++คำเตือน++ อย่าอ่านตอนนี้เวลาหิว~~
รักใสปิ๊ง
ตอนที่ (29) FULL OF HAPPINESS ((END))
“นีออน พี่ไปทำงานนะครับ ตื่นยังเอ่ย?”
ไทม์ในชุดเสื้อเชิ้ตผูกไท กางเกงสแลคเรียบกริบพร้อมจะไปทำงานดังว่า เอ่ยเรียกอีกคนที่อยู่ภายในบ้าน ใช่ บ้าน... บ้านของเขากับนีออน
“ตื่นแล้วครับ... พี่ไทม์ เนคไทสีฟ้าอ่อนของออนหายอ่ะ”
เสียงนีออนน้อยดังแว่วออกมาจากในห้องนอน ไทม์เดินเข้าไปหาน้องที่กำลังก้มๆเงยๆหาเนคไทเจ้าปัญหาในตู้เสื้อผ้า รูปร่างผอมเพรียวในชุดทำงานไม่ต่างจากพี่ นีออนน้อยที่น่ารัก
“หืม? หายไปไหนครับ เมื่อวานพี่ยังเห็นอยู่ในตู้อยู่เลยนา” ไทม์เลิกคิ้วถามน้อง
“ไม่รู้อ่ะ”
นีออนยืดตัวขึ้นจากที่มุดเข้าไปหาของในตู้เสื้อผ้า มุ่ยหน้าแล้วกอดอก เด็กน้อยน่ารักในวันวาน มาวันนี้กลายเป็นหนุ่มน้อยวัยทำงานไปเสียแล้ว รูปร่างหน้าตาที่เปลี่ยนไปดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นตามวัย ทรงผมถูกตัดซอยและเซ็ตอย่างดีไม่ให้ดูเป็นวัยรุ่นจ๋าจนเกินไปนัก เพราะตอนนี้นีออนเข้าทำงานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“เอาของพี่ไปก่อนไหม สีเดียวกันเลย”
ไทม์เอื้อมหยิบเนคไทสีฟ้าของตนเองออกมายื่นให้น้อง นีออนรับมาดูแล้วว่า
“ก็ออนเลือกมันก็ต้องสีเดียวกันสิพี่ไทม์นี่”
หนุ่มน้อยเอามาพลิกๆดู สีหน้ายังมุ่ยอยู่ มือก็คล้องเนคไทเส้นเล็กที่คอ ไทม์ขยับมายืนตรงหน้าแล้วจับเนคไทผูกให้น้อง
“มาพี่ผูกให้”
นีออนเอ่ยขอบคุณพี่เบาๆแล้วยืนนิ่งให้พี่ผูกให้ ไทม์ผูกเนคไทให้น้องไปก็อมยิ้มอารมณ์ดีไป นีออนมองหน้าพี่ที่มีรอยยิ้ม กลอกตาไปมาแล้วอมยิ้มตาม อารมณ์ขุ่นมัวเมื่อครู่ปลิวหาย
“อ่ะ เสร็จแล้วครับผม”
ไทม์เอ่ยบอกเมื่อผูกไทให้น้องเรียบร้อย นีออนก้มลงมองแล้วจับๆสองสามทีก่อนเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้พี่ เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้วทั้งคู่จึงลงมาชั้นล่างเพื่อจะออกไปทำงานกันต่อไป
“เดี๋ยวพี่ไปทำงานแล้วนะ เจอกันเย็นนี้ครับ”
“ครับ”
ไทม์หอมแก้มน้องก่อนขับรถมอเตอร์ไซค์คันเก่งออกไปทำงาน นีออนเองก็ขับรถอีกคันไปที่ทำงานของตนเองเช่นกัน ก่อนที่จะกลับมาพบกันเย็นนี้ที่บ้านสวนของน้องแฝด เพราะมีนัดทานข้าวกันทั้งครอบครัว
หลังจากเรียนจบกันแล้ว ไทม์ก็ได้สมัครเข้าทำงานที่สำนักงานกฎหมายแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯเลย เพราะนีออนน้อยยังต้องเรียนอยู่ที่นั่นอีกสองปี ไทม์จึงถือว่าอยู่เป็นเพื่อนน้องไปในตัว และคาดว่าระยะเวลาสองปีที่ทำงานอยู่ที่นั่นคงมีเงินเก็บจากการทำงานอยู่บ้างล่ะ
พอนีออนเรียนจบหลังจากนั้นก็เข้าทำงานที่ธนาคารแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯเช่นกัน ถือเป็นใบเบิกทางในการทำงาน เมื่อทุกอย่างอยู่ตัวแล้วนีออนจึงทำเรื่องขอย้ายมาประจำที่สาขาบ้านเกิดของตนเอง นีออนกลับมาอยู่ที่บ้านเป็นปีไทม์ถึงได้ตามกลับมา พอออกจากงานที่เมืองกรุงมาคุณพ่อของไทม์ก็มีงานไว้รองรับอยู่แล้ว แต่ลูกชายจำเป็นต้องแสดงความสามารถฝ่าด่านเข้ามาให้ได้ และไทม์ก็ไม่ทำให้พ่อผิดหวัง สามารถพิสูจน์ตัวเองเข้ามาทำงานที่เดียวกับพ่อจนได้
ทำงานไปเก็บเงินไปจนมีเงินพอที่จะปลูกบ้านหลังเล็กๆ ไทม์ก็อยากให้น้องมาอยู่ด้วยกัน ไทม์จึงขอให้คุณพ่อกับคุณแม่ไปสู่ขอนีออนให้ ทีแรกที่คุณพ่อคุณแม่ได้ฟังคำขอก็ถึงกับหันมามองหน้ากัน ก่อนที่คุณแม่พี่ไทม์จะเอ่ยถามลูกชายว่าเอาอย่างนั้นจริงหรือ เมื่อคนเป็นลูกยืนยันมั่นเหมาะว่าอยากให้เป็นเช่นนั้นจริง ท่านทั้งสองจึงจัดการให้ตามนั้น
ท่านทั้งสองได้ไปพูดคุยเรื่องดังกล่าวกับคุณพ่อคุณแม่น้องแฝด ทางฝ่ายนั้นเองก็มึนงงไม่แพ้กันว่าจะจัดงานแต่งกันได้จริงหรือ แต่เมื่อไทม์ยืนยันว่าอยากให้เกียรติน้องนีออนกับคุณพ่อคุณแม่ที่เลี้ยงน้องมา แม้น้องจะไม่ใช่ผู้หญิงที่จะสามารถแต่งงานกันตามกฎหมายได้ อย่างน้อยก็อยากให้ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายรับรู้ และเป็นสักขีพยานในความรักที่ทั้งคู่มีต่อกันและมั่นคงตลอดมา คุณแม่น้องแฝดถึงกับน้ำตาคลอเมื่อได้ยินพี่ไทม์พูดเช่นนั้น มีคนที่รักลูกของท่านไม่น้อยไปกว่าท่าน และยินดีจะดูแลกันตลอดไปแล้วเช่นนี้ คนเป็นแม่อย่างท่านก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเต็มตื้นในหัวใจ
เมื่อพูดคุยตกลงอะไรกันได้แล้วนั้น คุณแม่พี่ไทม์กับคุณแม่น้องแฝดจึงพากันไปหาฤกษ์พานาทีอันดีเพื่อเตรียมจัดงานมงคลให้ลูกๆ ไม่ได้จัดงานเอิกเกริกอะไร ผูกข้อไม้ข้อมือทำพิธีการเงียบๆและเชิญเฉพาะคนที่สนิทกันจริงๆเท่านั้น ไม่อยากให้เป็นขี้ปากชาวบ้านเขา แต่มันก็คงเป็นไปไม่ได้ เพราะคนมีปากไว้พูดก็พูดกันไป ทุกคนในบ้านรู้และเข้าใจดี และพร้อมที่จะรับมือกับคำถามแปลกๆที่จะตามมา เพราะรู้ดีว่ามันจะอยู่ไม่นานแล้วมันก็จะผ่านไป
คนภายนอกมักจะมองว่าเรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องแปลกประหลาด ไม่มีใครเข้าใจหรอกว่าสิ่งที่เกิดมันมาจากความรักของคนทั้งคู่ เมื่อภาพที่ออกมามันไม่ใช่การแต่งงานของชายหญิงตามที่ควรจะเป็น แต่ในเมื่อคนในครอบครัวเข้าใจกันดี เพื่อนพ้องก็ร่วมยินดีมากมาย ทั้งนีออนและพี่ไทม์จึงไม่จำเป็นที่จะต้องกังวลกับสิ่งเร้ารอบกายให้มาก เพราะคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตคือคนในครอบครัว และคนที่อยู่ข้างกายกันเสมอไม่ว่าจะเจอะเจอกับปัญหาอะไรคนนี้ต่างหาก นั่นทำให้ทั้งสองคนได้อยู่ด้วยกันจนวันนี้
----------------
ณ บ้านปูนสองชั้นหลังหนึ่ง ด้านหลังบ้านเป็นครัวที่มีพื้นที่เปิดโล่งอากาศถ่ายเทได้สะดวก กลิ่นหอมๆของขนมหลายหลากลอยอวลไปรอบบริเวณ หญิงชราท่าทางยังดูแข็งแรงอยู่มากยืนอยู่หน้าเตาที่มีกระทะทองเหลืองตั้งอยู่ ใช้ไม้พายคนขนมแสนอร่อยในนั้น ขณะที่หันไปเรียกคนในบ้าน
“อุ้มรัก แป้งได้รึยังลูก?”
“คร้าบ มาแล้วครับ เนียนเหมือนหน้าอุ้มเลย”
อุ้มรักพูดแล้วหัวเราะตัวเอง หนุ่มน้อยโผล่ออกมาจากประตูบ้านพร้อมถาดใส่แป้งทำขนมที่นวดจนได้ที่ คุณย่าของพี่น้ำที่เอ่ยเรียกอุ้มรักเมื่อครู่หัวเราะชอบใจที่หนุ่มน้อยชงเรื่องเข้าตัวเอง แหม แป้งมันก็เนียนเหมือนหน้าอุ้มจริงๆนั่นล่ะนะ
น้องนิ้งถือถาดใบเตยที่ช่วยกันเย็บเป็นกระทงออกมารอใส่ตะโก้ที่จะทำเป็นลำดับต่อไป แล้วไปนั่งที่แคร่ไม้ช่วยพี่อุ้มปั้นแป้งเป็นก้อนๆไว้ใส่ไส้ขนมที่ย่าทำเตรียมไว้ให้แล้ว พี่น้ำกับน้องน่านหอบใบตองที่ตากไว้จนยุบตัวพอจะห่อขนมได้แล้วมาช่วยกันเช็ดแล้วทาน้ำมันลงไปรอห่อขนม เมื่อทำจนครบแล้วน้ำจึงเลี่ยงไปช่วยคุณย่าคนขนมในกระทะแทน
วันนี้ทุกคนในบ้านได้หยุดตรงกันทำให้อยู่กันพร้อมหน้า น้องนิ้งที่เรียนจบมาแล้วเข้ามาทำเรื่องขนมไทยกับคุณย่าเต็มตัว เพราะเรียนด้านการตลาดมาจึงมีแนวทางในการคิดและปรับปรุงสินค้าให้เท่าทันตลาดอยู่เสมอ แม้รูปลักษณ์ภายนอกจะเปลี่ยนไปบ้าง แต่รสชาติยังคงเป็นรสดั้งเดิมไม่เปลี่ยนไปทำให้ขนมของคุณย่ายังคงครองใจลูกค้าได้เสมอ
พี่น้ำเรียนจบภาษามาและได้เข้าทำงานเป็นไกด์นำเที่ยวในสถานที่ต่างๆในจังหวัดของตนเอง ไม่อยากทิ้งบ้านไปไกล อย่างน้อยๆหากต้องไปที่อื่นก็แค่เพียงไม่กี่วันก็กลับมา ตอนนี้พี่น้ำและน้องๆช่วยกันเก็บเงินจนสามารถเปิดร้านขนมให้คุณย่าได้สำเร็จแล้ว ร้านไม่ใหญ่มากนัก ตกแต่งน่ารักตามสไตล์ของน้องนิ้งกับพี่อุ้มรัก คนเขาชอบของน่ารักชอบตกแต่งเหมือนกันอยู่ด้วยกันได้ พี่น้ำกับน้องน่านเลยเป็นแค่คนยกของไป ร้านดูกะทัดรัดลงตัวพอดิบพอดี มีขนมหน้าตาสวยงามน่าทาน นอกจากจะอร่อยแล้วยังกลายเป็นของประดับร้านได้อีกต่างหาก
พอมีหน้าร้านเป็นของตนเองแล้วคราวนี้จึงสะดวกต่อการที่ลูกค้าจะมาสั่งขนม คุณย่าปลื้มใจใหญ่ที่หลานๆมีความมุมานะจนทำในสิ่งที่วาดหวังกันเอาไว้ได้ น้องน่านที่ยังคงเรียนอยู่ก็ตั้งใจเรียนให้สมกับที่พี่ๆพยายามกันมา เพราะอยู่ใกล้ชิดและได้ดูแลย่ามาตลอดทำให้น้องน่านเลือกเรียนแพทย์ ทุกคนในครอบครัวก็เป็นกำลังใจให้น้องเล็กคนนี้เต็มที่
เสียงพูดคุยกันผสานกับเสียงหัวเราะร่าเริงของน้องๆทำให้น้ำอมยิ้ม มองน้องอุ้มที่ยื่นหน้าเข้าไปดูคุณย่าห่อขนมใกล้ๆเพื่อทำตามแล้วรอยยิ้มยิ่งกว้างขึ้นไปอีก รู้สึกดีที่ทุกคนในบ้านรักและให้ความเอ็นดูน้อง ก่อนเอ่ยแซวน้องๆที่คุยกันไปทำงานกันไป
“นี่ รีบทำให้เสร็จเร็วๆเลยนะ กินเย็นนี้นะไม่ใช่อีกสามวันข้างหน้า”
“โห่~”
เสียงน้องๆพากันโห่พี่ชาย คุณย่าหัวเราะหลานชายที่ไม่มีพวก อุ้มรักกับน้องๆของพี่น้ำพอโห่แล้วก็พากันขำ ก่อนจะตั้งอกตั้งใจทำกันเต็มที่ เพราะเย็นนี้ทุกคนจะไปรวมตัวที่บ้านน้องแฝดกันทั้งหมด เดี๋ยวสักสี่โมงเย็นพี่ไอรักจะเอารถมารับ
หากมีเวลาว่างอุ้มรักก็มักมาช่วยที่บ้านพี่น้ำบ้าง บางทีพี่น้ำก็ไปช่วยที่บ้านอุ้มรักบ้างผลัดๆกันไป งานประจำของอุ้มรักคือไกด์นำเที่ยวเช่นเดียวกับพี่น้ำ มีที่เที่ยวมากมายที่ยังไม่มีใครเคยไปมากนัก ทำให้อุ้มรักอยากที่จะแนะนำสถานที่ต่างๆให้ทุกคนได้เห็นว่าเมืองไทยก็มีดีไม่แพ้ใคร ในตอนแรกนั้นอุ้มรักออกจะไม่มั่นใจนักว่าตนเองจะทำงานนี้ได้เพราะไม่ได้พูดเก่งเหมือนพี่ชายอย่างนีออน พี่น้ำบอกว่าเป็นไกด์ไม่จำเป็นต้องพูดเก่งมากมายเพราะไม่จำเป็นจะต้องพูดอยู่ตลอดเวลา เพียงแต่ต้องรู้จังหวะที่จะพูดว่าควรพูดตอนไหน และเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้ถามและอธิบายให้เขาเข้าใจ
อุ้มรักได้มาเป็นผู้ช่วยพี่น้ำอยู่สักพักหนึ่งจนเริ่มคุ้นชินกับการทำงาน แต่ก็เกือบจะไม่ได้ทำงานนี้อย่างจริงจังเมื่อพี่น้ำเกิดอาการหวงแฟนขึ้นมาเพราะมีคนมาตามจีบไกด์อุ้มรัก แต่สุดท้ายแล้วมันก็ผ่านมาได้ด้วยดีเมื่อคนที่มาตามจีบเขากลับประเทศเขาไป เมื่ออุ้มรักได้มาทำงานนี้จริงๆอุ้มรักก็ทำได้ ยิ่งรู้สึกสนุกกับมันผลที่ออกมาจึงดีอย่างไม่น่าเชื่อ
เสียงโทรศัพท์พี่น้ำดังขึ้น พี่น้ำเรียกน้องน่านมาช่วยกวนขนมในกระทะต่อแล้วตนเองจึงเข้าไปรับโทรศัพท์ที่วางเอาไว้ในบ้าน เพื่อนแอมโทรมาชวนไปเที่ยวราตรีกันในคืนนี้แต่น้ำก็ปฏิเสธไป เพราะมีนัดทานข้าวกับที่บ้านน้องอุ้ม และคืนนี้ก็คงไม่ว่างไปกับเพื่อนแอม เพราะน้ำจะนอนบ้านน้องอุ้ม พอแอมได้ยินเพื่อนว่ามาอย่างนั้นก็ร้องโหยหวนมาตามสาย เกิดอาการอิจฉาเพื่อนเพราะน้องเซียนไม่ค่อยยอมให้ทำการบ้านสักเท่าไหร่ ถ้าไม่บังคับกันนี่อย่าหวังจะได้แอ้ม ชีวิตคาสโนว่าช่างน่าสงสารนัก พอเพื่อนวางสายไปแล้วน้ำก็ได้แต่ส่ายหน้าขำ ริจะปราบเซียน... ก็ต้องทำใจน่ะนะ
---------------
แอมที่วางสายจากน้ำมาแล้วก็โทรหาไทม์ต่อ แต่ก็ได้รับคำปฏิเสธมาเช่นเดียวกัน หนุ่มคาสโนว่าชักจะเคืองเพื่อนกับแฟนที่หวานกันได้ตลอด ก็ตัวเขานี้หนาช่างอาภัพ มีแฟนกับเขาสักคนก็ไม่เค้ยไม่เคยจะตามใจกันสักนิด ดูอย่างตอนนี้สิ กลายเป็นลูกรักของคุณนายแม่ของเขาไปแล้ว เข้ากันดีเป็นปี่เป็นขลุ่ย
“น้องเซียน ดูนี่สิลูก คุณแม่ว่าน่าจะใช้ดีนะคะ”
เสียงคุณนายแม่ของแอมดังแว่วมาให้หนุ่มคาสโนว่าท้อใจเล่น คุณแม่ชอบน้องเซียนก็ดีอยู่หรอกนะ แต่ว่าช่วยเห็นใจลูกชายคนนี้สักนิดหนึ่งได้ไหม คนเขาอยากใช้เวลาอันน้อยนิดนี้กับแฟนบ้างคร้าบ
“ตกลงคุณแม่จะให้เซียนเป็นช่างทำผมจริงน่ะ ลูกค้าจะกล้าเข้าร้านไหมเนี่ย?”
แอมเดินเข้าไปหาสองแม่ลูกคู่ใหม่ในห้องนั่งเล่น เอ่ยแซวน้องเซียนที่คุณนายแม่ของเขาจะสนับสนุนให้เป็นช่างทำผมให้ดังเหมือนโทนี่ รากแก่น น้องเซียนเหล่ตามองพี่แอม สายตาแสดงความเคืองต่อคำแซว
“พี่ล้อเล่นน่ะ อย่าดุนักซี่”
หนุ่มแอมเอ่ยแก้เสียงอ่อย เซียนละความสนใจก่อนจะเปิดหนังสือเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์บำรุงผมดูกับคุณนายแม่พี่แอมต่อ พี่แอมเลยได้แต่นั่งถอนหายใจเฮือกๆ ดูแม่ย่ากับลูกสะใภ้เขาคุยกัน
ถึงตอนนี้พี่แอมก็ยังคงตัวติดกับแฟนไม่เปลี่ยน น้องเซียนสั่งหันซ้ายพี่แอมหัน สั่งหันขวาพี่แอมก็จัดให้ เอาใจกันขนาดนี้น้องยังไม่ยอมตามใจเขาเท่าไหร่เลย เผลอมองสาวทีเดียวโกรธไปสามวันเจ็ดวัน อภิโธ่ ทำผิดแค่นี้แต่ความดีไม่เคยเห็น เฮ้อ คาสโนว่าเศร้าใจ
“เอ้า มานั่งถอนใจอะไรอยู่ตรงนี้ล่ะเราน่ะ วันนี้นัดถ่ายรูปโปรโมตร้านคุณน้าจีไม่ใช่เหรอ ไม่ไปเตรียมตัวล่ะ?”
คุณนายแม่เอ่ยถามพ่อลูกชายตัวดี ท่านรับปากเพื่อนไปแล้วว่าจะให้ลูกชายไปเป็นนายแบบจำเป็นเพื่อถ่ายภาพโปรโมตร้านสปาของเพื่อน
“ไม่ต้องเตรียมอะไรหรอกครับแม่ เพราะแอมหล่ออยู่แล้ว”
แอมเก๊กหน้าหล่อ คุณนายแม่หัวเราะเบาๆก่อนดูหนังสือกับน้องเซียนต่อ แอมเห็นน้องเอาแต่สนใจไอ้ผลิตภัณฑ์บำรุงผมบ้าบออะไรนั่นอยู่ได้เลยเกิดปิ๊งไอเดียดึงความสนใจ เอ่ยชวนน้องไปดูเขาถ่ายแบบด้วยกัน
“เออเซียน วันนี้ไปร้านสปาคุณนายศจีกับพี่นะ”
“ผมเป็นคนนอก” เซียนเอ่ยแย้ง
“ไม่เป็นไรลูก ไปกับพี่แอมเข้าได้สบาย ใช่ไหมแอม?” คุณนายแม่ชงไปให้ลูกชายอย่างรู้ใจกัน
“แหมะ รู้ใจนะครับคุณนาย”
แอมเอ่ยชมคุณนายแม่ที่พูดถูกใจ ก่อนเอ่ยอ้อนน้องอีกครั้ง
“นะ”
“ครับ”
พอน้องตอบรับพี่แอมก็ยิ้มกว้าง คุณนายแม่ทำหน้าหน่าย ติดแฟนยิ่งกว่าอะไรล่ะพ่อคนนี้
แอมขับรถพาน้องเซียนมาที่สตูดิโอถ่ายภาพ ทางร้านสปาของคุณน้าจีเพื่อนคุณนายแม่ทาบทามให้แอมมาถ่ายภาพโปรโมตให้ คุณนายแม่รับปากเพื่อนไปเป็นมั่นเป็นเหมาะทำให้แอมปฏิเสธไม่ได้ จะว่าไปช่วงนี้เขาก็ว่างๆอยู่เลยถือว่าช่วยๆกันไปได้ค่าขนมมาจะได้พาน้องเซียนไปเที่ยว ข้อดีมันก็อยู่ตรงนี้ล่ะ
เมื่อเข้ามาด้านในสตูดิโอ แอมพาน้องไปสวัสดีคุณน้าจีที่มาดูการถ่ายภาพด้วยตนเอง ไหว้ทักทายพี่ๆทีมงานของสตูฯแล้วแอมจึงไปแต่งหน้าและเปลี่ยนชุด ธีมของภาพเป็นคู่รักที่มีสุขภาพผิวพรรณดี รูปร่างสมส่วน ออกจะร้อนแรงอยู่สักหน่อย งานนี้จึงมีนางแบบมาถ่ายร่วมกับแอมด้วย พอแต่งหน้าทำผมและเปลี่ยนชุดเสร็จแอมจึงเดินมาหาน้องเซียนที่ยืนรออยู่ใกล้ๆนั้น ขอเก้าอี้จากพนักงานมาให้น้องนั่ง
“ใครเป็นคนคิดให้พี่มาเป็นพรีเซนเตอร์เนี่ย?”
“ทำไมอ่ะ เขาฉลาดดีใช่มะ?”
แอมเอ่ยถามน้อง เซียนปรายตาขึ้นลงมองพี่แอม
“มองงี้หมายความว่าไงอ่ะ?”
เซียนยักไหล่ไม่ตอบ แอมรู้สึกหมั่นไส้ อยากจับจูบสักทีแต่แอบเกรงใจ คนมันอยู่เยอะ
“นี่ พี่ต้องถอดเสื้อด้วยนะ หวงพี่ป่ะ?”
แอมเอียงตัวเข้าใกล้น้องแล้วกระซิบถาม เซียนก็ยังคงมองเขาจัดฉากจัดไฟอะไรไปไม่ได้สนใจตอบคำถามพี่แอมสักนิด แต่แอมก็ยังไม่ยอมแพ้
“รอยที่เซียนทำไว้เมื่อคืนยังอยู่เลยนะ”
“พี่แอม!”
เซียนกระแทกเสียงในลำคอ มองพี่ตาเขียวปั๊ด แอมยืดตัวขึ้นเต็มความสูงก่อนยกยิ้มกริ่ม ช่างภาพเรียกแอมให้ไปถ่ายภาพ แอมตอบรับก่อนหันมามองน้องเซียน ยั่วน้องด้วยการแหวกสาบเสื้อตรงหน้าอกให้เห็นรอยจางๆที่น้องเป็นคนทำ เซียนเบิกตาโตก่อนจะปรับสีหน้ามาเป็นปรกติอย่างรวดเร็ว แอมหัวเราะหึๆ เดินเข้าไปให้พี่ช่างภาพเขาถ่ายภาพ
คอนเซ็ปต์ของภาพโปรโมตนี้คือคู่รัก ออกจะร้อนแรงนิดๆ ถึงเนื้อถึงตัวกันหน่อยๆ ... มั้ง?
ดูจากสายตาของน้องเซียนที่เพ่งมองพี่แอมกับสาวสวยที่มาถ่ายคู่กันนั่นแล้วคงไม่หน่อยเท่าไหร่ พอถูกน้องจ้องแบบนั้นพี่แอมก็แอบเหงื่อตก ไม่น่าหาเรื่องใส่ตัวเลยกู
“น้องแอมร้อนเหรอคะ?” นางแบบที่มาถ่ายภาพคู่กันเอ่ยถามเมื่อเห็นท่าทางหนุ่มรุ่นน้องแปลกๆ มีเหงื่อซึมนิดๆด้วยแหนะ
“หา เอ่อ... นิดหน่อยครับ”
แอมเอ่ยตอบพี่เขาตะกุกตะกัก แบบว่าไฟรักจากน้องเซียนมันแผดเผาเขาน่ะ
การถ่ายภาพโปรโมตร้านดำเนินไปจนเสร็จสิ้น แต่กว่าจะเสร็จได้พี่แอมก็แทบจะไหม้ เซียนออกมารอพี่ที่หน้าสตูดิโอถ่ายภาพ แอมไปเปลี่ยนชุด ด้วยความที่ว่าไม่อยากให้น้องรอนานกว่านี้เลยไม่ได้ให้ช่างแต่งหน้าเขาล้างหน้าให้ บอกว่าเดี๋ยวกลับไปเอาเครื่องสำอางของคุณนายแม่ล้างก็ได้ ขอบคุณพี่ๆและคุณน้าจีก่อนออกมาหาน้องเซียนที่ยืนหน้าบึ้งอยู่หน้าสตูฯ
“ไหนบอกไม่หวงไง?” แอมแอบกระแซะน้อง
“ใครหวง?” เซียนเลิกคิ้วท่าทางกวนอารมณ์
“เซียนแหละที่หวง”
แอมว่า ยิ้มกรุ้มกริ่มชอบอกชอบใจที่น้องไร้คำโต้แย้ง โน้มตัวลงมองหน้าน้องใกล้ๆ เซียนเบี่ยงหน้าหนี
“หวงพี่ใช่ไหม?” เอ่ยถามน้องยิ้มๆ
“เออ!”
น้องเซียนตอบรับห้วนสั้นแล้วเดินหนีพี่แอมไปที่รถ แต่พี่แอมกลับยิ้ม ก็เห็นหรอกน่า หน้าแดงเชียว
“ดีใจจัง”
หนุ่มคาสโนว่าหัวเราะกับตนเองเบาๆ ก่อนเดินตามน้องเซียนไป พอขึ้นมาบนรถแล้วแอมจึงถามว่าน้องอยากไปไหนไหม เพราะมานั่งรอเขาตั้งครึ่งค่อนวันคงเบื่อแย่ เซียนเลยว่าแวะห้างฯนิดหนึ่งก็ได้ เดี๋ยวจะไปหาเพื่อนสักหน่อย จากนั้นค่อยซื้อข้าวกลับไปทานที่บ้าน เอาไปฝากที่บ้านของทั้งคู่ด้วย
ห้างสรรพสินค้าในตัวเมือง เซียนแวะมาหาปิงที่ร้านขายเครื่องดนตรี ปิงเปิดร้านขายเครื่องดนตรีตามสไตล์ถนัดของตนเอง ตอนเรียนมหาวิทยาลัยก็เคยหาลู่ทางมาบ้าง พอจบมาแล้วเข้าทำงานในบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง เก็บเงินได้พอที่จะเปิดร้านในฝันแล้วจึงลาออกมาทำงานอิสระแล้วเปิดร้านนี้ขึ้นมา คุณพ่อของปิงช่วยออกเงินให้ครึ่งหนึ่ง ร้านนี้จึงเกิดขึ้นมาได้เพราะคุณพ่อแท้ๆทีเดียว กิจการก็ไปได้เรื่อยๆ คุยกับปิงสักพักเซียนก็เอ่ยขอตัว เพราะท่าทางพี่แอมจะรำคาญเครื่องสำอางบนหน้าเต็มทีแล้ว
พอเซียนกลับไปแล้วแสตมป์ที่เพิ่งเลิกงานก็มาที่ร้านของปิง เอากระเป๋าที่สะพายมาไปเก็บก่อนมานั่งหน้าร้าน พ่อค้าหนุ่มผู้แสนใจเย็น มีรอยยิ้มเรียกลูกค้าได้เป็นอย่างดี แสตมป์มองปิงหลีสาวแล้วตบเข้ากลางหลังเสียงดัง ปิงสะดุ้ง เอี้ยวตัวกลับไปมองคนที่ยืนทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้อย่างคาดโทษ ก่อนหันมาส่งยิ้มให้ลูกค้าสาวตรงหน้า พูดคุยเกี่ยวกับกีตาร์ตัวที่เธออยากได้ พอลูกค้าสาวจากไปแล้วปิงจึงหันมาหาคนที่นั่งฟังเพลงในมือถือไม่รู้เรื่องอยู่นั้น ฉกจูบแก้มเร็วๆแล้วทำไม่รู้ไม่ชี้บ้าง แสตมป์แตะแก้มตัวเอง เหลียวซ้ายแลขวาอยากจะโวยวายแต่ก็ไม่กล้าได้แต่ชี้หน้าฝากไว้ก่อน ปิงเอนตัวไปด้านข้างใกล้ๆแสตมป์ก่อนกระซิบบอก
“เดี๋ยวคืนนี้ให้จัดเต็ม เอาคืนได้เต็มที่”
“ไอ้...”
“ปิง แสตมป์ หวัดดี”
เสียงทักทายนั้นเหมือนระฆังพักยก นีออนยืนยิ้มอยู่หน้าเคาน์เตอร์ที่ปิงกับแสตมป์นั่งอยู่ แสตมป์เอ่ยทักนีออนก่อนลุกไปหยิบกีตาร์ในร้านมานั่งเกาเพลงแก้อารมณ์เสีย นีออนมาซื้อของที่ห้างฯเพราะใกล้กับที่ทำงาน ก่อนที่จะกลับบ้านไปทานข้าวกับทุกคนเย็นนี้ หนุ่มน้อยคุยกันกับเพื่อนเก่านิดหน่อย ลูกค้าเข้าร้านมานีออนเลยช่วยเพื่อนขาย
“ซื้อกีตาร์แถมพ่อค้าไปเล่นให้ฟังที่บ้านเลยค้าบบบ” นีออนโฆษณาชวนเชื่อกับบริการหลังการขาย
“มันจะดีนะ”
พ่อค้าตัวจริงว่าแล้วหัวเราะ คุณลูกค้าก็พากันยิ้มขำ เดินดูของในร้านแล้วเรียกคุณพ่อค้าปิงมาสอบถาม พ่อค้าก็แสนใจดีอธิบายใกล้ชิดเสียจนไปสะกิดต่อมโมโหโทโสของใครบางคนเข้า นีออนหันมามองเพื่อนอีกคนในร้าน ก่อนเดินเข้าไปหาคนหน้างอ
“เฮ่ย เป็นไร หน้างอยิ่งกว่าขอเกี่ยวข้าวที่บ้านเราอีก”
นีออนเอ่ยทักแกมเย้า แสตมป์เงียบไม่ต่อความ เกากีตาร์ตามโน้ตเบาๆ ไร้อารมณ์สุนทรีเป็นที่สุด
“หึงอ่ะดิ๊” นีออนยังเอ่ยล้อเพื่อน
“เงียบไปเลย” แสตมป์ว่า หน้ายังคงงอเหมือนขอเกี่ยวข้าวบ้านนีออน
“เอาใจมันบ้างดิ มันไปไหนไม่รอดหรอกปิงน่ะ”
หนุ่มน้อยเอ่ยแนะเพื่อน แสตมป์มองปิงที่คุยกับลูกค้าสาวอย่างใกล้ชิดสนิทสนมแล้วเกากีตาร์มั่วๆไปตามอารมณ์ ปิงหันมามองแล้วยิ้มมุมปาก เมื่อลูกค้าได้ข้อมูลต่างๆไว้ให้พอตัดสินใจได้แล้วจึงบอกว่าขอเก็บเงินอีกสักพักเพราะอยากได้มาก ให้คุณพ่อค้าเก็บเอาไว้ให้ด้วย ปิงรับปาก คุณลูกค้าผู้มีอุปการคุณจึงออกจากร้านไป ปิงหันมามองคนที่เล่นกีตาร์มั่วๆนั่นแล้วส่ายหน้ายิ้มๆ ก่อนเดินไปนั่งที่หลังเคาน์เตอร์เช็ดนู่นเช็ดนี่ไปตามเรื่อง นีออนขอตัวไปซื้อของก่อนกลับบ้าน ปิงบอกฝากความคิดถึงไปถึงอุ้มรักด้วย พอนีออนออกไปจากร้านแล้วแสตมป์ก็วางกีตาร์ เดินเข้าไปหาปิงแล้วบอกทื่อๆ
“หึงว่ะ”
ปิงยิ้มขำก่อนดึงแขนให้อีกคนก้าวมาชิดมากขึ้น เอ่ยบอกคนขี้หึง “แค่ลูกค้าครับผม”
แสตมป์กลอกตาไปมาสีหน้าเซ็งๆ ถอนใจเบาๆก่อนยิ้มเล็กน้อย ชักจะขี้หึงเกินไปแล้วนะเรา
++++++++++++++
ต่อด้านล่างค่ะ 