คำเตือน เรื่องนี้มาม่า อีกนาน ก๊ากกกกกก
ตอน 8
ผมตื่นขึ้นมาตอนเช้าในห้องของตัวเองพร้อมกับอาการปวดตัวอย่างรุนแรง แถมพ่วงด้วยอาการครั่นเนื้อครั่นตัวที่พอจะเดาได้ลางๆว่าผมเป็นไข้สินะ
“คุณเล็กขา ตื่นแล้วเหรอคะ” สาวใช้คนเดิมยังคงยิ้มร่าเข้ามาหาผม
“ยะขิ่น ฉันกลับมาที่นี่ได้ยังไง แล้วใครเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ฉัน” ผมเอ่ยถามสิ่งที่สงสัยทันที
“ยะขิ่นเองค่ะ” เธอบอกเสียงเบา ถ้ายะขิ่นพาผมลงมา ถ้างั้นก็
“เธอรู้แล้วสินะ”
“เอ่อ คือว่า ยะขิ่น คือ เอ่อ”
“เธอรังเกียจเหรอ” ผมเอ่ยถามเสียงเบาไม่แปลกถ้ายะขิ่นจะรังเกียจเพราะผมยังขยะแขยงร่างกายตัวเองเลย
“ปะ เปล่านะคะ ยะขิ่นไม่ได้รังเกียจคุณเล็กนะคะ ยะขิ่นเข้าใจค่ะ ถึงยะขิ่นจะดูโง่ๆเซ่อๆไปบ้างแต่ยะขิ่นก็รู้ว่าอะไรเป็นอะไรนะคะ” สาวใช้
เอ่ยบอกผมเสียงสั่น คงกลัวว่าผมจะเข้าใจเธอผิด อีกคน
“ขอบใจนะ ที่ไม่รังเกียจฉัน” ผมบอกด้วยความจริงใจ หลายครั้งที่ยะขิ่นทำให้ผมรู้ว่าคนเราถึงเลือกเกิดไม่ได้แต่เลือกที่จะเป็นคนดีได้ สาวใช้แสนซื่อที่แม้จะไม่ได้เกิดมาบนกองเงินกองทองแต่เธอก็เป็นคนดีและไม่เคยคิดร้ายกับใคร ต่างจากใครหลายคนที่ผมรู้จักถึงจะเกิดมา
เพียบพร้อมแค่ไหนแต่สุดท้ายมันก็คือปีศาจดีๆนี่เอง
“คุณเล็กพักเถอะค่ะ วันนี้คุณผู้ชายมีงานเลี้ยงคงกลับดึกๆ เดี๋ยวยะขิ่นไปเอาข้าวกับยามาให้นะคะ” เอ่ยบอกก่อนจะเดินอกจากห้องผมไป
ผมหลับเป็นตายหลังจากที่กินข้าวกับยาที่ยะขิ่นหามาให้ ก่อนจะตื่นมาอีกครั้งก็ล่วงเข้าบ่ายคล้อยแล้ว
“ยะขิ่น ทำอะไรอยู่เหรอ” ผมถามคนที่กำลังวิ่งวุ่นอยู่ในครัว
“คุณผู้ชาย บอกว่าวันนี้ให้เตรียมอาหารไว้น่ะค่ะ เพราะว่าจะมีแขกมาบ้าน”
“แล้วมีอะไรให้ฉันช่วยหรือเปล่า” ผมถาม อยู่ว่างๆมันก็น่าเบื่อนะครับไหนๆวันนี้ก็พักมาทั้งวันแล้ว
“เอ่อ คุณเล็กช่วยทำกับข้าวหน่อยได้ไหมคะ ”
“ได้สิ”
ผมรับคำก่อนจะลงมือทำกับข้าวสี่ห้าอย่าง ทันที เพราะไม่รู้ว่าแขกที่มาบ้านเป็นใครผมเลยทำอาหารไทยมันซะเลย เป็นคนไทยก็น่าจะชอบอาหารไทยนะ
ปริ้นๆๆๆๆ
เสียงรถดังขึ้นที่หน้าบบ้านพร้อมๆกับอาหารจานสุดท้ายเสร็จพอดี
“ยะขิ่น เดี๋ยวตั้งโต๊ะเลยนะ แล้วอย่าบอกคุณผู้ชายของยะขิ่นล่ะว่าฉันเป็นคนทำ”
“ค่ะ คุณเล็กไปพักเถอะค่ะ ” ยะขิ่นบอก
“วัตขา แพตตี้หิวจังเลยค่ะ ” เสียงแหลมแสบแก้วหูดังลั่นบ้าน อืม นี่ละมั้งแขกคนสำคัญ ท่าจะสำคัญมากซะด้วยสิ
“ครับ ผมสั่งเด็กเตรียมไว้ให้แล้วล่ะ”เสียงทุ้มเอ่ยบอก
“ดีจังค่ะ เราไปกันเลยนะคะ”
เสียงแสบแก้วหูเงียบไปพร้อมกับที่เจ้าของบ้านกับแขกคนสำคัญเดินเข้าไปในห้องอาหาร เอาล่ะ ไหนๆงานก็เสร็จแล้วแอบพักสักหน่อยคง
พอได้สินะ
“คุณเล็กขาๆๆ” ยะขิ่นวิ่งหน้าตื่นมาหาผม
“มีอะไรเหรอยะขิ่น”
“เอ่อคือ คุณผู้ชายเรียกหาค่ะ”
“อืม เข้าใจแล้ว” เอาว่ะ ช่างเหอะ มันจะทำอะไรก็เรื่องของมัน
“มีอะไรเหรอครับ คุณวัต” ผมเอ่ยถามเจ้าของบ้านทันทีที่ไปถึง
“อยู่คอยรับใช้ ฉันกับคุณแพตตี้ที่นี่ เข้าใจไหม”
“ครับ” ผมตอบรับอย่างแกนๆ
“อุ้ย นี่มันอาหารอะไรกันเหรอเนี่ย โลว์คลาสมาก แบบนี้แพตตี้ทานไม่ได้นะคะวัตขา” เสียงแหลมปรี๊ดของคุณนางแบบคนสวยเอ่ยขึ้น
ทำให้ผมต้องลอบถอนหายใจ เหอะ เป็นคนไทยรึเปล่าว่ะเนี่ย ดูถูกอาหารชาตตัวเอง
“นี่เธอ ไม่มีอาหารอย่างอื่นหรือไงย่ะ ” ปากแดงๆที่ดูเหมือนกินลาบเลือดมายังจ้อไม่หยุด และดูท่าทางอีกคนจะเห็นดีเห็นงามด้วยเหลือ
เกิน
“อ้าว ยืนอยู่ทำไมล่ะย่ะ ไปทำมาสิ ถ้าทำไม่เป็นก็ไปสั่งมาซะ”
“ครับ” ผมตอบก่อนจะกดโทรศัพท์เพื่อสั่งอาหารทันที
“คุณเล็กขา คุณเล็กสั่งอะไรเหรอคะ” ยะขิ่นเอ่ยถามผม
“เดี๋ยวก็รู้ หึ” ผมแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์
“อาหารมาแล้วครับ” ผมบอกพลางยกอาหารที่โทรสั่งจากเจ้าอร่อยมาให้
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด นี่มันอะไรกันค่ะวัต คนใช้คุณเล่นตลกอะไรคะ” คุณนางแบบกรี๊ดลั่นทันที่ที่เห็นอาหารตรงหน้า
“ไอ้เล็ก นี่มันจะมากไปแล้วนะ” ไอ้วัต ตวาดเสียงเข้ม
“อ้าว ก็ผมนึกว่าคุณแพตตี้ชอบซะอีกนะครับ ไอ้ส้มตำ ไก่ย่าง น้ำตก ลาบเลือดเนี่ย เห็นปากแดงๆนึกว่าเพิ่งกินมาซะอีก”
“กรี๊ดดดดดดดด แก ไอ้ขี้ข้า แกกล้าดียังไงมาแกล้งฉันห่ะ วัตคะแพตตี้ไม่ยอมนะคะ”
“ไอ้เล็ก ขอโทษคุณแพตตี้ซะ อีกอย่างเอาไอ้อาหารพวกนี้ไปทิ้งด้วย แล้วแกจะไปไหนก็ไปซะ” เจ้าของบ้านเอ่ยปาก ก่อนที่คุณนางแบบ
จะยกยิ้มเยาะให้ผมอย่างเป็นต่อ
“ขอโทษครับ” ผมบอกแกนๆ ก่อนจะเตรียมตัวกลับห้องแต่เสียงแหลมก็เรียกไว้ก่อน
เพี๊ย!!! แรงตบจากมือบางทำเอาผมหน้าชา
“สำหรับที่แกกล้าแกล้งฉัน” เธอบอกก่อนจะยิ้มเยาะ ผมเงยหน้าขึ้นมองอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆ แต่กลับได้รับเพียงแค่สายตาว่างเปล่าส่งกลับ
มา ผมหวังอะไรอยู่เหรอ หวังว่าใครบางคนจะช่วยผมงั้นเหรอ
มึงฝันกลางวันแล้วล่ะไอ้เล็ก คนๆนี้เกลียดมึงยิ่งกว่า ไส้เดือนกิ้งกือซะอีก ทำไมไม่เคยจำ
“ไปเถอะแพตตี้เดี๋ยวผมพาไปทานข้าวข้างนอกดีกว่านะครับ”
“ดีค่ะ คืนนี้วัตค้างกับแพตตี้นะคะ” เสียงหวานออดอ้อน
“ได้สิครับ”
“คุณเล็กขา เจ็บมากไหมคะ” ยะขิ่นวิ่งหน้าตื่นเข้ามาหาหลังจากที่สองคนนั้นเดินกอดกันกลมออกจากบ้านไป
“ฉันไม่เป็นอะไรหรอกน่า สองวันมานี่เธอถามฉันกี่รอบแล้วหึ ฉันน่ะหนังหนา ถึก ทน ไม่เป็นอะไรมากหรอก” ผมบอกติดตลกก่อนจะได้
ค้อนวงโตจากสาวใช้คนซื่อ
“ค่า ไม่เป็นก็ไม่เป็น คุณเล็กไปพักเถอะค่ะ ดูท่าตัวยังรุมๆอยู่เลยเดี๋ยวไข้จะกลับนะคะ”
“อืม ฉันไปนะ”
ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึกเพราะเสียงกุกกักที่ดังขึ้นที่หน้าประตู หือ ใครมาทำอะไรตอนตีสองเนี่ย
ผลั๊ว เสียงเปิดไม่ใช่สิ ต้องเรียกว่าเสียงกระแทกประตูดังลั่นบ้านก่อนที่ร่างสูงของใครบางคนจะเดินเข้ามาในห้อง
“นอนนิ่งเชียวนะมึง” เสียงทุ้มคุ้นหูเอ่ยขึ้น
“ไอ้เล็กกูรู้ว่ามึงตื่นแล้ว ”
“มาทำไม” ผมถามคนมาใหม่เสียงเข้ม
“ทำไม ต้องเป็นไอ้เมฆหรือไงมึงถึงจะยินดีให้มันเข้ามา”
“อย่าเอาไอ้เมฆมาเกี่ยวข้อง มันดีเกินกว่าคนอย่างคุณจะพูดถึง” ผมบอกเสียงแข็ง แม้จะอยู่ในความมืดผมกลับรู้สึกถึงแววตาที่โกรธเกรี้ยว
ของคนตรงหน้า
“ดี ไหนๆกูก็เลวแล้ว กูก็จะเลวให้ถึงที่สุดแล้วกัน” เสียงทุ้มเอ่ยบอกก่อนที่ร่างนั้นจะคร่อมผมทันที
“จะทำอะไร”
“อย่าทำเป็นไม่เคยหน่อยเลยน่า ทีเมื่อคืนยังครางให้กูอยู่เลย แค่ทบทวนความหลังแบบเมื่อคืนก็เท่านั้น” เสียงกระซิบแหบพร่าที่ข้างหู
ทำให้ผมสะอิดสะเอียนไม่ต่างจากเมื่อวาน
“จำไว้นะ ไอ้เล็ก มึงเป็นได้แค่ที่ระบายของกูเท่านั้น อะไรที่มึงเคยทำกับกูไว้ กูจะเอาคืนให้หมดทั้งมึง ทั้งครอบครัวมึงต้องพินาศ มึงต้อง
ตายทั้งเป็นอยู่ที่นี่ตลอดไป”
“และนี่คือบทลงโทษที่มึงกล้าหือกับกู”
ผมหลับตาแน่นได้แต่ปล่อยให้สัมผัสนั่นมันผ่านไป ผมไม่อยากรับรู้ไม่อยากจดจำไม่อยากรู้สึกแม้สักนิดว่ากำลังทำอะไรอยู่ ความเจ็บปวดทางร่างกายมันเทียบไม่ได้เลยกับความเจ็บปวดทางใจที่ผมได้รับ ศักดิ์ศรีของผมมันถูกทำลายลงตั้งแต่วินาทีที่ผมก้าวเข้ามาในบ้านหลังนี้ ถูกทำลายลงด้วยมือของใครคนนั้น จนไม่เหลือชิ้นดี
“หึ มึงนี่ดูแลตัวเองดีเหมือนกันนะ” เสียงแหบพร่าเอ่ยกระซิบพลางถอนร่างกายออกจากผม
“ออกไปซะ”
“ไม่ต้องไล่กู ก็ไม่อยากอยู่นานนักหรอก รังเกียจน่ะ”
ผมมองอีกคนที่เดินออกไปด้วยหัวใจที่เจ็บปวด คราบอะไรต่อมิอะไรเปรอะเปื้อนเต็มที่นอน แต่ผมไม่มีแม้แต่แรงจะจัดการกับมันด้วยซ้ำได้แต่คิด คิดว่า เมื่อไหร่มันจะจบสักที
.....................................TBC.......................................
ปล อย่าเพิ่งด่าวัตเยอะน๊า พิตเริ่มจะสงสารมันแระ ฮ่าๆๆ
ช่วงนี้ว่าง ต้องรีบลงๆๆๆๆ