:: 9 ::
“เค้กอยู่ไหนไอ้เจ!” เมื่อก้าวขาเข้าบ้านผมก็ถามไอ้เจที่ยืนคอยผมอยู่ตรงหน้าประตูบ้านทันที หน้ามันซีดมากจนผมใจเสียกลัวว่าเค้กจะเป็นหนัก
“อยู่ในห้องนั่งเล่นนั่นแหละ กูขอโทษนะมึง เป็นความผิดกูเอง” มันพูดเสียงอ่อย
“เดี๋ยวกูค่อยมาเคลียร์กับมึง”
ผมรีบสาวท้าวเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่น เห็นไอ้ครามทีกำลังถือแก้วน้ำแล้วก็เม็ดยาอยู่ ส่วนไอ้สองก็กำลังปลอบเค้กให้หยุดร้องไห้ แต่หน้ามันเหมือนอยากจะร้องไห้เองซะมากกว่า ส่วนเค้กนี่ไม่ต้องพูดถึง ร้องไห้สะอึกสะอื้น ตา หู จมูกแดงไปหมด ผมรีบเข้าไปใกล้เค้กทันที ไอ้สองเมื่อเห็นผมกีบหลบทางให้
“เค้กครับ”
“พี่ทราฟ ฮืออออออ” แค่ผมเรียกเค้กเท่านั้น เค้กก็เอื้อมมือมาขว้าหาตัวผม ผมเลยอุ้มน้องมานั่งใกล้
“เป็นอะไรไหนให้พี่ดูสิ มีดบาดตรงไหน ตรงนี้หรือครับ เจ็บไหม” มือข้างซ้ายตรงนี้ชี้ถูกพันด้วยผ้าก๊อตอย่างดี ยังมีรอยเลือดซึมออกมาให้เห็น
“อึก เจ็บครับ ฮือ เค้กไม่ชอบ ฮึก อึก ไม่ชอบเจ็บ” เค้ก้องไห้เอามือข้างที่ไม่เจ็บขยี้ตาตัวเองจนผมกลัวว่าตาจะช้ำจนต้องจับมือเค้กออกและค่อยๆเช็ดน้ำตาที่นองหน้าให้อย่างเบามือ
“ครับๆ ไม่ชอบก็ไม่ชอบ หลุดร้องก่อนเร็ว เดี๋ยวไม่สบายอีกนะคนเก่ง” เค้กพยายามหยุดร้องแต่ดูเหมือนทำได้อยากเพราะคอยแต่จะสะอื้นออกมา ผมเลยได้แต่ดึงมากอดแล้วก็ลูบหลังปลอก
“ที่จริงแผลควรจะต้องไปให้หมอเย็บสักสองสามเข็ม แต่เค้กไม่ยอม บอกยังไงก็ไม่ยอมไป” ไอ้ครามขมวดคิ้วพูด ผมคิดแล้วก็รู้สึกเจ็บแทน
“แผลใหญ่ขนาดนั้นเลยเหรอวะ” ผมถาม มันสามคนพยักหน้า ผมเพิ่งเห็รว่าไอ้เจเข้ามาในห้องนี้ด้วย หน้ามาเจื่อนจนรู้จะเจื่อนยังไง
“อ่ะนี่ยาแก้อักเสบ ให้น้องมันกินซะ” ไอ้ครามยื่นแก้วน้ำและยามาให้ผม
“เค้กกินยาหน่อยนะ จะได้หายเจ็บ” กินแล้วมันไม่หายเจ็บหรอก แต่หลอกเด็กมันไปก่อน
เค้กกินยาที่ผมป้อนให้อย่างว่าง่าย ก่อนจะกลับมาสะอื้นเบาๆ ผมละสงสารเหลือเกิน
“พี่ทราฟ ฮึก นิ้ว นิ้วเค้กไม่ขาดใช่ อึก ไหม” ผมยิ้มให้กับคำถามของเค้ก สงสัยที่ร้องไห้นี่คงกลัวนิ้วจะขาด
“ไม่ขาดครับ นิ้วเค้กยังอยู่ครบดี”
“แต่เค้กเจ็บ อึก” ผมเค้กเสียงสั่น ผมก้มลงเป่านิ้วให้น้องเหมือนที่แม่ผมเคยทำให้ตอนเด็กๆก่อนจะเลื่อนหน้าไปหอมที่หน้าผากน้องอย่างปลอบประโลม ผมไม่ชอบเวลาที่เค้กร้องไห้เลยสักนิด ให้ตายเถอะ คนอื่นร้องไห้ยังไม่สะเทือนใจผมเท่ากับที่เค้กร้องไห้
ผมโยกตัวเค้กไปหวังจะให้หยุดร้องไห้ ที่จริงก็ไม่ได้ร้องหนักเหมือนตอนแรกเพียงแต่ยังสะอื้นไม่หยุด จนในที่สุดเค้กก็หยุดร้องแต่ดันหลับไปซะงั้น ไอ้เจกับไอ้สองนี่ถึงกลับถอนหายใจพรืด
ผมจัดการอุ้มเค้กขึ้นไปนอนบนห้อง แต่เปิดประตูเอาไว้เผื่อเค้กตื่นขึ้นมา ผมจะได้ได้ยินเสียงถ้าหากเค้กส่งเสียงเรียก ด้านล่างไอ้เจนั่งก้มหน้านิ่ง ไอ้สองก็นั่งอยู่ข้างๆไอ้เจ ส่วยไอ้ครามนอนหลับตาอยู่ที่โซฟา ผมเดินไปยืนอยู่ตรงหน้าพวกมัน เป็นไอ้เจที่เงยหน้ามาสบตาผม
“เล่ามาสิ ดูน้องกันยังไงวะ ถึงได้ปล่อยให้น้องเจ็บตัวแบบนี้” ผมถามเสียงนิ่งเป็นอันเข้าใจกันว่าผมอารมณ์ไม่ดี
“กูจะทำกล้วยบวชชีอ่ะ แล้วเห็นเค้กนั่งเฉยไม่มีอะไรทำกูก็กลัวว่าน้องเบื่อ ไอ้ครามอยู่บนห้อง ส่วนไอ้สองออกไปดูเด็กข้างนอก กูเลยชวนน้องทำ กูสอนน้องเขาใช้มีดอ่ะ ที่แรกกูมองแล้วว่าน้องทำได้ไม่มีปัญหาและน้องดูสนุกก็เลยปล่อย หันไปหยิบกระทิอีกทิ้งน้องก็ร้องแล้ว เลือกไหนเต็มมือ กูโครตช็อคเลยอ่ะ” ไอ้เจอธิบายเรื่องทั้งหมดให้ผมฟัง ใจหนึ่งก็อยากจะโกรธ แต่ก็รู้แหละว่ามันไม่ได้อยากจะให้เป็นแบบนี้
แต่มันคิดได้ไง ให้เค้กที่มองไม่เห็นเล่นมีด!
“มึงปล่อยน้องใช้มีดทั้งที่น้องมองไม่เห็น ถ้าเขาลึกกว่านี้จะทำไงวะ มึงคิดบ้างไหมเนี่ย!” ว่าจะไม่ด่าแต่อดไม่ได้ แต่นี้ก็หนักแล้วถ้าไอ้ครามบอกว่าต้องเย็บ ถ้าเกิดว่าน้องไม่ได้เป็นแค่นี้ล่ะ พวกมันจะทำกันยังไง
“กูขอโทษ”
“กูไม่ได้อยากจะว่ามึงหรอกนะ แต่มึงเข้าใจอารมณ์กูไหม” ผมบอก พยายามไม่ให้ตัวเองหงุดหงิด
“กูขอโทษ กูผิด กูมันไม่ดีเองอ่ะ” ไอ้เจพูดเสียงเศร้า ผมถอนหายใจออกมาก่อนจะเดินไปกระแทนตัวนั่งที่โซฟาทับขาไอ้คราม มันสะดุ้งแล้วก็ถีบผมอย่างแรงก่อนจะยันตัวขึ้นนั่งมองผมตาขวาง ตาผมก็ไม่สนใจ
“ช่างเถอะ คราวหน้ามึงก็ช่วยดูน้องดีๆหน่อยล่ะกัน เพราะไงกูก็ต้องพาน้องมาที่นี่บ่อยๆ”
“เอ่อ กูกับไอ้สองออกไปข้างนอกแปบก่อนนะ ฝากถามเค้กด้วยว่าเย็นนี้อยากกินอะไร เดี๋ยวกูทำสุดฝีมือเลย” มันบอกแล้วก็ลากไอ้สองเดินออกไป
“แล้วเฟไปไหนล่ะ มึงออกไปด้วยกันไม่ใช่เหรอ” ไอ้ครามถามผม มือมันก็กดเปลี่ยนช่องโทรทัศน์ไปเรื่อยๆ ไม่เลือกดูสักช่อง
“เฮ้ออออ กูดันรีบทิ้งเฟไว้ที่โรงหนัง ตอนกูขับรถกลับมาเฟก็โทรมาวีน กูเลยนึกขึ้นได้”
“ไอ้สัด กูเชื่อมึงเลย ทิ้งแฟนกลับมาเนี่ยนะ” ไอ้ครามหันมาถามเสียงตกใจแต่หน้านิ่ง
“เออดิ ก็กูเป็นห่วงเค้กนี่หว่า รู้ตัวอีกทีก็ขับรถออกมาแล้ว ให้ทำไงวะ” ผมเครียดนะไม่ใช่ไม่เครียด แต่กลับมาแล้วให้ทำไงล่ะ
“มึงนี่เป็นเอามาก” ไอ้ครามกระตุกยิ้มมุมปาก
“อะไรของมึง”
“ถ้าให้เลือก มึงจะเลือกจะอยู่กับเฟ หรือกับมาดูเค้ก” ผมมองหน้าไอ้ครามแบบงงสุดขีด ไม่รู้ว่ามันถามผมแบบนี้ทำไม แต่ผมก็คิดตามมันนะ ถ้าตอนนั้นผมมีสติมากพอ ผมจะเลือกอะไร...
“กูควรทำไงดีวะ” ผมถามมันไม่สนใจว่ามันจะเข้าใจในคำถามที่ผมถามมันหรือเปล่า เพราะผมก็ไม่เข้าใจตัวเอง
“ หึ ใจมึง คิดเอาเอง แต่กูบอกให้อย่างนะ ถ้าจะผิดก็ผิดกันหมดนี่แหละ” ไอ้ครามพูดทิ้งท้ายก่อนจะเดินขึ้นชั้นสองไป
ผมจะดูโง่ไหมถ้าจะบอกว่าผมไม่เข้าใจในสิ่งที่ไอ้ครามพูด คือมึงจะแอ็บแตรกไปนะบางที ใครผิดใครไม่ผิดอะไรยังไง มันคิดไหมว่าผมจะงง แม่งเอ้ยยยย ผมข้องใจว่ะ
ผมเดินขึ้นห้องไปเพื่ออาบน้ำให้ร่างกายสดชื่นสักหน่อย อาบน้ำแต่งตัวเสร็จก่อนโทรหาเฟ แต่ติดต่อไม่ได้เพราะว่าเฟปิดเครื่อง พระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรกจริงๆเลยกู ผมคงโกรธผมมาก แต่ตอนนี้ผมเป็นห่วงเค้กจนลืมทุกอย่างรอบตัวไปหมด ไว้ค่อยอธิบายทีหลังเพราะเฟไม่ใช่คนงี่เง่าเท่าไหร่ เฟคงเข้าใจ
---------------
----------------
ก๊อกๆๆ
ก๊อกๆๆ
“แปบ” ผมตะโกนบอกคนข้างนอก สะบัดหัวไล่ความง่วง มองคนตัวเล็กที่นอนหลับอยูข้างๆก่อนจะจับมือเค้กขึ้นมาดูว่าเลือดซึมหรือเปล่า แต่ดูแล้วเลือกคงแห้งสนิท
ผมมองนาฬิกาข้างฝาห้อง หกโมงกว่าแล้ว นี่ผมหลับไปนานเหมือนกัน เมื่อได้สติก็เดินไปเปิดปะตูห้อง เจอเฟยืนอยู่ที่หน้าห้องกับใบหน้านิ่งๆที่ผมเดาไม่ออกว่าเฟรู้สึกยังไง
“มานานหรือยัง โทษทีนะ พอดีทราฟเผลอหลับ” ผมถามและเบี่ยงตัวให้เฟเข้ามาในห้อง เฟมองไปที่เค้กที่นอนหลับอยู่ก่อนจะหันกลับมามองหน้าผม
“เพิ่งมา เจให้ขึ้นมาตามไปไปกินข้าวข้างล่าง” เฟพูดจบก็หมุนตัวจะเดินออกจากห้อง ผมคว้ามือเฟไว้ก่อน รู้ว่าเฟโกธมาก ผมเลยอยากจะอธิบาย
“เฟ ทราฟขอโทษนะที่ทิ้งเฟมากระทันหัน แต่มันจำเป็นจริง เฟเข้าใจใช่ไหม น้องน่าสงสาร น้องไม่มีใคร นี่ก็ร้องไห้จนหลับไป” ผมพยายามจะอธิบาย แต่รู้ตัวว่ามันแย่ เหตุผลฟังไม่ค่อยจะขึ้น ได้แต่หวังว่าเฟจะเข้าใจและไม่โกรธผม
“อืม เฟเข้าใจ” ผมบอกก่อนจะหันมายิ้มให้ผมที่ดูก็รู้ว่าฝืน ผมเองก็ไม่รู้จะทำยังไง ไม่รู้ว่าบอกไปเฟเข้าใจหรือเปล่า
เฟลงไปข้างล่างแล้ว ผมก็จัดการเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตาให้สดชื่อก่อนจะปลุกเค้กที่ยังหลับสนิท ตัวก็ร้อนนิดๆ
“เค้กครับ ตื่นเร็ว เย็นแล้วนะ”
“อืมมม” เค้กครางเบาๆ ขยับตัวน้อยๆแต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะตื่น
“เค้กครับ เค้ก ตื่นได้เล้ว” ผมเรียกให้เสียงดังขึ้น
“หืม” เค้กอือออรับคำแต่เหมือนจะยังไม่ได้สติดี แต่ก็ขยับเปลือกตาลืมขึ้น
“ตื่นนะเค้ก ลงไปกินข้าวกัน เย็นมากแล้ว มาลุกขึ้น” ผมช่วยพยุงเค้กให้ลุกขึ้น พาเข้าห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตา และพาเดินลงไปในห้องครัวที่ทุกคนนั่งรออยู่แล้วที่โต๊ะอาหาร
ระหว่างที่กินข้าวก็ไม่มีใครพูดอะสักนิด นั่งก้มหน้าก้มตาต่างคนต่างกิน เป็นบรรยากาศที่อึดอัดที่สุด แม้ไอ้สองจะขยันปล่อยมุขแต่ก็ไม่ได้ช่วยอะให้ดีขึ้น จะมีก็แต่เค้กที่หัวเราะบ้าง และกินข้าวได้เยอะกว่าคนอื่น ที่จริงมีไอ้ครามอีกคนที่กินโดยไม่สนใจใคร กินเสร็จมันก็เดินออกไปทันที
“เอาข้าวอีกไหมเค้ก” ผมถาม ข้าวในจากเค้กหมดลงพอดี
“ไม่เอาแล้วครับ เค้กอิ่มแล้ว” ผมลูบท้องให้ดูว่าอิ่มจริงๆ ผมเอาแก้วน้ำใส่มือน้องให้ดื่มก่อนจะพาน้องออกไปนั่งเล่นกับไอ้ครามที่ด้านนอก ส่วนตัวผมเองก็กลับมานั่งกินข้าวเหมือนเดิม
“เฟยังโกรธทราฟอยู่เหรอ” ผมถามออกไปเพราะทนกับความอึดอัดไม่ได้
“เปล่าหรอก แค่เซ็งๆอ่ะ” เฟบอกแต่ไม่มองหน้าผม
ไอ้เจกับไอ้สองเห็นว่าสถาณการณ์เริ่มไม่ดี มันก็รีบกินแล้วก็รีบออกไปข้างนอก เหลือผมและเฟอยู่ในห้องครัวเพียงแค่สองคน
“ทราฟขอโทษ คราวหน้าจะไม่เป็นแบบนี้อีกแล้ว”
“ทราฟจะไม่ทิ้งเฟไว้แบบนั้นอีกใช่ไหม”
“อืม ทราฟจะไม่ทิ้งเฟไว้แบบนั้นอีกแล้ว อย่าโกรธเลยนะ” ผมบอก เฟมีสีหน้าดีขึ้นนิดหนึ่ง
หลังจากนั้นผมกับเฟก็นั่งกินข้าวกันไปเรื่อยๆ พูดคุยกันหลายเรื่องหนึ่งในนั้นก็มีเรื่องของเค้กด้วย ดูเฟจะเข้าใจมากขึ้นตอนนี้เลยไม่ได้โกรธผมแล้ว ทีแรกผมจะไปส่งเฟที่บ้าน แต่พอดีไอ้สองต้องออกไปทำธะข้างนอก เฟกลับไปกับไอ้สองแทน ตอนนี้ก็มี ผม เค้ก ไอ้คราม และไอ้เจ ที่นั่งดูละครหลังข่าวกันอยู่ ผมไม่ค่อยได้ดูหรอก ส่วนมากจะคุยเล่นกับเค้ก ไอ้ครามก็ดูหนังสือรถ มีแต่ไอ้เจคนเดียวที่ดู
“พี่ทราฟไปดูหนังมาเป็นไงบ้าง สนุกไหม” เค้กถามผม มือก็หยิบแอบเปิ้ลเข้าปาก แต่ไม่แตะสับปะรดสักชิ้น
“สนุกดีครับ” ถึงดูไม่จบแต่ผมก็รู้ว่ามันสนุก อย่างน้อยครึ่งเรื่องแรกๆผมก็ตั้งใจดู
“มันเป็นเรื่องแนวไหนเหรอครับ” เค้กเอนหลังพิงกับโซฟา ในมือบิดรูบิคไปมา ส่วนหูก็ฟังเสียงจากโทรทัศน์ไปด้วย บางทีถึงตอนที่นักแสดงพูดตลกๆเค้กก็หัวเราะออกมา ทำให้ผมรู้ว่าเวลาเค้กหัวเราะมันดีกว่าตอนเค้กร้องไห้เป็นไหนๆ
“แอคชั่น เค้กชอบดูหนังแบบไหน” ผมเพิ่งรู้ตัวว่าถามอะไรไปโดยไม่คิด แต่เค้กตอบกลับมาเหมือนไม่ได้คิดมากกลับคำถามของผม
“เค้กดูได้หมดนะครับ แต่ตอนนี้ไม่ได้ดูแล้ว”
ผมมองหน้าเค้ก ในใจนึกอยากถามเรื่องที่เค้กตาบอดว่าเป็นตั้งแต่เกิด หรือเพิ่งบอดตอนโต แต่ผมก็ไม่กล้าถามออกไป อยากรอเวลาให้เค้กเปิดใจเล่าให้ผมฟังเองมากกว่า ถึงเค้กกับผมจะดูสนิทกัน แต่หลายครั้งผมก็รู้สึกว่ามีกำแพงบางๆกลั้นระหว่างเราเอาไว้ จนไม่กล้าบุ่มบ่ามถามอะไรออกไป
“พี่ทราฟครับ พรุ่งนี้เค้กต้องกลับห้องแต่เช้านะ เค้กยังไม่ได้ซักผ้าเลย ฮ้าวววว” เค้กหาวออกมา ในตามีน้ำใสๆเอ่อคลอ ดูท่าจะง่วงแล้วแน่ๆ
“ได้ครับเดี๋ยวพี่ไปส่ง ง่วงหรือยัง อยากขึ้นไปนอนเลยไหม” ผมถาม เค้กพยักหน้าตอยส่วนมือก็ขยี้ที่ตาตัวเองเบาๆ
ผมยกจานผมไม้ไปเก็บในห้องครัวก่อนจะพาเค้กขึ้นนอน ผมหยิบจับทำโน่นนี่อีกนิดหน่อยก็ล้มตัวนอนตาม โดยไม่ลืมตั้งนาฬิกาปลุกเอาไว้ตอนเจ็ดโมงเช้า
----------
----------