[...Miracle Café...] คาเฟ่อลวน-คนอลเวง / +ตอนพิเศษให้อ่านแถม P.22
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [...Miracle Café...] คาเฟ่อลวน-คนอลเวง / +ตอนพิเศษให้อ่านแถม P.22  (อ่าน 222970 ครั้ง)

alekung103

  • บุคคลทั่วไป
อ่ะ มีอีกหนุ่มมาและ

ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4


ตอนที่ 20 มาแล้วค่ะ หนุ่ม ๆ เริ่มมาโกยคะแนนโหวตแล้วจ้า ....จะเริ่มแยกคู่แล้วนะคะ ...ตอนนี้กำลังคิดว่าตัวละครใหม่(ที่ไม่ใช่อีตาธีรัชนะ) จะเอามาเป็นมือที่สามให้คู่โย หรือคู่ วีกับเม ดี  (แต่ก็เอียง ๆ ไปทางคู่รุ่นใหญ่เล็กน้อย เพราะเด็ก ๆ หลายคนเขายังไม่รู้ใจตัวเอง เลยกะจะให้รู้ว่ารักกันเสียก่อน แล้วค่อยแย่งชิงกันทีหลัง อิ ๆ)
   :L1:




Miracle Café / 20



     “คิดว่าจะไม่มีปัญหาตามมาหรือไง สำหรับรายนี้”

    ราเมศที่สังเกตเห็นกวินและการินซึ่งตั้งแง่กับธีรัชอย่างออกนอกหน้าเปรยถามเพื่อนสนิทของเขา ระหว่างที่พวกเขากำลังรอลูกค้าเข้าร้านอยู่

    “ไม่หรอก ถึงจะปากไวมือไวไปนิด เจ้าชู้ไปหน่อย แต่ก็รับผิดชอบกับงานดีนะ”

    ราเมศขมวดคิ้วนิด ๆ แล้วย้อนถามกลับไป

    “แล้วรู้ได้ยังไงล่ะ”

    “ก็เคยไปเฝ้าสังเกตมาเป็นอาทิตย์แล้วน่ะสิ ตอนแรกจะชวนมาพร้อมภูรินั่นล่ะ แต่เขามาไม่ได้ เพราะต้องเป็นนักร้องให้คลับของลุงที่มีพระคุณ ตอนนั้นก็เลยเว้นว่างไป พอร้านเราจะหาพนักงานพาร์ทไทม์ฉันเลยลองติดต่อไปใหม่”

    ราเมศพยักหน้ารับรู้ แต่ก็ต้องสะดุ้งเมื่อปวีร์แกล้งเปรยลอย ๆ ให้เขาได้ยิน

    “ตอนฉันนัดเขามาเจอนอกเวลางานติดต่อเรื่องทำพาร์ทไทม์ จู่ ๆ เขาก็เข้ามาจีบเฉยเลย แถมยังบอกว่าชอบฉันมาตั้งแต่ตอนที่มาชวนครั้งแรกแล้ว ... ขนาดฉันแย้งว่าเป็นผู้ชายด้วยกัน ก็ยังไม่ถืออีกนะ ฉันก็เลย...”

    ปวีร์เว้นวรรคคำพูด แล้วแสร้งทำเป็นไอเบา ๆ  ก่อนจะนิ่งเฉย จนราเมศทนรอไม่ไหว

    “แล้วนายบอกกับเขาว่าไงต่อ!”

    ราเมศถามกลับไปด้วยน้ำเสียงกังวล ทำให้ปวีร์ลอบยิ้ม แล้วแสร้งดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือ

    “อา...แย่จริง เดี๋ยวต้องไปเคลียร์งานด้านบนก่อนแล้ว ไม่งั้นงานสุมพอดี ไปก่อนนะ”

     ราเมศสบถเบา ๆ อยากดึงเพื่อนมาถามให้รู้เรื่องไปเลย ก็กลัวตกเป็นเป้าสายตา อีกอย่างขวัญแก้วที่อยู่ใกล้ ๆ แม้จะทำเป็นเมินจัดของโน่นนี่ในบาร์ แต่เขาแน่ใจว่าเธอตั้งใจฟังการสนทนาทุกคำพูดเป็นแน่

    “แก้ว...ฝากบาร์หน่อยได้ไหม ฉันมีธุระต้องเคลียร์นิดหน่อย”

    ขวัญแก้วหันมามองญาติของเธอ พลางยกยิ้มนิด ๆ แล้วพยักหน้ารับรู้

    “ตามสบาย ฉันดูแลให้เอง”

    ราเมศเอ่ยขอบคุณเบา ๆ แล้วจ้ำเท้าตามคนที่เดินเลี่ยงไปชั้นสองอย่างร้อนรน จนขวัญแก้วอดยิ้มอย่างนึกขำไม่ได้

    “ไม่เคยคิดแบบนั้น ...คิดแค่เพื่อน ...เมเอ๊ย ถ้าไม่มีคู่แข่งโผล่มาก็คงไม่รู้ใจตัวเองล่ะสิ  ดีนะที่วีรักมั่นคงขนาดนั้น ไม่งั้นป่านนี้อกหักไม่รู้ตัวไปแล้วเมเอ๋ย”

    ขวัญแก้วพึมพำกับตัวเอง แล้วฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี ทางด้านรุจเหลือบมองหญิงสาว ก่อนจะอมยิ้มนิด ๆ เขาไม่คิดจะเข้าไปยุ่งเรื่องส่วนตัวของนายจ้าง และเท่าที่เห็นทั้งคู่ก็น่าจะไปกันได้ด้วยดีมากกว่า แต่เรื่องความรักของพนักงานร่วมร้านนี่ต่างหาก ที่ดูแล้วช่างยุ่งเหยิงและทำให้เขาไม่รู้สึกเบื่อเลยสักวัน ไม่เสียแรงที่ลงทุนลาออกมาทำงานที่ร้านของปวีร์เลยจริง ๆ

    ‘ชีวิตมันก็ต้องมีสีสันกันบ้าง ต่อให้รวยล้นฟ้า แต่มีชีวิตประจำวันน่าเบื่อ ซ้ำซาก จำเจ รวยไปมันก็เท่านั้นล่ะนะ!’

    รุจนิ่งคิดในใจ แล้วจึงหันไปโค้งนิด ๆ ให้กับลูกค้ากลุ่มหนึ่งที่เข้ามาในร้าน เช่นเดียวกับเพื่อน ๆ พนักงานเสิร์ฟของเขา



    บรรดาลูกค้าสาวขาประจำกลุ่มใหญ่ ที่ดูเหมือนจะจงใจนัดรวมตัวกันมากินในวันนี้โดยเฉพาะ พวกเธอแทบจะหลุดปากกรีดร้องด้วยความตื่นเต้น เมื่อเห็นหนุ่ม ๆ ที่ถูกแปลงโฉมจากนิทานอมตะเรื่องดังเช่นนี้

    “แต่งออกมาได้สมกับที่คุณปวีร์บอกไว้จริง ๆ เท่ ๆ ทุกคนเลยเนอะ”

    “อ๊ะ! แมวเชสเชอร์สุดเท่คนนั้นใครน่ะ เด็กใหม่หรือ!”

    เสียงสาว ๆ ซุบซิบกันค่อนข้างดัง วาโยที่อยู่ใกล้ ๆ เลยเป็นฝ่ายตอบคำถามให้พวกเธอรับทราบ

    “พนักงานพาร์ทไทม์ของร้านครับ จะมาทำงานที่ร้านตั้งแต่ช่วงเที่ยงถึงบ่ายสามครับ”

    พอวาโยบอกจบบรรดาสาว ๆ ก็พากันกรีดร้องเบา ๆ อย่างยินดี และเริ่มลังเลในการใช้สิทธิ์โปรโมชันครั้งนี้เสียแล้ว

    “อลิซครับ แขกโต๊ะหนึ่งเรียกให้เช็คบิลด้วยครับ!”   

     เสียงของธีรัชดังขึ้นอย่างร่าเริง ทำให้คนถูกเรียกว่าอลิซสะดุ้ง ส่วนสาว ๆ พากันกรีดร้องเบา ๆ เมื่อชายหนุ่มหันมายิ้มหวานให้กับพวกเธอ

    “มะ...มาแล้วครับ เอ๊ย ค่ะ!”

    วาโยรีบบอกแล้วเดินตามเสียงเรียกไปจนเกือบจะสะดุดขา แต่ก็ได้ธีรัชคว้าเอวเอาไว้ได้ เจ้าตัวยิ้มน้อย ๆ แล้วบอกอีกฝ่าย

    “ระวังหน่อยสิครับอลิซ ...เกิดอลิซเป็นอะไรไป แมวเชสเชอร์โดนคนอื่นรุมว่าแน่เลย”

    เจ้าตัวยังคงเล่นละครต่อ แถมยังไม่ยอมปล่อยเอวอีกฝ่าย ส่วนสาว ๆ ก็ซุบซิบหัวเราะคิกคักกันอย่างชอบใจ กวินเห็นธีรัชโอบเอวรูมเมทของเขาไม่ยอมปล่อย จึงกระแอมดัง ๆ เขาถือนาฬิกาพกขึ้นดู ระหว่างที่เดินเข้ามาคว้าร่างวาโยมาโอบไว้แทน

    “ขอโทษนะครับ แต่นี่ก็สายมากแล้ว เดี๋ยวอลิซจะไปต้อนรับลูกค้าไม่ทัน”

    กวินบอกแล้วจ้องอีกฝ่ายเขม็ง ทำให้ธีรัชยักไหล่ ก่อนจะยิ้มให้อย่างไม่ถือสา แล้วเดินไปดูแลลูกค้าโต๊ะอื่นต่อ ส่วนวาโยก็หันมายิ้มขอบคุณกวินเบา ๆ กวินเองก็พยักหน้าแล้วปล่อยร่างอีกฝ่ายไปอย่างนึกเสียดายนิด ๆ

    “ขอโทษครับ เอ๊ย ค่ะ ที่มาช้าไปหน่อย”

    วาโยโค้งขอโทษลูกค้ากลุ่มที่เรียกเขามา อีกฝ่ายยิ้มแล้วเปรยขึ้น

    “ไม่เป็นไรหรอกครับ ไม่ได้รีบร้อนอะไร เพียงแต่หมอนี่เขามีอะไรจะให้คุณเท่านั้น”

    ลูกค้ากลุ่มนั้นเป็นผู้ชายที่มาด้วยกันสามคน คนพูดยิ้มแย้มอารมณ์ดี ในขณะที่เพื่อนซึ่งถูกกล่าวถึง ยิ้มส่งให้วาโยอาย ๆ แล้วยื่นกล่องของขวัญกล่องแบน ๆ ใหญ่กว่าฝ่ามือเล็กน้อยส่งให้

    “เอ๋?”

    วาโยมองอย่างงุนงง แต่ก็ยังคงรับมาตามมารยาท

    “ผมไม่รู้ว่าคุณจะชอบไหม แต่ก็ตั้งใจเลือกซื้อให้นะครับ และก็จะดีใจมากเลย ถ้าจะใส่ให้เห็นสักครั้งบ้าง”

    เจ้าตัวบอกด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ ส่วนเพื่อนอีกสองคนหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ แต่ก็ช่วยลุ้นให้อีกฝ่ายพูดอย่างที่ตั้งใจไว้ให้สำเร็จ

    “ง่า...ขอบคุณมากครับ เอ๊ย...ค่ะ”

    วาโยบอกติด ๆ ขัด ๆ เพราะกำลังตกใจไม่หาย เนื่องจากเพิ่งเคยได้รับ ‘ทิป’ จากลูกค้ากับมือครั้งแรก

    “ไม่เป็นไรหรอกครับ พูดกับพวกเราตามสบายก็ได้ พวกเราชอบดูคุณแต่งตัวน่ารัก ๆ แบบนี้ก็จริง แต่พวกเราก็ชอบตอนคุณยิ้มมากกว่า”

    ลูกค้าผู้ชายอีกคนเอ่ยขึ้น ซึ่งเพื่อนทั้งสองที่เหลือต่างก็พยักหน้า วาโยจึงรู้สึกผ่อนคลายและยิ้มหวานให้กับลูกค้าของเขาแต่ละคน โดยเป็นรอยยิ้มที่ออกจากใจไม่ได้เสแสร้งแกล้งทำแต่อย่างใด



    “เดี๋ยวขอใช้สิทธิ์โปรโมชันร่วมถ่ายรูปคู่ของคุณกับหมอนี่สักใบได้ไหมครับ”

    เมื่อวาโยนำใบเสร็จและเงินทอนมาให้โต๊ะของลูกค้ากลุ่มที่เรียกเขาเช็คบิลแล้ว หนึ่งในนั้นก็เอ่ยขอร้องขึ้น วาโยยิ้มอาย ๆ แต่ก็พยักหน้ารับรู้ ส่วนคนที่ถูกเสนอให้ถ่ายรูปคู่สะดุ้งโหยงแล้วรีบบอกกับเพื่อนของเขา

    “เฮ้ย! ไหนบอกจะถ่ายรูปรวมกลุ่มยังไงล่ะ แล้วกลายมาเป็นฉันคนเดียวได้ยังไง”

    “อะไร ไม่สะดวกใจหรือไง หรือรังเกียจที่จะถ่ายกับคุณวาโยเขาสองต่อสอง หือ”

    เพื่อนคนหนึ่งเอ่ยแซว ทำให้คนที่ถูกทักสะดุ้งเฮือก พอหันไปมองวาโยที่หน้าสลดลง ก็ต้องรีบแก้ตัวทันที

    “เปล่านะครับ ผมไม่ได้รังเกียจอะไร ก็แค่เขินเท่านั้น!”

    พอบอกจบ เจ้าตัวก็หน้าแดงก่ำ ทำให้เพื่อนอีกสองคนแทบจะกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่ทันเลยทีเดียว

    “เอาน่า ฉันมีใบเสร็จคราวที่แล้วเก็บไว้ ยังไม่ได้แลกเลย  เดี๋ยวพวกเราถ่ายรูปหมู่รูปหนึ่ง แล้วก็รูปคู่ของนายอีกรูปแล้วกัน”

    เมื่อตกลงกันแล้ว วาโยก็ตามลูกค้ากลุ่มนั้นไปถ่ายรูป โดยรุจนั้นรับหน้าที่แทนขวัญแก้วซึ่งกำลังยุ่งอยู่กับบาร์ เพราะราเมศยังคงไม่ลงมาจากชั้นสอง

    “ถ่ายที่ด้านนอกก็ดีนะ วิวสวยดี”

    ผู้ชายกลุ่มนั้นเสนอ และเดินไปถ่ายรูปกับวาโย โดยมีกวินที่กำลังรับออเดอร์ลูกค้าเหม่อมองไปอย่างนึกอิจฉา แต่ก็ต้องสลัดความคิดนั้น แล้วหันมาให้ความสนใจกับงานของตนต่อ เมื่อภูริที่เดินผ่านด้านหลังเขากระแอมเบา ๆ เตือน

    “ฮึ...เสน่ห์แรงจริงนะ”

    ภูริพึมพำกับตัวเองแทบไม่พ้นลำคอ นึกหงุดหงิดขึ้นมาอย่างประหลาด ยิ่งตอนหันไปเห็นวาโยแกะกล่องของขวัญและใส่สร้อยเงินห้อยจี้รูปหัวใจ ตามที่ลูกค้ากลุ่มนั้นขอร้อง แถมยังถ่ายรูปคู่แล้วยิ้มหวานกับเจ้าของสร้อย เขาก็ยิ่งไม่ค่อยสบอารมณ์ขึ้นมาทุกที และพฤติกรรมของเขาก็อยู่ในสายตาของใครบางคนที่บังเอิญเห็นเข้าพอดี

    “...น่าสนุกดีแฮะ ศึกชิงอลิซอย่างนั้นหรือ จะเข้าร่วมด้วยดีไหมนะ ...โอ๊ย!”

    ธีรัชสะดุ้งโหยง เมื่อการินที่เดินผ่านเหยียบเท้าเขาเข้าเต็มที่

    “โอ๊ะ! ขอโทษนะ พอดีกำลังง่วง ๆ ก็เลยมองไม่ทันเห็น”

    เมาส์ดอร์ผู้น่ารักแสร้งทำเป็นยิ้มใสซื่อ ทั้งที่ตั้งใจเหยียบเท้าอีกฝ่ายเต็มที่ เนื่องจากได้ยินสิ่งที่เจ้าตัวเปรยเบา ๆ กับตัวเองนั่นอย่างชัดเจน

    “เป็นหนูที่กล้าหาญจริง ๆ นะครับ  ไม่กลัวจะโดนแมวเชสเชอร์จับกินเอาหรือครับ”

    ธีรัชหันมาเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ แต่การินนั้นจ้องตอบอย่างไม่เกรงกลัว ส่วนสาว ๆ ที่เป็นแฟนคลับของการินและหันไปเห็นเหตุการณ์เข้า ตอนนี้กำลังซุบซิบกรีดร้องกันเบา ๆ ด้วยความตื่นเต้น แถมยังลุ้นให้เกิดเหตุการณ์บางอย่างที่ถ้าการินรู้เข้าคงแทบอยากจะลาออกจากงานนี้หนีพวกเจ้าหล่อนไปเลยด้วยซ้ำ

    “เอ้า ๆ ถอยหน่อย ๆ ฉันสายแล้วนะ เดี๋ยวต้องไปส่งออเดอร์ลูกค้าอีก!”

    และก่อนที่การปะทะคารมจะเกิดขึ้น ร่างสูงสวมหูกระต่ายในสูทขาว ก็แทรกตัวผ่านทั้งคู่ไป กวินเหลือบไปมองการินแล้วยิ้มน้อย ๆ อย่างถูกใจให้อีกฝ่าย ซึ่งการินเองก็ยักไหล่ แล้วแยกย้ายไป ส่วนธีรัชนั้นมองตามทั้งคู่ก่อนจะหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ

    “สงสัยแมวเชสเชอร์จะโดนหมั่นไส้เข้าให้แล้วล่ะนะ”

    จากนั้นชายหนุ่มจึงหันไปสนใจในงานของเขาต่อ สักพักราเมศก็ลงมาจากชั้นสอง เขาตีหน้าขรึมจนขวัญแก้วชักไม่แน่ใจว่าเกิดเรื่องอะไรข้างบนนั่นหรือไม่ แต่เมื่อยังไม่ถึงเวลาพักของเธอ เธอจึงไม่สามารถเลี่ยงหลบไปถามปวีร์ได้อย่างใจต้องการนั่นเอง



    และแล้วในที่สุดก็ถึงช่วงพักรอบแรกของพนักงานในร้าน ซึ่งเป็นเวรของวาโยและการิน รวมไปถึงขวัญแก้วที่รีบตรงไปหาปวีร์ที่ห้องบนชั้นสองของชายหนุ่มทันที โดยไม่คิดพักกินข้าวกลางวันก่อน

    “ว้า...จัดเวรให้ดอกไม้งามพักพร้อมกันแบบนี้ ร้านก็ห่อเหี่ยวหมดพอดี”

        ธีรัชบ่นเปรยเบา ๆ ทำเอาการินที่ได้ยินหันมาค้อนขวับ ส่วนวาโยยิ้มให้อีกฝ่ายเจื่อน ๆ จากนั้นทั้งคู่จึงเดินเข้าไปในครัว โดยมีธีรัช กับรุจที่มองตามไปอย่างนึกขำ

    “เลิกบ่นได้แล้วน่า ...ไปดูแลด้านนอกนั่นด้วย ลูกค้าเตรียมจะสั่งอาหารอีกแล้ว”

    ภูริที่ยืนอยู่แถวนั้นบ่นใส่เพื่อน ซึ่งธีรัชก็หันไปมองคนพูด ก่อนจะหันไปมองด้านนอกซึ่งมีลูกค้านั่งอยู่ด้วยกันราวสามโต๊ะ

    “งั้นเดี๋ยวฉันไปประจำด้านนอกให้เลยก็ได้ ด้านในนี่ฝากพวกนายด้วยแล้วกัน”

     “อืม...ถ้าไม่ไหวก็มาเปลี่ยนตัวแล้วกัน”

    ภูริบอกอีกฝ่าย เพราะถึงแม้จะมีพัดลมไอน้ำและต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงา แต่การทำงานด้านนอก มันก็ค่อนข้างจะเหนื่อยหนักเพิ่มขึ้นกว่าเวลาทำงานในห้องแอร์เย็นเฉียบพอสมควร

    “ไม่ต้องห่วง ฉันเป็นมิตรกับแดดนะ นายก็รู้อยู่”

    ธีรัชบอกพลางโชว์แขนให้อีกฝ่ายดูสีผิว แล้วฮัมเพลงออกไปด้านนอกร้าน ภูริถอนหายใจเบา ๆ แต่ก็มั่นใจว่าจะพึ่งพาธีรัชได้ เพราะแม้ภายนอกจะดูเป็นคนหยิบโหย่ง แต่ชายหนุ่มนั้นกลับเป็นคนที่มีความรับผิดชอบต่องานที่ทำอยู่สูงทีเดียว

    “ก็ใช้ได้ล่ะนะ...”

    กวินพึมพำกับตัวเองเมื่อเห็นความขยันขันแข็งของธีรัช แต่ถึงยังไงเขาก็ไม่ค่อยชอบนิสัยปากว่ามือถึงของอีกฝ่ายเท่าใดนัก แต่เมื่อลองมาเทียบกับตัวเองที่ไม่กล้าบอกรักวาโยซึ่ง ๆ หน้า เขาก็รู้สึกละอายที่คิดอคติกับอีกฝ่ายเช่นเดียวกัน

    จากนั้นกระต่ายขาวผู้สับสนก็ตบหน้าตัวเองเบา ๆ เพื่อเรียกสติและสมาธิกลับมา ซึ่งชายหนุ่มก็ทำได้ดีไม่แพ้ทุกวัน  มีทั้งการเล่นละครกับลูกค้าผู้เป็นสุภาพสตรีให้พวกเจ้าหล่อนขบขัน และปิดท้ายด้วยบริการที่สุภาพอ่อนโยน ทำให้แต่ละรายเคลิบเคลิ้มไปตาม ๆ กัน

   

    อีกด้านหนึ่งวาโยและการินที่พักทานข้าวเสร็จแล้ว ต่างกึ่งนั่งกึ่งนอนยืดเส้นยืดสายที่ชั้นสองเพื่อพักผ่อน ทางด้านวาโยมองไปด้านนอกแล้วนิ่วหน้า เมื่อเห็นแสงแดดที่จ้ากว่าทุกวัน

    “วันนี้ร้อนจังเลยนะ ลูกค้าที่นั่งข้างนอก จะเป็นไรหรือเปล่าก็ไม่รู้”

    “ลูกค้าน่ะหรือ ตำแหน่งที่นั่งส่วนใหญ่จะมีร่มไม้บัง แล้วก็พัดลมพัดผ่าน ก็คงไม่ค่อยร้อนเท่าไหร่หรอก ที่จะร้อนก็คือพวกเราที่ต้องรับผิดชอบดูแลลูกค้าด้านนอกนั่นต่างหาก จะไปยืนบังพัดลมลูกค้าก็ไม่ได้ จะยืนเกาะกับโต๊ะลูกค้าก็ไม่เหมาะ ต้องยืนรอไกล ๆ และสังเกตรอลูกค้าเรียก ฉันถึงบอกว่าอากาศเมืองไทยไม่เหมาะกับคาเฟ่เอาท์ดอร์ยังไงล่ะ... แต่ก็ดีนะที่อาเขาเลือกวัสดุทำเรือนกระจกอย่างดีมาใช้  ถ้าเป็นวันปกติที่อากาศไม่ร้อนจัดขนาดนี้ ฉันว่าข้างนอกนั่นก็เข้าท่าอยู่ทีเดียวล่ะ”

    การินอธิบายยืดยาวเพื่อให้วาโยไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องลูกค้าอีก ชายหนุ่มฟังแล้วก็ยิ้มน้อย ๆ เขาเลิกกังวลแทนลูกค้าแล้ว แต่หันกลับมาเป็นห่วงเพื่อนร่วมงานด้วยกันแทน

    “ใครเฝ้าด้านนอกอยู่ตอนนี้นะ”

    “ไม่รู้สิ...แต่เดี๋ยวถ้าร้อนเขาก็เปลี่ยนตัวกันเองล่ะ”

    การินตัดบท แต่ด้วยนิสัยเสียของวาโยที่พอเริ่มกังวลเรื่องหนึ่งก็มักจะกังวลต่อไปอีกหลาย ๆ เรื่อง

    “น่าห่วงชะมัด ไหนจะร้อนแบบนั้น พักกินน้ำก็ไม่ได้”

    วาโยพึมพำก่อนจะลุกขึ้นพรวดทำเอาการินต้องสะดุ้งโหยง

    “ง่า...ไปห้องน้ำแป๊บนึงนะริน เดี๋ยวมา”

    การินมองตามร่างในชุดกระโปรงสีฟ้าที่วิ่งออกจากห้องไป แล้วถอนหายใจเบา ๆ 

    “นิสัยขี้เป็นห่วงนั่นก็ดีหรอกนะโย ...แต่ต้องระวังไว้หน่อยล่ะ เพราะมันจะสร้างความเดือดร้อนให้กับตัวนายในภายหลังแน่”

    ชายหนุ่มหน้าสวยพึมพำ แล้วหวนคิดถึงคำพูดของธีรัช เรื่องที่ว่าจะเข้าร่วมศึกชิงอลิซหรือก็คือวาโยนั่นเอง

    “ร่วมศึกชิง...แสดงว่ามีคนหลงชอบหมอนั่นไปแล้วไม่ต่ำกว่าสองสินะ ...พวกนั้นน่ะหรือ”

    การินนึกถึงกวิน ภูริ และรุจ ขึ้นมาทันที  สำหรับกวินหลัง ๆ ชายหนุ่มก็เห็นว่าอีกฝ่ายแสดงท่าทีกับวาโยแปลกไป  ส่วนรุจนั้นค่อนข้างชอบแกล้งวาโยเป็นพิเศษ และภูริที่บางครั้งดูเมินเฉย แต่บางทีก็เอาใจใส่ในตัววาโยไม่แพ้คนอื่นเช่นเดียวกัน

    “รักงั้นหรือ... ถ้าอกหักแล้วจะกลับมาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมได้ไหมนะ”

    การินเปรยเบา ๆ เขาไม่เคยรักใครมาก่อน ขนาดเพื่อนสนิทก็เพิ่งจะเคยมามีก็ตอนทำงานที่มิราเคิลคาเฟ่แห่งนี้นี่เอง แล้วถ้าเกิดเขารักใครขึ้นมาบ้าง แล้วอีกฝ่ายไม่เล่นด้วย เขาก็ไม่แน่ใจว่าเขาจะยังทนทำงานร่วมกับทุกคนที่นี่ได้อีกไหม

    “ถ้าต้องเป็นแบบนั้น ให้เป็นเพื่อนกันไปแบบนี้เหมือนทุกวันยังจะดีเสียกว่า ...ความรักอะไรนั่น ไม่เห็นจะเข้าท่าสักนิด”

    ชายหนุ่มพึมพำด้วยใบหน้าเคร่งขรึม เพราะไม่ว่าวาโยจะเลือกใครก็ตาม แต่สุดท้ายความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็คงต้องเปลี่ยนไปอยู่ดี ยกเว้นคนที่ผิดหวังจะเป็นฝ่ายทำใจได้... ซึ่งถ้าเป็นตัวเขาเอง เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะต้องใช้เวลานานเท่าไร จึงจะสามารถยิ้มให้กับอีกฝ่ายจากใจจริงได้อีกครั้ง


... TBC ...

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
หนุ่ม ๆ เยอะเกิ๊น  อยากจะคิดว่าภูริคู่กับวาโย และธีรัชคู่กับการินนะ
แต่เอาจริง ๆ เลยนะ  เชียร์การินคู่กับวาโยมากกว่า  ให้หนุ่ม ๆ มันกินแห้วไป 555

ออฟไลน์ nongrak

  • ยังไงก็รักคาเมะจังที่สุด
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +912/-14
อยากให้วาโยเลือกภูริ คู่นี้เวลาอยู่ด้วยแล้วรู้สึกวาโยน่ารักมาก

alekung103

  • บุคคลทั่วไป
เฮ้อ...

ไม่รู้ว่าโยจะเลือกใครเนอะ

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
คิดว่าการินน่าจะคู่กับกวินไม่ก็ธีรัช เพราะจากคู่กัดจะได้กลายเป็นคู่รัก :z1:
แล้ววาโยจะคุ่กับภูริดีไหมน้า หรือเชียร์คนอื่นดี :laugh:
ยังๆไม่เชียร์ใคร รอลุ้นคู่ใหญ่ก่อนดีกว่า ปล่อยให้เด็กๆรู้ใจตัวเองอย่งที่คุณ Xenon ว่าดีกว่า :o8:

ออฟไลน์ Whatever it is

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3959
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +380/-8
โอ๊ะ มีมาเพิ่มอีกคน แอบจิ้นธีรัชกับการิน 555 แต่ของหนูวาโยนี่ จะภูิริหรือกวิน ก็สงสาีรอีกคนอะ เหอๆ

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
ส่วนอลิซ ก็ไม่รู้ตัวเลยว่า สงครามแห่งความรักกำลังจะเกิดขึ้น 5555

ออฟไลน์ Ali$a฿eth

  • [จิ้น]ตนการ
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-3
โอ๊ย จิ้น จิ้นๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ โชเเน็น บันไซ T^T

อวย ภูริxวาโย

อวย*2 กวินxการิน

อวย*3วีย์xอาเม


 :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8:

ส่วนในตอนนี้ สงคราม แย่งชิงอลิซ ใกล้เข้ามาแล้ว อาฮร๊า

ออฟไลน์ indy❣zaka

  • กระซิกๆ เบื่อดราม่า...
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +625/-26
ถ้าหนุ่มๆมัวแต่แย่งกัน
ไม่แน่ว่า เผลอๆการินอาจมาวิน  สอยหนูวาโยไปครองได้นะ  :haun5:  หุหุ   :interest:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
วาโยฮ๊อตมากกกกกก
(เชียร์ภูริๆๆๆๆๆ)

ว่าแต่การินแอบดาร์คนะเนี่ย

ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4
Miracle Café / 21




    อีกด้านหนึ่งปวีร์กำลังนั่งอมยิ้มน้อย ๆ เมื่อเขาบอกกับขวัญแก้วว่าไม่มีอะไร และราเมศก็แค่หงุดหงิดที่ถูกเขาแกล้งแหย่เล่นเท่านั้น ทำให้หญิงสาวยอมเลิกราที่จะซักไซ้และกลับไปกินข้าวกลางวันของเธอต่อ ทว่าจริง ๆ แล้วปวีร์นั้นไม่ได้บอกทุกสิ่งที่เกิดขึ้นภายในห้องนี้ให้อีกฝ่ายรับฟังจนหมด และมีบางเรื่องที่หากหญิงสาวรู้เข้า คงต้องเอาไปแหย่แซวราเมศให้อีกฝ่ายต้องหงุดหงิดเพิ่มแน่  ปวีร์หัวเราะเบา ๆ เมื่อหวนนึกถึงเหตุการณ์ภายในห้องก่อนหน้าที่เขาและราเมศสนทนากัน…

    “ตกลงนายตอบหมอนั่นว่ายังไงกันแน่!”

    ราเมศยังคงตามมาเพื่อต้องการฟังคำตอบ ทำให้คนที่ถูกซักไซ้ลอบยิ้มน้อย ๆ แล้วลอยหน้าถามกลับไป

    “อยากรู้ไปทำไม ไม่เห็นเกี่ยวอะไรกับนายนี่”

    ราเมศเม้มปากน้อย ๆ ด้วยความหงุดหงิด แล้วเดินเข้าไปหาคนที่ทำเป็นนั่งก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ประจำโต๊ะ

    “นายคิดอย่างที่พูดจริง ๆ หรือไงปวีร์”

    ราเมศถามเสียงเข้มขณะที่จับเก้าอี้หนังของอีกฝ่ายหมุนหันกลับมาเผชิญหน้ากับเขา พร้อมกับกักร่างของอีกฝ่ายไว้ในอ้อมแขน นัยน์ตาคมกริบจ้องมองเพื่อนสนิทนิ่ง

    “ก็นะ...ถึงฉันจะไปคบกับใคร มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับนายจริง ๆ นี่ราเมศ  นายก็ยังเป็นเพื่อนฉันเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนไม่ใช่หรือไง ไม่ใช่พอมีแฟนแล้วฉันจะทิ้งเพื่อนสักหน่อย”

    ปวีร์บอกพร้อมรอยยิ้ม แต่คนฟังนิ่วหน้านิด ๆ แล้วย้อนถามกลับไป

    “แต่อีกฝ่ายเป็นผู้ชาย แถมอายุน้อยกว่านายด้วยนี่นะ ...แล้วยังนิสัยชอบเจ้าชู้ไปทั่วนั่นอีก”

    ปวีร์หัวเราะเบา ๆ แล้วจึงตอบกลับไปด้วยสีหน้าระบายยิ้มดังเคย

    “ก็ไม่เห็นเป็นไร ถ้าอีกฝ่ายรักฉันจริง ต่อให้เป็นหญิงหรือชาย อายุมากกว่าหรือน้อยกว่า ฉันก็ไม่รังเกียจ แล้วเรื่องเจ้าชู้ ถ้ารักกันแล้วหยุดแค่ฉันได้ ฉันก็ไม่ว่าอะไรอยู่แล้ว”

    ราเมศนิ่งอึ้ง พูดอะไรไม่ออก เขาเงียบไปสักพักก่อนจะย้อนถามกลับเสียงแผ่ว

    “นายชอบเด็กนั่นจริงอย่างนั้นหรือ...”

    ปวีร์ไม่ตอบเขาเพียงแต่ยิ้มน้อย ๆ ทำให้ราเมศกัดริมฝีปากนิด ๆ แล้วจึงผละออกจากอีกฝ่าย หันหลังให้เตรียมเดินออกจากห้องไป

    “ราเมศ ...ฉันชอบนายนะ”

    ราเมศชะงัก เขาหันมามองปวีร์ก็เห็นอีกฝ่ายมีรอยยิ้มหวานเหมือนปกติยามที่พูดกับเขาเช่นนั้น

    “...ไม่ต้องกลัวว่าฉันจะเลิกคบกับนายหรอก ก็แค่เตือนไว้ตามประสาเพื่อนสนิทเท่านั้นเอง”

    ราเมศตอบกลับไปอย่างเข้าใจไปเองว่าอีกฝ่ายพูดเพราะกลัวเขาจะโกรธ

    “เฮ้อ! ทำไมทีคนอื่นฉันยังไม่ได้บอกสักคำว่าชอบ นายก็ทึกทักไปเอง  ทีกับนายฉันพูดให้ฟังตลอดแบบนี้แท้ ๆ นายก็ยังไม่ยอมเข้าใจสักทีสินะ”

    ราเมศที่กำลังจะเปิดประตูห้องชะงักกึก แล้วหันมามองคนพูดอย่างไม่อยากเชื่อสายตา ปวีร์ยิ้มน้อย ๆ แล้วจึงเอ่ยตัดบท

    “ไปทำงานได้แล้ว วันนี้คนเยอะออก แก้วคนเดียวทำไม่ไหวหรอก”

    “ปวีร์ เมื่อครู่นายหมายความว่าไง...”

    ราเมศถามเสียงแผ่ว ปวีร์ยิ้มน้อย ๆ เหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ แล้วจึงตอบกลับไป

    “ไว้ถึงเวลานายพักเมื่อไหร่ก็ขึ้นมาสิ แล้วฉันจะให้คำตอบนายเอง”

    ราเมศอยากจะซักต่อ แต่ปวีร์ทำเป็นมองเมินไปทางอื่น จนชายหนุ่มต้องสบถเบา ๆ แล้วเดินลงไปชั้นล่างด้วยความหงุดหงิดระคนสับสน  จนปวีร์ที่ลอบมองตามไปถึงกับหลุดหัวเราะออกมา

    “ช่วยไม่ได้นะราเมศ ...ใครใช้ให้ความรู้สึกช้า ปล่อยให้ฉันหลงรักข้างเดียวมานานขนาดนี้กันล่ะ ...เอาคืนนิด ๆ ก็คงไม่ว่ากันใช่ไหม”

    ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเอง ทีแรกเขาก็ไม่คิดจะสารภาพ แต่พอมานึก ๆ ดูแล้ว หากมีคนอื่นเข้ามาสนใจราเมศ และราเมศเกิดชอบตอบอีกฝ่ายไปบ้าง เขาก็คงต้องอกหักทั้งที่ยังไม่เคยบอกความในใจให้อีกฝ่ายรับรู้เป็นแน่  สู้สารภาพออกไปเสียเลยดีกว่า  ถ้าสมหวังก็ดีไป ถ้าผิดหวังเขาก็ยังเชื่อว่าราเมศจะยังคงมีความเป็นเพื่อนเหลือไว้ให้เขาอยู่ดี เพราะไม่อย่างนั้นเขาก็คงไม่หลงรักผู้ชายคนนี้หมดหัวใจมากว่าสิบปีแบบนี้แน่

   

    ทางด้านวาโยพอผละมาจากการินแล้ว เขาก็เข้ามาในครัว แล้วเปิดตู้เย็นซึ่งมีน้ำหวานชงใส่ขวดเอาไว้สำหรับพนักงานเทใส่แก้ว พลางเดินเลี่ยง ๆ ไปทางด้านประตูหลัง โดยที่ชานนกับขวัญตามองตามไปอย่างประหลาดใจ แต่ก็ไม่ได้ทักอะไร เพราะกำลังยุ่งอยู่กับการทำอาหารสำหรับลูกค้า

    “เอ...ไปทางนี้ดีกว่า”

    วาโยอ้อมไปทางฝั่งครัว เพราะหากเป็นอีกฝั่งที่เป็นกระจกใสบานใหญ่ ลูกค้าเห็นเข้าคงตกใจแน่

    “เอ๋...คุณธีรัชหรอกหรือ”

    วาโยมองเห็นธีรัชยืนรับรองลูกค้าอยู่ ซึ่งดูจากท่าทางแล้ว แสดงว่าอีกฝ่ายคงแบ่งมาเฝ้าประจำอยู่ด้านนอกแทนแน่  ชายหนุ่มก้มมองแก้วน้ำ แล้วในขณะที่กำลังคิดว่าจะทำยังไงดี อีกฝ่ายก็หันมาเห็นเขาที่แอบอยู่เข้าพอดี

    “อ้าว! หนูอลิซนี่นา”

    ธีรัชเผลออุทานขึ้นมา ทำให้ลูกค้าหันมามอง เห็นดังนั้นชายหนุ่มจึงแกล้งเล่นละครไปตามน้ำเสียเลย

    “ดูท่าทางว่าหนูอลิซจะมีอะไรปรึกษากับแมวเชสเชอร์เสียแล้ว งั้นกระผมขอตัวสักครู่นะครับทุกท่าน”

    ลูกค้าแต่ละรายยิ้มน้อย ๆ พลางพยักหน้าให้ เพราะพวกเขาได้อาหารและเครื่องดื่มหมดแล้ว และกำลังรับประทานกันเรื่อย ๆ จึงไม่จำเป็นให้ธีรัชต้องคอยบริการอะไรในช่วงนี้

    “มีอะไรหรือหนูอลิซ”

    ธีรัชที่เดินมาหาวาโยถามพร้อมรอยยิ้ม วาโยยิ้มเจื่อน ๆ แล้วจึงยื่นน้ำหวานในแก้วให้อีกฝ่าย

    “อากาศวันนี้มันค่อนข้างร้อน ผมกลัวคนที่อยู่ข้างนอกจะเพลีย เลยเอาน้ำหวานมาฝากครับ”

    ธีรัชเลิกคิ้วน้อย ๆ จ้องอีกฝ่าย แต่เมื่อเห็นว่าเจ้าตัวนั้นมีสีหน้าและแววตาจริงใจดังเช่นคำพูด เขาจึงยิ้มให้ แล้ว

ขยับตัวมาที่มุมร้านซึ่งหลบสายตาคนอื่น ดื่มน้ำหวานในแก้วที่วาโยให้ แต่พอเอาแก้วคืน เจ้าตัวก็ชะโงกหน้าไปหอมแก้มอีกฝ่ายเบา ๆ

    “ขอบคุณนะ ฉันรู้สึกสดชื่นขึ้นเยอะเลย”

     ชายหนุ่มบอกแล้วก็ขอตัวไปทำงานต่อ โดยไม่สนคนที่นิ่งอึ้งหน้าแดงด้วยความตกใจที่ถูกขโมยจูบ แม้จะเป็นที่แก้มก็ตาม แต่สำหรับวาโยก็ไม่เคยให้เพื่อนผู้ชายคนไหนหอมแก้มมาก่อน

    “...เขาคงจะทำไปโดยไม่คิดอะไรล่ะมั้ง”

    วาโยพยายามปลอบใจตัวเองไม่ให้คิดมาก พอเขากลับมาในร้านก็เห็นการินกำลังลงจากชั้นสองมาพอดี

    “ใกล้เวลาเปลี่ยนเวรแล้ว ฉันเลยมารอที่ด้านล่างน่ะ”

    การินบอกกับอีกฝ่ายก่อนที่วาโยจะถาม วาโยดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือแล้วจึงพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะชะงักเมื่อการินแกล้งเปรยเบา ๆ

    “แล้วไปเข้าห้องน้ำอีท่าไหน ทำไมถึงมาจากข้างนอกได้ล่ะ”

    วาโยสะดุ้งโหยง แล้วหันมายิ้มแห้ง ๆ ให้ การินจึงยิ้มน้อย ๆ แล้วเดินไปตบบ่าเพื่อนของเขาที่ซ่อนแก้วไว้ด้านหลัง

    “ทีหลังไม่ต้องโกหกก็ได้ ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอก ถ้านายจะออกไปเอาน้ำให้ใครบางคนข้างนอกนั่นน่ะ”

    วาโยยิ้มแห้ง ๆ ที่ถูกจับได้ เขาพึมพำขอโทษการินเบา ๆ ซึ่งการินเองก็ไม่ได้ถือสา 

    “แล้วใครอยู่เฝ้าข้างนอกล่ะ”

     การินถามต่อ ทำเอาวาโยชะงักกึก นิ่งเงียบไป นั่นจึงทำให้การินมองเพื่อนอย่างแปลกใจ

    “วินหรือ?  ไม่สิ…อย่าบอกนะว่าหมอนั่น”

    การินถามพร้อมกับสังเกตปฏิกิริยาของอีกฝ่าย ที่ถึงแม้จะไม่พูดแต่มันก็ฉายออกมาทางสีหน้าและแววตาจนหมด

    “...เหอะ! ก็แค่อยากรู้เท่านั้น ไม่ได้จะว่าอะไรสักหน่อย”

    การินบอกแล้วเดินเข้าห้องครัวไป แต่วาโยฟังจากน้ำเสียงของชายหนุ่มแล้วพอจะเดาได้ว่าอีกฝ่ายไม่สบอารมณ์นัก นี่ถ้ารู้ว่าเขาโดนหอมแก้มมาด้วย สงสัยการินจะโวยวายยิ่งกว่านี้ เพราะเท่าที่เขาสังเกตดู การินไม่ค่อยชอบความเจ้าชู้ปากไวมือไวของธีรัชเท่าใดนักนั่นเอง

   

    พอถึงเวลาเปลี่ยนเวร วาโยก็วิ่งเหยาะ ๆ ออกไปหาธีรัชที่ด้านนอกเพื่อขอเปลี่ยนทำหน้าที่กับอีกฝ่าย  ทำให้กวินและภูริที่กำลังเดินอ้อมไปหลังเคาท์เตอร์เหลียวมองตาม ยิ่งเห็นวาโยคุยแล้วยิ้มอาย ๆ กับธีรัช ทั้งคู่ก็เริ่มก่อเค้าความหงุดหงิดในสีหน้าให้จับสังเกตได้ รุจมองทั้งสองคนอย่างสนใจ แล้วก็ต้องเหลือบไปมองราเมศที่หมดเวลาพักและมาเปลี่ยนเวรกับตนบ้าง อีกฝ่ายนั้นดูไม่บึ้งตึงเหมือนตอนก่อนหน้าที่จะขึ้นไปหาปวีร์อีกรอบ แต่กลับดูผ่อนคลายลงราวกับเป็นคนเดิม จนขวัญแก้วอยากจะทักแต่ก็ถูกราเมศเปรยขัดเสียก่อน

    “ไปประจำแคชเชียร์แทนซะทีสิ รุจเขาจะได้พักบ้าง”

    “ฮึ! ก็ได้ ...วีทำอะไรดี ๆ ให้ล่ะสิ ถึงอารมณ์ดีมาเชียว ทีเมื่อครู่หน้างี้หงิกซะจนคนไม่กล้าเข้าใกล้”

    ขวัญแก้วเปรยประชด ทว่าคนฟังไม่ได้ถือสาอะไร ยังคงทำตัวนิ่งเฉย แต่นั่นก็ทำให้คนคุ้นเคยมองออกว่าเป็นการแสร้งทำเพื่อปิดบังอะไรบางอย่างแน่

    “ไว้ถามวีเองก็ได้ย่ะ!”

    หญิงสาวบ่นอุบอิบ แล้วจึงเดินไปเปลี่ยนเวรกับรุจ ชายหนุ่มยิ้มให้เธอน้อย ๆ พลางเดินอ้อมหลังราเมศไป ก่อนจะชะงักเมื่อเห็นรอยแดง ๆ คล้ายรอยฟันบนคอของอีกฝ่าย ราเมจซึ่งรู้สึกตัวว่ามีคนจ้องรีบเอามือตะปบรอยนั้น เขาหน้าแดงนิด ๆ แล้วเหลือบไปมองขวัญแก้วที่ตอนนี้มัวแต่สนใจลูกค้าที่มาเลือกดูขนมที่ตู้ขนมแทน  ราเมศจึงลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก พลางหันกลับมามองรุจอย่างเป็นกังวล แต่ชายหนุ่มผู้อ่อนวัยกว่าก็ได้แต่ยิ้มน้อย ๆ แล้วเดินไปในครัวราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น  ราเมศจึงได้แต่มองตามไปแล้วถอนหายใจเบา ๆ อีกครั้ง



    ภายในครัวตอนนี้นั้นกำลังเผชิญกับบรรยากาศอึมครึมจนชานนและขวัญแก้วสังเกตได้ พวกเขามองมาที่รุจด้วยสายตาตั้งคำถาม ทว่ารุจกลับยิ้มนิด ๆ แล้วสั่นศีรษะน้อย ๆ เป็นเชิงบอกว่าตนก็ไม่ทราบเช่นเดียวกัน

    “จริงสิครับ คุณภูริทราบไหมครับว่าคุณธีรัชแพ้อาหารอะไรบ้าง ผมจะได้เลี่ยงไม่นำมาปรุงให้เขา”

    ชานนตั้งคำถามกับภูริ อีกฝ่ายชะงักเล็กน้อย แล้วจึงบอกไปตามตรง

    “เท่าที่ผมรู้ หมอนั่นกินได้ทุกอย่างนะครับ”

    “หรือครับ...งั้นก็ค่อยยังชั่ว เห็นคุณปวีร์บอกว่าให้เตรียมอาหารให้พนักงานพาร์ทไทม์ด้วย ผมเองตอนที่เขามาแนะนำตัวก็ลืมถามไป”

    ชานนบอกอย่างโล่งอกแล้วก็หันไปให้ความสนใจกับอาหารเบื้องหน้าอีกครั้ง  ส่วนขวัญตานั้นเธอเดินมาหยิบน้ำหวานในตู้เย็นดื่ม แล้วก็นึกถึงตอนที่วาโยมารินน้ำหวานใส่แก้วเดินอ้อมไปด้านหลังร้านก่อนหน้านั้น

    “ว่าแต่เมื่อสักพักนั่น เห็นโยเอาน้ำหวานไปข้างนอก เขาเอาไปให้พวกเธอกินอย่างนั้นหรือจ๊ะ”

    กวินกับภูริเงียบกริบ และหวนนึกถึงใครบางคนพร้อมกัน ต่างฝ่ายต่างสั่นศีรษะปฏิเสธ

    “อ้าว ไม่ใช่พวกเธอแล้วเอาไปให้ใครล่ะ”

    “คงให้ธีรัชมั้งครับ เพราะเขาเฝ้าอยู่ด้านนอกถึงเมื่อครู่นี้”

    รุจเป็นฝ่ายตอบคำถามแทนคนที่เริ่มเงียบไปทั้งสอง ด้านขวัญตาพยักหน้ารับรู้อย่างไม่คิดมาก แล้วจึงกลับไปเป็นผู้ช่วยให้กับชานนต่อ

    “เด็กคนนั้นเข้ากับคนได้ง่ายดีนะ ...ง่ายซะจนบางครั้งก็น่าโมโหทีเดียวว่าไหม”

    รุจแกล้งเปรยขึ้นเบา ๆ ทำเอาสองหนุ่มสะดุ้ง กวินเงยหน้ามองคนพูดเลิ่กลั่ก ส่วนภูริจ้องอีกฝ่ายนิ่ง ๆ แล้วก้มหน้าก้มตากินต่อโดยทำท่าไม่ใส่ใจอะไร

    “แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ชอบนะ...พวกนายคิดว่าไง คิดว่าเด็กคนนั้นจะยอมรับความรักของเพศเดียวกันได้ไหม”

    รุจบอกเสียงเบาลง ให้ได้ยินเฉพาะพวกเขา ภูริเม้มปากน้อย ๆ เขากวาดอาหารที่เหลือเข้าปาก แล้วนำไปล้าง  ก่อนจะเดินขึ้นไปบนห้องพักผ่อนชั้นสองโดยไม่พูดไม่จา เห็นดังนั้นกวินจึงขมวดคิ้วนิด ๆ อย่างเริ่มสงสัย แล้วก็ต้องสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อรุจเปรยตามมา

    “ไม่ได้มีแค่นายคนเดียวหรอกวิน ที่จะรู้สึกดี ๆ กับเด็กคนนั้นขึ้นมาได้ ...พูดแบบนี้ก็คงพอเข้าใจใช่ไหม”

    รุจบอกแล้วยกจานของตนที่กินหมดแล้วไปล้างบ้าง ก่อนจะออกไปเดินสูดอากาศด้านหลังร้าน เหลือแต่กวินที่นั่งอึ้งมองข้าวคำสุดท้ายในจานไปสักพัก ก่อนจะตักข้าวคำที่เหลือเข้าปาก เอาจานไปล้างทำความสะอาดและเดินขึ้นชั้นสองตามภูริไปบ้าง

   

    กวินเดินเลี่ยงมานั่งคนละมุมห้องกับภูริ เขาแอบจ้องหน้าอีกฝ่ายจนกระทั่งชายหนุ่มรู้สึกตัว

    “มีอะไร”  ภูริถามสั้น ๆ อย่างหงุดหงิด กวินถอนหายใจเบา ๆ แล้วจึงถามออกไปตามตรง

    “คุณภูริชอบโยหรือเปล่า”

    ภูรินิ่งอึ้ง ไม่คิดว่าจะถูกกวินถามเอาตรง ๆ ซึ่ง ๆ หน้าเช่นนี้

    “ผมน่ะชอบโยนะ ชอบแบบที่เกินกว่าเพื่อนไปแล้ว...และผมก็คิดว่า คุณน่าจะชอบโยเหมือนกับผม...ใช่ไหม”

    ท้ายประโยคยังคงดูลังเล แต่คนถามก็มั่นใจไปเกินครึ่ง เพราะปฏิกิริยาของภูริเรื่องวาโยมันผิดแผกออกไปจากเดิมจนน่าสงสัย

    “นายจะชอบใครก็แล้วแต่นาย แต่ฉันไม่ได้คิดอะไรกับเด็กนั่น”

    ภูริเอ่ยปฏิเสธ แต่เขากลับไม่ยอมสบตาอีกฝ่าย

    “จริงหรือครับ”  กวินถามย้ำ ทำให้ภูริหันมาสบตากับอีกฝ่ายแล้วตอบเสียงเข้ม

    “ฉันไม่ได้ชอบเด็กนั่น!”

    กวินจ้องหน้าอีกฝ่ายด้วยแววตาค้นหาความจริง จนคนตรงหน้าต้องหลบตาอีกครั้ง

    “ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงก็ไม่เป็นไร ...แต่ถ้าคุณชอบโยเหมือนกัน ผมก็ไม่ว่าอะไร ...”

    ภูริหันมามองคนพูด เขาขมวดคิ้วนิด ๆ แล้วย้อนถามกลับไป

    “...เพราะอะไร เรื่องแบบนี้ไม่มีคู่แข่งมันก็ควรน่าจะดีใจไม่ใช่หรือ”

    กวินชะงักก่อนจะยิ้มน้อย ๆ ให้อีกฝ่าย

    “มันก็จริงนะครับ แต่ว่าโยยังไม่ได้เลือกใครนี่ แล้วผมก็ไม่มีสิทธิ์ไปบังคับเขาด้วย ...ผมก็แค่ชอบเขาเท่านั้น และถ้าจะมีใครชอบเขาเหมือนผม ผมก็คงห้ามอะไรใครไม่ได้ ผมก็คงทำได้แค่พยายามให้โยหันมามองผมบ้างก็แค่นั้น”

    ภูรินิ่งเงียบมองอีกฝ่าย สิ่งที่กวินพูดนั้นล้วนมาจากใจจริง สังเกตจากสีหน้าและแววตาของชายหนุ่มดูก็พอจะรู้แล้ว

    “แต่ถ้ารู้ตัวคู่แข่งไว้บ้างก่อนก็ดี ผมจะได้ทำการบ้านให้หนักขึ้นไงล่ะครับ”

    กวินบอกตามมาแล้วยิ้มกว้าง ซึ่งก็ทำให้ภูริรู้สึกละอายใจ เขาก้มหน้านิ่ง แล้วจึงพึมพำเบา ๆ

    “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน...ไม่ได้ชอบเด็กนั่น ...แต่ก็แค่หงุดหงิดเวลาเด็กนั่นยิ้มให้คนอื่น...ก็แค่นั้น”

    กวินชะงัก เขานิ่งเงียบไป แล้วถอนหายใจยาว ก่อนจะพึมพำตอบ

    “อย่างนั้นหรือครับ... ไม่เป็นไรหรอกครับ ก่อนหน้าผมจะรู้ตัวว่าชอบ ผมก็สับสนตัวเองอยู่พอสมควรเลย”

    ภูริเงยหน้ามองอีกฝ่าย เมื่อเห็นกวินมีรอยยิ้มให้ เขาจึงยิ้มน้อย ๆ ตอบ จากนั้นกวินจึงเปลี่ยนเรื่องคุยถึงคนอื่นแทน

    “แต่ว่าก็ว่าเถอะ ผมไม่ค่อยสบอารมณ์เพื่อนคุณเท่าไหร่เลยนะ  โยออกจะไร้เดียงสา โดนจีบโดนลวนลามบ่อย ๆ เกิดติดใจเข้าจะทำยังไง!”

    ภูริฟังอีกฝ่ายพูด แล้วขมวดคิ้วน้อย ๆ ก่อนจะสั่นศีรษะไปมา

    “ถ้าโดนทำแบบนั้นแล้วชอบได้ เด็กนั่นก็โรคจิตแล้วล่ะ”

    กวินสะดุ้ง ก่อนจะคิดตาม แล้วหัวเราะอย่างลืมตัว

    “ฮ่า ๆ นั่นสิครับ  แต่ก็ไม่แน่นะครับ แบบว่าเคยชินไง โยเองก็อาจจะชอบแบบนั้นก็ได้ ...อืม ผมเปลี่ยนคาแรกเตอร์เป็นพวกมือไวปากว่ามือถึงบ้างดีไหมเนี่ย”

    “ระวังจะได้ผลตรงกันข้ามแทนล่ะ” 

     ภูริแย้ง ทำให้คนฟังนิ่วหน้า

    “ไม่เชียร์กันเลยนะครับ”

    “ก็เราอาจจะได้เป็นคู่แข่งกันก็ได้นี่นะ”

    ภูริบอกพร้อมรอยยิ้ม ซึ่งก็ทำให้กวินยิ้มตอบ จากนั้นทั้งคู่จึงสนทนาเรื่อยเปื่อยไปเรื่อย ๆ แม้ต่างจะรับรู้ว่าอีกฝ่ายอาจจะเป็นศัตรูหัวใจ แต่พวกเขากลับรู้สึกโล่งอก และสนิทใจกับอีกฝ่ายได้มากขึ้นกว่าเดิมอย่างประหลาด แต่ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่า หากวาโยตัดสินใจเลือกคนใดคนหนึ่งในพวกเขาแล้ว  เขาจะยังคงมองหน้าทั้งคู่อย่างสนิทใจได้อีกไหมกันแน่



… TBC …






พอเขียนตอนนี้จบ แล้วรู้สึกว่า ....ไม่อยากให้น้องโยเลือกใครเลย อยากรวบ 3-4P  หุ ๆ

แต่ถ้าเขียนจับคู่จริง ๆ รับรองว่าคนที่เหลือจะเศร้าไม่นานนัก เพราะจะพยายามหาคู่ให้ครบทุกคนค่ะ (หนุ่มมากมายขนาดนั้นจับคู่ไม่ได้ก็ให้มันรู้ไป)

สำหรับใครที่อยากรู้ฉาก "ประทับรอยฟัน" เดี๋ยวจะเขียนแทรกให้อ่านแน่นอนจ้ะ ^^ เอ...หรือไม่อยากรู้กันหว่า...


ฟังเพลงนี้แล้วนึกถึงน้องโย...
"อยากเก็บเธอไว้ทั้งสองคน" 
 
สุดท้ายก็รักคนอ่านค่ะ หวังว่าจะติดตามกันต่อไปนะคะ :L2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-08-2012 18:18:16 โดย Xenon »

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
โอ๊ะ นั่นสินะภูริ...อาจจะได้เป็นคู่แข่งกันก็ได้นะ (เริ่มคิดแล้วววว ดีใจ)

และ...รอยฟัน...ราเมศได้รอยฟันแล้วอารมณ์ดี...อั๊ยยะ

ออฟไลน์ inspirer_bear

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-5
คุณวีร์กับพี่เมย์ ว้าววววว *0* ตกลงคบกับแล้วใช่ไหม

3 - 4 พี เอาจริงหรอค้าบบบ *0*

กวิน ภูริ แล้วก็โยนะ 555 หรือจะเอาธีรัชร่วมด้วย

แต่ยังไงก็ภูริกับโย เย้ๆๆ แต่คุณธีรัชก็เจ๋งอะ อ๊ากกก

ไม่จับคู่แล้ว อ่านไปลุ้นไปดีกว่า 555 :o8:

ออฟไลน์ nongrak

  • ยังไงก็รักคาเมะจังที่สุด
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +912/-14
วาโยโดนหอมแก้ม ไม่ยอมทำไมไม่ให้เป็นภูริล่ะ
คู่แข่งเขามีมาคุยปรับทุกข์กันด้วย
อยากรู้เหมือนกันว่ารอยที่คอเม วีทำใช่หรือเปล่า

+1 และให้เป็ดค่ะ

ออฟไลน์ ormn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3925
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +324/-8
    • http:///uc.exteenblog.com/riko-tomo/images/23213506_1208714389_3598161_Okane_ga_Nai_v01_ch01_pg002__Cover.jpg

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
หนับหนุนแนวคิดเราสามสี่คนนะ  มันเลือกยากอ่ะ

ออฟไลน์ Whatever it is

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3959
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +380/-8
แอบอยากรู้ฉากประทับรอยฟัน หุๆ

ถ้าโยเลือกใครอีกคนคงเศร้า น่าสงสารจัง

alekung103

  • บุคคลทั่วไป
อ่า โยโดนหอมแก้มซะแล้ว

ออฟไลน์ ormn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3925
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +324/-8
    • http:///uc.exteenblog.com/riko-tomo/images/23213506_1208714389_3598161_Okane_ga_Nai_v01_ch01_pg002__Cover.jpg
:-[ธีรัชมาถึงก็ไดัหอมแก้มวาโยแล้วอะ :-[ :-[ :-[


ชอบมากเลยอะเพิ่งเข้ามาอ่านฝากตัวด้วยจ้า :L2: :L2: :L2:


รออ่านจ้า :bye2: :bye2: :bye2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Ali$a฿eth

  • [จิ้น]ตนการ
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-3
แอร๊ รอบขบกัดที่อ แดง อาไร๊ มันอารายกาน >/////<

มาลงไวทันใจคนอ่านมากมาย ขอบคุณนะคะ โค้งงามๆ

ปล.จิ้นภูริ วาโย

ปล2.จิ้น การิน กวิน

ปล.3 จิ้นภูริ กวิน ///โดนเตะ

ออฟไลน์ 111223

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 909
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-5
รอยฟันบนคอเมย์มาได้ยังไงน๊า >.,< ฮุฮุฮุ อยากรู้ๆ
ฮันแน่มีศึกแย่งชิงอลิซกันแล้ว สนุกมากๆๆๆๆ

ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4
Miracle Café / 22




    การินมองคนที่ทำงานอยู่ด้านนอกอย่างเป็นห่วง จนธีรัชที่สังเกตเห็นเอ่ยแซว

    “ไง! คุณหนูง่วงผู้น่ารัก  เป็นห่วงอลิซเขามากหรือไงจ๊ะ”

    การินเหลือบมองแล้วค้อนขวับให้ คราวกวินเขาว่าไม่ค่อยสบอารมณ์แล้ว แต่สำหรับธีรัชนั้นยิ่งไม่ถูกชะตากว่าหลายเท่านัก

    “เด็กนั่นแข็งแรงจะตาย ฉันว่าที่ควรห่วงน่าจะเป็นคุณหนูอย่างนายมากกว่านะ ดูท่าทางจะไม่ค่อยได้ออกกำลังเท่าไรด้วยใช่ไหม”

    ธีรัชกระซิบเบา ๆ ให้ได้ยินกันแค่สองคน การินหันกลับมาจ้องอีกฝ่ายเขม็ง ทำปากขมุบขมิบบ่นใส่ แล้วจึงสะบัดหน้าหนี ก่อนจะนิ่งไปเล็กน้อย แล้วเอ่ยตามมา

    “โยเพิ่งหายไม่สบายมาไม่กี่วันนี่เอง ฉันกลัวเขาไข้จะกลับก็เท่านั้น”

    ธีรัชเลิกคิ้วน้อย ๆ แต่เมื่อเห็นการินถอนหายใจ และทำท่าจะเดินไปเปลี่ยนที่กับวาโย เจ้าตัวก็ก้าวไปขวางหน้าอีกฝ่ายเอาไว้

    “โอ๊ะ โอ๋ คุณหนูน้อย ถ้าจะคิดไปตากแดดก็อย่าไปเลยดีกว่า ผิวขาว ๆ จะเสียหมดนะ”

    “นี่นาย!”

    การินโพล่งใส่อย่างหงุดหงิด ก่อนจะชะงักเมื่อเห็นธีรัชแย้มยิ้มให้เขา แล้วเอ่ยตามมา

    “เดี๋ยวฉันไปเอง พักตากแอร์เย็นฉ่ำจนพอใจแล้วล่ะ”

    จากนั้นชายหนุ่มก็เดินไปด้านนอกโดยไม่รอการินปฏิเสธ  การินเห็นธีรัชพูดคุยอะไรกับวาโยสักอย่าง วาโยนั้นมีสีหน้าลำบากใจ แต่สักพักก็เห็นเจ้าตัวยอมพยักหน้าแล้วกลับเข้ามาด้านในแทน

    “หมอนั่นพูดอะไรกับนาย”

    การินถามอย่างสงสัยทันทีที่วาโยเดินเข้ามาหาตน

    “เขาขู่ว่าถ้าฉันไม่ยอมกลับเข้ามา เขาจะมาอยู่เป็นเพื่อนและให้นายทำด้านในคนเดียวน่ะสิ... แย่จัง ฉันไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นสักหน่อย ถึงจะเพิ่งหายป่วยก็เถอะ”

    วาโยมีสีหน้าลำบากใจที่ต้องให้คนอื่นรับภาระหนักตามลำพัง ส่วนการินนั้นเริ่มมองธีรัชในแง่ดีขึ้นมาเล็กน้อย แต่พอเห็นธีรัชหันมายิ้มล้อเลียนเขา ชายหนุ่มหน้าสวยก็หน้าหงิก และคิดว่าสมควรแล้วที่จะให้อีกฝ่ายเฝ้าอยู่ด้านนอกตลอดแบบนั้น

    “อย่าไปสนใจเลยน่า ถ้าเขาไม่ไหวเดี๋ยวก็ขอเข้ามาเองหรอก อีกอย่างเดี๋ยวพอบ่ายแก่ ๆ หน่อย ด้านหน้าร้านก็เริ่มร่มแล้วล่ะ”

    การินตัดบท แล้วแยกไปดูแลลูกค้าอีกมุมหนึ่ง วาโยเห็นดังนั้นจึงถอนหายใจเบา ๆ เหลือบมองธีรัชก็เห็นอีกฝ่ายยังคงยิ้มแย้มแข็งแรงอยู่เช่นเดิม เขาจึงแยกไปดูแลลูกค้าโต๊ะอื่นต่อบ้างเช่นกัน

   

    พอถึงเวลาบ่ายสาม ภูริและกวินก็ลงมาทำงานต่อ ส่วนธีรัชนั้นเดินกลับเข้าไปในครัวเพื่อหาน้ำดื่ม แต่ก็ต้องตกใจเล็กน้อย เมื่อเห็นอาหารและของหวานสำหรับเขารออยู่

    “ว้าว! นี่มีส่วนของผมด้วยหรือครับ”

    “ใช่ครับ คุณปวีร์สั่งมา”

    ชานนบอกพร้อมรอยยิ้ม ธีรัชนั้นเอ่ยปากขอบคุณ และพอตักอาหารตรงหน้ากินไปคำแรก เขาก็ไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมลูกค้าที่มานั่งในร้านจึงนิยมสั่งอาหารด้วยแทบทุกโต๊ะ

    “อร่อยจริง ๆ เลยครับ อย่างนี้คงต้องหาโอกาสตอนช่วงที่ไม่ได้ทำงาน มาเป็นลูกค้าลองสั่งเมนูอื่น ๆ กินบ้างแล้วล่ะครับ”

    ธีรัชบอกพร้อมตั้งหน้าตั้งตากินจนคนทำต้องอมยิ้มน้อย ๆ อย่างพึงพอใจ

    “ถ้าวันอาทิตย์คุณว่างไม่มีธุระอะไร ก็แวะมาทานอาหารที่บ้านพักของพวกเราสิครับ”

    ธีรัชรับฟังแล้วนิ่งคิด ก่อนจะเอ่ยตกลงอย่างว่าง่าย ทำให้ปวีร์ที่เดินลงมาได้ยินเข้า ถึงกับหัวเราะเบา ๆ

    “ถูกใจรสมือของคุณนนล่ะสิ ก็บอกแล้วว่าให้มาทำฟูลไทม์ด้วยกันก็ไม่ยอม”

    ธีรัชหันไปทางต้นเสียง แล้วยิ้มหวานให้อีกฝ่ายทันที

    “ว่าแล้วเสียงใครเพราะ ๆ คุณวีนี่เอง”

    เสียงคุยกันแม้ไม่ดังมาก แต่ก็ดังพอให้คนที่เดินมาหยิบอุปกรณ์ใกล้ทางเข้าครัวได้ยินเข้าพอดี เจ้าตัวเม้มปากน้อย ๆ ก่อนจะแกล้งกระแอมค่อนข้างดัง แล้วเดินเลี่ยงไปตีหน้าบึ้งอยู่แถวเคาท์เตอร์ ทางด้านปวีร์เหลือบมองตามพลางอมยิ้มน้อย ๆ  ส่วนธีรัชนั้นมองตามหลังราเมศไป แล้วหันมาถามปวีร์เบา ๆ

    “เขาหึงคุณใช่ไหมนั่น”

    “...อืม ไม่รู้สิ แต่ถ้าได้แบบนั้นก็ดี”

    ธีรัชฟังแล้วก็ยักไหล่นิด ๆ ตอนที่เขาจีบปวีร์ ก็รู้มาจากปากเจ้าตัวว่ามีคนที่ชอบแล้ว แม้จะไม่บอกว่าใคร แต่พอมาเห็นเองที่ร้านแบบนี้ก็พอจะเดาออกได้บ้าง เพราะสายตาที่ปวีร์มองราเมศนั้นดูอบอุ่นอ่อนโยน ส่วนราเมศแม้จะไม่ได้แสดงออกว่ารักแบบคนรัก แต่ดูเหมือนว่าชายหนุ่มจะคอยดูแลปกป้องคุ้มครองปวีร์อยู่อย่างใกล้ชิดตลอดเวลา

    “น่าอิจฉาคนมีคู่นะ ผมเองก็อยากมีสักคนมาคอยดูแลเหมือนกัน”

    ธีรัชเปรยเบา ๆ ดูจากปฏิกิริยาของปวีร์และราเมศแล้ว ถึงจะยังไม่ประกาศตัวแต่ก็น่าจะมีความนัยอะไรกันอยู่บ้างไม่มากก็น้อยล่ะนะ

    “ถ้าเลิกนิสัยเจ้าชู้ได้ ก็คงมีคนให้ความสนใจเธอเองล่ะนะ รู้ไหมว่ามันเป็นนิสัยที่ทำให้เธอดูติดลบ ถ้าคิดจะจริงจังกับใครสักคนน่ะ”

    ปวีร์เปรยเตือนอย่างไม่จริงจังมากนัก ส่วนคนฟังก็หัวเราะเบา ๆ แล้วยักไหล่นิด ๆ

    “ผมไม่ได้อยากเจ้าชู้สักหน่อย ผมก็แค่จีบคนที่ตัวเองสนใจ แต่บังเอิญคนที่ผมเล็งแต่ละคน ก็ดันมีเจ้าของหัวใจด้วยกันแทบทั้งนั้น ผมก็เลยต้องหาใหม่ไปเรื่อย ๆ ก็แค่นั้นเอง”

    ปวีร์สั่นศีรษะอย่างเอือมระอา คงต้องให้เจ้าตัวเจอคนที่ใช่จริง ๆ เสียก่อนนั่นล่ะ ถึงจะเลิกนิสัยเสียนั่นได้ด้วยตัวเองสักที

    “แต่ที่นี่นอกจากคุณแล้วก็มีคนน่าสนใจอยู่เยอะนะ  อย่างหนูอลิซ กับน้องหนูง่วงนั่น ก็สเป็คผมทั้งคู่เลยนะ”

    ปวีร์เลิกคิ้วนิด ๆ แล้วจึงเปรยตอบพร้อมรอยยิ้ม

    “ช่างเป็นคนที่มีสเป็คหลากหลายจังเลยนะ”

    ธีรัชหัวเราะเบา ๆ พอจะเข้าใจในสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการสื่อเป็นอย่างดี

    “ใครบอกล่ะครับ เรื่องนิสัยน่ะ ผมไม่หยิบมาเป็นสเป็คหรอก เพราะแต่ละคนก็มีนิสัยเฉพาะตัวของตัวเองอยู่แล้ว ...แต่ที่ผมชอบทั้งสองคนนั่น เพราะทั้งคู่น่ารักเหมือนกัน แล้วก็ใจดี เอาใจใส่ ห่วงใยคนอื่น คล้าย ๆ กันด้วย”

    ปวีร์นิ่งรับฟัง แล้วก็ยิ้มออกมาน้อย ๆ อย่างพึงพอใจ ก่อนจะเอ่ยตามมา

    “ถ้าเป็นสองคนนั่น ขอบอกว่าเล่นยากทั้งคู่ ... คนหนึ่งก็ดื้อ หัวแข็ง ไม่ยอมใครง่าย ๆ  ส่วนอีกคน รายนี้หัวอ่อน น่ารัก แกล้งง่ายก็จริง แต่คู่แข่งนี่สิ...”

    ท้ายประโยคปวีร์หัวเราะเบา ๆ แม้จะไม่ได้พูดออกมา แต่เขาก็สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของหนุ่ม ๆ ในร้าน ที่มีต่อวาโยอยู่บ้าง และเผลอ ๆ จะไม่ใช่แค่พนักงานด้วยกันเท่านั้น  กระทั่งลูกค้าบางคน แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าวาโยเป็นผู้ชาย แต่ก็ยังแสดงตัวเป็นแฟนคลับ ทั้งลับ ๆ และโจ่งแจ้งด้วยซ้ำ

    “คุณวีไม่คิดจะช่วยเหลือกันบ้างหรือครับ”

    ธีรัชอ้อนอีกฝ่าย แต่ปวีร์กลับหัวเราะออกมาอย่างขบขัน

    “หึ ๆ เสียใจ ของแบบนี้มันอยู่ที่ความสามารถ ใครดีใครได้ ...อ้อ ขอเตือนไว้ก่อนนะ อย่าคิดใช้แผนสกปรกมัดมือชก รังแกพนักงานที่น่ารักของฉันด้วยล่ะ ...ไม่งั้นฉันจะทำบางอย่าง ที่จะทำให้นายต้องสำนึกเสียใจไปจนวันตายเลยทีเดียว”

    ปวีร์ขู่เบา ๆ ด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม ทว่านัยน์ตาคมกริบวาววับนั้นส่องประกายเอาจริง จนคนฟังต้องลอบกลืนน้ำลายลงคอ

    “ง่า...รับรองว่าไม่มีวันทำ และไม่คิดจะทำแบบนั้นแน่นอนครับ สาบานได้เลย!”

    ธีรัชรีบบอก ทำให้คนพูดยิ้มออกมาน้อย ๆ อย่างพึงพอใจ

    “ถ้าได้แบบนั้นก็ดี ...เท่าที่ฉันดู นายก็ไม่น่าจะใช่คนแบบนั้น แต่ยังไงก็ต้องเตือนไว้ก่อน เพราะหนึ่งในนั้นเป็นหลานชายสุดที่รักของฉัน ส่วนอีกคนก็เป็นหนูน้อยที่ฉันถูกใจอยู่มาก  อืม... นอกจากนายแล้ว เห็นทีก็ต้องไปเกริ่น ๆ กับพวกนั้นด้วยเหมือนกันล่ะนะ”

    ปวีร์พึมพำ ทำเอาธีรัชมองอีกฝ่ายเป็นเหมือนคุณพ่อที่หวงลูกสาวที่ยังไม่ออกเรือนยังไงยังงั้น

    “เอาลูกเต้าเขามาทำงานด้วย ก็ต้องดูแลให้มันดี ๆ หน่อย จริงไหมล่ะ”

    คนที่มักอ่านสีหน้าของคนอื่นออกดีเสมอเอ่ยทักพร้อมรอยยิ้ม ทำเอาธีรัชสะดุ้งแล้วยิ้มแห้ง ๆ ตอบ พลางคิดในใจว่า นี่ตนเผลอไปจีบคนที่น่ากลัวเข้าให้แล้ว นี่ดีนะที่ปวีร์แค่ปฏิเสธ ถ้าอีกฝ่ายคิดแก้เผ็ดเขาเข้า มีหวังเขาคงจะโดนเล่นงานอะไรบางอย่างที่ทำให้เขาเข็ดไปเลยก็เป็นได้

    ปวีร์หัวเราะเบา ๆ เมื่อเห็นสีหน้าของอีกฝ่าย เขาใช้นิ้วทัดเส้นผมที่ร่วงลงมากับซอกหู  ทำให้คนที่มองอยู่เห็นรอยอะไรบางอย่างบนติ่งหูขาวเนียนนั่น

    “คุณวี นั่นมัน...”

    ปวีร์ชะงักเล็กน้อย เขาใช้นิ้วชี้มาจรดที่ริมฝีปากตัวเองเบา ๆ เป็นการเตือนให้อีกฝ่ายหยุดพูด แล้วจึงดึงปอยผมให้มาปิดที่หูข้างนั้นเสีย ก่อนจะทำเป็นนิ่งเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทำเอาธีรัชต้องจ้องอีกฝ่ายตาปริบ ๆ แล้วเหลือบไปมองคนที่น่าจะเป็นเจ้าของรอยคล้ายรอยฟันนั่น ซึ่งตอนนี้เจ้าตัวกำลังตีหน้าบึ้งไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าใดนัก  จากนั้นเขาจึงหันมาก้มหน้าก้มตาจัดการอาหารตรงหน้าต่อจนหมด และคอยอาสาช่วยอยู่ในครัวสักพัก จึงขอตัวกลับ เพื่อไปเตรียมทำงานในคลับตอนกลางคืนต่อ

     

    พอเริ่มตกเย็น คนก็ทยอยกันมามากขึ้น และเพราะวันนี้มีพนักงานพาร์ทไทม์มาช่วยในช่วงสลับพัก จึงทำให้ทั้งสี่คนไม่เหน็ดเหนื่อยเหมือนกับเสาร์ที่ผ่านมา และยังมีแรงกำลังเหลือพอที่จะต้อนรับแขกขาประจำและขาจรของร้านกันอย่างขยันขันแข็ง

    “ยินดีต้อนรับครับ มากี่ท่านครับ”

    กวินเอ่ยทักทายลูกค้าที่เพิ่งเข้ามาในร้าน อีกฝ่ายเป็นชายหนุ่มค่อนข้างสูง รูปร่างเท่าที่มองผ่านสูทชั้นดีที่เจ้าตัวสวมใส่น่าจะได้สัดส่วนและมีกล้ามเนื้อพอสมควร เจ้าตัวถอดแว่นตาดำที่สวมอยู่เสียบใส่กระเป๋าเสื้อ แล้วยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะตอบกลับไป

    “ผมไม่ได้มาใช้บริการร้านหรอก ...ผมจะมาเยี่ยมคนน่ะ”

    กวินนิ่งชะงัก ระหว่างที่กำลังตัดสินใจว่าจะบอกออกไปเช่นไร เสียงหนึ่งก็ดังขัดขึ้นมาเสียก่อน

     “พี่ไกร!”

    เสียงขวัญแก้วดังขึ้นด้วยความตกใจ เมื่อหันมาเห็นหน้าของคนที่เพิ่งเข้ามาในร้าน

    “ไง… ยัยแก้ว ทำงานขยันขันแข็งดีไหมเรา”

    “พี่ไกร มาได้ยังไงครับ แล้วนี่กลับจากอเมริกาตั้งแต่เมื่อไหร่กันครับเนี่ย”

    ราเมศเอ่ยทักบ้างอย่างประหลาดใจ เพราะไม่คิดว่าลูกพี่ลูกน้องที่อายุมากกว่าเขาสองปีผู้นี้ จะแวะมาเยี่ยมเยียนถึงร้านได้ เพราะเท่าที่เขาทราบมา อีกฝ่ายนั้นทำงานประจำเป็นดีไซเนอร์ให้แบรนด์ชื่อดังแบรนด์หนึ่งในอเมริกาตอนนี้

    “พอดีอยู่ในช่วงพักร้อนน่ะ เลยแวะกลับมาเยี่ยมเยียนน้องสาวสุดที่รักทั้งสองคนน่ะสิ แล้วจะแวะมาบ่นวีมันด้วย ที่เอาน้องสาวที่น่ารักของฉันมาใช้งานทั้งคู่แบบนี้”

    ไกรสรตอบอีกฝ่าย ก่อนจะยิ้มน้อย ๆ เมื่อขวัญตาที่ได้ยินเสียงเอะอะจากด้านนอก เดินจ้ำพรวดออกมาจากครัว อ้อมหลังเคาท์เตอร์ แล้วตรงเข้ามาสวมกอดชายหนุ่มตรงหน้า

    “พี่ไกร! คิดถึงที่สุดเลยค่ะ!”   

    ไกรสรหอมแก้มหญิงสาวซ้ายขวา แล้วลูบศีรษะอีกฝ่ายเบา ๆ

    “เป็นสาวสวยเต็มตัวแล้วสินะเรา หวังว่าคงไม่มีหนุ่ม ๆ หน้าไหนมาเกาะแกะใช่ไหม”

    ไกรสรเปรยเสียงเข้ม ทำเอาลูกค้าชายในร้านบางคนที่เพิ่งเคยเห็นขวัญตาครั้งแรก และเกิดอาการปิ๊ง ต้องก้มหน้าก้มตามองโต๊ะไปแทนอย่างนึกหวาดหวั่น ต่อน้ำเสียงเข้ม ๆ และแววตาคมกริบของอีกฝ่ายยามพูดถึงผู้ชายคนอื่น

    “แหม! พี่ล่ะก็ ทำหวงไปได้ เดี๋ยวตาก็ขึ้นคานพอดี!”

    ขวัญตาบอกอย่างนึกขำ ก่อนจะชะงักและขอตัวกลับไปทำงาน เมื่อเห็นวาโยเดินเลียบ ๆ เคียง ๆ มาวางออเดอร์ลูกค้าอย่างเกรงใจ

    “อุ๊ย! มีออเดอร์มาอีกแล้ว ตาไปทำงานก่อนนะคะพี่ ไว้เลิกงานแล้วค่อยคุยกันนะคะ”

    จากนั้นหญิงสาวก็กลับเข้าครัวไปทำงานต่อ แม้ชานนจะบอกว่าให้เธอไปคุยกับพี่ชายได้ตามสบายก็ตาม แต่ขวัญตาก็ยังคงยืนกรานว่า ไว้คุยหลังเลิกงานก็ได้ จนชานนต้องยอมแพ้ในที่สุด



    “พี่ไกร...ถ้าไม่รังเกียจห้องทำงานของผม จะแวะไปพักก่อนดีไหม มายืนแบบนี้นอกจากเป็นจุดเด่นแล้วมันเกะกะพนักงานของผมด้วยนะ”

    ปวีร์ที่ลงมาเพราะได้ยินเสียงแว่ว ๆ จากสองสาว เอ่ยปากทักทายอีกฝ่ายพร้อมรอยยิ้ม ส่วนไกรสรพอได้ยินจึงหันไปมองแล้วยิ้มน้อย ๆ พร้อมตอบ

    “ก็ได้ ๆ ยังไม่ไว้หน้าใครเหมือนเดิมเลยนะ ...นายทนเขามาถึงป่านนี้ได้ไงน่ะราเมศ”

    ราเมศยิ้มให้แทนคำตอบ ส่วนปวีร์หัวเราะเบา ๆ ในลำคออย่างไม่ถือสา จากนั้นไกรสรจึงเดินอ้อมหลังเคาท์เตอร์ไปทางครัว โดยมีสายตาสนอกสนใจของทั้งพนักงานและลูกค้ามองตามไป เพราะชายหนุ่มนั้นจัดได้ว่าเป็นคนมีบุคลิก รูปร่าง หน้าตา อยู่ในขั้นดีมากคนหนึ่งเลยทีเดียว

    “ญาติของคุณราเมศสินะ  นายรู้จักเขาหรือเปล่าน่ะริน”

    กวินถามชายหนุ่มหน้าสวยอย่างสนอกสนใจ การินเหลือบมองคนถาม ก่อนจะสั่นศีรษะค่อย ๆ

    “ไม่รู้สิ เพื่อนอาที่ฉันรู้จักก็มีแต่คุณราเมศ  อย่างคุณขวัญแก้วก็เพิ่งมารู้จักตอนเปิดร้านนี่ล่ะ”

    กวินพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะพึมพำเบา ๆ

    “ว่าแต่เป็นคนที่หน้าตาดีน่าดูเลยนะ ญาติพี่น้องทางฝั่งคุณราเมศเนี่ย ผู้หญิงก็สวย ผู้ชายก็หล่อทั้งนั้น...”

    จากนั้นชายหนุ่มจึงหันมามองคนข้าง ๆ ซึ่งก็หันมาสบตาเขาพอดี

    “มีอะไร” การินถามห้วน ๆ รู้สึกหงุดหงิดกับสายตาของอีกฝ่ายขึ้นมาอย่างประหลาด

    “ง่า...ไม่มีอะไร ฉันไปดูแลลูกค้าต่อก่อนล่ะ”

    กวินเอ่ยตัดบท ขืนบอกไปตามตรงว่าอีกฝ่ายเองก็หน้าตาสวยเหมือนกับปวีร์ที่เป็นญาติกัน สงสัยการินจะโกรธแน่ พอการินโมโห ส่วนใหญ่วาโยก็มักจะมาช่วยห้ามทัพ แล้วเขาก็พลอยจะโดนลูกหลงถูกชายหนุ่มดุซ้ำเข้าให้อีก  เขายิ่งพยายามจะทำคะแนนหัวใจกับวาโยอยู่ด้วย ดังนั้นเขาจะไม่มาพลาดเพราะความเผลอปากง่าย ๆ แบบนี้เป็นอันขาด



    ทางด้านการินขมวดคิ้วนิ่วหน้ามองตามหลังอีกฝ่ายไปเงียบ ๆ พอจะมั่นใจว่าเมื่อครู่กวินต้องเตรียมหลุดอะไรที่ทำให้เขาโมโหแน่ อ่านจากสีหน้าและแววตานั่นก็พอจะเดาได้ แต่พออีกฝ่ายเลิกพูดกะทันหันแบบนี้ มันก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกแปลกใจแทน

    ‘อะไรของหมอนั่น...เฮ้อ...จะว่าไปมันก็ดีหรอก ที่หมอนั่นสงบปากสงบคำได้ ...แต่ไอ้สีหน้าที่ทำเหมือนจะพูดอะไรให้ชวนโมโห แต่ไม่ยอมพูดนั่นสิ มองแล้วหงุดหงิดชะมัด’

    ชายหนุ่มหน้าสวยคิดในใจ แต่สำหรับเขากวินก็ยังคบง่ายกว่าธีรัชหลายเท่านัก เพราะถึงแม้กวินจะปากเสีย แต่ก็มักจะขอโทษตามมาเวลาเขาโมโหหรือแสดงความหงุดหงิด ถึงแม้ว่าส่วนใหญ่นั่นจะเป็นเพราะวาโยช่วยพูดให้ก็ตาม แต่กับธีรัช อีกฝ่ายนั้นมักแสดงท่าทางและพูดจากวนประสาทใส่เขา โดยไม่คิดจะแก้ไขหรือขอโทษให้เขาหายโกรธเลยสักนิดเดียว

    “ริน...เป็นอะไรไปหรือเปล่า หน้ามุ่ยเชียว ...หรือว่าวินทำให้โมโหอีกแล้ว”

    วาโยที่ผ่านมาสังเกตเห็นเอ่ยทัก ทำให้การินชะงัก และเมื่อเห็นสีหน้าเป็นห่วงของอีกฝ่าย เขาก็ฝืนยิ้มน้อย ๆ แล้วตอบออกไป

    “ไม่มีอะไรหรอก แค่คิดถึงเรื่องน่าโมโหบางเรื่องเท่านั้นเอง”

    วาโยฟังแล้วก็สั่นศีรษะเบา ๆ แล้วจึงยิ้มหวานให้อีกฝ่าย

    “งั้นก็ดี  นึกว่าวินแหย่ให้โมโหอีกแล้วเสียอีก แล้วรินก็อย่าทำหน้าบึ้งนักเลยนะ  เสียดายออก เวลารินยิ้มออกจะดูดีแท้ ๆ”

    รอยยิ้มใสซื่อบริสุทธิ์ของอีกฝ่ายทำเอาการินต้องลอบถอนใจ ก่อนจะยิ้มน้อย ๆ ตอบ ทำให้วาโยยิ่งยิ้มกว้างมากขึ้น จากนั้นชายหนุ่มจึงขอตัวไปทำงานต่อ โดยมีการินมองตามไล่หลังไป แล้วจึงถอนหายใจกับตัวเองอีกครั้ง

    ‘...ดีนะที่หมอนี่เป็นผู้ชาย ถ้าเป็นผู้หญิงไม่ต้องคิดเลยว่าจะน่าปวดหัวขนาดไหน ...แต่ถึงจะเป็นผู้ชายก็เถอะ เล่นโปรยยิ้มง่าย ๆ แบบนี้ มันอันตรายกับตัวนายเองขนาดไหน รู้บ้างไหมนะ’

    การินนิ่งคิดอย่างเอือมระอาต่อพฤติกรรมของคนที่เขานับเป็นเพื่อนสนิทคนแรก เห็นทีเขาคงต้องเรียกวาโยมาคุยเรื่องพวกนี้ดูสักครั้ง เพราะเกรงว่าอีกฝ่ายจะเผลอไปหว่านเสน่ห์ให้ใครมาติดบ่วงรักจนถอนตัวไม่ขึ้นเพิ่มไปกว่านี้อีกก็เป็นได้

   

... TBC ....




**เนื่องจากตัวละครค่อนข้างเยอะ จึงทยอยกันมีบทนะคะ ^^ จะออกมาโครมเดียว เดี๋ยวนักอ่าน(และผู้แต่ง)จะสับสนเอาค่ะ  ....ตอนนี้ก็เพิ่มตัวละครคุณไกรเข้ามาอีกคน คนนี้ก็จะวางตัวให้เป็นตัวแปรสำคัญอีกตัวเหมือนกัน ซึ่งจะเป็นยังไงนั้นขออุบไว้ก่อน เพราะบางทีพล็อตมันอาจจะเปลี่ยนไปมาได้ค่ะ  แต่คร่าว ๆ ก็พอจะวางตัวจับคู่ไว้บ้างแล้วล่ะค่ะ ไม่รู้จะถูกใจนักอ่านหรือเปล่าเน้อ  ^^”

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-08-2012 16:15:10 โดย Xenon »

ออฟไลน์ Noo_Patchy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1055
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +123/-4

ออฟไลน์ indy❣zaka

  • กระซิกๆ เบื่อดราม่า...
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +625/-26
คุณไกร - พี่รุจ  เลยดีไหมคะ  555  :laugh: :laugh:
แต่ถ้าเกิดคู่กันขึ้นมาจริงๆเนี่ย ท่าทางจะมันส์น่าดูเลย  :m20:

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
ห่วงวาโยเค้าแล้วก็อย่าลืมห่วงตัวเองล่ะการิน เราก็สเน่ห์แรงใช่ย่อยนา :z1:

ออฟไลน์ nongrak

  • ยังไงก็รักคาเมะจังที่สุด
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +912/-14
อยากรู้ว่าวาโยจะคู่กับใครนะ

ออฟไลน์ Whatever it is

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3959
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +380/-8
อืมม มาอีก 1 หนุ่ม เหอะๆ จะจับใครคู่ใครล่ะเนี่ย เยอะมั่ก  :laugh:

ออฟไลน์ inspirer_bear

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-5
พี่ำไกรกับรุจ อั๊ยยะ

เราไม่กล้าเดาแล้ววว 555 กลัวเดาผิด

โยยังคงสเต็ปน่ารักไว้เหมือนเดิม ผู้ชายเริ่มเยอะขึ้นแหะ 55

ออฟไลน์ Lemon_Tea

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1641
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +71/-2
เค้าอยากอ่านตอน 'รอยฟัน'
โยน่ะ ถึงโดนอบรมจากริน ก็ไม่หยุดบริหารเสน่ห์โดยไม่รุ็ตัวหรอก

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด