บทที่53 วันเบาๆ
“ขับรถดีๆล่ะ แล้วก็ตั้งใจเรียน หยุดยาวก็รีบกลับหาแม่บ้าง”แม่ที่ยืนลูบหน้าลูบตาผมพูดส่งท้าย
“ครับ แม่อย่าทำหน้าแบบนั้นดิ โหกรุงเทพแค่นี้เอง2ชั่วโมงก็ถึง”อันนี้คนที่บ้านอยู่ตัวเมือลพบุรีน่าจะรู้ดีนะ
“ไม่ต้องห่วงครับ ผมจะดูแลอย่างดีครับแม่”ผมหันควับไปมองมันอย่างไวเลย แหม สนิทปากเร็วเนอะมึง
“จ๊ะ ฝากด้วยนะเก้าแม่มีลูกคนเดียว” ไม่อยากจะบอกแต่แม่ฝากปลาแซลมอลไว้กับแมวแล้วครับ
“โอ๋กันเข้าไป”พ่อที่ยืนอยู่ใกล้ๆแม่เริ่มเรียกร้องความสนใจ จริงๆทุกครั้งที่ผมกลับมาบ้านก็จะเป็นอย่างนี้แหละ ทำฟอมร์
“พ่อไปแล้วนะครับ”ผมรีบเข้าไปกอดพ่อ อ้อนก่อนเดี๋ยวไม่ได้ทิป555(- -‘)
“ไม่ต้องเลยมึง ไปกอดผัวมึงโน้น”พ่อผลักหัวผมออกเบาๆแต่ผมก็ขืนตัวกอดพ่อไว้”ส่วนเอ็ง อย่าให้ข้ารู้ว่าทำลูกข้ามีรอยขีดขวน ข้าเลี้ยงของข้ามากับมือยุงไม่เคยให้ไตร่ไลไม่เคยให้ตอม” ไอ้เก้าหน้าตึงไปพักนึงเลยครับ ก่อนจะส่งยิ้มให้พ่อ
“โหพ่อ มันนะต่อยผมตั้งแต่วันแรกที่เจอเลย” ผมผละออกจากพ่อรีบฟ้องเลยครับ ไอ้เก้านี่หน้าเสียเลย หมั้นไส้มัน เป็นไงล่ะลูกเขยดีเด่น5555
“มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ”อยากจะฟ้องต่ออีกว่ามันนี่แหละที่ทำให้ลูกพ่อเกือบฆ่าตัวตาย แต่ก็นะเดี๋ยวมันจะเรื่องใหญ่
“อย่าให้ข้ารู้อีกเป็นครั้งที่สองนะเอ็ง ไม่งั้นข้านี่แหละจะไปเป่าหัวเอ็งด้วยตัวเองเลยล่ะ”พ่อชี้หน้ามันคาดโทษก่อนที่จะหันหลังเดินขึ้นบ้านไปแล้ว
ผมกอดแม่อีกทีแล้วก็ไหว้ท่านก่อนที่จะขึ้นรถและออกจากบ้านมา
ไม่ว่าจะกี่ครั้งๆที่กลับมาที่บ้านแล้ว ต้องกลับไปกรุงเทพต่อผมก็อดใจหายไม่ได้ทุกทีเลยซิน่า ทั้งๆที่ก็รู้ว่าเส้นทางแค่นี้ แต่ก็ไม่อยากอยู่ห่างท่านเลย ผมรักพ่อกับแม่มาก ยอมรับเลยว่ามากกว่าไอ้เก้าด้วย เพราะผมรู้ดี ว่าจะอีก10ปีหรือ100ปีคน2คนที่จะรักเราตลอดไปคือใคร
“ร้องไห้เลยหรอ”แม่ออกมายืนหน้าบ้านผมก็มองทางหลังรถจนพ้นออกจากซอย
“เปล่าซะหน่อย แค่ใจหาย”การที่ต้องอยู่ห่างคนที่ตัวเองรัก เป็นใครใครก็ต้องใจหายเพราะเราจะไม่รู้เลยว่าช่วงเวลากี่เดือนกี่วันหรือกี่นาที คนที่เรารักทำอะไรเป็นอะไรหรือแม้กระทั่งยังปลอดภัยดีหรือเปล่า นั้นแหละที่ทำให้เรารู้สึกใจหาย จะว่าไปคำว่าใจหายนี่มันก็เป็นคนพูดที่สื่อได้ดีทีเดียว คนที่เรารักก็เปรียบเสมือนหัวใจของเรา และการที่เราต้องอยู่ห่างจากใจเรา มันก็เท่ากับใจเราหายไป ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้หายไปในแบบที่ไม่มีวันได้คืนก็ตาม แต่การที่เราไม่ได้เฝ้ามองหรืออยู่กับใจเราตลอดเวลานั้นมันก็เหมือนกับหัวใจเราหายไป แต่ถึงอย่างนั้นผมก็อุ่นใจ เพราะผมเชื่อว่าผมจะต้องได้เจอกับใจผมอีกครั้งแน่นนอน
“มาทุกเดือนซิ”ไอ้เก้าที่หยิบแว่นกันแดดมาใส่ พูดขึ้นพร้อมกับหันมามองที่ผมแว่บนึงก่อนที่จะกลับไปมองถนนต่อ
“ได้หรอ”จริงๆใจผมอยากทำให้ได้แบบนั้นทุกเดือนแหละครับ แต่เพราะผมไม่มีรถ จะขี่มอไซด์กลับก็คงไม่ไหว
“แค่สองชั่วโมงจากรุงเทพ จากบ้านกูไปโรงเรียนบ้างวันแม่งยังนานกว่านั้นเลย”ก็จริงครับ เท่าที่มันเล่าให้ผมฟังคือบ้างมันอยู่แถวบางนาครับ เพราะที่กว้างแล้วก็ไม่แออัดซึ่งก็เหมาะกับคุณชายแบบมันนั้นแหละ
“สัญญา”ผมยื่นนิ้วก้อยไปตรงหน้าหล่อที่ดั่งโด่งเป็นสัน พอสวมแว่นแบบนี้ยิ่งทำให้มันสันจมูกดูโดดเด่นเข้าไปอีก
ริมฝีปากสีส้มอ่อนๆหยักยิ้มก่อนที่จะยื่นนิ้วมาเกี่ยวก่อนที่จะกลับไปจับพวงมาลัยเหมือนเดิม
“ปัญญาอ่าน”มันพูดก่อนที่จะเอามือที่เพิ่งละจากนิ้วผมเมื่อกี้มาขยี้หัวผมเล่น
“ตรงไหน ใครๆเขาก็ทำกัน”ผมบ่นปากยื่น
“หึหึหึ”ไอ้เก้าแค่หัวเราะผมในคอก่อนที่จะตั้งหน้าตั้งตาขับรถต่อ
“พี่อ่ะ ไม่คิดถึงพ่อแม่บ้างหรอ”พ่อแม่ไอ้เก้าอยู่นิวยอกทั้งคู่ครับเห็นว่าดูแลธุรกิจที่โน้น เพราะแบบนี้ไงครับมันถึงหมกตัวอยู่บ้านผมได้ทั้งวันทั้งคืนเป็นเดือนๆ
“กูชินแล้ว ตั้งแต่กู7ขวบพวกเขาก็ไม่อยู่แล้ว จะเจอได้ก็ต่อเมื่อธุรกิจที่ไทยมีปัญหา หรือไม่ก็กูต้องบินไปหาเอง”ผมไม่เห็นแว่วตาที่มันกำลังพูดถึงประโยคนี้ แต่น้ำเสียงมันกลับพูดเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา
“แต่แม่ก็โทรหาตลอด”มันพูดก่อนที่จะหันมายิ้มบางๆให้ผม
“แล้วพี่อยู่กับคนเดียวในบ้านหลังใหญ่ขนาดนั้นเลยอ่ะนะ”
“กูอยู่กับพี่กู”เฮ้ย เดี๋ยวนะมันอยู่กับพี่หรอ แม่งมันไม่ใช่ลูกคนเดียวหรอว่ะ
“มีพี่ด้วย?”ไม่เห็นเคยรู้เลยอ่ะ
“อ้าวกูยังไม่ได้บอกหรอ”
“ไม่เลย”ผมส่ายหน้ารัวๆ
“ก็นะมี2คนกูคนสุดท้อง”
“ผู้หญิงผู้ชายอ่ะ แล้วชื่ออะไรเป็นคนแบบไหนแต่งงานยังหรือเรียนอยู่หรือ”
“พอ กูจำคำถามไม่ทันแล้ว”มันพูดขำๆ
“เร็วๆอย่าลีลา”มันเป็นแบบนี้ตลอดอ่ะ มันนะต้องรู้เรื่องของผมทุกอย่าง ไม่ว่าจะอะไรมันก็รู้หมดทุกเรื่องเลยที่เกี่ยวกับผม กลับกันผมนี่ซิแทบไม่รู้เรื่องอะไรของมันเลย ทั้งๆที่มันก็พูดตลอดเวลาว่าเมียอย่างโน้นเมียอย่างนี้ แล้วเมีย เฮ้ยไม่ใช่ สามีที่ไหนเขาไม่รู้เรื่องภรรยาตัวเองบ้างฟระ
“คนโตชื่อไนน ส่วนอีกคนเป็นชื่อจิ่ว พี่ไนนเป็นผู้ชาย ส่วนยัยจิ่วเป็นผู้หญิง พี่ไนนยังไม่ได้แต่งงานเป็นประธานบริษัทที่เมืองไทย ส่วนจิ่วเรียนปริญญาโทอยู่ที่ฝรั่งเศส”
“โห เก่งๆกันทั้งนั้นเลยเนอะสองนี้อ่ะ”ไม่หน้าเชื่อครับว่าหัวหน้าแก็งนักเลงอย่างไอ้เก้าจะมีพี่น้องที่ดูดีขนาดนี้
“กูก็เก่ง”น้ำเสียงนี่งอลมาเลย
“ครับๆๆ”แค่ผ่านบททดสอบพ่อได้ทุกอย่างขนาดนั้น กูว่ามึงก็ยอดมนุษย์แล้ว แต่เป็นยอดมนุษย์พวกเรื่องพิสดารนะ
“ทำไมพี่เรียนช่างอ่ะ ดูพวกพี่ๆก็แบบเรียนอะไรที่ดูฉลาดๆทั้งนั้นเลย”
“นี่มึงว่ากูโง่หรอ”หันมาด่าอย่างไว
“เปล่าถ้าพี่โง่นะผมก็ควายดีๆนี่แหละ”คนห่าอะไร ทำได้ทุกอย่างตั้งแต่ยืนรอพระหลายชั่วโมงยันปีนต้นมะพร้าว ไม่เข้าเรียนแต่แม่งก็ติดท็อปทุกวิชา แล้วเสือกหล่ออีกตังหาก”คือแบบเรียนอะไรที่ดูมีความรู้แบบพวกปริญาอะไรแบบนี้อ่ะ ไม่รู้จะอธิบายยังไงว่ะ แม่ง”
“ก็พี่กชายคนโตแม่งเรียนบริหาร ส่วนคนกลางเรียนการตลาด กูก็เรียนเกี่ยวกับผลิตภัทของบริษัทไง”มันเลี้ยวรถเข้าปั๊มครับ
“ผลิตภัท บ้านพี่เปิดอู้หรอ”
“นี่แนะ อู้บ้าพ่อมึงเปิดแล้วต้องมีประธานบริษัทหรือไง นำเข้ารถยนต์โว้ย พวก บีเอ็ม เบนซ์ ออดิส จากัว เฟอเรอรี่งี้อ่ะ”มันตีหัวผมเสียงดังบึกเลยครับ
“เฮ้ย!ที่คันล่ะเป็น10ๆล้านอ่ะนะ”ตกใจครับ ถ้าแม่งนำเข้าขนาดนั้นบ้านมันคงไม่รวย แต่เป็นโคตรรวยแทนแน่นเลย
“เออ นี่มึงไม่เคยได้ยินนามสกุลกูเลยหรือไงวงค์สานุวงค์ อ่ะ”จะว่าไปก็เหมือนจะคุ้นๆแต่นึกไม่ออกว่ะ
“ดังขนาดนั้นเลย”ผมหันไปทำหน้าประมาณแบบเวอร์อะไรแบบนี้อ่ะ
“บ้านกูรวยติด1ใน50ของคนที่รวยที่สุดของเอเชีย”เท่านั้นแหละผมหันไปอ้าปากหวอเลย
ผมรีบวิ่งตามไอ้เก้าที่ลงมาแผ่รัศมีความหล่อเจิดจรัสท่ามกลางฟูงชนที่พากันหันมามองเป็นตาเดียวเกือบทั่วทั้งปั๊ม
“เฮ้ยจริงดิ”ยังไม่จบครับผม
“อืม ไม่เชื่อมึงก็ไปหาในกูเกิ้ลดูดิ”มันพูดเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรก่อนที่จะเดินเข้าร้านเจฟฟี่ไปหน้าตาเฉย
“ถ้าผมจับพี่เรียกค่าถ่าย ผมจะได้สักเท่าไหร่อ่ะ”
“กูให้สินสอดมึงมากกว่าที่มึงจะได้จากพ่อแม่กู2เท่าเลย”มันหันมายิ้มให้ผมแล้วเดินหยินเลอเปงลงตะกร้า
“ผมไม่เอาหรอก”ผมก็เดินเลือกขนมตาม มันหยุดเดินแล้วหันมามองหน้าผม
“ทำไม”
“ต่อให้พี่มีเงินล้นฟ้าผมก็ไม่เอาหรอก ผมหาเองได้”ใช่แล้ว ถึงบ้านผมจะไม่รวยเท่ามันแต่เท่าที่พ่อมาหาไว้ให้ทั้งชาติผมก็มีกินได้อย่างสบายๆโดยที่ไม่ต้องทำอะไรเลยก็ได้ แต่ถึงแบบนั้นผมก็ไม่เคยคิดจะพึ่งใครไปตลอดชีวิตของผมหรอก สักวันหนึ่งผมจะต้องทำงานแล้วส่งเงินเลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่ให้ได้ค่อยดู
“หึหึหึ กูชอบมึงก็ตรงนี้แหละ ใจดี ไม่เคยเกลียดใคร ให้อภัยได้เสอม และไม่เห็นแก่ตัว”เฮ้ยแม่งถ้าพูดขนาดนี้เรารีบกลับห้องเลยดีกว่า555 ไม่ใช่ล่ะ
“ไม่ต้องชม ใครๆเขาก็พูดว่าผมเป็นคนดีมีน้ำใจ ชินแล้ว”ผมเก็กหน้าแบบไม่สนใจก่อนที่จะเดินไปหยิบมาลีในตู้เย็น
“มึงนี่นะ”มันพูดก่อนจะส่ายหัวแล้วเดินถือตะกร้าหนีผมเลย
สรุปแล้วเราก็ได้ของกินมามหาศาล เล่นเอาคนที่ต่อคิวคิดเงินหลังพวกเรามองแบบเคืองๆเลยอ่ะ เยอะมากเพราะกะว่าจะเอาไปกินที่ห้องด้วย ไม่อยากจะบอกพนักงานนี่นะมองไอ้เก้าน้ำลายหกเลยครับ ยิ้มปากแทบจะฉีก ไอ้นี่ก็ยิ้มจังไม่รู้อะไรหนักหนาแล้วพอเราวนไปเติมน้ำมันผมยื่นตังค์ให้เด็กปั๊มมันก็หาว่าผมมองเด็กปั๊ม ( ถ้ากูไม่มองกูจะส่งเงินให้เขายังไงฟระ)ก็เถียงกันพักใหญ่เลยครับ แล้วหลังจากนั้นก็แวะกันตลอดทางเจอตลาด เจอที่ขายข้าวแกงใหญ่ที่จะมีพวกของฝากอะไรแบบนี้ก็แวะตลอดทางจากปกติ2ชั่วโมงกว่าๆก็ถึง กลายเป็น เกือบ4ชั่วโมงกว่าจะถึง ก็นะครับก็กลับถึงก็โทรหาแม่ว่าถึงแล้ว จากนั้นก็พากันอานน้ำแล้วก็มานั่งรับผิดชอบของกินที่ซื้อมามหาศาล เยอะจริงๆครับ หมดไปกับของกินประมาณ5พันได้ ทั้งๆที่ของพวกนี้แพงสุดต่อชิ้นก็ไม่ถึง200อ่ะ
“กินพวกนี้ก่อนดิเดี๋ยวเสีย”ผมบอกพร้อมนั่งแยกของที่ซื้อมาเต็มพื้นห้องเลยอ่ะ ตู้เย็นกูจะใส่หมดไหมเนี่ย
“อยากกินกุนเชียงทอด”มันบอกแล้วก็รื้อๆของในถุงออกมากอง
“ไว้กินวันหลังดิ เดี๋ยวพวกของสดเสีย อ่ะ กินไส้กรอกก่อน เดี๋ยวแยกเสร็จค่อยกินข้าว”ผมส่งถุงใส้กรอกให้ ไส้กรอกนะครับไม่ใช่ฮอตด็อก ไส้กรอกที่มีข้าวมีวุ้นเส้นอยู่ข้างในอ่ะ(จริงจังกับเรื่องไส้กรอกมาก=_=) ซื้อมา40บาทลูกละบาทรวมทั้งหมด40ลูก โคตรเยอะ ให้มันกินก่อน
นี่เพราะซื้อต่างจังหวัดนะถึงได้ราคานี้ ถ้าแถวหอผมล่ะก็8ลูก20แถมลูกเล็กมาก เอาเป็นว่าช่างเรื่องไส้กรอกมันเหอะ
ก็ปล่อยให้ไอ้เก้ามันนั่งกินไป ผมก็รื้อขนมถุงไปไว้บนหลังตูเย็นของไหนควรแช่ก็แช่อะที่ต้องกินเลยก็แยกไว้ ส่วนไอ้เก้าก็ออกไปเช่าหนังครับ พอมันกลับมาผมก็เตียมของกินเสร็จพอดี
หลังจากนี้จะเป็นชีวิตเรื่อยเปื่อยของผมกับไอ้เก้า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเนื้อเรื่อง ไม่ต้องอ่านก็ได้ครับ5555
“ได้อะไรมามั้งอ่ะ”ผมก็ปีนขึ้นไปบนเตียงดูถุงซีดีเช่าหนังที่ไอ้เก้าเอามา
“ดูพี่มากกัน”มันก็หยิบซองซีดีสีขาวที่บนขอบซองเขียนว่ามีมากพะขโนง
“ไม่เอา ไปดูมาแล้ว”ไปดูมาครับ ทุกคนไปดูมายัง
“กูยังไม่ได้ดู”
“ดูอันนี้เหอะ แล้วเดี๋ยวค่อยดูพี่มากที่หลัง”ผมหยิบซอง G.I.JO ขึ้นมาแล้วตรงไปเอาแผ่นเข้าเครื่องเล่น
“เอาขึ้นมากินข้างบนดิ”มันนั่งอยู่บนเตียง ส่วนผมนั่งอยู่ที่พื้นหน้าทีวีเอาหลังพิงเตียงอีกที
“ไม่เอาเดี๋ยวหก ลงมากินข้างล่าง”ผมว่าแล้วเอื้อมมือไปด้านหลังแล้วดึงกางเกงบอลมัน
“เออๆ”แล้วมันก็ลงกินข้างล่างเก็นั่งกินไปดูไปไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไหร่สักพักผมอิ่มครับก็เลยปีนขึ้นไปบนเตียงไปนอนดู ไอ้เก้าก็นั่งกินโน้นนี่ของมันไป
ทั้งๆที่หนังสนุกแต่ผมก็ยังหลับได้ ตื่นขึ้นมาอีกทีก็เห็นไอ้เก้านอนกอดผมอยู่แล้ว ได้ยินเสียงทีวี แสดงว่าแม่งนอนให้หนังดูกันทั้งคู่
จะว่าไปไอ้เก้านี่มันหล่อหน้าดูเลยนะครับ จมูกโด่งเป็นสัน หน้าเรียวคางแหลม ปากหยักบางสีส้มๆ หน้าก็เนียใส พูดไปแล้วก็อดคิดไม่ได้ว่า หน้าแบบนี้มันดูเหมือนพวกเด็กช่างตรงไหน(ไม่ดูตัวเอง)
“ลักหลับหรอ”อยู่ๆแม่งก็ลืมตาขึ้นมา ผมนี้สะดุ้งเลยครับ
“ตลกแล้วระดับนี้ไม่ต้องลักหรอกจะทำก็ทำให้เห็นเลย555”ผมก็เอามือจิ้มตามหน้ามันไปทั่ว พออยู่ใกล้กันแบบนี้รู้สึกมีความสุขสุดๆ ไม่ต้องรีบไปไหน ไม่มีอะไรให้ทำ ไม่มีใครอื่น มีแค่ผมกับมันสองคน ในห้องแคบๆกับเตียงเล็กๆ ใครจะไปคิดล่ะครับ ว่าแค่การได้นอนกอดใครสักคนในวันธรรมดา ไม่มีอะไรพิเศษ ทุกอย่างเหมือนวันอื่น ไม่มีเรื่องให้ตื่นเต้น ไม่มีอะไรเลย ก็แค่นอนกอดแล้วมองตากัน แค่นั้นเองก็รู้สึกเหมือนกับความสุขมันมีมากจนล้นออกมาจากตัวเลย
“ผมโคตรรักพี่เลยว่ะ”ก็เพาะความสุขมันมีมากไปก็เลยล้นออกมา
“อืม”สั้นๆง่ายๆ แต่ผมก็ได้ใจความ
“พูดดิ๊”
“พูดอะไร”
“พูดว่าพี่รักผม”ผมบอกแล้วก็ยิ้มตายี๋
“กูรักมึง”เฮ้ยทำไมง่ายจังว่ะ ที่จริงผมอยากเห็นสีหน้าเวลามันเขินมากกว่าเลยพูดออกไปแบบนั้น แต่ใครจะไปคิดล่ะว่ามันจะพูดอกมาหน้าตาเฉยแบบนี้อ่ะ
กำ แทนที่จะเห็นมันเขินตัวเองเขินเอง
“ใจเต้นใหญ่เลย”มันว่า
“บ้า”คำด่ามันดูแอ็บแบ๋วไปหน่อย แต่ผมก็นึกอะไรไม่ออกแล้วอ่ะ ยิ่งเขินๆอยู่มันก็ดันมาแกล้งล้อผมอีก
“ไม่ใช่ กูหมายถึงของกู เต้นโคตรเร็วเลย”อ๊ากกกกกกกก บอกผมมาซิว่าผมยังสามารถเขินกว่านี้ได้อีกไหม
“ไอ้บ้า”ทำไมกูดูตุ๊ดจังว่ะ
“อาทิตย์นี้ ไปบ้านกูไหม”
“ไปทำไมอ่ะ”มันเคยพาผมไปบ้านมันหลายครั้งแล้วแต่ก็ไม่มีอะไรพิเศษแค่ไปเอาของโน้นนี่นั้น ผมก็รออยู่แต่ในรถ แปปเดียวก็กลับ
“พ่อแม่กูจะมา”มันพูดหน้าตาเฉย แต่ผมนี่ลุกพรวดเลยคับ
“เฮ้ยไปทำไมอ่ะ”กลัวครับ ถึงแม่มันจู้เรื่องของผมกับมันบ้างแล้ว แต่ก็ไม่รู้แม่มันจริงจังแค่ไหน แต่พ่อนี่ซิไอ้เก้ามันเคยบอกว่าพ่อมันเป็นคนเข้มงวดมาก ถ้าผลการเรียนตกนิดเดียวจะต้องไปนั่งฟังพ่อมันเทศเกือบ3ชั่วโมง เฉพาะแค่เรื่องเรียนนะ ยังไม่โยงไปเองอื่นอีก
“ก็ไปไหว้ไง ทีกูยังไปหาพ่อแม่มึงเลย”
“มันไม่เหมือนกันอ่ะ”เอาไงดีจากตอนแรกมีความสุขจนล้นแต่ตอนนี้ความเครียดมันล้นยิ่งกว่าครับ
“เอาน่า เดี๋ยวถึงวันค่อยคิดอีกที นอน”แล้วมันก็เอาแขนเกี่ยวคอผมลงไปนอนกอดเหมือนเดิม แถมยังนอนยิ้มสบายใจ แต่ผมหรอครับ เครียดโคตรๆๆ
TBC
ด้วยความที่เรารักคนอ่านมากก็เลยรีบมาต่อให้5555
เรื่องเมียเก็บ มันก็สมควรแกเวลสลงแล้วเหมือนกันนะ
แต่ก็รอไปก่อน
จิงเเล้วอ่านคอมเม้นมีแต่คนเรียกเราว่าคนเขียนที่จริงเรียกชื่อดีกว่านะมันจะได้ไม่ห่างเหิน
แต่ก็บอกชื่อจริงไม่ได้ เพราะเามีเพื่อนที่อ่านในเล้านี้ด้วยอ่ะ ไม่อยากเปิดเผยตัวตนเดี๋ยวมันรู้
งั้น ก็ช่างมันเถอะ ไปล่ะ