☆☆Magica Café☆☆ ตอนพิเศ๊ษ พิเศษ มาอ่านกันเต๊อะ (30/08/2556)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ☆☆Magica Café☆☆ ตอนพิเศ๊ษ พิเศษ มาอ่านกันเต๊อะ (30/08/2556)  (อ่าน 122348 ครั้ง)

ออฟไลน์ YOSHIKUNI RUN

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
ลุ้นๆๆ
 :z3: :z3:

ออฟไลน์ greensnake

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3440
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +920/-14
ตกลงวิญญาณนั่นไม่ดีจริงๆใช่ไหม ถึงกับจ้องทำร้ายกันอย่างนี้
แล้วต้องการอะไรจากอาร์ดิวกันแน่เนี่ย  :ling1: ไม่เข้าใจ
แต่ที่ปลื้มก็คือรู้ว่าทั้งการ์ฟและอาร์ดิวต่างเป็นครึ่งชีวิตของกันและกัน
เอาใจช่วยพี่เมฆและทุกคนให้จัดการเรื่องนี้ได้อย่างเรียบร้อย
แม้เหตุการณ์จะตึงเครียดแต่น้องปอมก็ทำให้เรายิ้มได้
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ :กอด1:
+1และเป็ดจ้า

ออฟไลน์ nongrak

  • ยังไงก็รักคาเมะจังที่สุด
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +912/-14
การ์ฟมาจะช่วยอาร์ดิวได้ใช่ไหม ทำไมต้องทำร้ายอาร์ดิวด้วย
เมฆจัดการพวกนั้นเลยนะ

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
ผีบ้า ทำไมต้องทำร้ายอาร์ดิวด้วย :angry2:
อย่าเป็นอะไรนะอาร์ดิว :monkeysad:

ออฟไลน์ $VAN$

  • Moderator
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +307/-6
ดิวจะเป็นไรมากไหม การ์ฟมาเร็วน๊า

ออฟไลน์ nong PeePee

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-0
การ์ฟต้องมาช่วยอาร์ดิวไวๆน้า สู้ๆ  :hao5: :hao5: :mew1:

ออฟไลน์ wanmai

  • ★รักใสปิ๊ง★(>_<)
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 936
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1195/-5
Re: ☆☆MAGICA CAFÉ☆☆ magic <15> 20/06/2556
«ตอบ #396 เมื่อ20-06-2013 07:16:03 »

Magica Café

Magic (15)




การ์ฟมาถึงโรงพยาบาลในเวลาเพียงไม่นานโดยมีเทสต์และบิวตามมาด้วย เด็กหนุ่มตรงไปยังหน้าห้องฉุกเฉินที่ครอบครัวอาร์ดิวรวมตัวกันอยู่ที่นั่น ทุกคนหันมามองการ์ฟ สีหน้าของทุกคนดูไม่ดีเลยจนการ์ฟหวั่นใจ เขาไหว้ผู้อาวุโสทั้งสองและพี่เมฆก่อนจะก้าวไปหยุดอยู่หน้าประตูห้องฉุกเฉิน อาร์ดิวไม่ได้อยู่ที่นี่กับทุกคน มันคงแปลไปในทางอื่นไม่ได้นอกจากคนที่อยู่ในนั้นจะเป็นอาร์ดิว

เด็กหนุ่มได้แต่ยืนนิ่งงันอยู่หน้าประตู มือยกทาบบานประตูที่มีใครคนหนึ่งกำลังถูกช่วยเหลืออย่างสุดความสามารถอยู่ภายในนั้น หัวใจเขาบีบรัดจนแทบหายใจไม่ออก มันเจ็บปวดเหลือเกินเมื่อคิดว่าอีกคนกำลังจะจากไป

...อย่าเพิ่งไปนะตี๋... อย่าเพิ่งทิ้งฉันไป...

เมฆเดินเข้ามาหา วางมือบนบ่าการ์ฟ เด็กหนุ่มหันกลับมามอง เมฆจึงเอ่ยบอกสีหน้าเครียด

“มีบางเรื่อง...ที่พี่อยากให้นายช่วย”

การ์ฟพยักหน้าช้าๆเป็นเชิงตอบรับ ไม่รู้ว่าเรื่องที่พี่เมฆจะขอให้ช่วยนั้นมันคืออะไร แต่ถ้ามันเกี่ยวกับคนที่อยู่ในมือหมอเวลานี้ ถ้าช่วยได้เขาก็จะช่วยให้ถึงที่สุด ทั้งที่ก่อนนี้ไม่เคยจะถูกชะตา แต่พอคิดอยากจะถอยห่างมากเท่าไหร่กลับกลายเป็นเดินเข้าใกล้มากขึ้นเท่านั้น

เหลียวกลับมามองประตูห้องที่ปิดสนิทอีกครั้งการ์ฟจึงได้เดินตามเมฆออกไป โดยที่มีเทสต์มองตามหลานชายสีหน้าเครียด ก่อนหันกลับมามองห้องฉุกเฉินด้วยความหนักใจไม่แพ้กัน



อาร์ดิวค่อยลืมตาตื่นขึ้นมา แสงแรกที่ผ่านเข้ามาในความรับรู้ทำให้เด็กหนุ่มต้องหลับตาลงอีกครั้ง ก่อนจะค่อยๆหรี่ตามอง ภาพตรงหน้าที่ค่อยชัดเจนขึ้นเรื่อยๆคือบุคคลที่สวมชุดปลอดเชื้อ ทั้งยังมีหมวกคลุมผมและผ้าปิดปากกำลังทำอะไรบางอย่างกับร่างกายของเขา เด็กหนุ่มตกใจผุดลุกพรวดขึ้นมา เป็นขณะเดียวกันกับที่คนๆหนึ่งก้มลงมา อาร์ดิวหลับตาปี๋เพราะคิดว่าหัวกระแทกแน่ แต่แล้วมันกลับไม่ได้เป็นไปเช่นนั้น เมื่อเขาไม่ได้รู้สึกเจ็บสักนิด

ดวงตาเรียวรีเปิดขึ้นมองอีกครั้ง ทุกคนที่อยู่ภายในห้องนี้ไม่มีใครสนใจเขา อาร์ดิวเหลียวมองรอบกายงงๆ เครื่องมือแพทย์มากมายในห้องนี้ทำให้เขาพอจะรู้ว่ามันคือที่ไหน เขาอยู่ที่โรงพยาบาล แต่...เขาเป็นอะไรล่ะ? ทำไมถึงได้มาอยู่ที่นี่?

เด็กหนุ่มลุกลงจากเตียงด้วยความมึนงง ไม่ได้หันกลับมาสนใจเลยว่าคนในห้องนี้นั้นเขากำลังทำอะไรอยู่...



ทางด้านเมฆที่ขอคุยกับการ์ฟ หนุ่มรุ่นพี่พยายามอธิบายเรื่องต่างๆให้การ์ฟรับรู้คร่าวๆ เอาเฉพาะเรื่องที่เขาคิดว่ามันสำคัญ โดยเฉพาะเรื่องความพิเศษของคนในครอบครัวเขา ซึ่งการ์ฟก็ได้แต่นั่งฟังเงียบๆ

“อาจเป็นเรื่องเข้าใจยาก แล้วก็ยากที่จะเข้าใจ”

เมฆว่าอย่างนั้นเมื่อเล่าความเป็นมาจบลง การ์ฟอาจไม่เชื่อในเรื่องที่เขาเล่าก็ได้ แต่ถ้าเป็นไปได้เขาก็อยากให้เชื่อ เพราะมันคงง่ายต่อการให้ความร่วมมือในสิ่งที่เขาจะทำ

“ผมเข้าใจครับ... แล้วเรื่องที่พี่จะให้ช่วย...”

“อาร์ดิว!”

ยังไม่ทันจะได้คุยกันต่อเมฆก็ผุดลุกขึ้นแล้วเรียกอาร์ดิวเสียงตื่น การ์ฟหันไปมองตามเมฆ คิ้วเด็กหนุ่มขมวดเพราะไม่เห็นมีอะไรสักอย่าง ขณะที่เมฆออกวิ่งตามสิ่งที่ตนเองเห็นไป

“อาร์ดิว”

ประตูกระจกทางเข้าถูกเปิดออก เมฆก้าวออกไปด้านนอกที่เป็นที่รอลิฟท์ น้องชายของเขาหายไปแล้ว ทั้งที่เมื่อครู่นี้เขายังเห็นอยู่เลยว่าน้องเขาเดินมาทางนี้ ร่างสูงเดาะลิ้นขัดใจ ผินกายกลับผลักประตูบานเดิมแล้วรีบไปที่ห้องฉุกเฉิน

ทุกคนหันมามองเมฆที่วิ่งกลับมา ชายหนุ่มแตะประตูห้องฉุกเฉินแล้วหลับตาลง อาร์ดิวยังอยู่ ชีพจรน้องยังเต้นอยู่ เมฆหอบด้วยความเหนื่อย เมื่อหันกลับมาเห็นทุกคนมองมาที่ตนอย่างมีคำถาม เมฆก็ยิ้มเจื่อน คงต้องหาคำพูดดีๆมาอธิบายสถานการณ์ขณะนี้สินะ



อาร์ดิวเดินงงๆมาที่ห้องพิเศษห้องหนึ่งในโรงพยาบาล หันซ้ายแลขวาเพราะไม่รู้ว่าตนเองเดินมาที่นี่ทำไม หันกลับมาอีกทีประตูก็เปิดออกแล้ว ขาของเขานำพาให้ก้าวเข้าไปด้านใน พอลับเหลี่ยมมุมผนังห้องมาก็เห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย

“เธอน่าสงสารนะว่าไหม?”

เสียงปริศนาจากด้านหลังดังขึ้น อาร์ดิวหันขวับกลับไปมอง ผู้ที่ก้าวเข้ามาหาคือวิญญาณหนุ่มตนนั้น สายตาของวิญญาณหนุ่มมองเด็กผู้หญิงบนเตียงด้วยแววเศร้า

“เด็กตัวแค่นี้เอง เธอยังต้องเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ต้องเรียนรู้การใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบนี้อีกมากมาย แต่ตอนนี้เธอกลับต้องมานอนนิ่งๆ มีสายอะไรต่อมิอะไรเต็มไปหมด...”

อาร์ดิวกลืนน้ำลายหนืดคอ ความอึดอัดค่อยๆเพิ่มขึ้นมาทีละน้อย สภาวะกดดันจากอะไรบางอย่างทำให้เขาหายใจลำบาก แต่ไม่รู้ว่าทำไมถึงไม่เดินหนีไป

“นายว่าเธอน่าสงสารไหม?” วิญญาณหนุ่มเอ่ยถามขณะที่สายตายังคงมองไปที่ร่างบนเตียง

“เธอ...เป็นน้องสาวคุณเหรอ?”

กว่าจะเค้นคำพูดออกมาได้ช่างแสนลำบาก ราวอากาศหายใจกำลังใกล้หมด อาร์ดิวหอบหนักขึ้น มือเรียวกดที่หน้าอกตนเอง

“ฉันต้องการให้เธอฟื้น และมีแต่นายเท่านั้นที่จะช่วยได้”

อาร์ดิวผงะถอยเมื่อวิญญาณหนุ่มเบือนสายตาเย็นเยียบมาที่เขา เด็กหนุ่มรับรู้ถึงอันตราย อยากจะหนีไปแต่ก้าวขาไม่ออก ได้เพียงจับจ้องอีกฝ่ายด้วยความหวาดหวั่น...



หน้าห้องฉุกเฉิน

แพทย์ผู้ทำการรักษาอาร์ดิวเปิดประตูออกมาพร้อมแจ้งว่าตอนนี้ชีพจรคนไข้เต้นอ่อนมาก แต่ไม่ได้พบบาดแผลใดๆบนร่างกาย ที่ทางครอบครัวแจ้งว่าเห็นนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นนั้นอาจเป็นสภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน แต่เด็กขนาดนี้ไม่น่าจะมีได้ ตามประวัติการรักษาก็ไม่พบว่าเป็นโรคเกี่ยวกับหัวใจ ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงดีด้วยซ้ำ คงมีแค่ตอนเด็กที่เจ็บป่วยบ่อยเท่านั้น ฉะนั้น ทางคณะแพทย์จึงต้องรอดูอาการก่อน เพื่อวินิจฉัยโรคที่เด็กหนุ่มเป็นต่อไป หากผ่าน 48 ชั่วโมงนี้โดยไม่มีโรคแทรกซ้อนใดๆ และสภาพร่างกายกลับสู่สภาวะปรกติก็จะให้ย้ายไปพักห้องพิเศษและดูแลอย่างใกล้ชิด

ช่วงเวลา 48 ชั่วโมงที่ครอบครัวของอาร์ดิวเฝ้ารอคอยนั้นมันช่างยาวนานเหลือเกิน คุณแม่แทบจะกินไม่ได้นอนไม่หลับ ได้แต่สวดมนต์ภาวนาให้ลูกปลอดภัย ปอมปอมที่เห็นพี่ชายเป็นแบบนั้นก็ซึมลงไป ไม่มีร่าเริงเหมือนเก่า ไม่สามารถปลอบใจคุณแม่ได้เพราะตนเองก็ไม่ได้ต่างจากคุณแม่เลย

คุณพ่อจึงเป็นเสาหลักเพียงหนึ่งเดียวที่ห้ามล้ม แม้จะห่วงใยลูกใจจะขาดก็ไม่สามารถแสดงความอ่อนแอออกมาได้ สถานการณ์แบบนี้ทำให้ร้านเมจิคกะต้องปิดชั่วคราว พนักงานทุกคนต่างก็เข้าใจและเป็นกำลังใจให้ครอบครัวของนายจ้างผ่านเรื่องร้ายๆนี้ไปได้ด้วยดี

หลังผ่าน 48 ชั่วโมงตามที่แพทย์กำหนดมา อาการของอาร์ดิวไม่ได้แย่ลง หัวใจเต้นปรกติ ชีพจรเต้นสม่ำเสมอ ออกซิเจนในร่างกายอยู่ในระดับที่เป็นที่น่าพอใจ และไม่มีอาการอย่างอื่นแทรกซ้อน ราวกับเด็กหนุ่มเพียงนอนหลับอยู่เท่านั้น แพทย์เจ้าของไข้จึงอนุญาตให้ย้ายไปพักห้องพิเศษได้ในช่วงบ่ายของวันหนึ่งหลังจากครบ 48 ชั่วโมงมาได้ครึ่งวัน

คุณแม่รวิเฝ้าขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ทำให้ลูกชายของท่านพ้นขีดอันตรายมาได้ เรื่องนี้ท่านยังไม่ได้บอกคุณตาคุณยายเพราะกลัวผู้อาวุโสทั้งสองจะเป็นห่วง ไว้อาร์ดิวหายดีเมื่อไหร่ค่อยพาไปเยี่ยมท่านก็แล้วกัน หลังจากนี้คงต้องให้เป็นหน้าที่ของเมฆที่จะต้องใช้ความพิเศษของตนเองช่วยพาน้องกลับมา



การ์ฟกลับบ้านมาหลังจากไปเยี่ยมอาร์ดิวที่เพิ่งได้ย้ายมาอยู่ห้องพิเศษ วันนี้น้าชายของเขาไม่ได้ไปทำงานเช่นทุกที การ์ฟออกจะแปลกใจ แต่ก็พอจะรู้ถึงสาเหตุ สาเหตุนั้นคงมาจากเขาเอง เทสต์คงเป็นห่วงเขา

“เทสต์ ผมมีเรื่อง...”

การ์ฟชะงักคำที่จะพูดเมื่อผู้เป็นน้าชายหันมามองเขาด้วยหันสีหน้าเคร่งเครียด

“เป็นอะไร?” เด็กหนุ่มเลิกคิ้วถาม เห็นเทสต์ถอนใจก่อนเอ่ยถามกลับมา

“มีเรื่องอะไรเหรอ?”

แม้จะสงสัยกับท่าทางนั้น แต่การ์ฟก็ไม่ได้ซักไซ้ บอกธุระของตนเองแทน “ผมอยากรู้ ว่าทำไมน้าถึงชอบบอกว่าเนื้อคู่ผมเป็นผู้ชาย แล้วทำไมถึงเป็นอาร์ดิว?”

“นายก็รู้ว่าน้ามั่ว” เทสต์ยิ้มมุมปาก ตอบหลานกวนๆเลยถูกหลานดุ

“เทสต์ ผมจริงจัง”

พอหลานพูดมาแบบนั้นเทสต์ก็หัวเราะ ไอ้ท่าทางเครียดๆเมื่อครู่นี้มันคือภาพลวงตาสินะ

“ความรู้สึกน่ะ” น้าชายยิ้มบอก

“หมายความว่ายังไง?”

“บอกไม่ถูกหรอก แค่รู้สึกว่าเราจะต้องเจอกับคนๆหนึ่งซึ่งมีความสำคัญกับเรามาก ส่วนมากแค่ไหน...น้าว่าการ์ฟคงรู้ดีกว่าน้า”

“ไม่เห็นเข้าใจ” การ์ฟว่า

“หึ นั่นสิ”

การ์ฟส่ายหน้าเบาก่อนเดินเลี่ยงขึ้นบ้าน ถามเทสต์ก็ไม่เห็นจะได้คำตอบที่ชัดเจน ใช้ความรู้สึกอย่างนั้นหรือ เวลาเทสต์พูดแล้วมันเป็นไปตามนั้นไม่ใช่เพราะเทสต์เห็นอะไรบางอย่างเหมือนพวกหมอดูหมอเดา แต่เพราะความรู้สึกมันบอก แล้วมันจะแม่นขนาดนั้นเลยหรือเจ้าความรู้สึกที่ว่านี่



คุณแม่รวิที่เฝ้าอาร์ดิวอยู่ที่โรงพยาบาล เพียงแค่เมฆก้าวเข้ามาในห้องผู้ป่วยท่านก็ตรงเข้าไปหา สีหน้าท่านดูรวดร้าวและเต็มไปด้วยความคาดหวัง

''เมฆ...''

เมฆถอนใจพลางส่ายหน้า เพียงเท่านั้นคุณแม่ก็แทบทรุด คุณพ่อรีบเข้ามาพยุง ยืนเป็นหลักให้อีกฝ่ายได้พักพิง

''ผมไม่เห็นน้องอยู่ในนี้ครับอา'' เมฆเอ่ยบอกด้วยความเสียใจ ในเวลาแบบนี้ ความ 'พิเศษ' ของเขากลับใช้ไม่ได้ผล

''บ...บางที บางทีน้องอาจจะไม่ได้ไปไหนก็ได้ น้องอาจจะ...'' น้ำตาคนเป็นแม่ไหลริน ไม่สามารถเอ่ยคำใดต่อไปได้ เมื่อรู้อยู่แก่ใจว่ามันเป็นเพียงการปลอบใจตัวเองเท่านั้น ทุกคนต่างนิ่งเงียบ จนกระทั่งคุณแม่รวิพูดขึ้นมา

''อาจะให้คุณตาช่วยทำพิธี อาจะพาลูกอากลับมา''

''ไม่ได้นะครับอา อาฝืนลิขิตมาครั้งหนึ่งแล้ว อาจะทำมันอีกไม่ได้''

''ทำไมจะไม่ได้ล่ะเมฆ นั่นลูกอานะ ลูกของอาทั้งคน อาปล่อยให้เขาตายไม่ได้ แม้จะต้องแลกด้วยชีวิตของอา อาก็จะทำ!!''
คุณแม่พูดทั้งสะอื้น คุณพ่อกอดปลอบ ลูบแผ่นหลังบางที่สะท้อนไหวจากการสะอื้นไห้ เหลียวไปมองลูกที่ยังนอนนิ่งแล้วใจจะขาด มันถึงเวลาแล้วหรือที่อาร์ดิวจะต้องไป แต่ต้องไม่ใช่แบบนี้สิ ท่านทำใจไม่ได้ มันกะทันหันจนตั้งตัวไม่ทัน

ปอมปอมที่เห็นคุณแม่ร้องไห้ก็พลอยน้ำตาไหลไปด้วย มือเรียวจับมือพี่ชายแล้วบีบเบาๆ

‘ฟื้นสิดิว อย่านอนนิ่งๆแบบนี้ ฟื้นสักทีสิ’



ลานจอดรถของโรงพยาบาล ชีวาพาปอมปอมมาที่รถเพื่อจะไปส่งน้องเรียนพิเศษช่วงบ่าย หลังจากพากันมาเยี่ยมอาร์ดิวที่ตอนนี้ก็ยังไม่ฟื้นคืนสติ หนุ่มน้อยไม่อยากไปเลย อยากอยู่เฝ้าพี่ชายมากกว่า แต่มันเป็นหน้าที่ของตัวเองก็จำต้องทำ ไม่อยากให้คุณพ่อกับคุณแม่ต้องมีเรื่องกังวลใจเพราะตนเพิ่มขึ้นมาอีก

กลับจากเรียนพิเศษหนุ่มน้อยก็มีหน้าที่เฝ้าบ้าน งานที่ร้านคุณพ่อกลับไปรับผิดชอบดูแลต่อแล้ว ส่วนคุณแม่ก็อยู่โยงเฝ้าพี่ชาย ปอมปอมน้อยรู้สึกว่าตนเองไม่มีประโยชน์อย่างไรไม่รู้ เพราะตอนนี้เขามีหน้าที่แค่เรียนพิเศษแล้วก็อยู่บ้านเฉยๆ เขาสบายกว่าใครเลย จะไปเฝ้าพี่ชายก็ไม่ได้เพราะตนเองคงทำอะไรไม่เป็นหากเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นมา

ชีวาไม่ได้ไปทำงานที่ร้าน เด็กหนุ่มรับอาสาอยู่เป็นเพื่อนน้อง ครอบครัวของเขาก็ไม่ได้ห้ามหากจะมาอยู่เป็นเพื่อนปอมปอม หรือไปรับไปส่งน้องที่โรงเรียนสอนพิเศษ ช่วยเหลืออะไรกันได้ก็ต้องช่วยๆกัน

“คุณลุงกับคุณป้าไว้ใจปอมปอมนะ ไม่ต้องคิดว่าเราทำน้อยกว่าคนอื่น เพราะการที่กะปอมน้อยของพี่ต้องไปเรียน แล้วก็อยู่เฝ้าบ้านก็เป็นหน้าที่หนึ่งไม่ใช่เหรอ?” ชีวาให้เหตุผลกับน้องเมื่อรู้ถึงความกังวลใจที่เกิดขึ้น

น้องน้อยถอนใจแล้วว่า “ปอมรู้ แต่ปอมอยากทำตัวมีประโยชน์มากกว่านี้อ่ะ เวลานี้ที่ทุกคนกำลังพยายาม ปอมรู้สึกว่าปอมไม่ได้ช่วยอะไรเลย”

ชีวายิ้มบาง โยกหัวน้องเบาๆ เสียงโทรศัพท์กะปอมน้อยดังขึ้นมา เจ้าของเขาจึงเดินไปหยิบมากดรับ เป็นคุณพ่อนั่นเองที่โทรมา เพราะเป็นห่วงลูกคนเล็ก

“ดูแลตัวเองด้วยนะเจ้าหนู ป๊าก็มัวแต่ยุ่งอยู่กับร้าน แล้วนี่กินข้าวยัง ป๊าให้คนเอาไปส่งให้ไหม?”

“ไม่เป็นไรครับ พี่ชีวาแบ่งกับข้าวจากที่บ้านมาให้ปอมกินแล้ว พี่มุ่ยก็ซื้อของกินมาใส่ตู้เย็นไว้เต็มเลย ปะป๊าอย่าลืมทานข้าวด้วยนะ ปอมเป็นห่วง” หนุ่มน้อยรายงานพร้อมตบท้ายด้วยความห่วงใย

“ครับผม”

คุณพ่อรับความห่วงใยนั้นแล้วหัวเราะ ห่วงกันไปแล้วก็ห่วงกันมา ว่าไปแล้วก็พลอยให้นึกถึงลูกชายคนโต ป่านนี้ก็ยังไม่ฟื้นขึ้นมาเลย หมอก็ยังหาสาเหตุไม่เจออีกว่าเป็นเพราะอะไร

“ปะป๊า ปอมอยากไปเยี่ยมดิว”

เสียงลูกชายคนเล็กดังแทรกความคิดท่านขึ้นมา มันช่างตรงกับที่ท่านคิดอยู่เสียจริง คุณพ่อกะพริบตาถี่ไล่ความรู้สึกที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ก่อนจะส่งเสียงไปตามสาย

“ชีวาอยู่ด้วยหรือเปล่า?”

“ครับ”

“พ่อขอคุยหน่อย”

พอคุณพ่อบอกมาแบบนั้นกะปอมน้อยจึงเดินกลับมาหาชีวาที่นั่งรอตนเองอยู่เงียบๆที่โซฟาแล้วยื่นโทรศัพท์ให้

“ป๋า ปะป๊าจะคุยด้วย”

ชีวารับโทรศัพท์จากน้องมาคุย น้องก็นั่งลงข้างๆขณะที่เขาตอบรับปลายสาย

“ครับ ลุงไปป์”

เด็กหนุ่มนิ่งฟังที่ปลายสายพูด เอ่ยตอบรับเป็นครั้งคราว เหลือบมามองน้องที่นั่งมองตนเองตาแป๋วอยู่ข้างๆด้วย เมื่อคุยกันเสร็จคุณพ่อไปป์ก็วางสายไป

“ปะป๊าว่าไงบ้าง?”

“คุณลุงท่านฝากพี่ดูแลเด็กน้อยแถวนี้น่ะ”

แววล้อเลียนส่งมาจากสายตาพี่ ปอมปอมทำปากยื่น กอดอกแล้วว่า

“ดีนะที่ปอมโตแล้ว”

“เหรอ?”

ชีวาลากเสียงยาว คนเป็นน้องก็ยักคิ้วให้ เด็กหนุ่มยิ้มบาง แตะแก้มน้องแล้วประคองไว้ในอุ้งมือใหญ่ ปอมปอมมองพี่นิ่ง รับฟังถ้อยคำที่พี่บอกแล้วยิ้ม

“มีพี่อยู่ทั้งคน ปอมปอมไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น”

“มีป๋าอยู่น่ากลัวกว่าอีก”

“โห่ กำลังจะสวีทหน่อย หมดกันเลยเนี่ย”

ชีวาทำโอดครวญ น้องหัวเราะชอบใจ นั่นทำให้ชีวายิ้มได้ ดีกว่าให้น้องนั่งซึมอยู่ทั้งวันตั้งเยอะ เข้าใจว่าน้องห่วงอาร์ดิว เขาเองก็ห่วง ยิ่งตอนนี้อาร์ดิวยังไม่ฟื้นยิ่งน่าห่วง แต่เขาก็ห่วงน้องมากเหมือนกัน



ในช่วงดึกสงัดของคืนหนึ่ง ภายในห้องผู้ป่วยที่ข้างเตียงนั้นเต็มไปด้วยสายระโยงระยาง ชายหนุ่มผู้หนึ่งเข้ามาหยุดอยู่ข้างเตียงสีขาวสะอาดที่มีร่างของผู้ป่วยชายนอนนิ่ง สายตาของเขากวาดไปทั่วห้องที่มีเพียงแสงไฟจากประตูหน้าห้องลอดเข้ามา ญาติที่มานอนเฝ้านั้นหลับสนิทไปแล้ว ในช่วงเวลาเช่นนี้คงไม่มีใครยังตื่นอยู่ได้อีกหรอกกระมัง

ชายหนุ่มข้างเตียงจับจ้องร่างที่นอนนิ่ง ค่อยๆโน้มตัวลงไปหาช้าๆ แต่ทันใดนั้นกลับมีบางอย่างคล้ายลมพัดมาวูบหนึ่ง ร่างของเขากระเด็นออกห่างเด็กหนุ่มบนเตียงสีขาวไปไกล สีหน้าชายหนุ่มดูตื่นตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น หันไปมองประตูทางเข้าห้องก็ยิ่งตกตะลึง เขาผวาลุกกระโจนหนี แต่ร่างตนกลับถูกตรึงจากสิ่งที่มองไม่เห็น

“บอกแล้วใช่ไหม อย่ายุ่งกับน้องชายของฉัน'”

ดวงตาขวางขุ่นตวัดมองผู้พูด... ไอ้หมอผีขี้เก๊ก!!!!

“ปรากฏตัวออกมาสักทีนะไอ้ผีเร่ร่อน” เมฆแค่นยิ้ม น้ำเสียงราวคำรามในลำคอนั่นสั่นประสาทผีเร่ร่อนที่เจ้าตัวเรียกได้ดีทีเดียว

“การ์ฟ ออกมา”

เมฆเรียกอีกคนที่ซ่อนตัวอยู่ในห้องนี้ออกมา วิญญาณหนุ่มที่ถูกจับเอาไว้หันไปมองคนที่เปิดประตูระเบียงเข้ามาด้วยแววตระหนก แม้แต่คนนอนเฝ้าที่เขาคิดว่าหลับไปแล้วยังลุกขึ้นมายืนล้อมเขาไว้

“หมาหมู่นี่!” เขาบริภาษ

“หึ จะเรียกอะไรก็ช่าง เพราะตอนนี้นายหนีไม่รอดแล้ว”

วิญญาณหนุ่มกำมือแน่น เจ็บใจที่เสียรู้

“การ์ฟ”

เมฆเรียกการ์ฟเป็นการส่งสัญญาณ เด็กหนุ่มก้าวเข้าไปใกล้วิญญาณที่ไร้หนทางหนี ดวงตาของอีกฝ่ายเบิกกว้างเมื่อการ์ฟพุ่งเข้าหา แสงสว่างวาบสาดไปทั่วห้อง คุณแม่รวิยกมือป้องหน้า ขณะที่เมฆหลับตาลงตั้งจิตร่ายคาถา

การ์ฟและวิญญาณหนุ่มมาโผล่ยังอีกห้องหนึ่ง ห้องที่เด็กหญิงผู้เป็นน้องสาวของวิญญาณหนุ่มอยู่ การ์ฟผลักอีกฝ่ายให้พ้นทาง เขาเพียงแค่ใช้เจ้านี่เป็นตัวนำเท่านั้น เขาต้องหาอาร์ดิวให้เจอ

ไม่รู้ว่าพี่เมฆเอาอะไรมามั่นใจว่าเขาจะตามอาร์ดิวเจอ แต่เมื่อมันเป็นหนทางเดียวที่จะพาอาร์ดิวกลับมาได้เขาจึงต้องทำตามนั้น เพราะลำพังเขาที่เป็นเพียงคนธรรมดาไม่ได้มีความพิเศษเหมือนพี่เมฆคงไม่มีทางช่วยอะไรอาร์ดิวได้ ขนาดหมอยังรักษาไม่ได้แล้วเขาเป็นใครกัน

เมฆได้บอกแผนการต่างๆแก่เขา มันเป็นเรื่องเหลือเชื่อเมื่อเมฆบอกว่าจะให้เขาถอดจิต ดูหนังผีมากไปหรือเปล่า มันทำได้ที่ไหนกัน แต่พอมาถึงตอนนี้เขาไม่มีข้อโต้แย้งใดๆอีกแล้ว เมื่อสภาพของเขาไม่ได้ต่างอะไรกับเจ้าวิญญาณที่ลุกขึ้นมามองเขาตาขวางนั่น แน่ล่ะว่าถ้าเขาไม่ได้เป็นเพียงดวงจิตก็คงสัมผัสหมอนั่นไม่ได้ ก็เขาไม่ใช่หมอผีเหมือนพี่เมฆนี่

“อาร์ดิว นายอยู่ที่นี่หรือเปล่า?”

การ์ฟกวาดตามองหาคนที่ตนเองเรียก ในห้องนี้มันเงียบ เงียบเกินไปด้วยซ้ำ การ์ฟหันกลับมามองวิญญาณหนุ่ม ฝ่ายนั้นไม่ได้แสดงท่าทีมีพิรุธใดๆ แต่นั่นล่ะคือพิรุธ

“การ์ฟ”

“ครับ พี่เมฆ”

เสียงเมฆดังมาให้ได้ยิน การ์ฟขานรับแล้วพยายามตั้งใจฟังในสิ่งที่พี่ชายของอาร์ดิวจะบอก เพราะการที่เมฆส่งเขามาแบบนี้มันมีข้อกำหนด หากถูกเรียกให้กลับ ต้องกลับทันที

“เดินเข้าไปใกล้เด็กผู้หญิงที่นอนอยู่บนเตียงนั่นแล้วเรียกอาร์ดิวอีกทีซิ”

“ครับ”

การ์ฟรับคำแล้วเดินเข้าไปใกล้เตียงคนไข้ตามที่เมฆบอก

“อย่านะ อย่ายุ่งกับน้องฉัน!”

วิญญาณหนุ่มโวยวาย วิ่งเข้ามาเอาไหล่ชนการ์ฟจนล้มลง ถึงจะถูกมัดอยู่แบบนี้ แต่เขาไม่มีทางยอมให้ใครมาทำอะไรน้องของเขาได้หรอก

การ์ฟมองเขม็ง ก่อนเรียกอาร์ดิวเสียงดัง “อาร์ดิว!”

ขยับลุกขึ้นโดยไม่สนใจสีหน้าแตกตื่นของอีกคน ไม่สิ อีกตนสักนิด การ์ฟก้าวเข้าไปหาเด็กหญิงพร้อมเอ่ยเรียกซ้ำ

“อาร์ดิวได้ยินฉันไหม อาร์ดิว!”

“หยุด!!”

“อาร์ดิว”

“บอกให้หยุดไงวะ!!”

วิญญาณหนุ่มตวาดก้อง การ์ฟเพียงมองด้วยหางตา ก่อนโน้มลงไปใกล้เด็กผู้หญิงคนนั้นมากขึ้น

“อาร์ดิว ฉันมารับแล้ว กลับไปด้วยกันเถอะนะ”

จบคำพูดนั้นของการ์ฟ วิญญาณหนุ่มก็ทรุดนั่งราวหมดแรง การ์ฟไม่คิดจะสนใจท่าทางจะเป็นจะตายนั่น ตอนทำร้ายคนอื่นทำไมไม่คิด ถ้าอยากได้ความสงสาร ความเห็นใจจากเขา เขาบอกเลยว่าไม่มีให้

ร่างของเด็กหญิงมีเงาสีขาวจางๆซ้อนทับ การ์ฟถอยออกมาจากข้างเตียงเล็กน้อย มองดูสิ่งที่เกิดขึ้นนิ่ง

“การ์ฟ...”

เงาสีขาวจางนั้นก่อตัวขึ้นเป็นรูปเป็นร่าง แต่ก็ยังไม่ชัดนัก เพียงแค่เห็นว่าเป็นใครคนหนึ่งที่ลุกขึ้นมานั่งซ้อนบนร่างของเด็กหญิง มีเพียงเสียงเรียกที่ทำให้การ์ฟมั่นใจว่าใช่คนที่ตนเองตามหา เด็กหนุ่มก้าวเข้าไปหาเงาร่างนั้น มองอย่างไม่อยากเชื่อสายตา

“เกิดอะไรขึ้นตี๋?”

“ผมไม่รู้ เขา...”

เพียงอาร์ดิวพูดว่าเขา การ์ฟก็ตรงเข้าไปกระชากวิญญาณหนุ่มที่ยังนั่งหมดอาลัยอยู่ที่พื้นขึ้นมา

“นายทำอะไร ทำอะไรเพื่อนฉันห๊ะ!!”

ผู้ถูกตะคอกถามเพียงแค่นยิ้มเย้ยหยัน สายตาปรายไปมองอาร์ดิวที่เงาร่างเริ่มจางลงเรื่อยๆ

“การ์ฟ อย่าไปสนใจหมอนั่น ช่วยอาร์ดิวก่อน พากลับมา”

เสียงเมฆกำกับมาจากที่ห่างไกล การ์ฟปล่อยคอวิญญาณหนุ่มแล้วก้าวกลับไปหาอาร์ดิวบนเตียง

“ตี๋ กลับไปด้วยกันนะ”

“ผมไปไม่ได้”

“ทำไม?”

“ไม่รู้” ตอบกลับไปเสียงเครือ การ์ฟจิ๊ปาก

“ถ้าฉันถามแล้วนายบอกว่าไม่รู้อีกคำเดียวเดี๋ยวมีเจ็บ”

“อย่าขู่สิ ก็ผมไม่รุ...”

จุ๊บ!

อาร์ดิวนิ่งอึ้งเมื่อการ์ฟโน้มลงมาจูบรวดเร็ว ดวงตาเรียวรีกะพริบปริบ มองใบหน้าการ์ฟที่อยู่ใกล้กันเพียงปลายจมูก

“คราวนี้รู้อะไรขึ้นมาบ้างหรือยัง?”

“.......”

“ลงมา”

มือใหญ่ยื่นมาตรงหน้าเมื่อเจ้าของมือผละห่างไปแล้ว อาร์ดิวค่อยวางมือลงบนนั้น ยอมให้จับมือแล้วลงจากเตียงง่ายๆ การ์ฟมองวิญญาณหนุ่มที่ยังยืนอยู่ที่เก่าก่อนส่งเสียงบอกกับเมฆ

“พี่เมฆ ผมพร้อมแล้ว”

เด็กหนุ่มหลับตาลงเพื่อตั้งจิตให้แน่แน่ว มือกุมกระชับมืออาร์ดิว ก่อนที่จะถูกดึงตัวกลับไปอาร์ดิวก็อดหันกลับมามองวิญญาณหนุ่มอีกครั้งไม่ได้ เห็นอีกฝ่ายร้องไห้ก็พาลจะใจอ่อน แต่มือการ์ฟที่กระชับแน่นทำให้เขาต้องเงยขึ้นมองเจ้าของมือ การ์ฟอุตส่าห์ตามมาช่วย ทั้งที่บอกเองแท้ๆว่าไม่เชื่อเรื่องพวกนี้ มือเรียวบีบมือการ์ฟตอบ หลับตาลงอย่างตัดใจ

การ์ฟกับอาร์ดิวหายไปแล้ว เครื่องวัดการเต้นของหัวใจน้องสาวเขาช้าลง วิญญาณหนุ่มคุกเข่าลงข้างเตียง จับมือเรียวเล็กที่ซูบผอมมาแนบแก้ม หมดหวังแล้วสินะ หมดสิ้นแล้วจริงๆ



หลังจากช่วยอาร์ดิวกลับมาได้แล้วถึงได้รู้ว่าเรื่องราวทั้งหมดเป็นเช่นไร วิญญาณตนนั้นต้องการตัวตี๋น้อยเพื่อที่จะทำให้น้องสาวตัวเองฟื้นขึ้นมาจากการเป็นเจ้าหญิงนิทรา เขาและน้องสาวรักกันมากเพราะมีกันอยู่แค่สองคนพี่น้อง แต่เขากลับทำบุญมาน้อยทำให้ต้องจากมาก่อนวัยอันควรเช่นนี้ เพราะอุบัติเหตุทำให้ทั้งเขาและน้องสาวเจ็บหนัก และเขาก็ได้เสียชีวิตลง ส่วนน้องสาวกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา

ห่วงที่มีผูกวิญญาณหนุ่มเอาไว้ทำให้ไม่สามารถไปไหนได้ เขายินดีทำทุกอย่างเพื่อให้น้องสาวที่น่ารักกลับมามีชีวิตดังเดิม การนำคนซึ่งเคยเกือบตายแล้วฟื้นมาถ่ายเปลี่ยนพลังชีวิตจึงเป็นหนทางที่ดี เขาค้นหาคนๆนั้นก่อนที่เขาจะต้องจากโลกนี้ไปจริงๆ จนในที่สุดก็ได้มาเจออาร์ดิว

เมื่อตอนที่ได้รู้เช่นนั้นอาร์ดิวที่ถูกนำตัวออกจากร่างจึงได้ขอใช้วิธีการใหม่ เพราะตนเองก็ยังไม่อยากตายเหมือนกันกับน้องสาวของวิญญาณหนุ่ม พ่อแม่พี่น้องของเขาเองก็ต้องเสียใจแน่ เหมือนกับที่วิญญาณหนุ่มเสียใจ แต่ถึงจะพูดเช่นนั้นก็ไม่ได้เปลี่ยนความคิดของคนรักน้องให้คล้อยตามตนเอง ดีที่การ์ฟกับพี่เมฆมาช่วย ไม่เช่นนั้นเขาอาจไม่ได้กลับมาหาทุกคนอีกก็เป็นได้

เมฆหาวิธีให้การ์ฟไปพาน้องชายของตนกลับมา ในตอนนั้นเขายังไม่รู้ว่าอาร์ดิวถูกนำไปซุกซ่อนไว้ที่ไหน ที่เขาคาดการณ์เอาไว้คือคนร้ายต้องกลับมายังจุดเกิดเหตุ และมันก็เป็นไปดังคาด แต่การที่จะส่งการ์ฟไปนั้นมันก็เสี่ยงมากพอดู เพราะทั้งการ์ฟกับอาร์ดิวอาจเป็นฝ่ายไม่ได้กลับมาหากมันพลาดไป การ์ฟที่รู้ถึงความเสี่ยงนั้นก็ยังยินดีที่จะไป จากความมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวของการ์ฟทำให้เมฆมั่นใจมากขึ้นว่าจะสามารถพาทั้งคู่กลับมาได้อย่างปลอดภัย

ในที่สุดเมฆก็ให้การ์ฟไป กำชับว่าถ้าได้ยินเสียงเรียกให้รีบกลับมาทันที ด้วยความพิเศษของเขาบวกกับความแน่วแน่ของการ์ฟทำให้ทุกอย่างจบลงอย่างง่ายดาย เมฆเรียกตัววิญญาณหนุ่มกลับมาหาตนเอง ท่าทางแข็งกร้าวของอีกฝ่ายก่อนหน้านี้แปรเปลี่ยนเป็นหมดอาลัยและเศร้าหมอง ชายหนุ่มถอนใจแล้วว่า

“สัตว์โลกมันย่อมเป็นไปตามกรรม ไม่เคยได้ยินหรือไง?”

“เลิกพูดมากสักที จะทำอะไรก็ทำ”

นึกว่าจะหมดฤทธิ์ เมฆถอนใจแล้วส่ายหน้าหน่ายอีกหน

“เพื่อป้องกันไม่ให้นายไปสร้างเรื่อง สร้างเวรสร้างกรรมกับใครอีก ฉันคงต้องกักตัวนายไว้สักพักจนกว่า...”

หางตาวิญญาณเจ้าปัญหาตวัดมอง ก่อนเบือนไปทางอื่น

“จนกว่าจะถึงเวลาที่นายต้องไปสู่ภพภูมิที่สมควร”


+++++++++++++++

ต่อด้านล่างค่ะ

ออฟไลน์ wanmai

  • ★รักใสปิ๊ง★(>_<)
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 936
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1195/-5
Re: ☆☆MAGICA CAFÉ☆☆ magic <15> 20/06/2556
«ตอบ #397 เมื่อ20-06-2013 07:17:47 »

หลังเรื่องร้ายๆผ่านพ้นไป ครอบครัวของอาร์ดิวได้ลูกชายคนโตกลับคืน ทุกคนต่างยินดี คุณแม่ร้องไห้โฮเมื่อเห็นอาร์ดิวลืมตาตื่นฟื้นขึ้นในเช้าวันถัดมาหลังจากที่เมฆและการ์ฟได้ทำการช่วยเหลือจนสำเร็จ ท่านเฝ้าภาวนามาหลายวัน ในที่สุดลูกของท่านก็ฟื้นเสียที

สิ่งที่เกิดขึ้นราวปาฏิหาริย์นี้ทำให้คณะแพทย์ที่ทำการวินิจฉัยโรคถึงกับมึนงงกันไปเป็นแถบ ทั้งที่ยังหาสาเหตุไม่เจอแต่คนไข้กลับฟื้นขึ้นมาเสียแล้ว ราวไม่ได้เป็นอะไรไปสักน้อยนิดเลยด้วยซ้ำ

“อยู่ได้แน่นะการ์ฟ รบกวนหรือเปล่า?”

คุณแม่รวิเอ่ยถามการ์ฟที่มาเยี่ยมอาร์ดิว ท่านว่าจะไปเคลียร์บัญชีที่ร้านสักหน่อย ทิ้งมาหลายวันแล้ว แต่ไม่มีใครว่างมาอยู่แทน พอดีกับที่การ์ฟมาแล้วอาสาอยู่แทนให้ ท่านจึงได้เตรียมตัวจะกลับ แต่ก็ไม่วายเอ่ยถามซ้ำอีกรอบด้วยความเกรงใจ

“ไม่รบกวนหรอกครับคุณป้า ถึงยังไงผมก็ไม่ได้ไปที่ร้านอยู่แล้ว ว่างครับ”

“ขอบใจนะจ๊ะ เย็นๆป้าจะเข้ามาเปลี่ยน หรือถ้าปอมปอมกับชีวามา การ์ฟจะกลับบ้านก็ได้นะจ๊ะ”

“ครับ”

การ์ฟตอบรับ คุณแม่รวิยิ้มให้แล้วจึงออกจากห้องไป พอเหลือกันสองคนแล้วก็รู้สึกแปลกๆ การ์ฟยกเก้าอี้มานั่งข้างเตียง อาร์ดิวละสายตาจากจอโทรทัศน์บนผนังมามอง

“ถ้านายอยากกินอะไรก็บอกนะ หรืออยากเข้าห้องน้ำก็ต้องบอกฉันรู้ไหม?”

“อื้อ” รับคำในลำคอแล้วก็เงียบไป มีเพียงเสียงจากรายการโทรทัศน์ที่ยังดังอยู่

“สร้อยเส้นใหม่ คราวนี้สีเหลืองเหรอ?”

การ์ฟพูดเบาคล้ายคุยกับตัวเอง แต่อีกคนก็ยังได้ยินจึงหันมามอง ก่อนก้มลงมองสร้อยที่ห้อยคอตนเองอยู่

“ของปอมปอมน่ะ น้องผมให้ยืม”

อาร์ดิวยิ้มบอก ก่อนรอยยิ้มจะหุบลงแล้วเบือนสายตาไปทางอื่นเมื่อสบตากับการ์ฟพอดี

“ขอบใจนะ” การ์ฟพูดขึ้น อาร์ดิวเลิกคิ้วฉงน

“ขอบใจผมเรื่องอะไร ผมต่างหากที่ต้องขอบคุณคุณที่ช่วยพาผมกลับมา ทั้งๆที่คุณไม่เชื่อเรื่องพวกนี้ ขอบคุณมากๆเลยครับ”

“ฉันยินดีรับคำขอบคุณจากนาย แต่ฉันก็ต้องขอบคุณนายด้วย... ที่ยอมกลับมากับฉัน”

ตี๋น้อยยิ้มเขิน ก็การ์ฟใช้สายตาแปลกๆมองเขา การ์ฟค่อยเอื้อมมือมาวางบนมืออาร์ดิว ตี๋น้อยสะดุ้งเฮือก ดึงมือกลับแล้วมองการ์ฟตาโต

“เป็นอะไร?”

การ์ฟเอ่ยถามตกใจไม่แพ้กัน มือยังจับมืออาร์ดิวไม่ปล่อย คนถูกถามหน้าแดงพลางส่ายหน้ารัว

“ตี๋ เป็นไรเนี่ย ผีเข้าอีกเหรอ?” การ์ฟยังถามซ้ำ เขาเป็นห่วงนะเว้ย เป็นอะไรไปอีก

“เปล่า”

“แล้วเป็นอะไร เรียกพยาบาลดีไหม?”

ว่าแล้วก็จะกดปุ่มเรียกพยาบาล ตี๋น้อยรีบร้องห้าม “อย่าการ์ฟ!”

คิ้วการ์ฟขมวด มองจ้องอาตี๋ที่ก้มหน้างุดกลอกตาไปมา พอถูกจ้องหนักเข้าตี๋น้อยจึงจำต้องบอก

“ปล่อยมือได้ไหมอ่ะ”

“หือ?” ยกมือที่ตัวเองจับขึ้นมามองก่อนเอ่ยถาม

“นายเขิน?”

ตี๋น้อยพยักหน้า หลบสายตาไม่กล้าเงยมอง การ์ฟยกยิ้มมุมปาก โน้มตัวลงมาใกล้อีกคนแล้วบอก

“มองตาฉันซิ ฉันจะดูว่านายพูดจริงหรือโกหก”

อาร์ดิวหันขวับหลบไปอีกทางทันที พอนึกได้ก็หยีหน้าขัดใจตัวเองที่แสดงออกมาแบบนั้น โธ่ กลัวเขาไม่รู้หรือไงนะเรา

“นายโกหก” การ์ฟว่าอย่างเป็นต่อ

“เปล่าโกหกนะ” ตี๋น้อยปฏิเสธ

“ฉันเชื่อว่านายเขิน แต่ที่บอกให้ปล่อยมือนี่เพราะอะไร?”

“..........” ยังปิดปากเงียบ ไม่ยอมพูด

“ให้ฉันเดาไหม?”

“..........”

“นายเห็นนิมิตอะไรนั่นอีกแล้วใช่ไหม?”

“..........” คราวนี้ถึงเงียบกว่าเดิมอีก

“บอกฉันหน่อยสิ”

“บอกไม่ได้”

“เร็ว บอกหน่อย ไม่งั้นฉันไม่ยอมปล่อยแน่”

“การ์ฟ แกล้งกันนี่”

“หึ”

คนขี้แกล้งยกยิ้มมุมปาก อาร์ดิวหน้างอ เมื่อก่อนไม่เห็นเป็นแบบนี้ ทำไมขี้แกล้งแบบนี้ล่ะ!?




TBC




มาแล้วค่ะ เลทไปตั้งสองวัน เสร็จไม่ทันจริงๆค่ะตอนนี้ พล็อตที่วางไว้ตอนแรกตั้งน๊านนานมาแล้วก็ถูกเปลี่ยนเพราะต่อไม่ติดแล้ว เศร้าใจกับตัวเอง  :sad4:

ขอบคุณที่ยังรอกันอยู่ค่ะ สายๆเข้ามาบวกให้อีกทีนะคะ ไปทำธุระแป๊บ

วันใหม่ค่ะ
 :L2:

+++++++++

บวกเรียบร้อยค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-06-2013 08:10:51 โดย wanmai »

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
Re: ☆☆MAGICA CAFÉ☆☆ magic <15> 20/06/2556
«ตอบ #398 เมื่อ20-06-2013 08:21:53 »

เห็นอะไรนะดิว อย่บอกนะว่า หุๆๆๆ

ออฟไลน์ greensnake

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3440
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +920/-14
Re: ☆☆MAGICA CAFÉ☆☆ magic <15> 20/06/2556
«ตอบ #399 เมื่อ20-06-2013 09:53:51 »

แล้วเรื่องราวก็จบลงด้วยดี แต่ก็เกือบไปเหมือนกัน
สงสารสองพี่น้องนั่นก็สงสาร แต่ที่พี่เมฆพูดก็ถูก
ได้แต่หวังว่าพี่เมฆจะช่วยวิญญาณดวงนั้นได้นะ
ส่วนอาร์ดิวกับการ์ฟก็ดูจะสนิทกันมากกว่าเก่าอีกนิด
อยากรู้จังเลยว่าคราวนี้อาร์ดิวเห็นอะไรน้า :-[
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ :กอด1:
+1และเป็ดค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ☆☆MAGICA CAFÉ☆☆ magic <15> 20/06/2556
« ตอบ #399 เมื่อ: 20-06-2013 09:53:51 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Ryoooo

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +288/-2
Re: ☆☆MAGICA CAFÉ☆☆ magic <15> 20/06/2556
«ตอบ #400 เมื่อ20-06-2013 10:57:14 »

จุ๊บเลยเรอะ การ์ฟ แหมๆ รอเวลานี้ละจิ
อาร์ดิวนิมิตใหม่ที่เห็นเนี่ย ต้องมากกว่าจูบแน่ๆเลย ใช่มั้ยๆ
อ่านแล้วโล่งอกที่ทุกอย่งผ่านไปได้ด้วยดี

ออฟไลน์ Naenprin

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +203/-1
Re: ☆☆MAGICA CAFÉ☆☆ magic <15> 20/06/2556
«ตอบ #401 เมื่อ20-06-2013 11:10:50 »

ลงเอยกันเร็วนะ ดิวกับกราฟ เชียร์คู่นี้อ่ะ

nemesis

  • บุคคลทั่วไป
Re: ☆☆MAGICA CAFÉ☆☆ magic <15> 20/06/2556
«ตอบ #402 เมื่อ20-06-2013 11:39:36 »

ดิวเห็นไรอะ

ออฟไลน์ nongrak

  • ยังไงก็รักคาเมะจังที่สุด
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +912/-14
Re: ☆☆MAGICA CAFÉ☆☆ magic <15> 20/06/2556
«ตอบ #403 เมื่อ20-06-2013 16:29:48 »

เห็นเป็นคู่รักกันสินะ อิอิ

ออฟไลน์ CarToonMiZa

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +820/-41
Re: ☆☆MAGICA CAFÉ☆☆ magic <15> 20/06/2556
«ตอบ #404 เมื่อ20-06-2013 16:51:41 »

ตี๋น้อยดิวเขิล :impress2:

ออฟไลน์ udongjay

  • ความรัก...ไม่เคยจำกัดเพศ แต่เพศต่างหากที่จำกัด...ความรัก
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +235/-2
Re: ☆☆MAGICA CAFÉ☆☆ magic <15> 20/06/2556
«ตอบ #405 เมื่อ20-06-2013 17:27:51 »

ดีจังที่อาร์ดิวฟื้น แอบกลัวดราม่าง่า
เม้นไม่ออก TT เจอข่าวร้ายเข้าไป
แต่ยังเอาใจช่วยการ์ฟดิวและปอมดิวอยู่น๊า

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
Re: ☆☆MAGICA CAFÉ☆☆ magic <15> 20/06/2556
«ตอบ #406 เมื่อ20-06-2013 19:41:03 »

ต้องบอกว่าจุ๊บคืนชีพสินะ อายม้วนแทนอาร์ดิว :o8:
ผ่านเรื่องร้ายๆไปซักที ขอให้มีแต่เรื่องๆดีเกิดขึ้นซักทีเถอะเนอะ อย่างเช่น อาร์ดิวกับการ์ฟตกลงเป๋นแฟนกัน วี้ดวิ้ว :mew1:

ออฟไลน์ YOSHIKUNI RUN

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
Re: ☆☆MAGICA CAFÉ☆☆ magic <15> 20/06/2556
«ตอบ #407 เมื่อ20-06-2013 19:53:26 »

 แหม...พอฟื้นมา ก็น่ารัก กุ๊กกิ๊กกันเชียว :o8:
อาร์ดิวเห็นนิมิตอะไรอ่าา o18

ออฟไลน์ $VAN$

  • Moderator
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +307/-6
Re: ☆☆MAGICA CAFÉ☆☆ magic <15> 20/06/2556
«ตอบ #408 เมื่อ21-06-2013 12:38:32 »

แหม การ์ฟ ไอ้วิธีจุ๊บให้ยอมตามกลับมาเนี่ยนะ :o8: ชอบอ่ะ
เด็กนั่นก็น่าสงสารอยู่ แต่ไม่ควรทำให้คนอื่นเดือดร้อนน่ะ

ออฟไลน์ koikoi

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +311/-13
Re: ☆☆MAGICA CAFÉ☆☆ magic <15> 20/06/2556
«ตอบ #409 เมื่อ21-06-2013 14:14:59 »

ตี๋น้อยเห็นอะไรหนอ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ☆☆MAGICA CAFÉ☆☆ magic <15> 20/06/2556
« ตอบ #409 เมื่อ: 21-06-2013 14:14:59 »





ออฟไลน์ raviiib❁

  • คนเขียนนิยาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
Re: ☆☆MAGICA CAFÉ☆☆ magic <15> 20/06/2556
«ตอบ #410 เมื่อ21-06-2013 18:54:25 »

โอยยยยยยย จิ้นคู่พี่เมฆกับวิญญานผีเร่ร่อน55555555
ตอนนี้ดิวกับกราฟหวานเว่อร์ค่า เขินนนน :-[

ออฟไลน์ KhunToOk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 304
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-4
Re: ☆☆MAGICA CAFÉ☆☆ magic <15> 20/06/2556
«ตอบ #411 เมื่อ21-06-2013 23:19:12 »

 :hao7: :hao7: เค้าเขิน อิอิ

ออฟไลน์ cinquain

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +247/-0
Re: ☆☆MAGICA CAFÉ☆☆ magic <15> 20/06/2556
«ตอบ #412 เมื่อ21-06-2013 23:36:14 »

น้องใหม่!

อ่านตอนนี้แล้วลุ้นน่าดูค่ะ แต่สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรมนะคะ
เห็นใจพี่ชายวิญญาณแต่ก็ยังไม่อยากให้อาร์ดิวเป็นอะไรไป ต้อง
มาเล่าก่อนค่ะว่ามองเห็นอะไรถึงได้รู้สึกเขิน ^^ 55

วันนี้ได้อ่านหลายเรื่องที่อัพ มีความสุขค่ะ อิอิ

ออฟไลน์ maru

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3553
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-7
Re: ☆☆MAGICA CAFÉ☆☆ magic <15> 20/06/2556
«ตอบ #413 เมื่อ22-06-2013 08:38:39 »

อาร์ดิวกราฟน่ารักดี รู้ใจกันแล้วสินะ สงสัยเรื่ิองมีนว่าไม่มาวุ่นวายกับอาร์ดิวแล้วหรือ หรือเพราะเพื่อนคนนั้น

ออฟไลน์ PapermintReal

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-13
Re: ☆☆MAGICA CAFÉ☆☆ magic <15> 20/06/2556
«ตอบ #414 เมื่อ22-06-2013 14:13:53 »

พี่เมฆไม่สนใจได้เมียโปร่งแสงเหรอ :hao6:

ออฟไลน์ TinyB

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 522
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-0
Re: ☆☆MAGICA CAFÉ☆☆ magic <15> 20/06/2556
«ตอบ #415 เมื่อ22-06-2013 19:31:23 »

ลุ้นแทบตาย มาเขินอายเอาฉากสุดท้าย เขินๆๆๆ  :o8:

ออฟไลน์ ~ณิมมานรฎี~

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1070
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-2
Re: ☆☆MAGICA CAFÉ☆☆ magic <15> 20/06/2556
«ตอบ #416 เมื่อ23-06-2013 23:13:04 »

 :hao6:   พี่เมฆ กักขังผีไว้กับตัวเองงง เหรออออออ  :hao7:

ออฟไลน์ wanmai

  • ★รักใสปิ๊ง★(>_<)
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 936
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1195/-5
Re: ☆☆MAGICA CAFÉ☆☆ magic <16> 24/06/2556
«ตอบ #417 เมื่อ24-06-2013 09:48:18 »

Magica Café

Magic (16)



ห้องพิเศษในโรงพยาบาลที่อาร์ดิวพักรักษาตัวอยู่ มิมิวกับพี่ชายของเธอมาเยี่ยม เพื่อนสนิททั้งสองคุยเล่นกัน การ์ฟนั่งอยู่ที่โซฟายาวติดหน้าต่างห้อง ส่วนพี่มีน พี่ชายของมิมิวนั่งอยู่อีกข้างของเตียง การ์ฟมองทั้งสามคนคุยกันแล้วถอนใจเบาๆก่อนลุกขึ้น อาร์ดิวหันมามองเขาทันทีที่เขาขยับลุก ทำให้อีกสองคนหันมามองด้วย

“ฉันจะลงไปข้างล่าง นายจะเอาอะไรไหม?” การ์ฟเอ่ยถามแก้เก้อ

อาร์ดิวส่ายหน้าแล้วยิ้มบอก “ไม่ครับ ขอบคุณ”

การ์ฟพยักหน้าแล้วจะเดินเลี่ยงไป มิมิวลุกขึ้นคว้ากระเป๋าคล้องแขนแล้วเดินมาหา

“มิวไปด้วยค่ะ”

การ์ฟเลิกคิ้วหันมามองมิมิว

“มิวคอแห้งอ่ะ เห็นข้างล่างมีร้านน้ำปั่นด้วย มิวอยากกิน” เด็กสาวยิ้มบอกก่อนหันมาหาอาร์ดิวกับพี่ชายตนเอง

“ดิวคุยกับพี่มีนไปก่อนนะ ไปค่ะ การ์ฟ”

เอ่ยชวนแล้วเดินนำไปก่อน การ์ฟมองอาร์ดิวแต่ไม่ได้พูดอะไรนอกจากเดินตามมิมิวไป เปิดประตูให้มิมิวเดินออกก่อนแล้วจึงงับปิด

“มิวกำลังหาจังหวะหลบฉากอยู่เลยนะเนี่ย” เด็กสาวเอ่ยบอกแล้วหัวเราะน้อยๆขณะที่ยืนรอลิฟท์อยู่ด้วยกัน การ์ฟไม่ได้พูดอะไร พอเงียบแล้วบรรยากาศแปลกๆระหว่างทั้งคู่ก็เกิดขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่

“การ์ฟมาดูแลอาร์ดิวทุกวันเลยหรือคะ?”

คำถามของมิมิวพาเอาใจการ์ฟกระตุก แต่สีหน้าของเขาก็ยังไม่แสดงอาการใดๆออกมาให้เห็น

“แค่มาเยี่ยมน่ะ พอดีวันนี้คุณแม่อาร์ดิวท่านมีธุระ การ์ฟเลยอยู่เป็นเพื่อนเขารอน้องปอมปอม”

“อ๋อ” มิมิวพยักหน้ารับรู้ หลังจากนั้นก็ต่างคนต่างเงียบกันไป เมื่อลิฟท์มาถึงชั้นที่พวกเขายืนอยู่ทั้งคู่ก็แทบถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ความอึดอัดแบบนี้มันคืออะไร?



อีกด้านหนึ่ง ภายในห้องพัก พอมิมิวกับการ์ฟออกไปอาร์ดิวก็ดูจะไม่ค่อยพูด มีนที่มองสถานการณ์อยู่แต่แรกยกยิ้มบางแล้วเปรยขึ้นมา

“มันยากที่จะไม่รู้สึกอะไร”

“ครับ?” ตี๋น้อยหันมามองคนพูด เอียงคอเล็กๆเชิงถาม

“พี่ว่าสองคนนั้นคงยังรู้สึกดีๆต่อกันอยู่น่ะ” มีนขยายความไปอีกทาง

“ครับ” อาร์ดิวเพียงแต่ยิ้ม ไม่แสดงท่าทีให้พี่มีนจับได้ว่าตนเองกำลังกังวลใจเรื่องอะไรอยู่

มีนมองเพื่อนน้องสาวยิ้มๆ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มากดรับเมื่อมันสั่นเพราะมีสายเรียกเข้า

“เออ ว่าไง ถึงโรง’บาลแล้วเหรอ?... ชั้นเก้า ฝั่งตะวันออก ...เออ เดินมาถามที่เคาน์เตอร์พยาบาลอ่ะ ห้องห้านะ... จะให้ลงไปรับไหม?... โอเค รออยู่นี่นะ รีบขึ้นมา บาย”

มีนกดวางสายแล้วเงยมองอาร์ดิวที่มองตนเองอยู่ ก่อนเอ่ยบอกท่าทางเกรงใจ

“พอดีเพื่อนพี่มันเพิ่งกลับจากตีเทนนิสที่สนามใกล้ๆนี้น่ะ พี่กะว่าจะไปส่งมันที่บ้านเลยให้มันมาที่โรงพยาบาล เอ่อ...คงไม่เป็นการรบกวนอาร์ดิวใช่ไหมครับ?”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ อยู่กันหลายคนไม่เหงาดี” ตี๋น้อยยิ้มบอก

รออยู่ครู่เดียวเพื่อนที่มีนพูดถึงก็เข้าห้องมาทั้งชุดเล่นเทนนิสเต็มยศ มีกระเป๋าใส่ไม้เทนนิสสะพายมาด้วยอีก มีนมองเพื่อนตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าด้วยความอึ้ง ไม่นึกว่าจะมาชุดนี้เลยให้ตาย

“ทำไมมึงไม่เปลี่ยนชุดก่อนค่อยมา?”

“กูกลัวมึงรอนาน”

“มึงนี่นะ ต่อให้มึงอาบน้ำอีกสามรอบกูก็รอได้ ไม่ได้รีบอะไรขนาดนั้น”

“มันไม่สะอาด กูอยากกลับไปอาบที่ห้อง”

“มึงก็เลยมาทั้งอย่างนี้? เกรงใจน้องมันบ้างไหมเนี่ย นี่มันโรงพยาบาลนะ ซกมกจริงๆ”

พอโดนบ่นอย่างนั้นเจ้าตัวก็หันมามองอาร์ดิวที่นั่งเงียบอยู่บนเตียงคนไข้ อาร์ดิวเพียงยิ้มให้ ไม่ได้ถือสาอะไรที่เพื่อนพี่มีนจะแต่งตัวอย่างไรมา

“สวัสดีครับ” เพื่อนพี่มีนเอ่ยทักทาย

“ครับ สวัสดีครับ”

“พี่ชื่อเก้า เป็นเพื่อนมีน” แนะนำตัวเองแล้วยิ้มตาปิด

“ครับ ผมอาร์ดิว เพื่อนน้องสาวพี่มีนครับ”

“อ้อ เพื่อนมิมิวนี่เอง แล้วเป็นไงบ้างครับ หายดียัง?”

เอ่ยถามพลางยกเก้าอี้มานั่งข้างเตียง ส่งกระเป๋าให้มีนถือ มีนก็รับมางงๆก่อนวางไว้ที่โต๊ะข้างเตียงนั่นแล้วย้ายไปนั่งที่โซฟายาวมองเพื่อนตนเองคุยกับอาร์ดิวแทน

“ก็ดีขึ้นมากแล้วครับ สองสามวันคงได้กลับบ้าน”

“ดีใจด้วยนะ พี่เข้าใจเลยว่าการอยู่โรงพยาบาลมันน่าเบื่อแค่ไหน”

เก้ากระซิบกระซาบน้ำเสียงทะเล้น ก่อนที่ทั้งสองหนุ่มจะคุยกันราวรู้จักกันมานานมากแล้วอย่างนั้น มีนนั่งเอนหลังพิงโซฟาแล้วกอดอกมองยิ้มๆ สนิทกันไวจัง

พอการ์ฟกับมิมิวกลับมา ทั้งมีน เก้า และมิมิวจึงลากลับบ้าน เมื่อกลับกันไปหมดแล้วการ์ฟจึงเดินไปนั่งที่โซฟาตัวเดิมไม่พูดไม่จา อาร์ดิวมองแล้วก็อึดอัด อะไรกัน พอกลับมาก็หน้าบึ้ง

“อยากกลับบ้านก็ได้นะการ์ฟ ผมอยู่คนเดียวได้” เอ่ยบอกด้วยความหวังดี แต่คนฟังคงตีความไปทางอื่น

“มาถึงก็ไล่เลยนะ”

“เปล่าไล่ ก็เห็นทำหน้าบูดบึ้งแบบนั้นผมก็กลัวว่าคุณจะเบื่อที่ต้องมานั่งเฝ้านานๆแบบนี้”

“พูดสักคำรึยัง?”

อาตี๋ชะงักกับน้ำเสียงเรียบเฉย เขาไม่ชอบเลยแบบนี้ ตี๋น้อยนอนลงตวัดผ้ามาห่มแล้วหันหลังให้คนเฝ้า ทั้งห้องเงียบไปพักหนึ่งก่อนที่การ์ฟจะเอ่ยขึ้นมา

“อยากให้กลับฉันก็จะกลับล่ะ”

การ์ฟลุกจะเดินออกไป ไม่มีเสียงห้ามจากคนป่วยเลยสักนิด เด็กหนุ่มหยุดแล้วเหลียวกลับมามอง

“ไม่เอาดีกว่า รับปากแม่นายไว้แล้วนี่” ให้เหตุผลแบบนั้นแล้วเดินกลับมานั่งที่เดิม อาร์ดิวผุดลุกขึ้นมานั่งนิ่งๆอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนหันมาหาการ์ฟ

“การ์ฟ ผมมีเรื่องอยากถาม”

“ว่า?”

“คุณจำได้ไหมว่าน้องของวิญญาณตนนั้นน่ะพักอยู่ห้องไหน?”

“ไม่รู้สิ ตอนเข้าไปฉันก็ไปโผล่ในห้องแล้ว ไม่รู้หรอกว่าห้องไหน” การ์ฟทำท่านึกแล้วส่ายหน้า เพราะเขาก็ไม่เห็นเลขหน้าห้อง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอยู่ในโรงพยาบาลแห่งนี้ด้วยหรือเปล่าเพราะในห้องก็ใช่ว่าจะสว่าง

“ผมอยากไปเยี่ยมเธอจัง” ตี๋น้อยหน้าเศร้า นึกไปแล้วก็สงสารเธอ

“ถามพี่เมฆสิ”

“เออ จริงด้วย” สีหน้าอาร์ดิวดูมีความหวังขึ้นมาในพริบตา ก่อนจะหันซ้ายแลขวาหาอะไรสักอย่างจนการ์ฟสงสัย

“อะไร?”

ตี๋น้อยยิ้มแหย “ลืมไปว่าแม่ไม่ให้ใช้โทรศัพท์ ขอยืมได้ไหมครับ แหะๆ”

การ์ฟยิ้มขำ ก่อนยื่นโทรศัพท์ของตนเองให้ตามคำขอ มองท่าทางดีใจของตี๋น้อยแล้วการ์ฟก็ยิ้มอีก มีหลายอารมณ์ดีนะตี๋



ก่อนกลับบ้านอาร์ดิวก็ได้ไปเยี่ยมน้องเขาสมใจ เพราะพี่เมฆเค้นถามวิญญาณหนุ่มมาให้ การพบกันคราวนี้น้องไม่ได้นอนนิ่งมีสายระโยงระยางอยู่แบบครั้งที่เขาเห็น น้องยังซูบผอมอยู่มาก แต่ก็พอมีแรงพยุงตัวนั่งได้แล้ว ทุกคนในบ้านเชื่อว่ามันเป็นปาฏิหาริย์ และพอน้องรู้ว่าเขาเป็นเพื่อนพี่ชายน้องก็ร้องไห้ คงรักกันมากจริงๆ

“ดิวสงสารน้องเขาจังครับแม่” อาร์ดิวเอ่ยขึ้นเมื่อคุณพ่อช่วยเข็นรถเข็นให้เขานั่งออกจากห้องน้องสาววิญญาณหนุ่มมา โดยมีคุณแม่และปอมปอมเดินมาข้างกัน

“เราก็ให้ได้เท่านี้ล่ะดิว ถ้ามันต้องแลกกับชีวิตดิวล่ะก็แม่ไม่ยอมแน่”

“แม่ครับ” ตี๋น้อยเรียกคุณแม่เมื่อท่านมีน้ำเสียงจริงจังขึงขัง

“ยังไงลูกก็กลับมาแล้วนะแม่ ความผิดพลาดของคนเราถ้าเขาพร้อมที่จะปรับปรุงและไม่ทำมันซ้ำอีกก็ควรอภัยให้เขานะ อย่าให้เป็นเวรเป็นกรรมติดตามกันไปเลย”

คุณพ่อเอ่ยแนะ เพราะดูเหมือนคุณแม่รวิจะฝังใจเจ็บไม่ยอมให้อภัยวิญญาณหนุ่มที่เกือบพรากอาร์ดิวไปจากท่าน คุณแม่ถอนใจ มันทำใจยากเหมือนกันกับการที่จะอภัยให้ผู้ที่ทำร้ายลูกชายตน แม้จะมีเหตุผลที่น่าสงสารเห็นใจมากแค่ไหน แต่การคร่าชีวิตผู้อื่นเพื่อความสุขสมหวังของตนเองถึงอย่างไรมันก็เห็นแก่ตัวที่สุด

พอกลับมาอยู่บ้าน คุณแม่ก็ได้จัดงานรับขวัญให้ลูกชายคนโต พากันไปทำบุญทั้งบ้านเพื่อเป็นศิริมงคลต่อการเริ่มต้นชีวิตใหม่ของอาร์ดิวด้วย งานที่ร้านคุณแม่ก็ดูจนแน่ใจว่าลูกชายไม่เป็นอะไรแน่แล้วถึงยอมให้ไปทำได้

“พี่มุ่ย วันนี้ปอมจะไปที่ร้านด้วยนะครับ กลับค่ำๆอ่ะ พี่มุ่ยต้องอยู่บ้านคนเดียวอีกแล้วน้า” เสียงแจ๋วๆของกะปอมน้อยดังมาแต่เช้า

“ตามสบายเลยค่ะน้องปอมปอม พี่อยู่ได้สบายมาก” พี่มุ่ย แม่บ้านสาวประจำบ้านสองพี่น้องปอปลาเอ่ยบอกลูกชายคนเล็กของบ้านที่สะพายกระเป๋าเป้เตรียมไปเรียนพิเศษในเช้านี้

“โถ พี่มุ่ยช่างเป็นหญิงแกร่ง”

“หา? มันฟังทะแม่งๆนะคะน้องปอมปอม”

หนุ่มน้อยหัวเราะคิก “ปอมไปเรียนแล้วครับ บ่ายๆจะไปที่ร้านแล้วกลับพร้อมดิวนะครับ”

“ค่า ไปดีมาดี ตั้งใจเรียนนะคะน้องปอม”

“ครับผม~”

พี่มุ่ยเปิดประตูให้ปอมปอมแล้วยืนรอจนหนุ่มน้อยขึ้นรถไปกับชีวาถึงได้ปิดประตูเข้าบ้านไป

ชีวาขับรถพาน้องไปโรงเรียนพิเศษ เดี๋ยวน้องก็เปิดภาคเรียนใหม่แล้วเขาก็คงหมดหน้าที่รับส่งน้อง เพราะเขาเองอีกไม่นานนี้ก็จะเปิดเรียนเหมือนกัน จะเป็นนักศึกษาในรั้วมหาวิทยาลัยแล้ว

“เดี๋ยวปอมก็เปิดเทอมแล้วอ่ะ จริงๆจะว่าไปปิดเทอมแบบนี้ปอมก็ยังไปโรงเรียน เท่ากับไม่ได้ปิดกับเขาเลยเนาะ” น้องชวนคุยเมื่อรถติดไฟแดงนานไปหน่อยแล้ว

“เรียนเยอะๆจะได้เป็นเด็กฉลาด ชาติจะได้เจริญไง” ชีวาหันมายิ้มบอก

“โห ยังโยงมาหากันได้นะป๋า”

ว่าแล้วก็หัวเราะ คนเป็นพี่เองก็หัวเราะในลำคอ มองสัญญาณไฟสีแดงเปลี่ยนเป็นสีเขียวแล้วค่อยเคลื่อนรถตามกันไป ช่วงเช้าแบบนี้รถค่อนข้างติดทีเดียว

“เปิดเทอมมาก็จะไม่ได้เจอป๋าที่โรงเรียนแล้ว เฮ้อ”

“เจอที่บ้านยังไม่พออีกหรือไง?”

“มันไม่เหมือนกันนี่นา อยู่โรงเรียนเดียวกันมาตั้งนาน แล้วแบบนี้ตอนพักเที่ยงใครจะจองโต๊ะให้ปอม ใครจะไปต่อคิวซื้อข้าวให้อีกล่ะ” น้องแกล้งบ่นงุ้งงิ้งไปตามเรื่อง

“ประโยชน์พี่มีแค่นี้ว่างั้น”

“ฮ่าๆๆๆ”

น้องหัวเราะก๊าก ขณะที่ชีวาอมยิ้มนิดๆ นั่นสินะ เขาเองก็ต้องไปเจออะไรใหม่ๆในรั้วมหาวิทยาลัยเหมือนกัน ไม่มีตัวป่วนอยู่ใกล้ๆแล้ว จะเจอกันก็แค่ที่บ้านหลังเลิกเรียน เพิ่งรู้สึกว่าเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันมันมีค่าก็ตอนนี้ล่ะ



ก่อนเด็กๆจะเปิดภาคเรียนกันจริงๆคุณแม่ก็พากลับบ้านไปเยี่ยมคุณตากับคุณยาย ได้เล่าเรื่องอาร์ดิวไม่สบายเข้าโรงพยาบาลให้ท่านทั้งสองฟังด้วย คุณยายเลยให้คนมาทำพิธีสะเดาะเคราะห์เข็ญให้หลานแล้วผูกข้อไม้ข้อมือทั้งปอมปอมและอาร์ดิว

ขากลับคุณพ่อก็พาไปเยี่ยมคุณปู่กับคุณย่าที่ท่านก็ชรามากแล้ว ครอบครัวคุณพ่อไปป์เป็นครอบครัวใหญ่ ลูกหลานเต็มบ้านไปหมด รอบบริเวณมีแต่ญาติพี่น้องกันทั้งนั้น บ้านปู่ย่ากับตายายเรื่องลูกหลานเยอะนี่ไม่ต่างกันเลย

พอเปิดภาคเรียนมาทุกคนก็ราวกับต้องแยกย้ายกันไปเริ่มชีวิตสังคมใหม่ๆ ตาต้าที่ไปเรียนมหาวิทยาลัยทางภาคเหนือก็แชทมาคุยกันอยู่บ่อยๆ ชีวาที่สอบได้คนละมหาวิทยาลัยกับอาร์ดิวก็จำต้องแยกกันไป อดเสียดายไม่ได้ที่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน

หลังอาร์ดิวฟื้นขึ้นมาในครั้งนั้น การ์ฟก็เฝ้าตามติด เพราะการ์ฟเองก็เรียนที่เดียวกันทำให้ครอบครัวของตี๋น้อยฝากฝังให้ช่วยดูแล ดูทุกคนจะเป็นห่วงเขามากกว่าปรกติ

ที่มหาวิทยาลัยเดียวกันนั้นยังมีมิมิวอีกคน เด็กสาวเรียนคณะเดียวกันกับการ์ฟ ขณะที่อาร์ดิวอยู่อีกคณะหนึ่งซึ่งเวลาเรียนไม่เคยตรงกันเลย มิมิวมักจะมีสารถีประจำตัวมาส่งทุกวันจนถูกเพื่อนแซวกันไม่เลิก แถมมันยังลามมาถึงเขาด้วยเพราะการ์ฟมักจะมาหาหลังเลิกเรียน แม้แต่วันนี้ก็ด้วย

“พ่อพระเอกของแกมาแล้วดิว”

เพื่อนสาวในกลุ่มเอ่ยล้อตั้งแต่เห็นการ์ฟเดินเข้ามาในระยะสายตา อาร์ดิวจำต้องหยุดเดินรอให้การ์ฟมาถึง เสียงหัวเราะคิกคักของเพื่อนๆทำให้อาร์ดิวเขินแปลกๆ หนุ่มตี๋พยายามทำหน้านิ่งๆไว้ทั้งที่มันเกือบหลุดเขินอยู่รอมร่อ

“กลับกันหรือยัง?” พอเดินมาถึงก็เอ่ยถามราวกลัวเสียเวลา

“วันนี้คุณมีเรียนเช้าไม่ใช่เหรอ?” ตี๋น้อยเอียงคอถาม เขาจำได้ว่าคณะการ์ฟมีเรียนเช้านะวันนี้ ยังคิดอยู่ว่าต้องกลับคนเดียว

“อืม” การ์ฟรับคำสั้นๆ คิ้วตี๋น้อยขมวด ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู

“นี่มันบ่ายสี่โมงเย็น?”

“จะกลับรึยังล่ะ?”

ไม่ได้พูดเรื่องเดียวกันเลยการ์ฟนี่ อาตี๋เริ่มหน้ามุ่ย หันมาบอกลาเพื่อนๆก่อนออกเดินนำการ์ฟไป

“จริงๆไม่ต้องตามผมแจขนาดนี้ก็ได้นะการ์ฟ” อดไม่ได้ที่จะพูดเรื่องนี้

“รำคาญหรือไง?”

“ก็...เปล่า”

“ทนเอาหน่อย ฉันไม่อยากเห็นนายหายไปต่อหน้าต่อตาแบบนั้นอีกนะ”

พอนึกถึงตอนที่ต้องไปตามอาร์ดิวกลับเข้าร่างแล้วดวงจิตของอีกคนเลือนรางเต็มทีนั้นเขาก็รู้สึกแย่แล้ว เขาไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนั้นอีก

“คุณยึดติดกับเรื่องชะตาของเราที่มันผูกกันมากไปหรือเปล่า มันจะพลอยทำให้คุณไม่มีความสุขไปด้วยนะ”

หลังเหตุการณ์นั้นพวกเขาก็ได้รู้เรื่องอะไรหลายๆอย่างที่ถูกปิดเอาไว้ รวมทั้งเรื่องที่คุณแม่รวิทำพิธีผูกดวงทั้งสองคนเอาไว้ด้วยกันนี่ก็ด้วย

“ฉันมีความสุขดี ไม่ได้รู้สึกว่าการอยู่ใกล้นายมันไม่มีความสุขหรอก” คนพูดยิ้มมุมปาก มันช่างดูกวนจนตี๋น้อยหน้าบูดกว่าเดิม

“พูดกันคนละเรื่องหรือไงเนี่ย”

“หึๆ”

การ์ฟเพียงหัวเราะในลำคอ ไม่ต่อความยาว มือใหญ่คว้ามืออาร์ดิวมากุมแล้วพาข้ามถนนไปอีกฝั่งเพื่อรอรถ ขณะที่เดินข้ามไปการ์ฟรู้สึกว่ามีบางอย่างพุ่งเข้ามาหาเขาทั้งคู่ เด็กหนุ่มหันกลับมาตวาดเสียงดัง

“อย่ามายุ่งกับเขา!!”

อาร์ดิวสะดุ้งเฮือก ทำหน้าเหรอหรา “คะ...ใครอ่ะการ์ฟ?”

“อย่าไปสนใจเลย”

“แต่...เขาอาจต้องการความช่วยเหลือ...”

“เห็นใจคนอื่นจนตัวเองเดือดร้อนชอบนักเหรอ!?” การ์ฟเผลอเสียงดังด้วยความหงุดหงิด ชอบเป็นแบบนี้ล่ะเจ้าตี๋นี่

“ดุทำไมเล่า!”

ทางนี้ก็ไม่ยอมกัน ดีกันได้ไม่เท่าไหร่ทะเลาะกันอีกแล้ว ตี๋น้อยเดินตึงๆตามแรงดึงของการ์ฟไป การ์ฟถอนใจเฮือกใหญ่ ไม่ได้ตั้งใจเลย เพราะพี่เมฆแท้ๆ ทำอะไรกับเขาไม่รู้ถึงได้ยังเห็นอะไรแปลกๆแบบนี้อยู่ อาร์ดิวน่ะไม่เห็นหรอก ได้สร้อยเส้นใหม่จากคุณยายตอนกลับไปเยี่ยมท่านมาแล้วนี่ น่าจะหามาใส่สักเส้นนะเรา จากไม่เชื่อเรื่องพวกนี้ ตอนนี้เขาเชื่อสนิทใจเลย



ร้าน Magica Café ในวันหยุดสุดสัปดาห์

เมฆที่เพิ่งย้ายไปอยู่หอพักใกล้มหาวิทยาลัยที่ตนเองเรียนแวะมาที่ร้านในฐานะลูกค้า ปอมปอมเข้ามานั่งคุยด้วย ถือสิทธิ์ในความเป็นน้องชายไม่ใช่ลูกเจ้าของร้าน หนุ่มน้อยแอบกระซิบกับพี่เมฆว่าที่หอพักผีท่าจะเยอะเลยโดนพี่เมฆเขกหัว

“ทำไมอ่า พี่เมฆน่าจะชินได้แล้วนะ” มือเรียวลูบหัวตัวเองป้อยๆ เจ็บอ่ะ

“ต่อให้เห็นทุกวันมันก็ไม่ชินหรอกปอมปอม” เมฆส่ายหน้า ขำน้องเล็กที่จินตนาการไปเรื่อย

“แล้ว... พี่คนนั้นล่ะ?”

“อยากเจอเขาหรือไง?”

“หื่อ” ส่ายหน้ารัว ก่อนจะตาโตเท่าไข่ห่านเมื่ออยู่ๆเก้าอี้ข้างๆตนเองมีแขกไม่ได้รับเชิญปรากฏตัวขึ้นมานั่งยิ้มให้

“สวัสดีหนูน้อย”

วิญญาณหนุ่มที่กะปอมน้อยเพิ่งถามถึงส่งยิ้มมา ปอมปอมนั่งนิ่งอ้าปากค้าง ก่อนจะกะพริบตาปริบๆเรียกสติสตังตนเองกลับมา

“มาไม่เรียก” ผู้มาใหม่หันไปต่อว่าเมฆที่นั่งจิบกาแฟเฉย

“เรียกมาแล้วนายจะกินได้หรือไง?”

“อยากกินบ้างนี่หว่า”

“เดี๋ยวทำบุญไปให้”

“ทำบุญด้วยกาแฟนี่นะ?” เสียงสูงเอ่ยประชด

เมฆยิ้มน้อยๆแล้วว่า “แถมชาให้ด้วยก็ได้”

มือเรียวซีดขาวจะคว้าถ้วยกาแฟของเมฆมาดื่ม แต่มันกลับผ่านวูบแตะต้องไม่ได้สักนิด วิญญาณหนุ่มหลับตากัดฟันกรอดด้วยความขัดใจ

“บอกแล้ว เดี๋ยวทำบุญไปให้” เมฆยังตอกย้ำ

“ขอบใจ!” กระแทกเสียงใส่คนมีน้ำใจแล้วจะไป อยู่ทำไม กินอะไรก็ไม่ได้

“นี่”

หันกลับมามองเมฆที่เอ่ยเรียกสีหน้าหงุดหงิด

“ต้องบอกว่าทำให้ใครอ่ะ?”

วิญญาณหนุ่มกลอกตามองสูงด้วยความเซ็งอารมณ์แล้วว่า

“คินตา”

“หา อะไรนะ?”

“คินตา!”

“อ้อ”

เมฆพยักหน้ารับรู้ ร่างโปร่งแสงนั้นจึงค่อยจางหายไป ชายหนุ่มยกยิ้มมุมปากน้อยๆ ยกกาแฟขึ้นจิบแล้วพึมพำกับตนเอง

“ชื่อคินตาเหรอ หึๆ”

พอเงยขึ้นมาเห็นปอมปอมมองเป๋งก็ชะงักกึก กระแอมหน่อยๆก่อนยกกาแฟขึ้นดื่มกลบเกลื่อน ตาแป๋วๆทำเอาเขาตั้งตัวไม่ทัน เห็นอาร์ดิวเดินหน้าบูดผ่านมา เมฆจึงเอ่ยถาม

“อ้าว? เป็นอะไรล่ะเรา?”

คนเป็นน้องส่ายหน้าแล้วเดินผ่านไป ปอมปอมน้อยมองตามพี่ชายแล้วเลิกคิ้วสูง หันกลับมามองอีกทางที่พี่เดินมาเห็นพี่การ์ฟอยู่ที่โต๊ะหนึ่งของร้าน มีสาวๆหนุ่มๆท่าทางจะเป็นเพื่อนที่มหาวิทยาลัยเพราะดูท่ารู้จักกันดี แถมมาด้วยกันด้วยคงเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันมั้ง พี่เขาชะเง้อมองมาทางนี้ด้วย พอเห็นปอมปอมมองก็หันกลับไปคุยกับเพื่อนต่อ ปอมปอมหันมามองพี่ชายก็เห็นยังหน้าบูด หนุ่มน้อยเกาหัวงงๆ เกิดอะไรขึ้นอ่า?

วันหยุดแบบนี้สองพี่น้องมาช่วยงานที่ร้านครึ่งวัน ช่วงบ่ายคุณแม่จะให้กลับบ้านไปทบทวนบทเรียนแล้วทำการบ้านให้เสร็จ ตี๋น้อยที่หน้างอมาตั้งครึ่งค่อนวันจึงออกจากร้านมาพร้อมน้องชายเพื่อกลับบ้านกัน ชะงักเท้าเมื่อเห็นการ์ฟยืนอยู่ไม่ไกล ปอมปอมก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว ก่อนจะเพิ่มเป็นสองก้าว สามก้าว แล้วหันกลับวิ่งเข้าร้านไป คนเป็นพี่จะเรียกตามก็ไม่ทัน จึงหันกลับมาหาการ์ฟที่เดินมาหยุดใกล้ๆ

“ขอคุยหน่อย”

“.........” ตี๋น้อยเงียบกริบ หันมองรอบกายด้วยความอึดอัด

“เป็นอะไร?” การ์ฟเอ่ยถามมา

“ชอบถามจังคำนี้”

“ถ้าไม่ห่วงจะถามไหม?”

ถึงจะพูดไปแบบนั้นแต่คนฟังก็ยังหน้างออยู่ การ์ฟจึงถอนใจหนักๆให้ได้ยิน

“ตี๋...”

“ผมแค่หงุดหงิดตัวเอง”

“เรื่อง?”

“เรื่องส่วนตัว”

“อ้อ”

การ์ฟทำเสียงแบบนั้นแล้วเงียบไป อาร์ดิวยิ่งเงียบเพราะรู้ว่าตนเองพูดไม่ดี

“การ์ฟ...”

“ช่างเถอะ ฉันแส่เอง”

“ไม่ใช่นะ ไม่ได้จะว่าแบบนั้น”

“แคร์ทำไม ฉันมันคนอื่น”

“การ์ฟ...”

ไม่มีการฟังคำแก้ตัวเมื่อการ์ฟเดินห่างออกไป อาร์ดิวหน้าจ๋อย เดินกลับเข้าไปในร้านเพื่อเรียกน้องชายกลับบ้าน ดูเหมือนสถานการณ์จะยิ่งแย่มากขึ้นไปอีก เพราะเขาแท้ๆ


++++++++++

ต่อด้านล่างค่ะ :katai5:

ออฟไลน์ wanmai

  • ★รักใสปิ๊ง★(>_<)
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 936
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1195/-5
Re: ☆☆MAGICA CAFÉ☆☆ magic <16> 24/06/2556
«ตอบ #418 เมื่อ24-06-2013 09:50:09 »

หลังจากเฝ้าสังเกตการณ์มานานแล้วปอมปอมก็ได้ข้อสรุปให้ตนเองเสร็จสรรพ พี่ชายของเขากับพี่การ์ฟต้องมีความรู้สึกพิเศษต่อกันแน่ กะปอมน้อยฟันธง

“ป๋า”

“หืม?”

“ป๋าว่าพี่การ์ฟกับดิวเขาจะชอบกันป่ะ?”

“........”

ปอมปอมที่มาเล่นห้องพี่เอ่ยถามขณะที่กำลังนั่งพิงพี่เปิดหนังสืออ่าน ห้องพี่ชีวามีหนังสือเยอะกว่าห้องเขาอีก โดยเฉพาะการ์ตูน ส่วนอย่างอื่นที่ไม่เหมาะสำหรับเด็กเขาเก็บไปทิ้งหมดละ

ชีวาลูบผมน้องเล่น ท่าทางเหม่อไม่ตอบคำถามน้องเสียที ปอมปอมน้อยจึงปิดหนังสือในมือแล้วหันกลับมามองคนที่ตนเองนั่งพิงอยู่แล้วว่า

“ไม่น่าถามป๋าเลยเนอะ”

“พี่เปล่าคิดอะไรนะ” เสียงน้องฟังดูแปลกๆจนชีวาต้องรีบแก้

“แต่ป๋าไม่ตอบอ่ะ”

“ก็พี่ไม่รู้นี่”

“เออ ช่างเถอะ” น้องว่าแล้วกอดอกหน้างอ

“งอนบ่อยจัง”

ชีวาบีบจมูกคนงอน แต่น้องกลับปัดมือเขาออกแล้วจะลุกหนี เด็กหนุ่มอึ้งไปที่อยู่ๆก็ทะเลาะอะไรกันไม่รู้

“ปอมปอม”

เอ่ยเรียกน้องเสียงเข้ม ขาเรียวที่กำลังจะก้าวหนีหยุดชะงัก ชีวาไม่พูดอะไรต่อ ดูว่าน้องจะทำอย่างไร คนเป็นน้องหันกลับมาแล้วเดินมานั่งตักพิงอกชีวาเหมือนเดิม

“จูนว่าปอมสาวแตก”

“หา??” ชีวาหัวเราะ ตามอารมณ์น้องไม่ทันนะนี่

“อีกหน่อยปอมต้องลุกขึ้นมาแต่งหญิงเหมือนจูนแน่”

“ชอบแบบนั้นเหรอ พี่เพิ่งรู้” เด็กหนุ่มยิ้มล้อ น้องเอี้ยวหน้ามามองแล้วย่นจมูก

“บ้า ปอมยังเป็นผู้ชายอยู่นะ ถึงจะมีแฟนเป็นผู้ชายด้วยกันก็เถอะ”

คนเป็นพี่หัวเราะ เกยคางบนไหล่น้อง “อืม... นึกภาพตอนกะปอมแต่งหญิงออกเลยอ่ะ”

“ม่ายยย หยุดคิดนะ หยุดๆๆๆ”

เอี้ยวตัวกลับมาเผชิญหน้า โหย่งตัวขึ้นแล้วจับหน้าพี่ไว้ ชีวารั้งเอวน้องมาชิด เงยมองน้องที่นั่งคร่อมตัก มองน้องยิ้มๆ พอพี่จ้องตาแบบนี้ใจน้องก็สั่น เฉหลบสายตาพี่ที่มองมา

ชีวาลูบมือเข้าไปในเสื้อน้อง ลูบเอวบางช้าๆ ปอมปอมขนลุก ขยับยุกยิกไปมาเมื่อผิวโดนมือพี่

“ไม่ห้ามเหรอ?”

“อยากทำไหมล่ะ?”

“ถามแบบนี้เอามีดมาแทงพี่เลยเถอะ”

น้องน้อยหัวเราะคิก มือเรียวกุมแก้มพี่ “ป๋าเก่งจัง อดทนดีมาก จะให้รางวัล”

“จริงอ่ะ? ให้อะไรล่ะ?”

“ให้...จุ๊บทีนึง” ยกขึ้นหนึ่งนิ้ว ชีวาอมยิ้มกับของรางวัลที่จะได้

“หึๆ มาสิ”

เด็กหนุ่มนั่งนิ่งๆให้น้องมอบรางวัลให้ ปอมปอมค่อยโน้มลงแตะจูบริมฝีปากพี่ กดลงไปอีกนิด พยายามเลียนแบบเวลาถูกพี่จูบแต่มันก็ไม่ได้ดั่งใจเมื่อพี่ไม่ยอมให้ความร่วมมือเลย

“ป๋า เปิดปากหน่อย”

“พยายามกว่านี้สิ”

“ฮื่อออ”

ครางขัดใจในลำคอที่พี่ไม่ยอมทำตาม จะผละออกห่างแต่ชีวากลับรั้งน้องลงมาบดจูบเสียเองเพราะทนไม่ไหว ปอมปอมวาดแขนกอดคอพี่ ยอมรับจุมพิตจากพี่ด้วยความเต็มใจ ชีวาลูบแผ่นหลังน้อง ก่อนเลื่อนมือมาบีบก้นกลม ปอมปอมสะดุ้ง ยกสะโพกตนขึ้นจากหน้าตักพี่ ชีวาจึงเปลี่ยนมาพลิกตัวน้องลงไปนอนบนที่นอนนุ่ม ถลกชายเสื้อขึ้นมาแล้วก้มลงไปจูบหน้าท้องขาว

“ป๋า...” หนุ่มน้อยกัดปากกลั้นความรู้สึกแปลกๆที่เกิดขึ้นกับตนเอง ลมหายใจอุ่นๆปัดผ่าน ริมฝีปากของพี่ที่กดลงมาซ้ำๆ ทั้งความอุ่นชื้นของปลายลิ้นพาเอาเขาหัวหมุน

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำเอาสติเหมือนจะกลับมากะทันหัน ชีวาสะดุ้ง ผละออกมามองน้องที่มองมายังเขาตาปริบๆแล้วลูบหน้าตนเองแรงๆ ก่อนขยับลุกจากตัวน้องไปเปิดประตู ปอมปอมลุกขึ้นมานั่งงงๆ ดึงเสื้อตนเองลงมาปิดพุงที่มีรอยแดงเพราะพี่

คุณแม่ชีวามาบอกให้ทั้งคู่ลงไปทานข้าว ให้บอกน้องด้วยว่าทานด้วยกันที่นี่ค่อยกลับบ้าน หนุ่มน้อยบนเตียงวิ่งตื๋อไปเกาะแขนคุณแม่แล้วคุยกันเสียงแจ๋วลงไปด้านล่าง หันมายิ้มให้ชีวา ชีวาก็ยิ้มบางๆส่งกลับไป พอน้องหันกลับไปชีวาก็นิ่วหน้า สูดลมหายใจเข้าลึกแล้วค่อยผ่อนออกยาวๆ เมื่อรู้สึกดีขึ้นจึงตามลงไปด้วย

ลงมาชั้นล่างแล้วปอมปอมก็นั่งคุยกับคุณพ่อของชีวาต่อ คุณแม่เข้าไปในครัวสั่งการให้เด็กๆยกอาหารออกมาวางบนโต๊ะเมื่อมากันพร้อมหน้า ชีวาจะนั่งลงข้างพี่ชายตนเอง คุณแม่เดินผ่านด้านหลังเขามาแล้วเอ่ยถามเสียงเบาไม่ให้เป็นที่สงสัยของคนในบ้าน

“ทำอะไรน้อง?”

ใจชีวาแทบหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มกับคำทักถามของคุณแม่ ชะงักค้างอยู่กับท่าเตรียมจะนั่งนั่น พอคุณพ่อมองมาชีวาจึงนั่งลง คุณแม่บอกให้แม่บ้านตักข้าว ก่อนเดินไปนั่งที่ของตนเองยังเอ่ยต่อ

“เป็นผู้ใหญ่แล้วนะชีวา”

หน้าชีวาซีดเสียยิ่งกว่าไก่ต้ม เขาเกือบทำอะไรเกินเลยกับน้องไปแล้ว โดนคุณแม่ดุก็สมควร ว่าแต่...ทำไมคุณแม่รู้ไปเสียทุกเรื่องเลยล่ะ?



ตกค่ำ ชีวาลงมาชั้นล่างเพื่อเอาน้ำขึ้นไปไว้ดื่มบนห้อง เผื่อกลางดึกตื่นขึ้นมาแล้วคอแห้ง คุณแม่ยังนั่งดูละครหลังข่าวเรื่องดังกับพี่แม่บ้าน ส่วนคุณพ่อกับพี่ชายของเขาคงขึ้นห้องไปแล้ว ชีวาเดินเข้าไปหาคุณแม่ที่นั่งดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา หยุดอยู่ด้านหลังแล้วก้มลงหอมแก้มไปฟอดหนึ่ง คุณแม่สะดุ้ง พอเห็นว่าเป็นชีวาก็ตีแขนเบาๆแล้วหัวเราะขำก่อนไล่คนเป็นลูกให้ไปนอน

ชีวาขึ้นมาบนห้อง เปิดขวดน้ำดื่มพอดีกับที่มีคนโทรมาหา เด็กหนุ่มเดินไปหยิบมารับเมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์กะปอมน้อย ขณะที่ยกน้ำขึ้นดื่มไปพลาง

“ป๋า พุงปอมแดงอ่ะ”

คำพูดที่น้องบอกเล่นเอาน้ำในปากแทบพุ่ง “แค่กๆๆๆ”

ชีวาสำลักกระแอมกระไอ ปิดฝาขวดน้ำวางไว้บนโต๊ะแล้วเดินไปเปิดประตูระเบียง

“ตอนอยู่ในห้องป๋ากัดปอมด้วยเหรอ?” เสียงน้องยังเอ่ยถามมาตามสาย

“ไม่ได้กัด”

“ทำไมมันแดงอ่ะ ปอมจะอาบน้ำ ถอดเสื้อมาตกใจหมด”

น้องยังบอก ชีวาได้แต่ข่มใจเมื่อนึกตามคำบอกเล่าของน้องไปแล้ว อย่าบรรยายได้ไหมเล่า เห็นภาพเลยนี่

“เดี๋ยวมันก็จางเองแหละ พี่ไม่ได้ทำแรงสักหน่อย ผิวปอมบางเอง”

“โทษปอมเฉย”

ชีวาหัวเราะกับน้ำเสียงงอนๆ ยืนพิงกรอบประตูบานเลื่อนมองห้องน้องที่อยู่ฝั่งตรงข้ามแล้วยิ้ม

“อาบน้ำเสร็จแล้วยังเนี่ย?”

“เสร็จแล้ว กำลังจะนอน”

“ไม่ทำการบ้าน?”

“ไม่มีการบ้านสักหน่อย”

เงียบกันไปนิดเมื่อบรรยากาศมันต่างไปจากเดิม ตอนคุยโทรศัพท์กับตอนอยู่ด้วยกันมันให้ความรู้สึกที่แตกต่าง เมื่อคุยกันโดยไม่เห็นหน้ามันทำให้ชีวากำลังนึกหน้าน้องเวลาพูดโต้ตอบกับตนแล้วอมยิ้มอยู่คนเดียว ไม่รู้ปอมปอมจะรู้สึกเหมือนเขาไหม คุยเล่นกันสักพักแล้วชีวาจึงบอกให้น้องไปนอน เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าต้องไปโรงเรียนอีก เด็กน้อยอนามัยจัดนอนไม่เกินสี่ทุ่ม

“ฝันดีนะครับ”

“ป๋าก็เหมือนกันนะ รักป๋า” ท้ายประโยคกระซิบเบาแต่คนฟังยังได้ยินเต็มสองหู

“โอ๊ย”

“ป๋าเป็นอะไร!?” น้องเอ่ยถามเสียงตื่น อยู่ๆพี่ก็ร้อง เป็นอะไรหรือเปล่าไม่รู้

“อยาก…”

“หา อยาก?”

“อยากฟัดแก้มตัวแสบ มาพูดแบบนี้พี่จะนอนไม่หลับเอา”

ตัวแสบหัวเราะคิก ก่อนถามกลับเสียงทะเล้น

“ทำไมอ่า?”

“หึๆ รักกะปอมน้อยเหมือนกันนะครับ”

“คร้าบ~ นอนแล้วนะป๋า จุ๊บ!”

บอกพี่แบบนั้นแล้วปอมปอมก็วางสายไป ชีวายังยิ้มค้าง มีจุ๊บเขาด้วยแฮะ

“ตัวแสบเอ๊ย”

เด็กหนุ่มมองหน้าจอโทรศัพท์ที่มีรูปน้องคู่กับตนเองแถมหัวใจอีกดวงเบ้อเริ่มเป็นภาพหน้าจอแล้วยิ้ม เดินกลับเข้าห้องไปทิ้งตัวลงนอนบนเตียง ใบหน้ายังเปื้อนรอยยิ้มไม่หุบ ท่าทางคืนนี้จะหลับฝันดี




อีกด้านหนึ่งในคืนเดียวกันนั้น โทรศัพท์มือถือวางนิ่งอยู่บนที่นอน อาร์ดิวนั่งทับขามองมันมานานสองนานแล้ว อยากจะหยิบมากดเบอร์โทรออกก็ไม่กล้า ได้แต่นั่งมองมันด้วยความว้าวุ่นใจอยู่อย่างนั้น

“ทำไงดี…”

ตี๋น้อยพึมพำ จ้องโทรศัพท์อีกพักใหญ่ก่อนจะตัดสินใจคว้ามากดโทรออกด้วยใจที่เต้นตุ้มๆต่อมๆ เมื่อเสียงรอสายดังขึ้นไม่กี่ครั้งอาร์ดิวก็กดปิดด้วยความตกใจ

“โทรไปแล้วอ่ะ ฮือออ”

วางโทรศัพท์ลงบนเตียงแล้วขยับออกห่างอีกนิด หวั่นใจว่าการ์ฟจะโทรกลับมาต่อว่าตนเองหรือเปล่าที่โทรไปแล้วก็วางแบบนั้น แต่กลับไม่มีเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ดังขึ้นมาสักน้อยนิด มีแต่ความเงียบ ตี๋น้อยหน้าจ๋อย บางทีการ์ฟอาจยุ่งอยู่ก็ได้เลยไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์

คนที่อาร์ดิวคิดว่ากำลังยุ่งอยู่อย่างการ์ฟมองโทรศัพท์ในมือนิ่ง เมื่อกี้มันดังเขาก็ไม่ได้กดรับทันที ทางนั้นก็วางเร็วจริง โทรมาอีกสิวะ

“โธ่เว้ย!!”

รอไปก็ดูเหมือนจะไม่มีประโยชน์ การ์ฟเลยโทรกลับเองมันเสียเลย เขาข้องใจนะนี่ ข้องใจ!

“รีบวางทำไม!?”

แค่อาร์ดิวกดรับทางนี้ก็ว่าไปก่อนที่ฝ่ายนั้นจะได้พูดอะไรเสียแล้ว อาร์ดิวเงียบ ไม่ตอบอะไรกลับมาสักอย่างจนการ์ฟเริ่มหงุดหงิด

“เออ โทรมาแล้วก็รีบวาง พอโทรกลับก็ไม่พูด คราวหลังฉันจะไม่โทรมาแล้ว”

การ์ฟลดโทรศัพท์ลงจากหู กะจะวางสายแต่ก็ยั้งมือไว้ อดไม่ได้ที่จะเงี่ยหูฟังว่าปลายสายจะพูดอะไรไหม แต่ก็ไม่มีเสียงใดลอดออกมาเลยกดปิดแล้วโยนโทรศัพท์ไว้หัวนอน

อาร์ดิวมองโทรศัพท์เมื่อการ์ฟวางสายไปแล้วเด็กหนุ่มก็ถอนใจ ก็เขาไม่รู้จะเริ่มอย่างไร จะขอโทษเลยดีไหม แต่ในที่สุดแล้วอาร์ดิวก็โทรไปอีกที เพราะหากวันนี้ไม่ได้พูดกันให้รู้เรื่องเขาคงนอนไม่หลับแน่

“ถ้าเงียบอีกเจอดีแน่ตี๋” พอกดรับก็ใส่เลย ไม่มีคำทักทายก่อนเลยสักนิด

“ผมไม่ได้ตั้งใจทำให้คุณรู้สึกไม่ดี ผมขอโทษ”

อาร์ดิวบอกเสียงอ่อย ปลายสายนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก่อนตอบกลับมา

“ยกโทษให้”

คิ้วอาตี๋เลิกสูงเมื่อการ์ฟบอกยกโทษให้อย่างง่ายดาย แล้วเงียบฟังคำพูดต่อจากนั้น

“ฉันเองก็คงก้าวก่ายเรื่องนายมากไป”

“ผมไม่ได้คิดแบบนั้น”

“แล้วมันแบบไหนล่ะ?” การ์ฟย้อนถามกวน อาร์ดิวบุ้ยปากใส่โทรศัพท์ก่อนบ่นอุบอิบ

“ผมแค่จะโทรมาขอโทษ ไม่ได้จะโทรมาให้คุณซักสักหน่อย”

“บ่นนะตี๋... รู้ด้วยว่าห่วง” พูดไปแล้วการ์ฟก็ชะงัก เขาพูดคำนี้บ่อยจัง

“ขอบคุณนะการ์ฟ คุณเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของผมคนหนึ่งเลย”

เสียงสดใสตอบกลับมาจากอีกคน ได้ฟังอย่างนั้นคิ้วการ์ฟก็ขมวดแล้วค่อยคลายออก ... เพื่อนหรือ? ฟังแล้วมันแสลงหูแปลกๆแฮะ




TBC



4 วัน พิมพ์ได้เท่านี้ล่ะค่ะ แหะๆ :m23:

บวกขอบคุณทุกท่านที่ยังอยู่ด้วยกันค่ะ

วันใหม่

ปล. มีแต่คนอยากให้พี่เมฆมีเมียโปร่งแสง กร๊ากก :laugh3:

ออฟไลน์ $VAN$

  • Moderator
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +307/-6
Re: ☆☆MAGICA CAFÉ☆☆ magic <16> 24/06/2556
«ตอบ #419 เมื่อ24-06-2013 11:17:38 »

โอ๊ะ คู่ใหม่มาแล้ว เมฆ-คินตา ท่าทางจะน่ารักดีนะคู่นี้^^
การ์ฟ-อาร์ดิว ยังดูทีท่ากันอยู่

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด