กำลังจะกลับเข้าสู้โหมดดองเค็ม
***
“ว้ายคุณหนูทำไมมานอนห้องนี้ละคะ” เสียงสูงปรี๊ดของป้าแม่บ้านปลุกผม
“เต้ยคับป้า” ผมไม่ลืมเตือนจะได้เลิกเรียนกันแบบนี้ซะที
“ค่ะ ค่ะคุณเต้ยไปเร็วคะรีบไปอาบน้ำ” ป้าลากผมออกมาจากผ้าห่มแต่มือไอ้ต้องไวกว่าล็อคเอวผมทันที
“เวนเอ้ยยังเช้าอยู่เลยจะรีบไปไหนวะ” พี่ต้องตายังไม่ลืมแต่มือกับปากมาก่อน
พอลืมตาเห็นป้าแม่บ้านหน้าตาเหมือนเด็กได้ของเล่นใหม่ทันที
“อ้าวคุณแม่บ้าน...สวัสดีตอนเช้าคับ” พี่ต้องยังคงรอยยิ้มกวนตีนไว้ได้อย่างสม่ำเสมอ
“ปล่อยพี่ต้องผมจะไปอาบน้ำแล้ว” ผมเริ่มพอเดาชะตาชีวิตออกชิ่งหนีดีกว่า
“morningkissพี่ละ” พูดแล้วตาเป็นประกายทันทีปกติไม่ขนาดนี้หรอก ดูก็รู้อยากแกล้งป้าแม่บ้าน
“ไม่เอาไม่ใช่ที่บ้านนะ” ผมพยายามงัดตัวเองออกมาจากมือพี่ต้องที่ล็อคผมไว้อยู่
แต่พี่ต้องยื่นหน้ามาใกล้ผมเหมือนจะจูบ ผมรู้ไม่จูบจริงหรอกแค่แกล้งให้ป้าโวยวายเล่น
“ว้ายยยทำอะไรแบบนี้คุณหนูไปอาบน้ำเถอะคะเดี๋ยวคุณแม่ตื่นแล้ว” ได้ผลป้าโวยวายตามคาดแล้วลากผมออกไปเลย
ตอนแรกไม่อยากแกล้งแบบนี้ก็สนุกดีเหมือนกัน...ระหว่างโดนป้าลากไปหัวผมก็คิดเรื่องแกล้งป้าไป
“ฮ้าววว~~~”เสียงพี่ต้องหาวตอนนั่งอยู่ที่โต๊ะเพื่อกินอาหารเช้า
ซึ่งปกติค้างคาวอย่างพวกผมไม่ตื่นเช้าอยู่แล้ว นอนจริงเกือบเช้าตื่นเที่ยงประจำ
พอมีเหตุการณ์ให้ตื่นเช้าก็เป็นแบบนี้ สภาพสะลึมสะลือเต็มที
ส่วนผมเป็นคนนอนวันละ3-4ชม.ก็พอแต่ไอ้คนนี้ดิสภาพอนาถ ตายิ่งไม่ค่อยจะมี
ยิ่งแบบนี้เหมือนหลับตาเลยนะมึง...พูดเหมือนตาตัวเองโต
“ไปนอนต่อไหม” ผมถามก่อนกินข้าว กับกินไปหัวปักชามข้าว(555)
“ไม่เป็นไร”เสียงที่ตอบผมกลับยังดูสะลึมสะลืออยู่
นั่งเล่นไปมาสักพักแม่ผมกับพี่ก็ลงมากินด้วยกินข้าวบรรยากาศเงียบแต่ไม่ไรมาก
“ต้องฝากดูแลลูกแม่ด้วยนะ” แม่ผมพูดหลังกินข้าวเสร็จ แล้วลุกไปเลยทิ้งความเอ๋อไว้ให้พวกผม3-4วิ
“ขอบคุณคับ” พี่ต้องพูดเหมือนเพิ่งนึกออกเหมือนแม่จะยิ้มอีกรึเปล่า...ช่างมันเถอะอย่างน้อยก็ยอมรับผมได้
ผมจะกลับก่อนแต่เหมือนแม่จะยังไม่อยากให้กลับมั้งคิดเข้าข้างตัวเอง
เลยอยู่แกล้งป้าแม่บ้านเล่นไปก่อนปกติผมไม่นั่งติดกันผลัดกันหอมไปมาแบบนี้หรอก
แต่เห็นป้าทำเป็นหงุดหงิดเหมือนจะว่าแต่ว่าไม่ลงหรือไม่กล้าว่าไม่รู้ก็สนุกดี
มันสนุกดีตอนทำให้ป้าแม่บ้านดูแต่พอเห็นแม่มาผมแทบจะดีดตัวออก
“ไอ้ต้องหยุดนะเดี๋ยวเหอะมึง” ผมโวยวายเพราะเหมือนไอ้เวนนี่จะยังไม่เห็นแม่ผมมา
“เต้ยไปเรียกพี่เค้าแบบนั้นได้ไงต้องเป็นพี่เต้ยตั้งหลายปีขอโทษพี่เค้าเร็ว” แม่ดุผม
“ขอโทษ” ผมขอโทษไปงั้นไม่ได้คิดไรปกติก็เรียกตามอารมณ์อยู่แล้ว
“เต้ยดีๆสิลูก” แม่เห็นผมไม่ตั้งใจขอโทษเลยโดนไปอีกดอก
“ขอโทษคับพี่ต้อง” ผมขอโทษไปแอบเคืองเพราะไอ้คนที่ผมขอโทษยิ้มหน้าระรื่นเลยทีเดียว
“ไม่เป็นไรคับน้องเต้ย” พี่ต้องยังคงยิ้มเหมือนสะใจอยู่
“เรียกแบบนั้นดีแล้วน่ารักดีออกเห็นไหม” แม่พยายามจะหาเรื่องคุยด้วยแต่ก็แปปเดียว
เดาว่าอาจเพราะพวกผมดูวางตัวกันไม่ถูกสักพักก็ลากลับเห็นพี่ต้องไปคุยไรกับแม่ไม่รู้แถมยิ้มๆอีก
คุยไรผมไม่สนอยู่แล้ว...เข้ากันได้ก็ดีจะได้ไม่ต้องมีปัญหาภายหลัง
“ไงพามาเปิดตัวสำเร็จนี่” พี่สาวผมเดินมาพูดกับผมเสียงเหมือนจงใจกัดกัน
“สถานการณ์พาไปมีอะไร ไม่มีอารมณ์มีเรื่องหรอกนะ” ผมบอกปัดหลังเห็นหน้าแล้วหงุดหงิดชอบกล
“คนอุตส่าห์จะมาบอกไมทำตัวแบบนี้ค่ะน้องชาย” พี่ผมทำเสียงออกแบ๋วน่าจับกดน้ำมากหึๆ
“อะไร” จริงอยากถามมึงจะเอาอะไร...เด๋วดูเป็นหาเรื่องกันเกินไป
“แฟนเก่าแสบดีโทรมาฟ้องถึงบ้านถือเป็นโชคดีเพราะวันนั้นพี่ไปเยี่ยมพ่อแล้วเป็นคนรับโทรศัพท์เอง”
พี่ผมพูดทำเอาหัวเสียไปแวปนึงถ้าพ่อรู้ตายแน่แม่ไม่เท่าไรแต่พ่อนี่ดิเหอๆกูไม่อยากจะจินตนาการ
“ยิ้มห่าไรของมึงห่ะ!?”ผมถามตอนเดินออกมาจากบ้านลาแม่กับป้าแม่บ้านเรียบร้อย
“เรียกแบบนี้อีกแล้ว”พี่ต้องตอบเสียงดูอารมณ์ดี
“ทำไมไอ้ต้อง” อารมณ์ดีผมก็หาเรื่องต่อดิ
“ว่าไงนะ” พี่ต้องพูดแล้วกระชากตัวผมไปพิงกับรถโดยมีมือทั้งสองข้างยันรถไว้กันผมหนี
ผมนึกว่าแกล้งเล่นๆพอมองมาเอาจริงนี่หว่าฉิบหายแล้วตู
“ทำไมหรอคับพี่ต้อง” ผมพูด...เอาตัวรอด
“คนนี้แหละ” พี่ต้องชี้มาที่ตัวผม
ผมเดาว่าคงอยากให้ผมแทนตัวเองด้วยชื่อมากกว่าแต่ไม่ละกูเกรงใจอายตัวเอง
“ความจำเสื่อมหรอ” ผมพูดกวนตีนกลับแต่ผลที่ได้รับคือ...
“เต้ย” เสียงพี่ต้องเริ่มดุขึ้น
“ไม่เอาเรื่องดิ” ...คนมันไม่อยากยังคับกันจิง
“เรียกผมอยู่ได้ไม่น่ารักเอาซะเลย” ไอ้ต้องพูดเหมือนน้อยใจมึงมามุขนี้กูมีมุขสู้นะเว้ย
“เออกูรู้ตัวว่าไม่น่ารักโทษทีเป็นได้แค่นี้แหละ” ผมพูดแล้วเงียบ
แล้วก็เงียบต่อจนถึงบ้านผมยังเงียบแต่ไม่ได้โกรธอะไรแค่เงียบเฉยๆ
ถึงบ้านก็ประมาณเที่ยงเพราะนานทีเข้ากรุงเทพเลยแวะติดต่องานด้วย
ผมก็นั่งเล่นบนเตียงเรื่อยเปื่อยปล่อยสติล่อง หายแล้วมันก็กลับมาเพราะถูกเรียก
“เต้ยคร้าบบบ” เรียกไม่พอนอนลงบนขาผม ผมเฉย
“เต้ยคนดีคับพี่หิวข้าว” พี่ต้องที่นอนสบายแถมเอามือผมไปกุมอีก
ผมก็งงดิอยู่ๆมาอะไรแล้วหัวสมองก็ประมาณผล คงนึกว่าผมงอลอยู่มั้ง
“ไปต้มมาม่าดิ” ไหนก็นึกว่างอลไปแล้วขอสวมบทบาทหน่อยแล้วกัน
“อยากกินฝีมือเต้ยนะคับ” พี่ต้องเอาหน้ามาไซร้แถวท้องน้อยผมอีก
ผมรู้สึกแปลกเริ่มมาไซร้ไรแถวนี้ผมเลยลุกเดินหนีแดดยังเปรี้ยงไม่ดีๆ
แต่โดนคว้าไว้ทันอีกมือคนหรืออะไรเร็วชะมัด(หรือกูช้าวะ!?)
“ปล่อยดิ” ผมสะบัดมือที่คว้าผมไว้เมื้อกี้ออก
“เฮ้พูดเล่นจะไม่หายโกรธ” เสียงไม่พอยังมาตีตาเศร้าอีก
”เต้ยจะไปทำให้กินไง” ผมแก้ตัวแต่เหมือนพี่ต้องจะไม่ยอมหยุด
“งั้นกินเต้ยก่อนได้ไหม” พี่ต้องไม่แต่พูดเดินไปปิดม่านแล้วกอดผมกันหนี