☆☆Magica Café☆☆ ตอนพิเศ๊ษ พิเศษ มาอ่านกันเต๊อะ (30/08/2556)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ☆☆Magica Café☆☆ ตอนพิเศ๊ษ พิเศษ มาอ่านกันเต๊อะ (30/08/2556)  (อ่าน 134188 ครั้ง)

ออฟไลน์ YOSHIKUNI RUN

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
 หง่ะ เราร้องไห้ตามชีวา เลยอ่าาา
เฮ้อ~~ ชีวา จัดการให้เคลียรๆ เลยนะ เดวจะมาน้ำตาตกอีก

อีกคู่ บรรยากาศช่างแตกต่าง....
 การ์ฟ นายเสี่ยว หว่ะ 55

ออฟไลน์ smirnoi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 171
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-4
อ่านรวดเดียวเลย คู่เพื่อนสนิทนี่แบบสุดๆ น่ารักมากๆๆๆๆ

ออฟไลน์ greensnake

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3440
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +920/-14
เล่นเอาใจหายหมดเลยนึกว่าเรื่องจริงซะแล้ว :เฮ้อ:
ถึงจะสงสารชีวาแต่ก็ขอเข้าข้างกะปอมน้อยหน่อยนะ
ถ้าป๋าไม่จัดการเราจะยุให้ปอมปอมพูดคำนั้นจริงๆด้วย
ดูอย่างคู่เพื่อนสนิทนั่นสิ นับวันความสัมพันธ์ยิ่งรุดหน้า
ครอบครัวไฟเขียวอีกต่างหาก ไม่มีอะไรน่าเป็นกังวล
แต่คู่ป๋าสตาร์ทก่อนกลับทำท่าจะถอยหลังซะอย่างนั้น
เห็นแก่ปอมปอมหรอกนะ เราเอาใจช่วยก็ได้ :hao3:
ขอบคุณวันใหม่มากค่ะ :กอด1:
+1และเป็ด
ป.ล. ความรักทำให้การ์ฟเสี่ยวอ่ะ :-[

ออฟไลน์ Vavaviz

  • oONaMMOo
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 513
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-4
น่ารักสองคู่เลยแหะ~

รออ่านตอนต่อไปค่าา

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
การ์ฟเสี่ยวอ๊า 555

ออฟไลน์ CarToonMiZa

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +820/-41
แอบมาส่อง :m22:
+1

ออฟไลน์ cinquain

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +247/-0
หาตั้งนาน ตกมาหน้าห้าแน่ะ!
ช่วยผลักนิดพี่จะได้หาง่ายๆ  :mew3:

ออฟไลน์ wanmai

  • ★รักใสปิ๊ง★(>_<)
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 936
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1195/-5
Magica Café

Magic (22)



เพื่อเคลียร์ปัญหาคาใจที่เกิดขึ้น ชีวาได้พาปอมปอมมาพบไวน์ด้วย เมื่อมาเห็นแบบนั้นปอมปอมก็มองหน้าพี่ทันที สีหน้าหนุ่มน้อยบ่งบอกถึงความไม่พอใจที่มันเริ่มกรุ่นขึ้นมา ถึงจะรู้ว่าทำเพื่อจะให้เขาสบายใจ แต่ทำแบบนี้มันเท่ากับทำร้ายใจพี่ไวน์คนนั้นชัดๆ

ปอมปอมจะดึงมือออกแต่ชีวาจับไว้แน่น น้องฮึดฮัดอยู่ไม่นานก็หยุด ดวงตาเรียวมองพี่ไวน์ที่หน้าซีดเผือดแล้วสงสารจับใจ พี่ผู้หญิงอีกสองคนที่มากับพี่ไวน์ต่างก็มองเขาอย่างไม่เป็นมิตร โธ่ เขาไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นแบบนี้สักหน่อย

เมื่อไวน์เดินมาใกล้ชีวาก็เตรียมพูดในสิ่งที่ตนเองคิด แต่รอยยิ้มของอีกฝ่ายที่ดูอย่างไรมันก็เป็นเพียงการฝืนยิ้มนั้นกลับทำให้เขาชะงักคำพูดทุกประโยคลง

“เรื่องนี้เองสินะที่ชีวาจะบอก”

“ขอโทษที่วาไม่เคลียร์ตัวเอง จนเรื่องมันบานปลายใหญ่โต”

ไวน์พยักหน้ารับรู้ สีหน้าเศร้า เพื่อนสาวทั้งสองของไวน์แทบเต้นเร่า อยากเข้ามาประทุษร้ายชีวาเต็มทน

“ไวน์เข้าใจ...”

“ไวน์...” ชีวาเรียกชื่ออีกฝ่ายอย่างเสียใจ เพราะเขาเองที่ทำให้มันเป็นแบบนี้ มือใหญ่กุมมือน้องแน่น เมื่อน้องนิ่งเกินไปจนเขาใจไม่ดี

ไวน์มองมือของทั้งสองคนที่กุมกันแน่นแล้วเจ็บลึกๆในหัวใจ จะโทษชีวาอย่างเดียวก็ไม่ถูก เขาเองต่างหากที่ไม่ดูตาม้าตาเรือ รักคนที่เขามีเจ้าของ

“ฉันจะทนไม่ไหวแล้วนะ!” เพื่อนสาวหนึ่งเดินตึงๆเข้ามาหา เพื่อนสาวสองตามกันมาติดๆ สีหน้าของทั้งคู่บ่งบอกว่ากรุ่นโกรธมากมาย

“ไวน์ของพวกฉันไม่ดีตรงไหน นายถึงไม่ชอบ!”

“อิ๋ว”

ไวน์พยายามดึงเพื่อนที่พุ่งเข้าไปหาชีวาอย่างน่ากลัว ไม่เคยเห็นเพื่อนเป็นแบบนี้ รู้ว่าเพื่อนทั้งสองคนรักและเป็นห่วงเขามาก แต่ไม่ควรทำร้ายคนอื่น

“ไวน์ไม่เคยชอบใคร ตั้งแต่เป็นเพื่อนกันมาฉันเพิ่งเห็นเขามีใจให้นายก็คนแรก เวลานายทำดีกับเขา เขามีความสุขแค่ไหนรู้บ้างไหม พวกเราพยายามช่วยเขาทุกอย่างแต่นาย นายกลับซื่อบื้อแบบนี้!!”

เด็กสาวทั้งตีทั้งต่อว่าชีวา ซึ่งอีกฝ่ายก็ได้แต่ยกแขนขึ้นป้องกัน เบี่ยงตัวบังน้องเอาไว้ เมื่อเห็นว่าเพื่อนไม่ยอมหยุดแม้จะยื้อเท่าไหร่ก็ตามไวน์จึงหยุดยื้อยุดแล้วตะคอกเสียงดังอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน

“พอแล้ว! พอได้แล้ว!!”

ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นหยุดชะงัก เพื่อนสาวของไวน์หน้าจืดเจื่อน “ไวน์...”

“เราเข้าใจว่าพวกเธอหวังดี แต่ที่พูดออกมามันถูกแล้วเหรอ?” เด็กหนุ่มพยายามข่มใจ มองปอมปอมที่อยู่ในอ้อมแขนชีวาแล้วกลั้นใจพูดประโยคต่อมา “แฟนเขายืนอยู่ตรงนี้แท้ๆ คิดถึงใจน้องเขาบ้างไหม?”

สองสาวเงียบสนิท บรรยากาศกดดันยิ่งกว่าเดิม พวกเธอก็แค่อยากให้ไวน์สมหวัง อยากเห็นเพื่อนคนนี้มีความสุข มันผิดที่ไปแย่งความสุขของคนอื่นมา แต่ว่าพวกเธอไม่อยากเห็นเพื่อนที่มองความรักสวยงามมากมายอย่างไวน์ต้องเสียใจ รู้ว่ามันเป็นวิธีที่งี่เง่าและเห็นแก่ตัว แต่พวกเธอก็ทำมัน ช่างเป็นการรักเพื่อนที่ผิดทางไปมากมาย

“ถ้ามันจะทำให้ความโกรธของพวกเธอลดลงบ้าง จะตีเราก็ได้” ชีวาเอ่ยบอกกับสองสาว

“อย่าให้ถึงขนาดนั้นเลยชีวา พวกเราต่างหากที่ผิด จะทำแบบนั้นกับชีวาได้ยังไง”

ไวน์ยิ้มเศร้า เขาเพ้อไปเอง ชีวาดีกับทุกคนไม่ใช่แค่เขา แต่คนมีใจ ไม่ว่าเขาทำอะไรให้ ต่อให้มันเล็กน้อยแค่ไหนก็รู้สึกว่ามันสำคัญทั้งนั้น

ปอมปอมมองหน้าคนนั้นที คนนี้ที บรรยากาศอะไรไม่รู้ที่เขาเข้าไม่ถึง มองพี่ไวน์ที่เศร้าซึมลงไปแล้วว่า “ถ้าพี่ไม่กล้า... งั้นปอมทำเอง!”

ผลัวะ!!!

“เฮ้ย!/กรี๊ด!!”

หลายเสียงปนกันมั่วเมื่อเหตุการณ์ที่เกิดมันรวดเร็วจนคาดไม่ถึง เมื่อปอมปอมที่เงียบมาตั้งแต่ต้นเหวี่ยงหมัดใส่ชีวาเสียจนอีกคนหน้าสะบัด ชีวามองน้องอึ้งๆ จับมุมปากตนเองที่ถูกน้องต่อย ปอมปอมถอนใจแรงๆ สีหน้าขึงขังหันขวับมาหาไวน์ ไวน์สะดุ้งเฮือก สาวๆที่เต้นเหย็งๆเมื่อครู่ก็รีบหลบหลังไวน์ เห็นหน้าละอ่อน ตัวเล็กๆไม่นึกว่าจะรุนแรงแบบนี้

ปอมปอมบิดข้อมือจากการเกาะกุมของชีวา ก้าวเข้าไปหาไวน์แล้วคว้ามืออีกฝ่ายมาจับ ไวน์กะพริบตาปริบ

“ปอมไม่โทษพี่หรอก คนผิดคือคนของปอมที่ไม่ยอมพูดอะไรให้มันชัดเจนแต่แรก ปอมอยู่ข้างพี่”

ไวน์ที่กำลังนิ่งอึ้งมองหน้าเด็กรุ่นน้องแล้วค่อยเปิดยิ้มขำ หัวเราะน้อยๆ ก่อนเสียงหัวเราะนั้นจะเงียบลงเปลี่ยนเป็นร้องไห้ไม่มีเสียงแทน ปอมปอมหน้าจ๋อย แขนเรียวโอบกอดพี่เขา คนถูกกอดนิ่งอึ้ง ตัวสั่นสะท้านเมื่อร้องไห้หนักยิ่งกว่าเดิม ปอมปอมยืนกอดไวน์ที่ร้องไห้นิ่ง เขาไม่รู้จะทำอย่างไร ไม่รู้ว่าที่ทำอยู่มันดีหรือเปล่า แต่ไม่อาจนิ่งเฉยมองดูพี่เขาเสียใจได้

เวลาผ่านไปสักพักไวน์ก็พอจะควบคุมตัวเองได้ ปอมปอมคลายอ้อมกอดก่อนก้าวถอยออกมาเล็กน้อย ไวน์หมุนกายกลับไม่พูดอะไร เพื่อนสาวทั้งสองที่ร่วมร้องไห้ไปกับเขาเข้ามาหา กอดแขนเขาคนละข้างแล้วเดินไปด้วยกัน



บนทางเท้า ชีวาจับมือน้องเดินไปที่รถ เขาอยากขอโทษแต่คำนี้มันออกจากปากเขาบ่อยจนเขาเองยังรู้สึกแย่ ทั้งสองขึ้นรถ คาดเข็มขัดนิรภัยแล้วปอมปอมก็นั่งเหม่อ ชีวาหันมามองน้อง รู้สึกหม่นมัวไปหมด เด็กหนุ่มสตาร์ทแล้วออกรถ น้องยังคงนั่งเงียบอยู่เหมือนเดิม

ปล่อยเวลาให้ผ่านไปเรื่อยๆก็ดูเหมือนกะปอมน้อยจะกลับมาอยู่กับปัจจุบันเสียที หนุ่มน้อยค่อยหันมามองคนข้างกาย เห็นมุมปากพี่แตกแล้วหัวคิ้วก็ขมวดปม นี่เขาชกแรงขนาดนั้นเลยหรือ? มือเรียวเอื้อมไปแตะมุมปากพี่ ชีวาสะดุ้งเล็กน้อย เหลือบมามองน้องแล้วหันไปมองถนนต่อ

“เจ็บมากไหมป๋า?” น้ำเสียงห่วงใยและสีหน้ารู้สึกผิดทำให้ชีวายิ้มบาง

“เหมือนมดกัด”

เด็กหนุ่มตอบน้องไปเช่นนั้น เห็นน้องเงียบเลยจะหันไปมองแต่น้องก็ชะโงกมาหา จุ๊บมุมปากที่เป็นแผลเพราะฝีมือตัวเองเบาๆ ชีวาชะงัก ค่อยเปิดยิ้มออกมา ไม่มีคำพูดอื่นใดต่อจากนั้น แค่นี้ก็รู้สึกได้ถึงความในใจที่มี




บ่ายวันต่อมา มหาวิทยาลัยของอาร์ดิว หนุ่มตี๋วิ่งหน้าตั้งมาหามิมิวกับพี่ธารที่นัดกันว่าจะไปหาอะไรทานแถวนี้ก่อนกลับบ้าน นานๆจะมีเวลารวมตัวกันสักที ชีวากับการ์ฟก็ไปรอที่ร้านก่อนแล้ว เหลือแต่อาร์ดิวที่ยังไม่หมดชั่วโมงเรียน

รุ่นพี่ของอาร์ดิววิ่งตามมา เอาของที่ลืมมาให้ หนุ่มตี๋เอ่ยขอบคุณพี่เขาก่อนจะขึ้นรถของพี่ธาร มิมิวที่ขึ้นไปนั่งหน้าคู่คนขับเหลือบมองเพื่อนแล้วว่าลอยๆ

“เสน่ห์แรงอ่ะ”

“หือ?” อาร์ดิวเลิกคิ้วสูงเชิงถาม

“เปล๊า”

“อะไร บอกมาซะดีๆ” เอ่ยถามกลั้วหัวเราะ เสียงสูงขนาดนั้นมันน่าเชื่อไหมมิมิว

“คนเมื่อกี้อ่ะ...” เด็กสาวหนึ่งเดียวในรถเอ่ยขึ้นแล้วหยุด ทำหน้าตารมีเลศนัย

“ทำไม?” อาร์ดิวหรี่ตามองเพื่อน ทำเป็นมีลับลมคมในอะไรกัน

“ฮื่อ อาร์ดิวคนซื่อบื้อ” นิ้วเรียวเอื้อมข้ามเบาะมาจิ้มจมูกเพื่อน

อาร์ดิวโยกตัวหนีแล้วถามกลับยิ้มๆ “อะไรล่ะ?”

“เขาแอบชอบน้องน่ะ” พี่ธารเอ่ยบอก อาร์ดิวตาโตทั้งร้องอุทาน

“หา?”

“เห็นมะ พี่ธารยังดูออกเลย”

มิมิวว่า มองเพื่อนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวกับใครเขาแล้วส่ายหน้า อาร์ดิวยิ้มแหย เขาจะไปรู้ได้อย่างไรว่าใครคิดอะไรกับใคร ก็เขาไม่ได้มองใครเลยนี่นา...

ก๊อกๆ

เสียงเคาะกระจกด้านที่ตี๋น้อยนั่งดังขึ้น ทำให้เพิ่งรู้ตัวว่ามาถึงร้านอาหารที่นัดกันไว้แล้ว อาตี๋ลดกระจกลง การ์ฟโน้มตัวลงมาอยู่ระดับสายตาของเขาพอดี

‘ไม่ได้มองใครเลยจริงๆ…’

“อะไรตี๋ ตาลอยเชียว”

“อะ... เอ่อ...” ตี๋น้อยอึกอัก มัวแต่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย น่าอายจัง

“ลงมาได้แล้ว” การ์ฟเอ่ยเร่ง เมื่อพี่ธารปลดล็อคประตูเขาก็เปิดให้ตี๋น้อยรีบลงมา มัวแต่นั่งตาลอยคิดถึงใครก็ไม่รู้

ทั้งสี่คนเข้าไปในร้านอาหารที่ชีวานั่งจองโต๊ะรออยู่ สั่งอาหารมาทานกัน สองหนุ่มเพื่อนสนิทเขาก็ดูแลกันไปตามประสาเพื่อนสนิท มิมิวมองเพื่อนของตนเองกับการ์ฟด้วยความหน่วงที่ตัดออกจากใจไม่พ้น พี่ธารที่นั่งข้างกันเลื่อนมือมากุมมือเรียวใต้โต๊ะ มืออีกข้างก็ยังคงคีบอาหารใส่ปาก มิมิวหันมามองแล้วยิ้มบาง ค่อยตักอาหารตรงหน้าทานต่อด้วยความรู้สึกที่ดีขึ้นมากกว่าเดิม




“ดิวๆๆ”

เสียงกะปอมน้องวิ่งตึงตังมาที่ห้องพี่ชาย เปิดประตูห้องนอนเข้ามาแล้วโดดผลุงขึ้นไปนั่งบนเตียง อาร์ดิวที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จยืนเช็ดผมมองน้องเชิงถาม

“ตาต้าออนยังอ่า~” น้ำเสียงตื่นเต้นเอ่ยถามพี่ชาย

“พี่ยังไม่ได้เปิดคอมเลย”

“ง่า เดี๋ยวปอมเปิดเอง” รีบอาสาแล้วกุลีกุจอไปยกโน้ตบุ๊กของพี่ชายมาวางบนเตียงแล้วเปิดเครื่อง

“คอมตัวเองก็มี ทำไมมาใช้ของพี่?” อาร์ดิวเอาผ้าที่ใช้เช็ดผมไปผึ่งไว้นอกห้อง ก่อนเดินมานั่งที่เตียงกับน้องที่จัดการเปิดคอมต่ออินเตอร์เน็ตแล้วเรียบร้อย

“ก็คุยกันสามคนสนุกกว่านี่นา”

ให้เหตุผลไปแบบนั้นแล้วยิ้มตาปิด กวักมือเรียกพี่ให้ขยับมาที่หน้าจอเมื่อเปิดโปรแกรมเห็นหน้าแล้วคุยกับตาต้าที่ไปเรียนต่างจังหวัด หนุ่มน้อยคุยเรื่องไปเที่ยวที่บ้านคุณตาคุณยายเมื่อปิดภาคเรียนที่ผ่านมา ได้ไปโรงงานเจียระไนเสียด้วย เห็นหินหลากหลายชนิดที่ก่อนจะกลายมาเป็นอัญมณีแสนสวยแล้วตื่นตาตื่นใจบอกไม่ถูก แถมมีหิ่งห้อยให้ดูตอนกลางคืนด้วย

ตาต้าบ่นมาว่าอิจฉา น้องเล็กของกลุ่มเลยว่าจะส่งของฝากไปให้แต่ต้องแลกกับสตรอเบอร์รี่ลูกใหญ่ๆหวานฉ่ำ ตาต้าหัวเราะแล้วว่าไม่มีปัญหา จะคัดแต่ลูกที่หวานที่สุดมาให้เลย สามหนุ่มคุยกันอีกสักพักถึงเลิกไป

ปอมปอมน้อยเอาโน้ตบุ๊กไปเก็บ ก่อนมาทิ้งตัวลงนอนบนเตียงของพี่ชาย อาร์ดิวนั่งเท้าแขนเอนตัวไปด้านหลัง มองน้องที่มีท่าทีครุ่นคิดแล้วจึงนอนลงข้างๆ ท่าทางคงมีเรื่องอยากคุยกับเขา

“ดิว”

“ครับ”

“วันนี้ปอมต่อยหน้าป๋าด้วยล่ะ”

“หา ไหงงั้นล่ะ?”

หันมามองหน้าน้องอย่างตกใจ ปอมปอมถอนใจ ก่อนเล่าเรื่องราวที่ตนเองรับรู้มาให้พี่ฟัง

“ปอมสงสารพี่ไวน์ ถ้าปอมเป็นเขา ปอมคงเสียใจมาก” หนุ่มน้อยเอ่ยปิดท้าย

“บางทีเขาอาจไม่อยากได้ความสงสารจากเราก็ได้นะ”

“ปอมก็คิดแบบนั้น แต่ปอมทำอะไรไม่ถูก ปอมเห็นตัวเองกำลังยืนร้องไห้ ถ้าเป็นปอม ปอมอยากให้ใครสักคนกอดปอมไว้ ถึงปอมจะร้องไห้หนักกว่าเดิม แต่มันก็ดีกว่าต้องร้องอย่างโดดเดี่ยวคนเดียวตั้งเยอะ” น้องว่าแล้วถอนใจอีกเฮือก

“แล้วเรื่องชกชีวาล่ะ? โมโหแทนเขาเหรอ?”

“อื้อ... ป๋าท่าจะเจ็บมาก ปอมแค่ฟิวส์ขาดนิดหน่อย” หนุ่มน้อยทำยักไหล่ พี่ชายเลยแซวเข้าให้

“โห แค่นิดหน่อยนะนี่”

“ช่าย เพราะถ้ามากกว่านี้ป๋าอาจน่วมไปทั้งตัว”

“ชีวาน่วม หรือเราน่วม?”

“ป๋าสิน่วม ดิวคิดว่าป๋ากล้าทำปอมเหรอ?” ยักคิ้วแผล็บ

“มันก็ไม่แน่”

“จริงอ่ะ ป๋าจะเอาคืนเหรอ?” ลุกขึ้นมามองพี่ชายตาโต นี่ป๋าชีวาจะเอาคืนเขาหรือ?

“คงงั้น” อาร์ดิวแสร้งว่า มองน้องที่ทำหน้าเบ้แล้วขำ

“งื้อออ”

หนุ่มน้อยลากเสียงเหมือนจะร้องไห้แล้ววิ่งตื๋อออกจากห้องพี่ชายไป อาร์ดิวผุดลุกขึ้นนั่ง มองตามหลังน้องแล้วส่ายหน้ายิ้มๆ จะไปจะมาตามอารมณ์กันไม่ทันเลยทีเดียว

“ป๋า~~~~” ออกจากห้องพี่ชายมาแล้วกะปอมน้อยก็เข้าห้องตัวเอง แล้วมาโผล่ที่ระเบียงห้องร้องเรียกพี่ชายข้างบ้านเสียงดัง

“อะไรตัวแสบ เสียงดัง” ชีวาเปิดประตูระเบียง เดินงงๆออกจากห้องมา

“ป๋าๆๆ มานี่ มาตรงนี้”

มือเรียวกวักไหวๆให้พี่เดินมาหา ชีวาเดินไปหาตามที่ขอ มองน้องด้วยความขำ เป็นอะไรอีกล่ะ

“มีอะไรครับคุณกะปอมน้อย?” เมื่อมาหยุดอยู่ใกล้ชิดริมขอบระเบียงชีวาก็เอ่ยถามล้อเลียน

“ป๋า ที่ปอมชกป๋าอ่ะ ป๋าจะเอาคืนจริงเหรอ?”

“หา?” ชีวาทำหน้าเป็นหมางง พูดตอนไหนหว่า?

“ก็... ก็ดิวบอกว่าป๋าจะเอาคืนอ่ะ” บิดเบือนคำพูดพี่ชายซะงั้น

“อ้า... อาร์ดิวนี่รู้ดีชะมัด” เด็กหนุ่มแสร้งรับมุก ยกยิ้มมุมปากเมื่อน้องหน้าซีด

“ฮืออ ป๋าจะเอาคืนจริงเหรอ งั้นปอมไม่อยู่แล้ว แงงง”

ตัวผอมๆจะผละหนี ชีวาดึงจับแขนไว้ทั้งสองข้างทำให้หนีไปไหนไม่ได้ เด็กหนุ่มยื่นหน้าเข้าไปใกล้ กะปอมน้อยก็เอนหนีสุดชีวิต

“กล้าชกหน้าพี่นะตัวแสบ” คนเป็นพี่ทำเสียงลอดไรฟัน

“ฮืออ”

“มาให้เอาคืนซะดีๆ!”

“ฮืออออออออ อึ่ก….!”

จุ๊บ!

ปอมปอมน้อยวะดุ้งเมื่อสิ่งที่ประทับลงมาที่มุมปากไม่ใช่หมัดหนักๆ แต่เป็นริมฝีปากของพี่ ตาเรียวเบิกโตเมื่อพี่ค่อยเลาะเล็มกดย้ำ ก่อนจะผละถอยออกไป แล้วเขี่ยจมูกเขาเล่นเบาๆ

“ถ้าต่อยพี่หนึ่งที พี่จะจับจูบหนึ่งครั้ง แลกกัน” มุมปากคนเป็นพี่ยกยิ้มเจ้าเล่ห์แฝงเอ็นดู กะปอมน้อยเม้มปากหน้าแดง

“ป๋าบ้า!”

ต่อว่าพี่ด้วยความเขินแล้วเดินหนีเข้าห้อง ก่อนจะปิดประตูบานเลื่อนยังหันกลับมามองให้ตัวเองเขินซ้ำอีกถึงได้หลบสายตาแล้วปิดประตู

“หึๆ”

ชีวาหัวเราะในลำคอ มองตามน้องแล้วยิ้ม เดินผิวปากอารมณ์ดีเข้าห้องตนเองไปเช่นกัน เฮ้อ~ ได้กำไรก่อนนอนแฮะวันนี้





หลายวันต่อมา

อาร์ดิวกลับจากร้านเมจิคกะหลังจากไปช่วยคุณพ่อคุณแม่ทำงานหลังเลิกเรียน เมื่อเข้าบ้านมาเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ก็ดังขึ้น หนุ่มตี๋เอาข้าวของไปวางที่โต๊ะใกล้ๆแล้วจึงกดรับสาย

“อืม อยู่บ้านแล้ว... จะไปไหนอ่ะ?”

“.........”

“ไม่ไป” หัวคิ้วเริ่มขมวดเมื่อคุยกันไม่รู้เรื่อง

“........”

“การ์ฟ...”

อาร์ดิวชะงักค้างเมื่ออีกคนพูดๆๆแล้วก็วางสายไป กลอกตามองสูงสีหน้าหน่ายใจ เชื่อเขาเลย อะไรกันนี่!


++++++++++++

ต่อด้านล่างค่ะ :katai2-1:

ออฟไลน์ wanmai

  • ★รักใสปิ๊ง★(>_<)
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 936
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1195/-5


ณ บ้านการ์ฟ อาร์ดิวให้ชีวาขับรถมาส่งตนเอง เพราะคนเอาแต่ใจบอกให้มา เขาเองก็ไม่รู้ว่าจะมาทำไม แค่อยากตัดปัญหา ไม่อยากทะเลาะกันด้วยเรื่องไร้สาระ ตาบ้านั่นจะเข้าใจบ้างไหม

เมื่อเดินเข้ามาในบริเวณบ้านที่เขากำลังจัดงานเลี้ยงฉลองอะไรสักอย่างคนก็หันมามองอาร์ดิวกับชีวา การ์ฟตรงมาหาแล้วพาไปแนะนำกับเพื่อนของตนเอง อาร์ดิวยิ้มแหยเมื่อไม่คุ้นกับใครเลย มีนิคกับเพื่อนการ์ฟสมัยมัธยมปลายอีกคนเท่านั้นที่พอจะรู้จัก

“ให้ผมมาทำไม ผมไม่คุ้นกับใครเลย” อาร์ดิวลากตัวการออกมากระซิบกระซาบเชิงต่อว่า

“รู้จักฉันแค่คนเดียวพอ”

หนุ่มการ์ฟยักคิ้วกวน อาร์ดิวหน้ามุ่ย มันไม่ขำเลยนะ การ์ฟนัดเลี้ยงกันตามประสาเพื่อนเก่า จะด้วยโอกาสอะไรก็ตามแต่เขาไม่อยากรู้ แต่การที่ให้เขามาในที่ที่เขาไม่รู้จักใครเลยนอกจากเจ้าของบ้านอย่างการ์ฟกับเพื่อนการ์ฟอีกสองคนนี่เขาบอกตรงๆว่าอึดอัด

อาร์ดิวเลี่ยงไปเข้าห้องน้ำ มองตัวเองในกระจกแล้วถอนใจเฮือก “กลับบ้านดีกว่า”

พอออกมาข้างนอกอาร์ดิวก็ชะงัก เมื่อเพื่อนคนหนึ่งของการ์ฟมาดักหน้า ตี๋น้อยจะเดินเลี่ยงไปแต่อีกฝ่ายกลับคว้าแขนไว้ ด้วยความตกใจอาร์ดิวรีบสะบัดออก มองเพื่อนการ์ฟหน้าตื่น รอยยิ้มหยันจากเพื่อนการ์ฟทำให้อาร์ดิวก้าวถอยหลังกลัวๆ ชนเข้ากับการ์ฟที่ตามมาพอดี

“มีอะไรวะ?” การ์ฟเอ่ยถามเพื่อน มองอย่างระแวง

“เปล่า กูมาเข้าห้องน้ำ”

เพื่อนบอกปฏิเสธ มองอาร์ดิวแล้วยกยิ้มมุมปากก่อนเข้าห้องน้ำไปตามที่บอกการ์ฟเมื่อครู่ คิ้วการ์ฟขมวด หันมามองอาร์ดิวแล้วเอ่ยถามเสียงตื่น

“เป็นอะไรตี๋ ทำไมหน้าซีด?”

อาร์ดิวกลืนน้ำลายหวาดหวั่น ยังไม่ตอบคำถามของการ์ฟในทันที

“มันทำอะไร?”

“..........” ใบหน้าเรียวส่ายดิก

“แน่ใจเหรอ?” การ์ฟยังซักไซ้ อาร์ดิวหลุบสายตาลงต่ำ ก่อนบอกอุบอิบ

“แค่ทำท่าคุกคาม”

การ์ฟถอนใจเบา เอื้อมมือแตะแก้มเนียน อาร์ดิวค่อยเงยขึ้นมามองสบตา

“ขอโทษที่ฉันเอาแต่ใจ ทำให้นายมาเจอเรื่องแย่ๆ”

ตี๋น้อยส่ายหน้าเบาๆแล้วยิ้มให้อย่างไม่ถือโกรธ การ์ฟค่อยโน้มลงใกล้ กดจูบหน้าผากนูนก่อนบอกเสียงนุ่ม

“กลับบ้านกัน”

“อื้อ”

มือเรียวถูกกุม ก่อนจะพากันเดินออกไปข้างนอก เพื่อนๆกำลังเฮฮากันได้ที่ไม่มีใครหันมาสนใจ อาร์ดิวกวักมือเรียกชีวาแล้วชี้ไปด้านนอกให้รีบตามมา

“การ์ฟ”

“หืม?”

“ถามจริงๆนะ ให้ผมมาทำไม?”

“อืม หลักๆคง... อยากเจอ”

“แค่นี้? เมื่อบ่ายก็เจอกันตอนคุณมารับหน้าคณะ”

“ก็ใช่”

“ตกลงอะไรกันแน่?”

ตี๋น้อยคาดคั้น การ์ฟหลบตา อึกอักเล็กน้อยก่อนบอกเสียงเบา “อยากเปิดตัวมั้ง”

“เปิดตัว?”

“ว่าฉันมีนายอยู่แล้ว...”

“เดี๋ยว คงไม่ใช่ว่าที่พาไปแนะนำกับเพื่อนเมื่อกี้คือ...”

ตัวต้นเหตุกุมท้ายทอยเขินๆแล้วว่า “บอกว่านายเป็น... แฟน”

“หา บ้าไปแล้วการ์ฟ!”

“ทำไมเล่า” น้ำเสียงเริ่มขัดใจที่ตี๋น้อยทำท่าตกใจขนาดนั้น

“เราไปเป็นแฟนกันตอนไหน?”

“ไม่เป็นก็เหมือนเป็นแหละว้า” บ่นพึมพำไปตามเรื่อง

“อะไรนะ?”

“เปล่า ฉันถามว่าเมื่อไหร่จะเป็นสักทีล่ะ?”

“......” เจอคำถามนี้เข้าไปตี๋น้อยถึงกับเงียบ กลายเป็นฝ่ายถูกไล่ต้อนเสียแล้วสิ

“อาร์ดิว กลัวอะไรอยู่ ทำไมไม่ก้าวข้ามมันมาสักที?”

เหมือนยิ่งถาม อีกคนยิ่งเงียบ อาร์ดิวช้อนสายตามอง ‘เพื่อนสนิท’ แล้วหลุบต่ำอย่างเคย

“...เป็นเพื่อนกันไม่ได้เหรอ?”

“นายใช้คำจำกัดความแบบนั้น แต่สิ่งที่เป็นอยู่มันมากกว่าเพื่อนแล้วไม่รู้หรือตี๋?”

“การ์ฟอ่ะ”

“อะไร?” อมยิ้มถามทั้งที่รู้ดี มือใหญ่เอื้อมหยิกแก้มเบาๆ ตี๋น้อยลูบแก้มตัวเองทั้งค้อนตาคว่ำกับรอยยิ้มของการ์ฟ

“อะแฮ่ม!”

น้ำเสียงกระแอมกระไอขัดจังหวะจากคนที่ถูกตัดออกจากบรรยากาศหวานแหววทำให้อาร์ดิวสะดุ้งเบาๆ หันมามองชีวาที่ยืนกอดอกมองมาแล้วหน้าเจื่อน

“ชีวา”

สายตาล้อเลียนของเพื่อนทำให้สีหน้าจืดเจื่อนของตี๋น้อยเปลี่ยนเป็นขวยเขิน ยิ่งหันมามองการ์ฟยิ่งเขินไปกันใหญ่ การ์ฟหัวเราะน้อยๆ ก่อนฝากให้ชีวาพาอาตี๋กลับ




เช้าวันหยุด ณ ห้างสรรพสินค้า ตี๋น้อยรับอาสานำอาหารตามสั่งมาส่งให้น้าสาวคนสวยถึงที่ทำงาน หลังจากที่คุณพ่อคุณแม่ของตนเองกลับจากไปทัวร์รอบโลกน้าจันทราก็ได้มาเปิดร้านเกี่ยวกับอุปกรณ์ด้านงานฝีมือในห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ ด้วยเหตุผลที่ว่าอยากหาอะไรทำไปเรื่อยเปื่อยเวลารอไปรับลูกที่โรงเรียน มันช่างเป็นเหตุเป็นผลที่ดียิ่ง

“เมจิคกะ คาเฟ่ เดลิเวอร์รี่มาถึงแล้วครับ~” อาร์ดิวส่งเสียงมาเมื่อมาหยุดตรงหน้าเคาน์เตอร์

“แหม สั่งปุ๊บได้ปั๊บเลยเชียว” คุณน้าหยอกเอิน รับปิ่นโตสีสวยจากหลานชายมา

“ไว้ใช้บริการอีกนะครับ”

“จ้า เดี๋ยวจะเรียกใช้บ่อยๆเลย” คุณน้ารับมุกยิ้มๆ ก่อนเอ่ยถามเมื่อนึกขึ้นได้ “แล้วนี่มายังไงล่ะเรา?”

“เอ่อ... เพื่อนมาส่งครับ”

“แล้วไหนล่ะเพื่อนที่ว่า?”

ตี๋น้อยหันไปทางหน้าร้าน ก่อนกวักมือเรียกเพื่อนให้เข้ามาด้านใน เพื่อนคนที่ว่าไหว้คุณน้าของตี๋น้อย ท่านเห็นหน้าแล้วร้องอ๋อทีเดียว

“ลูกชายพี่มนนี่ ใช่ไหม?” คุณน้าทักถาม ซึ่งอีกฝ่ายก็ตอบรับว่าใช่

“แหม ดีแล้วล่ะ คนกันเองทั้งนั้น”

“ครับ?” ตี๋น้อยทำเสียงเชิงถาม คนกันเองที่คุณน้าว่าหมายถึงอะไร

“เรือล่มในหนอง ทองมันจะไปไหน ใช่ไหม?” ว่าแล้วคุณน้าก็หัวเราะ ตี๋น้อยหันไปมองหน้า ‘เพื่อน’ เกาแก้มเบาๆแล้วยิ้มแหย



“คุณน้าของนายก็มีพลังพิเศษเหมือนกันเหรอ?” ‘เพื่อน’ เอ่ยถามอาร์ดิวเมื่อออกจากร้านคุณน้าจันทรามาด้วยกัน

“จะไปมีได้ไง คิดว่าบ้านผมเป็นกันทุกคนหรือไงการ์ฟ?”

“ใครจะไปรู้ นายยังมีเลยนี่ คุณป้ารวิก็มี พี่เมฆก็ด้วย”

พอการ์ฟพูดมาเช่นนั้นตี๋น้อยก็เริ่มคิดตาม แต่น้าจันทราไม่น่าจะมีนะ ทำไมการ์ฟถึงถามขึ้นมากันล่ะ

“ทำไมคุณคิดว่าน้าจันทรามีพลังพิเศษ?”

“ก็คุณน้าบอกว่าเรือล่มในหนอง ทองจะไปไหน แสดงว่าท่านต้องรู้แน่ว่าฉันกับนาย...”

“บ้า การ์ฟ คิดอะไรเนี่ย” ตี๋น้อยเอ่ยแทรก

“ทำไมล่ะ นายไม่อยากเป็นทองแผ่นเดียวกับฉันเหรอ?” การ์ฟถาม แววตาฉายความสนุก สนุกที่ได้แกล้งเขาน่ะสิ การ์ฟบ้า

“จะว่าไปถ้าพูดถึงความพิเศษล่ะก็นะ มันมีอะไรมากกว่าที่คุณเห็นเยอะเลย” ตี๋น้อยเปลี่ยนเรื่องเฉย การ์ฟอมยิ้มขำ ยอมตามน้ำไป

“ยังมีมากกว่านั้นอีกเหรอ แค่นายนิมิตเห็นนั่นนี่ฉันก็ว่ามากแล้วนะ”

“ฮื้อ ก็อย่างวันแรกที่เราเจอกันไง”

“วันแรก ทำไมอ่ะ?” เอ่ยถามเพราะไม่รู้จริงๆ ที่จริงก็กำลังนึก วันแรกมันเกิดอะไรขึ้นหว่า? นานจนจำไม่ได้แล้ว

“ที่กระถางต้นไม้เกือบหล่นลงมาใส่หัวคุณน่ะ นั่น... ฝีมือผม” ท้ายประโยคบอกเสียงเบา พอพูดแบบนั้นแล้วการ์ฟเลยนึกขึ้นมาได้ ฝีมือตี๋น้อยนี่เองเหรอ

“ก็คุณมาดูถูกผมก่อน” แก้ตัวเสียงค่อย

“ไม่ได้ว่าอะไร” การ์ฟว่า ในใจอยากจะหัวเราะอาตี๋หน้าซีด เอ หรือควรกอดปลอบดี?

“ฉันยังสงสัย ทำไมตอนนั้นคนในร้านไม่แตกตื่นอะไรเลย เหมือนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดเหตุอึกทึกข้างนอก”

“ที่ทำแบบนั้นได้เพราะนาฬิกาในร้านก็มีส่วนพิเศษ” อาตี๋ว่า

“ทำไม มันหยุดเวลาได้?”

คำถามที่มั่วถามไปอย่างนั้นกลับได้รับพยักหน้าตอบกลับมา สีหน้าการ์ฟดูอึ้งไป

“จริง?”

“จริง” พยักหน้าหงึกแล้วยิ้มยืนยันสิ่งที่พูด

“ไม่อยากเชื่อ”

“ไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร” ตี๋น้อยบอกอย่างเข้าใจ เรื่องที่พูดมามันเหมือนมานั่งเล่านิทานให้การ์ฟฟังมากกว่า

“เชื่อแล้ว ตอนนี้นายพูดอะไรฉันเชื่อทั้งนั้นแหละ”

“แอะ” อาร์ดิวทำหน้าปุเลี่ยน

“อะไร?” เอ่ยถามตี๋น้อยกลั้วหัวเราะ

“เลี่ยน”

ตี๋น้อยย่นจมูกใส่ แล้วออกเดินนำหน้าไป การ์ฟอมยิ้ม ก้าวไปเดินข้างกันแล้วเอ่ยถามต่อ

“คิดไหมว่าฉันจะเป็นคนแบบนี้?”

“สาบานเลยว่าไม่เคยคิด”

“แล้วคิดว่าฉันเป็นแบบไหน?”

“หยิ่งเหมือนหน้าคุณ”

“หน้าฉันนี่นะหยิ่ง?” ทำเสียงราวไม่เชื่อ ตี๋น้อยเลยพยักหน้ายืนยัน “แล้วพอได้รู้จักแล้วเป็นไง?”

ทำท่านึกเล็กน้อยก่อนว่า “ก็... ตรงข้ามหมดเลย”

“ชอบปะ?”

“ทำไมมันวนมาที่นี่ได้ล่ะ?”

“แล้วตกลงชอบไหมแบบนี้?” การ์ฟยังไม่เลิกถาม บอกสักหน่อยก็ดีน่า

“ไม่ชอบจะมาด้วยหรือไงล่ะ…”

เสียงอุบอิบแสนเบาแต่การ์ฟยังจับใจความได้ หน้าบานจนปิดความในใจไม่มิด “นายน่ารัก”

“ชมผมด้วย มาแปลกอ่ะ” ตี๋น้อยผวากับคำชม

“หึ นี่พวกนายคบกันอยู่จริงเหรอเนี่ย?”

เสียงที่ดังขึ้นอีกทางทำให้สองหนุ่มหันไปมอง เพื่อนของการ์ฟที่มีปัญหากับอาร์ดิวเมื่อคืนที่ไปบ้านการ์ฟคนนั้นมองมาที่ทั้งคู่เหยียดๆ การ์ฟมองกลับนิ่งๆก่อนพาอาร์ดิวเดินหนี ไม่อยากมีเรื่องกันในห้างฯ ทั้งที่อยากกระทืบมันเสียตรงนี้ หน้าตากวนอวัยวะเบื้องล่างเหลือเกินไอ้...

ถึงอย่างนั้นก็ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ยอมหยุด เพราะยังเดินตามมาตอแย การ์ฟนับหนึ่งถึงสิบถึงร้อยในใจจนทนไม่ไหว หันกลับมากระชากคอเสื้อเพื่อนคนดังกล่าวแล้วตะคอกใส่พร้อมเงื้อหมัด

“มึงจะเอายังไงห๊ะ!!?”

“การ์ฟ!”

อาร์ดิวผวาดึงแขนการ์ฟไว้ การ์ฟมองหน้ากวนๆของเพื่อนด้วยความเดือดดาล จะไม่อะไรเลยถ้ามันไม่มองอาร์ดิวด้วยสายตาเหยียดหยามแบบนั้น มีปัญหาอะไรกับพวกเขานักหนา วันนั้นเขาไม่น่าพาอาร์ดิวไปให้มันรู้จักเลย

การ์ฟเหลือบมองตี๋น้อยแล้วยอมนิ่ง ปล่อยคอเพื่อนที่ยังมองเหยียด แถมยังมองอาร์ดิวอย่างมีเลศนัยจนการ์ฟแทบอดไม่ไหวจะต่อยมันให้คว่ำ

มือเรียวจับแขนเขาแล้วรั้งให้ออกเดิน เพื่อนการ์ฟยังมองตาม เหยียดยิ้มมุมปาก มองอาร์ดิวตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาหยาบโลน จนอาร์ดิวที่เดินห่างออกไปยังรู้สึกอึดอัด

“เป็นอะไร?” การ์ฟเอ่ยถามคนข้างกายเมื่อเห็นถึงความผิดปรกติ

“ผม... ผมก็ไม่รู้ แต่มัน... มันรู้สึกกลัวๆ... อะไรไม่รู้อ่ะ” พูดเองก็สับสนตัวเอง เป็นอะไรไม่รู้

“กลัวอะไร?”

“เขา...”

“เขา? หมอนั่น?”

อาร์ดิวพยักหน้าแล้วว่า “เขาอันตราย”

“นายไม่ต้องกลัว ฉันจะไม่ปล่อยให้ใครหรืออะไรมาทำร้ายนายได้ทั้งนั้น เพราะฉันคือครึ่งชีวิตของนาย และนายก็เป็นอีกครึ่งชีวิตของฉัน”

“.........”

“อย่ามองฉันแบบนั้น”

“?”

“เพื่อสนิทอย่างฉันจะอดใจไม่ไหวเอา”

“........”

ตี๋น้อยตีสีหน้าไม่ถูก ไม่รู้ว่าเมื่อครู่ตัวเองมองการ์ฟด้วยสายตาแบบไหน การ์ฟนี่ก็ช่างสรรหาคำพูดมาให้เขาอายได้ตลอด ดวงตาเรียวเสมองทางอื่น ไม่มองสบสายตาแพรวพราวของอีกคน เดินข้างกันไปเงียบๆ ปล่อยให้ความรู้สึกมากมายก่อเกิดขึ้นมาในหัวใจ




เรื่องการรับส่งตี๋น้อยไปกลับระหว่างบ้านกับมหาวิทยาลัยยังคงเป็นไปอย่างสม่ำเสมอสำหรับการ์ฟ ถึงตี๋น้อยจะวางฐานะของเขาเอาไว้ที่เพื่อนสนิทก็เถอะ แต่ก็รู้กันว่าไอ้เพื่อนสนิทที่ว่าขอบเขตมันมีมากกว่าคนอื่นเขาแค่ไหน ความคุ้นชินระหว่างสองครอบครัวเมื่อวันเวลาผ่านไปก็ดูไร้ปัญหา เพราะไม่มีใครคัดค้านอะไรหากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะเข้านอกออกในบ้านของอีกฝ่าย เพราะการ์ฟเองก็ไปรับไปส่งอาร์ดิวทั้งที่บ้านและที่ร้านเกือบทุกวัน จนเข้ากับครอบครัวอาตี๋ได้เป็นอย่างดี

“เข้าไปในร้านก่อนไหม เมื่อวานแม่บอกมีเรื่องคุยด้วยน่ะครับ” ตี๋น้อยเอ่ยชวนเมื่อเพื่อนสนิทตามมาส่งที่ร้าน

“คุย?” การ์ฟเลิกคิ้ว

“อื้อ” ตี๋น้อยตอบรับ

การ์ฟพยักหน้า ก่อนเดินตามอาร์ดิวเข้าไปหาคุณแม่รวิที่ด้านใน

“กลับบ้านบ้างหรือเปล่าการ์ฟ?”

เมื่อเข้ามาคุยกับคุณแม่รวิ การ์ฟก็ออกจะประหม่า กังวลว่าตนเองจะทำอะไรไม่ถูกใจท่านหรือเปล่า แต่คำถามแสนธรรมดาที่ท่านถามก็พอทำให้การ์ฟหายใจโล่งขึ้นมาหน่อย

“ปิดเทอมนี้ก็ว่าจะกลับอยู่เหมือนกันครับ”

“ดีแล้วล่ะจ้ะ เออ เดี๋ยวป้าว่าจะฝากของไปให้ที่บ้านเราด้วยนะ”

“เกรงใจคุณป้าเปล่าๆครับ”

“เกรงใจอะไรกัน คนกันเองทั้งนั้น”

“ขอบคุณครับ”

เมื่อท่านว่ามาอย่างนั้นการ์ฟก็ไม่ได้ขัด แม้ออกจะเกรงใจอยู่ไม่น้อย คุณแม่รวิไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบของครอบครัวเขา พูดคุยกันพักหนึ่งการ์ฟถึงได้ออกมาข้างนอก อาร์ดิวหันมายิ้มให้เมื่อเขาเดินผ่านเคาน์เตอร์ที่เจ้าตัวทำงานอยู่

“กลับแล้วนะ” รายงานตัวสักหน่อยก่อนกลับ ตี๋น้อยอมยิ้มแล้วพยักหน้ารับ

“ถึงบ้านแล้วจะโทรมาหา”

“ครับ” ตี๋น้อยตอบรับยิ้มๆ

“ไปนะ”

เหมือนอีกคนยังอ้อยอิ่งไม่อยากกลับ อาร์ดิวยิ้มขำ มองส่งการ์ฟที่เดินไปเหลียวมามองเขาไปแล้วก็ออกจะเขินเล็กๆ การ์ฟนี่ ท่าจะบ๊องขึ้นทุกวันแล้ว


++++++++++
ตอนจบต่อด้านล่างค่ะ ขอบคุณคุณCarToonMiZa กับ พี่อัจด้วยนะคะที่มาช่วยดัน :กอด1:


ออฟไลน์ wanmai

  • ★รักใสปิ๊ง★(>_<)
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 936
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1195/-5
Magica Café

Last Magic




บนสะพานไม้บ้านคุณตาคุณยาย อาร์ดิวเดินงงๆมาบนสะพาน เขาไม่รู้ว่าตัวเองมาที่นี่ทำไม เด็กหนุ่มลอดราวสะพานไปนั่งห้อยขาคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย หิ่งห้อยตัวน้อยบินมาเกาะที่มือของเขา พาลทำให้คิดถึงการ์ฟขึ้นมา แต่มันกลับเป็นความรู้สึกเศร้าแปลกๆ เด็กหนุ่มถอนใจ ขยับลุกขึ้นจะกลับแต่ก็ต้องชะงักเมื่อการ์ฟเดินเข้ามาหา แสงระยิบระยับรอบกายชวนให้แสบตา อาร์ดิวหรี่ตามองคนที่เดินเข้ามาหาตนเองพร้อมรอยยิ้มนั่น

“ในที่สุดนายก็มา ฉันรอมานานแค่ไหนรู้ไหม?”

น้ำเสียงตัดพ้อจากการ์ฟ อาร์ดิวได้เพียงนิ่งฟังเพราะไม่เข้าใจในสิ่งที่อีกฝ่ายพูด นี่มันคืออะไร เขากำลังฝันหรือ?

“ฉันมาที่นี่ทุกวัน เพราะหวังว่าสักวันหนึ่งนายจะกลับมาหากัน”

“คุณรอผมทำไม?” อาร์ดิวท้วงถาม ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก

การ์ฟช้อนมือเรียวมากุม ก่อนยกขึ้นมาทาบทับบนอกข้างซ้าย มองอาร์ดิวที่มีท่าทีสับสนแล้วเอ่ยบอก

“ฉันรอนายอยู่ รอนานแล้ว... ฉันอยากจะบอกว่า..รักนายนะ”

น้ำเสียงทุ้มต่ำที่เอ่ยบอกช่างน่าฟัง อาร์ดิวกะพริบตาปริบ อยากจะเชื่อเหลือเกินว่ามันเป็นเช่นนั้น บรรยากาศอ้อยอิ่งดูอ่อนหวานในความรู้สึก แต่เพียงไม่นานบรรยากาศอ่อนหวานเหล่านั้นกลับแปรเปลี่ยนเป็นมืดครึ้ม มัวหม่นราวพายุกำลังจะโหมเข้าใส่ อาร์ดิวหันมองรอบกายด้วยความตกใจ เมื่อหันกลับมามองการ์ฟกลับมีลมแรงผ่านวูบพาการ์ฟหายไปต่อหน้าต่อตา

“การ์ฟ… การ์ฟ!!” เด็กหนุ่มยืนเคว้งท่ามกลางความมืด ร้องเรียกคนที่หายไปต่อหน้าด้วยใจหวาดหวั่น

“การ์ฟ!!!”

ดวงตาเรียวเปิดขึ้น อาร์ดิวสะดุ้งตื่นจากความฝันทั้งหายใจหอบถี่ ในหูกลับได้ยินเพียงเสียงฟี่ๆดังลอดเครื่องช่วยหายใจ หัวใจของเขาเต้นไม่เป็นส่ำ ทั้งยังเกิดความสงสัยขึ้นมาในขณะเดียวกัน เกิดอะไรขึ้น?

มือเรียวอยากยกกุมสร้อยที่เคยสวมติดคอไว้ตลอดเวลานั้น แต่มันกลับทำไม่ได้ เขาไม่มีแรงเลย

“การ์ฟ...”

ริมฝีปากบางพึมพำชื่อของอีกคนแต่เสียงกลับแหบแห้งจนแทบไม่ได้ยิน ใบหน้าคุณแม่ลอยเด่นอยู่ตรงหน้า เขามองเห็นไม่ชัดเจนนักแต่รู้ว่าท่านกำลังร้องไห้ คุณแม่ร้องให้ทำไมกัน?

“อาร์ดิว... อาร์ดิว ขอบคุณเหลือเกินที่ลูกกลับมา”

หูเขาได้ยินเสียงเพียงผะแผ่วแว่วมา สมองเขาประมวลผลไม่ทัน มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ อะไรกัน...




เมื่อสติสตังกลับมาอาร์ดิวเพิ่งรู้ตัวว่าตนเองอยู่ในโรงพยาบาล หลังเขาฟื้นขึ้นมาคุณหมอก็เข้ามาดูอาการและให้พักรักษาตัวจนเริ่มดีขึ้นตามลำดับ เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเขายังสับสนว่ามันเป็นเพียงความเพ้อฝันหรือความจริง เขากับการ์ฟมีช่วงเวลาดีๆแบบนั้นจริงๆใช่ไหม หรือแค่ฝันไปเท่านั้น เขาไม่รู้แล้ว แยกไม่ออกว่าอันไหนจริงอันไหนเท็จ แต่หัวใจเขามันร่ำร้องให้เชื่อว่าความรู้สึกที่มีให้การ์ฟคือเรื่องจริง

“แม่ครับ ผมอยู่ที่นี่นานหรือยัง? ตั้งแต่ตอนไหนกัน?”

อาร์ดิวเอ่ยถามคุณแม่ในวันหนึ่ง สีหน้าเด็กหนุ่มดูเหม่อลอย คุณแม่มองแล้วถอนใจยาว เข้ามานั่งเก้าอี้ข้างเตียงแล้วจับมือลูกชายไว้ อาร์ดิวค่อยหันมามองคุณแม่ช้าๆ แล้วเงยมองคุณพ่อที่ยืนอยู่ข้างกัน ทุกคนอยู่ที่นี่ คงขาดแต่ปอมปอมที่ไปเรียนหนังสือ

“ลูกคงจำอะไรไม่ได้สินะ” มือเรียวแสนอบอุ่นลูบศีรษะลูกชายเบาๆ “แม่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น พี่เมฆเข้าไปเห็นลูกนอนแน่นิ่งอยู่ในห้อง พวกเราเลยพาลูกมาที่โรงพยาบาล”

คำบอกเล่าของคุณแม่ทำให้อาร์ดิวคิดตาม เขาจำได้ จำได้ว่าเขาเคยเข้าโรงพยาบาลแล้วการ์ฟ... เรื่องที่การ์ฟไปตามเขากลับมาล่ะ มันคือความจริงหรือเปล่า แล้วเรื่องวิญญาณหนุ่มนั่นอีก เขาสับสนไปหมดแล้ว

“ถ้าจำไม่ได้ก็ค่อยๆคิด” เสียงคุณพ่อเตือนด้วยความห่วงใย อาร์ดิวมองท่านทั้งสองสลับกันไปมา ก่อนเอ่ยถามถึงเรื่องคาค้างใจ

“กะ...การ์ฟล่ะครับ เขา...”

คำถามของอาร์ดิวทำให้คุณพ่อคุณแม่มองหน้ากัน ก่อนที่คุณแม่จะเป็นคนอธิบายเรื่องทุกอย่างแก่เขาอีกครั้ง เพราะจะช่วยเขาการ์ฟถึงได้ยอมเอาตัวเข้ามาเสี่ยง ให้พี่เมฆทำพิธีถอดจิตไปตามเขากลับมา สิ่งที่ได้ฟังจากคุณแม่ทำให้อาร์ดิวรู้ว่าที่เขาเห็นว่าการ์ฟไปช่วยนั้นมันคือความจริง แต่ที่เขาไม่รู้คือหลังจากนั้นมันเกิดอะไรขึ้น

“เราทำไม่สำเร็จ ทั้งลูกและการ์ฟถึงได้...”

คุณแม่ค้างคำพูดไว้เพียงเท่านั้นเมื่อเห็นว่าอาร์ดิวนิ่งอึ้งไปแล้ว ทำไม่สำเร็จอย่างนั้นหรือ? เขาไม่อยากจะคิดต่อเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับการ์ฟบ้าง

“...การ์ฟเขาไม่สบายน่ะ”

ประโยคบอกเล่าจากคุณแม่ทำเอาใจอาร์ดิวหล่นวูบ เอ่ยถามท่านกลับเสียงแผ่วเหมือนหัวใจของเขาที่มันเต้นเบาลง “ไม่สบาย... อย่างนั้นหรือครับ...?”

คุณแม่พยักหน้า สีหน้าท่านเองก็ไม่สู้ดีนัก

“แล้วตอนนี้เขาอยู่ที่ไหนครับ?”

“อามนพากลับไปรักษาตัวที่บ้านที่ต่างจังหวัดแล้วล่ะครับ” คุณแม่มองลูกชายที่มีท่าทีสับสนด้วยความสงสาร มือเรียวสวยยังคงลูบศีรษะปลอบประโลมลูก

ภาพเหตุการณ์ที่อาร์ดิวเห็นก่อนฟื้นขึ้นมานั่นคือลางบอกเหตุหรือเปล่า คิดเพียงเท่านั้นใจเขาก็ร้อนรุ่ม ทุกสิ่งทุกอย่างมันเหมือนจริงจนแยกไม่ออก

“แม่ครับ ผม...”

“ไปเถอะดิว อยากไปเยี่ยมการ์ฟใช่ไหม?”

“...........” เด็กหนุ่มพยักหน้า

“พ่อจะพาไปเอง”

คุณพ่อที่ฟังเงียบๆเอ่ยอาสา อาร์ดิวเงยหน้ามองท่าน กระบอกตาร้อนผ่าวราวน้ำตาจะไหล ทำไมใจเขาถึงเจ็บทั้งที่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าการ์ฟเป็นอะไร




หลังพักรักษาตัวจนอาการดีขึ้นมากจนเกือบเป็นปรกติทุกอย่าง อาร์ดิวกับคุณพ่อก็ได้เดินทางมาที่บ้านของการ์ฟ ช่วงเวลาที่เขานอนไม่ได้สติอยู่ที่โรงพยาบาลมันกินเวลาเกือบปี ทุกอย่างก็เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา แม้แต่ในฝันของเขาที่มีร่วมกับการ์ฟก็เทียบเท่าเวลาทั้งหมดที่ผ่านไปในโลกของความเป็นจริง ช่วงเวลาร่วมปีนั้นเขาผูกพันกับการ์ฟมากแค่ไหน แต่ในความเป็นจริงแล้วเขากับการ์ฟก็ยังคงห่างไกลกันอยู่ดี

อาร์ดิวเข้ามาในห้องของการ์ฟ เด็กหนุ่มมองคนบนเตียงที่ตอนนี้ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจพยุงชีวิต ร่างกายซูบผอมจนใจหาย ผู้ใหญ่ที่ตามมาส่งออกไปข้างนอก ปล่อยให้ทั้งสองคนได้อยู่กันตามลำพัง คุณแม่ของการ์ฟอดไม่ได้ที่จะปาดน้ำตาด้วยความสะเทือนใจเมื่อนึกถึงวันที่ได้รู้ว่าการ์ฟเป็นอะไรไป ท่านไม่โทษว่าเป็นความผิดของใครทั้งนั้น เรื่องแบบนี้คงไม่มีใครอยากให้เกิด และอาร์ดิวเองในตอนนั้นก็ไม่ได้ต่างจากการ์ฟเลยสักนิด

อาร์ดิวมองการ์ฟนิ่ง น้ำในตาไหลลงข้างแก้มจนตาพร่าไปหมด มือเรียวจับมือของการ์ฟมากุม สะอื้นฮักเมื่อเอ่ยถ้อยคำ

“ไหนคุณบอกว่ารอผมอยู่ไง ผมมาหาคุณแล้วทำไมคุณไม่ลืมตาขึ้นมามองหน้ากัน?”

หยาดน้ำตาไม่ได้ช่วยอะไร แม้เขาจะร้องไห้แค่ไหนการ์ฟก็ไม่มีทางฟื้นคืน อาร์ดิวถอดสร้อยที่คล้องคอตนเองออก แล้วค่อยนำมันมาสวมให้การ์ฟแทน มองใบหน้าซีดเซียวนั้นยิ่งทำใจไม่ได้

“แม่บอกว่ามันจะช่วยขจัดสิ่งไม่ดี ไม่ให้มันมากล้ำกราย ผมให้คุณยืม ถ้าคุณฟื้นขึ้นมาคุณต้องเอามันมาคืนผมนะ”

น้ำตาของเขายังคงไหลไม่หยุด เด็กหนุ่มก้มหน้าร้องไห้อยู่ข้างเตียง เรื่องราวที่ผ่านมาถึงมันจะเป็นแค่ความฝันหรืออะไรก็ตาม แต่เขารักการ์ฟไปแล้ว... รักไปแล้วจริงๆ



เมื่อท้องฟ้ามืดลง หลังทุกคนทานข้าวกันเสร็จอาร์ดิวก็เดินแยกออกมาจากบ้านของการ์ฟ เสียงพูดคุยของคนในบ้านยังดังแว่วมาตามก้าวเดินของเขา เด็กหนุ่มตรงไปที่สะพานเช่นในความฝันนั้น หยุดยืนอยู่จุดกึ่งกลางที่สามารถมองเห็นต้นไม้ใหญ่ต้นเดิมได้อย่างชัดเจน ถอนใจหนักหน่วงกับความรู้สึกเศร้าในหัวใจ หิ่งห้อยตัวน้อยค่อยเปล่งแสงขึ้นมาท่ามกลางความมืด จากหนึ่งตัวเป็นหลายตัว บางตัวมันค่อยบินวนรอบกายเขา ก่อนจะค่อยบินลงมาเกาะที่มือ แววตาอาร์ดิวเปล่งประกายความคาดหวัง เหมือนในฝัน มันเหมือนในฝันของเขาเลย

หัวใจเด็กหนุ่มเต้นกระหน่ำ หันกลับไปอีกฝั่งด้วยใจระทึกไหวแต่กลับพบเพียงความว่างเปล่า รอยยิ้มตื่นเต้นดีใจบนใบหน้าค่อยเจื่อนลง ใบหน้าเรียวก้มต่ำ บ้าสิอาร์ดิว การ์ฟจะมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง นั่นมันก็แค่ฝัน

“ตี๋”

“อือ”

ขานรับไปอย่างนั้นแล้วตี๋น้อยก็ชะงัก เงยขวับขึ้นมองคนเรียก ดวงตาเรียวเบิกโตเมื่อเห็นว่าใครยืนอยู่ตรงหน้า

“การ์ฟ!!” ร่างเพรียวโผเข้ากอดคนตรงหน้าด้วยความดีใจพร้อมเอ่ยถามเสียงรัว “คุณมาจริงๆด้วย ผมไม่ได้ฝันไปอีกใช่ไหม?”

“ฉันรอนายอยู่ รอที่จะลานาย”

“ไม่เอา ผมไม่ให้ไปไหนนะ ผมจะให้แม่ผูกเราไว้ด้วยกันใหม่ ให้คุณอยู่กับผมไปตลอดชีวิตเลย”

“มันทำได้ที่ไหนเล่า”

การ์ฟยิ้มบาง มองอาร์ดิวอย่างรู้ดีว่ามันเป็นไปไม่ได้ ทำเอาอีกคนพาลจะร้องไห้กับรอยยิ้มนั้น ถึงได้ร้องขออย่างเอาแต่ใจ

“ไม่เอา การ์ฟอย่าไปนะ”

ถ้าไปเขาจะร้องไห้จริงๆด้วย แขนเรียวกอดการ์ฟแน่น ไม่สนใจหรอกว่าการ์ฟจะคิดอย่างไรที่เขาทำแบบนี้ ขออย่างเดียวคือให้การ์ฟอยู่ อยู่กับเขาไปนานๆ นานกว่านี้ นานยิ่งกว่านี้



ภายในห้องนอนของการ์ฟ เครื่องวัดชีพจรค่อยเต้นช้าลงเรื่อยๆ ครอบครัวของการ์ฟกับคุณพ่อไปป์ยังคุยกันอยู่ข้างล่าง น้องเอิงวิ่งตึงตังลงมาสีหน้าตื่นตระหนก ล้มแล้วแทบไม่ต้องลุกกันเลยเพื่อมาบอกว่าเครื่องวัดชีพจรของพี่ชายหยุดทำงานไปแล้ว คุณแม่การ์ฟตกใจแทบสิ้นสติ สองคุณพ่อที่ตั้งตัวได้ก่อนใครรีบวิ่งขึ้นบ้านไป ขณะที่สั่งคนในบ้านให้ไปสตาร์ทรถรอ น้องเอิงโทรติดต่อโรงพยาบาล มือไม้สั่นไปหมดเพราะความลน




การ์ฟมองไปที่บ้านของตนเองแล้วหันกลับมามองคนที่กอดเขาเอาไว้แน่น ก่อนเอ่ยบอกช้าๆ

“ยังไงฉันก็ต้องไป ดูแลตัวเองด้วยนะ... ฉันรักนาย”

อาร์ดิวเงยมองคนพูดอึ้งๆ “การ์ฟ...”

เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ดังขึ้นเรียกความสนใจ อาร์ดิวมองหน้าการ์ฟก่อนรับโทรศัพท์

“ครับพ่อ”

“อาร์ดิว รีบกลับมาที่บ้านเร็ว หัวใจการ์ฟหยุดเต้น ตอนนี้เขาพาการ์ฟไปโรงพยาบาลแล้ว”

โทรศัพท์แทบร่วงหลุดจากมือ หันมองหน้าการ์ฟที่ยิ้มให้แล้วต่อว่าเสียงเครือ

“อย่ามายิ้มนะ คุณใจร้ายอ่ะ ทั้งที่กำลังจะทิ้งผมไปแท้ๆ”

“อย่าร้องไห้” น้ำเสียงปลอบประโลมจากการ์ฟยิ่งทำให้อีกคนน้ำตาไหล

“ผมจะไม่ร้อง ถ้าคุณช่วยปลอบ ผมจะไม่ร้อง ถ้าคุณยังอยู่ด้วยกันต่อไป”

อาร์ดิวทั้งอ้อนทั้งวอน แต่มันก็ไร้ผล เมื่ออีกคนเพียงแค่ยิ้มแล้วจางหายไปช้าๆ สองมือที่ไขว่คว้าได้เพียงความว่างเปล่า อาร์ดิวทรุดนั่งหมดแรง ร้องไห้อย่างหมดหวัง



เด็กหนุ่มมาถึงโรงพยาบาลด้วยหัวใจที่แสนหนักอึ้ง ขามันแทบก้าวไม่ออก ไม่อยากรับรู้ว่าที่สุดแล้วการ์ฟต้องจากไป คุณแม่ของการ์ฟหันมามองเขาด้วยน้ำตานองหน้า ท่านลุกจากที่นั่งแล้วตรงเข้ามาหา พร้อมบอกบางสิ่งให้เขารับรู้ อาร์ดิวนิ่งงัน ความพยายามที่จะเข้มแข็งมันพังทลายลงในวินาทีนั้น เด็กหนุ่มร้องไห้ออกมาอย่างสุดกลั้น คุณแม่ของการ์ฟเองก็กอดเขาแน่นแล้วร้องไห้ไปตามๆกัน

ภายในห้องหนึ่งของโรงพยาบาล ข้างเตียงผู้ป่วยเต็มไปด้วยสายระโยงระยาง อาร์ดิวในชุดปลอดเชื้อยืนมองร่างไร้สติบนเตียงที่ถูกครอบด้วยเครื่องช่วยหายใจด้วยสีหน้าเศร้า บนคอของร่างนั้นยังมีสร้อยของเขาอยู่ คุณแม่ของการ์ฟคงขอร้องหมอให้การ์ฟได้ใส่มัน

“ขอบคุณที่กลับมา...”

เด็กหนุ่มพึมพำเสียงเบา น้ำตายังคงไหล ไม่ใช่เพราะความเสียใจแต่มันคือน้ำตาของความยินดี ยินดีที่การ์ฟไม่ได้จากเขาไป สายลมวูบหนึ่งที่ปัดผ่านแก้มทั้งที่อยู่ในห้องมิดชิดทำให้อาร์ดิวเหลียวมองหารอบกาย ก่อนจะหันกลับมามองร่างที่นอนนิ่งบนเตียง นั่นมันคงจะเป็นเสียงกระซิบปลอบโยนเขาไม่ให้ร้องไห้

‘ขอบคุณจริงๆที่กลับมา ผมสัญญาว่าจะไม่ร้องไห้ถ้าคุณยังอยู่ด้วยกัน’





ห้องทำกายภาพบำบัดของโรงพยาบาล พื้นที่ภายในเปิดกว้างมองเห็นสวนสวย เพื่อไม่ให้คนป่วยที่เข้ารับการรักษากดดันจนเครียดไปกับการทำกายภาพในแต่ละครั้ง

ราวจับสำหรับพยุงเดิน การ์ฟค่อยก้าวไปข้างหน้าช้าๆโดยมีราวกั้นคอยทานน้ำหนัก มีนักกายภาพคอยดูแลใกล้ชิด เพราะไม่ได้ออกแรงมานานทำให้ร่างกายดูกระปลกกระเปลี้ยไร้เรี่ยวแรง การเดินเหินจึงเป็นสิ่งที่ยากสำหรับเขา สายตาคมมองตรงไปข้างหน้า แม้แข้งขาจะสั่นเพราะน้ำหนักตัวที่เทลงไปก็ไม่คิดจะท้อ เขาอยากหายเป็นปรกติในเร็ววัน ครอบครัวของเขาต่างก็ยินดีที่เขากลับมา ทุกคนคิดว่ามันคือปาฏิหาริย์ ปาฏิหาริย์ที่เกิดจากคนสองคน นึกถึงตรงนี้การ์ฟก็เหลือบมองข้างกายตน นอกจากจะมีนักกายภาพแล้วยังมีคนสำคัญอยู่อีกหนึ่งคน

“ค่อยๆเดินนะการ์ฟ ไม่ต้องรีบ”

น้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใยนั้นทำให้คนป่วยอมยิ้ม พออีกคนเห็นว่าเขายิ้มก็ทำหน้าระแวงหน่อยๆ ระแวงเขาทำไมกัน เขาแค่ยิ้มนิดเดียวเอง

“ยิ้มอะไร?” ตี๋น้อยเอ่ยถามเมื่อคนป่วยยังยิ้มไม่หุบ

“ยิ้มไม่ได้เหรอ?” การ์ฟยียวนกวนกลับ

“ก็แล้วทำไมถึงยิ้ม?”

“ดีใจมั้ง”

“เรื่อง?”

การ์ฟมองสบดวงตาเรียวรีที่ยังคงมองมาด้วยความสงสัยใคร่รู้ รอยยิ้มผุดขึ้นมาที่มุมปากก่อนว่า “ไม่บอก”

“อ้าว”

ตี๋น้อยลากเสียงอุทาน ก่อนจะผวาเข้าไปหาคนป่วยเมื่ออีกฝ่ายทำท่าจะล้มพับ เล่นเอาใจหายใจคว่ำจนเอ่ยดุออกไป

“เดินดีๆสิ เดี๋ยวล้มหัวแตกพยาบาลก็มาว่าเอาหรอก”

“ดุจัง” เสียงทุ้มที่ฟังดูแหบนิดๆ ทั้งสายตาที่มองสบมาในระยะใกล้มันดูวิบวับเสียจนหนุ่มตี๋อดเขินไม่ได้

“เดี๋ยวทิ่มตาบอด”

“หึๆ”

การ์ฟขำคนทำกลบเกลื่อน อาร์ดิวย่นจมูกใส่คนชอบแกล้ง ก่อนก้าวถอยออกไปให้นักกายภาพเข้ามาช่วยดูแลคนป่วยต่อ การ์ฟจึงค่อยหันไปทำตามที่นักกายภาพบอกอีกครั้ง

“พี่การ์ฟ~”

น้ำเสียงสดใสร้องทักมาตั้งแต่หน้าประตู เรียกสายตาการ์ฟและอาร์ดิวให้หันไปมอง ปอมปอมน้อยเปิดประตูเข้ามาหน้าระรื่น โดยมีชีวาเดินตามน้องเข้ามาหาการ์ฟและอาร์ดิวเช่นกัน

“อ้าว หวัดดี ตัวป่วน” การ์ฟยิ้มทักน้องเล็กหน้าแฉล้ม เขาว่าผมหัวเห็ดนี่มันน่าหมั่นเขี้ยวจริงๆนะ

“เห้อออ ทักทายกันแบบนี้เหรอ นี่ดีนะว่าป่วยอยู่อ่ะ” น้องบ่นงุ้งงิ้งไปตามประสา

“ทำไม ถ้าไม่ป่วยจะทำอะไรพี่?” การ์ฟเลิกคิ้วสูง มุมปากยกยิ้มกลั้นขำ

“จะต่อย! สักหมัด-สองหมัด!” กำปั้นเล็กทุบลงบนฝ่ามือของตนเอง สีหน้าหมายมั่นปั้นมือเอามากๆ

พี่ๆพากันหัวเราะขำ ชีวาโยกหัวน้อง มองการ์ฟแล้วจึงเอ่ยถาม “เป็นไงบ้าง?”

“ก็ดี มีพยาบาลพิเศษดูแลดี”

“หึ” ชีวาทำเสียงขึ้นจมูก ดูมันไม่ค่อยจะดีใจจนออกนอกหน้าเท่าไหร่เลยนะ พูดถึงพยาบาลพิเศษเสียตาพราวขนาดนี้ ปิดบ้างอะไรบ้างก็ได้นะพวก “ไปรอที่ห้องได้ไหมวะ?”

“เขาล็อคไว้อ่ะ ไม่มีคนอยู่” เป็นอาร์ดิวที่เอ่ยตอบแทน

“อืม งั้นรอแถวนี้ละกัน อีกนานไหม?”

“คงไม่ เพราะฉันชักเหนื่อยแล้วเหมือนกัน”

“เค”

ทำเสียงรับรู้แล้วชีวาก็โอบไหล่กะปอมน้อยเดินออกจากห้องทำกายภาพไป พาน้องไปเดินแถวๆนี้รอสองคนนั้นก่อนก็ดี ของขายเยอะ ราคาถูกกว่าในเมืองหลวงเสียอีก

“ป๋า”

“หืม?”

“เห็นพี่การ์ฟกับดิวแบบนี้แล้วปอมอยากให้เราเป็นแบบพวกเขาจัง”

ชีวามองท่าทางเพ้อฝันของคนพูดแล้วยิ้มขำ “ยังไง ให้พี่เป็นเจ้าชายนิทราแล้วปอมปอมเป็นคนมาปลุกให้ตื่นขึ้นมาราวปาฏิหาริย์น่ะเหรอ?”

“ใช่ที่ไหนเล่า” ปรายมองพี่ตาคว่ำ ไม่เข้าใจความรู้สึกหวานแหววของคนอื่นบ้างเล้ย ป๋าเนี่ย

“แต่ที่พี่การ์ฟกลับมาปอมก็เชื่อนะว่าเพราะเขาสองคนผูกพันกัน” ว่าแล้วหนุ่มน้อยก็พยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วยกับคำพูดตนเอง

“แล้วเราไม่ผูกพันกันตรงไหนหืม? ตัวแสบ” ชีวาย้อนถาม

“ผูกพัน แต่เราไม่หวานเท่าเขาอ่ะ”

“นั่นเรียกว่าหวานแล้วเหรอ พี่ว่าเขาไม่ค่อยจะคุยกันเท่าไหร่ด้วยซ้ำ”

“เพราะอย่างนั้นไงป๋า มันถึงได้ดูหวานแหวว แม้ไม่มีคำพูด” ยืนยันความคิดของตนเองอย่างเต็มที่

“จินตนาการบรรเจิดจริงๆแฟนพี่” ชีวาหัวเราะขำ ไอ้อาการลอยหน้าลอยตาทำปากยื่นนี่มันช่างหน้าหมั่นไส้ แต่ก็น่าเอ็นดูด้วยสิ

“ไม่ได้จินตนาการ เห็นตำตาเลยว่าบรรยากาศวิ้งๆมันลอยเต็มไปหมด” วาดแขนกว้างบรรยายฉากวิ้งๆที่ว่า

“จริงดิ ทำไมพี่ไม่เห็นอ่ะ?” ชีวาทำเป็นรับมุก

“ป๋าตาถั่ว”

“แรงว่ะ งอนแล้ว” แขนที่โอบไหล่ลดลงมากอดอก เบือนหน้าไปทางอื่นแสดงอาการงอนให้เห็น ปอมปอมตาโต วิ่งดักหน้าดักหลังเมื่อพี่ทำงอนตนเองแบบนั้น

“งื้อ ป๋าอย่างอนสิ หน้าที่งอนมันเป็นของปอมนะ” ช่างเป็นเหตุผลที่เข้าท่า

“เชอะ!” ชีวาสะบัดสะบิ้ง

“ไม่น่ารักเลยอ่ะ”

“เชอะ!” คนเป็นพี่ยังไม่เลิกเล่น

“ป๋าอ่า ปอมขำ” กะปอมน้อยกลั้นขำจนตัวสั่น ท่าทางสะบัดสะบิ้งมันไม่เข้ากับตัวโตๆแบบป๋าเลย

“ไม่ง้อแล้วยังขำอีกนะ”

ชีวาเข่นเขี้ยว ทำเสียงคำรามในคอก่อนพุ่งเข้าใส่ กะปอมน้อยที่ตั้งรับอยู่ก่อนแล้วออกวิ่งทันที ซอกแซกไปตามช่องว่างที่รถจอด จนพ้นออกมาที่หน้าประตูใหญ่ของโรงพยาบาล พร้อมทั้งร้องโวยวายเมื่อพี่เข้ามาใกล้ในระยะประชิด

“ป๋า อย่าวิ่งไล่ปอม ปอมขาสั้นนนนน”

“5555555555555555”



กลับจากทำกายภาพการ์ฟก็ได้พักไม่นานเพราะถึงเวลาทานข้าว ปอมปอมนั่งมองพี่ชายดูแลคนป่วยเงียบๆ ขณะที่ชีวานั่งอยู่ข้างกันนั้นหาหนังสือในห้องพักมาอ่าน มีแต่ธรรมะเต็มไปหมด พอเงยหน้าจากหนังสือมามองปอมปอมก็ยกยิ้ม แววตาน้องมันฉายชัดเลยว่ากำลังคิดอะไรแปลกๆอยู่ พราวระยับจนปิดไม่มิดเชียว

“ต้องให้ป้อนถึงปาก กินเองไม่ได้ไง?” วางหนังสือบนโต๊ะใกล้ๆแล้วชีวาก็เอ่ยแซวคนป่วยที่ให้เพื่อนของตนตักข้าวป้อน

“กินได้ แต่อยากให้ป้อน นายจะทำไม?” ยักคิ้วกวนจนชีวาเบ้ปาก

“โห่ ไอ้สำออย”

“ชีวา” น้ำเสียงปรามจากอาตี๋น้อยดังมา

“ไม่ทันไรเข้าข้างกันซะแล้ว ปอมปอม พี่ตกกระป๋องจริงๆซะแล้วล่ะ"

ชีวาแสร้งตีหน้าเศร้า ขยับตัวลงนอนหนุนตักกะปอมน้อยที่มองสถานการณ์แล้วหัวเราะคิกคักอยู่คนเดียว นอนซุกตักน้องแล้วชีวาก็ชะงักกับขาขาวๆ ปอมปอมใส่กางเกงขาสั้นประมาณเข่า พอนั่งแบบมันก็ร่นขึ้นมาเล็กน้อยพอให้ขาอ่อนโผล่มาให้เห็น ริมฝีปากนุ่มหยุ่นจูบขาอ่อนน้อง

“ป๋า!!”

ปอมปอมเสียงดังด้วยความตกใจ ชีวาเงยขึ้นมายกคิ้วให้เฉย มองแก้มแดงๆของเจ้าหนูปอมปอมแล้วน่าแกล้งเป็นบ้า แต่นี่มันสาธารณะไปหน่อย จึงต้องหยุดความคิดไว้เพียงเท่านั้น

“อยากใส่สั้นเอง”

“มันเป็นแฟชั่นอ่ะ” น้องเง้างอด ใช้มือปิดขาตัวเองไว้ พี่นอนหนุนแบบนี้พอเอียงแก้มทีลมหายใจอุ่นๆก็รดต้นขา ขนลุกอ่ะ อึ๋ยยย

“มาหวานอะไรกันแถวนี้ กับข้าวมันยิ่งจืดๆอยู่ ไม่อยากเติมน้ำตาลขนาดนั้นหรอกนะ” เสียงแซวจากคนป่วยลอยลมมา ปอมปอมน้อยหน้าแดง ก่อนต่อว่าพี่ที่นอนยิ้มเฉย

“เห็นไหม โดนแซวเลย”

ชีวาอมยิ้ม ก่อนลุกขึ้นมานั่ง ยังไม่วายใช้ไหล่ชนไหล่กระแซะน้องอีก ปอมปอมเบี่ยงไหล่หนีงอนๆ พยาบาลเอายาหลังอาหารเข้ามาให้การ์ฟ ยิ้มให้หนุ่มๆทั้งหลายก่อนออกไปจากห้อง

อาร์ดิวยกถาดอาหารที่การ์ฟทานเสร็จไปวางที่อ่างล้างจานรอคนมาเก็บ ก่อนกลับมาเอายาให้คนป่วยกิน การ์ฟมองคนดูแลแล้วยิ้มบาง อาร์ดิวมาดูแลเขาทุกวันจนเขาเคยตัวเสียแล้วสิ




ห้องพักของการ์ฟ วันนี้เด็กหนุ่มชะเง้อมองประตูทางเข้าอยู่บ่อยๆจนคนเฝ้าสังเกตเห็นกันหมด คุณพ่อการ์ฟเหลือบมองลูกชายที่มีท่าทีกระสับกระส่ายทุกทีที่ลูกเผลอแล้วท่านก็ถอนใจ ก่อนลุกไปชงกาแฟดื่ม

“เขากลับไปแล้ว” ท่านเอ่ยลอยๆ ยกกาแฟขึ้นจิบชิมรสชาติ

“หือ?”

การ์ฟเลิกคิ้ว ทำเสียงเชิงถามในลำคอ คุณพ่อหันมาแล้วเอ่ยเสียงเรียบเช่นทุกที “อาร์ดิวน่ะ กลับบ้านไปแล้ว”

“บ้าน?”

“ที่กรุงเทพฯน่ะ”

ท่านตอบเสียงเรียบราวไม่ใส่ใจ ก่อนถือถ้วยกาแฟเดินกลับไปที่โซฟาตัวเดิม เหลือบมองท่าทีของการ์ฟเพียงเล็กน้อย
การ์ฟที่ได้รู้ว่าคนที่เขารอมาทั้งวันกลับกรุงเทพฯไปแล้ว กลับไปโดยไม่บอกเขาสักนิดด้วย เด็กหนุ่มเผลอกำมือแน่น

“อยากใช้โทรศัพท์ไหม?”

เสียงคุณพ่อเอ่ยถาม การ์ฟหันไปมองท่านก่อนจะส่ายหน้า แต่คุณพ่อกลับเอามันมาวางให้ที่ข้างตัว

“เก็บไว้กับพ่อก็ไม่มีประโยชน์ เผื่ออยากใช้ขึ้นมา”

ท่านว่าอย่างนั้น การ์ฟเหล่มองมัน ก่อนทำไม่สนใจปล่อยมันไว้แบบนั้น วันต่อมาโทรศัพท์ก็อันตรธานหายไปแล้ว พอคุณพ่อถามการ์ฟก็บอกว่าเสียงมันดังหนวกหูเลยโยนไว้ในลิ้นชักโต๊ะข้างหัวเตียง ทุกคนในบ้านพากันถอนใจ กลายเป็นคนใจน้อยไปเสียแล้วนายการ์ฟ

เสียงโทรศัพท์น้องเอิงดังขึ้น เด็กหญิงเดินเลี่ยงไปคุย เป็นอาร์ดิวที่โทรเข้ามาเพราะโทรหาการ์ฟไม่ติด

“น้องเอิง พี่ขอคุยกับการ์ฟหน่อยสิ”

“ได้ค่ะ” น้องเอิงรับคำเสียงใส เดินกลับมาหาพี่ชายที่เตียง

“พี่การ์ฟ พี่อาร์ดิวจะ...”

“อย่ากวนได้ไหม พี่จะนอน” การ์ฟตัดบท ล้มตัวลงนอนหันหลังให้น้องสาว

“อ่า ก็พี่...”

“เอิง” การ์ฟทำเสียงดุ น้องเอิงหน้ามุ่ย บุ้ยปากใส่พี่ชาย

“ฮึ พี่การ์ฟ ใจร้ายที่สุดเลย!” ต่อว่าพี่ชายแล้วน้องเอิงก็หันมาคุยโทรศัพท์ “พี่อาร์ดิวคะ...”

“ไม่เป็นไรครับ พี่รู้แล้ว ขอบใจมากนะ”

“ค่ะ...” น้องเอิงตอบรับเสียงอ่อย สงสารพี่อาร์ดิว ลดโทรศัพท์ลงจากหูก่อนกดวางสาย หันกลับมามองพี่ชายที่ทำเป็นไม่รับรู้แล้วบ่นอุบอิบ

“พี่การ์ฟบ้า จะยุให้พี่อาร์ดิวงอนบ้าง คอยดูสิ”



วางสายจากน้องเอิงแล้วอาร์ดิวก็ถอนใจแล้วนั่งซึม พร้อมปลอบใจตนเองว่าการ์ฟคงอยากพักจริงๆ คนป่วยต้องพักเยอะๆ ส่วนเขาก็หันกลับมาอ่านหนังสือให้เยอะๆ

เด็กหนุ่มมองกองหนังสือที่วางซ้อนกันบนโต๊ะแล้วถอนใจอีกเฮือกใหญ่ ต้องผ่านมันไปให้ได้


+++++++++++++

ต่อด้านล่างค่ะ :L2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ wanmai

  • ★รักใสปิ๊ง★(>_<)
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 936
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1195/-5

เมื่อถึงวันที่ได้ออกจากโรงพยาบาลการ์ฟก็อดไม่ได้ที่จะคาดหวัง คาดหวังว่าคนที่เขารอจะมาหา แต่มันก็คงเป็นได้แค่หวัง เพราะคนๆนั้นเขาไม่มีทางมาหรอก

เด็กหนุ่มในชุดลำลองเดินออกจากโรงพยาบาลมารอรถพร้อมครอบครัวที่แต่ละคนมีสีหน้าชื่นบาน คุณพ่อวนรถจากลานจอดชั้นใต้ดินมารับทุกคนที่หน้าตึก เมื่อเปิดประตูจะก้าวขึ้นรถการ์ฟก็อดไม่ได้ที่จะหันมองรอบๆ เผื่อว่าอาร์ดิวอาจจะเพิ่งมาถึงกลัวคลาดกัน เขามันบ้า แม้แต่วินาทีสุดท้ายก็ยังหวัง

เสียงคุณพ่อเอ่ยเรียกเมื่อลูกชายยังยืนเปิดประตูรถค้างเอาไว้แบบนั้น รถคันหลังก็มาจอดต่อท้ายแล้วจำต้องรีบไป เด็กหนุ่มจึงต้องตัดใจก้าวขึ้นรถ ปิดประตูแล้วคุณพ่อก็ออกรถไปทันที

ทางเข้าหน้าโรงพยาบาล อาร์ดิวกับคุณพ่อมาเพิ่งถึง ฝ่าการจราจรที่ค่อนข้างติดขัดแถวหน้าโรงพยาบาลเข้ามาจนได้ ออกจากสนามบินมาถนนก็ยังโล่งดีอยู่หรอก แต่พอมาแถวโรงพยาบาลนี่สิแทบไม่ขยับ อาจจะเพราะความที่เขาร้อนใจกลัวมาไม่ทันเวลาการ์ฟออกจากโรงพยาบาลด้วยกระมัง จึงได้มองว่าเวลามันเดินช้าเหลือเกินกว่าจะมาถึงได้

เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ดังขึ้นมาขณะที่รถของคุณพ่อไปป์กำลังจะจอดให้อาร์ดิวลงหน้าตึกที่การ์ฟพักรักษาตัวอยู่ เด็กหนุ่มรีบกดรับสายเมื่อคนที่โทรมาคือน้องเอิง เด็กหญิงบอกกับเขาว่ามารับการ์ฟกลับบ้านไปแล้ว ให้ตามมาที่บ้านได้เลย

“... พี่มาไม่ทัน”

อาร์ดิวตอบกลับไปน้ำเสียงเหนื่อยล้า สำหรับคนอื่นมันอาจไม่ใช่เรื่องใหญ่โตนักที่มารับการ์ฟออกจากโรงพยาบาลไม่ทัน แต่เขาก็รู้สึกผิดอยู่ดี ส่วนคุณพ่อไปป์ก็วนรถไปหาทางออกเมื่อได้ยินเสียงน้องเอิงแว่วๆ

‘คุยกับใครน่ะเอิง?’

“...........” เสียงที่แทรกเข้ามาทำให้ใจอาร์ดิวเต้นรัว แต่เจ้าของเสียงคงไม่รับรู้ถึงมันหรอก เมื่อได้ยินเสียงฝ่ายนั้นบอกให้น้องเอิงวางสายเมื่อรู้ว่าน้องเอิงกำลังคุยกับเขา

“...........” ตี๋น้อยลดโทรศัพท์ลงจากหูมาวางบนตัก ก้มหน้านิ่งท่าทางเงื่องหงอย คุณพ่อเหลือบมามอง ชะลอรถเมื่อถึงสัญญาณไฟสีเหลือง ก่อนจะหยุดเมื่อมันเป็นสีแดงแล้วละมือข้างหนึ่งมาโยกศีรษะทุยไปมา

“กระตือรือร้นหน่อยไอ้หนู แค่นี้ยอมแพ้แล้ว? พ่ออุตส่าห์บึ่งรถไปรับมาจากสนามบิน”

คำพูดกระตุ้นจากคุณพ่อทำให้อาร์ดิวเงยหน้าขึ้นมามองท่าน ก่อนยิ้มแห้ง ไม่ได้อยากจะยอมแพ้ แค่กำลังใจลดลงมาเล็กน้อย มันก็จริงที่คุณไปรับจากสนามบินแล้วตรงมาที่โรงพยาบาลนี่เลย ก็เขากลัวไม่ทันนี่นา แต่มันก็ไม่ทันจริงๆนั่นล่ะ

เมื่อมาถึงบ้านอาตี๋ก็ยังไม่ได้เจอการ์ฟในทันที เพราะคนที่เพิ่งหายป่วยแม้จะเดินไม่ค่อยถนัดแต่ก็ยังเดินไปที่สะพานไม้ อาร์ดิวที่ได้รู้จากคำบอกเล่าของคุณแม่การ์ฟจึงได้ตามไป

“เขามาง้อถึงที่แล้ว หวังว่าพ่อลูกชายของเราคงไม่เล่นตัวอีกนะ” คุณแม่การ์ฟเปรยกึ่งเหน็บพ่อลูกชายของตนเอง มองตามอาร์ดิวที่เดินห่างออกไปด้วยท่าทางไม่มั่นใจอย่างเอาใจช่วย



บนสะพานที่ทอดยาว การ์ฟยืนมองต้นไม้ใหญ่ที่ใบไหวไปตามแรงลม หน้าหนาวมาแล้ว หมดฤดูกาลดูหิ่งห้อย แต่มองทีไรก็ยังคิดถึง... เขาใจร้ายกับนายขนาดนี้ยังคิดถึงเขาอีกหรือการ์ฟ เจ็บไม่จำจริงๆ

ท่ามกลางลมหนาวที่พัดหวีดหวิว เสียงฝีเท้าที่ก้าวเดินบนสะพานไม้ดังแผ่ว ก่อนเจ้าของฝีเท้านั้นจะมาหยุดยืนข้างเขา การ์ฟยังคงมองตรงไปในจุดเดิม เขารู้ว่าใครที่เข้ามายืนข้างกายแต่ไม่คิดจะหันไปมอง ความเงียบที่เกิดขึ้นไม่ใช่ไม่ทำให้เขาอึดอัด แต่เขาก็ปากหนักเกินกว่าจะเป็นฝ่ายเอ่ยออกมาก่อน

“หายดีแล้วเหรอ?”

น้ำเสียงที่เคยคุ้น เสียงที่อยากได้ยินตลอดมา เวลานี้อยู่ใกล้เพียงเท่านี้เอง แต่การ์ฟก็ยังไม่สนใจที่จะตอบรับใดๆ ราวกับไม่ได้ยินมันอย่างนั้น

“ผมกลับไปสอบ ยังดีที่มหา'ลัยให้โอกาสกลับไปเรียนต่อได้...”

เสียงจากคนๆเดิมยังดังขึ้นมาซ้ำอีก แต่การ์ฟก็ยังเงียบอยู่เหมือนเคย อาร์ดิวมองคนที่เมินเขา ทำไม่สนใจ ทั้งที่เขาบอกเหตุผลที่หายไปแล้วก็ยังไม่ยอมตอบรับอะไรเลยแบบนี้ ดวงตาเรียวรีหลุบต่ำมองพื้น ลำคอตีบตันอยากจะร้องไห้เต็มแก่ แม้แต่เสียงที่จะเอ่ยต่อจากนี้ยังแทบหาไม่เจอ

“ยินดีด้วยที่ได้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว...”

“......”

“หายเร็วๆนะ”

พูดได้เพียงเท่านั้นร่างสูงเพรียวก็หมุนกายกลับ การ์ฟยังมองตรงไปข้างหน้า ไม่คิดจะเรียกรั้งเอาไว้สักนิด อาร์ดิวที่ก้าวดุ่มค่อยก้าวช้าลงเรื่อยๆเมื่อไม่มีเสียงทักท้วงจากอีกคน จนในที่สุดเขาก็หยุดเดินอยู่เพียงครึ่งทาง มือเรียวปาดเช็ดน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม สะอื้นฮักอย่างห้ามไม่อยู่ เขากลับมาเพราะคิดถึง กลับมาเพราะเป็นห่วง แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือความเฉยชาแบบนี้หรือ?

“ร้องไห้ทำไม?”

เสียงที่ดังขึ้นอยู่ใกล้เพียงนิด อาร์ดิวรีบเช็ดน้ำตา ทั้งสูดจมูก เสียงเครือเอ่ยปฏิเสธ เก็บอาการไม่มิดจริงๆ

“เปล่าร้อง”

การ์ฟรั้งแขนให้หันกลับมา อาร์ดิวไม่ยอม ขืนตัวไว้แล้วบ่ายหน้าหนี แต่คนป่วยกลับแรงเยอะกว่า สุดท้ายเลยต้องหันกลับมาเผชิญหน้า ช้อนสายตาที่พร่ามัวเพราะหยาดน้ำตามองอีกคนอย่างตัดพ้อโดยไม่ตั้งใจ มือใหญ่เกลี่ยเช็ดน้ำตาที่เลอะแก้ม มองสบดวงตาเศร้า

“จะหนีไปไหนอีก?”

“ไม่ได้หนีสักหน่อย” เอ่ยแย้งทั้งสะอื้นไปด้วย

“ไม่ได้หนีก็ดี เพราะถึงแม้นายอยากจะหนี ฉันก็ไม่มีทางปล่อยนายไปอีกแล้ว”

ริมฝีปากอุ่นๆกดจูบหน้าผากนูน อบอุ่นและอ่อนหวานในความรู้สึก อาร์ดิวสะอื้นน้อยๆ หลับตาลงช้าๆ ขณะที่น้ำตายังรินไหลจากหางตา แต่มันไม่ใช่เพราะความเศร้า เมื่อร่างกายถูกรวบกอดด้วยลำแขนแข็งแรง ใบหน้าเรียวก็อิงซบอก ฟังเสียงหัวใจของอีกคนที่เต้นในจังหวะสม่ำเสมอพร้อมน้ำเสียงที่เอ่ยบอก

“อยากจะโกรธนาย แต่ฉันก็ทำไม่ลง...”

“คุณเอาคืนผมไปแล้ว” ตี๋น้อยประท้วงน้ำเสียงอู้อี้ชิดอกการ์ฟ

“หึ นั่นสิ”

“...........”

“อาร์ดิว...”

“.........” ตี๋น้อยชะงักกับคำเรียกขาน เพราะน้อยครั้งนักที่การ์ฟจะเรียกเขาแบบนี้

“อยากให้นายรู้ไว้ ... ไม่ว่าเรื่องราวระหว่างเรามันเป็นเพราะโชคชะตาฟ้ากำหนด หรือเพราะอะไรก็แล้วแต่... ฉันไม่สนใจทั้งนั้นว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับฉันมันจะเป็นเพียงความฝันหรืออะไร..."

"คุณบอกว่าความฝัน หมายถึงอะไร?" อาร์ดิวสะดุดใจกับสิ่งที่การ์ฟพูด ความฝันนั้นมันเป็นแบบเดียวกับเขาหรือเปล่า?

"อย่าสนใจเลยว่าความฝันนั้นมันเป็นแบบไหน เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ... ฉันรักนาย”

“...การ์ฟ ฮึ่ก... ฮือออ” คำสารภาพนั้นทำเอาน้ำตาที่หยุดไหลไปเมื่อครู่ร่วงพรู แขนเรียวกอดการ์ฟแน่น

“อ้าว ทำไมร้องหนักกว่าเดิมอีก หืม?”

ดันตัวคนขี้แยออกเบาๆ สองมือกุมแก้มเนียน เลิกคิ้วถามเชิงล้อ จมูกแดงๆกับริมฝีปากบางที่เผยอน้อยๆนั่นพาลจะทำให้เขาโน้มลงไปหา ทำไมเวลาร้องไห้หมอนี่ถึงดูน่ารักแบบนี้น้า

“อยากบอกอะไรฉันไหม?” เอ่ยถามตี๋น้อยขี้แยเสียงนุ่ม หัวแม่มือปาดเช็ดน้ำตาให้

“คุณชอบทำเหมือนรู้ไปซะทุกเรื่องตลอดเลย”

“แค่มองตานายก็รู้แล้ว”

สายตาเจ้าชู้มองสบ ใบหน้าหนุ่มตี๋เห่อร้อนเพียงแค่อีกคนมองมา ใช้หลังมือปาดน้ำตาตัวเอง ก่อนช้อนมองการ์ฟแล้วว่า

“ถ้าอย่างนั้นคุณก็รู้แล้วสิว่าผมจะบอกอะไร”

“อย่ามาขี้โกง” มือใหญ่บีบจมูกแดงๆเพราะร้องไห้ของอาตี๋ มาทำหน้าซื่อตาใส จะให้เขาสารภาพฝ่ายเดียวล่ะสิ

“ถึงรู้แล้วก็อยากจะฟัง อยากฟังทุกวันเลย”

เสียงกระซิบที่ดังข้างหูเมื่อการ์ฟโน้มมาหาทำให้ตี๋น้อยหดคอหนีด้วยความจั๊กจี้ปนเขิน สายลมหนาวที่พัดพาไม่ได้ทำให้เขาหนาวสั่น เมื่อสองแขนของการ์ฟยังตระกองกอด

“ผมจะบอกว่า... หัวใจของผม ไม่มีใครมาบีบบังคับให้มันรักคุณ ที่มันรักก็เพราะรัก ไม่ใช่เพราะมันถูกกำหนดมา แต่เป็นเพราะผมที่รักคุณเอง...”

การ์ฟยิ้มบาง ก้มลงแตะจูบริมฝีปากที่เอ่ยคำพูดตรงใจ

“ฉันเชื่อ ...เพราะฉันก็รักนาย”

ราวเสียงกระซิบจากสายลมหนาว ความรักของพวกเขาเริ่มต้นได้หลายฤดูจริงๆ ไม่ว่าก่อนนี้เรื่องราวทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเพราะอะไรกำหนด ต่อแต่นี้ไปพวกเขาจะขอเป็นคนกำหนดชีวิตของตัวเองบ้าง


...เหมือนดั่งพรหมชะตาขีดไว้ กำหนดใจสองเราให้คู่กันมา ใจสองใจผูกพันแน่นหนา อยู่ไกลลับฟ้ายังมาพบกัน
แล้วสิ่งใดที่เคยขาดหาย ก็กลับกลายสมใจดังว่าเสกสรร ลอยล่องในภวังค์แห่งฝัน ต่อเติมรักนั้นจนเต็มหัวใจ
เธอเพราะเธอคือคนสำคัญ ที่ใจของฉันจะรักจะคอยห่วงใย ตราบที่ฟ้าและดินสูญสิ้นมลายลงไป ตราบที่ลมหายใจของเราสิ้นสุด

...ตราบที่ฟ้าและดินสูญสิ้นมลายลงไป ตราบที่ลมหายใจของเราสิ้นสุด...





ช่วงเวลาเช้าตรู่ของวันหยุด ณ ร้านMagica Café ร้านที่ให้บริการด้านอาหารและเครื่องดื่ม ขึ้นชื่อด้านรสชาติและบรรยากาศของร้านที่น่านั่ง ตัวร้านถูกตกแต่งให้ดูคล้ายบ้านที่สร้างด้วยอิฐสี สับหว่างให้เกิดความสวยงามคล้ายบ้านขนมหวานในเทพนิยาย ไม้ดอกทั้งแบบพุ่มและแบบห้อยระย้าถูกปลูกไว้รายรอบร้านดูลงตัวพอดิบพอดี ตกแต่งภายในสไตล์แอนทีค โทนสีดูอบอุ่นไม่ทึมเทามากไป มีนาฬิกาโบราณเรือนใหญ่แขวนไว้ที่ผนังด้านข้างเคาน์เตอร์นั่นยิ่งส่งให้ร้านนี้ดูมีมนต์ขลังมากขึ้นไปอีก กระจกใสถูกบุรอบตัวร้านให้แสงธรรมชาติส่องเข้าไปภายในได้ และให้สามารถมองเห็นธรรมชาติภายนอกร้านเป็นอาหารตาอีกด้วย

เวลาที่เปลี่ยนไปสถานที่แห่งนี้ยังคงมอบความสุขให้คุณลูกค้าไม่เปลี่ยนแปลง แต่กลับเพิ่มลูกเล่นแปลกใหม่มากขึ้น นอกจากเรื่องอาหารหวานคาวและสไตล์การตกแต่งร้านแล้ว เสียงเล่าลือปากต่อปากยังกล่าวถึงพนักงานของร้านนี้อีกด้วย ซึ่งมันเป็นความบังเอิญเสียมากกว่าที่พนักงานในร้านหน้าตาพอดูได้

“อะไรนะ?” น้ำเสียงหาเรื่องจากพนักงานหน้าตาพอดูได้ดังมาขัด

“อย่างฉันนี่เรียกว่าหน้าตาพอดูได้เหรอตี๋?” หันไปถามหนุ่มตี๋หน้าตาดีข้างกายเสียอีกทีเพื่อความมั่นใจ ตี๋น้อยได้แต่ยิ้มแหยไม่กล้าแสดงความคิดเห็น ในเมื่อความจริงก็เห็นๆกันอยู่ว่ามันเป็นเช่นไร

“ชิ!”

ก่อนที่บรรยากาศมาคุจะก่อเกิดขึ้นมามากกว่านี้ ตี๋น้อยลูบแขนคนตัวสูงกว่าให้ใจร่มๆ ก่อนลากคนหน้าตาพอใช้ได้ไปเก็บในครัวแล้วถึงได้ออกมาต้อนรับลูกค้าด้วยรอยยิ้มสดใส

เคาน์เตอร์ทรงสูงรูปครึ่งวงกลม ชายหนุ่มหน้าตี๋ประจำการอยู่ด้านใน ยิ้มให้พนักงานเสิร์ฟชายตัวโตที่นำบิลค่าอาหารมาให้ รับไปคิดเงินแล้วทอนกลับมาให้พนักงานคนดังกล่าวนำไปให้ลูกค้า

พนักงานหนุ่มคนนี้ก็ออกจะหน้าตาดีอยู่ไม่น้อย... อย่าเพิ่งยืดไป เพราะข้อเสียไม่ได้ด้อยไปกว่าหน้าตา ทั้งหลงตัวเอง โลเลไม่มั่นคง ทำตัวคลุมเครือ ทำให้น้องร้องไห้มาก็ตั้งหลายหน เรียกว่าแค่นี้ข้อดีก็ไม่มีเหลือ โดยเฉพาะการทำหน้าเหวี่ยงใส่คนเขียนนี่... คะแนนติดลบเห็นๆ

ตี๋น้อยยิ้มแหยกับบทบรรยายแสนมั่วซั่วของคนเขียน สายตาเรียวชะเง้อมองหน้าร้าน ยังขาดพนักงานดีเด่นอีกคนนี่นะ หายไปไหนเสียแล้วล่ะ?

บนถนนเส้นเล็กที่ทอดยาวมายังร้านMagica Café เด็กหนุ่มตัวผอมที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่ปีก็ยังไม่โตไปกว่านี้กำลังวิ่งลั้นลามาตามทาง สีหน้าของเขาดูเบิกบานเหมาะกับเช้าที่แสนสดใส ผมที่ตัดซอยเข้าทรงตามสมัยนิยมปลิวกระดกตามแรงเคลื่อนไหวจากการวิ่งของเจ้าตัว ผมที่เจ้าตัวค้านหัวชนฝาว่ามันไม่ใช่ทรงหัวเห็ด แต่ดูอย่างไรมันก็เหมือนเห็ดอยู่วันยันค่ำ

เด็กหนุ่มหัวเห็ด... ไม่ใช่สิ หัวไม่เห็ดหรอก ตาเขียวๆไม่ต้องตวัดมาทางนี้ก็ได้... เด็กหนุ่มน่ารักเปิดประตูร้านMagica Café เข้ามา เสียงกระดิ่งประจำร้านดังกรุ๊งกริ๊งพาให้คนในร้านหันมามอง รอยยิ้มสดใสโปรยปรายให้ทุกคนโดยทั่วถึงขณะก้าวเดินไปหาหนุ่มตี๋ที่เคาน์เตอร์

เจ้าพนักงานหน้าตาพอดูได้เดินหน้าบูดออกมาจากในครัว ตี๋น้อยหันไปมองแล้วยิ้มให้ ยื่นมือไปหาเจ้าพนักงานนั่นก็เดินเข้ามาอ้อนอย่างน่าหมั่นไส้เป็นที่สุด น้องเล็กของกลุ่มมองพี่ๆแล้วก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่จนหนุ่มตี๋ขวยเขิน

หลังจากจัดการค่าอาหารของลูกค้าเสร็จ พนักงานหนุ่มอีกนายก็ตรงมาหาน้องเห... น้องเล็กของกลุ่ม รอยยิ้มดีใจราวหมาน้อยได้แทะกระดูก...

“ไม่มีอะไรจะเปรียบเทียบแล้วเหรอเจ๊?” ไอ้พนักงานขี้เหร่แสนจะปากเสียทักท้วงมาอย่างกวนโทสะ

“โว๊ะ ทักนิดทักหน่อยจากหน้าตาพอใช้กลายเป็นขี้เหร่เลยวุ้ยกู”

ตี๋น้อยยิ้มขำ ขณะที่น้องเล็กหัวเราะเสียงดังอย่างไม่เกรงใจ แบบว่าเจ้หาทางจบอยู่ ไม่รู้จะจบอย่างไรดีเลยลูกเอ๋ย เขียนไปเขียนมามันก็ยาวขึ้นเรื่อยๆ ออกทะเลไปแสนไกลลิบ

“ตัดจบเลยดีป่ะเจ๊ พวกผมจะได้ไปทำมาหากินกันเสียที”

จบ.

“อ้าวเฮ้ย ทำไมมันสั้นจังวะ?” พนักงานชายใจโลเลร้องประท้วงบ้าง

“อ้าว ซวย กูกลายเป็นพนักงานชายใจโลเลไปซะแล้ว”

“สม” น้องเล็กตอกย้ำพร้อมรอยยิ้มขำขัน ผมทรงหัวเห็ดเลยถูกมือใหญ่ขยี้เสียไม่เป็นทรงด้วยความหมั่นเขี้ยว

นี่เป็นเพียงเรื่องราวเล็กๆของพนักงานหนุ่มร้าน Magica Café แห่งนี้เท่านั้น บางทีสิ่งที่คุณเห็นอาจไม่เป็นอย่างที่คุณคิด แสงแดดอบอุ่นในหน้าหนาวที่สาดส่องเข้ามากระทบกับกรอบนาฬิกาโบราณเรือนใหญ่ ร้านอาหารสไตล์แอนทีคที่ให้บรรยากาศแตกต่าง ทั้งเรื่องพนักงานอัธยาศัยดี และการบริการที่เป็นกันเอง สิ่งเหล่านี้คุณอย่าเพิ่งเชื่อหากยังไม่ได้ลองสัมผัสมันด้วยตนเอง

กริ๊ง~

“Magica Café ยินดีต้อนรับครับ”



Happy End.




ขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่อยู่ด้วยกันมาจนถึงตอนนี้ค่ะ เรื่องนี้ดูกระท่อนกระแท่นแทบจะไปไม่รอดอยู่หลายครั้ง แต่ในที่สุดเราก็พาลูกชายของเรามาถึงฝั่งจนได้ เขียนไปก็เสียน้ำตาไปหลายยก ขอบคุณมากๆนะคะที่ยังให้การสนับสนุนคนไม่ได้เรื่องคนนี้ ขอบคุณค่ะ
 :pig4:
ท้ายสุดก็ต้องขอบคุณเล้าเป็ดเช่นเคยค่ะ สำหรับพื้นที่กว้างขวางในบ้านหลังใหญ่ พื้นที่ที่ทำให้คนเขียนและคนอ่านได้รู้จักกัน ผ่านตัวละครและตัวอักษรที่ใช้สื่อสารกัน ขอบคุณมากๆค่ะ
 :pig4:
ขอบคุณคนอ่านค่ะ ขออนุญาตเรียงลำดับจากจำนวนคอมเม้นต์นะคะ

ขอบคุณ

พี่ greensnake คุณ Ryoooo คุณ CarToonMiZa คุณ Pe๊aNu๊T

คุณ Naenprin คุณ YOSHIKUNIRUN พี่ $VAN$ น้อง nong PeePee

คุณ koikoi พี่ nongrak น้อง misshappy_time คุณ PapermintReal

คุณ BeeRY คุณ inspirer_bear คุณ nemesis คุณ gupalz

คุณ ชัดเจนกาบ คุณ namngern คุณ yeyong คุณ NOoTuNE

พี่อัจ Cinquain คุณ tuek พี่ t2007 คุณ 맀..Lich✿

น้อง อยากกินไข่พะโล้โปะ คุณ PK37 คุณ So_Da_Za

น้องตอง udongjay คุณ KhunToOK คุณ SaJung13 คุณ yuyie

คุณ threetanz คุณ cher7343 น้องซี zero3 คุณ kikikiki คุณ aoaer

คุณ iamnan คุณ Celestine คุณ honeyhoon คุณ Animajus

คุณ  indy❣zaka คุณ FFS_Yaoi พี่ love2y คุณ pahpai

คุณ MEMO MINI คุณ maru คุณ fay_13 คุณ fonny1987

คุณ fangkao คุณ lizzii คุณ MooJi คุณ YounIn คุณ bobie

คุณ SiCK_SENt™  คุณ 111223 คุณพี่ PEENAT1972 คุณ earthhnozomism

คุณ Ella Killer คุณ insomniac คุณ alekung103 คุณ roseen คุณ vpu

คุณ Syntyche คุณ เก๋ไก๋เจ้าค่ะ คุณ KaorPaor คุณ audio คุณ Gemm

คุณ Lemon_Tea คุณ bb_b คุณ waterlily คุณ punchnaja

คุณ Kwangkoyha คุณ nan239 คุณ atomtcom คุณ smirnoi คุณ Vavaviz


ตกหล่นชื่อใครไปต้องขออภัยด้วยค่ะ

ปีหน้าพบกันใหม่

วันใหม่ค่ะ


ออฟไลน์ Ryoooo

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +288/-2
ขำตอนจบมากเลยอะ ตอนก่อนซึ้งมาก ทุกอย่างที่ผ่านมาทำให้รู้สึกราวกับฝันจริงๆ
ชอบเรื่องนี้ อาร์ดิวน่ารักที่สุด การ์ฟก็จริงๆเป็นหนุ่มขี้แกล้ง ชอบปอมน้อยด้วย (เดี๋ยวโดนงอน)

เรื่องสนุกมากค่ะ ชอบทุกตอน ติดตามมาตลอด อยากให้มีตอนพิเศษด้วย อิอิิ

ออฟไลน์ cinquain

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +247/-0
 :ling1: น้องใหม่! ตอนจบทำพี่น้ำตาซึมได้  :ling1:

แต่ที่ถูกใจ อ่านแล้วขำก๊ากก็ ...

"โดยเฉพาะการทำหน้าเหวี่ยงใส่คนเขียนนี่... คะแนนติดลบเห็นๆ"

"ตี๋น้อยยิ้มแหยกับบทบรรยายแสนมั่วซั่วของคนเขียน"

"ตี๋น้อยยิ้มขำ ขณะที่น้องเล็กหัวเราะเสียงดังอย่างไม่เกรงใจ แบบว่าเจ้หาทางจบอยู่
ไม่รู้จะจบอย่างไรดีเลยลูกเอ๋ย เขียนไปเขียนมามันก็ยาวขึ้นเรื่อยๆ ออกทะเลไปแสนไกลลิบ"

"“ตัดจบเลยดีป่ะเจ๊ พวกผมจะได้ไปทำมาหากินกันเสียที”"

"จบ."

"“อ้าวเฮ้ย ทำไมมันสั้นจังวะ?” พนักงานชายใจโลเลร้องประท้วงบ้าง"

ใหม่เข้าใจแซวตัวเองนะนี่ 555 /

ประทับใจกับตอนจบค่ะ รู้สึกเหมือนตอนพิเศษมันจะตามมาใช่ไหมคะ (ทำตาปริบๆ)  :mew5: /
ฟิลของเรื่องมันว่าอย่างนั้น ^ ^ แต่อย่ากังวลนะคะ รู้ว่ามันยากสำหรับน้องในการเขียนแต่ละตอน
ถ้ามีเมื่อไหร่ก็อ่านเมื่อนั้นค่ะ /  :mc4: ไชโยให้ใหม่ วู้ฮู้  :mc4:   :กอด1:  :กอด1:


ออฟไลน์ koikoi

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +311/-13
 :L1:ขอบคุณเรื่องราวน่ารักและความสุขที่มอบให้คนอ่านนะคะ

ออฟไลน์ nongrak

  • ยังไงก็รักคาเมะจังที่สุด
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +912/-14
จบแล้ว มีแซวตัวเองด้วยนะ
แล้วที่บอกปีหน้าพบกันใหม่นี่ หมายถึงปีหน้าถึงจะเขียนเรื่องใหม่เหรอ
ถ้ามาลงก็จะรออ่านนะจ้ะ

+1 ขอบคุณนะค่ะ
 :กอด1:   :mew1:

ออฟไลน์ Vavaviz

  • oONaMMOo
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 513
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-4
จบแล้ววว

จบน่ารักมากเลยค่าาาาา
รอติดตามเรื่องใหม่นะคะ. คึคึ

ออฟไลน์ udongjay

  • ความรัก...ไม่เคยจำกัดเพศ แต่เพศต่างหากที่จำกัด...ความรัก
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +235/-2
จบแล้วอ่า แง~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
ต่อไปก็จะไม่มีนิยายอีกเรื่องแล้วง่ะ
ตอนจบน้องปอมยังน่ารักเหมือนเดิมเลย แอยสงสารไวน์
(หาคู่ให้ไวน์หน่อยจิ)
ส่วนของดิวกับการ์ฟก็หวานเนอะ

คึคึ บวกคร้ายยยยยย

nemesis

  • บุคคลทั่วไป
จบ แล้วววว

ออฟไลน์ maru

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3553
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-7
การ์ฟทำตกอกตกใจหมดเลย

ออฟไลน์ greensnake

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3440
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +920/-14
เออเนอะ ราวกับฝันไปมันเป็นอย่างนี้นี่เอง
แต่เรื่องที่ทั้งสองคนใจตรงกันก็คือเรื่องจริง :-[
ดีใจกับวันใหม่ที่ส่งเด็กๆถึงฝั่งอีกเรื่องแล้ว
แม้จะเจออุปสรรคทั้งในเรื่องนิยายและชีวิตจริง
ไม่ว่าจะยากเย็นแค่ไหนก็ผ่านมันมาได้อย่างสวยงาม
รอวันใหม่ในปีหน้า คาดว่าคงไฉไลกว่าเดิมแน่นอน
ขอบคุณสำหรับเรืี่องราวสนุกๆเรื่องนี้ ตัวละครที่น่ารัก
โดยเฉพาะน้องหัวเห็ด คนนี้รักมากเป็นพิเศษ :man1:
ขอบคุณวันใหม่มากค่ะ :กอด1:
+1และเป็ดแทนคำขอบคุณค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ TinyB

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 522
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-0
เลิกงานปุ้บรีบเข้ามาอ่านปั้ป
งื้อออ เดินทางมาถึงตอนจบซะที เวลาผ่านไปเร็วจริงๆ ยังรู้สึกว่าอ่านไม่หน่ำใจเลยอ่ะพี่ใหม่ อิอิ (โลภ)

สุดท้ายนายการ์ฟก็ได้รักกับอาร์ดิวสักทีเนอะ ลุ้นแทบตายตอนพ่อแมวชีพจรเต้นอ่อนลง

ดีใจที่ได้อ่านเรื่องนี้และขอบคุณพี่ใหม่ที่แต่งนิยายสนุกๆมาให้อ่าน เจอกันปีหน้าฮะ คิคิ  :katai2-1:

ออฟไลน์ CarToonMiZa

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +820/-41
อ้าวเข้ามาอ่านอีกทีจบซะแล้ว
แต่ก็ขอบคุณกับเรื่องราวดีดี
ที่ได้ถ่ายทอดออกมาให้ได้อ่าน
ทั้งสุขเศร้าเคล้าน้ำตาปะปนกันไป
แอบมีให้หลอนบ้างนิดๆสรุปแล้ว
ก็ชอบล่ะนะถึงได้ตามอ่านกัน
จะรอเรื่องต่อไปจ้า
 :L1: :pig4:
+1และเป็ด

ออฟไลน์ Naenprin

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +203/-1
จบแล้วอ่ะ สนุกมากค่ะ

ออฟไลน์ YOSHIKUNI RUN

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
จบแล้วววว

หง่ะ  ยังไม่ทันตั้งตัวเลยยย :heaven

ชอบตอนจบอ่ะ ฮาดีๆๆ  :m3:
ขอบคุนมากๆๆค่ะ ที่เขียนให้เราได้อ่านกัน

 :L1: :L1:

ออฟไลน์ zuu_zaa

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1
เฉลยตอนจบผิดจากที่คิดมาก

สนุกมากค่ะ รักคนเขียน

ออฟไลน์ $VAN$

  • Moderator
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +307/-6
จบได้น่ารักมากจ้า ^^

ออฟไลน์ NIMME

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 557
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
เป็นตอนจบที่สุดยอดมาก
เขียนเก่งมากๆเลยค่ะ
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆสนุกๆนะคะ :hao6:

fay_13

  • บุคคลทั่วไป
Re: ☆☆Magica Café☆☆
«ตอบ #537 เมื่อ14-08-2013 19:19:05 »

จบได้น่ารักมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก  :-[ :-[

เรื่องนี้อ่านแล้วถึงกับยิ้มตามด้วยความอารมณ์ดีแบบสุดๆ เลยทีเดียว ชอบมากถึงมากที่สุด  :hao5: :hao5:

อาร์ดิวก็น่ารัก เป็นตี๋น้อยขี้อายที่ขยันโดนนายการ์ฟรังแกแบบสุดๆ

เจ้ากะปอมน้อยที่จิ๋วแต่ตัวแต่ความคิดไม่เด็กเอาใจไปเลย

เรื่องนี้ถ้าถามว่าชอบใครที่สุดก็คงเป็นเจ้ากะปอมนี่แหละ  :give2:

ออฟไลน์ krappom

  • 人は誰でもそれぞれに悩みを抱えて生きる
  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1182/-23
Re: ☆☆Magica Café☆☆
«ตอบ #538 เมื่อ20-08-2013 14:59:44 »

ปอมปอม เด็กหัวเห็ด น่ารักจัง
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวน่ารักๆ จ้า
 :3123:

ออฟไลน์ aoaer

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 306
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
Re: ☆☆Magica Café☆☆
«ตอบ #539 เมื่อ20-08-2013 22:00:42 »

ห่างหายจากเล้าไปนาน  กับมา  จบแล้วอ่ะ  :mew2: :mew2:   อิอิ  แต่งสนุกมากมายเลยค๊า

ตอนจบน่ารักอ่ะ ที่แรกเอกราฟจะตายจริงๆหรอ จริงอ่ะ แล้วยิ่งบอกว่าเรื่องราวที่ผ่านมาเป็นความฝัน

จะบอกว่าช็อคค่ะ ทำไมทำแบบนี้  แต่พออ่านไปเรื่อยๆ โอเค ไม่มีหักเหลี่ยมหักมุมมากกว่านี้ และจบ

แบบแฮปปี้ ก็ยิ้มสยามเลยค๊    ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆนะคะ    :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด