Three Couple of love:Special Features:Sweet Couple
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Three Couple of love:Special Features:Sweet Couple  (อ่าน 177734 ครั้ง)

ออฟไลน์ jojoe

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-1
ตอนที่ 10 กำหนดความรักด้วยตัวเราเอง

คู่ที่ 1

เสียงกริ่งดังขึ้นเป็นสัญญาณว่าหมดเวลาทำข้อสอบ ผมยิ้มดีใจที่ทำเสร็จเวลาทันที แต่พอหันไปมองรอบห้อง
มีผมอยู่ในห้องคนเดียว ทุกคนทำเสร็จกันไปยังไม่ถึงชั่วโมง แต่ผมใช้เวลาตามที่เขากำหนดมาให้
ผมเดินไปส่งข้อสอบให้อาจารย์ “กลัวไม่ได้เต็มเหรอ” อาจารย์แซวผม
ผมได้แต่ยิ้ม พร้อมยกมือไหว้ และออกจากห้องไป
เจอผู้ชายหน้าเถื่อนนั่งไขว้ห่างกระดิกเท้ารอผมอยู่
“กลับกันเถอะ” ผมบอก
โจหันมามองหน้าผม “รอตั้งนานเลย” มันบ่น
“แล้วไง ใครให้นายเสร็จเร็วล่ะ” ผมย้อน
“ทีหลังก็ทำให้เสร็จพร้อมกันดิ” มันพูดยิ้มๆ
คนแถวนั้นหันมามองเราสองคนกันใหญ่ แล้วก็เริ่มซุบซิบกัน
ผมถอนหายใจ ทำไมผมต้องมีคนเข้าใจผิดทุกที คุยเล่นกับใครที่ไรเป็นข่าวทุกที ผมเลยรีบออกจากที่นั้นโดยด้วย
“เฮ้ย! รอด้วย” โจรีบวิ่ตามผม
ผมเดินมาเรื่อยๆ โดยโจวิ่งมาเดินข้างผม
“เรามีเรื่องจะขอ” มันถามผม
“อะไร” ผมรู้สึกว่ามันต้องแปลกๆแน่
“ถ้าเราสอบผ่านครั้งนี้ นายจะให้อะไรเรา” มันถามผม
“ทำไมต้องให้ด้วยอ่ะ” ผมย้อน
“เราอุตส่าห์ทำเพื่อนายนะ”
ถ้าใครได้ยินคงเขินกับคำพูดแบบนี้ แต่ผมกับตลกมากกว่า
“งั้นเราจะเลี้ยงหนังเรื่องหนึ่ง” ผมหันไปบอก
“ไม่เอา แค่หนังเนี้ยนะ” โจเริ่มงอแง
“ก็นายให้เราเป็นคนเสนอรางวัล” ผมย้อน
“ขอเป็น หอมแก้มได้มั้ย” โจเขยิบตัวมาใกล้
ผมเอามือไปยันหน้าเถื่อนๆของมัน
“ทะลึ่งใหญ่แล้วนะ ให้เดินด้วยก็บุญแล้ว” ผมว่ากลับไป
“โห อะไรว่ะ แค่หอมแก้มเอง” มันยังไม่เลิกงอแง
ผมหัวเราะกับท่าทีของมัน ทำไมเทอมนี้กับเทอมที่แล้วมันเปลี่ยนไปยังกับคนละคน
ผมเดินกับโจไปเรื่อยๆจนเดินไปพบกับคนๆหนึ่งที่ผมหนีเขามาทั้งเทอม
เขากำลังนั่งอยู่ที่ศาลากับน้องเลี้ยงของเขา ที่ชื่อเจ
ผมยืนมองดูเขาสักพัก พี่เค้าก็หันมามองผมโดยบังเอิญ
ผมรีบหลบสายตา และเดินหนีไปจากที่นั้นทันที
“เดี๋ยวก่อนโจ้” พี่เขาเรียกผม ผมเลยหยุดหันไปมองเขา
“อย่าไปยุ่งกับมัน” โจบอกผม
“ขอพี่พูดสักนึดนึงได้มั้ย” พี่หมียังเรียกผม
โจทำท่าห้ามผม ผมเลยหันไปพูดกับมัน “มันคงเป็นครั้งสุดท้ายที่เราจะฟังเขาพูด”
ผมเดินไปหาเขา ผมเองก็อยากรู้ว่าเขาจะพูดอะไร
“พี่ขอโทษกับทุกสิ่งทุกอย่าง กับเรื่องวันนั้น โจ้คงเข้าใจพี่ใช่มั้ย พี่อยากไปหาช่วยโจ้ แต่พ่อพี่ห้าม พี่...”
“พอเถอะครับ” ผมพูดขัดขึ้นมาก่อน
“ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ยังไงผมก็ไม่เข้าใจพี่อยู่ดี ถึงพี่จะอธิบายมากมายเท่าไร ผมก็ไม่มีวันให้อภัยพี่แน่นอนครับ”
ผมพูดพร้อมรอยยิ้ม ทำเอาพี่หมีอึ้ง
แล้วน้องเจก็เดินมาเกาะแขนพี่หมี “ไปประชุมเถอะครับ”
พี่หมีเลยเดินไปกับน้องเจคนนั้น
น้องเจ ทำให้ผมนึกถึงเรื่องบางอย่าง
คืนที่ผมไปกับพี่หมี เพื่อนของเค้าทักพี่หมีว่า แฟนของพี่หมี ชื่อเจไม่ใช่เหรอ
และทุกครั้งที่ผมชวนไปไหน พี่หมีจะปฏิเสธ และจะอ้างว่าไปประชุมทุกครั้ง
ผมมองน้องที่ชื่อเจ เดินเกาะแขนพี่หมี ผมเลยเข้าใจทันที
“เราว่าสองคนนั้นคงไม่ได้เป็นแค่พี่เลี้ยงน้องเลี้ยง” โจพูดเสริม
“ช่างหัวมันปะไร” ผมตอบ พร้อมเดินกลับหอ
“ปิดเทอมไปค้างที่บ้านได้ป่าว” ผมหันไปถามโจ
โจทำหน้าเหวอ ที่ผมกล้าพูดแบบนี้
“ตกลงไปได้ป่าว” ผมถามมันอีกครั้ง
มันพยักหน้ายิกๆ ยิ้มจนแก้มปริ
“เปลี่ยนใจดีกว่า น่ากลัวยังไงก็ไม่รู้” ผมแกล้งมัน
“ไม่เอา ไม่เอา ไปนะ ไปนะ” มันลากตัวผมไปทันที
ในที่สุดผมก็ตัดใจจากคนนั้นได้สักที แต่ส่วนคนที่ลากผมอยู่นั้น คงไม่มีอะไรเกินมากไปกว่าเพื่อนแน่นอนครับ
----- จบคู่ที่ 1 -----

ออฟไลน์ jojoe

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-1
คู่ที่ 2
วันอำลาพี่ม.6ก็มาถึง เด็กม.4 ม.5 วิ่งไปยืนเข้าแถวเตรียมมอบดอกไม้ให้พี่ม.6
รวมถึงเพื่อนของผมสองคนด้วย แต่ผมกลับแยกตัวออกมา
ผมไปยืนแอบอยู่ที่ศาลาริมสนาม ห่างจากตัวโบสถ์ไปไม่เท่าไร
ทุกคนมีดอกกุหลายเตรียมไว้ให้กับพี่ๆ แต่ผมกลับถือสิ่งๆหนึ่งไว้ในมือ รอจะมอบให้ใครบางคน
เวลาผ่านไป พร้อมกับพี่ๆ ที่ทยอยเดินออกมา แต่ละคนก็รับดอกไม้จากน้องๆ เยอะบ้างน้อยบ้าง แล้วแต่ว่าตอนที่เรียนอยู่นั้นทำอะไรให้น้องๆประทับใจบ้าง
จนคนๆหนึ่งที่ผมรอเดินออกมา
คนๆนั้นมีดอกไม้อยู่ในมือเยอะพอสมควร
“พี่หมิง ครับ” ผมเรียกเขา
เจ้าตัวได้ยิน เขาทำหน้าตกใจเล็กน้อย แต่ก็เดินมาหาผม
“ว่าไงเชียร์” เขาทักผม
ผมเองไม่รู้จะทำหน้ายังไง กับเขา เพราะหนึ่งเทอมที่ผ่านมา ผมแทบจะไม่เห็นเขาเลย ไม่รู้เพราะผมหลบหน้าเขา หรือเขาหลบหน้าผมกันแน่
แม้เทอมที่แล้วเราจะสนิทกันมาก็ตาม แต่เรื่องราวที่เกิดขึ้น ความสัมพันธ์ของเรากับเปลี่ยนไป
“ผมดีใจด้วยนะครับ เรื่องที่ผิดสอบติดโควต้าได้” ผมพูดไปก็ถอนหายใจ เพราะพี่เขาสอบติดที่เดียวกับพี่เต๋า คณะเดียวกันด้วย
พี่หมิงยิ้ม “ขอบใจนะ พี่เองก็อยากจะขอโทษเชียร์”
“พี่หมิงไม่มีอะไรต้องขอโทษผมหรอกครับ พี่ไม่ได้ผิดสักหน่อย” ผมรีบตอบพี่เขา
“แต่พี่เป็นต้นเหตุทำให้เชียร์เสียใจ” พี่เขาแย้ง
ผมหลบสายตาพี่เค้า พยายามฝืนใจพูดต่อไป
“ผมรู้พี่ไม่ได้ตั้งใจ” ผมก้มไปหยิบสิ่งหนึ่งที่ผมใส่ถุงเอามาด้วย
“ต้นกระบองเพชรต้นนี้ พี่เต๋าเคยให้ผมตอนม.4 ผมมอบให้พี่นะครับ พี่ควรเป็นคนดูแลมันแทนผม”
“แต่ว่า เต๋าให้เชียร์ไม่ใช่เหรอ” พี่หมิงทำหน้าสงสัย
“ที่ผมให้พี่ ไม่ได้แปลว่าผมไม่ต้องการหรอกนะครับ แต่ผมคิดว่าพี่คงดูแลมันได้ดีกว่าผม”
ผมคิดว่าพี่เค้าคงเข้าใจความหมายที่ผมพูด
พี่หมิงรับมันจากผม “พี่จะดูแลมันอย่างดี เหมือนเชียร์”
“พี่สัญญา” พี่หมิงพูดอย่างหนักแน่น ผมมั่นใจอยู่แล้วว่า พี่เค้าคงดูแลมันอย่างดี
รวมถึงเจ้าของ ของต้นกระบองเพชรนั้นด้วย
******************************************************************************************************************************
พิธีอำลาเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมแยกตัวจากเพื่อนมาที่ห้องชมรม
ตอนนี้ผมได้กลายเป็นประธานชมรมอนุรักษ์ฯ ผมเองก็ไม่คิดว่าจะผูกพันกับชมรมนี้
ทั้งที่ตอนม.4 มีแต่คนตกใจว่า เด็กคุณหนูอย่างผม จะมาอยู่ชมรมเถื่อนๆอย่างนี้ได้ยังไง
คงเป็นเพราะ คนที่ชักชวนผมมา เขาดูแลผมเป็นอย่างดี จนผมผูกพันทั้งคนนั้นและชมรมแห่งนี้ไปด้วย
มีหลายคนสงสัยว่า หนึ่งเทอมที่ผ่านมา ผมกับพี่เต๋าเป็นยังไงบ้าง
แน่นอนครับความสัมพันธ์เราเปลี่ยนไป พูดคุยกันน้อยลง
เพราะผมเองที่พยายามลดความสัมพันธ์ลง แต่พี่เต๋าพยายามทำตัวเหมือนเดิม
ผมเองก็ซึ้งในน้ำใจ ที่เวลาอยู่ต่อหน้าผม พี่เต๋าแทบจะไม่พาพี่หมิงมาให้ผมเห็นเลย
แต่ถ้าสองคนนั้นอยู่ต่อหน้าผม เขาจะไม่ทำตัวสนิทสนมกัน
ผมเองพอรู้ว่าสองคนนั้นเขาแคร์ความรู้สึกผมมาก
แต่ยังไง ผมก็ยังเสียใจกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น ผมเองก็ไม่รู้ว่ามันเป็นความผิดของใคร
รู้แต่ว่า ทำไมมันเจ็บเหลือเกิน
“ว่าไงท่านประธาน” พี่เต๋ามาจากที่ไหนไม่รู้ เดินเข้ามาทักผม
ผมรีบเช็ดน้ำตาทันที
“มาทำไม” ผมทำเสียงงอนๆ
“มาเอาดอกไม้” เขายื่นมือมาที่ผม
“ไม่มีให้ ไปเอากับพี่หมิงนู้น” ผมพูดประชด
“ก็จะเอาจากเชียร์ ถ้าไม่ให้จะปล้ำตรงนี้” ว่าแล้วเขาก็เข้ามากอดผม
ผมดิ้นใหญ่ เพราะไม่มีความรู้สึกแบบนั้นกับเขาอีกแล้ว
“พี่ขอโทษ พี่ขอโทษจริงๆ” เขากระซิบข้างหู
เสียงของเขาทำเอาผมหยุดดิ้น
“พี่ไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้ พี่ก็ยังรู้สึกดีดีกับเชียร์อยู่นะ”
ผมถอนหายใจ “เราสองคนรู้สึกกันแบบพี่น้องมาก่อน แต่เราฝืนมัน คิดว่า เราน่าจะเป็นอย่างอื่นที่จะมีความสุขมมากกว่าเป็นพี่น้อง”
“ตอนนี้เราคงต้องยอมรับความจริง เชียร์ก็เป็นได้แค่น้องชายของพี่เท่านั้น” ผมพูดไป น้ำตาก็ไหลออกมา
พี่เต๋าได้ยินแบบนั้นเขาก็กอดผมแน่นขึ้น
“ผมทำตามสัญญาของพี่แล้วนะ เรื่องชมรม” ผมรื้อฟื้นคำสัญญาที่ผมเคยให้พี่เต๋า
“ทำไม ทั้งๆที่พี่ทำกับเชียร์ขนาดนั้น” พี่เต๋าถามผม
“เพราะมันเป็นสิ่งหนึ่ง ที่จะทำให้ผมนึกถึงพี่ ตอนที่พี่ไม่อยู่” ผมบอกเขา
พี่เต๋า สบตาผม
“ขอบใจมาก ขอบใจกับทุกสิ่งทุกอย่าง พี่ รัก เชียร์ ไม่ใช่ซิ พี่รัก น้องชายคนนี้ที่สุดเลย”
ผมกอดพี่เต๋า นั้นเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมได้สัมผัสกับผู้ชายคนนั้น คนที่ผมได้รู้จักคำว่ารัก
รักจากผู้ชายคนนี้ คือ รักที่จะทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อเขาคนเดียว
-----จบคู่ที่2-----

ออฟไลน์ jojoe

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-1
คู่ที่ 3
ผมกลับมาถึงบ้าน ก็รีบเข้าห้องทันที
แผ่ตัวนอนลงบนที่นอน หนึ่งเทอมที่ผ่านมา เป็นอะไรที่หนักหนากับผมมาก
จริงอยู่ มาสเตอร์เบิร์ดได้ออกไปจากชีวิตผมแล้ว เขาแทบจะไม่ให้ผมเห็นหน้า หรือเวลาเจอกันเขาจะทำเป็นไม่รู้จักผม
แต่การที่บิ๊กไม่อยู่นั้น มันทรมานมาก เพราะยังไม่มีใครล่ำลาใครเลย
อีกอย่างเราจากกันเพราะความเข้าใจผิด
ผมคิดว่าบิ๊กหลอกผม
บิ๊กคิดว่าผมเข้าใจเค้าผิด
ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าความจริงคืออะไร
บิ๊กจากไปทุกอย่างก็เปลี่ยนไป
ผมพูดน้อยลง เก็บตัวมากขึ้น ไม่ค่อยจะออกไปทำกิจกรรมอะไรมากมายเท่าไร
เพื่อนสองคนก็พยายามคอยดูแลผม แต่ผมก็ไม่มีกะจิตกะใจสนุกสนานไปกับมาก แต่ก็รู้ว่า ทำตัวแบบนี้ไป มันก็ไม่มีอะไรดีขึ้นสำหรับตัวผม
“กูว่านะ จะแก้อาการที่ไอ้ปอเป็นแบบนี้ได้ ต้องหาผู้ชายให้มันสักคน รับรองหายขัวร์”
นี้คือความคิดชั่วๆของเชียร์ หลังจากนั้นมันก็พาคนนู้นคนนี้มาแนะนำ
ซึ่งผมแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่ต้องการคนพวกนั้น
เพราะบางคน บ่งบอกมากว่าต้องการ แค่มีอะไรกับผมเท่านั้น
“งั้นรีบอ่านหนังสือเตรียมเอ็นท์ดีกว่าเนอะ เดี๋ยวปีหน้าอ่านไม่ทัน”
โจ้มันก็เอาหนังสือนับพันเล่น มากองให้ผม พร้อมกับข้อสอบเอ็นท์เก่าๆมาให้ผมทำ
แต่ให้อ่านเท่าไร ผมก็อ่านไม่เคยรู้เรื่องเลย
มีสิ่งเดียวที่ทำให้ผมรู้สึกมีความสขุได้ นั้นก็คือ ดนตรี
ผมเล่นกีตาร์บ่อยมาก เพราะมันทำให้นึกถึงคนที่อยู่อีกฝากของโลก
ไม่รู้ว่าเขายังเล่นเปียโนอยู่หรือเปล่า
ไม่รู้ว่ามีใครคอยปลุกเวลาเขาตื่น
ไม่รู้ว่ามีใครคอยเตือนให้ทำการบ้าน
ไม่รู้ว่าเขาจะคิดถึงผมบ้างหรือเปล่า
ยิ่งนึกก็ยิ่งปวดใจ
“ปอ มีจดหมายมาถึงลูกนะ” แม่ผมเดินเอากล่องจดหมายมาให้ผม
ผมรับมัน พร้อมเปิดกล่อง เจอจดหมายประมาณห้าถึงหก ฉบับ
พร้อม โปสการ์ดอีกกลายฉบับ ซึ่งเยอะมาก
เมื่อผมเห็นชื่อ คนที่ส่งมาเท่านั้นแหละ น้ำตาผมไหลแทบไม่หยุด
“อยู่ที่นี้ หนาวมากเลย ไม่มีใครให้กอด คิดถึงจัง”
“ฟังพวกฝรั่งไม่ค่อยออก แม่งพูดโคตรเร็วเลย”
ผมอ่านจดหมายและโปสการ์ด จนเกือบครบ
“เรื่องราวของเรามันอาจจะไม่ได้สวยหรูอย่างที่เราต่างคิดกันเอาไว้ แต่เราสองคนก็คงพยายามที่สุดแล้ว ที่จะแสดงความรักต่อกัน เราเองก็คงมีส่วนผิดที่ทำให้นายคิดว่าเราไม่ได้จริงใจกับนาย และเราเองก็โกรธนายที่คิดแบบนั้น แต่เวลาผ่านไป ทำไมความโกรธ กลายเป็นความคิดถึง สุดท้ายเราก็รู้ตัวเองว่าเราก็คงโกรธนายไม่ลงจริงๆ แต่จะทำให้เรากลับไปเป็นเหมือนเดิม มันก็คงยาก เพราะเราเองก็อยู่คนละซีกโลกเลย เราไม่อยากเห็นแก่ตัวต้องให้นายคอยเรา หรือรอเรา (ทั้งๆที่ก็ไม่รู้ว่า นายอยากจะรอเราหรือเปล่า) เราสองคนคงอยู่คนละสังคมกันแล้ว คงมีใครหลายคนจะผ่านชีวิตของเราสองคนอีกมากมาย เราน่าจะเปิดใจให้พวกเขาบ้าง แต่เราสองคนคงไม่ลืมเวลาที่เราเคยใช้ร่วมกัน เคยทำด้วยกันมา ตัวเราไม่ลืมแน่นอน และจะจำไว้เสมอ เราเองก็หวังให้นายได้รับจดหมายฉบับนี้ ถ้ามีโอกาสกลับไปเมืองไทย เราคงไปหาแน่นอน
คิดถึงเสมอน่ะ  จาก บิ๊ก”
ในที่สุด ผมก็เข้าใจอะไรมากขึ้นจากจดหมายฉบับนี้
ผมก็เดินไปบนโต๊ะหนังสือ แล้วหยิบกระดาษขึ้นมาเขียนจดหมาย
สิ่งที่ผมอยากจะเขียนในจดหมายมีเรื่องราวมากมายที่จะบอกบิ๊ก แน่นอน ผมไม่ลืมที่จะเขียนว่า “เรารักนายเสมอ”
******************************************************************************************************************************
ผมหิ้วกีตาร์ เดินออกไปจากบ้านเพื่อไปซ้อมดนตรีปกติ
ตอนนี้ปัญหาของวงเรา คือยังหานักร้องไม่ได้ กลายเป็นว่าผมต้องทั้งเล่นทั้งร้อง
คือ แต่ผมไม่ถนัดร้องอ่ะ พอร้องได้ แต่อยากเล่นมากกว่า
เลยต้องหานักร้องกันยกใหญ่
ผมเดินออกจากบ้านไม่ทันไร ก็มีรถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งวิ่งมาขวางผมไว้
เจ้าของรถใส่หมวกกันน็อค มองมาที่ผม
“ไปไหนปอ ให้เราไปส่งไหม”
ผมทำหน้างง ไอ้หมอนี้มันใครว่ะ
เจ้าของรถมอเตอร์ไซค์ ถอดหมวกกันน็อคออก พร้อมยิ้มมาให้ผม
“ไอ้เหน่ง” ผมแทบช็อคไม่นึกว่าจะเจอเพื่อนสมัยเด็กๆ
เก่งเป็นเพื่อนข้างบ้านผมตอนประถม แต่มันย้ายไปเรียนมัธยมที่อื่น พร้อมย้ายบ้านไปด้วย
เกือบ6ปีที่ไม่ได้เจอกัน มันเปลี่ยนไปมาก
คือมันหล่อมาก พูดจริงๆนะครับ คือมันดูดีมาก ผมแทบจะจำไม่ได้
“เฮ้ย! มาทำอะไรแถวนี้ว่ะ” ผมเดินเข้าไปตบไหล่มัน
“กูย้ายกลับมาอยู่แถวนี้แหละ บ้างข้างๆ ร้านก๋วยเตี๋ยว” มันชี้ไปทางบ้านของมัน ซึ้งก็ไม่อยู่ไกลจากบ้านผมเท่าไร
“เออมึงจะไปไหน เดี๋ยวกูไปส่งไหม” มันถาม
“ก็จะไปซ้อมเพลง ที่ห้องซ้อม แถวๆลาดพร้าว” ผมตอบ
“เออ ขึ้นมาดิ เดี่ยวกูไปส่ง”
ว่าแล้วผมก็กระโดดขึ้นมอเตอร์ไซด์ทันที
******************************************************************************************************************************
ไปถึงห้องซ้อม บรรดาเพื่อนๆ ก็หน้าเหวอ ที่เห็นผมพาหนุ่มหล่อมาด้วย
มันก็เริ่มกระซิบกระซาบกันใหญ่
“เพื่อนกูสมัยเด็กๆ ไม่ต้องสุ่มหัวนินทากูเลย” ผมด่าพวกมัน
แล้วเราก็เริ่มซ้อมโดยมี เหน่งนั่งมองผม
ซ้อมไปจนจบ สักสองสามเพลง
“ว่าไง ว่ะ โอเคป่ะวงกู” ผมหันไปถามมัน
เหน่งทำหน้าครุ่นคิด ก่อนจะบอกผม
“อืมม ดนตรีนะโอเคแล้ว แต่กูว่า เสียงร้องของมึงยังไม่ว่ะ”
มันเริ่มวิจารณ์ใหญ่เลย
“มึงต้องร้องแบบนี้” แล้วมันก็ร้องเพลงที่ผมร้องเมื่อกี้ มาท่อนหนึ่ง
พอร้องจบ ผมหันไปมองกับเพื่อนๆในวงทันที
“กูว่ากูได้นักร้องวงเราแล้วว่ะ”
เพื่อนๆก็เห็นด้วย
“เหน่ง มึงมาร้องเพลงให้พวกกูหน่อยดิ” ผมบอกมัน
“เฮ้ย!” มันทำน่าตกใจใหญ่
“เอาเป็นว่า เดี๋ยวไปเคลียร์เรื่องนี้กันที่บ้าน แต่ยังไงมึงก็ต้องเป็นอยู่ดี”
ผมจับมัดมือชก เหน่งทำหน้าเหวอ
แต่เพื่อนผมเหวอกว่า
“เมื่อกี้ มึงพูดว่าไปเคลียร์ที่บ้าน หมายความว่าไงว่ะ” พวกมันรุมถามผม
“ไหนบอกแค่เพื่อนไง” แนะโดนรุมอีกแล้ว
“เออ โอเค เราร้องก็ได้ ไหนเอาเนื้อมาดูดิร้องเพลงอาไรกัน” เหน่งมันตัดบท ช่วยผมจากเพื่อนๆที่กำลังรุมผม
เหมือนเรื่องร้ายๆจะผ่านพ้นไปกับเรื่องราวใหม่ๆที่กำลังเข้ามา
ผมมองผู้ชายที่กำลังร้องเพลงอยู่ข้างๆผม
เพียงเสี้ยววินาทีในความคิด เขาใช้ความาหวังครั้งใหม่ของผมหรือเปล่า
-----จบคู่ที่3-----

ออฟไลน์ jojoe

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-1
จบแล้วนะครับ สำหรับชีวิตในช่วงม.5

โจ้เข้าใจในความรักมากขึ้น แต่ก็ไม่ได้คิดกับโจในฐานะแฟน
เพราะยังเจ็บช้ำจากความรัก และอยากจะดูใจตัวโจไปเรื่อยๆ
แต่ก็คงหมดหวัง เพราะโจ้ไปเจออาจารย์เบน ซึ่งดูจะสามารถดูแลโจ้ได้ดีกว่าโจ
อีกอย่างผู้ชายที่โจ้ชอบ ค่อนข้างเป็นผู้ใหญ่ และดูจะสมบูรณ์แบบมากๆ(เพอร์เฟคแมน)
เนื่องจากโจ้เป็นเด็กกำพร้า ขาดความอบอุ่นตั้งแต่เด็ก เลยชอบผู้ชายที่จะดูแลตัวเองได้เสมอ

เชียร์เองก็ยอมรับความจริง พี่เต๋าอาจจะสองจิตสองใจ เพราะก็ยังรักเชียร์อยู่
แต่เชียร์รู้ตัวเองว่า อยู่ห่างแฟนไม่ได(เป็นคนติดแฟนมากๆ)้ เพราะถึงไ่ม่เลิกตอนนี้
ก็อาจจะเลิกกันอยู่ดี เพราะเชียร์เป็นคนขี้เหงา(แม้ภายนอกจะดูไม่เป็นอย่างนั้น) และชอบให้คนเอาแต่ใจ
ดูจากกรณีพี่แจ็ค เชียร์ไม่เสียใจกับการนอกใจของพี่แจ๊ค เพราะความผูกพันได้ลดลงไป เมื่อตอนอยู่ห่างกัน
สังเกตดีดี เพราะเป็นแฟนกัน สองคนนี้จะไม่ค่อยกัดกันแซวกันเลย แต่กลายเป็นทะเลาะกันมากกว่า
เชียร์เองประทับใจตอนที่ยังไม่ชอบกันมากกว่า

ส่วนน้องปอ สองคนนี้ดูจะรักกันอยู่ แต่ความห่างไกลย่อมเป็นอุปสรรค
บิ๊ก เองก็ไม่เห็นแก่ตัวให้ปอรอ เพราะรู้ดีว่าปอน่าจะเจอคนดีดีเข้ามาในชีวิต ซึ่งอาจจะดีกว่าตัวเขาเองด้วย
แต่น่าสงสารน้องปอเนอะ ดันมาเจอพี่เก่งที่ร้ายกว่าบิ๊กซะอีก (น้องปอตอนมหาลัยน่าสงสารกว่าตอนมัธยมอีกนะ)
และก็เปิดตัวเหน่ง ที่ใครก็ลุ้นให้คู่กัน

ตอนหน้า ม.6กันแล้ว อยากบอกว่า ทั้งสามคนป็อบปูล่ามากๆ
อยากรู้ว่าเป็นยังไงต้องติดตามนะครับ

อย่าลืมคอมเมนท์ด้วยนะครับ ว่าบทสรุปของแต่ละคนเ้ป็นยังไบ้าง

 :oni2:

dorgchant

  • บุคคลทั่วไป
เห็นโจ้เป็นเด็กเรียน แต่เสน่ห์แรงไม่เบานะ  :m1:

ออฟไลน์ Tifa

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1474
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +417/-2
เป็นบทเรียนอีกบทหนึ่ง

แต่ว่าถ้าจบตอน ม6 แล้วอยากรู้เรื่องตอนต่อ

ของภาค 1 อะ คริๆ อยากรู้ว่าตกลงปอจะลงเอยกะใคร

iamhappywood

  • บุคคลทั่วไป
เฮ้อ อยากเห็นว่าตอนนี้ใครเป็นยังไงบ้าง เชียร์ยังอยู่กับแฟนดีไหม
แล้วโจ้อยู่กับอาจารย์เป้นไงบ้าง ส่วนปอลงหลักปักฐานกับใครไปรึยัง
อยากรู้ๆ  :m12:

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
จบแบบนี้น่ารักที่ซู้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดเลย อิอิ  :oni2:

marchmenlo

  • บุคคลทั่วไป
:m29: พอถึงม.6 ก็ไกล้จะจบแล้วอ่ะดิ ไม่อยากให้จบเร็วเลยอ่ะ ยังอยากอ่านต่อ แต่.......
สงสารปอ :sad2:

jobisuka

  • บุคคลทั่วไป
อย๊ายยยยยยยยยยยยยยย จุใจมาก ๆ แต่ใกล้จบแล้วหรอออ   :a5:

แต่ ม. 6 นี่คงหลายตอนอยู่ อิอิ แอบไซโค

ลุ้น ๆ ว่าจะป๊อบขนาดใหน สับรางทันรึเปล่า เหอ ๆ :oni2: :oni2:

มาต่อ ๆๆ  :m13: ไวๆนะจ๊ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






dorgchant

  • บุคคลทั่วไป
นึกแล้วเสียดาย ตอนที่ยังเรียนอยู่อสช ไม่ได้อยู่ประจำ ไม่งั้นคงได้มีเรื่องชุลมุนแบบนี้บ้าง  :m1:

meawkung02

  • บุคคลทั่วไป
รอลุ้น ตอน ม.6 ต่อปายย...อิอิ

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50

ออฟไลน์ jojoe

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-1
Three Couple of Love Season2: Back to School part 3

สวัสดีครับ ผมขอแนะนำตัวก่อนนะครับ ผมชื่อเอ ครับ เรียนอยู่ม.5 เป็นสมาชิกในชมรม หนังสือของโรงเรียน
พอดีผมได้รับมอบหมายมาทำคอลัมน์ คนเด่นคนดังของโรงเรียนเรา
จะบอกว่าได้รับมอบหมายก็ไม่เชิง เพราะผมอาสารับทำหน้าที่ด้วยตัวเองครับ
เพราะผมอยากจะทำคอลัมน์ถึงพี่ๆที่ผมชอบมากๆๆๆ
เอาเป็นว่าไม่ใช่ผมชอบอยู่คนเดียว เพราะมีทั้งรุ่นพี่รุ่นน้อง เพื่อนๆผม ก็ชื่นชมพี่ๆ3คนนี้ไม่น้อยเหมือนกัน
ดังนั้น ผมจึงต้องใช้ความกล้าแทรกตัวเข้าไปสัมภาษณ์พวกพี่ๆ ที่พูดอย่างนี้ไม่ได้เว่อร์นะครับ
เดี๋ยวก็จะรู้ว่าทำไมผมต้องทำขนาดนั้น
งั้นมาเริ่มกันเลนดีกว่า
**********************************************************************************
คนที่ 1
 
พี่คนแรก เป็นนักเรียนเรียนดี ประพฤติดี ได้รางวัลจากโรงเรียนทุกปี ไม่สามารถบอกได้ว่ารางวัลอะไรบ้างเพราะพี่แกคว้าไปเกือบหมด ส่วนมากเป็นรางวัลทางด้านวิชาการ
เกรดเฉลี่ย 4.00มาทั้งหมดสี่เทอม มี3.98 อยู่เทอมเดียว (คนหรือเปล่า)
แต่ที่สำคัญที่สุด น่ารักมากกกกกก
ไม่ใช้แค่หน้าตานะ แต่นิสัยดีมาก น้องๆชอบกันเกลียวเลย เพราะพี่แกชอบมาช่วยติวให้น้องๆเสมอ
ผมจึงหมายมั่นไปหาพี่คนนี้เป็นคนแรก
ผมไปยืนอยู่หน้าห้องเรียนของพี่ ม.6 ห้อง 4 ซึ่งเป็นห้องสายศิลป์ – คำนวณ
สายตามองหาพี่โจ้ ซึ่งเป็นคนแรกที่ผมจะสัมภาษณ์ด้วย
เจอแล้ว พี่ที่ใส่แว่นก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสืออยู่
ผมงงนี้มันเวลาพัก พี่เค้าไม่ไปพักเหรอ
“เฮ้ย! มาทำอะไรแถวนี้ว่ะ” ผมสะดุ้งโหย่ง ตกใจที่มีใครมาทักผมข้างหลัง
ผมหันไปเจอพี่หน้าเถื่อนๆคนหนึ่งยืนมองผมอยู่
ผมกลัวๆพี่เขายังไงก็ไม่รู้
“มีอาไรเหรอ โจ” พี่โจ้เงยหน้าขึ้นมา เห็นผมกำลังประชันหน้ากับไอ้พี่หน้าเถื่อนนี้
“ไอ้นี้มันมาด่อมๆมองๆตรงนี้ ไม่รู้มันมาทำอะไร” ไอ้พี่หน้าเถื่อนหันมาแขวะผม
พี่โจ้หันมามองที่ผม พร้อมยิ้มก่อนจะถามคำถาม
“มีอะไรเหรอครับน้อง” พูดเพราะด้วย โอ้ย ทำไมน่ารักอย่านี้ว่ะ
“เออ ผมชื่อ เอนะครับ มาจากชมรมหนังสือของโรงเรียน จะมาทำคอลัมน์คนเด่นคนดังของโรงเรียนเรา คือจะมาขอสัมภาษณ์พี่อ่ะครับ” ผมพูดไปก็เขินไป
“ได้ซิครับ งั้นไปคุยกันข้างนอกดีกว่า” ว่าแล้วพี่โจ้ก็เก็บหนังสือที่เขาอ่านเมื่อกี้ พร้อมเดินมาหาผม
“อ้าว ไหนวันนี้บอกว่าจะไปกินไอติมกับเราไง” ไอ้พี่หน้าเถื่อนโวยวาย
ผมว่าสองคนนี้เค้าดูแปลกๆเนอะ เหมือนว่าจะเป็นแฟนกันเลย
“ก็กินไปด้วย แล้วก็ให้น้องสัมภาษณ์ไปด้วย” พี่โจ้หันมาเจรจากับไอ้พี่หน้าโหด
“ก็อยากไปกินกันสองคนนี้” ทำเสียงงอนด้วยไม่เข้ากับหน้าโหดของพี่แกเลย
“น้องเอไปเหอะ” พี่โจ้ดูท่าจะไม่สนใจเท่าไร พร้อมเดินนำหน้าผมไป
ผมเลยเดินคู่กับไอ้พี่หน้าโหด ที่กำลังส่งสายตาพิฆาตมาให้ผม กลายเป็นว่าผมคงเป็นก้างชิ้นโตสำหรับเขาไปซะแล้ว
ผมมาที่ศาลาริมสนาม โดยพี่โจ้เดินเข้าไปนั่งก่อน ผมกำลังจะเดินไปนั่งข้างๆ ใจเต้นโครมครามเลยครับ
แบบว่า ไม่เคยคิดจะนั่งใกล้พี่โจ้ขนาดนี้ พี่เขาผิวเนียนมาก
จมูกนี้โด่งเชียว ผมว่าพี่เค้าเหมือนฝรั่งนิดๆ เห็นมีข่าวลือว่าเป็นลูกครึ่งฮอลแลนด์
“เฮ้ย! เอ็งไปนั่งตรงโน้นเลย”ไอ้พี่หน้าเถื่อนมานั่งคั่นกลางระหว่าผมกับพี่โจ้ ทำไมถึงหวงหนักหวงหนาว่ะ
“โจไปซื้อไอติมมาเลย อยากกินไม่ใช่เหรอ” พี่โจ้หันไปสั่งไอ้พี่หน้าเถื่อน
“ไม่กิน ไม่มีอารมณ์กินแล้ว” มีทำงอนด้วย
“โจ ไปซื้อไอติมมาเดี๋ยวนี้” พี่โจ้ทำหน้าดุ
เท่านั้นแหละ จากดุๆกลายเป็นเชื่องทันที พี่หน้าเถื่อนลุกขึ้นไปตามคำสั่ง
“ซื้อมาสามถ้วยนะ เลี้ยงน้องเอด้วย” พี่โจ้สั่ง
ไอ้พี่หน้าเถื่อนหันมาส่งสายตาพิฆาตให้ผมก่อนจะเดินไปที่โรงอาหาร กูจะโดนพี่เค้าเล่นมั้ยเนี่ย
“งั้นสัมภาษณ์เลยได้มั้ยครับ”
“จ๊ะ” พี่โจ้ยิ้มหวานให้ โห ใจแทบละลาย ใครว่าเด็กเรียน เนิร์ดๆจะไม่น่ารักว่ะ
“พี่โจ้มีเคล็ดลับอะไรบ้างอ่ะครับ ทำไมถึงเรียนเก่งมาก ได้ 4.00มาเกือบตลอด”
ผมเริ่มคำถามมีสาระก่อน
“ก็ไม่มีอะไรมากครับ เราต้องตั้งใจในสิ่งที่เราทำก่อน และต้องทำมันให้ดีที่สุด อย่างพี่ก็ค่อนข้างทุ่มเทกับการอ่านหนังสือมากเป็นพิเศษ แต่ก็ต้องแบ่งเวลาไปทำอย่างอื่นด้วย เพราะความรับผิดชอบของเราไม่ได้มีแค่การเป็นนักเรียนอย่างเดียว” 
“พี่ชอบวิชาอะไรมากเป็นพิเศษอ่ะครับ”
“ที่จริงชอบเกือบหมดนะ แต่ชอบจริงๆคงเป็นคณิต” พี่เขาตอบไปยิ้มไป
“ทำไมอ่ะครับ ส่วนมากคนชอบวิชานี้น้อยนะ” ผมย้อน
“พี่ว่าวิชานี้มันได้ใช้ความคิดอะไรหลายอย่าง ใช้หลักเหตุผล การวิเคาระห์ และพัฒนาสมองได้ดีทีเดียว”
พี่เขาตอบอย่างคนที่มีความคิดจริงๆ มีคนอย่างนี้น้อยเนอะ
“พี่อยากเรียนต่อคณะอะไรเหรอครับ”
“อืมม จิตวิทยาครับ”
ผมทำหน้าตกใจเล็กน้อย เพราะคณะนี้เรียนยากอ่ะ “ทำไมอ่ะครับ”
“ก็ พี่อยากเรียนรู้ถึงจิตใจของคน พี่ว่าจิตใจของคนเป็นอะไรที่เข้าใจยากที่สุด” พี่เค้าตอบ แถมทำหน้าเศร้าไปสักพัก แล้วก็เปลี่ยนหน้ามายิ้มให้เหมือนเดิม
และผมก็ถามไปอีกสองสามคำถาม ก่อนจะรีบถามคำถามที่ไม่ได้เกี่ยวกับคอลัมน์เลย
“เออ พี่ครับ พี่คนนั้น เค้าทำไมถึงดูหวงพี่อ่ะครับ” ผมถามไปมองซ้ายมองขวาไปกลัวพี่แกจะมาซะก่อน
พี่โจ้หัวเราะใหญ่เลย “ไอ้โจ มันก็บ้าๆบอๆอย่างนี้แหละ ไม่มีอะไรหรอก”
ไม่มีอะไรได้ไง มองอย่างกับจะฆ่ากันเลย
“อืมม แล้วน้องทำไมอยากจะมาสัมภาษณ์พี่ล่ะ” พี่โจ้ยิงคำถามผมกลับ
ตอบยังไงดีว่ะกู เหตุผลจริงๆนะเหรอ คือผมชอบพี่ไงครับ
“พี่เก่งขนาดนี้ แถมน่ารักอีกต่างหาก เออหมายถึง นิสัยดีอ่ะครับ ที่ชมรมเค้าอยากให้พี่ลงคอลัมน์นี้
“ขอบใจนะครับ” พี่โจ้ยิ้มให้อีกแล้ว กูจะละลายอีกแล้ว
“ผมขอถ่ายรูปนะครับ ต้องเอารูปไปลงด้วยอ่ะครับ” ผมรีบคว้ากล้องมาทันที จะถ่ายสักสิบ ยี่สิบรูปเลย
“เฮ้ย! เดี๋ยยวค่อยถ่าย แดกไอติมไปก่อน เดี๋ยวมันละลาย กูอุตส่าห์เดินไปซื้อมาให้”
แล้วพี่หน้าเถื่อนก็ยื่นไอติมมาให้ผม จะถ่ายอยู่แล้วเชียว
ผมรับไอติม และก็รีบๆกินจะได้ถ่ายรูป
พลางมองไปทางพี่สองคนนั้น พี่หน้าเถื่อนแกล้งเอาไอติมไปหยดที่แว่นตาพี่โจ้
“ทำบ้าอะไรว่ะ” พี่โจ้โวยวาย พร้อมถอดแว่นมาเช็ด
โอ้ว! ตอนพี่โจ้ถอดแว่น หล่อมากกกกกก
ผมคว้ากล้องมาถ่ายทันที
“ถ่ายอะไรว่ะ” พี่หน้าเถื่อนทำหน้าเข้มใส่ผม
“เออ เออ เออ” ไม่กล้าตอบอ่ะกลัวโดนต่อย
“น้องเค้าจะถ่ายไปลงคอลัมน์นะ” พี่โจ้มาช่วยชีวิตผมไว้ ผมเกือบตายแล้ว
“งั้น มึงถ่าย พี่สองคนได้เปล่า” แล้วพี่หน้าเถื่อนก็คว้าพี่โจ้ไปกอด
ผมอึ้งไปเลยครับ แบบ ไม่เห็นเหมาะกันเลยคู่นี้
ผมเลยจำใจถ่ายรูปพี่โจ้ กับพี่หน้าเถื่อนไปด้วย
แต่ก็ไม่วายขอร้องพีโจ้ถอดแว่น แล้วถ่ายไปอีกหลายรูป
กูจะเอาไปขายพวกที่ชอบพี่เค้า เพื่อนผมมีคนหนึ่งชอบพี่เค้ามาก มันเหมาหมดแน่
แล้วผมก็เดินไปสัมภาษณ์พี่คนต่อไป
******************************************************************************************************************************
ติดตามการสัมภาษณ์คนต่อไปเร็วๆนี้นะครับ
เดี๋ยวเย็นๆจะมาตอบคำถามนะครับ

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
คู่โจ้ - โจ นี้ก็น่ารักน่ะเนี่ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

ออฟไลน์ jojoe

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-1
ตอบคำถามครับ

dorgchant – ถ้าอ่านภาคที่1 จะรู้ว่าโจ้เป็นเด็กลูกครึ่ง ไทย-ฮอลแลนด์ ไม่แปลกที่จะน่าตาดีกว่าเด็กคนอื่น แต่ส่วนมากคนชอบโจ้เพราะนิสัยที่เป็นคนเรียบร้อย และยิ้มเก่ง

Tifa – ภาคต่อของภาคหนึ่ง ผมเคยเกริ่นไว้แล้วในบทนำภาคที่2 สามารถอ่านได้ที่หน้า 5 นะครับ

iamhappywood – ถ้าอยากรู้ว่าปัจจุบันเป็นยังไงบอกได้แค่ว่า โจ้ก็ยังรักกับอาจารย์เบน เชียร์ก็คบอยู่กับพี่เอก ส่วนปอยังไม่คบใคร แต่เหน่งจะอยู่ใกล้ๆเสมอ เหมือนเป็นแฟนกันอยู่ดีละครับ

pongsj – ผมเองก็อยากให้จบแบบนี้ เพราะเรื่องจริงมันแตกต่างจากนี้ลิบลับ

marchmenlo – อย่าว่าแต่คนอ่านเลย ผมเองก็สงสารปอ ทำไมแต่งให้เศร้าซะขนาดนั้น แต่เจอแบบนี้ทำให้นายปอ แกร่งกว่าคนอื่นๆนะครับ พอจบภาคนี้ ผมคิดถึงภาค3ไว้นะ เรื่องตอน3คนนี้เข้าทำงาน แต่แค่คิดไว้ยังไม่แน่ใจว่าจะแต่งต่อหรือเปล่า

jobisuka – ตอนม.6ขอลงแค่ตอนเดียวนะครับ เพราะเรื่องของทั้งสามคนจบแล้ว ช่วงนี้ค่อนข้างไม่ได้สนใจผู้ชายกันเท่าไร เพราะทั้งสามคนเตรียมเอนท์กันสุดฤทธิ์ เพราะยังไงอนาคตของตัวเองย่อมมาก่อนผู้ชายแน่นอนครับ ส่วนเรื่องป็อบปูล่าไหม ลองอ่านตอนม.6แล้วกันครับ

dorgchant – เรียนประจำถึงจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น แต่มันก็มีทั้งข้อดีข้อเสียอ่ะครับ ผมเองเจอมาทั้งสองแบบ แม้จะมีกุ๊กกิ๊กบ้าง แต่พอทะเลาะกันเนี้ยเรื่องใหญ่เลยะครับ เอาเป็นว่าเป็นประสบการณ์ชีวิตในวัยเด็กก็แล้วกันครับ

meawkung02 – ตอนม.6อาจจะไม่มีอะไรให้ลุ้นนะครับ ถือว่าเอามาเป็นตอนพี่เศษก็แล้วกัน

Junrai_Hyper – ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะครับ สู้ๆ สู้ตาย



dorgchant

  • บุคคลทั่วไป
เย้ มาแล้วๆๆ  :m4:

อ่านมันที่ทำงานเลยละกัน ใจร้อน
--------------------------------------------------------------------------

แล้วงานวันเลี้ยง โจ้จะได้เจอกับโจ ไหมน้อ  :o8:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-09-2008 14:03:12 โดย dorgchant »

meawkung02

  • บุคคลทั่วไป
ค้าบบ...แล้วจะรอตอนพิเศษนะค้าบบ...^^


ปล. แค่ตอนแรก โจ้ ก้อฮ๊อตขนาดนี้แย้วอ่า...อิอิ

ออฟไลน์ Tifa

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1474
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +417/-2
อ้างถึง
Tifa – ภาคต่อของภาคหนึ่ง ผมเคยเกริ่นไว้แล้วในบทนำภาคที่2 สามารถอ่านได้ที่หน้า 5 นะครับ


คือว่าอยากรู้ต่ออะครับว่าตกลงปอจะ........มั้ยอะ อยากให้ลงเอยสักทีใน3คนนี้ ปอดูค้างคาที่สุด

ปล. ตอนใหม่ก็ดีนะครับ เปลี่ยนคนดำเนินเรื่อง น่าสนุกๆ

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
อย่าบอกนะครับ ว่ารอบนี้จะรักรุ่นน้อง

อิอิ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






marchmenlo

  • บุคคลทั่วไป
:m4: ดี ๆ คับ ได้พักสมองมั่งอ่านแล้วสนุกดี ฮากับโจที่คอยหึง กะเด็กมันก็ไม่เว้น กรรม..

ออฟไลน์ jojoe

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-1
คนที่ 2
พี่คนนี้ถือว่าป๊อบปูล่าตัวจริง เพราะน่าตาดีมาก เป็นถึงดรัมเมยอร์ไม้หนึ่ง เมื่อปี่ที่แล้ว
ไอ้จอร์จ ดรัมเมยอร์ไม้หนึ่งปีนี้ (เพื่อนผมเอง หล่อที่สุดในรุ่นแล้วเนี่ย) ยังเทียบไม่ติดเลย
แต่พี่แกแปลก เป็นประธานชมรมอนุรักษ์ฯ ซึ่งต่างรู้ว่าเป็นชมรมสำหรับคนรักงานกรรมกร
แต่พี่เค้าดูคุณหนูมากๆ ทั้งกิริยา และหน้าตา แต่เป็นถึงประธานชมรม
ผมเก็บความสงสัยไว้เพื่อการสัมภาษณ์ครั้งนี้
ผมมาถึงแปลงเพาะปลูกต้นไม้ของชมรมอนุรักษ์ฯ ซึ่งอยู่ทางด้านหลังของหอพัก
ผมเห็นพี่เชียร์กำลังรดน้ำต้นไม้อยู่
ผมมองพี่เค้าตาไม่กระพริบเลย ขนาดท่ารดต้นไม้ยังน่ารักเลยอ่ะ
“พี่ครับ” ผมเรียกพี่เค้าไม่ได้ยิน เรียกอีกครั้ง เค้าก็ไม่ได้ยิน
ผมเลยเดินไปแตะที่บ่าของพี่เชียร์
“เฮ้ย!” พี่เค้าตกใจ แต่ดันหันสายยางที่ฉีดน้ำมาด้วย
ตัวผมเลยเปียกไปทั้งตัว
“ขอโทษ น้องมาแบบนี้พี่ก็ตกใจดิ” พี่เค้ารีบหาผ้ามาให้ผมใหญ่
พอผมเช็ดตัวจนพอแห้งได้แล้ว จึงบอกกับพี่เชียร์
“ผมชื่อ เอ นะครับ ผมมาจากขมรมหนังสือของโรงเรียน จะมาขอสัมภาษณ์พี่อ่ะครับ”
“อ้าวเหรอ งั้นน้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนไหม” พี่เชียร์ดูเป็นห่วงผม ผมเนี้ยน้ำตาแทบไหลเลยคร้าบ
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมรบกวนพี่แป๊บเดี๋ยวครับ”
“โอเคก็ได้ครับ” พี่เชียร์ยิ้ม รอยยิ้มพี่เค้าทำตัวผมแห้งเลยอ่ะครับ(เว่อร์ซะ)
“ทำไมพี่ถึงเข้าชมรมอนุรักษ์อ่ะครับ แบบว่า ดูพี่ไม่ค่อยเหมาะกับชมรมแบบนี้”
ผมถามตรงๆ พี่เชียร์ยิ้มแล้วก็หันไปมองบรรดาต้นไม้ที่อยู่ด้านหลัง
“ตอนแรกพี่โดนหลอกเข้ามา แต่พอๆอยู่ไป พี่ก็รู้สึกผูกพัน และก็พี่ทำตามคำสัญญาของ...”
พี่เชียร์เว้นวรรคไป ผมลุ้นในใจ ใช่พี่ประธานคนก่อนป่าว เห็นกิ๊กกันอยู่นี้
“ของบรรดารุ่นพี่ รุ่นก่อนๆ ที่เข้ารักชมรมนี้ อีกอย่างพี่ว่า ตอนนี้โลกร้อน มาใส่ใจธรรมชาติดีกว่าเนอะ”
พี่เขายิ้มให้ผม ผมพยายามควบคุมสติไว้ แต่มันเคลิ้มทุกทีเลย
แล้วก็มีใครบ้างคนมาเขามาแทรกการสัมภาษณ์
“อ้าว อั้ม มีอาไรเหรอ” พี่เชียร์ยิ้มให้ พี่อั้ม ประธานชมรมบาส
ผมเงยมองหน้าพี่เขา เพราะพี่แกสูงเกือบ190 แถมหล่อโคตร หุ่นก็ล่ำเกินวัยเด็กม.6
“จะชวนไปกินข้าวนะ” พี่อั้มยิ้มหวายให้พี่เชียร์
“กินคนเดียวไม่เป็นเหรอไง” พี่เชียร์แขวะ
“ไม่เคยมีใครปฏิเสธเรานะ เชียร์เป็นคนแรกเลยนะ ยอมไปกินกับเราเถอะ” พี่อั้มเดินมาใกล้พี่เชียร์
พี่เชียร์เขยิบตัวออกไป พร้อมส่ายหน้า “ไม่อ่ะ เรามีธุระ เราสัมภาษณ์หนังสือโรงเรียนอยู่ อีกอย่าง เราว่าจะไปกินกับน้องเขาด้วย”
พี่เขาเอาผมมาเป็นไม้กันหมาซะงั้น
“พรุ่งนี้ไปก็ได้ แต่ให้ครั้งเดียวนะ เพราะเราอยากไปกินกับเพื่อนมากกว่า” พี่เชียร์พูดปัดไป เพราะคงคิดว่าถ้าไม่พูดแบบนี้ พี่อั้มคงตื้อต่อแน่ๆ
“ได้ได้”มีขู่ด้วย พี่อั้มเลยเดินจากไป พร้อมส่งสายตาพิฆาตมาให้ผมแทน วันนี้ทำไมมีคนเกลียดกูจังว่ะ
“เรื่องที่พี่จะไปกินกับข้าวกับเอ เรื่องจริงนะ เดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง” พี่เชียร์เค้าคงกลัวผมคิดว่าพี่เขาเอาผมเป็นข้ออ้าง
ผมได้ยินดังนั้น หัวใจจะวาย นึกว่าฝันไปนะเนี้ย
ไอ้พี่อั้มที่พวกกะเทยในโรงเรียนกรี๊ดๆกัน เขายังปฏิเสธเลยแต่ไปกินกับผมที่ธรรมดา กระจอกงอกง่อย
“เชื่อซิ เดี๋ยวไอ้อั้ม ก็ไปกินกับ พิงค์กี้ ไม่รู้จะมาหาพี่อีกทำไม” พี่เชียร์แฉให้ผมฟัง
ผมก็พอรู้ว่าพี่อั้ม แกคบยัยพิงค์กี้ กะเทยสาวสุดสวยประจำโรงเรียนอยู่
“สัมภาษณ์ไป เดินไปดีกว่ามั้ย” พี่เค้าแนะนำ ผมเลยเดินตามพี่เค้าไป
“แล้วพี่เขียร์อยากเข้าเรียนต่อคณะไหนเหรอ” ผมถาม
“คงเป็นด้านนิเทศ ไม่ก็ด้านศิลปกรรม พี่ชอบเกี่ยวกับออกแบบเสื้อผ้านะ”
เหมาะกับพี่มากเลย หน้าตาอินเทรนด์แบบนี้ รุ่งแน่
ผมถามไปอีกหลายคำถาม เวลาเดินไปก็มีคนมองไป
คือพี่เค้าดังอยู่แล้วอ่ะ คนรู้จักเยอะ
“อืมม ตอนนี้พี่มีแฟนยังครับ” ผมเผลอถามไปซะงั้น พี่เค้าหันมามองทำหน้างงงง
“จะเอาไปลงหนังสือเหรอคำถามเนี้ย”
“ป่าวๆคับ พอดีมีคนอยากรู้เยอะ” ที่จริงผมนั้นแหละที่อยากรู้
แล้วก็มีคนเดินมาหาพี่เชียร์ พี่บี้ ประธานชมรมการแสดงนี้หว่า คนเนี้ยแกหล่อมาก มีข่าวว่าค....ย ของแกใหญ่ใช่เล่น
“เชียร์ เมื่อไหร่จะไปกินไอติมกับเรา เมื่อวานก็ไม่ไป บอกว่าไปวันนี้ไม่ใช่เหรอ”
กรณีเดียวกับพี่อั้มเป๊ะ
“เรายุ่งอยู่ สัมภาษณ์ลงคอลัมน์ในหนังสือโรงเรียนอยู่” พี่เชียร์พยายามยิ้ม
“โห ปัดเราตลอดเลยนะ เมื่อไรจะมาเป็นSomeoneของเราซะทีล่ะ” พี่แกทำท่าเป็นชี้มาที่ตรงหน้าอกข้างซ้ายของพี่เชียร์
“พรุ่งนี้ชัวร์ โอเคป่ะ” พี่เชียร์เอามือปัดพี่บี้ออก
“ได้ๆ แต่จำไว้นะ I need somebody love และเราอยากให้เป็นเชียร์จัง” ยังปล่อยมุขอีกนะ
และพี่แกเดินสวนผมพร้อมส่งสายตาพิฆาตอีก ผมถอนหายใจ กูได้ไปกี่ตีนแล้วเนี้ย
พี่เชียร์ถอนหายใจ “อย่าไปสนใจคนพวกนี้เลย”
ผมพยักหน้า แล้วก็มีคนเดินมาชนผม จนผมเซไปนิดนึง เงยมาเจอ
พี่รุจ ประธานชมรมร้งเพลงประสานเสียง คนนี้หล่อแบบคุณชาย และรวยมาก พ่อเป็นสส ด้วย
“เชียร์คร้าบ วันไหนจะได้ไปเดินเล่นกัน” พูดซะหวานไม่พอ ส่งตาหวานอีก
“เราไม่ว่างอ่ะ ต้องสัมภาษณ์ลงคอลัมน์ในหนังสือโรงเรียนนะ เป็นวันพรุ่งนี้ได้ไหม”
พี่เชียร์เริ่มทำหน้าเอือม
“ได้ครับ แต่ครั้งหน้าห้ามพูดอย่างนี้อีกนะ เพราะเชียร์ หมดเวลาแก้ตัว แล้ว”
พี่เชียร์ยิ้มให้พร้อมพยักหน้า
พี่รุจเดินสวนผม พร้อมส่งสายตาพิฆาตมาให้อีก
กูจะโดนเก็บไหมเนี้ย
“เมื่อกี้ถามเรื่องแฟนใช่ไหม ไม่มีหรอก ตอนนี้ขอสนใจเรื่องเรียนก่อนดีกว่า อีกอย่าง คนพวกนั้นก็หวังจะฟันพี่ทั้งนั้น เก็บให้แฟนฟันคนเดียวดีกว่าเนอะ” พี่เชียร์พูดติดตลก ผมเองฟังไปก็เคลิ้มไป
ผมขอตัวพี่เค้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้า โดยพี่เค้ารออยู่หน้าห้อง
ผมเข้าไปเจอไอ้ตอล นั่งเล่นเกมส์กดอยู่
“เฮ้ย มึงไปกินข้าวยัง” มันถามผม
“เดี๋ยวไปเนี้ย” ผมเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว
“ไปด้วยเด่ะ” มันดึงแขนผม
“ไม่ต้องเลย หยุดเลย” ผมห้ามมันทันที ผมอุตส่าห์มีโอกาสได้กินข้าวกับพี่เชียร์สองต่อสอง
“มึงต้องมีอะไรแน่ๆเลย” ว่าแล้ว มันก็เดินไปเปิดประตู
มันเจอพี่เชียร์ยืนยิ้มอยู่นอกห้อง มันคงตกใจไม่แพ้ผม มันหวัดดีพี่เขาแป๊บนึง มันก็รีบปิดประตูทันที
“เฮัย! พี่เชียร์ประธานชมรมอนุรักษ์นี้หว่า ทำไมคนอย่างมึงถึงได้ไปกินข้าวกับพี่เขา”
มันเริ่มดูถูกผม เออกูไม่หล่อเหมือนมึง ที่มีแฟนคลับมาแห่รอบล้อมเหมือนมึงนี้หว่า
“กูต้องไปสัมภาษณ์พี่เค้าลงคอลัมน์ กูทำงานนะ มึงไปด้วย เดี๋ยวมึงก็จีบพี่เค้าอีก”
ผมห้ามมันครับ เพราะมันหน้าหม้อจะตาย
“ขอร้องเถอะเพื่อน พี่คนนี้สเป็คกูเลยนะ” มันเริ่มเว้าวอน
“พี่นัทของมึงล่ะ ใครเค้าก็รู้ว่ามึงคบกับพี่นัท” ผมเริ่มแขวะมัน  เห็นมันตามง้อพี่นัทมาเกือบแรมปีจนพี่เค้าใจอ่อนให้มันไปนอนที่ห้องเกือบทุกวี่ทุกวัน
“เฮ้ย! กูคบกันแบบพี่น้องเว้ย มึงอ่ะ กูแค่ไปกินข้าวเอง” มันนี้จริงๆเลย และแล้วผมก็คิดแผนแกล้งมันออก
“เออ ก็ได้ งั้นมึงไปกินข้าวกับพี่เชียร์พรุ่งนี้ดีกว่า เห็นพี่เค้าบอกว่าว่าง เดี๋ยวกูจัดการให้”
มันยิ้มร่าเลยครับ หารู้มั้ยว่า มันคงได้กินตีน พี่อั้ม พี่บี้ พี่รุจแน่ๆ
ผมรีบออกมาหาพี่เชียร์ พร้อมเดินไปกับพี่เขา
“เออ พี่กินข้าวกับเพื่อนนะ” พี่เค้าหันมาบอกผม
ผมใจแป้วเลยครับ นึกว่าได้กินกันสองต่อสอง
ปรากฏว่าคนที่มากินข้าวกับเราด้วยคือ พี่ปอ คนที่ผมจะสัมภาษณ์เป็นคนต่อไปนั้นเอง

***********************************************************************

ติดตามการสัมภาษณ์น้องปอในตอนต่อไปนะครับ

dorgchant

  • บุคคลทั่วไป
เย้ๆ มาแล้ว  :m4:

ขอเวลาอ่านแปปนะครับ
-------------------------------------------------------
เอ่อ ครือ..... อั้ม บี้ ต้อล นัท รุจ ชื่อแต่ละคน  :m12:
แถมมียัยพิงค์กี้อีก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-09-2008 22:14:59 โดย dorgchant »

snowblack

  • บุคคลทั่วไป
รอตอนต่อไปนะครับ ^^

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
เชียร์นี้ฮ๊อตสุดเลยน่ะ อิอิ

ออฟไลน์ Tifa

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1474
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +417/-2
แหม pop กันใหญ่

เ่อ่อ แต่ปอนี่จะ pop แบบไหนอะ

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
ลุ้นๆ จะเป็นยังงัยต่อ

marchmenlo

  • บุคคลทั่วไป
:o8: น้องเอน่ารักอ่ะ ขำ ๆ แต่ท่าทางอายุจะไม่ค่อยจะยืนเท่าไหร่ :laugh:

meawkung02

  • บุคคลทั่วไป
นั่นสิคับ...สงสัย อายุจะไม่ยืนจิงๆ...อิอิ

ออฟไลน์ jojoe

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-1
คนที่ 3
ผมนั่งมองพี่ปอ ตาไม่กระพริบเลยครับ พี่เค้าเท่ห์มาก มีไว้หนวดด้วย
ผมจำได้ว่างานตอนรับน้อง ผมไปกรี๊ดอยู่หน้าเวที ทั้งพี่บิ๊กนักร้องนำ และทั้ง พี่ปอที่เป็นมือกีต้าร์
ยอมรับว่าวันนั้นเผลอสาวแตกไป (วันเดียวเท่านั้นครับ)
แต่ผมชอบบุคลิกของพี่เค้าครับ คือ เป็นคนพูดน้อย ทำหน้าครึม ชอบพกกีต้าร์ตลอด
“น้องเอ กินอะไร เดี๋ยวพี่ไปสั่งให้” พี่เชียร์ถามผม ผมตอบไปขอข้าวไขเจียวก็พอ แบบว่าเกรงใจอ่ะ
“มึงสั่งให้กูด้วยดิ” พี่ปอหันไปบอกพี่เชียร์
“ขี้เกียจเชียวนะมึง เออ เดี๋ยวสั่งให้” พี่เชียร์ก็เดินไปสั่งกับข้าว
ปล่อยให้ผมนั่งอยู่กับพี่ปอสองคน
“หวัดดีครับ ผมชื่อเอ นะครับ จะมาขอสัมภาษณ์พี่ ลงคอลัมน์หนังสือโรงเรียนอ่ะครับ”
พี่ปอทำหน้าประหลาดใจเล็กน้อย
“ไม่มีอะไรจะให้สัมภาษณ์ ไปสัมภาษณ์คนอื่นเถอะน้อง”
ผมโดนปฏิเสธ ใจหายเลยครับ
พี่เค้าเห็นผมน้ำตาซึมเลยเปลี่ยนใจ “เออก็ได้”
ผมกระโดดตัวลอยเลยครับ
“คือ พี่ครับ ทำไมพี่ถึงอยากจะเล่นกีต้าร์อ่ะครับ” ผมถาม
“ตอนเด็กๆพี่คิดว่ามันเท่ห์ดี แต่ตอนนี้พี่ว่ามันสามารถพูดแทนพี่ได้ เพราะบางครั้งคนเราพูดกัน อาจไม่เข้าใจ แต่ดนตรีอาจทำให้เราเข้าใจกันได้”
โอ้วแม้เจ้า บาดใจมากครับ
“แล้วตอนนี้ มีใครมาเป็นนักร้องนำยังอ่ะครับ เพราะพี่บิ๊กออกไปแล้ว”
พอผมพูดชื่อพี่บิ๊ก พี่ปอหน้าเศร้าเลยอ่ะ คงฝังใจมั้ง ได้ข่าวว่ารักกันมาก ที่จริงผมก็เคยเห็น พี่เค้าสนิทกันมาก ผมเนี้ยอิจฉามากเลย
“ได้แล้วครับ แต่เป็นนักเรียนโรงเรียนอื่นนะ เป็นเพื่อนพี่สมัยประถม” พี่ปอทำหน้าตาปกติแหละ
“ตอนนี้พี่สอบโควต้าติดแล้วใช่ป่ะครับ” ผมได้ยินว่าพี่เค้าสอบตรง โดยเล่นกีต้าร์เนี้ยแหละ
“ใช่ครับ คณะดุริยางคศิลป์ เอกดนตรีสากล ครับ”
พี่ผมเก่งป่าว
“พี่ใช่เพลงอะไรเข้าไปสอบครับ”
“เดี๋ยวพี่เล่นให้ฟังเลยดีกว่า” ว่าแล้วพี่เค้าก็คว้ากีต้าร์มาเล่นทันที เป็นบุญหูกูจริงๆ
“หากบังเอิญสายตาเธอจะผ่านมาที่ฉัน แหละเธอนั้นบังเอิญจะสนใจ
หากบางทีหัวใจเธอเจอสิ่งที่ซ่อนไว้ ก็คงเพราะว่าใจเราตรงกัน

แต่มันคงไม่มีทางเป็นอย่างที่คิดไว้ แหละเราไม่มีทางจะรักกัน
แหละไม่มีเรื่องบังเอิญจะเกิดขึ้นทั้งนั้น เพราะฉันคิดฝันไปคนเดียว

อยู่กับความเหงา กอดกับความฝัน อยู่กับความหวังที่มันยังไม่หายไป
อยู่กับความรักที่มันบังเอิญไม่เป็นใจ เพราะไม่มีทางจะมีเธอ

ก็คงเป็นเพราะความจริง มันต่างจากที่ฝัน และเธอนั้นไม่เคยจะสนใจ
แต่บังเอิญฉันยืนยันจะเก็บความฝันไว้ เก็บมันไว้ให้เธอเพียงคนเดียว

อยู่กับความเหงา กอดกับความฝัน อยู่กับความหวังที่มันยังไม่หายไป
อยู่กับความรักที่มันบังเอิญไม่เป็นใจ เพราะไม่มีทางจะมีเธอ

มีเพียงความเหงา มีเพียงความฝัน เพียงเธอเท่านั้นที่มันยังขาดหายไป
ก็มีความรัก แต่เธอบังเอิญไม่มีใจ ฉันไม่มีทางจะมีเธอ

ก็ฝันว่าซักวันจะมีเธอ”
ผมนั่งฟังจนน้ำตาซึมไปเลยครับ พี่เค้าร้องเพลงเพราะพอๆกับเล่นดนตรีเลยอ่ะ
“ร้องเพลงจีบน้องเค้าเหรอ” พี่เชียร์เดินมาพอดี พร้อมจานกับข้าว
“ป่าวครับ พอดีผมสัมภาษณ์พี่เค้าไปด้วย” ผมบอกพี่เชียร์ คนอย่างผมนะเหรอพี่ปอจะมาจีบ
“พูดเล่นนะ เพราะตอนนี้พี่ปอเค้ามีหนุ่มมาดามหัวใจแล้ว” พี่เชียร์แซว
อย่าบอกนะว่า นักร้องนำคนใหม่
“หุบปากไปเลย เอาข้าวยัดปากไปเลยนะมึง”
สองคนนี้เค้าด่ากัน น่ารักเชียว
“เออ ผมจะขอถ่ายรูปด้วยนะครับ” ผมหยิบกล้องมา
พี่เชียร์ดูจะเต็มใจ แต่พี่ปอไม่ค่อยจะอยากถ่ายเท่าไร
แต่ผมก็ได้ถ่ายพวกพี่เขาไปหลายรูปอยู่
“น้องเอ พอดีพวกพี่ไปถ่ายรูปกันมา ในร้านมันแต่งรูปซะเว่อร์เลย อาจจะดูดีกว่าที่น้องถ่ายก็ได้”
แล้วพี่เชียรก็ยื่นรูปมาให้
มีครบทั้งสามคนเลยครับ ผมไม่สนว่ามันแต่งหรือไม่แต่ง รู้แต่ว่า น่ารักทุกคนเลยอ่ะ
พี่โจ้นั่งบนโซฟา ไม่ได้ทำท่าอะไรเลยยิ้มอยู่อย่างเดียว และถอดแว่นด้วย น่ารักโคตร
พี่เชียร์มีโพสต์ท่าเล็กน้อย แบบว่าทำท่าเสยผม ก็หล่อมากกก
พี่ปอนั่งอีกฝาก กดออกเฉยๆ ก็เท่ห์มากกกกกก
“ขอบคุณครับพี่ ขอบคุณจริงๆครับ”
น้ำตาไหลออกมาไม่รู้ตัวเลยครับ เคยไหมครับ เวลาปลื้มใครมากๆ แล้วเราได้ของจากเขาคนนั้น มันดีใจจนพูดอะไรไม่ออกเลย
******************************************************************************************************************************
เวลาผ่านล่วงเลยมาเกือบ 5 ปี ผมยังจำเหตุการณ์วันนั้นได้ดี
นึกแล้วก็ขำๆ ไม่นึกว่าตัวเองจะบ้าอะไรได้มากขนาดนี้
แต่ก็อยากรู้นะว่า ตอนนี้พี่เค้าเป็นยังไงกันบ้าง จะน่ารักเหมือนเดิมหรือเปล่า
มีแฟนไปแล้วหรือยัง
ทำงานอะไรกันอยู่
ผมจึงตัดสินใจมางานรวมรุ่นที่โรงเรียนจัดขึ้น หวังจะเจอพวกพี่ๆเขาอีกครั้ง
ผมมาที่งานโรงเรียน ภาพเก่ามันก็เข้ามาในหัว
นึกถึงตอนนั้นทีไรก็นึกขำทุกที
แล้วสิ่งที่ผมหวังก็เป็นจริง
พี่โจ้ได้เรียนจิตวิทยาสมใจ จบออกมาเป็นผู้ช่วยจิตแพทย์ที่คลินิกแห่งหนึ่ง ตอนนี้ดูพี่เค้าเป็นผู้ใหญ่มาก แต่หน้าใส และน่ารักเหมือนเดิม มีทำสีผมด้วย ทำให้หน้าพี่เค้ายิ่งเหมือนฝรั่งเข้าไปใหญ่ มีคนบอกว่าพี่เค้าคบอยู่กับอาจารย์ที่มหาลัยที่แกเรียนมา
อาจารย์คนนั้นโชคดีมากๆที่มีแฟนเป็นคนน่ารักอย่างพี่โจ้
พี่เชียร์นี้เปลี่ยนไปเยอะครับ ผมยาวสไตล์เกาหลี แต่งตัวหรูมากๆ เรื่องน่าตาไม่ต้องพูดถึง หล่อมากๆ ตอนนี้พี่เชียร์ทำงานให้แบรนด์เสื้อผ้ายี่ห้อหนึ่ง ไม่แน่ใจว่าเป็นดีไซเนอร์หรือเปล่า แต่พอรู้ว่า แกไปอยู่ที่อเมริกาหลายปี กับแฟนตี๋หนุ่ม ท่าทางคนนั้นคงจะหล่อไม่แพ้พี่เชียร์ เพราะคนที่มาจีบพี่เชียร์หล่อๆทั้งนั้น
พี่ปอนี้ยังเท่ห์ไม่เปลี่ยนเลยครับ ขนาดแกใส่แค่เสื้อเชิ้ตแขนยาวธรรมดา กับกางเกงยีนส์ แต่หน้าตาหล่อมาก ผมยาวปัดข้าง อารมณ์เซอร์มากๆ เดินมากับพี่บิ๊ก ที่หล่อพอๆกัน แต่พี่บิ๊กออกแนวคุณชาย ไปอยู่อังกฤษซะหลายปีเหมือนฝรั่งเลย สองคนนี้ไม่รู้ว่าเค้าคบกันเหมือนเดิมหรือเปล่า เพราะพี่ปอเค้าเหมือนจะกิ๊กกับนักร้องนำของวงที่พี่เค้าเล่นอยู่
ผมเองก็อยากจะเดินเข้าไปทักพี่เค้านะ แต่พี่เค้าคงจำผมไม่ได้แน่ๆ
ผมขอมองพี่เค้าก็พอ และก็นึกตามว่า อย่างน้อยผมก็มีพวกเขาในความทรงจำก็พอ
-----จบครับผม-----

ตอนพิเศษที่แต่งขึ้นมานี้ แต่งมาชมตัวเองทั้งนั้น ใครเผลออ๊วกไปก็ไม่ว่าหรอกครับ เพราะตั้งใจให้เป็นแบบนั้น

ติดตามบทส่งท้ายของเรื่องในตอนต่อไปนะครับ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด