Magica Café
Magic (18)"นั่งยิ้มอะไรคนเดียวอ่ะ!"
"เฮ้ย!"
คนที่โผล่มาไม่ให้สุ้มให้เสียงเล่นเอาอาร์ดิวตกใจอุทานเสียงหลง มองหน้าแป้นแล้นที่ยิ้มตาใสให้แล้วลูบอกตนเองเบาๆ
"ตกใจหมดปอมปอม"
เจ้าของชื่อหัวเราะคิก ก่อนคลานมานั่งบนเตียงนอนกับพี่ชาย "ดิวเหม่ออะไร ปอมเปิดประตูเข้ามายังไม่ได้ยินอีก"
พอน้องถามคนเป็นพี่ก็มีท่าทีเขินอายให้เห็น ก่อนตอบน้องเสียงเบา "ก็...เปล่า"
"เปล่าอะไรเขินด้วยอ่ะ" ยื่นหน้าเข้าไปมองพี่ใกล้ๆแล้วยิ้มล้อ
"รีบนอนดีกว่า พรุ่งนี้ไม่ไปโรงเรียนหรือไง?" คนเป็นพี่ตัดบทเพราะกลัวแถต่อไปไม่รอด แต่น้องกลับยิ้มรู้ทันแล้วว่า
"พรุ่งนี้วันอาทิตย์ แล้วตอนนี้ก็เพิ่งสองทุ่ม"
ตี๋น้อยกลอกตาไปมาหาทางออก ก่อนจะล้มตัวลงนอนแล้วตวัดเอาผ้าห่มมาคลุมโปง ปอมปอมดึงออกคนเป็นพี่ก็ยื้อเอาไว้สุดฤทธิ์ พอทำไม่ได้ปอมปอมเลยมุดเข้าไปนอนด้วยเสียเลย เสียงหัวเราะของตัวแสบดังอู้อี้อยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนา อาร์ดิวตวัดผ้าห่มออกโดยมีน้องชายนอนข้างๆ นึกไปถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อบ่ายนี้...
"ฉันชอบนาย"เสียงนั้นยังสะท้อนอยู่ในหู ยอมรับว่าอึ้งกับสิ่งที่ได้ยิน สงสัยคงอึ้งนานไปคนพูดเลยว่า
"ถ้าบอกว่าล้อเล่นจะโกรธป่ะ?"
ตาเรียวตวัดกลับมามอง หน้าบูดแล้ว ล้อเล่นอะไรกัน
"ใครจะกล้าล้อเล่นเล่า พูดจริง"
การ์ฟเอ่ยน้ำเสียงล้อเลียนหน่อยๆ พอรู้ตัวว่าเผลอแสดงท่าทีอะไรออกไปตี๋น้อยก็หลบตา อายอ่ะ
"แล้วนายล่ะ ชอบฉันไหม?"
"......." เงียบกริบ
"อย่ามัวแต่เขินสิ บอกหน่อย"
"ไม่รู้ กลับบ้านดีกว่า"
"เฮ้ย! ขี้โกงว่ะ"
การ์ฟประท้วงเมื่ออีกคนตั้งท่าจะหนี ไม่ยอมหรอก ยังไม่ได้คำตอบเลย เด็กหนุ่มกดไหล่คนที่กำลังจะลุกหนีเอาไว้นิ่ง ก่อนโน้มหน้าข้ามไหล่มาถามใกล้ชิด
"ชอบไหม?"
".........."
"หืม ว่าไง?"
"...ชอบ"
เสียงตอบช่างเบาแสนเบา แต่คนที่ได้รับคำตอบเป็นที่น่าพอใจก็ยิ้มได้ และเพราะการเผยใจไปอย่างนั้นตี๋น้อยถึงได้มานอนเขินตัวเองอยู่แบบนี้
"ตกลงเป็นอะไรอ่า?"
นึกว่าจะเลิกแล้วนะ ปอมปอมยังมาถามตาแป๋วอีก
"ไม่มี ว่าแต่เราเถอะ มาหาพี่มีอะไรครับ?" ตี๋น้อยรีบเปลี่ยนเรื่องในทันใด ปล่อยให้ปอมปอมซักได้หลุดเผยไต๋ออกมาหมดน่ะสิ
"ปะป๊าอ่ะ"
"อ๋อ เรื่องชีวาใช่ไหม พ่อไม่ว่ายังไงนี่"
"ก็ใช่ ปอมชักเครียดแทนป๋าละ"
"เครียดทำไม ปล่อยชีวาเครียดไปคนเดียวพอ"
ปอมปอมมองพี่ที่ยิ้มขำ ก่อนจะส่ายหัวไปมาเลิกคิด ปะป๊าใจดีจะตาย ป๋าชีวาของเขาคงไม่ถูกยิงเป้าก่อนได้มาขอปอมหรอกเนอะ
ช่วงเวลาเช้าตรู่ของวันจันทร์ สองพี่น้องปอปลาเตรียมตัวลงมาด้านล่างเพื่อไปเรียน นั่งทานข้าวด้วยกันกับคุณแม่ ส่วนคุณพ่อไปที่ร้านตั้งแต่สองพี่น้องยังไม่ตื่น เสียงแตรรถดังขึ้นหน้าบ้าน พี่มุ่ยเดินไปบอกเจ้าของรถให้เข้ามารอในบ้านก่อนเพราะคนในบ้านยังทานข้าวกันไม่เสร็จ ชีวาตามพี่มุ่ยเข้ามาคุณแม่รวิจึงชวนทานข้าวด้วยกัน แต่เด็กหนุ่มเสร็จมาจากบ้านแล้วจึงขอนั่งรอปอมปอมกับอาร์ดิวดีกว่า
เมื่อทานข้าวกันเสร็จจึงพากันไปขึ้นรถของชีวา วันนี้ป๋าวาของปอมปอมเป็นสารถีขับรถรับส่งให้เพราะมีเรียนเช้าเหมือนกัน จึงจะไปส่งน้องแล้วเลยไปส่งอาร์ดิวด้วย ปอมปอมนั่งด้านหน้าคู่คนขับ ส่วนอาร์ดิวนั่งเบาะหลัง เปิดเพลงจากเครื่องเล่นขนาดจิ๋วฟังไปพลางๆ
รถเคลื่อนตัวออกไปไม่เร่งรีบ โทรศัพท์ชีวาดังขึ้นมา เด็กหนุ่มจึงวานน้องให้ช่วยรับเพราะตนเองขับรถอยู่
"รับให้พี่หน่อยตัวแสบ"
"คร้าบบบ"
มือเรียวหยิบโทรศัพท์พี่วางอยู่ข้างๆมามองเบอร์โทรเข้าแล้วกดรับ นิ่วหน้าเล็กน้อยเมื่อฟังเสียงปลายสาย ชีวาเหลือบมามองแล้วเลิกคิ้วเชิงถาม แต่น้องกลับมองพี่ตาคว่ำ
"เดี๋ยวจะบอกพี่ชีวาให้นะครับ"
หนุ่มน้อยตอบกลับไป ได้ยินเสียงปลายสายอุทานแปลกใจก่อนพูดอะไรไม่รู้ชีวาได้ยินไม่ถนัด
"ครับ พี่ชีวาไม่มีน้อง ผมเป็นเด็กข้างบ้าน อาศัยรถพี่เขาไปโรงเรียน"
ปลายสายวางไปแล้ว น้องนั่งเงียบจนชีวาต้องมองน้องหวั่นๆ ใครโทรมาวะ?
โทรศัพท์พี่ถูกวางไว้ที่เดิม ก่อนที่ปอมปอมน้อยจะเฉลยปัญหาคาใจพี่ "คนชื่อไวน์โทรมา บอกว่าเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าลืมของไว้บนรถป๋า"
"ลืมอะไร เมื่อวานไม่เห็นมี..."
ตาเรียวตวัดฉับ ชีวาชะงักกึก ซวยแล้ว
"ก็... เมื่อวานพี่กับเพื่อนไปหาข้อมูลทำหนังสั้นกันไง เลยเอารถไปอ่ะ" เอ่ยแก้เสียเสียงอ่อย
"ยังไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย"
"เห็นทำหน้าเหมือนโกรธ"
"เขามีเบอร์ป๋าด้วยอ่ะ"
"ก็เป็นเพื่อนกัน มีเบอร์โทรกันมันเรื่องธรรมดา" ชีวาชีแจงแถลงไข
"เสียงพี่เขาดูออดอ้อนแปลกๆ แถมยังฟังนุ่มๆ ปอมว่าเขาต้องน่ารักแน่ๆใช่ไหม?"
"อะไร ฟังเสียงก็รู้แล้วเหรอว่าน่ารัก?"
"จริงไหมล่ะ?" น้องยังคาดคั้น
"ไม่เท่ากะปอมน้อยของพี่หรอก น่ารักกว่าเยอะ" แอบหยอดเผื่อได้คะแนนนิยมกลับมา แต่น้องกลับรับมุกหน้าตาเฉย
"ปอมรู้ ปอมน่ารักที่สุดแหละ"
"ไม่ค่อยหลงตัวเองเล้ยยย"
หนุ่มน้อยหัวเราะ ไม่โต้แย้งใดๆ
"แค่เพื่อนกันนะ" ชีวาย้ำให้รู้และเข้าใจตรงกัน
"ครับ ปอมเป็นผู้ใหญ่แล้ว ไม่หึงไร้สาระหรอก"
"แล้วใครกันมองพี่ตาคว่ำเมื่อกี้น่ะ?"
"แหม แค่แสดงให้สมบทบาท เดี๋ยวป๋าก็บ่นอีกว่าไม่หึงพี่บ้างเลยหรือไง" จีบปากจีบคอจนคนเป็นพี่อยากบิดปากแหลมๆนั่นสักที
"สมบทบาทมาก"
"ปอมเชื่อใจป๋า"
น้องว่า ชีวายิ้มรับก่อนรอยยิ้มนั้นจะหุบลงทันควัน
"แต่ปอมไม่เชื่อใจคนอื่น! เคลียร์นะ!?"
"เคลียร์ครับ!"
ตอบรับแทบไม่ทัน อะไรกันวะเนี่ย อาร์ดิวหัวเราะขำ ชีวามองกระจกมองหลัง งอนพื่อนที่หัวเราะตนเอง ส่วนตัวแสบละความสนใจจากเขาไปแล้ว เปิดเพลงฟังสบายอารมณ์เฉย จนมาถึงหน้าโรงเรียนปอมปอมก็ปลดเข็มขัดนิรภัย ก่อนยืดตัวไปจุ๊บแก้มชีวาเป็นการขอบคุณสุดพิเศษจากตัวแสบ
"ไปเรียนก่อนนะดิว" หันมาบอกพี่ชายที่นั่งยิ้มอยู่เบาะหลัง
"ตั้งใจเรียน"
"มาหอมที"
กางแขนออกให้พี่ขยับมาหา อาร์ดิวส่ายหน้าน้อยๆแล้วขยับไปให้น้องหอมตามคำขอ มาแปลกนะวันนี้
"เดี๋ยวป๋าจะเขินที่ถูกจุ๊บคนเดียว" ว่าแล้วหนุ่มน้อยก็หัวเราะก่อนเปิดประตูลงรถไป
"ตัวแสบ"
ชีวาส่ายหน้ายิ้มๆกับตัวเอง เมื่อน้องลงไปแล้วอาร์ดิวจึงลงจากรถแล้วขึ้นมานั่งแทนที่ ชีวาไม่ใช่คนขับรถ
"เห็นปอมปอมร่าเริงแบบนี้ค่อยดีหน่อย" คนเป็นพี่ชายว่า ซึ่งอีกคนก็พยักหน้าอย่างเห็นตามกัน
"อืม"
"เรื่องพ่อฉันว่าไงอ่ะ เห็นเงียบๆไป" ตี๋น้อยเปิดประเด็นที่น้องชายเคยพูดถึงอย่างเป็นกังวล ชีวาเองก็คงกังวลเหมือนกัน
"ไม่รู้ดิ ลุงไม่ได้เรียกไปคุย ส่วนแม่ฉันก็ดูพฤติกรรมฉันอยู่"
"คุยกับคุณน้าแล้วเหรอ?"
"อืม สัญญาไปว่าจะไม่ทำให้น้องเสียคน ดูแม่จะไม่เชื่อฉันเลยว่ะ" พูดแล้วคนพูดก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
"ขนาดแม่นายยังไม่เชื่อ ฉันจะเชื่อนายได้ไหมเนี่ย?"
"เฮ้ย อย่าตัดกำลังใจกันดิ ว่าที่น้องเขยนะเฮ้ย!"
"ตำแหน่งอันน่าภูมิใจ" ตี๋น้อยตบมุกขำๆ
"รู้อะไรไหม?"
"อะไร?"
"ฉันเคยชอบนายนะ"
อาร์ดิวอึ้งกับคำสารภาพที่ไม่เคยรู้ ชีวายิ้มบางก่อนบอก
"ก็แค่เคย"
"อืม" อาร์ดิวทำเสียงรับรู้ในลำคอ ถ้าชีวาไม่บอกเขาคงไม่รู้ไปตลอดชีวิตแน่
ชีวาที่ได้บอกออกไปเช่นนั้นแล้วมันก็ดูโล่งๆไปเลยแฮะ ถ้าตอนนี้เขาไม่มีปอมปอมเขาคงไม่คิดที่จะบอกอาร์ดิวไปตลอดชีวิตแน่ แต่เพราะตอนนี้เขามีคนของเขา และคิดว่าเพื่อนอย่างอาร์ดิวจะเข้าใจถึงได้บอกออกไป ไม่อยากให้มันค้างคาใจ อยากรักน้องได้จริงๆโดยไม่มีอะไรซ่อนเร้นอีก
เมื่อถึงมหาวิทยาลัยของอาร์ดิว ชีวาขับเข้ามาจอดใกล้ตำเรียนของเพื่อน จะขับเข้าไปด้านในมันก็จะวนออกมายาก อาร์ดิวจึงบอกให้จอดแถวนั้นแล้วเดี๋ยวตนเองจะเดินเข้าไปเอง เมื่อเพื่อนลงรถไปแล้วชีวาจึงขับไปมหาวิทยาลัยของตนเอง
ลงจากรถมาก็เจอการ์ฟมารออยู่หน้าคณะ อาร์ดิวมองอย่างแปลกใจ เดินเข้ามาหาแล้วจึงเอ่ยถาม
"มีเรียนเช้าเหรอ?"
"เปล่า วันนี้ไม่มีเรียน แค่เอางานมาส่งเดี๋ยวก็กลับ" เอ่ยบอกไปแบบนั้นแล้วตี๋น้อยตรงหน้าก็พยักหน้าหงึกหงักเป็นเชิงรับรู้
"งั้นผมไปเรียนก่อนนะ" อาร์ดิวยิ้มให้แล้วจะเดินเลี่ยงไป
"ตี๋"
"...?" หันมาตามเสียงเรียก
"เปล่า แค่อยากมาเห็นหน้า"
นิ่งสนิทเมื่อเจอมุกนี้ ตี๋น้อยทำหน้าไม่ถูก รีบขึ้นตึกไปด้วยความเขิน การ์ฟเกาหัวแกรก รู้สึกรับตัวเองไม่ได้เหมือนกัน เสี่ยวว่ะ
ที่จริงเขาก็แค่แวะมาหาเท่านั้นจริงๆนั่นล่ะ จะกลับบ้านแล้ว นึกอย่างไรไม่รู้ถึงมาที่ตึกเรียนคณะอาร์ดิวได้ ออกจากมหาวิทยาลัยมาก็เจอมิมิวที่กำลังจะกลับบ้านเหมือนกันพอดี ทั้งคู่ยิ้มให้กันก่อนจะชวนกันไปทานข้าว
"เรียนคณะเดียวกันแต่ไม่ค่อยได้เจอกันเลยเนอะ" มิมิวชวนคุยขณะที่กำลังรออาหารมาเสิร์ฟ
"นั่นสิ แล้วได้เจออาร์ดิวบ้างไหม?"
เอ่ยถามเรื่องเพื่อนสนิทตัวติดกันอย่างอาร์ดิวบ้าง เพราะอย่างที่รู้ว่าเวลาเรียนของคณะเขากับมิมิวและคณะของอาร์ดิวไม่ค่อยจะตรงกันเลย ทำให้หาเวลาว่างมาเจอกันไม่ค่อยได้นอกจากหลังเลิกเรียนไปแล้ว หรือไม่ก็ช่วงวันหยุดที่ไม่มีงานเร่งด่วน ไม่เหมือนสมัยเรียนมัธยมที่เจอกันทุกวัน แม้แต่เสาร์-อาทิตย์ก็ด้วยในบางที
"อืม บางทีก็นัดเจอกันบ้างน่ะ ส่วนมากมิวจะไปที่ร้านเพราะดิวชอบไปช่วยงานพ่อแม่ที่ร้านบ่อยๆ" เด็กสาวยิ้มบอก ก่อนจะวนมาถามการ์ฟบ้าง
"การ์ฟล่ะ พักนี้เจออาร์ดิวบ่อยไหม?"
คำถามธรรมดาแต่ทำเอาสะดุ้ง คนเคยรักมาถามแบบนี้เขาไม่รู้จะตอบว่าอย่างไร
"ก็... เจอ"
"พี่เก้าบอกว่าเมื่อวันก่อนเห็นไปหอสมุดกันด้วย"
มิมิวยังชวนคุยต่อ คราวนี้การ์ฟชะงัก ตงิดใจกับเรื่องที่กำลังคุยกันอยู่ แต่ก็คิดว่าเขาคงจะคิดมากไปเองเพราะมิมิวไม่ได้มีท่าทีไม่พอใจอะไร แค่คุยกันธรรมดา อย่าทำตัวเป็นตุ๊กแกจะดีกว่า
"ไปไม่ชวนมิวบ้างเลยอ่ะ งอนแล้ว" เด็กสาวว่า ทำงอนอย่างมีจริต
"งั้นคราวหน้าไปด้วยกันนะ"
"มาชวนตอนนี้ก็ไม่หายงอนหรอก เชอะ" ใบหน้าสวยสะบัดไปทางอื่น การ์ฟอมยิ้มเล็กๆ วางเรื่องที่คิดเมื่อครู่ลงแล้วคุยเล่นกับมิมิว
"แล้วจะให้การ์ฟทำยังไงครับ?"
มิมิวอมยิ้มน่ารักก่อนเอ่ยบอก "เย็นนี้การ์ฟเลี้ยงข้าวมิว มิวจะหายงอน"
"ได้ ยอม" เด็กหนุ่มตามน้ำ
"มิวเลือกร้านนะ"
"โอเคครับ"
รอยยิ้มน่ารักพาการ์ฟยิ้มตาม เมื่ออาหารมาเสิร์ฟทั้งคู่จึงลงมือทานกัน ก่อนที่การ์ฟจะนั่งรถไปส่งมิมิวที่บ้านแล้วตรงกลับบ้านตนเอง เย็นนี้ยังมีนัดเลี้ยงข้าวมิมิวอีกด้วย
ร้านเมจิคกะ คาเฟ่
มิมิวกับการ์ฟมาที่ร้านในตอนเย็น ตามนัดที่มิมิวบอกให้การ์ฟเลี้ยงข้าว เด็กหนุ่มเดินตามสาวเจ้าเข้ามาในร้านด้วยความรู้สึกบอกไม่ถูก จนเมื่อไปนั่งที่โต๊ะหนึ่งแล้วมิมิวเรียกอาร์ดิวมานั่งด้วยกัน การ์ฟยิ่งรู้สึกว่าอากาศวันนี้มันมีน้อยเกินไป หายใจไม่ทั่วท้องอย่างไรไม่รู้
"ดิวทำงานอยู่นะมิว" อาร์ดิวที่เดินมาหาเพื่อนตามที่พี่พนักงานไปบอกพูดกับเพื่อน เพราะตอนนี้ตนเองช่วยงานร้านอยู่จริงๆ ไม่ได้ยุ่งมาก แต่แค่ไม่อยากมา
"แค่แป๊บเดียวก็ได้อ่ะ นะดิว"
สีหน้าออดอ้อนของเพื่อนทำให้อาร์ดิวไม่กล้าที่จะปฏิเสธ สุดท้ายเด็กหนุ่มก็ยอมมานั่งร่วมโต๊ะ แต่กลับไม่กล้ามองหน้าใครเลย
"วันนี้การ์ฟจะเลี้ยงข้าวมิวอ่ะ โทษฐานที่ไปไหนมาไหนกันสองคนกับดิวแล้วไม่ชวนมิวด้วย"
มิมิวพูดเหมือนเล่าให้ฟัง แต่ที่ถูกพาดพิงทั้งสองคนกลับรู้สึกไปคนละแบบ อาร์ดิวตกใจเล็กๆ เมื่อมองคนพูดอย่างมิมิวก็ยังเห็นว่ายิ้มอยู่ ส่วนการ์ฟชักเหงื่อตก บรรยากาศมันแปลกๆแฮะ
"ดิวกับการ์ฟไปไหนด้วยกันบ่อยนะ ใช่ไหม?"
คำถามที่เด็กสาวหนึ่งเดียวในโต๊ะถามไร้ซึ่งคำตอบ มีเพียงความเงียบเท่านั้นที่ตอบคำถามของเธอ
"จะชอบใครมิวไม่ว่าหรอก แต่ทำไม..." มิมิวค้างคำพูดไว้เพียงเท่านั้น สายตาที่มองเพื่อนและอดีตคนรักดูเจ็บปวด
"ขอโทษ"
"ดิวจะขอโทษทำไม ดิวไม่ผิดสักหน่อย"
เมื่อได้ยินคำว่าขอโทษจากเพื่อนมิมิวยิ่งรู้สึกแย่ พาลทำให้อาร์ดิวรู้สึกตามไปด้วย
"มิมิว..."
เสียงเรียกของการ์ฟทำให้มิมิวหันมาหา การ์ฟนิ่งอึ้งเมื่อเห็นว่านัยน์ตาสวยรื้นไปด้วยหยาดน้ำตา
"การ์ฟก็รู้ว่าอาร์ดิวเป็นเพื่อนมิว เพื่อนสนิท"
"การ์ฟรู้ แต่การ์ฟชอบเขาไปแล้ว ถ้ามันทำให้มิวเสียใจ การ์ฟขอโทษ..."
มิมิวลุกขึ้นจากโต๊ะ ก่อนเดินตรงดิ่งไปยังห้องน้ำทางหลังร้าน อาร์ดิวนั่งก้มหน้า อึดอัดเหมือนจะหายใจไม่ออก เขามัวแต่นึกถึงความรู้สึกของตนเอง เป็นเพื่อนที่แย่มากสินะ
การ์ฟมองคนที่เอาแต่ก้มหน้าเงียบอยู่ เลื่อนมือมาหมายจะจับมือปลอบใจกันแต่อาร์ดิวกลับถอยมือหนี การ์ฟชะงัก มือที่ยื่นออกมากำเข้าหากันแล้วถอยกลับมา ความอึดอัดทำให้อาร์ดิวลุกขึ้นจากโต๊ะบ้าง การ์ฟมองตามแล้วได้แต่ถอนใจ
อาร์ดิวตามมารอมิมิวอยู่ที่หน้าห้องน้ำ เด็กสาวออกมาด้วยดวงตาเรื่อ พลอยทำให้คนมองรู้สึกแย่ยิ่งกว่าเก่า เด็กหนุ่มจูงมือเพื่อนไปที่ห้องทำงานของแม่ ซึ่งเพื่อนของเขาก็ยอมเดินตามมาแต่โดยดี เมื่อเข้ามาภายในห้องทำงานก็เห็นปอมปอมนั่งทำการบ้านอยู่ หนุ่มน้อยปิดการบ้านที่กำลังทำแล้วออกไปแทนพี่ที่เคาน์เตอร์อย่างรู้งาน
อาร์ดิวพาเพื่อนไปนั่งที่โซฟาตัวที่ปอมปอมนั่งอยู่เมื่อครู่ ก่อนจะหันหน้ามาคุยกันอย่างเปิดอก
"ดิวขอโทษที่ทำให้มิมิวเสียใจ"
"ใช่สิ มิวเสียใจมาก" เด็กสาวสูดจมูกเบาๆเมื่อเอ่ยจบ
"ดิวจะเลิกยุ่งเกี่ยวกับการ์ฟ ถ้ามิมิวต้องการอย่างนั้นดิวจะทำให้"
มิมิวมองเพื่อนด้วยความอึ้ง อาร์ดิวจริงจังเกินกว่าจะพูดเล่นเพื่อเอาใจเธอ
"แบบนั้นก็เท่ากับมิวเป็นนางร้ายสิ ที่มาขัดขวางความรักของดิวกับการ์ฟอ่ะ" เสียงเครือเอ่ยราวจะแย้งในสิ่งที่เพื่อนพูด
"แล้ว... ตกลงจะให้ดิวทำยังไง ดิวไม่อยากเห็นมิมิวเสียใจนะ"
"ดิว เป็นคนอื่นไม่ได้เหรอ ทำไมต้องเป็นการ์ฟด้วย"
มือเรียวจับมือเพื่อนแล้วเขย่าเบาๆ น้ำตาพาลจะไหลเมื่อเอ่ยถึงบุคคลที่สาม อาร์ดิวยิ้มบาง แต่รอยยิ้มนั้นกลับทำเอาคนมองรู้สึกเศร้า
"ได้สิ เป็นคนอื่นก็ได้ ดิวจะไม่ยุ่งกับการ์ฟแล้วโอเคไหม?"
"ไม่เอาแบบนี้อ่ะ"
"อ้าว?"
"ดิวอย่าเป็นคนดีแบบนี้สิ มิวร้ายไม่ลง ฮึ่ก!"
เมื่อสุดจะกลั้นมิมิวก็ปล่อยโฮ อาร์ดิวรั้งเพื่อนมากอดปลอบ ลูบหลังเล็กเบาๆราวโอ๋เด็กตัวน้อย มิมิวนี่เหมือนปอมปอมเลยแฮะ
"มิมิวจะร้ายทำไมล่ะ มิมิวคนนี้ออกจะเป็นเพื่อนที่น่ารักไม่ใช่เหรอ?" เสียงทุ้มเอ่ยถามขณะลูบหลังปลอบเพื่อน
"มิว มิวหวงดิวอ่ะ หวงการ์ฟด้วย มิวไม่รู้ อธิบายไม่ถูกอ่ะ"
คนสับสนพูดจามึนงง แต่อาร์ดิวก็พอจะเข้าใจ หากแทนที่กันโดยเอาตัวเขาไปอยู่ในฐานะมิมิวบ้าง มันคงเป็นเรื่องยากที่จะทำใจยอมรับ หากคนที่เราเคยรักกันมาก่อนแล้วเลิกลากันไป แล้ววันหนึ่งคนๆนั้นกลับทำท่าว่าจะสานสัมพันธ์เกินเพื่อนกับเพื่อนสนิทของตนเอง ระหว่างคนรักเก่า กับ เพื่อนสนิท ใครบ้างจะไม่เจ็บ
อาร์ดิวพาเพื่อนกลับมาที่โต๊ะ ตี๋น้อยไม่มองหน้าการ์ฟเลยเมื่อมาถึง แม้จะรู้สึกว่าอีกฝ่ายจะกำลังมองตนเองอยู่ก็ตาม มิมิวบอกกับการ์ฟว่าทานอะไรไม่ลงแล้ว ไว้วันหลังค่อยเลี้ยงเธอใหม่ ซึ่งการ์ฟก็ไม่ได้ขัด
มิมิวโทรให้พี่ธารมารับกลับ อาร์ดิวกับการ์ฟจึงออกมารอเป็นเพื่อนเมื่อพี่ธารบอกว่าใกล้มาถึงแล้ว พอรถมาจอดรับมิมิวจึงลาเพื่อนแล้วขึ้นรถไป เพียงประตูรถปิดเสียงคนขับก็ดังมาถาม
"เป็นไงบ้าง ได้วีนพวกเขาสมใจเลยไหม?"
"ใครจะไปกล้าวีนอาร์ดิว" เด็กสาวตอบหน้ามุ่ย
"ดีแล้ว เพื่อนกันใช่ไหม?"
"อื้อ"
มือใหญ่โยกหัวเธอเบาๆ ก่อนจะขับรถออกไป ถึงแม้เธอจะเตรียมมาวีนทั้งสองคนเต็มที่ แต่พอเจอเพื่อนอย่างอาร์ดิวจริงๆสิ่งที่เตรียมมามันกลับพูดไม่ออก อาร์ดิวเป็นคนอย่างไรเธอรู้ดี และพวกเขาสองคนล้วนเป็นคนสำคัญของเธอทั้งนั้น
เมื่อรถที่มิมิวนั่งลับตาไปอาร์ดิวจึงจะกลับเข้าร้าน เพราะนี่ก็ใกล้เวลาที่เขากับน้องต้องกลับบ้านแล้ว การ์ฟก้าวมาดักไว้ อยากคุยกันสักหน่อยเพราะมันอึดอัดกับความเงียบนี้เหลือเกิน
"คุยกับมิมิวว่าไงบ้าง?"
มองหน้าการ์ฟแล้วเม้มปาก เหมือนจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็ไม่ยอมพูด
"ฉันทำให้นายอึดอัดใจใช่ไหม?"
".........."
"ฉันแค่ชอบนาย นาย...ที่เป็นเพื่อนกับมิมิว ฉันผิดใช่ไหม?"
"การ์ฟ..."
"นายจะทำยังไง จะเลิกชอบฉันไหม?"
"การ์ฟ ผม..."
เกือบหลุดคำว่าขอโทษ แต่อาร์ดิวก็ยั้งไว้ หากพูดขอโทษไปก็เหมือนกับยอมรับว่าความรู้สึกที่มีมันคือสิ่งผิดพลาด เขาเองที่จะเป็นฝ่ายเสียใจ
"มิมิวเข้าใจดี และผมก็เข้าใจความรู้สึกมิมิวด้วย มันทำใจลำบากที่ต้องเจอกับสถานการณ์อย่างนี้"
"แล้วยังไง? นายเข้าใจมิมิว เราเข้าใจเธอ เพราะฉะนั้นความสัมพันธ์ของเรามันต้องถอยหลังลงคลองอย่างนั้นเหรอ?"
"คุณพูดเหมือนไม่แคร์"
"แคร์สิ แคร์ทั้งมิมิว ทั้งนายนั่นแหละ เพราะงั้นฉันเลยต้องถามว่าต่อไป 'เรา' จะเป็นยังไง?"
ตี๋น้อยเงียบลงอีกครั้งกับคำถาม จะให้เขาตอบแบบไหนกัน คนกลางมันลำบากใจเข้าใจกันบ้างสิ
"แล้วคุณอยากให้มันเป็นแบบไหนล่ะ?"
ถามแบบนี้เหมือนเปิดทางให้กันเลย การ์ฟซ่อนยิ้มภายใต้สีหน้าเรียบเฉย ขอสักนิดเถอะ ถึงสถานการณ์มันจะตึงเครียด แต่คนมันดีใจอ่ะ
"เป็นแฟนกันนะ"
"ห๊ะ!!?"
อาตี๋อุทานเสียงดัง สีหน้าดูตกใจกับคำถามราวเชิญชวนให้ลองทำ ก่อนจะส่ายหน้าไม่เอาด้วย
"ทำไมอ่ะ?"
"เราเป็นแบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว ผมไม่อยากให้คำจำกัดความมันมากำหนดความสัมพันธ์ของเรา เพราะถ้าวันหนึ่งเราต้องเลิกกันไป ผมคง..."
".........."
"ผมคงเสียใจมาก"
ฟังอีกคนพูดแล้วการ์ฟก็อดไม่ได้ที่จะถอนใจแรงๆ "นี่เรายังไม่ทันจะได้คบกันนายก็คิดเรื่องเลิกแล้วเหรอ?"
"ผมแค่สมมติให้ฟัง" ตี๋น้อยเอ่ยแก้เสียงออด
"นายไม่เชื่อในความรักเหรอ?"
"ผมเป็นพวกอ่อนไหวกับหลายๆเรื่อง รวมทั้งเรื่องนี้ก็ด้วย"
การ์ฟเบือนสายตาไปที่อื่นเมื่อฟังคำ ก็รู้ว่าเร่งรัดมากไป แต่ก็ไม่อยากปล่อยให้โอกาสมันผ่านไปง่ายๆโดยไม่ได้ทำอะไรเลย
"เราเป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว นะ"
เหมือนหูจะเฝื่อนที่ได้ยินตี๋น้อยอ้อน "แบบนี้คือแบบไหน?"
"ก็เป็นเพื่อนกันไง"
"แค่เพื่อน?" คิ้วเข้มเลิกสูง มองตี๋น้อยที่ออกอาการอึกๆอักๆแล้วแอบยิ้ม
"เพื่อน...สนิทก็ได้"
"ทำไมต้องมีก็ได้?"
"โธ่การ์ฟ~" ตี๋น้อยครางขัดใจ กวนจังเลยอ่ะ
"โอเค เพื่อนสนิทใช่ไหม?"
การ์ฟหัวเราะแล้วเอ่ยถาม พยายามปั้นหน้าให้นิ่งเข้าไว้แต่ก็ทำได้ไม่ดีเท่าไหร่ อาร์ดิวพยักหน้าตอบรับกับคำถามนั้นการ์ฟจึงเอ่ยถามต่อ
"อืม เพื่อนสนิทจับมือกันได้ไหม?"
คนฟังอึ้งกับคำถามเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าแล้วยื่นมือไปให้จับ เข้าทางสิแบบนี้
"แล้ว..."
".........?"
"เพื่อนสนิทกอดกันได้ไหม?"
คำถามนี้ตี๋น้อยนิ่งคิดอยู่นานก่อนพยักหน้ารับอีกครั้ง เท่านั้นเขาก็ถูกดึงเข้าไปกอดเสียแน่น ตาเรียวรีกะพริบปริบ ยืนนิ่งอยู่ในอ้อมกอดของ 'เพื่อนสนิท'
"ตี๋"
"หืม?"
"เพื่อนสนิท..."
"?"
"จูบกันได้ไหม?"
จบคำคนกอดก็ถูกผลักออก อาร์ดิวมองอีกคนตื่นๆ ถามอะไรแปลกๆ กลัวนะนี่
"เพื่อนกันนะ จูบกันได้ไงอ่ะ!"
"อ้าว ไม่ได้เหรอ?"
เห็นท่าทางขู่ฟ่อของอาตี๋น้อยแล้วการ์ฟก็ถามกลั้วหัวเราะ หน้าอาตี๋งอเป็นจวัก พอจะเดินหนีการ์ฟก็ดึงกลับมา แผ่นหลังอาร์ดิวชนอกการ์ฟที่อยู่ด้านหลัง ก่อนแก้มใสจะถูกขโมยหอมจนยืนตัวแข็งทื่อตาโต
"อยากให้เป็นเพื่อนสนิทฉันก็จะเป็น แต่เป็นในแบบของฉันนะ"
กระซิบบอกแล้วการ์ฟก็ก้าวถอยมาก้าวหนึ่ง ปล่อยอีกคนเป็นอิสระ อาร์ดิวจับแก้มตัวเองแล้วเดินกึ่งวิ่งกลับร้าน โดยมีการ์ฟมองตามยิ้มๆ
++++++++++++
ต่อด้านล่างครับ