Three Couple of love:Special Features:Sweet Couple
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Three Couple of love:Special Features:Sweet Couple  (อ่าน 153512 ครั้ง)

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
ยิ่งอ่านนับวันสามคนนี้ยิ่งคุยกันเหมือนสาวๆใน sex and the city 555

meawkung02

  • บุคคลทั่วไป
อ่ะมี ภาค 3 ต่อด้วยอ่ะ...ดีจังเลยค้าบบ ชอบๆๆ

ออฟไลน์ Tifa

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1474
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +417/-2
ต่อด่วนเลยจ้า

แหมๆ นึกว่าปอจะได้กะคนใหม่เสียอีก

กลับกลายจะย้อนกลับมาคบกัน

season หน้ามันแน่นอน

ออฟไลน์ thaitanoi

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1451
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-2
 :m4:   ขอบคุณนะครับ  ยังไงก็จะติดตามต่อไปครับ

ออฟไลน์ artday

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
Three Couples of Love: Season 3 :m13:
จะอดใจรอครับ

ออฟไลน์ nOn†ღ

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4390
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +502/-6
มารอ Special Features   :oni2: 

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
อยากอ่านฉากได้เสียกันครับ

เป็นกำลังใจให้ครับ

iamhappywood

  • บุคคลทั่วไป
มารออ่านด้วยเช่นกัน
ว่าแต่ทำไมใจร้อน เข้าโรงแรมกันไปซะกันล่ะ
เดี๋ยวหมดแรงเจอเพื่อนหรอกครับ อิอิ  :t2:

marchmenlo

  • บุคคลทั่วไป
:m29:ปอกับบิ๊กกลับมาเจอกันตอนไหนหว่า o2

แต่ก็แอบดีใจมากมายกะปอเน่อะ สมหวังซ่ะที

ปล.บิ๊กน่าร๊ากกก

ออฟไลน์ jojoe

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-1
Special Features : Behind the Scenes เบื้องลึกเบื้องหลังกว่าจะมาเป็นนิยาย

ขอกราบงามๆในอ้อมอกอ้อมใจแฟนคลับทุกท่าน ที่กรุณาให้ความรักและความเอ็นดู ต่อนิยายของผม(พูดซะเวอ่ร์เลย)

เอาเป็นว่า ขอบคุณขอบใจทุกๆReply และ Comment ต่างๆที่มีให้เสมอมาจนนิยายเรื่องนี้ใกล้จะเสร็จสมบูรณ์ คือ ผมตั้งใจจะทำเป็น ไตรภาค ตอนนี้เสร็จไปสอง เหลืออีกหนึ่ง แต่เมื่อไรนั้นคงตอบได้ยาก ต้องรอดูต่อไป

ก่อนจะพูดถึงว่าทำไมเรื่องนี้ถึงได้เกิดขึ้น จึงขอเล่าย้อนกลับไปถึงผมก่อนดีกว่า

เรื่องมันมีอยู่ว่า.......ผมได้อ่านนิยายและเรื่องเล่าจากบอร์ดปาล์มอย่างสม่ำเสมอ ตั้งแต่มหาลัยปี1-ปี2 ชอบมาก ถึงขั้นปริ้นซ์ ออกมาเป็นเล่มๆ เสียงค่าหมึกไปหลายบาท อ่านไปอ่านมา รู้สึกว่าหลังๆ แวดวงนิยายบอยเลิฟ เริ่มมีเค้าโครงซ้ำๆซาก คือ เพ้อผันเกินความเป็นจริง เข้าใจว่านิยายเป็นเรื่องราวที่ประโลมโลก แต่ผมว่าถ้าตั้งเรื่องราวโดยพื้นฐานของความเป็นจริง และมีเรื่องราวที่สมเหตุสมผล เลยคิดในใจว่า เราลองแต่งสักเรื่องไหม แบบว่าอยากฉีกแนวจากเรื่องอื่นๆด

แล้วถ้าแต่งจะเอาเรื่องจากไหนล่ะ แน่นอนครับ เรื่องแรกที่คิดออก ก็ต้องเป็นเรื่องของตัวเอง ผมเองก็ผ่านความรักมาพอสมควร(แต่ไม่ถึงกลับโฉกโฉนนะครับ) เลยเอาเรื่องของตัวเองมาแต่ง แต่...มันก็ไม่หนำใจครับ เรื่องของตัวเองมันได้อารมณ์แค่โทนเดียว ผมอยากแต่งหลากหลายอารมณ์ในเรื่องเดียว จึงนึกถึงเพื่อนสนิทอีกสองคน ที่มีประสบการณ์ความรักมามากพอๆกับผม และสองคนนั้น เรื่องราวของพวกมันก็มีอารมณ์โทนแตกต่างจากผม คือสามคนสามรสพอดี เลยลองขีดๆเขียนๆมาสี่ตอนแรก แล้วเอาไปโพสต์ให้คนรู้จักอ่าน ปรากฏว่า เพื่อนๆติดกันงอมแงม ยุให้เขียนต่อ เลยเขียนเป็นเรื่องเป็นราวจนจบภาคแรก

หลังจากนั้นเลยทยอยโพสต์ในบอร์ด ปาล์มพลาซ่า ก็ไม่นึกว่าจะมีคนติดกันงอมแงม จนตั้งเป็นแฟนคลับทั้งคนเขียนและตัวละคร(จำได้ว่าเคยให้โหวตว่าชอบตัวละครตัวไหน ผลปรากฏว่านายปอ คว้าอันคับหนึ่งไปครอง คู่รักที่มีคนชอบมากที่สุด คือคู่โจ้กับอาจารย์เบน) ถือว่าเป็นเรื่องแรกที่เป็นใบเบิกทางในการเขียนนิยายเรื่องต่อๆไปของผม

พอเขียนนิยายเรื่องที่สองและสามจบ ผมได้มีโอกาสกลับไปงานเลี้ยงรุ่นที่โรงเรียนเก่า ได้พบกับเพื่อนๆทั้งสองคนที่เป็นแรงบันดาลใจในเรื่องนี้ เราสามคนพูดคุยกันถึงเรื่องราวเก่าๆที่ผ่านมาตอนที่ยังเป็นนักเรียนอยู่ ด้วยความใช้ชีวิตเป็นเด็กหอ เรื่องราวต่างๆจึงเยอะมากมายและผมก็นึกไอเดียได้ว่าทำไมไม่เอาเรื่องราวในชีวิตตอนนั้นมาแต่ง

เลยได้ใจแต่ง Season2 ขึ้นมา โดยภาคนี้ขุดคุ้ยอดีตกันยกใหญ่ถือเป็นการแฉเรื่องราวของเพื่อนไปในตัว แต่โทนอารมณ์ก็แต่งต่างไปจากSeasonแรก จะดูกุ๊กกิ๊กสดใสขึ้นแต่ยังคงคาแรกแตอร์ของตัวละครไว้เหมือนเดิม ที่สำคัญเปลี่ยนผู้ชายในเรื่องยกเซ็ต(พระเอกภาคแรกกับภาคสองคนละคน)

พูดถึงเนื้อเรื่องไปแล้ว เรามาพูดถึงตัวละครกันดีกว่า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






marchmenlo

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ jojoe

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-1
โจ้



คาแรกเตอร์ของโจ้จะเป็นคนเรียบร้อยมองโลกในแง่ดี ใสๆแบ๊วๆ เด็กเรียนอะไรประมาณเนี้ย คือ บุคลิกแบบนี้มันคงน่าเบื่อเนอะ แต่ท่าจะแต่งให้สามคนมีบุคลิดแตกต่างกัน ก็อยากให้มันต่างกันสุดขั้ว เลยให้โจ้เป็นคนเรียบร้อยแสนเรียบร้อย แต่ในความเรียบร้อยก็แฝงความฉลาดเอาไว้ ในเพื่อนสามคน โจ้จะดูมีความเป็นผู้็ใหญ่มากที่สุด มักจะมีบทเทศน์สอนเพื่อนๆเสมอ
มีหลายคนสงสัยว่าโจ้เนี้ย เอามาจากตัวผมหรือเปล่า ขอบอกว่าไม่อ่ะครับ เพราะ
1.ผมไม่ใช่คนเรียบร้อย
2.ผมไม่เรียนเก่งถึงขั้นที่1 ของโรงเรียน
3.ผมไม่ได้กำพร้าคร้าบบบ
แต่เรื่องราวที่เกิดกับโจ้ ส่วนมากเอามาจากเรื่องที่เกิดกับผมครับ ทั้งเรื่อง อาจารย์เบน พี่ยอด พี่หมี และโจ เกิดขึ้นจริงๆกับผม ส่วนอีกสองคนที่เหลือ มีเรื่องจริงกับแต่งผสมกัน

บุคคลที่มีลักษณะใกล้เคียง คงเป็นนาย ทักกี้ ที่น่าตานอกจากน่ารักแล้ว เวลายิ้ม ยิ้มได้สดใสน่ารักมากๆ รวมถึง นัยน์ตาที่บางครั้งก็ดูเศร้าซะน่าสงสารเชียว

เชียร์


คาแรกเตอร์ที่เหมือนจะไม่มีอะไร แต่ถือว่าเป็นตัวที่ซับซ้อนพอๆกับปอ มีหลายอารมณ์มากกว่าโจ้ แต่อาจจะรุนแรงน้อยกว่าปอ ถือว่าเป็นบุคลิกกลางๆระหว่างโจ้กับปอ เชียร์ถือเป็นตัวแทนเกย์สมัยใหม่ที่มีความน่ารักสดใส แต่งตัวเก่ง นิสัยคุณหนูสุดๆ คือเอาแต่ใจ แต่เรื่องเซ็กส์กลับเป็นคนที่มีเฉพาะกับแฟนของตนเท่านั้น ดูขัดกันเนอะ บุคลิกของเชียร์เอามาจากเพื่อนของผมหลายคนอยู่ เรื่องราวของเชียร์ผสมระหว่างเรื่องจริงกับเรื่องแต่ง จนออกมาอย่างที่ทุกคนเห็นกัน

บุคคลที่ใกล้เคียงกับเชียร์ คือ นายเท็ปเป้ นักร้องหน้าสาวของญี่ปุ่น คือผมอยากให้เชียร์เป็นอารมณ์เกย์สาวที่เราเห็นในปัจจุบัน คือหน้าตาต้องดีและอินเทรนด์แบบญี่ปุ่นไม่ก็เกาหลี

ปอ



คาแรกเตอร์ที่ดูหลายคนจะชอบ เพราะในความเงียบครึมซ้อนน่ารักและความเท่ห์ไว้ในตัว แต่ที่ทุกคนสงสัยว่าทำไมต้องแต่งให้เศร้าตลอดเลย เรื่องจริงมันก็ไม่เศร้าหรอกล่ะครับ ผมแค่แต่งเรียกร้องความสนใจ(55555) ตัวจริงของปอมีหลายอารมณ์กว่าที่ผมแต่งไว้ (ตัวจริงมันก็ไม่ได้แมนกว่าพวกผมเท่าไร) ถือเป็นตัวละครที่เรื่องราวแต่งขึ้นมาใหม่เกือบหมด ส่วนพี่เก่ง และ บิ๊ก นี้เรื่องจริงครับ แต่เหน่ง และ มาสเตอร์เบิร์ด เป็นตัวละครสมมติขึ้นมา

บุคคลที่ใกล้เคียงกับปอ คือ นายจองมยอง ดาราเกาหลี ที่น่าตาบางครั้งก็ดูกวนๆแมนๆ บางครั้งก็ดูเศร้าๆเหงาๆ ที่สำคัญ คือตัดสกินเฮดแล้วน่ากินมากๆ

อาจารย์เบน



อาจารย์หนุ่มผู้กุมหัวใจนายโจ้ ภายนอกเค้าคือผู้ชายในมาดครึม ดูมีความเป็นผู้ใหญ่ เพราะอาชีพครู แต่ความจริงเวลาอยู่กับโจ้สองต่อสอง ขี้อ้อนมากๆ(พอๆกับขี้เอา เฮ้ย!) และที่สำคัญ เป็นไบฯ ในเรื่องของผมส่วนมากตัวละครจะเป็นเกย์แท้กัน มีอาจารย์เบนที่ยังพอมีความเป็นผู้ชายอยู่บ้าง ผมว่าในภาคแรกตัวอาจารย์ยังไม่โดดเด่นเท่าไร มีฉากกุ๊กกิ๊กกันน้อยด้วย ว่าจะมาใส่รายละเอียดของคาแรกเตอร์ตัวอาจารย์ในภาคสาม และฉากกุ๊กกิ๊กกับโจ้ให้เยอะพอๆกับคู่อื่น ตัวจริงอาจารย์แกแค่กิ๊กๆกับผม ไม่ได้ถึงขั้นแฟน ผมเลยเอาความอยากของตัวเองมาแต่งซะเลย

บุคคลที่ใกล้เคียงกับอาจารย์เบน คือ วอน บินครับ เพราะหน้าตาพี่แกประมาณนั้นเลย(แต่คงไม่ขั้นเทพเท่าวอนบินหรอกนะ) ดูภายนอกแมนๆผู้ใหญ่ๆ แต่พอจริงกับอ้อนเหมือนเด็กซะงั้น

พี่เอก

 

หนุ่มขี้เล่นมัดใจน้องเชียร์ด้วยคำพูดและท่าทางที่กวนๆ สิ่งหนึ่งที่พี่เอกโดดเด่นมากคือ ความขาวตี๋ และล่ำ สไตล์เกาหลี ญี่ปุ่นมากๆ พี่เอกถือว่าเป็นลูกครึ่งจีน เพราะพ่อจีนแท้ แม่ไทยครึ่งจีน แน่นอนหน้าตาก็คือตี๋หล่อเยาวราชนั่นเอง ส่วนนิสัยก็จะค่อนข้างสำอาง ขี้เล่น มีเจ้าชู้เล็กน้อย แต่เทคแคร์แฟนดีมากๆ ถือว่าเป็นผู้ชายในฝันอีกคน
 
บุคลิกที่ใกล้เคียงกับพี่เอก แว้บแรกที่ผมคิดเป้นต้นแบบ นั้นคือนาย แวนเนส F4 คือน่าตาดูใจดีและขี้เล่น ตี๋ขาวและล่ำ ใกล้เคียงกับพี่เอกมากๆ

พี่เก่ง

 


หนุ่มเพลย์บอยเจ้าชู้ประตูดิน การที่คบคนมากหน้าหลายตาเพื่อเป็นการป้องกันตัวเองจะเสียใจกับความรัก แต่ยังไงก็แพ้ใจนายปอ เจอนายปอาสาวแตกเต้นโคโยตี้เข้าไป อึ้งไปเลย พี่เก่งบุคคลิกเอามาจากพวกๆคนที่ไปเที่ยวตามผับ ตามบาร์ คือ จีบดะไปทั่ว และ ฟันดะไปทั้ว ตอนแรกว่าจะให้ฟันทั้งสามคน โจ้ ปอ เชียร์ แต่คงแรงไปเอาได้กับปอคนเดียวก็พอ

บุคคลที่ใกล้เคียง กับพี่เก่ง คือนายซงซึงฮอน ที่ดูเป็นผู้ชายเจ้าสเน่ห์ ขี้เล่น เหมาะกับคุณสมบัติเพลย์บอยมากๆ

พี่ยอด



สุดยอดคุณชาย ที่ทั้งหน้าดีขั้นเทพ รวยมาก ผู้ดีตั้งแต่เกิด นิสัยกก็สุภาพบุรุษ ต้องทำบุญอีกกี่ชาติที่เราจะมีบุญได้ผู้ชายคนนี้มาเป็นแฟน ตัวจริงในเรื่องเป็นยังไง ตัวจริงก็เป็นอย่างนั้น ถอดมาหมดเลยครับตัวละครตัวนี้

บุคคลใกล้เคียง พี่ยอด ผมว่าหน้าพี่แกก็คล้ายๆหวัง ลีฮอมน่ะ หล่อขั้นเทพพอกัน

โจ

 

ตอนแรกหลายคนคงคิดว่า โจต้องเป็นตัวร้ายแน่ๆ ที่ไหนได้เป็นพระเอกขี่ม้าขาวตอนจบ แม้จะไม่สมหวัง เพราะโจ้มันเลือกมาก ไม่ค่อยชอบผู้ชายแบดบอยเท่าไร แต่คงมีหลายคนชอบผู้ชายแบดบอยแบบนี้

บุคคลต้องเถื่อนๆ เซอร์ เหมือนนายออสซี่-วรพล จันทร์ส่องแสง

พี่เต๋า



ผู้ชายที่คอยกัด คอยแกล้งวเชียร์ แต่สุดท้ายก็ลิฟกันซะงั้น แต่ไปๆมาๆดันไปได้กับเพื่อนชายของตัวเอง พี่เต๋าเองก็ไม่ได้เป็นเกย์ตั้งแต่แรก แต่ดันมีผุ้ชายน่ารักสองคนมายุ่งเกี่ยว คนเรามันก็หวั่นไหวเป็นธรรมดา ฟันไปซะสองคนเลย พี่เต๋าเป็นสุภาพบุรุษอีกคนหนึ่ง

บุคลิก แบบพี่เต๋า คือดูแมนๆ ครึมๆ แต่ถ้ารู้จักก็จะฮาๆ บ้าๆบอๆพอสมควร แถมเป็นคนที่อยู่ใกล้แล้วรู้สึกอบอุ่น ผมว่าเค้าคล้าย ไจ๋ไจ๋ นะ (วิคF4)

พี่หมิง

 

พี่หมิงนิสัยคุณหนูพอๆกับพี่ยอด แต่พี่ยอดแมน ส่วนพี่หมิงเป็นเกย์เรียบร้อย แถมชอบงอนพี่เต๋าด้วย(สมัยนี้เค้าเรียกว่าเหวี่ยง) เรื่องหน้าตาไม่ต้องพูดถึง หล่อขั้นเทพพอกัน แต่เสียดายความหล่อ ไม่น่าเป็นเกย์เลย

บุคคลที่ใกล้เคียงกับพี่หมิง อู๋จุนจ้า หล่อล้ำ คุณหนู ผู้ดี อยู่ในตัวคนนี้คนเดียว เป็นผู้ชายหน้าสวยที่น่ากินอีกคน

บิ๊ก

 

คุณหนูอีกคน ที่สารพัดพิษ มีอะไรกับอาจารย์ ซะได้เรื่อง แต่เจอลูกตื้อไอ้ปอไป เลยกระหนุงกระหนิงกันซะงั้น บิ๊กนี้แหละ ที่ทำให้ปอมีความเป็นแมนขึ้น เพราะปอต้องทำหน้าที่สามีที่ดี คอยเทคแคร์บิ๊กตลอด บิ๊กเองก็มีปมในใจเยอะ ทั้งแอบชอบพี่ชายตัวเอง ลักลอบมีอะไรกับมาสเตอร์ แต่ยังไงบิ๊ก ดูเหมาะกับปอมากที่สุด

บุคคลใกล้เคียง นายคิมจองฮุนที่ดูคุณหนู(เพราะเล่นเป็นองค์ชายหยุน) นัยน์ตาที่ซ้อนอะไรบางอย่างเอาไว้ ไม่รู้ว่าจะสุขหรือจะเศร้า แต่รอยยิ้มที่น่ารัก สามารทำเอาสาวๆและหนุ่ม หลงไปตามๆกัน

เหน่ง

 

พระรองแสนดี ที่ยังไงก็ไม่ได้กับปอสักะที เหน่งนิสัยคล้ายกับปอ แต่ต่างกันที่ เหน่งจะไม่ใบ้แดกเท่าปอ เหน่งพูดเก่ง และร้องเพลงก็เก่ง แต่จะเอาเก่งหรือเปล่าอันนี้ไม่รู้ต้องไปถามปอ(อิอิอิ)

บุคคลใกล้เคียง คงเป็นนายเฮ่อจุนเสียง มาดเท่ห์ ที่ใครเห็นแล้วกรี๊ดดดด

นี้คือ12 ตัวละครหลัก จาก 2 Season ผมเองก็ไม่รู้ว่า เพื่อนๆแต่ละคนที่อ่านเรื่องนี้แล้วรู้สึกกับตัวละครยังไง หรือ จินตนาการภาพตัวละครเป็นใครบ้าง ลองเล่าให้ฟังดูก็ได้นะครับ แต่ถึงยังไง ทั้งหมดก็เป็นแรงบันดาลใจให้นิยายเรื่องนี้ ต้องขอบคุณทั้งตัวละครในชีวิตจริง และตัวละครที่สมมุติขึ้นมาด้วยนะครับ

ติดตาม Interview กับ Jojoe และ ตัวละครทั้งสาม(โจ้,เชียร์,ปอ) ในตอนต่อไปนะครับ

ออฟไลน์ nOn†ღ

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4390
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +502/-6
กีซซซซซซ หล่อใจละลายทุกคนเลยยยย  :o8:

รอ Interview ต่อค่า  :oni2:

ออฟไลน์ Tifa

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1474
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +417/-2
ซี้ด......เห็นละหิวทันทีเลย

ชอบแบดบอยมากค้า....

ออฟไลน์ thaitanoi

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1451
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-2
 :m23:  ขอบคุณครับ  มีเบื้องหลังนิยายมาให้อ่านด้วยดีเหมือนกันครับเหมือนเป็นการเติมเต็มจินตนาการให้สมบูรณ์ขึ้น ไม่ว่าจะเป็นตัวจริงหรือคนที่สมมุติขึ้นแต่ก็ทำได้แนบเนียนดี จะเป็นกำลังใจให้นะครับ

ออฟไลน์ BuzZenitH

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 982
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +170/-0
 :m23:....ห่างหายไปนาน...เข้ามาทวงสองสามที...แต่กลับไม่ได้ตามอ่านซะที...
ตอนนี้เลยต้องกลับมาตั้งใจอ่านใหม่อีกรอบ.... :m13:

จะติดตามต่อไปเน้อ.... :a1:

jobisuka

  • บุคคลทั่วไป
โอววววววววว ใจละลายยยยย :jul1:

 :oni2: :oni2: :oni2:

iamhappywood

  • บุคคลทั่วไป
ขอบคุณครับ ผมอ่านแล้วชอบมากๆ  :m4:
มาต่อเร็วๆ นะครับ

benxine

  • บุคคลทั่วไป
หุหุ


รออ่าน ภาค 3


แล้วเมื่อไรเอา Best love Best man season 2 มาลงอ่ะค๊าบบบ


รออยู่

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
กรี้ดดดดดดดดดดดดดดด

น่ารักที่ซู้ดดดดดดดดดดด

ขอบคุณครับ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






meawkung02

  • บุคคลทั่วไป
ค้าบบผม แล้วจะติดตามต่อไปนะค้าบบ...^^

dorgchant

  • บุคคลทั่วไป

marchmenlo

  • บุคคลทั่วไป
น้ำลายไหล ใครก็ได้ซักคน  :laugh: :laugh:

ออฟไลน์ jojoe

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-1
Special Features : Interview กับ Jojoe และ ตัวละครทั้งสาม(โจ้,เชียร์,ปอ)

หวัดดีครับ ผมเอนะครับ จำกันได้ไหมเอ่ย ที่เป็นรุ่นน้องของพวกพี่ๆในเรื่องทั้งสามคน โผล่มาแค่ตอนเดียวเอง ไม่จุใจเลยขอมาโผล่อีกรอบ ในช่วงการสัมภาษณ์ พี่Jojoe และพี่ๆทั้งสามคน คงมีหลายคำถามที่อยากรู้เกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นเราลองไปดูกันเลยนะครับ
*****************************************************************************************

ในร้านกาแฟแห่งหนึ่งในห้างใหญ่กลางใจเมือง ผมได้มีโอกาสเจอพี่Jojoe ครั้งแรก ที่เป็นคนเขียนเรื่องราวของพี่ๆทั้งสามคน พอดีผมได้อ่านเจอเรื่องราวของเด็กหนุ่ม3คนในเว็ปแห่งหนึ่ง แล้วรู้สึกว่ามันคุ้นๆ เหมือนใครที่รู้จัก ยิ่งได้อ่าน ภาค2 ยิ่งชัดว่า สามคนที่ว่า คือพี่โจ้ พี่เชียร์ และพี่ปอ ที่ผมแอบกรี๊ดกราดตอนสมัยมัธยม

แล้วพี่โจ้ก็มาตามนัด พร้อมหอบหิ้วโน็ตบุ๊คมาด้วย
“หวัดดีครับ” ผมยกมือไหว้ผู้ใหญ่ตามมารยาท
พี่โจ้ยิ้มรับผม แล้วพยักหน้าเป็นการรับไหว้
“รอนานไหม สั่งอะไรไปแล้วหรือยัง” พี่Jojoeถาม
ผมเลยชี้ไปที่กาปูชิโน่ใส่วิปครีมที่วางอยู่บนโต๊ะ
“อ้าว เรียบร้อยแล้วเหรอ ว่าจะเลี้ยงสักหน่อย งั้นพี่ขอสั่งก่อนนะ” แล้วพี่Jojoeก็ไปที่เคาน์เตอร์ สักพัก พี่เค้าก็มาพร้อมกับลาเต้ปั่น และเค้กวนิลาที่สองชิ้น
“อ่ะ กินกันก่อนจะสัมภาษณ์แล้วกัน” พี่เค้าก็เริ่มประเดิม
ผมเลยกินตามพี่เค้าไปด้วย
“งั้นผมขอถามเลยแล้วกัน” ผมหยิบสมุดและดินสอมาทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย
“แป๊บนะจ๊ะ พี่ขอเปิดโน้ตบุ๊คก่อน พอดีข้อมูลมันอยู่ในนี้”
ผมเลยนั่งหม่ำเค้กรอพี่เค้า
“โอเค ถามได้เลย” พี่เค้ายิ้มาให้ผม
ผมกระเด้งลุกพร้อมกับหยิบปากกามาจด

เอ: ครับผม คืออยากรู้ว่า ทำไมพี่ถึงต้องแต่งเป็นสามคน แต่งเป็นคู่พระ-นาง คู่เดียวไม่ได้เหรอ แล้วให้คู่อื่นเป็นพระรอง-นางรอง อะไรแบบนี้
JOjoe: พี่ตั้งใจให้เป็นสามคนเพราะเรื่องราวที่พี่อยากเขียนมาจากคนสามคน
เอ: สามคนนั้นใครอ่ะครับ
JOjoe: เป็นเพื่อนของพี่เองครับ แปลกไหมละ ที่ตอนม.ต้น พี่มีเพื่อนสนิทสองคน ตอนม.ปลายก็มีสองคน แม้จะเป็นคนละคนกับตอนม.ต้นแต่ก็นิสัยคล้ายๆกัน เลยงงงงว่าทำไมเราถึงถูกชโลกกับแลข3
เอ: แสดงว่า โจ้ ในเรื่อง คือตัวพี่ แล้วเชียร์ กับปอ คือเพื่อนของพี่เหรอครับ
JOjoe: จะว่าอย่างนั้นก็ได้ แต่มันก็ไม่ซะทีเดียว คือบุคลิกทั้งสามคนก็มีเอาทั้งตัวพี่และเพื่อนพี่มาผสมกัน ไม่ใช่ให้บุคลิกของตัวละครไปลอกมาจากใคร เพราะทั้งสามคนก็มีนิสัยบางอย่างเอามาจากพี่
เอ: แล้วเรื่องราวนี้มีส่วนไหนบ้างที่เป็นเรื่องจริงครับ
JOjoe: ถ้าจะให้บอกว่าตอนไหนจริงไม่จริงคงคุยกันอีกยาว เอาเป็นว่า เรื่องราวที่เกิดขึ้นมีเรื่องจริงผสมกับเรื่องที่แต่งขึ้นเพื่อนความสนุกแต่สถานที่หรือบรรยากาศ จะเอามาจากเรื่องจริง โดยเฉพาะภาค2 นี้เอามาจากเรื่องจริงค่อนข้างเยอะกว่าภาคแรก
เอ: อยากให้เล่าถึงความแตกต่างของภาค1 กับภาค 2
JOjoe: ภาคแรกเล่าถึงความรักของคนสามคนที่เป็นเพื่อนกัน โดยทั้งสามคนนี้ก็มีนิสัยและความรักแตกต่างกันออกไป ส่วนภาคสอง เล่าย้อนกลับไปตอนที่อยู่มัธยม ก็ยังเล่าถึงความรักของคนสามคน แต่ที่แตกต่างคือ ภาคหนึ่งจะเน้นความรักมากกว่ามิตรภาพของเพื่อน แต่ภาคสองเน้นทั้งสองอย่างเท่าๆกันเพราะตอนมัธยม เรื่องเพื่อนค่อนข้างสำคัญของคนในวัยนั้น
เอ: ทำไมภาคสองถึงย้อนกลับไปเล่าถึงตอนเด็กๆ ทำไมไม่เล่าถึงเรื่องตอนต่อไปจากภาคหนึ่ง
JOjoe: ที่จริงอยากเล่าตอนวัยทำงานเหมือนกันนะ แต่ที่กลับมาเล่าตอนมัธยม เพราะคิดว่าน่าจะทำให้คนอ่านเข้าใจบุคลิกของตัวละครมากขึ้นว่านอกจากตอนมหาลัยพวกเขาเป็นอย่างไร ตอนเด็กพวกเขาก็เจอเรื่องหนักๆพอกับตอนมหาลัย อีกอย่างภาคสองค่อนข้างเจาะลึกนิสัย บุคลิกและความคิดของตัวละครมากกว่าภาคหนึ่งที่เน้นเรื่องความรักกุ๊กกิ๊กมากว่า เพราะถ้าคนอ่านเข้าใจถึงบุคลิดของตัวละครแล้ว ภาคสามก็จะทำให้คนอ่านอ่านสนุกขึ้น แต่ที่จริงผมเองก็แอบเกริ่นนำภาคที่สามไว้ในภาค2ตอนบทนำ ที่เล่าเรื่องราวต่อจากภาคหนึ่ง
เอ: พอบอกได้ไหมครับว่าภาคสามเรื่องราวเป็นอย่างไร
JOjoe: ก็เป็นเรื่องราวในวัยทำงาน ปัญหาต่างๆก็จะมาเยอะขึ้น ทั้งเรื่องความรัก เรื่องส่วนตัว ฯลฯ
เอ: แล้วภาคสามมีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไหมครับ
JOjoe: ก็คงมีอยู่แล้ว ทั้งตัวละครเสริมที่มาใหม่ในภาคนี้ ทั้งตัวละครเก่าในภาคหนึ่ง และภาคสอง บางส่วน
เอ: แล้วจะจบที่ภาคสามหรือเปล่าครับ
JOjoe: ตอนแรกตั้งใจจะจบที่ภาคหนึ่งด้วยซ้ำ แต่มันแต่งแล้วสนุกมือ อีกอย่างเรามีเรื่องราวที่อยากแต่งด้วย ก็เลยลงมือแต่งภาคสอง ภาคสามนี้เลยตามมาติดๆ แต่มีอีกไหมนั้นคงไม่รู้เหมือนกัน ต้องดูว่าเรามีเรื่องราวที่จะแต่งต่อไปหรือเปล่า
เอ: คิดว่าเรื่องนี้มีอะไรที่แตกต่างจากเรื่องอื่น
JOjoe: ที่แตกต่างคงเป็นวิธีการเล่าเรื่อง ที่เล่าโดยตัวละครนำทั้งสามตัว แต่เล่าคนละเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเอง คือหนึ่งตอนจะมีสามเรื่อง แต่ในหนึ่งตอนนั้นทั้งสามเรื่อง อาจเกี่ยวข้องกัน หรือไม่ ก็แล้วแต่
เอ:มีอะไรอยากฝากถึงคนอ่านไหมครับ
JOjoe: ก็คงฝากนิยายที่ผมแต่งแล้วกัน และก็ขอบคุณมากๆด้วยที่ติดตามและให้กำลังใจมาตลอด
เอ: พอเรื่องนี้จบแล้วจะแต่งเรื่องอะไรอีกครับ
JOjoe: หลายเรื่องมากเลยครับ เพราะอยากแต่งเก็บไว้เยอะๆ พัฒนาฝีมือไปในตัว
เอ: แล้วพี่โจ้ชอบแต่งนิยายแนวไหนอ่ะครับ
JOjoe: ถ้าแนวถนัดก็คงเป็นแนวกุ๊กกิ๊กหวานแหวว แต่อยากแต่งหลายแนว แฟนตาซีก็แต่งมาแล้ว อยากแต่งแนวระทึกขวัญ ประวัติศาสตร์ ฯลฯ จะได้เก่งๆขึ้น
เอ: ดีครับ เป็นทางเลือกให้นักอ่านดี
Jojoe: น้องเอ อยากไปคุยกับพี่โจ้ พี่เชียร์ พี่ปอ ไหม?
เอ: จริงเหรอครับ พี่ อยากมากๆ เลยครับ

แล้วพี่Jojoe ก็โทรศัพท์ไปหาพี่โจ้ พร้อมบอกนัดที่สัมภาษณ์ให้ผม
“เรียบร้อยแล้ว พี่จัดการให้แล้ว มีอะไรอยากถามก็เอาเลยนะ” พี่Jojoe ยิ้มหวาน พร้อมส่งหนังสือเล่มหนึ่งมาให้ผม ผมเลยก้มลงไปอ่านดู
“พี่เอาเรื่องนี้รวมเล่มไว้เหรอครับ” ผมถือมือสั่นเลยครับ
“พี่ว่าเอคงอยากได้ อันนี้ยังไม่สมบูรณ์นะ เพราะพี่ตั้งใจรวมเล่นตอนจบภาค3”
“งั้นผมขอฉบับรวมเล่มสมบูรณ์นะครับ”
ผมเห็นแก่ของฟรีมากไปป่าว
ปรากฏว่าผมได้ของฟรี แถมได้ไปสัมภาษณ์ ดารานำทั้งสามคนอีก
*****************************************************************************************
ผมมาร้านเบเกอรรี่ย่านสุขุมวิท พร้อมเห็นพี่ๆทั้งสามนั่งคุยกันอยู่ก่อนแล้ว
“หวัดดีครับ” ผมยกมือไหว้พี่ๆ
“น้องเอ เป็นไงบ้างไม่เจอกันนานเลยเนอะ” พี่โจ้ทักขึ้นมาก่อน
“หล่อขึ้นด้วยนะเนี้ย” พี่เชียร์พูดแบบนี้ทำเอาผมเขินเลย
“ไม่หรอกครับ พวกพี่ดูดีกว่าผมตั้งเยอะ” ผมหยอกล้อกับพี่ๆเพื่อสร้างความคุ้นเคย

คุยกันไปได้สักพัก ผมก็ขอพี่เค้าเรื่องสัมภาษณ์จะได้ไม่เสียเวลา
เอ: ตอนนี้พี่ๆเป็นยังไงกันบ้าง แฮปปี้กับแฟนมากขนาดไหนกันครับ
โจ้: ตอนนี้ก็ดีครับ สนุกกับงานที่คลินิกให้คำปรึกษา ได้ใช้สิ่งที่เรียนมาจริงๆ ส่วนแฟนนั้นก็เรื่อยๆครับ เพิ่งกลับมาคบกันใหม่ เพิ่งย้ายมาอยู่ด้วยกัน ช่วงนี้เลยเหมือนต้องมาเริ่มต้นกันใหม่หมด
เชียร์: ส่วนพี่เองก็สนุกกับงานนะ อยู่หลังเวทีแฟชั้นวุ่นวายดี ได้เห็นอะไรต่อมิอะไรของนายแบบ อิอิอิ  เรื่องแฟนเหรอ ก็ต่างคนต่างทำงาน มีนัดไปเที่ยวบ้าง ดูหนังบ้าง แล้วแต่ว่าวันไหนว่างตรงกัน
ปอ: สอนดนตรีอยู่ครับ มีทำงานเบื้องหลังด้วย เรื่องแฟน ยังไม่ได้คบใครจริงจังคับ

เอ: แล้ววางแผนอะไรกับตัวเองไหมครับ
โจ้: ที่จริงก็ทำสำเร็จไปหลายอย่างแล้วนะ ทั้งเรื่องงาน เรื่องบ้าน แต่เรื่องความรักไม่ได้วางแผนไว้อ่ะ ให้เวลาตัดสินดีกว่า
เชียร์: ทุกอย่างก็โอเคแล้วนะ แต่ตอนนี้คงจะมาดูแลพ่อดีกว่า
ปอ: อยากเปิดบาร์ ให้น้องๆที่เล่นดนตรีมาแสดงความสามารถกัน

เอ: พอได้อ่านเรื่องราวของพี่ตั้งแต่ภาคหนึ่ง ภาคสอง อยากรู้ว่าจนถึงตอนนี้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง
โจ้: เกือบทุกอย่างเลยครับ ทั้งความคิด นิสัย คงเพราะเจอเรื่องราวต่างๆมากขึ้น ใช้ชีวิตในสังคมที่กว้างขึ้น
เชียร์: เหมือนกันเลย แต่ความคิดกับนิสัยพี่ไม่ได้เปลี่ยนนะ
ปอ: อืมม พี่ว่าพี่ก็ไม่ได้เปลี่ยน แต่ก็เหมือนโจ้ที่บอก เราสามคนเข้าใจโลก สังคม มากขึ้น จากเรื่องราวที่ได้พบมา

เอ: อยากให้เล่าเรื่องที่ทำให้หน้าแตก หรือเรื่องเปิ่นๆ ตอนภาคหนึ่งหรือภาคสอง ให้ฟังหน่อยครับ
โจ้: คงเป็นตอนอยู่ต่อหน้ากับคนที่เราชอบ พี่มักจะทำตัวไม่ค่อยถูก หน้าแดง หูแดง ตลอดเลย อย่างตอนเจออาจารย์เบนบนรถไฟฟ้า ก็เขินแล้วเขินอีก แต่หนีไปไหนไม่ได้ ต้องทนเขินอยู่ตรงนั้น
เชียร์: พี่คงไม่เล่าเรื่องหน้าแตกให้ฟังหรอก เสียภาพพจน์หมด แต่ถ้าให้เล่าคงเป็นตอนที่มีอะไรกับพี่แจ็คแล้วพี่ยอดมาเห็น อายโคตรๆเลยอ่ะ
ปอ: ไม่ค่อยมี พี่ค่อนข้างระมัดระวังตัว

เอ: มาเม้าท์กันเองดีกว่า แฉใครก่อนดี พี่โจ้เลยล่ะกัน
โจ้: อ้าว! มีคำถามนี้ด้วย
เชียร์: ของชอบเลยอย่างนี้ ถ้าเรื่องโจ้ คงไม่แพ้เรื่องผู้ชาย อ่ะอ่ะ หลายคนคงคิดว่า เรียบร้อยอย่างนี้ จะอินโนเซ็นต์ เปล่าเลยนะจ๊ะ ตอนที่ไปค้างพี่หมี มีหรือว่าพี่หมีจะปล่อยให้รอด เจ้าตัวทำเป็นบอกไม่พร้อม แต่ไม่คิดเหรอว่าพี่เค้าจะยอม อีกเรื่องหนึ่ง ช่วงปิดเทอมมันชอบไปค้างที่บ้านโจ แล้วคิดว่าไปค้างกันอย่างเดียวหรือเปล่า เอาไปคิดเองแล้วกันนะ
เอ: มีอะไรแก้ตัวไหมครับ พี่โจ้
โจ้: เออ เออ แต่ก็ไม่มีอะไรเสียหายนี้(หน้าแดง)
ปอ: พี่ชอบขำเวลาโจ้ทำตัวโก๊ะๆ เปิ่นๆ โดยเฉพาะต่อหน้าผู้ชายที่มันชอบ ทั้งตกจากเก้าอี้ โดนลูกบาสตกใส่ ฯลฯ
อีกอย่าง มันกินเก่ง ว่างอะไรกินหมับๆเลย
เอ: แฉพี่เชียร์ต่อเลยครับ
โจ้: เชียร์เหรอ เรื่องเยอะอ่ะ บอกไม่หมดหรอก แต่เรื่องเด็ด คือเรื่องที่มันแอบมีอะไรกับพี่เต๋า ในสวนหลังหอ ไม่นึกว่าเพื่อนวิตถารชอบโชว์กลางแจ้ง
เอ: จริงเหรอครับ แล้วตอนนั้นกี่โมง
ปอ: 10โมงเช้า 55555 แม่งกล้า
เชียร์: ตอนนั้นปิดเทอมไม่มีใครเห้นหรอกม้าง
ปอ: ยามเอย คนสวนเอย ใครเขาก็เห็น ไอ้บ้า
เอ: พี่ปอดีกว่า พี่ปอมีเรื่องให้แฉป่าว
โจ้: ปอมันครางเสียงดังมาก ตอนนั้นมันไปค้างห้องบิ๊ก ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับห้องเรา ประมาณเที่ยงคืนหลับอยู่ดีดี  เสียงครางของใครก็ไม่รู้ ดังมาก หันไปหาเชียร์ เชียร์มันก็ยักคิ้ว รู้กันว่า ถ้าปอไปค้างกับบิ๊กแปลว่าอะไร แต่มันครางดังมากจริงๆนะ
เชียร์: แถมครางสาวกว่าบิ๊กอีกนะ 555555
ปอ: ทะลึ่งแล้ว ไม่ใช่พี่เอกนะ ที่ครางสาวพอๆกับแก
เอ: ผมว่าเราจบแค่นี้ก่อนดีกว่า ไม่งั้นคงมีตีกันแน่ๆ มีอะไรจะฝากนักอ่านไหมครับ
โจ้: ขอบคุณที่ติดตามนะครับ ยังไงเรื่องราวของเราคงเข้มข้นขึ้นแน่ๆครับ
เชียร์: แล้วมีตัวละครใหม่ๆด้วยนะครับ
ปอ: ใครคิดถึงพี่เบน พี่เอก พี่เก่ง และมีบิ๊ก พี่ยอด พี่เต๋า พี่หมิงในภาค3ด้วยนะครับ รวมมิตรเลยครับภาค3 สนุกแน่ๆ
เอ: ขอบคุณพี่ๆมากครับ หวังว่าจบภาค 3 คงได้มีสัมภาษณ์พี่อีกนะครับ

ตอนต่อไปเหล่าตัวละครจะมาพูดถึงฉากประทับใจนะครับ


nartch

  • บุคคลทั่วไป
เก๋มากกกกก น่ารักที่สุดด รอผลงานต่อไปจ้า...
 :L2: :L1: :L2:

ออฟไลน์ Tifa

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1474
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +417/-2
น่ารักดีครับ ทั้ง 3 คนเลย

แอบไปฟังกันครางด้วย หุหุ

วันหลังน่าจะมีคลิปบ้างนะ เอิ้กๆ

meawkung02

  • บุคคลทั่วไป
น่ารักจังเลยค้าบบบ...น้องเอ ด้วยนะค้าบบ...อิอิ

ออฟไลน์ nOn†ღ

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4390
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +502/-6
มารอดูฉากประทับใจของสามหนุ่มค่า  :oni2:

Kirimanjaro

  • บุคคลทั่วไป
บทสัมภาษณ์ฮามั่กๆๆ ครับ  พี่โจโจ้รุ่นเดียวกับพี่อาร์ก้าหรือเปล่าเนี่ย   :o

ออฟไลน์ jojoe

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-1
Special Features : ฉากประทับใจ

เรื่องราวของสามหนุ่มทั้งหมดเกือบ 40 กว่าตอน คงทำให้ใครหลายคนสนุกสนานกับเรื่องราว มิตรภาพ และ ความรักของพวกเขา ดังนั้น ตัวละครทั้งหมด จะมาเล่าเรื่องราวประทับใจ ว่าพวกเขาชอบฉากไหนหรือตอนไหนมากที่สุด

ขอให้เกียรติกับคนเขียนก่อนแล้วกันนะครับ

Jojoe - “ชอบตอนจบของภาคที่ 1 ที่สรุปเรื่องราวทั้งหมดของสามหนุ่ม ว่าบทสรุปของแต่ละคนเป็นอย่างไร ดูบรรยากาศของตอนนั้นอบอุ่นดี ตัวละครทุกตัวมารวมกัน อีกอย่างที่สำคัญ อาจารย์เบนกับโจ้คืนดีกันอีกครั้ง ที่ชายทะเล ให้ความรู้สึกเหมือนตนอจบของละครไทยบางเรื่อง ดูน้ำเน่าดีอ่ะ แต่รู้ว่าทุกๆคนก็อยากให้จบน้ำเน่าอย่างนี้ใช่ป่ะ
 
ผมเลยแยกตัวออกมาเดินที่ชายหาดคนเดียว ปอกับเชียร์เห็นผมออกมาเดินคนเดียวก็เดินตามมาด้วย
"เฮ้ย มึงทำไมออกมาเดินคนเดียว นี้งานเลี้ยงวันเกิดมึงน่ะ"เชียร์ถาม
"มึงเป็นอะไรรึป่าวว่ะ"ปอถามผม เพราะเห็นสีหน้าของผมดูเศร้า
ผมพยายามฝืนยิ้ม หันมาพูดกับเพื่อนๆ
"ป่าวๆ กูแค่นึกถึงเรื่องราวเก่าๆ เรื่องราวของพวกเราไง"
"กูก็นึกว่ามึงคิดถึงอาจารย์เบน"ไอ้เชียร์มันพูดแทงใจดำอีกแล้ว
ผมเงียบ ไปสักพักหนึ่ง
"นานแล้วเนอะ ที่พวกเราสามคนไม่ได้อยู่ด้วยกันอย่างนี้"ผมเอ่ยขึ้นมา
"ใช่ๆ กูโคตรคิดถึงพวกมึงเลยน่ะ" ไอ้เชียร์พูดเสร็จ ก็กระโดดกอดผมกับปอ
"อืมม กูรักพวกมึงมากๆเลยน่ะ" ปอพูดออกมาทั้งที่ยังกอดผมกับเชียร์อยู่
ผมไม่ได้พูดอะไร แต่ร้องไห้ออกมา นอกจากอาจารย์เบนแล้ว ก็มีเพื่อนตัวดีทั้งสองคนนี้แหล่ะที่ผมรักมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ที่สุด
พวกเรากอดกันสักพักหนึ่ง เชียร์ก็พูดขึ้นมาว่า
"กูมีอะไรจะให้มึงด้วยน่ะ โจ้" ผมงง ก็มันให้กล่องของขวัญผมไปแล้วนี้
"ไม่ใช่ของมึงคนเดียว กูด้วย เป็นของขวัญที่กูกับเชียร์หามาให้มึง" ปอเริ่มโวยวาย
ผมยิ่งงง อะไรของพวกมัน จะแกล้งอะไรผมอีกรึป่าว
เชียร์กับปอ ยิ้มให้ผมก่อนค่อยๆเดินออกไป อ้าวไหนบอกว่าจะให้ของขวัญไงเล่า แล้วเดินหนีไปทำไม
จู่ๆก็มีเสียงดังมาจากข้างหลังผม
"รอของขวัญเหรอครับ" ผมรีบหันไป
ผมแทบจะร้องไห้ออกมา ไม่นึกว่าคนที่พูดกับผมจะเป็นคนๆที่ผมคิดถึงอยู่ตลอดเวลา เกือบสี่ปี
"อาจารย์มาได้ไงครับ"ผมถาม
"ก็วันเกิดของโจ้นี้ ไม่มาได้ไง"
"แล้วอาจารย์ เป็งไงบ้างครับ"
"อืมม ก็... ชีวิตแต่งงาน มันไม่ค่อยราบรื่นน่ะ เพราะผมไม่ได้รักภรรยาผม ผมแต่งงานเพราะพ่อบังคับให้แต่งกับลูกสาวเจ้าหนี้ของพ่อผม ไม่งั้นร้านผมถูกยึดแน่"
ผมนึกไว้แต่แรกอยู่แล้วหล่ะ ว่าอาจารย์ไม่ได้อยากแต่ง
"สามสี่ปีที่ผ่านมา ก็ทะเลาะกันตลอด จนผมกับภรรยา ต้องแยกทางกันอยู่"อาจารย์เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ผมฟัง

ผมเดินคุยกับอาจารย์ไปเรื่อยๆ
อยู่ดีดีอาจารย์ก็เดินเข้ามากอดผมทางด้านหลัง
"โจ้ ตอนนี้ผมโสดแล้วน่ะ" อาจารย์กระซิบข้างๆหู
"บอกผมทำไม"
"อ้าว โจ้ไม่ดีใจเหรอ"
"ดีใจสิครับ" ผมหันหน้าไปมองอาจารย์
"งั้น เรามาคบกันเหมือนเดิมน่ะ" อาจารย์พูดกับผม
"แล้วผมจะแน่ใจได้ไหมว่า อาจารย์จะไม่หนีไปแต่งงงานอีก"
ผมเริ่ม เล่นตัว อาจารย์เลยคุกเข่าต่อหน้าผม
"น่า น่ะ เป็นแฟนกับผมเถอะครับ รับรองผมไม่ไปแต่งงานกับใครแน่ๆ ทั้งผู้หญิง ทั้งผู้ชาย" ผมอดขำกับอาจารย์ไม่ได้
"ครับ" ผมตอบเพียงเท่านี้ อาจารย์ได้ยินก็กระโดด ขึ้นมาจูบผม
"ผมรักโจ้น่ะครับ"
"ผมก็รักอาจารย์ครับ"

-----จบบริบูรณ์-----


และชอบตอนที่1 ของภาค2 ตอนม.4 ที่เล่าเรื่องที่มาของสามหนุ่มว่ามาเรียนที่หอนี้ได้อย่างไร และเป็นจุดเริ่มมิตรภาพของทั้งสามคน ดูอบอุ่น และแอบอมยิ้มเวลาแต่ง นึกถึงเพื่อนขึ้นมาจริงๆ”

เมื่อถึงเวลาเลิกประชุม ผมนั่งมองนักเรียนที่กำลังแยกย้ายกันไปขึ้นหอพัก ผมจึงเดินตามพวกเขาไป เหมือนกับว่าผมได้เข้าประชุมด้วย
ผมพยายามทำตัวปกติ คนอื่นจะได้ไม่สงสัยว่าทำไมผมถึงร้องไห้
ผมเดินไปถึงที่ห้อง ผมตกใจเมื่อเห็นเด็กผู้ชายสองคน กำลังนั่งคุยกันอยู่ที่เตียงตรงข้ามของผม ผมลืมนึกไปเลยว่า ผมต้องอยู่กับเพื่อนใหม่อีกสองคน
“อ้าวหวัดดี นายเพิ่งขึ้นมาเหรอ เราชื่อโจ้นะ ส่วนอีกคนชื่อเชียร์” เด็กผู้ชายใส่แว่น น่าตาดูดี พูดจาสุภาพเรียบร้อย เอ่ยทักผม ก่อนที่จะแนะนำคนอีกคนหนึ่ง ซึ่งน่าตาน่ารักพอๆกัน ดูจากการแต่งตัวแล้วน่าจะเป็นคุณหนู ดูหยิ่งๆยังไงก็ไม่รู้
“นายชื่อไรเหรอ” คุณหนูถามชื่อผม
“เราชื่อปอ คือ เราขอนอนพักหน่อยนะเราไม่ค่อยสบายนะ” ผมรีบแยกตัวไปนอนที่เตียง ผมไม่ได้ไม่สบายหรอก แต่อารมณ์ผมตอนนี้ไม่อยากจะคุยอะไรกับใครมากกว่า
“งั้นเราไปเอายามาให้ดีกว่านะ” โจ้ดูท่าทางเป็นห่วงเป็นใยผม แล้วก็รีบออกจากห้องไป
ผมไม่สนใจ นอนหันหลังให้กับเชียร์ที่ยังคงนั่งอยู่บนเตียงที่เดิม ผมหลับตา พยายามที่จะนอนหลับ
“นายไม่สบายจริงเหรอตัวไม่เห็นร้อนเลย” เชียร์เดินมาแตะหน้าผากตั่งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ผมสะดุ้งตกใจลุกขึ้นมา
“นะ นาย ไม่ต้องมายุ่งได้มั้ย” ผมตะโกนใส่เชียร์ ดูเชียร์จะตกใจเมื่อเห็นผมโกรธ
“ยุ่ง อะไรกัน ก็เป็นห่วง จะมาดูว่าเป็นหวัด หรือเป็นไข้ จะได้ให้ยาถูก” เชียร์เกาหัว ท่าทางคงงงที่ผมทำไมถึงโมโห
“เราไม่ต้องการให้ใครมาสนใจเรา เราอยากอยู่คนเดียวเข้าใจไหม” ผมตะโกนใส่เชียร์ พร้อมน้ำตาที่ไหลออกมาแทบยั้งไม่อยู่
ผมลุกจากเตียง และวิ่งไปที่ประตูเพื่อจะออกจากห้อง เป็นขณะเดียวกับที่โจ้กำลังหยิบมายามาให้ผมพอดี
ผมเลยชนกับโจ้เข้าอย่างจัง ต่างฝ่ายต่างล้มไม่เป็นท่า
“โอ้ยๆ” โจ้ร้องออกมาพร้อมจับเอว สงสัยขาผมไปชนกับเอวของโจ้แน่ๆ เพราะขาผมก็เจ็บ
แต่ผมไม่ได้ร้องโอดครวญเพราะเจ็บขา แต่ผมกำลังร้องไห้ “ฮือออ ฮือออ”
เชียร์กับโจ้ เดินมาดูผมที่กำลังร้องไห้อยู่
“นะ นายเป็นอะไร เราชนนายเจ็บมากเลยเหรอ” โจ้ถามผมนึกว่าผมร้องไห้เพราะเจ็บจากการวิ่งชนกันเมื่อกี้
“ปะ ป่าว ไม่มีอะไรหรอก” ผมรีบเช็ดน้ำตา “เราแค่ ฮือออ ฮือออ” แต่ก็ร้องไห้มาอีก
“นายเป็นอะไร มีเรื่องอะไร บอกพวกเราได้นะ” โจ้เข้ามาจับมือผม ผมรู้สึกได้ถึงความจริงใจของเพื่อนใหม่คนนี้
ตอนนี้ผมไม่รู้จะทำยังไง การได้เล่าปัญหาของผมให้ใครสักคนฟัง อาจจะทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมาบ้างก็ได้
ผมจึงเล่าถึงปัญหาของผมที่เกิดขึ้นให้โจ้และเชียร์ฟัง ดูทั้งสองคนตั้งใจฟังปัญหาของผมอย่างจิงจัง
ผมเล่าจบ โจ้ก็เข้ามาจับที่แขนผม
“ปัญหาที่เกิดขึ้น มันต้องมีทางแก้ พ่อแม่นายคงไม่ทะเลาะกันไปตลอดหรอก พวกเขาทะเลาะกันก็เพราะพวกเขารักนายไม่ใช่เหรอ”
สิ่งที่โจ้พูดทำให้ผม รู้สึกดีขึ้นมามาก และทำให้มีสติถึงปัญหาที่เกิดขึ้น
“ฉันอิจฉานายนะ” เชียร์พูดกับผม
“นายอิจฉาเราทำไม” ผมสงสัย อย่างเชียร์ที่ดูเป็นคนสมบูรณ์แบบทุกอย่าง ไม่น่าจะขาดอะไร
“เราไม่มีแม่ นายโชคดีที่ยังมีแม่” เชียร์พูดออกมา ผมเห็นว่าน้ำตาของเชียร์เริ่มซึม
“เราเอง ไม่มีทั้งพ่อทั้งแม่ ตั่งแต่เกิดมายังไม่เคยเห็นหน้าพ่อแม่เลยด้วยซ้ำ” โจ้เองก็พูดออกมาให้ผมฟังเช่นกัน
“ดูสิ นายนะโชคดีแค่ไหนที่มีพ่อแม่” โจ้เองก็เริ่มร้องไห้
กลายเป็นว่าทั้งสองคนร้องแทนผม ผมรีบปลอมพวกนั้นทันที
“เฮ้ย โตๆกันแล้ว ไม่เห็นต้องร้องเลย พวกนายอยู่ได้โดยไม่มีพ่อไม่มีแม่มาตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอ ยังจะมาร้องอีกทำไม”
ผมพูดใส่หูทั้งสองคน พวกนั้นก็หยุดร้องพร้อมเช็ดน้ำตา
“เชียร์เราขอโทษนะที่เมื่อกี้เราตะโกนใส่นาย” ผมพูดกับเชียร์ เชียร์ยิ้มรับ
“เราก็ขอโทดนะโจ้ ที่เราวิ่งชนนาย” ผมพูดกับโจ้ โจ้ก็เอามือมาแตะที่มือของผม
“ไม่เป็นไรหรอก เราเป็นเพื่อนกันแล้วนี้ มีอะไรเราก็ต้องช่วยเพื่อน” โจ้ยิ้มให้ผม
ปรากฏว่าคืนนั้น พวกเราไม่ได้นอนกันทั้งคืน เพราะมัวแต่คุยกัน ไม่รู้ไปเรื่องกันมาจากไหน พูดกันได้ไม่จบสักที
ผมรู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่มีเพื่อนที่ดี และหวังว่าพวกเราจะเป็นอย่างนี้ไปตลอด.....


โจ้ – “ชอบ บทนำของภาค 2 ตอนม.5 ที่โจ้ไปสารภาพรักกับพี่ยอด รู้สึกว่าตอนนั้น ดูโจ้มุ่งมั่นมากๆ ทั้งๆที่รู้ว่าความรักของตัวเองไม่มีทางสมหวังอยู่แล้ว ตอนนี้เองที่บรรยายความเป็นตัวโจ้มากที่สุด และชอบคำพูดที่ว่า ผมรักพี่มากกว่าที่พี่คิด ดูเป็นคำที่แสดงความรู้สึกออกมาจริงๆ ชอบตอนนี้มากที่สุดเลยครับ”
ผมหันไปมองพี่ยอด พร้อมนึกตามคำพูดของพี่เค้า ผมยอมรับว่าตอนแรกที่เห็นพี่เค้าผมชอบเพราะหน้าตา รูปร่าง ของพี่เค้าจริงๆ แต่พอได้รู้จัก ได้พูดคุย ผมก็ยิ่งรู้สึกชอบมากขึ้นไปอีก

ผมกับพี่ยอด นั่งเงียบไปสักครู่หนึ่ง ผมไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี เพราะพี่ยอดแย่งพูดความรู้สึกของผมไปหมดแล้ว

“ใกล้เวลาทานอาหารเที่ยง เราไปกันเถอะ” แล้วพี่ยอดก็ลุกขึ้นเดินออกไป แต่ผมยังคงนั่งอยู่ที่ม้านั่ง

แล้วน้ำตาของผมก็เริ่มไหลออกมา ผมกลั่นมันไว้ไม่อยู่จริงๆ รู้สึกเหมือนโดนตบหน้าอย่างแรง แม้ว่าพี่ยอดไม่ได้ตอบปฏิเสธผม แต่คำพูดของพี่ยอดมันเหมือนดูถูกว่าผมจะรักคนๆหนึ่งเพราะแค่มองจากภายนอกเท่านั้น

ไม่ได้ ผมจะไม่ยอมให้พี่เค้าคิดว่าผมเป็นคนแบบนั้นเด็ดขาด

ผมลุกขึ้นจากม้านั่ง หันไปมองที่พี่ยอดที่กำลังเดินห่างออกไปจากผมช้าๆ

ผมรู้ว่าอีกไม่นาน พี่ยอดก็จะไปจากผมแล้ว อาจจะไปจากชีวิตผมด้วยซ้ำ เพราะพี่ยอดจะย้ายไปเรียนต่ออังกฤษ และอาจจะย้ายไปอยู่ที่นั่นตลอดเลยด้วย

นี้จะเป็นโอกาสสุดท้าย ที่ผมจะทำให้รักครั้งแรกของผม

ผมวิ่งไปสุดแรง สายตายังคงจ้องด้านหลังของผู้ชายที่ผมเฝ้ามองมาตลอดเกือบปี
ผมวิ่งไปถึงพี่ยอด ผมคว้าตัวพี่ยอดไว้ ซบหน้าไปกับหลังของพี่เค้า แล้วน้ำตาของผมก็เริ่มไหล
“ใช่ ผมรักพี่เพราะหน้าตา เพราะรูปร่าง เพราะฐานะ และทุกอย่างที่ผมเห็น แต่รู้ไว้นะ ผมก็รักจิตใจ นิสัย บุคลิก เสื้อผ้า กางเกง รองเท้า ผู้คนรอบข้างในชีวิตของพี่ด้วย”

คำพูดพรั่งพรูออกมาจากปากของผม

ผมค่อยๆปล่อยตัวพี่ยอด แล้วเดินไปเผชิญหน้าของพี่เค้า

“ผมรักทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นพี่ ผมรักพี่มากกว่าที่พี่คิด”

ผมยังคงร้องไห้ มันเป็นความรู้สึกดีใจที่ผมได้พูดความรู้สึกออกมา และเสียใจที่จะไม่พบกับผู้ชายคนนี้อีกแล้ว

พี่ยอดหน้าเหวอไปสักพัก คงตกใจที่ผมพูดไปร้องไห้ แล้วพี่ยอดก็เดินเข้ามากอดผมแน่น

“ขอบใจมากๆ ขอบใจที่มีความรู้สึกดีดีให้พี่ ขอบใจจริงๆ”


เชียร์ – “ฉากที่เชียร์ ถอนเสื้อผ้าออกมาจนหมด เพื่อให้พี่เต๋าดูความเปลี่ยนแปลงของตัวเอง จากคนที่อัปลักษณ์จนเป็นคนที่สมบูรณ์แบบ ที่เชียร์ทำแบบนั้นเพราะต้องการให้เห็นว่า ถึงจะเปลี่ยนแปลงตัวเองไปมากเท่าไร สิ่งที่เชียร์ต้องการไม่ใช้ความสมบูรณ์แบบของร่างกาย แต่เป็นความสมบูรณ์ของจิตใจ นั้นคือการมีคนที่เข้าใจในตัวเชียร์นั้นเอง”


ผมเลยสะบัดผม พร้อมค่อยๆถอดเสื้อออก
“เฮ้ย ทำอะไร เดี๋ยวมีคนมาเห็นหรอก” พี่เต๋าตกใจที่ผมอยู่ดีดีก็จะชีเปลือยซะงั้น
ตอนนี้เสื้อและกางเกงของผมถูกถอดออกจนหมด เหลือแต่กางเกงในตัวจิ๋วเท่านั้น
“คิดว่ารูปร่างของเชียร์เป็นไง” ผมถามพี่เต๋าที่ทำหน้างงกับการกระทำของผม
“ก็ถือว่าหุ่นดี มีกล้ามแขน กล้ามท้อง ผิวขาวเนียน” พี่เต๋าพูดพร้อมพิจารณาร่างกายของผม
“แล้วหน้าตาของเชียร์หละ” ผมถามอีก
“ก็ จมูกโด่ง ปากเรียวอมชมพู ผิวหน้าใส คิ้วเข้ม”
ผมได้ยินดังนั้น ก็ยิ้มนิดๆ พร้อมเดินเข้าไปใกล้พี่เต๋า
“เชื่อไหม ว่าแต่ก่อน เชียร์เป็นคนละคน”
“หมายความว่าไง” พี่เต๋าทำหน้างง
“ตอนนี้เชียร์น้ำหนัก55  เมื่อ2ปีที่แล้วเชียร์น้ำหนักเกือบ80 หน้าที่ดูเรียบเนียน แต่ก่อนมีแต่สิวเต็มไปหมด กล้ามท้องแต่ก่อนก็เป็นพุงที่ยืนออกมาจนใส่กางเกงแทบไม่ได้ “
ผมบรรยายภาพสมัยก่อนของผม ดูพี่เต๋าอึ้งไปเหมือนกัน
“เด็กคนหนึ่งที่เจียมตัวเอง รู้ว่าตัวเองไม่เคยมีอะไรดีไปสักอย่าง ไม่ใครอยากคบ ไม่มีใครอยากรู้จัก แต่พอมาวันหนึ่ง เด็กคนนั้นเรียนรู้ที่จะทำตัวเองให้มีคุณค่า เขาเปลี่ยนตัวเองเพื่อให้ทุกคนยอมรับ เพื่อให้ทุกคนมองเขาว่าเขาคือคนที่สมบูรณ์แบบ”
ผมเดินไปทางพี่เต๋า พร้อมจับมือของเค้ามาทางที่หน้าอกด้านซ้าย
“แต่สิ่งหนึ่งที่เด็กคนนั้นไม่เคยเปลี่ยนแปลง คือ หัวใจที่ยังโหยหาใครสักคน ใครที่จะคอยดูคุณค่าของเขาที่เขาพยายามเปลี่ยนแปลง มันจะไม่มีคุณค่าเลยถ้าคนที่เด็กคนนั้นโหยหา ไม่เห็นคุณค่าของเขาที่จะพยายามเปลี่ยนแปลง”
“ถึงแม้เชียร์จะไม่ได้เป็นดรัมเมเยอร์ เชียร์ก็มีคุณค่ากับพี่เสมอ” พี่เต๋าพูดจบก็ค่อยๆจูบผม
ผมดีใจที่พี่เค้าเข้าใจผม
ไม่ใช่เข้าใจว่าผมอยากเป็นดรัมเมเยอร์เพราะอะไร แต่เข้าใจว่าผมต้องการใครมากที่สุดในตอนนี้


ปอ – “ชอบฉากที่ปอ เต้นอะโกโก้ในบาร์เพื่อเรียกร้องความสนใจจากพี่เก่ง ขอบอกว่า เป็นฉากที่ทำให้ทุกคนคาดไม่ถึงว่าคนแมนๆครึมๆอย่างปอ จะกล้านุ่งสั้น เต้นสะบัดตูดส่ายไปมา แต่ก็ถือว่าการกระทำนั้นได้ผล เพราะได้แก้แค้นพี่เก่งสมใจ แถมจูบชายอื่น ต่อหน้าพี่เก่งซะด้วย สุดยอดมาก”


"ตอนนี้ราคา ถึง สองหมื่นแล้วน่ะครับ" ผมหันมามองเชียร์ที่แอบอยู่หลังร้าน
เป็นไปตามแผน เชียร์ได้นัดแนะให้คนหนึ่งเสนอราคาให้สูงที่สุด
ดูท่าทางคนในร้านจะไม่สู้กับราคานี้
"ตกลง เราจะจบด้วยราคาสองหมื่นน่ะครับ"เจ้าของร้านประกาศการสิ้นสุดการประมูล
"เดี๋ยวก่อน ผมให้สามหมื่น" ผมหันไปมองสียงนั้น ทุกคนในร้านต่างมองมาทางเสียงนั้น
คนที่เสนอราคาคนสุดท้ายคือ พี่เก่ง
พูดจบพี่เก่งเขียนเช็ค แล้วเดินมาที่กลางฟอร์ล พร้อมลากผมออกจากไป

ผมเดินตามพี่เก่งออกมาจากบาร์
"นี้มันอะไรกัน ทำไมปอถึงทำแบบนี้" พี่เก่งเริ่มตะคอกใส่ผม
ผมไม่ตอบ ได้แต่จ้องหน้าพี่เก่ง
"ทำเพื่อประชดพี่ใช่ไหม" พี่เก่งจ้องหน้าผมกลับ
สายตาพี่เก่งที่มองผมดูแปลกไป มันเหมือนแฝงอะไรบางอย่าง
พี่เก่งค่อยๆก้มลงจะมาจูบผม
ผมรีบผลักพี่เก่ง แล้วพูดกับพี่เก่งว่า
"พี่เป็นคนบอกผมไม่ใช่เหรอ ว่าให้ลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อวันนั้น แล้วพี่จะมารื้อฟื้นอะไรอีกหล่ะ หรือทำไปเพราะเสียดายเงินที่ประมูลไป" ผมเริ่มโมโห
"เอาเงินของพี่ไปเถอะ จำไว้เลยน่ะ ผมลืมเรื่องราววันนั้นไปหมดแล้ว" ผมเดินหนีพี่เก่ง พี่เก่งยังมาคว้ามือผมไว้
"พี่ไม่เชื่อหรอกว่าปอ จะลืมพี่ได้ แล้ววันนี้ที่ปอขึ้นไปเต้น ปอต้องการอะไร" พี่เก่งถามผม
ผมไม่ตอบอะไรทั้งนั้น พร้อมสะบัดมือพี่เก่งออกอย่างแรง
ผมเดินเข้าไปหาผู้ชายคนหนึ่งที่มาเที่ยวที่บาร์ ดูท่าทางธรรมดาๆต่างจากพี่เก่งโดยสิ้นเชิง
"คุณสนใจจะนอนกับผมหรือเปล่า"ผมเดินเข้าไปถามตรงๆ
ผู้ชายคนนั้นดูตกใจ ถามผมว่า"คุณคือคนที่เต้นเมื่อกี้นี้ ผมคงไม่มีเงินให้คุณถึงสามหมื่นหรอก"
"ไม่ต้องหรอก ผมให้คุณนอนกับผม ฟรี ไม่ต้องเสียเงิน" พุดจบ ผมก็จูบปากกับผู้ชายต่อหน้าพี่เก่ง
ผมหันไปมองพี่เก่ง "นี้ไงคือคำตอบของผม" แล้วผมก็เดินไปกับผู้ชายคนนั้น
แม้ผมจะไม่พยายามสบตาพี่เก่ง แต่ผมกู้รู้ว่า พี่เก่ง ร้องไห้!!!!


เบน – “ชอบตอนที่โจ้มาที่ห้องอาจารย์เบนครั้งแรก ตอนนั้นทั้งสองก็มีใจให้กันแล้ว แต่ก็กล้าๆกลัวๆไม่ยอมบอกให้กันและกันรู้ เมื่อต้องมาอยู่ด้วยกันสองคน ก็ทำตัวไม่ค่อยถูก แต่สายตามันก็ฟ้องอยู่ดี”
พอผมมาถึงห้องของอาจารย์ ผมก็แปลกใจมาก ตอนแรกก้เข้าใจว่าห้องของอาจารย์คือ ห้องพักอาจารย์ที่มหาลัย แต่ที่อาจารย์พามากลายเป็นห้องนอนของอาจารย์ที่บ้านของอาจารย์ ผมแปลกใจตั้งแต่อาจารย์พาผมเดินออกมานอกรั้วประตูมหาลัยแล้ว บ้านของอาจารย์คือร้านขายก๋วยเตี๋ยวที่ผมเคยมากิน ส่วนห้องอาจารย์อยู่ด้านบน


อาจารย์ถอดเนคไทด์ และปลดกระดุมเสื้อตรงคอและตรองหน้าอก เผยให้เห็นแผงหน้าอกของอาจารย์ ผมใจเต้นมองอาจารย์ตาไม่กระพริบ ผมยืนเก้ๆกังๆอยู่หน้าประตูห้อง อาจารย์คงเห็นเลยเรียกผม

"มานี่สิ" อาจารย์เรียกผมเข้าไปหา

"ครับ" ผมตอบรับอาจารย์ และเดินไปตรงหน้าคอม

"นี้งานที่จะให้พิม สงสัยอะไรถามอาจารย์ได้นะ" อาจารย์ยืนแฟ้มงานมาให้ผม

"ครับ" ผมรับงานอาจารย์มาพิม ตอนแรกต้องพยายามไม่วอกแวก เพราะสมาธิเสียไปตั้งแต่เห็นอาจารย์ปลดกระดุมแล้ว พอผมพิมไปได้พักใหญ่ๆ เครื่องมันเป็นอะไรก็ไม่รู้ พิมไม่ได้เหมือนเครื่องมันค้าง เลยหันไปบอกอาจารย์ให้ช่วยมาแก้เครื่องให้หน่อย พอผมหันไปสิ่งที่ผมเห็นก็คืออาจารย์ใส่เสื้อกล้าม กับกางเกงบอล อยากจะบอกว่าอาจารย์น่ารักมาก

"ว่าไงนะเครื่องมันค้างเหรอ มาเดี๋ยวแก้ให้" อาจารย์เดินมาที่คอมที่ผมนั้งอยู่ อาจารย์ค่อยๆโอบมือมาด้านหลังของผม แล้วเขยิบตัวมาใกล้ๆคอมแต่ถ้าใครเห็นคงคิดว่าอาจารย์กำลังกอดผมอยู่ เนื่องจากอาจารย์ยืนอยู่เลยต้องก้มตัว เพื่อจะได้เห็นคอมพิวเตอร์ทำให้แก้มของผมกับอาจารย์ แทบจะชนกัน

ถ้าใครหยุดเวลาได้ ช่วยหยุดเวลาตอนนี้ให้ทีเถอะ


เอก – “ประทับใจฉากบทนำของภาค2 ที่เอกทะเลาะกับเชียร์ ดูเหมือนคู่รักทั่วไปที่ไม่เข้าใจกัน แต่ฝ่ายที่ยอมมาตลอดกับไม่อยากเป็นฝ่ายยอมบ้าง บางคนอาจลงเอยด้วยการเลิกกันก็มี แต่คู่นี้ใช้วิธีปรับความเข้าใจกัน ไม่แปลกที่ในเรื่อง คู่นี้จะรักกันยืดที่สุด”

ผมรีบกดเบอร์โทรศัพท์ของไอ้ปอ เพื่อจะรีบบอกมันถึงงานศิษย์เก่า
แต่ผมก็กดวางสายไปเมื่อเห็นพี่เอกเดินออกมาจากห้องน้ำ
พี่เอกกำลังใช้ผ้าเช็ดตัวเช็ดผมที่เพิ่งสระมา ปกติผมจะเป็นคอยเช็ดให้เสมอ
ผมเอาเสื้อผ้าที่เตรียมไว้ให้พี่เอก มาวางไว้ข้างๆตัวเขา(ปกติผมจะเตรียมเสื้อผ้าให้พี่เอกเสมอ รวมทั้ง กกน.ด้วย)
พี่เอกไม่สนใจเสื้อผ้าของผมเลย แล้วเดินไปหยิบเสื้อผ้าในตู้มาใส่เอง โดยเดินผ่านผมไป แทบจะไม่มองผมเลย ท่าทางคงงอนผมจริงๆ
“งอนเชียร์เหรอ” ผมเริ่มทำเสียงอ่อนลง พร้อมเดินไปหาพี่เอกที่กำลังหวีผมอยู่ พอผมเดินไปถึง พี่เอกกลับเดินไปที่เตียงนอนแทน แล้วรีบนอนทันที
ผมรู้สึกไม่ดีเลยที่พี่เอกแสดงอาการอย่างนี้ ผมกลับมานึกถึงตัวเองว่า “ทำไมเรางี่เง่าอย่างนี้ว่ะ”
ผมค่อยๆเดินไปที่เตียงพร้อมลงตัวนอนข้างพี่เอก
“พี่เอก เชียร์ขอโทษน่ะ” ผมพูดแค่นี้ เพราะไม่รู้ว่าจะพูดอะไรอีก แต่ผมมั่นใจว่าผมพูดมาจากใจจริงๆ
ผมค่อยๆเอามือไปโอบร่างของพี่เอก
“เชียร์คงรู้แล้วน่ะว่า เวลาที่เราถูกคนที่เราไว้ใจที่สุด ไม่ไว้ใจเรา มันเจ็บขนาดไหน” พี่เอกพูดเสร็จก็หันหน้ามาหาผม
ตอนนั้นผมร้องไห้ไปแล้ว
“แต่พี่ไว้ใจเชียร์เสมอน่ะ” พี่เอกพูดเสร็จก็จูบหน้าผากของผม
แล้วเราก็ไม่พูดอะไรกันอีกเลย ผมก็นอนไปในอ้อมกอดของพี่เอก จนลืมไปเลยว่าต้องโทรไปหาไอ้ปอ ไม่เป็นไรค่อยโทรไปหามันตอนเช้าก็ได้


เก่ง – “คงชอบตอนที่ไปสารภาพรักกับปอครับ อย่างที่ทุกคนรู้ๆกันว่า เก่งเป้นคนเจ้าชู้มาก แต่มายอมสยบกับปอ ที่ตัวเองไม่เคยคิดจะสนใจมาตลอด เมื่อไปทำให้เค้าเจ็บปวด เลยต้อหาวิธีขอโทษ ด้วยการใช้เพลงแทนคำพูด ดูซึ้งดีครับฉากนี้”

ผมกำลังจะกลับบ้าน พร้อมกับเหน่ง ผมนั่งรอเหน่งให้เก็บของให้เรียบร้อย แต่ดูเหมือนเหน่งเดินหายไปไหนก็ไม่รู้
ผมเลยเดินตามหาเก่งทั่วร้าน เพื่อนๆในวงก็หายไป
ที่จริงวันนี้วงของผมไม่ได้เล่นเป็นวงสุดท้าย จะมีอีกวงมาเล่นต่อจากวงของผม
ไม่นานนัก วงต่อจากผมก็เริ่มเล่น ผมไม่ได้สนใจ เพราะมัวแต่ตามหาเพื่อน
แต่แล้วผมก็ต้องหันไปมอง วงดนตรีวงนั้น เพราะนอกจากเสียงดนตรี จะคล้ายกับเสียงของวงของผม และน้ำเสียงของคนร้องก็คุ้นเคยผมเป็นอย่างดี
“ ด้วยเหตุใดก็ตาม เธอไม่เคยรับรู้ ใกล้เธอสักเท่าไหร่แต่เหมือนไกล ไกลห่างกัน
ได้แค่มองหน้าเธอทำได้เพียงแค่นั้น หัวใจที่แอบฝังอยู่ใกล้กันยิ่งหวั่นไหว
หากเธอรู้ใจ หากเธอรู้ตัว เธอจะเข้าใจกันหรือเปล่า
ก็ไม่รู้เลย แต่ต้องพูดไป และจะมาเพื่อกวนใจคำถามเดียว
แค่อยากรู้รังเกียจกันไหม ขอให้มันอย่าเป็นแบบนั้นเลย
อยากได้ยินเสียง คนที่คุ้นเคย อยากเจอเธอคนเดิมที่เคยได้เจอในเมื่อวาน
หากพรุ่งนี้ทุกอย่างหมุนไป ฉันคนหนึ่งจะยืนตรงที่เก่า อยู่เพื่อบอกเธอ คำที่ค้างใจ
ต่อให้มันจะไม่มีวันเป็นจริงเลยก็ตาม อยากให้รู้ว่ารักเธอ
อยากให้หันมาหน่อย อยากให้มองหน้ากัน ถ้าเธอไม่หวั่นไหว กับสายตาคนอย่างฉัน
ไม่บังคับใจเธอ หากเจอคนที่ฝัน หวังเพียงใครคนนั้น จะใกล้เคียงคนอย่างฉัน
หากเธอรู้ใจ หากเธอรู้ตัว เธอจะเข้าใจกันหรือเปล่า
ก็ไม่รู้เลย แต่ต้องพูดไป และจะมาเพื่อกวนใจคำถามเดียว
แค่อยากรู้รังเกียจกันไหม ขอให้มันอย่าเป็นแบบนั้นเลย
อยากได้ยินเสียง คนที่คุ้นเคย อยากเจอเธอคนเดิมที่เคยได้เจอในเมื่อวาน
หากพรุ่งนี้ทุกอย่างหมุนไป ฉันคนหนึ่งจะยืนตรงที่เก่า อยู่เพื่อบอกเธอ คำที่ค้างใจ
ต่อให้มันจะไม่มีวันเป็นจริงเลยก็ตาม อยากให้รู้ว่า...รักเธอ”
บนเวที เพื่อนๆของผมกำลังเล่นดนตรีกันครบทั้งวง ยกเว้นเหน่งที่ร้องคอรัสอยู่หลังเวที แต่นักร้องและมือกีตาร์คือ พี่เก่งที่กำลังร้องเพลง และ กำลังจ้องมองมาที่ผม
ผมยืนนิ่งฟังพี่เก่งร้องเพลง แม้พี่เก่งเองจะไม่ได้ร้องเพลงเพราะเหมือนเหน่ง และเล่นกีตาร์ไม่ดีเท่าผม แต่ผมกลับชอบที่พี่เก่งร้องเพลงนี้ เรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้น ที่พี่เก่งทำให้ผมเสียใจ ผมลืมมันไปในทันที ผมเผลอร้องไห้ออกมาโดยไม่รู้ตัว ผมรีบเช็ดน้ำตา และเดินออกมาจากผับ โดยพี่เก่งรีบเดินตามผมมา
พี่เก่งเรียกผม ผมจึงหยุดอยู่ตรงข้างๆถนน แต่ไม่ได้หันหลังกลับไปมอง ผมเองยังอายไม่กล้ามองหน้าพี่เก่งชัดๆ
“คือ...พี่ขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้น พี่ไม่รู้ว่าปอจะเสียใจ” พี่เก่งพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสำนึดผิด
“พี่อยากให้ปอรู้ว่าพี่เองก็เสียใจ” พี่เก่งเงียบไปสักพักหนึ่ง ก่อนจะพูดคำๆหนึ่งขึ้นมาว่า
“พี่ รัก ปอ น่ะ”
ผมรีบหันกลับไปมองพี่เก่ง ไม่นึกว่าพี่เก่งจะเป็นคนที่เอ่ยคำๆนี้มาก่อน


 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด