= 2 = “ไอ้เหี้ย..หมาหมู่” เสียงบอลลูน
“สัดทำเมียกู” เสียงพี่ต้น
“ผลั๊ว!!..บบ..โอย..อึก..ตุ๊บ!!” แต่ละคนกระเด็นล้มลุกคลุกคลาน ก่อนที่เสียงวี๊ดแหลมจะดัง
“กรี๊ด!!โอย!!..อีสัด..พลั๊ว!..ปากดีเหรอ..อีดอกแดกซะมึง” แบมมันพุ่งเข้าไปซัดสายไหม
เล่นแบบกำปั้นหยัดปากจนเลือดกำเดากระฉูด พวกมันแตกฮือวิ่งกันกระเจิง แม้แต่สายไหมถ้าไม่ได้เพื่อนฉุดหนีทุลักทุเลคงยับ
“ไม่ต้องตาม” แบมกระโจนไล่ แต่พี่ต้นรวบเอวกอดเอาไว้ทัน
“เป็นไงบ้าง เจ็บเยอะไหม” พี่ต้นสำรวจร่างกายแบม สีหน้าแววตาห่วงใยมันมาก มันส่ายหน้าพรืดดด!!
“นิดหน่อย..ขอบคุณที่มาช่วย” ถ้าพี่ต้นกับบอลลูนมาไม่ทัน พวกผมอาจพลาดเจ็บตัวกว่านี้
“เจ็บหรือเปล่า” น้องถามผมบ้าง
“ไม่หรอก” ผมบอก รู้สึกแสบตรงโหนกแก้ม โดนไปหมัดนึงเต็มๆ ป้องกันไม่ทันมันเข้ามาทีเดียวสาม
ถีบได้คนปล่อยหมัดใส่อีกคน ไอ้คนหลังเลยโดนมันกระแทกโหนกไปที แบมมันรักษาหน้าป้องกันเหนียวแน่น
แต่ตามตัวมีรอยเท้าอยู่ประปราย คงโดนลูกถีบแน่ๆ
“กลับเถอะ” พี่ต้นบอก เราพากันเดินเลี่ยงออกทางประตูสอง ยอมอ้อมนิดหน่อยเพื่อมาขึ้นรถ
ที่จอดริมถนนหน้าโรงเรียน ไม่อยากเจอครูเวรตรงหน้าประตู คิดว่าพี่ต้นคงเข้ามาทางนี้เหมือนกัน แกเล่นเดินนำไปเลย
มาถึงรถถือโอกาสขอบคุณพี่ต้นแกหน่อย ค่อยแยกย้ายกันกลับ งานนี้เจ็บตัวเล็กน้อย แต่พวกมันโดนเยอะกว่า
พรุ่งนี้ได้เห็นรอยระบมของพวกมันแน่ ถ้ากล้ามาเรียนกันนะ
“เจอพวกมันได้ยังไง” จู่ๆน้องถาม มือกำพวงมาลัยแน่น
“ไปส่งกนกกับโจ๊ก ขากลับโดนดักแล้ว” ผมบอก
“พวกเหี้ยไม่จบ เล่นแม่งให้เข็ด” น้องบ่นอย่างหัวเสีย
“อย่าเลย..เราจบเทอมนี้ บอลบอกไม่ต่อที่นี่” ผมเตือน น้องบอกจะสอบสาธิต ไม่เรียนม.4 ที่เดิมแล้ว
พูดตั้งแต่เข้าม.1 ได้ไม่นาน แต่ผมจำได้คิดว่าส่วนหนึ่งคงอยากหนีปัญหาข่าวลือ รวมทั้งเรื่องงี่เง่าพวกนี้ด้วย
“อืม..” น้องขานรับ
“งั้นปล่อยเถอะ อีกสองเดือนเอง” คิดอย่างนั้นจริง ใช่กลัวพวกมันแค่ไม่อยากสร้างปัญหา
ผมเห็นแล้วน้องดูแลตัวเองได้ ความจริงพวกมันต้องการเล่นผมคนเดียว เพิ่งนึกได้หนึ่งในกลุ่มมันที่รุมตีนผม
ดันเป็นอริเก่า
“จะปล่อยให้มันดักเล่นฝ่ายเดียวเหรอ” น้องถาม
“คงไม่แล้วล่ะ วันนี้พวกมันเห็นแล้วพี่ต้นเข้ามาช่วย อย่างน้อยเสื้อช๊อปที่พี่เขาใส่..ต้องรู้ไม่ควรแตะ”
พี่ต้นใส่ชอบเทคนิคชื่อดังมา ใครเห็นเสื้อกับอาร์มตรงกระเป๋าย่อมรู้ น้องไม่ตอบนั่งเงียบ
“แล้วรู้ได้ไงว่าพี่โดนเล่น” ผมถาม
“เจอพี่ต้นพอดีตอนพี่แบมโทรมา เดาได้ไม่ยากบอลเพิ่งไปเคลียร์ แถมขู่เอาไว้ช่วงเที่ยง” ผมเข้าใจ
เพราะอย่างนี้สายไหมถึงโกรธผมมากมาย คิดว่าฟ้องน้องจนตามไปเอาเรื่องเธอ
“แวะร้านขายยาครู่..รออยู่ในรถ” น้องพูดจบเลี้ยวจอดริมถนนหน้าร้านขายยา เปิดไฟกระพริบไว้
ก่อนปลดล็อกแล้วรีบลงไปทันที
นั่งรอไม่นานก็กลับขึ้นมาพร้อมถุง คงซื้ออุปกรณ์ทำแผลมาด้วย ผมไม่ถาม จากนั้นน้องก็ออกรถ
“แวะโลตัสเล็กได้ไหม” ไม่เท่าไหร่จะผ่านโลตัสมินิ
“ซื้ออะไร” น้องถามสั้นๆ
“อยากซื้อของสดไปทำกับข้าว” น้องหันมองหน้าเงียบไม่พูด แต่พอถึงกลับเลี้ยวรถเข้าไปจอดในลาน
พาผมเดินโลตัสตามต้องการ ผมอดยิ้มจนได้ บางครั้งน้องไม่พูดแต่ก็ไม่ปฏิเสธ
ตอนนี้กำลังเข็นรถเดินตามหลังผม ปล่อยผมเลือกของสดกับของใช้ตามสะดวก เอร้ย!..มีความสุขมาก
เป็นกิจกรรมที่ไม่คาดคิดจะมีโอกาสมาเดินอะไรแบบนี้กับน้อง เราห่างเหินกันไป..ไม่นับตอนเด็กที่แม่พาเดิน
พ่อเข็นรถผมจูงมือบอลลูนกลัวน้องหลง
ตอนนี้ไม่มีทั้งพ่อทั้งแม่ น้องเข็นรถเดินตามผม ตัวสูงใหญ่ไม่ได้เล็กให้ผมจูงมืออีกแล้ว
หน้าหล่อดึงดูดสายตาคนทันที น้องไม่มีอาการให้คาดเดาว่ากำลังคิดอะไรอยู่ อ่านไม่ออกจริงๆ
แต่ผมก็มีความสุขที่ได้ทำอะไรร่วมกับบอลลูน...?
กลับถึงบ้าน น้องช่วยหิ้วของที่ซื้อมาวางไว้ให้ในครัว ปล่อยธุระเป็นหน้าที่ผมจัดการเก็บของต่างๆ
พร้อมกับลงมือทำมื้อเย็น ระหว่างกำลังจัดของ น้องก็คว้าหม้อข้าวไปซาวน้ำเสียบปลั๊กหุงให้เรียบร้อย
ผมแอบยิ้ม ไม่กล้าทักกว่าบรรยากาศกร่อย แกล้งเนียนไม่รู้ตั้งใจเตรียมนั่นนี่ไป เราต่างไม่มีใครพูดอะไร
จนน้องเดินขึ้นบันไดไปบนห้อง ทิ้งผมจมอยู่กับความสุขใจในหลายๆเรื่องที่เกิดกับผมวันนี้
เศร้าที่กนกมันอกหัก แต่ก็ดีแล้วที่รู้ตัวตั้งแต่ตอนนี้ แค่สองเดือนก็ไม่ต้องอยู่เจอหน้ากันแล้ว
มันคงทรมานไม่นานหรอก
กังวล เพราะโดนจับให้เล่นละครอำลาสถาบันก่อนจบ ห้องอื่นคงรับหน้าที่จัดอาหาร เตรียมสถานที่
พิธีอำลาคณะอาจารย์ ฯลฯ แต่ห้องผมจัดการแสดงละครเวทีตอนสั้น 30 นาที ซึ่งผมคาดว่าความสามารถตัวเองห่วยแตก
เจ็บตัว โดนดักทำร้าย ถึงไม่มากเท่าไหร่ แต่ตอนนี้ชักรู้สึกบวมๆตรงที่โดนจังๆแถวโหนกแก้ม
แม้จะไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับผม แต่อดกังวลไม่ได้ไม่อยากมีปัญหาก่อนจบ
ดีใจ ที่บอลลูนมาช่วย แถมทำอะไรตามใจผม ซึ่งแทบจะเป็นเรื่องเหนือความคาดหมาย ในรอบสามปีมานี้
เพิ่งจะมีพักหลังนี่เองที่น้องเปิดใจ เราเริ่มกลับมามีกิจกรรมร่วมกันมากขึ้น ไม่ต่างคนต่างอยู่ต่างคนต่างนิ่งเหมือนแต่ก่อน
ซึ่งผมรู้สึกหว้าเหว่..เหงา เพราะครอบครัวที่ผมรักเหลือเพียงคนเดียวคือ..’บอลลูน’
“กินข้าว” ผมเรียกน้อง เมื่อทุกอย่างขึ้นโต๊ะพร้อมแล้ว ก่อนจะกลับลงมานั่งรอเช่นเคย สักพักน้องตามลงมา
อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว กางเกลบอลเสื้อกล้าม หน้าตาดูสดชื่นใสปิ๊งๆ ลงนั่งเสร็จกวาดสายตาสำรวจอาหารชั่วครู่
ก่อนตักซี่โครงหมูทอด ใส่จานให้ผม ได้เวลาเริ่มกิน..
ผมกินไปด้วย ชำเลืองมองบอลลูนที่ตักข้าวเข้าปากอย่างหิว เผลอยิ้มกับท่าทางเอร็ดอร่อยของน้อง
จนหุบแก้มไม่ลง ความรู้สึกของคนทำคือการที่เห็นคนซึ่งเราตั้งใจทำให้เป็นพิเศษ กินอย่างมีความสุข
แค่นี้พานอิ่มตื้อในอกแล้ว เพราะมื้อนี้ผมตั้งใจทำของโปรดของน้อง แทนการขอบคุณกับทุกเรื่องที่ผมมักก่อปัญหาวุ่นๆ
กลายเป็นภาระให้น้องคอยดูแล ทั้งที่ควรเป็นผมซึ่งเป็นพี่ ต้องทำหน้าที่ส่วนนี้ด้วยซ้ำ
“มองแล้วอิ่มไหม” ผมสะดุ้ง ดึงสติกลับให้ไว หลังบอลลูนยกน้ำขึ้นดื่มหมดแก้ว บ่งบอกว่ากินอิ่มแล้ว
แต่ผมดันเผลอจ้องน้องไม่วางตา จิตหลุดล่องลอยไปไหนไม่รู้ ถ้าน้องไม่ทักผมยังคงไม่รู้ตัว
“เออ..อิ่มๆ” ประหม่าเล็กน้อย มันอิ่มจริงนี่นา แม้ข้าวจะพร่องไปไม่ถึงครึ่ง แค่มองบอลลูนกินก็อิ่มตาม
น้องไม่ว่าอะไร ลุกช่วยเก็บเงียบๆ หน้าหล่อนิ่งเฉย คงไม่โกรธใช่ไหมที่ผมเผลอจ้องไปแบบนั้น...?
“ก็อกๆๆ” เสียงเคาะเรียก ผมเดินไปเปิดประตู น้องถือถุงยาที่ซื้อมารออยู่หน้าห้อง
“เข้าไปหน่อย” มีขออนุญาตด้วย..อิอิ
“อืม..” ผมตอบ ก่อนเลี่ยงให้น้องเดินเข้าไป ค่อยปิดประตูตาม
“ทำอะไร” น้องถาม หลังเห็นบนโต๊ะผมกองหนังสือกางอยู่ มีบางส่วนยังวางเป็นตั้งๆ
“อ่านหนังสือ” ผมบอก ขึ้นมาอาบน้ำเสร็จ ผมก็ค้นตำรามาอ่าน
“นั่งสิ” น้องตบที่เตียงให้ผมนั่ง แม้จะไม่เข้าใจ แต่ผมก็เดินไปนั่งห้อยขา
หันหน้าหาน้องที่นั่งเก้าอี้หน้าโต๊ะหนังสือหันมาทางผม
“เอานี่..ค่าเรียนติวกับค่าใช้จ่ายในบ้าน” น้องบอก พร้อมกับยื่นแบ็งค์พันปึกหนึ่งให้
ผมรับมาก่อนเปิดเกะหัวเตียงเอาใส่ไว้ ส่วนใหญ่รายจ่ายพวกนี้ผมมักเก็บเป็นเงินสดไว้ในเกะล็อกกุญแจ
สะดวกใช้ไม่ชอบไปกดตู้ให้เสียเวลา รู้ว่าใช้เท่าไหร่ก็บริหารตามที่มี น้องจึงให้เงินสดประจำ
“อาบน้ำแล้ว” น้องถาม ผมพยักหน้าให้
“ทายา” ห๊ะ!..อึ้งอ่ะ พูดจบน้องค้นในถุง หยิบยาทามาเปิดฝา ก่อนจะป้ายนิ้วแล้วยื่นตรงหน้าผม
ได้แต่นั่งจ้องกะพริบตาปริบๆ รับรู้สัมผัสแผ่วเบาตรงโหนกแก้มที่บวมๆ น้องกำลังเกลี่ยยาให้ผมอยู่
สายตาผมไม่อาจละไปจากหน้าน้องเลย ลูกตาสีเทาอมฟ้าที่ดูตั้งอกตั้งใจกับการทายาตรงแก้มผม
ทำให้รู้สึกเต็มตื้นอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก
“จะมองอีกนานไหม” โดนถามอีกแล้ว เผลอจ้องน้องเหมือนเคย
“กะ..ก็..คือ” ไม่รู้จะพูดอะไร ไม่มีอะไรในหัวสักอย่าง แค่ชอบอ่ะ ที่น้องอ่อนโยนกับผม เป็นห่วงเป็นใย
ซึ่งผมไม่คิดว่าน้องจะทำแบบนี้ ความจริงแค่ให้ยาผมทาเองก็ได้ แต่นี้ลงมือทาให้ด้วย มันปลื้มอ่ะ
“หึ..ไปนะ” น้องลุก แต่มือผมไวกว่าความคิด จับแขนน้องหมับ สายตามีคำถามมองมือผม ก่อนสบตานิ่ง
“ขอบคุณ..ขอโทษเรื่องสายไหมที่พี่วุ่นวาย” ผมนึกได้แค่สิ่งที่อยากบอก ผมมีส่วนผิดที่ไม่รู้แผนของน้อง
ทำให้เข้าไปวุ่นวายจนเกิดเรื่อง จะโทษน้องฝ่ายเดียวก็ไม่ได้ บางทีถ้าผมไม่ยุ่ง น้องคงไม่โดนดูถูกว่ามีอะไรกับผม
ทำให้เรื่องมันกระพือขึ้นอีก
“ช่างเถอะ...ขอโทษ ที่ทำเรื่อง...” น้องไม่พูด ทิ้งประโยคให้ผมรู้ว่าหมายถึงอะไร
แต่พอผมนึกเรื่องนั้นแทนที่จะโกรธ ผมกลับร้อนหน้าชะมัด นี่ผมเป็นอะไร ความจริงมันต้องโมโหสิ
ทุกทีคิดถึงเรื่องนี้ผมต้องเป็นแบบนั้น แต่ตอนนี้ผมกลับรู้สึก..อาย...เอร้ยยยย!!!
บอลลูนกลับออกไปแล้ว แต่ผมยังหน้าร้อนไม่หาย เรื่องที่ผมไม่อยากนึกถึง ต่อให้แวบคิดขึ้นมา
มันควรปวดใจปนน้อยใจบวกโมโห ไม่ใช่อายแล้วดันรู้สึกตอนถูกบดปากอย่างรุนแรงจากน้อง
อร๊ากก..ปิดไฟกระโดดฟุบหมุดหน้าลงหมอน นับแกะหลับดีกว่า ...???
มาต่อให้แล้วนะคะ ยาวสะใจกันไหมเล่า
ขอบคุณทุกเม้นท์กันเหมือนเดิม เชียร์เขม-หนุ่ย กันใหญ่
ตอนต่อไป มาวันอาทิตย์นะคะ สำหรับเม้นท์ตอนที่ผ่านมา
คนเขียนจะกด +1 แทนการขอบคุณที่มีส่วนให้กำลังใจ
สร้างแรงบันดาลใจให้คนเขียนปั่นงานออกมาให้ได้อย่างต่อเนื่อง
กระทู้ไม่เงียบเหงา ไม่ตกหน้า มันทำให้มีพลัง เหมือนป๊อปอาย ได้กินยาขม
Luk.