Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!  (อ่าน 419425 ครั้ง)

zeazaiz

  • บุคคลทั่วไป
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 22 - 23/02/13)
«ตอบ #240 เมื่อ24-02-2013 13:06:48 »

เฮ้ย   แอม  แม่ง

ออฟไลน์ pooinfinity

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +140/-3
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 22 - 23/02/13)
«ตอบ #241 เมื่อ24-02-2013 13:52:30 »

ขอด่าเลยนะค่ะ

ไอ้เหี้ยแอม ไอ้ชาติหมา

ด่าแบบตรงตัว ไม่มีการวิบัติทั้งสิ้น
คนเหี้ยๆแบบนี้ อาศัยความเมาแล้วทำตามใจตัวเองแบบนี้
ด่าว่าหมา ยังไม่สาสมเลยมั้ง ทำลายความไว้วางใจคนอื่น
ทำร้ายความรักของคนอื่น ทำแบบนี้ไม่เรียกว่ารักแล้วล่ะ ไอ้คนเห็นแก่ตัว

ออฟไลน์ takara

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +379/-13
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 22 - 23/02/13)
«ตอบ #242 เมื่อ24-02-2013 14:49:19 »

แอมทำรัยเนี้ย เกิดรัยขึ้นกะเจม

ออฟไลน์ Mengjie_JJ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 22 - 23/02/13)
«ตอบ #243 เมื่อ25-02-2013 01:49:32 »

 :z6: :z6: :z6: :z6: :z6:

ถ้าแอมทำเจมจริงๆ มันจะเป็นคนที่เหี้ยมากกก

อย่าเป็นเพื่อนคนแบบนี้อีกเลยดีกว่า

ให้พี่หนึ่งเอาคนมารุมโทรมแอม แล้วฆ่าทิ้งหมกป่าแม่งเลย

ถ้าทำจริงๆแล้วทีนี้จะยังไงต่อละ

เจมต้องรู้สึกผิดกับพี่หนึ่งมากๆแน่เลย

สงสารพี่หนึ่งด้วย ฮื่อออ

ออฟไลน์ AeRoMoZa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 432
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 22 - 23/02/13)
«ตอบ #244 เมื่อ25-02-2013 15:48:56 »

วิ่งมารออ่านอย่างมีความหวัง ช่วงนี้หยุดยาวนี่นา...

ออฟไลน์ kajidrid

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 191
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +249/-3
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 23.1 - 25/02/13)
«ตอบ #245 เมื่อ25-02-2013 19:03:40 »

Hear, Me

=======
If I could, I would
======



ตอนที่ 23.1



ผมนั่งขดตัวกอดเข่าอยู่บนเตียง ตรงโต๊ะสำหรับวางคอมพิวเตอร์มีข้าวต้มที่ทอนความร้อนลงไปมากแล้ว น้ำเปล่า และยาแก้แพ้

ผื่นแดงจ้ำตามตัวและดวงตาที่บวมช้ำบอกผลของการกินเหล้าไม่เลือกยี่ห้อได้ดี แต่รอยดูดกัดที่ซอกคอ ตามหน้าอก หลัง บั้นเอว หน้าขา บอกถึงผลของการไว้เนื้อเชื่อใจคนมากเกินไปของตัวผมได้ดีกว่ามาก

“เจม กินหน่อยเถอะ แล้วกินยา” เสียงไอ้แอมยังคงดังมาจากหน้าประตูห้อง ผมชำเลืองมองเพียงดวงตาแล้วก็หลุบตาต่ำมองตีนตัวเองเหมือนเดิม

กระพริบตาทีน้ำตาก็ร่วงที ทำไมผมต้องมาเจอเรื่องอะไรแบบนี้ด้วย
ผมไปทำอะไรใครไว้หรอ? ผมเคยไปก่อกรรมทำเข็ญกับลูกหลานใครไว้รึไง?
ทำไมต้องส่งไอ้เหี้ยแอมมาเจอผม มารักผม แล้วมาทำแบบนี้กับผม

ทำไมเมื่อคืนผมต้องกินเหล้าเป็นพายุ ทำไมไม่พยายามคลานไปนอนในห้อง ทำไมอยู่ใกล้ไอ้แอม ทำไมไว้ใจมัน ทำไมถึงคิดว่ามันไม่มีทางทำเรื่องบัดซบกับผมได้ ทำไมถึงได้คิดว่าคำว่ารักของมัน มีคำว่าหวังดีต่อท้าย

“เจม กินข้าวต้มรึยัง? กินยาแก้แพ้ด้วยนะ”
“เจม ได้ยินรึเปล่าเจม”
“พูดกับกูหน่อยเถอะเจม กูขอโทษ กูขอโทษจริงๆ”

ผมลองเหลียวมองไปนอกหน้าต่าง ฟ้าใสเหมือนเดิม คำขอโทษของมันไม่ได้ย้อนเวลาให้หวนคืนแล้วให้เราแก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้น
คำขอโทษของมันไม่มีประโยชน์อะไรเลย

“เจม แอมขอโทษ”
“ขอโทษจริงๆ” เสียงมันสั่นเครือ คงเสียใจจริงๆ ผมก็เสียใจจริงๆ ไม่อย่างนั้นน้ำตาผมคงไม่ร่วงหยดแล้วหยดเล่าแบบนี้

ความรักที่สวยงาม สะอาด บริสุทธิ์ มันหมดจากโลกไปแล้วหรือไง ผมไม่มีสิทธิ์ได้พบเจอรักแบบนั้นแล้วใช่มั้ย
ผมถอนหายใจแล้วเงยหน้ามองประตูบานที่ปิดสนิท และไม่ปิดจะเดินไปเปิดมันออกเพื่อให้โลกหาผมเจอ
ผมกวาดสายตามองข้าวต้ม กับยาแก้แพ้ มองรอยแดงจ้ำๆ บนตัว รอยผื่นจากอาการแพ้ ถ้าไม่ว่ายังไงผมก็ต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป ผมก็ต้องรักษาตัวเองก่อน ผมต้องรักษาตัวเองให้รอดปลอดภัยก่อน แล้วค่อยคิดว่าผมจะทำยังไงกับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว แม้จะเกิดจากความผิดพลาดก็ตาม

ผมลุกไปตักข้าวต้มเข้าปาก รสชาติแม่งห่วยแตกเหมือนส้มตำกับลาบเมื่อคืนนั่นแหล่ะ ผิดแผกไปที่ ต่อจากของคาวแล้ว มันจัดยาให้ผม ไม่ใช่เหล้าที่เข้าปากแล้วมอมเมาผมอย่างเอาเป็นเอาตาย

พอยาเข้าปากแล้วผมก็ยกถาดอาหารไปยังบานประตู เปิดประตูแล้วยื่นทุกสิ่งทุกอย่างที่มันจัดหามาให้คืนไปจนหมด

“เป็นไงมั่ง ปวดหัวอะไรมั้ย? แล้วผื่นที่ขึ้นล่ะ”

“กูแพ้เหล้า แค่นั้น”

“เจม คุยกันเหอะ”

“ไม่มีอะไรจะพูด...กับมึง” ผมไม่มองหน้ามันแม้แต่วินาทีเดียว สิ่งเดียวบนตัวมันที่ผมเห็นก็คือเสื้อตัวที่มันสวมใส่เท่านั้น

“กูขอโทษ” มันรีบพูดก่อนที่ผมจะปิดประตูลงอีกรอบ ไอ้แอมจับข้อมือผมไว้ มันไม่ออกแรงบีบให้ผมรู้สึกเจ็บ แต่ผมก็รู้สึกร้าวลึกลงไปอยู่ดี

มึงทำร้ายกู
มีงทำร้ายกู!!
ในหัวผมมีแต่คำนี้ยามที่มันจับตัวผม ผมรังเกียจสิ่งที่เกิดขึ้น!

ผมไม่ได้รังเกียจมัน ไม่ได้เกลียดมัน แต่ผมโกรธมันมากที่เป็นตัวแปรสำคัญในการสร้างสิ่งน่ารังเกียจให้เกิดขึ้น และผมก็โกรธตัวเองด้วยเหมือนกัน

ทำไมผมต้องเมา ทำไมต้องไร้สติจนปัดป้องสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้ ทำไม!

“กูไม่มีอะไรจะพูด”

“แต่กูต้องพูด”
“เจม กูขอโทษ กูขอโทษ” ไอ้แอมพูดซ้ำๆ มันวางถอดอาหารลงข้างตีนแล้วก็ดึงตัวผมออกจากห้องไปกอดไว้ มันลูบหลังผมเบาๆ คงต้องการปลอบใจ

เหี้ย! มันไม่ได้ผลไง
สิ่งที่มึงทำ มันไม่ถูกลบไปเพียงเพราะมึงกอดกูไว้แล้วปลอบกู แล้วพูดว่าขอโทษ
และมันก็ไม่จบเพียงเพราะมึงจะพูดคำว่ามึงจะรับผิดชอบการกระทำของมึง

“กูจะรับผิดชอบ”

“กูไม่ให้มึงรับผิดชอบ”
“ไอ้เหี้ย! กูไม่ท้อง ประเด็นไม่ใช่ว่ามึงต้องรับผิดชอบหรือไม่รับผิดชอบตัวกู สำคัญคือมึงรับผิดชอบสิ่งทึ่มึงทำได้รึเปล่า”

“กูจะรับผิดชอบอยู่นี่ไง มึงจะให้กูทำยังไงมึงถึงจะหายโกรธ”

“มึงทำอะไรไม่ได้หรอกแอม”
“ไม่มีทางที่กูจะหายโกรธ กูจะจำเรื่องวันนี้ได้จนตาย มึงดีใจมั้ยไอ้เหี้ย กูจะจำเรื่องเมื่อคืนจนวันตาย!”

เป็นครั้งแรกที่ผมเงยหน้ามองมัน สบตากับมัน
ใจผมไหววูบเมื่อเห็นริ้วความผิดในลูกตามัน ไอ้แอมตาแดงก่ำ จมูกก็แดง ปากช้ำและเป็นแผลแตก มือมันที่จับข้อมือผมไว้เต็มไปด้วยพลาสเตอร์

“กูไม่ดีใจมึงก็รู้”
“มึงรู้สึกแย่แค่ไหน กูก็รู้สึกแย่กว่าที่ทำร้ายมึงแบบนั้น”
“ถ้ากูยั้งใจตัวเองซักนิด ความรู้สึกเกลียดของมึงคงไม่มากขนาดนี้”
“กูขอโทษ”
“กูขอโทษจริงๆ”

“............”

“แล้วกับคุณหนึ่ง กูจะขอโทษเขาด้วยตัวเอง”

“มึงหยุดเลยแอม มึงหยุดแส่เข้ามาในชีวิตกูซักที”
“มึงจะช่วยยังไงหรอ? มึงจะเดินไปบอกเขาว่าคุณคฤณครับ ผมขอโทษ ผมข่มขืนแฟนคุณ งี้หรอไอ้สัด!”

“กูจะบอกเขาว่ากูทำเองทั้งหมด กูทำร้ายมึง”
“เขาจะจับกูเข้าคุก หรือสั่งคนมาซ้อมกู มาฆ่ากูก็ทำเลย”

“คิดได้นะมึง มึงคิดได้เท่านี้หรอ?”
“มึงจะให้เรื่องมันไม่จบถึงโคตรเหง้าเลยใช่มั้ย?”
“ถ้าพี่หนึ่งรู้เรื่อง ถ้าเขาจะฆ่ามึง ถ้าเขาทำจริงๆ เขาก็มีคดี ต้องเป็นฆาตรกร ต้องอยู่กับความรู้สึกของคนใจเหี้ยมที่ฆ่าคนอื่นได้อย่างเลือดเย็น เขาก็จะเหี้ยเหมือนมึงไงแอม เพื่ออะไร เพื่ออะไร!!!”

“แล้วจะให้กูทำยังไงมึงถึงจะไม่เสียใจแบบนี้”

“เรื่องของกูเหอะ”
“กับมึง มันจบแล้ว”
“เอาเป็นว่ากูรู้แล้วว่ามึงขอโทษ มึงรู้สึกผิด มึงทำเพราะขาดสติ กูก็ไม่มีสติพอจะห้ามมึงเหมือนกัน”
“ให้มันจบไปเถอะ”

“เจม! แต่รักของกู รักที่กูบอกมึง”

“กูไม่สน เรื่องของมึง จัดการเอง”
“ได้ยินมั้ยว่ากูไม่สน ไม่ว่ามึงจะรู้สึกผิดระดับโลก ระดับจักรวาล จะไปแหกปากบอกไอ้เหี้ยไอ้ห่าที่ไหน หรือจะไปบวช ไปปฏิบัติธรรม ไปทำดีเพื่อโลกยิ่งใหญ่แค่ไหน สำหรับกูแล้ว มึงก็คือไอ้แอม เพื่อนกูที่ข่มขืนกูได้ลงคอ!”

ผมดึงข้อมือออกอย่างง่ายดาย สายตาผมที่จับจ้องตามันเริ่มฉ่ำน้ำขึ้นมาอีกรอบ มันจะดูออกมั้ยว่าผมไม่ได้เข้มแข็งอย่างที่พูดไปเมื่อกี้เลย

ถ้ามันตายผมจะเสียใจ
ถ้ามันไปทำตัวแย่ เหลวเป๋วให้เจ๊เอิงหรือแม่มันเป็นห่วงเป็นใย ผมก็เสียใจ
ถ้ามันไม่เป็นผู้เป็นคนอีกเลย ผมก็เสียใจอยู่ดี
ถ้ามันรักใครไม่เป็นอีก ปิดโอกาสตัวมันเองจากคนดีๆ ที่รักมันจริงจัง ผมก็เสียใจเหมือนกัน

มันยังเป็นเพื่อนผมเหมือนเดิม แต่ผมไม่สามารถแคร์มันได้เหมือนเมื่อก่อน ไม่สามารถหวังดีกับมันได้เหมือนเดิม
ผมให้ได้แค่ความเสียใจหากชีวิตมันต้องตกต่ำลงเหว และก็รู้สึกได้แค่ “อืม ก็ดีนี่” หากว่าชีวิตมันเลิศหรูอลังการเป็นเศรษฐีดูไบ

ผมให้มันได้แค่ สายตายามมองคนอื่นที่ไม่ได้อยู่ในสารระบบของผม



ไข้กินผมหนัก เพราะผมดื้อ ไม่กินยาแก้แพ้ ไม่กินข้าว ไม่อาบน้ำ ไม่ออกไปสูดอากาศ
ผมเอาแต่หวนนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นคืนนั้น

พอขอโทษผมตอนผมตื่น มันก็สารภาพว่าทำจริงๆ ทำด้วยความรู้สึกรักจริงๆ
มันไม่ยั้งใจเพราะรัก
มันทำร้ายผมเพราะความรัก

ตอนนี้ผมก็เกลียดและขยาดความรักเหลือเกิน

3 วันแล้วที่ผมป่วย ไอ้แอมจะหาอะไรให้กินตอนเช้า แล้วก็เอายามาให้ มันบอกว่าไปอธิบายอาการป่วยกับเภสัชมา ไม่ต้องห่วงว่าจะเอายามั่วๆ มาให้ ตอนเย็นมันก็จะกลับเข้ามาพร้อมกับทำมื้อเย็นให้ผมกิน

มันไม่เข้ามาในห้องผม มันจะหยุดอยู่แค่หน้าประตู แม้ว่าบางทีผมจะไม่ได้ล็อคห้อง และบางครั้งก็ไม่ได้ปิดประตูด้วยซ้ำ

ดีจริงที่มันรู้เส้นตัวเอง แต่คงดีกว่านี้ถ้ามันรู้เร็วกว่านี้อีกหน่อย


นายคฤณเมลล์หาผมเพิ่มขึ้นวันละหลายฉบับ แต่ผมตอบไปแต่วันละฉบับ
สไกป์มาก็ไม่ตอบรับ ผมทำเพียงแค่ส่งอีเมลล์ไปหาเขาในตอน 2 ทุ่ม บอกแค่ว่า “ขอโทษครับ เจมเหนื่อย”
บอกเท่านี้ ผมบอกเขาได้เท่านี้จริงๆ

ผมไม่รู้จะจัดการยังไงกับเรื่องนี้
ไม่รู้จะจัดการยังไงกับความรู้สึกรังเกียจตัวเองแบบนี้
แม้แต่ตัวผมเองผมยังรังเกียจ ไม่อยากดูแล ผมลดคุณค่าของร่างกายผมด้วยการไม่กินข้าว ไม่กินยา ไม่นอน นอนหลับไปแล้วก็ไม่ตื่นในเวลาที่สมควร
แล้วเขาล่ะ รังเกียจรึเปล่า?

ผมทำโทษตัวเองแบบนี้ สาสมกับการปล่อยสติให้หลุดลอยไปกับเหล้ารึยัง?
มันเพียงพอจนสามารถวิ่งไปซบอกเขา ฟ้องเขา แล้วให้เขาปลอบรึเปล่า?
ผมยังรัก ยังรับความรักจากคนที่ไม่ได้ทำผิดอะไรเลยอย่างนายคฤณได้อยู่มั้ย?


“เจม กินข้าวมั่งเถอะ กูขอร้อง” ไอ้แอมมาเรียกอยู่ที่หน้าประตูห้อง ผมนั่งกอดเข่าอยู่บนเตียงโดยหันหลังให้มันอยู่
“เจม”

“ได้ยินแล้ว”

“ได้ยินแล้วก็ลุกมากินดิ”

“ทำไมกูต้องลุกเมื่อมึงเรียก กูอยากกินเมื่อไหร่กูก็กินเอง”

“ทำไมมึงไม่ดูแลตัวเองวะ ห๊ะ!”

“บอกว่าเรื่องของกูไง!” ผมหันไปตวาด และนี่ก็เป็นครั้งแรกในรอบ 3-4 วันที่ไอ้แอมได้เห็นหน้าผมเต็มตา หน้ามันสลดลงอย่างเห็นได้ชัด จากนั้นก็ก้าวล่วงเข้ามาในห้องผมแล้วก็อุ้มผมพาดบ่าทันที

“ไอ้เหี้ย! ปล่อยกู กูบอกให้ปล่อยกูไง!!”
“เหี้ยแอม อย่ามาจับตัวกู อย่ามาจับ กูไม่ชอบ!” ผมร้องโวยวายแล้วก็ไอแค่กๆ เพราะแหกปากมากไป แล้วมันก็ปล่อยผมสมใจอยาก แต่ปล่อยในอ่างอาบน้ำในห้องมัน

“ไอ้แอม!!” ผมตวาดลั่นแล้วจะทะลึ่งพรวดยืนขึ้นแต่มันก็กดหัวกดบ่าผมไว้แล้วก็จัดการเปิดฝักบัวราดตัวผมทันที
“ไอ้เหี้ยแอม!!”

“สภาพมึงดูไม่ได้แบบนี้ ตัวก็ผอมแบบนี้ มึงจะสู้อะไรกูได้”
“มึงแพ้กูเจม มึงแพ้!”

“...........” พูดเหี้ยห่าอะไร! ผมมองมันตาขวาง

“มึงแพ้กูทุกอย่าง”
“กูเก่งกว่ามึงอีก สารรูปกูดูได้มากกว่ามึง กูทำกับข้าวให้คนที่กูรัก และคนที่กูทำร้ายทุกวัน มีดบาดมือกูทุกวัน มึงก็ไม่แดกสักวัน! แต่กูจะทำ มึงดู!” มันกางมือมันที่มีแต่แผลให้ผมดู แล้วไง! กูต้องกราบมึงหรอ? ต้องบูชามึงรึไง!
“กูรู้สึกผิดเต็มอกแต่กูจะสู้หน้า กูจะซ่อมจนกว่าเจมของกูจะเหมือนเดิม สดใสเหมือนเดิม”
“กูทำมึงเสีย กูทำความรู้สึกมึงหายไป กูจะเรียกคืนทุกทางที่กูจะทำได้ ทุกทางที่กูนึกออก”
“กูเกลียดตัวเองชิบหาย เกลียดมือตัวเองที่ลูบไล้มึง เกลียดปากตัวเองที่จูบมึง ตอนเยี่ยวกูก็เกลียดจู๋ตัวเอง!!”
“แต่กูก็จะอ้าปากกินข้าว จะได้มีเรี่ยวแรงพูดกับมึง ดูแลมึงเท่าที่มึงจะยอมให้ดูแล”

“แล้วมึงทำอะไรอยู่ มึงทำอะไรอยู่เจม!”

“แล้วกูทำอะไรได้ล่ะ! กูเสียหายไปแล้ว มึงทำกับกูแล้ว กูเป็นรอย กูช้ำ กูเป็นของคนอื่นแล้วกูทำอะไรได้อีก!”
“ไม่ให้กูเสียใจแล้วให้กูทำห่าอะไร! หัวเราะหรอวะ! หรือไปอวดใครดีกว่ากูเสียตัวให้ผู้ชาย 2 คน!!!”
“กูไม่ใช่เกย์! กูไม่พิศวาสผู้ชาย แต่มึงมารักกูเอง แล้วจะให้กูทำยังไง!!”
“กูรักพี่หนึ่ง กูยอมมีความสัมพันธ์กับเขาทั้งที่โลกบอกว่าไม่ใช่ของคู่กัน แล้วกูทำอะไรได้!”
“กูรักเขา กูรักของกูอยู่ดีๆ มึงก็มาข่มขืนกู!! ทำให้กูมีตำหนิ แล้วกูทำห่าอะไรได้นอกจากเสียใจ!”
“พี่หนึ่งเป็นใคร เขาเป็นคนดีแค่ไหนมึงรู้มั้ย? แล้วควรหรอที่กูจะรักเขาต่อไป ทั้งที่กูไม่เหลือเหี้ยอะไรดีแล้ว”
“กูสำส่อน!”

“มึงไม่ได้สำส่อนเจม มึงไม่ได้ทำอะไรผิดเลย!” ไอ้แอมลงมานั่งในอ่างเพื่อเปียกน้ำจากฝักบัวไปพร้อมๆ กับผม  มันดึงข้อมือผมไว้ทั้ง 2 ข้างแล้วยึดไปใกล้อก
“กูเป็นฝ่ายทำมึง กูเป็นฝ่ายทำ”
“กูผิดเองเจม กูผิดเองทั้งหมดเลย”
“กูขอโทษ กูขอโทษจริงๆ”
“มึงใช้ชีวิตมึงต่อไปสิ โยนความผิดมาให้กู”

“กูทำไม่ได้ กูไม่ทำ”
“มึงเป็นเพื่อนกูคนนึงเหมือนกัน!”
“เข้าใจมั้ยไอ้เหี้ยแอม! มึงเป็นเพื่อนกู เพื่อนกูที่ทำกับกูได้ลงคอ!”
“แต่กูจะทำไม่รู้ไม่ชี้แล้ววิ่งไปรักเขาเหมือนเดิมไม่ได้ กูหมดค่าแล้วแอม กูไม่คู่ควรกับเขา!”

“นี่มึงจะเลิกกับคุณหนึ่งหรอเจม”

“สมใจมึงรึเปล่าล่ะ รับเดนเขาได้มั้ย”
“มึงต้องรับได้สิ เขาดีกว่ามึงมาก คนที่ควรรับของเหลือเดนต้องไม่ใช่พี่หนึ่ง!” ผมมองมันแค้นๆ ครู่เดียวก็ปาดทั้งน้ำตาและน้ำจากฝักบัวทิ้ง ไอ้แอมถอนหายใจอย่างหมดปัญญาจะพูดกับผม มันเลยจับผมถอดเสื้อผ้าจนเหลือแค่กางเกงบ๊อกเซอร์ตัวเดียว

“สัดแอม! จะทำอะไรกู!” ผมขยับหนีแล้วเอาตีนยันตัวมันเอาไว้ มันส่ายหน้าแล้วก็บรรจงเทครีมอาบน้ำใส่มือ ถูๆ จนเกิดฟองแล้วลูบตัวผมเบาๆ

มันจับผมอาบน้ำ
ผมไม่รู้ว่าน้ำมือมันหนักเบาแค่ไหน แต่เห็นจากแผลตอนที่ทำอาหารคงไม่ใช่ประณีต แต่มันก็ไม่ทำให้ผมรู้สึกว่ามันลงมือหนักกับผมเลย

“เช็ดตัว” ผมสิ้นฤทธิ์แล้ว พอมันเรียก ผมก็ลุกขึ้นยืนให้มันเช็ดตัวง่ายๆ

“พันผ้าไว้แล้วดึงกางเกงมึงออกสิ”
“ใส่ชุดหนาๆ หน่อยนะ” ผมทำตามที่มันกำกับ ดูๆ ไปก็เหมือนมันกำลังเล่นตุ๊กตา

ยืนห่อตัวเองในห้องมันไม่นานก็มีผงแป้งมาโรยๆ ตัว ไอ้แอมลูบแป้งให้ทั่วหลัง ทั่วอกผม ทั้งที่มันข่มขืน แต่ผมกลับไม่นึกขยาดสัมผัสของมันในวันนี้ เพราะผมไม่รู้สึกถึงอารมณ์ใคร่ของมันเลย แม้แต่นิดเดียวก็ไม่มี

มันช่วยผมแต่งตัวจนมันมั่นใจว่าตัวผมปลอดภัยจากอากาศชื้นแน่แล้วก็ลากผมมาหน้าทีวี นั่งตรงโซฟาซึ่งใกล้กับที่เกิดเหตุ

“กินข้าวแล้วกินยานะ เดี๋ยวกูอุ่นให้”

“............”

“รับปากกูสิ”

“มันไม่ทำให้อะไรเปลี่ยนหรอก ยังไงๆ มึงก็คือคนที่ข่มขืนกู”

“กูไม่ได้ทำเพื่อเปลี่ยนเหตุ กูจะเดินหน้าต่อเพื่อเปลี่ยนผลลัพธ์ของมัน”
“เจม มึงเชื่อกูหน่อยเถอะ มึงมีความสุขต่อไปได้ มึงใช้ชีวิตต่อได้ ความผิดเป็นของกู กูจะจมอยู่กับสันดานเหี้ยๆ ของกูเอง มึงปล่อยวางสิ”

“.............”

“เวลาหมากัด ก็ตีหมา ทำแผล ไม่กี่เดือนแผลก็หายไป”
“คิดซะว่ากูก็แค่หมาบ้าตัวนึง นะเจม”

“มึงก็คิดง่าย”
“ถ้ากูไม่ได้มีคนรักของกูอยู่แล้ว กูคงคิดง่ายๆ แบบนั้นได้ แล้วก็เดินหน้าต่อไป ไม่ต้องคิดถึงเรื่องนี้อีก”
“แต่กูมีพี่หนึ่ง กูรักเขา รักเขาจริงๆ”
“เขาควรได้สิ่งดีๆ อย่างน้อยกูก็เคยคิดว่ากูคือสิ่งดีๆ ในชีวิตเขาอย่างนึง”
“แต่มึงก็ทำให้กูไม่ใช่”

“..............”
“กินข้าวแล้วกินยาเถอะ” มันตัดบทแล้วก็เดินเข้าครัวไปสร้างเสียงก๊องแก๊ง ครู่เดียวก็ออกมาพร้อมข้าวผัดไก่ใส่ไข่ มีแฮมโปะมาด้วย

“กินข้าว เอาเรี่ยวเอาแรงมึงกลับมาก่อน เชื่อกูเถอะ”


สุดท้าย มันก็ทำให้ผมยอมกินข้าวได้
ผมไม่ได้ทำเพื่อมันหรอก แต่ผมรู้ตัวแล้วว่าหิวมากจริงๆ ท้องร้องประจานตัวเองด้วย ห่า!




ผลของการไม่ติดต่อกับนายคฤณแบบเห็นหน้าตาหรือได้ฟังเสียงอาทิตย์กว่าๆ ทำให้ผมได้รับอีเมลล์ฉบับนึง จากคนเดิม เวลาเดิม

นายคฤณอีเมลล์มาแจ้งผมว่า “พี่ไปหานะ”

แค่นี้...จบแล้ว
มาหาเมื่อไหร่ อะไร ยังไงก็ไม่บอก
หัวใจผมเต้นรัวเร็วขึ้นมากกว่าวันก่อนๆ นายคฤณจะมา เขาจะมาหาผม
ผมต้องมีสภาพยังไงถึงจะดูปกติสุดล่ะ?

ผมคิดว่าเขาอาจจะมาหาอีก 2-3 วันจากนี้ งั้นก็เริ่มเก็บห้อง ทำความสะอาดบ้านตั้งแต่วันนี้ก็แล้วกัน ทำตัวให้สดใสเหมือนเดิม

ผมเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าหากพบเขาอีกครั้ง ได้ฟังเสียงเขาอีกที ผมจะร้องไห้หรือจะยิ้มให้เขากันแน่

ไอ้แอมเป็นคนแรกที่เห็นการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นของผม ก็แหงล่ะ อยู่กับมัน 2 คนนี่หว่า
เช้าวันนี้ มันเห็นผมแต่งตัวออกจากบ้านแต่เช้า มันก็ยืนขวางหน้าประตูแล้วถามอย่างห่วงใยว่า “เจมจะไปไหน กูไปเป็นเพื่อนมั้ย”

“ไปหาอะไรกิน แล้วก็ซื้อของเข้าบ้านนิดหน่อย อยู่นี่อีกเดือนกว่าเอง เออ ซื้อพวกอุปกรณ์แพ็คของด้วยก็ดี มึงจะเอาออะไรมั้ย?”

“มึงไปไหวแล้วหรอ? หายป่วยรึยัง”

“หายนานแล้ว”

“กูเห็นยังหงอยๆ อยู่เลย”

“อันนั้นกูไม่มีอารมณ์ทัศนาโลก ไม่เอาไรใช่ป่ะ”

“กลับดีๆ ล่ะ ไม่ไหวก็โทรเรียกกู”

“กูไมใช่ลูกเป็ดพิการ” ผมบอกหน้านิ่งแล้วเดินออกจากบ้านไป ใส่หมวก กางร่ม ห่มโค้ทเหมือนเดิม


โลกช่วยได้มากจริงๆ ยามที่จิตใจหม่นหมองและไม่มีแม่กับไอ้จิวอยู่ใกล้ๆ
แต่กรณีปัญหาของผมตอนนี้ คิดว่าไม่อยู่ใกล้ๆ แม่กับพี่จิวจะดีกว่า หาก 2 คนนั้นรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับผม ผมคิดว่าอิสรภาพของผมคงถูกริดรอนออกอย่างต่ำ 30% แม่น่ะไม่เท่าไหร่ คนที่จะทำให้เป็นเรื่องใหญ่ก็คือไอ้จิวนั่นแหล่ะ ดีไม่ดีมันอาจบังคับให้ไอ้แอมรับผิดชอบการกระทำด้วยการทำพินัยกรรมยกสมบัติที่มันพึงได้ในอนาคต และสินทรัพย์ที่มันหาเองได้ให้กับผม

ห่าพี่จิวฉลาดมากเรื่องสร้างความร่ำรวยให้ครอบครัว


ถึงร้านสะดวกซื้อ ผมก็เดินดุ่มๆ เข้าไป หาซื้อนั่นนี่ มองคนนั้นคนนี้ ซื้อกาแฟกิน แวะร้านผลไม้ใกล้ๆ ด้วย แล้วก็โฉบเข้าร้านเบเกอรี่หอมๆ อีกเป็นของแถมให้ตัวเอง

โผล่หน้าออกจากร้านอีกทีก็มีแดดออก ผมเก็บร่มแล้วก็เดินเอื่อยเฉื่อยมาจนถึงสวนสาธารณะใกล้บ้าน นั่งหย่อนเข่าพักสมองอยู่คนเดียวเงียบๆ

ผมยิ้มออกแล้ว พอผ่อนคลายใจตัวเอง ผมก็ยิ้มได้ สิ่งมีชีวิตที่ทำให้ผมยิ้มออกก็คือนกฝูงใหญ่ๆ ที่แม่งบินขึ้นโฉบลงแล้วเหยียบหัวกันเอง ตลกดีเหมือนกัน

ใกล้เที่ยง ผมก็พาตัวเองกลับบ้าน
เปิดประตูมาจึงได้ยินเสียงอะไรดังจากในครัว แต่รองเท้าไอ้แอมไม่อยู่ อื่ออ ใครวะ?

“แอม!” ผมส่งเสียงเรียก แต่ไอ้แอมไม่ตอบ งั้นมันก็ไม่อยู่จริงๆ สินะ แล้วใครอยู่ในบ้านนี้กับกูวะ?
ผมวางของทุกอย่างแล้วสาวเท้าไปในครัว ร่มยังถือคามืออยู่ กะไว้ว่าถ้าเป็นโจรขโมยซอสแม็กกี้นี่กูตีหัวเบะจริงๆ ด้วย

“เฮ้ย!” ผมตะคอกขู่  คนในครัวหันแล้วแล้วยิ้มให้พลางเรียกผมที่ยืนตัวชากลายเป็นผู้ชายโดนผีเมดูซ่าสาปเอา

“พะ...พี่หนึ่ง!”

“ทำไมทำหน้าแบบนั้น ไม่ดีใจหรอที่พี่มาหา”

“ก็...ก็ดีใจ แต่ว่า พี่หนึ่งเพิ่งเมลล์บอกเจมเมื่อคืนไม่ใช่หรอ?”

“อืม แผนเซอร์ไพรส์ไง” แผน? กูไม่อยากได้เซอร์ไพรส์อะไรตอนนี้นี่ครับ แค่นี้ก็คุมสติตัวเองไม่อยู่แล้วเถอะ

ผมพยักหน้ารับแล้วก็เดินไปดูว่าเขากำลังทำอะไร เห็นเส้นสปาเก็ตตี้ เห็นเครื่องหมูสับ เห็นหม้อต้มน้ำทีกำลังระอุก็คิดเดาได้ว่าผมจะได้กินอะไรในมื้อนี้

นายคฤณโม้ใหญ่รีบเร่งเคลียร์งานแค่ไหน ตอนแรกเขาหยุดไม่ได้ แต่พอบอกป๋าคณิณว่าจะมาหาเจม เพราะติดต่อเจมไม่ค่อยได้มาครึ่งเดือน ป๋าเขาก็ปล่อยตัวมาทันที

“แวะไปหารชากับแม่มาแล้ว บอกว่าคิดถึงเจมกันใหญ่ ส่งเปเปอร์แล้วไม่ใช่หรอครับ กลับเลยได้มั้ย กลับพร้อมพี่รอบนี้เลย เอามั้ย?”

“ยังไม่จบทุกอย่างครับ เดี๋ยวมีมีทติ้งอำลาการอบรมครั้งสุดท้ายอีก”

“หรอ? ต้องอยู่ใช่มั้ย จะกลับก่อนก็เสียมารยาทเนอะ”
“แม่พี่บอกว่าเจมไม่ได้แวะไปหาเลย ไม่ชอบแม่พี่หรอครับ”

“ไม่ใช่ครับ ช่วงที่ผ่านๆ มาเจมยุ่งกับเปเปอร์ พอส่งจบเจมก็เหนื่อย เลยนอนยาว วันๆ ไม่ทำอะไรเลย นอนอย่างเดียว”

“หรอครับ ผอมลงด้วยนะเนี่ย เดี๋ยวพี่หนึ่งอยู่ขุนหมาเจม 2 วัน ดีมั้ยครับ”

2 วันเองหรอ?
ใจผมโหยหานายคฤณมากๆ แต่อีกใจก็โล่งที่เขาอยู่แค่ 2 วัน
มันคงเป็น 2 วันที่ผมมีความสุขขึ้น แต่ก็คงเหนื่อยมากกับการยับยั้งความจริงที่จ้องจะหลุดจากปากอยู่ทุกวินาที

“แล้วคุณอรินทร์นี่ไม่ค่อยอยู่บ้านประจำหรอ พี่มาถึงเขาก็ดูเหวอหน่อยๆ แล้วก็ออกไป”
“ไม่ได้บอกว่าจะไปไหน”

“ครับ มันไม่ค่อยอยู่หรอก” น้อยไปสิ ไม่อยู่เลยเนอะ ถ้าไม่อยู่บ้านแล้วมึงได้กับใครล่ะ ผีบ้านผีเรือนหรอไอ้เจม!
ผมรู้สึกผิดจนต้องก้มหน้า แต่นายคฤณคงไม่ได้สังเกตอะไร เขาเกี่ยวเอว เอาตัวผมไปกอดไว้แล้วก็หอมขมับเบาๆ

และก็เป็นครั้งแรกที่ผมเบี่ยงหนีสัมผัสเขาอย่างทันทีทันใด

“หือ?” เขาส่งเสียงสงสัย ผมเลยโกหกต่ออีกว่า “เจมจะจามอ่ะ แป๊บนึงนะ” แล้วก็เดินหนีออกจากครัว


ผมทำไม่ได้
ผมลืมเรื่องนั้นไม่ได้จริงๆ
เมื่อกี้ที่เขากอด จู่ๆ ผมก็เสือกนึกถึงตอนที่ไอ้แอมกอดผมคืนนั้น
พอเขาหอม ผมก็นึกถึงรอบฟันไอ้แอมที่ขบกัดตัวผมขึ้นมา

ผมลืมไม่ได้ ใช่ว่าโหยหาไอ้แอม
แต่ร่องรอยที่มันทำไว้ ทำให้ผมไม่อยากให้ใครโดนตัวผมอีก แม้แต่นายคฤณ


“เจม เอาซอสพริกหรือมะเขือเทศเยอะกว่า”

“มะเขือเทศครับ” ผมตะโกนตอบแล้วรวบของที่ซื้อมาไปเก็บในครัว ยิ้มปะเหลาะเขาอยู่ไกลๆ ครู่เดียวก็ขอตัวไปเก็บห้อง “ห้องเจมรกมาก อายพี่หนึ่ง เคลียร์ก่อนนะ”


เข้าห้องมาได้ก็ต้องกุมขมับ ดึงสติทันที
ผมรู้แล้วว่าปากผมคงไม่พาจน แต่ท่าทางและปฏิกิริยาของร่างกายที่ผมควบคุมไม่ได้ต่างหากที่จะฟ้องความจริงออกมาจนหมด

ผมเข้าห้องน้ำแล้วบ้าบอถึงขั้นแก้ผ้าเพื่อดูว่ายังมีร่องรอยของไอ้แอมอยู่รึเปล่า
ไม่มีแล้ว ผิวผมขาวโพลนเหมือนเดิม รอยที่เคยแดงมากตรงปลายไหปลาร้าก็ไม่หลงเหลือ

ทำไมรอยหัวใจที่เป็นแผลถูกแทะ มันถึงไม่หายไปเหมือนรอยริ้วที่ผิวบ้างนะ


“เจมครับ หิวรึยัง ทานได้แล้วนะ กำลังร้อนเลย”

“ครับ ครับ เจมหิวแล้ว” ผมรีบใส่เสื้อผ้า เช็ดน้ำตาที่เริ่มรื้นเป็นนางเอกแล้วออกจากห้องนอนไปหาเขาทันที


ผมส่งเสียงชื่นชมความงามของสปาเก็ตตี้ฝีมือพ่อครัวหน้าตาดี ลองชิมคำนึงก็เอ่ยปากชมว่า “โคตรอร่อยเลย” นายคฤณยิ้มดีใจแล้วเอื้อมมือมาขยี้หัวผมแล้วจับให้โยกไปมา

คอผมแข็งขืนขึ้นมาทันทีเหมือนกัน
ผมหัวเราะแก้เก้อ หวังว่าเขาจะไม่สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติเล็กน้อยพวกนี้
พอกินของคาวเสร็จ ผมก็อาสาเอาแอปเปิลมาปอกให้เขากินบ้าง แล้วก็เจอคำถามเด็ดจนได้

“เออ พี่เห็นพลาสเตอร์ยาเป็นแผงเลย ใครเป็นอะไรหรอครับ”

“อ๋อ ไอ้แอมครับ มันทำกับข้าวแล้วมีดบาด”

“มีดบาดก็ยังทำ ดูเจมสิ ไม่ยอมหัดทำอะไรเลยพี่รู้นะ เพราะถ้าเจมทำอะไรกินเองได้ดี คงไม่ผอมลงแบบนี้ ข้อมือเหลือนิดนึง”
“อ่ะ!” สะบัดทันทีอีกแล้วครับ ผมสบตากับเขาที่หน้างงมาก นายคฤณยิ้มให้นิดนึงแล้วดึงข้อมือผมไปจับอีก ผมพยายามข่มใจแล้วอยู่นิ่งๆ ให้เขากอด ให้เขาหอมขมับ

มันอุ่นมาก แต่ตัวผมกลับสั่นมากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ
ภาพในหัวเริ่มเป็นตอนกลางคืนมืดๆ ผมนอนบนพื้นพรมตรงนี้ ข้างๆผมคือไอ้แอมที่ลูบไล้ตัวผมไปทั้งร่าง กลีบปากมันขบกัด ดูดเม้มที่ซอกคอ หูผมได้ยินคำว่า “เจม กูรักมึงจริงๆ นะ เจม เจม เจม เจม”

“อย่า!!!” ผมผลักนายคฤณออกเต็มแรงแล้วลุกขึ้นยืน แอปเปิลที่ปอกค้างไว้คาอยู่มือหนึ่ง อีกมือหนึ่งมีมีดที่สั่นไปตามแรงสั่นของมือผม

“เป็นอะไรครับ แปลกๆ ตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะ”

“ขอโทษครับ เจมเหนื่อย” ผมบอกเท่านี้แล้ววางแอปเปิลบนโต๊ะ พร้อมกับเดินกลับเข้าห้องนอน ล็อคประตูและนั่งกอดเข่าข้องมองหัวแม่ตีนตัวเองอยู่เงียบๆ

กระพริบตาที น้ำตาก็หยดที
ใครก็ได้ ช่วยผมให้หลุดออกจากอาการเหล่านี้ทีเถอะ ช่วยผมที

“เจม”
ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“เจมครับ เจม”
“เป็นอะไรรึเปล่า? เจมไม่สบายหรอ? บอกพี่หนึ่งสิครับ”
“เจม”

“..........”

“เจมครับ”

“เจม...เจมไม่เป็นอะไรครับ เมื่อกี้ เจมสะดุ้งเพราะ เพราะเอ่อ...เพราะ”

“ไม่เป็นไร ไม่ต้องบอกพี่ก็ได้ แต่เจมโอเคแน่นะครับ ปวดหัวหรืออยากอาเจียนรึเปล่า?”

“ไม่ครับ ไม่”

“งั้นเจมพักเถอะ” เขาบอกเท่านี้ หน้าห้องเหมือนจะเงียบไป ผมรีบวิ่งไปเปิดประตูห้องนอนดูแล้วก็อุ่นใจเพราะนายคฤณนั่งอยู่ที่โซฟา ดูทีวีและปลอกแอปเปิลที่ผมทำค้างไว้

“พี่หนึ่ง จะอยู่กับเจมใช่มั้ย? หรือเปิดห้องนอนที่โรงแรมครับ”

“พี่จะอยู่กับเจมครับ พักเถอะ” เขาบอกและยิ้มให้ น้ำตาผมร่วงอีกครั้งตอนที่เห็นเขายิ้มให้อย่างใจดี ผมก้มหน้าหลบแล้วมุดหัวเข้ามาอยู่ห้อง อยู่ในโลกของผมที่ไม่เคยมีใครเข้าถึงเลย นอกจากเขา

แต่สถานการณ์ตอนนี้ แม้แต่เขา ผมก็ไม่สามารถให้เข้ามาได้
ผมอ่อนแอ อ่อนแอเกินไปจริงๆ





Tbc 23.2


เร็วๆ นี้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-02-2013 20:12:33 โดย kajidrid »

ออฟไลน์ saruwatari_guy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 23.1 - 25/02/13)
«ตอบ #246 เมื่อ25-02-2013 19:16:01 »

ฮืออออ สงสารหมาเจมมมมม แงๆๆ ไอ้บ้าแอม ขอให้รักเจมไปจนตายเลย หาคนรักคนอื่นไม่ได้ ขมขื่นไปตลอดชีวิตซะเถอะแก โฮ กอดๆๆๆ หมาเจม

ออฟไลน์ AeRoMoZa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 432
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 23.1 - 25/02/13)
«ตอบ #247 เมื่อ25-02-2013 19:22:14 »

โฮ ใจร้าย! สงสารเจมอ่ะ
สงสารพี่หนึ่งด้วย เพราะเจมกลัว หรือไม่ก็หนีอ่ะ
แบบคิดถึงเรื่องที่แอมทำก็คงขยะแขยงตัวเองอะไรงี้
คราวนี้พี่หนึ่งจะได้รู้ตอนไหน จะรู้สึกไง
โอ๊ย ไม่อยากจะคิด จะประสาทเสีย

ทำไมแอมเป็นคนแบบนี้ ไม่มีความยับยั้งชั่งใจ
ทั้งๆที่น่าจะรู้อยู่แล้วว่าการกระทำของตัวเอง จะทำให้คนที่ตัวเองรักเสียใจและมีน้ำตา

ทำไมตอนนี้เครียดงี้เนี่ย
ได้ข่าวว่าอ่านเรื่องนี้ตอนแรกยังหัวเราะฮาอยู่เลย

*edit
ป.ล. ชอบประโยคนี้ของแอมนะ

“กูไม่ได้ทำเพื่อเปลี่ยนเหตุ กูจะเดินหน้าต่อเพื่อเปลี่ยนผลลัพธ์ของมัน”

ชีวิตมันก็ต้องเดินต่อไปอ่ะแหละ มันไม่ได้สวยหรูทุกอย่างนี่นา
คนเราต้องเดินหน้าต่อไปทุกๆวัน เราไม่สามารถกลับไปแก้ไขอดีตได้
และก็ไม่สามารถหยุดเวลา หรือปิดบังความจริงไว้ได้เช่นกัน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-02-2013 19:30:20 โดย AeRoMoZa »

ออฟไลน์ CHIVAS

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-1
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 23.1 - 25/02/13)
«ตอบ #248 เมื่อ25-02-2013 19:23:29 »

โอยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย จิบ้า
น้องเจมจะผ่านไปได้นะ น้องเจมบอกพี่หนึ่งก็ได้ พี่หนึ่งจะได้แก้ไขให้นะ ยังไงพี่หนึ่งก็รักเจมนะ   พี่หนึ่งต้องเข้าใจเจมอยู่แล้ว
ฮืออออออ สงสารน้องเจม 


ออฟไลน์ takara

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +379/-13
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 23.1 - 25/02/13)
«ตอบ #249 เมื่อ25-02-2013 19:58:23 »

สงสารเจมอะ สงสารพี่หนึ่งด้วย ไอ้แอมบ้าอะ ทำกับเจมได้อะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 23.1 - 25/02/13)
« ตอบ #249 เมื่อ: 25-02-2013 19:58:23 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ quiicheh.

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-9
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 23.1 - 25/02/13)
«ตอบ #250 เมื่อ25-02-2013 23:25:57 »

เกลียดแอมมากไม่ไหวแล้ว ขอโทษอย่างไงก็ไม่ดีขึ้นหรอกถ้ายั้งใจตั้งแต่ตอนนั้นก็น่าจะจบ หาเห่าใส่หัวไอ่คนนิสัยไม่ดีทำให้คนรักกันเค้าผิดใจกันมันบาปนะ

เข้าใจความรู้สึกเจมคงแบบรู้สึกแย่ แต่เชียร์ให้บอกพี่หนึ่งถึงยังไม่รู้ผลลัพธ์ที่จะออกมาแต่ก็เชื่อว่าอย่างไงพี่หนึ่งก็ไม่ทิ้งเจมอะ
โอ้ยยยยยยยยไม่คิดเลยว่าเรื่องนี้จะมีดราม่าโฮฮฮฮฮฮ

ออฟไลน์ Jinn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 23.1 - 25/02/13)
«ตอบ #251 เมื่อ25-02-2013 23:33:51 »

ขอโทษที่รับไม่ได้ เลิกอ่านโลด

ออฟไลน์ Mengjie_JJ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 23.1 - 25/02/13)
«ตอบ #252 เมื่อ25-02-2013 23:56:59 »

 :o12: :o12:

เครียด เศร้า หดหู่ มาก

สงสารเจมจังเลย

บอกพี่หนึ่งไปได้เราเชื่อว่าพี่หนึ่งคงเข้าใจและรักเจม

แต่ว่าเจมน่ะสิ คงเกลียดตัวเอง ไปตลอดชีวิต
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-02-2013 00:19:42 โดย Mengjie_JJ »

ออฟไลน์ SuSaya

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +220/-9
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 23.1 - 25/02/13)
«ตอบ #253 เมื่อ26-02-2013 00:45:24 »

หนึ่งจะรู้ความจริงเมื่อไหร่ก็ขึ้นอยู่กับเวลาแล้วล่ะ
เหตุที่ทำให้เกิดเรื่องนี้ขึ้นไม่โทษแอมคนเดียวหรอกนะ เพราะเจมก็มีส่วนผิดมาก ๆ ที่ไม่ระวังตัวเลยทั้งที่รู้ว่าอีกคนที่เมาอยู่ข้าง ๆ รักตัวเอง
พี่หนึ่งรู้ต้องเสียใจแน่ ๆ ที่ช่วยอะไรเจมไม่ได้เลย เพราะเหตุมันเกิดไปแล้วแก้ไขไม่ได้ แต่จะเยียวยาเจมยังไงให้กลับมาเข้มแข็งให้ได้ใกล้เคียงกับของเดิมนี่สิ

ออฟไลน์ patchylove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1585
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-4
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 23.1 - 25/02/13)
«ตอบ #254 เมื่อ26-02-2013 00:51:36 »

 :sad4: :sad4: เสียใจเศร้า

ออฟไลน์ kajidrid

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 191
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +249/-3
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 23.2 - 26/02/13)
«ตอบ #255 เมื่อ26-02-2013 01:26:24 »



Hear, Me

=======
If I could, I would
======


ตอนที่ 23.2




เจมเปลี่ยนไป
แต่เจมก็ไม่ใช่คนที่จู่ๆ ก็จะเปลี่ยนไปโดยไร้เหตุผล
น้องเปลี่ยนไปเพราะอะไร?

ที่หนึ่งนั่งใช้ความคิดอยู่คนเดียวเงียบๆ ต้นเหตุที่เขาสงสัยคงหลับไปแล้วในห้อง คิดเหมือนกันว่าจะไปปลุกเพราะเห็นว่าเย็นมากแล้ว กลัวว่านอนกลางวันนานๆ จะพาลปวดหัว แต่พอนึกถึงการขยาดสัมผัส และการก้มหน้าหลบตาตลอดที่เจมแสดงออก เขาก็จำใจปล่อยให้เจมอยู่ในห้องไปตามที่ต้องการ

นาฬิกาบนผนังบอกเวลาทุ่มนึงแล้ว ที่หนึ่งนั่งมองทีวีส่งแสงจ้าตาโดยไม่ขยับหนี หรือลุกไปเปิดไฟในบ้านให้สว่างมากขึ้น เขานั่งขมวดคิ้วครุ่นคิด เขาอยากรู้ว่าเจมของเขาเป็นอะไร มีอะไรเกิดขึ้นกันแน่

หรือจะถามตรงๆ
หากมันเป็นเรื่องที่บอกกันตรงๆ ได้ เจมคงไม่มีท่าทีแบบนี้

แล้วเขาจะรู้ได้อย่างไรว่าเกิดอะไรขึ้นกับเจม
ในช่วงเวลาที่เขาติดต่อมาเป็นปกติ มีอยู่ช่วงนึงที่เจมหายไป ไม่ติดต่อกลับ ไม่รับการติดต่อใดๆ
มาเริ่มตอบอีเมลล์อีกทีก็ตอนที่เขากระหน่ำส่งหาทั้งตอนเช้า สาย บ่าย เย็น
เขาแนบรูปตัวหนึ่งกับตัวสองมาให้ดูด้วย เจมก็ไม่มีอาการคิดถึงมันหรือเอ็นดูมันอย่างที่เคยเป็น

เขาบอกเรื่องแม่เจมกับการเปิดคอลเลคชั่นแหวนใหม่ เจมก็ไม่ได้ตอบกลับ

มีตอบมาแบบเดียว ในบางวันว่า “เจมเหนื่อย ขอโทษครับ”

มันต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่ๆ


เสียงก๊อกแก๊กหน้าประตูทำให้เขาสะดุ้งเบาๆ นายอรินทร์คงกลับมาแล้ว
ใจจริงก็ไม่อยากถามอะไรจากผู้ชายคนนี้นัก
นายอรินทร์รักเจม เขารู้เรื่องนี้จากปากของเจมเอง และแม้เวลาจะผ่านมาเนิ่นนานแล้วนับจากวันที่รับรู้ว่านายอรินทร์รักเจม เขาก็ยังไม่เห็นความจืดจางในความรักจากสายตาคู่นั้น 


“อ้าว! คุณหนึ่ง ไม่เปิดไฟล่ะครับ แล้วเจมอยู่ไหน ทำไมอยู่กันมืดๆ” มาถึงก็ไล่บี้เขาเชียว ที่หนึ่งยกยิ้มเพียงนิดแล้วลุกไปเปิดไฟ รอให้หลอดไฟทำงานเต็มหน้าทีเดียวไม่นาน เขาก็สบตากับนายอรินทร์เต็มดวง

“เจมหลับครับ ตั้งแต่บ่าย ผมเห็นเหนื่อยๆ เลยไม่ปลุก”

“ไม่ดีนะครับ นอนนานตื่นมาเดี๋ยวพาลอ้วก ไม่กินข้าวอีก เดี๋ยวผมปลุกให้ก็ได้” นายอรินทร์พูดแล้วจะทำอย่างที่พูดจริงๆ แต่ที่หนึ่งก้าวไปขวางหน้าไว้ก่อน เขาจ้องหน้านายอรินทร์แล้วถามตรงๆ

“เกิดอะไรขึ้นกับเจมครับ คุณรู้อะไรบ้างรึเปล่า เจมแปลกไปตั้งแต่ราวครึ่งเดือนก่อน”
“ผมรู้สึกว่าเจมแปลกไป แต่ยังไม่อยากถามเขาตรงๆ ไม่อยากไล่บี้”
“คุณอยู่กับเจมใกล้ชิดกว่า สังเกตเห็นอะไรบ้างรึเปล่าครับ” ที่หนึ่งถามเท่าที่อยากรู้ นายอรินทร์ถอนหายใจแล้วมองหน้าเขากลับ จากนั้นก็ชักชวนเขาออกไปนอกบ้าน

ที่หนึ่งไม่รู้ว่าจะได้รู้เรื่องอะไรของเจมจากปากนายอรินทร์ มันอาจเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่รู้ไปก็ไม่มีประโยชน์ แต่เขาก็อยากรู้ทุกอย่าง เขาจะได้ทำให้เจมกลับมาเป็นคนเดิมได้เร็วๆ


สนามหน้าบ้านนี้เขาเล่นบาสกับพีชบ่อยๆ ไม่รู้ว่าเจมจะมาออกกำลังกายยืดเส้นยืดสายตรงนี้บ้างรึเปล่า แต่เขาบอกเจมอยู่บ่อยๆ ว่าให้ออกมายืนยืดตัวก็ยังดี จะได้ไม่อุดอู้

เขาจรดปลายเท้าเสมอกันกับนายอรินทร์ที่มายืนรออยู่ก่อน คืนนี้พระจันทร์ไม่เต็มดวงดี แต่ก็ไม่แหว่งเว้ามาก เอาล่ะ คิดซะว่าสนทนาฆ่าเวลารอเจมตื่นก็แล้วกัน

“ว่าไงครับ ทำไมต้องพูดกันนอกบ้านด้วย อากาศมันก็เย็นๆ อยู่นะ”

“เรื่องของเจม” นายอรินทร์ว่าแล้วหันมองหน้าเขา ที่หนึ่งจึงเอามือไพล่หลังรอฟังเรื่องของเจมจากปากคนอื่น

“เจมไม่ผิดหรอกครับที่แปลกไป นี่แค่ยอมกินข้าวก็ดีมากแล้ว”
“ผมผิดเอง ทุกอย่างเป็นความผิดของผมเอง”

“..........” อะไรกันล่ะ? เขาขมวดคิ้วเพียงนิด แต่ก็ไม่ได้ขัดความ

“วันสุดท้ายที่เราอบรม เราส่งเปเปอร์กันเสร็จแล้ว ผมก็ชวนเจมดื่มฉลอง”
“เจมเมา”

“........” เจมเมาแล้วยังไง ที่หนึ่งขมวดคิ้วหนักขึ้น เขาสูดลมหายใจแล้วยืดหน้ามองนายอรินทร์
“ครับ เจมเมา แล้ว....” เมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบนานไป เขาก็กระตุ้นให้เล่าความต่อ นายอรินทร์ตาแดงเขื่องขึ้นแล้วก็ก้มหน้า ก่อนจะพูดคำว่าที่ทำให้โลกของที่หนึ่งหยุดหมุนชั่วขณะ

“ผมข่มขืนเจม”


ข่มขืนงั้นหรอ?
เจมของที่หนึ่ง....ถูกกระทำอย่างต่ำทรามงั้นหรอ?




“ระยำ!!!” ก่อนจะได้คิดยับยั้งอารมณ์แสนร้อนของตัวเอง ที่หนึ่งก็พุ่งเข้ากระชากคอเสื้ออีกฝ่ายจนตัวโยนติดมือมา เขาสาดหมัดใส่กกแก้มเต็มแรง แล้วก็เหวี่ยงร่างนายอรินทร์ที่ไม่ต่อสู้ลงกับพื้นทันที!

“ข่มขืนหรอ?! ข่มขืนหรอ!!!” เขาตะคอกถามแล้วพยายามสงบอารมณ์ตัวเองเอาไว้ มือไม้เขาสั่นไปหมด กว่าจะสงบตัวเองได้ก็คงอีกนาน และตอนนี้เขาก็ไม่คิดสงบตัวเองด้วย

นานแล้วที่ที่หนึ่งไม่ได้โมโหจนตามัวแบบนี้

เขาหลุบตามองนายอรินทร์ที่นั่งถูปากตัวเองอยู่กับพื้น หมอนี่เงยหน้ามองเขา แต่ก็ไม่ปริปากพูดอะไรออกมาอีก แต่เท่านี้ก็พอแล้ว

คำตอบทุกอย่างอยู่ตรงหน้าแล้ว

เจมเปลี่ยนไปเพราะอะไรเขารู้แล้ว เจมต้องเผชิญกับเรื่องอัปรีย์ขนาดไหน เขารู้แล้ว



“ผมไม่รับปากว่าจะไม่ฟาดหน้าคุณอีก”
“ผมจะเยียวยาเจมของผมเอง คุณไม่ต้องมาใกล้เจมอีก”
“ผมไม่สนว่าคุณทำด้วยความรู้สึกไหน แล้วพอทำลงไปแล้วคุณรู้สึกยังไง เรื่องของคุณ”
“ส่วนเจมจะทำยังไงกับคุณ ก็แล้วแต่เจม แล้วเจมจะได้ตามนั้น”

“................”

“และถ้าเจมอยากให้คุณตกนรกไปซะ เจมก็จะได้ตามนั้น ใครทำไม่ได้ ผมจะทำเอง!”


มันแปลว่า ถ้ามึงต้องตายเพื่อให้คนของกูมีความสุขอีกครั้ง มึงก็ต้องตาย ใครก็ห้ามความตายมึงไม่ได้ถ้าคนของกูต้องการ



มือเขาหยุดสั่นเทาแล้ว ที่หนึ่งชักขาออกห่างนายอรินทร์ที่ค่อยๆ ยืนขึ้น หมอนี่มองหน้าเขาแล้วก็ก้มหัวจนต่ำ

“ผมขอโทษ”
“ผมเอง ก็ไม่คิดมาก่อนว่าทำลงไปแล้วมันจะแย่แบบนี้ ทั้งกับตัวเอง กับเจม”
“ผมขอโทษครับ”


ประโยชน์อะไรที่หนึ่งมองไม่เห็นสักนิด เขาไม่พูดอะไรอีกแต่ก็ยังมองหน้านายอรินทร์อยู่
ผู้ชายคนนี้ทำได้ยังไงกัน? ทำร้ายเจมที่ไม่เป็นพิษเป็นภัยกับใครเลย
เขาจะรู้บ้างมั้ยว่าเจมขอร้องที่หนึ่งนานแค่ไหน เรื่องให้นายอรินทร์คนนี้มาอยู่บ้านนี้ด้วยกัน

ร่วมปีที่ที่หนึ่งต้องห่างจากเจม ผู้ชายคนนี้คือคนที่อยู่ใกล้ๆ เจมตลอดเวลา
ความใกล้ชิดคงทำให้จิตใจนายอรินทร์อยากเสี่ยงอยากลอง อยากริสัมผัสกับความรักที่เขาไม่มีวันได้ครอบครอง


“คุณ...ทำได้ยังไง?” เขาถามอีกฝ่ายแล้วหันหลังกลับทันที ที่หนึ่งรู้สึกขุ่นเคืองตา เขาเสียใจ สะเทือนหัวใจแทนเจมที่ถูกกระทำ

ความไว้ใจที่เจมให้อีกฝ่ายไป ได้รับผลตอบแทนเป็นการทรยศสินะ
เจมที่น่าสงสาร





“เจมครับ เจม”
“3 ทุ่มแล้วนะ ตื่นเถอะ” เสียงปลุกจากหน้าห้องดังมานานแค่ไหนแล้วนะ นี่ผมปล่อยให้นายคฤณโก่งคอเรียกผมนานแค่ไหนแล้วเนี่ย ผมงัวเงียลุกขึ้นแล้วเดินมาเปิดประตู เขายืนยิ้มให้ผมที่หน้าห้อง จ้องมองเข้ามาในห้องนิดหน่อยแล้วก็ถาม

“หิวมั้ยครับ 3 ทุ่มแล้ว”

“3 ทุ่มแล้วหรอครับ?” นี่ผมหลับไปนานขนาดนี้เลยหรอ? ผมรีบออกจากห้องแล้วมายังห้องรับแขก ทุกสิ่งทุกอย่างยังเหมือนเดิม ไอ้แอมดูเหมือนจะยังไม่กลับมา
“แล้วพี่หนึ่งทานมื้อเย็นรึยังครับ?”

“รอเจมก่อนสิ กินก่อนได้ไง” เขาบอกแล้วเดินตามมา แต่ก็หยุดระยะห่างผมไว้พอควร มองหน้าเขาแล้วก็รู้สึกผิด ทำไมคนที่มีพร้อมทุกอย่างอย่างนายคฤณต้องมาทนหิวข้าวเพื่อรอผมตื่นด้วยนะ

“จริงๆ ถ้าหิวก็กินก่อนได้เลย”

“กินด้วยกันสิ อิ่มก็อิ่มด้วยกัน หิวก็ต้องหิวด้วยกัน”
“ถ้าไม่ได้ทำอะไรด้วยกัน แล้วเจมจะมีพี่ไว้ทำไม หืม?” เขาค่อยๆ ขยับตัวมาลูบหัวผม ผมมองเขาเพลินอยู่ สายตาผมติดอยู่ที่หน้าเขาก็เลยไม่ได้คิดถึงเรื่องอะไรอื่นๆ

นายคฤณอมยิ้มแล้วจูงผมมาในครัว เขาทำต้มจืดหมูสับใส่ผักกาดขาวของโปรดของผม ฮือออ ขอบคุณมากที่ทำให้ผมระลึกรู้ว่าร่างกายกูต้องการอาหารอย่างมาก

“อุ่นมั้ย”

“ไม่เอา ไม่อุ่น เจมหิวอ่ะ หิวมาก”
“ดีนะที่พี่หนึ่งปลุก ไม่งั้นคงนอนตายไปแล้ว”

“ทำไมถึงนอนเยอะแบบนี้ครับ หืม” ถามแล้วก็ลูบหัวอีก เขามองผมด้วยสายตาอ่อนโยนกว่าปกติมาก แต่ผมจะตอบคำถามเขาว่ายังไงดีล่ะ?

ทำไมนอนเยอะหรอ? ก็ไม่ได้ชอบนอนหรอก แต่พอตื่น พอว่าง พอจมไปความคิดตัวเอง ผมก็จะตื่นกลัวกับความคิดตัวเองที่มันค่อนข้างไม่ปกติ

“กินกันเถอะครับ” ผมเลี่ยงคำถามเขาแล้วปรบมือรับข้าวร้อนๆ ที่เขาตักให้ ฮืออ แค่ได้กลิ่นก็น้ำตาจะไหล ผมไม่ได้เห็นอาหารแล้วมีความสุขแบบนี้มากี่วันแล้วนะ


ความสุขของผมกลับมาเพียงเพราะนายคฤณนั่งกินข้าวใกล้ๆ ตักนั่นนี่ให้ผมแล้วก็จงใจแย่งผมกินไข่ดาวที่ผมเล็งส่วนของไข่แดงเอาไว้ หงึ! ตลอดอ่ะ ตลอด ท่าทางเขาจะเหงามากตอนที่อยู่กรุงเทพ เพราะเขาไม่ปล่อยให้ผมห่างตัวเขาเลย

เขาพาผมกินนมด้วย ปล่อยให้ท้องได้ย่อยเสียหน่อยก็ไล่ให้ผมไปอาบน้ำ เขาก็เคยอยู่ที่นี่มาก่อนก็น่าจะรู้ว่าเวลาอากาศมันชื้นเย็นแล้ว การสัมผัสน้ำมันน่าขยาดมาก แต่เขาก็บังคับให้ผมอาบน้ำจนได้

“สระผมด้วยนะ เหนียวๆ แล้ว เหนียวติดมือพี่เลย ยี่!” ผมยู่หน้าสู้เสียงยี่ของเขา แต่ก็เดินด๊อกแด๊กไปอาบน้ำในห้องตามที่เขาบอกนั่นแหล่ะ

อือ ก็ว่าลืมอะไร ลืมไอ้แอมไปแล้วนี่เอง
คืนนี้มันไม่กลับหรอ? คงไม่กล้าสู้หน้านายคฤณสินะ
ช่างมันเหอะ อย่างมันน่ะเอาตัวรอดในเมืองใหญ่แบบนี้ได้อยู่แล้ว เพื่อนมันออกเยอะแยะ เพื่อนที่สอนแม่งชงเหล้าสารพัดชาตินั่นแหล่ะ

พออยู่คนเดียวแล้วนึกถึงไอ้แอมขึ้นมา ผมก็สลดลงทันที
ไม่ได้ดิ ต้องช่างมัน ช่างมัน ช่างแม่งมัน ไม่ต้องเป็นห่วงมันหรอก
ทั้งที่ทำท่าสะบัดหัวไล่ความคิดเหมือนที่ตัวเอกในหนังในละครชอบทำกันหลายครั้งแล้ว ผมก็ยังนึกเป็นห่วงมันอยู่ดี
ก็นะ ที่นี่ไม่ใช่เมืองไทย ถ้ามันไม่กลับบ้านแล้วจะไปนอนที่ไหน

“พี่หนึ่งครับ พี่หนึ่ง” ผมห่มผ้าเช็ดตัวออกมาเรียกหานายคฤณ เขาขานรับแล้วเดินมาหาทันที

“จะเอาอะไรครับ หืม?”

“เอ่อ...ไอ้แอม มันได้กลับมารึเปล่าครับ”

“กลับมาแล้วนี่ครับ แล้วก็ออกไปอีก คงอยากให้พี่อยู่กับเจม 2 คนมั้ง”

“หรอครับ”
“อืม มันคงนอนบ้านเพื่อน”

“เป็นห่วงคุณอรินทร์หรอครับ”

“ก็นิดหน่อย ที่นี่ไม่ใช่บ้านเรานี่นา คงไม่ดีถ้ามันต้องนอนหนาวข้างถนนเพียงเพราะพี่หนึ่งมาหาเจม”
“เราไม่ได้มีอภิสิทธิ์ขนาดนั้นเสียหน่อย ใช่มั้ยล่ะ?”

“อืม? งั้นเจมโทรถามคุณอรินทร์สิว่านอนที่ไหน จะได้สบายใจ เอาสิ”

ไม่เอาอ่ะ ผมไม่กล้าคุยกับมัน ยิ่งต่อหน้าเขาด้วยแล้ว ผมคุยกับมันไม่ได้หรอก แค่นึกห่วงมันผมก็รู้สึกผิดแล้ว

“งั้นพี่โทรหาให้ เอามั้ย?” เขาบอกแล้วก็ทำจริงๆ ผมไม่แปลกใจที่เขามีเบอร์ติดต่อไอ้แอมด้วย ก็นายคฤณซะอย่าง เบอร์มาร์คที่เป็นคนดูแลผมที่นี่เขาก็มีติดตัวไว้

“คุณอรินทร์ ผมคฤณนะ”
“เจมเป็นห่วงว่าคุณจะไม่มีที่นอนคืนนี้ คุณนอนที่ไหนครับ”
“หรอครับ โอเค” แล้วก็วางสาย คุยกันสั้นดีแท้ ผมมองเขาตาแป๋วด้วยหวังว่าเขาบอกคร่าวๆ ว่าคุยอะไรกับไอ้แอม

“เขานอนบ้านเพื่อนสื่อด้วยกันนี่แหล่ะ รู้สึกว่าจะเป็นเพื่อนจากญี่ปุ่น” อ่อ...นึกหน้าออกแล้ว ผมพยักหน้ารับรู้แล้วก็มุดไปอาบน้ำตามที่เขาบอก


ผมอาบน้ำเสร็จเขาก็อาบบ้าง นายคฤณซื้อเสื้อนอนยี่ห้อเดิมมาให้ผม ตัวเดิมที่เคยชอบนี่เหวี่ยงทิ้งไปด้วยน้ำโหสุดๆ เจอของใหม่ ความเห่อก็ทำให้ผมอารมณ์ดีขึ้นมาก เรียกว่ามองบ้านทั้งบ้านเป็นทุ่งดอกไม้เลยก็ว่าได้

นั่งดูทีวีรอเขาอาบน้ำเสร็จ ก็เปลี่ยนมานั่งดูซีรีส์ด้วยกัน
เป็นแผ่นดีวีดีละครไทยครับ เขาบอกว่าคุณอรชอบ มาทีก็หามาให้ นี่แอบหนีบมาเรื่องนึง เผื่อผมคิดถึงกลิ่นน้ำเน่าไทย

ดูกันไปแค่ต้นเรื่องเขาก็จับให้ผมนอนหนุนตักเขาแทน
นายคฤณนั่งแบตักให้ผมนอนหนุน มือเขาลูบผมไปมาเป็นจังหวะสบายๆ
เขาใจดีมากเลย เขาอบอุ่นมากจริงๆ

“เจม”

“ครับ” ผมขานรับ มองตามมือตัวเองที่ถูกจับยกไปจูบเบาๆ

“เมื่อกลางวัน ทำไมเจมถึงไม่อยากให้พี่แตะตัว หืม?” ผมอึ้งเพราะไม่คิดว่าเขาจะยังสงสัยอยู่ แต่ผมไม่อยากตอบ ไม่สิ ผมตอบไม่ได้ มันไม่ใช่เรื่องดีๆ ที่ผมควรถ่ายทอดให้เขาฟัง

บอกความจริงไป เขาจะกลายร่างเป็นปีศาจมั้ย?
อาจฆ่าไอ้แอม นั่นก็ช่างมัน แต่ถ้าอยากฆ่าผมขึ้นมาด้วยล่ะ?

สำส่อน เขาจะมองผมแบบนั้นมั้ย?

“หืม เจมตอบพี่หนึ่งสิครับ”

“เจมยัง...ตกใจอะไรนิดหน่อย”
“พี่หนึ่งครับ เจมไม่อยาก”

“พี่รู้เรื่องแล้วครับ”


อะ...อะไร?
รู้อะไร?
จู่ๆ ก็โพล่งออกมาว่ารู้ รู้อะไรงั้นหรอ?
อย่าบอกนะว่า....เรื่องนั้น

ผมดันตัวเองขึ้นนั่งแล้วจ้องหน้าเขาอย่างตื่นตระหนก มือที่เคยถูกเขากุมไว้พยายามรูดออก แต่ก็ทำไม่ได้อยู่ดี นายคฤณจับมือผมแน่นขึ้น ส่วนอีกมือจับไหล่ผมเอาไว้ เรียกว่ากดไว้เลยจะถูกต้องกว่า

“เจมครับ มองหน้าพี่หนึ่งนะ”

“.........”

“คิดตามพี่หนึ่งนะ”

“.........”

“พี่หนึ่งรักเจม ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับพี่ กับเจม กับเรา”
“ความรักของพี่ไม่มีทางเปลี่ยน ไม่มีอะไรมาเปลี่ยนความรู้สึกพี่ได้”
“เจมยังเป็นเจมคนเดิม คนเดิม”
เขาย้ำคำว่าคนเดิมเสียงยาว และมันก็กระตุ้นให้น้ำตาผมหยดจนได้

เขารู้อะไร
ทำไมไม่พูดชัดๆ ล่ะ อย่ามาตรงไปตรงมาแบบอ้อมโลกแบบนี้สิ
เขาอาจไม่รู้ ผมอาจระแวงไปเองก็ได้
ผมไม่อยากให้เขารู้ ผมไม่อยากให้เขารู้
ผมไม่อยากให้เขาเสียใจที่แฟนของเขาดูแลตัวเองได้ดีแค่นี้

ขอร้องล่ะ อย่ารู้เลย อย่ารู้

“มองหน้าพี่หนึ่งนะครับ”
“พี่รักเจมเหมือนเดิมนะ”

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-02-2013 13:07:55 โดย kajidrid »

ออฟไลน์ kajidrid

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 191
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +249/-3
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 23.1 - 25/02/13)
«ตอบ #256 เมื่อ26-02-2013 01:34:47 »

ฮึก!
ผมตกใจเสียงสะอื้นของตัวเอง ผมไม่รู้เลยว่าผมสะอื้นอยู่
อารามตกใจผมเลยรีบเช็ดน้ำตา แต่นายคฤณก็แย่งผมทำทุกอย่าง
เขาจับหน้าผมไว้ด้วยอุ้งมือของเขา ขยับเพียงนิ้วโป้งปัดใต้ตาผมไปมาเท่านั้น

“มองหน้าพี่หนึ่งนะ” ผมมองแล้ว ผมเห็นแล้วว่าเขาน้ำตาคลอ ไม่เอา ผมไม่อยากเห็น ผมไม่อยากเห็นเขาเสียใจ ได้โปรดเถอะ อย่ารู้เลย ทำโง่หน่อยได้มั้ย? ให้ผมทรมานอยู่กับอาการหวาดระแวงสัมผัสจนตัวสั่นต่อไปเถอะ อย่ารู้เลย ได้โปรด...

“เจม ไม่เป็นไรแล้ว”
“เจมไม่ได้เป็นอะไรเลย”
“เรื่องขี้ผง ช่างมัน”
“ช่างมันนะครับ”
“ลืมมันไปนะครับ พี่หนึ่งขอร้อง”

“เจม...เจมลืมไม่ได้”
“ทุกครั้งที่หลับตา แค่จะหลับให้ลงเจมก็ต้องผวาแล้วผวาอีก”
“บางที มันก็นึกถึงขึ้นมา เจมก็สั่นไปทั้งตัว”
“เจมกลัว เจมกลัว” ผมยกมือปัดหน้าเพราะไม่อยากให้เขาเห็นใบหน้าเหยเก ไม่อยากให้เขาเห็นว่าผมอ่อนแอมากขนาดไหน

“ไม่มีอะไรที่เจมต้องกลัว ไม่มีใครที่เจมต้องหวาดกลัว”
“เจมมีพี่อยู่ข้างๆ แล้ว พี่ห้ามได้ทุกอย่างอยู่แล้ว เชื่อพี่สิ”
“นี่คือที่หนึ่งของเจมนะ”
“ลืมมันเถอะ นะครับ”

แค่ลืมเองหรอ?
ลืมได้มันจะจบใช่มั้ย?
ฝันร้ายที่ทำให้ผมสะดุ้งตื่นบ่อยๆ
ความนึกคิดที่มักลอยวนไม่พ้นเหตุการณ์บนพรมหน้าโซฟาตัวนี้ แค่ลืม มันก็จะจางหายไป ไม่มารบกวนผมอีกใช่มั้ย?

“เจมทำได้หรอครับ”
“แค่เจมลืมมันเองหรอ?”
“แค่ลืมจริงๆ นะครับ”

“จริงครับ เจมทำได้”
“แค่ลืมเท่านั้น ช่างหัวมัน พูดตามพี่สิ”

“ช่างหัวมัน” เสียงผมแหบพร่าเพราะผมร้องไห้ไม่หยุด นายคฤณเองก็ปาดเม็ดน้ำตาตัวเองไป 2-3 ครั้ง

“เจมลืมหมดแล้ว”

“ลืม หมด แล้ว”

“เจมจะจำแค่พี่หนึ่งคนเดียว”

ฮึก!
ผมร้องไห้หนักกว่าเดิมแล้วซุกหน้าลงหาอกนายคฤณ ผมไม่ได้พูดตามเขา ผมพูดอะไรไม่ได้อีก น้ำหูน้ำตามันอุดปากผมไว้หมด แค่หายใจผมยังทำได้ลำบากนัก

เขาเอนตัวลงบนโซฟาแล้วดึงตัวผมให้นอนบนตัวเขา ซุกเขา ถูใบหน้าบนอกเขานานเท่าที่ผมต้องการ
มือเขายังคงลูบหัวผมไว้ไม่เปลี่ยน อีกมือกอดรั้งเอวของผมไว้ ฝ่ามือเขาใหญ่ นิ้วเขายาว แค่กางมือเต็มที่หลังผมก็แทบไม่เหลือพื้นที่แล้ว

“เจมครับ เจม”

“ครับ” เสียงผมแหบมาก ผมแสบคอไปหมด แต่ว่าน้ำตาเริ่มแห้งแล้ว เสื้อนายคฤณตรงหน้าอกเป็นฝ่ายเปียกปอนแทน

“มองพี่หนี่งนะ”
“จำพี่หนึ่งแค่คนเดียว เจมจำได้แค่พี่คนเดียว นะครับ”

“ครับ” การรับคำของผม ก็เหมือนการเปิดทางให้เขาสร้างความทรงจำใหม่ขึ้นในหัวผม นายคฤณกอดผมอย่างอ่อนโยน จูบผมอย่างอ่อนโยนยิ่งกว่า เขาทำช้าๆ ทุกอย่าง ทุกการกระทำ เขาจะบอกก่อนว่าจะทำไร

พี่จูบเจมนะครับ
พี่หนึ่งกอดเจมอยู่นะครับ
พี่หนึ่งขอกัดได้มั้ย เจมชอบมั้ยครับ
เจมรู้สึกอะไร บอกพี่หนึ่งได้มั้ย มองพี่หนึ่งสิครับ

มันเป็นการสร้างความเชื่อมโยงทางร่างกายของเราที่เขาพูดมากที่สุด และผมก็ลืมตามองเขาทำกับผมทุกการกระทำ เพื่อจดไว้ เพื่อจำไว้ ว่าใครกันที่รักผมได้มากมายขนาดนี้



เซ็กส์บนพรม บอกตรงๆ ว่าคันหลังยิบๆ
ผมยันตัวลุกขึ้นหลังจากนอนนิ่งบนพรมจนเริ่มทนไม่ไหว
นายคฤณน่ะหรอ? เขาสลักลายบนเจมของพี่หนึ่งจนไม่เหลือที่ให้จดบันทึกรักบนหอแดงแล้ว อาจจะหลับไปแล้วด้วยมั้ง ไม่คันหลังบ้างหรอ

“จะไปไหนครับ?” ผมสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินเสียง ก็ผมคิดว่าเขาหลับไปแล้วนี่ หันไปมองก็เจอตาคมจ้องมองผมอยู่ ไม่มีวี่แววว่าเพิ่งตื่นแต่อย่างใด แสดงว่าไม่ได้หลับ

“ไปล้างตัวครับ เหนียว”

“พี่ล้างด้วยนะ”

“พี่หนึ่งแค่ล้างแน่นะ เจมไม่ไหวแล้วนะ บอกตรงๆ เลย”

“แค่ล้าง ล้างให้เจมเฉยๆ ที่เหนียวบนตัวพี่ช่างมัน กลิ่นเจมนี่”

“พี่หนึ่ง!” แม่งชอบพูดเรื่องน่าอายแบบหน้าไม่อายตลอดอ่ะ ผมหน้าแดงแล้วก็ผลักอกเขาไปทีหนึ่ง ผมนี่สะดิ้งเก่งจริงๆ นายคฤณหัวเราะแล้วโยกตัวมาหอมผมฟอดใหญ่แล้วก็กอดไว้จนแน่นสุดใจ ก่อนจะลุกเดินเปลือยพาผมที่อุตส่าห์โกยเสื้อนอนมาขยุ้มๆ พันเอวไว้ก่อนจะเดินตามเขาไปต้อยๆ

เขาบอกว่าล้างให้ เขาก็ล้างให้เท่านั้นจริงๆ ไม่มีมนต์รักข้างอ่างน้ำเกิดขึ้นให้ผมต้องเหนื่อยกว่าเดิม

คืนนี้ผมนอนตัวหอม หลับสบายบนเตียงที่มีนายคฤณนอนตัวหอมไม่แพ้กันกอดผมไว้
มันอุ่นจนผมอิ่มใจมากๆ

ผมหลับตาลงอย่างสบายใจที่สุด มือผมเกาะมือเขาไว้ไม่ปล่อยก่อนหลับตาลงอย่างเบาใจ
คืนนี้ผมไม่ฝัน ไม่สะดุ้ง ภาพมืดยามผมนอนบนพื้นพรมแล้วมีไอ้แอมลูบไล้ตัวผมไม่โผล่มาเคาะกะโหลกผมแล้วทักว่า “เฮลโหลเจม มาดูสิว่ามึงสำส่อนขนาดไหน” ไม่มาเหยมกับผมอีกแล้ว แน่ล่ะ ก็ผมมีนายคฤณนอนเป็นอัศวินหลับปุ๋ยอยู่ข้างๆ นี่นา



นายคฤณกลับไปได้หลายวันแล้ว แต่โลกของผมยังสดใสอยู่ด้วยกลิ่นอายที่เขาสร้างไว้ให้
คุณอรแวะมาหาผม หนีบผมไปช้อปปิ้งตามห้าง พาไปเดินตลาดที่ผมไม่เคยไป และด้วยความที่ผมว่างแล้ว เธอก็เลยหนีบผมมาที่ร้านอาหารเธอ ให้ผมช่วยดูแลงานนั่นนี่บ้าง อยากจะสารภาพว่าไม่รู้เรื่องอะไรหรอก พี่ๆ เขาทำงานกันมาจนเป๊ะทุกสิ่งแล้ว เขาก็ทำกันไปตามระบบ ผมเลยนั่งหัวโด่เป็นคนนอกระบบเพราะคุยอะไรกับใครไม่ค่อยรู้เรื่อง

ส่วนคุณอรเองเธอต้องไปดูกิจการโรงแรมของเธอด้วย เธอบอกว่าไม่ได้ใหญ่โตอะไร แต่ผมไม่เชื่อหรอก วัดจากการนัดนักบัญชีมาที่ร้านอาหารแล้วพูดจาภาษาอังกฤษกันยาวนาน แต่ผมก็ได้ยินคำว่ามิลเลียนพาวด์นะเอ้อ!

ไอ้แอมค่อนข้างหายไปจากชีวิตผม มันโผล่กลับมาบ้านบ้าง แต่ก็จะออกไปข้างนอกบ่อยๆ พร้อมกล้องคู่ใจของมัน บางครั้งที่มันบังเอิญสบตากับผม มันก็จะยิ้มให้เศร้าๆ แล้วก็หลบตาเดินจากไป

แรกๆ ผมก็ใจหายนิดหน่อย ก็มันเป็นเพื่อนผมคนนึง แล้วเรื่องที่เกิดขึ้น มันก็ไม่ใช่สันดานดิบของมันเสียทีเดียว เหล้าด้วยส่วนหนึ่ง แต่พอเห็นมันก็ใช้ชีวิตของมันได้ตามปกติ ผมก็เลยเลิกเป็นห่วงมันแล้วเริ่มคำนวณว่าต้องซื้อกระเป๋าเดินทางเพิ่มกี่ใบ จึงจะเพียงพอสำหรับของของไอ้บ้าหอบฟางอย่างผมคนนี้

นายคฤณจัดการให้เบ็ดเสร็จอีกแล้ว
เช้าวันก่อนเดินทางอาทิตย์นึง มีของมาส่งที่บ้าน ผมก็ต้องรีบกุลีกุจอออกมา หน้าตาเหลอหลาเป็นไอ้ลูกเสี้ยวไทย-ญี่ปุ่นที่ตาตี่กว่าไอ้ตี๋ไชน่าทาวน์มาเซ็นรับของ

เขาสั่งซื้อกระเป๋าเดินทางใบใหม่ที่ใหญ่เท่าอกผม อืม เขาคงอยากให้ผมเก็บเตียงที่บิวท์อินไปด้วยล่ะมั้ง จัดมาใหญ่ขนาดนี้

การทยอยเก็บของของผมไม่เป็นปัญหา แต่ไอ้แอมกำลังมีปัญหาอย่างเห็นได้ชัด
ของมันก็เยอะไม่ต่างจากผม ไหนจะลิสท์ของต้องซื้อไปฝากที่เจ๊เอิงส่งมาให้แบบปัจจุบันทันด่วนนี่อีก ผมได้ยินมันคุยโทรศัพท์ก็เลยรู้ จริงๆ ไม่ได้อยากเสือกนักหรอก

และตอนนี้มันก็คุยกับเจ๊เอิงอีกรอบ ไม่รู้เจ๊แกสั่งซื้ออะไรอีก แต่ไอ้แอมตวาดดังลั่นว่า “เอิงอย่าพูดเรื่องนี้อีก แอมคิดเองได้” แล้วมันก็พรวดออกจากห้องมา ทำเอาผมหน้าเหวอไปเลย

“อ่ะ...อะไร? จะไปไหนอ่ะมึง”

“ไปซื้อของนิดหน่อย เอาอะไรมั้ย?”

“ไม่ เอ่อ...แต่ถ้ามึงผ่านร้านค้า ซื้อน้ำผลไม้ติดมาหน่อยนะ”

“อือ น้ำแอปเปิลใช่มั้ย มึงชอบนี่”

“อื้อ” ผมพยักหน้ารับแล้วก็ผลุบเข้าผลุบออกระหว่างห้องรับแขกและห้องนอนเพื่อทยอยจัดของให้เป็นภาคส่วน รอเวลาโยนลงกระเป๋าโครมเดียว


เสียงอี๊ดๆ ดังมาจากห้องไอ้แอม ความเสือกบวกรำคาญทำให้ผมถือวิสาสะเดินเข้าไปดูว่าแม่งคือเสียงอะไร แต่ก็เพิ่งรู้ว่าไม่ควรเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวของมันเลยจริงๆ

ในห้องนอนมัน ในพื้นที่ส่วนตัวของมัน มีแต่รูปผม รูปที่มันแอบถ่ายไว้ ตั้งแต่ตอนที่อยู่ประเทศไทย ตั้งแต่ที่ยังไม่สนิทกันนัก

ความรักของมัน ทำให้ผมจุกขึ้นมาถึงลำคอ

เสียงอี๊ดอ๊าดดังขึ้นอีกรอบ ผมมองหาจนเจอต้นตอ เจ๊เอิงสไกป์มาหามัน ผมอยากให้มันหยุดส่งเสียงเสียที ตั้งใจจะรับแล้วตัดสัญญาณไปเลย แต่เสียงเจ๊เอิงที่ตะโกนออกมากลับทำให้ผมชะงักนิ้วมือ

“แอม เชื่อเอิงเหอะ บอกเขาไปก็ไม่เสียหายอะไรหรอก”
“เจมเอง เขาต้องเข้าใจอยู่แล้ว”
“แอมจะแบกความรู้สึกผิดไปจนตายไม่ได้หรอกนะ คนเรามันต้องเดินหน้า”
“แล้วนี่เจมเขาก็โอเคกับแฟนแล้วนี่ จะใจดำไม่ให้อภัยกันเลยหรอ”
“ถ้ามันสำคัญกับชีวิตแอมนัก แอมก็ต้องทำให้มันลุล่วง”
“ถ้าไม่ว่ายังไงก็รักคนนี้ แอมก็ต้องบอกให้เขารู้ว่าไม่ว่าแอมจะเลวแค่ไหนในสายตาเขา เรื่องที่เกิดขึ้น แอมก็ทำเพราะแอมรู้สึกรักเขาจริงๆ”
“ความรัก มันทำให้เห็นแก่ตัวก็ได้ ทำให้เสียสละก็ได้ การที่แอมเห็นแก่ตัว ก็ใช่ว่าจะแปลว่าแอมไม่รัก”
“แอมอายุเท่านี้เอง ยังต้องเจออะไรอีกมาก ก้าวเดินต่อเถอะ”


ผมพอจะรู้แล้วว่ามันคุยกับเจ๊เอิงเรื่องอะไร



“สงสารป๊ากับม้าเถอะ ถ้าแอมไม่กลับไทยอีกเลย เขาจะอยู่กันยังไง เอิงเองก็งานยุ่ง”
“ชีวิตแอมไม่ได้เป็นของแอมคนเดียวนะ แอมยังมีคนรอบตัวแอมนะ อย่าเอาแต่ใจนักสิ”
“เชื่อเอิงเถอะ ผ่านเรื่องนี้ไปให้ได้ แล้วก้าวต่อไป จนกว่าจะตาย ยังไงในชีวิตคนมันก็ต้องทนกับความรู้สึกทรมานกันทั้งนั้น ไม่สาหัสหรอก บอกไปเลย”
“บอกรักเจมไปเถอะแอม”
“เหี้ยแอม! ฟังเจ๊อยู่รึเปล่า ต้องให้พูดปากเปียกปากแฉะอีกกี่คืน ไอ้แอม!”

ผมตัดสัญญาณไป สวมรอยเป็นไอ้แอมที่ไม่อยากฟังคำพูดเจ๊เอิงอีก รูปภาพของผมในห้องมัน สิ่งที่เจ๊แอมพูด ทำให้ผมสงสารมันมากกว่าเดิมนิดหน่อย แต่ผมมีบทเรียนแล้ว

ความสงสารไม่ใช่บ่อเกิดของความรัก อย่างดีสุด มันก็เป็นแค่แอ่งลื่นๆ ที่ทำให้คนที่ไม่ทันระวัง เสร่อตกหลุมที่ใครต่อใครเรียกว่าหลุมรักก็เท่านั้น

มันเฉียดกัน แต่มันไม่มีทางใช่ความรักไปได้



ผมรอให้ไอ้แอมกลับมา มันซื้อน้ำแอปเปิลมาฝากอย่างที่ผมบอก ไม่แปลกใจเลยที่มันมีของติดมือมาอย่างเดียวเท่านั้น ไอ้เหี้ยแอม กูรู้ทันมึงแล้วเหอะ!


“มึงกลับเมื่อไหร่ ตั๋วเรากลับพร้อมกันใช่ป่ะ? หรือมึงเลื่อนวัน กูไม่เห็นมึงกระตือรือร้นเก็บของเลย”

“เก็บทันน่า”

“หรือมึงจะไม่กลับ”

“..........”

“แอม มึงเอาไงเนี่ย ไม่คิดถึงบ้านหรอ?”

“อือ คิดถึง แต่จะหาเงินอยู่ต่อ นี่ก็ไปสมัครงานไว้ พอดีรู้จักพี่คนไทย เขาก็แนะนำ”

“ทำไมยังไม่กลับ หนีอะไรรึเปล่า?”
“หนีผลลัพธ์อย่างกูหรอ?” มันเงยหน้ามองผมอย่างตกใจ คงไม่คิดว่าผมจะเป็นฝ่ายพูดเรื่องนี้มาอีก ไอ้อรินทร์ถอนหายใจแล้วก็พนักหน้ารับในที่สุด

“กูขอโทษ กลับไทย มึงก็ต้องเจอหน้ากูอยู่ดี”
“มึงจะไม่สบายใจเปล่าๆ กูก็เลยกะจะหาที่หาทางที่นี่ อาจอยู่อีกสัก 6 เดือน ปีนึง แล้วค่อยกลับ”

“กลับพร้อมกันหรือกลับทีหลัง มึงก็เจอกูอยู่ดี”
“ถ้ามึงทำเพื่อให้กูสบายใจ ก็ไม่ต้องหรอกว่ะ”

“แต่..”

“กูบอกว่าไม่ต้องไง มึงใช้ชีวิตตามปกติสิ ห่า! เคยด่ากูว่าแพ้มึง แล้วนี่อะไร มึงหนีหรอ”

“กูไม่อยากลอยหน้าอยู่ใกล้ๆ มึง กลับไป เดี๋ยวไอ้ต้อมก็สังเกต”

“อยากพูดมึงก็พูดเถอะ กล้าพูดก็พูดเลยห่า”
“ไม่ต้องทำเพื่อกูหรอก”
“มันจบแล้ว เรื่องที่มึงทำไว้ มันโดนลบไปหมดแล้ว”
“เห็นหน้ามึง กูไม่ทรมาน กูเดินผ่านพรมนั่นได้สบายๆ กูนอนหลับดี กูรักเขาได้ตามปกติ ไม่ต้องทำอะไรเพื่อกูหรอก”
“มึงอยากหลงแสงสีที่นี่ก็หลงไป อย่ามาอ้างว่าทำเพื่อกูดิ ห่า!” ผมแกล้งด่าตบท้ายแล้วยิ้มให้มันนิดนึง แล้วก็จะมุดหัวเข้าห้อง แต่ไอ้แอมกลับดึงมือผมไว้ก่อน

“เจม...กูแค่รักมึง เท่านั้นแหล่ะ”

“อือ กูรู้ ไม่ลืมหรอก ไม่ต้องบอกซ้ำอีก”

“ขอบใจว่ะ”

“เรื่องไรวะ กูไม่ได้ทำอะไรเพื่อมึงสักหน่อย”

“แค่ยิ้มเดียว ทักกูคำเดียว ก็ดีมากแล้ว”
“เก็บของไม่ไหวบอกกูนะ ของกูน้อย”


“อืม” ผมรับคำแล้วก็หันหลังให้แล้วเดินเข้าห้องไปจัดการเก็บของรกๆ ของผมต่อ


ไอ้เหี้ยแอม โกหกกูตลอด ของน้อยพ่อมึงสิ เยอะกว่ากูเท่านึงเลยเหอะ



ถึงวันกลับแล้ว ผมโทรหาแม่ตอนมาถึงสนามบิน บอกเวลาให้นางระลึกรู้อีกรอบว่าผมจะแลนดิ้งที่ไทยกี่โมง แม่บอกว่าจะมารับผมกับไอ้พี่จิวแล้วก็นายคฤณ ซึ่งก็ไม่พลิกโผผมนัก ก็ชีวิตผมไม่ได้มีใครมากมายนักนี่นา


ผมกับไอ้แอมร่ำลามาร์ค เจนนี่ที่ติดใจไอ้แอมชิบหายก็ลาด้วย เธอกลับไทยครับ ไม่ได้กลับเกาหลี บอกว่าขอแวะมาเที่ยว หาประสบการณ์ก่อน อีกอย่าง เธอก็มีพี่สาวบินไปบินมาไทยเกาหลีอยู่แล้วด้วย บอกว่าทำธุรกิจ ซึ่งผมก็เป็นคนแนะนำที่พักที่น่าจะเหมาะกับเธอให้ ส่วนจะอยู่นานแค่ไหนอันนี้ผมไม่ได้ถาม แต่ดูเหมือนเธอจะอยู่จนกว่าจะได้ครองใจไอ้แอม อืม ถ้าลงเอยกันนี่ผมควรไปงานแต่งมั้ยวะ?

การนั่งเครื่องกลับของผมจึงค่อนข้างเงียบ เพราะไอ้แอมเงียบ เพราะเจนนี่เอาแต่พูดๆ  ทันทีที่กินอาหารบนเครื่อง ผมก็ตั้งหน้าตั้งตาหลับ หลับ และ หลับ

ภาพสุดท้ายที่ผุดขึ้นในหัวผม ก็คือใบหน้าแม่ พี่จิว และนายคฤณที่ยืนยิ้มรอรับผมอยู่ในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ



“เจมกลับมาแล้วครับ” ผมอยากพูดคำนี้ใจจะขาด!


Cut





ฮูเล่ค่ะ >,<

ชีวิตมันก็มีหลายรสชาติ เนอะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-03-2013 16:26:12 โดย kajidrid »

ออฟไลน์ AeRoMoZa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 432
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 23.1 - 25/02/13)
«ตอบ #257 เมื่อ26-02-2013 01:48:15 »

ดีใจที่เจมผ่านวิกฤติไปได้อย่างสวยงาม เพราะความรักความเข้าใจของพี่หนึ่ง
ดีใจที่ไม่มีอะไรแย่ๆเกิดขึ้นไปมากกว่านั้น

บรรยากาศที่พี่หนึ่งคุยกับเจม มันอบอุ่นมากเลย
เหมือนความรักของพี่หนึ่งมันอุ่นอบอวลจนรักษาความรู้สึกของเจมได้
ชอบมากๆเลย

ชอบประโยคนี้ด้วย

“เจมจะจำแค่พี่หนึ่งคนเดียว”

โหย มันแบบจี๊ดขึ้นมาเลย อุ่นใจ ยิ้มได้ทันทีเลย

สุ้ๆนะ รออ่านต่ออยู่นะ จุ๊บๆๆ เป็นกำลังใจให้เสมอน้า

ออฟไลน์ CHIVAS

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-1
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 23.1 - 25/02/13)
«ตอบ #258 เมื่อ26-02-2013 02:10:37 »

โฮยยยยยย ดีใจที่น้องเจมกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้วนะ
พี่หนึ่งนี่สุดยอดดดดดดด อยากได้โคลนนิ่งพี่หนึ่งซักคนอ่ะ
ว่าแล้ว พี่หนึ่งต้องเข้าใจและพยายามทำให้เจมดีขึ้น
อย่างงี้ซิถึงจะเป็นคนเดียวกัน ทุกข์ก็ทุกข์ด้วยกัน สุขก็สุขด้วยกัน โฮฮฮฮ รักพี่หนึ่ง ฮาาาา
หมาเจมกลับมาแล้วววววว  o13

ส่วนแอม ไม่อยากจะพูด แอมคงได้รับผลที่เค้าก่อแล้วล่ะ กล้าทำคนที่ตัวเองรัก ทำได้ยังไง เฮ้อออ

ออฟไลน์ พลอยสวย

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-5
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 23.1 - 25/02/13)
«ตอบ #259 เมื่อ26-02-2013 03:07:43 »

 :z2:  รักพี่หนึ่งคร่าาา

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 23.1 - 25/02/13)
« ตอบ #259 เมื่อ: 26-02-2013 03:07:43 »





ออฟไลน์ indy❣zaka

  • กระซิกๆ เบื่อดราม่า...
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +625/-26
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 23.1 - 25/02/13)
«ตอบ #260 เมื่อ26-02-2013 10:28:27 »

เจมโชคดีมากๆ  ที่ได้คนรักแบบพี่หนึ่ง   
คนแบบพี่หนึ่ง หายากยิ่งกว่างมเข็มในแม็กม่าให้เปลือกโลกอีกนะเจม   
รักษาความรักของตัวเองเอาไว้ให้ดีๆก็แล้วกันนะจ๊ะ :กอด1:

ออฟไลน์ Mengjie_JJ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 23.1 - 25/02/13)
«ตอบ #261 เมื่อ26-02-2013 10:57:40 »

พี่หนึ่ง เป็นคนแสนดีอะไรอย่างนี้ เจมโชคดีมากที่มีคนแบบพี่หนึ่งอยู่ข้างๆ

ส่วนแอม ก็คงรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตนะ (ยังไงก็โกรธไอ้นี่ไม่หาย)


ออฟไลน์ quiicheh.

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-9
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 23.1 - 25/02/13)
«ตอบ #262 เมื่อ26-02-2013 11:40:21 »

เหมือนผ่านพายุลูกใหญ่เลย พี่หนึ่งโคตรเป็นซุปเปอร์ฮีโร่ โอ้ยยยยยยเจมโชคดีมากๆเลย รักพี่หนึ่งตลอดไปนะ

ออฟไลน์ Donaldye

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 563
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-1
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 23.1 - 25/02/13)
«ตอบ #263 เมื่อ03-03-2013 02:30:44 »

หายไปไหนนนนนนนนนนนนน

ออฟไลน์ kajidrid

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 191
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +249/-3
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 24 - 04/03/13)
«ตอบ #264 เมื่อ04-03-2013 00:04:37 »

Hear, Me

=======
If I could, I would
======


ตอนที่ 24



แม่เหมือนเดิมเปี๊ยบ! อ้อ...ผมดำสนิทไร้หงอกแซมเพราะแม่ไม่คอยย่อท้อจะไปทำสีผม ไอ้พี่จิวก็ยังหน้าพิมพ์เดียวกับผมเหมือนเดิม

อะไรวะ! 1ปีนี่มีแต่ผมที่มีการเปลี่ยนแปลงงั้นหรอ?

"แม่ครับ!" ผมตะโกนเรียกหลังจากมองทั้งคู่เต็มตา จากนั้นก็วิ่งรี่เข้าไปกอดให้เต็มรัก ให้สมกับคิดถึง หน้าผากผมโดนไอ้จิวตีหลายแปะ ไอ้ห่าพี่จิวตีไปหัวเราะไป แล้วก็โอบผมกับแม่ไว้อีกที มันรับหน้าที่ลากกระเป๋ากลับเข้าบ้านอริยะกุลให้ผม

ส่วนผมเดินเกาะแม่บอกจุดยืนว่าจะเกาะแม่กินไปจนตาย ฮ่าๆๆๆ

"เหนื่อยมั้ยชายเล็ก"

"เมื่อยนิดนึงครับ แต่เจอแม่ เจอพี่จิวก็หายเลย สดชื่นมากกก" ผมย้ำกอดแล้วก็ซุกหัวซบบ่าแม่ แต่ก็โดนไอ้จิวงัดขึ้นมาแล้วตบหัวอีกแป๊ะ

"โอ้ย! เจมเจ็บนะจิว!"

"แม่กู!!"

"ก็แม่กูเหมือนกัน"

"อย่ามาอ้อนนะ ไปเสวยสุขคนเดียวตั้งปี กลับมายังสำออยอ้อน" ห่า!! ไอ้พี่จิวขี้อิจฉา! ผมทำหน้ากวนตีนใส่มัน แต่ก็ปล่อยแม่ไปกอดมันแทน ตบหลังมันป้าบใหญ่แล้วก็คลายออก

"อ้อนพี่จิวแทนได้มั้ยวะ"

"ส้นตีน!" ด่าผมก็หน้าแดง รู้หรอกน่า คิดถึงกูมากล่ะสิ! ผมยิ้มล้อมันแล้วก็เดินตามแม่กับมันจนมาถึงทางออก

"ตาหนึ่งว่าให้มารอประตูนี้ พี่เค้าไปเอารถตั้งแต่เห็นเจมเดินออกมาไกลๆ รอแป๊บนึงนะชายเล็ก”

"ครับ" อ้อ..ก็ว่าทำไมไม่เห็นนายคฤณเลย วันนี้เป็นสารถีนี่เอง ตื่นเต้นหมือนกันแฮะ



แต่ความตื่นเต้นของผมที่จะได้เจอหน้านายคฤณอีกครั้ง ณ สยามประเทศ ก็ถูกกลบโดยความตื่นเต้นเมื่อเห็นรถยนต์คันใหญ่จนควรจัดประเภทเป็นรถบรรทุกหมูที่เขาขับมา

คุณเขาใช้ซีตรอง จัมป์เปอร์เป็นราชรถครับ ใหญ่ชิบหาย!!!

“โอ๊ะ! รถใหญ่อ่ะ คันใหม่หรอ?”

“อื้อ กูก็เพิ่งเห็นวันนี้แหล่ะ ตูดกูมีบุญเพราะมึงเลยนะเจม” ไอ้จิวสารภาพความตื่นเต้นที่มันเองก็รู้สึก ผมจึงได้ยืนตาโตปากเม้มอยู่หน้าประตูรถ

“ขึ้นรถสิเจม” แม่เรียกแล้วเปิดประตูขึ้นไป ไม่มีใครลงมาเปิดให้หรอกครับ  ไอ้จิวลากกระเป๋าผมทั้ง 2 ใบไปเข็นขึ้นรถ แล้วค่อยมาดันตัวผมให้ขึ้นรถ ผมก็ยังคงงงๆ กับขนาดของมันอยู่ คนซื้อแม่งไม่เห็นใจรถเล็กๆ อย่างพวกมินิอย่างกรูบ้างหรอ? ขับตามตูดจัมเปอร์นี่ก็โลกดับกันพอดี

“ไง....” คำทักสั้นๆ มาจากคนขับครับ ผมหันมองแล้วเหวอกินเพราะไม่คิดว่าเขาจะเป็นคนขับรถเอง นึกว่าจะให้พี่พลขับมาให้เสียอีก ผมส่งยิ้มให้นิดนึง แฮะๆ เขินแม่ หางตามันบอกว่าแม่จ้องอยู่ ยิ้มให้เขาแล้วก็นั่งข้างๆ แม่ ส่วนไอ้พี่จิวที่ถูกลืมนั่งเบาะหลังแม่อีกที

ระหว่างทางก็เหมือนช่วงทอล์คโชว์ของผมนั่นแหล่ะ แม่ถามแค่ว่า “เป็นยังไงบ้างชายเล็ก สนุกมั้ยหนีแม่ไปอยู่คนเดียว”

เรื่องราวที่ผมเล่าก็มาจากเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่ผมเอมใจบ้าง ไม่ชอบใจบ้าง
ความลำบากด้านเนื้อหาที่ผมต้องทำ วิธีการอบรมที่มาหินเอาช่วงท้าย ถูกถ่ายทอดผ่านสีหน้าเปื้อนยิ้มของผม แม่จะได้เข้าใจว่าผมเจอเรื่องลำบาก แต่ก็มีความสุขดี

ส่วนเรื่องที่มันเป็นจุดด่าง ผมไม่ได้เอ่ยปากพูดถึง

“ตาหนึ่งบอกแม่ว่าเจมไม่ค่อยทำอะไรกินเองก็เลยผอมลง เจมนี่ล่ะน้า” หม่อมแม่บ่นเรื่องสุขภาพของผม ผมก็เลยทำหน้าหงอยๆ รับความผิด และได้รางวัลเป็นอาหารมื้อหนักทั้งเดือนนี้ที่แม่บอกว่า “จะบอกป้าพิศแกให้ทำแต่ของชอบเจมนะ”

ถึงบ้านแล้วครับ อบอุ่นเหมือนเดิม
ผมวิ่งขึ้นห้องนอนซึ่งเป็นมาตุภูมิสำคัญของผมเป็นลำดับแรก
ห้องผมได้รับการทำความสะอาดเป็นอย่างดี ผ้าปูก็เปลี่ยนให้ กลิ่นใหม่มันฟ้อง คนทำให้ผมทุกอย่างก็คงไม่พ้นแม่ที่มายืนยิ้มอยู่ที่หน้าประตู ผมตื้นตันจริงๆ เลยเดินไปกอดเพื่อบอกขอบคุณกับอก แล้วก็ลั้ลลาทุ่มตัวลงบนเตียงที่ผมหวงแหน

ในใจผมร่ำๆว่า “กูกลับมาแล้ว กูได้กลับบ้านแล้วโว้ยยยยยยยยย”





กว่างานจะเข้าที่ก็ปาเข้าไปเดือนที่ 2
วันที่ผมมาทำงานวันแรก มีงานเลี้ยงต้อนรับผมด้วย
งานเล็กๆ ครับ แค่นัดพี่ๆ ในโต๊ะเดียวกันไปกินมื้อเย็นกัน นายคฤณเองไม่ขัดขวางอะไร และไม่ได้ตามไปด้วย ซึ่งก็ดีมากครับ ชีวิตผมมันควรเป็นของผมแต่เพียงผู้เดียวใช่มั้ยล่ะ?

แต่พอมางานเลี้ยงใหญ่หน่อย ที่พี่ปูเลี้ยงให้ นายคฤณไปส่งที่ร้านอาหารและรอรับกลับ เขาไม่ได้เข้าไปร่วมงาน ไม่ได้โผล่หน้าไปให้ใครเห็นเลย ทำตัวเป็นนอกสุดๆ และสาเหตุที่เขาไปส่งและรอรับก็เพราะว่า ไอ้แอมก็มาร่วมงานเลี้ยงนี้ด้วย

มันดูจะวางตัวห่างจากผมมากขึ้น เวลาโดนถามเกี่ยวกับตอนที่อยู่อังกฤษด้วยกัน มันจะตอบเฉพาะส่วนของมัน ไม่แตะต้องส่วนของผม แต่เรื่องที่มันตอบก็ทำให้ผมรู้ว่ามันยุ่งกับผมมาก และมันก็สามารถรวมอัลบั้มภาพถ่าย eye’s of London ในมุมของมันเองได้ด้วย ไอ้ห่านี่ซุ่ม!

ส่วนผมก็บอกเล่าเฉพาะที่มันเกี่ยวกับการอบรม แม้จะโดนแซวจนหน้าเหวอว่า “ได้ข่าวมีใครแวะไปหาด้วยนี่” อืมมม แซวเล่นกันใช่ป่ะ? ไม่ได้รู้อะไรมาใช่มั้ยวะ?

ผมไม่ได้แคร์เท่าไหร่ว่าใครจะรู้หรือไม่รู้สถานะระหว่างผมกับนายคฤณ แต่ผมยอมรับว่าผมแคร์สถานะทางสังคมของเขา แม้ปากเขาจะบอกว่าไม่แคร์ แต่มันก็น่าหงุดหงิดเวลาที่ต้องได้ยินสิ่งที่คนอื่นพูดถึงคนใกล้ตัวผม

วันนี้ก็เหมือนกัน
ผมนั่งมองนักข่าวมากมายจอแจกันในห้องแถลงข่าว
บริษัทที่จัดงานแถลงครั้งนี้ก็คือยักษ์ใหญ่รับเหมา ประเด็นหลักวันนี้คือแต่งตั้งเอ็มดีใหม่ ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกครับ
นายคฤณ ธีระเสถียร ทายาทคนเดียวของป๋าคณิณ ธีระเสถียรนั่นแหล่ะ

เขามาถึงโรงแรมแล้ว มาพร้อมกับผม แต่ผมมาที่ห้องแถลงก่อน ส่วนเขาก็ทำตามคิวที่พีอาร์จัดเอาไว้

งานเปิดตัวเขาไม่อลังการมาก เพราะนายคฤณขอแบบเป็นกันเอง แต่เน้นประเด็นเหนาะๆ
และตอนนี้เขาก็กำลังพูดเรื่องแผนงานหลังจากเขาก้าวขึ้นมาเป็นซีอีโอว่าจะผลักดันให้บริษัทเติบโตอย่างไร

“หล่อ เก่ง รวย นิสัยดีแบบนี้ คงไม่เหลือแล้วมั้ง” ใครสักคนพูด ผมไม่ค่อยได้คลุกคลีกับนักข่าวรายวันมากนักก็เลยไม่รู้ว่าคนพูดคือใคร ครั้นจะหันไปมองก็ดูจะสนใจเกินไปนัก

“ไม่เหลือหรอก เขามีเจ้าของแล้ว”

“เธอรู้มั้ยว่าใคร เขียนซุบซิบได้มั้ยเรื่องหวานใจเขาเนี่ย”

“เปรี้ยวใจมั้ง แว่วว่าเขาควงหนุ่ม”

“เขาเป็นสาวหรอเธอ?!”

“เขาไม่ได้เป็นสาว เขาเสือสองสิ่งสิไม่ว่า หนุ่มที่เขาควงล่ะมั้งที่เป็นสาว” กูป่ะ? หมายถึงผมใช่มั้ย? เขาไม่ได้ควงใครนะ แต่กับผมเขาก็ไม่ได้ควง แค่เดินจับมือยังไม่ค่อยได้ทำ เพราะผมพูดบ่อยว่าเจมไม่ได้ง่อยนะครับ ผมค่อยๆ ตะแคงหน้าหันมอง 2 สาวที่เมาท์กันจนหัวติด พอเห็นมีคนหันมอง พวกเธอก็ส่งยิ้มอายๆ ให้ผมดูแล้วก็คุยกันต่อ และเสียงก็ไม่ได้ลดระดับลงเลย

“เสียดายเนอะเธอ”

“เสียดายทำไม ต่อให้เขาไม่ใช่ หรือชอบผู้หญิงโอนลี่ เขาก็ไม่แลเธอ!”

“งี้แสดงว่าหนุ่มคนนั้นของเขาต้องโคตรเลอค่าอ่ะ ไม่งั้นจะเอาอะไรมางัดข้อกับชะนีล้วนๆ อย่างเรา”

“กล้าคิดนะยะ” เลอค่าหรอ? เปล่าเลย ผมแค่คนธรรมดาเท่านั้น

ผมกลับมาสนใจสิ่งที่นายคฤณกำลังพูดบนเวที น้ำเสียงเขาน่าฟังมาก นุ่มๆ พูดอย่างค่อยเป็นค่อยไป บอกเป้าหมาย อธิบายแผนงานและความเป็นไปได้ที่แผนจะสำเร็จ เขาเก่งมาก เขาดีมาก

ส่วนผม ก็แค่คนธรรมดาเท่านั้น


งานบนเวทีจบก็มีถามต่อกันนอกรอบตามสไตล์ พี่เก๋พีอาร์เดินมาหาผมแล้วจับไหล่ไว้ก่อนกระซิบถาม

“สัมภาษณ์เดี่ยวมั้ยเจม เดี๋ยวพี่ขอเวลาให้”

“อ๋อ...ก็ดีครับ แต่เขาก็พรุนแล้ว เจมคงต้องหามุมใหม่เขียนเอา”

“งั้นเดี๋ยวพี่เช็คตารางคุณหนึ่งให้นะ ว่างเมื่อไหร่จับใส่พานไปให้เจมเลย”

“ครับ” ผมหัวเราะเบาๆ แล้วก็ยืนอ่านเพรส (ข่าวแถลง) ที่ได้รับมาตั้งแต่ต้นงานไปเรื่อยๆ มีบ้างที่เงยหน้ามองเขาที่ยืนเป็นไข่แดงโดนล้อมด้วยนักข่าวสาว

“แล้วตกลง คุณคฤณโสดหรือไม่โสดกันแน่คะเนี่ย หลายกระแสเหลือเกิน”

“ถามตรงๆ แบบนี้เลยหรอครับ?” เขาตอบแล้วหันมองทางผม จะรู้มั้ยนะว่าอยู่ตรงนี้ผมก็ได้ยินสิ่งที่เขาพูด ก็ห้องแถลงข่าวมันเก็บให้เสียงวนเวียนอยู่ภายในห้องนี่แหล่ะ

“แปลว่าต้องตอบตรงๆ ด้วยค่ะ อย่าโกหกนะคะ ติดโผหนุ่มโสดน่าซดซะขนาดนี้ ตอบว่ามีแฟนแล้วนี่เงิบทั้งประเทศนะคุณคฤณ”

“ฮ่าๆๆ ตกลงจะให้ตอบว่าโสดอย่างเดียวใช่มั้ยครับ?” เขาถามกลับแล้วอมยิ้มกรุ้มกริ่ม สายตาแม่งโคตรล่อลวงหัวใจเลยเถอะ ผมแอบขำนิดๆ แล้วก็ยืนฟังเขาเลี่ยงหลีกไปเรื่อยๆ แต่พอโดนซักหนักๆ เข้า เขาก็พูดด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

“มีแล้วครับ ไม่โสดมา 2 ปีแล้วครับ”

“ใครคะเนี่ย บอกกันได้รึเปล่า จะเปิดตัวเมื่อไหร่”

“เขาขี้อายครับ”

“มีแพลนแต่งงานกันมั้ยคะเนี่ย?”

“ให้แหวนเขาไปแล้ว จองไว้ ไม่รู้เขาว่าไงครับ”

“โหยย ต้องสวยมากแน่เลยใช่มั้ยคะ? น่าอิจฉาแฟนคุณคฤณจังเลย รีบแต่งเลยค่ะ”

“ปล่อยให้ธรรมชาติพาไปดีกว่า ผมรักเขา เขารักผม แต่งไม่แต่ง ไม่สำคัญเลยครับ”

“พูดแบบนี้ผู้หญิงใจแป้วแย่ ใครๆ ก็อยากใส่ชุดแต่งงาน” นายคฤณเคลื่อนตามองผมครู่นึงก็ทำไก๋มองไปรอบๆ แล้วก็อมยิ้ม

“ไม่ใส่ชุดแต่งงานก็แต่งงานได้ครับ ผมไม่ถือ” พูดจบก็หัวเราะแล้วผงกหัวขอตัวกลับเพราะตอบคำถามจนไร้เรื่องที่เป็นสาระเกี่ยวกับงานบริษัทแล้ว

เรานัดกันที่รถของเขาเช่นเดิม ผมลาพี่พีอาร์ที่รู้จัก พยักหน้าให้เพื่อนนักข่าวรายสัปดาห์ที่คุ้นเคยกันมากกว่ารายวัน แล้วก็เดินลงไปรอที่เขาที่รถ

เบนซ์สปอร์ตกลับมารองรับตูดผมอีกครั้ง ขอบคุณโลกมากที่เขาไม่บ้าขับยักษ์ซีตรองให้ผมผวากับขนาดมันอีก เป้าหมายของผมกับเขา เรามุ่งไปที่ระยองครับ

เพราะเขาเหนื่อยกับการทำงานมากๆ และผมก็เพิ่งเริ่มจะเข้าที่กับเรื่องงานของผม เราก็เลยเพิ่งว่างตรงกันวันนี้

“เหนื่อยมั้ยครับ?” ผมถามเขาทันทีที่เปิดประตูขึ้นรถ นายคฤณส่ายหัวบอกแล้วก็ยิ้มบางๆ

“ให้เจมขับให้มั้ย?”

“ไม่เอาครับ เดี๋ยวคนมองแล้วขับตามเจมอีก” ฮ่าๆ เรื่องนี้มีประวัติครับ ผมโดนผู้หญิงขับรถตามแล้วมาขอเบอร์ที่ปั๊ม พอบอกเขาเท่านั้นแหล่ะ นายคฤณก็ไม่ให้ผมขับรถเองอีกถ้าไม่จำเป็น โถๆๆ ทำยังกับว่าเขาขับแล้วจะไม่มีหญิงใดมองอีก

เขาหันไปหยิบๆ จับๆ อะไรด้านหลังรถ แล้วก็ได้ขนมป๊อกกี้มาประทังชีวิตผม พร้อมกับน้ำอัดลมรสส้ม

“แก้หิวก่อนนะ กลางวันนี้กินอะไรดีครับ กว่าจะถึงระยองก็ค่ำ”

“แล้วแต่พี่หนึ่งเลย” ผมบอกแล้วก็รวบป๊อกกี้เข้าปากทีละ 5 แท่ง เขาถามผมว่าหิวมากหรอ ผมก็บอกเปล่า แล้วก็รวบป๊อกกี้อีก 5 แท่งเข้าปาก เขาคงรู้แล้วแหล่ะว่าผมหิวมากน้อยแค่ไหน

มื้อกลางวันแสนธรรมดาของผมกับนายคฤณ เกิดขึ้นในปั๊มที่เขาแวะเติมน้ำมันประจำครับ ดีว่ามีสาขาแบล็คแคนยอนมาเปิดที่ปั๊มนี้ เขาก็เลยพาผมกินข้าวมันไก่ข้างๆ อย่าถามว่าผมเอ่ยถึงแก่งดำทำไม ก็เขาพาผมเดินผ่านแล้วพูดว่า “มีร้านนี้ด้วย ดีเนอะ กินข้าวมันไก่มั้ยครับเจม”

เบ็ดเสร็จกันในปั๊มก็เดินทางต่อ รอบนี้ผมขับครับ ความเร็วที่ผมเหยียบคงทำให้เขาหงุดหงิด ถึงได้เปลี่ยนคลื่นวิทยุอยู่บ่อยๆ ราวกับคนว่างจัด ไม่มีอะไรทำ

ผมผ่านด่านตรวจที่เคยโดนสกัดด้วย ก็เลยถือโอกาสเล่าเรื่องที่เคยโดนสกัดจับให้เขาฟัง นายคฤณหัวเราะตัวงอแต่ก็ยิ้มปลื้มตามสไตล์แหล่ะครับ

“ห่วงพี่มากหรอครับ”

“ก็ต้องห่วงสิครับ” ผมตอบแล้วหันไปทำหน้าดุใส่ อยากจะถามเพิ่มว่ามีสิทธิ์ไรมาสงสัยในความรู้สึกผม ผมทำตัวให้เขารู้สึกว่าไม่ได้รับความห่วงใยหรอ ก็ไม่นะ

นายคฤณหัวเราะแล้วยกมือลูบท้ายทอยผม แล้วก็ไม่รู้นึกครึ้มอะไรถึงได้โน้มหน้าผมไปหอม ไอ้เชี่ยพี่หนึ่ง!!! ขับรถอยู่นะ!

“เฮ้ยย! เล่นแบบนี้อันตราย!!”

“พี่มองกระจกหลังแล้ว ไม่มีรถตามมาเลย ไม่มีใครเห็นหรอก”

“ไม่ได้กลัวใครเห็น เกิดเจมขับเป๋ตกทางด่วนเล่า!”

“โอ๋ๆๆๆ พี่หนึ่งขอโทษครับ ก็หน้าเจมมันน่าฟัดนี่นา”
“เดี๋ยวลงทางด่วนแล้วพี่ขับเอง”

“มุกนี้ตลอดเหอะ!”

“พี่หนึ่งขอโทษนะครับ” เขาย้ำคำแล้วยื่นมือมาลูบท้ายทอยผมอีกแล้ว เสียววูบเลยครับ ผมทำคอแข็งแล้วฝืนตัวออกห่าง ปากก็ขู่ไว้ก่อนว่า “ไม่เล่นแล้วนะพี่หนึ่ง เจมขับรถ!”

“ไม่เล่นไง ไม่เล่น เดี๋ยวถึงบ้านค่อยเล่นเนอะ” เนอะแนะอะไรเนี่ย ระยะหลังนี่ลดวัยเยอะจริงไรจริง ผมเหล่มองสำรวจ เบาใจได้นิดนึงว่าเขาคงไม่แกล้งอะไรผมอีก และอารามหมั่นไส้ท่านั่งแสนสบาย กางแข้งกางขา ผมเลยแกล้งเหยีบบปู้ดเดียวถึง 140 รถก็วิ่งฉิวทันใจ ทำเอานายคฤณร้อง “เฮ้ย!” เพราะตั้งตัวไม่ทันทันที

ฮี่ๆ กูเล่นบ้างแล้วเป็นไงล่ะ ตกใจใช่มั้ย? เข้าใจความรู้สึกกูยังเนี่ย?


เป้าหมายมีเอาไว้พุ่งชน แต่ประตูรั้วกับคนชนไม่ได้นะครับ
ผมรีบยกขาหน้ากะเก็งจะถีบหน้ารถผมทันทีที่นายคฤณเร่งเครื่องยนต์ใส่ วันนี้แกล้งกันหนักชิบหาย สงสัยจะหมั่นไส้ผมมาก

“ไอ้พี่หนึ่ง!”

“ครับ ครับ ไม่แกล้งแล้ว” น่าเชื่อชิบหายล่ะ ผมเดินเข้าบ้านไปก่อน กูไม่บ่งไม่โบกหรือดูระยะให้แล้ว บ้านก็บ้านเขา ผมมาแค่ 2 ครั้งเอง

แต่พอเข้ามาในบ้านที่ไม่ได้ล็อคกุญแจนี่อิ้งแดกไปเลยครับ
เฟอร์นิเจอร์ใหม่นี่คืออะไรววะครับ?
ที่คอนโดเขาก็เปลี่ยนยกชุดไปแล้ว ที่บ้านนี้ที่ไม่ได้มาบ่อยมากก็เปลี่ยนหรอ?
จะมีอะไรเปลี่ยนอีกมั้ย? เปลี่ยนใจจจากที่เคยรักกูเลยมั้ยเนี่ย?

“ชอบมั้ยครับ?”

“หือ? ถามเจอหรอ? เจมยังไงก็ได้”

“พี่คิดว่าเจมจะชอบ เอาจริงๆ ก็ อยากให้เจมชอบ” แล้วหน้าแดงทำไม? เขินอะร๊ายยยยยยย?  นายคฤณยกมือลูบหัวตัวเองไปมา ผมก็สั้นกุดกว่าผมอีก แต่ข้างหน้ายังสามารถเซตตั้งๆ บังทิศทางลมได้อยู่

“นี่พี่หนึ่ง ทำให้เจมหรอครับ?”

“อือ ดีมั้ย?”

“ที่คอนโดด้วยหรอ?”

“ก็..อือ ก็เจมไม่น่าจะชอบห้องที่มีคนอื่นเข้าไป”
“พี่ยังไม่ชอบบ้านที่อังกฤษเลย” อืม วิเคราะห์พื้นฐานความรู้สึกได้ตรงเป๊ะมาก แต่มันจำเป็นต้องเปลี่ยนโฉมบ้านนี้ด้วยหรอ?

“แล้วที่นี่ล่ะครับ?”
“เปลี่ยนทำไม เจมมีความทรงจำที่ดีที่นี่นะ”

“แต่ลูกแพรมาที่นี่ เจมไม่ชอบนี่ครับ”

“กับคุณลูกแพร เจมไม่คิดอะไรหรอกครับ แล้วเธอก็จากไปแล้ว อีกอย่างเธอก็เป็นน้องสาวที่พี่หนึ่งรักนี่นา อย่าห่วงเลย”

“ห่วงไปแล้ว เจมเคยติดใจเรื่องนี้นี่นา แสดงว่ามันเป็นสิ่งที่เจมให้ความสำคัญ พี่ก็ให้ความสำคัญ”

ละเอียดอ่อนชิบหายล่ะนายคฤณ ผมพยักหน้ารับรู้แล้วก็เดินดูของใหม่รอบบ้าน ในห้องนอนก็เปลี่ยนด้วย
ในห้องนอนของเขาก็เปลี่ยนเหมือนกัน ตู้เสื้อผ้าที่ผมเคยแอบเข้าห้องมาแล้วค้นเจอเรื่องของเขาตอนเด็กๆ ที่ผมเคยลืมไป ก็ถูกเปลี่ยนไปด้วย ไม่มีชุดเดรสผู้หญิงในตู้นั้นแล้ว มันแทบไม่มีอะไรให้ผมสงสัยในตัวเขาเลย

ความจริง เขาไม่ต้องทำแบบนี้ก็ได้
ไม่ต้องเปลี่ยนตัวเอง เปลี่ยนสิ่งรอบตัวเขา เพื่อตัวผม
2 ปีที่เขาดูแลผม บอกทุกอย่างกับผมหมดแล้ว และผมก็คำบอกกล่าวที่ไร้เสียงพวกนั้นไปแล้วด้วย

เขารักผม นายคฤณรักผมจริงๆ
เขารักเขาห่วงของเขาอย่างที่ปากเขาว่าจริงๆ นั่นแหล่ะ

“เจมครับ กินปูอีกมั้ย? ไปหาซื้อกัน”

“ไปครับ” ผมตอบรับทันที นึกล่วงหน้าถึงตอนปั่นจักรยานไปท้ายหาดแล้วหาซื้อปู กุ้ง ปลาหมึกจากพ่อค้าแม่ค้าที่หมู่บ้านชาวเลก็อารมณ์ดีแล้ว

ยัยคิตตี้ขี้ติสยังครองบ้านนี้อยู่ แต่ในโรงรถของเขาก็มีดูคาติสีเหลืองเพิ่มขึ้นมาด้วย เรียกได้ว่าเด่นสุดๆ  เมื่อยืนคอเอียงเรียงเป็นตับร่วมกับเจ้าดำกลุ่มเดิมทั้งหลาย

เขาปั่นจักรยานไม่เร็วนัก ทำให้ผมปั่นตามได้ไม่เหนื่อย สายลมระริ้วแก้มผมอยู่ไม่ขาด แสงแดดยามเย็นไม่ส่งความร้อนมากระทบผิวผมแต่อย่างใด

ทุกอย่างในวันนี้ทำให้ผมอารมณ์ดีได้เหมือนกับวันนั้น วันแรกที่ผมมาที่นี่ วันที่เขาพาผมมาพักผ่อนที่ชายทะเลแล้วพูดกับผมว่า  "ขอบคุณครับ ที่ไว้ใจมากับพี่"

ผมรู้แล้วว่าเขาขอบคุณคนที่ไว้ใจความรักของเขาด้วยวิธีไหน เข้าใจแล้วว่ารูปร่างคำว่าขอบคุณของเขาเป็นยังไง

ผมเองก็ขอบคุณนายคฤณมากๆ เหมือนกัน


“พี่หนึ่ง พักก่อนได้มั้ยครับ?” ผมเอ่ยเรียก และเขาก็ชะลอความเร็วทันที

ต้นอะไรก็ไม่รู้ที่เราพิงจักรยานเอาไว้ ผมเดินมาที่หน้าหาดทราย เม็ดละเอียดของมันทำให้ผมไม่ลังเลที่จะนั่งลงแช่ก้น นายคฤณนั่งลงข้างๆ แต่เขาโชว์เหนือด้วยการเหยียดขาไปข้างหน้าเต็มเหยียด และแน่นอนว่าขาเขายาวกว่าขาผม อีโธ่! แค่นี้ก็ต้องเกทับ ชิ!


พระอาทิตย์กำลังคล้อยต่ำลงเรื่อยๆ อยากจะติดเบรกให้คุณเขาจริงๆ เหตุผลน่ะหรอ? ก็ผมยังต้องการสักขีพยานอยู่นี่นา

“พี่หนึ่ง”

“ครับ? วันนี้เรียกบ่อยนะเรา รักพี่มากหรอ?”

“เจมไม่ใช่แม่นาคซะหน่อย”

“ก็กล้าเล่น” แขว่ะผมนะ แต่ก็หัวเราะขำ ผมก้มหน้าหลบอาย ข่มได้ก็ล้วงบางอย่างมาจากกระเป๋า


สารภาพเลยแล้วกัน
ผมเตรียมเซอร์ไพรส์มาด้วย

ตอนที่เขาชวนผมมาระยองหลังจากจบงานแถลงข่าวรับตำแหน่งซีอีโอของเขา ผมก็คิดเรื่องนี้ขึ้นมาทันที
แหวนที่เขาเคยทำให้ผม แหวน “ความรักของที่หนึ่ง” คืนสู่นิ้วผมตั้งแต่ผมทำความเข้าใจเรื่องยัยตัวหนังสือ แต่ตอนอยู่ที่อังกฤษ ผมไม่ค่อยได้ใส่ติดตัวหรอกครับ เพราะบางทีออกไปข้างนอกมันต้องใส่ถุงมือ มีอะไรมาครอบมือผมเยอะแยะมากมายแล้วมันพาลหงุดหงิด ผมเลยถอดเก็บไว้ นึกได้ทีก็จะเอาออกมาใส่แล้วอวดแบบแอบๆ ให้เขาเห็น ป้องกันคนน้อยใจครับ

และวันนี้ แหวนของผมก็ควรอยู่บนนิ้วเขาเสียที
อย่าคิดว่าผมใช้อัฐคุณนายวันระพี ซื้อแหวนคุณนายวันระพีล่ะ
ผมซื้อเคาน์เตอร์อื่นครับ ไม่ใช่ไม่ชอบแหวนร้านแม่ แต่ผมอาย แล้วผมก็อยากให้เป็นความลับ อยากให้เขาเป็นคนแรกที่เห็นมัน ยิ้มให้มัน และดีใจที่ได้สวมใส่มัน

“พี่หนึ่ง”

“ครับ ครับ เริ่มสงสัยแล้วนะว่าเรียกทำไม” นายคฤณหันหน้ามาหา แสงส้มสาดกระทบข้างแก้มเขา ลำแสงบางๆ ส่องกระทบม่านตาจนสีดำขลับแปรเปลี่ยนอารมณ์ไปบ้าง แต่ก็ยังน่ามองอยู่ดี

“เจม...อยากขอบคุณ ที่พี่หนึ่งรักเจม จริงๆ”
“อ่ะ ให้”
โรแมนติกแล้วใช่ป่ะ?

บอกแล้วไงว่าข้อดีที่สุดของผมคือพูดตรงๆ เข้าเป้า เรื่องโรแมนติกนี่ห่างไกลกันมาก

นายคฤณมองแหวนที่จิ้มหน้าอกเขา ตอนนี้แสงส้มก็ไม่ช่วย เพราะหน้าเขาแดงแป๊ดขึ้นมาทันที เขายกกำปั้นขึ้นบังปาก แต่ผมก็เห็นได้ดีว่าเขายิ้มอยู่

“ไม่รับหรอครับ?” ผมถามเสียงแผ่ว อย่ามาทำกูหน้าแตกตอนนี้นะ หนีลงทะเลไปอยู่กินกับผีเสื้อสมุทรจริงๆ ด้วย!

“สวมให้พี่สิ”
“นี่เจมขอพี่แต่งงานหรอ?”

“บ้าเหอะ! ไม่ได้ขอแต่งงาน เจมแค่...แค่แลกแหวนเอง”
“ก็พี่หนึ่งให้ยังให้เจมได้เลย”

“โธ่เอ้ย! โรแมนติกหน่อยก็ไม่ได้”
“แต่พี่อยากให้เจมใส่นะ หมาเจมใส่ให้พี่หนึ่งทีนะครับ” อ้อนตีนนะเรา เรียกกูหมา ควรค่าแก่การบรรจงสวมแหวนให้มาก

ผมแกล้งส่งเสียงรำคาญ แต่ก็ดึงนิ้วเขามาสวมแหวนให้ สารภาพว่าตอนซื้อก็ไม่รู้ไซส์ เดาไม่ถูกเหมือนกัน เพราะงั้นทุกนิ้วก็ต้องเป็นหนูทดลองหมด

บิงโก!! ใส่ได้ที่นิ้วชี้พอดี เข้ากับเขาดีนะ นายคฤณจอมบงการ ทุกวันนี้กางเกงในผมก็ต้องเป็นยี่ห้อที่เขาชอบ ซึ่งจริงๆ มันก็ยี่ห้อเดิมที่ใส่อยู่ดี

“สลักอะไรรึเปล่า?”

“ไม่ครับ เกลี้ยงลาย”
“เจมชอบแบบนี้นี่” หน้าบูดเป็นตูดหมูเลย แต่ก็แค่วูบเดียว นายคฤณดึงมือตัวเองไปมองใกล้ตา เขาจูบแหวนบนนิ้วตัวเองเบาๆ หูวววว เล่นเอาผมใจเต้นเลย นี่แหวนกับผมสื่อจิตผูกวิญญาณกันรึเปล่าวะเนี่ย?

“พี่หนึ่ง”

“ครับ”

“รักเจมไปเรื่อยๆ จะลำบากมั้ยครับ”
“เจมหมายถึง ขอให้พี่หนึ่ง รักเจมไปเรื่อยๆ”
“ตลอดไปมันดูอลังการไป เจมไม่คาดหวังขนาดนั้น เกิดตายจากกันไปจะไม่หลุดพ้นสักที”
“เจมแค่อยากให้พี่หนึ่งรักเจมไปเรื่อยๆ เหมือนที่เจมจะรักพี่หนึ่งไปเรื่อยๆ”

“พี่จะรักเจมไปเรื่อยๆ ครับ พี่หนึ่งสัญญา”

“เจมไม่สัญญาได้มั้ย? เกิดตาย....”

“เจม เพ้อเจ้อน่า”
“นี่เราสัญญารักกันอยู่นะ ทำไมต้องพูดตายอะไรเยอะแยะ”
“เอาใหม่ ลบๆๆ”

“ลบได้ไง ก็พูดไปแล้ว แล้วเจมก็ไม่อยากผูกสัญญานี่นา”
“มันเหมือนต้องการคำการันตี”
“เจมจะไม่ว่าอะไรเลย ถ้าพี่หนึ่งเจอคนที่ทำให้พี่หนึ่งมีความสุขมากกว่าอยู่กับเจม”
“เราเชื่อใจก็พอครับ”

“ครับ แต่พี่รักเจมตลอดไปได้จริงๆ นะ”

“ก็ไม่อยากให้พูดว่าตลอดไปนี่นา”

“เจมนี่น้า!” เขาบ่นแล้วก็ผลักหัวผมเบาๆ แต่พอผมเอียงออกห่างเขาก็ดึงผมไปกอดจนหน้าผมจมอกเขา


พระอาทิตย์ยังห้อยตัวอยู่ที่ปริ่มขอบฟ้า

แสดงว่าคำสัญญาของเขามีสักขีพยาน งี้ก็ต้องมีผลตามกฎหมายสินะ อ่ะ! แต่ผมไม่ได้คาดหวังอะไรหรอกนะ แต่ก็ยอมรับว่านึกภาพตัวเองยามไม่มีนายคฤณไม่ออกเหมือนกัน

“คุณคฤณครับ” ผมเรียกเขาแบบเป็นทางการ นายคฤณหัวเราะก้องเพียงในลำคอแล้วก็ขานรับ

“ครับ ชานนท์”

“ผมรักของผมมากนะ รักผมมากๆ ด้วยนะครับ”

“ได้ครับ ชานนท์”


ยิ้มของผมตอนนี้ สะท้อนความสุขได้เปล่งปลั่งกว่าแสงอาทิตย์ฉ่ำๆ มากครับ เชื่อเถอะ


ความรักของผมไม่ได้ยิ่งใหญ่ไปกว่ารักของใคร
แต่ความรักของนายคฤณใหญ่มาก หนักแน่นมาก จริงจังมาก แต่ก็อ่อนโยนมากเช่นกัน
เขาให้ผมและผมรับไว้ และเขาก็ใช้ความรักของเขาสอนผมในหลายๆ สิ่ง
ผมได้เรียนรู้การรักใครสักคนจากใจจริง เรียนรู้ที่จะผลักความเจ็บปวดออกไปเพื่อรักใครคนหนึ่งต่อไป
ยอมทิ้งสิ่งที่เคยเป็นในอดีต เพื่อก้าวเดินไปพร้อมใครสักคนได้อย่างมีความสุขขึ้น
และยอมไม่กังวลถึงอนาคต ไม่แคร์โลกแสนกว้างที่เต็มไปด้วยกฎเกณฑ์และความคาดหวัง...

เพื่อรักตอบใครสักคน ที่ชื่อว่า คฤณ



END





 
ขอบคุณค่ะ
ขอบคุณทุกๆ คนที่อ่านจนจบนะคะ ได้มาลงฟิคที่นี่ได้ประสบการณ์หลายอย่างเลยค่ะ


 :bye2: :bye2: :bye2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-03-2013 22:02:32 โดย kajidrid »

ออฟไลน์ Donaldye

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 563
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-1
Re: (ตอนจบ) Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 24 - 04/03/13)
«ตอบ #265 เมื่อ04-03-2013 00:22:55 »

ฮือออออออที่หายไปเพราะว่าตอนนี้จบแ้ล้วสินะ ฮือออออ
ชอบเรื่องนี้นะ อย่าลืมมีตอนพิเศษน้า ><
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆค่ะ  :L2:

ออฟไลน์ nunnan

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2275
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-6
Re: (ตอนจบ) Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 24 - 04/03/13)
«ตอบ #266 เมื่อ04-03-2013 00:29:44 »

จบแล้ววว  :monkeysad: :monkeysad:

ออฟไลน์ patchylove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1585
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-4
Re: (ตอนจบ) Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 24 - 04/03/13)
«ตอบ #267 เมื่อ04-03-2013 00:56:28 »

 :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2:

Happy Ending สนุกมากเลย

ออฟไลน์ quiicheh.

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-9
Re: (ตอนจบ) Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 24 - 04/03/13)
«ตอบ #268 เมื่อ04-03-2013 01:05:09 »

หายไปนานกลับมาก็จบแล้วT_T
สนุกมากๆค่ะตามอ่านตั้งแต่ตอนแรกยันตอนสุดท้าย
แม้จะมีดราม่าประปรายแต่ก็สนุกอยู่ดี
ขอตอนพิเศษด้วยนะคะอยากหวานไปกับคู่นี้ฮ่าๆ

เอ่ออออออ... ไม่อยากให้จบเลยค่ะแงงง

ออฟไลน์ พลอยสวย

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-5
Re: (ตอนจบ) Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 24 - 04/03/13)
«ตอบ #269 เมื่อ04-03-2013 01:18:37 »

 :กอด1:  อร๊ายยยหมาเจมกะพี่หนึ่ง จ๊วบๆ 


ขอตอนพิเศษด้วยสิคะ อิอิ :z1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด