ตอน ป้อน
มาถึงสถานีอโศก ภาคโอบไหล่ผมเบาๆ แล้วดันให้เดินไปยังทางออกที่มองเห็นสี่แยกใหญ่ บนถนนคราคร่ำไปด้วยรถราและผู้คน
ที่ยังเดินกันขวักไขว่ เราลงบันไดเลื่อนในส่วนที่เชื่อมต่อระหว่าง BTS กับ รถไฟใต้ดิน เดินต่อไปเรื่อยในส่วนของเมโทร
ไปทะลุในซอยอโศก เดินเท้าไปอีกนิดหน่อยก็ถึงซอยแรก เลี้ยวซ้ายก็ถึงร้านที่ว่า.... ภาคกดมือถือโทรหาพี่ต้น พร้อมกับเดิน
เข้าไปในร้าน เห็นพี่ต้นยกมือชูสูงขึ้นพอให้ผมกับภาคมองเห็น ภาคพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะกดวางสาย แล้วเปลี่ยนจาก
โอบไหล่ผมมาเป็นจูงมือให้เดินตามไปที่โต๊ะ ด้านในพี่ต้นกับพี่ไม้นั่งคู่กัน ส่วนฝั่งตรงข้ามมีพี่อ๋อมนั่งรอ พร้อมรอยยิ้ม
ยินดีซะจน ทำไม...ผมรู้สึกหมั่นไส้ตะหงิดๆ นะ เลยยิ้มจืดๆ ตอบ เห็นแล้วอยากเกาหัวตัวเองสักสองสามแกรกด้วยความงง
เผลอยกมือขึ้น เกาหัวจริงๆ แต่แล้วคิ้วก็ขมวดเป็นปมเมื่อเห็นพี่ไม้กับพี่ต้นกลั้นยิ้มจนตัวสั่น ส่วนอีกคนผมไม่ทันสังเกตุ
ภาคดันผมให้นั่งติดกับพี่อ๋อมแล้วตัวเองก็นั่งถัดไป ผมยังคิ้วผูกเป็นโบว์หันมาหาภาคด้วยความฉงน อีกฝ่ายก็เอาแต่ยิ้มแก้มปริ
เอ๋...... มันยังไงกันหล่ะเนี่ย เลยเกาหัวตัวเองเป็นรอบที่สอง แกรกๆๆ ชะอุ้ย!! ว่าแล้วทำไมหนัก ๆ ที่แท้มันเป็นมือ
ข้างที่เกี่ยวนิ้วกันกับภาค พอผมยกขึ้นมาเกาหัว มืออีกฝ่ายก็ตามขึ้นมาด้วยไม่ยอมปล่อย ที่สำคัญไม่ได้ทิ้งน้ำหนักมา แต่ช่วย
ส่งเสริมด้วยการยกมือขึ้นให้ผมเบาแรง เลยลืมไปว่ามือเกี่ยวกันอยู่ อย่างนี้คนก็รู้หมดสิว่าจูงมือกัน โอยยย~
อายจนแทรกแผ่นดินหนีได้แล้ว ยิ่งหันไปเห็นพี่ต้นกับพี่ไม้ตาวาววับ รอจะยิ้มล้อผมยิ่งอายเข้าไปใหญ่
“แหมๆๆ น้องแพนไม่อายแล้วเหรอครับ หืมม ...กล้าเน๊าะ เดี๋ยวนี้มีโชว์ ฮ่าๆๆ ว่ามั้ยว่ะไอ้ต้น” พี่ไม้หันไปขยิบตาให้พี่ต้น
“แหม ๆ ไม้ก็ คนเค้ารักกันอ่ะ ... มันก็ต้องมีบ้างดิ ก็อยากวีตนอกสถานที่บ้างดิวะ ฮ่าๆ ฮิ้วๆๆ” แล้วสองคนนั้นก็หันไป
แปะมือกัน ด้วยความยินดีปรีดา ไอ้คนข้างผมนี่ก็ยิ้มร่าได้อีก ตายๆๆ อายมากครับ ผมรีบดึงมือออก .... แต่ก็ช้ากว่า
เหลือมตัวพ่อ บอกแล้วว่า “รัด” แล้วไม่มีปล่อย มือหนาๆ ของภาคดึงมือผมไปเกาะกุมหนักขึ้นไปอีก แถมหันมายักคิ้วยิ้มๆ
เง้อ~ ช่วยผมทีครับ ฮือๆๆๆๆ
“อ่ะ แฮ่ม ... ทานเถอะค่ะ อ๋อมหิวแล้ว เดี๋ยวอาหารจะกร่อย! ไปเสียก่อนเพราะมาเสิร์ฟนานแล้ว” พี่อ๋อมโปรยยิ้มหวาน
แต่ทำไมผมรู้สึกเหมือนถูกด่านะ เห้อ~ อาจจะคิดมากไปก็ได้นะ พี่เค้าก็ยังยิ้มหวานเช่นเดิมนี่นา
“น้องแพนอยากทานอะไรหรือเปล่าคะ? เดี๋ยวพี่ตักให้” พี่อ๋อมหันมาถาม ผมส่ายหน้าน้อยๆ มาช้าก็เกรงใจจะแย่แล้ว
นี่ถ้า...ต้องให้พี่เค้าตักให้อีก จะกินลงมั้ยเนี่ย ?
“เอ่อ ...ไม่เป็นไรฮะ เดี๋ยวแพนตักเองก็ได้” ผมยิ้มตอบเล็กน้อย พี่อ๋อมมองเลยผ่านผมไป ไปหาใครบางคนที่อยู่ถัดออกไป
“แล้วภาคหล่ะ... อยากทานอะไรเป็นพิเศษรึเปล่า เดี๋ยวเราสั่งเพิ่มให้ก็ได้นะ” พี่อ๋อมพูดเสียงหวาน เอ่อ~ อาจจะเพราะ
ผมไม่ชินอ่ะนะ ถึงได้รู้สึกเลี่ยนๆ เป็นพิเศษ
“ไม่เป็นไรอ๋อม..ว่าแต่อ๋อมเถอะตักอาหารฝั่งนี้ถึงไหม ให้ภาคตักให้รึเปล่า” ภาคว่ายิ้มๆ ส่วนพี่อ๋อมยิ้มแก้มฉีกไปแล้ว
หรือว่านี่ ...มันเป็นเรื่องปกติของเค้ากันนะ ฮึ่ม ! ผมไม่ได้โมโหนะ แค่รู้สึก อยากพ่นลมออกทางจมูกแรงๆ เท่านั้นเอง
“งั้นภาคตักปูผัดผงกระหรี่ให้หน่อยสิ”
“อืม... เดี๋ยวภาคตักให้นะ” ภาคว่าเสร็จจัดการตักปูผัดผงกะหรี่ เอ๋ ...ได้ข่าวว่ามาทานอาหารอิตตาเลี่ยนทำไมมีปูผัด
ผงกะหรี่ได้อ่ะ ยังไม่ทันได้ถามอะไร พี่ต้นก็เงยหน้ามายิ้มให้ผม
“น้องแพนสั่งอะไรเพิ่มมั้ย? ที่นี่เค้ามีสองร้านติดกัน ร้านนี้อาหารอิตตาเลี่ยน ส่วนอีกร้านเป็นอาหารไทย” พี่ต้นว่า
ผมส่ายหน้าน้อยๆ แทนคำตอบ หลบมือภาคที่ยื่นผ่านหน้าผมไปหาจานพี่อ๋อม ที่กำลังสนใจคนตักจนผมรู้สึกตะหงิดๆ
แต่ที่ตะหงิดยิ่งกว่า..... ไอ้จมูกที่เฉียดแก้มผมแบบเฉียดฉิว กับไอ้มือปลาหมึกที่ลูบไล้ต้นขาผมไปมานี่มันอะไรกัน
รู้สึกร้อนๆ ที่หน้า ไม่รู้หน้าแดงมากมายขนาดไหน ... นอกสถานที่ก็ไม่เว้น ผมหันไปมองหน้าภาคเล็กน้อย
แล้วส่งสายตาดุๆ ไปข่มขู่ เห็นพ่อเหลือมหัวเราะคิกคัก ก่อนจะยอมปล่อยมือแล้วหันมาตักปูใส่จานผมบ้าง แกะกุ้งให้ผมบ้าง
ตักสลัดให้บ้าง พิซซ่าให้บ้าง แล้วก็เข้าปากตัวเองสลับไปสลับมา อย่างไม่สนใจใคร พี่ต้นหันไปแกล้งพี่ไม้ด้วยการ
เอาใจพี่อ๋อม ส่วนพี่ไม้เห็นแบบนั้นก็สู้ขาดใจ เอาใจทุกอย่างแทบจะประเคนน้ำใส่ปากให้เลยก็ว่าได้ พี่อ๋อมเลยยุ่งไม่มีเวลา
มาสนใจภาค เพราะมัววุ่นวายกับผู้ใหญ่สองคนที่ แย่งกันตักอาหารบ้าง ชวนคุยบ้างไม่ได้หยุด
ทานไปสักพักเหมือนภาคจะอิ่ม ...ก็ใช่สิพ่อคุณเล่นกินแต่ละอย่าง ตักเข้าปากอย่างรวดเร็วอย่างเอร็ดอร่อย ไม่รู้จะรีบไปไหน
หรือจะหันไปแข่งเอาใจพี่อ๋อมอีกคนนะ...ชิส์ แต่ไม่นานผมก็ได้คำตาม เมื่อสุดหล่ออิ่มเต็มคราบก็หันมายิ้มเพล่ให้ผม
แบบเด็ดสุดๆ ด้วยการตักคาโบน่าร่ามาให้ ยื่นช้อนมาตรงหน้า รอให้ผมอ้าปากอ้ำ .... ลองคิดดูร้านที่คนเยอะ
ขนาดนี้ ...ถ้ามีผู้ชายสองคนมาป้อนอาหารกัน มันคงไม่น่ามองสักเท่าไหร่ ผมหันไปมองหน้าพี่ทั้งสามคน พี่ไม้กับพี่ต้น
อมยิ้ม กลั้นหัวเราะกันคิกคักตามฟอร์ม ส่วนพี่อ๋อมดูจะอึ้งไปนิดนึง แต่ผมสิ .... หน้าแดงก่ำราวกับตำลึกสุกไปเรียบร้อยแล้ว
“อ้ามมม~ ” ภาคยื่นช้อนมาที่ปากผม แถมยังพูดซะยังกับป้อนอาหารเด็ก อาการผมเหมือนคนอ้าปากค้าง แต่ที่จริง
เม้มปากแน่นสนิท หันไปสบตาภาคแบบเอาเป็นเอาตาย ยังไงก็ไม่ยอม ส่ายหน้าหวือ..ให้อีกฝ่ายทราบวัตถุประสงค์
”อ้าปาก... ถ้าไม่กินนะ..” ภาคลดเสียงแล้วก้มมากระซิบ ให้ได้ยินแค่สองคน “จะป้อนด้วยปาก”
ปุ้ง! ควันออกหูไปแล้วครับ ผมหันไปจ้องภาคตาเหลือกอ้าปากค้างของจริงแล้วคราวนี้ จะบ้าเหรอ....จะมาป้อนด้วยปาก
อะไรแถวเน้~ โว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย (ขอระบายความเครียดหน่อย)
แล้วมันก็สบโอกาส พ่อเหลือมตัวดียิ้มแป้นแล้น ยัดช้อนคาโบนาร่าเข้าปากผมชิวๆ ผมตกใจเลยปิดปากลงเบาๆ
ภาคเลยดึงช้อนออกช้าๆ หันไปตักนั่นตักนี่มาป้อนอีก เป็นระลอกใหญ่ ทั้งอายทั้งอิ่ม เข้าใจแล้วว่าทำไมรีบกินซะเหลือเกิน
ได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักจากพี่ไม้และพี่ต้น แต่ที่เจ็บใจสุด ๆ ก็คือไอ้คนนั่งข้าง ๆ ที่พลอยยิ้มอารมณ์ดีกับเค้าไปด้วย
คนอะไร....ไม่มีอายเลยเหอะ ผมยู่ปากใส่ภาคทำเอา พี่ต้นขำจนท้องแข็งเลยทีเดียว
“น่ารักว่ะ น้องแพนน่ารักอ่ะ” พี่ต้นว่าเสร็จมองผมยิ้มๆ จ้องไม่วางตาเลยทีเดียว
“อืม...ก็นะ ไม่งั้นเพื่อนมึงจะหลงเหรอ ฮิ้ววววววว ” พี่ต้นกับพี่ไม้แปะมือกันเบาๆ
ว่าจบพี่ต้นก็ยังมองผมยิ้มๆ อยู่นั่นแหล่ะ มองไม่วางตาจริงๆ จนผมทำตัวไม่ถูก ส่วนพี่ไม้หันไปหยอดพี่อ๋อมต่ออย่างครื้นเครง
“แต่สำหรับไม้น่ะ ...ใครก็ไม่สวยเท่าอ๋อมหรอกครับ” พี่ไม้ทำตาเยื้อมได้อีก แต่พี่ต้นมองผมทำไมอ่ะ
“คิกคิก ๆ ไม้ก็”
“อ่ะแฮ่ม!! อย่ามองนานกุหวง” ภาคว่าเสียงโหดขึ้นมานิดนึง ... มองพี่ต้นตอบตาเขม็ง ทำเอาพี่ต้นหัวเราะกร๊าก
“เชี่ย...กุไม่ได้ชอบแบบนั้น ขี้หึงว่ะแม่ง... น้องแพนครับมาเป็นน้องชายพี่มั้ย? เห็นเราแล้วนึกถึงน้องชายพี่เลย
ถ้าแม่มาเห็นเราน่ะ แม่พี่คงดีใจมากๆ” พี่ต้นพูดยิ้มๆ ดวงตาดูเศร้าลงมานิดนึง
“อ้าว!! พี่ต้นมีน้องด้วยเหรอครับ ว่าแต่อยู่ที่ไหนอ่ะ แพนไม่เคยเห็นเลย? ” ผมถามด้วยความสงสัย
“น้องพี่เสียตั้งแต่พี่อยู่ป.6 อ่ะ ห่างจากพี่ปีเดียวเหมือนเรานี่แหล่ะ นิสัยคลายๆ กันเลย” พี่ต้นว่าเสียงเศร้าได้อีก แม้จะมี
รอยยิ้มอยู่ที่มุมปาก
“เอ่อ ~ แพนขอโทษนะครับ ไม่รู้มาก่อนเลย แต่ถ้าพี่ต้นอยากมีน้องซนๆ แบบแพนหล่ะก็ยินดีครับ คุณพี่ชาย” ผมยิ้มกว้าง
พี่ต้นก็ยิ้มตอบ อย่างยินดี
“เอ่อ... พี่ขอกอดทีได้มั้ยครับ?” พี่ต้นหันมาขออนุญาต ผมหันไปมองถามภาคก่อน
“อ่ะ แฮ่ม...” ภาคกระแอมเสียงดัง ก่อนจะพยักหน้าน้อยๆ ผมลุกขึ้นเดินไปหาพี่ต้น พี่เค้ากอดผมในร้านเลยครับ
“กลับมาซะทีนะ.....น้องชายพี่” พี่ต้นว่าเสียงแหบแห้งเหมือนคนร้องไห้ ก่อนจะคลายกอดออก จากนั้นบรรยากกาศ
ก็เต็มไปด้วยความซาบซึ้ง พี่ต้นเล่าเรื่องต้ามให้ฟัง ว่าชอบทำปากย่นๆ ยื่นๆ แก้มขาวๆ พองเหมือนผม ที่สำคัญชอบ
ขู่ฟ่อๆ เหมือนแมว ทำตาดุ ทั้งที่ไร้พิษสง ตากลมแป๋ว ดูไร้เดียงสา น่าทนุถนอม สรุปว่านี่..... คือบุคลิกผมงั้นเหรอ
.
.
.
เมื่อนั้นผมได้พี่ชายเพิ่มมาหนึ่งคน พร้อมกับแฟนขี้หึงมากกกกกกก อีกหนึ่งคนแม้จะอนุญาตให้อีกฝ่ายกอดได้หนึ่งครั้ง
ที่เหลือก็กันมือกันไม้ ของพี่ต้นที่ยื่นมาด้วยความคิดถึงน้องชายตัวเอง ฮ่าๆ เกิดเป็นสงครามย่อยๆ เลยทีเดียว
ส่วนพี่อ๋อมที่มองมาด้วย เอ่อ...ใบหน้าที่เรียบเฉย มีเพียงยิ้มนิดๆ ที่มุมปาก ส่วนพี่ไม้ที่พยายามสร้างโลกส่วนตัว
ระหว่างตัวเองกับพี่อ๋อม ก็เรียกความสนใจจากพี่อ๋อมได้บ้างบางครั้งบางคราว
เห้อ~ สรุปว่า “อิ่มคร๊าบบบบบบบบบบบบบบบบ”