= 2 = “ไม่เอา..” น้องผลักพี่ใบเตยกระเด็น ก่อนจะมุดมาซุกหลังผมใหญ่ตัวผมเล็กกว่าน้อง ทำเหมือนจะใช้บังพี่ใบเตยได้
“ขอโทษครับพี่ใบเตย ขอผมคุยกับน้องแป๊ป” เห็นพี่แกหน้าเสีย ถูกผลักดีที่ไม่ล้ม
ท่าทางบอลลูนที่แสดงออก ทำให้หุบปากที่ตั้งท่าจะแว๊ดแต่ยั้งได้ทัน พี่เขาน่าจะรู้ข้อมูลของน้องมาบ้าง
“อย่างนั้นน้องบูคุยกับน้องก่อน พี่ขอไปนั่งสงบจิตทำสมาธิสักครู่ ไม่คิดชีวิตใบเตย จะโดนหนุ่มน้อยผลักกระเด็น”
ไม่วายติดตลกแก้เก้อ โจ๊กถึงกับขำพรืด แบมกลั้นขำน้ำตาเล็ด ส่วนกนกกึ่งขำกึ่งสะใจเล็กๆสังเกตแววตามันพอดูรู้
“สมควร นิดหน่อยขอให้ได้” ทอมโพล่ง หลังพี่เขาเดินออกไปแล้ว
“พูดอะไร” โจ๊กมันปราม
“หรือไม่จริง วัดตัวที่ไหนเขาอ้อมมือกอดแบบนั้น ตามมารยาทถ้าไม่คิดอกุศล
ต้องบอกให้ยกมือกางแขน หรือก็ให้คนถูกวัดอ้อมสายให้สิวะ” ทอมแสบเถียงคอตั้ง
“เขาไม่คิดขนาดนั้นหรอก พี่เตยแกขี้เล่น” โจ๊กมันแก้ต่าง
“ออกตัวเปล่า อ๋อ..มึงเคยวัดแล้ว ท่าจะมีประสบกามประทับใจ” ฟังไม่ผิดมันใช้คำว่าประสบกามอย่างเจตนา
“หนก..พูดบ้าไรเนี่ยะ” ตุ๊ดปลอมหรี่ตาคม จ้องทอมแสบนิ่ง
“กูพูดตามที่เห็น วิเคราะห์จากข้อมูล” ทอมไม่รู้ตัวว่ากำลังยั่วโมโห หน้าโจ๊กมันไม่ติดเล่นสักนิด เป็นดังคาด
“มานี่เลย..มึงกูขอตัวครู่” มันคว้าแขนกนก รวบกอดกึ่งประคองหายออกไปแบบไม่รอ
ผมกับแบมมองตากันอึ้ง กนกมันไม่กล้าโวย ที่นี่เป็นบริษัทฯ คงกลัวเสียภาพพจน์หากใครเห็นมันโดนกอด
ใช่ครับ..ท่าที่โจ๊กมันพาไปกอดชัดๆ ตัวผอมแห้งแบบกนกหรือจะสู้แรงช้าง ปลิวไปตามระเบียบ
“หึ..ดูท่ามึงกับกูคงได้รับการ์ด” สวยตัวแม่เบือนหน้าพูดกับผม เสียงเรียบไม่ทุกข์ไม่ร้อนได้หน้าตาย
“ตกลงน้องมึงเป็นอะไร” พอแบมเตือน ค่อยดึงความสนใจคืน บอลลูนยืนตาปริบๆ
กำลังงงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น น้องมันไม่เข้าใจ เห็นแล้วแทบตลกแต่ดันหัวเราะไม่ออก
ตัวเองเป็นคนเริ่มแท้ๆ ดันงงเสียเอง
“บอล..ทำไมไปผลักพี่ใบเตยเขาแบบนั้น” ผมเริ่ม
“เขากอด” น้องตอบซื่อๆไม่มีอ้อม แววตาจริงจังคำพูดแบบเด็กๆ
“ไม่ใช่กอด เขาจะวัดตัวให้” ผมแก้ความเข้าใจเสียใหม่
“ไม่ใช่ เขาเป่าลมใส่ท้องบอลด้วย” นึกภาพตาม พี่ใบเตยก้มต่ำเพื่อจะอ้อมสายวัดรอบเอว
หัวอยู่ประมาณหน้าท้อง เพราะบอลลูนสูงเป็นทุนอยู่ด้วย คงหายใจรดเสียมากกว่า
“พี่กับพวกพี่แบมก็อยู่” ถามเพราะสงสัย
“เขาเป็นตุ๊ด..” จบข่าว ความฝังใจที่โดนกระทำยากลบลืม
จากการวิเคราะห์ของผมกับแบม ที่นั่งคุยกันเงียบๆ หลังหลอกล่อบอลลูนยอมให้พี่ใบเตยวัดตัวสำเร็จ
แต่ไม่ลืมเตือนพี่เขาแบบบัวไม่ให้ช้ำน้ำไม่ให้ขุ่น ด้วยเหตุผลง่ายๆ บอลลูนผวาอุบัติเหตุที่ประสบ เลยไม่คุ้นสัมผัสคนไม่สนิท
เป็นการดีที่สุด คือพี่ใบเตยให้น้องช่วยจับเชือกวนรอบตัวให้แทน เพื่อช่วยแก้ปัญหา
กระเทยสาวอย่างพี่ใบเตย รักษาภาพพจน์ไม่อยากให้ตัวเองหน้าแตกเป็นครั้งที่สอง
ยอมอ่อนข้อให้ความร่วมมือแต่โดยดี ผมกับแบมปล่อยให้เขาสองคนวัดตัวกันไป
พูดคุยไถ่ถามกันหนุงหนิง บอลลูนดูไม่เกร็งแล้ว
“ตุ๊ดเลวที่ทำน้องมึง คงมีพฤติกรรมแสดงออกประมาณพี่ใบเตย” สวยตัวแม่สรุป
ผมพยักหน้าคล้อยตาม ไม่อย่างนั้นน้องคงไม่มีเอฟเฟกต์
“มึงล่ะ..เป็นไงบ้าง” จู่ๆมันวกถามผม
“เรื่อง..”
“ทุกเรื่อง สบายใจยัง พรุ่งนี้วันศุกร์ไปเรียนไหวไหม”
“อืม..ไปสิ ขาดเยอะแล้ว” ผมรับปาก ตั้งใจไว้แล้ว
“เรื่องละคร พวกกูซ้อมแล้วนะ ตั้งแต่วันจันทร์”
“เหรอ..ใครดูแล” เกือบลืมละคร เริ่มซ้อมอาทิตย์นี้
“เหอะ..ตอนแรกไอ้นุ ดูท่าไม่ได้เรื่อง ห่าเหวอะไรไม่รู้เรื่องซักอย่าง กูเลยทำหน้าที่ผู้กำกับ” สวยตัวแม่เปรยเชิงบ่น
“ดีแล้ว..มึงแหละเหมาะ” ไม่ได้สปอยเพื่อน แบมมันสามารถจริงๆ
ไม่งั้นคงไม่เคี่ยวเข็ญท่อนไม้อย่างผม ให้แสดงอารมณ์ได้
“กูว่าจะเลือกนิเทศฯ ดูแล้วเหมาะไปทางนี้”
“เอาสิ..กูเห็นด้วย มึงติดแน่” เดิมทีมันเลือกสถาปัตย์
“อืม..” มันพยักหน้า
“เสร็จแล้วค๊า..แหมๆ พอให้ความร่วมมือก็น่ารักจริ๊ง!!!” พี่ใบเตยตะโกนบอกผมกับแบมให้รู้
“พวกผมไปห้องฟิตเนสต่อนะครับ พี่พลัสรออยู่” ขอตัวเลย
“สงสัยคราวหลัง พี่ต้องเอาเค้กมาเซ่นหนุ่มหล่อใจเด็ก ยังไงต้องโดนเนื้อโดนตัวกันบ้าง
ขืนเป็นแบบนี้พี่กลัวสหบาทา” ผมกับแบมขำพรืด ส่วนบอลลูนยืนเกาหัวแกรกๆ มองคนนั้นทีคนนี้ที
อย่างไม่เข้าใจว่าคุยอะไร ถ้าเป็นศัพท์ซับซ้อนน้องไม่เข้าใจหรอก เรื่องเค้กคงเป็นจิตวิทยาพี่ใบเตย
หลอกถามว่าบอลลูนชอบขนมอะไร..?
[อยู่ไหนกัน..] โจ๊กมันโทรมา
“ห้องฟิตเนส พาบอลเปลี่ยนชุด” ผมบอก
[อืม..กูตามไป] พูดจบวางสาย ไม่ถึงห้านาทีโผล่หัวมากัน
“พี่พลัสล่ะ” มาถึงตุ๊ดปลอมถามหาพี่เลี้ยงก่อนเลย
“มาแล้ว ออกไปเอาตัวอย่างอาหารเสริมมาให้ดู พี่เขาบอกให้ดี บอลลูนกับมึงควรกินประกอบ
การฟิตกล้ามเนื้อไปด้วย” มันพยักหน้ารับ ไม่สงสัยถามคงเกริ่นกันมาก่อน ดูหน้ากนกเหมือนติดอายแปลกๆ
“ไงมึง..” พยักหน้าถาม หลังโจ๊กแยกไปเปลี่ยนชุด บอลลูนอยู่บนเครื่องวิ่งหัวเราะสนุกกับแบมอยู่ ถูกใจเป็นเด็กเลย
“อะไร” ทอมตีมึน
“เคลียร์กันถึงไหน เรียบร้อยดี” หายไปครึ่งชั่วโมง
“อืม..มันบ้า” ทำเป็นค้อน เกือบหลุดทักมึงทำแบบนี้เป็นด้วยเหรอ กลัวอดดูในอนาคต
ตั้งแต่รู้จักมาเพิ่งเห็นทอมเผลอค้อนตาคว่ำ
“บ้าอะไร..เล่าให้ฟังดิ” ต่อมอยากรู้ทำงาน
“เหี้ย..หาว่ากูหึงไม่มีเหตุผล” รีบเอามือนวดแก้มเก็บอาการให้ไว ถ้าไม่ทันคงขำกร๊ากให้ทอมวิ่งไล่เตะแน่
“เป็นอะไร” มันเห็นผมทำแบบนั้น ถามปนสงสัย
“บริหารใบหน้า” พูดไม่ชัดหรอก กำลังกลั้นขำ
“แต่หน้ามึงแดง ไม่แสบเหรอ” อีบ้า..กูแดงเพราะกลั้นหัวเราะ
“ไม่หรอก...เลือดลมกำลังวิ่ง” มันทำตามเฉย
“เออ..แปลกดี” ดันถูกใจอีก อยากบอกกูไม่ได้นวด พูดไม่ออก
เห็นมันตั้งใจเอานิ้วคลึงเลียนแบบจนแก้มบู้ คงคิดว่าเป็นท่าบริหารจริงๆ
“มึงยังไม่บอก เข้าใจกันแล้วสิ” หลังควบคุมตัวเองสำเร็จ วกกลับมาถามมันอีก
“อืม..จำใจ” ทีแรกตอบรับ ไหงประโยคท้ายเหมือนโดนบังคับ
“มันบังคับมึง” ปากเร็วเท่าความคิด
“ไม่เชิง..แต่แม่ง” ค้างให้อยากรู้อีก
“อะไร..” ไม่รอเว้นช่วงนาน
“มันจะจูบกู...สัด” หา!..คาดว่าตาถลนไปแล้วเรียบร้อย ส่งผลให้คนพูดสำนึกได้ทันที ว่าหลุดปากบอกอะไร
“ลืมไปเถอะ..บูมึง” ทอมเขินโบกมือพัลวัน หน้าแดงก่ำลามถึงคอ
“เดี๋ยวสิ..โจ๊กจะจูบมึงเหรอ” แต่ผมเครื่องติดแล้ว
“กูบอกให้ลืม” แหวใส่เฉย
“ได้ไง..กูได้ยินแล้วคายให้หมด ห้ามมีความลับ” ต้อนเลย
“จิ๊..นิสัยมึงนิ อวดรู้ไม่เลิก” กระแทกเสียงแก้เก้อ ดูก็รู้
“อวดรู้บ้านป๊ะมึงสิ เขาเรียกสอดรู้” พูดไม่ถูก เผลอแนะนำอีก
“เออ..รู้ตัวดีเนอะ” ว่าแล้วมันต้องได้ช่องถม..
“เอาดีดี..เล่ามาให้หมด” ผมไม่หยุดบี้
“เออๆ มันบอกกูคิดแบบนี้เหมือนไม่ไว้ใจ ขืนดูหมิ่นน้ำใจมันอีก..มันจะจูบกูเว้ย..เชี้ย!” เย้ย!..ตุ๊ดปลอมแม่งขึ้นจรวด
“มึงกลัวมันจูบ” ถามเอาเชิง
“เหี้ย!..” มันไม่ตอบ สะบัดเสียงใส่จนน้ำลายกระเด็นเข้าหน้า
“เหี้ยหันไปทางอื่นสิวุ้ย! ไม่ต้องแถมน้ำลายให้กูหรอก ด่าก็พอ” ผมเอามือลูบทิ้ง
“น้ำลายกูไม่มีเชื่อหมาบ้า กูฉีดวัคซีนแล้วเหอะ” แถได้อีก
“มึงไม่มี แต่กูไม่ไว้ใจอยู่ดี” กวนแหละ
“ทำไม” เข้าทาง
“ก็มึงยังไม่มีหลักฐาน ว่าโจ๊กมันฉีดวัคซีนเหมือนมึง” ผมต่อ
“เกี่ยวไรกับมัน” อึนสองอาจโค่นแชมป์เป็นอึนหนึ่ง ในเร็ววัน
“มึงจูบกันต้องแลกแอนไซค์ สุดท้ายน้ำลายมึงไม่ปลอดภัยอยู่ดี” ว่าแล้วเผ่นให้ไว
ทอมแสบวิ่งไล่เตะผมไปทั่วห้อง..ตามคาด
“ครับ” ผมรับสายเบอร์ที่ไม่นึกจะได้รับอีก เกือบสองอาทิตย์ นับตั้งแต่วันที่ทำให้น้องเค้าเสียใจ
“บู..ไอ้บอลเป็นไงบ้าง” น้องหนุ่ย
“กำลังอ่านหนังสืออยู่ คุยไหม” แปลกใจทำไมไม่โทรเครื่องน้อง นึกได้ชาร์ตแบตนี่หว่า ผมทำให้เองแหละ
“เดี๋ยวก็ได้ ว่าแต่..บูล่ะเป็นไงบ้าง สบายใจขึ้นยัง” น้องห่วง
“ดีขึ้นแล้ว แค่บอลไม่เป็นอะไรมากก็โอเคล่ะ” ผมบอก
“พรุ่งนี้มาเรียนไหม”
“ไปสิ..ฝากดูบอลด้วยนะ”
“ไม่ต้องห่วง หนุ่ยกับพวกไอ้เอกดูมันเอง บูมายังไง” น้องยังคงนิสัยน่ารักเหมือนเดิม
ที่คุยกับผมได้แบบนี้ คงเริ่มทำใจได้แล้วสิ
“กนกมารับ นัดไว้แล้ว”
“เหรอ..งั้นคงไม่ต้องสินะ” น้องพูดเหมือนตั้งใจอะไรไว้
“ทำไมเหรอ”
“ทีแรกกะให้ไอ้เขมแวะรับ” หืม..
“อ้าว..ไปยังไง เขมขับฮาเล่ย์” สงสัยแหละ
“มันมีรถยนต์ แต่ถ้าไม่แวะรับบูกับไอ้บอล คงฮาเล่ย์” น้องเหมือนพูดให้ฟังเฉยๆ
“อืม..ขอบใจที่ห่วง” ผมหักอกบอกเลิก ยังมีกะใจนึกถึงกันอีก
“ห่วงเสมอ เลิกไม่ได้แปลว่าต้องเกลียดสักหน่อย” ฟังแล้วน้ำตาซึมซึ้งจริง น้องดีกับผมมาก
ผิดที่รักแบบนั้นไม่ได้ ให้หัวใจบอลลูนไปแล้ว คงรักใครไม่ได้ หนุ่ยควรเจอคนดีกว่า คนอย่างน้องหนุ่ยหาได้ไม่ง่ายเลย
“ขอโทษนะ” พูดจากความรู้สึก
“ไม่ต้องขอโทษหรอก หนุ่ยเข้าใจ” พูดเหมือนโต ทีตอนอยู่กับไอ้เถื่อนเขมเห็นง่องแง่งตลอด
น้องดูงอแงมันประจำ อาการแบบนี้เห็นเป็นกับไอ้เขมคนเดียว
“แล้วหนุ่ยล่ะเป็นไง สบายใจหรือยัง” ระหว่างผมกับน้อง เราไม่มีโอกาสคุยกันแบบนี้เลย
“ก็ดีขึ้นแล้ว”
“ครับ..คุยกับบอลไหม” ผมถาม
“เอาสิ” แอบกดเปิดลำโพง ก่อนนำไปยื่นให้บอลลูน
“บอล..หนุ่ยจะคุยด้วย” น้องเงยหน้าปั้นยุ่ง จากหนังสือที่อ่าน มองตาปริบๆ รับโทรศัพท์ไปแนบหูงงๆ
“ฮัลโหล” คำทักไม่เหมือนเดิม ปกติที่จำได้ ‘ไงมึง’
“เฮ้ย!..ทางการไปเปล่า” เสียงน้องหนุ่ยตอบมา น้องรีบยกห่างหูให้ไว ผมไม่ได้บอกว่าเปิดลำโพง
เอานิ้วล้วงหูใหญ่ น่ารักปนตลก..
“ไปทำไมทางการ มึงมีธุระเหรอ” ผมกลั้นขำไส้กิ่ว หลังเห็นน้องตอบกลับไป ไม่เอาโทรศัพท์ติดหูแล้ว
คงรู้แค่พูดก็ได้ยิน แต่ไอ้ประโยคที่น้องบอกสิ..ฮาจริงๆ
“ทางการอะไรมึง” น้องหนุ่ยงงไม่ต่างกัน
“ก็หนุ่ยบอกทางการไปเปล่า ไปเสียค่าน้ำหรือค่าไฟ” คราวนี้ผมนอนมือกุมท้องตัวงอ
ไม่ให้หลุดขำกลิ้งออกมา ไม่อย่างนั้นน้องหนุ่ยต้องรู้แอบเปิดลำโพง ส่วนบอลลูนยังตีหน้าซื่อคุยโทรศัพท์
โดยไม่เฉลียวใจสักนิดว่าผมนอนฟังอยู่
“วุ้ย!..คุยกับมึงแม่งปวดหัว” นึกภาพตาม น้องหนุ่ยคงอยากเอามือทึ้งหนังหัวหลุดแล้วมั้ง
“อ้าว!..คุยกับกู แล้วทำไมแม่ถึงปวดหัวล่ะ แม่ห้ามไม่ให้คุยเหรอ” ไปใหญ่แล้วคราวนี้
“ไม่ใช่..กูต้องทำไงถึงจะคุยกับมึงรู้เรื่อง” น้องหนุ่ยเหมือนบ่นกับตัวเอง
แต่บอลลุนเอียงคอไปมา แอบส่ายหัวนิดๆด้วย
“หนุ่ย..มีการบ้านไหม” น้องถาม
“เออมี..แต่ไม่ต้องห่วง แค่แบบทดสอบพรุ่งนี้มึงมาลอกก็ทัน”
“อย่าให้ใครยืมก่อนนะ” น้องดูกระตือรือร้นใหญ่
“เออ..กูรู้น่า พรุ่งนี้มึงเตะบอลหรือเปล่า”
“พวกมึงเตะกันเหรอ” บอลลูนรีบถาม
“ห้องไอ้แนทท้าแข่งหลังเลิก รับท้าไปแล้ว ไม่มีมึงกลัวแพ้อยู่เนี่ยะ”
“แนทไหน” เอียงคอทำท่านึก
“แนทห้องสิบไง”
“อ๋อ..นึกออก” น้องหันมองผมเหมือนขอความเห็น
ผมพยักหน้าพรุ่งนี้เย็นมีซ้อมละครอำลา ปล่อยบอลลูนเตะบอลกับเพื่อนไปพลางๆ
“ตกลง” น้องตอบรับ
“เออ..เจอกันพรุ่งนี้ โทรบอกพวกไอ้เอกก่อน จะได้เตรียมวิธีคุยกับมึงด้วย ไม่งั้นเจอแบบกู..ช็อค”
น้องหนุ่ยทิ้งท้ายก่อนวางหู
“บู..พรุ่งนี้มีเตะบอลนะ” น้องเหมือนจะย้ำ
“อืม..รู้แล้ว พี่ซ้อมละคร บอลไปเตะกับเพื่อน เดี๋ยวไปรับ”
“อื้อ..ตรงนี้อ่านไม่เข้าใจ” น้องยกหนังสือที่กางค้างถามผม
“ไหน..พี่ดูหน่อย” ลุกไปยืนอ่าน จังหวะก้มหน้าลงไปดูให้ชัด
“ฟ๊อด!!!” ชะงักค้าง โดนขโมยหอมแก้มไปเต็มๆ
“เออ..พี่ว่าพรุ่งนี้ค่อยอ่านเอาเนอะ ดึกแล้วนอนเถอะ” ไปไม่เป็น
“เอาสิ..” น้องว่าง่าย กระโดดผลุงนอนกลิ้งเกลือกมีความสุข ปากบางสีสดยิ้มแก้มตุ่ย
ผมเดินหน้าร้อนไปปิดไฟ สงสัยต้องให้ชินการโดนหอม
มาอัพเพราะเห็นแฟนนิยายที่น่ารัก ส่งแรงใจอัพเม้นท์กันจนคนเขียนไม่กล้ากั๊กสต๊อกเลย
ถ้อยทีถ้อยอาศัยกันเนอะ รักคนอ่านจุ๊บๆ
Luk