ต้องขอกราบขออภัยงามๆ นะคะ ลืมจริงๆ พอดีตอนแต่งเรื่องนี้ชีวิตบัดซบมาก กดดันจนลืมไปเลยว่า
แต่งเรื่องนี้ค้างอยู่ เผลอไปแต่งเรื่องใหม่ โฮะๆ ปกติไม่แต่งสองเรื่องพร้อมกันค่ะ
แต่ต่อไปจะพยายามอัพให้บ่อยๆ นะคะ ขออภัยจริงไม่ได้ตั้งใจจะละทิ้งแต่ประการใด

ถือโอกาสแนะนำเรื่องใหม่ด้วยแล้วกันค่ะ .....
รัก....ที่ขาดหาย
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=33937.0กอด~เดินทาง....
“ไปกันได้ยัง?” ภาคถามดันตัวลุกขึ้น พร้อมกับยื่นมือมาตรงหน้าผม
“อืม” ผมพยักหน้ารับ แล้วเอื้อมมือไปจับ ภาคแค่ออกแรงดึงเบาๆ ผมก็ตัวลอยลุกขึ้นมาอย่างง่ายดาย รอยยิ้ม......สดใสเหมือนดวงตะวัน
ผม......จะจดจำไว้ คิดแล้วก็ยิ้มตอบ อยากหล่ออยากเท่ห์เหมือนภาคบ้างจัง ไม่ว่าทำอะไร....ก็มีเสน่ห์ มีแต่คนให้ความสนใจ
เชื่อผมสิ ตอนนี้สาวๆ กว่าครึ่งเรือกำลังมองคนหล่อที่กำลังช่วยดึงน้องตัวเล็กอย่างผมอย่างสนใจ
ไม่ใช่ว่าแค่ภาคดูใจดีหรอก.....แต่คงเป็นเพราะความหล่อมันกระแทกตา ฮ่าๆ ไม่ได้ยอหรอกฮะ เพราะมันเรื่องจริง ภาคกุมมือผมไว้แน่น
พอถึงเรือก็กระโดดข้ามไปก่อน แล้วยื่นมือมารอดึงผมที่กำลังจะข้ามตามไป ผมมองภาคแล้วอมยิ้ม....ยื่นมือไปจับ แล้วกระโดดตามไป
ไม่ว่าที่ไหน......แค่มีภาคอยู่ด้วยก็อบอุ่น จนบางครั้งก็กลัวที่ต้องเสียมันไป แต่ช่างมันเถอะ.....แค่ตอนนี้ผมอยากอยู่กับภาค อยากจดจำทุกๆอย่าง
และอยากให้ภาคจำรอยยิ้มของผมด้วยเช่นกัน ความทรงจำ......ที่มีแค่ผมกับภาคเท่านั้นที่จะได้รับรู้ และร่วมสร้างมันไปด้วยกัน
“นั่งไหนดี? แพนอยากนั่งข้างบนหรือข้างล่างอ่ะ?”
“ข้างบนดีกว่า อยากดูวิวอ่ะ แต่ตอนนี้ง่วงสุดๆ เลยอ่ะภาค ....โอ๊ย” ผมเอามือลูบหัวตัวเองป้อยๆ โดนฝ่ามืออรหันต์ฟาดมาเบาๆ
“หมั่นไส้ว่ะ นอนก็นอนมาตลอดทางแล้วยังจะมาง่วงอะไรอีกอ่ะแพน ภาคนะเมื่อคืนก็นอนดึกแถมนั่งรถมาไม่ได้นอนเลยสักนิดเห๊อะ”
“อ้าวแล้วไมไม่นอนอ่ะ?” ผมถามขึ้นอย่างสงสัย เพราะระยะเวลาเดินทางก็หลายชั่วโมงอยู่แล้วภาคทำไมไม่นอนหล่ะเนี่ย
“ก็เพราะแพนน่ะแหล่ะ”
“อ้าว...แล้วแพนเกี่ยวไรด้วยเนี่ย?”
“ก็แพนน่ะแหล่ะนอนไงไม่รู้อ่ะ หลับซะสนิทเลยซบไหล่ภาคแล้วจะกลิ้งลงพื้นหลายที ภาคเลยต้องกอดไว้ตลอดทางไม่กล้าหลับนะสิ”
“เหรอ... แฮะๆ . ภาคใจดีเน๊าะ” ผมยิ้มเขินๆ เกาหัวตัวเองแก้เขินซะเลยฮ่าๆ ภาคหัวเราะชอบใจก่อนจะโน้มตัวมากระซิบข้างหู
“ใจดี....แล้วชอบป่ะหล่ะ?” พูดเสร็จก็หันมายักคิ้วหลิ่วตาให้ ทำผมขำจนทนไม่ไหว ปกติภาคทำยังงี้ที่ไหนกันหล่ะ ฮ่าๆ
“วุ๊...ถามอะไรเนี่ย ฮ่าๆ ชอบล้อเล่นอยู่เรื่อย” พูดจบผมก็ฉิ่งเดินหนีปีนบันไดขึ้นไปชั้นสองแทน ....ไม่ค่อยมีคนสักเท่าไหร่ ทั้งๆ ที่ข้างล่าง
ผู้คนก็ดูหนาแน่นพอสมควร แต่ข้างบนผู้คนกลับดูโหลงเหลงพิกล ผมเดินไปจับจองม้านั่งด้านหลังสุด ก็เห็นภาคที่เร่งตามมาอย่างกระชั้นชิด
กำลังจะนั่งลงกับกับอี้ไม้ ภาคก็ยื่นมือมาฉุดแขนผมไปซะก่อน ผมเลยต้องหันไปมองด้วยความสงสัย ว่า....จะดึงแขนทำไมอ่ะ
“ไรอ่ะภาค?” ผมเห็นภาคทำหน้ามุ่ย ก็เริ่มงงแล้ว ง่า......งอนเรื่องไรเนี่ย
“แพนยังไม่ตอบภาคเลย” ผมกระพริบตาปริบๆ ด้วยความสงสัย ว่าแต่ถามอะไรเมื่อไหร่กันเนี่ย
“ตอบอะไรอ่ะภาค?” หันไปถาม ขณะที่เราทั้งคู่นั่งลงบนเก้าอี้ไม้
“โห~ ปลาทองได้ใจมากอ่ะแพน ” ภาคว่าแล้วยีหัวผมใหญ่เลย โฮะๆๆ ...ผมเลยเซไปด้วย เพราะเรือก็เริ่มออกจากท่าแล้ว
“ก็ที่ถามว่า......ใจดีแล้วชอบมั้ยหล่ะ?” ภาคโน้มตัวมากระซิบอีกรอบ ผมเลยยิ้มขำ
“โห~ คำตอบนี่จะเอาจริงอ่ะ ” ผมถามยิ้มๆ เห็นภาคพยักหน้าหงึกๆ
“อือ ...ก็จริงดิ”
“ไม่ชอบ” ผมเห็นภาคยิ้มเจื่อนๆ กลับมาให้ผม มือที่กุมมือผมอยู่ข้างหนึ่งบีบมือผมแน่นจนเจ็บ แต่ผมไม่ได้พูดอะไร
“..........” เงียบ ....
“อ๊ะ....ขอโทษ” ภาคหันมามองหน้าผม เหมือนจะรู้ตัวว่าบีบมือผมอยู่ ก็รีบปล่อยมือออก ลอบกลืนน้ำลายลงคอเบาๆ ก่อนจะพยายามยิ้มจืดจาง
มาให้ผมอีกที แล้วหันหลัง..... แกล้งสนใจทะเลแทน เห็นภาคแอบถอนหายใจอยู่หลายรอบแล้ว ผมเลยยื่นมือไปจิ้มไหล่ภาคเบาๆ
“ภาค ....ภาค นี่ๆ หันมาหน่อย”
“หืออ.....มีไรเหรอ” ภาคตอบผมเบาๆ แต่ไม่ได้หันกลับมา
“แพนยังพูดไม่จบ หันมาหน่อยไม่งั้นไม่บอกน่ะ” ผมทุบไหล่ภาคเบาๆ ภาคเลยหันมา สายตาหลุบต่ำมองที่พื้น แอบเห็นตาภาคแดงๆ เหมือน
คนที่ร้องไห้ ฮ่าๆ แต่จะให้ภาคร้องไห้เรื่องอะไรหล่ะ .....ผมแค่แกล้งภาคนี่นา ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลยภาคเอ๊ย ...
“ครับว่าไง?” ภาคเงยหน้าขึ้นมาถามแค่แป๊บเดียวสายตาก็มองลงที่พื้น อาจจะเพื่อหาเศษเหรียญ ฮ่าๆ ผมล้อเล่นครับ แค่หลบสายตาผม
“จะบอกว่าไม่ได้ชอบ.........แต่” ผมทิ้งไว้แค่นั้นก็ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ แล้วกระซิบข้างหูแทน
“รักเลยตะหาก”
“หืมมมมมมม? จริงอ่ะ” ภาคเงยหน้าขึ้นมามองผมอย่างรวดเร็ว ดวงตาทอประกายวับวาว จากที่ทำหน้าเศร้าสลดเมื่อสักครู่
แต่ตอนนี้...ไม่เหลือเค้าเดิมเลยสักนิด เปลี่ยนโหมด...ไวยังกะลิง หูตั้ง ตาวาววับ หางกระดิก เหมือนลูกหมาเวลาดีใจ จนผมอดขำ
กับท่าทางของภาคไม่ได้ .....มือทั้งสองข้างที่เขย่าตัวผมจนโยกคอนไปทั้งตัว ผมหัวเราะหึๆ มองภาพที่น่าจดจำอีกภาพหนึ่ง
“อ๊ะ ...โทษที แพนเจ็บเปล่า?” ผมส่ายหน้าแทนคำตอบ ภาคเลิกเขย่าตัวผมแต่ยังไม่ยอมปล่อย หันมาจ้องตาผมเขม็ง
“ถ้าถามว่าจริงไหม? ตอบได้เลยว่าถ้าเต็มร้อย ก็ได้ล้านเปอร์เซ็น อ่ะ .. ก็ภาคเป็นพี่ชายที่แพนรักที่สุดเลยอ่ะ” ผมยิ้มกว้างตอบภาค
ขณะที่ภาคกำลังลูบผมผมไปมา และก็หยุดชะงักเพียงเท่านั้น หันมายิ้มอ่อนโยน แม้จะไม่ได้เป็นประกายวาววับอย่างเมื่อครู่ แต่ก็ไม่ได้เศร้า
มากอย่างก่อนหน้านั้น เชื่อสิ....ว่าผมก็อยากให้คำตอบมันเป็นมากกว่านั้น ถ้าการที่ผมอยู่ข้างๆ ภาค มันจะทำให้ภาคมีความสุขกว่านี้
“แค่พี่เองเหรอ.... ไม่เป็นไรหรอก แค่แพนรักก็ดีตั้งเท่าไหร่แล้ว” บทสนทนาจบเพียงเท่านั้น ผมทิ้งตัวลงนอนบนเก้าอี้หลายตัวยืดขาเหยียดยาว
ส่วนหัวหนุนตักภาค เลื่อนหมวกลงมาปิดหน้า แล้วหลับตาลง. ภาคลูบหัวผมเบาๆ สบายจนเคลิ้มหลับไป
.
.
“ตุ๊บ.........โอ๊ยยยยยยย” เผลอหลับไปได้แค่สิบนาที ก็กลิ้งตกมานอนบนพื้นเป็นที่เรียบร้อย ภาคปรือตามามองน้อยๆ ก่อนจะยื่นมือมาดึงผม
ไปนั่งข้าง ๆ สีหน้าอ่อนเพลียอย่างเห็นได้ชัด ลูบหัวผมเบา
“เป็นไงเจ็บตรงไหนมั้ยครับ” ภาคเอ่ยถาม ผมส่ายหน้าเบาๆ
“เจ็บก้นนิดหน่อย อ่ะ” ผมทำท่าจะทิ้งตัวลงนอนต่อ ภาคก็รั้งไว้ไม่ให้นอนตามเดิม ลุกขึ้นจูงมือผมไปยังโซนหัวเรือ ที่มีห้องคล้ายห้องเครื่อง
ภาควางสัมภาระลง พร้อมกับทิ้งตัวลงนั่งที่พื้นเรือหันหลังพิงผนังห้องเครื่องที่ว่า แล้วเอามือตบพื้นแปะ ๆ ตรงหว่างขา
“หืมม?” ผมจ้องมองภาคเป็นคำถาม
“นั่งตรงนี้ นั่งตรงนั้นเดี๋ยวหลับล้มกลิ้งหัวกระแทกพื้นอีก มานั่งตรงนี้ พิงอกภาคนี่แหล่ะดีแล้วจะได้ไม่ล้ม เร็วๆ อย่าเรื่องมานะแพน” ภาคว่า
พรางตบมือ แปะๆ ที่เดิม เร่งให้ผมทำตามคำสั่ง ผมหน้างอเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ยอมทำตาม ทิ้งตัวลงนั่งตรงหว่างขา พิงหลังกับอกภาค
ภาคชันเข่าขึ้น แล้วเอื้อมมือมาโอบกอดเข่าตัวเองคล้ายๆ ล้อมเป็นคอกกั้นสำหรับผม ผมหันหน้าเข้าหาคอภาค ได้กลิ่นหอมๆ ลอยเอื่อยๆ
กลิ่นน้ำหอม.....อ่อนๆ ที่ภาคชอบใช้มันเสมอ ไม่รู้แต่ตั้งเมื่อไหร่....รู้อีกทีมันก็กลายเป็นกลิ่นประจำตัวภาคซะแล้ว และผมก็ชอบ ชอบมากๆ
มันทำให้ผมรู้สึกอบอุ่น รู้สึกถึงความอ่อนโยน และปลอดภัย เพราะมีคนๆ นี้อยู่ใกล้ ค่อยๆ หลับตาลงไปแล้วจมดิ่งสู่นิทรา