ถามถึงพี่ไต๋ พี่ไต๋ก็มา
It’s Real เดี๋ยวรักเลย
ตอนที่ ๑๙ ระยะทางที่ห่างกัน
โรงพยาบาล
พิมพิกาที่รับหน้าที่เฝ้าไข้พี่ชายในวันนี้เปิดประตูเข้ามาในห้อง สังเกตคนเป็นพี่ที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอ่าน
หนังสือพิมพ์อยู่บนเตียงแล้วแอบยิ้ม ก็ทุกทีที่มีคนเปิดประตูห้องเข้ามาพี่ชายของเธอก็รีบชะเง้อมองใน
ทุกครั้งไปน่ะสิ แต่พอถูกจับได้ก็ทำเป็นเฉไฉไม่รู้ไม่ชี้ รู้หรอกว่ารอใครอยู่
“พักนี้ไม่เห็นผู้กองเขามาเยี่ยมพี่เลยเนอะ ท่าทางเขาจะงานยุ่ง”
น้องสาวแกล้งเปรยขึ้นมา ดินยังเงียบไม่มีปฏิกิริยาตอบรับอย่างเคย นิ่งให้ได้ตลอดนะ
“พี่ดินไม่คิดถึงพี่ผู้กองเขาบ้างเหรอ?”
ดินสะดุดกับคำถามของน้อง ก่อนจะปรับสีหน้ามานิ่งเหมือนเคย แล้วติงคำพูดของน้องสาว
“ถามอะไรแปลกๆ”
“เอ้า! คนมันเคยเจอหน้ากันทุกวัน อยู่ๆเขาก็หายไปไม่บอกไม่กล่าวแบบนี้ ไม่สงสัยบ้างหรือไงว่าเขา
หายไปไหน ไปทำอะไรแบบนี้น่ะ”
“อยากรู้ก็โทรไปถามเขาสิ”
คนเป็นพี่ชายยังตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งไม่เปลี่ยน
“เออ จริงด้วย ในมือถือพิมพ์เมมเบอร์ผู้กองเขาไว้ด้วยนี่”
พิมพิกาแกล้งรับมุก ไปหยิบมือถือของตนเองมาทำท่าจะกดโทรไปถามไตรภพจริงๆ แต่พอสบสายตา
กับพี่ชายเท่านั้นล่ะ ถึงกับสะดุ้งในใจ
“ไปให้เบอร์กันตอนไหน?” ดินถามน้องเสียงเข้มงวด เข้มทั้งน้ำเสียงทั้งสีหน้า
“ก็… แหม~ พี่ชายคะ น้องโตเป็นสาวแล้วนะคะ มันก็ต้องมีหนุ่มมาติดพันกันบ้างแหละเนาะ”
คนเป็นน้องแกล้งเฉไฉ แต่พอเห็นว่าพี่มีสีหน้าจริงจัง เลยต้องหยุดทำทะเล้น ไม่อย่างนั้นอาจจะโดน
เทศนากัณฑ์แปดให้ฟังเอาได้
“อุ้ย! ไม่เห็นต้องทำหน้าดุเลย ก็เผื่อมีเหตุฉุกเฉินอะไรเราจะได้เรียกผู้กองเขาได้ไงคะ มีเบอร์เขาไว้ไม่
เห็นเสียหาย”
ดินหรี่ตามองน้องสาวที่ไหลไปได้เรื่อยๆ คำพูดของน้องนี่ลอกคนๆนั้นมาทุกเม็ดเลย ต้องสอนกันมาแน่ๆ
พิมพิกาที่ถูกพี่ชายส่งสายตาพิฆาตให้เลยเลี่ยงไปเปิดทีวี พอเห็นน้องเปิดทีวีแล้วต่อดูดีวีดี ดินก็แทบ
อยากเอาหมอนปิดหู มาเฝ้าเขานี่ก็เอาแต่หนังเกาหลีมาให้เขาดู ไอ้กับดักรักสะดุดใจนายซู่ซ่าอะไรไม่รู้
เขาอยากดูคุณชายตำระเบิดมากกว่านะ ไอ้ตุ๊ดจี่น่ะ ฮาดี
หลังจากจัดการเปิดหนังเรื่องโปรดเอาไว้พิมพิกาก็เดินเข้ามานั่งที่เก้าอี้ข้างเตียงคนป่วย มองหน้าพี่ชาย
แล้วถามอย่างจริงจัง
“พี่คะ พิมพ์ถามจริงๆนะ”
ดินขมวดคิ้วเล็กๆกับท่าทางของน้อง ก่อนจะนิ่งฟังคำถาม
“พี่ชอบผู้กองไตรภพเขาบ้างไหม?”หมัดขวากลางลำตัวที่พิมพิกาส่งมาทำเอาหนุ่มหน้าเข้มถึงกับสำลักอากาศ มองหน้าน้องสาวเหมือนเห็น
ตัวประหลาด ทำไมถึงพูดเรื่องนี้ได้หน้าตาเฉยขนาดนี้กัน
“ไม่ใช่ว่าพิมพ์จะดูไม่ออกนะ ความสัมพันธ์ระหว่างพี่กับผู้กองน่ะ แค่เห็นสายตาผู้กองเขาก็รู้แล้วว่าคิด
ยังไงกับพี่”
“ไร้สาระน่าพิมพ์ พูดแบบนี้ผู้กองเขาจะเสียหายได้นะ คนเขามีน้ำใจดีเรากลับมองไปเป็นอื่นแบบนี้น่ะ”
ดินเบี่ยงประเด็น แต่พิมพิกาไม่ยอมปล่อยผ่าน ยังดึงพี่ชายกลับเข้ามาสู่ประเด็นร้อนที่ตนเองเป็นผู้เริ่ม
“ไม่ใช่แค่พิมพ์หรอกนะ แม้แต่แม่เองก็ยังรู้เลย”
“แม่บอกเหรอ?”
คาวนี้หนุ่มหน้าเข้มแทบจะเปลี่ยนเป็นหน้าซีดเมื่อน้องเอ่ยถึงมารดา ถ้าแม่ของเขารู้เรื่องนี้เข้าจริงๆ ท่าน
จะรู้สึกอย่างไรกัน
“เปล่า แต่พิมพ์ว่าใครๆเขาก็ดูออกกันทั้งนั้นแหละพี่ หรือว่า…พี่ดูไม่ออก?”
ดินถึงกับนิ่งไปกับคำถามชี้นำของน้อง เขาน่ะยิ่งกว่าดูออกอีก
“ผู้กองเขาก็เป็นคนดีน้า คอยดูแลพี่ตลอดเลย ตอนที่พี่ฟื้นขึ้นมาน่ะ พิมพ์แอบเห็นผู้กองเขาน้ำตาคลอ
ด้วย รู้เลยว่าเขาต้องรู้สึกพิเศษกับพี่แน่ๆ ทั้งยังช่วยเรื่องคดีความอีก จะหาคนดีๆอย่างนี้ได้ที่ไหนกัน พี่
ว่าไหม?”
“เราพูดเหมือนเรื่องนี้มันเป็นเรื่องปรกติธรรมดาอย่างนั้นล่ะ”
“แล้วมันไม่ปรกติตรงไหนล่ะคะ” พิมพิกาถามเหมือนไม่รู้ จนดินต้องเอ่ยเรียกน้องเสียงหนัก
“พิมพ์…”
“พี่ดิน ถ้าพี่จะทำเพื่อตัวเองบ้างมันก็ไม่ผิดหรอกนะ พิมพ์รู้ว่าพี่รักครอบครัว พี่ทำทุกอย่างพี่ก็ต้องนึกถึง
ครอบครัวมาเป็นอันดับแรก เราทุกคนในบ้านรู้ดี พี่อยากให้ทุกคนอยู่กันอย่างมีความสุข พวกเราก็อยาก
ให้พี่มีความสุขเหมือนกันนะ”“พิมพ์ไม่เข้าใจ มัน…”
เมื่อไม่เห็นประโยชน์ที่จะบอกอะไรกับน้องสาว ดินจึงหยุดต่อปากต่อคำ เพราะหากว่ายิ่งพูดเรื่องมันก็ยิ่ง
เข้าตัวเขามากขึ้น ชายหนุ่มถอนหายใจยาว ก่อนจะพับหนังสือพิมพ์ที่ถือค้างอยู่ แล้ววางไว้ที่โต๊ะข้างหัว
เตียง ขยับลงนอนตะแคงหันหลังให้น้องสาว เลิกสนใจน้องแต่เพียงเท่านี้
“น่าสงสารผู้กองเขานะ ทุ่มเททำทุกอย่างเพื่อใครบางคนขนาดนี้ แต่เขาก็ไม่สนใจไยดี เฮ้อ เป็นพิมพ์นะ
คงเลิกรักคนๆนั้นไปแล้วล่ะ” คำพูดลอยลมของน้องสาวยังลอยมากวนอีก
“เพ้อเจ้อ”
ดินตอบกลับสั้นๆ พิมพิกาส่ายหน้ากับความเข้าใจยากของพี่ชาย เมื่อเห็นว่าพี่ไม่สนใจตนเอง
แล้วพิมพิกาจึงลุกไปดูหนังที่ตนเองเปิดเอาไว้ ดินนอนคิดอะไรเพลินๆเสียงโทรศัพท์มือถือของน้องสาว
ก็ดังขึ้น และมันก็ยังดังอยู่อย่างนั้น ดินจึงต้องหันกลับมามองหาน้อง เห็นว่าเจ้าตัวเขาไม่ได้นั่งอยู่ที่เดิม
น่าจะเข้าห้องน้ำ โทรศัพท์เจ้าปัญหานั้นวางอยู่ข้างเตียงเขานี่เอง ดินจึงต้องตะโกนบอกน้องสาว
“พิมพ์ โทรศัพท์”
“พี่ดินรับให้หน่อย”
เสียงของน้องดังมาจากในห้องน้ำ ดินจึงต้องขยับลุกและคว้ามือถือน้องมาดู ก่อนที่จะชะงักกับชื่อบน
หน้าจอ
‘ผู้กองไตรภพ’แต่ไม่รู้ว่าชะงักอีท่าไหนมือถึงได้เผลอไปกดวางสาย พอชื่อที่ปรากฎบนหน้าจอหายวับแล้วถึงเพิ่งรู้ว่า
ตัวเองทำอะไรลงไป
“อ้าว?”
ดินเผลออุทานกับความป้ำเป๋อของตนเอง พิมพิกาออกมาจากห้องน้ำแล้วเดินมาหาพี่ชายที่กำลังนั่ง
งวยงงกับตัวเอง
“ใครโทรมาน่ะพี่ดิน?”
“ไม่รู้สิ พี่เผลอตัดสายไปแล้ว”
ดินบอกปฏิเสธหน้าตาย พิมพิกามองโทรศัพท์ของตนเองก่อนจะกดดูสายที่โทรเข้าเมื่อครู่ ริมฝีปากคน
เป็นน้องเปิดยิ้ม มองหน้าพี่ชายล้อๆ คนเป็นพี่ก็ยังทำเฉย ทั้งที่ในใจมันไม่ได้เฉยอย่างหน้าตาเลยแม้แต่
น้อย
พิมพิกาวางโทรศัพท์ไว้ที่ข้างเตียงพี่เหมือนเดิม ก่อนจะไปหยิบรีโมตมาเปลี่ยนทีวีเป็นช่องปรกติ แล้ว
เอามาให้พี่ชาย ดินลอบมองมือถือของน้องที่ยังเงียบสนิทอยู่ เขาไม่ได้รอนะ แค่… แค่อะไรล่ะ?
“พี่ดิน เดี๋ยวพิมพ์ลงไปรอพ่อข้างล่างนะ น่าจะมาแล้วล่ะ”
เป็นอันรู้กันว่าใกล้เที่ยงลุงสนจะเอาอาหารกลางวันมาให้ลูกทั้งสองคน แม้พิมพิกาจะบอกว่าหาซื้อเอา
ใกล้ๆโรงพยาบาลก็ได้ แต่ป้าพิศก็ยังยืนยันจะทำมาให้ ทั้งสองคนพี่น้องก็เลยแล้วแต่แม่
“อือ”
คำบอกกล่าวของน้องสาวเรียกสติสตังของดินให้กลับมา เมื่อครู่มันลอยไปไหนแล้วน่ะ
“พี่ดิน”
พิมพิกาที่กำลังจะเดินไปที่ประตูหยุดเท้าแล้วหันมาเรียกพี่ชาย
“หือ?”
“โทรศัพท์พิมพ์อ่ะ ใช้ได้นะ พิมพ์ไม่ว่าหรอก”
“อะไรของเราน่ะ” ดินตีหน้าเคร่งกับคำพูดล้อเลียนของน้องสาว
“เปล่าค่า ไปแล้ว”
คนเป็นน้องหัวเราะคิกคักออกจากห้องไป ดินเหลือบมองมือถือที่ยังนิ่งสนิทอีกครั้ง ทำเป็นไม่สนใจมัน
อยู่สักพัก แต่มันก็ยังเงียบอยู่ เดี๋ยวสิเราไม่สนใจมันไม่ใช่หรือ แล้วจะใส่ใจทำไมว่ามันเงียบหรือมันดัง
บ้าชะมัด!
สุดท้ายหนุ่มหน้าเข้มก็หยิบมือถือเครื่องบางของน้องสาวขึ้นมา แล้วนิ่งค้างอยู่อย่างนั้น หัวคิ้วเข้มเริ่ม
ขมวดปมแทบจะเป็นโบว์ และแล้ว… ก็วางมันเอาไว้ที่เดิม
‘จะโทรไปทำไมกันล่ะ มีธุระอะไรอย่างนั้นหรือ? ก็ไม่มีนี่นะ อืม ไม่มีอะไรสักหน่อย’
ดินล้มตัวลงนอนแล้วห่มผ้า หันหลังให้โทรศัพท์มือถือเครื่องนั้น และไม่สนใจมันอีก
+++++++++
หลังจากนั้นอีกไม่กี่วันดินก็ได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลกลับมาพักฟื้นที่บ้านได้ และวันนั้นก็ยัง
ไร้วี่แววของนายตำรวจหนุ่ม โทรศัพท์ของดินมันก็แหลกไปกับอุบัติเหตุไปแล้ว ถ้าจะมีใครโทรหาเขา…
ดินรีบสลัดความคิดแปลกๆออกจากหัว ทำไมพักนี้เขาถึงได้คิดอะไรสับสนวุ่นวายไปหมด หรือเป็น
ผลกระทบมาจากอุบัติเหตุกันนะ
ดินเพิ่งกลับมาที่ไร่รณวีร์ แต่ตาต้าก็ต้องจากไปอีกแล้ว พอจินนี่รู้ว่าพี่ชายคนสนิทจะกลับบ้าน หนูน้อยก็
คอยแต่จะอยู่ติดพี่ไม่ห่างไปไหน เกเรไม่ยอมไปเรียนบัลเล่ที่ต้องเรียนทุกวันหยุดด้วย ก็พี่จะไม่อยู่แล้วนี่
อะไรมันจะสำคัญกว่าการได้อยู่กับพี่ตาต้านานๆล่ะ
หลังทานข้าวเย็นมักเป็นเวลารวมตัวของครอบครัว อยู่พูดคุยกันสักพักก่อนจะขึ้นห้องของแต่ละคน
ตอนนี้น้องจินนี่ดูจะเป็นศูนย์กลางของวงสนทนา เพราะหนูน้อยเปิดฉากออดอ้อนไม่อยากให้พี่ตาต้า
กลับบ้าน
“พี่ตาต้าไม่ไปไม่ได้เหรอคะ พ่อขา ให้พี่ตาต้าอยู่กับเราไม่ได้เหรอคะ?”
เสียงเล็กๆนั้นอ้อนออด นั่งบนตักพี่ชายคนสนิทแล้วกอดซบพี่ ดวงตากลมโตมองคุณพ่อขาอย่างร้องขอ
พรุ่งนี้ตาต้าก็จะกลับกรุงเทพฯแล้ว จินนี่เลยอ้อนมากกว่าปรกติ
“พี่ตาต้าเขากลับบ้านไปเรียนหนังสือนะคะจินนี่ เหมือนจินนี่ไงคะ เดี๋ยวเปิดเทอมจินนี่ก็ไปโรงเรียนแล้วนี่
ใช่ไหม?”
โซลพยายามล่อหลอก จินนี่เอียงคอคิดตามที่คุณพ่อขาพูด แต่ไม่ใช่จะยอมจำนนง่ายๆ
“ถ้างั้น… พี่ตาต้าก็มาเรียนกับจินนี่ก็ได้นี่คะ เราจะได้ไปโรงเรียนด้วยกันไงคะ”
น้องจินนี่ยังเสนอทางออกให้พี่ชายได้เลือก สีหน้าและแววตาคาดหวังกับสิ่งที่เสนอไป ตาต้ายิ้มบางลูบ
ศีรษะน้องแผ่วเบา เขาต้องคิดถึงน้องมากแน่ๆ อยู่ด้วยกันทุกวันขนาดนี้ ผู้ใหญ่ในวงสนทนามองสองพี่
น้องที่กอดกันเงียบๆแล้วพลอยสงสารเด็กน้อยทั้งสอง คุณแม่ของตาต้าจึงเป็นคนเสนอแนวทางอื่นให้
น้องจินนี่
“ถ้าจินนี่คิดถึงพี่ตาต้า จินนี่ก็โทรคุยกันกับพี่ตาต้าก็ได้นี่คะ หรือถ้าพี่ตาต้าปิดเทอมย่าจะพาพี่ตาต้ามา
เยี่ยมดีไหมคะลูก?”
จินนี่ฟังที่ย่านิ้งพูดแล้วเงยหน้ามองพี่ชาย ก่อนจะหันไปมองคุณพ่อ แล้ววกกลับมาหาย่านิ้งอีกครั้ง เอ่ย
ถามย่านิ้งเสียงเบา
“แล้ว… ถ้าจินนี่จะให้คุณพ่อขาพาไปหาพี่ตาต้าได้ไหมคะ?”
คุณย่านิ้งเงียบไปกับคำถามของหนูน้อย เพิ่งจะห้ามคนเป็นพ่อไม่ให้สานสัมพันธ์ใดๆกับตาต้า แต่นี่คน
เป็นลูกกลับอ้อนอยากให้คุณพ่อพาไปหาพี่ตาต้า แล้วแบบนี้คุณย่านิ้งจะทำยังไงล่ะคะจินนี่
“ได้ไหมคะย่านิ้ง?”
เด็กหญิงตัวน้อยยังรอคำตอบ สมกับที่เป็นพี่น้องคนสนิทจริงๆ อ้อนได้เหมือนกันไม่ผิดเพี้ยน คุณย่านิ้ง
ลอบถอนหายใจก่อนจะบอกกับน้องจินนี่น้อยอย่างยอมยกธงขาว ใจอ่อนให้กับสายตาเว้าวอนของเด็ก
น้อยน่ารัก
“ก็ได้ค่ะ จินนี่จะให้คุณพ่อขาพาไปหาพี่ตาต้าก็ได้ค่ะลูก”
“เย้! ถ้างั้นๆ จินนี่จะไปหาพี่ตาต้าที่กรุงเทพนะคะ พี่ตาต้าอยู่กรุงเทพคนเดียวก็ไม่ต้องเหงานะคะ เดี๋ยว
จินนี่จะไปหาน้า~”
จินนี่น้อยออกอาการดีใจมากมาย รีบบอกกับพี่ชายเสียงรัว ตาต้ายิ้มให้น้อง กอดตัวเล็กป้อมนั้นโยกกาย
ไปมา
“ครับผม พี่จะรอนะ”
“ค่า~”
สองพี่น้องกอดกันกลม ผู้ใหญ่ที่นั่งมองแล้วก็ยิ้มเอ็นดู ถึงคุณแม่ของตาต้าหรือคุณย่านิ้งของน้องจินนี่จะ
แอบหนักใจเล็กๆกับสิ่งที่รับปากเด็กหญิงตัวน้อยไป แต่พอเห็นว่ามันทำให้ทั้งเด็กหญิงและลูกชายของ
ตนเองยิ้มได้อย่างมีความสุข เธอก็ได้แต่คิดว่ามันไม่ได้หนักหนาอะไรกับการยอมให้กับเรื่องเล็กน้อย
เท่านี้
ตาต้าเหลือบมองหน้าพี่ที่แอบยิ้ม โซลได้แต่แอบคิดในใจ ความไร้เดียงสาของเด็กก็ช่วยเขาได้
เหมือนกันนะนี่
++++++++++++
ท่าอากาศยานประจำจังหวัดวันเดินทางกลับของตาต้ามาถึง สมาชิกทุกคนในบ้านตามมาส่งกันถึงสนามบิน รวมทั้งพี่ดินกับพี่พิมพ์
แล้วก็พี่ผู้กองไต๋ของตาต้าด้วย อรณีเองก็จะกลับเที่ยวบินเดียวกัน หลังจากให้สามีล่วงหน้าไปก่อนแล้ว
หลายวัน คุณรณวีร์กับคุณน้ำทิพย์ยังจะอยู่ช่วยโซลเคลียร์งานที่ไร่สักพักก่อนจะตามไปเลี้ยงน้องพูห์
หลานชายตัวน้อยที่เมืองกรุง
เมื่อใกล้เวลาเที่ยวบินจะออก ตาต้าจึงร่ำลากับทุกคน จินนี่ที่นั่งเก้าอี้ข้างพี่ยังกอดแขนพี่ไว้ไม่ปล่อย คุณ
รณวีร์จึงเข้ามาอุ้มหลานสาวตัวน้อยออกมา จินนี่เอนศีรษะพิงซบคุณปู่ สีหน้าเหมือนอยากจะร้องไห้
ตาต้าเข้าไปจับมือน้องน้อย
“ถึงกรุงเทพฯแล้ว พี่จะโทรหานะคะ”
เด็กหญิงพยักหน้าเบาๆรับรู้ ตาต้าหอมแก้มน้องก่อนจะผละมา น้ำตาเม็ดโตของเด็กหญิงตัวน้อยก็ร่วง
ผล็อยทั้งสะอื้นฮัก คุณปู่จึงต้องพาออกไปเดินบริเวณรอบๆนั้นให้หนูน้อยหยุดร้องไห้ เดี๋ยวจะพาเอา
พี่ชายคนสนิทร้องตามไปด้วย
“ไม่ลืมอะไรนะ” โซลเข้ามาถามความเรียบร้อยกับน้อง
“หึ!” ตาต้าส่ายหน้า ไม่ได้ตอบเป็นคำพูดเพราะพยายามที่จะไม่ร้องไห้ตามน้องสาวอยู่
“เดินทางปลอดภัยนะลูกตาต้า”
“ขอบคุณครับป้าน้ำ”
ตาต้าไหว้ขอบคุณคุณน้ำทิพย์ บอกขอบคุณทุกคนที่มาส่ง ก่อนจะเดินตามคุณแม่ไปขึ้นเครื่อง โซลมอง
ตามแผ่นหลังน้องไม่ได้ละสายตาไปไหน ก่อนจะทำหน้างง เมื่อน้องหยุดเดินนิ่งอยู่กับที่ หันกลับแล้ววิ่ง
ย้อนกลับมาหาเขาหน้าตาตื่น
“พี่โซล ต้าลืม!”
สีหน้าแตกตื่นของน้องทำให้โซลออกอาการตกใจตามไปด้วย
“หือ ลืมอะไรล่ะ พี่ก็บอกแล้วว่าให้ดูดีๆ แล้วนี่จะทันไหม เครื่องก็จะออก…!”
จุ๊บ!ตาต้าเขย่งปลายเท้าขึ้นจูบพี่เร็วๆ ก่อนผละออกมายิ้มทะเล้น
“ได้ละ”
โซลมองหน้าเด็กดื้ออึ้งๆ มือหนารั้งเอวบางเข้ามาชิดกาย โน้มใบหน้าลงไปกดจูบริมฝีปากอมชมพูหนัก
หน่วง แต่ละคนที่มาส่งต่างเบือนหน้าไปคนละทิศละทาง ยังดีที่จินนี่ไม่ได้อยู่ตรงนี้ด้วย
โซลจูบน้องจนพอใจแล้วจึงผละออกมามองตาใสๆ
“เด็กดื้อ เล่นซนจนหยดสุดท้ายเลยนะ”
ตาต้าอมยิ้ม กอดพี่แล้วบอกคำรักกับอกข้างซ้ายที่ตนเองซบอยู่
“ต้ารักพี่โซล”
“พี่ก็รักตาต้า อีกไม่นานเราจะได้อยู่ด้วยกัน”
“ครับ อีกไม่นาน”
โซลกดจูบหน้าผากเนียนอีกครั้งก่อนจะปล่อยน้องจากอ้อมแขน
“ตาต้า รีบมาเร็วลูก”
คุณแม่ที่ยืนมองสถานการณ์ล่อแหลมเมื่อครู่เอ่ยเรียก เมื่อทางสนามบินประกาศเรียกอีกครั้ง ตาต้าก้าว
ถอยหลังยาวๆโบกมือให้ทุกคนที่มาส่ง
“อย่าลืมคิดถึงต้าบ้างน้า~”
ทางฝั่งคนมาส่งก็โบกมือตอบหนุ่มน้อยที่หันกลับแล้ววิ่งตื๋อไปหาคุณแม่อย่างเร็วไว ก่อนเดินเข้าประตูก็ยัง
โบกมือลาอีกรอบ โซลมองน้องที่เดินเข้าไปด้านในแล้วถอนใจเบาๆ ย้ำกับตนเองเอาไว้ว่า
‘อีกไม่นาน’+++++++++++
ขบวนที่มาส่งตาต้าทยอยออกมาจากอาคารสนามบินเพื่อจะกลับไร่ ไตรภพที่มองหนุ่มหน้าเข้มมาตั้งแต่
เจอกันในสนามบินแล้วเดินตามออกมาติดๆ รั้งแขนคนที่เดินไล่หลังเพื่อนเอาไว้
“ดิน เดี๋ยว…”
ดินชะงักเมื่อข้อมือถูกจับเอาไว้ มองหน้าเจ้าของมือที่จับด้วยใบหน้านิ่งเฉย เมื่อมีโอกาสแล้วไตรภพจึงรีบ
บอก
“ขอโทษนะที่ผมไม่ได้ไปรับคุณออกจากโรงพยาบาลน่ะ พอดีผมติดงานนิดหน่อย”
“ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ครับ”
สีหน้าดินยังไม่เปลี่ยนไปจากเดิมแม้แต่น้อย จนคนบอกใจแป้ว เขาไม่คิดถึงเราบ้างเลยหรือไงนะ
“กลับรถผม” ไตรภพเสนอแกมร้องขอ
“แต่ผมมารถนาย”
ดินตอบกลับเสียงนิ่งดังเคย นายตำรวจหนุ่มมองใบหน้าที่แสนเรียบเฉยของคนตรงหน้าแล้วยกมือยอมแพ้
“ก็ได้ ผมเข้าใจละ”
ไตรภพก้าวถอยหลัง ทิ้งสายตาและสีหน้าเศร้าไว้ก่อนจะหันกลับ กำลังจะผละไป แต่แขนก็ถูกดึงไว้
เสียก่อน หันกลับมามองคนที่ดึงแขนตนเองไว้ เก็บสีหน้าและแววตาเปี่ยมความหวังไว้ให้มิดชิดที่สุด ดิน
นิ่งอยู่อย่างนั้นชั่วครู่ก่อนจะพูด
“รถคุณอยู่ไหน?”+++++++++++
หลังจากที่ทุกคนกลับไร่รณวีร์กันไปแล้ว แต่ดินกลับหายตัว ลุงสนถามลูกสาวก็ได้ความว่าดินไปกับผู้
กองไตรภพ เมื่อเห็นว่ามันมืดค่ำลูกก็ยังไม่ติดต่อมาทั้งที่ก็มีโทรศัพท์ใช้แล้ว ไม่คิดว่าพ่อแม่จะเป็นห่วง
บ้างหรืออย่างไร เกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นมันไว้ใจใครไม่ได้หรอก ลุงสนบ่นให้พิมพิกาได้ยิน หญิงสาว
จึงต้องโทรตามพี่ชายอย่างเร่งด่วน กัณฑ์เทศบทที่หนึ่งเริ่มแล้ว
คนที่รับโทรศัพท์กลับเป็นไตรภพไปเสียได้ พิมพิกามึนเล็กๆก่อนจะถามหาพี่ชาย
“ดินเขาหลับไปแล้วน่ะครับ”
“หลับ?”
พิมพิกาทวนคำงงๆ พี่ชายเธอนี่นะหลับไปแล้ว นี่มันเพิ่งจะสามทุ่มเองนะ ขณะที่คิดอย่างแปลกใจ
ไตรภพก็บอกสำทับมาอีก
“บอกคุณพ่อด้วยว่าไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมพาดินไปส่งเอง อ้อ! บอกโซลด้วยนะครับว่าดิน
ขอลางานพรุ่งนี้หนึ่งวัน”
“เอ่อ… ค่ะ”
พิมพิการับคำงงงันกว่าเดิม เกิดอะไรขึ้น พี่ชายเธอถึงยอมนอนค้างที่บ้านคนอื่น โดยเฉพาะบ้านคุณ
ตำรวจคนนั้น อะไร ยังไงกัน น้องสาวงงแล้วนะพี่ชาย!!?
++++++++++++
ต่อด้านล่างค่ะ