[...Miracle Café...] คาเฟ่อลวน-คนอลเวง / +ตอนพิเศษให้อ่านแถม P.22
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [...Miracle Café...] คาเฟ่อลวน-คนอลเวง / +ตอนพิเศษให้อ่านแถม P.22  (อ่าน 222984 ครั้ง)

ออฟไลน์ k00_eng^^

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 647
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-2
วาโยต้องน่ารักมากแน่ๆเลย
อยากเห็นจัง

ออฟไลน์ inspirer_bear

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-5
โยน่ารักอะ

คนอื่นมองกันตาค้าง

อยากรู้มากมายว่าใครจะเป็นพระเอก

ใจลึก ๆ หวังให้เป็น ภูริ อะ 555 กรี๊ดๆๆๆ

แต่ก็ลุ้นว่าใครกันหนอ จะได้คู่กับวาโยคนน่ารักของเรา

alekung103

  • บุคคลทั่วไป
ว่าแล้ว ว่าโยต้องโดนแต่ง ญ แน่ๆ

หนุ่มๆ นี่ต้องหลงโยกันหมดแน่ๆ อิอิ

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
น่ารักขนาดทุกคนอึ้งนี่คงน่ารักมากๆเลยสินะ

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
น่ารักโดนใจล่ะซี๊  โด่  แน่จริงใส่ผ้ากันเปื้อนตัวเดียวดิ  .. หุ หุ

ออฟไลน์ Whatever it is

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3959
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +380/-8
โห หนุ่มหล่อๆตั้งเยอะแยะ แล้วมาหลงวาโยคนเดียว เสียดายของอะ 555

ออฟไลน์ ชัดเจนกาบ

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1695
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-23
ข้างอย่างแรง นิ สงสารโยจัง

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
ขนาดชุดเมดแต่ละคนยังตะลึงซะขนาดนี้ นี่ถ้าโยใส่หูกระต่ายน้อยเมื่อไร สงสัยงานนี้ คาเฟ่พังแน่ๆ 555

ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4


เอาตอน 12 มาเสิร์ฟ แล้วจ้า  ใกล้ทันต้นฉบับที่ปั่นค้างไว้แล้วค่ะ ถ้าทันเมื่อไหร่ คงไม่ได้มาโพสถี่แบบนี้แล้วนะคะ ต้องแล้วแต่จังหวะค่ะ ถ้าปั่นไวก็ลงไวค่ะ .... :o8:




Miracle Café /12



    “ยินดีต้อนรับกลับบ้านครับ คุณหนู”

    รอยยิ้มและเสียงทักทายอย่างอ่อนโยน ทำให้หญิงสาวที่เข้ามาในร้านต่างตกตะลึง และยิ่งเมื่อพวกเธอได้รับทราบจากพนักงานในร้านแจ้งว่าวันนี้มีอีเวนท์พิเศษของทางร้าน พวกเธอบางคนก็รีบโทรบอกเพื่อนฝูงที่รู้จักทันที วันนี้ทั้งวันจึงมีแขกสาว ๆ มากเป็นพิเศษ  ทว่าแขกที่เป็นผู้ชายและเริ่มเป็นขาประจำของร้านเพราะติดใจรสชาติอาหารและเครื่องดื่ม ก็ยังคงมีมาอุดหนุนที่ร้าน และกำลังเพลิดเพลินกับอาหารตาตรงหน้าอยู่เช่นกัน

    “จะรับอะไรเพิ่มอีกไหมคะ นายท่าน”

    วาโยถามด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส แม้จะรู้สึกฝืนใจตัวเองสักเพียงใด แต่สำหรับเขาหน้าที่ต้องมาก่อนเรื่องส่วนตัวเสมอ

    “เอ่อ...ถ้าอย่างนั้น ขอเป็นลาเต้ร้อนอีกสักแก้วแล้วกันครับ”

    คนที่ดื่มกาแฟไปแล้วสองแก้วบอกพร้อมยิ้มหวานเยิ้ม โดยไม่เฉลียวใจสักนิดว่าสาวน้อยตรงหน้า เป็นคนเดียวกับพนักงานเสิร์ฟหนุ่มน้อยวาโยที่เขาคุ้นหน้าคุ้นตาดีอยู่แล้ว  อีกอย่างเพราะน้ำเสียงของวาโยนั้นถึงไม่ได้แหลมสูงเหมือนผู้หญิง แต่ก็ไม่ได้ทุ้มห้วนห้าวแบบผู้ชายทั่วไป เรียกว่าเป็นน้ำเสียงโทนที่ฟังสบาย ๆ จึงไม่ขัดกับการแต่งหญิงของเจ้าตัวเลยสักนิด

    “รับเป็นลาเต้ร้อนเพิ่มนะคะ กรุณารอสักครู่นะคะนายท่าน”

    วาโยบอกแล้วยิ้มหวาน ทำเอาคนมองใจเต้นตึก ๆ ทว่าไม่ใช่มีแค่เพียงลูกค้าเท่านั้นที่ใจเต้น แต่กวินที่หันมาเห็นพอดี ก็อดใจเต้นตามไม่ได้ ชายหนุ่มพยายามบอกตัวเองไม่ให้คิดเพ้อเจ้อกับเพื่อนไปมากกว่านี้ แต่ดูเหมือนยิ่งเห็นรอยยิ้มของวาโย ก็ยิ่งทำเอาเขาฟุ้งซ่านหนักขึ้นอีก

    “คุณวินคะ...คุณวิน...ได้ยินพวกเราไหมคะ”

    บรรดาสาว ๆ แขกขาประจำแฟนคลับของกวินเรียกชื่อชายหนุ่ม เมื่อเห็นอีกฝ่ายกำลังตกอยู่ในภวังค์คิดของตน กวินสะดุ้งเฮือก รีบตั้งสติ แล้วตีสีหน้าเศร้าทันทีก่อนที่พวกเจ้าหล่อนจะไม่พอใจ

    “อา... ขออภัยด้วยครับ...เพราะความงดงามของพวกคุณหนูที่น่ารักทุกท่าน จึงทำให้ผมเผลอลืมตัวตกตะลึงเกินไปหน่อย ต้องขออภัยเป็นอย่างสูงจริง ๆ ครับ”

    พอสาว ๆ ได้ยินก็แทบจะเขินจนเกือบจะเป็นลม  ทางด้านกวินจึงลอบถอนหายใจ และพยายามกลับมาตั้งสมาธิต่อหน้าที่ของเขา  ชายหนุ่มหวนคิดถึงถ้อยคำของปวีร์ที่เน้นย้ำก่อนจะถึงเวลาเปิดร้านว่า การเอาใจใส่ดูแล คำพูดสุภาพอ่อนน้อมถ่อมตน และถ้อยคำหวานชนิดที่ไม่มีใครกล้าพูดได้ในชีวิตจริง คือสิ่งที่พ่อบ้านคาเฟ่ควรพึงกระทำต่อลูกค้า   โดยเฉพาะลูกค้าสาว ๆ ที่ต้องดูแลเอาใจใส่พวกเธอให้เป็นพิเศษยิ่งกว่าทุกวันที่ผ่านมา



     อีกด้านหนึ่งภูริและการินเองก็ต้องรับศึกหนักไม่แตกต่างจากเพื่อนร่วมงานทั้งสองนัก โดยเฉพาะภูริลูกค้าบางคนระบุเจาะจงให้เขามาเสิร์ฟเท่านั้น ทำให้ชายหนุ่มต้องวิ่งวุ่นไปเลยทีเดียว

    ทางด้านการินเองแม้จะเป็นหนุ่มหน้าสวย แต่ก็มีลูกค้าสาว ๆ มาให้ความสนใจเขาอยู่มากเช่นเดียวกัน แถมในจำนวนนั้นยังเป็นพวกแปลก ๆ ที่พูดคุยซุบซิบกันในเรื่องที่ชายหนุ่มฟังแล้วไม่เข้าใจ ทว่าสายตาที่มองจับจ้องมาที่เขานั้น ทำให้การินรู้สึกเสียวสันหลังวาบ ๆ ยังไงไม่รู้พิกล

    “บ้ารึ! แบบนี้เขาเรียกเมะหน้าสวยย่ะ คุณการินเขาออกจะแมน”

    เสียงซุบซิบแว่ว ๆ เข้าหูทำให้การินที่กำลังเดินไปนำเหยือกน้ำมาเสิร์ฟโต๊ะข้าง ๆ ชะงัก

    “อะไรกัน หน้าสวยแบบนี้เป็นรุกเสียดายตาย ต้องรับอย่างเดียวเท่านั้นจ้ะ”

    การินขนลุกซู่ แม้จะยังคงสงสัยว่าสิ่งที่โต๊ะข้าง ๆ นั้นพูดหมายถึงอะไร แต่สัญชาตญาณเฉพาะตัวมันเตือนให้เขารู้ว่า ตัวเขาไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวในสิ่งที่พวกเจ้าหล่อนกำลังพูดถึงอย่างเด็ดขาด

   

    “อืม...ไม่คิดว่าจะได้ผลการตอบรับเกินคาดแบบนี้เลยแฮะ นี่ขนาดอาทิตย์แรกนะเนี่ย”

    ปวีร์ที่มองอยู่หลังบาร์พึมพำเบา ๆ แล้วจึงหันไปปรึกษาราเมศ ที่กำลังยืนคอยออเดอร์ลูกค้าอยู่ข้าง ๆ

    “จ้างพนักงานพาร์ทไทม์สักคน มาทำงานเฉพาะวันเสาร์ดีไหม”

    คนฟังจ้องตอบ ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ

    “ไว้ดูสถานการณ์สักอาทิตย์สองอาทิตย์ก่อนไม่ดีกว่าหรือ ...ไม่แน่เสาร์หน้าคนอาจจะน้อยกว่านี้ก็ได้”

    “ไม่มีทาง! ฉันได้ยินลูกค้าคุยกันเลยว่า เสาร์หน้าจะนัดเพื่อน ๆ มาที่ร้านอีก ...นี่ฉันยังกังวลเลยว่า ที่นั่งของเราจะพอรับรองลูกค้าได้หรือเปล่าน่ะสิ”

    ขวัญแก้วเอ่ยแทรกขัด  ทำให้ราเมศนิ่งเงียบ แล้วถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะหันไปบอกกับเพื่อนสนิท

    “ถ้าอย่างนั้นก็แล้วแต่นายแล้วกัน ยังไงนายก็เป็นเจ้าของร้านนี่”

    “หึ ๆ แต่นายเป็นหุ้นส่วน ‘คนสำคัญ’ ของฉันนี่นา จะทำอะไรฉันก็ต้องปรึกษาก่อนสิ”

    ปวีร์บอกพลางเน้นบางคำเป็นพิเศษ ทำให้ขวัญแก้วที่ฟังอยู่หัวเราะคิกคัก จนราเมศเริ่มไม่สบอารมณ์ เห็นดังนั้นปวีร์จึงอมยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้น

    “เอาล่ะ งั้นฉันไปวางแผนการก่อนแล้วกัน ... บางทีอาจจะต้องปรับปรุงภูมิทัศน์ด้านนอกสักหน่อย พื้นที่หน้าร้านเราก็ค่อนข้างกว้าง ลูกค้าส่วนใหญ่ก็มักจะมาเป็นกลุ่ม ที่จอดรถก็พออยู่แล้ว  ถ้ายังไงอาจจะปรับปรุงตรงหน้าร้านให้เป็นที่นั่งนอกร้านก็ได้ ...แต่คงต้องวางแผนตกแต่งกันหน่อยแล้วล่ะ... เน้นร่มรื่น กันแดด และเย็นสบาย ไม่แตกต่างกับในร้านได้ก็จะดีไม่น้อย”

     จากนั้นเจ้าของร้านหนุ่มจึงขอตัวกลับขึ้นห้องทำงาน ทำให้ราเมศมองตามและลอบถอนหายใจอีกครั้ง ลองแบบนี้พอถึงพักกลางวัน เขาคงจะต้องเอาอาหารขึ้นไปให้เจ้าตัวกินถึงห้องอีกแน่ ๆ

    “ว่าแต่ฉันเองก็ไม่คิดว่ามันจะเวิร์กถึงขนาดนี้ล่ะนะ ... แต่ถ้าให้พูดในฐานะผู้หญิง บางทีเราก็อยากให้มีหนุ่ม ๆ คอยเอาใจเราเหมือนเป็นคุณหนูผู้อ่อนแอแบบนี้สักครั้งเหมือนกันนั่นล่ะ”

    ขวัญแก้วบอกแล้วมองสภาพในร้านด้วยรอยยิ้ม ทำเอาราเมศเหลือบไปมองคนที่อยากลองอ่อนแอ ตาปริบ ๆ ก่อนจะถอนหายใจตามมาอีกครั้งในที่สุด



    ช่วงพักครึ่งแรกของพนักงานในร้านวันนี้เป็นเวลาพักของวาโยและการิน ทำเอากวินนั้นทั้งนึกเสียดายและโล่งอก เพราะขืนเขาได้พักพร้อมรูมเมทในสภาพนั้น คงทำให้เขายิ่งฟุ้งซ่านจนเผลอแสดงอะไรแปลก ๆ ออกไปให้อีกฝ่ายเห็นเป็นแน่

    “...พอหมอนั่นไปพัก ลูกค้าผู้ชายในร้านก็น้อยลงทันตาเห็นเลยนะเนี่ย”

    ภูริพึมพำอย่างนึกทึ่ง เขาไม่เคยคิดมาก่อนเหมือนกันว่า วาโยจะแต่งหญิงออกมาได้เหมาะเจาะขนาดนั้น นี่ถ้าไม่รู้มาก่อนแล้วบอกว่าอีกฝ่ายเป็นผู้หญิงเขาก็คงเชื่อ และถึงวาโยจะไม่ได้หน้าสวยเด่นสะดุดตาขนาดการิน แต่เครื่องหน้าของอีกฝ่ายนั้นก็ดูหวานชวนมอง ยิ่งเฉพาะตอนยิ้ม เขาไม่แปลกใจอะไรเลยว่า จะมีลูกค้าชายมาหลงเสน่ห์ชายหนุ่มเอาเข้าแบบวันนี้ และถึงแม้ลูกค้าจะรู้ความจริง เผลอ ๆ ก็ยังอาจจะมีคนที่ตัดใจไม่ได้ หลงเหลือมาที่ร้านเพราะวาโยอีกก็ได้

    “จะว่าไป วันนี้ไม่เห็นน้องผู้ชายคนนั้นเลยนะคะ คนที่ยิ้มเก่ง ๆ น่ารัก ๆ น่ะค่ะ”

    ลูกค้าที่ภูริกำลังบริการชวนคุย ทำให้ชายหนุ่มชะงัก นิ่งคิดหนักว่าจะบอกความจริงอีกฝ่ายดีหรือไม่

    “เขาชื่อน้องโยย่ะ... แต่จะว่าไปก็ไม่เห็นเลยจริง ๆ วันนี้เขาลาหรือคะ”

    ลูกค้าสาวที่มาด้วยกันบอกเพื่อนแล้วหันไปถามภูริอย่างสงสัย ชายหนุ่มถอนหายใจ แล้วจึงตัดสินใจบอกออกไปตามตรง

    “เขาก็มาทำงานนี่ล่ะครับ ...แต่เพิ่งไปพัก เมื่อครู่นี้เอง”

    ลูกค้าสาวในโต๊ะนั้นทำท่างุนงง ก่อนจะเบิกตากว้างตามมา เมื่อนึกอะไรบางอย่างออก

    “อย่าบอกนะคะว่า เมดคนนั้นคือ...”

    ภูริยิ้มรับ ก่อนจะสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงกรี๊ดจากสาว ๆ ในกลุ่มตามมา

    “กรี๊ด! ไม่จริง เราก็ว่าหน้าคุ้น ๆ แต่ไม่คิดว่า....  อ๊าย! รู้งี้แอบถ่ายรูปเอาไว้ก็ดีหรอก!”

    ขวัญแก้วที่ได้ยินเสียงดังมาจากโต๊ะลูกค้าแย้มยิ้มนิด ๆ กับเนื้อความในประโยคนั้น เธอหยิบโทรศัพท์โทรขึ้นไปหาปวีร์ เพียงไม่กี่นาทีชายหนุ่มก็ลงมาที่ร้าน แล้วเดินไปหาสาว ๆ กลุ่มนั้น

    “สวัสดีครับ...ผมชื่อปวีร์เป็นเจ้าของร้าน Miracle café ยินดีที่ได้รู้จักคุณสุภาพสตรีผู้น่ารักทุกท่านครับ”

    สาว ๆ กลุ่มเดิมเบิกตาค้างด้วยความตกตะลึง เพราะเพิ่งเคยเจออีกฝ่ายเป็นครั้งแรก แถมพวกเธอไม่เคยคาดคิดเลยว่า ร้านกาแฟแห่งนี้จะมีเจ้าของยังหนุ่มแถมหล่อดาราอายขนาดนี้มาก่อน

    “พอดีทางผมมีโปรโมชันของร้าน มานำเสนอกับทุกท่าน หากสนใจก็สามารถติดต่อผม หรือทางคุณสุภาพสตรีที่ประจำตรงบาร์นั่นได้เลยนะครับ”

    ปรวีร์แจกแผ่นใบปลิวสีที่เขาทำขึ้นให้กับสาว ๆ กลุ่มนั้น และเดินแจกให้กับลูกค้าโต๊ะอื่น ๆ ในร้าน ก่อนจะนำไปวางไว้ตรงแคชเชียร์ที่รุจยืนอยู่ ซึ่งขวัญแก้วก็รีบหาตะกร้าน่ารัก ๆ มาวางใบปลิว พร้อมเอาที่ทับกระดาษเล็ก ๆ ทับไว้อย่างรู้งาน

    “ถ้ามีลูกค้ามาซื้อขนม หรือเครื่องดื่มกลับบ้าน ก็ช่วยแจกใบปลิวนี้ไปด้วยเลยนะ”

    รุจพยักหน้ารับก่อนจะเหลือบดูเนื้อหาในใบปลิวอย่างอดไม่ได้ เพราะเสียงกรี๊ดกร๊าดและพูดคุยเซ็งแซ่หลังจากได้อ่านโปรโมชันที่ปวีร์แจกไป ตอนนี้กำลังดังระงมไปทั่วร้าน จนพวกวาโยและการินที่กำลังพักนึกสงสัยเลยทีเดียว

    “โปรโมชันสำหรับลูกค้าที่อุดหนุนทางร้านตั้งแต่ 300 บาทขึ้นไปต่อ 1 ใบเสร็จ  ทางร้านจะมีของที่ระลึกของร้านมอบให้ และท่านยังสามารถนำใบเสร็จนั้นมาแลกสิทธิเพื่อถ่ายรูปแนบชิดกับพนักงานของร้านที่ท่านชื่นชอบได้ 1 ท่าน / กลุ่ม ต่อ 1 รูป ซึ่งทางร้านจะอัดรูปด่วนให้ท่านในทันที....”

    รุจอ่านข้อความในใบปลิวพลางกลืนน้ำลายลงคอ เพราะเท่าที่ดูจากปฏิกิริยาของลูกค้าแต่ละคนในร้านแล้ว มีหวังเพื่อนร่วมงานของเขาบางคนคงต้องเหนื่อยหนักแน่ เพราะว่าในร้านนั้นมีกฎห้ามถ่ายรูป ถึงแม้จะมีคนแอบถ่ายรูปพนักงานของร้านไปบ้างก็ตาม  แต่เมื่อเทียบกับภาพที่เจ้าตัวเต็มใจพร้อมให้ถ่าย หรือสามารถถ่ายพร้อมกับคนที่ตัวเองสนใจ มีหรือที่ลูกค้าทั้งหลายซึ่งเล็งถ่ายรูปหนุ่ม ๆ ในร้านเอาไว้ จะพลาดโปรโมชันอันแสนจะเย้ายวนนี้ได้

    “น่าเสียดายลูกค้าของวาโยที่กลับไปแล้ว ...ฉันไม่คิดว่าจะมีคนสนใจตั้งแต่เริ่มต้นแบบนี้นี่ ความจริงตั้งใจจะแจกใบปลิวตั้งแต่วันจันทร์เป็นต้นไปแท้ ๆ”

    ปวีร์เดินกลับมาบ่นกับขวัญแก้ว แต่รุจกับราเมศที่อยู่แถวบาร์ด้วย ต่างฝ่ายต่างหันไปลอบถอนหายใจเบา ๆ แทน

    “พวกนายก็ด้วยนะ ถ้าลูกค้าเลือก ก็ต้องถ่ายรูปด้วย”

    ปวีร์หันมาบอกยิ้ม ๆ ทำเอาทั้งคู่สะดุ้ง โดยเฉพาะราเมศ

    “รวมฉันด้วยหรือไง!”

    “แน่นอน ฉันระบุไว้นี่ว่า พนักงานของร้าน นายก็เป็นพนักงานไม่ใช่หรือไง เพราะฉะนั้นถ้ามีลูกค้าต้องการถ่ายรูปด้วยล่ะก็ ห้ามขัดเด็ดขาดล่ะ”

    ปวีร์บอกแล้วยิ้มหวาน แต่อีกฝ่ายนี่สิหน้าเริ่มบึ้งจนเห็นได้ชัด

    “ไม่เอาน่าเม คิดดูสิว่าวีเองก็ต้องฝืนใจขนาดไหน ที่ยอมให้เมไปถ่ายรูปกับสาว ๆ คนอื่นน่ะ ...จริงไหมวี”

    ขวัญแก้วขัดขึ้นพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ เห็นดังนั้นปวีร์จึงรับมุกหญิงสาวต่อ

    “ไม่เป็นไรหรอกแก้ว  แค่นี้ฉันทนได้ ...แต่คิดในแง่ดี คนที่ฉันรักมีคนมาสนใจแบบนี้ มันก็น่าปลื้มอยู่ไม่ใช่หรือไง”

    “โถ วี...ช่างเป็นคนที่ใจกว้างจริง ๆ เนอะเม”

    หญิงสาวหันมาทางบาริสต้าหนุ่ม ซึ่งอีกฝ่ายก็กัดฟันกรอด ๆ แล้วกระแทกเสียงตอบ

    “เออ!”

    “ฮ่า ๆ เอาน่า อย่าซีเรียสไปหน่อยเลย เดี๋ยวลูกค้าตกใจพอดี”

    ปวีร์บอกอย่างไม่ใส่ใจ แล้วขอตัวกลับไปทำงานต่อ ซึ่งหลังจากนั้นสักพักสาว ๆ กลุ่มที่เป็นแฟนคลับของภูริ ก็ขอใช้สิทธิ์ถ่ายรูปรวมกลุ่มกับชายหนุ่ม  ทว่าพวกเธอก็ยังคงบ่นเสียดายเรื่องวาโยในชุดเมด  ขวัญแก้วจึงไปบอกปวีร์ และชายหนุ่มก็ใจดีเนื่องจากเป็นลูกค้ากลุ่มแรกที่ร่วมโปรโมชัน จึงตามวาโยมาถ่ายรูปรวมกับพวกเธออีก 1 รูป สร้างความพอใจให้ลูกค้าสาวกลุ่มนั้นยิ่งนัก และก่อนกลับพวกเธอยังให้สัญญาว่า จะไปกระจายข่าวบอกต่อกับเพื่อน ๆ และคนรู้จักให้มาใช้บริการของร้านกันเยอะ ๆ แน่นอน

     

    “เฮ้อ! เมื่อไหร่จะถึงวันจันทร์เร็ว ๆ นะ!”

    วาโยบ่นกับตัวเองหลังจากเก็บกวาดโต๊ะที่ลูกค้ากลุ่มสุดท้ายเพิ่งลุกออกไป ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายสามโมงกว่าแล้ว ปกติช่วงนี้จะเป็นช่วงที่ไม่ค่อยมีลูกค้าในร้านเท่าใดนัก พวกเขาจึงได้มีเวลาพักผ่อนกันบ้าง แต่ถ้าใกล้ช่วงเย็นจนถึงร้านเลิก ช่วงนั้นจึงจะมีคนเยอะเป็นพิเศษ

    “แต่ฉันอยากให้มีวันเสาร์ทุกวันมากกว่านะ จะได้เห็นพวกเธอในชุดเท่ ๆ แบบนี้บ่อย ๆ ...จะว่าไปก็น่าเสียดาย ที่จะใส่ชุดแบบนี้แค่วันเดียว ... ว่าง ๆ ลองเสนอวีให้ทำแบบสอบถามลูกค้า โหวตว่าธีมไหนจะเป็นธีมยอดฮิต แล้วนำกลับมาจัดใหม่สักสองเดือนครั้งก็น่าจะดี”

    ขวัญแก้วเอ่ยขัดอย่างร่าเริง แถมยังเสนอความคิดที่ทำให้คนฟังบางคนต้องยิ้มแห้ง เพราะแค่นึกว่าต้องมาแต่งหญิงแบบนี้ซ้ำอีกหลาย ๆ ครั้ง เขาก็หมดอารมณ์ที่จะทำงานไปกว่าครึ่งแล้ว

    “ไม่เป็นไรหรอกน่า...นายก็แต่งออกมาสวยดีออก”

    กวินปลอบด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยเต็มเสียงนัก วาโยหันมามองคนพูด แล้วตีหน้ามุ่ยใส่

    “นายไม่ได้ต้องมาแต่งเองแบบฉันก็พูดได้น่ะสิ  เฮ้อ! ถ้าพวกเพื่อน ๆ ฉันมาเห็นล่ะก็ ไม่อยากคิดเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น พวกนั้นต้องลงไปนอนขำกลิ้งชักดิ้นชักงอแหงม!”

    แม้จะถูกบ่น แต่พอเห็นใบหน้าหวานนั่นตีหน้าบึ้ง กวินกลับใจเต้นแรง ใบหน้าแดงระเรื่อ แล้วรีบเบือนหน้าหนีไปมองอีกทาง พลางพยายามตั้งสติสงบอารมณ์ตัวเองเต็มกำลัง

    “หือ...มีลูกค้ามาแน่ะ”

    ภูริที่ได้ยินเสียงกระดิ่งตรงประตูร้านดังขึ้น บอกกับเพื่อนร่วมงาน ทุกคนเริ่มปรับเปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มแย้ม แล้วจึงหันไปทางประตูทางเข้าเป็นตาเดียว  ทว่าเมื่อประตูถูกเปิดออก และเห็นใบหน้าของลูกค้ารายล่าสุดได้ถนัดชัดเจน วาโยที่กำลังยิ้มหวานก็ยิ้มค้าง พลางเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ก่อนจะเผลอตะโกนเรียกคนตรงหน้าออกไปดังลั่น

    “เจ!!”





... TBC ...

ออฟไลน์ Whatever it is

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3959
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +380/-8
555 เพื่อนวาโยมาซะแล้ว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ patchylove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1585
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-4
 :กอด1: :กอด1: เอาเจมาเป็นพนักกงานพาร์ทไทม์ก็ดีนะ โยจะได้มีเพื่อน

jelatin99

  • บุคคลทั่วไป
กวินเริ่มหลงเสน่ห์โยแล้วสินะ ฮ่าาาา
สงสารราเมศโดนรุมแกล้งตลอด อิอิ
 รอตอนต่อไปนะคะ  :pig4:

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
แค่กำลังคิดว่าไม่อยากให้ความลับเปิดเผย...ความลับก็เลยได้เปิดเผยเลยสิเนี่ยโย

แอบเชียร์ภูริได้ไหมเนี่ย?

ออฟไลน์ inspirer_bear

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-5
เพื่อนหนูโยมา จะเป็นยังไงต่อไป

กวินเขินใหญ่เลยอะ ฮิ้ววววว

โยน่ารักมากใช่ไหมล่ะ

ชอบโย *0*//

shockoBB

  • บุคคลทั่วไป
เพื่อนมาเห็นโยคงอึ้งน่าดู

sarama

  • บุคคลทั่วไป
มิราเคิล คาเฟ่จริงๆค่ะ
เซอร์ไพร์สลูกค้าได้ทุกเสาร์ ไอเดียเจ้าของร้านบรรเจิดดี
อ่านแล้วแอบลุ้นว่างวดจะเป็นธีมแบบไหน

alekung103

  • บุคคลทั่วไป
เพื่อนมาเจอโยตอนแต่ง ญ

จะเป็นไงน๊า

ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4
แวะเอามาลงให้สองตอนต่อเนื่อง เพราะฉะนั้นตอนนี้ทันสต็อกที่แต่งแล้วนะคะ (หมายความว่าจะไม่ลงถี่แบบก่อนหน้านั้นแล้ว แต่จะพยายามปั่นให้ไว ๆ แล้วนำมาลงไม่ให้ดองนานนักค่ะ ^^"




Miracle Café /13




    จรัลสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ เขาหันไปมองยังต้นเสียงที่เรียกเขา ชายหนุ่มจ้องมองคนตรงหน้าอยู่สักพัก ก่อนจะทำตาโต แล้วตะโกนกลับไป

    “โย! นี่นายจริง ๆ หรือเนี่ย!”

    ขณะที่ทั้งสองคนกำลังนิ่งอึ้งกันทั้งคู่ ภูริจึงตัดสินใจเข้าไปแทรก แล้วหันไปยิ้มให้กับจรัล

    “มาใช้บริการของทางร้านใช่ไหมครับ รบกวนเชิญด้านในดีกว่านะครับ”

    จรัลชะงักกึก แล้วจึงเริ่มตั้งสติได้

    “คะ ครับ ...ผมว่าจะมาทานข้าวเย็นที่นี่”

    “ถ้าอย่างนั้นเชิญที่นั่งมุมนั้นดีไหมครับ”

    ภูริบอกแล้วจึงหันมาสบตากับวาโยเป็นเชิงให้อีกฝ่ายนำทางไป วาโยซึ่งตั้งสติได้ก็รีบพยักหน้ารับรู้ แล้วหันไปทางเพื่อนของเขา

    “มาทางนี้สิ...เอ๊ย เชิญทางนี้ได้เลย...ค่ะ”

    ท้ายประโยคเจ้าตัวพูดเสียงเบาด้วยความอับอาย ทว่าจรัลนั้นไม่ได้หัวเราะเยาะอะไร ตรงกันข้ามเขาดูมีท่าทางมึนงงอยู่เสียด้วยซ้ำ

    “จะรับเครื่องดื่มอะไรดี...คะ”

    วาโยถามตามหน้าที่ ทั้งที่ใบหน้าของเขาตอนนี้แดงก่ำไปหมด

    “เอ่อ...โย คือ ที่ว่าต้องมาทำงานเสิร์ฟนี่ นายจำเป็นต้องแต่งถึงขนาดนี้ด้วยเหรอ”

    จรัลถามอย่างอดสงสัยไม่ได้ วาโยมองหน้าเพื่อนแล้วจึงถอนหายใจเฮือกใหญ่

    “เฮ้อ! ก่อนหน้านั้นไม่ใช่แบบนี้หรอก ...แต่เฉพาะวันเสาร์มันเป็นอีเวนท์พิเศษน่ะ เลยต้องทำ ... นายไม่น่ามาวันนี้เลยนะเจ เลยแจ็คพ็อตเห็นของไม่น่าดูเข้าได้”

    วาโยบอกแล้วก็ถอนหายใจอีกเฮือก ทว่าจรัลนั้นกลับชะงักแล้วจึงยิ้มน้อย ๆ พลางกวักมือเรียกอีกฝ่ายเข้ามาใกล้ วาโยนั้นทำตามอย่างแปลกใจ แต่พอเขาเข้าไปใกล้จรัลก็ลูบหัวของเขาเบา ๆ แล้วยิ้มกว้าง

    “คิดมากน่า แต่งออกมาสวยดีออก สวยจนอยากถ่ายรูปเก็บไว้ดูเลย ...จริงสิขอสักใบได้ไหม”

    วาโยชะงัก ก่อนจะหน้าบึ้งแล้วกระแทกเสียงใส่ด้วยความงอน

    “เสียใจ! ในร้านห้ามถ่ายรูป!”

    “โอ๋ ๆ อย่าโกรธน่า ...ไม่ถ่ายก็ไม่ถ่าย  แต่ลองโมโหได้แบบนี้ มันก็คงไม่ได้แย่สักเท่าไหร่หรอก จริงไหมล่ะ”

    จรัลบอกแล้วยิ้มให้ ซึ่งวาโยก็ทำเสียงฮึในลำคอ ก่อนจะถอนหายใจ แล้วจึงยิ้มน้อย ๆ ตอบ ความสนิทสนมของทั้งคู่ ทำให้หลายคนในร้านมองตามอย่างแปลกใจ และมีบางคนเริ่มรู้สึกไม่สบอารมณ์ขึ้นมาทีละน้อย

    “หมอนั่นนิสัยคล้ายนายนิด ๆ นะ”

    การินที่เดินผ่านกวินไปเอ่ยพึมพำเบา ๆ ทำให้กวินกัดฟันกรอด แล้วหันมองตามหลังคุณหนูหน้าสวยซึ่งกำลังยกยิ้มน้อย ๆ อย่างถูกใจที่สามารถเอาคืนทำให้อีกฝ่ายหัวเสียได้บ้าง

    “ไหน...เพื่อนวาโยมาหรือ  อ้อ... เด็กคนนั้นนั่นเอง”

    ปวีร์ที่ลงมาด้านล่างเพราะขวัญแก้วติดต่อขึ้นไปพึมพำเบา ๆ อย่างถูกใจ แล้วจึงเดินไปทักทายจรัลถึงที่นั่ง

    “สวัสดี เจอกันอีกแล้วนะครับ”

    “เอ่อ...สวัสดีครับ”

    จรัลโค้งศีรษะน้อย ๆ ตอบอย่างมีมารยาท เพราะยังไงอีกฝ่ายก็อายุมากกว่าและยังเป็นเจ้านายของเพื่อนสนิทอีกด้วย

    “แวะมาหาวาโยหรือครับ”

    ปวีร์ถามต่อ ซึ่งวาโยที่กลับมาจากสั่งเครื่องดื่มก็มองมาทางทั้งคู่อย่างเป็นกังวลเล็กน้อย

    “ก็ไม่เชิงหรอกครับ พอดีอยากมาหาอะไรกินด้วย ได้ข่าวจากโยว่าเชฟที่นี่ทำอาหารอร่อยมาก ผมเลยตั้งใจจะมาลองชิมฝีมือสักหน่อย”

    จรัลตอบไปตามตรง ซึ่งปวีร์ก็พูดคุยกับอีกฝ่ายสองสามประโยคแล้วจึงหันไปทางวาโย ก่อนจะยิ้มน้อย ๆ อย่างเจ้าเล่ห์

    “ถึงจะเป็นเพื่อนสนิทยังไง แต่ในร้านลูกค้าก็คือลูกค้า เพราะฉะนั้นเธอต้องปฏิบัติตัวต่อเขาให้เหมือนกับลูกค้าทุกคนเข้าใจไหม”

    วาโยยิ้มแห้ง ๆ แล้วจึงพยักหน้ารับคำ ก่อนจะหันไปพยายามปั้นยิ้มหวานให้กับเพื่อนสนิท เขาเดินเข้ามาหยิบเมนูอาหารส่งให้กับจรัล แล้วบอกกับอีกฝ่ายด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ

    “เมนูอาหารของทางร้านค่ะ ...สำหรับเมนูแนะนำในวันนี้  ขอแนะนำโฮมเมดพิซซ่า และโฮมเมดไส้กรอกนะคะ”

    ถ้าอีกฝ่ายไม่ใช่เพื่อนสนิท จรัลคงคิดว่าเมดสาวคนนี้น่ารักน่าจีบ แต่ในเมื่อรู้ทั้งรู้อยู่เต็มอก เขาจึงได้แต่ยิ้มเจื่อน ๆ  แล้วสั่งอาหารไปสองสามอย่าง 

      “งานบริการมันก็ไม่ง่ายอย่างที่คิดเลยจริง ๆ ด้วยนะ”

    จรัลพึมพำกับวาโยที่กำลังจดโน้ต ชายหนุ่มชะงักมือ ก่อนจะกระซิบตอบด้วยใบหน้ายิ้มเนือย ๆ

    “แต่ถ้าชินได้มันก็ไม่เลวร้ายอะไรนักหรอก...”

    จรัลมองเพื่อนของเขาในสภาพเมด ก่อนจะจินตนาการถึงตัวเองหากต้องถูกจับแต่งบ้าง แล้วจึงขนลุกขนชันตามมา

    “สำหรับฉันยังไงมันก็ยากอยู่ดี”

    วาโยยิ้มแห้ง ๆ แล้วจึงขอตัวไปดูแลโต๊ะอื่น เนื่องจากเริ่มมีลูกค้าทยอยเข้าร้านกันบ้างแล้ว

   

    หลังจากเครื่องดื่มและอาหารถูกนำมาเสิร์ฟ จรัลก็กินไปเรื่อย ๆ อย่างไม่รีบร้อนนัก ทว่าระหว่างกินเขาซึ่งนั่งอยู่มุมสุดของร้านก็สอดส่ายสายตามองไปรอบ ๆ อย่างนึกทึ่งต่อบรรยากาศภายในร้าน ...ที่เขาอยากมานั่งกินที่นี่ไม่ใช่แค่เพราะว่าวาโยทำงานอยู่เท่านั้น แต่เพราะได้ยินคำล่ำลือว่าคาเฟ่ที่เพิ่งเปิดใหม่ นอกจากมีพนักงานหน้าตาดี ๆ เต็มร้านไปหมด  เรื่องอาหารและเครื่องดื่มก็ยังอร่อยมาก เรียกได้ว่าคุ้มค่ากับราคาทุกบาทที่จ่ายไปจริง ๆ

    “อร่อยอย่างที่โม้ไว้จริง ๆ ด้วยแฮะ ...น่าอิจฉาหมอนี่เหมือนกันที่ได้กินฝีมือสุดยอดอย่างนี้ทุกวัน”

    จรัลพึมพำ ก่อนจะสะดุ้งเมื่อมีหนุ่มหล่อหน้าตาดีตัวสูงไล่เลี่ยกับเขา เดินเข้ามาขออนุญาตเสิร์ฟน้ำเปล่าแก้วที่ว่างอยู่ให้

    “อ๊ะ ขอบคุณครับ”

    จรัลบอกแล้วยื่นแก้วน้ำให้อีกฝ่าย ทว่าเขาก็ต้องชะงักมือเล็กน้อย เมื่อนัยน์ตาของอีกฝ่ายนั้นฉายแววไม่เป็นมิตรขึ้นมาวูบหนึ่ง

    “ได้แล้วครับ”

    จรัลรับน้ำกลับมาอย่างสงสัย เขาจำได้ว่าไม่เคยรู้จักเห็นหน้าค่าตาอีกฝ่ายมาก่อน แต่ทำไมถึงได้ถูกมองเหมือนไม่ถูกชะตาแบบนี้ได้ แม้จะเป็นเพียงแค่ครู่เดียว และใบหน้านั้นจะกลับมายิ้มแย้มตามปกติก็ตาม

    “ออเดอร์โต๊ะห้าได้แล้วค่ะ”

    ขวัญตาที่ยกอาหารออกมาวางที่เคาท์เตอร์ตะโกนด้วยน้ำเสียงใส ๆ เพราะเวลาบ่ายแก่ ๆ ใกล้ช่วงเย็นแบบนี้ พนักงานแต่ละคนต่างก็มีหน้าที่รับผิดชอบวุ่นวายจนอาจไม่ทันได้สังเกตว่าอาหารหรือเครื่องดื่มทำเสร็จพร้อมเสิร์ฟแล้ว

    “อ๊ะ เดี๋ยวฉันไปเอง”

    วาโยรีบหันไปบอกกับการินที่ติดจดออเดอร์ลูกค้า ทว่าระหว่างที่รีบ ๆ ชายหนุ่มก็ดันเผลอสะดุดขาตัวเองเกือบจะล้ม หากแต่กวินที่ถือเครื่องดื่มไว้มือขวาและอยู่แถวนั้นก็ใช้มือซ้ายเกี่ยวเอวอีกฝ่ายเอาไว้ได้ทันหวุดหวิด

    “ระวังหน่อยสิโย ไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้”

    กวินบอกแล้วยิ้มอย่างเอ็นดู วาโยมองอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มเขิน ๆ ส่วนลูกค้าบางคนนั้นปรบมือให้กับความว่องไวและแข็งแรงของกวินอย่างนึกทึ่ง

    ทว่ามีบางคนกลับจ้องมองภาพที่เห็นด้วยความรู้สึกซึ่งแตกต่างไป เจ้าตัวหรี่ตาเล็กน้อยอย่างวิเคราะห์พิจารณา ก่อนจะจ้องมองกวินนิ่งสักพัก แล้วจึงรอจังหวะที่ชายหนุ่มว่างเจาะจงเรียกอีกฝ่ายโดยเฉพาะ

    “มีอะไรให้รับใช้หรือครับ...นายท่าน”

    กวินบอกกับอีกฝ่ายอย่างสุภาพนอบน้อมให้สมกับเป็นอีเวนท์พิเศษ แม้จะรู้สึกหงุดหงิดที่อีกฝ่ายกับวาโยนั้นสนิทกันมากก็ตาม

    “ผมว่าจะสั่งของหวานสักหน่อย...พอจะมีอะไรแนะนำไหมครับ”

    จรัลบอกแล้วสังเกตท่าทางของอีกฝ่าย เขาจับความไม่พอใจเล็กน้อยที่แฝงมากับสายตานั้นได้ แม้มันจะถูกใบหน้าสุภาพยิ้มแย้มกลบเกลื่อนอยู่ก็ตามที

    “สำหรับของหวานทางร้านขอแนะนำ พุดดิ้งนมสด และพุดดิ้งคาราเมลนะครับ หรือถ้าท่านไม่ชอบอะไรที่หวานมากนัก เราก็มีขนมอบที่เป็นแบบโลว์ชูการ์ให้เลือก ...”

    ระหว่างที่กวินกำลังแนะนำ จู่ ๆ จรัลก็เอ่ยขัดขึ้น

    “โยน่ะชอบกินของหวานมากเลยรู้ไหม...โดยเฉพาะพวกน้ำแข็งไสนี่กินได้กินดี กินจนปวดท้องไปเป็นวัน ๆ ก็ยังไม่เข็ดสักที”

    กวินชะงักกึก มองอีกฝ่ายอย่างแปลกใจ ซึ่งจรัลก็จ้องมองตอบ พลางยกยิ้มน้อย ๆ ที่มุมปาก

    “ถ้าผมเดาไม่ผิด คุณคงเป็นรูมเมทของหมอนั่นสินะ...”

    กวินนิ่งอึ้ง แล้วจึงย้อนถามกลับ

    “คุณรู้ได้ยังไง”

    “ก็ลองเดาจากที่โยอธิบายลักษณะท่าทางรูมเมทของเขา ...คือผมกับโยน่ะสนิทกันมาก มีอะไรก็มักเล่าให้ฟังกันหมดนั่นล่ะ ...เขาบอกเขารู้สึกสนิทใจกับคุณ คงเพราะคุณมีนิสัยอะไรหลายอย่างที่คล้ายผม...”

    คำพูดของจรัลนั้นแทงใจดำของกวินเต็มที่ ชายหนุ่มกัดฟันกรอดก่อนจะพยายามตั้งสติไม่ให้โมโหไปมากกว่านี้

    “...ตกลงคุณลูกค้าจะรับของหวานอะไรดีครับ”

    “หึ ๆ ผมขอพุดดิ้งคาราเมลแล้วกัน”

    จรัลบอกแล้วทำเป็นให้ความสนใจกับวิวนอกร้านต่อ กวินนั้นกัดฟันนิด ๆ แต่ก็โค้งรับออเดอร์ แล้วจึงเดินไปสั่งของหวานด้วยความหงุดหงิด  จากนั้นจรัลจึงค่อย ๆ หันกลับมา แล้วถอนหายใจเบา ๆ

    “เพื่อนเราเนี่ยนะ ไปอยู่ที่ไหนก็มีแต่ตัวผู้ด้วยกันมาสนใจ ...สงสัยต้องเตือนให้ระวังสักหน่อยแล้ว...”

    จรัลพึมพำกับตัวเองก่อนจะชะงักเมื่อเห็นวาโยที่เดินผ่านกวินยิ้มหวานให้ชายหนุ่ม

    “...โยเอ๊ย ไอ้นิสัยเป็นมิตรเกินขอบเขตนี่เมื่อไหร่นายจะเลิกได้สักทีนะ ...เฮ้อ! ลองเป็นแบบนี้จะไปโทษอีกฝ่ายมันก็ไม่ถูกเสียทีเดียวล่ะนะ”

    จรัลบ่นเบา ๆ นึกเห็นใจกวินขึ้นมานิด ๆ แทน และพอกวินนำของหวานมาเสิร์ฟ ชายหนุ่มจึงเลิกแหย่อีกฝ่ายและพูดจาเป็นมิตรกว่าเดิม แถมยังเตือนทิ้งท้ายที่ทำให้คนฟังชะงัก

    “นี่คุณ อย่าหาว่าผมแส่เลยนะ ...ถ้ายังเพิ่งเริ่มชอบ ก็ถอนตัวถอนใจออกมาเสียก่อนดีกว่า เพราะถ้าถลำลึกแล้วหมอนั่นไม่เล่นด้วย มันจะเจ็บเสียเปล่า ๆ ยังไงก็ต้องทำงานร่วมกันอีกนานนะคุณ”

    กวินกลืนน้ำลายลงคอ เขาแย้งกลับไปเสียงแผ่ว

    “คุณพูดอะไร ผมไม่เข้าใจ”

    จรัลถอนหายใจค่อย ๆ แล้วจึงจ้องอีกฝ่ายนิ่งก่อนจะยิ้มน้อย ๆ

    “ผมเชื่อว่าคุณเข้าใจ ...เอาเถอะ ผมก็ได้แค่เตือน ...ผมไม่เคยเห็นเพื่อนผมมันจะมีแนวโน้มชอบผู้ชายด้วยกันมาก่อน ...ถ้าพวกคุณใจตรงกันก็ดีไป...แต่ถ้าไม่ รบกวนอย่าเปลี่ยนความชอบเป็นความโกรธเกลียด แล้วมาลงที่เพื่อนของผมก็แล้วกัน”

    จรัลพูดกับกวินอย่างตรงไปตรงมา และเพราะทั้งคู่คุยกันค่อนข้างเบา อีกทั้งที่นั่งบริเวณนั้นไม่มีใครอยู่ จึงไม่มีใครได้ยินว่าพวกเขาพูดอะไรกันบ้าง

    “ผมขอตัวก่อนนะครับ...”

    กวินบอกเสียงแผ่วแล้วเดินไปทำงานต่อด้วยความคิดอันสับสน เขาทบทวนคำพูดของจรัลและความรู้สึกของตัวเองอยู่ไปมา ก่อนจะเริ่มหน้าแดงนิด ๆ เพราะเพิ่งจะรู้ใจตัวเองว่า ที่เขาแปลก ๆ มาตั้งแต่เช้า แท้จริงแล้วนั่นเป็นเพราะเขาดันไปเผลอมีความรู้สึกแปลก ๆ ต่อรูมเมทของเขาเข้าให้แล้วนั่นเอง



     เมื่อทานอาหารตรงหน้าจนหมด จรัลจึงเรียกวาโยมาคิดเงิน และเจ้าตัวยังมอบ ‘ทิป’ ยัดใส่มือของอีกฝ่ายไป ซึ่งวาโยก็รับมาอย่างมึนงง

    “อะไรน่ะ...”

    วาโยรับนามบัตรสีดำของอีกฝ่ายขึ้นมาอ่าน ก่อนจะเบิกตากว้างอย่างตกใจระคนดีใจ

    “หรือว่า...นายได้งานแล้วหรือเจ!”

    “ใช่...เป็นฝ่ายกราฟฟิกในโรงพิมพ์น่ะ … พอดีฉันก็ลองไปเดินเตร่ ๆ แถวนั้น แล้วเจ้าของร้านกำลังมาปิดป้ายรับสมัครเพราะคนเก่าเขาลาออกไป ฉันก็เลยเข้าไปลองเทสงานดู แล้วก็ผ่าน  นี่ก็ทำงานกับเขามาได้ 2 วันแล้ว แต่วันนี้ที่ร้านปิดตกแต่งร้านใหม่ ฉันก็เลยว่างมากินที่ร้านนาย แล้วก็อยากจะบอกนายด้วยตัวเองยังไงล่ะ”

    วาโยยิ้มดีใจไปกับเพื่อนของเขาด้วยจากใจจริง เขาจับมือของจรัลขึ้นมาบีบแล้วพึมพำ

    “ยินดีด้วยนะเจ ที่ได้ทำงานที่ตัวเองชอบน่ะ”

    “อืม...นายก็เหมือนกัน เท่าที่เห็นก็ดูไม่เลวนัก ทั้งร้าน และเพื่อนร่วมงานก็ด้วย”

    จรัลบอกยิ้ม ๆ ทั้งคู่สนทนากันโดยไม่ได้สังเกตสายตาหลายคู่ในร้าน ที่มองมาอย่างทิ่มแทงระคนอิจฉา จากทั้งบรรดาลูกค้าชาย และพนักงานเสิร์ฟบางคน

    “งั้นฉันไปล่ะ ฝากบอกเชฟร้านนายด้วยว่าอาหารอร่อยมาก แล้วก็ ....”

    จรัลมองไปที่เคาท์เตอร์เขามองราเมศและขวัญแก้ว ก่อนจะยิ้มให้ทั้งคู่

    “เครื่องดื่มอร่อยมากครับ ผมไม่เคยกินกาแฟที่ไหนอร่อยเท่านี้มาก่อน ขนาดพวกกาแฟแก้วละร้อยกว่านั่น ยังไม่ถูกปากเท่านี้เลยด้วยซ้ำ”

    ราเมศและขวัญแก้วโค้งน้อย ๆ ขอบคุณ และยิ้มตอบ แต่พอจรัลจะเดินออกจากร้าน ปวีร์ที่จู่ ๆ ก็โผล่มาจากในครัวก็เอ่ยทักขึ้นก่อน

    “อ้าว กลับแล้วหรือครับ ไม่ถ่ายรูปกับพนักงานในร้านของเราก่อนกลับหรือครับ”

    จรัลหันไปมองอย่างงุนงง เพราะได้ยินที่วาโยบอกว่าในร้านห้ามถ่ายรูป แต่พออ่านใบปลิวที่รุจหยิบส่งให้ เขาก็ร้องอ๋อ ก่อนจะดูใบเสร็จตัวเอง

    “แต่ผมกินไม่ถึง...”

    ปวีร์เอานิ้วชี้มาแตะปากตนเองเป็นสัญญาณให้อีกฝ่ายหยุดพูด แล้วขยิบตาน้อย ๆ

    “เชิญทางมุมนี้ดีกว่าครับ มุมของร้านบริเวณนี้ เราตกแต่งไว้สำหรับให้เป็นที่ถ่ายรูปอยู่แล้ว หรือจะไปที่หน้าร้านก็ได้นะครับ”

    ปวีร์พาอีกฝ่ายไปยืนตรงพื้นที่ใกล้ตู้ขนมซึ่งเป็นที่เดินเข้าเดินออกของพนักงาน บริเวณนั้นเป็นพื้นที่ว่างซึ่งมีไม้ใบในกระถางตั้งประดับ และตกแต่งจัดมุมไว้อย่างโล่งโปร่งสบายตา อีกทั้งยังเป็นมุมที่มีตู้ไม้เอาไว้วางพวก จาน ช้อน ส้อม มีด รวมไปถึงเหยือกน้ำ และแก้วน้ำในร้านอีกด้วย

    จรัลเดินตามมายืนที่ปวีร์บอกอย่างว่าง่าย เขามองไปที่วาโยซึ่งหน้านิ่วคิ้วขมวดแล้วส่งสัญญาณปฏิเสธ ชายหนุ่มจึงยกยิ้มน้อย ๆ แล้วหันไปบอกปวีร์

    “ผมเลือกถ่ายกับน้องเมดคนนั้นแล้วกันครับ”

    ปวีร์หัวเราะเบา ๆ กับคำพูดของอีกฝ่าย ส่วนวาโยนั้นหน้างอ แล้วเดินเข้ามาใกล้เพื่อนพร้อมกับพึมพำฝากไว้ก่อนเบา ๆ

    “เอาน่า ยิ้มหน่อยสิ ถือเป็นของขวัญยินดีฉันได้งานใหม่แล้วกัน”

    จรัลกระซิบ ทำให้วาโยถอนหายใจก่อนจะยิ้มแย้มกว้าง จากนั้นจึงยอมเล่นตามน้ำโพสท่าถ่ายรูปอย่างเต็มที่กับเพื่อนของตน โดยทำเป็นควงแขนแล้วซบไหล่อีกฝ่าย เล่นเอากวินที่แอบมองอยู่ตาเบิกกว้าง กัดฟันกรอดอย่างหงุดหงิดขึ้นมาทีเดียว

    “เอ้า! ยิ้ม!”

    ขวัญแก้วที่รับอาสาถ่ายรูป บอกกับทั้งคู่ และจากนั้นเธอจึงต่อกล้องเข้ากับเครื่องพิมพ์ตัวเล็กประจำร้านโดยตรง แล้วพิมพ์ภาพถ่ายออกมาส่งให้กับชายหนุ่ม

    “รูปออกมาสวยมากเลยค่ะ ส่วนสำเนารูปถ้าสนใจเดี๋ยวจะส่งให้ทางมือถือนะคะ ต้องการด้วยไหมคะ”

     จรัลพยักหน้าตอบรับ หญิงสาวจึงหยิบคอมพิวเตอร์พกพาตัวจิ๋วของเธอมาจัดการโอนรูปถ่ายเข้ามือถือของร้าน แล้วจากนั้นจึงขอเบอร์อีกฝ่ายก่อนจะจัดส่งไปให้ เป็นอันเสร็จสิ้นกระบวนการ

    “ขอบคุณที่ใช้บริการของทางร้านนะคะ ไว้มาอุดหนุนใหม่นะคะ”

    ขวัญแก้วบอกแล้วยิ้มหวาน ทำให้จรัลหน้าแดงนิด ๆ แล้วยิ้มตอบ  สำหรับเขาผู้หญิงแท้ ๆ นี่ล่ะดีที่สุดแล้ว แต่พอมาเหลือบมองเพื่อนที่กำลังทำงานอย่างขยันขันแข็ง และมองรูมเมทคนปัจจุบันของเพื่อนที่แอบส่งสายตาไปมองเพื่อนเขาเป็นระยะ ชายหนุ่มก็ถอนหายใจเบา ๆ

    “สุดแล้วแต่เวรแต่กรรมแล้วกัน ...ถ้าทำบุญคู่กันมา ก็คงได้คู่กันล่ะนะ”

    จรัลพึมพำ แล้วเดินออกจากร้านไป โดยมีเสียงขอบคุณของพนักงานในร้านไล่ตามหลัง สร้างความประทับใจให้กับชายหนุ่มยิ่งนัก และคิดว่าถ้ามีโอกาสก็คงจะได้กลับมาอุดหนุนคาเฟ่ที่แสนวิเศษทั้งรสชาติอาหารและบริการแห่งนี้อีกครั้งแน่นอน


---TBC---

ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4


Miracle Café /14



    “เฮ้อ! เลิกงานสักที!”

    วาโยถอนหายใจยาวอย่างเหนื่อยล้า ถ้าเป็นตามปกติเขาก็คงไม่เหนื่อยทั้งกายเหนื่อยทั้งใจแบบนี้เท่าใดนักหรอก แต่พอเจอกับอีเวนท์พิเศษวันนี้เข้า ชายหนุ่มรู้สึกว่าที่ตัวเองทำงานมาตั้งแต่วันจันทร์จนถึงเมื่อวาน ยังไม่หนักหนาสาหัสเท่าวันนี้เลยด้วยซ้ำ

    “เหนื่อยขนาดนั้นเลยหรือเรา”

    ปวีร์ถามอย่างนึกขำ ทำให้วาโยหันมาทำหน้ามุ่ยใส่

    “เสาร์หน้าไม่เอาแบบนี้แล้วนะครับ!”

    “อืม...มันก็ต้องแล้วแต่ลูกค้าจะเรียกร้องล่ะนะ ถ้าเสียงตอบรับดี ก็อาจจะมีแต่งแบบนี้อีกรอบก็ได้”

    ปวีร์บอกแล้วยกยิ้มเจ้าเล่ห์ทำเอาคนฟังต้องกลืนน้ำลายลงคอ

    “อย่างน้อยก็ขอชุดแบบผู้ชาย ๆ กับเขาบ้างก็ยังดีนะครับ”

    “ไม่ได้ ๆ จุดขายของเธออยู่ที่ความน่ารักแบบสาวน้อย ขืนให้แต่งหนุ่มก็เรียกเรตติ้งให้ร้านไม่ได้น่ะสิ”

    ปวีร์ยืนกราน ทำให้วาโยถอนหายใจยาว นี่ถ้าเขาไม่ติดหนี้อีกฝ่ายถึงสามแสนล่ะก็ มีหวังคงจะต้องพิจารณาเรื่องทำงานที่นี่ใหม่เสียแล้ว

    “ถ้าอย่างนั้นรบกวนอย่าเซอร์วิสมากไปแล้วกันครับ...และก็ขอแบบมิดชิดด้วยนะครับ”

    วาโยบอกอย่างยอมจำนน ทำเอาปวีร์หัวเราะร่วน ส่วนคนอื่นนั้นมองมาที่ชายหนุ่มอย่างอดสงสารไม่ได้

    “เข้าใจอะไรได้ง่าย ๆ สมเป็นเธอเลยนะ  โอเค ฉันสัญญา จะไม่คิดชุดให้วาบหวิวเกินงามโดยเด็ดขาด”

    ปวีร์บอกแล้วก็โอบบ่าชายหนุ่มในชุดเมดให้ไปกินข้าวมื้อค่ำด้วยกันอย่างเอ็นดู สมาชิกคนอื่นทยอยเดินตามทั้งคู่เข้าไปในครัว วันนี้ทุกคนเหน็ดเหนื่อยกันมามาก อีกทั้งพรุ่งนี้ก็ยังเป็นวันหยุด ชานนจึงเตรียมมื้อค่ำแบบเต็มที่ให้ทุกคน ดังนั้นบนโต๊ะอาหารจึงกลายสภาพมาเป็นไลน์บุฟเฟต์ขนาดย่อมได้เลยทีเดียว

    “เฮ้อ! พรุ่งนี้ก็จะไม่ได้กินฝีมือคุณนนอีกแล้ว...รู้งี้ย้ายมาอยู่ที่บ้านพักกับหนุ่ม ๆ ด้วยก็ดี ...วีจ๋า สร้างห้องเพิ่มให้แก้วกับตาหน่อยสิจ๊ะ”

    ขวัญแก้วหันไปอ้อนเพื่อนชาย ทว่ากลับถูกราเมศกระแอมบ่นเบา ๆ

    “มากไป ๆ เดี๋ยวพ่อกับพี่ชายพวกเธอก็จะได้ตามมาแหกอกพวกฉันเข้าหรอก แค่ที่ยอมให้มาทำงานด้วยกันแบบนี้ ก็เพราะฉันไปช่วยพูดให้หรอกนะ”

    “เชอะ! ห่วงไม่เข้าเรื่อง หนุ่ม ๆ ในร้านนี้ก็ออกจะน่ารัก นิสัยดี แถมมีวี่แววจะไม่สนหญิงอีกด้วยซ้ำไป”

    ขวัญแก้วบ่นอุบเล่นเอาหนุ่ม ๆ แต่ละคนสะดุ้งโหยง แล้วมองหญิงสาวตาปริบ ๆ

    “เหอะ! ห่วงไม่เข้าเรื่องจริง ๆ ด้วยนั่นล่ะ อายุอานามก็ตั้งเลขสามนำหน้าแล้วแท้ ๆ”

    ราเมศแย้งอย่างหมั่นไส้ แต่ก็ทำให้สองสาวสะดุ้งเฮือก ส่วนหนุ่ม ๆ ต่างมีสีหน้าตกตะลึงไปตาม ๆ กัน

    “เลขสามแล้วไงยะ! ยังไงก็ยังสวยพริ้ง เด็ก ๆ อายล่ะนะ!”

    ขวัญแก้วบอกแล้วค้อนขวับให้อย่างนึกงอน ส่วนขวัญตาขมวดคิ้วยุ่ง แล้วแย้งอีกฝ่าย

    “ของตายังไม่ก้าวเข้าสู่ช่วงเลขสามนำหน้าอายุสักหน่อยนะคะ พี่เม...”

    ราเมศถอนหายใจแรงอย่างเหนื่อยอ่อน เพราะคนที่บอกว่ายังไม่ถึงช่วงวัยสามสิบนั้นอีกแค่ปีเดียวก็จะเข้าสู่วัยที่เจ้าตัวแย้งแล้วด้วยซ้ำ  ชายหนุ่มรีบยกมือยอมแพ้ เพราะเห็นสองสาวเตรียมจะหาเรื่องบ่นเขาอีก ส่วนหนุ่ม ๆ ซึ่งล้วนเป็นพนักงานใหม่นั้น ต่างยิ้มแห้ง ๆ กับตัวเอง เพราะพวกเขาคาดเดาอายุทั้งสองสาวโดยเฉพาะขวัญแก้ว ว่าไม่น่าจะเกิน 25-26 ปีด้วยซ้ำ แสดงว่าปวีร์ที่เป็นเพื่อนร่วมรุ่นกัน ก็คงอายุอานามได้สามสิบกว่าแล้วเช่นกัน มิน่าล่ะชายหนุ่มถึงชอบพูดกับพวกเขาเหมือนผู้ใหญ่กว่าหลายปีพูดกับเด็กอย่างนั้น

    “นายนี่นะ เอาอายุของสุภาพสตรีมาพูดในวงสนทนาได้ยังไง เสียมารยาทจริงเชียว”

    ปวีร์บอกกับเพื่อนสนิทอย่างนึกขำ ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องคุย โดยหันมาให้ความสนใจกับพนักงานคนอื่น ๆ ของเขา

    “พรุ่งนี้ถ้าใครจะออกไปไหนก็ให้แจ้งคุณนนเอาไว้แล้วกัน”

    ทุกคนต่างพยักหน้ารับรู้ พวกเขากินมื้อค่ำอยู่ครู่ใหญ่ ๆ เมื่ออิ่มหนำสำราญแล้ว จึงแยกย้ายกันเก็บกวาด ทำความสะอาดทั้งในครัวและบริเวณร้าน ก่อนจะปิดล็อกร้านและตรวจตราความเรียบร้อยโดยรอบอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าไม่มีปัญหาอะไรทั้งหมดจึงแยกย้ายกันกลับที่พักของแต่ละคน



    “เหนื่อยชะมัด!!”

    วาโยโพล่งดัง ๆ พลางยกสองมือดันขึ้นบิดกายอย่างเกียจคร้าน เมื่อกลับถึงห้องพักของตน แล้วจึงหันมาทางกวินที่เดินตามเขาเข้ามาเงียบ ๆ

    “น่าอิจฉานายชะมัด ได้ใส่ชุดเหมาะกับตัวเองแบบนี้”

    กวินเลิกคิ้วแล้วก้มลงมองตัวเองอย่างแปลกใจ

    “ฉันได้ยินพวกสาว ๆ ชม ว่านายแต่งชุดพ่อบ้านแบบนี้ขึ้นน่าดู ปกตินายก็หล่ออยู่แล้ว พอมีชุดเสริมก็ยิ่งหล่อไปอีก ฉันละอิจฉา อยากหน้าตาดี หุ่นแมน ๆ แบบนายบ้างจัง”

    วาโยบ่นอุบ ก่อนจะมองตัวเองแล้วถอนหายใจ ทว่าคนตรงหน้ากลับเผลอหลุดปากพึมพำเบา ๆ

    “ฉันว่านายแบบนี้ดูเหมาะกว่าอีกนะ...”

    “หือ? อะไรหรือวิน”

    คนที่ได้ยินไม่ชัด ลอยหน้าเข้ามาถามใกล้ ๆ ทำเอาอีกฝ่ายสะดุ้งโหยง หัวใจเต้นแรง หน้าแดงระเรื่อ แล้วแสร้งทำเป็นเมินมองไปทางอื่น

    “มะ...ไม่มีอะไร  นายไม่ชอบชุดตัวเองไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมไม่รีบถอดออกสักทีล่ะ”

    กวินเปลี่ยนเรื่องคุย ทำให้วาโยอุทานเบา ๆ อย่างนึกได้ แล้วจึงยิ้มหวานตามมา

    “จริงสิ ขอบใจที่เตือนนะ ฉันไปถอดชุดออกก่อนล่ะ”

    จากนั้นวาโยก็หายเข้าห้องนอนไป กวินนึกขอบคุณปวีร์ที่สร้างห้องชุดที่มีห้องนอนแยกต่างหากแบบนี้เป็นครั้งแรก เพราะขืนหากได้เห็นวาโยแก้ผ้าต่อหน้า เขาก็ไม่รู้จะเผลอหลุดปฏิกิริยาแปลก ๆ อะไรออกไปอีกหรือไม่ ทว่าพอกวินจะเปิดประตูเข้าห้องนอนของเขาบ้าง ชายหนุ่มก็สะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงรูมเมทดังมาจากห้องข้าง ๆ

    “วิน! วินมานี่หน่อยสิ!”

    กวินชะงักฝีเท้า เขามีท่าทางลังเลชั่วครู่ ก่อนจะตัดสินใจเปิดประตูห้องของวาโยเข้าไป ทว่าภาพที่เห็นก็ทำเอาเขาตาเบิกกว้าง พลางกลืนน้ำลายลงคออย่างลืมตัว

    “แกะกระดุมหลังไม่ค่อยถึงอะ ช่วยหน่อยสิ”

    วาโยที่ยังคงใส่วิกผมยาวรวบผมไปข้างหน้าเผยให้เห็นต้นคอขาวเนียน กระดุมเสื้อด้านหลังเม็ดแรกถูกปลดหลุดไปแล้ว ทำให้เสื้อผ้าที่ชายหนุ่มสวมอยู่ในสภาพหมิ่นเหม่ กวินหน้าแดงวาบ เขายืนอึ้งอยู่สักพักจนวาโยแปลกใจ

    “วิน...ยังอยู่ไหม”

    คนที่หันหลังให้ทำท่าจะหันกลับมามอง ทำเอากวินต้องรีบบอก

    “อยู่! เดี๋ยวแกะให้ แป๊บนะ!”   

    ชายหนุ่มรีบเดินมาแกะกระดุมให้อีกฝ่ายด้วยมืออันสั่นเทา ใบหน้าของเขาแดงระเรื่อจนหากวาโยหันมาเห็นต้องรู้สึกสงสัยแน่

    “สะ...เสร็จแล้ว ฉันกลับห้องนะ”

    “อ๊ะ เรียบร้อยแล้วหรือ ขอบคุณมาก ๆ เลยนะ”

    วาโยหันมายิ้มหวานให้ ทว่าอีกคนรีบหันขวับเดินกลับห้องไปเรียบร้อย ทำเอาชายหนุ่มต้องมองตามไปอย่างแปลกใจ

    “อะไรของเขากันหว่า”

    จากนั้นวาโยจึงเก็บเสื้อผ้าใส่ตะกร้าไว้เพื่อเตรียมซักในตอนเช้า เขาจัดแจงถอดวิกผมออกแขวนเอาไว้ แล้วตรงเข้าไปอาบน้ำชำระล้างร่างกายให้เรียบร้อย ก่อนจะพันผ้าขนหนูผืนเดียวออกมานั่งพักบนเตียง

    “อืม...พรุ่งนี้เอาไงดีน้า เจก็เพิ่งเจอกันไป จะกลับไปหาพ่อแม่ก็นั่งรถไกล แถมไปไม่ค้างก็โดนบ่นอีก”

    วาโยพึมพำกับตัวเอง แล้วตัดสินใจลุกไปถามคนข้างห้อง

    “วิน...อยู่ไหม ถามอะไรหน่อยสิ”

    กวินที่หลังจากนั่งสงบสติอารมณ์อยู่ได้พักใหญ่ และกำลังจะเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่ออาบน้ำบ้างนั้น เดินมาที่ประตูห้อง แล้วเปิดประตูออกมา แต่พอเห็นสภาพของวาโย เขาก็ตกตะลึงพลางโพล่งออกไปอย่างลืมตัว

    “ทำไมมาในสภาพนี้กันเล่า ทีหลังหัดใส่เสื้อผ้าก่อนสิ!”

    วาโยมองคนตรงหน้าอย่างแปลกใจ เขาก้มลงมองตัวเอง แล้วยักไหล่นิด ๆ

    “ผู้ชายด้วยกัน ไม่เห็นจะเป็นอะไร ...อ้อ ฉันจะมาถามอะไรนายนะ...อืม...ใช่แล้ว! พรุ่งนี้นายมีธุระไปไหนหรือเปล่า ส่วนฉันตั้งใจว่าจะอยู่โยงเฝ้าที่นี่อีกตามเคยน่ะ”

    กวินที่เบือนหน้าไปอีกทางเหลือบตามองแผ่นอกเปลือยและเส้นผมเปียกลู่ที่มีน้ำเกาะตรงหน้าด้วยใจที่เต้นแรง ไม่แพ้ตอนวาโยแต่งหญิง มันทำให้เขายิ่งรู้สึกว่า ตัวเองนั้นเริ่มผิดปกติไปแล้วเป็นแน่

    “ฉะ...ฉัน จะกลับบ้านน่ะ! ขอตัวก่อนนะ!”

    กวินบอกแล้วปิดประตูใส่หน้าอีกฝ่ายดังโครม จนวาโยสะดุ้ง แต่พอกำลังคิดว่าตัวเองเผลอไปพูดอะไรทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจหรือไม่ เสียงในนั้นก็ดังขัดขึ้นมาเสียก่อน

    “ฉันปวดฉี่น่ะ! เดี๋ยวออกไปคุยด้วยนะ นายก็ไปแต่งตัวให้เรียบร้อยก่อนแล้วกัน!”

    วาโยถอนหายใจอย่างโล่งอก แล้วจึงยิ้มออก ก่อนจะตอบกลับไป

    “ได้! งั้นเดี๋ยวฉันไปใส่เสื้อผ้าก่อน แล้วจะมารอข้างนอกนะ”

    จากนั้นวาโยจึงเดินฮัมเพลงเข้าไปในห้อง ส่วนคนที่หาข้ออ้างนึกทุเรศตัวเองที่ดันมีปฏิกิริยาต่อต้านได้อย่างน่าอายขนาดนี้ ทั้งที่ก่อนหน้านั้นก็เคยคบผู้หญิงเป็นแฟนมาแล้วหลายคนแท้ ๆ  แต่ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนทำให้เขารู้สึกใจเต้นได้อย่างที่รู้สึกกับวาโยเลยสักคน

    “...ฉันเป็นเกย์หรือไงเนี่ย ไม่จริงน่า ...”

    วาโยพึมพำ เขาลองคิดจินตนาการถึงเพื่อนร่วมงานคนอื่นในชุดผู้หญิง ทว่าแต่ละคนก็ทำให้เขารู้สึกขนลุกขนพองไปตาม ๆ กัน  อ้อ ...จะมีก็แต่การินที่หากแต่งแล้วคงดูออกมาเหมาะไม่ขัดตาสักเท่าไหร่ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เขาใจเต้นแรงเหมือนที่เป็นกับวาโยล่ะนะ

    ชายหนุ่มนิ่งคิดกับตัวเองได้สักพัก จนได้ยินเสียงประตูห้องอีกห้องเปิด เขาจึงสะดุ้งน้อย ๆ รีบถอดเสื้อผ้าชุดที่ใส่ วิ่งไปราดน้ำโครม ๆ  แล้วเปลี่ยนชุดลำลองตามออกมา ด้วยเวลารวดเร็วแทบไม่ถึงห้านาทีด้วยซ้ำ

    “โห! อาบน้ำเสร็จแล้วด้วยหรือ ไวจังนะนาย วิ่งผ่านน้ำหรือเปล่าเนี่ย”

    วาโยเอ่ยแซว แต่คนถูกแซวยิ้มแห้ง ๆ เพราะตนเองก็ทำแบบนั้นจริง ๆ

    “จริงสิ ตกลงพรุ่งนี้นายจะกลับบ้านจริง ๆ หรือ...นึกว่าจะได้ใช้วันหยุดอยู่ด้วยกันเสียอีก”

    วาโยถามด้วยใบหน้าเหงา ๆ ทำให้คนมองใจเต้นแรง และเริ่มฟุ้งซ่านอีกครั้ง

    “เอ่อ...ดะ...เดี๋ยว คิดดูก่อนก็ได้...เพราะเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ก็เพิ่งกลับไปเอง”

    กวินบอกอ้ำอึ้ง ทำให้คนฟังยิ้มหวานอย่างดีใจ กวินปั้นยิ้มตอบ ทั้งที่อยากร้องไห้เต็มทน เพราะเขาไม่รู้ว่าพรุ่งนี้ตัวเองจะเผลอหลุดอะไรให้อีกฝ่ายจับความรู้สึกได้บ้างไหม

    “จริงหรือ! ดีใจจัง กลัวกลับกันเกือบหมดแบบอาทิตย์ก่อน มีหวังฉันเหงาแย่เลย”

    วาโยบอกแล้วยิ้มให้ อย่างไม่นึกสงสัยในท่าทางที่ผิดแปลกไปของรูมเมทแม้แต่น้อย

    “อะ...อืม งั้นอยู่เป็นเพื่อนนายแล้วกัน”

    กวินบอกกุกกัก นึกถึงคำเตือนของจรัลแล้วก็อยากด่าตัวเอง ก็ในเมื่อมันหลวมตัวชอบไปแล้ว จู่ ๆ จะให้มาเลิกชอบแล้วกลับไปคิดแบบเดิม ก็ใช่ว่าจะทำได้ง่าย ๆ เสียเมื่อไหร่

    “เอ่อ โย ถามอะไรหน่อยสิ ...คือแบบว่า...เพื่อนสนิทฉันโทรมาปรึกษาน่ะ...แล้วฉันก็ไม่รู้จะแนะนำเขาไปยังไง...”

    กวินตัดสินใจลองถามความรู้สึกของคนตรงหน้า แต่ก็นั่นล่ะเขาไม่กล้าถึงจะยอมสารภาพว่าเป็นเรื่องของตัวเองจริง ๆ อยู่ดี

    “เอ๋...เรื่องแบบไหนเหรอ ลองเล่ามาสิ เผื่อฉันจะช่วยได้”

    วาโยรีบบอกอย่างสนใจ ทำให้กวินลอบถอนหายใจที่อีกฝ่ายยังคงไม่สงสัยว่าเป็นเรื่องที่เขากุขึ้นมา

    “คือแบบว่า...เพื่อนฉันมันเกิดไปตกหลุมรักผู้ชายด้วยกัน...แบบตอนแรกก็ยังไม่ชอบ แค่รู้สึกสนิทใจ ...แต่พอเกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้น หมอนั่นก็ตกหลุมรักอีกฝ่ายเข้าไปเรียบร้อย...แต่ฝ่ายที่เขาไปชอบดูเหมือนจะเป็นผู้ชายปกติทั่วไป...นายว่าหมอนั่นควรจะตัดใจ ไม่ยอมสารภาพ ...แล้วกลับมาคิดแบบเพื่อนเหมือนเดิมดีไหม”

    วาโยนิ่งอึ้งกับเรื่องเล่าของอีกฝ่าย แต่พอเห็นสายตาคาดหวังคำตอบของกวิน เขาก็นิ่งคิดทบทวน ก่อนจะยิ้มน้อย ๆ แล้วตอบออกไป

    “ถ้าเป็นฉันนะ อย่างน้อยคงจะเดินหน้าแล้วสารภาพรักให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย...แต่ก็ต้องเผื่อใจไว้อกหักด้วยนั่นล่ะ อีกอย่างฉันคิดว่าถ้าเป็นคนที่ฉันชอบ เขาก็น่าจะเป็นคนดีพอที่จะไม่รังเกียจ และสามารถกลับมาเป็นเพื่อนกันภายหลังได้อีกน่ะ”

    วาโยบอกพลางยิ้มแย้มอย่างไร้เดียงสา แต่คนฟังนี่สินิ่งคิดตาม แล้วจ้องมองคนตรงหน้านิ่ง จนวาโยแปลกใจ

    “มีอะไรหรือวิน”

    กวินชะงัก ก่อนจะถอนหายใจ แล้วยิ้มน้อย ๆ พร้อมคำตอบ

    “ง่า ...ไม่มีอะไร ...ขอบคุณสำหรับคำตอบนะ  ไว้ฉันจะไปบอกหมอกนั่นให้ ...แต่ฉันพนันได้เลยว่า กว่าหมอนั่นจะกล้าบอกก็คงอีกนาน เพราะหมอนั่นขี้ขลาดกว่าที่นายคิดไว้เยอะเลยล่ะ ...”

    วาโยยิ้มน้อย ๆ แล้วบอกตามมาบ้าง

    “ฝากบอกเพื่อนนายด้วยล่ะ บางทีนะถ้าพยายามทำดีชนะใจเขาเรื่อย ๆ จากที่น่าจะผิดหวัง ก็อาจกลายเป็นสมหวังก็ได้ เรื่องความรักน่ะ บางครั้งมันก็ไม่ยึดเหตุผลหรือเพศอะไรหรอก ขอให้มีความจริงใจให้ อีกฝ่ายก็มองออกเองนั่นล่ะ”

    กวินใจเต้นแรงกับคำพูดของอีกฝ่าย รู้สึกมีกำลังใจขึ้นมาบ้าง เขาพยักหน้าแล้วรับคำอย่างหนักแน่น

    “อืม! ฉันจะพยายาม เอ๊ย... ฉันหมายถึงจะบอกเพื่อนของฉันให้เขาพยายามยิ่งกว่านี้ อย่าเพิ่งหมดหวังตั้งแต่เริ่ม... ขอบใจนายมากนะโย นายทำให้ฉันหายกลุ้มไปได้เยอะเลยล่ะ!”

    วาโยยิ้มรับ เขาคิดในใจว่าเพื่อนของกวินคนนี้คงจะสนิทกับอีกฝ่ายมาก  เพราะดูเหมือนกวินจะเป็นกังวลกับอีกฝ่าย และพอแก้ปัญหาได้เจ้าตัวก็ดีใจตามจนเหมือนเป็นเรื่องของตัวเองเลยทีเดียว

    จากนั้นพวกเขาก็คุยกันอีกสักพัก และต่างแยกย้ายกันไปเข้านอน โดยที่วาโยนั้นนอนหลับสนิทตลอดทั้งคืนด้วยความอ่อนเพลีย  ส่วนกวินนั้นนอนไปพลางคิดถึงเรื่องรูมเมทไปพลางด้วย แถมพอหลับก็ดันฝันถึงวาโยในชุดเมด ค่อย ๆ มาถอดเปลื้องผ้าต่อหน้าเขาทีละชิ้น แต่พอจะได้เห็นทั้งหมด เขาก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาเสียก่อน ฝันร้ายที่คล้าย ๆ จะดูเหมือนดีนั่นจึงทำให้กวินแทบจะไม่ได้หลับในคืนนั้น ผลก็คือเขาตื่นนอนมาด้วยขอบตาดำคล้ำ จนปวีร์ที่แวะมาทานข้าวเช้าด้วยคน ต้องเรียกชายหนุ่มมาเตือนพร้อมกับยัดครีมบำรุงผิวอย่างดีให้อีกฝ่ายใช้ และยังกำชับพนักงานทุกคนที่เหลือว่า ต่อให้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พวกเขาทุกคนก็ต้องรักษาใบหน้าและดูแลสุขภาพร่างกายให้พร้อมอยู่เสมอ และหากมีผลต่อการปฏิบัติงานเมื่อใด ก็จะต้องถูกหักเงินเดือนตามกฎของร้านอย่างแน่นอน




... TBC ...


จบช่วงดันนายวิน...ตอนต่อไปจะเป็นหนุ่มคนไหนมาเก็บคะแนนกับหนูโย รอลุ้นได้เร็ว ๆ นี้นะคะ

ออฟไลน์ inspirer_bear

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-5
วินหวั่นไหวและคิดหนัก

ว้าาวววว แล้วต่อไปหนุ่มคนไหนจะเป็นผู้โชคดี

หรือ วิตกจริต เหมือนกวินอีกคน 5555

โยน่ารักแบบไม่รู้ตัวเนอะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






alekung103

  • บุคคลทั่วไป
วินนี่ตกหลุมโยไปเรียบร้อยแล้ว

ใครจะเป็นรายต่อไปที่จะตกหลุมโยนะ

jelatin99

  • บุคคลทั่วไป
โยนี่เสน่ห์แรงจริงไรจริง o13 ไปเลยยย
แต่ส่วนตัวเชียร์ปวีร์กะโยอ่ะ แล้วก็เชียร์กวินกับการิน :laugh:
ยังไงก็จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ :pig4: :pig4: :pig4:
 

ออฟไลน์ Noo_Patchy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1055
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +123/-4

ออฟไลน์ Lemon_Tea

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1641
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +71/-2
วินเอ๊ย ต้องทำงานด้วยกันอีกนาน จะไหวป่ะเนี่ย

ออฟไลน์ ❝CHŌN❞

  • เหงา เหงา :(
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1924
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-3
วินหวั่นไหวแล้วสินะ

นึกว่าวินจะไปชอบรินซะอีก เห็นกัดกันตลอด ฮ่าๆๆๆ

เค้าเชียร์ภูริอยู่น้าาาา ><

ออฟไลน์ Whatever it is

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3959
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +380/-8
ใครจะเปนพระเอกล่ะนี่ เยอะแยะมกมาย

ออฟไลน์ Ali$a฿eth

  • [จิ้น]ตนการ
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-3
หวา พี่โยน่ารักเกินทานทนไหวแล้ว
แอบอวยพี่ภูริกับพี่โย -//////- งิ๊ววววว  :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:

อวย2พี่รินกับพี่วิน

อวย3พี่ปีย์กับพี่เม >////<
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-08-2012 21:25:14 โดย Ali$a฿eth »

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
ถ้าโยจะน่ารักขนาดนั้น กวินก็คงต้องมีปฏิกิริยาแปลกๆ ให้ตัวเองผวาไปเรื่อยๆนั่นแหละนะ

ฮาาาาา

ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4

ย่องมาแปะเงียบ ๆ แล้วรีบเผ่นกันโดนบ่นเรื่องแอบดอง ^^" ....แหะ ๆ ขอโทษจริง ๆ ค่ะ พอดีติดตันเล็กน้อย บทนี้บทเดียวแก้แล้วแก้อีก
พอปั่นจำนวนหน้าถึงโควต้าโพสได้ ก็รีบเอามาลงให้อ่านกันเลยค่ะ  ....แล้วตอนหน้าจะพยายามไม่ให้หายไปนานนะคะ ^^
-----------------------------------------.





Miracle Café / 15




    วาโยรู้สึกแปลกใจที่เห็นกวินนอนไม่หลับจนขอบตาดำและเป็นเหตุให้ถูกปวีร์เรียกไปอบรม

     “เป็นอะไรหรือวิน เมื่อคืนก่อนนอนก็ยังดี ๆ อยู่เลยนี่นา”

    วาโยถามเพื่อนสนิทหลังจากที่ปวีร์ปล่อยตัวชายหนุ่มเรียบร้อย แถมยังกำชับพวกเขาไม่ให้เผลอทำตัวเลียนแบบกวินอีกด้วย

    “ง่า...คือแบบว่าฉันฝัน...เอิ่ม ฝันร้ายกลางดึก พอสะดุ้งตื่นมาแล้ว ก็เลยนอนไม่ค่อยหลับน่ะ”

    กวินแก้ตัว ทำให้วาโยขมวดคิ้วยุ่ง แล้วจึงถอนหายใจเบา ๆ ตามมา ก่อนจะยิ้มน้อย ๆ ให้อีกฝ่าย

    “ทีหลังถ้านอนฝันร้ายล่ะก็ แวะมานอนห้องเดียวกันสิ ถ้ามีเพื่อนอยู่ด้วยจะได้เลิกกังวล และหลับได้สบาย ๆ ยังไงล่ะ”

    วาโยบอกอย่างไร้เดียงสา ส่วนกวินนั้นฝืนยิ้มให้อีกฝ่าย แต่ไม่คิดจะทำตามที่วาโยแนะนำเด็ดขาด เพราะขนาดนอนคนละห้องเขายังเผลอจินตนาการลามกกับรูมเมท ถ้าเกิดนอนห้องเดียวกัน คงไม่แคล้วขาดสติเผลอปล้ำไปหรอกหรือ

     ระหว่างที่ทั้งคู่กำลังคุยกันอยู่นั้น รุจที่อยู่ใกล้ ๆ และได้ยินบทสนทนา พร้อมสังเกตท่าทางของกวินไปในตัว ก็หัวเราะขึ้นเบา ๆ ในลำคอ ทำให้ภูริที่อยู่ใกล้อีกฝ่ายเหลือบมองรูมเมทแล้วถามอย่างแปลกใจ

    “หัวเราะอะไรของนาย”

    “หือ...ไม่มีอะไร ก็แค่รู้สึกว่าคนหอเรานี่ความรู้สึกช้ากันเสียส่วนใหญ่ล่ะนะ”

    รุจบอกพลางยักไหล่ ทว่านัยน์ตาใต้แว่นขอบดำกลับเปล่งประกายวิบวับอย่างนึกสนุก ทำให้คนมองลอบถอนหายใจ เพราะเท่าที่อยู่ร่วมกันมาเกือบอาทิตย์ รูมเมทของเขาคนนี้เป็นคนที่ค่อนข้างอ่านยาก แต่เจ้าตัวกลับอ่านเนื้อแท้คนอื่นเสียทะลุปรุโปร่งจนน่ากลัว  จัดเป็นคนประเภทที่ภูริไม่อยากเป็นศัตรูมากที่สุดคนหนึ่งเลยทีเดียว

    “ว่าแต่วันนี้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันเลยนะเนี่ย”

    ภูริมองไปรอบ ๆ ก็เห็นสมาชิกครบทุกคน แม้แต่ราเมศ กับปยุตที่เป็นพ่อบ้านของปวีร์ ก็ยังตามมาสมทบด้วยเช่นเดียวกัน

    “จะจัดปาร์ตี้กันแต่เช้าเลยหรือไงนะ”

    ภูริพึมพำอย่างสงสัย เพราะเห็นปยุตขอตัวเข้าไปในครัวเพื่อช่วยชานนเตรียมอาหารเช้านี้

    “คงไม่หรอก ฉันว่าน่าจะเป็นอาหารเช้าธรรมดา แต่คนจำนวนเท่านี้ คุณนนคนเดียวก็ค่อนข้างลำบากล่ะนะ”

    รุจตอบคำถามของอีกฝ่าย แล้วจึงเดินเข้าไปร่วมวงสนทนาระหว่างรอทานอาหารเช้ากับพวกวาโย ส่วนภูริถอนหายใจน้อย ๆ ทีแรกเขาเตรียมจะเดินขึ้นไปบนชั้นสองเพื่อดูทีวีรอเวลา แต่วาโยนั้นกลับหันมาทางเขาแล้วยิ้มน้อย ๆ ให้ ก่อนจะทำท่าทางชะงัก แล้วมีสีหน้าสลดลงเมื่อเขาไม่ได้ยิ้มตอบ ทว่าก็เป็นเช่นนั้นอยู่ได้ครู่เดียวเมื่อในที่สุดภูริก็ต้องยอมแพ้ ชายหนุ่มถอนหายใจแรง ๆ แล้วเดินตามไปสมทบรวมกลุ่มกับคนอื่นที่เหลือ ทำให้รุจที่แอบมองอยู่ลอบยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะเหลือบมองคนทำหน้าหดหู่ ที่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นยิ้มแย้มแทนเรียบร้อย

    ‘…ลองถูกจ้องด้วยสีหน้าและแววตาเหมือนหมาน้อยแบบนั้น ใครยังจะกล้าใจแข็งได้ลงคอกันล่ะนะ’

    รุจคิดในใจอย่างนึกขำ เพราะถึงแม้ภูริจะชอบทำท่าทางเย็นชาใส่วาโยเพียงใด แต่เอาเข้าจริง ๆ ชายหนุ่มก็ต้องอดใจอ่อนยอมทำตามและฟังที่วาโยบอกแทบทุกครั้งเสมอไปอยู่ดี



     “ฉันล่ะหวาดเสียวจริง ๆ ไม่รู้จะโดนจับแต่งตัวเป็นอะไรอีก”

    วาโยบ่นพึมพำกับตัวเองด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย เมื่อพวกเขาเริ่มคุยถึงเรื่องอีเวนท์พิเศษของเสาร์ที่จะถึงนี้  เจ้าตัวเหลือบไปมองปวีร์ที่นั่งคุยกับราเมศอยู่ตรงโต๊ะม้าหินด้านนอก พลางลอบถอนหายใจเบา ๆ

    “ถ้าเป็นธีมอื่นนอกจากพ่อบ้านกับเมด... แล้วจะมีอะไรดึงดูดเรียกลูกค้าได้อีกล่ะ”

    การินเปรยขึ้นอย่างสงสัย คนอื่นทำท่าคิด ด้านรุจหัวเราะเบา ๆ แล้วจึงตอบคำถามของชายหนุ่มหน้าสวย

    “จะว่ามีมันก็มีนะ แต่ไม่รู้ว่าคุณปวีร์จะหยิบมาใช้ไหม”

    คนอื่นหันมามองชายหนุ่มเป็นตาเดียว รุจยิ้มพลางดันแว่นตาของตนน้อย ๆ แล้วเอ่ยในสิ่งที่ทำให้คนฟังบางคนหน้าซีด

    “อย่าให้ฉันพูดเลย เดี๋ยวใครบางคนจะหมดกำลังใจทำงานเสียเปล่า”

    “คุณรุจคงไม่ได้หมายถึงผมหรอกนะครับ”

    วาโยถามอีกฝ่ายพร้อมยิ้มแห้ง ๆ ทว่ารุจไม่ได้ตอบ เพียงแต่ยิ้มน้อย ๆ เท่านั้น แต่นั่นก็ทำให้การินและกวินเงียบกริบ

    ‘เป็นคนนิสัยแบบนี้เองหรือเนี่ย...ทีแรกนึกว่าจะเป็นพวกอ่อนโยนสุภาพบุรุษแท้ ๆ’

    กวินคิดในใจแล้วนึกสงสารรูมเมท เพราะดูเหมือนวาโยนั้นจะเป็นเป้าหมายให้พวกชอบแกล้งทั้งหลายเล่นงานอยู่เสมอ ...แต่ก็นั่นล่ะ สีหน้ายามโดนแกล้งของอีกฝ่ายน่ารักขนาดนั้น ขนาดเขาบางครั้งยังอดแกล้งแหย่ให้อีกฝ่ายกลัวบ้าง โกรธบ้างไม่ได้เลยทีเดียว

    ทางด้านการินเองก็คิดไม่แตกต่างจากกวินเท่าใดนัก เพียงแต่ชายหนุ่มไม่ได้คิดไปถึงเรื่องที่วาโยมักจะตกเป็นเป้าหมายการกลั่นแกล้งนั่นสักเท่าไร เขาคิดแต่เพียงว่าต่อไปสงสัยต้องหลีกเลี่ยงเรื่องที่จะทำให้รุจโกรธเสียแล้ว เพราะคนนิสัยแบบอีกฝ่ายขืนหมายหัวใครเข้า มีหวังคนนั้นคงอยู่ไม่สงบเป็นแน่

    “อย่ามัวแต่ไปขู่ชาวบ้านเลยน่า อย่าลืมสิ ถ้าต้องแต่งก็ต้องโดนคล้าย ๆ กันหมดนั่นล่ะ”

    ภูริขัดขึ้น ทำให้วาโยหันไปยิ้มขอบคุณชายหนุ่มที่ช่วยพูดคล้ายกับจะให้กำลังใจ ส่วนรุจก็เหลือบมองรูมเมทก่อนจะยกยิ้มน้อย ๆ ในแบบที่ภูริไม่ชอบเอาเสียเลย

    “นั่นสินะ...ถูกอย่างที่นายบอกนั่นล่ะ”

    รุจพึมพำแล้วจึงเปลี่ยนเรื่องคุยเป็นเรื่องอื่นจนกระทั่งมื้อเช้าเตรียมเสร็จ พวกเขาแต่ละคนจึงไปช่วยกันยกอาหาร ทางด้านปวีร์และราเมศที่นั่งคุยปรึกษาเรื่องร้านกันอยู่ด้านนอกก็เลยตามมาสมทบด้วยเช่นเดียวกัน



    อาหารมื้อเช้าที่แม้เป็นอาหารธรรมดาอย่างอาหารจานไข่ เช่นออมเล็ต แต่นั่นก็ทำให้บางคนที่เพิ่งเคยกินครั้งแรกเกิดความประทับใจ และเพิ่มเมนูนี้เป็นอาหารในดวงใจเรียบร้อย

    นอกจากนั้นเครื่องเคียงอย่างสลัดและไส้กรอกสูตรโฮมเมดของชานน ก็ยังยิ่งเสริมให้อาหารเช้าที่เรียบง่าย กลายเป็นอาหารเช้าที่แสนเอร็ดอร่อยและอิ่มหนำสำราญ เพราะว่าเชฟหนุ่มนั้นมีเสริมให้สำหรับคนที่ไม่อิ่มอย่างไม่อั้นเช่นเคย

    และเมื่อมื้อเช้าผ่านพ้นไป ชานนกับปยุตจึงนำจานชามไปเก็บล้าง ส่วนคนอื่น ๆ ก็ยังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร เพราะปวีร์นั้นยังคงมีเรื่องที่ต้องคุยกับทุกคนนั่นเอง

    “จะปรับปรุงร้านใหม่หรือครับ”

    วาโยถามอย่างตกใจเพราะร้านเพิ่งเปิดไปได้แค่อาทิตย์เดียว ปวีร์ก็เสนอความคิดอันน่าตกใจมาเสียแล้ว

    “ก็ว่าจะปรับน่ะ ทีแรกก็อยากปรับปรุงไปเลยอย่างน้อยก็เพิ่มโต๊ะเก้าอี้นอกร้าน แล้วก็ปรับปรุงภูมิทัศน์นิดหน่อย  แต่ถูกหมอนี่ค้าน เขาว่าอย่างน้อยก็น่าจะเปิดให้อยู่ตัวและมีลูกค้าขาประจำสักจำนวนหนึ่งก่อน ก็เลยมาถามความเห็นแต่ละคนเผื่อจะมีไอเดียดี ๆ ช่วยนำเสนอแทน”

    “หมอนี่เขาค่อนข้างดื้อน่ะ ถ้าไม่มีเหตุผลรองรับ หรือมีเสียงข้างมากไม่เห็นด้วยมากกว่าก็ไม่ค่อยจะยอมฟังอะไรกับเขาหรอก ขืนไม่ปรามก็ใช้เงินยังกับเบี้ย”

    ราเมศขัดขึ้นอย่างหมั่นไส้ แต่ปวีร์นั้นยิ้มน้อย ๆ อย่างไม่ใส่ใจ แล้วจึงหันไปทางคนอื่นที่มีสีหน้ายิ้มเจื่อน ๆ

    “จะว่าไปร้านนี้ก็ถือเป็นงานอดิเรกอย่างหนึ่งของฉันนั่นล่ะ ...ก็เคยคิดว่าแบบนั้นล่ะนะ แต่พอเริ่มทำไปได้สักอาทิตย์ ได้เห็นรอยยิ้มของลูกค้า ได้เห็นความพยายามทุ่มเทของพวกเธอ ก็ทำให้ฉันเริ่มอยากจะทำธุรกิจนี้อย่างจริงจังบ้างแล้วล่ะ”

    คำพูดของปวีร์ทำให้บางคนในที่นั้นรู้สึกตื้นตันซาบซึ้ง แต่ก็มีบางคนคิดตามคำพูดของอีกฝ่าย แล้วก็ลอบกลืนน้ำลายลงคอ เพราะแสดงให้เห็นว่าชายหนุ่มต้องมีทรัพย์สินส่วนตัวอยู่มาก จนสามารถเรียกการลงทุนเปิดร้าน ทำร้านพวกนี้ว่าเป็นเพียงงานอดิเรกเท่านั้น

    “ผมคิดว่าลูกค้าของเรานั้นเริ่มมาเยอะก็จริง แต่ส่วนใหญ่จะเป็นคนวัยทำงานซึ่งอยู่ละแวกนี้ พวกเขาจะไม่ค่อยนั่งแช่ในร้านฆ่าเวลาเท่าใด โต๊ะในร้านจึงหมุนเวียนใช้ได้เรื่อย ๆ  ยกเว้นก็แต่วันเสาร์นี่สิครับ ที่มีหลากหลายวัยหน่อย โต๊ะเลยค่อนข้างเต็มตลอด และผมคิดว่าอาจจะไม่เพียงพอกับลูกค้าในอนาคต  ส่วนวันธรรมดาอื่น ๆ ผมคิดว่าไม่น่ามีปัญหาสำหรับจำนวนที่นั่งเดิมนะครับ”

    รุจเสนอความเห็น ซึ่งภูริเองก็เห็นด้วยในเรื่องนั้น ส่วนวาโยนิ่งคิดหนัก เพราะเขาไม่ค่อยถนัดเรื่องการบริหารจัดการอันใด ทางด้านกวินนั้นไม่มีความเห็นขัดแย้ง จะปรับหรือไม่ปรับ สำหรับเขาก็ไม่มีปัญหา

    “ผมว่าถ้าอาจะทำแนวคาเฟ่ outdoor ในเมืองไทยนี่ คงลำบากน่าดูล่ะ ไหนจะเรื่องอากาศที่เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวฝนตก ไม่เลือกเวลานั่นด้วย ถ้าแค่ร่มกันแดดเอาไม่อยู่หรอก  ถ้าจะทำก็ควรจะทำเป็นเพิงหลังคาบังเอาไว้อีกที ...อืม ถ้าให้ผมแนะนำนะ หลังคาแบบสกายไลท์จะเหมาะมากกว่า ส่วนอุปกรณ์ก่อสร้างอาก็เลือกแบบที่มันป้องกันได้ทั้งความร้อนและรังสีต่าง ๆ สักหน่อย  หรืออาจะซื้อต้นไม้ใหญ่มาลงปลูกตรงทิศที่พระอาทิตย์จะส่องลงมาก็ได้ นอกจากช่วยบังแสงแล้ว ก็ยังดูร่มรื่นและเป็นจุดเด่นดีด้วย ยังไงหน้าร้านเราก็กว้างขวางพอและไม่มีสายไฟมาเกะกะหน้าร้านอยู่แล้ว”

    การินอธิบายความคิดของตนบ้าง ทำเอาปวีร์ตบมือเปาะตามมา

    “แหม! สมกับเป็นหลานฉัน ความคิดความอ่านนี่คล้ายกันเชียว!”

    “แสดงว่ารินเห็นด้วยเรื่องที่จะปรับปรุงร้านเพิ่มสินะ”

    ราเมศหันไปถามอีกฝ่าย เพราะลองมีคนเข้าข้างแม้เพียงคนเดียว ปวีร์ก็คงดื้อดึงลงมือปรับปรุงร้านใหม่แน่นอน

    “ก็ถ้าไม่ทำตอนนี้ยังไงก็ต้องทำใช่ไหมครับ ...แต่ก็คงไม่ต้องรีบปุบปับทำเลยหรอก ผมว่าดูแนวโน้มของลูกค้าในเสาร์นี้ที่จะถึงดีกว่า ถ้าคิดว่าโอเค อาก็เรียกคนมาทำหน้าร้านได้เลยในวันหยุดวันอาทิตย์ หรือจะเตรียมไว้ตั้งแต่เย็น ๆ วันเสาร์ก็ได้ ...แต่เรื่องนี้ผมคงไม่ต้องบอกล่ะมั้ง”

    การินเหลือบไปมองอาเขาที่ยิ้มแย้มนิด ๆ ส่งให้  ราเมศถอนหายใจเบา ๆ เขารู้ดีว่า ด้วยอำนาจเงินและเพื่อน ๆ คนรู้จักในหลากหลายอาชีพของปวีร์ที่มีนั้น การเนรมิตหน้าร้านให้เป็น สไตล์ café outdoor ขนาดเล็ก ย่อมสามารถสร้างสรรค์เสร็จได้ในเวลาไม่นานอย่างน่าอัศจรรย์เป็นแน่

    “เผลอ ๆ ถ้าแต่งออกมาสวย คนจะขอนั่งนอกร้านมากกว่าในร้านด้วยซ้ำล่ะมั้งครับ”

    รุจที่ฟังอยู่เอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้ม ทางด้านวาโยนิ่งคิดแล้วจึงเอ่ยขึ้นบ้าง

    “อย่างนี้ถ้าให้มีคนประจำโซนด้านนอกด้วยน่าจะดีกว่าไหมครับ เพราะผมคิดว่าตอนช่วงยุ่ง ๆ  บางครั้งอาจจะเผลอดูแลลูกค้าไม่ทั่วถึงแน่ ๆ”

    ปวีร์หันมายิ้มน้อย ๆ ให้กับพนักงานของเขา แล้วจึงพยักหน้ารับรู้

    “นั่นมันก็จริง เพราะฉะนั้นฉันจึงมีเรื่องเสนออีกเรื่องก็คือ ฉันตั้งใจจะรับพนักงานพาร์ทไทม์เพิ่มมาช่วยงานเฉพาะช่วงยุ่ง ๆ อย่างเช่นพักกลางวันและช่วงพักของพวกเธอ ตั้งใจว่าจะให้ทำช่วงเที่ยงจนถึงช่วงที่พวกเธอสลับกันพัก วันละสามไม่ก็สี่ชั่วโมง คิดว่ายังไง”

    คนอื่นต่างหันมามองหน้ากันและปรึกษากันเล็กน้อย ก่อนที่จะหันไปพยักหน้าเห็นด้วยกับอีกฝ่าย เพราะช่วงพักกลางวัน และช่วงที่พวกเขาสลับกันพัก จากที่เคยได้ว่างบ้าง หลัง ๆ ก็เริ่มมีลูกค้ามาใช้บริการเพิ่มอยู่เรื่อย ๆ ทำให้คนที่อยู่เฝ้าต้องรับศึกหนักอยู่บ่อยครั้ง

    “ดี! คนเดียวพอไหม หรือสักสองสามคน...”

    “แหะ ๆ คนเดียวก่อนดีกว่าครับ”

    วาโยรีบตอบคำถามของปวีร์เพราะสังเกตเห็นราเมศเริ่มขมวดคิ้วยุ่งอย่างไม่สบอารมณ์ขึ้นมาอีกครั้ง

    “หึ ๆ งั้นก็ได้ ...เดี๋ยวฉันจะลองไปหามาสักคน...อืม คงต้องเอาคาแรกเตอร์มาให้ไม่ซ้ำกับที่มีสินะ”

    ปวีร์พึมพำกับตัวเอง แล้วจึงขอตัวกลับบ้านพัก ด้านราเมศถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย แล้วหันไปลาคนอื่น ๆ ส่วนพวกวาโยนั้นนั่งนึกคิดตามในสิ่งที่เจ้านายของพวกเขาเอ่ยทิ้งท้ายเอาไว้ บางคนก็ถอนหายใจ บางคนก็หัวเราะเบา ๆ แล้วต่างคาดเดาไปต่าง ๆ นานาว่า พนักงานพาร์ทไทม์ที่จะมาใหม่นั้น จะเป็นคนแบบไหนกันแน่



    วันจันทร์ร้านเปิดทำการปกติ แต่วาโยสังเกตเห็นปวีร์สั่งให้คนมาวัดพื้นที่ด้านหน้าร้านแต่เช้า ชายหนุ่มมีสีหน้าครุ่นคิดจริงจังดูผิดไปคนละคน พอเห็นแบบนี้แล้วเจ้าตัวก็ดูเหมือนกับเป็นเจ้าของร้านขึ้นมาบ้างเหมือนกัน

    “หมอนั่นน่ะก็แบบนี้ล่ะ ถ้าสนใจอะไรขึ้นมาเมื่อไหร่ ก็มักจะจริงจังขึ้นมาทันที แต่บทจะเบื่อก็เบื่อง่ายอย่างคาดไม่ถึงเหมือนกัน”

    ราเมศที่มายืนอยู่ด้านหลังวาโยเอ่ยขึ้นเบา ๆ ทำเอาวาโยสะดุ้งเฮือก แล้วหันไปมองอีกฝ่ายพร้อมยิ้มแห้ง ๆ

    “แต่ก็นะ...ฉันเองก็ไม่ค่อยได้เห็นเขาจริงจังแบบนี้มานานแล้วล่ะ...ดูท่าทางกว่าจะเบื่อก็คงอีกนาน อย่างน้อยก็น่าจะขึ้นหลักปีสองปีได้อยู่”

    วาโยหน้าซีด เพราะขืนเป็นแบบนั้นมีหวังเขาคงใช้หนี้อีกฝ่ายได้ไม่ทันแน่       

    “หือ...เรื่องหนี้เธอน่ะหรือ ...ถ้าถึงตอนนั้นจริง ๆ ฉันคิดว่าเขาก็น่าจะ...”

    ราเมศที่อ่านสีหน้าอีกฝ่ายออกชะงักคำพูดเอาไว้ แล้วมองคนที่หันมาจ้องเขาด้วยท่าทางสงสัย ชายหนุ่มจึงเปลี่ยนเป็นยิ้มน้อย ๆ แล้วเอ่ยตามมา

    “ไว้ถึงตอนนั้นเดี๋ยวก็รู้เองล่ะ... ที่สำคัญ บางทีฉันอาจจะคาดเดาอะไรผิดก็ได้ หมอนั่นดูมีชีวิตชีวายิ่งกว่าที่ฉันเคยเห็นเมื่อก่อนเสียอีก.... บางทีร้านนี้และพวกเธอ อาจจะทำให้เขาได้เจอในสิ่งที่ตัวเองชอบจริง ๆ สักทีก็เป็นได้ล่ะนะ”

    ราเมศเอ่ยทิ้งท้ายแล้วขอตัวไปประจำตำแหน่งหลังบาร์ ทางด้านวาโยมองตามชายหนุ่มไป แล้วหวนคิดในสิ่งที่อีกฝ่ายพูด พลางภาวนาให้สิ่งที่ราเมศบอกนั้นเป็นเรื่องจริง เพื่อเขาจะได้ไม่ต้องตกงานก่อนจะใช้หนี้ได้หมดนั่นเอง

     

    หลังจากเปิดร้านแล้ว ก็มีลูกค้าหลายคนแวะเวียนมาสอบถามเรื่องโปรโมชัน และอีเวนท์พิเศษที่ผ่านมาในวันเสาร์ บางคนบ่นเสียดายเพราะเพิ่งรู้ จึงไม่มีโอกาสได้ใช้โปรโมชันถ่ายรูปคู่กับพนักงานในชุดพ่อบ้าน ปวีร์ซึ่งได้ยินคำบ่นเหล่านั้นจึงให้สัญญาว่า จะนำอีเวนท์พ่อบ้านกลับมาอีกแน่นอน และตอนนี้เขากำลังทำแฟนเพจในเฟชบุค เพื่อไว้แจ้งข่าวสารให้แฟนขาประจำของร้าน สามารถเข้ามาเช็คข่าวสารข้อมูลเรื่องอีเวนท์พิเศษและโปรโมชันต่าง ๆ ได้อีกด้วย

    “ดูจากความสนใจของลูกค้าแล้ว เสาร์นี้คนเพียบแหงม”

    ขวัญแก้วพึมพำกับตัวเอง ราเมศเหลือบมองหญิงสาว แล้วมองไปรอบ ๆ ร้าน ซึ่งตอนนี้มีลูกค้านั่งกันเต็มแทบทุกโต๊ะ

    “ไม่น่าเชื่อว่าไอเดียพิลึกแบบนั้น จะเรียกคนได้เยอะขนาดนี้”

    ราเมศเปรยขึ้นบ้าง แต่ทำให้คนที่อยู่ใกล้และได้ยินหันขวับมายิ้มกว้าง

    “ยอมรับแล้วล่ะสิว่าไอเดียสุดที่รักของเมน่ะใช้ได้จริง ๆ”

    “...เหอะ แล้วแต่จะคิดแล้วกัน”

    ราเมศขี้เกียจโต้แย้งและอธิบายให้หญิงสาวฟังว่าเขาและปวีร์ไม่ได้คบกันแง่นั้น ด้านขวัญแก้วหัวเราะคิกคักอย่างถูกใจที่แหย่ให้อีกฝ่ายหงุดหงิดได้นิด ๆ จากนั้นเจ้าหล่อนจึงหันไปให้ความสนใจกับหน้าที่ของตัวเองต่อ  ส่วนบรรดาพนักงานเสิร์ฟแต่ละคนวันนี้ก็ยิ่งเหนื่อยกันกว่าเดิม ทั้งจากจำนวนลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้นและลูกค้าที่ต้องการใช้โปรโมชันถ่ายรูปร่วมกับพวกตน และกว่าจะหมดวันพวกเขาก็ชักอยากให้ปวีร์รีบหาพนักงานพาร์ทไทม์มาเพิ่มให้เร็วกว่านี้เสียแล้ว


... TBC ...

ออฟไลน์ indy❣zaka

  • กระซิกๆ เบื่อดราม่า...
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +625/-26
จะมีหนุ่มใหม่มาเพิ่มอีกคนแล้วหรอ   ฮาเร็มของหนูโย    :-[

คาเฟ่นี้ช่างน่าไปอุดหนุนมากกกก  :impress2:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด