยิ้มแบบเขินๆ
“เอาละครับ ผมจะส่งต่อไมค์ให้พี่จอมราชันละครับ” ไอ้น้องจอมแสบมันทำหน้ากวนๆแล้วส่งไมค์ให้ผม อยากจะเอาไมค์เคาะหัวมันจริงๆครับ แต่ต้องทำตัวเป็นตัวอย่างที่ดีต่อหน้าน้องๆก่อน
“สวัสดีครับ” ผมกรอกเสียงลงไปในไมค์ น้องๆส่งเสียงมาให้ผมเหมือนเป็นดาราอย่างไรอย่างนั้น “พี่ชื่อจอมราชันนะครับ” ผมแนะนำตัวเองไป “อยู่ปีสามครับ ความจริงพี่พูดไม่ค่อยเก่ง เอาเป็นว่าพี่ก็ยินดีต้อนรับน้องๆทุกคนนะครับ ขอให้เราทั้งหมดรักกัน ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน สามัคคีกันนะครับ ขอบคุณครับ” ผมยิ้มนิดปิดท้าย
น้องๆทั้งชายและหญิงรับคำกันแข็งขันคนแก่ๆอย่างผมก็ดีใจครับ
ผมส่งไมค์กลับไปให้น้องปีสองคนเดิมมาทำหน้าที่ต่อไป
จนเย็นๆเราถึงจะปล่อยน้องๆกลับบ้านครับ พวกผมในฐานะพี่ๆก็ต้องอยู่รอจนน้องๆกลับ เราถึงจะเก็บกวาดข้าวของแล้วค่อยกลับ
ผมเดินออกมาเอารถกับพวกไอ้ชินครับ พอแต่ละคนขึ้นรถเราก็แยกย้าย ผมก็ขับมาเรื่อยจะออกจากมหาลัย
เอี๊ยด!!
ผมเบรกรถสุดโต่งเลยครับเมื่อเห็นร่างคนๆหนึ่งกำลังล้มลงตรงริมฟุตบาทครับ แถมล้มลงมากลางถนนด้วย ดีนะว่าผมขับช้าๆไม่รีบเท่าไร
ผมรีบเปิดประตูลงไปดูใกล้...
เป็นผู้หญิงร่างสมส่วนหน้าตาซีดเซียวนอนอยู่ครับ
“คุณๆ” ผมช้อนหัวเธอมาวางบนตักแล้วเขย่าๆ ผมไม่อยากฉวยโอกาสปลดกระดุมหรือเข็ขัดเพราะยังไงเธอก้เป็นผู้หญิง พี่ยามหน้าประตูวิ่งมาดู
“เกิดอะไรครับ” เขาถาม ผมเลยตอบ
“คุณๆคนนี้เขาเป็นลมล้มลงมากลางถนนครับ” ผมบอก แต่ผมไม่มีแกระทั่งยาดมจะช่วยเธอ “พี่มียาดมไหมครับ”
“มีๆ น้องพาคนเป็นลมมานั่งก่อนมา” พี่แกกลับไปลากเก้าอี้พลาสติกของแกมา ผมพยุงร่างเธอวางนั่งแล้วใหเธอพิงกับบั้นเอวของผม เอามือพัดๆให้
พี่ยามกลับมาอีกทีพร้อมยาดม ผมเอามาอังตรงจมูก
สักพักผมก็เห็นการเคลื่อนไหวของเธอ...
เขาผงกหัวขึ้นมามองผม สีหน้าดีขึ้น
“เอ่อ...ฉัน...” เสียงหวานๆที่เปล่งออกมาแหบเล็กน้อย
“คุณเป็นลมนะ ล้มลงมาที่ถนน” ผมเฉลย
เธอดันตัวเองให้ตั้งตรงแล้วหันมาคุยกับผม “ขอบคุณนะค่ะเอ่อ...”
“จอมราชันครับ” ผมบอกชื่อตัว
“อ้อ...ใช่พี่ปีสามที่ออกมาพูดหรือเปล่าค่ะ” เธอถาม
ผมพยักหน้า “น้องอยู่บริหารหรือครับ”
“ค่ะ”
“แหมน้องในคณะนี่เอง”
“ค่ะ ขอบคุณพี่มากๆเลยนะค่ะ” เธอก้มหน้าให้ผม แล้วหันไปขอบคุณพี่ยามด้วย
ผมยิ้ม “ไม่เป็นไรพี่น้องกัน” ใช่ครับรุ่นพี่รุ่นน้องคณะเดียวกันมีอะไรก็ช่วยเหลือกันครับ “แล้วน้องชื่ออะไร” ผมถามกลับ
“ชื่อพลอยคะ!!!”
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“ขอบคุณที่มาส่งค่ะ” รุ่นน้องของผมที่ชื่อพลอยที่ผมเจอเธอเดินเป็นลม ผมเลยอาสามาส่งเธอที่บ้านครับเนื่องจากเป็นทางผ่านกลับบ้านของผม ตอนแรกเธอก็ทำท่าเกรงใจผมแต่ว่าช่วงเวลาเย็นๆกับรถติดๆทำให้พลอยตัดสินใจได้ไม่ยาก
“ไม่เป็นไร” ผมส่ายหน้า บ้านของพลอยนั้นเป็นแมนชั่นกลางเก่ากลางใหม่ หลังจากล่ำลาผมก็ขับรถกลับบ้าน
และหลังจากที่ผมไปส่งเธอที่บ้านวันนั้น...ผมก็ยังไปส่งเธออีกหลายครั้งเพราะเรามีกิจกรรมรับน้องอยู่บ่อยครั้งจนใครๆหลายคนสังเกตเห็น
คนที่ใจกล้าเดินเข้ามาถามผมคนแรกคือ...ไอ้ชินเพื่อนปากดี...
“ไอ้ราชันฉันถามอะไรอย่างดิ แกมีอะไรๆกับน้องพลอยหรือเปล่าวะ” มันกระซิบเคร่งเครียดจนผมงง
“พลอย?” อย่าหาว่าผมโง่อะไรนะครับ แต่ประชากรของผู้หญิงไทยนั้นมีชื่อเล่นว่าพลอยร้อยละแปดสิบครับ แค่เฉพาะในคณะผมก็ปาไปหลายสิบคนแล้วครับ
“อย่ามาทำอึนก็น้องพลอยปีหนึ่งที่มีข่าวลือกับมึงอยู่ไง” อ้อ เข้าใจแล้ว ช่วงนี้ผมได้ยินข่าวลือประหลาดๆว่าผมกับเธอคบกันอยู่ ซึ่งความจริงผมไม่ได้คิดอะไรมากเพราะผมคิดกับเธอแค่รุ่นพี่รุ่นน้องและไม่เคยมีอะไรเกินเลยกว่านั้น
ผมยังคงทำตัวเหมือนเดิมไม่ได้ทำตัวให้อีกฝ่ายรู้สึกว่าเราให้ความหวังอะไรนอกจากความเป็นเพื่อนรุ่นพี่รุ่นน้อง ผมก็ทำตามปกติ...เรื่อยๆจนผม...ผ่านพ้นนิสิตปีสามมาเป็นนิสิตชั้นปีสุดท้ายของคณะ
ผมจำได้ว่าวันนั้นเป็นวันธรรมดาปกติอย่างทุกวันแต่ที่ไม่เหมือนเดิมคือ...
“แกก็เข้าไปสิ จะเขินอะไรหนักหนา” เสียงรบเร้าดังไม่ใกล้ไม่ไกกลจากที่ผมนั่งมากหนัก
“แกอย่าดันสิ อย่าเพิ่งขอทำใจก่อน” อีกเสียงหนึ่งค้านขึ้นมาและมันก็เป็นเสียงที่ผมคุ้นพอสมควร พอหันไปก็เจอกับหญิงสามสองคนในชุดนิสิตที่กำลังยืนซุบซิบอะไรกันสักอย่าง พอทั้งสองคนเห็นผมก็สะดุ้ง ก่อนที่คนหนึ่งจะดันหลังอีกคนมาใกล้ผมแล้วเอ่ย
“พี่จอมราชันค่ะ พลอยเขามีอะไรจะพูดด้วยค่ะ” พูดเสร็จก็รีบหันหลังกลับเดินไป ทิ้งให้เพื่อนอีกคนยืนก้มหน้าพร้อมกับกอดของในมือแน่น
ผมก็ไม่ได้ซื่อบื้อจนไม่รู้ว่าทั้งสองคนมีจุดประสงค์อะไรแต่ผมก็ไม่ใช่คนที่จะหักหน้าใครทั้งนั้นจึงเอ่ยถามอย่างเรียบๆ “มีธุระอะไรกับพี่หรือ?”
พลอยเงยหน้าขึ้นมามองผม ใบหน้าของเธอขึ้นสีจางเรื่อๆ ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นคงตกหลุมรักเธอได้ไม่ยากซึ่งผมก็ไม่เถียงว่าเธอน่ารักจริงๆ แต่ก็นั่นแหละ...ผมเห็นเธอเป็นรุ่นน้องที่น่ารักดีเท่านั้น
“ค...คือ...พลอยลองทำบราวนี่มานะค่ะ เลยอยากให้พี่ราชันชิมหน่อยนะค่ะ” เธอยื่นกล่องเล็กสีแดงอมชมพูขนาดไม่ใหญ่มากมาให้ผม
ผมยืนนิ่งครู่หนึ่ง “คือ...พี่ขอบใจมากสำหรับขนม” เอื้อมมือไปรับมา
บอกตามตรงผมพอจะรู้จุดประสงค์ของเธอแต่ผมก็ไม่อยากให้คนทำเสียความรู้สึก ในเมื่อเธอเป็นรุ่นน้องและผมเป็นรุ่นพี่ เรายังคงต้องเจอกันไปอีกสักพัก และที่สำคัญ!!...คือเธอยังไม่ได้ทำอะไรให้ผมลำบากใจอะไร ตัวผมก็แค่รับขนมธรรมดาจากรุ่นน้องคนหนึ่งก็เท่านั้น ซึ่งผมก็พอมีรุ่นน้องหรือรุ่นพี่ผู้หญิงหลายคนทำแบบนี้ให้แต่ผมแค่รับไว้เป็นมารยาทตามปกติ
“พลอยหวังว่าพี่จะชอบนะค่ะ” เธอสำทับมาอีกรอบ
ผมพยักหน้าเล็กน้อยก่อนขอตัวเลี่ยงออกมา
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หลังจากนั้นพลอยก็แวะเวียนเอาขนมหรือของเล็กๆน้อยๆหลายอย่างมาฝากผมตามโอกาสทุกครั้งไป วันนี้ก็เหมือนกัน พลอยมารอผมที่หน้าห้องเลคเชอร์เช่นเคย
“พี่จอมราชันค่ะ” หญิงสาวเรียกผม
“ว้าวๆๆ วันนี้มีอะไรมาฝากพ่อราชันผู้ยิ่งใหญ่ของเราอีกละเนี่ย” ชินกฤตเอ่ยแซวขำทำเอารุ่นน้องหญิงเขินเล็กๆ จนสายตาคมต้องปรามเพื่อนตัวดีกลายๆ
“คือพลอยไปเที่ยวตลาดน้ำเลยซื้อขนมมาฝากพี่ๆค่ะ” เสียงใสๆเอ่ยบอก โดยยื่นขนมไปให้พวกเพื่อนๆของผมด้วยและของผมอีกถุงหนึ่ง ผมเห็นลางๆเดาว่าน่าจะเป็นพวกขนมไทย
“ขอบใจนะ” ผมยังคงรู้สึกขอบใจที่น้องเขาเอาขนมนมเนยมาให้ ผมเองก็ไม่ได้เอาไปกินเองทุกครั้งหรอกครับบางครั้งก็แบ่งๆเพื่อนกิน บางครั้งก็เอาไปแบ่งน้องๆ
“อ...เอ่อ...คือพลอยอยากขอคุยกับพี่ราชันหน่อยได้ไหมค่ะ” พลอยเอ่ยบอก ทำเอาเพื่อนๆผมค่อยเงียบลง
“อืม...ได้สิ” พอผมบอก เธอเงยหน้ามามองผมอย่างดีใจ ส่วนเพื่อนๆคนอื่นก็รู้หน้าที่เดินเลี่ยงออกไปก่อน
ผมเดินนำหญิงสาวมาอีกทางก่อนจะหยุด
“มีธุระอะไรกับพี่หรือ?” ผมเอ่ยถามแม้ในใจลึกๆพอจะเดาออกว่าเธอจะมาพูดเรื่องอะไร
“ค...คือ...พลอยจะบอว่า...” เงียบนิดหนึ่ง “พลอยชอบพี่นะค่ะ”
หลังจากคำสารภาพออกมา เจ้าตัวก็หน้าแดงเรื่อ ส่วนผมก็เงียบไปนิดหน่อย
“อืม...พี่ขอบใจมากที่น้องมีความรู้สึกดีๆให้พี่ แต่...” คนเราเวลามีคนมารักมาชอบก็รู้สึกยินดีมากกว่ามีคนมาเกลียดนะครับ ผมก็ว่าน้องเขาก็ดีนะครับ แต่ผมยังไม่มีความคิดจะคบใครเท่าไรในช่วงนี้ และผมยังเห็นน้องเขาเป็นรุ่นน้องที่น่ารักคนหนึ่งเท่านั้น
“คือ...พี่อย่าเพิ่งปฏิเสธพลอยเลยได้ไหมค่ะ คือพลอยอยากให้พี่ลองเปิดใจให้พลอยก่อนได้ไหมค่ะ” เสียงใสๆนั่นเอ่ยบอก เสียงเธอสั่นนิดๆ
ผมขมวดคิ้วเล็กน้อย “พลอยหมายความว่า...”
“คือ...พลอยอยากแค่ให้เราสองคนลองศึกษากันดูเท่านั้น ไม่ได้รีบหรือเร่งรัดให้พี่ตอบรับพลอย”
ผมขยับตัวอย่างอึดอัดนิดหน่อย อีกฝ่ายสบตาผมอย่างอ้อนวอน “คือพี่ก็ไม่ได้ไม่ชอบพลอยหรอกนะ แต่คือว่า...”
“นะค่ะ ถ้าสุดท้ายแล้วพี่จอมราชันไม่ได้ชอบพลอยเลย พลอยจะไม่มาวุ่นวายกับพี่แน่นอนค่ะ”
เธอยืนยัน ซึ่งผมก็เห็นความตั้งใจและความรู้สึกของเธอ ในที่สุดผมจึงตกลง
“งั้นพี่ตกลงครับ”
หลังจากที่ผมตอบรับเธอไปวันนั้น ชีวิตผมก็มีหญิงสาวเข้ามาป้วนเปี้ยนในชีวิตอยู่เสมอ ช่วงแรกผมก็อึดอัดบ้างเล็กน้อยเพราะอย่างที่รู้กันผมค่อนข้างเงียบๆ ออกแนวมีโลกส่วนตัวสูงนิดหน่อย ไม่ค่อยมีใครเข้ามายุ่มย่ามในชีวิตผมสักเท่าไรยกเว้นคนในครอบครัวและเพื่อนสนิทเท่านั้น แต่ตอนนี้มีพลอยเพิ่มเข้ามาอีกหนึ่งคน
ผมและเธอต้องปรับตัวอะไรหลายๆอย่างๆ บางครั้งผมก็รู้สึกว่าผมยังไม่พร้อมจะมีใครเข้ามาเพราะผมยังมีความสุขดีกับการไปเรียนหนังสือ กลับบ้านไปดูน้องชายเป็นพี่ใหญ่ที่ดีของบ้าน ไม่ได้เดือดร้อนว่าจะต้องใครสักมาดูแลเคียงข้าง เพราะผมยังสนุกอยู่กับการให้คำปรึกษาน้องๆทั้งหลายในเรื่องต่างๆและคอยดูแลเจ้าลูกหมูตัวน้อยๆของผมที่กำลังน่ารักน่าชังและแสบซนจนน่าฟัดเป็นที่สุด จนเมื่อพลอยเข้ามา ผมรู้ว่าต่อไปนี้ตัวผมต้องเปิดรับเธอเข้ามามากขึ้น พลอยไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร เธอเป็นผู้หญิงที่น่ารักร่าเริงแจ่มใส สมกับวัยของเธอ ใจผมเริ่มเปิดและให้โอกาสเธอมากขึ้น
จากแค่...เป็นคนที่ศึกษากัน...เราขยับขึ้นมาเป็นคนรู้ใจ...คนสำคัญ...และตอนนี้ผมพร้อมแล้วที่จะเปิดรับเธอเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตผม
เรื่องของเราสองคนกระจายเป็นวงกว้าง ผมไม่ได้คิดจะปิดอะไร ส่วนพลอยก็ยินดีให้คนอื่นได้รับรู้
จากรุ่นพี่...มาเป็น...พี่จอมราชัน...พี่ราชัน...และในที่สุด...มันก็กลายมาเป็นราชัน
ชื่อที่มีแต่คนใกล้ตัวเท่านั้นที่ผมยอมให้เรียก
เวลาผ่านพ้นไป ผมจบการศึกษาปริญญาตรีจากคณะบริหาร และเข้าทำงานกับบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ถามว่าทำไมผมถึงไม่ไปทำงานในบริษัทของครอบครัวทั้งๆที่ผมเป็นทายาทอยู่แล้วนั่นก็เพราะพ่อผมอยากให้ผมได้มีโอกาสฝึกฝนและหาประการณ์ในการทำงานก่อน เพื่อให้ผมได้เจอสิ่งต่างๆและเรียนรู้ ผมก็ไม่ได้ขัดข้องแถมยังยินดีถีบตัวเองมาเป็นลูกจ้างคนอื่นอีกด้วย
ส่วนพลอย แม้ว่าผมจะมารู้ทีหลังว่าเธออายุเท่าผมแต่หากเธอเรียนช้ากว่าผมสองปีตอนนี้เธอเลยอยู่ชั้นปีที่สามกำลังเรียนและกำลังจะเริ่มฝึกงานไปด้วย แม้ว่าเวลาที่เราได้เจอกันลดลงแต่เราก็ยังคงโทรคุยกันเป็นบางครั้งและหาโอกาสไปเที่ยวกันเวลาว่างๆ
ผมบอกได้เลยว่าช่วงเวลาที่คบกับเธอนั่นก็ถือว่ามีความสุขครับ เราก็มีทะเลาะกันบ้างตามประสาคู่รักทั่วไปแต่ไม่นานเราก็กลับมาคืนดีกันได้ อาจจะเป็นเพราะพลอยไม่ใช่คนที่เข้าใจอะไรยากมากนัก เราเลยไปด้วยกันได้ อาจพูดได้เลยว่าผมคบกับเธอได้ยาวกว่าคนอื่นๆที่เคยผ่านมา
“ราชันค่ะ วันนี้มารับพลอยที่ห้าง...หน่อยได้ไหมค่ะ” พลอยกรอกเสียงผ่านเครื่องมือสื่อสารที่ผมกดรับ ผมคาดว่าเธอคงกำลังเดินชอปปิ้งอยู่เพราะเสียงจอแจดังมาไม่ขาดสาย
“ได้สิ” ผมตอบรับเธอ “วันนี้คุณแม่อยากให้พลอยไปทานข้าวเย็นที่บ้าน สะดวกไหม?” ผมเอ่ยถามต่อ เมื่อเช้าแม่ผมบอกว่าวันนี้ให้พาหญิงสาวไปทานข้าวที่บ้านหากเธอว่าง
“ได้ค่ะ” อีกฝ่ายโอเค
สำหรับครอบครัวของผมทุกคนเข้าใจและยินดีต้อนรับพลอย ผมจำได้ว่าผมพาเธอไปที่บ้านผมหลังจากเราเริ่มคบกันอย่างจริงจัง คุณพ่อคุณแม่ก็ยิ้มรับไม่ได้ว่าอะไร ส่วนพวกน้องชายจอมทโมนก็มีแซวบ้างตามประสาวัยคะนอง เอาเป็นว่าทุกคนในบ้านโอเคกับเธอ หากแต่...
...ยกเว้นคนหนึ่ง...
...เจ้าลูกหมูน้อยของผม...
ผมยังจำมันได้ดีเลยทีเดียว ยามดวงตากลมโตจ้องมองผมอย่างงอง้ำ ริมฝีปากเล็กเบ้ออก แก้มกลมใสพองลมออกอย่างน่ารักน่าฟัดให้แก้มยุบ
...อาการงอนขั้นสูงสุดของเจ้าตัว...
...ด้วยเหตุผลว่า...
...หวงพี่ชาย...
TBC.
ตอนหน้าเจอกันค่า