เรื่อง กอด~.....คำตอบของคำขอ
ไม่มีคำตอบสำหรับคำขอ ....
.
.
.
เราเดินจูงมือกันมาเงียบ ๆ มือข้างที่วางถือรองเท้าไว้ข้างตัว เดินเหยียบย่ำทรายเนื้อละเอียดที่นุ่มซะจนรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก
ผมก้มหน้าลงต่ำมองพื้นทรายที่เราทั้งคู่กำลังก้าวผ่าน รอยเท้าเล็กคู่ใหญ่คู่ดูจะกลมกลืนกันดีในความรู้สึก ค่อยก้าวๆ
ไม่ได้เร่งรีบอะไร เมื่ออีกฝ่ายยังคงจ้องมองท้องฟ้าสีครามขณะที่มือแข็งแรงบีบมือผมแน่นๆ พระจันทร์เต็มดวงสาดแสงนวลผ่อง
จนอีกฝ่ายเผลอเอ่ยชม
“พระจันทร์สวยเน๊าะว่ามั้ย?” กลายเป็นประโยคแรกที่ทำลายความเงียบงัน หลังจากคำขอคำนั้นได้พูดออกมา
ผมเงยหน้าขึ้นมองฟ้า พยักหน้าน้อยๆ คล้อยตามอีกฝ่าย ในเมื่อพระจันทร์ที่ทอแสงจนเจิดจ้าทั่วผืนฟ้าไร้ซึ่งเมฆหมอกใดๆ
ก็ไม่เห็นจำเป็นต้องปฏิเสธ คำพูดที่ว่าแต่ประการใด
“อืม สวยดี” รับคำเสร็จก็ก้มหน้าลงต่ำ ไม่กล้าสบตาอีกฝ่าย จริงๆ เพราะไม่รู้จะทำให้ยังไงให้มันเป็นปกติได้เสียมากกว่า
“ไม่คิดจะมองหน้ากันเลยรึไง? จะทิ้งกันไปอยู่แล้วแท้ๆ ” น้ำเสียงตัดพ้ออยู่ในที จนอดจะใจเสียตามไม่ได้
เงยหน้าขึ้นมองตามคำขอ ก็เห็นแววตาคมของอีกฝ่ายจ้องมองอยู่ก่อนแล้ว แววตา...แห่งความเสียใจ ผมบีบมือภาคแน่นๆ
“อย่าทำหน้าเศร้าอย่างนั้นสิ .... ภาคไม่หล่อเลยรู้มั้ยเวลาทำตาเศร้าแบบนั้น”
“ไม่เห็นเป็นไรนี่......”
.
.
.
“คนที่อยากให้มอง ...เค้าจะไม่อยู่ดูแล้ว จะทิ้งภาคไปแล้ว” ผมเม้มปากแน่น พาลน้ำตาจะไหล อีกแล้วน้ำเสียงตัดพ้อ
ราวกับจะขาดใจ หยุดเดินซะตรงนั้น โผ่เข้าไปกอดอีกฝ่ายแน่น พอได้ที่ซุกหัว น้ำตาที่ซ่อนก็เลยพาลไหล เก็บไม่อยู่
“ภาค.... อย่าพูดแบบนั้น แพนจะกลับมานะสัญญา” ภาคกอดตอบ กดจูบที่หัวปลอบใจอย่างที่เคย
“เข้าห้องกันได้แล้วครับ ถึงแล้ว” ผมผละตัวออกไล่เช็ดน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม ปล่อยให้อีกฝ่ายจูงมือขึ้นห้อง
ภาคสอดกุญแจเข้าไป ออกแรงบิดเล็กน้อยประตูก็เปิดออก มือแข็งแรงดันผมให้เดินเข้ามาก่อน ส่วนตัวเองก็วุ่นวาย
กับการปิดประตูห้อง ได้ยินเสียง “คลิ๊ก” ดังขึ้นเป็นอันว่าล็อคห้องเรียบร้อย ผมเดินเข้ามาได้ไม่กี่ก้าวก็ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น
อาจจะเพราะยังไม่ได้เปิดไฟ ทำให้ทัศนะวิสัยไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ เมื่อกี้เปิดประตูอยู่เลยพอให้เห็นทางสว่างชัด แต่พอ
บานประตูเปิดลง ทุกอย่างก็มืดลง พร้อมๆ กับความเงียบงัน อยู่ๆ ประโยคคำขอที่ว่าก็ลอยก้องเข้ามาในหูอย่าง
ไม่ทราบสาเหตุ เสียงพูดของภาคมันดังวนซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนั้น
“คืนนี้.......ขอได้ไหม เป็นค่ามัดจำและทำใจ”
กำลังคิดอะไรเพลินๆ อีกฝ่ายก็สอดแขนโอบกอดผมจากด้านหลัง ผมสะดุ้งน้อยๆ เพราะประโยคเมื่อครู่มันยังเด่นชัด
อยู่ในหัว สองมือจับแขนภาคเอี๊ยวตัวกลับไปด้านหลังหวังจะดันอีกฝ่ายให้ออกห่าง อยากจะบอกว่าผมยังไม่พร้อม
ยังไม่ทันได้พูดอะไร ก็หันมาสบตาคู่คมที่มองมาอย่างเว้าวอน แค่เห็น..ก็แทบละลายในอ้อมแขน ริมฝีปากจรดเข้าหากัน
ราวกับมีแรงดึงดูด จูบกันไม่รู้นานเท่าไหร่ อีกฝ่ายถึงล่ะออก เสียงนุ่มทุ้มของภาคกระซิบงึมงำได้ยินเพียงแผ่วๆ
“เป็นของภาคนะ”
.
.
.
สายตาที่ค่อยๆ ปรับแสงในความมืด พร้อมกับหลังผมที่ค่อยๆ สัมผัสลงกับผิวเตียงนุ่ม มันยวบลงตามน้ำหนักตัวผม
ก่อนจะยวบลงอีกครั้ง เพราะน้ำหนักของใครอีกคน ที่ทาบทับมาบนตัวผม ริมฝีปากร้อนๆ ของภาค ไล่จูบผมไปทั่วทั้งใบหน้า
เสื้อผ้าค่อยๆ หลุดหายทีละชิ้น ....... จนร่างกายเปล่าเปลือย กับเสียงกระซิบแผ่วเบา
.
.
.
“รักแพนนะ”
.
.
“อ๊า~” เผลอกรีดเสียงครางเบาๆ เมื่ออีกฝ่ายลงลิ้นที่ยอดอก มือสอดเข้าไปในเรือนผมหนากดแน่น พร้อมแอ่นอกรับสัมผัส
ของอีกฝ่าย
.
.
.
“รักที่สุด”
.
.
“อืมม~” เสียงคำที่หลุดไม่เป็นภาษา เป็นสิ่งเดียวที่ทำให้อีกฝ่ายรับรู้ ว่าผมได้ยินทุกคำบอกกล่าวทั้งจากร่างกาย และคำพูด
.
.
“เป็นของภาคนะ” เสียงกระซิบรันจวน ที่ร้อนเร่ายิ่งกว่าครั้งไหน อาจจะเพราะอารมณ์ที่ราวกับเปลวไฟแผดเผาของอีกฝ่าย
หรือเป็นเพราะความต้องการที่ถาโถมของตัวเองกันแน่ ที่ทำให้คำพูดนี้ราวกับเสียงเซ็กส์โฟนที่โลมเลียจนผมอ่อนระทวย
กอดอีกฝ่ายแน่นขึ้น .......เพราะเหมือนตัวเองเบาหวิวไร้น้ำหนัก ล่วงหล่นจากที่สูง สูญเสียการเป็นตัวของตัวเอง
ปั่นป่วน....ราวกับถูกเหวี่ยงไปมา เสียวที่ท้องน้อย...ได้แต่ส่งเสียงครางเครือให้อีกฝ่ายรับรู้ และปล่อยให้คนตรงหน้า
ชักพาไปตามเส้นทางของมัน ทั้งน่าตื่นกลัว ชวนให้หวั่นไหว ทั้งน่าค้นหา และอยากลิ้มลอง ทุกอย่างประเดประดังกันเข้ามา
นิ้วแข็งแรงค่อยๆ สอดเข้าไปในช่องด้านหลัง ผมเกร็งตัวแน่นด้วยความเจ็บและจุก อย่างบอกไม่ถูกเร่งแขนของอีกฝ่าย
ให้เอาออก กัดเม้มริมฝีปากตัวเองแน่น หากแต่ความเจ็บกลับไม่จางหาย
“อึก....เจ็บ”
“ใจเย็น หายใจเข้าลึกๆ อย่าเกร็งนะ ฮืบๆๆ หายใจยาวๆ อย่างนั้นๆ แหล่ะดีแล้วครับคนเก่ง ”
.
.
.
“ของจริงแล้วนะแพน” สัมผัสเคลิบเคลิ้มเมื่อครู่หายวับหลังจากได้ยินประโยคที่ว่า สัมผัสนุ่มร้อนเสียดสีไปมาตรงช่องด้านหลัง
ร่างทั้งร่างกลับมาเกร็งเครียดเหมือนตอนเริ่มต้น สองมือผลักเต็มแรงที่สะโพกของอีกฝ่ายที่พยายามจะกดมันลงมา
.
.
.
.
http://www.youtube.com/watch?v=gd9uDyRHIhM“วันที่เวียนเปลี่ยน วันที่เลยผ่าน รักคงมั่น
เราไม่เคยห่าง เคียงคู่ชิดใกล้ ทุกเวลา
ยอมทิ้งความฝัน ยอมทุกๆอย่าง ให้กันและกัน
เพียงได้เคียงข้าง เพียงได้ร่วมทาง โอ้รักนิรันดร์
ก่อนเคยคิดว่ารักต้องอยู่ด้วยกันตลอด
เติบโตจึงได้รู้ความจริง
หากเคียงชิดใกล้ แต่เธอต้องทิ้งทุกอย่างเพื่อฉัน
ประโยชน์ที่ใด หากรักทำร้ายตัวเอง
หากเดินแนบกาย มีพลั้งต้องล้มลงเจ็บ ด้วยกัน
ห่างเพียงนิดเดียว ให้รักเป็นสายลมผ่านระหว่างเรา
แบ่งที่ว่างตรงกลางไว้คอย เพื่อให้เธอได้ตามหาฝัน ของเธอ
เรียนรู้รักอย่าง รู้คุณค่า ฝันไม่ไกล
บินไปตามทาง หาดวงตะวัน ที่เธอต้องการ
ไม่มีฉุดรั้ง ไม่มีดึงดัน เราเข้าใจ
รักยังแสนหวาน รักยังไม่เปลี่ยน เคียงคู่กัน
ก่อนเคยคิดว่ารักต้องอยู่ด้วยกันตลอด
เติบโตจึงได้รู้ความจริง
หากเคียงชิดใกล้ แต่เธอต้องทิ้งทุกอย่างเพื่อฉัน
ประโยชน์ที่ใด หากรักทำร้ายตัวเอง
หากเดินแนบกาย มีพลั้งต้องล้มลงเจ็บ ด้วยกัน
ห่างเพียงนิดเดียว ให้รักเป็นสายลมผ่านระหว่างเรา
แบ่งที่ว่างตรงกลางไว้คอย เพื่อให้เธอได้ตามหาฝัน
วันเวลาที่เราห่างไกล ความเข้าใจจะทำให้เราใกล้กัน
กลับกลายเปลี่ยนเป็นพลัง โว...
หากเคียงชิดใกล้ แต่เธอต้องทิ้งทุกอย่างเพื่อฉัน
ประโยชน์ที่ใด หากรักทำร้ายตัวเอง
หากเดินแนบกาย มีพลั้งต้องล้มลงเจ็บ ด้วยกัน
ห่างเพียงนิดเดียว ให้รักเป็นสายลมผ่านระหว่างเรา
หากเคียงชิดใกล้ แต่เธอต้องทิ้งทุกอย่างเพื่อฉัน
ประโยชน์ที่ใด หากรักทำร้ายตัวเอง
หากเดินแนบกาย มีพลั้งต้องล้มลงเจ็บ ด้วยกัน
ห่างเพียงนิดเดียว ให้รักเป็นสายลมผ่านระหว่างเรา
แบ่งที่ว่างตรงกลางไว้คอย เพื่อให้เราได้ถึงดั่งฝัน ร่วมกัน”
“อ...อย่าภาค แพนกลัว” เสียงริงโทนของมือถือผมสิ้นสุดลง.....พร้อมกับการกระทำทุกอย่าง เหมือนเป็นเครื่องเตือนสติ
“แต่..”
“ไม่รักแพนแล้วเหรอ?”
“รัก”
“หยุดเถอะนะแพนกลัว”
“............ค ครับ”
ผมปล่อยให้เสียงโทรศัพท์มันดังขึ้นอีกรอบ ก่อนดึงผ้าห่มปกคลุมร่างกายที่เปล่าเปลือย ดี....ที่ตอนนี้ทุกอย่างยังมืดสนิท
แม้สายตาจะปรับแสงแล้ว แต่ทุกอย่างก็ไม่ได้กระจ่างชัดสักเท่าไหร่ ไฟบนหน้าจอมือถือสว่างวาบและดับลงไปอีกเป็นรอบที่
สอง
ผมที่นอนหอบหายใจ พร้อมๆ กับภาคที่ยอมปล่อยแล้วทิ้งตัวลงไปนอนข้าง ยกแขนขึ้นแล้ววางพาดหน้าตัวเองปิดบังหน้าตา
ผมไม่รู้ว่าตอนนี้ภาครู้สึกยังไง.... ผิดหวังไหม? ที่ลงเอยแบบนี้ ทุกอย่างดูนิ่งสนิทเกินกว่าจะประเมินสภานการณ์ได้
.
.
.
“ฮะแม่ ครับกลับพรุ่งนี้ครับ อยู่กับภาคครับ เมื่อกี้เผลอหลับ ครับทานแล้วครับไม่ต้องเป็นห่วงครัย อ้อ...บอกแล้วฮะ
ก็ไม่ได้ว่าอะไร เสียใจครับ ไม่ฮะ....ไม่เปลี่ยนใจ อืม....แพนตัดสินใจแล้วแม่ คร๊าบครับ....รักแม่นะฮะ เจอกันพรุ่งนี้ครับ
ครับ สวัสดีครับ” ผมวางสายจากแม่ หอบผ้าห่มที่ตัวเองยึดมาพันตัวเมื่อครู่ลากไปที่ผ้าเช็ดตัว ก่อนจะดึงผ้าเช็ดตัวมา
ห่อหุ้มร่างกายแทนผ้าห่ม แล้วเอาผ้าห่มที่ว่าไปห่มคลุมให้อีกฝ่ายบนเตียงที่ยังนอนนิ่ง พาดแขนบนใบหน้าหล่อเหลา
ปิดซ่อนดวงตาที่จะแสดงอารมณ์อ่อนไหว ผมไม่ได้เซ้าซี้เพื่อให้อีกฝ่ายมาคุยกัน ทำแค่เพียงเดินไปที่ห้องน้ำ
ตอนนี้.....ขอเวลาคิดอะไรๆ สักหน่อย เวลาที่ใช้อาบน้ำ ..... อาจจะเป็นช่วงเวลาที่มากพอที่จะทำให้อารมณ์ที่เหลือ
มันผ่อนปรนลง ผมแช่ตัวลงในอ่างซ่อนตัวเองจากความรู้สึกหลากหลาย .... กำลังครุ่นคิดถึงเหตุการณ์เมื่อครู่
ได้แต่บอกตัวเองว่า.....ดีแล้ว ถ้ามากกว่านี้.....แล้วต้องเลิกกัน ผมคงขาดใจตาย แค่ความสัมพันธ์ของเราแค่นี้
มันก็เกินกว่าจะติดใจ ถ้าลึกซึ้งมากกว่านี้......คงเจ็บทั้งสองฝ่าย ผมรู้ภาคไม่ได้เป็นเกย์หรอก...ไม่เลย ออกจะเกลียด
ซะด้วยซ้ำ ผู้หญิงมากมายที่เข้า...หลายต่อหลายครั้งที่เกือบจะเปิดใจ แต่มันก็สะดุดหยุดลงแค่นั้น...เพียงเพราะภาค
“ให้ความสำคัญกับผมมากกว่าใคร” ถ้าผมไม่อยู่....มันอาจจะเป็นเวลาที่ดีที่เปิดใจ กับการเปลี่ยนชีวิตใครบางคน
แต่ถ้าภาครักผมจริง... ภาคต้องรอ ...รอจนกว่าผมจะกลับมา