:oni2:มาแล้วๆๆๆๆๆ อ่านต่อกันเล้ยยยยยยยยย
..........................
ตอนที่ 12 เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด
“สวยบ้านมรึงดิไอ้ขลุ่ย แล้วนี่มรึงมาได้ไงวะ จะมาทำไมไม่บอกกันก่อน สาดดด แล้วมาแกล้งแย่งกุซื้อเครปนี่สนุกมากนะมรึง”
ไอ้ขลุ่ยไม่ตอบแต่หันไปสั่งเครปให้ผม มันยังจำได้ว่าผมชอบกินหมูหยองน้ำพริกเผาด้วย แป๊บเดียวเท่านั้นจริงๆครับ แป๊บเดียวเครปร้อนๆก็มาอยู่ในมือผม ก็พี่ร้านเครปเขาคงกลัวว่าผมจะโมโหหิวพาลพังร้านแกเลยรีบทำให้มือเป็นระวิงแถมยังทำอันใหญ่บะเฮิ่มกว่าปกติ เครปแบบโคตรพ่อโคตรแม่เครปของผมเลยดูมีอภิสิทธิ์เหนือคนอื่นโข
ได้เครปแล้วพวกผมทั้งหมดเลยยกโขยงกันกลับโต๊ะ บรรดาไทยมุงแถวนั้นก็เลยตีหน้าเซ็งสลายตัวกลับเมื่อเห็นว่าไม่มีคดีเด็ดเกิดขึ้นอย่างที่ลุ้นกันอยู่
ผมเล็มเครปอย่างเอร็ดอร่อย ตอนนี้ได้แว่นกลับคืนมาแล้วเลยเห็นหน้ามันชัดขึ้น สังเกตความเปลี่ยนแปลงของมันได้เยอะจนแทบไม่เหลือเค้าของไอ้ขลุ่ยคนเดิม ผมถามไอ้เพื่อนซี้สมัยเรียนมัธยมอย่างตื่นเต้นไปเกือบสิบคำถาม แต่มันกลับตอบสั้นๆ ตามสไตล์คนพูดน้อย
“พอดีกุได้หยุดยาวเลยโทรหาไอ้โก้แล้วแอบหนีกลับมาเยี่ยมพวกมรึงไง”
ไอ้ขลุ่ยยิ้มๆ ไอ้นี่มันเด็กนอกครับ พอจบม.ปลายมันก็บินลัดฟ้าไปเรียนต่อที่เมืองมะกันเพราะแม่มันแต่งงานใหม่กับคนที่นั่นตั้งแต่มันอยู่ม.ต้นแล้ว ผมก็ติดต่อมันทางอีเมล์บ่อยๆแต่ไม่ค่อยได้โทรคุยกันสักเท่าไหร่เพราะมันรู้ว่าผมเป็นคนไม่ชอบคุยโทรศัพท์
“แต่กุจำมรึงไม่ได้เลยนะเนี่ย เจือกใส่ชุดอย่างกับเป็นนักศึกษาที่นี่อีก แล้วทำไมหัวมรึงกลายเป็นสีอย่างนี้ได้วะ ไปอยู่เมืองนอกแค่ไม่กี่ปีนี่กลายพันธุ์แล้วเหรอมรึง หลังอาน กลายเป็นลาบาดอร์ไปแล้ววุ้ย”
“ใครจะอย่างมรึงล่ะ ปากหมาเป็นเอกลักษณ์”
ผมงับเครปเคี้ยวตุ้ยๆอย่างเอร็ดอร่อย ก่อนจะแนะนำเพื่อนๆทั้งหมดให้รู้จักกับไอ้หัวทอง แล้วปล่อยให้พวกมันคุยทำความรู้จักกันไป งานนี้ไอ้ปิ่นคนสวยที่ยังแอ๊บแมน เอ้ย แอ๊บแบ้วก็ยังได้รับความสนใจอีกตามเคย
“ที่อารมณ์ดีนี่เพราะได้กินเครปหรือว่าเป็นเพราะได้เจอแฟนเก่า”
ไอ้(ไส้)เดือนคณะทำเสียงกวนส้นใส่อีกแล้ว ไอ้นี่ก็อารมณ์ขึ้นๆลงๆอย่างกับอยู่ในช่วงวัยทอง
“แฟนเก่าป้อมรึงสิ ขอร้องเลยนะเมียจ๋า อย่าหึงไม่เข้าเรื่องให้มันมากนัก ถ้าที่รักรำคาญขึ้นมาเมื่อไหร่ มรึงจะโดนก้านคอไม่รู้ตัว เอ้า เอาเครปไปแด๊กซะ ปากจะได้ไม่ว่างมาเห่ากุอีก”
กำลังอารมณ์ดีเพราะได้เจอเพื่อนเก่าเลยยิงมุกไปติดๆ แถมเอาเครปที่เหลืออยู่เล็กน้อยยัดเข้าปากไอ้เชนตัดปัญหาปากหมาหาเรื่องของมัน แค่นั้นล่ะครับ ไอ้พวกที่เหลือก็ส่งเสียงโห่ฮาวี้ดวิ้วกันใหญ่
“เครปของพวกมรึงนี่ท่าจะหวานน่าดู ป้อนกันแบบไม่เกรงใจเพื่อนเลยว่ะ”
ไอ้ต่อบังอาจแซวเลยโดนผมเตะหน้าแข้ง น้ำตาเล็ดกันไป จะมีก็แต่ไอ้ขลุ่ยที่ทำหน้าอึ้งๆไปเมื่อเข้าใจว่าผมกับไอ้เชนเป็นแฟนกัน มันหยุดบทสนทนากับไอ้ปิ่นแล้วหันมาจ้องผมสายตามีคำถาม
ไอ้นิคเลยได้โอกาสงาม ไหนๆก็ไม่เจอกันนาน ขอแกล้งมันให้หายคิดถึงหน่อย แล้วก็ถือโอกาสแก้แค้นที่มันแกล้งแซงคิวผมด้วย ฮี่ๆ ไอ้ขลุ่ย
“เห็นคนรักกันไม่ต้องอิจฉาเลยเว้ยไอ้ตี๋ต่อ เออ กุลืมบอกมรึงไปไอ้ขลุ่ย นี่ไอ้เชนเมียกุเอง”
ผมแนะนำหน้าตาย ไม่พูดคำว่าแฟนครับ แต่เจาะจงว่าไอ้เชนมันเป็นเมียผมเลย เพราะถ้าขืนแนะนำแบบไม่ชัดเจน เดี๋ยวไอ้ขลุ่ยมันจะสงสัยคิดจินตนาการไปไกลว่าผมกับไอ้เชนใครเป็นฝ่ายไหน เพราะถึงจะเป็นแค่เรื่องอำกันเล่นๆแต่ยังไงผมก็ไม่ยอมเป็นฝ่ายรับแน่
“โห ร้อนแรงจริงๆพวกมรึงนี่ ประกาศรักไม่เกรงอกเกรงใจคนอื่นบ้าง”
ไอ้ปิงปองรู้แล้วว่าผมแกล้งไอ้ขลุ่ยเลยผสมโรงด้วยอย่างสนุกสนาน สีหน้าไอ้ขลุ่ยมันก็น่าตลกจริงๆครับ ผมกลั้นหัวเราะแทบไม่อยู่ ต้องเสไปป้อนเครปให้ไอ้เชนอีกที ไอ้โย่งนี่ก็รับมุกดีจริงๆจับมือผมตอนที่ป้อนเครปให้แถมทำสายตาหวานเยิ้มหยดย้อยมาให้อีก แหวะ กุเลี่ยนว่ะ
แต่สงสัยมันจะสมจริงไปหน่อยคราวนี้เลยไม่ได้มีแค่ไอ้ขลุ่ยที่มองแล้วอึ้งๆ แต่คนที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกับพวกผมก็พากันหันมามองใหญ่เลยครับ ไอ้เชนมันก็ยังหน้าหนามืออีกข้างโอบเอวผมไว้อีก ผมเลยต้องกระซิบเสียงเข้มให้ได้ยินกันแค่สองคนใส่มัน
“ไม่ต้องสมจริงขนาดนั้นก็ได้ แมร่ง คนมองกันทั้งแคนทีนแล้ว”
“ไม่สมจริง เพื่อนมรึงก็ไม่เชื่อดิ”
ไอ้เชนมันเลยกระซิบตอบ ลมหายใจของมันปะทะเข้าที่แก้มจนผมต้องเบนหน้าหนีเพราะจั๊กจี้
“ก็ไหนไอ้โก้มันบอกว่ามรึงโสด เพิ่งเลิกกับพี่แคลร์อะไรนั่นไง” ไอ้ขลุ่ยถามเสียงอ่อย
“มรึงเป็นแฟนคลับกุรึไง รู้ไปหมดไอ้นี่นิ ก็กุเลิกกับพี่แคลร์แล้วก็มาเป็นแฟนไอ้เชนไง มรึงก็รุ้ว่ากุเสน่ห์แรงขนาดไหน โสดได้ไม่นานหรอกว่ะ 555”
ผมล่ะขำกับสีหน้าของไอ้ขลุ่ยมันตอนนี้จริงๆ มันจะทำหน้าเหวอ ตกใจปนอึ้งๆที่รู้ผมเป็นแฟนกับผู้ชาย แต่มันก็ไม่ได้มีท่าทีรังเกียจอะไร และถ้าผมสังเกตให้ดีก็อาจจะได้เห็นว่าแววตาที่ไอ้ขลุ่ยมันมองแฟน(กำมะลอ)คนล่าสุดของผมนั้น มีอะไรบางอย่างที่ไม่ปกติ
----------------------------------------------
บรรยากาศตึงเครียดเกิดขึ้นเมื่อผมวางสายจากแม่ไอ้ขลุ่ยที่โทรด่วนมาจากอีกซีกโลกด้วยความร้อนใจเพราะเป็นห่วงลูกชายคนเดียว ผมหันไปมองหน้ามันด้วยความโมโหโดยมีไอ้โก้เจือกทำตัวเป็นทนายแก้ต่างให้ไอ้เด็กหนีออกจากบ้าน
“แมร่ง มรึงคิดอะไรอยู่วะ จะหนีออกจากบ้านทั้งทีก็เล่นเอาเขาเดือดร้อนกันข้ามทวีป ตกลงมรึงจะเล่าได้รึยังว่าเกิดอะไรขึ้นถึงได้หนีมาหากุเนี่ย”
“ไอ้คุณนิคมรึงใจเย็นดิวะ” ไอ้ทนายโก้เบรกผมเลยโดนไปหนึ่งดอก
“มรึงหยุดเลยไอ้โก้ไม่ต้องมาออกรับแทนมัน ว่ามาไอ้ขลุ่ย จะพูดเองหรือจะให้กุง้างปาก” ผมเล่นบทโหด
“กุไม่ได้ตั้งใจ กุแค่เบื่อๆแล้วก็คิดถึงไอ้โก้ คิดถึงมรึง”
คำว่าคิดถึงไอ้โก้หลุดออกจากปากได้ง่ายๆแต่กับคำพูดที่ไอ้ขลุ่ยมันบอกว่ามันคิดถึงผมกลับฟังดูแผ่วๆตะกุกตะกักและกระท่อนกระแท่นพิกล
“มรึงคิดถึงพวกกุก็เมล์หาดิ โทรมาก็ได้ หรือถ้าอยากเจอกันจริงๆก็จัดการเรื่องทางโน้นให้เรียบร้อย บอกแม่มรึงก่อนแล้วค่อยมาก็ไม่มีใครว่า นี่มรึงเล่นหายออกจากบ้านไม่บอกใครสักนิด อย่างนี้ แมร่ง อยากรู้จริงๆว่ามีสมองไว้ประดับกะโหลกเล่นๆรึไง”
“กุขอโทษ” ไอ้ขลุ่ยว่าแล้วก็นั่งเงียบ
“คนที่มรึงควรจะขอโทษไม่ใช่กุ แต่เป็นแม่มรึงต่างหาก”
ไอ้ขลุ่ยมันพยักหน้าเบาๆแล้วรับเอาโทรศัพท์จากผม หายไปคุยกับแม่มันประมาณห้านาทีสีหน้าจึงดูดีขึ้นเล็กน้อย
“แม่กุไม่โกรธแล้ว มรึงล่ะ ยังโกรธกุอยู่มั้ย”
“กุไม่ได้โกรธ แค่โมโหที่มรึงทำตัวปัญญาอ่อน เอาเถอะๆไม่เจอกันนาน พอมาเจอกันจะโกรธกันก็ใช่เรื่อง ป่ะๆ ไปหาเหล้าแด๊กรื้อฟื้นความทรงจำวันวานยังหวานอยู่กันหน่อยดีกว่า”
ผมไม่เชื่อว่าแค่ความคิดถึงมันจะถึงขั้นหนีขึ้นเครื่องบินมาหา แต่ในเมื่อไอ้ขลุ่ยมันยังไม่อยากเล่าผมก็ไม่เซ้าซี้ ชวนมันไปหาอะไรทำแก้เครียดเผื่อมันจะยอมเล่าความจริงให้ฟัง ไอ้เพื่อนตัวปัญหาเห็นผมไม่ซักฟอกต่อก็ยิ้มออก มันคว้าตัวผมเข้าไปกอดแล้วหอมแก้มซ้ายขวา เล่นเอาขนหัวลุกขึ้นมาเคารพธงชาติตอนสองทุ่มโดยพร้อมเพรียง
“กุเข้าใจว่ามรึงโกอินเตอร์แล้ว แต่ขอร้องว่าอย่ามากอดจูบกุเป็นฝรั่งอย่างนี้ สยองว่ะ”
“แค่นี้มรึงก็รังเกียจกุเหรอวะ แล้วทีมรึงเป็นแฟนกับไอ้เชนอะไรนั่นล่ะ” ทำเสียงน้อยใจอีก
“เป็นเชี้ยไรของมรึง นั่นมันกรณียกเว้นว้อย 55 5 ไปๆไปหาไรแด๊กกัน”
ผมกับไอ้โก้หัวเราะกันจนปวดท้อง ไม่คิดว่าไอ้ขลุ่ยมันจะซื่อจนเซ่อยังไม่เก็ทมุกอำ ผมเลยอำมันต่อหวังจะสร้างสถิติโลก อำกันข้ามวันข้ามคืน ข้ามเดือนและข้ามปีมันไปเลยถ้าทำได้
และเพื่อฉลองเนื่องในโอกาสที่เพื่อนรักอุตส่าห์บินข้ามน้ำข้ามทะเลมาหา ผมกับไอ้โก้เลยตกลงใจจะพาไอ้เด็กอินเตอร์ไปเปิดหูเปิดในผับดังสุดฮิตกันเสียหน่อย และก็ไม่ลืมชวนไอ้ข้างบ้านและเพื่อนสาขายกโขยงไปด้วยกันเป็นสิบ ดูเผินๆอย่างกับจะไปยกพวกตีกันยังไงอย่างนั้น
“ของมรึง โซดาล้วนใช่มั้ย”
“กินไปเลยไม่ต้องมาบริการ แมร่ง เจือกกะโหลกมาตั้งไกล ไปเลย สาวเสื้อเขียวนั่น เห็นส่งสายตาให้มรึงตั้งแต่เข้ามาแล้ว”
เหล้าผสมโซดาล้วนของผมฝีมือไอ้เด็กนอกส่งมาให้ ผมรับแก้วมาแล้วเสือกไสไล่ส่งให้ไอ้ขลุ่ยออกไปโชว์ว่าฝีมือหม้อสาวของมันสนิมจับรึยัง แต่มันกลับส่ายหน้า ปักหลักนั่งชงเหล้าให้ผมท่าเดียว
“อะไรของมรึง เมาแล้วเหรอวะ”
ผมถามเมื่อมันยกแก้วขึ้นซดรวดเดียวหมดแล้วทำหน้ามึนซบไหล่ผมนิ่ง เขย่ายังไงมันก็ไม่ยอมลุก
เอาเข้าไป อุตส่าห์เสียค่าเครื่องบินเป็นครึ่งแสนเพื่อมานั่งซบกุเนี่ยนะ หันไปดูไอ้พรรคพวกที่มาด้วยกัน แต่ละคนก็โชว์พาวกันใหญ่ ออกสเต็ปกันอย่างกับเรนมาเอง ยิ่งไอ้เชนนี่แล้วใหญ่ เห็นมันเก๊กหน้า เต้นธรรมดาไม่วือหวาเหมือนไอ้แซ็คที่แทบจะอ้าขาหนึ่งร้อยแปดสิบองศาเป็นนักยิมนาสติคผสมบีบอย แต่ไอ้หน้าหล่อ(ไส้)เดือนคณะ ก็ถูกรุมล้อมไปด้วยสาวๆสวยๆ แต่ละคนเซ็กซี่บาดใจนิคทั้งนั้น เห็นแล้วหมั่นไส้ขึ้นมาตะหงิดๆ
“หึงเหรอวะ” ไอ้ขลุ่ยจับหน้าผมให้หันกลับมองหน้ามัน ทำเอาคอผมแทบเคล็ด
“อูย เชี้ยขลุ่ย เล่นเชี้ยไรของมรึง คอกูเคล็ดหมด” นวดคอพร้อมด่ามันไปเล็กน้อย
“นิค กุมีไรจะบอกมรึงว่ะ ไปคุยกันข้างนอกได้มั้ย”
“เออๆ ไรของมรึงนักหนาวะ”
ผมเลยเดินนำไอ้ขลุ่ยออกไปที่ลานจอดรถ พอเห็นว่าปลอดคน ไอ้เด็กนอกหัวแมงวันทองก็เริ่มเรื่องแบบไม่มีอารัมภบทให้ยืดเยื้อเวลาเรตติ้งดีเหมือนละครหลังข่าวช่องหลายสี
“ความจริงที่กลับมาก็เพราะ......ตั้งใจมาหามรึงโดยเฉพาะ กุ..... ขลุ่ย...รักนิคนะ รักมานานแล้วแต่ไม่กล้าบอก”
อึ้งแด๊กครับ ไอ้นิคอึ้งแด๊ก ขลุ่ยรักนิคนะบ้านแด้ดมรึงดิ ปกติก็กุมรึงกันเป็นวิสัยแต่ไหงวันนี้มาบอกขลุ่ยรักนิคเฉยเลย ผมก็ได้แต่ยืนอึ้ง หรือมันเล่นมุกวะ มันเมาแล้วเล่นมุกอำกุกลับแน่ สงสัยมันจะรู้แล้วว่ากุอำมันเรื่องไอ้เชน มันเลยมาแก้มือ
“ป้อมรึงดิ เมาแล้วไม่ต้องมาอำกุกลับเลย เชี้ยนี่เล่นไม่รู้เวล่ำเวลากุกะลังลื่นคอแท้ๆ ป่านนี้ยุงไข่ใส่แก้วหมดแล้ว ไปๆกลับได้แล้ว ห่ะ เรียกออกมานึกว่าอะไรนักหนา”
“กุไม่ได้ล้อเล่น ตอบกุหน่อยว่ากุพอจะมีหวังบ้างมั้ย”
ไอ้ขลุ่ยคว้าข้อมือผมแน่น เฮ้ยๆ ตัวก็เท่ากันไหงตอนนี้มันแรงเยอะวะ สงสัยอยู่เมืองนอกจะกินเนื้อนมไข่ตลอดเลยพลังงานเยอะ แล้วมรึงจะมาจ้องกุตาหวานเชื่อมทำม้าย เฮ้ยๆๆ อย่าบอกนะว่าที่มรึงบอกรักกุนี่เป็นเรื่องจริงไม่อิงนิยาย ตายห่ะ ไอ้เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ นี่มรึงกะจะแทงข้างหลังทะลุถึงหัวใจกุใช่มั้ย
“มรึงใจเย็นๆ แล้วฟังกุนะไอ้ขลุ่ย กุรักมรึงแบบเพื่อนได้เท่านั้น”
“เพราะมรึงรักไอ้เชนมรึงเลยปฏิเสธกุสินะ ทำไมกุไม่บอกมรึงให้เร็วกว่านี้ บางทีถ้าไม่มีมัน
มรึงอาจจะรักกุก็ได้”
ไอ้ขลุ่ยพูดเหมือนเพ้อ ไอ้นิคเลยเสียงเครียด
“นะขลุ่ย เชื่อกุ ไม่มีอะไรจะยั่งยืนเท่ากับความเป็นเพื่อนหรอก ยังไงมรึงก็เป็นเพื่อนรักของกุไม่เคยเปลี่ยน และมันก็จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงด้วย”
ไอ้ขลุ่ยปล่อยมือจากผมอย่างหมดแรง น้ำตามันไหลออกมาเงียบๆทำเอาผมอะไรไม่ถูก กุจะปลอบมันยังไงดีวะ ปกติก็คงกอดมันแล้วแต่นี่กุเพิ่งหักอกมันนะเนี่ย ไอ้นิคหันรีหันขวางทำอะไรไม่ถูก เอาวะ กอดก็กอด ยังไงมันก็เพื่อนผม
“เชี้ยละมรึง ตัวโตเป็นควายร้องไห้เป็นเด็กๆ”
ผมโน้มตัวมันเข้ามากอดแล้วตบบ่ามันเบาๆรับรู้ถึงแรงกอดจากไอ้ขลุ่ยที่กอดผมแน่นขึ้นเรื่อยๆ
“ทำอะไรกันน่ะ”
ไอ้เชนเดินเข้ามาคว้าตัวผมออกจากไอ้ขลุ่ย ตีหน้าถมึงทึงใส่ไอ้เด็กนอกที่ยังตาแดงๆ ไอ้ขลุ่ยทำตาขวางใส่ไอ้เดือนคณะแล้วคว้าตัวผมดึงกลับมาแต่อีกฝ่ายก็ไม่ยอม ยื้อกันไปมาจนแขนไอ้นิคแทบหลุด
“ห่านี่ เอามีดมาตัดแบ่งกุไปคนละครึ่งดีมั้ย ดึงอยู่ได้ เจ็บนะว้อย”
ผมตะคอกใส่พวกมันอย่างเหลืออดแต่ไม่มีใครสนใจ ไอ้เชนยังตีหน้าเครียดทำเสียงเย็นใส่ไอ้ขลุ่ย
“มรึงมายุ่งอะไรกับแฟนกุ”
“ไอ้นิคไม่ใช่แฟนมรึง ไอ้นิคมันของกุ”
ไอ้ขลุ่ยเสียงเข้มใส่บ้าง เอาล่ะสิกุ เรื่องบานปลายเข้าไปทุกที แล้วไอ้สองตัวนี่ก็เป็นบ้าอะไรของมัน กุเป็นผู้ชาย มรึงก็ผู้ชาย จะมาแย่งกันหาสวรรค์วิมานชั้นห่าชั้นเหวอะไรวะ อยากจะบ้าตาย ผมรีบคว้าแขนไอ้เชนไว้เมื่อเห็นมันทำตาขวางเหมือนจะกระโจนเข้าฟัดกับไอ้ขลุ่ย
“ไอ้เชน มรึงบ้าอะไรของมรึง กลับเข้าไปก่อนกุจะเคลียร์กับไอ้ขลุ่ยเอง”
ผมยึดแขนมันไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง ไม่คิดว่าไอ้ขลุ่ยจะเห็นภาพนี้แล้วคลั่ง
“ที่มรึงปฏิเสธกุเพราะมันใช่มั้ย”
“รู้ก็ดีแล้ว มรึงอย่าคิดว่าเป็นเพื่อนนิคแล้วกุจะเกรงใจนะ ยังไงนิคก็เป็นแฟนกุ กุไม่ยกให้ไอ้หน้าไหนทั้งนั้น รู้แล้วก็กลับซะ”
ฮูย กุซาบซึ้งจริงๆ ไอ้เชน มรึงพูดอย่างนี้ก็เท่ากับเอาน้ำมันราดเข้ากองไฟชัดๆ เห็นไอ้ขลุ่ยกำหมัดแน่นถลาเข้าชกไอ้เชน ไอ้นิคถลันจะเข้าไปห้ามแต่ดันไปขวางทางหมัดเข้าเต็มๆเลยได้นับดาว มึนไปหลายวิฯ ไอ้ขลุ่ยหน้าเสียรีบเข้ามาประคอง แต่ผมโกรธมันสองตัว เลยปัดมือมันทิ้ง แต่พอเห็นแววตาเจ็บปวดของเพื่อนรักผมก็รู้สึกผิดขึ้นมา
“พอเถอะขลุ่ย ยังไงกุกับมรึงก็เป็นได้แค่เพื่อน แล้วไอ้เชนกับกุก็ไม่ได้เป็นอะไรกันอย่างที่มรึงคิดหรอก พวกกุแค่อำมรึงเล่นเฉยๆก็แค่นั้น”
“กุไม่เชื่อ มรึงจะปกป้องมันทำไม นี่มรึงเห็นไอ้คนที่เพิ่งรู้จักกันไม่เท่าไหร่สำคัญกว่ากุเหรอ
มรึงกลายเป็นคนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วมรึงก็ไม่ต้องมาโกหกว่าไม่ได้มีอะไรกับมันนะ กุเห็นรูปที่มรึงนอนกับมันแล้ว กุมันโง่เองที่ยอมตัดใจจากมรึงทั้งที่ยังไม่ได้บอกอะไร แต่กุจะไม่ยอมโง่อีกแล้ว”
ว่าแล้วไอ้ขลุ่ยก็คว้าข้อมือผมลากหลุนๆจับยัดเข้าไปในรถ แล้วล็อคประตูแน่นทิ้งให้ไอ้เชนยืนหน้าเครียดโมโหทุบกระจกตึงๆอยู่ข้างนอก เสียงดังจนผมกลัวว่ารถไอ้คินมันจะพังเพราะแรงถึกๆของไอ้เชน
ไอ้ขลุ่ยเร่งเครื่องกระชากออกรถแรงๆ ทำเอาผมหัวคะมำหน้าผากโขกกระจกเสียงโป๊กสนั่น เจ็บจนน้ำตาเล็ด จะอ้าปากด่ามันด้วยความเคยชินแต่ก็ต้องหุบปากฉับเมื่อเห็นอาการคลั่งของเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดเช่นไอ้ขลุ่ย
ผมกำลังกลัวว่ามันจะจับผมเผานั่งยางเพราะเมาจนคลั่ง แต่ก็โล่งอกเมื่อเห็นว่าทางที่มันพารถมาเป็นทางกลับบ้าน ขับไม่นานก็ถึงบ้านเพราะมันเหยียบคันเร่งไปเกือบ 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ผมถอนใจเฮือกใหญ่ เกือบไปเฝ้ายมบาลแล้วกุ
แต่โล่งอกยังไม่ทันไรไอ้ขลุ่ยก็เข้ามาลากตัวผมเข้าบ้าน ลากต่อขึ้นไปที่ห้องแล้วล็อคประตูแน่นหนา นี่มรึงอย่าบอกนะว่าจะเล่นบทจำเลยรักกับกุ ผมตาเหลือก ออกแรงดิ้น แต่ไม่คิดว่าไอ้ขลุ่ยมันจะเล่นแรงขนาดชกเข้าที่ท้องจนผมจุกแอ้กทรุดลงตัวงอกับพื้น
“มรึงนอนกับมันได้ มรึงก็ต้องนอนกับกุได้เหมือนกัน” เสียงมันบอกว่ากำลังเมาปนบ้า
“ไอ้สัด ปล่อยกุ”
ผมตะโกนด่ามัน นี่มรึงทำร้ายกุได้ลงคอเหรอเนี่ย ไอ้เพื่อนเลว คิดแล้วแค้น จุกไม่หายซะที ไอ้นิคที่ลุยมาร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำไม่เคยเสียทีใครต้องมาแพ้ไอ้ขลุ่ยเพราะความประมาทแท้ๆ
“ทำไม มรึงให้ไอ้ห่านั่นได้ ทำไมให้กุไม่ได้ กุรักมรึงมาก่อนมันแท้ๆ”
ไอ้บ้าขลุ่ยมันลากผมขึ้นโยนลงบนเตียงอย่างไม่ปราณีปราศัย ใครก็ได้ช่วยกุด้วย ผมทั้งโกรธทั้งกลัวปนกันมั่วไปหมด เสียงเสื้อยืดผมขาดดังแขว่ก ไอ้ขลุ่ยมันปล้ำถอดออกจนสำเร็จ เชี้ยแล้ว
สงสัยมันจะคิดว่าตัวเองเป็นพระเอกแนวตบจูบแน่ๆ เอาแล้วๆ มือมันมาป้วนเปี้ยนแถวหัวเข็มขัดผมแล้ว พอเริ่มทุเลาจากอาการจุกผมก็อาศัยทีเผลอ ยันโครมเข้าเต็มท้องไอ้เพื่อนหน้ามืดจนมันกระเด็น ผมรีบลุกขึ้นวิ่งจะออกจากห้องแต่โดนไอ้ขลุ่ยกระโจนเข้าแทคตัวล้มโครมลง หัวโขกกับพื้นจนมึนตื้บซ้ำรอยเดิมที่เพิ่งโขกกระจกรถมา คราวนี้ไอ้นิคเลยสิ้นฤทธิ์ของจริง โดนไอ้ขี้เมาคลั่งรักลากขึ้นเตียงอีกครั้ง ใครก็ได้ช่วยกุด้วย พ่อจ๋าแม่จ๋า ช่วยนิคด้วย
“เปิดประตูเดี๋ยวนี้ไอ้ระยำ เปิดประตู”
เสียงไอ้เชนทุบประตูโครมๆสร้างความโกรธให้ไอ้ขลุ่ยมากขึ้นอีก ส่วนผมก็เหมือนได้ยินเสียงสวรรค์ รอดแล้วกุ
“ไอ้เชน ช่วยกุด้วย”
ผมพยายามตะโกนเรียกเลยโดนไอ้ขลุ่ยกัดเข้าที่หัวไหล่จนเลือดซิบ สาดดดด ไอ้ซาดิสต์ ผมโกรธจนตาลาย ทั้งผิดหวังทั้งเสียใจ เสียความรู้สึกที่เพื่อนรักอย่างไอ้ขลุ่ยเปลี่ยนไปได้ถึงขนาดนี้
ไอ้ขลุ่ยไม่สนใจว่าผมจะเป็นยังไง มันปลดเข็มขัดผมออกแล้วพยายามแกะกระดุมกางเกงยีนส์
ผมเห็นชะตากรรมของตัวเองที่จะต้องกลายเป็นเมียไอ้ขลุ่ยก็ตะโกนขอความช่วยเหลือเสียงลั่นอีก ใครก็ได้รีบเข้ามาช่วยกุที กุยังไม่อยากมีสามี
ความชุลมุนวุ่นวายในห้องเกิดขึ้นเมื่อไอ้โก้ใช้กุญแจสำรองเปิดประตูเข้าห้องมาได้ ไอ้เชน ไอ้ปิงปอง กับไอ้เป้ รุมสหบาทายำไอ้ขลุ่ยไม่ยั้งฝีตรีน เมื่อเห็นสภาพของผมที่หัวแตกเพราะล้มโหม่งพื้น ไม่สวมเสื้อ กางเกงยีนส์ก็ถูกปลดกระดุม บนหัวไหล่มีรอยกัดของไอ้ขลุ่ยจนเลือดซิบ
“เป็นยังไงบ้าง เจ็บมากมั้ย เดี๋ยวกุจะพาไปหาหมอนะ”
ไอ้เชนละฝีเท้าจากไอ้ตัวก่อเหตุเข้ามากอดผมไว้แน่น มันลูบหัวลูบไหล่ปลอบผม แต่คนอย่างไอ้นิคสลดได้ไม่นานก็ฟื้นตัวได้ด้วยความรวดเร็ว ผมลุกไปหาไอ้ขลุ่ยที่กลายสภาพเป็นมนุษย์ลาบเลือดไปแล้ว
“ไอ้สัดขลุ่ย มรึงทำงี้ทำไม มรึงจะให้กุเกลียดมรึงเลยใช่มั้ย ไม่ต้องให้เหลือแม้แต่คำว่าเพื่อนเลยใช่มั้ย”
อยากกระทืบมันให้จมดิน แต่เห็นมันโดนยำเละไปแล้วเลยแค่ตะคอกด่าให้หนำใจ ไอ้ขลุ่ยเข้ามาคว้ามือผม แต่โดนไอ้เป้ดึงตัวไว้ไม่ให้เข้าใกล้ไอ้นิคได้
“กุเมามากแล้วเผลอไปมีอะไรกับลูกสาวของเพื่อนแด้ด กุทำเขาท้อง ต้องรับผิดชอบ กุพยายามยอมรับความจริง แต่จู่ๆไอ้โก้มันก็ส่งเมล์มาให้ ในนั้นมีรูปมรึงนอนอยู่กับผู้ชาย กุเห็นแล้วทั้งโกรธทั้งโมโหเพราะมรึงเคยบอกว่าไม่คิดจะชอบผู้ชายด้วยกันทำให้กุต้องตัดใจตามแม่ไปอเมริกาทั้งที่ไม่เคยบอกความรู้สึกกับมรึง แต่พอคิดอีกทีกุก็อดดีใจไม่ได้ กุคิดว่าถ้ากลับมาหามรึง กลับมาบอกว่ากุรู้สึกยังไงกับมรึง บางที....กุอาจจะพอมีหวังบ้าง แต่ที่ไหนได้ กุกลับต้องมาเห็นมรึงอยู่กับไอ้ห่ะนั่น กุทนไม่ได้ กุยอมไม่ได้ กุรักมรึงมาก่อนมันตั้งนานแล้ว มันไม่มีสิทธิ์มาแย่งมรึงไปจากกุ”
ไอ้ขลุ่ยพูดไปร้องไห้ไป
“พอแล้วไอ้ขลุ่ย มรึงพอเสียที กุไม่ใช่ของใครทั้งนั้น เรื่องไอ้เชน กุก็บอกแล้วว่ากุกับมันเป็นเพื่อนกัน แล้วรูปที่มรึงเห็นนั่นน่ะ มรึงโดนไอ้เวงโก้มันอำต่างหาก รูปอุบาทว์ๆที่กุนอนเอาตรีนก่ายคอไอ้เชนก็ยังมีเลย มรึงไม่เชื่อก็ให้ไอ้คนส่งรูปมันพาไปดูก็ได้”
ว่าแล้วผมก็หันไปหาไอ้คนส่งรูปกับไอ้พวกปาปารัซซี่วันนั้นทั้งหมด แต่ละคนก็ได้แต่ทำหน้าแหยๆไม่มีข้อแก้ตัว
“แล้วพวกมรึง กุบอกให้ลบทิ้งทำไมยังไม่ลบ เล่นพิเรนทร์จนได้เรื่อง มรึงก็อีกคนไอ้เชน จะไปยั่วโมโหไอ้ขลุ่ยมันทำไม บอกมันอยุ่ได้ว่ากุเป็นแฟนมรึง มรึงเห็นมั้ยว่าเมาจนขาดสติทำอะไรกับกุเนี่ย ห่าเอ้ย แมร่ง แล้วมรึงนะไอ้ขลุ่ย กุบอกมรึงไว้เลยนะ ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่ว่ากุจะชอบผู้ชายหรือชอบผู้หญิง แต่กุกับมรึงคบกันมานาน กุรักมรึงได้อย่างเพื่อนเท่านั้น ไอ้เวงตะไล เสือกจะข่มขืนกุ มรึงใช้ง่ามสมองส่วนไหนคิด ไอ้เลว เพื่อนกันแท้ๆยังคิดอะไรชั่วๆกับกุได้ลงคอ”
คนอย่างไอ้นิคทั้งที่เกือบโดนข่มขืนยังไม่คิดจะร้องไห้ตอนนี้กลับน้ำตาไหลเพราะความเสียใจ ผมใช้หลังมือปาดน้ำตา ไม่มีเสียงสะอื้น ไม่ได้เบะปากร้องไห้โฮๆ แต่น้ำตาไหลออกมาเอง แถมยังไหลเป็นท่อประปาแตกไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
“แมร่ง เสียดายเวลา กว่าจะเป็นเพื่อนกัน กว่ากุกับมรึงจะสนิทกันได้ขนาดนี้ แต่ทำไมมรึงโง่ถึงขั้นทำกับกุอย่างนี้วะ เชี้ยเอ้ย เจ็บใจ”
ไอ้ขลุ่ยร้องไห้ฮือๆยิ่งร้องหนักเข้าไปอีก เมื่อผมทรุดตัวเข้าไปกอดมันไว้แล้วตบไหล่เบาๆเหมือนจะบอกว่าผมไม่ได้โกรธมันแล้ว
“พอแล้วนะขลุ่ย พอเถอะ ยังไงมรึงก็เป็นเพื่อนกุเสมอ เรื่องวันนี้กุจะถือว่ามรึงทำไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ”
“กุขอโทษนิค กุขอโทษ กุมันบ้า กุเลว กุขอโทษ”
ไอ้ขลุ่ยกอดผมแน่นพร่ำขอโทษร้องไห้เสียงดังไม่อายใคร ผมสงสารมันแต่ก็จำต้องผละออกเพราะโดนไอ้เชนดึงตัวออกมา สายตาของไอ้หน้าหล่อยังบอกว่าไม่ไว้ใจไอ้ขลุ่ย
“มรึงรีบไปเก็บข้าวของอีกเดี๋ยวพวกกุจะพาไปส่งสนามบิน ยังไงมะรืนนี้มรึงก็จะกลับแล้วจะเลื่อนมาเป็นวันนี้ก็คงไม่เป็นไรใช่มั้ย”
ไอ้ขลุ่ยลุกขึ้นยืน เดินคอตกทำตามคำสั่งของไอ้เชนอย่างไม่มีปากเสียง เพราะเห็นสายตาพร้อมฆ่าคนได้ของอีกฝ่าย แต่ก่อนจะออกจากห้องไปมันก็หันมามองหน้าผมด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์ จนไอ้โย่งเดือนคณะต้องเข้ามายืนบังไว้ ไอ้ห่ะนี่ก็ยังอาฆาตไอ้ขลุ่ยมันไม่เลิก ผมยิ้มชืดๆให้เพื่อนรักที่เพิ่งหักเหลี่ยมโหดกันไปเมื่อครู่ ไอ้ขลุ่ยมันออกจากห้องไปแล้วพร้อมกับผู้คุมเป็นไอ้โก้กับพวกข้างบ้าน ผมเลยเดินไปคุ้ยๆตู้หาเสื้อมาใส่ หันไปมองสภาพห้องของตัวที่ระเนระนาดเพราะฝีมือไอ้เพื่อนคลั่งรักด้วยความเซ็ง นี่กุควรจะภูมิใจกับความเสน่ห์แรงของตัวเองถึงขั้นมีผู้ชายด้วยกันมาคลั่งไคล้ถึงขนาดจะปล้ำดีหรือเปล่าวะเนี่ย
“คืนนี้ไปนอนกับกุก่อน แล้วพรุ่งนี้ค่อยมาเก็บกวาด”
ไอ้เชนคงรู้ว่าผมกำลังปวดหัวกับสภาพห้องของตัวเองเลยออกคำสั่ง แต่ถึงไอ้หน้าหล่อมันจะไม่บอก ยังไงคืนนี้ผมก็ต้องย้ายไปนอนที่อื่นเป็นการชั่วคราวอยู่ดี เพราะเหตุการณ์เฉียดเสียตัวยังเพิ่งผ่านมาสดๆร้อนๆ จะให้ข่มตานอนหลับในสถานที่เกิดเหตุก็ยังแหยงๆอยู่
.....................................
ฉบับรีไรท์