ขออนุญาติลงต่อให้นะ

........................................................
ตอนที่ 5 ข้าวไข่เจียว
ยามรักน้ำต้มผักก็ว่าหวาน ช่วงก่อนหน้านี้ผมลืมเพื่อนลืมฝูงไปเสียสนิทเพราะมัวแต่ติดแฟนครับ วันนี้เลยเริ่มสำนึกได้ว่าตัวเองเป็นแฟนที่ดีของพี่แคลร์ แต่กลับเป็นเพื่อนที่เลวของพวกไอ้โก้มัน เลยว่าจะเพลาๆเรื่องแฟน เข้าคณะไปให้เพื่อนเห็นหน้าค่าตากันหน่อย ว่าแล้วเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ตามด้วยเสียงไอ้โก้มันโทรมาโอดครวญเรื่องที่ผมกลับบ้านใกล้เช้าทุกวัน มันบอกว่าไม่ได้เห็นหน้าเพื่อนเลวอย่างผมเป็นเดือนๆแล้ว ไอ้นี่ก็เว่อร์ซะ
“เห็นแฟนดีกว่าเพื่อนอย่างนี้ ทำไมมรึงไม่ขนข้าวขนของย้ายสำมะโนไปอยู่กับพี่เขาเลยวะ”
ฝีปากไม่ถึงแต่อยากกวนตรีนครับ ผมหมั่นไส้ไอ้พวกขาดความอบอุ่นเลยสั่งสอนให้มันรู้ซึ้งถึงสัจธรรมทางโลก
“แฟนน่ะเลิกกันไปก็เป็นคนอื่นแล้ว แต่เพื่อนยังไงมันก็เป็นเพื่อน อย่างมรึงนี่ไงไอ้โก้ ตัดไม่ตายขายไม่ขาดอยู่แล้ว จะอยู่ด้วยกันบ่อยๆทำไมให้เบื่อขี้หน้าวะ แล้วนี่มรึงโดนวิกกี้หักอกมารึไงถึงได้โทรหาเนี่ย”
ไม่รู้ผมเดาถูกรึเปล่า แต่ได้ยินไอ้โก้ทำเสียงเหมือนหมาโดนเหยียบหางแล้วสาปแช่งผมมาตามสาย ตอนนี้มันคงจะอยู่ที่คณะของมันอยู่เพราะยังเพิ่งจะบ่ายโมงกว่าๆ ส่วนผมก็มานั่งโต๋เต๋กับเพื่อนๆในสาขาที่ซุ้มต้นลิ้นจี่ มีไอ้ปิ่นเป็นประธานหัวโต๊ะกับไอ้ตะวันนั่งทะเลาะกันอยู่เสียงดังเอะอะ
“เชน ทางนี้ๆ”
นางงามกินเด็กทำท่าจะกินเพื่อนต่างสาขาครับ ไอ้ตะวันมันนินทาไอ้ปิ่นว่าเพื่อนสาวของพวกผมคนนี้มันเล็งไอ้เชนมาตั้งแต่ประกวดดาวเดือนด้วยกันแล้ว แต่ไม่ค่อยมีโอกาสได้เข้าถึงสักเท่าไหร่เพราะไอ้เดือนคณะนี่มันเป็นสมบัติของสาขา เรื่องนี้ผมก็เคยเตือนไอ้ปิ่นมันแล้วแต่มันดันบอกว่า
“สมบัติของคณะต่างหากย่ะ ก็เชนเป็นเดือนคณะ ดังนั้นต้องเป็นสมบัติของคณะด้วยจะมากั๊กไว้ในสาขาตัวเองได้ยังไง ทำอย่างนี้ไม่ถูกต้อง”
ทำเสียงสูง จิกสายตาใส่ นี่ละครับ ดาว (ยั่วโมโห) สาขาเรา ไอ้เชนเลยกลายเป็นสมบัติผลัดกันชมในความคิดของไอ้ปิ่นไป ไอ้สมบัติคณะเดินเก๊กทำเท่เข้ามาพร้อมกับวงบอยแบนด์ของมัน ครบเซ็ทห้าตัวเหมือนเดิม
“ว่าไง ชายนิคได้ข่าวว่าช่วงนี้เดือนสิบสองเหรอมรึง ติดสาวจนไม่เห็นหน้าค่าตา”
ไอ้บูมมันกลายเป็นข้างบ้านที่ซี้กันแล้วกับผมครับเข้าทำนองไม่มี มิตรแท้ ศัตรูถาวร ความจริงนิสัยมันก็โอเคแต่ชอบกวนส้นบ่อยๆคู่กับไอ้แซ็ค ไอ้สองตัวนี่อยู่ด้วยกันแล้วผมเวียนหัว จากคุณชายนิคมันก็แกล้งเรียกสั้นๆว่าชายนิค ฟังดูเหมือนชายน้อยของพี่พจมานยังไงชอบกล แต่ช่างเถอะ ชื่อนั้นสำคัญไฉน
“เป็ดบ้านมรึงหมดรึเปล่า” มันทำหน้างงกับสัตว์ปีกที่ผมถามถึง
“ก็น้ำยาล้างส้วมเป็ดโปรขวดม่วงสูตรขจัดคราบฝังลึกไง ช่วงนี้คงไม่ค่อยได้ใช้บ้วนปากล่ะสิมรึง”
ไอ้บูมไม่โกรธแต่กลับฮาครืนครับ ไอ้นี่เส้นตื้นจริงนะมรึง ผมกับไอ้บูมบอยแบนด์ฟาดฝีปากกันพอเป็นน้ำจิ้ม ไอ้ปิ่นก็กระสันออกอาการอยากชมสมบัติคณะ ทำเสียงหวานใส่
“เชน นั่งก่อนสิ”
ไอ้นี่ก็เชื่อฟังเขาจริง มันเดินหน้าเก๊กอ้อมโต๊ะเข้ามานั่งกับพวกผมตามคำเชิญของไอ้ปิ่น แต่ดันเจือกกะโหลกมาเบียดนั่งกับผมทั้งที่ม้านั่งตัวอื่นก็ยังมีที่ว่างถมเถ โดยเฉพาะข้างๆไอ้ปิ่น ไอ้นี่ท่าจะโง่ ผู้หญิงเขาแสดงออกชัดๆอย่างนั้นแท้ๆ
“วันนี้ทำไมโผล่มาได้ เลิกกันแล้วเหรอมรึง” อ้าว พูดอย่างนี้หาเรื่องปากแตกนี่หว่า
“เชี้ยละ เอาเป็ดล้างปากด้วยอีกคนเลยนะมรึง กุยังดีมีแฟนเป็นตัวเป็นตน ใครจะเชี้ยอย่างมรึง เห็นควงแต่ละวันไม่ซ้ำหน้า คลำๆไม่มีหางเป็นใช้ได้ แล้วไอ้โก้เมื่อไหร่จะมาเนี่ย อยู่แถวนี้นานๆแล้วเซ็ง แมร่ง กวนตรีนว่ะ”
ผมด่าไอ้เชนยืดยาว แต่พูดถึงไอ้โก้ ไอ้โก้ก็มา มาแบบไม่ทันตั้งตัว กระโดดเข้ากอดคอผมจากทางด้านหลังสุดแรงทำท่าดีใจเหมือนหมาเจอเจ้าของ รัดคอจนหลอดลมเกือบแตก ตัวมันเล็กกว่าผมแต่แรงเยอะไม่ใช่เล่น
“ฮีทมาจากไหนของมรึง กุหายใจไม่ออกเว้ย”
“ไอ้คุณนิค กุรักมรึงงงงงง”
มาถึงก็บอกรักซะงั้น ไม่ใช่แค่ผมที่ทำหน้างงกับอารมณ์รักกำเริบของไอ้โก้ งงมันทั้งโต๊ะครับ
“นี่มรึงอย่าบอกว่ามรึงแอบมีใจให้กุเกินเพื่อนนะ เชี้ยโก้”
ผมทำเสียงหล่อ สบตามันปิ๊งๆแล้วจับหน้ามันทำท่าจะจูบสักฟอดจนมันต้องกระโจนหนี 555
“อย่าเอาหน้างามๆของมรึงมาทำกุเขว ที่กุบอกว่ารักมรึงนี่กุแค่ซึ้งใจที่มรึงให้เกียรติน้องวิกกี้ไม่แตะต้องเขาให้อัปมงคลจากตัวมรึงติดน้องเขาไป ไอ้เป้มันบอกเรื่องที่มรึงเลิกกับน้องกี้เพราะกุ กุเพิ่งรู้เลยซาบซึ้ง ขอโทษที่ว่ามรึงเห็นแฟนดีกว่าเพื่อนว่ะ”
“กุก็เก็บน้องกี้ไว้ให้มรึงไง แล้วเป็นไงบ้างวะ” ถามมีเลศนัย
“เชี้ยนิค กุมันหนุ่มใสซื่อไม่ได้เชี่ยวกรากเอ๊กซ์เปิร์ทอย่างมรึง นี่น้องกี้เขาเพิ่งรับรักกุเว้ย ในที่สุดรักข้างเดียวอันยาวนานของกุก็สิ้นสุดลง กุรักมรึงไอ้คุณชายนิคคคคค”
มันเดาะภาษาปะกิตใส่ตามประสาพวกเศรษฐ์ศาสตร์ที่หัวไบรท์วิชาภาษาอังกฤษ ต่างจากวิดวะอย่างผม ไม่พอยังเล่นบทโศกเพื่อนกุรักมรึงว่ะสะเทือนอารมณ์ (เลี่ยน) คนทั้งโต๊ะ ถึงไอ้โก้มันจะเรียนคณะอื่นแต่เพราะมันเป็นคู่หูของผม มันเลยคุ้นเคยกับเพื่อนๆสาขาของผมไปด้วยไม่น้อย
โม้กันอยู่นาน โดยมีไอ้พวกข้างบ้านทำเนียนนั่งปะปนกับพวกผม จนเหมือนอยู่สาขาเดียวกันไปแล้ว ไอ้ปิ่นนั้นดูมีความสุขที่สุดแล้วครับ เพราะได้นั่งสบตาปิ้งปั้งกับสมบัติคณะ โดยเฉพาะตอนที่ไอ้ปิ่นมันโดนสายตาอิจฉาปนหมั่นไส้โทษฐานที่มันเป็นผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มหนุ่มหล่อ จากพวกสาวๆสาขาอื่น หรือแม้แต่สาวๆต่างคณะที่เดินผ่านซุ้มไปมาแถวนั้นมองมาอีก มันยิ้มแสยะสะใจให้ผมสยองเล่นๆ ผู้หญิงนี่เป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวกว่าที่คิดครับ
“ไอ้คุณนิค วันนี้ไปกินเหล้าบ้านกุมั้ย”
จากไอ้โก้ก็เปลี่ยนเป็นไอ้บูมเหนี่ยวคอผมไปใกล้ๆ ไอ้พวกนี้มันอะไรกับคอกุนักหนา เกี่ยวไปเกี่ยวมาอยู่ได้ เดี๋ยวก็ส่งไปเกี่ยวกระสอบข้าวในโรงสีหรอกมรึง ผมกำลังจะอ้าปากด่าไอ้บูม แต่ไอ้เชนแกะมือเพื่อนมันออกจากคอผมเสียก่อน เออแฮะ เพิ่งเห็นมันเก๊กอย่างมีคุณค่าก็วันนี้แหละ ว่าแต่เมื่อกี้ผมเพิ่งด่ามันไปแหม็บๆ แต่ไหงตอนนี้มาช่วยผม งงกับมันนิดหน่อย
“อย่าไปเกาะมันมากไอ้บูม เดี๋ยวเชื้อบ้ามันมาติดมรึงเข้ากุขี้เกียจพาไปฉีดยา”
หลงคิดว่ามันเป็นคนดี พอมันพูดถึงเชื้อบ้า เชื้อบ้าผมก็กำเริบทันที ขอหน่อยเถอะกุ โดนคนอื่นคว้าคอไปมาอยู่สองรอบแล้ว ขอกุหน่อยเถอะ เสียงเพื่อนนักศึกษาคณะวิศวะฯของผมร้องเฮ้ยประสานเสียงลั่นเมื่อไอ้คุณนิคสวมวิญญาณนักมวยปล้ำกระโดดเข้าเฮดล็อคไอ้เดือนคณะสุดแรง
“ไงละมรึง กุจะรัดให้ต่อมปากหมามรึงฝ่อเลยคอยดู”
เสียงผมขู่ไอ้เชน ปนกับเสียงของเพื่อนๆที่กรูกันเข้ามาห้ามดังเซ็งแซ่ แต่คงเป็นเดชะบุญของไอ้หน้าหล่อมัน โทรศัพท์ผมดังขึ้นด้วยเพลงที่ตั้งไว้สำหรับพี่แคลร์โดยเฉพาะ หมาบ้านิคเลยต้องจำใจหยุดมือ แล้วกดรับโทรศัพท์
พอวางสายจากที่รัก ไอ้บูมก็พยายามเบนความสนใจผมด้วยการชวนไปสังสรรค์
“แล้วเนื่องในโอกาสไรวะ วันนี้วันอังคารนะมรึง” ผมยังยึดหลักปฏิบัติตามกฎ 3 ข้อครับ
“วันเกิด เกิดอยากจะกินน่ะ มรึงถามมากนี่จะไปไม่ไป” ทำมีน้ำโหครับไอ้คุณบูม
“ถ้ามรึงเลี้ยงกุก็ไป”
แค่นั้นล่ะครับ ทั้งโต๊ะก็พากันรุมประณามไอ้บูมโทษฐานที่ชวนแต่ผมคนเดียวจนมันต้องออกปากชวนเพื่อนทั้งโต๊ะไปด้วยเพื่อป้องกันสามัคคีบาทา วันนี้เลยมีลาภปากอีกแล้วครับท่าน
ดังที่กล่าวไปแล้วข้างต้นว่าเย็นนี้พวกผมมีนัดกันไปถล่มกินฟรีพวกไอ้ข้างบ้านกันครับ มีไอ้พวกบอยแบนด์ห้าตัว ไอ้พวกบ้านผมอีกสี่ เพิ่มไอ้ตะวัน กับไอ้ปิ่นเข้าไปด้วย ทั้งหมดรวมแล้วก็สิบเอ็ดคน สิบเอ็ดที่นั่งอีกแล้วครับ เลขสวยอีกแล้ว แต่ผมกะจะกันเลขที่นั่ง นัมเบอร์ 12 ไว้ให้พี่แคลร์ แต่พอโทรไปหาอีกที เธอกลับติดธุระด่วนต้องไปทำงานกลุ่มกับเพื่อน พอผมบอกว่าไปส่งเธอไม่ได้เพราะจะไปกินเหล้า เธอก็เริ่มทำตัวเป็นแม่คนที่สองทันที ไม่รู้ผู้หญิงเป็นอย่างนี้หมดทุกคนรึเปล่า คบกันใหม่อะไรก็เออออตามผมหมด แต่พอนานวันเข้าก็เริ่มเพิ่มเลเวลการกะเกณฑ์ชีวิตแฟนตัวเองเหมือนที่ผมโดนตอนนี้ แล้วพอถูกขัดใจเข้าหน่อยเอะอะก็ขู่ว่าจะเลิกๆ น้ำต้มผักเริ่มขมแล้วทีนี้ (ไม่ยอมรับว่าตัวเองกลายเป็นแฟนที่เลวครับ ไม่ยอมไปส่งพี่แคลร์แต่หนีไปผิดศีลข้อสุราเมรยะ) แต่ผมก็โอนอ่อนให้โดยรับปากว่าจะไปรับพี่แคลร์ที่หอเพื่อนของเธอตอนห้าทุ่ม
“พี่แคลร์โกรธมรึงเหรอวะ” ไอ้ตะวันทำท่าอยากรู้อยากเห็น เรียกสั้นๆว่า เจือกระยะที่หนึ่ง
“เออดิ”
“โกรธเรื่องไรวะ”
มาแล้วครับ เจือกระยะที่สอง และก่อนที่มันจะลงแดงตายเพราะความอยากรู้อยากเห็นเกินขนาดเข้าเส้นเลือดเดินทางแล่นไปสู่หัวใจแล้วกลายเป็นเจือกระยะสุดท้าย นอนชักดิ้นชักงอลงกับพื้น ผมเลยอธิบายสั้นๆให้ได้ใจความว่า
“ก็กุไม่ไปส่งพี่เขา แต่เจือกไปกินเหล้ากับพวกมรึงแทน พี่แคลร์ก็เลยโกรธ”
“โหย โชคดีที่กุไม่มีแฟน ไม่งั้นคงกระดิกตัวไปไหนไม่ได้” สงสัยจะพยายามพูดปลอบใจตัวเอง
“ช่างเหอะ เดี๋ยวกุไปรับพี่แคลร์กลับพี่แคลร์ก็หายโกรธแล้ว”
ปกติแล้วแฟนคนก่อนๆของผมนี่ถ้าเรื่องมาก ชอบห้ามโน่นห้ามนี่จู้จี้ขี้บ่น ผมก็จะทำตัวชั่วๆประชดแล้วถือโอกาสเลิกกันไปเลยครับ แต่กับพี่แคลร์ผมยอมรับว่าเราเข้ากันได้ดีมากในหลายๆเรื่อง เลยอดเสียดายไม่ได้ ถ้าหากต้องเลิกรากันเพราะเรื่องหยุมหยิมอย่างนี้
ผมกับไอ้ตะวันไปถึงข้างบ้านตอนสองทุ่มกว่าๆเพราะรถไอ้ตะวันดันตายกลางทาง พอโทรหาช่าง
พี่ช่างแกก็ดันหลงทางหาพวกผมไม่เจอ ผมกับไอ้ตะวันเลยต้องหิ้วท้องยืนเฝ้ารถรอพี่ช่างแกเป็นนานสองนาน กว่าแกจะมาเจอแล้วลากรถไอ้ตะวันไปถึงอู่ก็เล่นเอาลุ้นกันจนเหงื่อตก
“หิวว้อย ไอ้แม็คกุหิวววว”
ผมตะโกนเสียงดังเดินเข้ามาในบ้านของพวกไอ้บูม ไอ้พวกนั้นมันก็ตั้งวงกันแล้วครับ แต่คงเพราะกลัวว่าจะต้องออกแรงลากพวกขี้เหล้าเข้าบ้านเหมือนที่ผมเคยลากพวกมันตอนกินกันที่บ้านผม พวกบอยแบนด์เลยเคลียร์พื้นที่แล้วปูเสื่อมันกลางบ้าน ได้อารมณ์ลูกทุ่งไปอีกแบบ
“ไอ้แม็คกุจะกินข้าว”
ในขณะที่ไอ้ตะวันมันเข้าไปหาอะไรในครัวกินเองแต่ผมกลับส่งเสียงเป็นเปรตขอส่วนบุญอยู่กับเชฟแม็คไม่เลิก แต่ไอ้เชฟมันตัดช่องน้อยแต่พอตัว เมาไปแล้วครับ
“เจียวไข่ให้มั้ย”
โอ้ว มาแล้วครับ ว่ากันว่าสถานการณ์สร้างวีรบุรุษ หน้าเก๊กๆ เสียงขรึมๆ มาแล้วคร้าบบบบ ฮีโร่ของไอ้นิค ผมยิ้มกว้างแบบให้ใจไปเต็มร้อยเหมือนไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อน พยักหน้าหงึกหงักแล้วลุกตามไอ้เชนเข้าไปในครัวอย่างว่าง่าย ฝีมือไอ้หน้าหล่อขี้เก๊กดูเชี่ยวชาญไม่แพ้เชฟแม็คของผม ไม่ถึงห้านาที ข้าวไข่เจียวฟูๆร้อนๆหอมฉุย ก็วางอยู่ตรงหน้าให้ได้จ้วงตักเข้าปากอย่างกระหายหิว แต่ผมก็เดาอารมณ์มันไม่ถูกจริงๆนะครับ บทจะกวนมันก็กวนซะจนเอ็นเท้าผมกระตุก บทจะดี มันก็ดีถึงขั้นลงมือเจียวไข่ให้กินอย่างนี้ เอ๊ะ รึว่ามันใส่ยาพิษลงในข้าว รึว่ามันจะทำคุณไสย หรือว่า....ฯลฯ เริ่มคิดฟุ้งซ่านไปไกลเลยเงยหน้าขึ้นมองไอ้เชนอย่างหวาดระแวง
“กุไม่วางยาแล้วลากมรึงไปปล้ำหรอกน่า”
ไอ้เชนยิ้มมีเลศนัยชวนสยอง ปากมรึงว่าไม่ แต่ลูกกะตามรึงนี่ไม่น่าไว้ใจเลยว่ะ ผมเลยทำตาขวางเข้าสู้
“เชี้ย ถึงกุจะกลัวโดนมรึงวางยาจริงแต่ไม่ได้กลัวโดนปล้ำว้อย กุแค่คิดว่าที่มรึงตีหน้าซื่อเจียวไข่ให้กุนี่มรึงแอบใส่สลอดหรือเปล่าก็แค่นั้น กามจริงมรึงไอ้ห่ะเชน แล้วนี่กุยังไม่ได้ชำระความที่มรึงเมาแล้วหื่นกะกุวันนั้นเลยนะว้อย สาด”
ผมกินไปก็ด่ามันไป ไม่ได้สำนึกในบุญคุณข้าวไข่เจียวที่ไอ้เชนมันอุตส่าห์ทำให้ เพราะผมไม่เคยกินชวนป๋วยปีแปะกอ แต่นิยมชมชอบยาแก้ไอตราตะขาบห้าตัวมากกว่า คำพูดแต่ละคำที่หลุดออกจากปากเลยมีแต่บรรดาสิงสาราสัตว์หลากชนิดนานาพันธุ์
“ก็มรึงมันน่าจูบนี่หว่า”
ไอ้เชนยิ้มตาพราวอีกแล้ว เชี้ยละมรึง นี่มันเห็นผมกลายเป็นน้องหนูผู้น่ารัก น่าเอาไปทำมิดีมิร้ายไปตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย ถึงผมจะยอมรับว่าตัวเองหน้าไม่แมนไม่โหด ออกแนวสวยเพราะได้เค้าหน้ามาจากอดีตนางงามจังหวัดอย่างท่านแม่ แต่ผมก็ไม่ได้หน้าหวาน น่ารัก ดูน่ากอดรัดฟัดเหวี่ยงแบบไอ้คินเลยสักนิด และก็ไม่อยากจะคุยว่า ด้วยส่วนสูง 175 เซนฯ ทำให้ไอ้นิคดูโดดเด่นอยู่เสมอ กล้ามเนื้อที่ถึงแม้จะไม่มีไอ้ลอนๆที่เขาเรียกว่าซิคแพ็คอะไรนั่นประดับบนหน้าท้อง แต่หุ่นเท่ๆของผมก็แสนจะฟิตแอนด์เฟิร์ม ทำสาวๆกรี๊ดสลบกันมานักต่อนัก ไม่ได้ผอมตัวบางดูน่าทะนุถนอมเลยสักนิด
“มรึงหุบตูดเลยเชี้ยนี่ ไม่งั้นกุจะให้มรึงจูบตรีนกุเดี๋ยวนี้แหละ แมร่ง หื่นไม่เลือก”