ตอนที่ 28
ผมรู้สึกเหมือนสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้มันเป็นเหมือนความฝัน...
เหมือนกับว่าพี่ศรในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา เป็นแค่จินตนาการโง่ๆของตัวผมเอง
ผมหัวเราะแหบแห้ง มองไปยังเพดานที่ยังคงเปิดไฟสว่างโร่ ก่อนจะมองกลับมายังเตียงนอนยับยู่ยี่ที่ผมกำลังนอนหมดสภาพอยู่ในตอนนี้
ดูเหมือนหลังจากวันนั้นที่ผมยอมรับความจริงเป็นต้นมา พี่ศรก็ไม่เคยกลับไปเป็นคนเดิมที่ผมเคยรู้จักอีกเลย แววตาที่เขามองผมว่างเปล่าคล้ายกับช่วงแรกๆที่เราเจอกัน ตอนนี้เขาทำเพียงขังผมเอาไว้ในห้อง หาข้าวหาน้ำมาให้ และใช้ผมเป็นเพียงเครื่องระบายอารมณ์ในยามค่ำคืนเท่านั้น
ผมรู้สึกอึดอัดในอก รู้สึกเหมือนอยากจะร้องไห้แต่ก็ร้องไม่ออก สภาพที่ผมกำลังเป็นตอนนี้ไม่ได้ต่างไปจากที่ผมเคยโดนกระทำเมื่อนานมาแล้ว โดนขังอยู่ในห้องไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน คอยแต่รับอารมณ์ใคร่ของใครต่อใคร ครั้งนี้ยังอาจจะเรียกได้ว่าโชคดีกว่าเดิมนิดหน่อยเพราะผมรับอารมณ์ของคนแค่คนเดียว....
แต่ทำไมมันเหนื่อยอย่างนี้นะ...
ผมทอดถอนใจ ฝืนร่างกายลุกขึ้นจากเตียงนอนที่ยับเยินราวผ่านสมรภูมิรบมาอย่างยากลำบาก ค่อยๆประคองตัวเองไปยังหน้าประตูห้องนอนซึ่งมีข้าวต้มชืดๆวางเอาไว้ ผมย่นจมูก แย่จริง ไม่รู้เป็นอะไรผมรู้สึกเหมือนของกินมันเหม็นเน่าไปหมดซะทุกอย่าง ทั้งๆที่ข้าวต้มปลานี่ก็ดูไม่ได้แย่อะไร แต่ก็กินไม่ลงอยู่ดี
ผมถอนหายใจ อดกลั้นความรู้สึกอยากอาเจียนเอาไว้แล้วฝืนกินข้าวต้มปลาไปคำสองคำช้าๆผมไม่ได้กินอะไรนอกจากน้ำเปล่ามาหลายวันแล้ว ถึงจะผะอืดผะอมแค่ไหนแต่ยังไงก็ต้องกินอย่างเลี่ยงไม่ได้...
แต่ก็เหมือนเดิม ความทรมาณของผมไม่ได้จบลงง่ายๆ หลังจากผมพยายามกลืนคำที่ห้าลงไป หัวก็เริ่มรู้สึกเวียนติ้วๆ ข้าวต้มที่กินไปไม่กี่คำเมื่อครู่จุกอยู่ที่คอหอย ผมรีบวิ่งไปยังห้องน้ำทันที แล้วอาเจียนออกมาจนหมดไส้หมดพุง
หลังจากนั้นผมก็ทำได้เพียงหอบหายใจ กลั้นความรู้สึกอยากอาเจียนอีกครั้งอย่างยากลำบาก รู้สึกแสบร้อนไปทั้งตัว ราวกับเป็นไข้ ดวงตาเริ่มเบลอลอย
แต่จะมานอนในนี้ไม่ได้...จะให้พี่ศรเห็นสภาพอ่อนแอของผมไม่ได้...
ผมตะเกียกตะกายไปยังเตียงนอน แม้จะต้องใช้เวลามากเสียหน่อย แต่ที่สุดแล้วผมก็กลับไปนอนยังเตียงจนได้ พอหัวถึงหมอนปุ๊บผมก็เพลียจนหลับไปในทันที
และตอนนี้ดูเหมือนผมจะกำลังฝันอยู่...
เพราะบื้องหน้าของผมคือสีดำอันว่างเปล่ามองไม่เห้นแม้แต่ตัวเอง และใครก็ตามที่ยังเปล่งแสงอยู่ในที่มืดมิดแบบนี้ได้กำลังลอยตัวอยู่เบื้องหน้าของผม
เขาดูจะอายุน้อยกว่าผมอีก หน้าตาหล่อเหลาสะอาดสะอ้านติดจะเจ้าชู้นิดๆ เขาส่งยิ้มมาให้ผม
"ไม่ต้องตื่นตระหนกนะครับ..."เขาพูดขึ้น"ที่ผมมาคุยกับคุณเพราะผมต้องการยื่นข้อเสนอแลกเปลี่ยน..."
"คุณอยากหนีออกไปจากสิ่งที่คุณกำลังเป็นตอนนี้ไหม?ความทรมาณที่คุณกำลังเผชิญอยู่ ความรู้สึกรักที่กำลังกัดกินคุณทั้งเป็น"
ผมกลืนน้ำลาย รู้สึกคล้อยตามกับข้อเสนอ แต่ในวงการธุรกิจเรารู้ดีว่า ถ้าเราออกอาการสนใจออกนอกหน้านอกตา จะทำให้การต่อรองยากยิ่งขึ้น
"ผมช่วยคุณได้ เพียงแลกเปลี่ยนกับชีวิตของเด็กคนหนึ่งที่ไม่สมควรจะเกิดมาเท่านั้น"
ผมงุนงง มองเขาที่ค่อยๆลอยเข้ามาใกล้ผมมากขึ้นเรื่อยๆมือขาวสะอาดของเขา ยื่นออกมาแล้วลูบไปมาเบาๆบนท้องของผม"และจะให้ดีผมขอความสามารถที่พระเจ้าไม่ได้ยินยอมให้เกิดขึ้นกลับไปด้วยจะดีมาก"
สมองของผมประมาลผลเร็วจี๋ นึกถึงสิ่งที่เขาพยายามจะสื่อแล้วก็นึกขนลุกขึ้นมา มันไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ ก็ในเมื่อแม่ของผมยังเป็นผู้ชายได้เลย...เอ๊ะผมเคยบอกไปรึยัง แม่ของผมเป็นผู้ชาย?
เอ๊ะ แต่จะว่าไปแล้ว ถ้าผมสามารถท้องได้จริงๆแล้วทำไม เมื่อช่วงที่ผมถูกขังเอาไว้โดยไอ้เภกมันถึงไม่เกิดอะไรขึ้น?
"อ๋อ ก็ช่วงนั้นร่างกายและจิตใจคุณอ่อนแอขนาดไหนคุณเองน่าจะรู้ดีที่สุดนี่ แล้วก็จริงๆแล้วมันเป็นเรื่องของโชคชะตา..."เขาทำหน้าเศร้า แต่ยังคงยิ้มบางๆ
ผมยังคงคิดไม่ตก ถ้าตอนนี้ในท้องแบนๆของผมมีชีวิตหนึ่งอยู่ในนี้จริงๆ ผมควรจริงๆหรือที่จะทอดทิ้งเขา แลกกับโอกาสหนีออกไปจากความทรมาณของตัวเอง?
ผมส่ายหน้าไปมาในความมืด เปล่งเสียงออกไปอย่างชัดเจนเป็นครั้งแรกตั้งแต่อยู่ในความฝันนี่
"ผมขอปฏิเสธ"คำนี้ของผมหนักแน่นเท่าที่ผมจะหนักแน่นได้ วินาทีนี้ผมนึกถึงแม่ขึ้นมาในอึดใจ ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมการคลอดผมออกมาถึงทำให้ร่างกายของแม่อ่อนแอลงได้ขนาดนั้น ดูเหมือนไอ้ที่ผมกำลังเป็นอยู่นี่จะเป็นแค่การเริ่มต้นเท่านั้นเอง...
"คุณเหมือนแม่ของคุณมากนะ เพราะแม่ของคุณเองก็ตอบคำนี้กับผมเช่นกัน...ตอนที่ท้องคุณอยู่"
"หากคุณยืนยันที่จะเก็บเขาเอาไว้ก็เตรียมใจรับผลที่จะตามมาด้วย ผมคงไม่สามารถแนะนำอะไรคุณได้มาก แต่มีคนคนหนึ่งที่คุณควรจะไปหา ถ้าไม่อยากตายก่อนที่จะคลอดเด็กคนนั้นออกมา"
เขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง พลันภาพใบหน้าของใครคนหนึ่งก็ปรากฏขึ้นมาในหัวของผมพร้อมชื่อและที่อยู่คร่าวๆ
"ผมคงช่วยคุณได้เพียงเท่านี้ล่ะ เขาคนนี้จะช่วยคุณได้"
หลังจากนั้นเขาก็หายไปจากสายตาผมอย่างรวดเร็วปล่อยผมเอาไว้ในความมืดมิดเพียงลำพัง
พออยู่ในที่มืดนี่คนเดียว ผมก็เริ่มฟุ้งซ่านอย่างที่ไม่ค่อยจะเป็น คิดไปต่างๆนาๆ ผมคิดถูกแน่หรือที่จะเก็บความไม่ปกติเอาไว้กับตัวเองแบบนี้ แถมดูเหมือนการเก็บเด็กคนนี้ไว้จะมีความเสี่ยงที่จะทำให้ผมตายหรือป่วยจะเกินจะเยียวยาสูงมาก
ผมคิดไปเรื่อยๆ ยังไม่ได้ข้อสรุปที่แน่นอนและยังไม่คิดจะสรุปอะไรเป็นเรื่องเป็นราวในตอนนี้ด้วย...ผมรู้สึกเหนื่อยล้าเหลือเกิน เหนื่อยจนอยากจะหลับ อยากจะพักผ่อน...ตลอดกาล
'มาม๊า...'
เสียงสะท้อนในความมืดปลุกผมขึ้นจากภวังค์ความมืดมนในจิตใจได้ชะงัดนัก ผมเผลอยกมือขึ้นลูบท้องตัวเองเบาๆอย่างอดไม่ได้ ในใจเริ่มมีความฮึกเหิมอีกครั้ง...ถ้าแม่ของผมทำได้...แล้วทำไมผมจะทำไม่ได้
จิตใจของผมเริ่มกลับมาสงบอีกครั้ง เริ่มมีพลังในการจะใช้ชีวิตอยู่ต่อไป...
เอาวะ ในเมื่ออยู่ไปมีแต่จะเจ็บปวด มีโอกาสเมื่อไหร่ก็หนีเลยดีกว่า!!หนีไปหาหมอคนเดียวที่พอจะช่วยผมในตอนนี้ได้ ดูเหมือนตอนนี้เขาจะอยู่ในเมืองไทยนี่แหละ โชคดีสำหรับผม...
ผมหลับตาลง เริ่มครุ่นคิดถึงปัญหาใหญ่ที่สุดในเวลาที่ผมเพิ่งจะตระหนักถึง...
ถ้านี่คือความฝันที่เหมือนจริงมาก ตอนนี้ที่ผมต้องการจะตื่นจากการนอน ผมก็ควรจะตื่นได้แล้วไม่ใช่เหรอครับ?ถึงมันจะเหมือนจริงขนาดไหนนี่ก็เป็นเพียงแค่ความฝันเท่านั้น...
ที่อยากจะบอก ก็คือ...ตอนนี้ผมตื่นนอนไม่ได้!!
พยายามหยิกแก้มตัวเองก็แล้ว ตบหัวก็แล้วก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะตื่น...
มันเกิดอะไรขึ้นวะเนี่ย!!?
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
สอบเสร็จแล้วโว้ยยยยย แงงงง ไม่อยากให้ถึงวันเกรดออก อิงจะสอบตกอีกรึเปล่าวะเนี่ยยย

นิยายกำลังจะเข้าสู่ช่วงเวลาแห่งความสะใจของนักอ่านทุกท่าน ช่วงเวลาแห่งการเอาคืนพระเอกนั่นเอง วะฮะๆๆๆๆ :m11:เกิดอะไรขึ้นกับเกล ตอนนี้ก็คงเฉลยไปได้ส่วนหนึ่งแล้วนะค่ะว่าเกลมันเป็นอะไรกันแน่
แต่แล้วปมต่อไปก็ตามมา แล้วมันเป็นอะไรอีกวะเนี่ย ออกจากความฝันไม่ได้??
เอาไว้อ่านในตอนถัดไปแล้วกันค่ะ กับภาคการบรรยายครั้งแรกของอีพี่ศรโคตรขี้เก็ก หุหุหุ

ขอบคุณทุกๆคอมเมนค่ะ
