ตามที่บอกวันละนิด

ในห้องที่เมื่อกี้ผมยังว่าน่านอนตอนนี้บรรยากาศดูเครียดขึ้นมาทันที
นี่คือเรื่องที่ผมไม่อยากให้พ่อแม่รู้สำหรับผมมันไม่ใช่เรื่องน่าเครียด
แต่ในมุมมองผู้ใหญ่ผมไม่รู้แถมคนอย่างผมไม่เคยทำให้พ่อแม่ดีใจสักครั้ง
ตกลงเรื่องที่ผมทำอยู่มันดีจริงๆหรอ ผมทั้งเที่ยวทั้งดื่มแต่เด็กมีปัญหาจนพ่อแม่ต้องไปเคลียให้หลายครั้ง
เรียนก็แค่พอไปรอด แถมจบม.ปลายผมก็ไม่ยอมเรียนต่อแถมยังเป็นแบบนี้อีกผมทำผิดอีกแล้วใช่ไหม
ผมเอาแต่ใจตัวเองมากไปรึเปล่าที่ผ่านมา...ความคิดผมหยุดตอนมือพี่ต้องมากุมมือผมไว้แล้วพูดทำลายความเงียบตรงหน้า
“ผมขอโทษนะครับที่ทำน้องเค้าเป็นแบบนี้” เสียงนิ่งแต่มือที่กุมมือผมอยู่นั้นเย็นเฉียบ
แม่ผมเหมือนจะรอฟังคำพูดต่อไปส่วนผมพูดไรไม่ออกตอนนี้ผมรู้สึกผิดมากกว่า
“ผมเป็นคนเริ่มยุ่งกับเต้ยเองถ้าคุณแม่เกิดไม่ชอบเรื่องนี้”
“พูดบ้าอะไร” ผมหันไปพูดกับคนที่ยังกุมมือผมไว้
“แม่เลี้ยงเต้ยมาไม่ค่อยถูกนิสัยเป็นยังไงคงรู้กันอยู่แล้ว” แม่หันมามองผมถอนหายใจยาวแล้วพูดต่อ
แม่พอรู้เรื่องต้องมาเหมือนกันต้องโตกว่ารู้ใช่ไหมว่าคนอื่นจะมองเต้ยยังไงถ้าคิดกันเล่นๆก็เลิกกันเลยดีกว่าถือว่าแม่ขอร้อง”
“คงไม่ได้หรอกครับ” พี่ต้องพูดแล้วมองแม่ผมแต่เหมือนแม่จะไม่สนใจเท่าไร
“เต้ยกลับมาอยู่บ้านกันแม่” แม่ผมเริ่มบอกผมเชิงประโยคคำสั่งมากกว่า
“แม่แต่...” มันผิดจิงแต่ผมไม่อยากแยกจะโดนแยกอีกแล้วหรอครั้งที่แล้วพ่อก็มาดึงตัวกลับตอนนี้แม่หรอจะขัดได้ไง
“เรื่องนี้เราค่อยคุยกันอีกทีวันนี้เต้ยนอนที่บ้านแม่เลย” แม่ผมยังยืนยันความคิดเดิม
แล้วหันไปมองแม่บ้านประมาณคืนนี้ผมจะค้างที่นี่ด้วย
“ผมรอมาหนึ่งปีกว่าจะได้เจอกันใหม่ตอนนี้เพิ่งมาอยู่ด้วยกันแค่สองปี
ผมจะไม่ปล่อยให้หลุดมือไปอีกแล้วเพราะงั้นขอร้องแหละคับ” พี่ต้องขอร้องแม่ผม
ขอร้องหรอคนแบบนี้เนี่ยนะยอมขอร้องแม่ผม ผมดีใจที่ทำให้กันขนาดนี้แต่มันจะได้ผลอะไร
“ต้องเจอเต้ยเมื่อไรจากที่แม่รู้มาตอนนั้นลูกแม่แค่15ต้องรู้ใช่ไหมว่าแม่ทำอะไรได้ถึงตอนนี้เต้ยจะ18แล้ว”
แม่ผมพูดได้ดีทำเอาผมที่จะเถียงเงียบทันทีแน่นอนว่าเงียบทั้งคู่
Ps. ...
