ตอนที่ 30"นี่มันก็ จะเดือนแล้วนะโร ทำไมยังไม่ตื่นอีก"ภายในความมืดมิด ผมเหมือนได้ยินแว่วเสียงบางอย่าง
"ถามอยู่นั่นแหละ ก็แกเองนะที่ทำให้เค้าเป็นแบบนี้"เสียงอีกเสียงตอบเสียงแรกมาอย่างหงุดหงิด
เฮ้อ...คนที่หงุดหงิดที่สุดมันควรจะเป็นผมมากกว่ากระมัง?อยู่ในความมืดมิดมาหลายวันจนเริ่มลืมแล้วว่าตัวเองเป็นใครยังไง ถ้าไม่ได้ไอ้สองเสียงที่ดังมาเป็นระยะๆผมคงคิดว่าตัวเองตายไปแล้ว...
แต่จากที่ฟังๆสองเสียงนี่พูดมา ดูเหมือนผมจะไม่ตายแต่ใกล้ตายมากกว่า บางทีผมอาจจะป่วยอยู่ แต่ผมป่วยเป็นอะไรล่ะ?
"เกลจะตื่นขึ้นมาใช่รึเปล่า?"น้ำเสียงอบอุ่นแปลกๆดังลอดเข้ามาอีกครั้ง ผมเลิกคิ้วในความมืด อ้าปากตอบออกไปด้วยความเคยชินทั้งๆที่รู้ว่าเจ้าของเสียงนั้นไม่มีทางได้ยิน
"แน่นอน"
"ขอโทษนะ ฉันแกล้งเกลแรงไปหน่อย"ผมขมวดคิ้ว นึกอยากเห็นหน้าเจ้าของเสียงที่มาสารภาพบาปขึ้นมาครามครัน"ตื่นขึ้นมานะคนดี จะเลิกแกล้งแล้ว"
ผมเบ้ปาก พยายามข่มรอยยิ้มที่พยายามกระตุกมุมปากขึ้น แปลกดี ทำไมจู่ๆถึงมีความสุขขึ้นมา สีดำรอบด้านเองก็เหมือนจะจางลงจนเห็นมือตัวเอง
"เกลรู้รึเปล่า เรากำลังจะมีลูกด้วยกันนะ ถึงจะไม่น่าเชื่อก็เถอะ แต่มันก็เกิดขึ้นแล้ว"น้ำเสียงนั้นกลัดกลุ้มนิดๆ"เกลหลับไปนานจังเลย รู้รึเปล่าว่าฉันใกล้จะเคลียร์ปัญหาครอบครัวเสร็จแล้ว"
เสียงๆนั้นยังคงพร่ำพูดถึงคนที่ชื่อว่าเกลอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผมมั่วเอาเองว่า'เกล'ที่ว่านี่คือผม จะว่าไป ผมน่าจะเป็นผู้ชายไม่ใช่หรือไง แล้วทำไม...ท้อง??
ผมยกมือลูบไปเบาๆบนท้องน้อยของตัวเองอย่างเผลอไผล แล้วพลัน ความทรงจำบางส่วนก็ไหลเข้ามา ชายหนุ่มคนหนึ่งในหลากหลายท่าทาง ทั้งใบหน้าเย็นชา ใบหน้าอมยิ้มป้อนคำหวาน ใบหน้าโกรธเคือง...
"พี่ศร..."
จู่ๆน้ำตาของผมก็ไหลลงมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ นึกแปลกใจตัวเอง ดูเหมือนคนคนนี้จะมีผลกระทบต่อความรู้สึกของผมมากจริงๆ
แสงสว่างวาบจ้าเข้ามาบาดตาของผมอย่างรวดเร็วเกินกว่าจะคาดคิด แสงทอดยาวเป็นอุโมงค์ไปราวกับเชื้อเชิญให้ผมเดินเข้าไปในแสงนั้น...สัญชาติญาณบอกให้ผมรู้ทันทีว่าถ้าเดินตามแสงนี้ไป สุดปลายทางนั้นคงจะเป็นเจ้าของเสียงที่พร่ำพูดไม่หยุดนี่...
ผมก้าวเดินไปบนทางเดินนั่นอย่างไม่ลังเล ความทรงจำเริ่มปะติดปะต่อช้าๆตามระยะทางที่ผมก้าวเดินไปเรื่องทั้งสุขทั้งทุกข์ไหลเข้ามาราวน้ำป่า ทำเอาผมเริ่มเดินซวนเซรู้สึกเหนื่อยขึ้นมาจับใจ
แต่แล้วด้วยความพยายามก็ทำให้ผมสามารถเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าประตูสีขาวต้นต่อของอุโมงค์แสงจนได้...
ผมยกมือขึ้นกำลังจะจับลูกบอดประตูเพื่อเปิดมันออก
"เกลฉันจะสารภาพล่ะ ว่าฉันแกล้งทำเป็นใจร้ายกับเธอ ทำรุนแรงกับเธอ ทำเป็นไม่ใยดี ทั้งหมดก็เพื่อนทดสอบว่าเธอไว้ใจได้รึเปล่าเท่านั้นเอง ทั้งๆที่ตั้งแต่เธอพาฉันไปที่คอนโดฉันก็น่าจะรู้แล้วว่าเธอเปิดเผยตัวตนกับฉันมาแค่ไหน"
ผมชะงักและเงี่ยหูฟังการสารภาพนั่นด้วยความสงบนิ่ง มือที่กำลังจะเปิดประตู ร่วงลงตามแรงโน้มถ่วงมาอยู่ข้างลำตัวอีกครั้ง ก่อนที่ขาจะก้าวเดินถอยหลังกลับ ละห่างจากบานประตูนั่นมากขึ้นเรื่อยๆ
'เปลี่ยนใจล่ะ ผมพักผ่อนอยู่ในนี้ พี่ก็รออยู่ข้างนอกนั่นทุกข์ใจต่อไปก่อนแล้วกัน หึหึหึ'
นี่ก็ผ่านไปเป็นเดือนแล้ว ที่ร่างของเกลไม่มีการขยับเขยื้อน ร่างบางนั้นซูบผอมลงอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกับหน้าท้องที่นูนขึ้นน้อยๆ แต่ก็แทบไม่สังเกตุเห็น...
ผมเริ่มกระวนกระวายใจมากขึ้นทุกวัน ถ้าเขาไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลยล่ะ?
ผมอยากจะนั่งมองเฝ้าคอยให้เกลตื่นขึ้นมาทั้งวันอยู่ถ้าไม่ติดว่ายังเหลือเรื่องที่ต้องสะสางอยู่...การจัดการกับพี่น้องตัวเองเป็นอะไรที่ยากลำบากเสมอ จนถึงตอนนี้ผมก็ยังรู้สึกแย่มากที่ตัดสินใจวางแผนขายพี่เพื่อสร้างมิตรใหม่กับมาเฟียกลุ่มหนึ่งแถบฮ่องกงเมื่อราวๆสองอาทิตย์ที่แล้ว
อย่ามองว่าผมโหดร้ายนะครับ ผมแค่ตอบแทนสิ่งที่พี่ทำกับผมเท่านั้นเอง เพียงแต่คู่ค้าของผมดันเป็นผู้ชาย...ไม่ใช่ผู้หญิงเท่านั้นเอง
หลังจากส่งพี่ชายเข้าห้องหอไปเรียบร้อยแล้วผมก็กดดันอริสาให้ถอนหมั้นซะ เพราะตอนนี้เธอไม่มีพี่ชายผมคอยหนุนหลังให้อีกต่อไปแล้วอะไรๆจึงง่ายดายเหลือเกิน
แถมยิ่งมีโรพี่ชายผู้เป็นอัจฉริยะหนึ่งในสามพี่น้องที่เหลืออยู่ ทุกอย่างยิ่งง่ายดาย โรดูเหมือนจะรู้ทุกๆอย่างที่เขาอยากจะรู้ เก่งกาจในทุกๆเรื่องที่ไม่ต้องออกกำลังมาก เพราะแม้กระทั่งวิธีดูแลรักษาคนที่มีร่างกายพิเศษมากอย่างเกลโรก็ยังรู้
แต่ถึงจะเก่งขนาดนั้น แต่เกลก็ยังไม่ฟื้นขึ้นมาเสียที ราวกับจะแกล้งให้ผมรู้สึกทรมาณเล่น
ผมที่ทำอะไรไม่ได้จึงทำได้ดีที่สุดเพียงแค่คอยพูดคนเดียวให้อีกฝ่ายฟังเท่านั้นเอง
"เกลอาจจะจำไม่ได้ แต่รู้รึเปล่า เราเคยเจอกันครั้งแรกที่เครื่องซักผ้าหยอดเหรียญใต้คอนโด..."ผมอมยิ้ม"ตอนนั้นเกลลืมเสื้อเอาไว้ตัวหนึ่งด้วยนะ ฉันเก็บเอาไว้ จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้คืนซักที"
"รีบๆตื่นมาเอาเสื้อคืนนะเกล ของแบรนด์ลิมิเต็ดอิดิชั่นด้วยนะ"
ผมลูบเส้นผมที่ยาวประบ่าของอีกฝ่ายอย่างเพลินมือ ก่อนจะขยีอย่างหงุดหงิดเมื่อร่างที่นอนนิ่งนั่นก็ยังไม่ตอบสนองเสียที
"นี่คิดจะแกล้งให้ฉันคลั่งตายรึไงฮึ?"ผมถอนหายใจ รู้สึกเหมือนเห็นริมฝีปากของคนที่นอนอยู่กระตุกเป็นรอยยิ้มแวบๆ
นี่แกล้งหลับจริงๆใช่ไหม?
"นี่คิดจะแกล้งให้ฉันคลั่งตายรึไงฮึ?"
ครับ ผมกะจะให้พี่คลั่งตายไปเลย...หึหึหึ
ผมคิดพลันมุมปากก็กระตุกยิ้มสะใจ รักก็ส่วนรักแต่เรื่องแกล้งกันทั้งหลายที่อีกฝ่ายสารภาพออกมานั่นก็อีกเรื่อง จงทุกข์ทรมาณใจต่อไปซะเถอะ!!
ผมกะว่าจะยื้อเวลาออกไปอีก รอให้น้ำเสียงอ่อนหวานนั่นเริ่มแปลเปลี่ยนเป็นสะอึกสะอื้นถึงค่อยกลับไป เขาสมควรจะเรียนรู้เสียบ้างว่าไม่ควรมาล้อเล่นกันแบบนี้
"แกเป็นใคร?"จู่ๆน้ำเสียงเย็นชา เคร่งเครียด ก็ดังขึ้นมันแฝงเอาไว้ด้วยความเครียดขึงและตื่นตัว...ราวกับเวลาที่เจอศัตรู
หลังจากนั้นเสียงก็เงียบไปเป็นเวลานาน...นานจนผมชักหวั่นใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นด้านนอกนั่น?
แย่ล่ะสิ มันเกิดอะไรขึ้น พี่ศรจะเป็นอะไรรึเปล่า?
บ้าเอ๊ย!นี่ผมต้องตื่นขึ้นจริงๆแล้วสิเนี่ย!
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>.
ขอโทษที่มาต่อช้านะจ๊ะ แบบว่าอิงช็อกเกรดตก สมองเบลอไปสองอาทิตย์ :

:นี่ก็รีบเร่งมาอัพแล้วนะค่ะ จะพยายามไม่หายไปนานแบบนี้อีก อ่านคิมเมนท์มาเมื่อกี้ ดีใจสุดๆที่มีคนอยากจะอ่านเรื่องนี้มากมาย แถมมีคนเอาไปแนะนำต่อๆกันด้วย :L2:ไม่นึกว่าเรื่องนี้จะสนุกขนาดนี้นะเนี่ย!
อาโรเองก็โผล่มาและ ตัวละครหลักออกมาครบแล้ว จะเริ่มอารัมภบทสู่ช่วงสุดท้ายเสียที เย้ๆๆ น้องเกลกำลังเริ่มแก้แค้นพี่ศรแล้วเห็นรึยัง! :laugh:ตามเสียงเรียกร้องจากทุกๆท่าน
ขอบคุณทุกๆเม้นท์นะค่ะ