= 2 = “รู้จักพวกพี่แล้ว ส่วนรายละเอียดของงาน ครั้งนี้เป็นความร่วมมือกับนิตยสารชั้นนำ
นายแบบอินเตอร์อีกสองคนที่ดังมาก อเลกซ์ กิลสัน กับมาติน โบวี่ คนแรกเป็นนายแบบจากอังกฤษ
คนที่สองเป็นหนุ่มฝรั่งเศส ค่าตัวแพงลิ่วและโด่งดังในขณะนี้ ส่วนทางเราเน้นเด็กใหม่ใสกิ๊กแกะกล่อง
ไม่เคยอยู่ในวงการมาก่อนเหมาะกับน้องบอลน้องบูตัส คอนเซ็ปอารยธรรม ‘My boy and my love’ บลาๆๆ”
ผมนั่งฟังพี่วิชญ์ชี้แจงรูปแบบธีมของงาน เข้าใจมั้งไม่เข้าใจมั้ง เสร็จแล้วต้องลองเทสหน้ากล้อง
“น้องบู ยิ้มหน่อยครับ” พี่ณรงค์ช่างภาพพยายามจัดท่าให้ รู้สึกตัวแข็งเกร็งสายตามองเป็นสิบ
ทั้งพวกพี่ทีมงานช่างไฟ ช่างเทคนิค ขนาดแค่ลองเทสหน้ากล้อง ผมยังแพ้แสงจนแสบตา ยิ้มออกก็บุญแล้วล่ะ..?
“ยิ้มให้เป็นธรรมชาติ..สิครับ” สุดท้ายก็ทำไม่ได้
“เอางี้..น้องบูตัสพักสักครู่ รู้สึกเราเกร็งไป ให้พี่นุชกับพี่สไวแนะนำให้ก่อนดีกว่า เชิญน้องบอลเลยครับ”
ถอนหายใจยาว เปลี่ยนบอลลูนเข้าไปให้พี่ณรงค์กดชัตเตอร์บ้าง ในขณะที่ผมล้มเหลวไม่เป็นท่า
“เป็นไงคะ ตื่นเต้นสินะ” พี่นุชยิ้มให้ พี่สไวช่วยซับเหงื่อ
“ผมคงทำไม่ได้ หาคนใหม่ได้ไหมครับ” บอกตามที่คิด
“ฮิฮิ..อย่าเพิ่งท้อสิ น้องบูตัสยังไม่เคยมีประสบการณ์ประหม่าเป็นเรื่องปกติ ลองดูน้องบอลก่อน..เห็นไหม”
พอพี่เขาทักผมจึงมองบอลลูน น้องเท่มาก หน้าหล่อไม่ได้แต่งเติมธรรมชาติล้วนๆ ความจริงผมก็ไม่ได้แต่ง
บอลลูนแอคติ้งตามที่พี่ณรงค์บอกได้เป็นธรรมชาติ แทบไม่มีการแก้ไขด้วยซ้ำ เสียงชัตเตอร์กดรัว
พร้อมกับใบหน้าหล่อแบบลูกครึ่ง มีมนต์สะกดพาให้มองไม่วางตา บอลลูนดูดีจริง มีชีวิตชีวาจนละสายตาไม่ได้เลย
น้องมีเสน่ห์มาก ดูบอลลูนเปลี่ยนท่าจนเพลิน กระทั่งพี่นุชสะกิดบอก
“ถึงคิวแล้วจ๊ะ เข้าไปลองดูใหม่ น้องบอลเป็นตัวอย่างเห็นไหม ไม่ต้องคิดมาก เป็นตัวเราดีที่สุด” ผมพยักหน้า
ก่อนลุกไปเปลี่ยนบอลลูน
ตอนดูน้องทำเหมือนจะง่าย พอมายืนกลางไฟอาการประหม่ามาอีกแล้ว รู้สึกถึงสายตาที่จ้องเหมือนคาดหวัง
ทำให้เหงื่อออกฝ่ามือจนเกร็งไปหมด แสบตากับแสงไฟอีกจนได้
“ไม่ต้องเกร็ง..ตามองกล้อง อย่าหรี่ตาสิครับ มองให้เป็นธรรมชาติ เอียงคอทางนั้นไม่ได้ มันบังแสง บลาๆๆๆ”
แล้วผมก็ทำไม่ได้ ติดนั่นติดนี่หายใจชักลำบาก ร้อนรุ่มกังวลจนไม่มีสมาธิ ก่อนที่ทุกอย่างจะล้มเหลว
“เดี๋ยวครับ..ลองให้ผมถ่ายคู่ได้ไหม” เสียงบอลลูน พวกพี่มองน้อง พี่ณรงค์ช่างภาพไม่ตอบ
“ตามนั้น..ณรงค์ลองให้น้องบอลเข้าไปถ่ายดู” พี่วิชญ์ตัดสินใจ พี่ณรงค์พยักหน้า บอลลูนเดินมาหาผม
กำลังยืนมือเย็นเหงื่อชื้นไปหมด
“หายใจลึกๆ” น้องหยุดตรงหน้าจ้องตาไม่กะพริบ ผมมองน้องนิ่งยอมทำตามที่บอลแนะ สูดหายใจยาว
ค่อยผ่อนลมหายใจออก..สามครั้ง
“ไม่ต้องเกร็ง นึกว่ากล้องคือสายตาของพ่อกับแม่กำลังมองดูบูอยู่ ยิ้มให้พ่อกับแม่หน่อยสิ อยากให้ท่านเห็นเราไหม”
พอน้องบอกแบบนั้น ทำให้อดชำเลืองมองกล้องที่ไม่กล้ามองเท่าไหร่ จินตนาการตามที่น้องแนะนำ
สายตาพ่อแม่กำลังมองอยู่สินะ ยิ้มให้ท่านหน่อย ผมกับน้องอยู่ตรงนี้แล้ว
ความรู้สึกเกร็งหายไปตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ แค่อยากยิ้มให้พ่อกับแม่ อยากให้พวกท่านรู้ผมกับน้องเรารักกันมาก
เราไม่มีปัญหากันแล้ว เราสองคนยืนอยู่ตรงนี้ ต่อหน้าพ่อกับแม่แล้วครับ...
น้องยืนซ้อนหลัง พร้อมกับรวบกอดผมทั้งตัว รู้สึกอยากยิ้มอยากหัวเราะ เหมือนแม่กับพ่อกำลังยิ้มให้อย่างอบอุ่น
แววตาพวกท่านต่างมีความสุขที่เห็นพวกเรากอดกัน น้องกอดผม..สัมผัสได้ถึงแผ่นอกที่แนบหลัง
ผมยกมือประกบหลังมือน้องที่ประสานตรงหน้าท้อง แล้วก็ยิ้มร่า...
“แช๊ะ!!!..แช๊ะๆๆๆ!!” น้องจับผมพลิกท่าไปพลิกมา เอนหลังชนกัน เอาหัวชนไหล่น้องบ้าง
มองหน้าแล้วยิ้มให้กันบ้าง สายตาเราไม่ละไปจากใบหน้าพ่อกับแม่ที่มองดูอยู่ ผมมีความสุขจัง
เราใกล้ชิดกันรักใคร่กันอย่างที่พวกท่านคาดหวัง ‘ผมจะดูแลน้องเป็นอย่างดีครับ..พ่อ..แม่’
“แปะ..แปะ..แปะๆๆๆ!!!” พี่วิชญ์ปรบมือ ก่อนจะเป็นพวกพี่ๆที่อยู่ในห้องพากันปรบตาม
สายตากับรอยยิ้มดูชื่นชมมีความสุขไปกับผมด้วย พี่นุช พี่อนงค์ พี่สไว พี่ใบเตย ถึงกับยกนิ้วโป้งให้
“ฮ่ะฮ่าๆๆๆ” เผลอหัวเราะท่าทางตลกของพี่ณรงค์ตากล้องคนเก่ง เคยประสาทเสียกับความไม่เอาไหนของผม
ตอนนี้พี่เขาหลิ่วตาเจ้าชู้แหย่ผมเฉยเลย ช่างทำได้..ตลกชะมัด!!!
“ฮิฮิ..ฮ่ะฮ่าๆๆ” แล้วเสียงหัวเราะของทีมงานพากันขำตามไปด้วยแม้แต่บอลลูนยังยิ้มหล่อโชว์เขี้ยวเสน่ห์
ผมทำได้แล้วใช่ไหม
“เยี่ยม..คิดถูกจริงๆ ไข่มุกอันดามัน” พี่วิชญ์แกเปรยอะไรสักอย่าง ก่อนอาสาเป็นเจ้ามือพาพวกเราไปเลี้ยงมื้อเย็น
ร้านแถวบริษัท บอลลูนไม่ปฏิเสธถือโอกาสทำความคุ้นเคยไปด้วย พลอยทราบตารางฟิตกล้ามเนื้อภายในสามเดือน
ก่อนถึงคิวถ่ายทำจริง ซึ่งต้องไปถ่ายกันที่ภูเก็ต
พวกพี่เขาขอวันจันทร์ พุธ ศุกร์ ตั้งแต่หกโมงถึงสองทุ่ม ให้ผมสองคนมาที่ห้องฟิตเนสของบริษัท
เพื่อออกกำลังกายเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้ได้ความสวยงามตามสัดส่วน พวกเราไม่มีปัญหาได้ค่าขนมด้วย
ไม่รวมค่าตัวที่จะถ่ายอีก ไม่ทันไรได้รับค่าเสียเวลาคนละแสน เยอะมากอ่ะ
เอาเงินแสนไปทำอะไรดีน๊า..ฮ่าๆๆ ผมมีความสุขจัง ส่วนพี่ใบเตยจะให้เราสองคนขัดผิวนวดน้ำมัน
ช่วงนี้ห้ามตัดผม ทางบริษัทจะทำหนังสือแจ้งไปยังโรงเรียนขอเป็นกรณีพิเศษ คาดว่าถึงซัมเมอร์เราทั้งคู่ผมคงยาวในระดับหนึ่ง
ตารางถูกกำหนดขึ้นพร้อมคำชมจากพี่วิชญ์และพี่ณรงค์ช่างภาพมือหนึ่ง แกเอามือโยกหัวผมแถมหยอกอย่างหมั่นเขี้ยว
“นึกว่าจะไม่ได้เรื่องแล้ว พอตั้งใจทำยิ่งกว่ามืออาชีพอีกนะเรา” ผมไม่ได้ดูรูปที่พี่เขาถ่าย
แต่บอลลูนไปยืนดูหน้าคอมฯ น้องหน้าแดงใหญ่ คงอายที่เห็นรูปตัวเอง นี่ขนาดแค่ลองเทส ตอนแอคท่าไม่อาย
พอดูรูปแล้วดันอาย ไม่เข้าใจบอลลูนเลย...?
กลับถึงบ้านสามทุ่มกว่า ต่างแยกย้ายห้องใครห้องมัน อาบน้ำเสร็จผมนั่งอ่านหนังสืออย่างมีความสุข
สมองปลอดโปร่งโล่งสบาย
“ชะลันลาๆๆๆRrrrrr..” เบอร์โจ๊กซิมใหม่ที่มันให้มา
“ว่าไง” ผมรับสาย
[อยู่ไหนมึง]
“อยู่บ้าน จะให้อยู่ไหนเล่า” ถามแปลก
[นึกว่ายังไม่กลับจากบริษัทเสียอีก]
“โห..กลับตั้งแต่สามทุมแล้ว”
[มีเรื่องรบกวนให้ช่วยหน่อย] น้ำเสียงฟังดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่
“มีอะไร..” ผมพลอยร้อนรนตามไปด้วย
[ไอ้หนกเมาแอ๋เลยมึง คงกลับไปนอนบ้านไม่ได้ พานจะซวยหนักเข้าไปใหญ่ กูอยากให้ไปนอนที่บ้านมึงได้ไหม
โทรบอกป๊าม๊ามันให้หน่อย อ้างอะไรก็ได้] เออ..เกิดอะไรขึ้นเนี่ยะ ทำไมกนกถึงเมาแอ๋
“มึงพามันไปทำอะไรมา เลิกเรียนยังดีๆอยู่ ทำไมเมาได้”
[เรื่องมันยาวตกลงตามนี้นะ กูกำลังขับรถพามันไปหามึง อ้อ..อย่าลืมโทรบอกป๊าม๊ามันด้วยล่ะ]
มันไม่รอให้ผมปฏิเสธ วางสายเลย ยุ่งสิ..ปัญหาล่ะทีนี้ ที่บ้านมีห้องผมเป็นห้องเก่าของพ่อกับแม่ แล้วก็ห้องบอลลูน
ถ้าให้กนกมานอนคงต้องเป็นห้องผม เรื่องอื่นเอาไว้ทีหลัง ตอนนี้สำคัญคือปัญหาป๊ากับม๊า แล้วก็บอลลูน
ผมไม่เคยโกหกผู้ใหญ่ ขืนโทรไปคงไม่เนียน คนที่สามารถช่วยได้คือ..?
“แบมมึงสะดวกไหม” สวยตัวแม่รับสายปุ๊ปผมถามก่อนเลย กลัวมันอยู่กับพี่ต้น เกรงใจ..
[สะดวก มีอะไร] พอมันตอบค่อยเบาใจหน่อย จากนั้นผมก็เล่าให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้น
สรุปแบมอาสาโทรไปเคลียร์ป๊ากับม๊าให้ ใช้เวลาไม่ถึงห้านาทีมันก็โทรมารายงาน แอบหวาดเสียวนิดหน่อย
ตอนมันเล่าว่าม๊าถามทำไมกนกไม่โทรบอกเอง แบมออกตัวกนกคุยอยู่กับพ่อแบม เลยรอดตัวไป
อ้างเร่งทำรายงานกลุ่มที่ต้องส่งวันจันทร์ไม่มีเวลาทำแล้ว
พรุ่งนี้ยังมีเรียนติวพิเศษอีก เลยขออนุญาตให้กนกค้างคืนหนึ่ง พรุ่งนี้เช้าให้มันรีบกลับทันที
ป๊าม๊าเห็นว่าเป็นแบม แถมได้แม่แบมช่วยพูดผู้ใหญ่เลยยอม
แต่งานนี้แบมคงต้องเล่าให้แม่ฟังไม่ปิดบัง ไม่งั้นซวยยกกลุ่ม แม่แบมเป็นคนเข้าใจอะไรง่ายก็จริง
แต่ต้องไม่มีความลับ อีกอย่างพวกเราคบกันไม่เคยออกนอกลู่นอกทางสักครั้ง ยกเว้นเรื่องพากันไปชกต่อย...
“ก๊อกๆๆ” ผมมายืนเคาะประตูห้องน้อง
“มีอะไร” น้องถาม
“คือ..กนกมันเมา จำเป็นต้องมานอนที่นี่” ผมพูด บอลลูนกลอกตาไปมานิดหนึ่ง ก่อนถามนิ่งๆ
“แล้วไง”
“บอลไม่ว่าใช่ไหม” ผมชิงพูด
“เข้าบ้านซวยแน่ ป๊าม๊าคงไม่ให้ไปไหนอีก” น้องแสดงความเห็น ซึ่งตรงความเป็นจริงที่สุด
บอลลูนรู้จักครอบครัวกนกตอนที่พาไปเยี่ยมมัน
“พี่จะให้นอนที่ห้อง แต่คงไม่สะดวกถ้าพี่นอนด้วย” น้องพยักหน้าก่อนจะนิ่งไปสักพัก
“มานอนที่นี่” แล้วน้องก็เสนอ ผมคิดไว้แล้ว คงต้องมาอาศัยนอนกับบอลลูนแล้วล่ะ
“อืม..รอโจ๊กก่อน” น้องเงียบ จากนั้นผมก็ลงมานั่งรอที่ห้องรับแขก ไม่ถึงสิบนาทีโจ๊กมากดอ๊อดหน้าประตู
ผมรีบออกไปเปิดประตูรั้วให้มันขับเล็กซัทของกนกเข้ามาจอดข้างรถบอลลูน
“ไปไงมาไงเนี่ยะ” ถามทันที หลังปิดประตูรั้วแล้วตามมาที่รถ เห็นสภาพกนกเมาคอพับคออ่อนไม่ได้สติ
“มันไปเจอชะนีเดียร์กับชู้เดินควงกัน” กระตุ้นเข้าสินะ
“แล้วทำไมต้องกินเมาขนาดนี้”
“ชะนีนั่นประชดมัน ห่าทอมแม่งก็วอนเสือกไม่เดินหนี ปล่อยให้โดนว่าแดกแล้วมันก็เจ็บเอง
แอบไปเมาอยู่ร้านยาดอง ดีที่กินแถวบ้านกู”ตุ๊ดหล่อบ่นเป็นหมีกินผึ้ง
“แล้วมึงก็ปล่อยให้กิน” ผมถามเพราะแปลกใจ ทำไมโจ๊กไม่ห้าม ปล่อยกนกกินยาดองจนเมาปลิ้นแบบนี้ได้ยังไง
“ห้ามเหี้ยไร มันแวะแดกจนเมาแอ๋แล้ว ถึงโทรบอกอยู่กลางซอย ดีที่คนแถวนั้นรู้มันเพื่อนกูเลยไม่มีใครกล้า
รับส่งกูบ่อยจนคุ้นหน้าตั้งแต่เด็ก ไม่งั้นคงโดนวัยรุ่นแถวนั้นฉุดแล้วมึง” ถือว่ากนกยังมีสติ ที่เลือกอยู่ละแวกบ้านโจ๊ก
ไม่มีใครกล้ายุ่งกับลูกนายพลทหารใหญ่
“ทำไมไม่ให้นอนกับน้องสาวมึงที่บ้านหืม” ประหลาดใจ บ้านมันออกสะดวกเสือกไม่ให้กนกนอน
“พ่อพาน้องกับแม่ไปบ้านปู่ที่สระบุรี กูอยู่คนเดียว”
“อ้าว!เหรอ แต่มันก็อยู่กับมึงได้นี่” นั่นสิ เพื่อนกัน
“ไม่ได้!!..มึงก็รู้แถวบ้านไม่มีใครรู้กูเป็นตุ๊ด มันเสียหายแน่หากกูลากไปนอนที่บ้าน
คนใช้กับลูกน้องพ่อกูคงเอาไปพูดกันสนุกปากเชียวล่ะ” จริงของมัน ผมลืมคิดถึงข้อนี้ไปจริงๆ
“งั้นมึงพามันขึ้นห้องกู” ผมบอก โจ๊กค่อยปลดเบลล์ ก่อนอุ้มกนกตัวปลิวพาขึ้นบันไดตรงไปห้องผมอย่างไม่กินแรง
ตุ๊ดหล่อแข็งแรงสมหุ่น กนกเหมือนเด็กตัวเล็กๆหน้าแดงก่ำ หลับตาพริ้มเมาคอพับคออ่อน
ซบไหล่กว้างตุ๊ดหล่อหายใจรดต้นคอมันเหมือนแมวขี้เซา
โจ๊กจัดการวางกนกลงบนเตียงอย่างเบามือ ก่อนปัดปอยผมม้าที่ระหน้าผากให้อย่างอ่อนโยน
จัดท่าทางกนกเล็กน้อย แต่ไม่ได้รับความร่วมมือ คนเมาดันป้ายสะเปะสะปะคงอึดอัดกางเกงขาเดฟ
เสื้อเชิ้ตตัวเล็กรัดรูปหล่นชายเผยหน้าท้องขาวแบนราบให้เห็นทันตา
“มะ..มึงจัดการดูแลมันดิ” โจ๊กเบือนหน้าหนี หูแดงแปร๊ด
“อ้าว! มึงก็ดึงลงสิ” มันก็ทำได้ มาบอกผมทำไม
“กูทำหลายครั้งแล้ว ห่านิ..ปล่อยให้ไปเมาที่อื่นเป็นเรื่อง ไม่ดูแลตัวเองเลย ลำบากกูจริง” ปากมันบ่น
แต่ผมรู้ว่ามันไม่คิดแบบนั้นหรอก ถึงจะกัดกันจนชินตา แต่กนกคือเพื่อนที่มันห่วงมากที่สุด
“กูว่ามันนอนไม่สะดวก น่าจะอึดอัดเสื้อผ้า เปลี่ยนให้มันสิโจ๊ก” ผมแนะนำ เห็นแล้วอึดอัดแทน
“จะบ้าเหรอ” มันเผลอตะโกนเสียงดัง
“อ้าว..บ้าอะไรกูเห็นมันนอนกระสับกระส่าย” ลืมนึกไปว่า ยังไงกนกก็เป็นผู้หญิง
“คะ..คือ..ช่างแม่งเหอะ ปล่อยมันนอนแบบนี้แหละ ทำตัวเอง” พูดเสร็จมันสะบัดหน้าเดินออกห้องไปเฉย
ผมไม่รู้ทำไง..ได้แต่ปรับแอร์ให้กนกมันสบายตัวขึ้น แล้วปิดไฟปิดประตูตามลงมาส่งโจ๊ก
“มึงเอารถกนกกลับสิ พรุ่งนี้เจ็ดโมงมารับมันไปส่งด่วน กูให้แบมโทรบอกม๊า..แต่มีข้อแม้มันต้องรีบกลับแต่เช้า”
ผมรายงานโจ๊ก
“ทำไมเป็นอีแบม” มันงง..คงสงสัยที่กลายเป็นแบม
“กูโกหกไม่เก่งมึงก็รู้ มีหวังม๊าจับได้แน่ ดีที่แม่แบมช่วยพูดเลยรอด” ผมเล่าให้มันฟังตามที่แบมบอก
“พรุ่งนี้เช้ากูจะรีบมา มึงปลุกมันอาบน้ำหาอะไรแก้แฮงค์ให้ด้วยล่ะ กลิ่นปากอย่าให้มียาดองติดเด็ดขาด
ไม่งั้นเกมส์โอเวอร์” ผมพยักหน้ารับ พร้อมกับที่มันสตาร์ทรถขับออกไป มีลดกระจกลาผมด้วย ปิดประตูรั้วเสร็จ
ปิดไฟขึ้นข้างบน แวะดูกนกนิดหน่อยเห็นหลับสนิท ค่อยกลับออกมาเคาะประตูห้องบอลลูน...?
“ก๊อกๆๆ” น้องเดินมาเปิด สภาพยังไม่นอน ผมเบี่ยงตัวเดินเข้าไป น้องอ่านหนังสือ
แอบเห็นตำราเก่าของผมด้วย คงเอามาดูที่ผมโน้ตไว้แน่ๆ
“อ่านหนังสืออยู่เหรอ” ผมถาม ไม่รู้จะคุยอะไร เลยหยิบเรื่องที่เห็นทำลายความเงียบ
“อืม..อ่านรอ เรียบร้อยดีไหม” น้องรอผมนี่เอง เหลือบมองนาฬิกา ห้าทุ่มจะเที่ยงคืน
“เรียบร้อย เมาหลับไม่รู้เรื่อง” ผมบอก
“อืม..นอนนะ” น้องเดินไปปิดไฟ ผมล้มตัวลงนอน ก่อนจะรู้ถึงการยุบตัวของฟูก
ในรอบเกือบสองเดือนที่ผมกลับเข้ามานอนห้องนี้ หลังวันที่เกิดเหตุการณ์นั้น
“เออ..ทำยังไงให้หายแฮงค์” ถือโอกาสปรึกษา จำได้น้องหนุ่ยบอกบอลลูนคอแข็ง
“กาแฟดำ” ว่าแล้วน้องต้องรู้
“ไม่ต้องใส่น้ำตาลอะเหรอ” ย้ำเพื่อให้แน่ใจ
“ใช่” น้องยืนยัน พรุ่งนี้กนกมึงต้องทนฝืนซดกาแฟดำแล้วมึง
“แต่กลิ่นเหล้าล่ะ” มีอีกเรื่อง กลัวแปลงฟันแล้วไม่หาย
“เคี้ยวหมากฝรั่ง” เหะ..รู้จริงด้วย
“พี่ไม่มี” ผมบอก
“พอมีอยู่ เดี๋ยวพรุ่งนี้หยิบให้” บางครั้งบอลลูนก็รู้มากกว่าผมอีก ความจริงผมน่าจะรอบรู้เรื่องเหล่านี้
ในฐานะที่ผมเป็นพี่ แก่กว่าตั้งสามปี สุดท้ายผมกับด้อยประสบการณ์ น้องเพิ่งย่าง 16 กลับรู้เยอะ
“นอนหรือยัง” ผมยังนอนไม่หลับ เลยลองถาม
“มีอะไร” แสดงว่าน้องก็ยังไม่หลับ
“บอลถ่ายแบบดูดีนะ” ถือโอกาสชมเสียเลย เงียบไม่ตอบ
“จริงนะ ไม่ได้แกล้งชม” ผมย้ำ น้องทำได้ดีจริงๆ ไม่ได้ปลื้มน้องหรือแกล้งชมสักหน่อย
“บูก็ดูดี น่ารัก..ดี” เอ๋?น้องชมผมหรือนี่ ถึงจะเบาแต่ผมได้ยินนะ
“จริงหรือ” รีบขอคำยืนยัน ไม่กล้าคิดเข้าข้างตัวเอง หน้าบ้านๆอย่างผม จะถ่ายแบบดูดีได้ยังไง
ตอนหลังน้องบอก..น่ารักอ่ะ..คิคิ
“อืม..จะนอนแล้ว” อ้าว!..ตัดบทพลิกหันหลังให้ผมเฉย นอนก็นอนว่ะ แต่ผมคงหลับฝันดีอีกคืน
บอลลูนชมผมด้วย ไม่คิดฝันมาก่อน ในรอบอายุ 18 ปี น้องเพิ่งเอ่ยปากชมผมเลยนะ..น่ารัก..อิอิ?
มาต่อแล้วนะคะ กดบวก 1 แต้มให้กับทุกเม้นท์ทุกโพสฯ เช่นเคยค่ะ
แทนการขอบคุณและกำลังใจที่มีให้กันเสมอ เจอกันอีกทีวันพุธนะคะ
เรื่องนี้จะมีถึงมหาลัยนะคะ อีกไม่เกินห้าตอนก็จับไปอีกระดับแล้วค่ะ
ไปจบที่ตอนทำงานเลย นี่คือพ๊อตเรื่องที่วางไว้แต่แรกเริ่ม
ใครเชียร์ใครได้เชียร์กันต่อไป รักคนอ่านทุกคนค่ะ
Luk.