ไม่แน่ใจว่าต้องเตรียมผ้าเช็ดหน้าไหม แต่ก็เป็นอีกเรื่องที่ดราม่าครับ มีอะไรให้ต้องเสียน้ำตาอยู่พอสมควร
---------------------------------------------------------------------
ตอนที่ 9: จุดเริ่มต้นของความสงสัย“มึงสองคนนี่ดูเป็นเพื่อนที่รักกันดีนะ” ปั้นจั่นเอ่ยขึ้นขณะนั่งกินข้าวด้วยกัน ต้นกับสนนั่งด้วยกันฝั่งหนึ่ง นิกกับปั้นจั่นนั่งด้วยกันอีกฝั่งหนึ่งของโต๊ะ
ต้นกับสนยิ้มเล็กน้อย เขาทั้งสองคนได้ยินคำพูดคล้ายๆ กันนี้มานับครั้งไม่ถ้วนตั้งแต่เด็กจนถึงปัจจุบัน
“ถามจริงๆ เถอะ เคยทะเลาะกันบ้างไหมวะ” ปั้นจั่นถามอีก
ต้นกับสนส่ายหน้าแทบจะพร้อมกัน “ถ้าหมายถึงทะเลาะชกต่อยกันน่ะไม่เคย แต่ก็อาจจะมีเคืองๆ กันบ้างนิดหน่อย แต่ก็คุยกันได้ จริงไหมต้น” สนบอกพลางหันไปยิ้มกับต้น ต้นยิ้มตอบ “แล้วพวกมึงทะเลาะกันหรือเปล่า” สนถามบ้าง
“โอย...บ่อยจะตาย ไอ้นี่มันกวนตีน” นิกรีบแย่งบอก ทุกคนหัวเราะชอบใจ
“มึงนั่นแหละกวนตีนยิ่งกว่ากูอีก อย่างเมื่อเช้านี้ก็เหมือนกัน กูบอกให้ช่วยปลุกกูหน่อย แม่งพอตื่นแล้วมันก็ไปก่อนซะงั้น กูเกือบจะไปสาย เกือบโดนรุ่นพี่มันเขกกะบาลเอาแน่ะ” ปั้นจั่นแฉบ้างแล้วพูดต่อว่า “แล้วตอนอยู่ ม.5 นะ มันมีแฟนเว้ย แล้วมันก็หายหัวไปเลยไม่เคยมาดูดำดูดีเพื่อนเล้ย พอโดนแฟนทิ้งถึงได้มาหากู กูอยากล่ะอยากจะกระทืบซ้ำ” ปั้นจั่นว่าเพื่อนพลางหัวเราะ แต่ดูเหมือนต้นกับสนจะไม่ขำด้วยเพราะเคยมีเหตุการณ์คล้ายกันนี้เกิดขึ้นเช่นกัน
“แล้วมึงสองคนเคยมีแฟนเปล่าวะ” ปั้นจั่นหันมาถามต้นกับสนซึ่งต่างก็มองหน้ากันเหมือนไม่รู้ว่าจะตอบยังไง
“ก็มีบ้างแหละ แต่ไม่จริงจังอะไรหรอก สุดท้ายอยู่กับเพื่อนสบายใจกว่า ต้นเป็นเพื่อนที่ดีมากของกูเลยนะเว้ย เพราะฉะนั้นกูบอกไว้ก่อนว่ากูรักเพื่อนคนนี้มาก พวกมึงห้ามมาทำอะไรเพื่อนกูอย่างเด็ดขาด ไม่งั้นแล้วจะหาว่าไม่เตือน มึงเคยได้ยินไหม เพื่อนสน ใครอย่าแตะ คนที่โรงเรียนเก่าเขารู้จักดี” สนเป็นฝ่ายตอบก่อนและพยายามดึงประเด็นอื่นเข้ามาแทน เขาพูดอย่างภูมิใจเสมอเวลาที่บอกว่าต้นเป็นเพื่อนที่ดีของเขาและพูดได้โดยไม่รู้สึกอาย ส่วนเรื่องที่เขาเคยมีแฟนแล้วลืมเพื่อนนั้น แม้ว่าต้นจะไม่เคยต่อว่าอะไรเขาเลย แต่พอนึกถึงเหตุการณ์ตอนนั้นทีไรเขาก็เสียใจทุกครั้ง
“แล้วต้นล่ะ มึงเคยมีแฟนหรือเปล่า” นิกหันมาถามต้น
“ไม่เคย ยังเด็กอยู่นี่หว่า” ต้นบอก เขารู้สึกอึดอัดและไม่ค่อยอยากสนทนาเรื่องนี้เท่าใดนัก
“เฮ้ยอะไรกัน เด็กตรงไหนวะ อายุ 19 นี่ไม่เด็กแล้วนะเว้ย” นิกว่าแล้วก็หัวเราะ
“เฮ้ยเอาอย่างนี้ สมมติว่ามึงมีแฟน แล้วมึงจะลืมเพื่อนเปล่าวะ” ปั้นจั่นถาม เพิ่มความอึดอัดให้ต้นกับสนมากยิ่งขึ้นโดยไม่รู้ตัว เพราะเหมือนเป็นการสะกิดแผลเก่าที่มันหายไปแล้วให้กลับฟื้นขึ้นมาอีก แม้จะไม่ได้ทำให้เจ็บปวดแต่ก็กระอักกระอ่วนใจ
“ตอนนี้ยังไม่มีเว้ย ถามมาก็ตอบไม่ได้หรอก รอให้มีก่อนแล้วค่อยว่ากัน คุยเรื่องอื่นกันบ้างเหอะ ถามแต่เรื่องแฟนอยู่ได้” ต้นรีบช่วยตัดบทเพราะยิ่งคุยเรื่องนี้เขาก็ยิ่งรู้สึกอึดอัด
“อะไรวะ ถามก็ไม่ได้ มีอะไรกับเรื่องแฟนหรือเปล่าเนี่ย” ปั้นจั่นว่า แต่สุดท้ายก็ยอมเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่น
ขณะที่กำลังกินข้าวและคุยกัน ก็มีเสียงเคาะประตูหน้าบ้าน สนเป็นคนอาสาเดินไปเปิดประตูแทนเพื่อนๆ
“สวัสดีจ้ะหนุ่มๆ กำลังกินข้าวกันเหรอ พี่ซื้อขนมมาฝากแน่ะ” พี่พิมพ์ หญิงวัยสามสิบปลายๆ ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านเช่านั่นเอง สนรับของฝากมาพลางกล่าวขอบคุณ
พี่พิมพ์เดินเข้ามาในบ้านแล้วถาม “เป็นไงจ้ะ บ้านอยู่ได้ไหม โอเคไหม”
“โอเคครับ พวกเราชอบมาก อยู่สบายมากๆ เลยครับ” ปั้นจั่นตอบ
“ถ้ามีปัญหาอะไรก็บอกพี่นะ ถ้าใครลืมกุญแจก็โทรไปหาพี่ได้ ไฟดับ น้ำไม่ไหล หลังคารั่ว หรือปัญหาอะไรก็แล้วแต่ โทรบอกพี่ได้เลยตลอด 24 ชั่วโมง”พี่พิมพ์บอก บ้านหลังนี้เป็นบ้านที่พ่อกับแม่เธอสร้างไว้นานแล้ว ทำด้วยไม้ทั้งหลัง พอลูกๆ โตกันหมดก็แยกย้ายกันไปไม่มีใครอยู่ พอพ่อแม่เสีย พี่พิมพ์ก็ซ่อมแซมบ้านหลังนี้ใหม่เพื่อให้คนมาเช่าอยู่ รายได้ที่เกิดขึ้นก็เป็นของพี่พิมพ์ทั้งหมดเพราะพี่น้องคนอื่นๆ ไปอยู่ต่างจังหวัดกันหมดและไม่มีใครอยากได้บ้านหลังนี้แล้ว ตั้งแต่เปิดให้เช่าก็มีคนมาเช่าตลอดเพราะบ้านหลังนี้อยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัย สามารถเดินไปได้เลย
“พี่พิมพ์กินข้าวด้วยกันไหมครับ” ต้นชวน
“ไม่หรอกจ้ะ ตามสบายเลย พี่กินมาแล้ว พี่แวะมาดูแค่นี้แหละ ถ้าไม่มีปัญหาอะไรพี่ก็จะกลับละ บ๊ายบายจ้ะ มีปัญหาอะไรก็โทรหาพี่นะ” พี่พิมพ์บอกแล้วก็เดินออกไป
พอกินข้าวเสร็จ หนุ่มๆ ก็แบ่งเวรกันล้างจานโดยเริ่มจากนิกก่อนแล้วก็จะสลับไปเป็นปั้นจั่น ต้นและสนตามลำดับ ส่วนคนอื่นๆ ที่เหลือก็ช่วยกันเก็บกวาดให้เรียบร้อย เมื่อหมดภาระแล้วจึงแยกย้ายกันไปห้องของตัวเอง
------------------------------------------------
ต้นถอดเสื้อผ้าออกทิ้งใส่ตะกร้าแล้วก็เอาผ้าเช็ดตัวมานุ่ง ยังไม่ทันจะได้เข้าไปอาบน้ำ ก็มีเสียงคนมาเคาะประตู ต้นจึงเดินมาเปิด ภาพที่เห็นทำให้ต้นตกใจเล็กน้อยเพราะสนใส่กางเกงในสีขาวตัวเดียวยืนอยู่หน้าห้องเขา แม้ว่าจะเคยอาบน้ำด้วยกันมาตั้งแต่เด็กๆ แต่พอโตแล้วเขาก็ไม่ค่อยได้เห็นเพื่อนในสภาพแบบนี้เท่าไรนัก
“นายมีแชมพูให้เรายืมไหม เราลืมซื้อน่ะ” สนบอกสาเหตุที่เขาต้องมาในสภาพนี้
“มีสิ รอก่อนนะ นายเข้ามาข้างในก่อนสิ” ต้นบอกแล้วก็เดินเข้าไปในห้องน้ำ หยิบแชมพูและครีมนวดผมสำหรับผู้ชายมาให้เพื่อน
“ทำไมไม่นุ่งผ้าเช็ดตัวมาล่ะ วิ่งออกมาแบบนี้คนอื่นเขาก็ตกใจแย่” ต้นว่าพลางขำ
“ลืมน่ะ แต่จะอายทำไมล่ะมีแต่ผู้ชายด้วยกัน” สนบอกพลางขำไปด้วย เขามองรูปร่างของต้นด้วยความสนใจ ต้นไม่ค่อยเป็นคนที่เปิดเผยรูปร่างของตัวเองมากนัก ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นว่าเพื่อนเขามีรูปร่างที่เปลี่ยนไปจากที่เคยเห็นตอนเด็กๆ มากทีเดียว
“โห นายก็หุ่นดีเหมือนกันนะเนี่ย มีซิคแพ็คด้วย ตัวโตขึ้นเยอะเลย ไหนขอดูไอ้นั่นหน่อยสิว่าโตขึ้นด้วยหรือเปล่า” สนไม่พูดเปล่า แต่เดินเข้ามาแกล้งกระตุกผ้าเช็ดตัวที่ต้นนุ่งอยู่
ต้นดึงไว้พลางห้าม “เฮ้ยไม่เอา”
สนหยุดแล้วต่างคนก็ต่างหัวเราะ “ไปอาบน้ำละ เดี๋ยวเอามาคืนนะ” สนบอกแล้วเดินออกไป แล้วก็หยุดเหมือนนึกอะไรได้ “แล้วนายจะใช้ตอนนี้หรือเปล่า”
“ไม่เป็นไร เราสระตอนเช้าก็ได้ นายเอาไปก่อนเถอะ”
“โอเค เดี๋ยวเราเอามาให้ อ้อ...เดี๋ยวเรามาคุยด้วยนะ อย่าเพิ่งนอนล่ะ” สนกำชับแล้วก็เดินออกจากห้องของต้นไป
อาบน้ำเสร็จแล้ว สนก็มาเคาะประตูห้องเพื่อน เขาใส่ยืดสีขาวบางๆ ไม่มีลายและกางเกงบ๊อกเซอร์ ต้นเดินมาเปิดประตูให้เพื่อน เขาอยู่ในชุดนอนปิจามาสซึ่งสนชอบล้อว่าเหมือนคุณชาย ต่างคนก็ต่างเป็นหนุ่มเต็มตัวกันแล้ว สำหรับสน ด้วยชุดที่เขาใส่ทำให้เขาดูมีเสน่ห์ดึงดูดทางเพศเป็นอย่างยิ่ง ต้นจึงรู้สึกใจคอไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวเมื่อเพื่อนมานั่งคุยใกล้ๆ แต่สักพักก็เริ่มชิน
พอมาถึงสนก็ลงไปนอนเล่นบนเตียงของต้นอย่างคุ้นเคย เขาตบมือลงตรงที่ว่างข้างๆ ตัวเป็นสัญญาณบอกให้ต้นตามมานอนข้างๆ
"อะไรเนี่ย นี่มันห้องนอนใครกันแน่ เราต้องเป็นคนชวนนายไม่ใช่เหรอ" ต้นแซวพลางขำ เขาเดินไปข้างๆ เตียงแล้วก็นั่งลงแทนที่จะนอนลงไป
"ทำไมล่ะ ห้องนายก็เหมือนห้องเรานั่นแหละ ไม่นอนคุยกันเหรอ"
ต้นส่ายหน้า "ยังไม่ง่วง" ต้นบอกพลางขยับขาขึ้นมาไว้บนเตียงอยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน
สนเห็นแบบนั้นก็เลยเลียนแบบบ้าง เขาเขยิบตัวลุกขึ้นมาอยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอนข้างๆ ต้นแล้วก็หันมายิ้มให้ ไม่ได้รู้เลยว่ายิ่งทำแบบนั้นก็ยิ่งทำให้ต้นจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
"นอนตักเราไหม" สนชวน ไม่รู้เหมือนกันว่าทำเขาถึงชวนแบบนั้น เวลาอยู่ลำพังกับต้นแล้วเขารู้สึกอยากดูแลผู้ชายคนนี้ ต้นเป็นเพื่อนที่สนรู้สึกอยากทนุถนอมมากกว่าที่จะเล่นแผลงๆ ด้วย
ต้นเลิกคิ้วด้วยความสงสัย สนไม่รอช้า เขาเอื้อมมือไปจับไหล่ต้นแล้วก็ดึงให้นอนลง ต้นขืนตัวนิดๆ แต่ก็ยอมทำตามในที่สุด
"อยากหลับก็หลับไปเลยนะ ทำตัวตามสบาย ไม่ต้องเกร็งหรอก" สนบอก
"เดี๋ยวนายเมื่อยขาแย่" แม้จะบอกไปอย่างนั้นแต่ต้นก็นอนเหยียดขาอย่างสบายอารมณ์ เขากับสนมักจะใกล้ชิดและสัมผัสเนื้อตัวกันแบบนี้แหละ ไม่ว่าจะกอดคอ กอดตัว จับมือหรือแม้กระทั่งนอนตักแบบนี้
"ไม่เมื่อยหรอก" สนบอกพลางขำเบาๆ "วันนี้มีใครแกล้งอะไรนายหรือเปล่า ถ้ามี...นายต้องบอกเรานะ เดี๋ยวเราไปจัดการให้"
"โธ่...ใครจะกล้ามาแกล้งเรา แค่วันนั้นที่นายแผลงฤทธิ์กับรุ่นพี่ก็ไม่มีใครกล้ามายุ่งกับเราแล้ว" ต้นบอกพลางหัวเราะชอบใจ
อันที่จริงต้นเป็นคนที่มีความเป็นผู้นำสูงเพราะเขาได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าห้องมาตลอด ตั้งแต่เด็กๆ เวลาอยู่กับเพื่อนคนอื่นๆ ต้นจะกลายเป็นอีกคนหนึ่งที่สนต้องแปลกใจ ต้นเป็นผู้นำและจัดการปัญหาต่างๆ ได้เป็นอย่างดี ต้นเหมือนมีอำนาจที่คนอื่นๆ จะต้องฟังและทำตามเขา จะว่าไปแล้วต้นก็เป็นต้นแบบให้สนในหลายๆ ด้าน ทั้งด้านการเรียน การเป็นผู้นำและการช่วยเหลือผู้อื่น แต่พอต้นอยู่กับเขา ต้นก็ยังคงเป็นเด็กชายต้นที่เขาเคยเจอเมื่อ 7-8 ปีก่อน
พอคุยกันจนหนำใจแล้ว สนก็เดินกลับเข้าห้องของเขาไป ในขณะที่เขาออกมาจากห้องต้นนั้น ปั้นจั่นก็บังเอิญเห็นพอดีระหว่างที่ลงมากินน้ำข้างล่างก่อนจะขึ้นไปนอน เขาอดทึ่งไม่ได้ที่สองคนนี้เป็นเพื่อนที่รักกันมาก มากจนดูออกทั้งจากสีหน้าและการกระทำ
------------------------------------------------------------------------------------------------
ตอนเช้า ต้นกับสนก็เดินไปมหาวิทยาลัยด้วยกันพร้อมกับนิกและปั้นจั่น แต่เดินไปเดินมาสุดท้ายก็แยกกันเดินเป็นคู่ๆ เหมือนไม่ได้มาด้วยกันเพราะคุยกันไปมาแล้วต้นกับสนก็ดูเหมือนจะชอบคุยกันเองมากกว่า สนเดินมาส่งต้นที่คณะของต้นเพราะถึงก่อนของเขา จากนั้นสนจึงเดินต่อไปคณะของเขาเอง ชีวิตในช่วงปีแรกของต้นกับสนก็ดำเนินไปเช่นนี้ ในตอนหลังๆ ก็เริ่มสนิทสนมกับนิกและปั้นจั่นมากขึ้น ที่จริงสองคนนี้ก็เป็นเพื่อนที่ดี แต่ปั้นจั่นจะเป็นคนที่พูดตรงและโผงผาง คิดหรือสงสัยอะไรก็จะถามอย่างนั้น ส่วนนิกก็จะออกแนวคล้ายๆ กัน แต่เขาจะไม่พูดโผงผางมากเท่ากับปั้นจั่น แต่โดยรวมแล้วถือว่าเป็นเพื่อนที่ดี ไว้ใจได้
สิ่งหนึ่งที่เพื่อน ใหม่อีกสองคนตระหนักก็คือความมีน้ำใจของต้น ต้นมีน้ำใจกับเพื่อนทุกคน ต้นช่วยเพื่อนทุกคนถ้าเขาช่วยได้ซึ่งต่างกับสนอยู่บ้าง สนเองก็ถือว่าเป็นคนที่มีน้ำใจแต่จะไม่ละเอียดอ่อนและใส่ใจสิ่งเล็กๆ น้อยๆ เท่ากับต้น ความใส่ใจในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ของต้นนี่เองที่เป็นเหตุให้นิกกับปั้นจั่นเริ่มสงสัยอะไรบางอย่าง แม้ว่าดูภายนอกต้นจะเหมือนผู้ชายทั่วไป เรียนวิศวะที่มีแต่ผู้ชายเต็มห้อง ไม่แต่งตัวหรือมีท่าทางที่เหมือนเกย์หรือกะเทยให้เห็น แต่เขาก็ไม่ค่อยสนใจเรื่องผู้หญิงทั้งๆ ที่เขาก็เป็นคนหน้าตาดี ในขณะเดียวกันต้นก็ไม่ได้แสดงท่าทีสนใจผู้ชายเช่นกัน คงมีแต่สนเท่านั้นที่ดูต้นจะสนิทมากกว่าใคร เป็นผู้ชายเพียงคนเดียวที่ต้นอยู่ใกล้แล้วจะมีแววตาแปลกๆ ที่ทำให้นิกกับปั้นจั่นงุนงงสงสัย รวมทั้งยังมีจุดเล็กๆ น้อยๆ บางอย่างที่พอสังเกตได้ซึ่งทำให้ต้นดูแตกต่างจากผู้ชายทั่วไป
------------------------------------------------------------------------------------------------
ความสงสัยของนิกกันปั้นจั่นก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเมื่อได้เห็นความสนิทสนมที่ไม่ธรรมดาระหว่างต้นกับสน เช่นครั้งนี้ เย็นวันอาทิตย์ที่ทุกคนไม่ได้ไปไหน นิก ปั้นจั่น ต้นและสนลงมานั่งดูทีวีด้วยกันหลังจากที่อาบน้ำอาบท่ากันเรียบร้อยแล้ว นิกกับปั้นจั่นเป็นคนที่ชอบดูทีวีเพราะเป็นเด็กในเมืองที่ถูกเลี้ยงมาด้วยทีวี ส่วนต้นกับสนไม่ค่อยชอบดูเท่าไรนักเพราะโตมากับการเล่นตามธรรมชาติ
“ต้นมานั่งนี่” สนเรียกเมื่อเห็นต้นเดินไปนั่งอีกฝั่งของโต๊ะ เขาตบมือลงบนโซฟาที่เขาต้องการให้ต้นมานั่งด้วย
ต้นจึงเดินมานั่งกับสนโดยไม่รู้ว่านิกกับปั้นจั่นคอยสังเกตอยู่ พอมานั่งแล้วต้นกับสนก็ไม่ค่อยได้สนใจทีวีเท่าไรนักแต่คุยกันเองเสียมากกว่า
“เราเพิ่งไปอ่านหนังสือดูลายมือมา” สนบอกพลางยิ้ม
“นายชอบเรื่องพวกนี้ด้วยเหรอ” ต้นถามอย่างสงสัย
“เปล่าหรอก แค่อยากรู้เฉยๆ ว่าเขาดูยังไง เราดูเป็นอย่างหนึ่งแน่ะ นายเอามือมาสิ”
ต้นยื่นมือไปให้เพื่อนแล้วก็ถาม “จริงเหรอ อะไรล่ะ”
สนดึงมือของต้นมาไว้ตรงบริเวณหน้าอกของเขาแล้วก็ตอบพลางขำว่า “เนื้อคู่ไง” แล้วสนก็หันมาสนใจกับลายมือของต้น พอดูอยู่สักพักสนก็ร้องว่า “นายเจอเนื้อคู่หรือยังเนี่ย ทำไมเส้นเนื้อคู่ของนายมันชัดมากเลย”
“จริงเหรอ ไหนล่ะ” ต้นร้องถามอย่างตื่นเต้น
“นี่ไงล่ะ นายดูสิ เห็นไหมมันชัดเจนมากเลย สงสัยนายจะเจอเนื้อคู่แล้วแน่ๆ”
ต้นชะโงกไปดูตามที่สนชี้ให้ดู นิกกับปั้นจั่นหันมามองดูแล้วก็ตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นต้นกับสนใกล้ชิดถึงเนื้อตัวกันขนาดนั้น ดูเผินๆ ก็เหมือนต้นกำลังซบอยู่บนหน้าอกของสน
“มึงเห็นอย่างที่กูเห็นไหมวะ” ปั้นจั่นกระซิบถามนิก
นิกพยักหน้ารับ “สายตาสองคนนี้มันแปลกๆ ว่ะ กูเห็นแล้วกูขนลุก” นิกว่าพลางทำท่าทางไปด้วย
แล้วทั้งสองคนก็หันกลับไปดูทีวีต่อ แต่ก็คอยชำเลืองมองเป็นระยะๆ
“เส้นนี้เราเห็นตั้งนานแล้ว ไม่ใช่เส้นเนื้อคู่หรอกมั้ง เรายังไม่มีแฟนเลยจะมีเนื้อคู่ได้ยังไง” ต้นแย้ง
“ไม่มีแฟนแล้วมีคนที่ชอบหรือเปล่าล่ะ”
คำถามนี้ทำให้ต้นนิ่งอึ้งไปเล็กน้อยก่อนจะส่ายหัวปฏิเสธ ต้นจะบอกได้อย่างไรว่าต้นชอบใคร แค่คิดก็ผิดแล้ว
“สงสัยถ้าจะเชื่อไม่ได้” สนว่าพลางขำ
“แล้วนายมีเส้นนี้หรือเปล่าล่ะ” ต้นอยากรู้
“ก็มีเหมือนกัน ดูสิ นี่ไง ไม่รู้ว่ามันขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไร ไม่เคยสังเกต” สนบอกพลางแบมือให้เพื่อนดูบ้าง
ต้นชะโงกมาดูอีกทีแล้วก็ยิ้ม “แล้วนายเจอเนื้อคู่หรือยังล่ะ”
“ยังไม่เห็นเจอเลย สงสัยจะมั่วจริงๆ นั่นแหละ เราว่าแล้ว เราถึงไม่ชอบดูของพวกนี้ไง เราว่าเขาเดาเอามากกว่า หรือไม่ก็บังเอิญ”
“บางทีพวกมึงสองคนอาจจะเจอเนื้อคู่แล้วแต่ยังไม่รู้ตัวก็ได้มั้ง” ปั้นจั่นหันมาแซวอย่างมีเลศนัย
“หมายความว่าไงวะ” สนถามอย่างสงสัย
“ไม่รู้เว้ย คิดเอาเองละกัน” แล้วปั่นจั่นก็เปลี่ยนเรื่องถาม “นี่กูถามจริงๆ เถอะ พวกมึงจะคุยกันแค่สองคน ไม่คุยกับคนอื่นบ้างหรือไงวะ”
ต้นกับสนทำหน้าเลิ่กลั่ก
“ไม่มีอะไรหรอก คุยกันต่อไปเถอะ แต่เบาๆ หน่อย กูดูทีวีไม่ค่อยรู้เรื่อง” ปั่นจั่นตัดบทแล้วก็หันไปสนใจทีวีต่อ
ส่วนต้นกับสนก็หันกลับมาคุยกันเช่นเดิมโดยไม่ได้สนใจที่จะดูทีวีมากนัก
“เฮ้ยต้น เราว่านายมีผมหงอก มานี่เราถอนให้” สนพูดไม่พูดเปล่า สนค่อยๆ ใช้มือดึงเส้นผมสีขาวที่เขาเห็นบนหัวของเพื่อนออก แล้วก็เอาให้ต้นดู
“เห็นไหม สงสัยนายจะใช้สมองเยอะเวลาเรียน ผมก็เลยหงอกไว มานี่ เดี๋ยวเราจะดูให้ ท่าจะมีเยอะนะเนี่ย”
ต้นก้มหัวลงให้เพื่อนหาผมหงอกได้สะดวกขึ้น ต่างคนต่างก็ไม่รู้ตัวว่ามีคนคอยสังเกตพฤติกรรมอยู่ตลอด ผ่านไปสักพักใหญ่ นิกกับปั้นจั่นหันมาก็เห็นต้นนอนหลับอยู่บนตักของสนเสียแล้ว ด้วยความสงสัยนิกจึงถามว่า “อ้าว ต้นเป็นอะไร”
“สงสัยช่วงนี้ต้นจะเรียนหนัก ไม่ค่อยได้นอน เล่นหัวหน่อยก็เลยหลับไปเลย” สนว่าพลางขำเล็กน้อย แล้วก็นั่งดูทีวีโดยปล่อยให้ต้นนอนหลับอยู่บนตักอย่างนั้น เวลาที่เขาได้ดูแลหรือทำอะไรให้เพื่อนบ้าง สนจะมีความสุขมาก
ตั้งแต่เกิดมา นิกกับปั้นจั่นยังไม่เคยเห็นเพื่อนผู้ชายที่ไหนนอนหนุนตักกันแบบนี้เลย นอกจากที่เห็นวันนี้แล้ว วันอื่นๆ หรือแทบจะเรียกได้ว่าทุกวัน นิกกับปั้นจั่นมักจะสังเกตเห็นความใกล้ชิดระหว่างต้นกับสนที่ไม่ธรรมดาอยู่ตลอด แม้ว่าเขาสองคนไม่ได้ละเอียดอ่อนที่จะสังเกตเห็นอะไรลึกซึ้งตามธรรมชาติของผู้ชาย แต่พอเจอบ่อยเข้าก็ทำให้สะดุดใจได้ จนแอบสงสัยว่าสองคนนี้เป็นเพื่อนกันจริงๆ หรือเปล่า?