พิมพ์หน้านี้ - Three Couple of love:Special Features:Sweet Couple

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: jojoe ที่ 31-12-2007 19:33:42

หัวข้อ: Three Couple of love:Special Features:Sweet Couple
เริ่มหัวข้อโดย: jojoe ที่ 31-12-2007 19:33:42
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความที่ไม่เหมาะสมและเกิดความขัดแย้ง
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ



.::.กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่ .::. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0)







รัก 3 รส เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Three Couple of love

เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย 3 คน 3บุคลลิก ที่มีประสบการณ์ความรักที่แตกต่างกัน เมื่อพวกเขาได้พบกับหนุ่มๆในฝัน พวกเขาจะทำอย่างไรให้หนุ่มในฝันมาหลงรัก และแก้ปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นจากความสัมพันธ์ของพวกเขา

เด็กหนุ่ม 3 คนที่เป็นเพื่อนซี้จากโรงเรียนเก่า และแยกย้ายกันไปเรียนในรั้วมหาวิทยาลัยตามที่ตัวเองใฝ่ฝัน เมื่อพวกเขาได้พบกันอีกครั้งหนึ่ง พวกเขาก็ได้พบหนุ่มในฝันและเรื่องราวความรักก็เริ่มขึ้น





*** ขออนุญาตแก้ไขคำห้อยท้ายของชื่อเรื่อง เพื่อลดความรุงรังของหัวข้อ  แต่หากผู้แต่งมีเรื่องแจ้งเพิ่มเติม ก็สามารถแก้ไขชื่อเรื่องได้ตามปกติค่ะ
 ทิพย์โมบอร์ดนิยาย
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: jojoe ที่ 31-12-2007 19:37:32
บทที่1 at first sight

คู่ที่1

ในบ่ายวันหนึ่งที่ร้านก๋วยเตี๋ยวเรือแถวๆมหาลัย ผมไปหาอะไรทานให้หายหิวก่อนจะไปหาเพื่อนผมที่นัดกันไว้ เนื่องจากเป็นเวลาเที่ยงวันทำให้คนในร้านเยอะกว่าปกติ ผมกำลังจะสั่งก๋วยเตี๋ยว แต่ดูเหมือนไม่มีพนักงานคนไหนสนใจผมเลย เพราะคนอื่นๆก็ต่างแย่งเรียกพนักงานเพื่อสั่งอาหารของตนเอง
“วันนี้จะได้กินก๋วยเตี๋ยวไหมเนี่ย” ผมเริ่มบ่นกับตัวเอง                                                                                       
“สั่งอาหารอะไรดีครับ” เอ๊ะผมบ่นดังไปหรือปล่าวเนี่ย                                           
“เอาเล็ก ตก เครื่องใน เป๊ปซี่ขวดหนึ่ง” ผมสั่งก๋วยเตี๋ยวพลางมองพนักงานคนนั้น 
“จะสั่งอะไรเพิ่มอีกหรือปล่าวครับ”                                                                     
“ไม่ครับ” ผมแปลกใจกับพนักงานคนนั้น ที่แต่งตัวดูดีกว่าพนักงานคนอื่นๆ คือ ใส่เสื้อเชิ้ต ผูกเนคไทด์ กางเกงเสลค รองเท้าหนัง เหมือนพวกพนักงานบริษัทมากกว่า
“รอแป๊บนึงน่ะครับ” พนักงานคนนั้นเดินจากไป ทิ้งความสงสัยไว้ให้ผม ที่จริงผมตกใจกับหน้าตาของเขามากกว่า คือ หน้าตาคมๆ ดูน่ารักดี จะเรียกว่าหล่อก็ได้ ระหว่างที่รอก๋วยเตี๋ยวผมเอาชีทบทเรียนมาอ่านคั้นเวลา
“ก๋วยเตี๋ยวที่สั่งได้แล้วครับ” ยังเป็นพนักงานคนนั้นที่มาบริการผม ผมขยับแว่นตามองไม่ได้มองก๋วยเตี๋ยวนะ แต่มองพนักงานคนนั้น สงสัยผมคงหลงเสน่ห์เขาเข้าซะแล้ว
“เบน เอ้ยไปทำงานได้แล้ว ไม่ต้องมาช่วยพ่อหรอก” ลุงเจ้าของร้านตะโกนบอกพนักงานหนุ่มหล่อคนนั้น “ครับ งั้นผมไปทำงานก่อนครับพ่อ” พนักงานรูปหล่อบอกผู้เป็นพ่อ พร้อมหยิบกองเอกสารหอบออกไปทำงานด้วย ที่แท้เขาก็เป็นลูกเจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวนี้เอง ผมยังคงมองเขาแม้ว่าเขาจะเดินออกจากร้านไปแล้วก็ตาม ทัดใดนั้น เสียงโทรศัพท์ชองผมก็ดังขึ้น กำลังเคลิ้มอยู่เชียวใครมาขัดจังหวะเนี่ย
“หวัดดีครับ เชียร์เหรอ อืมม เราเลิกเรียนแล้ว กำลังกินข้าวอยู่ เออๆ เดี๋ยวเจอกันนะ โอเค บาย” ไอ้เพื่อนตัวดีโทรมาเร่งแล้ว ผมมีนัดกับมันว่าจะไปซื้อของขวัญวันเกิดให้เพื่อนอีกคนหนึ่ง
ในกลุ่มผมสมัยม.ปลาย มีด้วยกันสามคน (เป็นเกย์หมดเลยนั้นแหละ) แต่ละคนนิสัยต่างกันออกไป(แต่ที่เหมือนกันคือชอบผู้ชายเหมือนกัน) พอจบม.ปลายก็แยกย้ายกันไปเรียนคนละที่ แต่ก็ยังติดต่อกันตลอดไอ้คนที่นัดผมไว้เนี้ยหน้าตาดีมากๆ มันเป็นถึงเดือนของคณะเลยนะ คนจีบเยอะมากๆเลย แต่มันออกสาวๆหน่อยแต่ไม่มากนะครับ แสดงออกพองาม คือมันเป็นคนร่าเริงแล้วก็ชอบเล่าเรื่องอย่างว่าให้พวกเราฟัง อีกคนหนึ่งแตกต่างจากเชียร์มากเลย คือจะออกครึมๆแมนๆหน่อย ผมว่ามันเหมือนคนใบ้มากกว่า คบกับมันมาผมไม่ค่อยเห็นมันพูดเท่าไหร่เลย วันๆเห็นแต่เล่นกีตาร์ ตอนนี้มันทำงานอยู่ที่พับๆหนึ่ง(นักร้องในวงนำหน้าตาหล่อมากๆ) คนนี้แหละที่เป็นเจ้าของวันเกิด
ผมรีบกินก๋วยเตี๋ยวจะได้ไปหาเชียร์ มันโทรมาเร่งแล้ว ไปช้าเดี๋ยวโดนมันบ่น ผมว่าคงต้องมากินก๋วยเตี๋ยวร้านนี้บ่อยๆแล้วแหล่ะ คือติดใจลูกชายเจ้าของร้านอ่ะครับ ลืมไปผมได้ยินพ่อเค้าเรียกชื่อนี้หน่า ชื่ออะไรน้า..... อ๋อ เบน

คู่ที่2

“โจ้เหรอ กรูเลิกเรียนแล้ว มึงมาเร็วๆน่ะ กรูรอที่ร้านเบเกอรรี่น่ะ เออ บาย”ผมวางโทรศัพท์ จิบกาแฟนั่งรอเพื่อนในร้านเบเกอรรี่ข้างๆร้านหนังสือ วันนี้ผมนัดเพื่อนไว้จะไปซื้อของขวัญให้เพื่อนอีกคน ระหว่างที่นั่งรอผมก็พลางนึกว่าจะซื้ออะไรให้มันดี เพื่อนผมมันชอบเล่นกีต้าร์ จะซื้อปิ๊กให้ก็เคยซื้อให้ไปแล้ว นาฬิกาเหรอต้องไปเลือกอีกขี้เกียจเดินดูวันนี้โคตรเมื่อยเลย เมื่อวานมีคัดหรีดยืนตั้งกาดนานมาก (ปวดหลังด้วย) ซื้อเครื่องประดับให้มันไม่ค่อยได้หรอกไอ้เพื่อนคนนี้ มันไม่ชอบแต่งตัว เห็นแต่งแค่เสื้อยืด กางเกงยีนส์ขาดๆ ออกเซอร์หน่อย มันเป็นเกย์จิงป่าวเนี่ยทำไมไม่ไม่เห็นเหมือนผมกับ ไอ้โจ้เลย อ๋อ....นึกออกแล้ว มันชอบใส่แหวน ไปซื้อแหวนให้มันดีกว่า
“เออ ขอโทดครับ น้อง” มีเสียงคนเรียกมาจากข้างหลัง ผมหันไปมองตามเสียงนั้น
“มีอะไรเหรอครับ” ผมหันไปตอบ มองกลุ่มผู้ชายกลุ่มนั้น ตอนแรกนึกว่าพี่ๆที่คณะเพราะหน้ามันคุ้นๆกันทุกคนเลย แต่เค้าไม่ได้ใส่ชุดนิสิตกัน
“น้องเมื่อวานมาคัดหรีดด้วยใช่ป่าว” ผู้ชายคนหนึ่งในกลุ่มนั้นพูดกับผม
“ครับ”
“ป่าวหรอกครับ พี่เห็นน้องหน้าคุ้นๆ ชื่อน้องชื่อเชียร์ใช่ป่าวครับ”
“ครับ” รู้ชื่อกรูได้ไงฟ่ะ
“พี่ชื่อเอกนะ เป็นศิษย์เก่าที่มาคัดหรีดเมื่อวาน”
“อ๋อ ผมก็ว่าหน้าคุ้นๆ” เป็นศิษย์เก่านั้นเอง สงสัยเรียนป.โทอยู่มั้ง ตอนคัดหรีดจะมีทั้งพี่รุ่นที่แล้ว แล้วก็รุ่นพี่ศิษย์เก่าด้วย
“เฮ้ยแล้วมึงไม่แนะนำคนอื่น ให้น้องเค้ารู้จักเหรอว่ะ” เพื่อนในกลุ่มพี่เอกเริ่มแย้ง
“อยากรู้จักน้องเค้า ก็แนะนำตัวกันเองดีว่ะ น้องเชียร์ไม่มีเรียนเหรอครับ นั่งรอใครอยู่”
“กูว่ามึงไปคุยกะน้องเค้าที่โต๊ะเลยดีกว่ามัวแต่ตะโกนอยู่นั่นแหล่ะ” เพื่อนเริ่มแซว เฮ้ย! พี่เอกแม่งเอาจิง มานั่งโต๊ะเดียวกะผมเลย
“ไม่มีเรียนแล้วครับ ผมรอเพื่อนอยู่” พี่เอกเนี่ยหน้าออกตี๋ๆ ขาวๆ สูงๆ รู้สึกว่าหล่อที่สุดในกลุ่มนั้น
“นี่รู้เรื่องที่เค้าคัดหรีดยัง” พี่เองกระซิบทำยังกะเป็นเรื่องลับมากมาย
“ไม่รู้อ่ะครับมีเรื่องอะไรเหรอครับ” ที่จริงก็อยากรู้นะ
“คือ....ถ้าอยากรู้ ขอเบอร์หน่อยดิ” อ้าว! จีบกรูเหรอเนี่ย จะให้ดีไหมเนี่ย เพื่อแลกกะหรีดคณะยอมก็ได้ฟ่ะ ผมเลยบอกเบอร์ผมให้พี่เอกไป
“ขอบคุณครับ เดี๋ยวพี่โทรไปหาตอนเย็นๆน่ะ” แล้วพี่เอกก็เดินออกจากเบเกอรรี่ไปพร้อมกับเพื่อนๆ โดนหลอกเหรอกรู ไม่น่าใจง่ายให้ไปเลย
ไม่นานนัก เพื่อนผมก็มาถึง เราสองคนไม่ได้เจอกันนานเหมือนกัน เพราะหลังจากเปิดเทอมที่มหาลัยก็มีกิจกรรมมากมาย จนพวกเราไม่มีเวลานัดเจอกันเท่าไร นี้ถือเป็นโอกาสดีที่พวกเรา3คนจะได้เจอกัน
“ไม่เจอกันไม่กี่เดือน หล่อขึ้นเป็นกองเลยน่ะ” โจ้ทักทายผมด้วยคำชม
“ไม่ได้หรอกตอนนี้เป็นช่วงคัดหรีดคณะ ต้องดูดีไว้ก่อนซิ”ผมพูดพลางเก็กท่าหรีด
“แล้วคัดไปกันยังหล่ะ”
“เมื่อวานเอง ผลออกพรุ่งนี้แล้ว”
“อืมม แล้วเรื่องเรียนเป็นไงบ้างหล่ะ” โจ้ถามอย่างนี้เสมอทุกครั้งที่เจอกัน
“นี่! เรื่องเรียนช่างมันเถอะคุยเรื่องแฟนดีกว่าอิ อิ”ผมเองก็ชอบเค้าเรื่องแบบนี้ตลอด
“บ้าเหรอ ไม่ใช่แกนี่ แล้วแกหล่ะมีแฟนยังหล่ะ”
“มีมาจีบก็เยอะอยู่ แต่ยังไม่เอามาเป็นแฟนว่ะ ตอนนี้ต้องทุ่มเทกับเรื่องหรีดก่อน เมื่อกี้ก็มีพี่บัณฑิตที่คณะมาขอเบอร์ไปแล้ว”
“ไปดูของขวัญให้ไอ้ปอดีกว่า กูคิดไว้แล้วว่าจะซื้ออะไรให้มัน” ดีที่โจ้มันรีบเข้าเรื่อง ไม่งั้นคุยนอกเรื่องไปไกลแน่
“จะซื้อแหวนให้มันเหรอ”มันอาจจะคิดเหมือนผมก็ได้น่ะ
“แกจะซื้อให้มันใส่นิ้วไหนอีกหล่ะ ที่มันมีอยู่ก็ครบสิบนิ้วแล้ว” เออเนอะ ลืมนึกไปเลย
“ไปซื้อของกันเถอะแกมัวแต่คุยอยู่ได้” ไอ้โจ้ลากผมออกไป อยากคุยกะมันอีกไม่ได้เจอกันตั้งนานนี่ ไอ้โจ้นี่แทบไม่ได้เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนเลย ยังเป็นคนขยันเรียนเหมือนเดิม ยังใส่แว่นตา ไม่ยอมใส่คอนเทคเลนส์เหมือนผม ถึงแม้เพื่อนผมจะดูเอ๋อๆไปหน่อย แต่มันก็ถือเป็นคนน่าตาดีแต่ควรจะหัดแต่งตัวไว้หน่อย แล้วมันจะซื้ออะไรให้ไอ้ปอเนี่ย ?

คู่ที่3

ค่ำคืนในวันพิเศษของผม แต่ในความรู้สึกกลับเหมือนทุกคืนที่ผ่านไป ผมยังคงมาทำงานในพับ ผมไม่ได้เดือดร้อนอะไรหรอก แต่ที่ต้องมาทำงานเพราะแค่อยากเก็บประสบการณ์กับเจ้ากีต้าร์ของผม ผมเล่นกีตาร์มาตั้งแต่ม.2 พอม.ปลายผมเอากีตาร์ไปโรงเรียนแทบทุกวัน ที่มีคนบอกว่าผมไม่ค่อยพูด ไม่ใช่ผมหยิ่งหรือผมเป็นคนสุขุมอะไรขนาดนั้น แต่ผมรู้สึกว่าการใช้นิ้วดีดสายกีต้าร์ ก็เหมือนกับการที่เราพูด วันๆผมจึงเอาแต่ดีดกีตาร์
“ไอ้ปอวันนี้วันเกิดแกไม่ใช่เหรอว่ะ” เหน่งนักร้องนำของวงพูดกับผม
“อืมม” ผมตอบ ขณะที่กำลังตั้งสายกีต้าร์ไปด้วย
“แล้วแกไม่ไปฉลองที่ไหนเหรอว่ะ” เหน่งยังถามต่อ
“อืมม”
“งั้นก็ แฮปปี้ เบิรท์เดย์น่ะเว้ย” เหน่งยิ้มกว้าง
“อืมม์”
“กูไม่มีของให้มึงน่ะ เงินกูหมดแล้ว”
“อืมม์” ถ้าเป็นคนอื่นที่ไม่สนิทคงไม่ค่อยอยากคุยกับคนที่ไม่ค่อยมีมนุษยสัมพันธ์อย่างผมหรอก แต่ไอ้เหน่งเนี่ยเป็นเพื่อนในวง ที่ผมคุยมากที่สุด เพราะคนอื่นแทบจะไม่ได้ยิมเสียงผมเลย
หลังจากเล่นเพลงจบไปแล้ว ผมตั้งใจจะกลับบ้านไปฉลองวันเกิดกะที่บ้าน ปกติพ่อแม่ก็จัดให้ทุกปี แต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกดีใจอะไรมากมายเท่าไร ลืมไปว่าไอ้เพื่อนสนิทผม2ตัวมักจะเอาของขวัญมาให้เสมอ หลังจากเปิดเทอมก็แทบไม่ได้ติดต่อกันเลย ไม่รู้ว่าพวกมันลืมผมไปแล้วหรือยัง
“ไอ้ปอมีคนเค้าเอาของขวัญฝากมาให้มึงว่ะ” เหน่งยืนกล่องของขวัญมาให้ผม
“ใครว่ะ” ผมถามเหน่ง
“ผู้ชายสองคนโต๊ะนู้นแน่ะ” เหน่งชี้ไปที่โต๊ะๆหนึ่ง เฮ้ย! นั้นมันไอ้โจ้ กะ ไอ้เชียร์นี่หว่า
มันมากันได้ไงว่ะ ผมรีบเดินไปหาพวกมันทันที
“แฮบปี้เบิรท์เดย์น่ะเว้ย มีความสุขมากๆน่ะ พวกกูสองคนอุส่าห์ไปหามาน่ะเนี่ย”ไอเชียร์มันดูหล่อขึ้น แต่ยังชอบทำตัวเว่อร์เหมือนเดิม
“แก่อีกขึ้นหนึ่งปี ขอให้เรียนได้เอทุกวิชาเลยน่ะ” ส่วนโจ้ก็ยังป่าวนเปี้ยนเรื่องเรียนเหมือนเดิม เพื่อนคนนี้แทบไม่เปลี่ยนไปจากเดิม แค่ผมยาวขึ้นกว่าก่อน
“แกะดิกรูอยากเห็นมึงทำหน้าดีใจเวลาเห็นของในเนี้ย”เชียร์คะยั้ยคะยอ
ผมก็เลยแกะของขวัญของพวกมันดู ของขวัญของพวกมันคือกรอบรูปที่ดีไซน์แบบแปลกๆคือเป็นรูปกีตาร์ ตรงกลางเป็นที่ใส่รูปสองช่อง ช่องแรกมีรูปพวกเราสามคนตอนไปถ่ายในงานปัจฉิม แต่อีกช่องไม่มีรูป
“อยากรู้อ่ะดิว่าทำไมไม่ใส่รูปให้อีกช่องหนึ่ง”ไอ้เชียร์ทำเสียงเล็กเสียงน้อย
“กูให้มึงเอาใว้เก็บรูปแฟนมึงไง” ไอ้นี้มันเป็นบ้าอะไรของมันเห็นชอบถามแต่เรื่องแฟน
“ปอไม่ต้องไปสนใจมันหรอก แกเอาไว่ใส่รูปอะไรก็ได้” มีแต่โจ้นี่แหล่ะที่ดูมีสาระ
“กูอยู่ดึกไม่ได้น่ะ เดี๋ยวพ่อเอาตายเลย”ไอ้เชียร์รีบออกตัวมีแต่มันนี่แหละที่มีปัญหาตลอด พ่อมันเป็นคนเจ้าระเบียบมากแต่ไหงลูกไม่เห็นจะเรียบร้อยเลย ส่วนโจ้อยู่หอพักคนเดียวเลยไม่ได้ซีเรียสเรื่องเวลา แต่เด็กเรียนอย่างมันก็ต้องรีบกลับไปอ่านหนังสืออยู่ดี
ระหว่างที่พวกเราคุยกันอยู่ ผมไปเจอผู้ชายคนหนึ่ง คงเป็นคนมาเที่ยวที่พับ หน้าตาเหมือนนายแบบเลย คนในร้านมองกันยกใหญ่รวมถึงผมเลย มีแต่สองคนข้างๆผมที่มัวแต่คุยกันไม่ได้สังเกตอะไรเลย ไอ้เชียร์มันคงเห็นผมมองไปทางอื่นเลยหันมาถาม
“นี่แกมองอะไรว่ะ ได้ฟังที่พวกกรูคุยกันหรือป่าว”พอมันด่าเสร็จก็หันไปมองตามผม
“เฮ้ย! ใครว่ะหล่อเนอะ” ไอ้โจ้คงหันไปมองเหมือนกัน
“นั่นมันพี่เก่งนี่หว่า” ไอ้เชียร์ร้องขึ้นมา
“มึงรู้จักเค้าได้ไงว่ะ”ผมตกใจที่มันรู้จักเลยหันไปถาม
“แหม! ที่เรื่องผู้ชายมึงถึงพูดออกมาได้ใช่มั้ย” น่านโดนมันสวนกลับ
“พี่เก่งเป็นลูกเพื่อนของพ่อกู” ไอ้เชียร์เฉลย
“แสดงว่า รวยด้วย” ไอ้โจ้เสริม เพราะพ่อไอ้เชียร์ขายเพชร เพื่อนพ่อมันก็คงขายเพชรเหมือนพ่อมัน
“เจ้าชู้มากด้วยน่ะเฟ้ย”ไอ้เชียร์เสริมอีก
ผมว่าอยู่แล้วหน้าตาดีอย่างเนี่ยไม่แปลกหรอกที่เจ้าชู้
“อยากรู้จักป่าวเดี๋ยวกูเรียกให้” ไม่ทันขาดคำ”ไอ้เชียร์กวักมือเรียกพี่เก่ง
พี่เก่งเห็นไอ้เชียร์เลยเดินตรงมาหาที่โต๊ะของพวกเรา พวกเรามองพี่เก่งตาไม่กระพริบเลย
“อ้าว เชียร์ว่าไงไม่เจอตั้งนาน หล่อขึ้นเลยน่ะ”พี่เก่งเอยทักไอ้เชียร์
“เชียร์มาฉลองวันเกิดของเพื่อน แล้วพี่เก่งมากะใครเหรอ”
“พี่นัดเพื่อนไว้”
“เพื่อนจิงอ่ะ แล้วใช่เพื่อนที่เชียร์เคยเห็นป่าว” ดูไอ้เชียร์แซวพี่เค้า คงสนิทกันมาก
“เรื่องของผู้ใหญ่เด็กไม่เกี่ยว แล้วนี่แฟนเชียร์เหรอ” พี่เก่งคงหมายถึงผม เพราะมักมีคนคิดว่าผมกะไอ้เชียร์เป็นแฟนกัน
“เพื่อนคร้าบ นี่เพื่อนจริงๆ ไม่เหมื่อนใครบางคนหรอก ชอบโกหกคนอื่น” ไอ้เชียร์นี่มันไม่เคยกัดใครบ้างเนี่ย
“ปากร้ายเหมือนเดิมน่ะเรา พี่ไปก่อนน่ะ” พี่เก่งขอตัวออกไปก่อน พวกเราก็ยังมองพี่เก่งที่เดินกลับไปที่โต๊ะ
“อ้าวพี่เก่งเค้ารู้เหรอว่าแกเป็นเกย์” ไอ้โจ้ถามไอ้เชียร์
“เออ ก็เค้าก็เป็นเหมือนกัน”
“เฮ้ย” ผมกะโจ้ทำตาโตตกใจหันหน้ามาหาไอ้เชียร์พร้อมกัน
“เดี๋ยวแกรอดูน่ะ เพื่อนพี่เค้าที่นัดไว้”
ไม่นานนักก็มีผู้ชายเค้ามาที่ร้าน หน้าตาดีเหมือนกันแต่ดูออกเลยว่าเป็นเกย์
“นี่แหละเพื่อนเค้า เอ๊ะ!ไม่ใช่ซิคู่ขาพี่เค้าเว้ย” ไอ้เชียร์เริ่มนินทา
“แล้วแกเคยโดยพี่เค้าจีบป่าวว่ะ” ไอ้โจ้ถามเหมือนกะที่ผมสงสัย
“ก็เคย แต่กรูไม่ชอบคนเจ้าชู้ว่ะ ไอ้คนนี้รู้สึกเจ้าประจำ ยังมีอีกหลายคน”
สักพักพี่เก่งกะเพื่อนเค้าก็ออกจากร้านไป พวกเราก็จะกลับเหมือนกัน ไอ้เชียร์มันเอารถมาเลยจะขับไปส่งพวกเรา แต่ผมขอกลับเอง เพราะบ้านผมอยู่คนละทางกะพวกมัน
พอผมส่งพวกนั้นขึ้นรถไปแล้ว ผมก็แบกกีต้าร์จะไปเรียกแท็กซี่กลับบ้าน ระหว่างที่จะเรียกแท็กซี่ มีรถคันหนึ่งวิ่งมาจอดอยู่หน้าผม รถของพี่เก่งนั้นเอง
“น้อง เพื่อนเชียร์นี่ จะกลับบ้านเหรอพี่ไปส่งไหม”พี่เก่งเอ่ยปากชวนผม
“ไม่เป็นไรครับ” ผมปฏิเสธตามมารยาท
“ไม่เป็นไรหรอก ขึ้นมาเถอะ”พี่เก่งเปิดประตูรถ
“ขอบคุณครับ” ผมเอากีต้าร์ไว้เบาะหลัง แล้วไปนั่งข้างหน้ากับพี่เค้า
ผมรู้สึกเขินๆที่ต้องนั่งกับพี่เก่ง คิดดูน่ะครับหนุ่มหล่อหน้าตาระดับนายแบบ อาสาขับรถไปส่งบ้าน เป็นใครก็คงพูดไม่ออกเหมือนผม พี่เก่งเห็นผมเงียบๆเลยชวนคุย
“เล่นกีตาร์อยู่ที่นี้เหรอ”
“ครับ”
“เล่นดีน่ะ ทำไมไม่ร้องด้วยหล่ะ เดี๋ยวนี้เป็นนักดนตรีเค้าต้องเก่งหลายด้าน”
“ครับ”
“เป็นเพื่อนเชียร์ตอนมัธยมเหรอ”
“ครับ”
“เชียร์คงแสบน่าดูล่ะซิ”
“ครับ”
พี่เก่งยังถามอีกหลายเรื่องแต่ผมดันตอบไปแค่คำว่า ครับ ไม่รู้เค้าเบื่อผมหรือป่าว ที่จริงพี่เก่งจะไปเที่ยวกะเพื่อนเค้าต่อ แต่เพื่อนเค้าดันมีธุระกลับไปก่อน พี่เก่งเลยต้องกลับบ้าน แต่เค้าบอกว่าอาจจะไม่กลับบ้านเพราะไปนัดเพื่อนอีกคนแทน อืมม เจ้าชู้เหมือนที่ไอ้เชียร์บอกเลย พอถึงบ้านผมรีบขอบคุณพี่เก่ง
“วันนี้วันเกิดน้องใช่มั้ยครับ”
“ครับ”
“แฮปปี้เบิรท์เดย์น่ะ”
“ครับ” ผมหน้าแดงเลย
“คุยกันตั้งนาน แล้วน้องชื่ออะไรหล่ะ”
“ปอ ครับ”
“แล้วคนที่ใส่แว่นหล่ะชื่ออะไร”
“โจ้ครับ”
“มีเบอร์โจ้ไหม พี่ขอหน่อยซิ”
 
----- จบตอนที่1 -----
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก New
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 31-12-2007 19:55:17
หุหุ มาทีเดียว 3 คู่เลยเหรอ  :mc4: :mc4: :mc4:
รออ่านอยู่ค่ะ    :m13:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก New
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 31-12-2007 19:57:02
ติดตามผลงานของคุณโจโจ้มานาน
ดีใจจังครับ เอาของขวัญปีใหม่มาลงเองเลย
จะติดตามนะครับ
จะบอกว่าเรื่องนี้ผมอ่านภาคสองแล้ว แต่ยังไม่ได้อ่านภาคแรกเลย
สนุกดี ต้องตามอ่านภาคแรกแล้ว ได้ฤกษ์สักที
 :mc4: :mc4: :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 31-12-2007 20:56:05
เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 31-12-2007 22:37:48
มากันสามคู่เลยแฮ๊ะ.... ท่าทางน่าสนุกกกกก  :m1:
เอ๊ะพี่เก่งนี่ยังไง...ทำไปทำมาโจ้สเน่ห์ดีซะงั้นนนนนน
เรื่องราวความรักคราวนี้ท่าทางจะชุลมุนดีแท้น้อออออ
ติดตามเป็นกำลังใจกันต่อไปปปปปป  :mc3:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: jojoe ที่ 01-01-2008 18:19:53
บทที่2 นัดครั้งแรก

คู่ที่1

หลังจากเรียนช่วงเช้าแล้ว ผมกับเพื่อนๆจะไปกินข้าวเที่ยงกัน เถียงกันว่าจะไปกินร้านไหนดี ผมรีบเสนอว่าไปกินที่ร้านก๋วยเตี๋ยวดีกว่า คือผมอยากไปเจอลูกเจ้าของร้าน เพื่อนๆก็ตกลง เราเลยได้ไปกินร้านก๋วยเตี๋ยวสมใจผม พอไปถึงที่ร้าน ผมมองหาเค้าคนนั้น แต่มองเท่าไหร่ก็ไม่เจอ สงสัยวันนี้เค้าคงไม่มาช่วยแล้วละมั้ง ผมเลยนั่งเสียดายกินก๋วยเตี๋ยวไป เพื่อนๆก็เริ่มคุยกัน
“เดี๋ยววิชาต่อไปเรียนกะอาจารย์ใหม่ด้วยนะ” เพื่อนคนหนึ่งเอ่ยขึ้นมา
“เห็นมีข่าวบอกว่าอาจารย์คนนี้หล่อมากด้วย”
“เพิ่งจบป.โท แล้วมาสอนเลย อายุแค่20กว่าๆเอง”
ผมเองไม่ได้สนใจเรื่องที่เพื่อนผมคุยกัน เพราะมัวแต่นึกถึงเรื่องลูกชายเจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยว จะถามลุงเจ้าของร้านก็ไม่กล้า เพราะไม่ได้รู้จักกันเลย ไม่เป็นไร คราวหน้าเราคงได้เจอเค้า
พอจัดการก๋วยเตี๋ยวเส็รจ ผมกะเพื่อนก็รีบไปเรียนต่อ
ระหว่างทาง โทรศัพท์ของผมก็ดังขึ้น เบอร์ใครก็ไม่รู้ ผมเลยรับรับ
“สวัสดี ครับ”
“น้องโจ้ใช่มั้ยครับ พี่เก่งนะครับ จำได้ไหม”
พี่เก่งที่เราเจอเมื่อวานนี่นา แล้วเขาโทรมาหาผมทำไม
“ครับ พี่เก่งมีธุระอะไรกับผมหรือป่าว ครับ”
“โจ้เลิกเรียนกี่โมงครับ พี่จะชวนไปกินข้าว”
ผมตกใจที่อยู่ๆใครก็ไม่รู้มาชวนไปกินข้าว
“เออ คือ ..........” ผมอ้ำอึ้งไปพักหนึ่ง
“ให้พี่รับที่มหาลัยไหม”
“ไม่เป็นไรครับ ผมเลิกประมาณ สี่โมงครับ ผมไปหาพี่เองดีกว่า แถวมหาลัยผมรถมันติด”
ผมไม่กล้าบอกปฏิเสธ แต่ไม่อยากให้พี่เก่งมารับ
พี่เก่งนัดผมไว้ที่ห้างๆหนึ่ง และบอกให้ผมมาให้ได้ สงสัยกลัวผมไม่ยอมไป
“ถ้าผมเลิกเรียนจะรีบไปนะครับ” ผมรีบตัดบทก่อน เพราะจะถึงห้องเรียนแล้ว
พอวางโทรศัพท์ ผมรีบโทรไปหา เชียร์ เพราะต้องเป็นเชียร์แน่ๆที่ให้เบอร์ผมกับพี่เก่ง
“เชียร์! นี่แกให้เบอร์ฉันกับพี่เก่งใช่มั้ย” ผมเริ่มโมโห
“พูดอะไรของแกว่ะ กูงง”
“ก็เมื่อกี้พี่เก่งโทรมาหาฉัน ชวนฉันไปกินข้าว”
“อ้าว แล้วเค้าเอาเบอร์แกมาจากไหนว่ะ”
“ไม่ใช่แกแล้วเป็นใครว่ะ” ผมชักงงงงแล้ว
“ช่างมันเถอะ แล้วแกไปหรือเปล่าว่ะ” เชียร์กระแนะกระแหน
“ก็ไม่กล้าปฏิเสธอ่ะ ไม่ค่อยอยากไปเลยว่ะ”
“ไปเถอะ ถือว่าไปกินข้าวฟรีล่ะกัน แค่นี้ก่อนนะ กูจะไปซ้อมเชียร์ เดี๋ยวกูโทรไปหานะ”
ไอ้เชียร์รีบว่างหู ตกลงใครให้เบอร์พี่เก่งล่ะเนี่ย ผมเข้าห้องช้ากว่าเพื่อนๆ เพราะมัวแต่โทรศัพท์อยู่ โชคดีที่อาจารย์ยังไม่มา ผมต้องไปนั่งคนละแถวกับเพื่อนๆเพราะแถวที่เพื่อนๆนั่งเต็มหมดแล้ว
“ขอโทษนะครับ ตรงนี้นั่งได้ไหมครับ” ผมถามคนที่นั่งใกล้กับเก้าอี้ตัวที่ว่าง
“นั่งได้ครับ” ผู้ชายคนนั้นตอบ ผมเลยนั่งลงตรงเก้าอี้ตัวที่ว่างนั้น
“นายอยู่คณะอะไรเหรอ เราไม่เคยเห็นหน้านายเลย” ผู้ชายคนั้นถามผม
“เราอยู่คณะจิตวิทยา นายหล่ะ” ผมตอบ
“เราอยู่คณะแพทย์ ชื่อ เล็ง” ผมไม่แปลกใจกับชื่อของเล็ง เพราะ หน้าตาของเล็งดูออกเลยว่าเป็นคนจีน หน้าตี๋ๆผิวขาวๆ ทำไมคนจีนชอบเรียนหมอกันนะ
ผมคุยกับเล็งไปได้สักพัก อาจารย์ก็มาถึง
“โจ้ ดูอาจารย์คนใหม่ดิ หล่อจัง” ผมแปลกใจที่เล็งชมผู้ชายว่าหล่อ สงสัยเป็นพวกเดียวกันแหง่เลย แต่ที่ผมแปลกใจก็คือ......
“สวัสดี นิสิตทุกคน ผมขอแนะนำตัวก่อนน่ะครับ ผมชื่ออัครพล เรียกว่าอาจารย์เบนก็ได้น่ะครับ” ผมไม่ได้ฝันไปใช่ไหมเนี่ย อาจารย์คือคนๆเดียวกับ ลูกเจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวคนนั้นนั่นเอง

คู่ที่2

หลังจากผมรู้ผลแล้วว่า ผมได้เป็นลีดคณะ ผมก็ต้องซ้อมลีดบ่อยขึ้น วันนี้เป็นวันแรกเลยต้องตั้งใจหน่อย ส่วนมากลีดที่คัดมาไม่ค่อยมีแมนๆเท่าไหร่(รวมถึงตัวผมด้วย)แต่เรื่องหน้าตาเนี่ย ทุกคนหล่อๆสวยๆกันทั้งนั้น ไม่แปลกใจที่ตอนซ้อมลีดมีคนมาดูกันเยอะ ผมก็เขินๆเหมือนกันแม้จะชินกับสายตาที่คนมองดูผม แต่ผมรู้สึกว่ามีสายตาคู่หนึ่งที่มองผมด้วยสายตาแปลกๆ “น้องเชียร์เก่งจัง พี่เค้าสอนแป๊บเดียวเต้นได้แล้ว” พี่เอกที่มาจีบเรานี่หว่า
“เชียร์เคยเป็นลีดที่โรงเรียนเก่า ครับ”
“เหรอครับ คือพี่จะชวนเชียร์ไปกินข้าวหลังเลิกซ้อมเชียร์อ่ะครับ”
“เดี๋ยวเชียร์ต้องรีบกลับบ้านครับ พ่อไม่ให้กลับบ้านดึก”ที่จริงอยากไปแต่ต้องเล่นตัว
“ว้า.....แย่จัง พี่ว่าเชียร์ไม่อยากไปกับพี่ใช่ไหมหล่ะ” พี่เอกเริ่มงอน
“ผมไม่ได้พูดนะ พี่พูดเอง” เจอมุขเราซ่ะเลย
“เชียร์อย่าลืมนะ ว่าพี่มีสิทธิ์ให้ใครเข้า ให้ใครออกจากลีดได้”พี่เอกแม่งขู่ กะอีแค่ไม่ไปกินข้าว ทำไงดีล่ะเนี่ย ไปก็ไปว่ะ
“ด้าย..... ที่ไปด้วยไม่ใช่กลัวพี่หรอกน่ะ แค่อยากกินข้าวฟรีเฉยๆ แต่ถ้าไปด้วยแล้ว ร้านไม่หรู ไม่แพง ไม่กินน่ะ” เจอคุณหนูอย่างเราไปจะกลัวไหมเนี่ย
“พี่ยังไม่ได้บอกเลยนะว่าจะเลี้ยง อยากกินแพงๆก็ออกเองดิ” พี่เอกแม่งร้ายกว่ากรูอีก
“ตกลงอยากให้ไปหรือเปล่า” ผมทำหน้าบึ้งใส่
“ล้อเล่นครับ ไปดิ เดี๋ยวซ้อมเสร็จไปเลยนะ เชียร์จะได้กลับบ้านไม่ดึก” พี่เอกกำชับ แถมบอกให้ผมตั้งใจซ้อมลีดด้วย
พี่เอกไม่ได้มาคุ้มลีด หรือมาซ้อมให้หรอก พี่เค้าเรียนป.โทอยุ่ที่คณะผมเลยแวะมาดูรุ่นน้องซ้อมลีดบ่อยๆ
พอซ้อมเสร็จผมก็เตรียมตัวจะไปกินข้าวกับพี่เอก แต่พี่เอกยังไม่เลิกเรียนเพราะป.โทเค้าเรียนกันตอนเย็นๆ เลิกตอนหัวค่ำ ผมเลยต้องนั่งรอพี่เอก ผมไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมไม่ปฏิเสธพี่เค้า เพราะส่วนมากผมไม่ค่อยไปกินข้าวกับใคร ผมเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องน้าในโรงยิม กะว่าจะอาบน้ำไปด้วย ในห้องน้ำไม่มีใครอยู่เลยเพราะตอนนี้ก็เย็นมากแล้ว
หลังจากที่ผมอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว ผมออกมาดูความเรียบร้อยของตัวเองที่กระจกด้านหน้าของห้องน้ำ นี้ไม่ใช้ครั้งแรกหรอกที่ผมไปกินข้าวกับคนที่มาจีบ แต่ไม่เคยไปกินข้าวกะคนที่เพิ่งมาจีบแค่วันเดียวต่างหาก พี่เอกนี้เก่งน่ะสามารถให้คนหยิ่งๆอย่างผมไปกินข้าวด้วยได้เนี้ย ผมเองไม่ได้กลัวเรื่องไม่ได้เป็นหลีดอย่างที่พี่เอกขู่หรอก เพราะผมเป็นถึงเดือนคณะใครๆก็อยากให้ผมเป็นหลีดอยู่แล้ว แต่ผมชอบพี่เอกที่กล้ามาจีบตรงๆและไม่กลัวว่าผมจะปฏิเสธ ผมเองก็อยากรู้ว่าพี่เค้าจะทำยังไงต่อไปถ้าคิดจะมาจีบผมจริงๆ ระหว่างที่คิดอะไรเพลินๆ ผมรู้สึกว่าเหมือนมีใครอยู่ด้านหลังของผม เอาแล้วไอ้เชียร์ได้เจอผีแน่มึง ตอนนี้มันก้อทุ่มกว่าๆแล้วข้างนอกโรงยิมก็ไม่ได้เปิดไฟแล้วด้วย ทำไงดีหล่ะเนี้ย พ่อแก้วแม่แก้วช่วยลูกด้วย ยังไม่ทันได้วิ่งก็มีมือมาจับที่บ่าของผม ผมรีบเงยดูที่กระจกทัมที ถึงจะกลัวก็ขอดูหน้าผีซะหน่อยเถอะ เอ๊ะทำไมหน้าผีมันน่าคุ้นๆว่ะ ไอ้พี่เอกนี่หว่า
“แหมๆน้องเชียร์แค่ไปกินข้าว ถึงกลับต้องอาบนน้ำเลยเหรอคับ”พี่เอกยังมาแซวผมอีก
“ตกใจหมดเลย นึกว่าผีโรงยิม”
“ผีอะไรจะหล่อขนาดนี้ รู้งี้น่าจะไปหลอกตอนอาบน้ำ เผื่อได้เห็นอาไรดีดีด้วย”
“ข้อหาทำให้ตกใจเลี้ยงข้าวเลยนะ” ผมทำเป็นแกล้งงอน
“ได้ครับ งั้นรีบไปดีกว่า เดี๋ยวมีผีจริงๆมาหลอก” พี่เอกคว้ามือผมทั้งที่ผมยังทันตั้งตัว อะไรจะรีบขนาดนั้น ผมเองก็ไม่ได้ขัดขืนอะไรปล่อยให้พี่เอกจูงมือผมไป ตอนกลางคืนแล้ว คงไม่มีใครเห็นหรอก
ทำไมตอนที่พีเอกจูงมือผม ผมรู้สึกแปลกๆ เหมือนจะดีใจที่พี่เค้าจับมือผม หรือว่าผมก็ชอบพี่เค้าซะแล้ว

คู่ที่3

กรี๊งงงงงงงงงง..........................งง
เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้น บอกเวลาที่ผมจะต้องรีบออกไปเรียน ถ้าคืนไหนผมเล่นดนตรี วันรุ่งขึ้นจะไม่มีเรียนตอนเช้า เพราะผมเองไม่อยากให้การเล่นดนตรีมาทำให้เสียการเรียน แม้ใครหลายคนบอกว่าผมน่าจะเรียนให้จบก่อนแล้วค่อยไปทำงาน แต่ผมคิดว่าการที่เราทำสิ่งที่เรารักก็ไม่ใช่สิ่งที่เสียหาย และผมเองก็อยากให้ทุกคนเห็นว่าถึงแม้ผมจะเล่นดนตรี แต่ผมก็ยังตั้งใจเรียนหนังสือ
ก่อนที่จะออกจากบ้านเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
“น้องปอครับ พี่เก่งนะ” ผมจำเสียงพี่เก่งได้ หลังจากที่พี่เก่งขอเบอร์โจ้จากผมไป พี่เก่งเองก็ขอเบอร์ผมไปด้วย
“ครับ” ผมรู้สึกดีใจมากๆที่พี่เก่งโทรมาหาผม แต่น้ำเสียงของผมดูราบเรียบเหมือนไม่ได้รู้สึกอะไรเลย
“พี่นัดโจ้ไว้แล้วนะ แต่เห็นเชียร์บอกว่าโจ้เค้าอยากให้พี่เลี้ยงวันเกิดของปอ พี่เลยจะชวนน้องปอไปด้วย ไปด้วนกันนะ”
“ครับ” ที่จริงผมรู้ว่าพี่เก่งอยากไปกับโจ้สองคนมากกว่า แต่ผมก็ยังดีใจที่จะได้เจอกับพี่เก่งถึงแม้ว่าคนที่พี่เค้าอยากเจอไม่ใช่ผมก็ตาม
พี่เก่งวางสายไปแล้ว แต่ผมยังอยากคุยกับพี่เก่งต่อ นี่เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกชอบใครสักคน ถึงแม้กลุ่มของพวกผมจะมีคนมาจีบเยอะก็ตาม แต่ผมยังไม่เคยคิดจะรักใครเลย ผมยังอยากให้เวลากับตัวเองมากกว่า และที่สำคัญพวกที่มาจีบแต่ละคนออกจะเป็นพวกที่หวังจะฟันผมซะอย่างเดียว ทำให้ผมยังไม่มีแฟนซะที
พี่เก่งวางสายไปแล้ว แต่ความคิดของผมยังวนเวียนอยู่แต่เรื่องนี้ พี่เก่งเป้นคนที่มีเสน่ห์ไม่ใช่แค่เพียงรูปร่างที่สมสวม ไม่อ้วน ไม่ผอม มีกล้ามพอประมาณ ไม่ล่ำมากจนเกิน อีกทั้งหน้าตาที่ดูเหมือนเป็นคนแขกขาว โดยเฉพาะดวงตาที่สามารถสะกดใจใครก็ตามที่แค่เพียงได้สบตาของพี่เก่ง บุคคลิกและการพูดการจาก็ดูดึงดูดให้คนอยากเข้าไปรู้จัก และฐานะทางบ้านก็รวยมากๆ (อันหลังได้ข้อมูลมาจาก เชียร์) พูดง่ายๆพี่เก่งคือผู้ช่ายที่สมบูรณ์แบบมากๆ เสียดายที่เป็นคนเจ้าชู้ ผมอยากรู้ว่า พี่เค้าคบคนอยู่กี่คน แล้วพวกนั้นชอบมีแฟนเจ้าชู้หรือไง เพื่อนผมตอนนี้คงกลายเป็นเป้าหมายใหม่ของพี่เก่งไปซะแล้ว โจ้มันเป็นคนเรียบร้อย และไม่ค่อยทันคนเท่าไหร่ ผมเป็นห่วงเพื่อนเหมือนกัน แต่อีกใจหนึ่งก็ยังรู้สึกหวงๆพี่เก่ง
ผมมองดูตัวเอง เสื้อยืดกับกางเกงยีนส์ขาดๆ รองเท้าผ้าใบอันเก่า คงไม่เหมาะกับหนุ่มไฮโซมาดเนียบสุดหล่อเป็นแน่ ผมจึงรีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที ถีงแม้ว่าการออกเดทครั้งนี้จะไม่ได้มีพี่เก่งกับผมสองคนก็ตาม ยังไงผมก็ขอดูดีสักวันหนึ่งเถอะ
ผมเปลี่ยนเป็นเสื้อเชิ้ตเข้ารูป กับกางเกงยีนส์ขาม้า แล้วไปคว้า รองเท้าหนัง จากชั้นวางรองเท้า ผมมองตังเอง นานเท่าไหร่แล้วที่ไม่ได้มองตัวเองอย่างชัดๆ ผมสังเกตว่ามีอยู่อย่างหนึ่งที่ผมควรจะทำก่อนไปเจอพี่เก่ง ผมเอามือเสยผมอันรุงรัง เผยให้เห็นใบหน้าที่ผมเองก็ลืมไปนาน
ผมเลยตัดสินใจจะโดดเรียนวันนี้ (อย่าเอาเป็นแบบอย่างน่ะครับ) ผมออกจากบ้านและมุ่งตรงไปยังห้างที่พี่เก่งนัดไว้ ผมมองดูนาฬิกา อีก 2 ชั่วโมงจะถึงเวลานัดของพี่เก่ง ยังมีเวลาที่ผมจะไปจัดการกับตัวเอง เป็นครั้งแรกที่ผมตัดสินใจเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อคนอื่น ผมเองก็หวังว่ามันอาจจะทำให้พี่เก่งหันมาสนใจผมบ้าง
ผมเดินเข้าไปที่ที่ผมไม่ได้เข้ามานานหลายเดือนแล้ว ผมมองตัวเองในกระจกของที่แห่งนั้นอีกครั้ง ผมถอนหายใจ เพิ่งเข้าใจความรู้สึกของการตกหลุมรักก็วันนี้
“เชิญด้านนี้ครับ” เสียงนั้นทำให้ผมหยุดคิดและเดินตามเสียงนั้นไป
ผมนั่งลงบนเก้าอี้ที่ได้จัดเตรียมไว้ ก่อนที่ใครจะพูดผมก็เอ่ยขึ้นมาก่อน
“ทรงสกินเฮดครับ”

----- จบตอนที่2 -----
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 01-01-2008 18:29:10
เอากำลังใจมาให้ก่อน รออ่านต่อนะ :m4: :m4:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 01-01-2008 19:14:47
หุหุ ลุ้นกันทั้งสามคู่เลยวุ้ย    :m4: :m4: :m4:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: 13th Devil ที่ 01-01-2008 21:27:11
เรื่องนี้เป็นเรื่องโปรดเรื่องหนึ่งของผมเลยครับ คุณ Jojoe
แล้วจะมาลง season 2 ต่อเลยป่ะครับเนี่ย
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: TONG ที่ 01-01-2008 23:08:07
เรื่องน่ารักมากเลยครับ เป็นกำลังใจให้นะครับ :m4: :m4:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 01-01-2008 23:35:29
ติดจิง ๆ แล้วสิ...โดยเฉพาะยอดชายนายปอ...ลงทุนตัดผมเลยอ่ะ
โจ้ก้อไม่รู้อิโหน่อิเหน่ไรเล๊ยยยยย.... ชุลมุนกันดีแท้.... :mc2:
รอกันต่อไปปปปปปปป หนุกหนาน ๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: piyakorn ที่ 02-01-2008 11:55:48
 :a4:เป็นกำลังใจให้ครับผม 
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 02-01-2008 15:52:31
จะเกิดรักสามเส้าขึ้นหรือนี่ แถมมาเกิดกับเพื่อนสนิทอีก จะแย่หน่อยนะ
เกิดกับพวกรักจริงๆก็คงดีไป ไม่ใช่ว่าคนเจ้าชู้ คบกันแป๊บเดียวแต่มาทำลายความสัมพันธ์ของเพื่อนที่คบกันมานานปี
 :mc2: :mc2: :mc2:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: jojoe ที่ 02-01-2008 19:34:19
บทที่3 เมื่อทุกอย่างไม่ได้เป็นอย่างที่คิด
คู่ที่1
ผมเคยได้ยินมาว่าความรักทำให้เกิดปาฏิหาริย์ และเกิดเรื่องราวต่างๆที่บางครั้งเราเองก็ไม่เข้าใจ ผมเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมผมกับเบน ไม่ใช่สิ อาจารย์เบนถึงได้รู้จักกันเพราะความบังเอิญ คงเป็นเพราะโชคชะตา หรือ ฟ้าลิขิต ที่ต้องมาเจอกัน แต่ผมอยากให้เป็น พรมลิขิตมากกว่า
ในชั่วโมงนั้นผมแทบไม่ได้เรียนเลย เอาแต่จ้องคนสอนตลอด เล้งคงเห็นผมมองอาจารย์ตาไม่กระพริบเลยแซวมาว่า
“นายชอบอาจารย์เหรอ” ความคิดของผมเริ่มกลับสู่โลกแห่งความจริง
“........” ผมไม่กล้าตอบพยายามทำเป็นไม่สนใจ ผมเองก็ยังไม่รู้จักกับเพื่อนใหม่คนนี้สักเท่าไหร่ ใครจะไปกล้าเล่าอะไรให้ฟังหล่ะ
“เราว่านายน่าจะตั้งใจเรียนน่ะ อย่ามัวแต่มองอาจารย์” เจ้าของเสียงไม่ได้มองมาที่ผม มือยังจดเลคเชอร์บนกระดาน
ผมมองที่สมุดของตัวเอง เวรกรรม! ผมไม่ได้จดอะไรเลย อาการหนักนะเนี้ย
“เอาหล่ะ วันนี้พอแค่นี้ก่อนน่ะครับ เดี๋ยวมาต่อชั่วโมงหน้า” อาจารย์หนุ่มรูปหล่อมองดูนาฬิกา พร้อมเก็บกองหนังสือที่นำมาด้วย แล้วรีบเดินออกจากห้องไปเลย
“เอาเลคเชอร์ของเราไปลอกนะ ค่อยเอามาคืนอาทิตย์หน้าหล่ะกัน”ผมรับสมุดเลคเชอร์จากเล็ง
“ขอบใจนะ เรายังไม่คุ้นกับการเรียนในมหาลัยนะ” ผมโกหกไป ไม่อยากให้เพื่อนใหม่รู้
“เราจะพยายามเชื่อแล้วกัน เราไปก่อนนะ บาย” เล็งเดินออกไป ปล่อยให้ผมแปลกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น ทั้งเรื่องที่คนที่เราชอบกลายมาเป็นครูของเรา และ เรื่องที่พี่เก่งโทรมานัดไปกินข้าว ผมเองก็พอเดาออกว่าพี่เก่งคงจีบผม แต่แปลกใจว่าคนหล่อๆรวยๆอย่างพี่เก่งจะมาสนใจ คนธรรมดาที่ไม่ได้มีดีอะไรอย่างผม และถ้าผมจะคบกับพี่เก่งก็คงเป็นไปได้ยาก เพราะไม่ว่าจะเป็นนิสัย สังคมของแต่ละคน พี่เก่งอาจจะเป็นคนหล่อ รวย ที่ใครๆก็อยากได้มาเป็นแฟน แต่ผมกลับไม่ได้มองเพียงแค่นั้น คนเราจะรักกันมันต้องมีอะไรมากกว่านั้นผมเองก็อธิบายไม่ได้ว่ามีอะไรบ้าง แต่ผมรู้สึกถึงมันได้ ถ้าคนที่ใช่ก็คือใช่ ถ้าคนที่ไม่ใช่ก็คือไม่ใช่
ในขณะที่ผมเก็บข้าวของลงกระเป๋า เสียงโทรศัพท์ของผมก็ดังขึ้น เชียร์โทรมานั่นเอง
“มีอะไรเหรอ”
“กูจะมาบอกมึงว่า กูโทรไปหาพี่เก่งแล้ว กูรู้ว่ามึงไม่อยากไปคนเดียว กูเลยบอกเค้าไปว่ามึงอยากจะกินเลี้ยงวันเกิดไอ้ปอ”
“ขอบใจมากแล้วไอ้ปอมันรู้ยัง” เชียร์ช่างเป็นเพื่อนที่รู้ใจจริงๆ จัดการทุกอย่างให้เสร็จสับ
“พี่เก่งโทรไปบอกแล้ว แต่กูคงไปกินกับมึงด้วยไม่ได้นะ”
“อ้าว! ทำไมหล่ะ” ผมเริ่มงงงงกับเจ้าเพื่อนตัวดี
“กูมีธุระด่วน เดี๋ยวเล่าให้ฟังล่ะกันมึงไปกินกับพี่เก่งกันสองคนเถอะ กินเผื่อกูด้วยนะ ไปก่อนบาย”
“เดี๋ยวก่อนซิวะ ไอ้เชียร์......” เชียร์วางหูไปแล้ว มันจะรีบอะไรของมัน สงสัยคงเป็นธุระด้วยจริงๆ
ถึงเชียร์ไม่ไปก็ยังมีไอ้ปออยู่
ผมเลยรีบออกจากห้องเรียน เพราะใกล้เวลานัดกินข้าวกับพี่เก่งแล้ว ผมตั้งใจจะนั่งรถไฟฟ้าเพราะจะได้ไม่เสียเวลา ซึ่งตัวสถานีอยู่หน้าปากซอยของมหาลัยแต่ต้องนั่งรถมอเตอร์ไซด์ออกไป
พอมาถึงรถไฟฟ้าผมก็รีบเข้าไปในตัวเครื่องที่มีคนแน่นเต็มไปหมด
ปิ๊บๆๆๆๆๆๆๆๆ เสียงสัญญาณของรถไฟฟ้าเตือนให้ผู้โดยสารออกจากตัวเครื่องเพื่อจะได้ปิดประตู้ของรถไฟฟ้า
ในชั่วขณะที่ประตูกำลังปิด ก็มีผู้ชายคนหนึ่งกระโดดเข้ามาในรถ ทำให้ตัวผู้ชายคนนั้นชนกับตัวของผม
“ขอโทษครับ”ผู้ชายคนนั้นเอ่ยปากขอโทษ
“ไม่เป็นไรครับ อ้าว! อาจารย์” ผมตกใจแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง ว่าเป็นอาจารย์เบน นี้มันเรื่องอะไรกันเนี้ย
“เอ้า เธอ นิสิตที่เรียนวิชาอาจารย์นี้” ดูอาจารย์ก็คงตกใจเหมือนกัน
ผมยกมือไหว้ อาจารย์ก็ยิ้มๆรับไหว้ผม ผมรู้สึกเขิน ทำอะไรไม่ถูกจะหันไปทางอื่นก็ไม่ได้เพราะทั้งซ้ายขวามีแต่คนเบียดไปหมด
พอถึงสถานีถัดไปก็มีคนเข้ามาในรถไฟฟ้าอีก ทำให้อาจารย์เข้ามาใกล้ผมเข้าไปอีกจนหน้าของผมเข้าไปซบหน้าอกของอาจารย์
“อ๊ะ ขอโทษครับ” ผมรีบถอยตัวออกห่างเพราะความตกใจ แต่ก็แอบดีใจเล็กๆ
“ไม่เป็นไรครับ ตอนเย็นคนเลิกงาน คนก็เลยเยอะนี้แหล่ะ”อาจารย์พยายามหาเรื่องคุยกับผม
“อาจารย์ไปไหนเหรอครับ”ผมเองก็พยายามเก็บความเขินอายเอาไว้
“อาจารย์จะไปธุระ ไปจ่ายค่าบัตรเครดิตรนะ ที่ห้าง....”
“ผมก็จะไปที่ห้าง.... เหมือนกันครับ” ไปที่เดียวกันอีก วันนี้ทำไมผมจึงต้องเจอเรื่องแปลกใจมากมาย
“งั้นเราก็ลงที่สถานีเดียวกันนะซิ ดีดี อาจารย์จะได้มีเพื่อนคุย” อาจารย์คุยกับผม คนก็ยังดันเข้ามาอีก แต่ผมจับเสาไว้เลยไม่ได้ไปชนอาจารย์อีก
“แล้ววันนี้เรียนเป็นยังไงบ้าง อาจารย์สอนรู้เรื่องไหมครับ” อาจารย์ยังคงชวนผมคุย ผมไม่กล้าตอบหรอกว่า วันนี้ไม่ได้ตั้งใจเรียนเพราะมัวแต่มองอาจารย์ทั้งคาบ
“ครับ ผมยังจดเล็คเชอร์ไม่ค่อยทันครับ”ผมแก้ตัวออกไป
“ถ้าไม่เข้าใจอะไรถามผมได้น่ะครับ”
“ครับผม” ผมยิ้มดีใจที่ได้คุยกับอาจารย์
“ถึงแล้ว เดินไปขึ้นรถด้วยกันสิ”อาจารย์เอ่ยปากชวน
“ครับ” ผมตอบรับ ในใจยังเขินๆอายๆ
พอลงจากสถานีรถไฟ แล้วต้องไปนั่งรถเมล์อีกสองป้ายถึงจะถึงที่ห้างที่ผมนัดพี่เก่งไว้
แต่ยังไม่ถึงป้ายรถเมล์ ฝนที่ทำท่าจะตกตั้งแต่บ่าย ก็ตกลงมาอย่างแรง อาจารย์กับผมมองหาที่หลบฝน ผมมองเห็นตู้โทรศัพท์ใกล้ๆอาจารย์ก็คงเห็นเหมือนผม ผมกับอาจารย์เลยวิ่งไปหลบฝนที่ตู้โทรศัพท์นั้น
“ตัวเปียกหมดเลย” อาจารย์ใช้มือลูบใบหน้าตัวเอง
“อาจารย์ใช้ผ้าเช็ดหน้าของผมไหมครับ” ผมยื่นผ้าเช็ดหน้าให้อาจารย์
อาจารย์ทำท่าลังเล
“ผมยังไม่ได้เอาไปเช็ดครับ อาจารย์ไม่ต้องห่วง”
“ครับ ขอบคุณนะครับ” อาจารย์รับผ้าเช็ดหน้าไป
ฝนตกแรงมาก ทำให้ผมคิดว่าผมอาจจะไม่ได้ไปกินข้าวตามที่พี่เก่งนัดไว้
“อาจารย์ยังไม่ได้ถามชื่อเธอเลย” อาจารย์จ้องหน้าผม ผมรู้สึกร้อนวูบขึ้นมา
“ผมชื่อ โจ้ครับ”ผมจ้องหน้าอาจารย์ ทำให้ยิ่งร้อนวูบเข้าไป
วันนี้ทั้งวันทำไมผมเจอแต่เรื่องที่ผมไม่คาดคิด ตั้งแต่ที่คนที่ผมแอบชอบกลายมาเป็นอาจารย์ของผม ได้ซบหน้าอกของอาจารย์อีก(แม้จะเป็นเวลาเพียง 2 วินาที) อีกทั้งได้ติดอยู่ในตู้โทรศัพท์กับอาจารย์สองคน ท่ามกลางฝนที่กระหน่ำลงมา และที่สำคัญ อาจารย์รู้จักผมแล้วด้วย ผมหวังว่าต่อไปเราคงจะได้รู้จักกันมากว่านี้
คู่ที่2
การที่เราคิดจะชอบใครสักคนหนึ่ง อย่างแรกที่คนนั้นเค้าจะทำให้เราประทับใจนั้นก็คือรูปร่างหน้าตา ต่อมาก็คือบุคลิก นิสัยใจคอ สุดท้ายก็คือนิสัยของคนนั้นพอจะเค้ากับนิสัยของเราได้ไหม นี้เป็นเกณฑ์การชอบใครสักคนของผม พี่เอกมีคุณสมบัติครบทุกประการตามเกณฑ์ที่ผมตั้งไว้
ผมกับพี่เอกเดินออกมาที่ประตูด้านข้างของมหาลัย ถ้าคนมีคนอยู่แถวนั้นคงมีคนเห็นผู้ชายสองคนเดินลากกันไปทำอะไรสักอย่างหนึ่ง
ดีที่เป็นตอนหัวค่ำ เลยไม่ค่อยมีคนสักเท่าไหร่
“พี่เอกจะไปกินที่ไหนเนี้ย ทำไมเดินมาทางประตูข้างล่ะ” ผมสงสัย เพราะประตูด้านข้างเป็นทางเดินออกไปตลาด ซึ่งอยู่ฝังตรงข้ามของมหาลัยอีกที
“เถอะน่า... เดี๋ยวก็รู้เอง” พี่เอกยังจูงมือผมเดินต่อไป
“แถวนี้ไม่เห็นมีร้านอะไรเลย”ผมเดินตามพี่เอกต่อไป
พี่เอกเดินลากผมไป พาผมข้ามถนน และเดินผ่านตลาดไปอีก ผมเหมือนเด็กที่มีพ่อเดินจูงมือนำหน้า
พอผ่านตลาดมา พี่เอกก็พาผมเข้าซอยไปในตึกแถวที่มีรถจอดเรียงราย ผมคิดว่าตึกแถวน่าจะเป็นบ้านของพวกคนในตลาด
“ถึงแล้ว แป๊บนึงน่ะ” พี่เอกพาผมมายืนตรงหน้าประตูบ้านหลังหนึ่ง
พี่เอกปล่อยมือผม แล้วควักกุญแจออกมาเปิดประตู ผมเริ่มรู้สึกแปลกๆ
“พี่เอกพาเชียร์มาที่ไหนเนี้ย” ผมเริ่มระแวงว่าพี่เอกจะพาผมมาทำมิดีมิร้ายหรือเปล่า
“บ้านพี่เองครับ พี่จะพาเชียร์มากินข้าวที่บ้านพี่ไง” พี่เอกยิ้มเอามือลูบหัว ทำท่าเหมือนเขินๆ
ผมแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองว่า หนุ่มตี๋สุดหล่ออดีตเชียร์หลีดเดอร์คณะที่ภายนอกดูเป็นคนมีฐานะพอสมควร จะอาศัยอยู่ที่ตึกแถวเก่าๆหลังตลาด
พี่เอกคงเดาความรู้สึกผมออก เลยลากผมเข้าไปในบ้าน
ในบ้านของพี่เอกมีพื้นที่น้อยมาก เพราะมีของวางเต็มไปหมด ประตูที่ผมเข้ามาจริงๆแล้วคือประตูทางด้านหลัง ทำให้เดินเข้ามาแล้วเห็นห้องครัวเลย
“น้องเชียร์นั่งก่อน เดี๋ยวพี่ขออธิบายอะไรก่อน” พี่เก่งกระเถิบเก้าอี้ให้ผมนั่งที่โต๊ะทานข้าวกลางห้องครัว
ผมนั่งแล้วมองดูรอบๆบ้าน ผมรู้สึกแปลกกับบ้านแบบนี้ ไม่ใช่รังเกียจนะ แต่ไม่เคยเห็นบ้านที่เป็นตึกแถว
“คือ บ้านของพี่เป็นร้านขายผัก ถ้าเชียร์เข้ามาประตูหน้าจะเห็นของที่จะเตรียมไว้ขายตอนเช้า” พี่เอกเริ่มอธิบายเรื่องที่เกี่ยวกับครอบครัวตัวเอง พ่อพี่เอกเป็นคนจีน ส่วนแม่ของพี่เอกเป็นคนไทยแท้ พอแต่งงานก็เปิดร้านขายผักอยู่ที่ตลาดหลังมหาลัยตั่งแต่พี่เอกเกิด
ผมมองดูรูปพ่อแม่พี่เอกที่ติดอยู่บนผนัง พี่เอกมีน้องชายอีกสองคน พี่เอกเป็นคนโตของบ้าน พี่เอกบอกว่าจะเรียกพี่เอกว่าเด็กขายผักก็ได้ เพราะพี่เอกช่วยพ่อกับแม่ขายผักมาตั้งแต่เด็กแล้ว แต่พอเรียนมหาลัยพี่เอกก็มาทำงานนอกบ้านหาเงินส่งตัวเองเรียนจนจบปริญญาตรี ที่เรียนปริญญาโทก็เงินตัวเองที่เก็บมาจากการทำงานช่วงเรียนปริญญาตรี
ผมฟังเรื่องของพี่เอกทำให้ผมคิดได้ว่ายังมีคนที่ลำบากกว่าเราอีก
“ชีวิตพี่ไม่ได้รันทดอะไรขนาดนั้น ไม่ต้องทำน่าเศร้าก็ได้นะ”พี่เอกคงเห็นผมทำหน้าซึ้งเลยทักขึ้น
“ก็ตั้งใจฟังอยู่ไงครับ แล้วพ่อแม่ กับ น้องๆของพี่หล่ะ”
“ป๋า กับ ม๊า นอนหมดแล้ว ที่ต้องรีบนอน เพราะต้องตื่นไปรับผักมาขายแต่เช้า ส่วนน้องๆก็คงอยู่บนห้องทำการบ้าน”
“แล้วพี่เอกไม่ต้องไปขายผักแล้วเหรอ” ผมถาม
“พี่ให้น้องๆช่วยป๋า กะ ม๊าขายผักคับ สวนพี่ก็ทำงานอยู่ที่บริษัทของเพื่อนคับ หิวแล้ว กินข้าวกันเถอะ” พี่เอกเอามือลูบทอง ลุกขึ้นไปที่หม้อไฟฟ้าที่ตั้งไว้บนเตาแก๊ส
“พี่ให้ม๊า ทำสุกี้ไว้เลี้ยงน้องเชียร์โดยเฉพาะ”พี่เอกตักสุกี้ใส่จานมาให้ผม
“ขอบคุณครับ” ผมรับสุกี้จากพี่เอก
“เป็นผักของร้านพี่เองนะ รับรองว่าไม่มีสารพิษเจือปน”
“คร้าบ” ผมชิมสุกี้ของพี่เอก อืมม อร่อยดี
“ที่พี่พาเชียร์มาบ้าน คือพี่อยากให้เชียร์รู้จักตัวพี่ และพี่ ก็อยากรู้จักเชียร์มากขึ้นด้วย คือ... เรามาเป็นแฟนกันนะ”
“อะไรน่ะ” ผมแทบจะสำลักสุกี้ ที่จริงก็พอรู้ว่าพี่เอกจะจีบ แต่ไม่คิดว่าจะขอเป็นแฟนเร็วขนาดนี้
“พี่ชอบเชียร์อ่ะครับ ถ้าเชียร์ไม่ชอบพี่ก็ไม่เป็นไรนะ เราเป็นพี่น้องร่วมสถาบันกันก็ได้” พี่เอกพูดแบบง่ายๆดูเหมือนเป็นเรื่องเล่นๆ
“เราเพิ่งรู้จักกันแค่วันเดียวน่ะครับ” ถึงแม้ผมจะมีคนจีบมากมาย แต่ก็ไม่เคยมีใครขอผมคบเป็นแฟนได้เร็วขนาดนี้
“ก็พอเราเป็นแฟนแล้วค่อยๆรู้จักกันไปไงครับ” พี่เอกจ้องตาผมเพื่อรอคำตอบ ผมสบตากับพี่เอก ผมเองก็รู้สึกชอบๆพี่เอกเหมือนกัน แต่ก็ไม่อยากจะตัดสินใจอะไรที่รวดเร็ว เพราะถ้าเราทำอะไรโดยไม่คิดให้ดีก่อน ผมอาจจะเสียใจในภายหลังได้
“ว่าไงครับ” พี่เอกเริ่มคะยั้นคะยอ
ผมเริ่มอึดอัด อีกใจก็อยากบอก แต่คิดอีกทีก็ไม่อยากบอก ไหนๆก้มาถึงนี้แล้ว พี่เอกเค้าก็กล้าแสดงเจตนาที่เด่นชัดขนาดนี้ เอาว่ะ เป็นแฟนกันก็คงไม่เสียหายอะไร
“ได้ครับ งั้นเราเป้นแฟนกันก็ได้ครับ” พอสิ้นเสียงของผม ไฟก็ดับพร้อมเสียงฟ้าผ่าที่ดังก้องไปทั่ว
คู่ที่3
การเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อคนที่เราชอบ มันอาจจะเสี่ยง เพราะถ้าเปลี่ยนแปลงตัวเราเองไปแล้ว เกิดคนที่เราชอบเค้าไม่ชอบ มันก็ทำให้เรารู้สึกแย่ ยิ่งกว่านั้น คนที่เราชอบเค้าก็อาจจะรู้สึกแย่กับเราด้วยก็ได้ ผมอยากจะเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อให้พี่เก่งหันมาชอบผมสักนิด แต่ผมคงบังคับใจเค้าไม่ได้
“เสร็จแล้วครับ” ช่างตัดผมสะบัดผ้าคลุมออกจากตัวผม ผมมองตัวเองที่กระจกชัดๆ ผมหันซ้ายหันขวาดูความเรียบร้อยของตัวเองอีกครั้ง ก่อนที่จะลุกขึ้นจากที่นั่ง เพื่อไปจ่ายตังค์ และออกจากร้านไป
ผมไปยืนรออยู่ด้านหน้าร้านอาหารแห่งหนึ่งตามที่พี่เก่งนัดไว้ ทำไมเจ้าเพื่อนตัวดีทั้งสองยังไม่มาอีกน่ะ เพราะมันใกล้เวลานัดแล้ว ผมมองไปรอบๆ เผื่อบางทีอาจจะเจอพี่เก่งนั่งรออยู่ที่ไหนสักแห่ง
สักพักโทรศัพท์ของผมก็ดังขึ้น เจ้าเพื่อนตัวดีโทรมาแล้ว
“ฮัลโหล ทำไมยังไม่มาว่ะ” ผมถามไอ้เชียร์
“เฮ้ย! โทดที กูไปไม่ได้ว่ะ กูมีธุระ แต่กูบอกไอ้โจ้แล้ว แล้วไอ้โจ้มายัง” ไอ้เชียร์พูดเหมือนสำนึกผิด
“ยัง” ผมตอบ
“แล้วพีเก่งมายัง” ไอ้เชียร์ถาม
“ยัง” ผมตอบเหมือนเดิม
“เค้าหนีมึงไปกินกันสองคนป่าวว่ะ” ไอ้เชียร์ปากร้ายจริงๆ ทำผมสะอึกทีเดียว
“......”
“ล้อเล่นน่ะ กินกันให้อร่อยน่ะ เดี๋ยวโทรมาเมาท์กันทีหลังน่ะ บายๆ” พอเชียร์วางปุ๊บ โจ้ก็โทรมาปั๊บ
“อะไรกันนักหนาว่ะ ทำไมยังไม่มาว่ะ”ผมเริ่มหงุดหงิด
“ปอ โทดทีน่ะ ฝนตกหนักว่ะ เราอยู่ที่ตู้โทรศัพท์ตรงสถานีรถไฟฟ้า เราคงไปไม่ได้แล้วล่ะ” โจ้พูดด้วยน้ำเสียงที่ชวนเห็นใจ
“เออๆๆ” ผมไม่ได้โกรธหรอก โจ้มันเป็นคนมีเหตุผล มันไม่ค่อยทำให้ผมโกรธสักเท่าไหร่ ไม่เหมือนไอ้เชียร์ที่กวนผมตลอด
“แล้วแกอยู่ที่ไหนแล้ว” โจ้ถามผม
“ก็อยู่หน้าร้านที่พี่เก่งเค้านัดไว้” ผมตอบออกไป
“อ้าว เมื่อกี้เราโทรไปบอกพี่เก่งแล้วว่าเราไปไม่ได้ พี่เก่งเค้าบอกว่ารออยู่ในร้านแล้ว เราเลยโทรมาบอกแกให้ไปในร้านเลย”
“อ้าวเหรอ เออ ขอบใจ” มิน่าล่ะ ผมถึงหาพี่เก่งไม่เจอ
“กินข้าวให้อร่อยน่ะ ขอโทษจริงน่ะปอ” โจ้ยังไม่เลิกขอโทษ
“ไม่เป็นไร แล้วแกเปียกฝนมากป่าว ระวังเป็นหวัดไม่สบายน่ะ” ผมถามเพื่อนด้วยความเป็นห่วง
“นิดหน่อย ไม่เป็นไรหรอกแค่นี้น่ะ” โจ้ก็วางสายไป
ผมเดินเข้าไปในร้านมองซ้ายมองขวาดูว่าพี่เก่งนั่งอยู่ที่ไหน ผมมองไปด้านในของร้าน เห็นหนุ่มหล่อที่คุ้นน่าคุ้นตาผมเป็นอย่างดี ผมรีบเดินไปทันที พี่เก่งหันมามองผม แต่กลับมองเลยไปเหมือนจำผมไม่ได้ ผมรู้สึกไม่มั่นใจในตัวเอง ต้องมานั่งทานข้าวกับ คนที่ผมชอบสองต่อสอง แต่ผมรู้ว่าพี่เก่งไม่ได้อยากทานข้าวกับผม แต่ให้ทำไงได้ล่ะ
ผมเดินมาถึงโต๊ะที่พี่เก่งนั่ง พี่เก่งเงยหน้ามองผม
“อ้าว น้องปอเหรอ ไปตัดผมมาเหรอครับ จำแทบไม่ได้แนะ”
“ครับ” ไม่แปลกหรอกที่พี่เก่งจำผมไม่ได้ เพราะเมื่อวานทรงผมของผมยังยาวจนเกือบถึงไหล่ วันนี้กลับตัดผมสกินเฮด
“นั่งก่อนสิ” พี่เก่งชวนผมให้นั่ง
ผมนั่งตรงข้ามพี่เก่ง
“ทานอะไรก็สั่งเลยน่ะ” พี่เก่งยื่นเมนูให้
“ขอบคุณครับ”
“ปอตัดผมทรงนี้ดูเท่ห์ดีน่ะ น่ารักดีครับ” พี่เก่งเอ่ยปากชมผม ทำผมเขินแทบตาย แต่ใบหน้าเคร่งครึมของผมเก็บอารมณทั้งหมดไว้ได้
“ขอบคุณครับ”
“เสียดายที่เชียร์ กับ โจ้มาไม่ได้” พี่เก่งพูดไปดูเมนูไป น้ำเสียงที่ดูเหมือนผิดหวัง ยิ่งทำให้ผมรู้สึกแย่
“ครับ” ผมได้แต่เพียงตอบพี่เก่งได้เท่านี้
หลังจากที่พี่เก่งกับผม ทานอาหารเรียบร้อยแล้ว สักพักพนักงานก็นำเค้ก และร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ทเดย์ มาที่โต๊ะผม ไม่นึกว่าพี่เก่งจะทำเซอร์ไพรซ์ผม
“เค้กใหญ่ไปหน่อยน่ะ พี่เตรียมเอาไว้ให้โจ้กับเชียร์ด้วย” พี่เก่งยื่นมีดตัดเค้กมาให้ผม
“ครับ ขอบคุณพี่เก่งมากน่ะครับ”ผมรับมีดมาจากมือพี่เก่ง ผมตัดเค้กมาสองชิ้น ให้ตัวเอง และพี่เก่ง
“เอานี้ของขวัญจากพี่น่ะครับ แฮปปี้เบิร์ทเดย์ย้อนหลังหนึ่งวันน่ะครับ” ผมรับของขวัญจากพี่เก่ง
“ค่อยเอาไปแกะดูที่บ้านก็ได้น่ะ” พี่เก่งรับเค้กจากผม
“ขอบคุณมากครับ” ผมเก็บของขวัญใส่กระเป๋า
ผมกับพี่เก่งทานเค้กกันไปได้สักพัก พี่เก่งก็เล่าเรื่องที่พี่เก่งเคยจีบเชียร์ให้ฟัง พี่เก่งรู้จักกับเชียร์ตั้งแต่เด็ก เพราะพ่อพี่เก่งและพ่อของเชียร์ทำธุรกิจเพชรเหมือนกัน พี่เก่งเริ่มจีบเชียร์เมื่อปีที่แล้ว แต่เชียร์ปฏิเสธ เพราะความที่สนิทกัน รุ้จักกันในฐานะพี่น้องไม่อยากเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ แต่ผมว่าเชียร์คงไม่ชอบที่พี่เก่งเจ้าชู้มากกว่า เจ้าเชียร์มันก็ใช่ย่อย ถึงแม้มันจะมีคนมาจีบเยอะแต่ไม่เห็นคิดจะคบกับใครสักคน คงเพราะถ้าทำตัวเป็นโสด คนจะได้มาจีบเยอะ มันจะได้บริหารเสน่ห์ไปในตัว พี่เก่งคงคิดแบบเดียวกัน
พี่เก่งเองก็ยอมรับว่าตัวเองเจ้าชู้ เพราะความที่เป็นคนน่าตาดี และอยู่ในสังคมเกย์ไฮโซที่ชอบเปลี่ยนคู่ขาเป็นว่าเล่น แต่ผมยังแปลกใจไม่หาย ที่พี่เก่งเกิดมาสนใจเพื่อนของผม เพราะคนอย่างพี่เก่ง ไม่น่าจะมาชอบโจ้ที่เป็นคนเรียบร้อย ผมเลยถามพี่เก่งไป
“ทำไมพี่เก่งถึงชอบโจ้หล่ะครับ” ผมถามพี่เก่งตรงๆ
“ปอคงแปลกใจใช่ไหมหล่ะ พี่เริ่มเบื่อกับวงจรชีวิตแบบนี้ที่พี่เป็นอยู่ พอเจอใครที่ถูกใจ พี่ก็มีอะไรกับเค้า แล้วถ้าพอไปด้วยกันได้ก็ลองคบไป แต่ถ้าไม่ชอบใจกัน ก็มีแค่เซ็กส์อย่างเดียว แล้วคนที่เข้ามาในชีวิตพี่ส่วนมากไม่ได้ชอบพี่หรอก เค้าชอบ รูปร่างหน้าตา ฐานะ ของพี่มากกว่า พี่อยากคบกับคนที่จริงใจมากกว่า แล้วพี่เองไม่ชอบให้ใครมาแสดงความเป็นเจ้าของพี่ด้วย พี่เห็นโจ้เป็นคนน่ารัก ไม่น่าจะเป็นคนแบบที่พี่ไม่ชอบ ปอคงเข้าใจพี่น่ะ” พี่เก่งอธิบายทุกอย่างจนผมเข้าใจ
เรายังคุยกันอีกหลายเรื่อง จนเกือบๆถึง 4 ทุ่ม ใกล้เวลาที่ร้านจะปิด พี่เก่งเลยชวนผมไปเที่ยวต่อ ผมเองไม่ค่อยอยากไปหรอก แต่พี่เก่งเอ่ยปากชวนเลยไม่กล้าปฏิเสธ
พอมาถึงที่บาร์พี่เก่งก็พาผมไปนั่งข้างในร้าน วันนี้เป็นวันศุกร์ทำให้คนมาค่อนข้างเยอะจนแน่นร้าน ผมมองรอบๆบาร์ เป็นครั้งแรกที่ผมได้มาบาร์เกย์ ปกติผมไม่ค่อยไปเที่ยว เพราะส่วนมากไปทำงานที่ผับที่ผมเล่นดนตรีอยู่มากกว่า
“ว่าไง ปอ สนใจคนไหนหรือเปล่า” พี่เก่งเห็นผมมองไปทั่วร้าน คงคิดว่าผมมองดูคนที่อยู่ในร้าน
“ผมไม่ค่อยได้มาบาร์แบบนี้ครับ” ผมตอบพี่เก่งไป
“เหรอครับ เชียร์มันไม่พามาเหรอ” พี่เก่งถามพร้อมดื่มเบียร์เข้าไป
“เชียร์เค้าไปกับเพื่อนที่มหาลัยมากกว่า แต่ก็กลับมาเล่าให้ผมฟังครับ” ผมหันมาตอบพี่เก่ง
“มันก็เหมือนบาร์ทั่วไปนั่นแหล่ะ แค่ที่นี้มี แต่คนที่เป็นเกย์ วันไหนอยากมาเที่ยวก็บอกพี่ซิ เดี๋ยวพี่พามา” พี่เก่งพูดเหมือนกำลังสอนผม
ผมสังเกตว่าคนในร้านส่วนมาก มองมาทางพี่เก่ง ผมไม่แปลกใจหรอกว่าทำไมเค้าถึงมอง
ผมคุยกับพี่เก่งไปได้สักพัก ก็มีผู้ชายคนหนึ่งเข้ามายืนอยู่ที่โต๊ะของผมกับพี่เก่ง
“อ้าว เก่ง วันนี้มาด้วยเหรอ ทำไมเดี๋ยวนี้ ไม่โทรไปหาเราบ้างล่ะ แล้ววันนี้มากับใครเหรอ?”
----- จบตอนที่ 3 -----
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 02-01-2008 19:46:06
เหอ เหอ ท่าทางเก่งจะเจ้าชู้แฮะ  :m13: :m13:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 02-01-2008 20:11:59
สนุกๆๆๆๆชอบ เหมือนได้อ่านที 3 เรื่องเลย ถูกใจมากกกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: Simply Blue ที่ 02-01-2008 20:22:58
อิอิ มาให้กำลังใจคุณโจ้ เรื่องนี้สนุกดี
ดีใจจังที่คุณโจ้มาเอง  :a2:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 02-01-2008 20:57:37
แต่ละคนมีชีวิตแตกต่างกัน ของใครของมัน
เหมือนมองโลกในมุมมองต่างๆกัน
หวังว่าพี่เก่งจะกลับตัวจริงๆได้นะนั่น
 :m30: :m30: :m30:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 02-01-2008 23:25:24

เข้ามาอ่านเป็นครั้งแรกครับ

มีข้อเสนอแหละ  ไม่รู้ว่าจะเรื่องมากไปปะ

ถ้าทำได้  ร้อยเรื่องต่างๆ เข้าแบบ sex and the city ดิครับ

น่าจะอ่านได้มันส์กว่านี้

หรือคุณคนเขียนว่าไงคับ?
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: TONG ที่ 02-01-2008 23:32:50
เก่งท่าทางกร้านโลกซะขนาดนี้ แล้วโจ้จะทันไหมเนี่ย
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: jojoe ที่ 03-01-2008 19:44:12
Three Couple of love บทที่4 ความรักเริ่มต้น

คู่ที่ 1

ท่ามกลางฝนที่ตกลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา ชายหนุ่มสองคนยืนเบียดกันในตู้โทรศัพท์ ฝ่ายหนึ่งเริ่มรู้สึกแปลกๆกับหนุ่มน้อยที่เพิ่งรู้จักกันวันนี้ แต่อีกฝ่ายกับรู้สึกดีใจที่ได้ใกล้ชิดชายหนุ่มที่ตนเองรู้จักเพียงฝ่ายเดียว
ฝนตกอยู่นานเกือบชั่วโมง ผมติดอยู่ในตู้โทรศัพท์กับอาจารย์เบน ต่างฝ่ายต่างเขินเพราะไม่รู้จะพูดอะไร ผมเองก็ชวนอาจารย์คุย แต่ก็ไม่ได้คุยอะไรกันมาก อาจารย์เองก็ชวนผมคุย ส่วนมากจะเป็นการถามประวัติมากกว่า
“เธอจบจากโรงเรียนไหนมาเหรอ” อาจารย์เอ่ยถามผม
ผมบอกชื่อโรงเรียน ตอบอาจารย์ไป อาจารย์เงยหน้ามองผมเหมือนตกใจ
“เธอจบจากโรงเรียนนี้มาเหรอ! พ่อแม่เธอทำงานอะไรล่ะ”
ผมพอเข้าใจที่อาจารย์ต้องถามว่าพ่อแม่ผมทำงานอะไร เมื่อเอ่ยถึงชื่อโรงเรียนผม เนื่องจากโรงเรียนของผม เป็นโรงเรียนเอกชนที่ขึ้นชื่อในเรื่องของความแพง เป็นอันดับต้นๆของประเทศ เพราะแค่ค่าเทอมต่อปีก็หลายหมื่น ยังไม่รวมค่าอื่นๆจิปาถะอีก และเป็นโรงเรียนประจำ ต้องเสียค่าหออีก เพราะอยู่ประจำนี้แหล่ะ ทำให้ผมสนิทกับ เชียร์ และปอ
“เออ คือ พ่อแม่ของผม เสียไปตั้งแต่ผมยังไม่ขวบเลยครับ” ผมไม่ค่อยอยากบอกเรื่องราวชีวิตอันรัดทนของผมเท่าไร
“แล้วเธออยู่กับใครล่ะ” อาจารย์ยังถามผมต่อไปอีก
“คือ.. เรื่องมันยาวครับ ผมโตในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แล้วพอขึ้นมัธยม ท่านอธิการโรงเรียนเห็นผมเป็นเด็กเรียนเก่ง เลยให้ผมมาเรียนที่โรงเรียนนี้ครับ โดยท่านเป็นคนเสียค่าใช้จ่ายให้ผมทั้งหมด ที่จริงท่านอยากจะเป็นผู้ปกครองและผู้อุปการะให้ผม แต่ท่านเป็นบาทหลวงทำให้มีปัญหาในด้านกฎหมายและด้านศาสนา ท่านจึงให้เพื่อนของท่าน ซึ่งเป็นผู้ปกครองของเพื่อนผม เป็นคนอุปการะแทน” ผู้ปกครองคนนั้นก็คือพ่อของเชียร์นั้นเอง ผมเล่าให้อาจารย์ฟัง อาจารย์ตั้งหน้าตั้งตาฟังผม
“แล้วตอนนี้เธอพักอยู่ที่ไหน?”
“ผมพักอยู่ที่หอพัก ใกล้ๆมหาลัยครับ ผมไม่อยากรบกวนใคร ผมคิดว่าผมโตแล้วน่าจะดูแลตัวเองได้ อีกปีเดียวผมก็จะบรรลุนิติภาวะแล้ว”
“อาจารย์พอเข้าใจเธอ เธอคงเรียนเก่งมากเลยล่ะสิ ถึงได้เป็นนักเรียนทุน”
“ครับ ผมคิดว่า ถ้าผมเป็นนักเรียนทุน เงินค่าเทอมก็ไม่ต้องเสีย จะได้ไม่รบกวนคุณพ่อของเพื่อนผมครับ”
“ค่าใช้จ่ายส่วนตัว ค่าหอ พ่อของเพื่อนเธอก็เป็นคนให้เหรอ” อาจารย์ถาม
“ใช่ครับ แต่ผมคงไม่รบกวนท่านไปตลอด พอขึ้นปี2 ผมจะหางานทำดูครับ” ผมตอบอาจารย์
“ทั้งเรียน ทั้งทำงานเธอจะไหวเหรอ” อาจารย์ถามผม คงเป็นห่วงผมมั้ง (แอบดีใจ)
“ไม่ไหวก็ต้องไหว ผมอยากใช้ชีวิตได้ด้วยตัวเองครับ” ผมพูดด้วยความมุ่งหมั่น
“เธอเป็นเด็กดีจริงๆ อาจารย์อยากช่วยเธอนะ ตอนนี้อาจารย์ยังไม่มีนิสิตTA เอาเป็นว่า เธอมาเป็นนิสิตTA ของอาจารย์สิ”
ผมตกใจมากๆ นี้เป็นโอกาสที่จะทำให้ผมได้ใกล้ชิด ผมเลยรีบตอบตกลงอาจารย์ไปทันที
“ขอบคุณอาจารย์มากครับ”
“ไม่เป็นไร งานอาจารย์ไม่มากหรอก แต่เงินที่ได้คงไม่มากหรอกนะ” อาจารย์ยืนมือมาตบที่ไหล่ผมเบา ตอนนั้นผมรู้สึกถึงความห่วงใยของอาจารย์ ทำให้ผมยิ่งชอบอาจารย์มากขึ้นไปอีก
“ฝนหายตกแล้ว กลับบ้านกันเถอะ” อาจารย์เดินออกไปนอกตู้โทรศัพท์ เงยหน้ามองดูท้องฟ้าที่ใกล้ค่ำเต็มที ผเดินตามออกไปมองดูนาฬิกา เกือบชั่วโมงที่ผมติดอยู่ในตู้โทรศัพท์กับอาจารย์ อาจจะนานแต่ผมก็มีความสุข
“หอพักเธอยู่ใกล้ๆมหาลัยใช่ไหม ดีจังเลย บ้านอาจารย์ก็อยู่ใกล้ๆมหาลัยเหมือนกัน อย่างนั้นก็กลับบ้านด้วยกันนะ” อาจารย์หันมาพูดกับผม
“ครับ ผมทราบครับ” ผมตอบอาจารย์ ก็บ้านอาจารย์ คือร้านก๋วยเตี๋ยวที่ผมเคยไปกิน และเป็นที่ที่ผมได้เจอกับอาจารย์เป็นครั้งแรก
“อ้าว เธอรู้ได้ไงล่ะ” อาจารย์ทำหน้างง
“ก็ผมเคยไปทานก๋วยเตี๋ยวที่ร้านอาจารย์ และผมก็เห็นอาจารย์เซิรฟก๋วยเตี๋ยวด้วย”
“อ้าวเหรอ” อาจารย์ก็หัวเราะออกมา
ต่อจากนั้นผมกับอาจารย์ก็ขึ้นรถกลับบ้านไปด้วยกัน อาจารย์เดินมาส่งผมที่หอก่อน แล้วค่อยเดินกลับบ้านของตัวเองไป

คู่ที่2

ท่ามกลางฝนที่ตกลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา ชายหนุ่มเจ้าของบ้านกำลังงัวเงียกลับการซ่อมไฟเนื่องจากฝนตกหนักจนทำให้ไฟดับ
ส่วนอีกฝ่ายหนึ่งก็คอยส่องไฟฉายให้ สักพักไฟก็ติดเหมือนเดิม
“เรียบร้อยแล้วครับ” พี่เอกลงมาจากบนเก้าอี้ ที่ปีนขึ้นไปซ่อมหลอดไฟ
“ฟ้าผ่าแค่นี้ ไฟดับเลยเหรอ” ผมปิดไฟฉาย ส่งคืนให้พี่เอก
“บ้านนี้เป็นบ่อยแหล่ะ แหม!!!บ้านผมไม้ได้หรูเหมือนบ้านใครบ้านคนหรอกนะ” พี่เอกเหล่ตามาทางผม
“ตอนแรกนึกว่าจะพังลงมาทั้งหลัง ซะอีก” ผมก็กัดตอบไป
“มากินข้าวบ้านเค้ายังจะมาว่าอีก” พี่เอกไม่ยอมเลิก
“เชียร์ไม่ได้ว่าซะหน่อย หรืออยากโดนว่า แต่เชียร์คิดว่า พี่นะต้องโดนด่าน่าจะดีกว่า” ผมเองก็ไม่ยอมเหมือนกัน ผมเป็นคนชอบเอาชนะคนจนเพื่อนบ่นว่า เป็นนิสัยที่ไม่ดีของผม
“อะไรว่ะ เป็นแฟนกันยังไม่ถึงชั่วโมง จะโดนด่าซะแล้ว” พี่เอกเกาหัว คงไม่เคยจีบใครที่เหมือนผมละมั้ง
“เฮ้ย! นี่มัน3ทุ่มครึ่งแล้วเหรอ ที่จอดรถมันปิดแล้วอ่ะ แล้วจะกลับบ้านยังไงเนี้ย” ผมมองดูนาฬิกา มัวแต่ช่วยพี่เอกซ่อมไฟจนลืมดูเวลาไปเลย ที่จอดรถมหาลัยปิดตอน3ทุ่ม ผมรีบนึกหาทางแก้ปัญหา ถ้ากลับบ้านไปโดยไม่เอารถกลับ ป๊ะป๋า เอาตายแน่ ผมรีบนึกถึงเพื่อนรักของผมทันที ไอ้โจ้คงช่วยผมได้
“พี่ว่าค้างบ้านพี่ก่อนไหม” พี่เอกเอ่ยขึ้นมา
ผมกลับมานึกอีกที ตอนแรกผมคิดไว้ว่าจะไปค้างที่หอของโจ้แล้วอ้างว่าช่วยโจ้ทำงาน พ่อคงไม่ว่าอะไร เพราะพ่อไว้ใจโจ้มาก แต่หอพักของโจ้ปิดเวลา4ทุ่ม กว่าผมจะไปถึงที่หอ คงเลย4ทุ่มไปแล้ว นอนที่บ้านพี่เอกก็ได้ว่ะ
“ก็ได้ครับ” ผมตอบตกลง
“แหมๆ อยากนอนกับพี่ล่ะซิครับ” พี่เอกทำเสียงเล็กเสียงน้อย
พี่เอกพูดอย่างนั้นผมก็เขินนะ แต่ต้องวางฟอร์มไว้ก่อน
“อย่าคิดเชียวนะ ถึงจะบอกว่าเป็นแฟนกันแล้วก็เหอะ” ผมทำเสียงดุ
พี่เอกก็พาผมขึ้นไปที่ห้อง ห้องของพี่เอกไม่กว้างเท่าไร แต่ก็ไม่ใหญ่มาก ผมว่าห้องน้ำบ้านผมใหญ่กว่าอีกนะ พี่เอกหยิบเสื้อผ้ามาให้
“คงใส่ได้นะครับ ส่วนห้องน้ำ ใช้ห้องข้างล่างนะครับ” พี่เอกเดินออกไป สักพักก็เดินเข้ามาอีก
“จะให้ช่วยอาบก็ได้นะครับ” ทำหน้าทะเล้นอีกแล้ว
ผมทำหน้ายิ้มๆเหมือนไม่ได้ใส่ใจอะไรในคำพูด ที่จริงเขินแทบตาย
“มีอะไรก็เรียกพี่ได้นะ พี่น้องที่ห้องนอนของน้องชายข้างๆนี้แหล่ะ”
พอพี่เอกออกจากห้องไป ผมก็รีบถอดเสื้อ ยังไม่ทันจะถอดกางเกง ประตูห้องก็เปิด
“พี่ลืมเอาผ้าขนหนูมาให้ เอ้า! ถอดเสื้อเหรอ เป็นบุญตาจริงๆที่ได้เห็นแผ่นหลังขาวของน้องเชียร์ น่าจะเข้ามาหลังกว่านี้นะ คงได้เห็นอะไรดีดีกว่านี้แน่”
ผมรับผ้าขนหนูจากพี่เอก พี่สบตาผม จากหน้าที่ทะเล้นๆเมื่อกี้ กลายเป็นหน้าตาดูเคร่งขรึม
“พี่ดีใจนะ ที่เชียร์ตกลงเป็นแฟนพี่ พี่จะพยายาม ทำให้เชียร์มีความสุขนะครับ” พี่เอกพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ทำเอาผมหน้าแดงจนไม่กล้าสบสายตา
“ไปอาบน้ำดีกว่า” ผมเดินผ่านพี่เอกออกไปเพื่อเข้าห้องน้ำ แต่ก็แอบยิ้มอยู่ พอผมอาบน้าและแต่งตัวเสร็จ ก็ขึ้นมาที่ห้อง เห็นพี่เอกกำลังจัดที่นอนให้
“นอนให้สบายนะ หลับฝันดีนะครับ” พี่เอกยิ้มให้ผม แล้วเดินออกไป
ผมนั่งนึกในใจว่าพี่เอกนี้ถ้าไม่จน คงมีคนมาจีบเยอะเนอะ ก่อนจะนอนผมรีบโทรไปหาป๊ะป๋าอ้างโจ้ไว้ก่อน แล้วก็รีบโทรไปหาโจ้เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง โจ้ก็เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้ฟัง
“มีแฟนก็ดีแล้ว แต่กูกลัวว่าเค้าจะทนมึงไม่ได้มากกว่า” โจ้แอบกัด
“มีแฟนก็ยังดีกว่าไปชอบอาจารย์ล่ะหว่า ระวังนะมึง อย่าไปมีอะไรที่มหาลัย เดี๋ยวได้ลงหน้าหนังสือพิมพ์ อาจารย์หนุ่มอัดถั่วดำลูกศิษย์กลางมหาลัย” ผมแซวกลับ
“ไอ้บ้า กูเพิ่งรู้จักเค้าเองนะ” ไอ้โจ้แย้ง
“แล้วไอ้ปอ ไปกินข้าวกับพี่เก่งสองคนเหรอ” ผมถาม เพราะเห็นโจ้บอกว่าไม่ได้ไปกินข้าวกับพี่เก่งตามนัด
“อืมม ไม่รู้เป็นไงบ้าง ยังไม่ได้โทรไปถามเลย” โจ้พูด
“เออๆ เดี๋ยวกรูโทรไปถามให้ นอนแล้ว ง่วงอ่ะบายๆๆ” ผมวางหู
ก่อนที่ผมจะปิดไฟนอน ผมเหลือบไปมองเห็นรูปพี่เอกถ่ายกับน้องชาย น้องๆน่ารักเหมือนพี่เอกเลยอ่ะ ตี๋ๆกันหมดเลย ผมจูบรูปพี่เอก แล้วบอกว่า “ผมก็ดีใจนะที่เป็นแฟนกับพี่”

คู่ที่3

ท่ามกลางเสียงเพลงอึกทึกคึกโครมในบาร์แห่งหนึ่ง ชายหนุ่มสองคนกำลังเผชิญหน้ากับแขกผู้ไม่ได้รับเชิญ แขกผู้ไม่ได้รับเชิญนี้เป็นชายหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่งแต่ลักษณะท่าทางดูไม่ค่อยเป็นมิตร เข้ามาโอบไหล่หนุ่มหล่อไฮโซ หนุ่มน้อยที่มาด้วยกันไม่แสดงท่าทางใดๆแต่หากว่าในใจไม่ได้คิดเช่นนั้น
“ว่าไงเก่ง เราโทรไปหาตั้งหลายครั้งแล้วนะ ทำไมถึงไม่เคยรับสายเลย”ผู้ชายคนนั้นมองหน้าคุยกับพี่เก่ง
“โน้ต เรื่องของเรามันจบแล้ว เราบอกนายตั้งหลายครั้งแล้วนะ”พี่เก่งพูดใช้น้ำเสียงที่ไม่พอใจ
“เราไม่เข้าใจอยู่ดี ก็แค่เราไม่ชอบที่เก่งไปยุ่งกับคนอื่น แล้วนี้พาใครมาอีกล่ะ ไอ้คนที่พาไปนอนด้วยไปไหนล่ะ หรือเก่งหลอกทุกคนเหมือนที่หลอกกับเรา” นำเสียงของคนที่ชื่อโน้ตเริ่มดังขึ้น
“เอ๊ะ! โน้ต นายยังไม่รู้อีกเหรอทำไมเราถึงเลิกกับนาย เพราะนิสัยที่ชอบแสดงตัวว่าเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเรา บอกไว้เลยนะเราไม่ชอบผูกมัดกับใคร ยิ่งนายแสดงกิริยาแบบนี้ ยิ่งทำให้เราไม่อยากยุ่งกับนายอีก แล้วเราจะไปไหนกับใคร หรือนอนกับใครมันก็เรื่องของเรา”
พี่เก่งด่ากลับไป ผมไม่เคยนึกว่าพี่เก่งจะโกรธได้มากขนาดนี้
“ยังไงเราก็ไม่ยอกเลิกหรอก เก่งหนีเราไม่พ้นหรอก คอยดูเถอะ” พูดจบคนที่ชื่อโน้ตก็เดินกลับไป
สีหน้าของพี่เก่งเปลี่ยนไปทันที ผมเองรู้สึกได้ว่าพี่เก่งคงไม่พอใจอย่างมาก ฟังจากการสนทนา(ที่จริงมันไม่เหมือนสนทนา เหมือนด่ากันมากกว่า) พี่เก่งกับคนที่ชื่อโน้ตคงเป็นแฟนกัน แต่พี่เก่งคงทนนิสัยขี้วีนไม่ไหวเลยเลิกกัน แต่คนที่ชื่อโน้ตคงไม่ยอม เลยตามราวีพี่เก่ง แต่ก็ทำให้ผมรู้ว่าพี่เก่งนี้เป็นคนอย่างไร
“กลับกันเถอะ” พี่เก่งบอกผม และเดินออกจากร้านไป
พอพี่เก่งขึ้นรถ ผมก็ขึ้นรถตามพี่เก่งไป
ระหว่างทาง ผมกับพี่เก่งไม่ได้พูดอะไรกันเลย ผมเองก็ไม่รู้จะพูดอะไรดี พี่เก่งคงเห็นผมนั่งอึดอัดอยู่ เลยเริ่มชวนผมคุย
“เมื่อกี้ไม่ต้องไปสนใจนะ”
“ครับ”
“พี่เอง ไม่มีพี่น้อง อยู่ตัวคนเดียวมานาน พี่อยากให้ปอช่วยเป็นน้องให้พี่ได้ไหม” พี่เก่งพูดออกมาเหมือนเป็นคำถาม
“ครับ ทำไมถึงอยากให้ผมเป็นน้องล่ะครับ” ผมดีใจมากๆ แต่ก็อยากรู้ว่าทำไม
“ไม่รู้สิ พี่เห็นปอน่ารักมั้ง”พี่เก่งชมผมผมแอบยิ้มดีใจอยู่ลึกๆ
“ถ้าเป็นน้องพี่แล้ว อย่าลืมช่วยพี่จีบโจ้ด้วยน่ะ” สุดท้ายพี่เก่งก็เผยความจริงออกมา ตอนนั้นผมไม่ได้รู้สึกน้อยใจหรอก
“ครับ” พี่เก่งขับรถมาส่งผมที่บ้าน ผมลาพี่เก่งแล้วเข้าบ้าน ขึ้นไปบนห้อง
วันนี้เป็นครั้งแรกที่ผมได้ไปออกเดทกับคนที่ผมชอบ ผมมีความสุขมากๆ ผมแกะกล่องของขวัญที่พี่เก่งให้ผม
ในกล่องของขวัญเป็นสร้อยรูปกีตาร์ ผมใส่มันทันที ผมหันกลับไปมองกรอบรูปที่โจ้กับเชียร์ซื้อให้ ผมมองดูรูปผมกับเพื่อน ผมนึกออกแล้วว่า ช่องใส่รูปที่ว่างเปล่าข้างๆรูปผมกับเพื่อน ผมจะใส่รูปใครเข้าไป

----- จบตอนที่ 4 -----

หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 03-01-2008 20:39:21
หุหุ ท่าทางคู่ที่สองจะลงเอยเร็วกว่าเพื่อนแฮะ    :mc4: :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: jojoe ที่ 06-01-2008 08:13:00
Three Couple of love บทที่5 ได้ใกล้ชิด และ ผูกพัน

คู่ที่1

เมื่อเรามีความรักทำอะไรก็ดูมีความสุขไปหมด สิ่งรอบกายเราก็ดูสวยงาม อีกทั้งเราเองก็ดูมีชีวิตชีวา

ผมตื่นแต่เช้าไปมหาลัยเหมือนทุกๆวัน ผมออกจากห้องแล้วกำลังปิดประตูและล็อคกุญแจ

"ไปมหาลัยแต่เช้าเลยน่ะ" มีเสียงหนึ่งทักผมมาจากด้านหลัง ผมหันไปตามเสียงนั้น

คนที่ทักผมคือ เล็งนั้นเอง เล็งกำลังออกจากห้องฝั่งตรงข้ามของผม และกำลังปิดประตูและล็อคกุญแจเหมือนกัน ผมแปลกใจที่เล็งดันมาพักอยู่หอเดียวกับผม อีกทั้งยังอยู่ห้องตรงข้ามกันอีกด้วย

"เล็ง นายมาอยู่ที่หอพักนี้ด้วยเหรอ ทำไมเราไม่เคยเห็นนายเลย" ผมเอ่ยถามเล็ง

"เราเพิ่งย้ามมาเมื่อวานเอง พอดีบ้านเราอยู่ไกลน่ะ เลยเข้ามาอยู่ที่นี้ จะได้เดินทางไปมหาลัยสะดวก" เล็งเดินมาใกล้ๆผม

ผมไม่พูดอะไรได้แต่ยิ้มให้เล็ง เล็งเดินมาใกล้ผม ชวนผมไปกินข้าวเช้าด้วยกัน ผมจึงตกลงไปกับเล็งด้วย

ผมกับเล็งไปทานข้าวที่โรงอาหาร ที่จริงผมเองก็ไม่ได้สนิทกับเล็งอะไรมาก เพราะเราอยู่กันคนละคณะ แค่เรียนวิชาเลือกด้วยกัน(วิชาที่อาจารย์เบนสอนนั่นแหล่ะ)

"เมื่อวานตอนเราย้ายของเข้ามาที่ห้อง เราว่าจะไปทักนายที่ห้อง แต่ไม่เห็นนายอยู่ที่ห้อง"เล็งถามผม

"เหรอ เมื่อวานเราติดฝน กว่าจะกลับถึงห้องก็ดึกแล้ว" ผมตอบเลี่ยงๆไป ไม่อยากบอกรายละเอียดทั้งหมดให้เล็งฟัง

"ไปกับอาจารย์ เบน มาเหรอ"ผมแทบสำลักข้าวที่กินเข้าไป ทำไมเล็งมันถึงรู้ได้เนี้ย

"คือ...." ผมไม่รู้จะตอบอะไร

"เราอยากเตือนในฐานะเพื่อนนะ เราว่านายอย่าไปยุ่งกับอาจารย์เลย เราเป็นนิสิตก็ควรทำตัวให้ถูกต้อง" เล็งเตือนผม ผมงงว่าเล้งคิดว่าผมกับอาจารย์เป็นอะไรกันเหรอ

"ไม่ใช่อย่างที่นายเข้าใจนะ" ผมเองก็อยากอธิบายให้เล็งเข้าใจว่ามันไม่ใช่อย่างที่เล็งคิด

"นายไม่ต้องบอกเราหรอก บอกตัวเองดีกว่า เราเห็นท่าทีของนายกับอาจารย์ เราก็รู้แล้ว เราขึ้นไปเรียนก่อนดีกว่า ตอนเที่ยงมากินข้าวกับเราด้วยนะ "พูดจบเล็งก็ขึ้นไปเรียน ปล่อยให้ผมนั่งงงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น เล็งบอกว่าเห็นท่าทีของผมกับอาจารย์ก็รู้แล้ว ผมกลับมานึกว่าผมก็ไม่ค่อยแสดงอาการเท่าไรออกไป แต่อาจจะเป็นการเขินของผมมั้งที่ทำให้รู้ว่าผมชอบ ส่วนอาจารย์คงจะเป็นท่าทีที่แสดงความห่วงใย(หรือสงสารก้ไม่รู้)ต่อผมเมื่อได้รู้เรื่องราวในชีวิตของผม แต่ที่งงมากกว่าก็คือ ทำไมเล็งถึงสนใจเรื่องผมกับอาจารย์มากนักนะ

พอถึงตอนเที่ยง ผมแยกตัวจากกลุ่มเพื่อน เพื่อที่จะไปทานข้าวกับเล้ง ผมไปนั่งรอเล้งที่โรงอาหาร เล็งยังไม่มาอีกทั้งๆที่ก็เข้าเรียนก่อนผม อาจจะเป็นเพราะเรียนวิชาแพทย์ทำให้เรียนนานกว่าวิชาของผม

"นั่งด้วยคนได้ไหม" เสียงหนึ่งทักผม

"อาจารย์เบน" ผมทำเสียงตกใจ แต่ในใจดีใจมากๆที่ได้เจออาจารย์

"ขอนั่งด้วยคนสิ" อาจารย์ยิ้มให้ผม ผมรีบกระเถิบที่ให้อาจารย์

"ทำไมอาจารย์ไม่ไปทานข้าวที่ห้องทานข้าวของอาจารย์เหรอครับ"

"ไม่ละ อาจารย์อยากทานที่นี้ คือ อาจารย์อยากเจอ โจ้" อาจารย์จ้องหน้าผมทำเอาผมหน้าแดงแต่สายตาผมก็ยังจ้องอาจารย์อยู่

"อา..จารย์..มี..อะ.ไร..กับ..ผม..เหรอ..ครับ"ผมเริ่มพูดตะกุกตะกัก

"อาจารย์คิดถึง เฮ้ย ไม่ใช่ คืออาจารย์อยากให้โจ้ไปช่วยพิมพ์งานที่ห้องให้หน่อย" อาจารย์รีบเปลี่ยนคำพูด ที่จริงตอนแรกผมได้ยินนะว่าอาจารย์พูดอะไร แต่ได้ยินไม่ค่อยชัดเท่าไรเลยไม่แน่ใจกับคำพูดนั้น

"ครับ"ผมตอบรับอาจารย์ แล้วผมกับอาจารย์ก็คุยกันอีกหลายๆเรื่อง เราทั้งสองคนเริ่มสนิทสนมกันมากขึ้น สักพัก เล็งก็มาหาผมตามที่นัดไว้ พอเล็งเห็นผมกับอาจารย์นั่งทานข้าวด้วยกันก็แสดงท่าทางไม่พอใจ

"อ้าวเล็งมาแล้วเหรอ มาช้าจัง ไปซื้อข้าวสิ จะได้มานั่งกินด้วยกัน" ผมทักเล็ง แต่เล็งกลับไม่พูดอะไร และยังทำน่าตาบึ้งตึง เดินออกไป ผมสงสัยกับท่าทีของเล็งทำไมถึงต้องไม่พอใจเวลาที่ผมอยู่กับอาจารย์นักนะ อีกทั้งยังเตือนผมเรื่องอาจารย์อีกด้วย

"โจ้ ทานข้าวเสร็จแล้วไปพิมงานเถอะ ไม่มีเรียนตอนบ่ายใช่ไหมล่ะ" อาจารย์หันมาคุยกับผม

ผมพยักหน้าและเดินตามอาจารย์ที่เดินนำหน้าผมไปก่อนแล้ว

พอผมมาถึงห้องของอาจารย์ ผมก็แปลกใจมาก ตอนแรกก้เข้าใจว่าห้องของอาจารย์คือ ห้องพักอาจารย์ที่มหาลัย แต่ที่อาจารย์พามากลายเป็นห้องนอนของอาจารย์ที่บ้านของอาจารย์ ผมแปลกใจตั้งแต่อาจารย์พาผมเดินออกมานอกรั้วประตูมหาลัยแล้ว บ้านของอาจารย์คือร้านขายก๋วยเตี๋ยวที่ผมเคยมากิน ส่วนห้องอาจารย์อยู่ด้านบน

อาจารย์ถอดเนคไทด์ และปลดกระดุมเสื้อตรงคอและตรองหน้าอก เผยให้เห็นแผงหน้าอกของอาจารย์ ผมใจเต้นมองอาจารย์ตาไม่กระพริบ ผมยืนเก้ๆกังๆอยู่หน้าประตูห้อง อาจารย์คงเห็นเลยเรียกผม

"มานี่สิ" อาจารย์เรียกผมเข้าไปหา

"ครับ" ผมตอบรับอาจารย์ และเดินไปตรงหน้าคอม

"นี้งานที่จะให้พิม สงสัยอะไรถามอาจารย์ได้นะ" อาจารย์ยืนแฟ้มงานมาให้ผม

"ครับ" ผมรับงานอาจารย์มาพิม ตอนแรกต้องพยายามไม่วอกแวก เพราะสมาธิเสียไปตั้งแต่เห็นอาจารย์ปลดกระดุมแล้ว พอผมพิมไปได้พักใหญ่ๆ เครื่องมันเป็นอะไรก็ไม่รู้ พิมไม่ได้เหมือนเครื่องมันค้าง เลยหันไปบอกอาจารย์ให้ช่วยมาแก้เครื่องให้หน่อย พอผมหันไปสิ่งที่ผมเห็นก็คืออาจารย์ใส่เสื้อกล้าม กับกางเกงบอล อยากจะบอกว่าอาจารย์น่ารักมาก

"ว่าไงนะเครื่องมันค้างเหรอ มาเดี๋ยวแก้ให้" อาจารย์เดินมาที่คอมที่ผมนั้งอยู่ อาจารย์ค่อยๆโอบมือมาด้านหลังของผม แล้วเขยิบตัวมาใกล้ๆคอมแต่ถ้าใครเห็นคงคิดว่าอาจารย์กำลังกอดผมอยู่ เนื่องจากอาจารย์ยืนอยู่เลยต้องก้มตัว เพื่อจะได้เห็นคอมพิวเตอร์ทำให้แก้มของผมกับอาจารย์ แทบจะชนกัน

ถ้าใครหยุดเวลาได้ ช่วยหยุดเวลาตอนนี้ให้ทีเถอะ

คู่ที่2

ผมฝันดีมากๆ ฝันว่ามีผู้ชายคนหนึ่งมากอดผมไว้ ความรู้สึกเหมือนกับการกอดพ่อมากๆ แต่คนที่กอดผมไว้กลับไม่ใช่พ่อ คงเป็นเพราะความรัก แค่เรามีรัก ทุกอย่างก็ดูมีความหมายไปหมด

ความรู้สึกอบอุ่นที่ผมรับรู้ได้ เหมือนคล้ายๆที่ผมได้จากพ่อ ตั้งแต่แม่ตายไป พ่อก็คอยดูแลผมทุกอย่าง เลี้ยงผมเหมือนไข่ในหิน แต่ผมกลับอยากจะเรียนรู้ชีวิตด้วยตัวเอง บ่อยครั้งที่ผมทำให้พ่อเสียใจ แต่พ่อก้ให้อภัยผมทุกครั้ง แต่พ่อก็จะสอนผมอยู่ ผมกับพ่อจึงผูกพันธ์กันมาก ผมเคยคิดไว้นะว่า ถ้าจะรักใครก็ขอให้ได้เท่าพ่อ

"ตื่นได้แล้วครับ น้องเชียร์ เช้าแล้วนะ" เสียงของชายคนหนึ่ง กระซิบที่หูของผมเบาๆ

"อืมม..." ผมงัวเงียไม่ยอมตื่น แหมกำลังเคลิ้มกับความฝัน ปกติพี่เลี้ยงที่บ้านจะปลุกผมด้วยการพรมนําบนหน้าของผม ซึ่งจะทำให้ผมรำคาญ จนทำให้ผมตื่น

"จะรอเจ้าชายมาจุมพิตหรือไงครับ งั้นเจ้าชายคนนี้จะจูบแล้วนะ" เสียงนั้นใกล้เข้ามาขึ้นอีก ผมนึกในใจว่า ใครจะมาลวนลามกูเนี้ย นึกอีกที เฮ้ย ตอนนี้กูนอนที่ห้องพี่เอกนี่หว่า ผมเลยรีบตื่นลุกขึ้นมานั่งทันที

"เอ้า พอบอกว่าจะจูบรีบตื่นมาเลยนะ รู้งี้จูบไปเลยดีกว่า" พี่เอกทำหน้าตาเสียดายกับการจะขโมยจูบของผม ที่ผมรีบตื่นไม่ใช่ไม่อยากให้จูบหรอกนะ แต่เพิ่งนึกได้ว่านอนค้างบ้านพี่เอกนี่หว่า แล้วไอ้พี่เอกมาปลุกทำไมเนี้ย คือ ผมไม่อยากให้ใครมาเห็นตอนเพิ่งตื่น คงรู้กันนะครับว่าตอนเพิ่งตื่นของแต่ละคนมันน่าเกลียดกันขนาดไหน พี่เอกจะเห็นภาพอะไรของผมหรือเปล่าเนี้ย ผมรีบเช็คร่างกายดูว่า มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า

"ตอนน้องเชียร์นอน น่ารักดีนะครับ เหมือนเด็กเลย พี่แทบจะอดใจไม่ไหว" พี่เอกทำหน้าทะเล้นใส่

"ไปอาบน้ำดีกว่า" ผมรีบเปลี่ยนเรื่อง

"ครับ เดี๋ยวพี่พาไปกินข้าวนะครับ" พี่เอกเดินออกไป สักพักก็มีเด็กหนุ่มเดินเข้ามาในห้อง น่าตาคล้ายพี่เอกมากๆ สงสัยน้องพี่เอกแน่ๆ ยังใส่ชุดนักเรียนอยู่เลย น้องเค้าเอาผ้าเช็ดตัวมาให้ผม

"พี่เอกให้เอาผ้าขนหนูมาให้ครับ" หนุ่มน้อยยื่นผ้าเช็ดตัวให้ผม

"ขอบคุณครับ น้องชายพี่เอกใช่มั้ย ชื่อไรครับ" ผมรับผ้าขนหนูแล้วยิ้มให้เด็กหนุ่ม

"ชื่อ โท ครับ แล้วพี่ล่ะครับ"

"พี่ชื่อเชียร์ครับ น้องโทเรียนอยู่ชั้นไหนครับ" ผมถามคาดว่าต้องเรียนมอปลายแน่เลย เพราะน้องเค้าตัวสูงเกือบเท่าพี่เอก สูงกว่าผมอีก

"มอ หกแล้วครับ ผมไปก่อนนะครับ จะไปช่วยป๊า กับ ม้า ก่อนนะครับ" แล้วน้องโทก็เดินออกไป บ้านนี้น่ารักทั้งบ้านเลยเนอะ คงเพราะได้ความตี๋มั้ง ตอนนี้กำลังเป็นที่นิยมอยู่ด้วย แต่ยังไม่เห็นคนสุดท้อง ไม่รุ้จะน่ารักเหมือนพี่ชายหรือเปล่า

ผมอาบน้ำแต่งตัว และลงมารอพี่เอกอยู่หน้าบ้าน พี่เก่งเดินตามมา ผมแปลกใจการแต่งตัวของพี่เก่ง คือ พี่เก่งใสเสื้อกล้าม กับกางเกงวอร์ม ยังกะจะไปออกกำลังกาย

"ไหนบอกว่าจะไปทำงานไง" ผมถามด้วยความสงสัย

"ก็ไปทำงานนี้แหล่ะ"

"แล้วทำไมแต่งตัวแบบนี้ จะไปวิ่งที่ไหนเหรอ"

"เอ้า ยังไม่ได้บอกเหรอครับ ว่าพี่เป็นครูฝึกสอน ที่ฟิตเนส ครับ"

ผมเองก็พึ่งรู้ พี่เอกใส่ชุดนี้ก้น่ารักดีนะ เห็นกล้ามขาวๆเป็นมัดๆชัดดี

พี่เอกพาผมมาที่ร้านโจ๊ก ผมนั่งกินโจ๊ก ปกติกินแต่โจ๊กที่แม่บ้านทำให้ เลยรู้สึกแปลกๆกับการกินที่ร้านทั่วไป พี่เอกยิ้มให้ผมตลอดเวลาการกิน

"นี้จะมองทำไม กินสิเดี๋ยวโจ๊กหายร้อนหรอก"ผมบอกพี่เอก

"คร้าบๆ พี่อิ่มแล้วอ่ะ"

"อิ่มได้ไงยังไม่เห็นกินสักคำ"

"ก็อิ่มอกอิ่มใจไงครับ ไม่นึกว่าจะมีคนน่ารักๆมานั่งกินข้าวด้วย"

"อยากจะอ้วก ชอบพูดอะไรเสี่ยวๆ"

"นี้ๆกินโจ๊กให้อร่อย ต้องใส่ปาท่องโก๋ ไปด้วย" พี่เอกพูดพร้อมฉีกปาท่องโก๋ใส่จานให้ผม

"คร้าบขอบคุณคร้าบ"

"แต่ถ้าอยากให้อร่อย ต้องป้อนด้วย เอาไหม"

"ไม่ต้องเลยกินเองได้"

ผมกับพี่เอกเริ่มสนิทสนมกันมากขึ้น ผมเองไม่เคยรู้สึกดีกับใครเท่านี้มาก่อน

"ตั้งใจเรียนนะ เดี๋ยวตอนเย็นๆจะมาดูซ้อมหลีดนะครับ" พี่เอกพาผมมาส่งที่มหาลัย

"ครับ พี่ก็เหมือนกันตั้งใจทำงานนะ เจอกันตอนเย็นนะ" ผมลากับพี่เอกแล้วคอ่ยเข้ามหาลัย

แค่อยู่กับคนที่เรารักและรักเรา เพียงวันเดียว ก็มีความสุขเหมือนได้อยู่ด้วยกันมาหลายปี

คู่ที่3

ความรักทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนแปลง สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปนอกจากทรงผมของผมแล้วนั้นก็คือ หัวใจที่สดชื่น มีชีวิตชีวา หัวใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วย รัก..

ผมมาที่ทำงานหรือที่ผับตามปกติ วันนี้เหน่งไม่มา ในวงเลยต้องหาคนมาร้องเพลงแทนเหน่ง

"ใครจะมาร้องเพลงแทนไอ้เหน่งว่ะ" ใครคนหนึ่งเอ่ยถามขึ้น

"ไม่ต้องห่วงหรอก ไอ้เหน่งมันบอกว่าให้ไอ้ปอมันร้องแทน"

ผมตกใจ ไอ้เหน่งทำไมมันถึงให้ผมร้องแทนละ สงสัยคงเป็นเพราะตอนผมสอบร้องเพลงมั้ง ไอ้เหน่งมันเรียนเอกร้องเพลง ส่วนผมเรียนเอก ดนตรีสากล แต่ไปลงวิชาร้องเพลงเป็นวิชาเลือก ไอ้เหน่งมันชมผมบ่อยๆว่าร้องเพลงเพราะ แต่ผมเฉยๆกับตัวเองนะ ผมว่าผมไม่ได้ร้องเพราะอะไรมากมาย แค่ร้องไม่เพี้ยน กับไม่ผิดคีย์เท่านั้น กลายเป็นว่าผมต้องไปร้องเพลงแทนไอ้เหน่ง แต่ผมขอเพื่อนๆในวง ว่าขอร้องเพลงเดียวนะ คือ ผมเขินอะ(ครั้งแรกของผมเลยนะ กับการร้องต่อคนมากมาย)

พอถึงเวลาผมตื้นเต้นมากๆ จนพูดอะไรไม่ออก(ปกติก็ไม่พูดอยู่แล้ว) ผมร้องเพลงพูดไม่ค่อยเก่ง ของ ABnormal ร้องกับกีต้าร์โปร่ง(ร้องแบบ อะคูสติก)
"พูดไม่ค่อยเก่ง แต่รักหมดใจ" ผมว่าเพลงนี้เข้ากับผมมากๆ ยิ่งเหมาะกับช่วงนี้อยู่ด้วย ทำให้ยิ่งเข้ากับอารมณ์ของเพลง
พอผมร้องจบ มีคนปรบมือให้ผมเกือบทั้งร้าน ถ้าประเมินด้วยตัวเอง เมื่อกี้ผมว่าผมร้องดีกว่าที่ผ่านๆมา คงเป็นเพราะเข้าถึงอารมณ์ของเพลง อันนี้ต้องยกความดีความชอบให้พี่เก่ง เสียดายนะที่พี่เก่งไม่อยู่ฟังด้วย

ผมลงมาจากเวที เพื่อให้วงต่อไปขึ้นมาเล่น

"ร้องเก่งนี้" ผมหันไปตามเสียงที่ทักขึ้นมาด้านหลัง

"อ้าวพี่เก่ง" ผมตกใจไม่เชื่อว่าจะเจอพี่เก่ง

"เมื่อกี้เท่ห์ดีนะ ไม่นึกว่าจะร้องเพลงได้เพราะขนาดนี้" พี่เก่งเอ่ยปากชมจนผมพูดอะไรไม่ออก

"พี่เก่งมีธุระอะไรหรือเปล่าครับ ถึงมาหาผมที่นี้"

"มาหาปอ ต้องมีธุระด้วยเหรอ พี่อยากเจอปอเฉยๆไมได้เหรอ" พี่เก่งตอบผม ผมดีใจมากๆที่พี่เก่งอยากมาหาผม

"พี่พาเพื่อนมาด้วย จะชวนเพื่อนมาดูปอเล่นดนตรีไง" พี่เก่งชี้ไปทางผู้ชายคนหนึ่งที่บอกว่าเป็นเพื่อน ผู้ชายคนนั้นแต่งตัวสไตลย์เกย์มากๆ เพื่อนในความหมายของพี่เก่งคงไม่ใช่เพื่อนอย่างที่ใครๆเข้าใจ

"พี่ไปก่อนนะ เดี๋ยวพี่จะมาอีกวันหลังนะ" พี่เก่งลาผมออกไป ผมมองพี่เก่งเดินออกจากร้านไป ผมเห็นพี่เก่งเดินโอบเพื่อนของเขาด้วย เป็นอย่างที่ผมคิดจริงๆด้วย ผมทำได้แต่เพียงมองพี่เก่งเดินออกจากร้านไป มือของผมลูบสร้อยคอที่พี่เก่งให้พูดในใจกับตัวเองว่า "พี่เก่งรู้มั้ย เมื่อกี้ผมร้องเพลงให้พี่นะครับ"

---- จบตอนที่ 5 ----
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 06-01-2008 08:29:37
ชอบคู่แรกอ่ะ  :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: LonelyBoiZ ที่ 06-01-2008 17:21:55
แอบมาตามด้วยคนนะคับ

เปงกำลังใจให้นะคับ  :mc2: :mc2:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 06-01-2008 18:13:01
ถูกใจ อิอิ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: jojoe ที่ 06-01-2008 20:47:06
 :oni2:ทักทายจากผู้เขียน :oni2:

มาสวัสดีอย่างเป็นทางการ หลังจากให้ได้ลองอ่านผลงานของผมในรอบสามปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะเรื่องนี้ที่ถือว่าเป็นเรื่องแรกของการเริ่มต้นเขียนนิยาย ถ้ามีบางอย่างยังตะกุกตะกัก หรือขาดความสมจริง ก็ต้องขออภัยมาใน ณ ที่นี้ด้วย เคยอยากเอามาแก้ไขใหม่เหมือนกัน เพราะเรื่องนี้แต่งเมื่อสามปีที่แล้ว
แต่มาคิดดูอีกที ปล่อยให้เรื่องมันเป็นไปอย่างนั้นดีกว่า เพราะมันคือเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของเรื่องนี้ ครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่สีแล้วที่เอามาโพสต์ใหม่อีกครั้ง(3ครั้งแรกโพสต์ในบอร์ด ปาล์ม)

อย่างมีเรื่องจะรบกวนผู้อ่านอีกเรื่องหนึ่ง คือ อยากรู้ว่าใครได้อ่านเรื่องนี้ชอบตัวละครตัวไหนบ้าง และชอบคู่ไหนในเรื่องนี้ ถ้ามีวิเคราะห์ตัวละครด้วยว่าชอบเพราะอะไรจะดีมาก เพราะผมจะมาร่วมวิเคราะห์เนื้อเรื่องด้วย ว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น โดยอิงจากเรื่องจริง(ยังกะวิเคราะห์ข่าว)

ป.ล. เรื่องราวของ โจ้ ปอ เชียร์ คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงผสมผสานกับเรื่องที่แต่งขึ้น เพื่อให้สามารถแต่งเป็นเรื่องได้ ตัวละครในเรื่องก็มีตัวตนจริง

ขอให้สนุกกับเรื่องราวของสามหนุ่มนะครับ :m4:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: TONG ที่ 07-01-2008 11:39:20
ดีครับ ผมชอบคู่แรกกับคู่สุดท้ายนะครับ เพราะว่าผมเป็นประเภทพูดไม่เก่ง เลยชอบตัวละครที่มันใกล้เคียงกับตัวเอง
ส่วนความมนจริงผมว่ามันก็โอเคแล้วนะครับสละสลวยดีผมชอบ เป้นกำลังใจให้นะครับ :m4: :m4:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: jojoe ที่ 07-01-2008 18:21:29
Three Couple of Love บทที่6 หากความรักนั้น ไม่ได้มีเพียงแค่เรา

คู่ที่1

หากความใกล้ชิดทำให้เรารู้จักกัน อีกไม่นานมันคงจะทำให้เกิด ความรัก...

หลังจากอาจารย์แก้คอมที่ค้างไว้เรียบร้อยแล้ว อาจารย์หันมาพูดกับผม ขณะที่อาจารย์หันมา ผมก้หันไปมองอาจารย์เหมือนกัน ทำให้ผมกับอาจารย์มองตากัน ปลายจมูกของผมชนกับปลายจมูกของอาจารย์ ช่วงเวลานั้นเหมือนเวลาหยุดหมุนไปชั่วขณะ อาจารย์เริ่มเขยิบเข้ามาใกล้ๆผม อีกไม่กี่อึดใจเดียวปากของผมกับอาจารย์จะต้องจูบกันแน่นอน

"เบน มาช่วยพ่อข้างล่างหน่อยเร็ว" เสียงเรียกของพ่ออาจารย์ทำเอาผมตกใจจนตกเก้าอี้
โครม ผมลงไปนอนกองกับพี่ อาจารย์ยังทรงตัวอยู่ได้
"เป็นอะไรมั้ย" อาจารย์ถามผม
"ไม่เป็นไรครับ" เจ็บก้นจังอ่ะ ผมไม่ได้ตอยตามความจริง ก็เล่นซะตกไปแรงขนาดนั้น
"มา ลุกขึ้นมา" อาจาสรย์เอื้อมมือไปจับมือผม ผมเองก็คว้ามือจับอาจารย์แล้วลุกขึ้นยืน
"ทำงานให้เสร็จแล้วกัน เหลืออีกนิดเดียว อาจาย์ขอลงไปช่วยพ่อก่อนนะ" พูดเสร็จอาจารย์ก็เดินลงไป
ปล่อยให้ผมฝันค้างอยู่คนเดียว ผมนึกในใจ ว่าอีกนิดเดียวแท้ๆ แต่อย่างน้อยมันก็คงทำให้ผมรู้ว่าอาจารย์อาจคิดเหมือนผม

พอผมพิมงานเรียบร้อยผม ก็ลงไปข้างล่าง ก่อนที่จะลงไป ผมไปสะดุดกับรูปภาพๆหนึ่ง เป็นภาพถ่ายของอาจารย์กับผู้หญิงคนหนึ่ง ผมนึกไปต่างๆนาๆว่าใคร พี่ น้อง เพือน หรือ แฟน ไม่เอาดีกว่า ค่อยไปถามอาจารย์ทีหลัง

ผมลงมาอยู่หน้าร้านก๋วยเตี๋ยวของอาจารย์ อาจารย์เห็นผมเดินลงมา เลยรีบเข้ามาหาผม
"งานเสร็จเรียบร้อยแล้วใช่ไหม"
"ครับ อาจารย์มีงานอะไรอีก ให้ผมช่วยอีกก้ได้ครับ"
"ขอบใจมากนะ เออ! คือ..." อาจารย์อ้ำอึ้ง เหมือนอยากจะบอกอะไรบางอย่าง
"อะไร ครับ"
"ไม่มีอะไรหรอก เดี๋ยวอาจารย์ไปส่งนะ"
อาจารย์ขับมอเตอร์ไซด์ ไปส่งผมที่หอ ตอนที่นั่งซ้อนมอเตอร์ไซด์ อาจารย์บอกให้ผมกอดแน่นๆ ผมตอนแรกอายๆ ไม่กล้ากอด จนอาจารย์เอามือของผมไปกอดอาจารย์เอง พอผมกอดอาจารย์ก็กอดอาจารย์แน่น ผมสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นสิ่งที่ผมแทบไม่ได้มีเลยทั้งชีวิต แม้ผมจะมีผู้คนรอบข้างที่คอยช่วยเหลืออยู่เสมอ แต่ก็ยังอ้างว้าง เหมือนอยูในโลกนี้เพียงคนเดียว

อาจารย์จอดรถเมื่อมาถึงที่หอพักของผม
"พรุ่งนี้เจอกันนะ" อาจารย์พูดและยิ้มให้ผม
"ครับ" ผมตอบรับ และหันหลังจะเดินกลับเข้าหอ
"เออ .. โจ้ เดี๋ยวก่อน" ผมหันหลังกลับไป
"มีอะไรเหรอครับ" ผมรีบหันกลับไปหาอาจารย์
"พรุ่งนี้ ไปกินข้าวกับอาจารย์ไหม"เป็นครั้งแรกที่อาจารย์เอ่ยปากชวน
"ครับได้ครับ" ผมรีบตอบโดยไม่ต้องคิด
"เดี๋ยวเลิกเรียน มาเจออาจารย์ที่ห้องพักครูนะ" อาจารย์นัดแนะ
"ครับ พรุ่งนี้เจอกันครับ" ผมตอบและมองอาจารย์ จนอาจารย์ขับมอเตอร์ไซด์ออกไป
ผมยืนยิ้มอยู่คนเดียว ไม่นึกเลยว่าอาจารย์ก็คิดเหมือนผม

พอผมขึ้นไปที่ห้อง กำลังจะเปิดประตูเข้าไป เล้งก็มาดักผมไม่ให้เข้าห้อง
"ทำไมวันนี้ถึงไม่กินข้าวกับเรา"

คู่ที่2

หลังจากเลิกเรียนเรียบร้อยแล้ว ผมก็ไปซ้อมเชียร์ตามปกติ ช่วงนี้ใกล้ถึงวันแข่ง กีฬาFreshy ทำให้ต้องซ้อมหนักขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งถ้าอยู่ในช่วงสัปดาห์ใกล้วันแข่ง แทบจะไม่ต้องนอนกันเลย เพราะต้องซ้อมกันหามรุ่งหามค่ำ ผมเริ่มนึกแผนการชั่วร้าย ถ้าวันไหนมีการซ้อมจนดึก(เกือบๆห้าทุ่ม) ผมก็จะอ้างพ่อว่าซ้อมหลีดดึกมาก ไม่อยากขับรถตอนดึกๆ จะไปนอนที่หอโจ้ แต่ความจริงแล้วจะไปนอนบ้านพี่เอกต่างหาก

พอซ้อมถึงช่วงพัก พี่เอกก็มาถึงมหาลัย พี่เอกกะจะเดินมาหาผม แต่เจอพวกรุ่นพี่ที่ซ้อมให้ผมเข้ามาทักซะก่อน
"พี่เอกหวัดดีครับ มาดูน้องๆซ้อมหลีดเหรอครับ"
"อืมม ช่าย มาให้กำลังใจน้องๆเค้านะ" พี่เอกเหล่ตามาทางผม
"เดี๋ยวนี้พี่เอกแวะมาหาพวกเราบ่อยจัง ติดใจอะไรหรือเปล่าครับ" รุ่นพี่แอบแซวพี่เก่ง
"55555" พี่เก่งไม่ตอบอะไรเอาแต่หัวเราะกลบเกลื่อน
โธ่ ไม่แน่จริงนี่หว่า ที่อยู่กับเราทำปากดีใหญ่เลย
เตเต้ กับ แมคกี้ เพื่อนที่เป็นหลีดด้วยกันเดินมาคุยกับผม ฟังจากชื่อแล้วคงรู้นะครับว่าเพื่อนผมเป็นยังไง
"นังเชียร์ แกว่ารุ่นพี่คนนี้น่ารักไหมว่ะ เคยเห็นตอนมาคัดหลีดด้วย" เตเต้ถามความเห็นจากผม
"น่าตาดูเหมือนตี๋อินเตอร์มั๊กๆ หุ่นก็บึกบึน เท่จริงๆว่ะ"แมคกี้สนับสนุน
"เฉยๆวะ กูขี้เกียจวิจารณ์ผู้ชาย" ผมแกล้งทำเป็นไม่สนใจ
"Oh My God! กูไม่อยากจะเชื่อ ว่าคุณเชียร์ เจ้าแม่นักจิกผู้ชาย จะไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้กับผู้ชายเพอร์เฟคเช่นนี้"นังแมคกี้ปิดปากทำท่าอุทาน
"แมคกี้ต้องเข้าใจหน่อยสิย่ะ ว่าคุณเชียร์เข้าเป็นถึง ดาว เฮ้ย เดือนคณะ และอีกไม่นานคงคว้าตำแหน่ง เดือนมหาลัย ก็ต้องรักษาภาพพจน์หน่อย"นังเตเต้กระแนะกระแหน่ผม ผมเอือมระอากับเพื่อนพวกนี้จริงๆ
"นี้ๆ ฉันจะไปสมัครฟิตเนสย่ะ ไปด้วยกันมั้ย"นังเตเต้เอ่ยปากชวน
"ไปๆดิว่ะ ฟิตเนสเดี๋ยวนี้เป็นแหล่งรวมผู้ชายที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ นอกจากจะออกกำลังกายแล้ว ยังได้บริโภคผู้ชายด้วย"นังแมคกี้เสริมอีก
"เออๆ ก็อยากสมัครอยู่ ช่วงนี้ต้องเฟริมหุ่นหน่อย เห็นบอกว่าชุดหลีดรัดหุ่นแน่เปรี๊ยดเลยนะ"ผมบอกนังพวกนั้น
ผมคุยกับเพื่อนอยู่สักพัก พี่เอกก้เดินเข้ามาหาพวกผม
"สวัสดีครับ ขออนุญาติคุยกับเชียร์แป๊บนึงนะครับ"
นังเตเต้กับแมคกี้ตะลึงพี่เอกกันใหญ่
"เดี๋ยวมานะ" ผมเดินออกจากกลุ่มเพื่อน ตามพี่เอกไป

พี่เอกพาผมมาคุยที่ร้านกาแฟข้างที่ซ้อมหลีด
"วันนี้คิดถึงพี่มั้ยครับ"นี้คือคำทักทายของพี่เก่ง
"เพิ่งเจอกันเมื่อเช้าเองนะ"
"ตอบก่อนดิ ว่าคิดถึงมั้ย"
"คิดถึงดีไหมน่า" ผมแกล้งพี่เอก
"คิดถึงสักนิดก็ยังดี พี่คิดถึงเชียีร์ที่ซู้ดดดด เลยรู้ป่าว"พี่เอกทำปากจู๋
"55555 คิดถึงครับ คิดถึง" ผมอดขำไม่ได้กับท่าทีของพี่เก่ง
"คราวหน้ามาค้างบ้านพี่นะ"พี่เอกเอ่ยปากชวน
"ครับๆ แต่ให้เชียร์หาวิธีโกหกพ่อให้ได้ก่อนนะ"ผมยิ้มให้พี่เอก
"งั้นพี่ไปเรียนก่อนนะ เชียร์ตั้งใจซ้อมเชียร์ ขับรถดีดี และอย่าลืม ดื่มนมก่อน ห่มผ้าหม สวดมนต์ก่อนนอนและ...." พี่เอกพูดเป็นชุด
"คร้าบๆๆๆๆๆ รู้แล้วน่า"
"แล้วอย่าลืมคิดถึงพี่นะครับ" พี่เอกเอื้อมมือมาจับมือผม
"เหมือนกันครับ ตั้งใจเรียนนะ อย่าวอกแวกคิดถึงเชียร์มากนะ"ผมส่งสายตาหวานให้พี่เอก

ผมจึงแยกตัวกับพี่เอก พอผมกำลังเลี้ยวเข้าไปใต้ตึกเพื่อไปซ้อมเชียร์ต่อ ก็เห็นเตเต้กับแมคกี้แอบฟังผมคุยกับพี่เอกอยู่ พอทั้งสองคนเห็นผมก็รีบเดินเข้ามาหาทันทีและพูดพร้อมกันว่า
"เฉยๆวะ กูขี้เกียจวิจารณ์ผู้ชาย"

พอผมกลับถึงบ้าน แม่บ้านก็เดินเข้ามาหาผม "คุณหนูค่ะคุณผู้ชายให้มาเรียนว่าให้ไปพบที่ห้องรับแขกค่ะ"
"มีอะไรเหรอ"
"ไม่ทราบสิค่ะ เห็นคุณผู้ชายคุยกับแขกอยุ่ค่ะ"
ผมจึงรีบเดินเข้าไปหาพ่อ พอเข้าไปในห้องรับแขก เห้นพ่อคุยกับใครไม่รู้เพราะเขาหันหลังให้กับผม
"อ้าวเชียร์กลับมาแล้วเหรอ"พ่อเรียกผมเข้าไปใกล้ๆ
"ป๊ะป๋า เรียกเชียร์มีอะไรเหรอครับ"ผมเดินเข้าไปหาพ่อ
"นี้ มาดูสิใครมา" พ่อป๊ะป๋าพูดเสร็จ ชายคนนั้นหันหน้ามาหาผม พอผมเห้นหน้าของเขาก็รู้เลยว่าเป็นใคร
"ว่าไงเชียร์ พี่กลับมาแล้ว"

คู่ที่ 3

มีบางคำที่อยากบอกกับเธอ จิตใจบางคนที่เหนื่อยเพราะคิดถึงเธอ
แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร และไม่รู้ว่าเธอจะรังเกียจไหม
ยังเดาใจไม่ถูกอยากจะรู้ ที่ใครคนหนึ่งรักเธอหมดทั้งหัวใจ
อยากให้เขาคนนั้นทำอะไร เพื่อให้เธอได้พอเข้าใจว่าฉัน ..รักเธอ

พูดไม่ค่อยเก่ง แต่รักหมดใจ ถ้ารู้ว่าชอบอะไรจะหาให้เธอ
พูดไม่ค่อยเก่ง แต่ฉัน รัก เธอ อย่าปล่อยให้เพ้อให้รักเธอข้างเดียว

พอกลับมาถึงบ้านผมก็นั่งร้องเพลงอยู่คนเดียว ร้องเพลงนี้วนไปเวียนมาอยู่หลายรอบ
ทำไมใครหลายคนถึงได้ใกล้ชิดกับพี่เก่ง มีแต่ผมคนเดียวที่เหมือนคนห่างไกล
คนเหล่านั้นไม่ได้รู้สึก รัก เหมือนผม เขาคงต้องการเพียง เซ็กส์ ความหรูหรา สิ่งเหล่านั้นมันเป็นแค่เพียงภาพลวงตา ไม่คงทนถาวร แต่รักนี้สิ ไม่มีวันที่จะลบเลือนไป

"ปอ มีเพื่อนมาหา"แม่เรียกผม
"ครับ เดี๋ยวลงไป"ผมรีบวางกีต้าร์แล้วลงไปข้างล่าง
ผมออกไปที่ระเบียงบ้าน ผมแปลกใจที่เหน่งมาหาผมที่บ้าน
"หวัดดี เฮ้ย! ตัดผมใหม่เหรอว่ะ โคตรเท่ห์เลย"เหน่งทักผมทรงใหม่เป็นอย่างแรก
"มึงมีอะไรถึงมาหากูป่านนี้แล้ววันนี้ไปไหนทำไมไม่ยอมไปร้องเพลง" เพราะนี้มันจะเที่ยงคืนอยู่แล้ว
"กูมีเรื่องจะคุยกับมึง มึงจะไม่ให้กูเข้าไปในบ้านเหรอ"ผมจึงเปิดประตูให้เหน่งเข้าไปในบ้าน
ผมพาเหน่งขึนไปที่ห้องของผม ไอ้เหน่งรีบกระโจนขึ้นไปนอนบนเตียงทันที
"เฮ้ย ไอ้ปอ วันนี้กูขอค้างหน่อยนะ"
"เออ ได้ดิว่ะ บอกว่ามีเรื่องจะคุยกับกู เรื่องอะไรว่ะ"ผมหันมาถามไอ้เหน่ง
ไอ้เหน่งลุกขึ้นมานั่งบนเตียงนอน ผมเข้าไปนั่งใกล้ๆ
เหน่งหันมาคุยกับผม "เราอยากจะบอกว่า...."
ผมเริ่มรู้สึกแปลกๆกับท่าทีของเหน่ง
"ว่า... แฮบปี้เบิร์ทเดย์นะเฟ้ย" ไอ้เหน่งพูดพร้อมหยิบของขัวญมาให้ ผมถอนหายใจ
"เออ .. ขอบใจ"ผมรับของขวัญมาแกะดู พอผมเห็นของขวัญผมก็ตกใจกับของขวัญชิ้นนั้น
"เป็งไงสวยมั้ย กุว่ามึงน่าจะชอ..."เหน่งต้องหยุดพูดเมื่อผมชูของขวัญชิ้นนั้นขึ้น
มันเป็นสร้อยเส้นเดียวกับที่พี่เก่งซื้อให้ผม แสงจากสร้อยของพี่เก่งไปกระทบกับสร้อยของเหน่ง
"เฮ้ย มึงมีสร้อยเส้นนี้ด้วยเหรอว่ะ"เหน่งตะโกนตกใจจนเสียงหลง
ผมไม่ตอบอะไร ไม่รู้จะพูดยังไงกับเหน่งดี
"ไม่เป็นไร เดี๋ยวกูซื้อของให้ใหม่" เหน่งคว้าสร้อยเส้นนั้นกลับไป
ผมรีบไปแย้งสร้อยเส้นนั้นกลับมา "ไม่เป็นไร มันเป้นเรื่องบังเอิญนี้"
ผมรีบให้เหน่งไปอาบน้ำ ไม่อยากให้เหน่งคิดมาก
ผมกับเหน่งสนิทกันตั้งนานแล้ว ตอนนั้นบ้านของผมกับบ้านของเหน่งติดกัน แต่ตอนนี้เหน่งย้ายบ้านไปแล้ พอเราเอ็นติดที่เดียวกันเลยคิดตั้งวงดนตรีรวมกับเพื่อนอีกสามคน
เหน่งเป็นอีกคนหนึ่งที่รู้ว่าผมเป็นเกย์ นอกจากเพื่อนซี้ของผมทั้งสอง
แต่เหน่งไม่ได้รังเกียจอะไรในตัวผมเลยกลับทำให้เหน่งเข้าใจในตัวผม และสนิทกันมากยิ่งขึ้น

ผมล้มตัวลงนอนข้างๆ เหน่งซึ้งนอนไปก่อนแล้ว
เหน่งถามผม"สร้อยเส้นนั้นใครซื้อให้มึงว่ะ"
"......" ผมไม่รู้ว่าจะตอบยังไง
"มึงไม่ต้องบอกกูก็ได้ถ้าลำบากใจ"
"ไม่ใช่ คือ เรื่องมันยาวว่ะ" ผมเลยอธิบายเรื่องของพี่เก่งให้ฟัง
พอเหน่งได้ฟังเรื่องราวทุกอย่าง มันก็ถามผม
"แล้วมึงจะทำยังไงต่อไป"
"ก็ไม่รู้วะ มึงว่ากูควรทำยังไง"ผมหันไปถามเหน่ง
"ความรักที่แท้จริง มันไม่ใช่การครอบครอง ไม่จำเป็นต้องให้คนที่เรารักมารักเรา แค่เพียงเราได้เห้นคนที่เรารักมีความสุขก็พอไม่ใช่เหรอ" ผมได้ฟังเหน่งพูด รู้สึกขนลุกกับคำพูดของมัน
เหน่งมันลุกขึ้นมาก้มมองลงที่ผม
"คนรักกัน มันไม่จำเป้นเสมอไปหรอก ว่าจะต้องเป้นแฟนกัน"

----- จบตอนที่ 6 -----
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: TONG ที่ 07-01-2008 22:01:39
จ่อตูดพอดีเลย :o8: :o8:

แอบสงสัยใจว่าเห่งต้องมีใจให้โจ้แน่เลย รู้สึกว่าทุกคู่มีมือที่สามมาพร้อมกันหมด จะเป็นยังไงต่อ รอลุ้นครับ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: myLoveIsYOu ที่ 08-01-2008 01:20:48
อยากติดตามตอนต่อไปเร็ว ๆ จังเลยครับ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 08-01-2008 11:22:36
ส่วนตัวชอบคู่ที่ 1 ดูมีอะไรให้ลุ้นและเดาทางออกได้พอควร
ส่วนคู่ 2 นี่ ไม่ค่อยน่าสนเท่าไหร่ ดูเรียบไปนิด แต่ต้องดูกันต่อไป
ส่วนคู่ 3 ท่าทางจะออกแนว รักคนหลายใจ ช้ำใจวันละหลายหน   :m14:

รออ่านต่อค่ะ  :m1:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 08-01-2008 12:38:08
ตอนแรกชอบ คู่ 1 กับ คู่ 2 เพราะดูแล้ว

คู่แรกท่าทางจะเป็นรักที่ลำบากเพราะความเป็นลูกศิษย์อาจารย์กัน

คู่3 เป็นรักที่แอบรักเค้าข้างเดียว แถมรักคนเจ้าชู้อีก คงต้องเหนื่อยแน่ๆ

แต่พอมาอ่านตอนล่าสุดเริ่มจะน่าสนุกเพราะ มีบุคคลปริศนาเข้ามาอีก 1 คน น่าลุ้นจิงคับ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 08-01-2008 15:07:28
ชอบคู่ที่1กับคู่ที่3ครับ  คู่ที่1อ่านแล้วน่ารักดีลุ้นๆอยู่อ่ะครับ(มันยากมากๆนะครับที่จะเป็นจริงได้อ่ะ) :mc4:
 คู่ที่3   แบบรักหลายๆเศร้าอ่ะครับรักคนเจ้าชู้ต้องทำใจอ่ะครับ :o12:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 08-01-2008 16:15:25
:m15:
ถ้าพูดในแง่ชีวิตรันทดคงต้องบอกว่าสงสารโจ้...กับชีวิตเด็กกำพร้า
แต่ถ้าคิดถึงในด้านความรักคนที่น่าเห็นใจคงเป็นยอดชายนายปอ...
เพราะโจ้กับอาจารย์เบน หรือ เชียร์กับพี่เอก ต่างก็มีใจให้กัน แต่...
นายเก่งดูเหมือนจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่านายปอหลงรัก...แถมยังต้องทนดู
นายเก่งไปกับคนอื่น หรือจีบเพื่อนตัวเองอีก.... :sad4:
 :teach:
จริง ๆ อยากจับคู่ใหม่จัง...
ให้โจ้คู่กับพี่เอก ... คนธรรมดาที่สู้ชีวิตดี
เชียร์คู่กับพี่เก่ง...หล่อเลือกได้กับไฮโซหลายใจ
และนายปอคู่กับเหน่ง...คู่รักนักดนตรี
 :m4:
เอาใจช่วยทุกคู่ทุกคนต่อไปปปปปป บทลงเอยจะเป็นไง อยากรู้จังงงง  
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: jojoe ที่ 08-01-2008 19:43:26
Three Couple of love บทที่7 คนที่เรารัก กับ คนที่รักเรา

คู่ที่1

"ทำไมวันนี้ถึงไม่กินข้าวกับเรา" เล้งเอ่ยถาม แสดงสีหน้าที่ไม่พอใจ
"เราก็เรียกเล้งแล้วนะ แต่เล้งไม่ยอมมานั่งกับเราเอง"
"เราอยากนั่งกินกับโจ้แค่สองคน ไม่ใช่สามคน"ที่เล้งพูดถึงคงหมายถึงอาจารย์เบน
"แล้วนั่งกันสามคนไม่ได้เหรอ" ผมแย้งไป ชักเริ่มมีน้ำโหแล้ว
"งั้นพรุ่งนี้ไปกินข้าวกับเราได้ไหม" เล้งคงไม่อยากทะเลาะกับผม เลยเริ่มพูดีดี
"พรุ่งนี้เรามีนัดแล้ว" ผมบอกตามความจริง
"กับใคร" เล้งเริ่มขึ้นเสียง
"...." ผมไม่ตอบ ถ้าผมบอกว่าอาจารย์ เล้งคงต่อยผมแน่เลย
"อาจารย์ เบน ใช่ไหม"เล้งเดาออก
"เราไม่จำเป็นต้องตอบนาย ทำไมนายต้องคอยถามทุกเรื่องของเราด้วย"ผมขึ้นเสียงบ้าง
"โจ้ ยังไม่รู้เหรอ ว่าเราคิดยังไงกับนาย ก็ได้ โทดทีนะ เราไม่ใช่อาจารย์เบน เรามันแค่เพื่อนที่หวังดีคนหนึ่งเท่านั้น" พูดเสร็จเล้งก็เดินเข้าห้องของตัวเอง ปิดประตูเสียงดัง
ผมก็พอรู้อยู่หรอกว่าเล้งคิดยังไงกับผม แต่ให้ทำยังไงเราคิดกับเล้งแค่เพื่อนคนหนึ่งเท่านั้น

เช้าวันต่อมา....
ผมตื่นตามปกติ พอผมจะเข้าไปอาบน้ำ มีคนมาเคาะประตูที่หน้าห้อง ผมเดินออกไปเปิดประตู เล้งนั่นเองถือถุงอะไรไม่รู้มาด้วย
"โจ้ เมื่อวานเราขอโทษนะ ที่เราพูดกับนายแบบนั้น" เล้งทำหน้าสำนึกผิด
"ไม่เป็นไรหรอก เราไม่โกรธเล้งหรอก เราก็ต้องขอโทษด้วยนะที่เราเอง ไม่เคยนึกถึงความรู้สึกของเล้ง"
ผมยิ้มรับ ถ้าผมเป็นเล้งผมก็คงต้องโกรธแน่นอน ที่เห็นคนที่เราชอบไปอยู่กับคนอื่น
"เล้งขอบใจกับความรู้สึกดีดีที่มีให้เรานะ เราเองยังไม่ได้ตัดสินใจกับใครทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็นอาจารย์เบน หรือ แม้แต่เล้งก็ตาม" ผมบอกเล้ง ถึงแม้ผมเองจะรู้สึกชอบอาจารย์ แต่ก็ยังตอบไม่ได้ว่าอาจารย์คิดเหมือนผมหรือเปล่า
"เราซื้อน้ำเต้าหู้ กบ โจ๊กมา กินด้วยกันนะ"เล้งชูถุงที่หิ้วมาด้วย
"ขอบใจนะ"ผม กับเล้งจึงกินข้าวเช้าด้วยกัน
พอแต่งตัวเสร็จ ผมกับเล้งจึงเดินไปมหาลัยพร้อมกัน

คู่ที่2

"ว่าไงเชียร์ พี่กลับมาแล้ว" ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ใบหน้าเรียวงาม หันมาหาผม
ผมตอบกลับไปทันที "มาทำไม ไม่อยู่อมริกาไปจนตายเลยล่ะ"
"นี้เชียร์ พี่เค้าอุส่าห์มาเยี่ยม ทำไมไม่คุยกับพี่เค้าดีดีล่ะลูก" พ่อดุผม
"พี่แจ๊ค คิดถึงคุณลุงกับเชียร์มากๆเลยนะ"ชายคนนั้นเดินมาหาผม แต่ผมรีบเดินขึ้นไปที่ห้อง
"วันนี้เชียร์เหนื่อย ขอขึ้นไปพักผ่อนก่อนนะ"ผมรีบเดินขึ้นห้องไป

พอผมขึ้นไปที่ห้อง ความทรงจำเก่าๆก็เริ่มหวนคืนมา
ช่วงที่ผมยังอยู่มัธยมต้น ตอนนั้นผมยังเป็นเพียงเด็กธรรมดาๆคนหนึ่ง ยิ่งสมัยตอนมอต้น ผมใส่แว่นตาหนากรอบดำ อ้วนเป็นหมู สิวเต็มหน้า พูดได้เลยว่าเป็นเด็กที่น่าตาน่าเกลียด ผมชอบเก็บตัวอยู่คนเดียว ไม่กล้าคบกลับใคร เพราะอายในหน้าตาของตัวเอง
ทุกครั้งผมมักจะเอารูปดาราญี่ปุ่นมาปิดหน้าของตัวเอง และหวังไว้สักวันวันหนึ่ง ผมจะต้องน่ารักให้เหมือนพวกดาราญี่ปุ่นให้ได้

พ่อเห้นผมชอบเก็บตัวอยู่คนเดียว กลัวผมไม่มีเพื่อนเล่น เลยให้ลูกของคุณลุง หรือลูกพี่ลูกน้องของผม ชื่อแจ๊คมาเล่นด้วย พี่แจ๊คแก่กว่าผม 4 ปี และกำลังจะไปเรียนไฮสคูลที่อเมริกา พี่แจ๊คเป้นคนน่าตาดี ผิวดี รูปร่างดี ต่างจากผมมากๆ ผมเลยไม่ค่อยอยากเล่นกับพี่แจ๊ค เพราะไม่อยากให้ใครมาเปรียบเทียบผมกับพี่แจ๊ค
"เชียร์ นายทำไมไม่ยอมเล่นกับพี่"พี่แจ๊คเอาหุ่นยนต์มาหใผม
"ไม่ ไม่ เชียร์ไม่ชอบเล่นกับคนหล่อ" ผมหันหลังให้พี่แจ๊ค
"แล้วไอ้หล่อไม่หล่อ มันเกี่ยวกันตรงไหน"
"ไม่รู้อ่ะ เชียร์มันน่าตาน่าเกลียดอย่ามายุ่งกับเชียร์เลย"
"แล้วเชียร์อยากน่าตาน่ารักบ้างไหมล่ะ"
"พี่แจ๊ค พูดตลกน่า เป็นไปไม่ได้หรอก"
พี่แจ๊คเดินมาด้านหลังผม แล้วจับผมให้หันหน้าไปจ้องตาพี่แจ๊ค
"เชียร์ คนเราต้องลองทำก่อนแล้วค่อยพูดว่าทำได้หรือทำไม่ได้ แต่นี้เชียร์ยังไม่ได้ลองทำอะไรเลย แล้วจะรู้ได้ไงว่าทำไม่ได้ จำไว้นะ ไม่มีอะไรที่เราทำไม่ได้" พี่แจ๊คเตือนสติผม
หลังจากวันนั้นผมเริ่มออกกำลังกาย ซื้อยาบำรุงผิว เปลี่ยนแปลงตัวเอง
เพียงไม่กี่เดือน ผมก็กลายเป็นคนใหม่ เป็นเชียร์ที่ทุกคนชื่นชมในทุกวันนี้
ผมกับพี่แจ๊คเลยสนิทกันมากขึ้น จนผมเริ่มรักพี่แจ๊ค

"ไงยังโกรธพี่อยู่เหรอ"พี่แจ๊คเดินมาจากไหนก้ไม่รู้เข้ามากอดผมทางด้านหลัง
"ไม่ให้โกรธได้ไงเล่นไม่ติดต่อกลับมานึกว่าหายไปกับหนุ่มฝรั่ง"
"5555 ข่าวเร็วจังเลย"
ผมแกะมือพี่แจ๊คออก ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงไม่ถือสาอะไร แต่ตอนนี้ หัวใจของผมไม่ใช่ของพี่แจ๊คต่อไปแล้ว
พี่แจ๊คยังจับตัวผมเข้าไปใกล้
"คิดถึงเชียร์จัง พี่ไม่ใช่ไม่อยากติดต่อ แค่ไม่ได้ส่งเมลย์มาปีเดียวเอง ช่วงนั้นเชียร์ต้องอ่านหนังสือสอบเอ็นท์ไม่ใช่เหรอ"
"ปีเดียวเอง พูดได้นี้ พี่คงไม่รู้สึกอะไรกับเชียร์แล้วล่ะ ก็ตอนนั้นคบกับหนุ่มอมริกาไปแล้วนี้"
พี่แจ๊คกอดผมแน่นค่อบก้มลงมองผม
"ยังไงเราทั้งสองคนก็เป็นครั้งแรกของกันและกันนะ"
พี่แจ๊คใช้สายตาเหมือนทุกๆครั้งที่เรามีอะไรกัน
ผมเคลิ้มไปกับสายตานั้น คนแรกที่ผมรัก และ คนแรกที่รักผม
เขากลับมาหาผมอีกครั้ง
ผมขยับตัวเข้าไปใกล้พี่แจ๊ค ปากของพี่แจ๊คก็ประกบกับปากของผม
รสชาติจูบของพี่แจ๊คยังเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน
ก่อนที่ผมจะเคลิ้มไปกว่านี้ หน้าพี่เอกก็ผุดขึ้นมาทันที ผมจึงผลักพี่แจ๊คออกไป
"ตอนนี้มันไม่เหมือนตอนนั้นแล้วนะ" ผมรีบเดินไปหลบที่หลังห้อง
"ครับ พี่ขอโทษ"พี่แจ๊คยังสุภาพเหมือนเดิม
ผมกับพี่แจ๊คไม่ได้พูดอะไรกันอีก พี่แจ๊คมองผมพยายามใช้สายตาดึงดูดผมให้ต้องยอมพี่แจ๊ค แต่มันไม่ได้เป็นอย่างนั้นอีกแล้ว
"พี่แจ๊คกลับไปเถอะ ผมขอพักผ่อน วันนี้ผมเหนื่อยมาก" พี่แจ๊คจึงปล่อยผมให้อยู่ตามลำพัง

คู่ที่3

"คนรักกัน มันไม่จำเป้นเสมอไปหรอก ว่าจะต้องเป้นแฟนกัน"
เหน่งลุกขึ้นนั่งก้มลงมองผม สายตาของเหน่งนั้นไม่เหมือนทุกครั้งที่เคยมองผม เหมือนมันอยากจะบอกอะไรบางอย่าง
สักพัก เหน่งก็ล้มตัวลงนอนเหมือนเดิม
"กูบอกมึงเท่านี้แหล่ะ"
"ขอบใจนะ" ผมตอบเหน่ง
เหน่งหลับไป แต่ผมยังคงนอนไม่หลับ
เมื่อกี้ที่เหน่งมันพูดหมายความว่าอะไร มันคงไม่ใช่อย่างที่ผมคิดหรอกนะ ที่จริงผมเองก้รู้สึกแบบนั้นกับเหน่งมานานแล้ว แต่คงเพราะความเป็นเพื่อนจึงทำไม่ให้คิดเกินเลยมากไปกว่านั้น ผมไม่กล้าเสี่ยงเอาคำว่าเพื่อนเปลี่ยนเป็นคำว่ารัก เพราะมันอาจจะเป็นผลเสีย ต่อความสัมพันธ์ของผมกับเหน่ง เป้นเหมือนที่เป็นตอนนี้นั้นแหล่ะดีแล้ว

ผมงัวเงียตื่นขึ้นมา เห็นนาฬิกาบอกเวลาก็ต้องกระเด้งลุกขึ้นจากเตียง
"เฮ้ยๆ ไอ้เหน่ง สายแล้ว มีเรียนเช้าใช่ไหม"ผมรีบปลุกไอ้เหน่ง
"อืมม รู้แล้ว ตื่นแล้ว"ไอ้เหน่งลุกขึ้นมาขยี้ตา ปกติผมจะตื่นเพราะจะตั้งเวลานาฬิกาปลุกไว้ แต่เมื่อคืนคุยกับเหน่งจนดึกเลยลืมตั้งนาฬิกาปลุกไว้
เหน่งรีบถอดเสื้อผ้าเพื่อเข้าอาบน้ำ
"ไปแก้ผ้าในห้องน้ำซิว่ะ"ผมด่าไอ้เหน่ง
"มึงเห้นของกูตั้งแต่เด็กแล้ว ยังจะมาอายอะไรว่ะ"
ผมกับเหน่งอาบน้ำด้วยกันบ่อยๆ
"เข้ามาอาบด้วยกันดิว่ะ จะได้ไม่เสียเวลา" เหน่งเรียกผมเข้าไปอาบน้ำด้วย ผมยังนึกถึงคำพูดของเหน่งเมื่อวาน เลยยังลังเลที่จะทำตัวกับมันแบบเดิม แต่ถ้าผมทำตัวผิกปกติ อาจจะทำให้เหน่งเสียความรู้สึก เลยตกลงเข้าไปอาบน้ำกับเหน่งด้วย

นานแล้วที่ผมไม่ได้อาบน้ำกับเหน่ง ตั้งแต่เข้ามหาลัยเหน่งไม่ค่อยได้มาค้างที่บ้านผม
"ไอ้ปอถูหลังให้กูหน่อยดิ"
"อืมม" ผมทำตามที่เหน่งขอร้อง แล้วเหน่งก็มาถูหลังให้ผมเช่นกัน
แต่แทนที่เหน่งจะถูหลังกลับเข้ามากอดผมแล้วเอาหน้าซบกับหลังของผม ผมตัวแข็งทื่อทำอะไรไม่ถูก
"มึงไม่ต้องถามอะไรทั้งนั้น กูแค่ขอกอดมึงเท่านั้น แล้วกูจะไม่ขออะไรจากมึงอีก กูสัญญา"
ผมรู้สึกถึงหยดน้ำตาของเหน่งที่มากระทบกับไหล่ของผม ผมทำได้แค่เพียงกุมมือของเหน่งไว้

อยากให้คนที่เรารัก รัก เหมือนกับคนที่รักเรา

----- จบบทที่ 7 -----
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 08-01-2008 20:36:50
ตอนนี้แต่ล่ะคน ทำไมมันเศร้าๆไงพิกล
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: myLoveIsYOu ที่ 08-01-2008 20:54:43
แต่ละคน แต่ละปัญหา น่าหนักใจแทนจริง ๆ

ปล...ผมชอบคู่ของโจ้ อ่ะครับ มันให้ความรู้สึกถึงความเป็นธรรมชาติ

เหมือนคนเดินดินทั่ว ๆ ไป
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: TONG ที่ 08-01-2008 22:52:33
เห็นด้วยกับรีบนครับ

ว่าแต่ถ่านไฟเก่าจะคุไหม
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 08-01-2008 23:14:27
อืม มีมือที่สามมาแรกทั้งสามคู่เลยวุ้ย  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: T@luntulA ที่ 08-01-2008 23:22:49
น่าติดตามคับบ

มาต่อไวๆเน้ออ  :bye2:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: jojoe ที่ 09-01-2008 22:31:48
Three Couple of love บทที่8 คืนแหงรัก คืนแห่งเรา

คู่ที่1

หากใจเราตรงกัน โปรดบอกได้ไหมว่าเธอก็คิดเหมือนกัน

หลังจากเลิกเรียน ผมรีบลงไปรออาจารย์หน้าห้องพักอาจารย์ ผมไม่ลืมที่จะไปตรวจความเรียบร้อยของตัวเองก่อนที่จะไปพบอาจารย์ ผมที่เริ่มยาวกับแว่นตาที่ดูเอ๋อๆยังไงก้ไม่รู้ ดูกี่ทีกี่ทีก็ไม่เคยเห็นความน่ารักของตัวเองเลย

ผมยืนรอยู่สักพัก อาจารย์ก็ออกมาจากห้อง
"ไปกันเถอะ อาจารย์หิวแล้ว" อาจารย์กับผมเดินไปขึ้นรถเมล์
พอถึงที่ห้าง ผมกับอาจารย์ก็เข้าไปกินที่ร้านฟูจิ
ตอนที่กินด้วยกันนั้น ผมพยายามไม่สบสายตาอาจารย์ เพราะผมเป็นคนขี้อาย ถ้าเขินอะไรมากๆก็จะทำอะไรไม่ถูก อาจารย์มักจะเป็นคนชวนคุยมากกว่า
"ทำไมไม่เห้นคุยอะไรกับผมเลย"อาจารย์เห็นผมเงียบๆนั่งกินอยู่อย่างเดียวผมไม่ตอบอะไรได้แต่ยิ้มให้อาจารย์
"หรือว่า ไม่อยากมากับผม" อาจารย์ถามผมจนผมต้องไปจ้องตาอาจารย์ แต่เพียงไม่นานผมก็ต้องหลบสายตานั้น
"โจ้ไม่อยากมากับผมเหรอ"
"ป่าวคับ"ผมตอบอาจารย์แต่ก็ยังไม่ยอมสบตาอยู่ดี
"ถ้างั้น ป้อนกุ้งเทมปุระให้อาจารย์หน่อยสิ"อาจารย์เอาตะเกียบชี้ไปทางกุ้งเทมปุระที่อยู่ในใจ
ผมไม่รู้ว่าอาจารย์ทำไมถึงอยากให้ผมทำแบบนี้ ผมมองซ้ายมองขวา โชคดีที่ไม่ค่อยมีคนอยู่ในร้าน พยายามใช้ตะเกียบคีบกุ้งเทมปุระ
อาจารย์มองผมทุกอิริยาบถ พอคีบก้งได้แล้วผมก็ค่อยๆป้อนให้อาจารย์แม้มือจะคีบกุ้ง แต่ตาของผมกลับสบตากับอาจารย์อย่างจัง คราวนี้ผมไม่ได้หลบสายตา กลับมองตาของอาจารย์ที่ส่งสายตามาให้ผม
"อืมม" อาจารย์รอ้าปากรับกุ้ง แต่สายตาของเราทั้งสองยังคงจ้องมองกันอยู่

พอกินอาหารเรียบร้อยแล้ว ผมกับอาจารย์ก็จะกลับบ้าน พอดีอาจารย์เหลือบไปเห็นร้านขายไอศครีมจึงถามผม
"โจ้กินไอติมไหม" ผมตอบรับอาจารย์
อาจารย์จึงเดินไปซื้อไอติมมา ผมสงสัยว่าทำไมอาจารย์ถึงซื้อไอติมโคนมาแค่อันเดียว
"อาจารย์ไม่กินไอติมเหรอครับ"
"ก็กินกับโจ้ไง ให้อาจารย์กินด้วยได้ไหม"อาจารย์ตอบ ส่งสายตาเหมือนมีความหมายอะไรแฝงอยู่ ผมได้แต่ยิ้มเขินๆอยู่คนเดียว พอผมเริ่มกัดไอติมไปคำหนึ่ง อาจารย์ก็บอกให้ผมยืนไอติมมาให้อาจารย์กินด้วย "เมื่อกี้โจ้กินตรงไหน"
ผมชี้ไปตรงที่ผมกินไปเมื่อกี้ อาจารย์ก็กัดเนื้อไอติมซ้ำตรงนั้นด้วย กลายเป้นว่าตอนนั้นตัวผมแข็งกว่าไอติมซะอีก

พอกลับมาถึงหอ ผมก็จะลาอาจารย์ที่หน้าหอ แตอาจารย์รีบเอ่ยขึ้นมาว่า
"ให้ผมไปส่งที่ห้องนะ" ผมไม่ได้ว่าอะไร เดินนำอาจารย์ขึ้นมาที่ห้อง
ผมพาอาจารย์เข้ามาที่ในห้อง แต่ยังไม่ได้ทำอะไร อาจารย์เอ่ยขึ้นมาว่า
"ขอผมค้างที่นี้น่ะ" ผมสะดุ้งหันไปหาอาจารย์ อาจารย์เดินเข้ามาใกล้ผม สายตาที่อาจารย์มองผมทำให้ผมขยับไปไหนไม่ได้ เพียงไม่กี่อึดใจอาจารย์ก็จูปปากกับผม มือของผมโผเข้าไปกอดอาจารย์ ร่างของเราทั้งสองก็ล้มลงไปบนเตียงนอน ไม่ต้องมีคำพูดใดใด แค่นี้ก็รู้แล้วว่า อาจารย์คิดยังไงกับผม

คู่ที่2

ผมกับ เตเต้และแมคกี้ นัดกันไปฟิตเนสแถวๆมหาลัย โดยจุดประสงค์ของเพื่อนผมทั้งสองคือไปดูผู้ชายออกกำลังกาย แต่จุดประสงค์ของผมคือไปออกกำลังกาย และไปเจอกับพี่เอก

พอไปถึงฟิตเนส เตเต้กับแมคกี้ ก็แยกตัวออกไปพวกนั้นคงจะรีบไปห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ไม่ก็ไปห้องอาบน้ำ เพราะจะได้ดูผู้ชายตามที่พวกมันต้องการ แต่ผมยังคงเดินป้วนเปี้ยนอยู่แถว หน้าเคาน์เตอร์ เลยเดินไปถามพนักงานที่เคาว์เตอร์ว่าพี่เอกอยู่ไหน
"ตอนนี้กำลังสอนเต้นอยู่ที่ห้องแอโรบิกค่ะ" ผมจึงเดินไปที่ห้องเอโรบิก

ที่ห้องเอโรบิกเห็นคนกำลังเต้นตามพี่เอก แน่นห้องมากๆ ผมมองพี่เอกเต้นอยู่นอกห้อง มองพี่เอกผ่านทางกระจก ทุกลีลา ทุกท่าทาง การขยับขาขยับมือ เป็นไปตามจังหวะ ผมเริ่มหลงใหลพี่เอกขึ้นทุกที เป็นครั้งแรกที่ผมชอบคนที่มาชอบผม ส่วนมากผมจะไม่เคยชอบคนที่มาจีบผมเลยสักคน เป็นผมซะมากกว่าที่ไปชอบคนอื่นเค้า และคนๆนั้นที่เป็นแฟนคนแรกของผม คือพี่แจ๊ค

ผมกับพี่แจ๊คเริ่มคบกันตั้งแต่ผมอยู่ มอสาม ส่วนพี่แจ๊คกำลังขึ้นมอหก แต่จะเรียนไฮสคูลก่อนอีกปีหนึ่งเพื่อนจะสอบเข้ามหาลัยที่อเมริกา ผมกับพี่แจ๊คใช้ความเป็นลูกพี่ลูกน้องปิดบังความสัมพันธ์ของเรา มีแค่โจ้ กับ ปอ ที่รู้ เมื่อพี่แจ๊คไปเมืองนอก ก็ยังติดต่อกับผมเสมอๆ ทั้งโทรศัพท์ ส่งอีเมลย์ ผ่านไปสองปี พี่แจ๊คแทบจะไม่ติดต่อมาหาผมเลย ผมคิดไปเองว่าคงเรียนหนัก แต่ผมได้ข่าวมาว่าพี่แจ๊คมีแฟนเป้นคนอเมริกัน และเคยพามาที่เมืองไทยด้วย ผมได้เห็นกับตา ทำให้ผมไม่อยากที่จะรักกับใครจริงจัง และโกรธพี่แจ๊คมากๆที่ทำร้ายจิตใจผม

พอจบการเต้นแอโรบิก ทุกคนก็แยกย้ายออกจากห้องไป มีแต่พี่เอกเท่านั้นที่อยู่ในห้องกำลังเก็บวิทยุ ผมจึงเดินเข้าไปหา พี่เอกเห็นผม รีบเดินมาหาผมยิ้มจนตาหยี
"น้องเชียร์มาหาพี่ถึงที่นีเลยหรือครับ คิดถึงล่ะสิ"
"ป่าวสักหน่อย พอดีจะมาออกกำลังกายกับเพื่อน เลยแวะมาทัก"
"แค่นี้ก็ดีใจแล้ว" พอพี่เอกพูดจบ ก็มีผู้ชายคนหนึ่งเข้ามาคุยกับพี่เอกสงสัยคงเป็นพวกที่เต้นแอโรบิก
"อยากรู้จักคุณน่ะครับ ผมมาเต้นทุกครั้งที่คุณสอนเลยน่ะ" ผู้ชายคนนั้นจีบพี่เอกตรงๆ ผมกลายเป็นหัวหลักหัวต่อไปแล้ว
"นี้นามบัตรผมน่ะครับ ติดต่อมาน่ะครับ"ผู้ชายคนนั้นให้นามบัตรกับพี่เอก และใช้มือจับที่ต้นแขนพี่เอก ส่งสายตาหวานเยิ้มให้กับพี่เอกอีกด้วย ขนาดผมเป็นแฟนกับพี่เอกยังไม่เคยแตะเนื้อต้องตัวพี่เอกเลยน่ะ พี่เอกรับไว้เป้นมารยาท แล้วหันหน้ามามองผม คงรู้ครับว่าผมรู้สึกยังไง
"ดีเนอะมีคนมาจีบด้วย โทรไปหาเค้าสิ ท่าทางน่าจะรวยน่ะ" ผมพูดจาประชดประชัน แล้วเดินหันหลังออกไป
พี่เอกเรียกผมแล้วรีบเดินตามผมมาที่ห้องอาบน้ำ

พี่เอกรีบคว้าตัวผมแล้วผลักผมเข้าไปที่ห้องน้ำ
"จะทำอะไร" ผมโดนพี่เอกขึงมือแล้วดันไว้กับผนังห้องน้ำ
"หึงพี่เหรอ ดีใจจังน้องเชียร์หึงพี่ด้วย"พี่เอกมองผม ตอนแรกผมพยายามดิ้น แต่สู้แรงพี่เอกไม่ไหว
"ไม่เอา!!!! อย่าทำอะไรที่นี้ได้มั้ย เดี๋ยวคนอื่นได้ยิน"
"ก็จะทำ เชียร์จะได้รู้ไงว่าพี่ รัก เชียร์"แค่พี่เอกพูดเท่านี้ผมก็ปล่อยตัวปล่อยใจไปกับพี่เอก
พี่เอกค่อยๆไซร้มาที่ข้างๆหูของผม แล้วกระซิบบอกว่า
"อย่าครางเสียงดังน่ะจ๊ะ ที่รัก!!!"

คู่ที่3

ผมเดินทางไปที่ผับ เพื่อไปเล่นดนตรีตามปกติ เมื่อไปถึง เหน่งยังไม่มาทั้งๆที่ใกล้ถึงเวลาร้องเพลงแล้ว ผมเลยถามคนในวงว่าวันนี้เหน่งจะมาร้องเพลงหรือเปล่า ผมกลัวเหน่งไม่อยากจะมาเจอผมเพราะเรื่องวันนั้น วันที่มันมาขอกอดผม ตอนนั้นจิตใจผมสับสนวุ่นวายไปหมด ผมลืมเรื่องพี่เก่ง เพราะผมเองก็แคร์เหน่งเหมือนกัน
"มาดิว่ะ ถ้ามันไม่มา มันต้องโทรมาบอกก่อนอยู่แล้วนี้"
แต่ผมไม่มั่นใจเลยโทรไปหาเหน่ง แต่เหน่งไม่ยอมรับ
ผมเลยให้เพื่อนคนอื่นๆช่วยโทรไปอีก ปรากฏว่ามันรับ มันบอกว่าใกล้ถึงแล้ว แต่ผมยังสงสัยว่าทำไมมันถึงไม่รับโทรศัพท์ของผม
"ไอ้ปอมึงรู้ป่าวว่ะ ว่าวันที่ไอ้เหน่งไม่มาแล้วให้มึงร้องเพลงแทน มันไปไหน" ผมส่ายหน้า คืนนั้นที่มันมาค้างที่บ้านผม ผมเองก็ลืมถามไปเลยว่ามันไปไหนมา
"มันไปซื้อของขวัญให้มึงไง ไหนว่ะมันให้อะไรมึง"เพื่อนในวงถามผม
"สร้อยอันนี้ใช่ไหม"เพื่อนผมชี้ไปที่สร้อยที่ผมใส่
สร้อยเส้นนั้นแม้จะคล้ายสร้อยเส้นทีเหน่งซื้อให้ แต่มันก็ไม่ใช่สร้อยที่เหน่งซื้อให้แต่กลับเป็นสร้อยที่พี่เก่งซื้อให้

ก่อนถึงเวลาร้องเพลงไม่กี่นาที เหน่งก็มาถึง ผมมองเหน่ง แต่เหมือนเหน่งไม่สนใจผม ผมรู้สึกไม่ดีเลย

หลังจากเล่นดนตรีจบเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็แยกย้ายกันกลับบ้าน
เหน่งเดินมาหาผม ผมดีใจที่ท่าทีของเหน่งยังเหมือนเดิม
"อ๊ะ กูซื้อของขวัญมาให้ใหม่"เหน่งยื่นกล่องของขวัญมาให้ผม
"กูบอกแล้วว่าไม่ต้องก็ได้"ผมรับของขวัญชิ้นนั้นมา มันเป็นนาฬิกาข้อมือที่ตรงกลางหน้าปัดเป็นรูปกีตาร์
"ถึงมึงจะบอกอย่างนั้นก็เถอะ กูก็อดน้อยใจไม่ได้ กูรู้น่ะว่า ยังไงมึงก็ใส่สร้อยของพี่เก่ง กูเลยไปซื้อนาฬิกามา หวังว่ามึงจะใส่ของที่กูซื้อให้บ้าง" ผมรู้สึกผิด ที่ทำเหมือนไม่แคร์ความรู้สึกของเพื่อนผมเลย
"ที่มึงมาช้า คือมึงไปซื้อนาฬิกาให้กูใช่มั้ย"ผมลองถามดู
เหน่งพยักหน้า และยิ้มให้ผม

ผมกลับมาถึงบ้าน เห็นมีรถคันหนึ่งมาจอกรอที่หน้าบ้าน เป็นรถบีเอ็มสีน้ำเงิน ผมจำรถคันนั้นได้ดี
ชายหนุ่มรูปหล่อกำลังยืนสูบบุหรี่อยู่หน้ารถ ดูสีหน้าเหมือนกังวลอะไรบางอย่าง
พี่เก่งเห็นผม ก็รีบเดินเข้ามาหาผมทันที
"ปอ ว่างมั้ย ไปดื่มกับพี่หน่อยซิ"

ผมนั่งรถไปกับพี่เก่งมาที่ร้านแห่งหนึ่ง
พี่เก่งสั่งเหล้ามาแล้วกินแทบไม่ยั้ง ผมรีบห้ามพี่เก่ง
"พี่เก่งเป็นอะไรครับ มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า"พี่เก่งไม่ตอบอะไรยังคงตั้งหน้าตั้งตาดื่มเหล้าต่อไป ผมไม่รู้จะทำอะไรได้แต่ดูพี่เก่งดื่มเหล้าต่อไป พอเห้นพี่เก่งไม่สบายใจผมเองก็รู้สึกไม่สบายใจไปด้วย

พนักงานในร้านเดินมาที่โต๊ะผม บอกว่าใกล้ถึงเวลาร้านจะปิดแล้ว
ผมมองดูรอบๆร้าน ก็ไม่เห็นมีใครในร้านนั่งอยู่เลย
"พี่เก่งครับ กลับกันเถอะ ร้านเค้าจะปิดแล้ว"ผมเขย่าตัวพี่เก่งที่นั่งก้มหน้าฟุบลงตรงโต๊ะ คงเมาหนักเลยหลับไป
"พี่เก่งๆๆๆ ตื่นเถอะ"พี่เก่งยังไม่มีอาการตอบสนองใดๆ คงเมาหนักจริงๆ
ผมเลยต้องแบกตัวพี่เก่งกลับไปที่รถ
สุดท้ายผมก็ต้องเป็นคนขับรถกลับไปที่บ้านพี่เก่ง เลยโทรไปถามไอ้เชียร์
"ไอ้เชียร์บ้านพี่เก่งอยู่ไหนว่ะ"
"มึงถามกูทำไม จะไปหาเค้าเหรอ"
"พี่เค้าชวนมากินเหล้า แต่เค้าเมาหนักมากกูเลยจะขับรถเค้าไปส่งที่บ้าน"
"กูว่ามึงขับรถไปส่งพี่เค้าที่คอนโดดีกว่าน่ะ พี่เค้าไม่ค่อยกลับบ้านหรอก"
"เออ เออ มึงบอกทางให้หน่อยล่ะกัน"
"อืมม ได้ แล้วมึงไปสนิทกับพี่เค้าตั้งแต่เมื่อไหร่ว่ะ"
ผมลืมไปว่ายังไม่ได้เล่าเรื่องผมกับพี่เก่งให้เชียร์ฟังเลย
"เออ เดี๋ยวกูเล่าให้ฟังที่หลังน่ะ"
ผมเลยขับรถพี่เก่งไปที่คอนโดของพี่เค้าโดยมีเชียร์คอยบอกทาง

พอมาถึงที่คอนโด พี่เก่งก็ยังหลับใหลไม่ได้สติอยู่ ผมเลยต้องแบกพี่เก่งขึ้นไปที่ห้อง ดีที่มียามมาช่วยด้วยอีกแรง และคอยบอกด้วยว่าห้องพี่เก่งอยู่ไหน

ห้องของพี่เก่งน่าอยู่มากๆ มีของหรูๆเต็มไปหมด ผมไม่ค่อยได้สนใจกับห้องมากมายเท่าไร ผมแบกพี่เก่งแล้วค่อยๆวางลงบนที่นอน
ผมนั่งลงข้างๆพี่เก่งบนเตียงด้วยความเหนื่อยล้า
ผมมองพี่เก่งที่ยังคงนอนหลับใหลไม่ได้สติ
ใบหน้าของพี่เก่งยังคงหล่อเหลาเมื่อเดิม
ผมมองดูใบหน้าของคนที่ผมอยากอยู่ใกล้มากที่สุด คนที่ผมอยากให้รู้ว่าผมรักเขามากแค่ไหน
ผมใช้มือลูบที่ใบหน้าของพี่เก่ง คงเป็นสิ่งเดียวที่ผมจะทำได้
"ผมรักพี่นะครับ"
ผมค่อยๆก้มลงไปจูบที่ปากของพี่เก่ง แม้จะเป็นการจูบของผมฝ่ายเดียว

ผมลุกขึ้นจากเตียง แต่ก็มีมือมาฉุดผมไว้จนผมล้มลงไปบนเตียง
แล้วพี่เก่งก็ขึ้นมาทับผมไว้
"ขโมยจูบพี่ แล้วคิดจะหนีเหรอ"
พูดเสร็จพี่เก่งก็จูบผม
ไม่มีใครหรอกที่จะปฏิเสธพี่เก่ง และผมก็เป็นหนึ่งในนั้น

----- จบบทที่ 8 -----
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 09-01-2008 22:47:32
หุหุ คืนอะไรกันเนี่ย ไม่รอดทั้งสามคู่เลย  :m4: :m4: :m4:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: myLoveIsYOu ที่ 09-01-2008 23:02:45
โฮ่ ๆๆ เสร็จทั้ง 3 คู่เลย   :m25:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 09-01-2008 23:28:43
 :o8:
ก็ยังคงยืนยันความเห็นเดิม...สองคู่แรกไงก็ถูกตาต้องใจกันมาก่อน
แต่ยอดชายนายปอเนี่ยสิ...พี่เก่งเมา ตื่นมาคงทางใครทางมัน....
แต่ไงซะคืนนี้ก็สมหวังกับคนที่ต้องการทุกคู่เลยยยย  :m4:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: TONG ที่ 09-01-2008 23:41:20
แล้วปอจะทำไงเนี่ย พี่เก่งท่าทางจะไม่รับผิดฃอบด้วย
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: ronger ที่ 10-01-2008 11:11:06
นายปอมีแววชีช้ำ  o7 เพราะพี่เก่งแกเมาแล้วก็ท่าทางเป็นเพลย์บอยซะด้วยซิ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 10-01-2008 11:24:39
โห................คืนไรกันเนี่ย ไม่รอดสักราย

แต่คู่สุดท้าย นี้น่าเป็นห่วงจิงๆ กลัวจะชีช้ำจิงๆ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 10-01-2008 13:52:48
สองคู่แรกไม่กังวลเท่าคู่สุดท้าย ถวายตัวให้เสือผู้หญิงไปซะแล้ว(เสื้อผู้ชายนี้หวา :m23:)
อะไรจะเกิดก็ต้องปล่อยมันไป :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 10-01-2008 14:04:33
 :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: KevinKung ที่ 11-01-2008 15:42:03
มาติดตามด้วยคนค้าบบบ  :m1:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: jojoe ที่ 11-01-2008 18:14:36
Three Couple of love บทที่9 ความรัก กับ ความเป็นจริง

คู่ที่1

ผมลืมตาตื่นมา จากค่ำคืนที่ผมมีความสุขมากที่สุด
ผมมองดูแผงหน้าอกอันกว้างและใหญ่ อบอุ่นเมื่อได้ซุกหน้าเข้าไป
ผมเงยหน้ามองดูหน้าอาจารย์ที่กำลังหลับอยู่
ตอนอาจารย์หลับยิ่งน่ารัก(และน่าฟัดกว่าตอนตื่นซะอีก)
ปากของอาจารย์พะเหยอเล็กน้อย
ใบหน้าของผมใกล้กับหน้าของอาจารย์จนได้กลิ่นลมหายใจของอาจารย์

เมื่อคืนอาจารย์เป็นคนที่เริ่มกับผมก่อน
ผมเองชักอยากจะเป็นฝ่ายเริ่ม กับอาจารย์บ้าง
ผมเลยก้มลงไปจูบที่แก้มของอาจารย์
อาจารย์ขยับตัว พลิกตัวหันหลังให้ผม แต่ก็ยังหลับใหลอยู่
คงเหนื่อยหล่ะซิ ผมนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวาน
ตั่งแต่ผมเริ่มชอบอาจารย์ตอนที่เห็นอาจารย์ครั้งแรกที่ร้านขายก๋วยเตี๋ยว
ขึ้นรถไฟฟ้ากับอาจารย์ด้วยกัน ติดอยู่ในตู้โทรศัพท์ท่านกลางฝนที่ตกหนักกันสองคน ได้อยู่ในห้องนอนอาจารย์ตอนไปพิมงานให้อาจารย์ จนเกือบจะจูบกัน และการได้ไปเดทกับอาจารย์กันสองคน และสุดท้ายด้วยการลงเอยบนเตียงนอนนี้
ผมเชื่อแล้วว่าพรหมลิขิตมีจริง

"ก๊อกๆๆ" มีคนมาเคาะประตู ใครหว่ามาขัดจังหวะ
ผมกระเด้งลุกลงจากเตียง พร้อมคว้าผ้าขนหนูมาใส่(ตอนนั้นเปลือยอ่ะ อายจัง!!!)
ผมเปิดประตู คนที่มาหาผมคือ เล้ง พร้อมซื้อโจ๊กกับปาท่องโก๋มาให้ด้วย
"เอ้า ยังไม่แต่งตัวอีกหรือ มีเรียนเช้านี้"เล้งมองร่างผมที่เปลือยท่อนบนอยู่
"คือ.. เราตื่นสายอ่ะ เดี๋ยวจะรีบอาบน้ำแล้ว"
"รีบอาบหล่ะ เดี๋ยวจะได้มากินโจ๊กด้วยกัน งั้นเราไปรอในห้องน่ะ"
เล้งเดินเข้ามาในห้องของผม ผมรีบมากันตัวเล้งไม่ให้เข้าไป ถ้าเล้งเห็นอาจารย์เบน นอนบนเตียงของผมด้วยร่างที่เปลื่อยเปล่า คงเป้นเรื่องแน่
"เรา ว่า เล้งไปก่อนดีกว่า คือ เรา" ผมไม่รู้จะบอกเหตุผลอะไรดี
"มีอะไรเหรอ โจ้ดูแปลกๆน่ะ" เล้งคงสงสัยผมที่ผมดูมีลับลมคมใน
ผมยังอ่ำอึ่ง ไม่รู้จะตอบอย่างไรดี พอดีเห็นเสื้อผ้าของผม กับอาจารย์ อยู่บนพื้นกระจัดกระจายไปหมด(ก็ตอนนั้นรีบถอดเสื้อกัน แล้วขว้างทิ้งเต็มพื้นเกลื่อนห้องไปหมด)
"เอ่อ คือ เราทำห้องรก นายอย่าเข้าห้องเราเลย เราอายอ่ะ" ผมแก้ตัวไป
เล้งหัวเราะ "มิหน่าหละ เสื้อผ้าเกลื่อนเต็มห้องเลย แต่เราว่า นายเก็บกกน.ของนายให้ดีดีหน่อยสิ ดูดิ มีตั้งสองตัว"เล้งชี้ไปที่กกน.บนพื้น มันเป็นของผม กับของอาจารย์ ดีที่เล้งไม่สงสัย
เล้งให้โจ๊กกับผม"เราไปก่อนก้อได้ ว่าจะไปหาหนังสือที่ห้องสมุด งั้นฝากกินโจ๊กแทนด้วยน่ะ " พอเล้งปิดประตู ผมถอนหายใจเสียงดัง โล่งอกจริงๆ ไม่เคยโกหกใครมาก่อนเลยรู้สึกแปลกๆ

ผมมองโจ๊กสองถุงที่เล้งซื้อมาให้ เล้งคงอยากเอามากินกับผม
สักพักก็มีมือมาโอบผมไว้จากด้านหลัง
อาจารย์ยื่นหน้ามาซบไว้ที่บ่าของผม พร้อมจูบที่แก้มของผมหนึ่งที
"ได้โจ๊กมาจากไหนเนี้ย อย่าบอกน่ะว่าใสผ้าขนหนูผืนเดียวเดินไปซื้อโจ๊กให้ผม"
ผมหัวเราะ "ผมเสกมาให้อาจารย์เองแหล่ะ ไปอาบน้ำเถอะครับจะได้มากินโจ๊กด้วยกันสายแล้วน่ะ"ผมแกะมือของอาจารย์ออก แต่อาจารย์ยังไม่ยอมปล่อยมือ ยังดึงผมเข้าไปจุ๊บปาก
"อาบน้ำด้วยกันซิ" อาจารยืส่งสายตาให้ผม ผมว่าคล้ายตาของหมาจิ้งจอก ดูเจ้าเล่ห์ยังไงก็ไม่รู้ แต่เซ็ซี่มากๆๆๆๆๆๆ

ในห้องอาบน้ำ อาจารย์ไม่วายที่จะเริ่มกับผมอีกครั้ง
สรุปว่าผมกับอาจารย์ไปสายกันทั้งคู่

ก่อนออกจากห้อง อาจารย์หันมาบอกกับผม
"เรื่องของเราจะเกิดขึ้นที่ห้องนี้เท่านั้น ถ้าอยู่ข้างนอกแล้ว อย่าทำอะไรให้ใครสงสัยน่ะ" อาจารย์ดูซีเรียสกับเรื่องนี้มาก ผมเองไม่ได้คัดค้านอะไร ผมเข้าใจว่า ตำแหน่งและหน้าที่ของอาจารย์บังคับให้ต้องทำแบบนั้น รวมทั้งสถานภาพของผมด้วย "ครับ" ผมยิ้มและตอบรับ
ก่อนอาจารย์ออกจากห้อง อาจารย์จับมือผมขึ้นมาจูบ
และเดินออกไป

ผมปล่อยให้อาจารย์เดินออกไปก่อน 5 นาที แล้วค่อยเดินตามออกไป
ผมก้าวออกมาเดินสู่โลกความเป็นจริงอีกครั้ง หลังจากอยู่ในโลกแห่งความฝันมาทั้งคืน

คู่ที่2

"อ๊ะ อ๊ะ"เสียงของผมครางออกมาเป็นจังหวะ
"อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ อ้า!!!!" พี่เอกเองก็ครางออกมาแข่งกับผมจถึงที่สุดพี่เอกก็ครางออกมาเสียงดัง เหมือนเป็นการบอกหมดยกการแข่งขัน
พี่เอกค่อยนอนทับร่างผมที่นอนคว่ำหน้าไว้
"โอ๊ย หนัก อย่าทับได้ไหม" ผมพูดไปหอบไป
"โทดทีคร้าบ" พี่เอกจุ๊บแก้มผมที่นึง แล้วพลิกตัวนอนหงายข้างๆผม
"พอยังอ่ะ นี้รอบที่ 4 แล้วน่ะ"ผมพูดแล้วเบ้หน้าใส่พี่เอก
"ใครบอกเล่า รวมที่ฟิตเนสอีกเป็น 5 รอบแล้วต่างหาก"
หลังจากเสร็จภารกิจที่ฟิตเนส ผมกับพี่เอก ก็กลับมาปฏิบัติภารกิจกันต่อที่ห้องของพี่เอก
"อีกรอบดีไหมน่ะ"พี่เอกเริ่มใช้มือลุกล่ำมาที่ของๆผม
ผมปัดมือออกไป พี่เอกเลยเปลี่ยนเป็นมาคว้ามือผมเข้าไปลุกล่ำของๆพี่เอกแทน ผมกำลังจะปัดมืออีกรอบ ก็มีคนมาเคาะประตู

ก๊อกๆๆๆ พี่เอกรีบลุกไปเปิดประตู ทั้งๆที่ยังไม่ใส่อะไรเลย!!!!!
"อะไรของมึงว่ะ มาเคาะอะไรดึกดื่นๆ"คนที่มาเคาะประตูคือน้องโท น้องชายของพี่เอก พี่เอกคงสนิทกับน้องมากเลยยืนคุยกับน้องตัวเองทั้งๆที่ยังล่อนจ้อนอยู่
"ดึกอะไรเล่าเฮีย นี้มันจะตีห้าแล้ว ผมได้ยินเสียงเฮียตั้งแต่เที่ยงคืนแล้วน่ะ" น้องโทเริ่มโวยวาย
"นี้แกแอบฟังฉันเหรอ" พี่เอกชี้หน้าน้องโท
"แอบฟังอะไร ก็เฮียเล่นตะโกนออกมาขนาดนั้น ดีน่ะที่ม้า กับ ป๊าคิดว่าเป้นเสียงโทรทัศน์ ผมเลยบอกไปว่าเฮียแกดูหนังโป๊"
"เอ้าแกไปบอกป๊า กับม้า อย่างนั้นทำไม"
"หรือ จะ ให้ผมบอกว่าเฮียพาผู้ชายมาอึ๊บ"น้องโทพูดมีเหตุผล
"เออๆ ฉันขอโทด แกไปช่วยป๊า กับ ม้า เถอะ"พี่เอกไล่น้องโทไป
น้องโทชะเง้อหน้าเข้ามาในห้อง
"ผมว่าแล้วว่าต้องเป้นพี่เชียร์" แล้วน้องโทก็เดินออกไป

พี่เอกลับมานอนข้างผมเหมือนเดิม
"ครอบครัวพี่เอกรู้เหรอว่าพี่เป็นเกย์" ผมถามด้วยความสงสัย หลังจากฟังบทสนทนาเมื่อกี้
"ครับ น้องๆรู้กันหมดแหล่ะ พ่อแม่เองเค้าก้รู้ด้วย แต่เค้าทำเป็นไม่รู้"
"ทำไมหล่ะครับ" ผมถามด้วยความสงสัย
พี่เอกมองเพดาน"ไม่มีพ่อ แม่คนไหนหรอกครับ ที่อยากให้ลูกเป็นแบบนี้ ถึงท่านจะบอกว่ารับได้ และเข้าใจในตัวลูก แต่ลึกๆข้างในจิตใจก็ยังอยากให้ลูกเป้นผู้ชายปกติอยู่ดี" ผมฟังพี่เอกพูดเลยกลับมาคิดถึงพ่อของผม แม้ว่าพ่อของผมจะไม่เคยแสดงปฏิกิริยาโมโห โกรธ หรือ ไม่พอใจกับสิ่งที่ผมเป็น แต่ผมเองก้เคยคิดนะครับว่าพ่อของผมเองก็อาจจะรู้สึกลึกๆในใจว่าทำไมผมถึงไม่เหมือนผู้ชายคนอื่นๆทั่วไป
"ไม่เอา อย่าเครียดดิ"พี่เอกเห็นผเครียดตามที่พี่เอกพูดเลยพูดปลอบผม พร้อมเอามือมากอดผมไว้
"อย่างน้อย พี่ก็มีคนที่เข้าใจพี่"พี่เอกมองมาที่ผม ผมยิ้มอย่างเขินๆ
พี่เอกเอามือมาบีบจมูกผม คงหมั่นเขี้ยวผมมั้ง พี่เอกชอบเอามือมาบีบจมูกผม ตอนผมชอบทำท่าเขินๆทุกครั้ง พี่เอกบอกว่าตอนเชียร์เขินเหมือนหมาแถวบ้าน(เอ้า!ชมหรือด่าเนี้ย)

สรุปว่าผมกับพี่เอกก็ปฏิบัติภารกิจไปอีกรอบ(ครั้งนี้เสียงเบาหน่อย รู้สึกเริ่มมีความเกรงใจแล้ว)

ก่อนผมนอน พี่เอกก็มาจูบหน้าผากผมไว้
ส่วนผมหลับคาอกพี่เอกไป
ผมเลยขาดเรียน และพี่เอกก็ต้องลางาน เฮ้อออ!!!ก็เล่นไปหกรอบ ใครจะไปมีแรงไหวเนี้ย 55555

คู่ที่3

ร่างกายของผมนอนเคียงข้างกับร่างกายของคนที่ผมรัก
เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนผมไม่รู้ว่าพี่เก่งทำไปเพราะความรัก หรือ ความใคร่
แต่ร่างกายของผมตอบสนองพี่เก่งเพราะความรัก
ทุกท่วงท่า ทุกกิริยา ผมจำได้ดี ผมไม่แปลกใจเลยที่ใครก็ตามที่ได้ลองลิ้มรสกับพี่เก่งแล้วเกิดการติดใจ ผมไม่ปฏิเสธว่าผมก็รู้สึกติดใจลิ้มรสของพี่เก่งเหมือนกัน

ผมกอดร่างของคนที่ผมรักไว้แน่น มันคงจะดี ถ้าพี่เก่งจะกอดผมบ้าง
ฝันของผมกำลังจะไปได้สวย ถ้าไม่มีใครเปิดประตูห้องเข้ามาซะก่อน
เสียงเปิดประตูดังโครม!!!! จนทำให้ผมสะดุ้งตื่น
เสียงฝีเท้าดังเข้ามาใกล้เตียงของผมกับพี่เก่งที่นอนอยู่
"อะไรกันเนี้ย ทำไมเก่งถึงพาเด็กคนนี้มาที่ห้อง"ชายหนุ่มคนหนึ่งอาละวาดอยู่ตรงปลายเตียงที่นอน ผมมองหน้าหนุ่มคนนั้น ผมจำได้ว่าเค้าคือ โน๊ต คนที่พี่เก่งทะเลาะด้วยในบาร์เกย์ที่พี่เก่งพาผมไปด้วยในวันเกิด
ผมตกใจไม่รู้จะพูดอะไรดี พี่เก่งงัวเงียตื่นขึ้นมา เห็นโน๊ตยืนจ้องหน้าขเม้งก็ตกใจ "โน๊ตนายมาทำอะไรที่นี้"
"ก็มาดูเก่งไงว่า พาใครมามั่วอีก"
"โน๊ต นายไม่มีสิทธิ์พูดอย่างนี้น่ะ ผมบอกแล้วผมจะทำอะไรก็เรื่องของผม"
"เก่งยังไม่เข็ดเหรอ ที่เราถอนหุ้นออกจากบริษัทิของเก่ง จนเก่งจะไม่เหลืออะไรอีกแล้ว หรือจะให้เราขายบริษัทิของเก่งอีก"โน๊ตพูดเหมือนขู่
"นายจะทำอะไรก็เชิญ ต่อให้นายจะฆ่าเรา เราก้ไม่มีวันรักคนอย่างนายหรอก" พี่เก่งตะหวาดเสียงดัง พี่เก่งโกรธมากจนหน้าแดงตัวสั่นไปหมด
ผมพอเดาจากบทสนทนาว่าที่เมื่อคืนพี่เก่งดื่มหนักคงเป็นเพราะที่โน๊ตเล่นงานบริษัทของพี่เก่งเพราะพี่เก่งไม่ยอมรักโน๊ต คนเรานี้อาฆาตแรงกันจริง

"เราก็รู้อยู่หรอก ว่าคนอย่างเก่งคงไม่มีวันรักใครได้หรอก เก่งมันก้เหมือนเกย์คนอื่นๆที่วันเอาแต่คิดเรื่องที่จะมั่วกับใครดี ไม่เคยนึกถึงความรักที่บริสุทธิ์บ้าง" โน๊ตเองก้ใส่อารมณ์กับพี่เก่ง
"ถ้าเราจะรักใคร เราคงไม่มีวันมารังควานคนที่เรารัก อย่างที่นายทำอยู่อย่างนี้หรอก" พี่เก่งเองก็ตอกกลับได้อย่างสาสม
ผมเองฟังดังนั้นก็อดหัวเราะไม่ได้ รู้สึกสมน้ำหน้าโน๊ตยังไงก้ไม่รู้
โน๊ตเห็นผมหัวเราะ ด้วยความโกรธเลยเดินตรงมาที่ผม แล้วลากผมลงมาจากเตียง ผมตัวเล้กกว่าจึงไปตามแรงดึงของโน๊ต
ผมยังไม่ทันได้ตั้งตัว โน๊ตก็ง้างมือมาตบที่หน้าผม เพี้ย!!!!!!!
ผมล้มลงไปกองกับพื้น โน๊ตยังไม่ยอมเลิก ยังคงง้างมือจะตบผมอีก สันชาติญานของผมทำให้ผมต้องสวนหมัดกลับไป
จึงทำให้เกิดการตะลุมบอนกันขึ้นกลางห้องพี่เก่ง

"หยุดเดี๋ยวนี้" พี่เก่งเดินเข้ามาแยกผมกับโน๊ตออกจากกัน
"ฟังน่ะ เราไม่มีวันจะรักใครได้ ถ้าหัวใจของเราไม่บอกให้รัก" พี่เก่งตะหวาดใส่หน้าโน๊ตอีกครั้ง จนโน๊ต ต้องเดินถอยออกไป พร้อมหันหน้ามาทางผมกับพี่เก่ง ด้วยหน้าตาที่เคียดแค้น "จำไว้น่ะ พวกแกไม่มีวันมีความสุข"

พี่เก่งเข้ามาประคองผม "เป้งไงบ้าง เจ็บไหม"
ผมไม่ตอบอะไร
พี่เก่งจ้องหน้าผม ผมก็มองหน้าพี่เก่ง ผมพยายามสื่อให้เก่งรู้ว่าผมคิดกับพี่เก่งยังไง
"เรื่องเมื่อคืน น่ะ พี่เพียงแค่อยากสนุกและพี่ก็เมามากด้วย พี่เลยอยากให้ปอ...." ผมมองหน้าพี่เก่งหัวใจแทบหยุดเต้น
"ลืมเรื่องเมื่อคืนซะ" เพียงแค่นั้น ผมก็ลุกขึ้นไปใส่เสื้อผ้าและเดินออกจากห้องของพี่เก่งไป
น้ำตาของผมไหลออกมา ที่ไหลไม่ใช่เพราะผมเจ็บที่โน๊ตต่อยผม แต่เจ็บกับคำพูดของคนที่ผมรัก
ผมนึกถึงคำพูดของพี่เก่งที่พูดกับโน๊ต
"เราไม่มีวันจะรักใครได้ ถ้าหัวใจของเราไม่บอกให้รัก"
ผมบอกกับตัวเอง
"แล้วพี่เก่งจะรู้ไหม ว่าผมรักพี่เก่ง เพราะหัวใจผมบอกให้รัก"

ความจริงของแต่ละคนย่อมแตกต่างกัน มีสุข สมหวัง หรือโหดร้าย ไม่ว่าความจริงจะเป็นเช่นไรอยู่ที่เราจะยอมรับสิ่งเหล่านั้นได้หรือไม่

-----จบบทที่ 9 -----
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: TONG ที่ 11-01-2008 20:13:24
สงสารปออ่า ไม่น่าไปรักคนอย่างเก่งเลย

เล้งอีกคนทำไมน่ะ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 12-01-2008 23:31:11
ดูแล้วท่าทางจะแย่ โดยเฉพาะคู่ปอ น่าสงสาร  :o12:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: myLoveIsYOu ที่ 13-01-2008 03:20:08
คู่หนึ่ง กับ สาม ดูท่าจะไปไม่รอดด้วยกันทั้งคู่

คู่แรก สถานะต่างกันและดูแล้วคนที่เป็นอาจารย์ก็ไม่ได้จริงจังกับโจ้ คงนึกอยากสนุกและหาที่ระบาย

คู่สอง ก็คงยากที่จะทำให้ พี่เก่ง มารักปอได้

หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 13-01-2008 14:23:02
เรื่องอื่นคนอ่านคงกลุ้มกันทีละเรื่อง...แต่เรื่องนี้ X3
คู่แรกออกแนวปิดบังจนดูอึดอัด
คู่ที่สองกลับเปิดเผยจนดูน่ากลัว
คู่สุดท้ายนายปอ... :เฮ้อ:
ยังไงก็ก็เอาใจช่วยทุกคู่ ฝ่าฟันอุปสรรคไปให้ได้
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 13-01-2008 15:19:03
คู่ปอ  :m15:  :m15:  :m15:  :m15:
คู่โจ้  :เฮ้อ:  :เฮ้อ:
คู่เชียร์    :m25:  :m25:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: ^ - ^A s A v I n * o * ที่ 13-01-2008 20:33:41
หนุกๆๆๆครับบบ

มาต่อไวๆๆๆน้า

 :mc3: :mc4:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: jojoe ที่ 14-01-2008 17:51:43
Three Couple of love บทที่10 ความรักของผม คือ.....
คู่ที่1

ความรักของผม คือ ความลับ

เกือบหนึ่งเดือนแล้ว ที่ผมอาจารย์(แอบ)คบกัน โดยตอนกลางวัน เราทำตัวเป็นปกติ คือ วางตัวในฐานะ ลูกศิษย์ กับ อาจารย์ ส่วนตอนกลางคืน ที่ห้องของผม เราจะทำตัวเป็นคนรักกัน ผมยังไม่รู้สึกอึดอัดอะไรกับสิ่งที่กำลังทำอยู่ตอนนี้ แต่ผมเองก็กลัวว่าสักวันหนึ่ง ความลับอาจจะถูกเปิดเผยขึ้น และผลของการถูกเปิดเผย อาจจะร้ายแรงกว่าที่ผมคิดไว้ก็ได้

ส่วนเล้ง ผมเองพยายามออกห่างจากเล้ง ไม่ใช่ผมไม่ชอบเล้ง แต่เล้งเป็นคนดูคนง่าย ผมว่าเล้งก็คงรู้อยู่แล้วแหล่ะ ว่าผมกับอาจารย์เบนคบกันอยู่ แต่เล้งยังไม่มีท่าทีอะไร คงเพราะยังไม่เห็นผมกับอาจารย์เบนแบบ "คาหนังคาเขา" เพราะทุกครั้งที่อาจารย์มาหาผมที่หอตอนกลางคืน ก่อนเวลาหอปิด เพียง 3 นาที แน่นอนช่วงนั้น เป็นช่วงที่ไม่ค่อยมีใครเข้าออกจากหอแล้ว จึงไม่ค่อยมีใครมาสนใจอาจารย์เท่าไร อีกทั้งอาจารย์เองยังแต่งตัว ธรรมดาๆ ใส่เสื้อกล้าม กางเกงบอล แทบจะไม่มีมาดของอาจารย์อยู่เลย และเวลาประมาณ4ทุ่ม ถึง 5ทุ่มเป็นเวลาที่เล้งอ่านหนังสือ อาจารย์จึงมาหาผมได้อย่างปลอดภัย

เวลาเรียนวิชาของอาจารย์เบน เป็นช่วงที่ผมทรมานมากที่สุดเพราะต้องเก็บอาการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเขิน อาย เพราะเล้งนั่งข้างๆผมมักชอบจะจับผิดผมอยู่เสมอ
อาจารย์เองก็ชอบแกล้งผม ชอบให้ผมตอบนู้นตอบนี้เกี่ยวกับเรื่องที่สอนอยู่เรื่อยๆ
มีอยู่ครั้งหนึ่ง อาจารย์สอนเกี่ยวกับ "ความต้องการของมนุษย์" ตาม ทฤษฎี ของ มาสโลว์(นักจิตวิทยา)
"มาสโลว์ ได้แบ่งความต้องการของมนุษย์ไว้ 5 ขั้น" อาจารย์ยืนสอนอยู่หน้าห้อง
"นั้นก็คือ
1.ความต้องการทางด้านร่างกายเช่นปัจจัย4
2.ความต้องการความปลอดภัย
3.ความต้องการความรัก
4.ความต้องการได้รับการยกย่องนับถือ
5.ความต้องการความสำเร็จในชีวิต"
พอพูดจบอาจารย์ก็เดินเข้ามาใกล้ตรงนิสิต อาจารย์ให้แต่ละคนบอกสิว่าในความคิดของแต่ละคนคิดว่าความต้องการอันไหนสำคัญกับมนุษย์มากที่สุด แต่ละคนก็ตอบไปตามความคิดของแต่ละคน จนมาถึงผม ผมสบตากับอาจารยืก่อนจะลุกขึ้นตอบมาว่า
"ในความคิดของผม ผมเห็นว่า "ความรัก" เป็นสิ่งทีสำคัญกับมนุษย์ เพราะที่มนุษย์ต้องการความปลอดภัย,ต้องการได้รับการยกย่องนับถือ,ต้องการความสำเร็จในชีวิต,และต้องการสิ่งต่างๆทางด้านร่างกาย เพราะมนุษย์ รัก ตัวเอง"
แม้ผมจะพูดจบแต่อาจารย์ก็ยังถามผมอีก
"แล้วเธอมองว่า ความรัก เป็นอย่างไร" อาจารย์ถามเหมือนมีความในแอบแฝง
"แต่ละคนคงให้ความหมาย หรือ นิยาม ความรักต่างกัน บางทีรักอาจเป็นสิ่งที่ดี หรือ บางทีรักอาจทำให้เราเสียใจ อยู่ที่เราจะใช้ รัก อย่างไร เพื่ออะไร และ เพื่อใคร ผมเองมองความรักเป็นสิ่งที่สวยงาม ไม่ผิด ไม่มีถูก"
ผมมองอาจารย์ที่ยืนกอดอกยิ้มให้ผม
"ท่าทางเธอ ดูจะเข้าใจความรักเป็นอย่างดีเลยน่ะ"อาจารย์พูดกับผมก่อนที่จะเข้าเรื่องที่จะสอนต่อไป

นอกจากที่ห้องของผมจะเป็นที่ที่ผมใกล้ชิดกับอาจารย์แล้ว ยังมีอีกที่หนึ่งที่ผมจะได้อยู่กับอาจารย์สองต่อสอง นั้นก็คือ ที่ห้องพักอาจารย์ ผมเป็นนิสิตผู้ช่วยอาจารย์ คือ มีหน้าที่ช่วยเหลืองานของอาจารย์ แล้วแต่อาจารย์จะสั่ง เช่น พิมงาน ถ่ายเอกสาร เรียบเรียงเอกสาร ฯลฯ ผมมักจะมาทำงานที่ห้องพักของอาจารย์ประจำ อาจารย์เองก็ชอบแอบมาค่อย "สอนงาน" ผมเสมอ
"อาจารย์ครับ อันนี้มันต้องพิมยังไงครับ" ผมหยิบเอกสาร ที่มีบรรดาตัวสัญลักษณ์ และ สูตรที่ใช้ในวิชาสถิติ ผมพิมตัวพวกนั้นไม่เป็น เลยจะให้อาจารย์สอนพิมให้เป็น
อาจารย์รีบเดินมาหาผม
"ไหนๆ อ๋อ เดี๋ยวสอนให้น่ะ"
อาจารย์มายืนอยู่ใกล้ด้านหลังผม อาจารย์ค่อยๆยืนมือ มาทีคีย์บอร์ด แต่กลายเป็นอาจารย์เอื้อมมือมากอด พร้อมหอมแก้มผมหนึ่งที
"อยู่ใกล้โจ้ ทีไรอดใจไม่ได้สักที" พูดเสร็จอาจารย์ก็เริ่มไซร์ตามซอกคอของผม ก่อนที่ผมจะเคลิ้มไปกว่านั้น ผมรีบดันอาจารย์ออกไป
อาจารย์คิดว่าผมคงไม่อยากทำ เลยรีบขอโทดผม
"ถ้าโจ้ ไม่อยากก็ไม่เป็นไร อาจารย์ขอโทดแล้วกัน"
ผมหัวเราะ แล้วหอมแก้มอาจารย์"ผมไม่ได้บอกเลยน่ะว่าไม่อยากทำ แต่จะบอกว่าไปล็อคประตูห้องก่อนไงครับ" อาจารย์หัวเราะแล้วรีบไปล็อคประตูห้อง หลังจากนั้นอาจารย์ก็เริ่ม "สอนงาน" ให้ผม

พอตอนกลางคืน อาจารย์ก็มาที่ห้องตามปกติ(มาไม่ทุกวันหรอกครับ แต่ก็มาบ่อยเหมือนกัน) ส่วนมากอาจารย์จะมาอาบน้ำที่ห้องของผม หลังจาไปเตะบอลที่สนามหลังมหาลัย สภาพของอาจารย์หลังเล่นบอล ดูแมนมากๆ คือ ตัวเปียกไปด้วยเหงื่อ ผมยุ่งนิดๆ บางวัน ก็ไม่ใส่เสื้อ ใส่แต่กางเกงบอลตัวเดียว แล้วอาจารย์ก็ชอบมากอดผมตอนเหงื่อเยิ้มๆนี้แหล่ะ
"ขอกอดหน่อยน่ะ" อาจารย์เข้ามากอดผม ตอนที่ผมกำลังจะทำมาม่าให้อาจารย์กิน
"อย่าดิครับ ตัวเปียกไม่พอ เหม็นเหงื่ออีก"ผมสะบัดตัว
"รังเกียจผมเหรอ"
"ไม่ได้รังเกียจอาจารย์ แต่ เกลียดคนที่ตัวมีแต่เหงื่อ แล้วมากอดคนที่อาบน้ำแล้วต่างหาก" ผมตอบอาจารย์ไป
"ก็ได้ๆ ไปอาบน้ำก็ได้"
ผมมองร่างอาจารย์ที่กำลังถอดกางเกงแล้วคว้าผ้าขนหนูมาใส่
ผมมีความสุขกับความลับของผม แต่ใครจะรู้ต่อไปผมเองก็อาจจะเสียใจกับความลับของผมเองก็ได้

คู่ที่2

ความรักของผม คือ การให้กำลังใจ

เกือบหนึ่งเดือนแล้ว ที่ผม กับ พี่เอกคบกัน พี่เอกมักจะแสดงต่อหน้าคนอื่นๆว่าผมเป็นแฟนพี่เอก คงหวงผมมั้ง กลัวมีคนมาจีบแย่งผมไป หรือ กลัวผมไปจีบใครเค้า แต่น่าจะเป็นอันหลังน่ะ(5555)
ผมกับพี่เอกใกล้ชิดกันมากขึ้น ยิ่งช่วงใกล้งานกีฬา Freshy ต้องซ้อมหนักทุกวัน ทำให้ผมได้มีโอกาศไปนอนค้างที่บ้านพี่เอก แต่โจ้ต้องมาคอยโกหกพ่อของผมให้ตลอด(โทดทีน่ะเพื่อน)

พี่เอกมักจะมาเฝ้าผมตอนซ้อมหลีดเสมอๆ บางวันก็ซื้อขนม ซื้อน้ำ มาให้ผมกับเพื่อนอีกด้วย
พี่เอกหอบถุงน้ำ ถุงขนมมาวางไว้ตรงโต๊ะที่ผมกำลังพักจาการซ้อมหลีด
"โฮ้ ซื้ออะไรมาเยอะจัง เดี๋ยวอ้วนตายกันพอดี"ผมบ่นใส่พี่เอก
"ไม่เห็นเป็นไรเลย แกไม่กินฉันกินน่ะ"นังเตเต้ กับ แมคกี้รีบแย่งขนมกันใหญ่
พี่เอกเดินมานวดไหล่ให้ผม
"ช่วงนี้ต้องบำรุงหน่อยซิ ต้องใช้พลังเยอะไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวไปที่บ้านพี่ก็ต้องใช้พลัง
อีก"พี่เอกทำหน้าทะเล้นใส่ ผมรีบศอกกลับไปทันที
"พี่เอกเคยเป็นหลีดไม่ใช่เหรอ สอนท่าให้พวกเราหน่อยสิ" แมคกี้ถามพี่เอกทั้งๆที่ขนมยังเต็มปาก
"อ๋อครับ ได้ๆ" พี่เอกก็ยืนตัวตรง แล้วค่อยอธิบายท่าต่างๆให้แมคกี้และเตเต้ฟัง
ผมนั่งมองพี่เอกเต้น ด้วยรูปร่างที่สมส่วน กับท่าทางที่ดูสง่างาม ผมรู้สึกเคลิ้มกับท่าทางของพี่เอก
ผมนึกในใจ รู้สึกดีใจที่ได้เป็นแฟนกับพี่เอก พี่เอกไม่เคยทำให้ผมเสียใจ ตามใจผมตลอด อีกทั้งยังคอยให้กำลังใจผมเสมอๆ ผมเองกลับยังไม่เคยทำอะไรให้พี่เอกเลยสักครั้ง

เมื่อมาถึงวันจริง ผมวุ่นวายตั้งแต่เช้าทั้งการแต่งตัว แต่งหน้า ทำผม ยังต้องมาจำท่าเต้นบางท่าที่เปลี่ยนอย่างกระทันหันอีก ก่อนที่จะเต้น ผมรู้สึกกระวนกระวายยังไงก็ไม่รู้
เตเต้ กับ แมคกี้ คงเห็นผม ทำหน้าเครียดๆเลยมาปลอบ
"มึงไม่ต้องซีเรียสหรอก เอาเท่าที่ได้ก็พอ"เตเต้ ตบไหล่ที่ผมเบาๆ
แต่ผมก็ยังเครียดอยู่ดี ยิ่งมองไปทางอัฒจันทร์ที่มีคนเยอะแยะมากมาย
สมาธิของผมยิ่งกระเจิงเข้าไปใหญ่
ผมมองดูคณะอื่นๆที่กำลังแสดงการเต้นของตัวเอง แต่ละคณะก็มีทีเด็ดออกมาเรียกคะแนนจากกรรมการไม่น้อยน่ากันเลยซักคณะ
เหลืออีกไม่กี่คณะ ผมก็จะแสดงอยู่แล้ว
ผมคอยมองหาพี่เอกว่าจะมาดูผมเต้นไหม แต่มองเท่าไรก็ไม่เห็น ที่จริงผมรู้อยู่แล้วว่าพี่เอกคงมาไม่ได้เพราะยังอยู่ในช่วงทำงาน แต่ในใจก็ยังหวังลึกๆว่าพี่เอกอาจจะมาเชียร์ผมก็ได้

พอคณะที่แสดงก่อนผม แสดงเสร็จ คณะของผมก็เริ่มเตรียมตัวที่จะแสดงต่อไป
บรรดาเชียร์หลีดเดอร์ ก็เข้าแถวเตรียมจะแสดง
แต่ผมยังมองหาพี่เอก เมื่อไม่มีวี่แววว่าจะมา ผมเลยจะไปเข้าแถวกับพื่อนๆ
"เชียร์" มีเสียงๆหนึ่งเรียกผม ผมเริ่มรู้สึกดีใจขึ้นมา
ผมรีบหันไปตามเสียงนั้น แต่กลับต้องผิดหวังเพราะเสียงนั้นเป็นเสียงของพี่แจ็ค
"พี่มาดูเชียร์เต้น สู้ๆน่ะ" ผมไม่พูดอะไร
"ขอบคุณพี่แจ๊ค เชียร์ไปก่อนนะครับ" ผมรีบตัดบทและไปเข้าแถวกับเพื่อนๆ

ปี๊ดดดดดดด........
เสียงนกหวีดเป็นสัญญาน ให้เริ่มการแสดง
ผมกับเพื่อนๆเริ่มเต้นตามจังหวะการเชียร์ ผมเองพยายามควบคุมสมาธิไม่ให้วอกแวก
แต่แล้วผมก็พลาดจนได้ ผมเต้นผิดจังหวะ ทำให้ไปชนกับเพื่อนที่เต้นอยู่แถวหลัง
ผมรีบพยายามเรียกสมาธิกลับมาเต้นใหม่ แต่ก็เต้นผิดท่าอีกจนได้
ผมสังเกตเห็น ว่ามีคนคนหนึ่งอยู่ด้านบนสุดของอัฒจันทร์ กำลังชูมือส่งสัญญาณอะไรบางอย่าง ผมกลับมานึกอีกที สัญญาณที่ผมเห็นอยู่นั้นคือท่าต่อไปที่ผมจะเต้น
ผมรู้แล้วครับว่าคนที่อยู่บนอัฒจันทร์คือใคร
ผมพยายามอีกครั้ง ปรากฏว่า ผมเต้นท่าต่อไปได้และเต้นถูกจังหวะไปจนจบ

ช่วงพัก บรรดาคณะกรรมการก็ให้คะแนนการแสดงของแต่ละคณะ
ผลปรากฏว่า คณะของผมไม่ได้รับรางวัลอะไรเลย
ผมเองรู้สึกแย่กับสิ่งที่ผมทำไปเพราะ เพื่อนๆบางคนทุ่มเทกับการแสดงครั้งนี้มาก
แต่ทุกๆคนก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะไม่ได้มีแค่ผมที่เต้นผิดอยู่คนเดียว แต่ละคนก็มีข้อผิดพลาดไม่เหมือนกัน ผมเข้าไปกอดเตเต้ กับ แมคกี้
"ไม่เป็นไรหรอก พวกเราทำดีสุดแล้ว"แมคกี้บอกผม ทำใหผมรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง

สักพักก็มีคนเข้ามาจับมือผมไว้ พี่เอกนั่นเอง
"เต้นผิดเยอะจัง ดูดิอุตส่าห์ช่วยซ้อมให้ตั้งหลายที"
"ก็เต้นได้แค่นี้ให้ทำไงเล่า แล้วไปทำอะไรอยู่บนอัฒจันทร์" ผมถามพี่เอก
"ก็ไปเป็นอัศวินขี่ม้าขาว มาช่วยใครบางคนไงจ๊ะ" พี่เอกเหล่ตามาที่ผม
"คร้าบ ขอบคุณคร้าบ" ผมจับมือพี่เอกแน่น
"มา เดี๋ยวพาไปฉลอง" พี่เอกรีบดึงตัวผมไป
"ฉลองอะไรไม่ได้ชนะสักหน่อย" ผมถามพี่เอก
"ก็ฉลองคนเต้นผิดไง 5555"พี่เอกแซวผม
ผมกับพี่เอกก็ขึ้นรถแล้วขับออกไปฉลองกัน

ขณะที่กำลังขับรถอยู่นั้น ผมก็สวนกับรถคันหนึ่ง เป็นรถที่ผมคุ้นเคยดี โดยเฉพาะคนที่ขับรถคันนั้น พี่แจ๊คมองผมจากข้างในรถคันนั้น ผมเองก็สบตากับพี่แจ๊คเหมือนกัน
และรถของผมกับพี่แจ๊คก็ไปกันคนละทาง

คู่ที่3

ความรักของผม คือ ความเศร้า

เกือบหนึ่งเดือนแล้ว ที่ผมไม่ได้ติดต่อกับพี่เก่ง
และเป็นหนึ่งเดือนที่ผมทรมานมากที่สุด
การจะลืมใครสักคนมันไม่ง่ายเลย
ยิ่งลืมพี่เก่งมากเท่าไร ผมก็ยิ่งรักพี่เก่งมากขึ้นเท่านั้น
เวลาที่ผมอยู่คนเดียวผมจะนึกถึงช่วงเวลาที่ผมได้อยู่กับพี่เก่งเสมอ
และเมื่อนึกถึงที่ไร ผมก็จะเจ็บใจขึ้นมาทุกที

ผมยังคงไปเล่นดนตรีตามปกติ แต่เหน่งสังเกตเห็นผมดูแปลกๆไป
เพราะผมเล่นดนตรี ดูไม่มีชีวิตชีวาเอาซะเลย
หลังจากเล่นดนตรีเรียบร้อยแล้ว ผมก็กำลังเตรียมตัวกลับบ้าน
เหน่งเดินมาคุยกับผม
"ไอ้ปอ มึงเป็นไรว่ะ"
ผมไม่ตอบอะไร
"เรื่องพี่เก่ง ใช่ไหม" เหน่งทายถูก
ผมพยายามไม่แสดงปฏิกิริยาอะไร เหน่งเดินเข้ามากอดไหล่ผม
"กูเข้าใจความรู้สึกของการแอบรักใครข้างเดียว แต่มึงจำไว้ซิ ความรัก ไม่ใช่การครอบครอง เราไปบังคับใจใครให้รักเราไม่ได้ เรามีหน้าที่ยอมรับความจริงให้ได้ สักวันต้องมีคนที่เห็นความดีของมึง"เหน่งพูดกระซิบข้างหูผม
"ยังไงกูก็ยังห่วงมึงเสมอน่ะ"เหน่งตบไหล่ผม แล้วเดินออกจากร้านไป
คำพูดของเหน่งทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง

พอผมกำลังจะกลับบ้าน โทรศัพท์ก็ดังขึ้น
"ว่าไง" ผมทักเชียร์ที่โทรมา
"กูจะชวนมึงมาปาร์ตี้ที่หอไอ้โจ้"เชียร์ทำเสียงคึกครื้น
ผมกำลังจะปฏิเสธ เพราะตอนนี้ ไม่มีอารมณ์จะไปเฮฮากับใคร
"มึงไม่ต้องปฏิเสธน่ะ เพราะกูขับรถมาถึงที่ผับมึงแล้ว"
เอ้าไอ้นี้มันมัดมือชกผมนี้หว่า
ไม่ถึงนาทีเชียร์ก็ขับรถมาจอดรับผม
ผมแปลกใจที่มีผู้ชายนั่งมากับเชียร์ด้วย
"ขึ้นรถมาสิ เออๆ ระวังของที่เบาะหลังหน่อยน่ะ"
ผมค่อยๆนั่งลงที่เบาะหลังของรถ ของที่เชียร์บอกให้ระวังคือ กับข้าวที่จะเอาไปกินกันที่หอของโจ้
ระหว่างทาง ผมเห็นเชียร์คุยกับผู้ชายที่นั่งมาด้วย รู้ทันทีเลยว่าเป็นแฟนใหม่ของเชียร์
ที่จริงรู้แล้วว่าเชียร์มีแฟนใหม่แต่ยังไม่เคยเห็น

พอมาถึงหอของโจ้ เชียร์กับแฟนของเชียร์ก็ยกกับข้าวขึ้นไปที่ห้องของโจ้
"กูยังไม่ได้บอกมันเลยน่ะว่าจะมา กะจะเซอร์ไพรส์"เชียร์หันมาพูดกับผม
เชียร์จะมีกุญแจห้องของโจ้อยู่แล้ว เพราะมันจะมาค้างที่ห้องของโจ้บ่อย
พอเชียร์ไขกุญแจห้องได้ก็รีบเดินเข้าไป พร้อมพูดว่า
"เซอร์ไพรส์"
โจ้เห็นเชียรกับผม และแฟนของเชียร์ มันก็ตกใจตาโตเหมือนเจอผี
"เฮ้ย! พวกมึงมาได้ไงเนี้ย"
สิ้นเสียงโจ้อุทาน ก็มีผู้ชายคนหนึ่งนุ่งผ้าขนหนู ออกมาจากห้องอาบน้ำ
ผมกับเชียร์มองผู้ชายคนนั้นด้วยความตกใจ ไม่นึกว่าจะมีผู้ชายมาอยู่ที่ห้องโจ้
(ก็เพื่อนผมมันเป็นคนเรียบร้อย ก็ต้องตกใจเป็นธรรมดาที่จู๋มีผู้ชายมาอาบน้ำที่ห้องของมัน)
"นี้มึงก็เซอร์ไพรส์พวกกรูเหรอว่ะ" เชียร์พูดกับโจ้ แต่ตายังมองผู้ชายคนนั้น
----- จบบทที่10 -----
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 14-01-2008 19:43:40
เซอร์ไพรส์กันทั่วหน้า   :m20: :m20: :m20: :m20:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: FOAM ที่ 14-01-2008 21:56:32
ปอน่าสงสารสุดเลยแฮะ

ปล สนุกมากเลยครับเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: TONG ที่ 14-01-2008 23:33:25
เซอรืไพรสืกันไปหมดเลย สงสารปออ่า ไม่รุ้จะเป็นไงเนี่ย
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: naumi ที่ 15-01-2008 01:50:58
ชอบคู่ที่สาม คู่ปออ่ะค่ะ
สาเหตุที่ชอบคงเปนเพราะชอบโครงเรื่องแบบนี้ แบบว่ารักเค้าแต่เค้าไม่รักเรา พอเราคิดจะเลิกรัก เค้าก้อจะกลับมาทำให้เราหวั่นไหวใหม่ แฮ่ะๆ อันหลังนี่คิดไปเองล่วงหน้าอ่ะนะ ชอบแบบนี้อ่า  :m23:

แต่แรกสุดเลยที่ชอบต้องบอกว่าเปนเพราะ frist impression ของคู่นี้
คือเรารักเค้า แต่เค้ารักเพื่อนเราอ่า คนที่เค้ารักดันเปนเพื่อนสนิทของเราเอง มันเจ็บนะ จะทำเปนไม่รับไม่รู้ก้อไม่ได้ แถมเค้ายังให้เราเปนแม่สื่ออีก สุดๆของความเจ็บ  :m15: แต่ทั้งๆที่รู้ว่าจะต้องเจ็บ แต่ก้อยอมเปนแม่สื่อให้ เพียงหวังแค่จะได้ใกล้ชิดเค้า แหมเพียงชั่ววูบก้อยังดี

แถมไม่พอ เสียตัวให้เค้าแล้ว เค้าดันมาบอกให้ลืมอีก แหม้ๆๆๆ อย่างนี้มันต้องเอาคืน อย่ามาหลงรักเรามั่งแล้วกันนะ จะเชิดให้ดู อิอิ ทำยังกะตัวเองเปนนายเอกไปซะแล้ว  :m23: สงสัยจะอินจัด อิอิ

รีบมาต่อไวๆนะคะ รอติดตามและเปนกำลังใจให้ค่า :m1: และก้อขอโทษด้วยที่พล่ามซะเยอะเลย :m23:

ปล.เม้นครั้งแรกอ่ะค่ะ ฝากตัวด้วยนะคะ :pig4:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: -~iK@iZ_KunG~- ที่ 15-01-2008 11:42:27
มาต่อบ่อย ๆ น้า  :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: T@luntulA ที่ 15-01-2008 13:29:45
สงสารปอจังเรยยย :m15:

เฮ้ออออ รอติดตามต่อไปคับบบ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 15-01-2008 16:17:33
สำหรับคู่แรกเริ่มรักก็ยังไม่รู้สึกอะไร...รออีกซักพัก สิ่งที่เคยคิดว่าทนได้ จะกลายเป็นอึดอัด
คู่ที่สองน่าสนใจแฮ๊ะ...คนรักเก่า ปะทะ คนรักใหม่...ทดสอบความมั่นคงนายเชียร์ดีจัง...
ส่วนรักด้วยน้ำตาคู่ที่สาม...แม้จะมีเหน่ง...แต่ก็ยัง  :m15:       ยังจะมาปาร์ตี้กะเค้าอีกกกก
ทนเห็นสองคู่รักแล้วไม่เศร้าแย่รึ ???
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: jojoe ที่ 15-01-2008 21:15:26
Three Couple of Love บทที่ 11 เริ่มต้นด้วยเซอร์ไพรส์ ลงท้ายด้วยน้ำตา
คู่ที่1

"เซอร์ไพรส์" เสียงของเชียร์ทำให้ผมสะดุ้งหันมาตามเสียงนั้น
"เฮ้ยพวกมึงมาได้ไง ว่ะ" ผมตกใจที่จู่ๆไอ้เชียร์กับไอ้ปอโผล่มาที่ห้องของผม
และเป็นช่วงพอดีที่อาจารย์เบน ออกมาจากห้องอาบน้ำที่นุ่งผ้าขนหนูแค่พื้นเดียว
ท่าทาง เชียร์ กับ ปอ ก็ตกใจไม่แพ้ผม
"นี้มึงก็เซอร์ไพรส์พวกกรูเหรอว่ะ" เชียร์พูดกับผม แต่ตายังมองอาจารย์เบน
ส่วนอาจารย์พอออกมาก็เห็นเพื่อนๆของผม ก็ไม่รู้จะทำตัวอย่างไรเลยพูดแก้เขินว่า
"สา สะ วัด ดี คับ ทุกคน"
ส่วนเชียร์ที่ยังยืนช็อคกับเหตุการร์ที่เกิดขึ้น ก็รีบเปลี่ยนสีหน้าทันที
"เอ่อ เอ่อ ครับๆ ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมเป็นเพื่อนกับโจ้เองครับ ทำตัวตามสบายน่ะครับ" เชียร์ยิ้มเจือนๆ แล้วเชียร์ก็หันหน้ามาทางผมพยายามส่งสายตาทำท่าบางอย่างบอกผม
แต่ผมแค่เห็หน้าเชียร์ก็รู้แล้วว่าเพื่อนตัวดีของผมต้องการอะไร
"คือ เราไปเตรียมกับข้าวให้ล่ะกัน ซื้อของมาเยอะเลยเนี้ย"เชียร์พูดพร้อมชูถุงกับข้าว
"เดี๋ยวพี่ไปช่วยน่ะ" ผู้ชายที่มากับเชียร์ด้วยเสนอตัว
"ไม่ต้องเลยพี่เอก นั่งอยู่ที่โซฟานั้นแหล่ะ เดี๋ยวให้โจ้มาช่วย"
เชียร์หันไปดูผู้ชายคนนั้น ผมเดาว่าต้องเป็นแฟนเชียร์แน่เลย
"ไอ้โจ้เดี๋ยวมาช่วยเราด้วยน่ะ" เชียร์หันมาพูดกับผม ที่จริงผมรู้อยู่แล้วว่าเชียร์ไม่ได้ต้องการให้ผมมาช่วยหรอก แต่คงต้องการซักถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
"เออ " ผมตอบรับ แต่รีบลากอาจารย์เบนที่ยังยืนอยู่ตรงหน้าห้องน้ำไปแต่งตัวซะก่อน
"อาจารย์ครับ พวกนี้เพื่อนผมตอนเรียนมัธยมอ่ะครับ เดี๋ยวแนะนำให้รู้จักทีหลังน่ะ ไปแต่งตัวก่อนน่ะคับ" ผมหยิบเสื้อผ้าส่งให้อาจารย์ พร้อมผลักอาจารย์เข้าห้องน้ำไป

ผมรีบเดินไปหาเชียร์ที่ในครัว
"มึงมาหากูแล้วทำไมไม่บอก"ผมรีบว่าเพื่อนตัวดีของผม
"ก็กูกะจะมาเซอร์ไพรส์มึง ไม่นึกว่ามึงจะแอบพาผู้ชายมานอนที่ห้องด้วยนี้" เชียร์ทำเสียงเล็กเสียงน้อยแซวผม
"ไอ้บ้า เข้าก็แค่มาอาบน้ำเท่านั้น"
"มาอาบน้ำตอนสี่ทุ่มเนี้ยน่ะ มึงไม่ต้องโกหกกรูหรอก หลักฐานมันฟ้องขนาดนี้ ใครว่ะ หล่อดีเหมือนกันน่ะ หุ่นก็ดี ท่าทางจะลีล่าเด็ดด้วยลาะซิ"เชียร์แซวผมไม่เลิก
"ทุเรศ!!! มึงคิดได้แต่เรื่องอย่างนี้เหรอว่ะ"ผมเบิร์ดกะโหลกไอ้เชียร์ไปนึงที มันเลยสงบปากสงบคำไปสักพัก ผมก็รีบพูดแก้ตัว
"คนนี้เค้าเป็นอาจารย์กูเอง ที่เคยเล่าให้มึงฟังไง"
"อ้าวเหรอ อาไรว่ะ แป๊บเดียว ได้กันแล้วเหรอว่ะ" ไอ้เชียร์ยังปากดีไม่เลิก
"ขี้เกียจพูดกับมึงแล้ว คนที่มากับมึงด้วย แฟนใหม่เหรอว่ะ"ผมถามถึงคนที่มากับเชียร์
"อืมม เดี๋ยวแนะนำให้รู้จักแล้วกัน"
"เออ พ่อกูฝากค่าขนมของเดือนนี้มาให้ด้วย" เชียร์ยื่นซองจดหมายที่ในนั้นมีเงินค่าขนมของผมอยู่ด้วย พ่อของเชียร์ซึ่งเป็นผู้ปกครองของผม จะฝากเงินค่าขนมมาทางเชียร์ทุกเดือน
"ขอบใจน่ะ"ผมรับเงินนั้น แล้วช่วยเชียร์จัดอาหารใส่จาน

คู่ที่ 2

ผมกับโจ้จัดอาหารใส่จานเรียบร้อยแล้ว ก็เอามาวางไว้บนโต๊ะกินข้าว
อาจารย์เบนก็ออกมาจากห้องน้ำพอดี
ผมเรียกพี่เอกที่นั่งดูโทรทัศน์กับปอมากินข้าว

บนโต๊ะอาหาร ผมนั่งกับพี่เอก ส่วนอีกฝั่งเป็นโจ้กับอาจารย์เบน
ปอนั่งคนเดียวที่หัวโต๊ะ
"ก่อนจะกินข้าวเรามาแนะนำตัวให้รู้จักกันดีกว่า" ผมเสนอกับทุกๆคน
โดยที่ผมเป็นคนเริ่ม"ผมชื่อเชียร์น่ะครับ เป็นเพื่อนของโจ้"ผมแนะนำตัวเองให้อาจารย์เบน
"ส่วนผู้ชายหน้าตากวนๆคนนี้ชื่อ พี่เอก แฟนผมเอง" ผมชี้ไปทางพี่เอก
"คนนั้น ชื่อ ปอ เพื่อนผมกับโจ้ครับ" ผมชี้ไปทางปอ ที่น่าตาดูเครียดๆตั้งแต่ตอนไปรับมันที่ผับ
โจ้ก็เป็นคนรับช่วงต่อจากผม
"ผมชื่อโจ้ครับ แล้วนี้คือ อาจารย์เบน" โจ้แนะนำตัวเองและอาจารย์เบนให้ผมกับปอ
"โจ้กับอาจารย์เบน เป็นแฟนกันเหรอครับ"ผมถามไปดื้อๆ ในใจนึกอยากแกล้งเพื่อนแต่ก็อยากดูปฏิกิริยาของอาจารย์ด้วย
โจ้กับอาจารย์หันมามองหน้ากัน เหมือนต่างฝ่ายต่างไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรดี
สุดท้ายก็ไม่มีใครตอบคำถามของผม
ผมเลยพูดขึ้นมาว่า "ล้อเล่นน่า อย่างไอ้โจ้เนี้ยน่ะจะมีใครเอา"
พอพูดจบ อาจารย์เบนก็ไอขึ้นมาทันที!!!
555 ผมว่าแล้ว คู่นี้มันต้องมีอะไรกัน ผมขอฟันธงคับ!!!

บนโต๊ะอาหาร พวกเราก็พูดคุยกันหลายเรื่อง
ส่วนมากจะเป็น โจ้ กับผมที่คุยกันซะมากกว่า
อาจารย์เบน กับ พี่เอก ก็พูดบ้างในบางเรื่อง
แต่ปอนี่สิ นั่งเงียบก้มหน้าก้มตา ไม่พูดอะไรเลย
ผมเลยสงสัยว่าเพื่อนของผมเป็นอะไร
"เฮ้ย ไอ้ปอ เป็นอะไรว่ะ เห็นมึงนั่งเงียบตั้งนานแล้ว ยังกะโดนใครฟันแล้วทิ้งงั้นแหล่ะ 555" ผมถามเพื่อน
ผมนึกว่าจะได้เสียงหัวเราะของปอกับมากลายเป็นว่า ปอหน้าแดงก่ำ แล้วก็พูดด้วยเสียงที่สั่นเครือว่า "กูขอไปเข้าห้องน้ำน่ะ" แล้วก็รีบลุกขึ้นออกจากโต๊ะไป
ปล่อยให้คนทั้งโต๊ะนั่งอึ้ง
ผมนึกเป็นห่วงเพื่อนเลยเดินตามปอออกไป พลางนึกในใจว่า"ต้องเป็นเรื่องของพี่เก่งแน่"

คู่ที่3

ผมเดินออกมาจากโต๊ะทานข้าว ที่มีแต่"คู่รัก"
ผมเป็นเพียงคนเดียวที่ไม่มีคู่
ผมพยายามจะลืมเรื่องระหว่างผมกับพี่เก่ง แต่วันนี้ต้องมาเจอบรรยากาศของพวกข้าวใหม่ปลามัน (เพราะไอ้เชียร์ตัวเดียวที่ชวนผมมา แถมยังปากหมาพูดแทงใจดำผมอีก)
ถ้าผมกับพี่เก่งลงเอยกันด้วยดี วันนี้พี่เก่งก็อาจจะมากับผมด้วย
แค่เห็นภาพของเพื่อนๆกำลังมีความสุขกับคู่ของมัน น้ำตาของผมก็แทบจะไหลออกมา ผมไม่นึกว่าผมจะอ่อนแอได้ขนาดนี้ เมื่อไหร่น่าผมจะลืมพี่เก่งได้สักที

ผมพยายามเก็บอารมณ์และความรู้สึก
ไม่อยากให้บรรยากาศของวันนี้ที่ดูมีความสุข ต้องเสียไปเพราะผม
ผมจึงรีบปาดน้ำตา และรีบเดินกลับไปที่โต๊ะ
ผมเปิดประตูห้องน้ำ เห็นเชียร์ยืนกอดอกอยู่หน้าห้อง
"มึงจะมาเข้าห้องน้ำเหรอ"ผมถามเชียร์
เชียร์ไม่ตอบอะไร กลับผลักผมเข้าไปในห้องน้ำ
"เรื่องพี่เก่งใช่ไหม" เชียร์มองหน้าผมเหมือนรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับผม
ผมไม่ตอบอะไร ผมไม่อยากพูดถึงเหตุการณ์ในวันนั้นอีก
"วันนั้นที่มึงโทรมาหากรู ที่มึงพาพี่เก่งไปส่งที่ห้อง เค้ามีอะไรกับมึงใช่ไหม แล้วเค้าก็บอกให้ว่าที่เค้าทำไปเพราะความสนุก แล้วก็ให้มึงลืมเรื่องวันนั้น"
เชียร์ทายทุกอย่างได้ถูกต้อง
"พี่เก่งนี้ไม่เปลี่ยนเลยน่ะ" เชียร์รู้จักกับพี่เก่งมานานคงรู้นิสัยพี่เก่งดี
ผมได้แต่มองหน้าเชียร์ เชียร์เองก็คงรู้ว่าผมรู้สึกอย่างไร
"มึงรักพี่เก่งใช่ไหม" เชียร์ถามผม เป็นคำถามเหมือนไม่ต้องการคำตอบ
น้ำตาของผมที่ไหลออกมา คงแทนคำตอบได้ดี
เชียร์เห็นผมร้องไห้ เลยเดินเข้ามาตบไหล่ผมเบาๆ พร้อมพูดว่า
"มึงไม่ต้องร้องไห้ กูมีแผนที่จะจัดการคนอย่างพี่เก่ง"

-----จบตอนที่ 11-----
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 15-01-2008 22:12:38
คราวนี้ไม่ต้องเม้นเป็นคู่ เพราะเหตุการณ์ต่อเนื่องงงงง  :m1:
ว่าแล้วนายปอต้องเศร้า...ก็นะบรรยากาศคู่รักจริง ๆ นี่นา
ในสามคนเชื่อเลยว่า เชียร์ เด็ดสุด...แรงดีไม่มีตก...
อยากรู้แผนการของเชียร์จังเลยยยย จะช่วยปอยังไงน๊า  :m4:
และก็แอบเป็นห่วงคู่นายโจ้...กะเพื่อนสนิทยังปิดอีกจะรอดมะ
 :a2:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 15-01-2008 22:23:05
 :m15: ปอ ตัดใจซะเถอะ ก่อนจะเจ็บไปมากกว่านี้   :m15:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: TONG ที่ 15-01-2008 22:33:46
รอลุ้นแผนการของนายเชียร์ครับ ขอให้มันประสบความสำเร็จเถอะ สงสารปอ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 16-01-2008 00:56:59
 :serius2:
มาต่อโดยด่วนๆๆๆๆๆๆ
โอยสนุกเหลือเกิน
ลุ้นทีลุ้นสาม
เหนื่อยกันไปเรยทีเดียว
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: wutwit ที่ 16-01-2008 09:02:30
อยากรู้มีแผนไรอะ หลอกให้รักแล้วทิ้งไปบ้างอะเหรอ  :m20: :m20:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: jojoe ที่ 16-01-2008 18:27:35
Three Couple of love บทที่12 เตรียมความพร้อม

คู่ที1

หลังจากที่พวกเพื่อนๆผมแยกย้ายกลับบ้านกันไปหมดแล้ว
ผมกับอาจารย์เบนก็ขึ้นไปนอนบนเตียงด้วยกัน
ผมกับอาจารย์มองหน้ากัน ไม่ได้พูดอะไร แต่ผมนึกในใจอยากถามอาจารย์ถึงเรื่องสถานะความรักของเราสองคน
"เมื่อกี้ที่เพื่อนผมถาม ว่าเราเป็นแฟนกันใช่ไหม อาจารย์ทำไมไม่ตอบคับ"
แม้ผมเองก็ไม่ได้ตอบคำถาม แต่การที่อาจารย์มาอยู่ที่ห้องของผม ใครก็ดูออกว่าเราคบกัน อีกทั้งเพื่อนๆของผมก็เป็นเพื่อนสนิท ไม่มีอะไรที่จะปิดบังกันอยู่แล้ว พวกมันก็เรียนกันคนละที่กับผม มันคงไม่มีทางที่จะเอาเรื่องของเราไปพูดหรอก
อาจารย์ไม่ตอบคำถาม กลับพลิกตัวนอนหันหลังให้ผมอีก
ผมเข้าใจความรู้สึกของอาจารย์ แต่ผมเองก็อยากให้คนอื่นๆรู้ว่าเราสองคนเป็นอะไรกัน
ผมจึงเข้าไปกอดอาจารย์จากด้านหลัง ซบหลังของคนที่ผมรักจนหลับไป

คู่ที่ 2

ผมขับรถมาส่งพี่เอกที่บ้าน พี่เอกหอมแก้มผมนึงที ก่อนจะออกจากรถไป

ผมสังเกตเห็นว่า ปอ ยัง ไม่หายจากอาการซึมเศร้า นั่งเหมอลอยอยู่คนเดียว
ปอ กลายเป็นอีกหนึ่งคนที่โดนพิษรักของพี่เก่ง ผมไม่รู้จะปลอบเพื่อนว่าไง
เลยพูดถึงแผนที่จะมาสยบพี่เก่ง
"มึงมั่นใจหรือเปล่า ว่ามึงพร้อมจะทำ" ผมถามปอ ปอเริ่มหันมาสนใจคำพูดของผม
"กู ไม่รู้ กูแค่อยากให้เขาเห็นว่ากู ก็มีค่าเหมือนกัน" แม้ปอจะพูดด้วยน้ำเสียงที่มุ่งมั่น แต่สีหน้าของปอกลับดูหมดหมอง
"ได้ เมื่อมึงบอกอย่างนี้ กูก็หาแผนจัดการให้ กูมั่นใจ ว่าเขาจะต้องเห็นมึงมีค่าแน่ๆ"ผมหันไปพูดกับเพื่อ ให้ความมมั่นใจกับมัน เมื่อเพื่อนมีปัญหาอะไร เราในฐานะเพื่อน มีอะไรก็ต้องช่วยเหลือกัน
"แล้วแผนของมึง เป็นยังไงหล่ะ" ปอถามผม
"แผนของเรา มันก็ไม่ได้หมายความว่า จะต้องมีแค่กู กับมึง อย่าลืมซิ ว่าแก็งค์เรา มันมีสามคน"

คู่ที่3

เชียร์มาส่งผมที่บ้าน ผมนัดกับเชียร์เพื่อปฏิบัติการพร้อมกับ โจ้
ที่ต้องร่วมมือกันทั้งหมดพร้อมกันทั้งสามคน เพราะแต่ละคนจะทำหน้าที่ไม่เหมือนกัน แต่เชียร์เองก็ยังไม่ได้เล่าอะไรให้ผมฟัง เพียงแต่บอกว่า
"มึงพร้อมไหม ที่จะต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง เพื่อแผนของกู" เชียร์ทำหน้าจริงจังจนผมเองรู้สึกหวั่นๆ
"มันต้องถึงขั้นนั้นเลยเหรอ มันเปลี่ยนอะไรบ้างหล่ะ"
"ก็ แค่ เปลี่ยนจากที่มึงเป็นอยู่ ให้เหมาะกับสถานการณ์ที่กูจะจัดขึ้น เพื่อให้พี่เก่งคิดว่ามึงก็มีอะไรดีเหมือนกัน และมึงก็ต้องให้เขาเห็นว่ามึงก็ไม่แคร์เขาเหมือนกัน" เชียร์อธิบาย
"พี่เก่งเป็นคนชอบทำตัวให้เด่นกว่าคนอื่น เหมือนเป็นคนหลงตัวเอง รักตัวเองมากกว่า เลยหาแฟนไม่ได้ซะที่ คนที่จะเป็นแฟนกับเขาได้ก็จะต้องเป็นคนที่เหมือนกับเขา แต่กูว่านะ มึงอย่าไปชอบพี่เก่งเลย อยู่กับคนที่ไม่เคยแคร์ความรู้สึกของคนอื่น มันทรมานน่ะเฟ้ย" เชียร์พยายามพูดให้ผมตัดใจ
"แล้วมึงคิดว่าแผนนี้กูทำแล้วได้อะไร"ผมถามเชียร์ ในใจคิดว่า ที่ผมอยากจัดการพี่เก่ง เพื่อให้พี่เก่งสนใจผมบ้าง
"กูตอบไม่ได้หรอกน่ะ ว่าเขาจะชอบมึงหรือเปล่า แต่กูแค่อยากให้เขารู้ว่า การทำลายความรู้สึกของคนอื่นมันเจ็บยังไง และโดยเฉพาะ มาทำเพื่อนกูเจ็บ กูก็ไม่ยอมหรอก"เชียร์พูดด้วยน้ำเสียงดุดัน เหมือนแค้นพี่เก่งมากๆ
"งั้นพรุ่งนี้เจอกัน พร้อมวางแผน และ ปฏิบัติการ โอเคน่ะ"เชียร์หันมาพูดกับผม ผมพยักหน้ารับ
ครั้งนี้แหล่ะที่ผมจะจะทำเพื่อความรักของผม

----- จบตอนที่12 -----
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: jojoe ที่ 16-01-2008 18:28:50
Three Couple of love บทที่13 ปฏิบัติการกำจัดคนหลายใจ
คู่ที่1

ผมมาที่บ้านเชียร์ตามที่เชียร์นัด
"มีอะไรเหรอว่ะ" ผมสงสัย เพราะไม่บ่อยนักที่เราทั้งสามคนจะนัดอะไรเป็นจริงเป็นจัง
"ก็ มีเรื่องให้มึงช่วย เรื่องของไอ้ปอมัน"เชียร์เลยเล่าเหตุการณ์ ทั้งหมดให้ฟัง
พอผมได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด ผมเองรู้สึกโกรธแทนเพื่อน
"แล้วกรูพอจะช่วยอะไรได้บ้างเล่า"ผมถาม
เชียร์ลุกขึ้นยืนต่อหน้าผม กับปอ กอดอกเดินไปมา ทำท่าจะเล่าแผนทั้งหมดให้ฟัง
"เราต้องล่อพี่เอกให้ออกมาก่อน ตอนนี้ในกลุ่มของเรามีคนเดียว ที่ยังไม่ได้ไปไหนกับพี่เก่ง" เชียร์บอก ผมเริ่มรู้สึกตะหงิดๆ
"เราต้องล่อพี่เก่งให้ติดกับก่อน และตัวล่อของเราก็คือ...."เชียร์หันมาทางผม
"แล้วทำไมต้องเป็นกรูว่ะ"ผมโวยวาย
"พี่เก่งเค้าชอบกลิ่นหนุ่มบริสุทธิ์"เชียร์บอกเหตุผล
"งั้นไม่ใช่กรู เพราะกรูไม่บอริ..."เอ้า!!!ดันเผลอหลุดปากไป ผมรีบเอามือปิดปาก
เชียร์กับปอหันมาหาผมพร้อมกัน
"กูว่าแล้ว ว่ามึงได้กับอาจารย์มึงไปแล้ว" เชียร์พูดกระแนะกระแหน่
ผมก้มหน้าก้มตายอมรับความจริง
เชียร์หัวเราะ แล้วรีบเค้าเรื่องต่อ
"พอพี่เก่งเค้าไปเที่ยวกับมึง เราก็จะเริ่มแผนการ "ปฏิบัติการกำจัดคนหลายใจ" เราก็จะให้พี่เก่งรู้ว่าคนอย่างไอ้ปอมัน จะมีค่าต่อเขาแค่ไหน"
ผมยังงงกับแผนการของมัน
"แล้วแผนการของมึงคืออะไรว่ะ ที่จะทำให้พี่เก่งเสียดายไอ้ปอ"
"อันมี้มึงไม่จำเป็นต้องรู้ มึงแค่ไปล่อพี่เก่งให้ออกมาก็พอ" เชียร์พูดแค่นี้แล้วก็รีบลากผมกับปอออกจากบ้าน
"เราต้องเปลี่ยนแปลงโฉมกันก่อน เพราะวันนี้เราจะไปปฏิบัติการที่บาร์เกย์"

เชียร์ยืนมองผม กับปอ อยู่หน้าร้านตัดผม
เชียร์ยืนมองดูที่ผมก่อนแล้วมัดผมของผมที่ยาวเกือบถึงไหล่
"ผมมึงยาวมากเลยน่ะ รกรุงรัง ต้องตัดให้เป็นทรงมากกว่านี้ เพราะรูปหน้ามึงสวย"
เชียร์พูดเสร็จ ก็ถอดแว่นผมออก
"โห! มึงใส่แว่น กับมึงตอนถอดแว่นยังกะคนละคน" ผมตกใจเลยมองดูตัวเองที่กระจก เหมือนที่เชียร์พูด ถ้าผมตัดผม กับถอดแว่น จะดูดีกว่าตอนนี้มากๆ
"แล้วก็ทำสีผมออกน้ำตาลอ่อนๆประกายทองน่ะ"
แล้วเชียร์ก็หันมาทางปอ
ปอเองผมยังไม่ยาวมากเพราะ เพิ่งไปตัดทรงสกินเฮดมาก
"ส่วนมึงแค่ ไปเซ็ทผมให้มันตั้งๆ ส่วนด้านหน้าก็ปัดข้าง ทำสีผมให้มันเข้มกว่านี้หน่อยหล่ะกัน"
พอเชียร์พูดเสร็จก้พาผมกับปอเข้ามาที่ร้านตัดผม พร้อมพูดว่า
"พี่ครับช่วยเปลี่ยนลุคให้เพื่อนผมหน่อยน่ะครับ"

เวลาผ่านไปสองชั่วโมง ผมกับปอก็ยืนดูลุคใหม่ของแต่ละคน
ผมเองยังตกใจที่ผมเปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้ ปอเองก็เหมือนกัน
เชียร์เดินเข้ามากอดผมกับปอ
"ตอนนี้เราเปลี่ยนทรงผมแล้ว ต่อไปเราจะจับพวกมึงใส่เสื้อผ้ากัน"
พวกเราทั้งสามกลับมาที่บ้านเชียร์ เชียร์ขนเสื้อผ้าของมันที่มีมากมายกายกอง เอาออกมาวางที่เตียงนอน
เชียร์เริ่มที่ผมก่อน
"มึงใส่แต่เสื้อยืดโปโล ใหญ่ๆ ต้องเปลี่ยนมาใส่เสื้อยืดรัดรูป สีจัดๆหน่อย เพราะมึงผิวขาว จะได้เด่นๆ"เชียร์ก็คว้าเสื้อยืดสีชมพูตัวหนึ่งมาให้ผม
"ส่วนไอ้ปอ ต้องใส่เสื้อโชว์กล้ามหน่อย เสื้อแขนกุดแบบซีทรูล่ะกัน" เชียร์ขว้างเสื้อแขนกุดสีดำ แบบซีทรูที่เป็นตาข่ายเล็กๆให้ปอ ปอมันเป็นคนหุ่นดี กล้ามแขน กล้ามท้อง กล้ามหน้าอก เป็นมัดๆ เพราะมันชอบไปเล่นฟิตเนส
"ส่วนกางเกง ก็ใส่กางเกงยีนส์ขาม้า เอวต่ำล่ะกัน"เชียร์โยนกางเกงยีนส์ข้ามามาให้ผม กับปอ ผมใส่สีน้ำเงิน ส่วนปอใส่สีดำ
"ต่อไปก็กางเกงใน"เชียร์เอ่ยเรื่องสุดท้าย ทำเอาผมกับปองงไปตามๆกัน แล้วทำไมต้องเปลี่ยนกางเกงในที่ใส่ด้วยเล่า
"นี้ๆ จี-สตริง เวลาใส่จะได้ว่องไวคล่องแคล่ว ตอนเต้น"เชียร์หยิบกางเกงใน จี-สตริงขึ้นมาให้พวกเราดู
"นี้มึงจะให้พวกกรูใส่ หรือจะอวดวว่าตัวมึงใส่กันแน่"ผมกวนมัน
"5555 ล้อเล่น เรื่องเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว ต่อไปก้หน้าตาของมึง"
เชียร์พาผมมาหน้ากระจก
"โจ้ มึงต้องใส่คอนเทค เลนส์น่ะ เอาสีอะไร" เชียร์ให้ผมเลือก มีสีน้ำตาลอ่อน สีเทา สี้น้ำเงินทะเล
"ไม่รู้อ่ะ มึงคิดว่าอันไหนที่เข้ากับกรูล่ะ"ผมไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้ต้องให้เจ้าแม่แฟชั่นอย่างเชียร์จัดการ
"กูว่าสี้นำเงินก็โอเค เอาสีน้ำเงินล่ะกัน" เชียร์ก็สอนวิธีการใส่คอนเทคเลนส์ให้ผม
"ต่อไปเราก็ต้องแต่งหน้ากัน" เชียร์พูดพร้อมหยิบเครื่องประทินโฉมมา
"เฮ้ย!! ต้องขนาดนั้นเรยเหรอว่ะ"ปอโวยวาย
"แหม มึงไปบาร์เกย์ ทุกคนแม่งก็แต่งตัวกันสุดฤทธิ์ มึงอย่าลืมดิว่ามึงต้องทำให้พี่เก่งสะดุดตาให้ได้" ปอเลยยอมทำตามไอ้เชียร์(ปอมันไม่ชอบแต่งหน้าอ่ะคับ ส่วนผมแต่งไม่เป็นอ่ะ)
"ก็ใช่รองพื้น เพื่อทำให้หน้าเนียนหน่อยๆ ไม่ต้องพอกซะหน้าวอกน่ะเว้ย เอาแค่ให้หน้าเราใสๆหน่อยก็พอ"เชียร์ค่อยสอนพวกเราไปเรื่อย จนจบทุกอย่าง
"พวกมึงพร้อมหรือยัง"เชียร์ถาม
"โอเค" ผมกับปอตอบพร้อมกัน
"งั้นไปปฏิบัติตามแผนกันเลย"

คู่ที่ 2

ณ บาร์เกย์แห่งหนึ่ง ผมพาเพื่อนๆมาเปิดหูเปิดตา พร้อมกับทำตามแผนที่ว่างไว้
ผมกับโจ้มารอพี่เก่งอยู่หน้าร้าน โดยผมเป็นคนนัดแนะให้ แล้วให้โจ้อยู่กับพี่เก่ง
ส่วนปอ ไปทำตามแผนที่วางไว้ อยู่หลังร้าน
โจ้ตื่นเต้น เพราะไม่เคยมาบาร์แบบนี้(เพื่อนผมมันเด็กเรียน ไม่ใจแตกเหมือนผม)
ผมมองดูโจ้ เวอร์ชั่นใหม่ ที่ดูเปรี้ยวมากๆ ลบภาพเอ๋อๆของมันไปได้หมด รับรองพี่เก่งติดมันงอมแงมแน่

พอพี่เก่งมาถึง ก็ต้องตกใจเมื่อเห็นโจ้
"น้องโจ้เหรอเนี้ย ไปทำอะไรมา ยังกับคนละคน" พี่เก่งเดินเข้าไปชมโจ้เป็นอย่างแรก
โจ้ยิ้มให้พี่เก่ง แต่ตัวนี้ติดกับผม มันคงกลัวพี่เค้ามั้ง
"เชียร์พาเพื่อนไปทำอะไรมาหล่ะ น่ารักเชียววันนี้" พี่เก่งยังไม่เลิกชมโจ้
"ชมแต่โจ้ ไม่ชมเชียร์เลยเหรอ" ผมทำเป็นแกล้งงอน
"เชียร์น่ารักอยู่แล้วไง วันนี้ทำไมถึงอยากมาเที่ยวกับพี่หล่ะ" พี่เก่งสงสัย
"อ๋อ โจ้มันอยากเปิดหูเปิดตา เลยอยากหาคนพามันไปเที่ยวหน่อย"
"แล้วเชียร์ไม่พาไปเพื่อนเที่ยวหล่ะ" พี่เก่งถามผม
"ผมนัดคนอื่นไว้ แล้วก็.."ผมกระซิบข้างๆหูพี่เก่ง "โจ้มันอยากไปเที่ยวกับพี่อ่ะ"
พี่เก่งยิ้มๆเหมือนพอใจ
ผมเลยแยกตัวจากโจ้และพี่เก่ง เพื่อไป ทำตามแผนที่ว่างไว้

ที่หลังร้าน ผมเข้าไปหาเจ้าของร้าน
"พี่ครับ อย่าลืมเรื่องที่ผมวานให้พี่ช่วยน่ะ"
เจ้าของร้านพยักหน้า พลางถามว่า
"ไหนหล่ะ คนที่บอกมาหรือยัง พี่จะได้ไปบอก ดีเจ ให้เตรียมเพลงไว้เลย"
"เเต่งตัวอยู่ด้านหลังครับ" ผมตอบพี่เจ้าของร้าน
ผมหันไปมองเพื่อนของผม ท่าทางคงจะพร้อมแล้ว และก็หันไปมองพี่เก่ง กับ โจ้ที่อยู่ในร้าน โจ้เองก็คงคงพร้อมแล้วเช่นกัน
"คงพร้อมแล้วครับ งั้นเริ่มได้เลยครับ"
สิ้นเสียงผม ไฟในบาร์ก็ดับหมด มีเพียงสปอร์ตไลท์ที่ฉายมาตรงกลางบาร์ ซึ่งเป็นฟอร์ล ไว้สำหรับเต้นรำ

เสียงเพลง กระหึ่มขึ้น พร้อมมีหนุ่มน้อยใส่หมวกในชุดเสื้อกล้ามครึ่งตัว กับกางเกงยีนส์ขาสั้น เดินมากลางฟอร์ล ที่สปอร์ตไลท์ฉายอยู่นั้น
พร้อมเต้นตามจังหวะเพลง ทุกคนในบาร์ต่างจ้องมองหนุ่มคนนั้น
นอกจากลีลาการเต้นที่ดึงดูด และยั่วยวนทุกสายตาในบาร์แล้ว หุ่นที่สมส่วนของหนุ่มปริศนานี้เองก็เรียกเสียงกรี๊ด จากคนในร้านได้เป็นอย่างดี
หนุ่มน้อยเต้นตามจังหวะเพลง แล้ววิ่งไปจับเสาอะโกโก้ หันหน้าไปหาเสา แล้วโยกตัวตามจังหวะเพลง
หนุ่มน้อยเอามือจับเสาแล้วย่อตัวลงแอนเป้าของตัวเองแล้วค่อยๆไถ่กับเสาขึ้น เสียงคนในร้านยิ่งดังกว่าเก่า
หนุ่มน้อยหันหลังแอ่นก้นของตัวเองแล้วค่อยไถ่กับเสาลงมา
คนในร้านส่งเสียงเชียร์ให้เต้นต่อ
หนุ่มน้อยปริศนา ยังเต้นต่อไปเรื่อยๆจนจบเพลง
จนในที่สุด จังหวะกลองเป็นสัญาณของการจบเพลง
หนุ่มน้อยถลาตัวสไลด์กับพื้น พร้อมเขวี้ยงหมวก เผยให้เห็นโฉมหน้าอันหล่อเหลา

ผมเองยังแปลกใจกับท่าเต้นที่ยั่วยวนของเพื่อนตัวเอง ไม่นึกว่าปอมันจะกล้าได้ขนาดนี้ แผนของผมยังไม่จบนี้มันแค่เริ่มเท่านั้น

คู่ที่3

ผมลุกขึ้นยืน พร้อมโบกมือบายบายทุกคนในร้าน ที่ต่างปรบมือและกรี๊ด กับการแสดงของผม
ผมหันไปมองพี่เก่ง กับโจ้ ที่นั่งอยู่ตรงมุมร้าน สายตาพี่เก่งดูตกใจ ที่ไม่นึกว่าหนุ่มปริศนาที่มาเต้นจะเป็นผม

เจ้าของร้านเดินถือไมค์ พร้อมประกาศว่า
"วันนี้เรามีสิ่งพิเศษ มาเสนอทุกท่าน"
คนในร้านต่างสนใจเจ้าของร้าน
"เราจะให้ทุกคนประมูล เพื่อค่ำคืนอันพิเศษของคุณกับ หนุ่มน้อยนักเต้นคนนี้" สิ้นเสียงเจ้าของร้าน ทุกคนต่างโห่ร้อง ดีใจ
ไม่น่าเชื่อว่าผมจะกลายเป็นจุดสนใจของคนได้มากขนาดนี้
"เราจะเริ่มต้น ด้วยราคา 5พันบาท" สักพัก ก็มีคนเสนอราคาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆอย่างรวดเร็ว
ผมยังสังเกตุพี่เก่งอยู่ พี่เก่งหันมาสบตาผม
ดูท่าทางพี่เก่งอึดอัดน่าดู

"ตอนนี้ราคา ถึง สองหมื่นแล้วน่ะครับ" ผมหันมามองเชียร์ที่แอบอยู่หลังร้าน
เป็นไปตามแผน เชียร์ได้นัดแนะให้คนหนึ่งเสนอราคาให้สูงที่สุด
ดูท่าทางคนในร้านจะไม่สู้กับราคานี้
"ตกลง เราจะจบด้วยราคาสองหมื่นน่ะครับ"เจ้าของร้านประกาศการสิ้นสุดการประมูล
"เดี๋ยวก่อน ผมให้สามหมื่น" ผมหันไปมองสียงนั้น ทุกคนในร้านต่างมองมาทางเสียงนั้น
คนที่เสนอราคาคนสุดท้ายคือ พี่เก่ง
พูดจบพี่เก่งเขียนเช็ค แล้วเดินมาที่กลางฟอร์ล พร้อมลากผมออกจากไป

ผมเดินตามพี่เก่งออกมาจากบาร์
"นี้มันอะไรกัน ทำไมปอถึงทำแบบนี้" พี่เก่งเริ่มตะคอกใส่ผม
ผมไม่ตอบ ได้แต่จ้องหน้าพี่เก่ง
"ทำเพื่อประชดพี่ใช่ไหม" พี่เก่งจ้องหน้าผมกลับ
สายตาพี่เก่งที่มองผมดูแปลกไป มันเหมือนแฝงอะไรบางอย่าง
พี่เก่งค่อยๆก้มลงจะมาจูบผม
ผมรีบผลักพี่เก่ง แล้วพูดกับพี่เก่งว่า
"พี่เป็นคนบอกผมไม่ใช่เหรอ ว่าให้ลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อวันนั้น แล้วพี่จะมารื้อฟื้นอะไรอีกหล่ะ หรือทำไปเพราะเสียดายเงินที่ประมูลไป" ผมเริ่มโมโห
"เอาเงินของพี่ไปเถอะ จำไว้เลยน่ะ ผมลืมเรื่องราววันนั้นไปหมดแล้ว" ผมเดินหนีพี่เก่ง พี่เก่งยังมาคว้ามือผมไว้
"พี่ไม่เชื่อหรอกว่าปอ จะลืมพี่ได้ แล้ววันนี้ที่ปอขึ้นไปเต้น ปอต้องการอะไร" พี่เก่งถามผม
ผมไม่ตอบอะไรทั้งนั้น พร้อมสะบัดมือพี่เก่งออกอย่างแรง
ผมเดินเข้าไปหาผู้ชายคนหนึ่งที่มาเที่ยวที่บาร์ ดูท่าทางธรรมดาๆต่างจากพี่เก่งโดยสิ้นเชิง
"คุณสนใจจะนอนกับผมหรือเปล่า"ผมเดินเข้าไปถามตรงๆ
ผู้ชายคนนั้นดูตกใจ ถามผมว่า"คุณคือคนที่เต้นเมื่อกี้นี้ ผมคงไม่มีเงินให้คุณถึงสามหมื่นหรอก"
"ไม่ต้องหรอก ผมให้คุณนอนกับผม ฟรี ไม่ต้องเสียเงิน" พุดจบ ผมก็จูบปากกับผู้ชายต่อหน้าพี่เก่ง
ผมหันไปมองพี่เก่ง "นี้ไงคือคำตอบของผม" แล้วผมก็เดินไปกับผู้ชายคนนั้น
แม้ผมจะไม่พยายามสบตาพี่เก่ง แต่ผมกู้รู้ว่า พี่เก่ง ร้องไห้!!!!

----- จบตอนที่13 -----
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: naumi ที่ 16-01-2008 18:57:30
บอกได้คำเดียว สะใจอ่า :a2:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: KiKuMon ที่ 16-01-2008 19:39:23
 o13 o13 o13 o13 o13 o13

สะใจด้วย

แล้วก็ขอบคุณคับมาลงให้ 2 ตอนเลยวันนี้
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: myLoveIsYOu ที่ 16-01-2008 19:45:11
โอ้ย สะใจ

แต่ดูเหมือนคู่หนึ่ง มีลางไม่ดีมาเยือนแล้ว

อาจารย์เบนจะรักโจ้ จริงหรือเปล่า ก็ไม่รู้  :m15:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 16-01-2008 21:23:31
 :เฮ้อ: ประชดเขา หรือเราไม่เจ็บ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 16-01-2008 22:03:18
รู้สึกว่าเรื่องราวของคู่ที่สาม
ปอกับพี่เก่ง เรื่องราวพล็อตเรื่องดูจะวิ่งไม่หยุดดี น่าติดตาม
ว่าจะลงเอยและเอาชนะกิเลสที่ติดอยู่ในตัวพี่เก่งได้อย่างไร
 :mc2: :mc2: :mc2: :mc2:

จารย์เบนนี่ก็ไม่น่าไว้ใจเลยเจงๆ
ดูลับๆล่อๆ พร้อมจะหายตัวไปตลอดเวลา
 :m21:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: kuza..bapunk ที่ 16-01-2008 23:04:50
รอตอนต่อไป.....
อ๊ากๆๆ....ค้างๆๆๆ :serius2:
รอๆๆๆหนุกๆๆๆ :m1:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: TONG ที่ 17-01-2008 09:17:12
สะใจมากมาย ทำได้ดีมากผอ

กลัวใจจารย์เบนจังอ่า ท่าทางลึกลับชอบกล คงจะมีแต่คู่เชียร์ละมั้งที่ดูไม่น่ามีเรื่อง
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: wutwit ที่ 17-01-2008 09:18:58
สะใจดีชะมัด ..............
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 17-01-2008 10:57:39
 o7
อ่านแล้วให้อารมณ์คู่สามแบบว่า ฆ่าฉัน ฆ่าฉัน ให้ตายดีกว่า....
5555555
สะใจคนอ่านมากครับ
เชียร์ยี่คิดแผนได้เริ่ดมาก :m4:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: MiTo™ ที่ 17-01-2008 13:40:49
ผมชอบเรื่องนี้มากเลยอ่า
โดย เฉพาะคู่ที่สาม ผมชอบความคิด ของตัวแต่ละตัว

เป็นกำลังใจให้นะก๊าบ ชอบ ชอบมาก ชอบมากที่สุด







ปล. ถ้าจบไม่ happy นะ  o12
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: ronger ที่ 17-01-2008 16:17:09
ชอบปอจังเลย :m1:  กับพี่เก่งมันต้องหยั่งงี้ หุหุหุ  :a2:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: jojoe ที่ 17-01-2008 19:11:44
Three Couple of love บทที่14 วันพิเศษกับคนพิเศษ
คู่ที่1
การสอบปลายภาคสิ้นสุดลง หลังจากต้องอดทนอ่านหนังสือ อดหลับอดนอนมาหลายคืน
แต่โชคดีที่มีอยู่หนึ่งวิชา ที่ไม่ต้องอ่านหนังสือมากมายเท่าวิชาอื่น
นั่นก้คือวิชาที่อาจารย์เบนสอน เพราะได้เจ้าของวิชาเป็นติวเตอร์ให้อย่างดี
วันสุดท้ายที่สอบเสร็จ ผมเริ่มวางแผนการอยากไปเที่ยวกับอาจารย์ ไปไหนดีน่า ทะเล ภูเขา ป่า
ผมเลยไปถามอาจารย์เพื่อช่วยออกความเห็น “โทดทีน่ะ อาจารย์ต้องทำงานช่วงปิดเทอม” ผมลืมไปว่า งานของอาจารย์ยังต้องทำในช่วงปิดเทอม ไม่เหมือนผม
ผมทำหน้าเศร้าๆ นึกว่าจะได้ไปเที่ยวกับอาจารย์แล้วเชียว
อาจารย์เห็นผมเงียบๆไป เลยเข้ามากอด “ไปดูหนัง กินข้าว ที่ห้างก็ได้นี่” อาจารย์พยายามปลอบ แต่ผมก็อยากไปเที่ยวต่างจังหวัดมากกว่า มันคงจะโรแมนติกกว่าไปเที่ยวแบบบที่อาจารย์บอก
ผมเลยต้องวางแผนหาที่เที่ยวใหม่
โดยปกติแล้ว ในช่วงเดือนตุลาคม หรือช่วงปิดเทอมเล็ก ผมจะหาวันๆหนึ่งกลับไปเยี่ยม สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ที่ผมเติบโตมาในวัยเด็ก
ผมเลยนึกอยากชวนอาจารย์ไปที่นั้น ไปแค่วันเดียวคงไม่มีปัญหาอะไร ผมเลยไปชวนอาจารย์อีกครั้ง
ปรากฏว่าอาจารย์ยอมไปกับผม
ผมกับอาจารย์จึงไปที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าด้วยกัน ผมต้องรออาจารย์เคลียร์งานให้เรียบร้อยซะก่อน
ผมมาถึงที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแต่เช้า เพราะอยากใช้วันๆนี้ให้คุ้มค่าที่สุดกับอาจารย์
ผมมองดูสถานที่ที่ผมเติบโตมาตั้งแต่เด็ก ที่นี้ดูเปลี่ยนไปเยอะจากเมื่อก่อน ผมเห็นเด็กๆ กำลังวิ่งเล่นไปมา ทำให้นึกถึงตัวเองที่เคยวิ่งเล็กอยู่ มีซิสเตอร์(นักบวชหญิงในศาสนาคริสต์)คอยดูแลอยู่ตลอดเวลา
ซิสเตอร์ที่กำลังดูแลอยู่นั้น เห็นผมกับอาจารย์ยืนอยู่ที่หน้าศูนย์(ขอเรียกสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ว่าศูนย์น่ะครับ)
ซิสเตอร์ท่านนั้นจึงเดินมาหาผม “มาหาใครหรือค่ะ หรือจะมาเยี่ยมเด็กๆ”
ผมยิ้มให้กับซิสเตอร์พร้อมยกมือขึ้นไหว้ “สวัสดีครับ ซิสเตอร์มีเรียม” ผมทักทายซิสเตอร์ผู้นั้นด้วยความคุ้นเคย
ซิสเตอร์ดูตกใจเล็กน้อย ก่อนจะเปลี่ยนท่าทีเดินเข้ามากอดผม “โจ้นี้ ไม่ได้เจอตั้งนาน เป็นไงบ้าง”
ผมโอบกอดซิสเตอร์ผู้ที่คอยถนอมเลี้ยงดูผม และ เด็กกำพร้าอีกมากมาย
“ผมสบายดีครับ ซิสเตอร์เป็งไงบ้างครับ” ผมตอบ
ซิสเตอร์ยิ้มให้ผมก่อนพูดว่า “ก็เหมือนเดิม แก่ขึ้นทุกวัน เด็กๆก็เพิ่มขึ้น โชคดีที่มีพวกศิษย์เก่าเขากลับมาช่วย เข้าไปข้างในก่อนเถอะ” ซิสเตอร์พาผมกับอาจารย์พาผมกับอาจารยืเข้าไปในศูนย์
ผมเดินผ่านพวกเด็กที่กำลังเล่นอยู่ตรงสนามเด็กเล่น พอพวกเด็กๆเห็นผมกับอาจารย์ก็วิ่งกรูกันเข้ามาหา อาจารย์ตกใจเล็กน้อยเพราะยังตั้งตัวไม่ทัน ผมเลยหันไปบอกกับอาจารย์ “เด็กพวกนี้ เขาจะดีใจ ที่เวลามีใครมาเยี่ยม ตอนผมเด็กๆก็เป็นเหมือนกันครับ” ผมจำได้ว่าตอนผมเด็กๆ เวลาที่มีใครมาเยี่ยมพวกเราที่ศูนย์ผมก็จะวิ่งกรูไปให้เขาอุ้ม กอด ก็พวกผมไม่เคยได้รับความอบอุ่นเหมือนเด็กๆทั่วๆไปนี้
ซิสเตอร์มีเรียมพาผมมาที่ห้องรับรอง ผมแนะนำอาจารย์ให้ซิสเตอร์รู้จัก ผมกับซิสเตอร์พูดคุยถึงสารทุกข์สุกดิบ
ผมเอ่ยถามถึงบรรดาเพื่อนๆของผม เพราะตอนนี้คงโตๆกันหมดแล้ว ไม่รู้จะแยกย้ายไปที่ไหนบ้าง
ส่วนมากเพื่อนของผมจะมีคนขอไปเลี้ยงบ้าง ทั้งคนในประเทส และคนต่างประเทศ เพื่อนผมคนหนึ่ง มีคนแคนนาดา มาขอไปเลี้ยง ตอนนี้ก็เปลี่ยนสัญชาติเป็นคนแคนนาดาไปแล้ว ถ้าคนไหนไม่ได้มีใครขอไปเลี้ยงก็จะอยู่ในที่ศูนย์แห่งนี้จนกว่าจะโตพอที่จะออกไปทำงาน หรือ ดูแลตัวเองได้ และจะมีบางคนขอกลับมาทำงานที่ศูนย์ ผมเองก็เคยมีความคิดที่อยากกลับมาทำงานที่ศูนย์ มาทดแทนบุญคุณของศูนย์ที่คอยช่วยเหลือผมให้ได้เจอโอกาสดีดี ได้เรียนในโรงเรียนดีดี ได้เจอเพื่อนดีดี และได้เจอกับอาจารย์
หลังจากคุยกับซิสเตอร์แล้ว ซิสเตอร์ก็พาผมกับอาจารย์ไปเยี่ยมน้องๆ ผมได้เจอเพื่อนเก่า ที่เคยอยู่ที่นี้ด้วยกัน เลยเข้าไปทักทาย ซิสเตอร์เลยพาอาจารย์ไปเล่นกับน้องๆ
ช่วงที่ผมคุยกับเพื่อนผมก็จะหันไปดูอาจารย์ที่กำลังหยอกล้อกับพวกเด็กๆ อาจารย์อุ้มเด็กคนหนึ่งแล้วให้เด้กคนนั้นขี้คออาจารย์ เป็นภาพที่ผมประทับใจมากๆ
ก่อนที่ผมจะกลับ ผมก็ไปช่วยซิสเตอร์ตักกับข้าวให้น้องๆ
อาจารย์เองก็ไปป้อนข้าวน้อง ดูอาจารย์มีความสุขกับการได้อยู่กับเด็กๆ ทำให้ผมยิ่งชอบอาจารย์มากขึ้น
ผ่านไปแล้ววันๆหนึ่ง กับคนพิเศษของผม ระหว่างทางกลับบ้าน ผมถามอาจารย์ถึงวันๆนี้ว่ารู้สึกยังไงบ้าง
อาจารย์ยิ้มและตอบผม “ผมมีความสุขมาก พวกเด็กพวกนั้นน่ารักมากเลยน่ะ ทำไมพ่อแม่บางคนถึงใจร้าย ทิ้งเด้กๆพวกนั้นได้ลงคอ” สิ่งที่อาจารย์พูดทำให้กลับมานึกถึงตัวเอง
สาเหตุที่แท้จริงที่ผมเป็นเด็กกำพร้า ผมเลยร้องไห้ออกมา อาจารย์เองก็ตกใจเห็นผมร้องไห้ เลยเข้ามาปลอบผม “โจ้เป็นอะไร” ผมเอามือปิดหน้า
พอกลับมาถึงที่ห้องแล้วเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง ที่จริงผมเป็นลูกครึ่ง ไทย เดนมาร์ก พ่อของผมเป็นคนเดนมาร์กที่มาเที่ยวในเมืองไทย แล้วไปมีอะไรกับแม่ของผมซึ่งเป็นคนไทย แต่พ่อไม่ยอมรับแม่ผม ทำให้แม่ผมเสียใจมาก พอคลอดผมได้ไม่กี่เดือน ก็ฆ่าตัวตาย ซิสเตอร์มีเรียเป็นญาติผู้ใหญ่ของแม่ผม เลยนำผมมาเลี้ยงไว้ที่ศูนย์นี้
พอผมเล่าเรื่องราวชีวิตของผม ผมก็โผ่เข้าไปกอดอาจารย์ “อาจารย์อย่าทิ้งผมไปน่ะ ผมรักอาจารย์น่ะครับ” น้ำตาของผมไหลไม่หยุด อาจารย์จับค้างของผมแล้วค่อยๆเช็ดน้ำตาให้ ก่อนจะมาจูบที่หน้าผากของผม
อาจารย์ไม่ได้พูดอะไร แล้วก็เดินออกจากห้องของผม ผมเดินไปส่งที่หน้าประตู ผมยิ้มให้กลับอาจารย์เป็นการร่ำลา แล้วมองอาจารย์เดินกลับไป
พอผมจะปิดประตู ผมสังเกตเห็นว่า ประตูของห้องตรงข้ามของผมไม่ได้ปิด และผมเห็นแววตาหนึ่งอยู่ที่หน้าประตูนั้น
เล้งจ้องมาที่ผม “เรามีเรื่องต้องคุยกันน่ะ โจ้”
คู่ที่2
เย้ เย้สอบเสร็จแล้ว ในที่สุดก็ปิดเทอมสักที ผมจะได้ไปเที่ยวกับพี่เอก
ปิดเทอมตุลา คงไปแถวเอเชียดีกว่า ไปไหนดี ฮ่องกง สิงคโปร์ ญี่ปุ่น
ถ้าปิดเทอมช่วงมีนา เมษา ค่อยไป แถวยุโรป
ผมเลยไปชวนพี่เอก “จะบ้าเหรอ พี่จะเอาเงินจากไหนไป แค่ค่าขึ้นเครื่องยังไม่มีเลย” พี่เอกบอกปฏิเสธ
“ไม่ต้องก้ได้ เดี๋ยวเชียร์ออกให้เอง” ผมเสนอสิทธิพิเศษ
"ยิ่งแล้วใหญ่ ไม่เอาอ่ะเกรงใจ”พี่เอกยังปฏิเสธเสียงแข็ง
“ไม่ไปก้ไม่ต้องไป แล้วไม่ต้องมาคุยกันเลย” ผมโมโห ก็คนอุตสาห์จะออกเงินให้
“ไม่เห็นต้องไปใกล้ๆเลย ไปเที่ยวในเมืองไทยก้ได้นี้” พี่เอกเริ่มไกล่เกลี่ย
“มันคนละอารมณ์กันเลยน่ะ”
“แหมๆ ถึงยังไงพี่ก็ไปไม่ได้ พี่ต้องทำงาน ต้องช่วยป๊า กับ ม้า อีกอ่ะ”พี่เอกอ้างเหตุผล ผมโกรธมาก
“งั้นก็ไปทำงานเลยไป ไม่ต้องมายุ่งเลยน่ะ ไปคนเดียวก็ได้” ผมงอนพี่เอกเพราะเรื่องนี้ไปหลายวัน พี่เอกเองก็โทรมาง้อผม แต่ผมก็ไม่ยอม นี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมทะเลาะกับพี่เอก และทุกครั้งก็เป็นผมที่มักเอาแต่ใจ ไม่ยอมฟังพี่เอก แต่พี่เอกไม่เคยว่า แต่จะมาขอโทดผมเสมอ
ผ่านไปหลายวัน จนเกือบจะเปิดเทอม พี่เอกเองก็ไม่โทรมาหาผม จนผมอดระแวงว่าพี่เอกอาจทนผมไม่ไหว
เลยลองเช็คว่าพี่เอกงอนผมกลับหรือเปล่า
ผมไปหาพี่เอกที่ฟิตเนส พี่เอกเห็นผมแต่ไม่ยอมทักผม ผมจะเข้าไปหาพี่เอกก็เดินหนีผมไปไหนก็ไม่รู้ โทรศัพท์ก็ไม่ยอมรับ เวรกรรม ไม่เคยเจอใครงอนกลับเลยน่ะเนี้ย กลายเป็นว่าผมต้องเป็นคนไปง้อพี่เอกแทน
ผมนั่งนึกอยู่นาน ก่อนจะนึกได้ว่าตอนนี้ปะป๋า ของพี่เอกไม่สบาย หม่าม้าก็ต้องคอยดูแล มีแต่น้องโท และ น้องตรี ที่ต้องขายผักที่ร้าน
ผมเลยจะไปช่วยน้องๆของพี่เอกขายผักดีกว่า พี่เอกคงจะหายงอนผม
ผมเลยไปตลาดที่ร้านขายผัก เห็นน้องโทกำลังจัดผักอยู่หน้าร้าน ส่วนน้องตรีก็กำลังเข็นรถเข็นที่ใส่ตะกร้าขนผัก ผมเลยวิ่งเข้าไปช่วย น้องทั้งสองคนเห็นผมก็เกรงใจ ไม่ค่อยอยากให้ผมช่วย
“ไม่เป็นไรหรอกครับ พี่เชียร์ มันเป็นงานของพวกผม” น้องโทพูดกับผม
“แค่นี้เอง ให้พี่ช่วยดีกว่าน่ะ”ผมพูดกับน้องโท ที่จริงผมกับน้องๆสองคนก็สนิทกัน เพราะผมมาค้างบ้านพี่เอกบ่อย ผมเลยเล่าเรื่องที่พี่เอกงอนผมให้น้องโทฟัง น้องโทเลยยอมให้ผมช่วย
“แต่พี่เชียร์ไปเปลี่ยนชุดดีกว่า”ผมมองดูตัวเองที่ใส่เสื้อเชิ้ตเพลย์บอย กับกางเกงยีนส์ดีเซล และรองเท้าหนังแดปเปอร์ ผมเลยไปเปลี่ยนชุดเป็น เสื้อยืดตราห่านคู่ กางเกงขาก๋วย กับรองเท้าแตะแบบหูหนีบ น้องตรี กับ น้องโท จับผมแต่งตัวเป็นเด็กขายผักซะเต็มยศ
ผมเริ่มงานแรกคือ เอาผักที่อยู่ที่บ้านมาใส่ตะกร้า แล้วค่อยๆยกตะกร้าขึ้นรถเข็นผัก จากนั้นก็เข็นผักไปที่ร้านในตลาด ยกตะกร้ามาวางไว้ที่หน้าร้าน แล้วจัดผักที่หน้าร้านให้เป็นระเบียบ ทำอยู่อย่างนี้ สัก3-4รอบ จนผักเต็มร้าน สักพักก็ช่วยน้องโท ขายผัก แรกๆก็สนุกหรอกน่ะ แต่เหนื่อยชิปเป๋งเลยอ่ะ
ตอนที่ขายผัก ผมได้มีเวลาคุยกับน้องโทบ้าง “พี่เชียร์ทำไมถึงชอบพี่เอกหล่ะครับ”
น้องโทถามผมอย่างนี้ผมเองก็อึ้งไม่รู้จะตอบอะไร แต่ก็ตอบไปว่า “พอพี่อยู่กับพี่เอก พี่มีความสุขดี พี่เอกเค้าจะทำให้พี่มีความสุขเสมอๆ พี่เอกเค้าทำให้พี่รู้ว่า เค้ารักพี่มากขนาดไหน”ผมตอบพร้อมรอยยิ้ม
น้องโทเองก็ยิ้มไปกับผมด้วย “พี่เอกได้ยินคงดีใจน่ะ”
“อืมม ได้ยินแล้ว”เสียงพี่เอกดังมาจากข้างหลังผม ผมหันไปมองเห็นพี่เอกยิ้มจนตาหยี
“วันนี้เรามีเด็กขายผักมาเพิ่มหรือไง” พี่เอกแซวเมื่อเห็นผม
ผมไม่ตอบอะไรได้แต่ยิ้มตอบ “หายงอนแล้วเหรอ"
“ใครงอนใครกันแน่”
“วันนี้ไปหาที่ฟิตเนสก็ไม่ยอมมาคุยกันเลยนี่”
“เวลาทำงานนี้ จะมีเวลาคุยมั้ยหล่ะ เดี๋ยวโดนเจ้านายด่าพอดี” พี่เอกเดินมาลูบที่หัวของผม “ขอบใจน่ะที่มาช่วยน้องๆพี่”
ผมกับพี่เอก ก็ช่วยน้องๆเก็บร้าน แล้วผมก็กลับบ้าน โดยพี่เอกเดินมาส่งที่รถ
ผมกลับมาที่บ้าน เห็นพี่แจ๊ค คุยกับพ่ออยู่ ผมหวัดดีพ่อก่อนจะขึ้นไปที่ห้องโดยไม่ทักพี่แจ๊ค
“เชียร์มาคุยกันก่อนได้ไหม เรามีเรื่องต้องคุยกัน” พ่อเรียกผมเข้ามาคุย
ผมสงสัยเลยถามไปว่าเรื่องอะไร
พ่อไม่ตอบแต่พี่แจ๊คกลับเป็นคนตอบ “เรื่องที่น้องเชียร์ต้องไปเรียนที่อเมริกา ปลายปีนี้ยังไงหล่ะ”
คู่ที่ 3
แม้ตอนนี้ จะปิดช่วงปิดเทอม ผมก็ยังต้องมาเล่นดนตรีที่ผับตามปกติ
เพื่อนในวงวางแผนไว้กันว่าจะไปเที่ยวปีนเขา ผมเองก็อยากไปจะได้หายเครียดกับเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้น เพราะนับตั้งแต่วันที่ผมทำพี่เก่งร้องไห้ พี่เก่งคอยตามตื้อผมตลอด แต่ผมเปลี่ยนไปแล้ว ผมไม่แคร์พี่เก่งเหมือนแต่ก่อน
เหน่งมาชวนผมไปเที่ยว “ไอ้ปอ แกไปเที่ยวปีนเขาด้วยกันน่ะ กูอยากให้มึงไป”
ผมหันไปตอบเหน่ง “ไปดิ กูเองก็อยากไปเที่ยวกับมึง” ดูเหน่งจะดีใจเป็นพิเศษ ผมยิ้มให้เหน่ง เหมือนบอกเป็นนัยๆว่า มันคือเพื่อนที่ดีที่สุดของผม ผมเองคงต้องกลับมาทบทวน ความสัมพันธ์ของผมกับเหน่งบ้างแล้ว
ผมเองก็ยังตอบไม่ได้ ว่าผมยังรักพี่เก่งอยู่ไหม หรือผมเริ่มชอบเหน่งขึ้นมาแล้ว ผมขอใช้เวลาเป็นตัวตัดสินแล้วกัน
ผมมองไปดูรอบๆร้าน ปกติพี่เก่งจะมาดูผมร้องเพลง แล้วพยายามจะเข้ามาคุยกับผม แต่ผมจะคอยหนีตลอด ไม่ก็เหน่งจะมาขว้างไม่ให้เจอผม
แต่วันนี้ พี่เก่งไม่มา ผมน่าจะรู้สึกโล่งใจที่พี่เก่งไม่มาตื้อเหมือนทุกๆวัน แต่ผมกลับอยากให้พี่เก่งมา แม้ไม่ต้องพูดกัน ขอแค่เห็นหน้าก็ดี
ผมเริ่มตอบคำถามให้กับตัวเองได้แล้วว่า ผมยังไม่ลืมพี่เก่ง และยังรักพี่เก่งอยู่
ผมกำลังจะกลับบ้าน พร้อมกับเหน่ง ผมนั่งรอเหน่งให้เก็บของให้เรียบร้อย แต่ดูเหมือนเหน่งเดินหายไปไหนก็ไม่รู้
ผมเลยเดินตามหาเก่งทั่วร้าน เพื่อนๆในวงก็หายไป
ที่จริงวันนี้วงของผมไม่ได้เล่นเป็นวงสุดท้าย จะมีอีกวงมาเล่นต่อจากวงของผม
ไม่นานนัก วงต่อจากผมก็เริ่มเล่น ผมไม่ได้สนใจ เพราะมัวแต่ตามหาเพื่อน
แต่แล้วผมก็ต้องหันไปมอง วงดนตรีวงนั้น เพราะนอกจากเสียงดนตรี จะคล้ายกับเสียงของวงของผม และน้ำเสียงของคนร้องก็คุ้นเคยผมเป็นอย่างดี
“ ด้วยเหตุใดก็ตาม เธอไม่เคยรับรู้ ใกล้เธอสักเท่าไหร่แต่เหมือนไกล ไกลห่างกัน
ได้แค่มองหน้าเธอทำได้เพียงแค่นั้น หัวใจที่แอบฝังอยู่ใกล้กันยิ่งหวั่นไหว
หากเธอรู้ใจ หากเธอรู้ตัว เธอจะเข้าใจกันหรือเปล่า
ก็ไม่รู้เลย แต่ต้องพูดไป และจะมาเพื่อกวนใจคำถามเดียว
แค่อยากรู้รังเกียจกันไหม ขอให้มันอย่าเป็นแบบนั้นเลย
อยากได้ยินเสียง คนที่คุ้นเคย อยากเจอเธอคนเดิมที่เคยได้เจอในเมื่อวาน
หากพรุ่งนี้ทุกอย่างหมุนไป ฉันคนหนึ่งจะยืนตรงที่เก่า อยู่เพื่อบอกเธอ คำที่ค้างใจ
ต่อให้มันจะไม่มีวันเป็นจริงเลยก็ตาม อยากให้รู้ว่ารักเธอ
อยากให้หันมาหน่อย อยากให้มองหน้ากัน ถ้าเธอไม่หวั่นไหว กับสายตาคนอย่างฉัน
ไม่บังคับใจเธอ หากเจอคนที่ฝัน หวังเพียงใครคนนั้น จะใกล้เคียงคนอย่างฉัน
หากเธอรู้ใจ หากเธอรู้ตัว เธอจะเข้าใจกันหรือเปล่า
ก็ไม่รู้เลย แต่ต้องพูดไป และจะมาเพื่อกวนใจคำถามเดียว
แค่อยากรู้รังเกียจกันไหม ขอให้มันอย่าเป็นแบบนั้นเลย
อยากได้ยินเสียง คนที่คุ้นเคย อยากเจอเธอคนเดิมที่เคยได้เจอในเมื่อวาน
หากพรุ่งนี้ทุกอย่างหมุนไป ฉันคนหนึ่งจะยืนตรงที่เก่า อยู่เพื่อบอกเธอ คำที่ค้างใจ
ต่อให้มันจะไม่มีวันเป็นจริงเลยก็ตาม อยากให้รู้ว่า...รักเธอ”
บนเวที เพื่อนๆของผมกำลังเล่นดนตรีกันครบทั้งวง ยกเว้นเหน่งที่ร้องคอรัสอยู่หลังเวที แต่นักร้องและมือกีตาร์คือ พี่เก่งที่กำลังร้องเพลง และ กำลังจ้องมองมาที่ผม
ผมยืนนิ่งฟังพี่เก่งร้องเพลง แม้พี่เก่งเองจะไม่ได้ร้องเพลงเพราะเหมือนเหน่ง และเล่นกีตาร์ไม่ดีเท่าผม แต่ผมกลับชอบที่พี่เก่งร้องเพลงนี้ เรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้น ที่พี่เก่งทำให้ผมเสียใจ ผมลืมมันไปในทันที ผมเผลอร้องไห้ออกมาโดยไม่รู้ตัว ผมรีบเช็ดน้ำตา และเดินออกมาจากผับ โดยพี่เก่งรีบเดินตามผมมา
พี่เก่งเรียกผม ผมจึงหยุดอยู่ตรงข้างๆถนน แต่ไม่ได้หันหลังกลับไปมอง ผมเองยังอายไม่กล้ามองหน้าพี่เก่งชัดๆ
“คือ...พี่ขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้น พี่ไม่รู้ว่าปอจะเสียใจ” พี่เก่งพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสำนึดผิด
“พี่อยากให้ปอรู้ว่าพี่เองก็เสียใจ” พี่เก่งเงียบไปสักพักหนึ่ง ก่อนจะพูดคำๆหนึ่งขึ้นมาว่า
“พี่ รัก ปอ น่ะ”
ผมรีบหันกลับไปมองพี่เก่ง ไม่นึกว่าพี่เก่งจะเป็นคนที่เอ่ยคำๆนี้มาก่อน
ขณะที่ผมยืนมองพี่เก่งอยู่ตรงข้างๆถนน ก็มีรถคันหนึ่งวิ่งมาทางผมด้วยความเร็วสูง
ผมหันไปมองรถคันนั้น ด้วยความตกใจ ทำให้ผมยังยืนช็อคอยู่ตรงนั้น ได้ยินแต่เสียงพี่เก่งที่ร้องตะโกนพูดกับผม “ปอ ระวัง!!!!”
สิ้นเสียงพี่เก่ง ผมเหมือนถูกผลักออกจากตรงถนนอย่างแรง ทำให้ตัวผมกระเด็นและกลิ้งไปอีกฟากหนึ่งของถนน
พอผมรู้สึกตัวผมก็รีบลุกขึ้นมองรอบๆที่เกิดเหตุว่าเกิดอะไรขึ้น ผมเห็นรถคันทีจะวิ่งชนผม จอดอยู่ไม่ไกลนัก
คนในรถก็เปิดประตูออกมา เจ้าของรถคนนั้น คือ โน้ต ที่เคยทำร้ายผม ผมไม่นึกว่าโน้ตจะเล่นงานผมได้ขนาดนี้
แต่สิ่งผมคาดไม่ถึงก็คือ ที่ๆผมเคยยืนก่อนจะถูกรถของโน๊ตพุ่งชน ผมเห็นผู้ชายคนหนึ่ง นอนจมกองเลือด ผมพยายามนึกทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ ว่าเมื่อกี้ผมเหมือนมีใครมาผลักผม และคนที่ผมได้ยินเสียงเป็นคนสุดท้าย คือ พี่เก่ง
ผมวิ่งไปที่ร่างนั้น แล้วค่อยๆประคองพี่เก่งขึ้น ผมทำอะไรไม่ถูกได้แต่ร้องไห้ “ไม่จริง ไม่ ไม่ ไม่ !!!!!!”
----- จบตอนที่14 -----

หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: KiKuMon ที่ 17-01-2008 20:33:25
คู่แรก

" อาจารย์ไม่ได้พูดอะไร แล้วก็เดินออกจากห้องของผม ผมเดินไปส่งที่หน้าประตู ผมยิ้มให้กลับอาจารย์เป็นการร่ำลา แล้วมองอาจารย์เดินกลับไป"

อ่านแล้วรู้สึกแปลกๆ เศร้าๆ ยังไงไม่รู้

คู่สอง

เชียร์คงไม่ทิ้งพี่เอกไปหรอกมั้ง

คู่สาม

 :serius2: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: naumi ที่ 17-01-2008 20:41:30
ว้ากกกกกกกกกกก ทำไมกลายเปนแบบนี้ไปได้ล่ะ o2 คนแต่งใจร้าย แงๆ
แล้วนี่พี่เก่งของช้านจะเปนไรมากม้ายยย เอ่อ ไม่ใช่ ของปอสินะ :m23:
ขออย่าให้พี่เก่งเปนไรมากเรย  :m15: เปนห่วงจัง
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 17-01-2008 20:50:37
หุหุ ท่าทางจะมีอุปสรรคทุกคู่เลยแฮะ ทั้งเพื่อน ครอบครัว และชีวิต   :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: อาจารย์..สีฟ้า ที่ 17-01-2008 20:55:20
อาจารย์กับลูกศิษย์รักกัน..มีแต่เศร้ากับเศร้า..อึดอัดบอกใครก็ไม่ได้ แถมยังผิดจรรยาบรรณวิชาชีพอีก..เหมือนกับผมอยากจะบอกดังๆๆให้ได้ยินทั่งโรงเรียน...ว่าคนที่สอนอยู่คนนี้ไม่ใช่ลูกศิษย์แต่เป็นสามีโว้ย.......อึดอัด :m15: :m15: :m15:

แต่ถึงจะผิดอย่างไร..ก็จะรักกันต่อไป... :m4: :m4:

เป็นกำลังใจให้คนโพสนะ...
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: TONG ที่ 17-01-2008 21:53:29
มีแต่อุปสรรคทุกคู่เลยจะรอดไหมเนี่ย
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 17-01-2008 22:05:38
ความอึดอัดทับถม ยากเกินบรรยาย :m15:
  o1
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 17-01-2008 22:15:09
คู่แรกเริ่มอึดอัด

คู่สองยังคงความน่ารัก

คู่สามเกือบจะดีแล้วเชียว
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 17-01-2008 22:55:27
เอ๊ยยยยยยยยยยยยยยย
อย่ามาตายแถวนี้น๊า
โอ้ม่ายยยยยยยยยยยยย :serius2:
เชียร์ต่อไปค้าบ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: -~iK@iZ_KunG~- ที่ 18-01-2008 16:56:22
มาอัพบ่อย ๆ นะครับ  :m1: :m1:

เศร้า  o7 o7
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: jojoe ที่ 18-01-2008 18:02:46
Three Couple of love บทที่15 รักของเราจะเป็นเช่นใด
คู่ที่1
เล้ง จ้องมองผม ผมเองก็รู้สึกกลัว กับสายตานั้น แต่ในใจนึกไว้ว่า แม้เล้งจะรู้เรื่องราวของผมกับอาจารย์ทั้งหมด หรือเล้งจะต้องการให้ผมเลิกกับอาจารย์ ยังไงผมก็ไม่มีวันทำอย่างนั้นเด็ดขาด
“เรารู้เรื่องทั้งหมดแล้ว ถึงนายไม่บอกเราก็เถอะ” เล้งพูดกับผม ผมเงีบยไม่พูดอะไร
“เราเองก็ไม่อยากก้าวก่าย เรื่องของนายหรอก แต่อาจารย์เค้ายังไม่บอกเรื่องบางอย่างกับนาย เราเป็นห่วงน่ะ เราไม่อยากให้นายเสียใจกับเรื่องนั้น อีกทั้ง ถ้านายยังดื้อดึงจะคบกัยอาจารย์ต่อไป สักวัน ก็ต้องมีคนรู้อยู่ดี แล้วต่อไปนายจะเป็นอย่างไร คิดดูดีดีน่ะโจ้” ผมไม่เข้าใจที่เล้งพูด มีเรื่องอะไร ที่อาจารย์ยังไม่บอกเรา
ผมถามเล้ง “อาจารย์ยังไม่ได้บอกอะไรกับเรา”
เล้งตอบผม “เอาไว้นายไปฟังจากปากอาจารย์เองแล้วกัน นายควรจะรู้เรื่องนี้จากเจ้าตัวดีกว่า”
ผมเองรู้สึกหวั่นๆกับเรื่องนั้น มันคืออะไรกันแน่?
ในวันเปิดเรียน ผมเดินมาหาอาจารย์ที่ห้องพัก แต่ไม่เจออาจารย์ ผมตั้งใจจะรอจนกว่าอาจารย์จะมา
ผมนั่งเล่นอยู่ที่โต๊ะอาจารย์ สักพัก เห็นซองกระดาษ สีขาว กับ ซองสีชมพู วางไว้อยู่บนโต๊ะ
ผมเองอยากรู้ว่ามันคืออะไร เลยหยิบซองสีขาวขึ้นมาเปิดดู
ปรากฏว่า เป็นใบขอย้ายของอาจารย์ไป มหาลัยที่ต่างจังหวัด ผมตกใจมาก เพราะอาจารย์ไม่เคยบอกเรื่องนี้ให้กับผม ทำไมอาจารย์ต้องย้ายด้วย
ผมจึงหยิบซองสีชมพูขึ้นมาดู ผมเห็นเป็นการ์ดรูปหัวใจ มันคือการ์ดแต่งงาน ผมเปิดดูการ์ดนั้น ผมแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง ว่าการ์ดนี้ เป็นการ์ดแต่งงานของอาจารย์ แล้วจังหวัดที่จัดงานแต่ง เป็นจังหวัดเดียวกับที่อาจารย์จะย้ายไปอยู่
นึกถึงคำพูดของเล้ง ที่เล้งบอกว่าอาจารย์มีบางอย่างปิดบังผมอยู่ เรื่องนี้เองเหรอ ทำไมอาจารย์ไม่เคยบอกผม
ผมทั้งโกรธ และเสียใจ ผมลุกขึ้นออกจากห้องพักพร้อมน้ำตา แต่มีคนมาคว้ามือผมไว้ “เป็นอะไรโจ้” อาจารย์เบนนั้นเอง
ผมมองหน้าอาจารย์ ด้วยความโกรธ ผมจึงตบหน้าอาจารย์เบน เพี้ย!!!! พร้อมว่าอาจารย์ “ทำไมถึงไม่ยอมบอกผม ว่าอาจารย์จะแต่งงาน”
อาจารย์นิ่งเงียบไปสักครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ “ผมขอโทษ เรื่องของเราคงจบลงเท่านี้”
ผมช็อคกับคำพูดนั้น น้ำตาของความเสียใจไหลมามาหยุด ผมจึงเดินกลับมาที่ห้อง แล้วล้มตัวลงนอน ร้องไห้ฟูมฟายกับสิ่งที่เกิดขึ้น
การที่เราไว้ใจใครมากๆ ให้ความหวังกับใครมากๆ ผลสุดท้าย เมื่อเรื่องราวไม่เป็นอย่างที่เราคิด คนที่เสียใจที่สุด คือ ตัวเราเอง
คู่ที่ 2
ผมตกใจกับคำพูดของพี่ แจ๊ค ทำไมผมต้องไปเรียนที่อเมริกาตอนนี้ด้วย
“เชียร์ไม่ไปไหนทั้งนั้น ผมจะอยู่ที่นี้” ผมตอบกลับไป
“เชียร์เป็นคนบอกพี่เองไม่ใช่เหรอ ว่าอยากไปอยู่กับพี่” พี่แจ๊คพูดกับผม
“ตอนนั้นมันไม่เหมือนตอนนี้ เชียร์ไม่อยากไปแล้ว” ผมปฎิเสธเสียงแข็ง
"แต่แกต้องไป” ผมหันไปมองพ่อ
“ทำไมล่ะ ป๊า ทำไมถึงอยากให้เชียร์ไป”
“ฉันอยากให้แกได้เรียนที่ดีดี มันผิดตรงไหน”
“แล้วทำไมไม่มีใครถามความเห็นผมก่อนล่ะ” ผมเริ่มโมโห
“ยังไงเชียร์ก็ไม่ไปเด็ดขาด”
“ทำไมเชียร์ถึงไม่อยากไป”พี่แจ๊คเป็นฝ่ายถามผมบ้าง
“เพราะว่า......” ผมกำลังจะตอบว่า เพราะคนรักผมอยู่ที่นี้ แต่ผมไม่กล้าบอกพ่อ
พี่แจ็คเห็นผมอ้ำอึ้ง เลยตอบแทนผม “เพราะ ผู้ชายคนนั้นใช่ไหม เชียร์ถึงไม่อยากไป”
ผมมองหน้าพี่แจ๊ค นี้คงเป็นแผนการของพี่แจ๊คล่ะซิ
“มันเรื่องของผม ผมจะอยู่ที่นี้เพราะอะไรมันก็เรื่องของผม"
“แต่ฉันจะให้แกไป ยังไงแกก็ต้องไป พรุ่งนี้ฉันจะไปลาออกให้แกที่มหาลัย” ผมอึ้งกับคำสั่งของพ่อ
ผมโกรธมาก เลยหนีออกจากบ้านมาหาพี่เอก
พี่เอกเห็นผมร้องไห้ เลยถามเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง
“เชียร์ไม่อยากไป เชียร์อยากอยู่ที่นี้กับพี่”
พี่เอกลูบหัวผม “แล้วเชียร์จะทำยังไง พ่อเชียร์จะยอมเหรอ”
ผมยังร้องไห้ “ไม่รู้อ่ะยังไงเชียร์ก็ไม่ไป”
“แต่พี่ว่า เชียร์ไปเถอะ มันเป็นสิ่งที่ดีกับเชียร์ไม่ใช่เหรอ เชียร์เองยังบ่นกับพี่อยู่เลยไม่ใช่เหรอ ว่าอยากไปเรียนที่โน้น”
“แต่เชียร์อยากไปกับพี่ เชียร์ไม่อยากไปคนเดียว”
“ตัวเราไม่ได้ติดกันซะหน่อย ดีแล้วหัดอยู่คนเดียวหัดดูแลตัวเองซะบ้าง จะได้โตซะที”
ผมไม่เข้าใจพี่เอก ผมอุตส่าห์บอกเป็นนัยๆว่าที่ไม่อยากไปเพราะผมรักพี่เอกขนาดไหน
“เชียร์ไม่อยากไปเพราะเชียร์รักพี่น่ะ”
“พี่ก็รักเชียร์ แต่พี่เองก็อยากให้เชียร์ได้เจอโอกาสดีดี แม้เราจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่เราก็ยังรักกันไม่ใช่เหรอ”
ผมโมโห เพราะยังไงผมก็ไม่อยากไป แต่พี่เอกพูดอย่างนี้ ผมเลยเสียใจ
ด้วยความโกรธผมผลักพี่เอกพร้อมว่าพี่เอก “เมื่อไม่มีใครอยากให้เชียร์อยู่ เชียร์ไปก็ได้”
ผมรีบวิ่งกลับมาที่บ้าน เข้าไปหาพ่อกับพี่แจ๊คที่ยังคุยกันอยู่
“ตกลงเชียร์จะไปอเมริกา”
คู่ที่3
หน้าห้องไอซียู ผมยังคงร้องไห้ไม่หยุด รอผลตรวจจากหมอว่า พี่เก่งจะรอดหรือไม่
ทำไมเรื่องความรักของผมถึงต้องลงเอยด้วยความเศร้า
เหน่งที่มาเป็นเพื่อนผม คอยปลอบผมตลอดเวลา ว่าพี่เก่งต้องรอด
เหน่งจับมือผม ทำให้ผมอุ่นใจขึ้นมาบ้าง “ทำไมว่ะ ทำไม ทำไมต้องแบบนี้” ผมพูดกับเหน่งด้วยน้ำตาหนองหน้า
เหน่งเองก็ไม่รู้จะพูดอะไรได้แต่โอบที่ไหล่ผม ผมรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาบ้าง
ด้วยความเพลีย ผมจึงซบไหล่เหน่งและ หลับไป
เวลาผ่านไป เกือบสิบชั่วโมง คุณหมอก็ออกมาจากห้องผ่าตัด ผมรีบลุกขึ้นไปหาคุณหมอ ถามอาการของพี่เก่ง หมอบอกกับผมว่า “คนไข้ไม่เป็นอะไรครับ” ผมได้ยินเพียงเท่านี้ก็โผ่เข้ากอดเหน่งด้วยคว่ามดีใจ
คุณหมอยังพูดอีกว่า“โชคดีน่ะครับที่อวัยวะสำคัญๆของคนไข้ไม่เป็นอะไร แต่กระดูกสันหลังของคนไข้เคลื่อนและได้รับกระทบกระเทือน อาจจะทรงตัวไม่ได้ในระยะแรกๆ ต้องได้รับกายภาพบำบัดอาจจะหายน่ะครับ”
ผมเดินเข้ามาที่ห้องไอซียู ผมมองดูร่างของพี่เก่งที่ไร้สติอยู่ ผมก้มลงไปจูบที่มือของพี่เก่ง แล้วก็ร้องไห้
ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ผมร้องไห้เพราะความดีใจ
----- จบตอนที่15-----
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: -~iK@iZ_KunG~- ที่ 18-01-2008 18:18:54
จิ้ม ๆ มาต่อบ่อย ๆ นะครับ  :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 18-01-2008 19:58:33
และแล้วก็ถึงทางแยก
คู่ที่ 1 เริ่มต้นด้วยความสุขแต่จบลงด้วยความเศร้า
คู่ที 3 เริ่มต้นด้วยความเศร้าแต่(อาจจะ)กำลังจบลงด้วยความสุข
  :m15:  :m15:  :m15:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: TONG ที่ 18-01-2008 22:38:12
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:

ชีวิตนี้ช่างน่าเศร้าจัง
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: myLoveIsYOu ที่ 18-01-2008 23:02:22
โอ้ว ความเศร้า เริ่มมาเยือน  :m15:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 18-01-2008 23:09:06
 :m29:
โอ้...ลุ้นจนตัวโก่ง
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 18-01-2008 23:26:13
โอ้วววอาจารย์เบน ร้ายเกินความคาดหมาย...มาเร็วไปเร็วจัง คู่นี้
คู่ที่สองปัญหามาจากเชียร์ทั้งน้านนน ไม่เลิกแต่ก็ห่างกัน... :เฮ้อ:
ตอนนี้วี่แววคู่ปอกลับดูดีซะงั้น...ขอให้พี่เก่งทิ้งนิสัยเดิมได้จริง ๆ

สงสารโจ้ ห่วงเชียร์ เอาใจช่วยปอ  :a1:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: T@luntulA ที่ 18-01-2008 23:27:05
ทะมายมานเศร้าแบบนี้น้ออออ  :m15:

ตามต่อไปคับบ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 19-01-2008 00:20:29

อาจารย์เบนน้า ไม่น่าทำกับโจ้อย่างนี้เลย

 :เฮ้อ: :เฮ้อ:

หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 19-01-2008 01:11:58
เรื่องพลิกมากมาย จากสองคู่แรกที่ดูว่าจะไปด้วยดี กลับเจอเรื่องแย่ๆ

ส่วนคู่สามดูเหมือนจะมีวี่แววว่าจะดีขึ้นเรื่อยๆ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: snowblack ที่ 19-01-2008 01:23:41
โอ้วววววววว คุณ jojoe ชอบเรื่องนี้แต่ในบอร์ด ปาล์มแว๊วครับ

แอบคิดว่าจะมีคนเอามาลงที่เล้าไหม ในที่สุด o7

เป็นกำลังใจให้พี่นะครับแล้วก็รออ่านภาคตอน ม.5 อยู่นะคร้าบบบ :m13: :o8:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: jojoe ที่ 20-01-2008 06:39:10
Three Couple of love บทที่ 16 บทสรุปของความรัก
คู่ที่1
ผมยังคงเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น วันๆได้แต่นอนร้องไห้ จนผมไม่สบายไปหลายวัน เล้งจะคอยซื้อโจ๊กมาให้ผมเสมอ เล้งเองก็อยากปลอบผม แต่ผมไม่อยากเจอหน้าใคร และไม่อยากพูดกับใครทั้งนั้น ผมได้เก็บตัวอยู่ในห้องคนเดียวตลอดเวลา
ตอนเย็นๆของวันหนึ่ง มีคนมาเคาะประตูที่ห้องของผม
ผมตะโกนบอกไล่ นึกว่าเป็นเล้ง แต่เสียงนั้นที่ทักผมกลับเป็นเสียงของอาจารย์เบน
“โจ้ อาจารย์เองน่ะ อาจารย์อยากจะคุยกับโจ้”
ผมตกใจที่อาจารย์มาหาผม แต่ผมไม่กล้าเจอหน้าอาจารย์ เลยมายืนอยู่ที่ตรงประตู
อาจารย์เองคงคิดว่าผมคงไม่อยากคุยด้วย เลยยืนพูดที่ด้านนอกหน้าประตูนั้น
“โจ้คงฟังผมอยู่ใช่ไหม ผมขอโทดเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด ผมไม่ได้อยากจะทำร้ายโจ้น่ะ วันนี้ผมจะย้ายไปแล้ว ผมจะมาลา”
ผมได้ยินดังนั้น ผมก็ร้องไห้อีก
อาจารย์นิ่งเงียบสักครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาว่า “
ผมรักโจ้น่ะ ลาก่อน”
ผมได้ยินดังนั้น เลยรีบเปิดประตู แต่ผมกลับมองไม่เห้นใคร อยู่ที่หน้าประตู คงไม่ทันแล้ว อาจารย์เดินกลับไปแล้ว
ผมรีบวิ่งไปที่หน้าหอ เห็นรถขนของคันหนึ่งวิ่งเลี้ยวออกไปนอกซอย
ผมยืนร้องไห้อยู่ที่หน้าหอ ไปแล้ว ความรักของผมจากผมไปแล้ว!!!!!
คู่ที่2
ณ ที่แอร์พอร์ต ผมนั่งมองผู้คนมากมาย ที่กำลังเตรียมตัวจะขึ้นเครื่องบิน ผมมองดูนาฬิกาบอกเวลาอีกไม่กี่นาที ผมจะต้องไปอยู่อีกซีกโลกหนึ่ง ต้องอยู่ไกลกัน กับคนที่ผมรัก ทั้ง พ่อ เพื่อน และ แฟนของผม
ผมนั่งอยู่กับพ่อ รอพี่แจ๊ค ที่ไปจัดการเรื่องต่างๆก่อนขึ้นเครื่อง ผมยังคงมองดูนาฬิกา ทำไมยังไม่มีใครมาอีกน่ะ
สักพัก เจ้าเพื่อนตัวดีทั้งสองก็วิ่งมาหาผม เตเต้ กับแม๊คกี้ นั้นเอง “โทดที มาช้าไปหน่อย โชคดีน่ะ เอาหนุ่มๆฝรั่งมาฝากด้วยน่ะ” ผมกอดเพื่อนซี้ของผมก่อนจะร่ำลากันสักพัก
ผมมองเห็นโจ้กับปอ ก็เดินมาหาผม พร้อมถือของอะไรมาก็ไม่รู้ “อ่ะ พวกกูทำให้มึง”
ผมรับของชิ้นนั้นไว้ มันเป็นกรอบรูปที่ข้างในมีรูปผมกับโจ้และปอ ตั้งแต่ยังอยู่มัธยม จน ถึงปัจจุบัน มาวางเรียงกันเป็นรูปหัวใจ แถมยังมีข้อความเขียนไว้ด้วย “พวกเราคือเพื่อนแท้”
ผมร้องไห้สวมกอดเพื่อนรัก และเพื่อนแท้ของผม ผมไม่รู้ว่าไปอยู่ที่โน้น จะได้เจอเพื่อนที่ดีอย่างพวกมันหรือเปล่า
เสียงประกาศของเจ้าหน้าที่ บอกให้ผู้โดยสารที่ไปอเมริกา ขึ้นเครื่อง ผมกับพี่แจ๊คจึงเดินแยกออกมาจากกลุ่มเพื่อน และพ่อ แต่ผมก็ยังมองหาคนๆคนหนึ่ง ทำไมเค้าถึงยังไม่มา
ผมหันหลังกลับไป เจอผู้ชายคนหนึ่ง เดินมาชนผม
“ขอโทดครับ” ผมมองผู้ชายคนนั้น ผมยิ้มดีใจไม่นึกว่าจะเป็นพี่เอก
“ไม่ทราบว่าเครื่องที่จะบินไปอเมริกา อยู่ที่ไหนครับ” พี่เอกยังคงทำหน้าทะเล้นเหมือนเดิม
“ถามทำไม จะไปด้วยหรือไง” ผมแซวพี่เอก
“ใช่ครับ” พี่เอกตอบผม พร้อมชูตั๋วเครื่องบิน ผมตกใจ ทำอะไรไม่ถูก
พี่เอกเดินมากระซิบที่ข้างๆหูผม “พอไปถึงที่นู้น แต่งงานกันเลยน่ะ” ผมมองหน้าพี่เอก เอาจริงหรือเนี้ย
“ตกลงแต่งงานกับพี่ไหม” ผมไม่ตอบได้แต่ยิ้มและร้องไห้ดีใจ โผ่เข้ากอดพี่เอก
นอกจากผมจะมีเพื่อนแท้แล้ว ผมเองก็มีรักแท้ด้วย
คู่ที่3
หลังจากพี่เก่งฟื้น พี่เก่งก็ต้องเข้ารับการกายภาพบำบัดอยู่ที่โรงพยาบาล เกือบ6เดือน ทำเอาพี่เก่งไม่มีเวลาไปเจ้าชู้ที่ไหน แถมมีผมมาคอยดูแลอยู่เสมอ
และเมื่อพี่เก่งออกจากโรงพยาบาล ผมก็ย้ายไปอยู่กับพี่เก่งที่คอนโด
ผมออกมาที่ระเบียง มองบรรยากาศยามค่ำคืนของเมืองกรุง
พี่เก่งเดินตามออกมา เข้ามาสวมกอดผม เป็นครั้งแรกที่พี่เก่งกอดผมเพราะความรัก ผมเอามือมากุม มือของพี่เก่ง
ถามพี่เก่งว่า “วันนั้นที่พี่เก่งบอกรักผม ผมได้ยินไม่ชัดเลยอ่ะ”
พี่เก่งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อ้างว่าบอกไปแล้ว “พี่ไม่อยากบอกรักพร่ำเพรื่อ พูดได้ครั้งเดียว”
“น่า น่ะ ผมอยากฟังชัดๆอีกครั้งหนึ่ง”
พี่เก่งยังยืนยันคำเดิม ผมอดทนไม่ไหวเลย เอามือไปกุมที่ จุดยุทธศาสตร์ พร้อมขย่ำเป็นการเตือน “จะพูดไหม” ผมขู่
พี่เก่งหน้าเขียว “เฮ้ย!! เล่นกันอย่างนี้เลยเหรอ”
“จำไว้น่ะ ถ้ายังเจ้าชู้ไม่เลิก ก็จะเจอแบบนี้” ผมเริ่มเพิ่มแรงเข้าไปอีก พี่เก่งดิ้นไม่หยุด
สักพักผมก็ผ่อนแรง เปลี่ยนจากมือที่ขย่ำ กลายเป็นล่วงเข้าไปในกางเกงแทน
ผมค่อยไซร้พี่เก่ง พี่เก่งกระซิบข้างหู “จะเอาตรงระเบียงเลยเหรอ”
ผมไม่ตอบอะไรค่อยๆถอดเสื้อพี่เก่งออก ผมเองก็กระซิบข้างหูพี่เก่ง
“คืนนั้นที่ไปนอนกับใครก็ไม่รู้(วันที่ปอเต้นอะโกโก้) คนนั้นเค้าสอนตั้งหลายท่า จะลองดูไหม”
พี่เก่งขมวดคิ้ว “อย่ามาสอนจะเข้ว่ายน้ำดิ จะมีท่าไหนที่พี่ยังไม่ได้ลองอีก”
ผมจับพี่เก่งหันหลัง แล้วดันไปที่ประตู แล้วค่อยยกก้นพี่เก่งขึ้น พี่เก่งดูตกใจเป็นอย่างมาก “เฮ้ย จะทำอะไร”
“ผมกระซิบข้างหู “พี่เก่ง เป็นของผมน่ะ” ผมไม่รอฟังเสียงพี่เก่งตอบ ก็เริ่มปฏิบัติการ
หลังเสร็จภารกิจ ดูพี่เก่งคงเข็ดกับการเป็นฝ่ายรับ บ่นใหญ่เลย แต่ยังไม่วาย เข้ามากระซิบบอกผมที่ข้างๆหู “พี่เก่ง รัก ปอ น่ะ”
----- จบตอนที่16----
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: myLoveIsYOu ที่ 20-01-2008 10:33:44
สงสารโจ้จัง จบไม่ค่อยสวยเลย  :m15:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: MiTo™ ที่ 20-01-2008 11:17:40
ยังไม่จบใช่มะ ครับ ได้โปรด สงสารโจ้อ่า

 :m15: :m15: :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 20-01-2008 11:24:56
555 ถูกใจคู่ 3 ที่สุด ไอ้พวกเจ้าชู้ต้องเจอแบบนี้แหละ อิอิ

แต่สงสารโจ้อ่ะ คงเศร้าสุดๆ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: TONG ที่ 20-01-2008 12:13:00
สงสารโจ้อ่า  :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 20-01-2008 16:05:45

สงสารโจ้ :o12:

ดีใจกับเชียร์  :m4:

สะใจกับปอ  :m14:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 20-01-2008 16:06:40
โจ้น่าสงสารามากกกก  :m15: o7
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 20-01-2008 16:39:22

สงสารโจ้ :o12:

ดีใจกับเชียร์  :m4:

สะใจกับปอ  :m14:


เห็นด้วยกะน้องปลาทองอย่างแรงงงงงง  :mc2:
 :angry2:    ฝากถึงอาจารย์เบนนิดส์นึง....สา-ระ-เลว
รู้ว่าจะแต่งงานมาหลอกให้เค้ารักทำไมมมม ???
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 20-01-2008 20:11:26
คู่แรกทำไมเศร้าจัง   แต่ยังไม่จบยังไม่หมดหวังแฮะ  :m15:  :m15:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: KiKuMon ที่ 21-01-2008 15:08:36
คู๋โจ้

แรกๆก็ดูท่าจะดี

ไหงเปนแบบนี้ไปได้เนี้ย

คู่เชียร์   :m1: :m1:

คู่ปอ

พี่เก่ง

โดนนนนน  :m20: :m20: :m20:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: myLoveIsYOu ที่ 21-01-2008 20:52:19
สรุปว่าจบแล้วใช่ใหมครับ สำหรับเรื่องนี้ o12

เห็นมาต่อเรื่องอื่น ๆ อยู แต่เรื่องนี้ไม่ต่อ  :m23:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: jojoe ที่ 22-01-2008 05:31:29
Three Couple of love บทส่งท้าย

วันเวลาผ่านล่วงเลยไปสี่ปีแล้ว เผลอๆแป๊บเดียวผมกับเพื่อนก็เรียนจบ มีเรื่องราวต่างๆมากมายที่ผ่านเข้าในช่วงเวลาสี่ปีนั้น โดยเฉพาะเรื่องของความรัก ที่ผมกับเพื่อนๆได้เรียนรู้อะไรมากมายหลายอย่าง มันทำให้พวกผมรู้จักที่จะรักใคร รู้จักมอบสิ่งดีดีให้แก่คนที่เรารัก และความรักนี้เองที่ทำให้พวกผมโตขึ้น เป็นผู้ใหญ่กันมากขึ้น แม้ความรักจะทำให้เรามีความสุขหรือมีความทุกข์มากเพียงไหน แต่ผมกับเพื่อนๆก็ผ่านมันไปด้วยดี

ความรักของพวกผมนั้นแม้จะเริ่มต้นพร้อมกัน แต่จบไม่พร้อมกัน ไม่สำคัญหรอกว่าเวลานั้นจะยาวจะสั้นมากเพียงใด อย่างน้อยพวกผมก็ได้รู้จักคำว่ารัก

หลังจากที่พี่เก่งออกมาจากโรงพยาบาล และ เริ่มคบกับปอแล้ว ปอก็เริ่มคุมพี่เก่งมากขึ้นมันกลายเป็นคนขี้หึง ทั้งห่วง และ หวง พี่เก่งเองก็ต้องทำงานหนักขึ้นไม่ได้ร่ำรวยเหมือนแต่ก่อนแล้ว ตอนนี้พี่เก่งเลยเป็นแค่ผู้ชายคนหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่คาสโนวาเหมือนเมื่อก่อน เพราะทำงานหนักมาก เลยดูโทรมๆไป แต่ก็ดี ทำให้ปอวางใจพี่เก่งมากขึ้น
แต่ที่ไหนได้ กลายเป็นว่าพี่เก่งเริ่มสนใจผู้หญิงด้วย เพราะตัวเองก็อยากมีครอบครัว อยากมีหลักประกัน เพราะเห็นความล้มเหลวของตัวเองมาแล้ว
สุดท้ายความรักของปอกับพี่เก่ง ก็ต้องจบลง เพราะปอเองก็เหนื่อยกับการต้องคอยคุมคนเจ้าชู้อย่างพี่เก่ง อีกทั้งปอตอนนี้กลายเป็นหนุ่มเนื้อหอม มีแต่คนมารุมจีบ มันก็เริ่มๆจะซึมซับความเจ้าชู้จากพี่เก่งมา จนตอนนี้มันกลายเป็นคาสโนว่าของวงการไปแล้ว และมันก็เพิ่งรู้ว่าตัวเองเป็นคิง หลังจากสับสนกับตัวเองมานาน

โน๊ตก็ถูกจับเข้าคุกในข้อหาพยายามฆ่า

ส่วนคู่ที่น่าอิจฉาที่สุดคือ คู่ของเชียร์กับพี่เอก พอทั้งสองถึงอเมริกาปุ๊บ ก็จะรีบแต่งงานกันปั๊บ แต่ผมกับปอโวยวายว่า ต้องกลับมาแต่งที่เมืองไทย เพราะผมเองก็อยากเข้าร่วมงานด้วย เชียร์ตอนนี้ก็กำลังจะเรียนจบแล้ว ส่วนพี่เอกจบป.โทตั้งนานแล้ว ช่วงนี้เป็นช่วงที่ทั้งสองกำลังหาเงินสร้างครอบครัวกันอยู่ เชียร์จะโทรมาบ่นเสอมว่า อยู่เมืองนอก ไม่ได้สบายเหมือนอยู่เมืองไทย เพราะต้องทำงานทุกอย่างไม่มีคนใช้เหมือนอยู่ที่ย้าย ทั้งล้างจาน ซักผ้า ทำกับข้าวกินเอง ผมเองอยากให้เชียร์มันทำอะไรเองบ้าง จะได้โตๆซักที แต่เชียร์กระซิบบอกผมว่าเพื่อนฝรั่งของมันชอบหนุ่มไทยผิวเค้ม หน้าเหลี่ยมๆ เชียร์เลยไม่มีใครมาจีบ ทำให้ความรักของเชียร์กับพี่เอกเป็นไปด้วยดี มีเพียงพี่แจ๊คเท่านั้น ที่ยังคอยมาตื้อๆอยู่ จนเชียร์มีความคิดว่า พอเรียนจบแล้ว จะย้ายประเทศไปอยู่อังกฤษกับพี่เอก(ไอ้เชียร์มันอยากไปอยู่อังกฤษมากกว่าอเมริกา) ภาระเลยตกไปอยู่ที่พี่เอกเลยต้องเก็บเงินเยอะขึ้นอีก

ส่วนผมพอเลิกกับอาจารย์เบน ผมก็ไม่ได้คบใครเลย แม้เล้งจะคอยจีบผมอยู่เสมอ แต่ผมก็ยังคงรักอาจารย์เบน ยังลืมเรื่องเก่าๆไม่ได้ คงต้องใช้เวลาให้ลบเลือนเรื่องราวเหล่านั้นไปก่อน

ผมกับเพื่อนๆตั้งใจจะจัดเลี้ยงที่เราได้เรียนจบกันและฉลองวันเกิดของผม ที่รีสอร์ทของเชียร์ ที่หัวหิน ติดทะเล

ผมกับปอตื้นเต้นที่จะได้เจอเชียร์ เพราะมันไม่ได้กลับมาที่เมืองไทยเลย ผมเองก็ไปรับมันที่ดอนเมือน่ะ มันเปลี่ยนไปมาก ผมยาวขึ้นเกือบถึงบ่าแน่ะ ย้อมผมเป็นสีบลอนด์ หุ่นก็บึ้กขึ้น ไว้หนวดไว้เครานิดนึงด้วย ดูเท่ห์มากๆ ยังกะฝรั่งเลย ขนาดผมเป็นลูกครึ่ง ยังไม่ดูเหมือนเป็นฝรั่งเท่ามันเลย พี่เอกนั้นก็ผมยาวขึ้น แต่ก็ดูไม่เปลี่ยนไปมาก ยังดูตี๋ๆน่ารักเหมือนเดิม

ในวันงานเลี้ยง ทุกคนมากันหมดเลย ผมพาเล้งมาด้วย ตอนนี้เล้งยังไม่จบ(หมอเรียนหกปี)ทุกคนมักคิดว่าผมคบกับเล้งเพราะเราจะสนิทกันมาก แต่ผมก็บอกเสมอๆว่าไม่ใช่ ไม่ช่ายยยย เชียร์ควงมากับพี่เอก พี่เอกก็พาน้องๆมาด้วย ทั้งน้องโท ที่กำลังเรียนอยู่ที่คณะเดียวกับเชียร์และพี่เอก ส่วนน้องตรีกำลังจะรอผลเอ็นท์(เลือกคณะของผมไว้ด้วย แอบปลื้ม) เตเต้ กับแม็คกี้ ก็มา ปอก็พาเหน่งมาด้วย สองคนนี้เคยคบกันอยู่ช่วงหนึ่ง แต่ความรู้สึกมันไม่ดีเท่าเป็นเพื่อนกัน เลย เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมดีกว่า อีกทั้ง วงของปอกับเหน่งก็ไปประกวดแข่งขันดนตรีจนชนะ เลยได้ทำอัลบั้มกับค่ายเพลงค่ายหนึ่ง (เพื่อนผมจะดังแล้ว) พี่เก่งก็มาด้วยแต่ไม่ได้มาคนเดียว พาลูกและภรรยามาด้วย ลืมบอกไปพี่เก่งแต่งงานแล้ว มีลูกสาวคนหนึ่งยังไม่ขวบเลย น่ารักมาก ชื่อโอปอ(พี่เก่งตั้งชื่อนี้หมายความว่าไงเนี้ย ยังไม่ลืมเพื่อนผมหล่ะซิ)

ทุกคนก็ได้พบปะกัน พูดคุยถึงเรื่องราวต่างๆอย่างสนุกสนาน มีเพียงผมที่กลับไม่รู้สึกสนุกกับงานเลี้ยง ทั้งๆที่ทุกคนมากันพร้อมหน้าพร้อมตา แต่ยังขาดคนๆหนึ่งที่ผมอยากให้มา หลังจากวันที่อาจารย์เบนมาลาผม ผมเองก็ไม่ได้ติดต่อกับอาจารย์เบนอีกเลย เพราะตอนนั้นไม่อยากได้ยินให้ช้ำใจมากขึ้นไปอีก

ผมเลยแยกตัวออกมาเดินที่ชายหาดคนเดียว ปอกับเชียร์เห็นผมออกมาเดินคนเดียวก็เดินตามมาด้วย
"เฮ้ย มึงทำไมออกมาเดินคนเดียว นี้งานเลี้ยงวันเกิดมึงน่ะ"เชียร์ถาม
"มึงเป็นอะไรรึป่าวว่ะ"ปอถามผม เพราะเห็นสีหน้าของผมดูเศร้า
ผมพยายามฝืนยิ้ม หันมาพูดกับเพื่อนๆ
"ป่าวๆ กูแค่นึกถึงเรื่องราวเก่าๆ เรื่องราวของพวกเราไง"
"กูก็นึกว่ามึงคิดถึงอาจารย์เบน"ไอ้เชียร์มันพูดแทงใจดำอีกแล้ว
ผมเงียบ ไปสักพักหนึ่ง
"นานแล้วเนอะ ที่พวกเราสามคนไม่ได้อยู่ด้วยกันอย่างนี้"ผมเอ่ยขึ้นมา
"ใช่ๆ กูโคตรคิดถึงพวกมึงเลยน่ะ" ไอ้เชียร์พูดเสร็จ ก็กระโดดกอดผมกับปอ
"อืมม กูรักพวกมึงมากๆเลยน่ะ" ปอพูดออกมาทั้งที่ยังกอดผมกับเชียร์อยู่
ผมไม่ได้พูดอะไร แต่ร้องไห้ออกมา นอกจากอาจารย์เบนแล้ว ก็มีเพื่อนตัวดีทั้งสองคนนี้แหล่ะที่ผมรักมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ที่สุด
พวกเรากอดกันสักพักหนึ่ง เชียร์ก็พูดขึ้นมาว่า
"กูมีอะไรจะให้มึงด้วยน่ะ โจ้" ผมงง ก็มันให้กล่องของขวัญผมไปแล้วนี้
"ไม่ใช่ของมึงคนเดียว กูด้วย เป็นของขวัญที่กูกับเชียร์หามาให้มึง" ปอเริ่มโวยวาย
ผมยิ่งงงง อะไรของพวกมัน จะแกล้งอะไรผมอีกรึป่าว
เชียร์กับปอ ยิ้มให้ผมก่อนค่อยๆเดินออกไป อ้าวไหนบอกว่าจะให้ของขวัญไงเล่า แล้วเดินหนีไปทำไม
จู่ก็มีเสียงดังมาจากข้างหลังผม
"รอของขวัญเหรอครับ" ผมรีบหันไป
ผมแทบจะร้องไห้ออกมา ไม่นึกว่าคนที่พูดกับผมจะเป็นคนๆที่ผมคิดถึงอยู่ตลอดเวลา เกือบสี่ปี
"อาจารย์มาได้ไงครับ"ผมถาม
"ก็วันเกิดของโจ้นี้ ไม่มาได้ไง"
"แล้วอาจารย์ เป็งไงบ้างครับ"
"อืมม ก็... ชีวิตแต่งงาน มันไม่ค่อยราบรื่นน่ะ เพราะผมไม่ได้รักภรรยาผม ผมแต่งงานเพราะพ่อบังคับให้แต่งกับลูกสาวเจ้าหนี้ของพ่อผม ไม่งั้นร้านผมถูกยึดแน่"
ผมนึกไว้แต่แรกอยู่แล้วหล่ะ ว่าอาจารย์ไม่ได้อยากแต่ง
"สามสี่ปีที่ผ่านมา ก็ทะเลาะกันตลอด จนผมกับภรรยา ต้องแยกทางกันอยู่"อาจารย์เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ผมฟัง

ผมเดินคุยกับอาจารย์ไปเรื่อยๆ
อยู่ดีดีอาจารย์ก็เดินเข้ามากอดผมทางด้านหลัง
"โจ้ ตอนนี้ผมโสดแล้วน่ะ" อาจารย์กระซิบข้างๆหู
"บอกผมทำไม"
"อ้าว โจ้ไม่ดีใจเหรอ"
"ดีใจสิครับ" ผมหันหน้าไปมองอาจารย์
"งั้น เรามาคบกันเหมือนเดิมน่ะ" อาจารย์พูดกับผม
"แล้วผมจะแน่ใจได้ไหมว่า อาจารย์จะไม่หนีไปแต่งงงานอีก"
ผมเริ่ม เล่นตัว อาจารย์เลยคุกเข่าต่อหน้าผม
"น่า น่ะ เป็นแฟนกับผมเถอะครับ รับรองผมไม่ไปแต่งงานกับใครแน่ๆ ทั้งผู้หญิง ทั้งผู้ชาย" ผมอดขำกับอาจารย์ไม่ได้
"ครับ" ผมตอบเพียงเท่านี้ อาจารย์ได้ยินก็กระโดด ขึ้นมาจูบผม
"ผมรักโจ้น่ะครับ"
"ผมก็รักอาจารย์ครับ"

-----จบบริบูรณ์-----

เตรียมพบกับ Season2 ได้ที่นี้เร็วๆนี้
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: myLoveIsYOu ที่ 22-01-2008 09:11:15
อาจารย์เบน กลับมาง่ายไปใหม ? ปอ นี่เชื่ออาจารย์เบนง่ายดีเนอะ อิอิ

ทุกคนมีวิถีทางชีวิตของตนเอง ให้ก้าวเดินต่อไป
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 22-01-2008 10:23:35

น้องปอของพี่ปั๊ดตะนากลายเป็นคาสโนวาไปแย้ว

จะดีใจ :m4:หรือเสียใจ :เฮ้อ:ดีเนี่ย

หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 22-01-2008 12:27:14
คู่ที่ 1 ถึงอาจารย์เบน คราวก่อนที่หนีไปแต่งงานด่าไปแล้ว "ขอโทษ"
เหตุผลพอรับได้ เพราะเข้าใจลูกชายคนจีน...แต่คืนดีเร็วไปจิง ๆ หละ  o12
คู่ที่ 2 Perfect...จบ  :m1:
คู่ที่ 3 เพิ่งจะรู้ว่า "ความเจ้าชู้" มันเป็นโรคติดต่อชนิดหนึ่ง...อยากบอกปอ
...จำเวลาที่ตัวเองเจ็บปวดจากคนเจ้าชู้ไว้บ้าง จะได้ไม่ทำให้คนอื่นเสียใจ  :m29:
 :pig4:
วิถีชีวิตแตกต่างกันไป...ขอให้ทุกชีวิตมีความสุขในรูปแบบที่ตนเองต้องการ
+1 ให้คนเขียน รอและให้กำลังใจกับผลงานต่อ ๆ ไป...
 :bye2:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 22-01-2008 12:45:57
เอาใจช่วยปอตลอด แต่แล้ว ปอเปลี๋ยนไป๋  :o

มารอซีซั่นต่อไป  :oni2:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 22-01-2008 13:03:08
ว้าวววววววววววว จบแบบแฮปปี้ด้วยน่ะเนี่ย

แล้วยังมีภาคสองด้วย ดีใจ อิอิ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: [D]a[D]a [T]oo[N] ที่ 22-01-2008 13:09:49
จบแล้วภาค1

มีต่ออีก ดีใจจังเลย อิอิ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: -~iK@iZ_KunG~- ที่ 22-01-2008 13:53:04
รอภาคต่อไปครับ  :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 22-01-2008 14:52:38
รอภาค2ครับผมสู้ๆนะครับ :mc4:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: T@luntulA ที่ 22-01-2008 16:24:37
มารอภาคสองคับบบบ

อิอิ

มาไวๆเน้อออ  :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก
เริ่มหัวข้อโดย: jojoe ที่ 23-01-2008 06:52:13
Three Couple of Love season 2
: Back to School part 1

บทนำ

คู่ที่1

ปัง!!! เสียงปิดประตูห้อง ทำให้อาจารย์เบนที่กำลังจัดข้าวของ สะดุ้งตกใจ
“ตกใจอะไรครับ” ผมถามและแอบขำกับท่าตกใจของอาจารย์
“เอ้า อยู่ดีดีก็โผล่มา ผมก็ตกใจดิ” อาจารย์พูดกับผม แต่ก็ยังจัดข้าวของต่อไป
ผมเดินไปเปิดตู้เย็นเพื่อหยิบขวดน้ำมาดื่ม พลางหันไปมองอาจารย์เบน
“ยังจัดไม่เสร็จอีกเหรอครับ” ผมถามเพราะเห็นว่าจัดมาตั้งแต่เช้าแล้ว พอผมกลับมาจากที่ทำงานก็ยังจัดไม่เสร็จอีก
“อืมม ช่าย ไม่รู้เมื่อไหร่จะเสร็จสักที” อาจารย์พูดไปจัดของไป
ผมเลยเดินไปหาอาจารย์ เพื่อช่วยอาจารย์ “ มาเดี๋ยวผมช่วย”
อาจารย์จ้องหน้าผมแล้วยิ้มให้ผม “วันนี้ไปทำงานเหนื่อยไหม”
“ก็ เหมือนเดิม คอยดูแลคนไข้ จัดยา ช่วยงานหมอ”ผมเล่าถึงการทำงานของผม ผมทำงานเป็นผู้ช่วยจิตแพทย์ที่คลินิกแห่งหนึ่ง
“ที่ผมย้ายมาอยู่ด้วย ทำให้โจ้ลำบากหรือป่าว” อาจารย์ถามผม คงเพราะเห็นผมทำงานแล้ว และห้องที่ผมอยู่ก็เป็นเงินของผมด้วย
“ไม่เลย ผมเองอยากให้อาจารย์มาอยู่กับผมตลอดไปเลยด้วยซ้ำ ผมอยู่คนเดียวมาเกือบสี่ปี หลังจากอาจารย์...เออ...” ผมอ่ำอึ้งที่จะพูดถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาแล้ว เรื่องราวในอดีตที่เคยทำให้ผมช้ำใจ
อาจารย์เบนเข้าใจความรู้สึกผม เลยเอามือมาลูบที่หัวของผม
“เรื่องนั่นลืมไปเถอะ ผมเองก็อยากจะลืมเหมือนกัน” สายตาของอาจารย์แสดงความห่วงใยที่มีต่อผม ผมมองสายตายนั้นที่เคยทำให้ผมรักกับผู้ชายคนนี้
เราจ้องมองกันอยู่นาน อาจารย์เบน ก็ค่อยๆเขยิบตัวเข้ามาใกล้ผมพร้อมยื่นปากมาใกล้กับปากของผม
ผมเองก็เขยิบตัวไปใกล้กับอาจารย์เช่นกัน และใช้ปากของผมประกบปากของอาจารย์
อาจารย์จูบผม พร้อมกอดผม ผมเองก็สวมกอดอาจารย์เช่นกัน
อาจารย์ค่อยๆผลักตัวผมนอนลงบนพื้น แต่ปากของอาจารย์ก็ยังจูบปากของผมอยู่
อาจารย์เริ่มเปลี่ยนจากจูบปากก็มาเริ่มไซร้ที่ซอกคอของผม
“อืมม อืมม อืมม” ผมเริ่มคราง พร้อมกอดอาจารย์แน่น
มือของอาจารย์ยันพื้นห้องไว้คล้ายท่าวิดพื้น แล้วก็ค่อยๆใช้ลิ้นไซร้ตามหน้าอก ท้อง และต่ำลงมาเรื่อยๆ
ตัวของผม ได้แต่ครางเพราะความเสียว มือก็ก่ายไปทั่ว จนมือของผมไปแตะกับสิ่งของสิ่งหนึ่ง
ตอนแรกผมกะจะไม่สนใจ แต่อีกใจก็อยากดูว่ามันคืออะไร ผมเลยไปคว้าสิ่งนั้นเอามาดู
“อะไรเหรอ โจ้” อาจารย์ถาม เพราะเห็นผมมัวแต่ดูหนังสือเล่นหนึ่งอยู่ แทนที่จะสนใจกับลีลาการใช้ลิ้นของอาจารย์
“หนังสือเฟรนด์ชิบ ครับ ตอนผมอยู่มัธยม ไม่ได้เอามาอ่านนานแล้ว” ผมตอบอาจารย์ ตายังคงมองภาพในสมุดเฟรนด์ชิบ
ผมค่อยๆลุกขึ้นนั่ง อาจารย์เองก็ลุกขึ้นนั่งด้วยเหมือนกัน
“สงสัยอยู่ในกองหนังสือที่ผมเอาออกมาจากชั้นแน่เลย” อาจารย์หันไปมองกองหนังสือที่วางอยู่บนหน้าชั้น
ผมเปิดหนังสือเฟรนด์ชิบ แล้วมองข้อความต่างๆที่เพื่อนเก่าของผมเขียนให้ และดูรูปเก่าๆ สมัยยังใส่ชุดนักเรียนมัธยมอยู่
“ไหน ขอผมดูหน่อยสิ อยากรู้จัง โจ้ตอนเด็กๆ น่ารักเหมือนตอนนี้หรือเปล่า” อาจารย์เขยิบตัวมาใกล้ๆผม และชะเง้อหน้ามาดูหนังสือเฟรนด์ชิบ
ผมมองดูรูปหนึ่ง ซึ่งเป็นรูปถ่ายที่ผมถ่ายกับ เพื่อนซี้ของผม คือ ปอ และ เชียร์
“ทั้ง โจ้ ปอ เชียร์ ดูเปลี่ยนไปเยอะเลยน่ะ” อาจารย์เห็นรูป แล้วออกความเห็น
ผมเองดูรูปก็คิดเหมือนอาจารย์ ที่ตัวเองดูเปลี่ยนไป
จากแต่ก่อน ที่ใส่แวน เรียบร้อย ไม่ค่อยทันคนเท่าไร แม้ตอนนี้จะไม่ได้เปลี่ยนไปจากแต่ก่อนเท่าไร
แต่ก็ดูดีขึ้นจากเหมือนก่อน คงเพราะโตขึ้น และรู้จักปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้น
“เออ วันนี้มีจดหมายของโจ้ด้วย” อาจารย์ยื่นซองจดหมายมาให้ผม
ผมรับซองจดหมายนั้น แล้วเปิดอ่านดู
“จดหมายจากโรงเรียนตอน มัธยมครับ แจ้งมาว่าจะมีงานศิษย์เก่า” ผมหันไปบอกอาจารย์
“แล้วโจ้จะไปไหมหล่ะ” อาจารย์ถามผมพร้อมเขยิบตัวเข้ามาใกล้ และกอดผม
ผมพยักหน้าตอบ แล้วจูบอาจารย์
“แป๊บนึงน่ะครับ ขอผมโทรบอกเชียร์ กับปอก่อนน่ะ” ผมผลักอาจารย์เพื่อให้หยุดจูบผมก่อน
“ตามใจสิ ไม่ให้จูบ ผมทำอย่างอื่นก็ได้” อาจารย์ยิ้มให้ผม พร้อมส่งสายตาเจ้าเล่ห์
ผมไม่ได้สนใจว่าอาจารย์ทำอะไร เพราะผมโทรศัพท์ไปหาเชียร์แล้ว
************************************************************************************************

คุ่ที่2

โครม!!! กองหนังสือถูกขว้างมาตรงพื้นห้อง
“นี้ ทำไมต้องเขวี้ยงข้าวของด้วยเล่า” พี่เอกตะโกนบอกกับผม
“ก็รู้ไม่ใช่เหรอ ว่าเชียร์โกรธจะเป็นยังไง” ผมทำน่าตาขึงขัง
“แล้วจะโกรธทำไม กับเรื่องแค่นี้” พี่เอกก้มตัวลงเก็บกองหนังสือที่ผมเพิ่งขว้างไป
“เรื่องแค่นี้อะไรกัน ก็พี่เล่นอยู่ในห้องซาวน์น่า กับ ไอ้หมอนั้นแค่สองคน”
“ก็บอกแล้วว่าไม่มีอะไร พี่นั่งของพี่อยู่เฉยๆ เขาเข้ามาหาพี่เอง” พี่เอกแก้ตัว แต่ผมไม่เชื่อ
“แล้วทำไมต้องล็อคห้องด้วย”
“พี่ไม่ได้ล็อค เขาเป็นคนล็อค เชียร์ก็รู้นี้ ว่าเขาเข้ามาที่หลัง” พี่เอกแก้ตัวอีก พร้อมเก็บกองหนังสือเอามาวางไว้ที่เดิม
มีรูปใบหนึ่งปลิวออกมาจากกองหนังสือนั้น
“แล้วทำไมไม่เปิดให้เชียร์เข้าไป ให้เชียร์เคาะเรียกอยู่ได้ตั้งนาน” ผมหันหลังให้พี่เอก พร้อมยิงคำถาม
แต่พี่เอกกลับไม่ตอบอะไรผมเริ่มโมโห เลยหันไปหาพี่เอก
“พี่เอกทำไมไม่ตอบ...” ผมกะจะว่าพี่เอกซะหน่อย แต่เห็นพี่เอกดูรูปใบนั้นที่ปลิวออกมาจากกองหนังสือ
“นี้รูปเชียร์ตอนมอปลายเหรอ น่ารักดีน่ะ ดูใสใสเด็กๆดี” พี่เอกพูดไปยิ้มไป พลางมองดูรูปอย่างละเอียด
ผมรีบเข้าไปคว้ารูปนั้นมาดู “ไหน อ๋อ รูปนี้ถ่ายตอนงานปัจฉิมนิเทศ” ผมมองดูรูปถ่ายที่ผมใส่ชุดนักเรียน และถ่ายกับเพื่อซี้ของผม คือ โจ้ และปอ
ผมว่าตอนนั้นก็ไม่ค่อยต่างไปจากตอนนี้เท่าไหร่ แต่ทุกคนบอกว่าผมเปลี่ยนไป คงเพราะตอนนี้ผมยาว แถมทำผมสีบลอนด์ และยังไว้เคราเล็กๆตามสมัยนิยมอีก
“เอาเป็นว่า พี่ไม่ได้มีอะไรกับเขาจริงๆ พี่แค่คุยกับเขาเฉยๆ เชียร์จะเชื่อหรือไม่เชื่อ ก็ตามใจแล้วกัน” พี่เอกพูดเสร็จ ก็ถอดเสื้อผ้า เข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำ
“เดี๋ยวก่อนซิ พี่เอก…… ยื้อก็เหมือนเราจะยิ่งเหนื่อย รักไม่ช่วยอะไรเลย (เสียงริงค์โทนของโทรศัพท์)” ผมยังเคลียร์เรื่องที่ซาวน่าไม่เสร็จ โทรศัพท์ก็ดังขึ้น โจ้ โทรมา

เชียร์ : ว่าไง
โจ้    : ไอ้เชียร์ กูมีข่าวจะบอก
เชียร์ : เรื่องอะไรว่ะ
โจ้    : มึงเป็นอะไร ทะเลาะกับพี่เอกเหรอ เสียงแปลกๆ
เชียร์ : เออ ก็แม่ง วันนี้ไปซาวน่ามา แล้วกูเปลี่ยนเสื้อผ้าช้า พี่เอกเปลี่ยนเสร็จเร็วกว่ากู ก็เลยไปรอที่ห้องซาวน่า พอกู จะตามเข้าไป กู      เห็นว่ามีคนเข้าไปในห้องซาวน่าห้องเดี่ยวกับพี่เอก แล้วล็อคประตูอีก กว่าจะออกมาเกือบยี่สิบนาที กูเคาะเรียกตั้งนาน ก็ไม่ยอมเปิด มึงให้กูคิดยังไงหล่ะ
โจ้    : ไม่มีอะไรหรอกม้าง พี่เอกเค้าออกจะกลัวมึงซะขนาดนั้น อู้ยส์ อาจารย์เบนอย่าเพิ่งซิครับ ผมคุยโทรศัพท์อยู่น่ะ
เชียร์ : อาจารย์เบนย้ายมาอยู่กับมึงแล้วเหรอ
โจ้    : ใช่ๆ อ๊ะ อ๊ะ อาจารย์เบนเดี๋ยวก่อนซิครับ
เชียร์ : เฮ้ย! นี้มึงทำไรกับอาจารย์เบนอยู่หรือว่ะ
โจ้    : ไม่มีอะไร ไม่มีอะไร เออ คือกูมีเรื่องจะมาบอกว่า กูได้จดหมายจากโรงเรียนเก่า ว่าจะมีงานศิษย์เก่า มึงจะไปกับกูไหม อ้ายส์!
เชียร์ : ไปดิๆ นี้มึงเป็นอะไรต้องครางเสียงดังด้วยว่ะ
โจ้    : ฝากมึงโทรบอกไอ้ปอด้วยน่ะ แค่นี้น่ะมึง ซี๊ดดด  อ้าส์!

แล้วไอ้โจ้ก็วางสายไป พร้อมเสียงครางของมัน มันจะโทรมาหาผมตอนที่มีอะไรกับแฟนทำไมเนี้ยยย!
ผมรีบกดเบอร์โทรศัพท์ของไอ้ปอ เพื่อจะรีบบอกมันถึงงานศิษย์เก่า
แต่ผมก็กดวางสายไปเมื่อเห็นพี่เอกเดินออกมาจากห้องน้ำ
พี่เอกกำลังใช้ผ้าเช็ดตัวเช็ดผมที่เพิ่งสระมา ปกติผมจะเป็นคอยเช็ดให้เสมอ
ผมเอาเสื้อผ้าที่เตรียมไว้ให้พี่เอก มาวางไว้ข้างๆตัวเขา(ปกติผมจะเตรียมเสื้อผ้าให้พี่เอกเสมอ รวมทั้ง กกน.ด้วย)
พี่เอกไม่สนใจเสื้อผ้าของผมเลย แล้วเดินไปหยิบเสื้อผ้าในตู้มาใส่เอง โดยเดินผ่านผมไป แทบจะไม่มองผมเลย ท่าทางคงงอนผมจริงๆ
“งอนเชียร์เหรอ” ผมเริ่มทำเสียงอ่อนลง พร้อมเดินไปหาพี่เอกที่กำลังหวีผมอยู่ พอผมเดินไปถึง พี่เอกกลับเดินไปที่เตียงนอนแทน แล้วรีบนอนทันที
ผมรู้สึกไม่ดีเลยที่พี่เอกแสดงอาการอย่างนี้ ผมกลับมานึกถึงตัวเองว่า “ทำไมเรางี่เง่าอย่างนี้ว่ะ”
ผมค่อยๆเดินไปที่เตียงพร้อมลงตัวนอนข้างพี่เอก
“พี่เอก เชียร์ขอโทษน่ะ” ผมพูดแค่นี้ เพราะไม่รู้ว่าจะพูดอะไรอีก แต่ผมมั่นใจว่าผมพูดมาจากใจจริงๆ
ผมค่อยๆเอามือไปโอบร่างของพี่เอก
“เชียร์คงรู้แล้วน่ะว่า เวลาที่เราถูกคนที่เราไว้ใจที่สุด ไม่ไว้ใจเรา มันเจ็บขนาดไหน” พี่เอกพูดเสร็จก็หันหน้ามาหาผม
ตอนนั้นผมร้องไห้ไปแล้ว
“แต่พี่ไว้ใจเชียร์เสมอน่ะ” พี่เอกพูดเสร็จก็จูบหน้าผากของผม
แล้วเราก็ไม่พูดอะไรกันอีกเลย ผมก็นอนไปในอ้อมกอดของพี่เอก จนลืมไปเลยว่าต้องโทรไปหาไอ้ปอ ไม่เป็นไรค่อยโทรไปหามันตอนเช้าก็ได้
************************************************************************************************
คู่ที่3

เพล้ง!!!
เสียงแก้วแตกทำให้ผมสะดุ้งตื่นขึ้มมา ผมรีบมองนาฬิกา
นาฬิกาบอกเวลา แปดโมง ทำให้ผมกระเด้งลุกขึ้นออกมาจากเตียง แล้วรีบวิ่งตรงไปห้องน้ำ
วันนี้จะเป็นวันทำงานวันแรกของผม ที่โรงเรียนสอนดนตรีแห่งหนึ่ง และคาบแรกของผม เริ่มเวลาเก้าโมง
ผมเดินไปถึงห้องน้ำ ก็ต้องตกใจเมื่อเห็นเหน่งกำลังเก็บเศษแก้วที่ตกจากพื้น
“เฮ้ย ขอโทษ กูทำกรอบรูปมึงแตกว่ะ” ไอ้เหน่งหยิบกรอบรูป ที่เป็นทรงกีต้าร์ ยื่นมาให้ผม
โชคดีที่กรอบรูปไม่เป็นอะไรมาก ผมรักกรอบรูปนี้มากๆ
เพราะมันเป็นของขวัญวันเกิดจาก เพื่อนรักของผม และในกรอบรูปนั้น ก็มีรูปของเจ้าพวกนั้นด้วย
เป็นรูปที่ถ่ายตอนงานปัจฉิมนิเทศ ตอนนั้นตัวผมยังไว้ผมทรงนักเรียนน่าตาบึ้งตึง ตัวก็เล็กอีกต่างหาก
ต่างจากตอนนี้ที่ผม สูงขึ้น บึกขึ้นเพราะมีกล้าม และผมยาวจนด้านหน้าต้องปัดข้าง เพราะไม่งั้นไม่เห็นหน้าผมแน่
“ตอนนั้นหน้าตาแกตลกว่ะ ยังจำตอนที่กูเจอกับแกครั้งแรกได้เลยน่ะเนี่ย” เหน่งพูดไปยิ้มไป พร้อมมองดูที่รูป
แต่แล้วรอยยิ้มของเหน่งก็หายไป เมื่อรูปข้างๆของเพื่อนผม คือ รูปชายคนหนึ่งที่ผม รักมากที่สุด
“แกยังเก็บรูปเค้าไว้อีกเหรอ” เหน่งหันมามองผม ผมพยายามหลบสายตาของเพื่อนรัก
ผมแย่งกรอบรูปนั้นมา แล้วเอาไปตั้งที่เดิม
“มึงรีบแต่งตัวเลย เดี๋ยวก็ไปสอนไม่ทันกันหรอก” ผมทำเสียงดูเหมือนเป็นการออกคำสั่ง เหน่งก็ทำตามที่ผมบอก เหน่งก็ไปสอนร้องเพลงที่เดียวกับผม
ผมรีบเข้าห้องน้ำ เพื่ออาบน้ำ ผมนึกถึงคำพูดของหนึ่ง
“มึงยังเก็บรูปเค้าไว้อีกเหรอว่ะ”
ผมย้อนไป นึกถึงเรื่องราวเก่าเมื่อวันนั้น วันที่ผมแยกทางกับคนนั้น

“เราเลิกกันเถอะ พี่ผิดเอง พี่อยากมีครอบครัว พี่เบื่อกับชีวิตแบบนี้แล้ว พี่..................”
คำพูดมากมาย ออกมาจากปากพี่เก่ง
ผมได้แต่นั่งเงียบ ฟังเหตุผลของพี่เก่ง ว่าทำไมพี่เค้าจึงขอเลิกกับผม
แต่ผมไม่สนใจเหตุผลพวกนั้นหรอก ผมรู้ด้วยตัวของผมเองว่า พี่เก่งไม่ได้รักผมแล้ว
ช่วงเวลาสามปีที่ผ่านมา ที่ผมเป็นแฟนพี่เก่ง ผมมีความสุขมาก
และไม่คิดว่าผมจะเป็นฝ่ายโดนบอกเลิก
พี่เก่งจากไป ผมไม่ได้ร้องไห้เลย ไม่ใช่ผมไม่เสียใจ แต่ผมไม่อยากให้ใครเห็นความอ่อนแอของตัวผม และไม่อยากเห็นความอ่อนแอของตัวเอง
หลังจากนั้น ผมเปลี่ยนตัวเอง ผมไปเที่ยวบ่อยขึ้น เจอใครก็มีอะไรกับเขา แต่ไม่คิดจิงจังกับใครสักคน เพราะผมไม่อยากช้ำกับความรักอีกเป็นครั้งที่สอง
ทุกคนเลยมองผมว่า ผมเป็นคนเข้าชู้ แต่ความจริงแล้ว ผมทำทุกอย่างเพื่อปกปิดความอ่อนแอของตัวเอง

“ไอ้ปอ โทรศัพท์โว้ยยย!” เสียงไอ้เหน่ง ตะโกนมาจากห้อง
“เออๆ” ผมรีบปิดน้ำ แล้วคว้าผ้าเช็ดตัวมานุ่ง เดินออกไปรับโทรศัพท์
“ฮัลโหล” ผมรับโทรศัพท์
“ปอ กูเองน่ะ” เสียงของโจ้ เพื่อนสนิทผม

ปอ : ว่าไง
โจ้ :  ไอ้เชียร์โทรมาบอกยัง
ปอ : บอกเรื่องอะไร
โจ้ : เอ้า ไอ้นี้บอกว่าจะโทรมาบอกมึงแล้วทำไมไม่โทรมาว่ะ
ปอ : แล้วเรื่องอะไรหล่ะ
โจ้ :  ก็วันเสาร์หน้าจะมีงานศิษย์เก่าที่โรงเรียน จะไปป่าว กูกับเชียร์ตกลงกันว่าจะไป
ปอ : ไปดิว่ะ จะให้พวกมึงไปกันแค่สองคนได้ไง
โจ้ :  ดีดี ไม่ได้ไปงานศิษย์เก่านานแล้วเนอะ เออ แล้ว เหน่งมาค้างที่บ้านเหรอะว่ะ
ปอ : อืมม เมื่อวานไปเที่ยวกันมา
โจ้ : ตกลงพวกมึงเป็นแฟนกันหรือป่าวว่ะ
ปอ : เฮ้ย! เป็นเพื่อนโว้ย เพื่อนมาค้างบ้านเพื่อนไม่ได้เหรอไงว่ะ
โจ้ : เออ กูถามเฉยๆ ไม่เห็นต้องโวยวายเลย
ปอ : กูต้องรีบไปทำงานแล้ว งานศิษย์เก่าวันไหนว่ะ
โจ้ : วันเสาร์นี้ งั้นเดี๋ยวให้ไอ้เชียร์ไปรับมึงที่บ้านน่ะ
ปอ : อืมม งั้นเจอกันน่ะ บาย
โจ้ : เออ บาย

ผมวางโทรศัพท์ แล้วรีบไปคว้าเสื้อผ้ามาใส่ เสียงโทรศัพท์มือถือของผมก็ดังอีก
ไอ้เชียร์ตัวแสบโทรมา

ปอ   : มีอะไรว่ะ
เชียร์ : อาไรกัน ทำไมต้องโมโหใส่ด้วย กูจะโทรมาบอกว่า วันเสาร์นี้จะมีงาน....
ปอ   : กูรู้แล้ว ไอ้โจ้โทรมาบอกแล้ว
เชียร์ : อ้าวเหรอ แล้วมึงไปไหม
“ไอ้ปอเสร็จยังว่ะ” เสียงหนึ่งตะโกนออกมาจากนอกห้อง
ปอ   :  ไปดิ แค่นี้น่ะมึง กูจะรีบไปทำงานแล้ว
เชียร์ : อันแน่ เมื่อคืนนอนกับเหน่งล่ะซิ พวกมึงนี้จู๋จี๋ กันจริงๆ
ปอ   : กูวางนะ วันเสาร์เจอกัน
เชียร์ : ดะ เดี๋ยวก่อน

ผมวางโทรศัพท์ไปแล้ว พร้อมหยิบกีตาร์ ออกมาหาหนึ่ง ที่นอกห้อง
“โจ้โทรมาเหรอ มีไรเหรอ” เหน่งถาม
“วันเสาร์มีงานศิษย์เก่า พวกนั้นมันโทรมาชวน” ผมหันไปพูดกับเหน่ง
“แล้วมึงไปไหม” เหน่งถาม พร้อมเอาแขนมาคล้องคอผม
“ไปดิว่ะ กูอยากเจอเพื่อนเก่าๆว่ะ” ผมตอบ
“แต่ก่อนมึงมีเพื่อนด้วยเหรอว่ะ เห็นมึงชอบทำหน้าบึ้งตึง นอกจากกู กับ เพื่อนสนิทมึงสองคนนั้น ก็ไม่เห็นมีใครอยากคบกับมึงเลย”
ผมไม่ได้ตอบอะไรเหน่ง เพราะสิ่งที่เหน่งพูดเป็นความจริง
ผมปิดประตูห้อง พร้อมเดินไปทีรถพร้อมกับเหน่ง

-----จบ-----
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 23-01-2008 11:12:12
กลับไปโรงเรียนคราวนี้ ต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่ๆ หรือจะย้อนความหลังสมัยมัธยม
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 23-01-2008 14:11:33
 :mc4ฉลองภาค2ครับรีบมาต่อนะครับกำลังติดเลยอ่ะ :m13:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: -~iK@iZ_KunG~- ที่ 23-01-2008 14:38:47
ต้องมีอะไรดี ๆ รออยู่ที่โรงเรียนแน่ ๆ เลย  :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 23-01-2008 15:52:20

คู่โจ้กับเชียร์ เริ่มมาดี แต่จะมีอะไรไม่ดีป่าวนะ

ส่วนปอนี่ท่าทางจะเจออะไรดีๆ ที่โรงเรียนซะละมั้ง


 :mc4: :mc4:

หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 23-01-2008 19:05:49
กลับโรงเรียนเก่า เจอรักเก่ารึเปล่าหว่า   :m4: :m4:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: TONG ที่ 23-01-2008 21:41:41
น่าสงสารปอจังเลยอ่า นึกว่าจะสมหวังแต่ก็เป็นเช่นนี้ไป
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 23-01-2008 22:18:08

เข้ามารอดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น อิอิ  :m22:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: jojoe ที่ 24-01-2008 07:10:00
ตอนที่ 1 กลับมาสู่ความทรงจำครั้งเก่า

คู่ที่ 1
 
รถมอเตอร์ไซด์วิ่งมาจอดที่หน้าโรงเรียน ผมค่อยๆลงมาจากมอเตอร์ไซด์คันนั้น พร้อมถอดหมวกกันน็อกออก พร้อมส่งคืนให้คนขับ
“ขอบคุณนะครับ ที่อุตส่าห์วิ่งมาส่งตั้งไกล” ผมยิ้มให้อาจารย์เบน ที่ขับรถมาส่งผมถึงหน้าโรงเรียน
“ไม่เป็นไรหรอก ถึงไกลแค่ไหนผมก็จะไปส่งให้ โฮ้! โรงเรียนใหญ่มากเลยนะเนี่ย สมกับเป็นโรงเรียนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจริงๆเลยนะ” อาจารย์รับหมวกกันน็อค พร้อมทำตาโต มองเข้าไปในโรงเรียนของผม
“ผมใช่เวลาเกือบปี กว่าจะเดินรอบโรงเรียนจนครบ แต่ที่พื้นที่ดูเยอะ คงเพราะมีสนามกีฬา ด้วยหล่ะครับ” ผมอธิบายให้อาจารย์ฟัง
“ดีจังเลยนะ ได้เรียนโรงเรียนดีดีแบบนี้ ไม่เหมือนผม เป็นเด็กบ้านนอก เรียนโรงเรียนธรรมดาๆ” อาจารย์พูดซะโรงเรียนตัวเองแย่มากๆ
“ธรรมดาอะไรกัน โรงเรียนประจำจังหวัดไม่ใช่เหรอครับ โรงเรียนของผมก็ไม่ได้วิเศษไปกว่าโรงเรียนอะไรอื่นๆหรอกครับ” ผมไม่เคยมองโรงเรียนตัวเองว่าเป็นโรงเรียนที่ดีที่สุด แต่ที่ทุกคนต่างมองว่าโรงเรียนของผมดีเลิศ คงเป็นเพราะความแพงของค่าเรียน นักเรียนที่เข้าเรียนที่นี้ต้องมีฐานะดี และเก่ง เพราะข้อสอบตอนสอบเข้าก็ยากมาก อีกทั้งเป็นโรงเรียนของเอกชน เรื่องความอำนวยความสะดวกในขณะที่เรียนอยู่จึงสำคัญ พร้อมเรื่องวิชาการต่างๆ ก็ต้องมีคุณภาพ เพราะต้องแข่งกับโรงเรียนอื่นๆ
“ผมกลับดีกว่า กินเลี้ยงให้สนุกนะ แล้วกลับมาเล่าให้ผมฟังบ้างหล่ะ” อาจารย์เริ่มสตารท์เครื่อง
“ครับ ขับรถดีดีน่ะ ตอนกลางคืน แถวนี้สิบล้อมันเยอะนะ” ผมพูดกับอาจารย์ด้วยความเป็นห่วง
อาจารย์เบนยิ้มให้ผม และขับรถมอเตอร์ไซด์ออกไป
ผมมองตามจนไม่เห็นรถของอาจารย์ ผมจึงหันหน้าไปที่หน้าประตูโรงเรียน
งานเลี้ยงจัดที่หน้าหอพักนักเรียน ซึ่งจะมีสนามบอลใหญ่อยู่หน้าหอพัก จึงเหมาะกับการจัดเลี้ยง
ที่จริงผมควรให้อาจารย์ไปส่งถึงที่หน้างานตรงสนามฟุตบอล เพราะหน้าประตูโรงเรียน กับหอพักอยู่ห่างกันมากๆ ประมาณเกือบสองกิโลได้ แต่ที่ผมให้อาจารย์มาส่งที่หน้าประตู เพราะผมอยากเดินดูบรรยากาศเก่าๆของโรงเรียน
เวลาสามปีที่ผมได้ใช้ชีวิตอยู่ที่นี้ ผมเรียนรู้อะไรมากมาย นอกจากสิ่งที่ได้จากบทเรียน ผมได้รู้จักความรัก ความอดทน ความกล้า และ มิตรภาพ สิ่งต่างๆเหล่านี้ล้วนทำให้เป็นผมจนทุกวันนี้
ผมมองทางเดินที่ทอดยาว สองข้างทางเป็นต้นชมพูพันธ์ทิพย์ที่วางตอลดตามทางเดิน
ผมหันไปมองทะเลสาบ มันยังคงกว้างใหญ่เหมือนเคย
จำได้ว่าเวลาที่ผมมีปัญหา ผมจะมานั่งร้องไห้ และมองดูปลาในทะเลสาบปนี้
ภาพความทรงจำเก่าๆ ก็เริ่มย้อนกลับคืนมาอีกครั้ง ในขณะที่ผมเดินไปตามทาง

มันเริ่มตั้งแต่วันแรกที่ผมรู้ว่าสอบติดที่นี้ ผมทราบข่าวจากซิสเตอร์ผู้ดูแลผม ที่สถานสงเคราะห์เด็กกำพร้า
เด็กทุกคนในสถานสงเคาระห์ พออายุเข้าถึงวัยที่จะต้องเรียนมอปลาย ก็ต้องหาที่อยู่ใหม่ คือต้องย้ายไปตามที่ต่างไม่ว่าจะเป็น โรงเรียนประจำ สถานสงเคาระห์ที่อื่นๆที่รับเด็กที่โตขึ้น หรือจะเป็นครอบครัวใหม่ที่มีคนมาขอรับอนุเคาระห์ดูแล
เนื่องจากผม เป็นเด็กที่เรียนดี และมีความประพฤติที่ดี ทางซิสเตอร์ผู้ดูแล จึงได้ติดต่อมาที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง เพื่อให้ผมได้มาเรียนที่นั้น และเป็นที่อยู่ใหม่ของผม
ตอนที่ผมมาสอบที่โรงเรียน ผมเองก็ต้องตกใจกับความกว้างใหญ่ และความสวยงามของอาคารเรียนที่นี้
อีกทั้งเด็กๆที่มาสอบ ล้วนมาจากโรงเรียนที่มีชื่อทั้งนั้น ผมเองไม่ค่อยอยากมาเรียนที่แห่งนี้ เพราะดูแล้วไม่เหมาะกับเด็กกำพร้ายากจนอย่างผม
แต่เพราะทางซิสเตอร์ และเพื่อนในสถานสงเคราะห์ ต่างหวังให้ผมได้เรียนที่นี้
ผมเลยจำใจมาสอบ และผมก็สอบติดจริงๆ ผมย้ายข้าวของมาอยู่ที่แห่งนี้
ผมเป็นนักเรียนคนเดียวที่ไม่ต้องจ่ายค่าเทอม และต้องอยู่โรงเรียนแห่งนี้ตลอดสามปี ตามความต้องการของท่านอธิการของโรงเรียน
วันแรกที่ผมย้ายข้าวของมาอยู่ ซิสเตอร์อนุญาต ให้เพื่อนผมมาช่วยขนของด้วย(ปกติที่สถานสงเคราะห์ไม่อนุญาตให้เด็กออกมาข้างนอก)
“แกจะทนอยู่กับไอ้พวกคุณหนูไหวเหรอว่ะ” วี เพื่อนสนิทของผมเอ่ยถามตอนที่ผมกำลังเอาเสื้อผ้าเข้าตู้
“ไม่ไหวก็ต้องไหว ไหนๆก็ต้องฝากชีวิตไว้ที่นี้แล้วนี้”ผมพูดให้กำลังใจตัวเอง
“คนอย่างแกเอาตัวรอดได้อยู่แล้วแหล่ะ ยังไงก็ขอให้โชคดีนะ”วีพูดเสร็จก็เดินเข้ามากอดผม
“แกก็เหมือนกัน ไปอยู่แคนนาดา อย่าลืมเพื่อนคนนี้นะ” ผมพูดพร้อมทั้งน้ำตาเพราะผมดีใจที่เพื่อนของผมได้มีโอกาสดีดี เพราะมันได้ไปอยู่กับครอบครัวชาวแคนนาดา ที่คอยส่งเสียมันตั้งแต่เด็ก และก็เสียใจที่จะต้องจากมันไป
“อืมม กูจะส่งจดหมายมาหานะ มึงก็เขียนมาหากูบ้างหล่ะ กูไปก่อนนะ” วีพูด แล้วก็เดินออกจากห้องไป
ผมถอนหายใจ เพื่อเตรียมตัวกับชีวิตใหม่ในสถานที่แห่งนี้ ผมไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร
ผมค่อยๆมองไปรอบๆห้อง โรงเรียนนี้แปลกกว่าโรงเรียนอื่นๆ ที่นักเรียนทุกคนต้องพักที่หอพักตอนเปิดภาคเรียน จะกลับบ้านก็ต่อเมื่อปิดเทอมหรือวันหยุดพิเศษเท่านั้น
ที่นี้มีหอพักอยู่สามตึก แต่ละตึกจะเป็นของนักเรียนแต่ละชั้นปีซึ่งในตึกจะแบ่งเป็นห้องๆ ห้องหนึ่งจะอยู่ได้ 4 คน
ซึ่งทางโรงเรียนจะเป็นคนจัดให้ว่านักเรียนพักอยู่กับใคร ส่วนมากจะเป็นเด็กห้องเดียวกัน
แต่ห้องของผมอยู่สามคน คงเป็นเพราะเหลือเศษมั้ง
ภายในห้องจะมีตู้ใส่เสื้อผ้า เตียงนอน โต๊ะหนังสือ และมีห้องน้ำภายในตัว
และที่หรูที่สุกคือมีแอร์ด้วย ช่างไฮโซจริงๆ
ผมเลือกนอน ที่ริมหน้าต่าง ใกล้ๆกับประตูที่ติดระเบียง ผมมองออกไปที่ระเบียงเห็นภาพของโรงเรียนทั้งหมด
ทั้งอาคารเรียน โดมกีฬา ทะเลสาบ สนามฟุตบอล โบสถ์
ที่นี้คงไม่เลวร้ายนักหรอก
ผมค่อยๆกลับมานั่งที่เตียง วันก่อนที่ผมจะย้ายมาอยู่ ท่านอธิการเรียกผมไปพบ
ท่านบอกว่า ท่านจะจัดการเรื่องทุกอย่างที่จำเป็นต้องใช้ตอนเรียน ทั้งเรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆ ข้าวของเครื่องใช้
แต่ที่สำคัญคือ ผมต้องมีคนอุปการะ คือ ต้องมีคนรับรองเป็นบุตรบุญธรรมเพื่อจะได้สะดวกในการดูเรื่องค่าใช้จ่ายของผม
ท่านอธิการเองไม่สามารถรับผมเป็นบุตรบุญธรรมได้ เพราะท่านเป็นบาทหลวง จะมีปัญหาในเรื่องกฏหมาย
ท่านจึงให้เพื่อนของท่านเป็นคนรับรอง เพื่อนของท่านเองก็มีลูกเรียนที่นี้เหมือนกัน และเรียนอยู่ชั้นเดียวห้องเดียวกับผมด้วย และผมต้องอยู่หอห้องเดียวกันด้วย
ผมหวังว่าเพื่อนใหม่ของผมคงไม่รังเกียจเด็กกำพร้ายากจนอย่างผม
ขอให้สิ่งที่ผมหวังไว้เป็นจริงเถอะ.....
************************************************************************************************

คู่ที่ 2

ผมจอดรถที่บริเวณสนามบาส ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับสนามฟุตบอลที่กำลังจัดเลี้ยงงานศิษย์เก่าอยู่
ตอนแรกผมกะว่าจะไปรับไอ้โจ้ กับ ไอ้ปอ แต่พวกนั้นดันมีคนมารับกันแล้ว
ผมเลยต้องมาคนเดียว ผมมองไปรอบๆโรงเรียน ทุกอย่างก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง
แต่มีตึกเพิ่ม คงเพราะทางโรงเรียนเปิดแผนกหญิงเพิ่มอยู่ห่างออกไปอีกฝากหนึ่ง
แค่นี้ก็เด็กเต็มโรงเรียนจนรวยแล้วรวยอีก ยังจะเปิดเพิ่มอีกทำไมก็ไม่รู้
ผมเดินแวะเข้าไปหห้องน้ำ เพื่อเช็คสภาพตัวเองก่อนจะไปเจอหน้าไอ้เพื่อนเก่าๆทั้งหลาย
ผมมองที่กระจก ดูตัวเองที่ใส่เสื้อเชิ้ตรัดรูป ที่ซื้อมาจากอเมริกา กับกางเกงแสล็กที่เพิ่งไปซื้อมาที่สยามพารากอน
กับรองเท้าหนังที่ฝากพ่อซื้อจากเยอรมัน
เพื่อนๆคงแปลกใจกับความเปลี่ยนแปลงของผมเป็นแน่ คงจะคล้ายกับความรู้สึกในวันแรกที่ผมย้ายมาอยู่ที่นี้
วันนั้นผมยังจำได้ดีว่าเกิดอะไรขึ้น
ผมเริ่มย้อนไปนึกถึงเรื่องราวเก่าๆที่ผ่านมา เรื่องราวที่ผมประทับใจไม่รู้ลืม

ในวันที่นักเรียนทุกคนต้องเข้าหอ ทุกคนต่างดีใจได้มาเจอเพื่อนกันอีกครั้ง หลังจากปิดเทอมไปนาน เนื่องจากที่นี้นักเรียนส่วนมากเป็นเด็กที่ย้ายมาจากแผนกมอต้น รวมถึงผมด้วย แต่ผมไม่ใช่เชียร์คนเก่าของเพื่อนๆ ผมคือเชียร์คนใหม่ ที่อยากเริ่มมีชีวิตใหม่ที่นี้ ที่ผมต้องใช้ชีวิตอยู่ถึงสามปี
ที่บอกว่าผมจะมาเป็นเชียร์คนใหม่ เพราะตอนมอต้น ผมคือเด็กน่าตาน่าเกลียดคนหนึ่ง เด็กที่ไม่ใครอยากคบ อยากคุย อยากเล่นด้วย เพราะความอุบาทว์ของตัวเอง มีแต่คนล้อว่า เป็นไอ้หมูตอนบ้างหล่ะ ไอ้สิวเค่รอะบ้างหล่ะ ผมเลยแยกตัวไปอยู่คนเดียว ไม่คิดที่จะคบใครแต่มีคนๆหนึ่งที่ทำให้ผมเปลี่ยนไป เค้าบอกกับผมว่า ผมสามารถเปลี่ยนตัวเองได้ และผมก็ทำมันได้จริง เวลาสามเดือนครึ่ง ผมเปลี่ยนไป น้ำหนักผมลดไปสิบโล หน้าของผมทั้งขาว และ ใส ทุกอย่างของผมเปลี่ยนไป พร้อมกับความมั่นใจที่เพิ่มขึ้น
และสิ่งหนึ่งที่ผมไม่เคยมีมาก่อน แต่ผมได้รู้จักกับสิ่งนั้น นั่นคือ ความรัก
ผู้ชายที่ทำให้ผมเปลี่ยนไป คือ คนรักคนแรกของผม แต่ตอนนี้เค้าอยู่ที่อเมริกา กำลังจะเรียนจบไฮสคูลที่นั่น และผมก็หวังว่าเค้าจะรีบกลับมาหาผม

คนขับรถหอบกระเป๋าใบโตของผม เดินตามผม และพ่อไปที่ห้องพัก ตลอดตามทางเดิน นักเรียนทุกคนต่างมองมาที่ผม
“ใครว่ะ น่ารักชิบ” มีคนหนึ่งพูดซุบซิบถึงผม
“เด็กใหม่แน่เลย น่ารักว่ะ” อีกคนก็ซุบซิบ แต่ผมก็พอที่ผมจะได้ยิน
เพียงได้ยินแค่นี้ ผมก็พอจะมั่นใจว่าผมเปลี่ยนไปในทางที่ดีจริงๆ
เมื่อผมมาถึงที่ห้อง ผมเริ่มรู้สึกตื้นเต้น ไม่รู้ว่าเพื่อนร่วมห้องจะเป็นอย่างไร
ผมพอจะรู้ว่าเพื่อนใหม่คนนี้ เป็นเด็กกำพร้าจากสถานสงเคาระห์
ซึ่งคุณลุงที่เป็นท่านอธิการได้ขอรับอุปการะไว้ พร้อมขอร้องให้คุณพ่อซึ่งเป็นเพื่อนสนิทกับคุณลุง ช่วยรับเด็กคนนี้เป็นบุตรบุญธรรม เพื่อแลกกับการที่ผมจะได้เข้ามาเรียนที่นี้ และที่สำคัญเด็กคนนี้สอบติดที่นี้เป็นอันดับที่หนึ่งด้วย(เม่งเก่งจริงๆ)
ผมเดินเข้าไปที่ห้องพร้อมกับพ่อ เห็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งกำลังนั่งจัดข้าวของอยู่บนเตียง แต่พอเห็นผมกับพ่อ เขาก็รีบลุกขึ้นทันที
“วะ หวัดีครับ” เด็กผู้ชายคนนั้นยกมือไว้พ่อผม
“หวัดดีจ๊ะ เธอคือโจ้ใช่ไหม”พ่อถามเด็กคนนั้น
โจ้พยักหน้าตอบ
“ฉันคือเพื่อนของท่านอธิการ ที่จะมาเป็นคนรับรองเธอเป็นบุตรบุญธรรม นี้ลูกของฉันน่ะชื่อเชียร์”
ผมทักทายกับโจ้ด้วยการยิ้ม ผมมองดูโจ้ แล้วรู้สึกแปลกใจว่า ดูไม่เหมือนเป็นเด็กจากสถานสงเคราะห์ ทั้งน่าตา และ การพูด ดูเป็นคนสุภาพเรียบร้อย ดูสะอาดสะอ้านกว่าที่คิดไว้ด้วย
 “ยังไงก็ฝากดูแลลูกชายฉันด้วยนะ” พ่อหันมาพูดกับโจ้อีกครั้งก่อนจะออกจากห้องไป แต่พ่อก็ยังไม่ลืมที่จะหอมแก้มผม
ผมมองหน้าเพื่อนใหม่อีกครั้ง ต่างฝ่ายต่างเขิน เพราะไม่รู้จะพูดอะไรกันดี
“เออ ให้เราช่วยเอาเสื้อผ้าเข้าตู้ไหม” โจ้เป็นฝ่ายเริ่มพูดก่อน
“ไม่ต้องหรอก นายจัดข้าวของของนายเรียบร้อยแล้วเหรอ” ผมรู้สึกเกรงใจ เพิ่งเจอกันครั้งแรกไม่อยากรบกวนเพื่อนใหม่หรอก
“เราจัดเสื้อผ้าเสร็จแล้ว ให้เราช่วยเถอะเพราะเสื้อผ้านายน่าจะดูเยอะกว่าเรา ตั้งสองกระเป๋าแน่ะ” โจ้ชี้มาที่กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ของผมสองใบ
ผมเลยยอมให้โจ้ช่วยผมเอาเสื้อผ้าและข้าวของเครื่องใช้ต่างๆเข้าตู้
ผมคุยกับโจ้อีกหลายเรื่อง จนคุยกันถูกคอและคิดว่าเพื่อนใหม่ของผม คงจะสนิทกันมากขึ้นในไม่ช้า
“ห้องเรานอนกันสามคนไม่ใช่เหรอแล้วอีกคนยังไม่มาเหรอ” ผมหันไปพูดกับโจ้
“มาแล้ว กระเป๋าวางตรงข้างๆเตียงนั่นไง” โจ้ชี้ไปที่กระเป๋าข้างเตียง ฝั่งตรงข้ามเตียงของผม กับโจ้
“เหรอ แล้วชื่ออะไรหล่ะ” ผมถามโจ้ คิดว่าโจ้คงเจอเพื่อนใหม่อีกคนแล้ว
“เรายังไม่เจอเขาหรอก ตอนเราเข้ามา ก็เห็นกระเป๋าวางไว้ตรงนั้นอยู่แล้ว และก็ไม่เห็นใครเข้ามาอีกเลย” โจ้ตอบ พร้อมหยิบเสื้อผ้าของผมเข้าตู้
“เหรอ แล้วทำไมยังไม่ขึ้นมาเอาของเข้าตู้อีกน่ะ นี้ใกล้เวลาเข้าห้องประชุมแล้วน่ะ” ผมมองนาฬิกา เพราะตามเวลาของหอพักแล้ว วันแรกของการเข้าหอพักจะมีการเรียกประชุมเพื่อแนะแนว และแนนำการอยู่ที่หอพัก
“เดี่ยวเราค่อยมาช่วยเขาจัดของตอนหลังก็ได้ ไปที่ห้องประชุมเถอะ” โจ้ชวนผมไปเข้าประชุม
ผมก็ลุกเดินตามโจ้ไปทันที ผมรู้สึกดีจริงๆ ที่เพื่อนใหม่ของผมดูเป็นคนดีและจริงใจ
แต่อีกคนหนึ่งจะเป็นยังไงน้า....
************************************************************************************************

คู่ที่ 3

ผมลงมายื่นรอไอ้เชียร์ ตรงหน้าคอนโดของผม มันบอกว่าจะมารับผมไปงานศิษย์เก่า
พอถึงเวลานัด ผมเห็นรถคันหนึ่งมาจอดตรงหน้าผม
ผมงง เพราะรถคันนั้นไม่ใช่รถของเชียร์ แล้วมันเป็นรถของใครกันหล่ะ
แต่ผมหายสงสัยเมื่อเจ้าของรถ ลงมาจากรถ แล้วเดินตรงมาหาผม
ผมมองชายคนนั้น เขาส่วมแว่นดำ ตัวสูงเท่าผม ผมสั้นเกีรยน แต่งตัวเนียบมากๆ คือใส่เสื้อเชิ้ตและกางเกงยีนส์ พร้อมรองเท้าหนังมันวาว
เขาค่อยๆถอดแว่น ผมตกใจเมื่อได้เห็นใบหน้าของชายคนนั้น
“บิ๊ก” ผมพูดชื่อของชายคนนั้น
“ใช่ เราเอง นึกว่าจะจำเราไม่ได้ซะอีก” บิ๊กยิ้มให้ผม รอยยิ้มของบิ๊กทำให้หน้าที่ขาวใสดูหล่อขึ้นมากกว่าเดิม
“แล้วนายมาทำอะไรที่นี้” ผมถามเพราะแปลกใจที่จู่ๆ ก็เห็นคนที่ไม่เคยเจอกันมาเลยเกือบ หกปี
“อ้าว เชียร์ไม่ได้บอกเหรอว่าเราจะมารับนายไปงานศิษย์เก่า” บิ๊กพูดพร้อมเดินเข้ามาใกล้ผม ทำให้ผมได้กลิ่นน้ำหอมของบิ๊ก
“เราไม่เห็นรู้เรื่องเลย แล้วนายติดต่อกับเชียร์ได้ยังไง พวกเราไม่ได้เจอกันมาเลยเกือบหกปีแล้วนะ” ผมถาม
“ก็เราเรียนอเมริกาที่เดียวกับเชียร์ไง เชียร์ไม่ได้บอกอีกแล้วเหรอ” ดูท่าทางบิ๊กจะงงมากกว่าผม
ผมไม่ได้ตอบอะไร เชียร์คงจะแก้ลงผมให้ผมตกใจเล่น ผมมองดูหน้าบิ๊กอีกครั้ง นานมากที่ผมไม่ได้จ้องแววตาคู่นั้น คนรักคนแรกของผมยืนอยู่ตรงหน้าผมแล้ว
“เราว่ารีบไปกันเถอะ เดี๋ยวไปไม่ทันงานเริ่ม เราอยากเจอเพื่อนๆมากเลย” บิ๊กกวักมือเรียกผมให้ขึ้นรถ
ผมยิ้มรับแล้วเดินขึ้นรถ
บิ๊กจะรู้ความจริงไหมว่า ที่ผมอยากไปงานศิษย์เก่า เพราะผมอยากเจอคนๆหนึ่ง คนนั้นก็คือ บิ๊กนั่นเอง
ผมนั่งในรถข้างๆบิ๊ก ผมเริ่มนึกถึงวันเวลาเก่าๆที่ผมได้ใช้ชีวิตอยู่ในโรงเรียน
สามปีที่ผมได้เจออะไรมากมาย แม้บางคนบอกว่ามันเป็นเวลาไม่นาน แต่สำหรับผมช่วงเวลานั้น
ผมจดจำมันได้ดี

วันเข้าหอวันแรกของผม อาจจะไม่มีความสุขเหมือนคนอื่น ที่ทุกคนต่างดีใจที่จะได้พบกับเพื่อนใหม่ ได้อยู่ในสถานที่ใหม่
แต่ผมไม่มีความสุขเลยกับการย้ายมาอยู่ที่โรงเรียนแห่งนี้
ผมไม่ได้โดนบังคับให้มาเรียนที่นี้หรอก ผมเป็นคนตั้งใจที่จะมาเรียนที่นี้เอง
เพราะผมอยากอยู่ที่ใดก็ได้ ที่ไม่ต้องอยู่กับพ่อกับแม่
ผมเบื่อกับการต้องมานั่งฟังพ่อ แม่ ทะเลาะกัน เบื่อกับการที่พ่อแม่ จะแย่งกันมารับผิดชอบผม
เพราะพ่อ แม่ของผม เพิ่งหย่ากัน แต่ผมอยู่ในความรับดูแลของแม่ แม่ไม่ว่าอะไรที่ผมจะย้ายมาอยู่ที่นี้
แต่พ่อไม่ยอม เพราะ พ่ออยากให้ผมอยู่ใกล้ๆกับพ่อ ที่กรุงเทพฯ
ผมไม่สนใครทั้งนั้น เพราะผมตัดสินใจมาแล้ว
ผมแอบมาเข้าหอคนเดียว โดยไม่ได้บอกพ่อกับแม่ให้รู้ ผมไม่ค่อยอยากให้พ่อกับแม่เจอกันเท่าไหร่ เพราะถ้าเจอกันคงไม่วายต้องทะเลาะกันทุกที
แต่เมื่อพ่อผมรู้ ก็รีบมาหาที่หอพักทันที
ผมนั่งคุยกับพ่อ ที่ศาลาสำหรับไว้นั่งพัก ใกล้ๆกับพ่อ
“ทำไมแกถึงอยากมาเรียนที่นี้” พ่อถามผม แต่ผมไม่ตอบ
“แม่แกไม่เคยปรึกษาฉันเลย ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม ยิ่งเรื่องของแก ยิ่งไม่เคยบอกฉันสักคำ ทำไมเหรอ กลัวฉันจะมาแย่งแกไปจากอกนักเหรอไง” พ่อพูดถึงแม่ทีไร ต้องว่าแม่ทุกที
“ถ้าพ่ออยากว่าแม่ ทำไมไม่ไปพูดกับแม่เอง ผมไม่อยากรับรู้ปัญหาของพ่อกับแม่นักหรอก ผมต้องเข้าประชุมแล้ว” ผมรีบเดินไปจากพ่อ พร้อมเช็ดน้ำตาที่มันกำลังจะไหล ผมได้ยินเสียงพ่อเรียกผม มาจากด้านหลัง แต่ผมไม่หันกลับไป
ผมไม่ได้เข้าห้องประชุมหรอก ผมแอบมานั่งร้องไห้อยู่ตรงทะเลสาบที่อยู่ตรงถนนทางเข้าโรงเรียน
ทำไมเรื่องแบบนี้ถึงต้องมาเกิดกับผม ผมกลายเป็นเด็กบ้านแตกไปแล้ว
ผมนั่งร้องไห้จนเลยเวลาเข้าประชุม ผมจึงนั่งอยู่ที่นั่นจนกว่าจะถึงเวลาเลิกประชุม
ตอนนี้ผมไม่กะใจจะทำอะไรทั้งนั้น

เมื่อถึงเวลาเลิกประชุม ผมนั่งมองนักเรียนที่กำลังแยกย้ายกันไปขึ้นหอพัก ผมจึงเดินตามพวกเขาไป เหมือนกับว่าผมได้เข้าประชุมด้วย
ผมพยายามทำตัวปกติ คนอื่นจะได้ไม่สงสัยว่าทำไมผมถึงร้องไห้
ผมเดินไปถึงที่ห้อง ผมตกใจเมื่อเห็นเด็กผู้ชายสองคน กำลังนั่งคุยกันอยู่ที่เตียงตรงข้ามของผม ผมลืมนึกไปเลยว่า ผมต้องอยู่กับเพื่อนใหม่อีกสองคน
“อ้าวหวัดดี นายเพิ่งขึ้นมาเหรอ เราชื่อโจ้นะ ส่วนอีกคนชื่อเชียร์” เด็กผู้ชายใส่แว่น น่าตาดูดี พูดจาสุภาพเรียบร้อย เอ่ยทักผม ก่อนที่จะแนะนำคนอีกคนหนึ่ง ซึ่งน่าตาน่ารักพอๆกัน ดูจากการแต่งตัวแล้วน่าจะเป็นคุณหนู ดูหยิ่งๆยังไงก็ไม่รู้
“นายชื่อไรเหรอ” คุณหนูถามชื่อผม
“เราชื่อปอ คือ เราขอนอนพักหน่อยนะเราไม่ค่อยสบายนะ” ผมรีบแยกตัวไปนอนที่เตียง ผมไม่ได้ไม่สบายหรอก แต่อารมณ์ผมตอนนี้ไม่อยากจะคุยอะไรกับใครมากกว่า
“งั้นเราไปเอายามาให้ดีกว่านะ” โจ้ดูท่าทางเป็นห่วงเป็นใยผม แล้วก็รีบออกจากห้องไป
ผมไม่สนใจ นอนหันหลังให้กับเชียร์ที่ยังคงนั่งอยู่บนเตียงที่เดิม ผมหลับตา พยายามที่จะนอนหลับ
“นายไม่สบายจริงเหรอตัวไม่เห็นร้อนเลย” เชียร์เดินมาแตะหน้าผากตั่งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ผมสะดุ้งตกใจลุกขึ้นมา
“นะ นาย ไม่ต้องมายุ่งได้มั้ย” ผมตะโกนใส่เชียร์ ดุเชียร์จะตกใจเมื่อเห็นผมโกรธ
“ยุ่ง อะไรกัน ก็เป็นห่วง จะมาดูว่าเป็นหวัด หรือเป็นไข้ จะได้ให้ยาถูก” เชียร์เกาหัว ท่าทางคงงงที่ผมทำไมถึงโมโห
“เราไม่ต้องการให้ใครมาสนใจเรา เราอยากอยู่คนเดียวเข้าใจไหม” ผมตะโกนใส่เชียร์ พร้อมน้ำตาที่ไหลออกมาแทบยั้งไม่อยู่
ผมลุกจากเตียง และวิ่งไปที่ประตูเพื่อจะออกจากห้อง เป็นขณะเดียวกับที่โจ้กำลังหยิบมายามาให้ผมพอดี
ผมเลยชนกับโจ้เข้าอย่างจัง ต่างฝ่ายต่างล้มไม่เป็นท่า
“โอ้ยๆ” โจ้ร้องออกมาพร้อมจับเอว สงสัยขาผมไปชนกับเอวของโจ้แน่ๆ เพราะขาผมก็เจ็บ
แต่ผมไม่ได้ร้องโอดครวญเพราะเจ็บขา แต่ผมกำลังร้องไห้ “ฮือออ ฮือออ”
เชียร์กับโจ้ เดินมาดูผมที่กำลังร้องไห้อยู่
“นะ นายเป็นอะไร เราชนนายเจ็บมากเลยเหรอ” โจ้ถามผมนึกว่าผมร้องไห้เพราะเจ็บจากการวิ่งชนกันเมื่อกี้
“ปะ ป่าว ไม่มีอะไรหรอก” ผมรีบเช็ดน้ำตา “เราแค่ ฮือออ ฮือออ” แต่ก็ร้องไห้มาอีก
“นายเป็นอะไร มีเรื่องอะไร บอกพวกเราได้นะ” โจ้เข้ามาจับมือผม ผมรู้สึกได้ถึงความจริงใจของเพื่อนใหม่คนนี้
ตอนนี้ผมไม่รู้จะทำยังไง การได้เล่าปัญหาของผมให้ใครสักคนฟัง อาจจะทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมาบ้างก็ได้
ผมจึงเล่าถึงปัญหาของผมที่เกิดขึ้นให้โจ้และเชียร์ฟัง ดูทั้งสองคนตั้งใจฟังปัญหาของผมอย่างจิงจัง
ผมเล่าจบ โจ้ก็เข้ามาจับที่แขนผม
“ปัญหาที่เกิดขึ้น มันต้องมีทางแก้ พ่อแม่นายคงไม่ทะเลาะกันไปตลอดหรอก พวกเขาทะเลาะกันก็เพราะพวกเขารักนายไม่ใช่เหรอ”
สิ่งที่โจ้พูดทำให้ผม รู้สึกดีขึ้นมามาก และทำให้มีสติถึงปัญหาที่เกิดขึ้น
“ฉันอิจฉานายนะ” เชียร์พูดกับผม
“นายอิจฉาเราทำไม” ผมสงสัย อย่างเชียร์ที่ดูเป็นคนสมบูรณ์แบบทุกอย่าง ไม่น่าจะขาดอะไร
“เราไม่มีแม่ นายโชคดีที่ยังมีแม่” เชียร์พูดออกมา ผมเห็นว่าน้ำตาของเชียร์เริ่มซึม
“เราเอง ไม่มีทั้งพ่อทั้งแม่ ตั่งแต่เกิดมายังไม่เคยเห็นหน้าพ่อแม่เลยด้วยซ้ำ” โจ้เองก็พูดออกมาให้ผมฟังเช่นกัน
“ดูสิ นายนะโชคดีแค่ไหนที่มีพ่อแม่” โจ้เองก็เริ่มร้องไห้
กลายเป็นว่าทั้งสองคนร้องแทนผม ผมรีบปลอมพวกนั้นทันที
“เฮ้ย โตๆกันแล้ว ไม่เห็นต้องร้องเลย พวกนายอยู่ได้โดยไม่มีพ่อไม่มีแม่มาตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอ ยังจะมาร้องอีกทำไม”
ผมพูดใส่หูทั้งสองคน พวกนั้นก็หยุดร้องพร้อมเช็ดน้ำตา
“เชียร์เราขอโทษนะที่เมื่อกี้เราตะโกนใส่นาย” ผมพูดกับเชียร์ เชียร์ยิ้มรับ
“เราก็ขอโทดนะโจ้ ที่เราวิ่งชนนาย” ผมพูดกับโจ้ โจ้ก็เอามือมาแตะที่มือของผม
“ไม่เป็นไรหรอก เราเป็นเพื่อนกันแล้วนี้ มีอะไรเราก็ต้องช่วยเพื่อน” โจ้ยิ้มให้ผม
ปรากฏว่าคืนนั้น พวกเราไม่ได้นอนกันทั้งคืน เพราะมัวแต่คุยกัน ไม่รู้ไปเรื่องกันมาจากไหน พูดกันได้ไม่จบสักที
ผมรู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่มีเพื่อนที่ดี และหวังว่าพวกเราจะเป็นอย่างนี้ไปตลอด.....

----- จบตอนที่1-----
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 24-01-2008 09:14:42
 :เฮ้อ:อดีตเศร้าๆกันทั้งนั้นเลย :o12:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: TONG ที่ 24-01-2008 09:40:33
 :เฮ้อ: มีแต่เด็กมีปัยหาทั้งนั้น
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 24-01-2008 11:36:02

 :oni2:

อดีตฝันวันวาน

หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: [D]a[D]a [T]oo[N] ที่ 24-01-2008 12:31:02
ความทรงจำสมัยเด็ก อิอิ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: 13th Devil ที่ 24-01-2008 14:31:44
เย้!!! ในที่สุด season 2 ที่เรารอคอยก็มาแย้ว   :a2:
ขอบคุณครับ คุณ Jojoe
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 24-01-2008 14:58:07
ถึงจะเศร้าไปนิด แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นของคำว่าเพื่อน
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 24-01-2008 22:56:29
โอ้ ต่างคนต่างก็มีปัญหา  :m13:  :m13:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 25-01-2008 16:40:18
so surprise!!!
3 rd couple - ท่าที่ยังไม่เคย<<So cool Mann!!!
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: T@luntulA ที่ 25-01-2008 19:54:25
อดีตขอแต่ละคนนน น่าเศร้า แต่มันก็ทำให้ได้เจอกับอะไรดีๆในวันถัดมา หุหุ

มาต่อไวๆนะคับบ รออยู่เน้ออ  :m4:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: jojoe ที่ 25-01-2008 20:01:17
ตอนที่ 2 รักแรก – แรกพบ

คู่ที่1

ก่อนเปิดเทอมหนึ่งวัน ทางโรงเรียนจะจัดพิธีการต้อนรับนักเรียนใหม่ คล้ายๆกับงานปฐมนิเทศ
นักเรียนทั้งโรงเรียนต้องเข้าร่วมพิธีไม่ว่าจะเป็นนักเรียนเก่า และ นักเรียนใหม่
เนื่องจากโรงเรียนของเราเป็นโรงเรียนคาทอลิก งานจึงเริ่มที่พิธีกรรมในโบสถ์
เป็นการขอพรจากพระเจ้า และเป็นการเคารพต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นผู้อุปถัมภ์ของโรงเรียน
ผมตั้งใจร่วมพิธีกรรมอย่างตั้งใจ ไม่เหมือนเชียร์ที่นั่งหลับอยู่ข้างๆ
ส่วนปอก็นั่งเหม่อลอย ไม่ค่อยตั้งใจร่วมพิธีเท่าไร
พอพิธีกรรมทางศาสนาคริสต์เสร็จสิ้นลง
ท่านอธิการก็จะทำพิธีมอบตราสัญลักษณ์โรงเรียน ซึ่งเป็นเข็มกลัดที่ติดไว้ตรงหน้าอกด้านขวา ใกล้กับตัวอักษรย่อของโรงเรียน
และกล่าวต้อนรับนักเรียนใหม่ทุกคน
หลังจากพิธีกรรมภายในโบสถ์เสร็จสิ้นลง มาสเตอร์ผู้คุมภายในโบสถ์ก็ให้นักเรียนใหม่ยืนเข้าแถวรออกจากโบสถ์
ตอนนั้นผมสงสัยว่าทำไมตอนออกจากโบสถ์ต้องยืนเป็นระเบียบเรียบร้อยด้วย เหมือนต้องทำอะไรบางอย่าง
แล้วพวกรุ่นพี่ๆที่ร่วมพิธีในโบสถ์ก็หายไปในกันหมดก็ไม่รู้
ปรากฏว่า ที่พวกผมต้องยืนเข้าแถวออกจากโบสถ์ เพราะว่ารุ่นพี่ๆไปรอต้อนรับพวกเราอยู่ด้านนอก ตรงบันไดทางเข้าโบสถ์
พวกรุ่นพี่จะยืนอยู่สองข้างทาง คอยปรบมือ และโปรยดอกชมพูพันธ์ทิพย์ ให้รุ่นน้อง ที่เดินออกมาจากโบสถ์
เป็นการแสดงการต้อนรับสู่โรงเรียนใหม่แห่งนี้
ผมรู้สึกอบอุ่นกับพิธีแบบนี้ เหมือนว่าทุกคนเป็นพี่น้องกันจริงๆ
ผมมองไปสองข้างทาง รุ่นพี่ทุกคนต่างยิ้มดีใจที่ทุกคนจะมีน้องใหม่
แต่แล้วสายตาของผมก็ต้องไปสะดุดกับคนๆหนึ่งที่กำลังปรบมือ และ โปรยชมพูพันธุ์ทิพย์
รุ่นพี่คนนั้น น่าตาดีมากๆ เรียกว่าหล่อเลยก็ว่าได้ รูปร่างดี สมส่วน สูงเกือบๆ180ซม. ผิวพรรณดี ดูเป็นผู้ชายเพอร์เฟ๊คมากๆ
ผมไม่เคยเห็นใครหล่ออย่างนี้มาก่อน(ผมโตในสถานสงเคราะห์ ไม่ค่อยได้เห็นคนหล่อ และคนรวยนี้ครับ)
ผมเดินตามแถวไปเรื่อยๆแต่ตายังคงจ้องมองรุ่นพี่คนนั้น จนผมเดินไปชนกับเพื่อนที่อยู่ด้านหน้า
“อ๊ะ ขอโทษครับ” ผมรีบขอโทษ เพื่อนคนข้างหน้า
“เดินระวังๆหน่อยซิ ซุ่มซ่ามจริงๆเลย” เพื่อนคนนั้นต่อว่าผมใหญ่เลย เชียร์เห็นพอดีเลยเดินมาช่วยผม
“ก็คนเค้าขอโทษแล้วไง ยังจะมาว่าอีก แค่เดินชนแค่นี้ มันเจ็บมากหรือไง…” เชียร์ว่ากลับเพื่อนคนนั้นเป็นชุด ผมเห็นว่าถ้าเชียร์ยังคงไม่หยุดว่า ทั้งเชียร์และผมคงต้องโดนต่อยแน่ๆ
“ไปเถอะเชียร์ พอแล้ว เดี๋ยวซวยกันพอดี” ผมรีบลากเชียร์ออกจากที่เกิดเหตุทันที
ผมเข้าไปในห้องประชุม เพื่อหาที่นั่ง
ในงานปฐมนิเทศ ทางโรงเรียนมีการจัดเลี้ยงต้อนรับนักเรียนใหม่ โดยจะจัดงานเป็นงานเลี้ยงแบบบุฟเฟต์
และมีการแสดงของรุ่นพี่ด้านบนเวที
เป็นครั้งเดียวที่โรงเรียนให้ทานข้าวในห้องประชุม
ผมกับเชียร์หาที่นั่งได้ก็รีบคุยกันทันทีถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดเมื่อกี๊
“แกมองอะไรเหรอถึงได้เดินไปชนคนอื่นเค้า” เชียร์ถามผม
“เออ...คือ...เรา” ผมอ่ำอึ้งไม่รู้จะบอกเพื่อนใหม่อย่างไรดี ว่าผมมองผู้ชายอยู่
“แกมองรุ่นพี่หล่อๆอยู่อะดิ” เชียร์พูดออกมา พร้อมทำหน้าตาเจ้าเล่ห์ ทำไมมันถึงรู้ความลับของผมได้เนี้ย
“นายรู้ได้ไง ว่าเราชอบผู้ชาย” ผมรู้สึกไม่ดีเลย กลัวเพื่อนใหม่จะรับเรื่องนี้ไม่ได้
“หน้าซีดเลยเหรอ ใจเย็นๆ ฉันก็ชอบผู้ชายเหมือนแกนั่นแหล่ะ ที่นี้เป็นโรงเรียนชายล้วน คนส่วนมากก็เป็นกันทั้งนั้น เดี๋ยวแกอยู่ๆไปก็มีแฟนเองแหล่ะ” เชียร์พูดอย่างนี้ ผมค่อยโล่งอกลงหน่อย โชคดีจริงๆที่ผมมีเพื่อนที่เป็นเหมือนกัน เวลาคุยอะไรจะได้เข้าใจกัน
“นายพูดอย่างนี้แสดงว่ามีแฟนแล้วหล่ะซิ” ผมถามเชียร์ เพราะคิดว่าคนน่าตาดีอย่างมันคงมีอแฟนอยู่แล้ว
“อืมม เรามีแฟนแล้ว แต่แฟนเราตอนนี้ไปเรียนที่อเมริกา” เชียร์ยิ้มอย่างมีความสุข พร้อมหยิบรูปแฟนที่อยู่ในกระเป๋าตังค์ของตัวเองมาให้ผมดู แฟนของเชียร์นาตาดี และดูรวยๆพอๆกับเชียร์ เหมาะสมกันดีจริงๆคู่นี้
“นายยังไม่ตอบเลยนะว่ามองใครอยู่” เชียร์คะยั้นคะยอถามผม
“เราไม่รู้จักเค้าหรอก ถ้าเราเห็นอีกเราจะชี้ให้นายดูแล้วกัน” ผมตอบเชียร์
“ก็ได้ๆ เราไปเอาของกินมากินกันเถอะ เราหิวแล้ว”เชียร์ทำท่าลูบท้อง ผมเองก็หิวแล้วเราทั้งสองคนเลยเดินไปหาอะไรกินกันตามซุ้มของกินต่างภายในงาน
อยู่ดีดีเชียร์หยุดเดินพร้อมหันมาคุยกับผม“เอ๊ะ เดี๋ยวก่อนตอนนี้กี่โมงแล้ว”
“จะสองทุ่มแล้ว ทำไมเหรอ” ผมหันไปมองเชียร์
“เวลาตอนนี้ที่เมืองไทยตรงกับเวลาเช้าที่อเมริกาไง เดี๋ยวเราขอโทรหาแฟนก่อนนะ”
แล้วเชียร์ก็ออกไปโทรศัพท์ช้างนอกห้องประชุม ปล่อยให้ผมอยู่คนเดียว
“พอนึกถึงแฟนลืมเพื่อนเลยนะ” ผมแอบแซวเชียร์
************************************************************************************************

คู่ที่2

ผมเดินออกจากห้องประชุม ไปนั่งตรงศาลาริมน้ำถัดจากห้องประชุมไปนิดหน่อย
ผมรีบกดโทรศัพท์ไปยังเบอร์ของแฟนผม
“ฮัลโหล ว่าไงที่รัก” เสียงจากปลายสายที่ผมคุ้นเคยเป็นอย่างดีกล่าวทักผม
“ตื่นยังพี่แจ๊ค วันนี้ไปทำงานไม่ใช่เหรอ” ผมพูดกับแฟนผม

พี่แจ๊ค: ยัง รอเชียร์มาปลุกอยู่เนี้ย
เชียร์  : งั้นก็ตื่นได้แล้วรีบไปอาบน้ำเลย เดี๋ยวไปทำงานสายหรอก
พี่แจ๊ค: ถ้าพี่ไปอาบน้ำจะคุยกับเชียร์ได้ยังไง อีกอย่างขี้เกียจไปทำงานล้างจานด้วยเบื่ออ่ะ
เชียร์  : ทนๆไปเหอะ เดี๋ยวเค้าให้พี่ไปเสริฟแล้วไม่ใช้เหรอ
พี่แจ๊ค: พี่อยากไปเป็นบ๋อยแล้ว จะได้ฝึกภาษาด้วย อีกอย่างเงินเดือนจะได้เพิ่มขึ้น
เชียร์  : แล้วพี่จะอยู่จนจบปริญญาตรีเลยเหรอ
พี่แจ๊ค: ใช่ ทำไมเหรอ คิดถึงพี่ใช่ไหมหล่ะ
เชียร์  : ตั้งห้าปีเชียวนะ(ทำเสียงเศร้า)
พี่แจ๊ค: ก็มาอยู่กับพี่ซิ พอเรียนจบมอหก ก็มาเรียนกับพี่เลยดิ
เชียร์  : พอเชียร์ไปอยู่ พี่อยู่กับเชียร์แค่สองปี แล้วอีกสองปีเชียร์จะอยู่กับใคร
พี่แจ๊ค: งั้นพี่เรียนปริญาโทต่อ จะได้อยู่เป็นเพื่อนเชียร์
เชียร์  : พูดจริงๆนะ เชียร์เองก็อยากไปเรียนเมืองนอกเหมือนกัน
พี่แจ๊ค: คร้าบ พี่สัญญาครับ แล้วเป็นไงบ้างที่โรงเรียน
เชียร์  : ก็ดี เพื่อนที่นอนห้องเดียวกันน่ารักมากๆเลย
พี่แจ๊ค: คนที่มาจากสถานสงเคราะห์นั่นเหรอ
เชียร์  : ใช่ๆ น่าตาน่ารักดีนะ ดูไม่ออกว่าเป็นเด็กกำพร้าเลย
พี่แจ๊ค: เฮ้ยๆ ชมคนอื่นน่ารักต่อหน้าพี่หมายความว่าไง
เชียร์  : บ้าเหรอเชียร์ไม่คิดอะไรกับโจ้หรอก
พี่แจ๊ค: แล้วเพื่อนอีกคนหล่ะ
เชียร์  : อ๋อ ไอ้ปอเหรอ ก็เงียบๆไม่ค่อยพูดค่อยจา
พี่แจ๊ค: อืมม ดีที่มีเพื่อนดี ตั้งใจเรียนแล้วกันนะ พี่ไปอาบน้ำก่อนนะ
เชียร์  : ครับ พี่เองก็ตั้งใจเรียนเหมือนกันนะ ตั้งใจทำงานด้วย
พี่แจ๊ค: คร้าบ ที่รัก รักเชียร์นะ
เชียร์  : รักพี่แจ๊คเหมือนกัน บ้ายบาย

ผมก็วางสายและก็ยิ้มดีใจที่ได้คุยกับแฟนของผม ผมรีบเดินไปที่ห้องประชุม ไปตรงที่นั่งที่โจ้กำลังกินข้าวอยู่
“ว่าไงยิ้มมาเชียว” โจ้แซวผม
“ก็ไม่มีอะไร คุยกันเหมือนทุกๆครั้งนั่นแหล่ะ เดี๋ยวไปหาอะไรกินก่อนนะ” ผมกำลังจะลุกไปหยิบของกิน ก็มีรุ่นพี่คนหนึ่งเอาจานข้าวมาให้ผม
“นี้ครับสำหรับน้อง” รุ่นพี่คนนั้นยิ้มให้ผม แต่ผมรู้สึกว่ายิ้มนั้นดูแปลกๆยังไงก็ไม่รู้
“เออ เอามาให้ผมทำไมครับ” ผมถาม เพราะไม่รู้ว่าจุดประสงค์ของพี่เค้าคืออะไร
“ก็รุ่นพี่บริการให้รุ่นน้องไงครับ” พี่คนนั้นเขยิบตัวมาใกล้ผม
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมหยิบเองได้” ผมรีบเดินหนีพี่คนนั้นไปทันที
อะไรกันเนี้ย อยู่ไม่กี่วันเจอพวกโรคจิตแล้วเหรอเนี้ย
ผมหยิบจานข้าวและตักอาหารเรียบร้อยแล้ว ก็จะเดินไปหยิบน้ำ ก็มีรุ่นพี่คนหนึ่งยื่นแก้วน้ำมาให้ผม
“นี้ครับ สำหรับน้องใหม่”รุ่นพี่คนนั้นท่าทีไม่ต่างจากรุ่นพี่คนที่แล้วสักเท่าไหร่
“ขอบคุณครับ” ผมรับแก้วน้ำจากรุ่นพี่
“น้องอยู่หอตึกไหนเหรอครับ” รุ่นพี่ถามผม
“ผมอยู่ตึกกาเบีรยล์ครับ”
“ว้า...แย่จัง พี่อยู่ตึกไมเคิล แล้วน้องนอนห้องไหนครับ” รุ่นพี่ยังไม่เลิกตอแยผมอีก
“เออ ผมขอตัวไปหาเพื่อนก่อนนะครับ อีกอย่างผมหิวข้าวแล้วด้วย” พูดเสร็จผมรีบเดินหนีไปทันที
ผมเดินมาที่โต๊ะ โจ้เห็นผมทำหน้าบูด เลยถามผม
“ทำไมกลับมาหน้าตาเป็นอย่างนี้หล่ะ”
“ก็เม่ง พวกรุ่นพี่หื่นๆชอบมาจอแจกับเรา เราไม่ชอบอ่ะ” ผมพูดพร้อมกับหม่ำข้าวเข้าไปหนึ่งจาน และก็หยิบแก้วน้ำเพื่อที่จะดื่ม
จู่ๆก็มีใครก็ไม่รู้มาสะกิดผม ผมหันไปหาเจ้าตัว เห็นรุ่นพี่คนหนึ่งซึ่งนั่งอยู่ข้างๆผม คนนี้น่าตาดีกว่าพวกเมื่อกี้หน่อย
แต่ผมก็ไม่ชอบให้ใครมาจอแจกับผมอยู่ดีไม่ว่าจะน่าตาดียังไงก็ตาม
“พี่ครับผมขอกินข้าวอย่างสงบได้ไหมครับ ผมเบื่อมากกับพวกรุ่นพี่ที่จ้องจะฟันรุ่นน้อง ถึงผมจะเป็นเกย์แต่ก็ไม่ยอมให้ใครฟันง่ายๆนะครับ” ผมอัดอั้นจากพฤติกรรมของรุ่นพี่พวกนี้ เลยด่าออกมาเป็นชุดเลย รุ่นพี่คนนั้นซวยจริงๆที่ต้องมาเป็นคนรับคำด่าจากผม ที่จริงผมน่าจะด่าสองคนก่อนหน้านี้ด้วยนะ
พี่คนนั้นทำหน้าเหว่อๆตกใจเล็กน้อยกับคำด่าของผม แต่แล้วเค้าก็หัวเราะออกมา
ผมสงสัยว่าพี่เค้าหัวเราะอะไร
“ไอ้น้อง เมื่อกี้ที่พี่สะกิดน้องนะ พี่จะบอกว่า น้องกินแก้วน้ำของพี่ ของน้องนะอยู่ด้านโน้น”
อ้าว เวรกรรม เราดันด่าพี่เค้าไปซะแล้ว
“พี่ไม่อยากฟันน้องหรอกครับ อีกอย่างพี่ไม่ได้เป็นเกย์ด้วย” พี่คนนั้นพูดกับผม แต่ประโยคหลังพูดกระซิบข้างหูผม
“พี่ไปก่อนนะครับ น้องเกย์ผู้น่ารัก” รุ่นพี่คนนั้นล้อผมกลับ พร้อมเดินไปโต๊ะอื่น
แปลว่าเราน่าแตก ผมอายมาก ไม่รู้จะทำยังไง
โจ้แอบขำผมอยู่ข้างๆ ผมเลยหันไปจ้องหน้ามัน
“ขำไรว่ะ ไม่เคยเห็นคนน่าแตกเหรอไง” ผมทำหน้าดุพร้อมกลับไปกินข้าวเหมือนเดิม
“ทีหลังแกด่าอาไรก็ดูตาม้าตาเรือหน่อยซิว่ะ” โจ้เตือนผม
ผมไม่พูดอะไรยังคงก้มหน้าก้มตากินต่อไป ไม่ได้หิวหรอก แต่อายจนไม่กล้าเงยหน้า
“นี้ๆเชียร์ เราว่าพวกเราลืมอะไรไปหรือเปล่า” โจ้หันมาคุยกับผม
“อาไรของแก ลืมอะไร” ผมหงุดหงิด แต่แล้วผมก็วางช้อนซ้อมหันหน้าไปหาโจ้ และพูดพร้อมกัน
“ไอ้ปอหายไปไหนว่ะ”
************************************************************************************************

คู่ที่3

ผมแยกตัวออกมาเดินเล่นที่ข้างนอกห้องประชุม ผมเดินไปเรื่อยๆมองดูทะเลสาป ที่ล้อมรอบห้องประชุม
ผมคิดอะไรเรื่อยเปื่อย ผมเป็นคนไม่ชอบสุงสิงกับใคร ไม่ชอบที่มีคนเยอะๆ
ผมชอบอยู่คนเดียว ชอบเล่นกีตาร์คนเดียว แต่ตอนนี้ผมไม่สามารถเอากีตาร์มาได้ เลยทำได้แค่นั่งมองดูทะเลสาบเฉยๆ
ที่ด้านหลังที่นั่งตรงริมทะเลสาบ จะมีห้องเก็บของที่เก็บพวกอุปกรณ์ทำความสะอาดบริเวณนั้น
ผมไปนั่งพิงที่นั่น ระหว่างที่ผมนั่งอยู่เพลินๆ ก็มีคนออกมาจากห้องนั่น
ตอนแรกผมตกใจนึกว่าพี่ เลยไปแอบอยู่ด้านข้างของห้อง
แต่คนนั้นไม่ใช่พี่ เพราะเขาคือมาสเตอร์ที่โรงเรียน
ผมเคยเห็นเขา เพราะเขาเป็นคนที่คุนหอของผม
ผมสงสัยว่าเขามาทำอะไรที่นี้
ผมเลยเดินไปที่ประตูที่มาสเตอร์ออกมา
ผมแปลกใจว่าทำไมมาสเตอร์ออกมาจากห้องนั้นแล้วทำไมไม่ปิดประตู
แต่แล้วผมก็หายสงสัยเมื่อมีใครคนหนึ่งออกมาจากห้องนั้น
ก้มหน้าก้มตากำลังรูดซิปกางเกงของตัวเอง
เมื่อคนนั้นเงยหน้าขึ้นมา เขาก็ตกใจเมื่อเห็นผมยืนอยู่ตรงหน้าเขา
“เฮ้ย นายเป็นใคร มาทำอะไรอยู่ตรงนี้” เด็กหนุ่มน่าตาดูดี ถามผม
“เราน่าจะถามคำถามนี้กับนายมากกว่า” ผมยืนตอบกลับไป
“เออ คือ เรา...” เด็กหนุ่มนั้นหน้าซีด อ้ำอึ้งกับคำตอบ
“เราชื่อปอ นายหล่ะ” ผมเห็นว่าเขาไม่ยอมตอบ เลยเป็นคนเริ่มบทสนทนา
“เราชื่อบิ๊ก เออ...เรื่องเมื่อกี้ ที่เรากับมาสเตอร์ เออ...” บิ๊กพูดอ้ำๆอึ้งๆ
ผมตั้งใจจะรอฟังสิ่งที่บิ๊กจะพูด บิ๊กเดินมาหาผมและจับมือผม
“ขอร้องหล่ะ นายอย่าบอกเรื่องนี้กับใครนะ ถ้ามีใครรู้ เรากับมาสเตอร์ โดนไล่ออกแน่ๆ ขอร้องหล่ะ เราขอร้องจริงๆ” บิ๊กจับมือผมแน่น
สีหน้าของบิ๊ก ดูวิตกกับเรื่องนี้มากๆ จนผมเองต้องรีบรับปาก
“ได้ๆ เราไม่บอกใครหรอก เราไม่ใช่คนชอบยุ่งเรื่องคนอื่นอยู่แล้ว” ผมพยายามยิ้ม เพื่อให้บิ๊กมั่นใจว่า ผมจะไม่บอกเรื่องนี้กับใครแน่นอน ถึงยังไงผมก็ไม่บอกเรื่องนี้ให้ใครฟังอยู่แล้ว เรื่องน่าเกลียดๆแบบนี้ไม่น่าเล่าสักเท่าไรหรอก
“ขอบใจนายมากเลยนะ แล้วนานทำไมถึงมาอยู่ตรงนี้” บิ๊กปล่อยมือผมและถามคำถาม
“เราไม่ชอบที่ๆคนเยอะๆ เลยออกมาเดินเล่น แล้วก็มาเจอนาย กับมาสเตอร์คนนั้นพอดี” ผมพูดกับบิ๊ก
“เหรอ เหมือนเราเลย เราก็ไม่ค่อยชอบที่ๆคนเยอะๆเหมือนกัน”
ระหว่างที่ผมกำลังพูดกับบิ๊ก ผมได้ยินเสียงคนเดินมาจากด้านหลัง คงมีใครออกมาจากห้องประชุม
บิ๊กก็ได้ยินเสียงเหมือนกัน เลยรีบหาที่ซ่อนตัวเพราะไม่อยากให้ใครเห็น
“เราหลบก่อนนะ ไม่อยากให้ใครมาเห็นว่าเราอยู่นี้ เดี๋ยวไว้คุยกันที่หลังนะ” พูดเสร็จ บิ๊กก็หลบเข้าไปในห้องเก็บของเหมือนเก่า
โดยมีผมบังประตูห้อง ที่ไม่ได้ล็อคกุญแจไว้
ผมหันหน้าไปหาคนที่กำลังเดินมา ปรากฏว่า เป็นโจ้ กับ เชียร์
“ไอ้ปอ แกมาทำอะไรที่นี้ว่ะ เดินตามหาซะทั่ว” เชียร์พูดกับผม พร้อมทำหน้านิ่วคิ้วขมวด
“ไปกินข้าวเถอะ เราตักกับข้าวมาให้แล้ว นายยังไม่กินอะไรไม่ใช่เหรอ” โจ้เดินมาโอบไหล่ผม
ผมไม่รู้จะปฏิเสธความหวังดีของเพื่อนยังไง เลยต้องเดินไปกับพวกมัน
แม้ผมจะเดินใกล้ถึงห้องประชุมอยู่แล้ว ผมก็หันหลังกลับไปมองห้องเก็บของห้องนั้น
ผมเห็นบิ๊กออกมาจากที่นั่น และวิ่งกลับไปที่หอพัก
ผมยิ้มเพราะเห็นว่า คนที่ผมเพิ่งรู้จักเอาตัวรอดไปได้แล้ว
“ปอ ยิ้มไรว่ะ” เชียร์หันมาพูดกับผม ผมรีบหันหน้ากลับมา ทำหน้าตาเคร่งขรึมเหมือนเดิม
“เห็นแกยิ้มแล้วค่อยดีใจหน่อย เห็นน่าตาบูดบึ้งมาทั้งวันแล้ว” โจ้พูดกับผม พร้อมยิ้มแสดงความดีใจที่เห็นผมหายเครียดแล้ว
“ท่าทางบรรยากาศข้างนอกคงทำให้แกหายเครียดหล่ะซิ” เชียร์พูดกับผม
ผมพยักหน้ายอมรับ และเดินเข้าไปในห้องประชุมกับเพื่อนของผม   

----- จบตอนที่2 -----
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 26-01-2008 00:45:42
แต่ละคน มีลุ้นทั้งนั้นเลยวุ้ย   :m4: :m4:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 26-01-2008 02:30:21

น่ารัก น่าลุ้น

 :m4:

หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 26-01-2008 06:02:59
ตอนเด็กก็น่ารักไปอีกแบบน่ะเนี่ย  :o8:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 26-01-2008 12:46:35
น่ารักทุกคนเลยนิ   :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: jojoe ที่ 27-01-2008 19:05:36
ตอนที่ 3 ตามหาพี่เลี้ยง   

คำอธิบายเพิ่มเติม : เป็นธรรมเนียมของโรงเรียน ที่นักเรียนใหม่ทุกคนจะต้องมีพี่เลี้ยงประจำตัวทุกคน เพื่อให้พี่เลี้ยงที่เป็นรุ่นพี่ช่วยเหลือน้องในเรื่องต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเรียน ให้คำแนะนำการใช้ชีวิตอยู่ในโรงเรียน และหอพัก คล้ายๆกับ พี่รหัสในมหาลัย
สำหรับวิธีการหาพี่เลี้ยงของรุ่นน้อง รุ่นน้องจะจับฉลากที่รุ่นพี่เตรียมไว้ ซึ่งในฉลากจะมีคำใบ้ถึงนิสัยหรือลักษณะพี่เลี้ยงของตัวเอง แล้วเราก็ต้องหาว่า ไอ้รุ่นพี่คนนั้นเป็นใคร ทางโรงเรียนจะจัดให้ทำกิจกรรม ตามหาพี่เลี้ยง เพื่อให้รุ่นน้องหาพี่เลี้ยงของตัวเอง ในวันเสาร์แรกของการเรียนการสอน เพราะวันเสาร์ในอาทิตย์ต่อไป นักเรียนทุกคนต้องเข้าร่วมกิจกรรมของชมรมที่ตัวเองสังกัด
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

คู่ที่1

คำใบ้ : ตี๋หล่อ ล้ำบึก ใส่แว่น ปัญญาเลิศ

ผมอ่านคำใบ้แล้วรู้สึกหมั่นไส้ยังไงก็ไม่รู้ คนอะไรจะเลิศเล่อเพอร์เฟคได้ขนาดนี้ เขียนอวดตัวเองสุดฤทธิ์
ความจริงรุ่นพี่คนนี้อาจจะไม่ใช่อย่างที่เขียนไว้ก็ได้ ถ้าไม่ใช่ ตัวจริงก็คง
 
หน้าลาว ลงพุง ขี้เก็ก ปัญญาทึบ ถ้าเจออย่างนั้นคงไม่ไหวแน่

“น้องๆ มาทำอะไรครับ” เสียงรุ่นพี่คนหนึ่งถามผม เมื่อเห็นผมยื่นอยู่หน้าห้องของเขา
ผมหันไปมองเจ้าของเสียง
ผมก็ต้องตกอยู่ในภวังค์ เมื่อรุ่นพี่เจ้าของเสียง คือ คนๆเดียวกับ รุ่นพี่ที่ผมเห็นในวันงานต้อนรับนักเรียนใหม่
ผมยืนตาค้าง มองดูรุ่นพี่คนนั้น ในชุดเสื้อกล้าม กาวเกงบอลขาสั้น แม้ชุดจะธรรมดา แต่พี่คนนี้ใส่ยังไงก็ดูดีจริงๆ
“ว่าไงครับน้อง ตามหาพี่เลี้ยงอยู่ใช่ไหม” พี่เขาเดินมาใกล้ผม
“ชะ ชะ ใช่ครับ” เวลาผมตื้นเต้นทีไรมักจะพูดตะกุกตะกักทุกที
“แล้วได้คำใบ้อะไรเหรอ” รุ่นพี่คนนั้นถาม
ผมพูดอะไรไม่ออก ได้แต่ยื่นกระดาษที่เขียนคำใบ้ให้พี่คนนั้นดู
รุ่นพี่สุดหล่ออ่านคำใบ้ แล้วก็หัวเราะ “แม่งเขียนเว่อร์จริงๆ”
เอาหล่ะซิ พี่เลี้ยงของผมอาจจะเป็นอย่างที่ผมคิดก็ได้ ผมเริ่มกลัวๆแล้วซิ
แต่เสียดายที่รุ่นพี่สุดหล่อคนนั้นไม่ใช่พี่เลี้ยงผม
“ละ แล้วพี่ รู้จักรุ่นพี่ในคำใบ้ไหมครับ”
“รู้จักครับ เพื่อนพี่เองแหล่ะ มันชื่อ ซุ่ย เดี๋ยวพี่พาไปหานะ” รุ่นพี่สุดหล่อพูดกับผม
ผมทำหน้านิ้วคิ้วขมวดกับชื่อแปลกๆของพี่เลี้ยงผม
พี่สุดหล่อเห็นสีหน้าผมก็คงพอเข้าใจเลยเล่าให้ผมฟังว่า
“ซุ่ย เป็นภาษาจีน เพื่อนพี่มันมีเชื้อจีน พ่อแม่มันตั้งชื่อนี้ให้”
ผมเลยหายสงสัยกับชื่อนี้ และก็โล่งใจไปหนึ่งข้อ ที่พี่เลี้ยงผมเป็นคนจีน คือ หน้าตาคงตี๋จริงๆ(แต่จะหล่อหรือเปล่าอันนี้ไม่รู้)
“แล้วพี่ชื่ออะไรครับ” ผมรีบถามชื่อ ได้โอกาสแล้วต้องคว้าไว้
“พี่ชื่อยอดครับ ม.6 อยู่ศิลป์-คำนวณ เหมือนน้องนั่นแหล่ะ” พี่สุดหล่อแนะนำตัวเอง อย่างน้อยผมก็รู้ชื่อพี่เค้าแล้ว
พี่ยอดพาผมไปหาพี่เลี้ยง ที่ห้องฟิตเนส ซึ่งอยู่ด้านล่างของหอพัก
เป็นครั้งแรกที่ผมไปห้องฟิตเนส ผมเห็นรุ่นพี่หลายคนกำลังเล่นเครื่องออกกำลังกายกันอยู่
บางคนถอดเสื้อ ทำให้เห็นกล้ามเนื้ออันใหญ่โต ผมตาโตเพราะไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน
ผมมัวแต่มองรุ่นพี่เค้าออกกำลังกาย จนลืมมองหาพี่เลี้ยงตัวเอง
“น้องๆ น้องชื่ออะไรครับ ลืมถามชื่อไปเลย” พี่ยอดถามผม
ผมรีบทำสายตาปกติ แล้วหันไปพูดกับพี่ยอด
“ชื่อโจ้ครับ แล้วพี่ซุ่ยอยู่ไหนหล่ะครับ” ผมถามพี่ยอด
“เดี๋ยวนะ เดี๋ยวพี่หาให้” พี่ยอดรับปาก แล้วเดินเข้าไปในห้องฟิตเนส
ผมมองตามพี่ยอด ทำไมเราไม่ได้พี่ยอดเป็นพี่เลี้ยง ถ้าเป็นจริงผมคงหาเรื่องมาหาพี่เค้าทุกวันแน่
กลับมาเรื่องพี่เลี้ยงตัวเองดีกว่า หลังจากที่รู้แล้วว่าเป็นอาตี๋ เพราะมีเชื้อจีน อันนี้ก็รู้อีกว่า คงล่ำบึกตามคำใบ้เพราะชอบเล่นฟิตเนส
สักพักพี่ยอดก็เดินออกมาหาผม
“โทดทีนะน้องโจ้ ไอ้ซุ่ยมันไม่ได้อยู่ที่นี้ สงสัยมันคงอยู่ห้องชมรมแน่เลย มา เดี๋ยวพี่พาไป”
พี่ยอดพูดเสร็จก็เดินนำผมไปที่ห้องๆหนึ่ง
ผมมองไปที่ป้ายหน้าห้อง เขียนว่า ชมรม คณิตศาสตร์
ผมพอจะรู้ว่าชมรมนี้ มีแต่คนเก่งๆสังกัดอยู่เท่านั้น
แสดงว่าพี่ซุ่ยเนี้ย ก็ฉลาด ตามคำใบ้ที่บอกว่าปัญญาเลิศ
“นี้ไง ซุ่ย พี่เลี้ยงน้องโจ้อ่ะ คนนู้น” พี่ยอดชี้ไปที่รุ่นพี่คนหนึ่งที่กำลังก้มหน้าก้มตาทำการบ้านอยู่ แม้พี่เขาจะก้มหน้า แต่ก็พอจะรู้ว่าพี่เขาใส่แว่นเหมือนผม
ตอนนี้ลักษณะของพี่ซุ่ยตรงตามคำใบ้ทุกอย่าง ทั้งตี๋ ล่ำบึก ใส่แว่น ปัญญาเลิศ
เหลือแต่ว่าพี่เค้าจะหล่อตามคำใบ้ไหม
“เฮ้ย ไอ้ซุ่ย น้องเลี้ยงมาหาโว้ย” พี่ซุ่ยเงยหน้ามา เมื่อได้ยินเสียงพี่ยอดเรียก
พี่ซุ่ยหล่อจริงๆครับ แม้จะใส่แว่นแล้วดูเป็นเด็กเรียน แต่ก็ยังดูดี แถมหุ่นที่ล่ำบึกก็ยิ่งทำให้เท่ห์เข้าไปใหญ่
แต่ถึงยังไง ผมว่าพี่ยอดก็หล่อกว่าอยู่ดี ถึงจะไม่ล่ำเท่าพี่ซุ่ย หรือตี๋กว่าพี่ซุ่ย ผมก็มองว่าพี่ยอดหล่อยู่ดี
พี่ซุ่ยเดินมาหาผม ผมยกมือไหว้ตามมารยาท
พี่ซุ่ยยิ้มรับ “หวัดดีครับน้อง ชื่อไรครับ”
“ชื่อโจ้ครับ” ผมตอบไป แล้วก็ยิ้ม เพราะไม่รู้ว่าจะพูดอะไร
พี่ยอดเริ่มแซวพี่ซุ่ย “มึงเขียนคำใบ้เว่อร์มากเลยว่ะ”
พี่ซุ่ยทำหน้างงงง ผมเลยยื่นคำใบ้ให้พี่เลี้ยงผมอ่าน พอพี่ซุ่ยอ่านก็รีบปฏิเสธทันที
“กูไม่ได้เขียน สงสัย ไอ้จอห์นแน่เลย แม่งแกล้งกู เออ แล้วมึงหล่ะน้องเลี้ยงมาหาบ้างยัง” พี่ซุ่ยถามพี่ยอด
พี่ยอดยิ้ม “ยังว่ะรออยู่เนี้ย มึงนี้ดีนะได้น้องเลี้ยงน่ารักเชียว”
ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพี่ยอดจะชมผม ผมยิ้มหน้าบาน ทำอะไรไม่ถูกเลย
“พี่ยอด พี่ยอด” เสียงใครคนหนึ่งเรียกพี่ยอด
ผมหันไปหาเจ้าของเสียง เป็นนักเรียนรุ่นเดียวกับผม เพราะผมเคยเห็นตอนเรียนเพราะเค้าอยู่ห้องข้างๆผม
“อะไรบิ๊ก” พี่ยอดหันไปคุยกับเด็กคนนั้น
“หาพี่เลี้ยงให้หน่อยสิ” บิ๊กยื่นคำใบ้ให้พี่ยอดอ่าน
สักพักพี่ยอดก็เดินนำบิ๊กไป
ผมได้แต่มองตามพี่ยอดที่เดินหลับตาไป
“โจ้รู้จักบิ๊กหรือเปล่า” พี่ซุ่ยถามผม
“เคยเห็นครับ แต่ไม่รู้จักหรอกครับเพราะอยู่คนละห้อง เออ พี่ยอดกับบิ๊กเค้าสนิทกันหรือครับ”
ผมถามพี่ซุ่ยเพราะเห็นว่าพี่ยอดกับบิ๊กดูสนิทกัน (เชียร์: อาไรว่ะเพิ่งรู้จักเค้าแอบหึงซะแล้ว)
“ก็เค้าเป็นพี่น้องกันนี้ครับ น้องโจ้ไม่รู้เหรอ” พี่ซุ่ยเฉลยความจริง
ทำเอาผมโล่งอกไปที ที่เค้าเป็นแค่พี่น้องกัน
ผมคุยกับพี่ซุ่ยอีกหลายเรื่อง ส่วนมากเป็นเรื่องเรียนซะมากกว่า
พี่ซุ่ยเนี้ยเรียนเก่งมาก ยิ่งวิชาคณิตศาสตร์ เพราะพี่เค้าสอบได้ท๊อปวิชาเลขระดับชั้นเลย
“อ้ายยยย โจ้จจจจจ” เสียงตะโกนเรียกชื่อของผมดังมาจากอีกฝากของระเบียง
ผมกับพี่ซุ่ยหันไปมอง เห็นไอ้เชียร์วิ่งมาหาผม
“มีอะไรเหรอ” ผมถามเชียร์
“ป่าวหรอกกูตามหาพี่เลี้ยงอยู่ มึงอ่ะเจอยัง” เชียร์ถามไปหอบไปเพราะความเหนื่อยที่มันวิ่งมา
“เจอแล้วนี้ไง” ผมชี้พี่ซุ่ยให้เชียร์
เมื่อเชียร์เห็นพี่ซุ่ยมันก็รีบกระซิบข้างหูผม “เฮ้ย หล่อว่ะ ล่ำด้วย มึงนี้โชคดีจริงๆ”
ผมรีบด่ามัน “เออ แล้วมึงหล่ะจะหาพี่เลี้ยงยังไง” ผมถามเพราะเห็นว่ามันยังหาพี่เลี้ยงไม่เจอ
“ก็หาตามคำใบ้นี้แหล่ะ” เชียร์เอาคำใบให้ผมดู
“ทะ ทะ ทะ ทำไม” ผมแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง เมื่อได้อ่านคำใบ้ของไอ้เชียร์
************************************************************************************************

คู่ที่2

คำใบ้: ผมคือคนที่อยู่เหนือที่สุด

“ทะ ทะ ทะ ทำไม” เสียงไอ้โจ้อุทาน
“อะไรของมึง ทำไมต้องทำท่าตกใจขนาดนี้” ผมสงสัยกับท่าทีของเพื่อน
“ก็มึง มึง ได้พี่เลี้ยงเป็นพี่ยอดนี้น่า” โจ้ทำตาโตใส่ผม
“พี่กูชื่อพี่ยอดเหรอ อ๋อ มิน่าหล่ะ คำใบ้เลยเป็นแบบนี้” ผมพอจะเข้าใจว่าพี่เลี้ยงผมทำไมจึงใช้คำใบนี้ เพราะชื่อของเค้าคือยอดนั่นเอง
แต่ทำไมเพื่อนผมถึงรู้จักกับพี่เลี้ยงผมได้
“มึงรู้จักพี่เลี้ยงกูด้วยเหรอ” ผมถามโจ้
โจ้มันลากผมไปไกลๆ พอที่พี่เลี้ยงมันจะไม่ได้ยินว่าเราพูดอะไรกัน
“ก็พี่ยอดคือคนที่เรามองวันต้อนรับนักเรียนใหม่ไง” โจ้กระซิบกับผม
“อ๋อคนที่มึงมองจนไปชนคนอื่นใช่ไหมหล่ะ” ผมย้อนมันกลับ โจ้เงียบเลย
“แล้วพี่กูหล่อมากไหมว่ะ” ผมถามประเด็นสำคัญ
“โคตรหล่อ เลย” โจ้ลากเสียงซะยาวเชียว ท่าทางจะชอบพี่เค้ามาก
“หล่อกว่าพี่มึงหรือเปล่า” ผมทำเสียงเล็กเสียงน้อย
“ไม่รู้สิ แต่กูคิดว่าหล่อกว่านะ” โจ้ยังยืนยันเหมือนเดิม
“นี้ขนาดพี่มึงยังหล่อขนาดนี้ แล้วพี่กูที่ว่าหล่อกว่า จะขนาดไหนว่ะเนี่ย” ผมพูดกับโจ้ ก็พี่เลี้ยงของโจ้ ยังดูดีขนาดนั้น แล้วพี่เลี้ยงผม ที่ไอ้โจ้มันชมนักชมหนาจะขนาดไหน ชักอยากเห็นแล้วซิ
“แล้วพี่เค้าไปไหนแล้วหล่ะ” ผมหันซ้ายหันขวาเผื่อเจอพี่
“พี่เค้าไปหาพี่เลี้ยงให้น้องเค้าแล้ว” โจ้พูดเสียงเบา เหมือนผิดหวังอะไรบางอย่าง
“เหรอ พี่เค้ามีน้องด้วยเหรอ แล้วน้องเค้าน่ารักไหมว่ะ” ผมถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“แหม พี่น่าตาดี น้องก็ต้องน่าตาดีซิว่ะ ก็คนที่อยู่ห้องข้างๆเราไง ที่เกเรๆหน่อยอ่ะ” โจ้บอกผมและอธิบายถึงน้องของพี่ยอด
“อ๋อ คนที่ผิวขาวๆ หัวตั้งๆ ชอบเก็กหล่อหน่อยใช่ป่ะ ถ้าแม่งไปชอบไปต่อยตีกับพวกมอห้า กูชอบไปนานแล้ว”
“นี้ๆมีแฟนแล้วไม่ใช่เหรอ ยังจะมาชอบคนนู้นคนนี้อีก” โจ้ทำเหมือนจะเตือนสติผม
“แหม กูก็แค่ชอบ ไม่ได้รักซะหน่อย เรากับแฟนเราเข้าใจดี เราตกลงกันว่า แต่ละคนสามารถชอบใครก็ได้ แต่ห้ามเอามาแทนที่กันเด็ดขาด” ผมพูดตามความจริง ผมกับพี่แจ๊ครักกันมาก แต่ผมก็พอเข้าใจว่าเมื่อเราอยู่ไกลกัน ความเหงา ความใคร่ มันก็จะเพิ่มมากขึ้น เราทั้งสองก็เลยตกลงกันว่าอยากชอบใคร หรือมีอะไรกับใครก็ได้แต่ ห้ามรัก หรือให้ความสำคัญมากว่ากัน เหมือนเป็นการทดลองใจ และเพิ่มความเชื่อใจให้กันและกันไปในตัวด้วย
“แล้วกูจะไปหาพี่ยอดที่ไหนล่ะ” ผมกระวนกระวายอยากเจอพี่ยอดเร็วๆ
“แกรอตรงนี้แหล่ะ เดี๋ยวเค้าก็มาแถวนี้ เพราะบันไดทางขึ้นห้องเค้าอยู่ตรงนี้” โจ้บอกผม
“แหมรู้จักห้องเค้าด้วยนะมึง กลางคืนจะย่องมาหาล่ะซิ” ผมแซวเพื่อน ไอ้โจ้เอามือตีผม ผมอดขำกับท่าทีเขินอายของเพื่อนผมไม่ได้
“อ้าว! น้องเกย์ มาหาพี่เลี้ยงหรือครับ” เสียงเรียกของใครคนหนึ่ง ที่ผมรู้สึกคุ้นๆยังไงไม่รู้
ผมหันไปมองคนที่เรียกผม ผมเห็นไอ้รุ่นพี่ที่ทำผมหน้าแตก ในวันงานต้อนรับนักเรียนใหม่
ผมตกใจ เพราะพี่แกเล่นเรียกผมว่าเกย์ซะเสียงดัง จนคนแถวนั้นหันมามองผมกันใหญ่พร้อมหัวเราะกันด้วย
ผมรีบหันหลังให้พี่คนนั้น พร้อมไปแอบอยู่หลังโจ้
“อ้าวน้อง จำพี่ไม่ได้เหรอครับ ก็น้องเคยด่าพี่ว่าจะมาฟันน้องไม่ใช่เหรอครับ” พี่แกไม่ยอมเลิก ยังแซวผมอยู่ตรงนั้น
ผมทั้งอาย ทั้งแค้น ทั้งโกรธ ไม่รู้จะโต้ตอบยังไงดี
“เฮ้ยไอ้น้อง มัวตะโกนโวกเวกอะไรแถวนี้ว่ะ นี้หน้าห้องชมรม คณิตศาสตร์น่ะ เห็นมั้ยว่ามีคนอ่านหนังสืออยู่” พี่ซุ่ยช่วยผม โดยการใช้ความเป็นรุ่นพี่ไล่รุ่นพี่ปากหมาคนนั้น
“ครับพี่ครับ ผมแค่ทักทายน้องเค้าเท่านั้นเอง งั้นพี่ไปก่อนนะ น้องเกย์” ไอ้รุ่นพี่ปากหมาลาผม แล้วเดินจากไป
ผมรีบขอบคุณพี่ซุ่ย “ขอบคุณพี่มากๆเลยนะครับ แม่งแค่ผมเข้าใจผิดนิดเดียว เล่นกันอย่างนี้เลย อย่าให้เจออีกนะมึง” ผมทำท่ากำหมัด
แต่พี่ซุ่ยกับโจ้ดันหัวเราะกับท่าทีของผม ผมเลยถามว่าหัวเราะอะไรกัน
โจ้ตบไหล่ผมพร้อมพูดว่า “อย่าทำปากดีเลย เมื่อกี้ทำไมแกไม่ด่าเขาเลยล่ะว่ะ มัวมาแอบอยู่หลังกูอยู่ได้”
“ก็กูยังไม่ทันตั้งตัวนี้น่า” ผมรีบแก้ตัว
“เด็ก ชมรมอนุรักษ์มันก็อย่างเนี้ยแหล่ะ ชอบกวนตีนชาวบ้านเขาไปเรื่อย” พี่ซุ่ยพูดกับผม
“พี่รู้จักคนนั้นด้วยเหรอครับ” ผมถามเพราะอยากรู้ว่าไอ้รุ่นพี่ปากหมาคนนั้นเป็นใคร
“รู้ซิ ก็ไอ้เต๋า มันเป็นรองประธานชมรมอนุรักษ์ ปีหน้ามันขึ้นมอหก ก็เป็นประธาน” พี่ซุ่ยเล่าให้ฟัง
ผมไม่อยากจะเชื่อว่าปากหมาๆอย่างนั้นจะเป็นประธานชมรม
“ไอ้ยอดมาแล้ว” พี่ซุ่ยบอกผม พร้อมกวักมือเรียกพี่ยอด
ผมหันไปมองพี่เลี้ยงผม
“มะ มะ ไม่น่ะ” ผมตกใจจนอุทานออกมา โจ้ได้ยินผมเลยหันมาถาม “อะไรของมึง”
“พี่ยอดเค้าเป็นเพื่อนกับแฟนกูอ่ะ และเค้าก็เป็นแฟนกับพี่สาวที่เป็นญาติห่างๆของกูด้วย”
“ว่าไงนะ เค้ามีแฟนแล้วเหรอ” คราวนี้ โจ้อุทานเสียงดังกว่าผมอีก
“ยอด นี้น้องเลี้ยงมึง” พี่ซุ่ยแนะนำผมให้พี่ยอด
พี่ยอดหันมามองผม ทั้งผมและพี่ยอดต่างก็มองกัน ผมไม่รู้จะพูดอะไร
แต่พี่ยอดก็พูดออกมาก่อน “น้องเป็นญาติของแจ๊ค กับ ฝ้ายใช่ไหม”
“คะ คะ ครับ”ผมไม่ค่อยอยากสบตาพี่ยอดเท่าไหร่ คือ ผมเคยทำเรื่องน่าอายเรื่องหนึ่งให้พี่ยอดเห็นเมื่อหลายเดือนก่อนจะเข้ามาเรียนที่นี้

เรื่องราวมันเกิดขึ้น เมื่อวันที่ผมไปบ้านพี่แจ๊ค แต่ผมไม่รู้ว่าที่บ้านพี่แจ๊คมีเพื่อนมาค้างด้วย
ปกติผมชอบไปค้างบ้านพี่แจ๊คบ่อยๆ เพราะอีกไม่นานพี่แจ๊คจะไปเรียนเมืองนอกแล้ว
ผมไปถึงที่บ้านพี่แจ๊คก็เกือบเที่ยงคืนแล้ว เพราะผมไปติวเพื่อสอบเข้าที่นี้(แม้จะมีเสันเข้า แต่ก็ต้องสอบข้อสอบให้ได้คะแนนไม่ทุเรศกว่าคนอื่น)
ผมเข้าไปในห้องของพี่แจ๊คอย่างเคย  เห็นพี่แจ๊คนอนหลับอยู่บนเตียง
ผมเลยเดินเข้าไปจูบที่แก้ม ก่อนจะเริ่มไซร้ไปตามตัวของพี่แจ๊ค
ผมได้กลิ่นเหล้า ท่าทางคงไปเลี้ยงกับเพื่อนมาแน่ๆ อีกไม่กี่วันก็จะเป็นวันที่พี่แจ๊คต้องไปอเมริกาแล้ว
“พี่แจ๊ค พี่แจ๊ค เชียร์มาหาแล้วนะ” ผมเรียกที่รักของผม พร้อมเอามือตบที่หน้าเบาๆ
พี่แจ๊คพอจะรู้สึกตัว แต่ก็ดูเหมือนไม่ได้สติ ทำท่าสะลืมสะลือมองมาที่ผม
“น้องเชียร์ มาแล้วเหรอ หนายยย ขอพี่จุ๊บหน่อยสิ” พี่แจ๊คดูท่าจะเมาไม่รู้เรื่องอะไรเลย แต่เพราะฤทธิ์เหล้าเลยทำให้คึก
รีบคว้าผมไปปล้ำ แต่ผมไม่ได้ขัดขืนอะไร เพราะที่มาบ้านพี่แจ๊ค ก็เพราะอยากให้พี่แจ๊คปล้ำนี้แหล่ะ
ขณะที่ผมกับพี่แจ๊คกำลังเมามันกันอยู่(ตอนนั้นผมกับพี่แจ๊คเปลือยกันทั้งคู่) จู่ๆประตูห้องน้ำก็เปิดออกพร้อมมีผู้ชายคนหนึ่งเดินออกมา
“เฮ้ย ทำอะไรกันนะ” ชายแปลกหน้าทำหน้าตกใจสุดขีดเมื่อเห็นผมกำลังนั่งเทียนอยู่บนพี่แจ๊ค
ทั้งผมทั้งพี่แจ๊ค รีบกระเด้งลุก คว้าผ้าห่มมาปิดตัวดัวยกันทันที
“มึง มาได้ไงไอ้ยอด” พี่แจ๊คหน้าซีด หายเมาในพริบตา
“ไอ้สัตว์ กูเห็นมึงเมาไม่เป็นท่าเลย กูก็เลยพามึงมาส่งบ้าน แม่มึงก็ให้กูนอนเป็นเพื่อนมึงไง แล้วไงมึงถึง...” พี่ยอดพูดตามความจริง แต่พอจะพูดถึงเรื่องผมที่ไปนั่งค่อนร่างพี่แจ๊ค พี่ยอดกับพูดไม่ออก
ผมเองก็เริ่มโวยวายบ้างแล้ว “มีเพื่อนมาค้างแล้วทำไมไม่บอกเล่า” พูดเสร็จก็เอามือไปตีที่พี่แจ๊ค
พี่แจ๊คพอมีสติก็เริ่มโวยวายมาบ้าง “มันอะไรกันโว้ยเนี้ย เออๆ ไอ้ยอดมึงไปนอนห้องรับแขกข้างล่างก่อน เดี๋ยวกูค่อยคุยกับมึงที่หลังนะ” พี่แจ๊คไล่เพื่อนไป พูดยอดก็ทำตามนั้น เดินออกจากห้องไป เหลือผมนั่งหน้ามุ่ยอยู่ข้างๆพี่แจ๊ค
พี่แจ๊คค่อยเข้ามาโอบร่างผมไว้ พร้อมกระซิบข้างหู “ไม่มีใครมาขัดจังหวะแล้ว มาต่อเถอะ”
“ผมสะบัดตัวลุกขึ้นยืน พร้อมรีบเอาเสื้อผ้ามาใส่ “เจออย่างนี้ใครจะมาอารมณ์ เชียร์กลับบ้านดีกว่า เดี๋ยวพรุ่งนี้โทรหานะ” ผมรีบใส่เสื้อผ้า แล้วเดินออกจากห้อง แม้พี่แจ๊คจะยื้อผมเท่าไหร่ แต่ผมก็ไม่ฟัง
ก่อนจะกลับบ้าน ผมเดินผ่านห้องรับแขกที่บ้านพี่แจ๊ค เห็นพี่ยอดคุยโทรศัพท์อยู่หน้าห้อง ผมพยายามรีบเดินไม่ให้พี่ยอดเห็น เพราะตอนนั้นอายมากๆ
นี้คือเรื่องราวที่ทำให้ผมรู้จักกับพี่ยอด

“คงรู้จักพี่แล้วใช่ไหม ก็ ยินดีที่ได้รู้จักอย่างเป็นทางการนะ” พี่ยอดยิ้มให้ผม
“ คะ ครับ” ผมตอบแต่เสียงเบาเหลือเกิน
************************************************************************************************

คู่ที่3

คำใบ้: หรูหรา ฟู่ฟ่า รวยสุดๆ

ผมนั่งอ่านคำใบ้วกไปเวียนมา ก็ยังไม่เข้าใจว่าหมายถึงอะไร
อะไรน้า ที่ว่ารวยๆ แม่งก็รวยกันทุกคน
ผมเห็นคนอื่นหาพี่เลี้ยงกันได้แล้ว ผมยังหาไม่เจอเลย
ตอนนี้ก็เหลือเวลาแค่ครึ่งชั่วโมง ผมยังไม่รู้เลยว่าจะทำยังไงต่อไป
“ไอ้ปอ หาพี่เลี้ยงเจอยัง” เสียงของเชียร์ดังมาแต่ไกล ผมเลยมองหน้ามัน พร้อมโจ้ที่เดินมาด้วยกัน
“ว่าไง ยังหาพี่เลี้ยงไม่เจออีกหรือปอ” โจ้ถาม
ผมพยักหน้าตอบ เพื่อนผมทั้งสองคนเลยอ่านคำใบ้ของผม พออ่านจบ พวกนั้นก็เกาหัว
“อะไรว่ะ คำใบ้ยากว่ะ ใครว่ะที่รวย ก็โรงเรียนเราก็รวยกันทุกคน” เชียร์ก็คิดเหมือนผม
“เราว่านะ คำใบ้อาจจะไม่ใช่บอกถึงลักษณะก็ได้ อาจจะหมายถึงชื่อของพี่เลี้ยงก็ได้นะ อย่างของคำใบ้ของมึงไงไอ้เชียร์” โจ้อธิบายอย่างมีเหตุมีผล
“อ๋อ แล้วอะไรว่ะที่มันแพงๆ กว้างไปหรือเปล่าเนี้ย” เชียร์เริ่มคิด พร้อมขมวดคิ้ว
“ลองช่วยกันนึกซิ ว่าไรที่เป็นของแพงๆ แล้วเอามาตั้งชื่อได้” โจ้พูดพร้อมขยับแว่น
“เพชรเปล่า” ผมพูด
“อืมม พอเป็นไปได้” เชียร์เห็นด้วย
“ถ้ามีเพชร ก็ต้องมีพลอย” ผมพูดขึ้น
“บ้าเหรอ โรงเรียนเราชายล้วน จะมีใครชื่อพลอยว่ะ” เชียร์แย้ง
ผมยังพูดชื่อขึ้นมาอีกเรื่อยๆ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะไปตามหาพี่ที่มีชื่อแบบที่ผมคิดได้ที่ไหน
และแล้วก็หมดเวลา ผมก็ยังตามหาพี่เลี้ยงไม่เจอ

พอถึงเวลาที่ทางหอพักเรียกนักเรียนทุกคนมารวมตัวกัน เพื่อให้พี่เลี้ยงน้องเลี้ยง แต่ละคู่ต้องลงชื่อ
ส่วนใครที่ยังหาพี่เลี้ยง น้องเลี้ยงไม่ได้ ก็จะถูกลงโทษให้เต้นท่าประหลาด
เมื่อบรรดานักเรียนชั้นม.4 มาร่วมตัวที่โรงยิมกันครบแล้ว รุ่นพี่ที่อยู่ชมรม สันทนาการ ก็นำกิจกรรมให้พวกเราได้เล่นกัน
ช่วงที่เล่นกิจกรรม ผมก็เล่นสนุกไปกับเพื่อนๆ พอก่อนจะจบช่วงสันทนาการ
รุ่นพี่ก็ให้จับคู่กับใครก็ได้ที่ไม่ใช่เพื่อนห้องเดียวกัน ผมเลยคิดจะวิ่งไปแถวตรงข้ามที่มีเพื่อนต่างห้องยืนอยู่
พอรุ่นพี่ที่นำกิจกรรมเป่านกหวีดเป็นสัญญาณเริ่มกิจกรรม ผมก็เริ่มสตาร์ทวิ่งแต่ยังไม่ทันวิ่ง ก็มีใครบางคนคว้าตัวผมไว้
“จะวิ่งไปไหน” บิ๊กทักผม ผมตกใจไม่นึกว่าจะได้คุยกับบิ๊กอีก หลังจากวันต้อนรับนักเรียนใหม่แล้ว ผมก็แทบจะไม่ได้เจอบิ๊กอีก ทั้งๆที่เรียนอยู่สายเดียวกัน (แต่คนละห้อง) และพักอยู่หอหักตึกเดียวกัน
ท่ามกลางความชุลมุนวุ่นวาย นักเรียนแต่ละคนวิ่งหาคู่กันให้วุ่น มีแต่ผมกับบิ๊กที่ไม่ได้วุ่นวายอย่างใครๆเขา
“นายจะคู่กับเราเหรอ” ผมถามเพราะไม่มั่นใจว่าบิ๊กอยากจะมาคู่กับผม
“ก็ใช่สิ เพื่อนต่างห้องที่เรารู้จักก็มีแต่นายคนเดียวเท่านั้น” บิ๊กตอบพร้อมยิ้มให้ผม
เสียงนกหวีดเป่าอีกครั้งพร้อมเป็นสัญญาณหมดเวลาหาคู่
ผมกับบิ๊กจึงนั่งลง รุ่นพี่สั่งให้แต่ละคู่ถามประวัติกันและกัน แล้วพอถามเสร็จรุ่นพี่จะซุ่มถามคู่ๆหนึ่งว่ารู้อะไรกันบ้าง
แต่ผมกับบิ๊กไม่ได้คุยถึงประวัติกันและกัน เพราะเรารู้ชื่อกันอยู่แล้ว
“ทำไมเราไม่ค่อยเห็นนายเลย” ผมถามบิ๊ก
“อ้าว เราเห็นนายออกบ่อย เราเรียนห้องข้างๆนายไง” บิ๊กทำท่าตกใจที่ผมบอกว่าไม่เคยเห็นบิ๊ก
“แล้วทำไมเราไม่เห็นว่ะเนี้ย” ผมงงตัวเอง ทั้งๆที่ผมคอยมองหาบิ๊กมาตลอด
“นายก็นอนอยู่ห้องตรงข้ามเราด้วย รู้หรือเปล่า” บิ๊กบอกผมพร้อมเอามือมาตบบ่าที่ผมเบาๆ ผมทำตาโตตกใจอีก
“อ๊ะ ไม่เห็นรู้เรื่องเลย” ผมอุทานออกมาเสียงดัง
“นายจะไปรู้เรื่องอะไร ก็เราเห็นนาย วันๆเอาแต่มองไปมองมา ชอบทำตัวเหม่อลอย หน้าตาก็ยังบึ้งตึงอีกเหมือนไปโกรธใครมา แล้วนายจะเอาเวลาที่ไหนไปสังเกตคนอื่น” บิ๊กพูดออกมาเป็นชุด ที่จริงผมอยากจะบอกบิ๊กว่าที่ผมมองไปมองมา ก็เพราะมองหาบิ๊กนั่นแหล่ะ ที่ชอบเหม่อลอยก็เพราะมัวแต่คิดว่า บิ๊กเรียนห้องไหน ทำไมถึงไม่เคยเห็น แล้วไอ้ที่หน้าตาบึ้งตึงก็เพราะโมโหตัวเองที่หาบิ๊กไม่เจอ แต่ตอนนี้ผมเจอคนที่ผมอยากเจอแล้ว ผมยิ้มอย่างดีใจ จนบิ๊กเริ่มสังเกตุเห็น
“แต่แปลก ทำไมวันนี้นายถึงยิ้มอออกมาได้” บิ๊กพูดอย่างนี้ ผมเลยอึ้งพูดไม่ถูกไม่กล้าตอบความจริง
“เออ นายหาพี่เลี้ยงเจอยัง เรายังหาไม่เจอเลยว่ะ ขนาดให้พี่เราช่วยหาแล้วยังไม่รู้เลยว่าใคร” บิ๊กเปลี่ยนเรื่องคุยเมื่อเห็นผมก้มหน้าไม่ตอบอะไร
“เราก็ยังไม่เจอ แต่เพื่อนๆเราเจอกันหมดแล้ว” ผมบอกกับบิ๊ก บิ๊กยิ้มดีใจที่ผมก็หาพี่เลี้ยงไม่เจอเหมือนกัน
“แล้วเราต้องเจอทำอะไรบ้าง ถ้าหาพี่เลี้ยงไม่เจอ” ผมถามบิ๊ก
“ก็คงให้เต้นแร้งเต้นกาอะไรมั่ง” บิ๊กตอบผม
และมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ เมื่อพี่ๆเรียกพวกที่หาพี่เลี้ยงไม่เจอออกมายืนข้างหน้าเพื่อนๆคนอื่นๆ
พี่ๆทำโทษพวกเราโดยการเต้นท่าแปลก(ตอนนั้นท่าไก่ยางถือว่าเป็นท่าที่ยังแปลกอยู่น่ะครับ)
ผมไม่ค่อยกล้าเต้นเท่าไหร่ ไม่เหมือนบิ๊กที่เต็มที่กับการเต้นจน พี่ให้บิ๊กเต้นอีกรอบคนเดียว
คราวนี้บิ๊กก็เต้นแรงกว่าเก่า ผมทั้งขำ ทั้งประทับใจกับเพื่อนใหม่คนนี้

เมื่อรุ่นพี่ทำโทษพวกเราเสร็จ พี่เค้าก็เฉลยพี่เลี้ยงของพวกเรา
พี่เลี้ยงของบิ๊ก ชื่อเต๋า อยู่ม.ห้า ตัวสูง ผิวสีแทน หน้าตาดูออกว่าไม่ใช่คนกรุงเทพ แต่ก็ดูดีน่ะครับ ดูแมนๆดี
ส่วนพี่เลี้ยงของผม หน้าตาน่ารักมาก ผิวขาว ตัวประมาณเท่าผม ชื่อเบ็นซ์
“หวัดดีจ๊ะ น้องชื่ออะไรจ๊ะ” พี่เลี้ยงเค้ามาคุยกับผม ผมรู้สึกแปลกๆกับลักษณะการเดินของพี่เลี้ยงผม ที่เดินบิดๆยังไงก็ไม่รู้
พร้อมกับหางเสียงของพี่เค้าที่พูดกับผม ยังไม่รวมถึงน้ำเสียงที่หวานกว่าผู้ชายปกติ
“ชื่อปอครับ” ผมตอบไป
“มีปัญหาอะไรก็คุยกับพี่ได้น่ะ” พี่เบ็นซ์เอามือมาบีบ ที่ไหล่ผมเบา ผมรู้สึกสยิวยังไงก็ไม่รู้
“นังเบ็นซ์ ไปเล่นวอลเลย์กันเถอะ” เสียงตะโกนจากรุ่นพี่คนหนึ่งเรียกพี่เบ็นซ์ ทั้งผมและพี่เลี้ยงผมหันไปมอง
ผมแทบตกใจเมื่อเห็นบรรดาเหล่ารุ่นพี่ ที่แต่ละคนใส่กางเกงสั้นมากๆ เผยให้เห็นขาขาวๆที่ผ่านการโกนขนหน้าแข้ง
พร้อมหน้าตาที่เต็มไปด้วยเครื่องสำอาง แต่ไม่ตกใจเท่ารุ่นพี่บางคนในกลุ่มนั้นมีหน้าอกด้วย
“พี่ไปก่อนนะ” พี่เบ็นซ์ปลีกตัวไปหาเพื่อน
ปล่อยให้ผมอึ้งกับตัวเอง ไอ้โจ้ กับ ไอ้เชียร์ก็วิ่งมาหาทันที
“พี่เลี้ยงปอสวยๆจัง” โจ้เป็นคนเริ่มแซว
“พี่เลี้ยงแกเป็นหัวหน้าชมรมเชียร์นี่หว่า” เชียร์ยังคงมองพี่เบ็นซ์ที่เดินไปกับเพื่อนๆ
“แกรู้ได้ไง” ผมถามเชียร์เพราะเห็นมันรู้ไปทุกเรื่อง
“ก็กูจะเข้าชมรมเชียร์ กูก็ต้องรู้ข้อมูลบ้างดิ เออ แล้วพวกแกจะเข้าชมรมอะไรกันเหรอ” เชียร์หันมาถามผม กับ โจ้
“กูจะเข้าชมรมดนตรีสากล”ผมตอบเชียร์
“มึงเล่นอะไรเป็นเหรอ” เชียร์ถาม
“กีต้าร์” ผมตอบ
“จริงเหรอ ดีดี เราจะได้มีคนเล่นกีตาร์ให้เราตอนร้องเพลง” โจ้พูด
“แล้วมึงหละ ไอ้โจ้ จะเข้าชมรมอะไร” เชียร์หันไปถามโจ้
“ยังไม่รู้อ่ะ ยังไม่ได้คิด” โจ้ตอบเชียร์
ผมเห็นคนอื่นๆทยอยกันออกจากโรงยิมเลยเดินออกไปกับโจ้และเชียร์
แต่สายตาผมไปเจอะกับบิ๊กที่กำลังยืนคุยกับใครคนหนึ่งอยู่
ผมเริ่มเห็นหน้าคนๆนั้นชัดๆ
คนที่กำลังยืนคุยอยู่กับบิ๊ก คือมาสเตอร์ที่ผมเห็นเมื่อวันต้อนรับนักเรียน
และมาสเตอร์คนนั้นคือ มาสเตอร์ที่คุมหอพักของผมเอง

----- จบตอนที่3 -----
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 27-01-2008 19:06:22
 :oni1:     ตามมาอ่านต่อละจ้า...คิดถึงพ่อหนุ่มทั้งสามจับใจจจจจ
คู่แรก หวังว่าอาจารย์เบนจะไม่ทำให้โจ้ผิดหวังอีกรอบ...สุดหล่อในวัยเด็กใครน๊า... :m12:
คู่ที่สอง พี่เอกหายเข้าห้องซาวน่าไปกะคนอื่น 20 นาที เป็นใครก็โกรธอ่ะ...อย่ามาบอกไว้ใจ
เชื่อยากกกกก มีแววซะละคู่นี้...วัยเด็กกะพี่แจ็คก็ดูรักกันดี...เสียดายพี่แจ็คไม่น่า.... o12
คู่สุดท้าย นายปอก็ยังคงรักพี่เก่งเหมือนเดิมมมมม...เจ้าบิ๊กนี่ร้ายแต่เด็กเลยวุ้ยยยย
 o2
===========
 :m23:
ment เวลาเดียวกะตอนใหม่เลยยยยย หนุกหนาน ๆๆๆๆ หาพี่รหัสหนุกดีจังงงง ไม่เคยมีอ่ะ...
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 27-01-2008 21:15:09
แต่ละคู่กำลังลุ้นเลย   :m1: :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 28-01-2008 19:55:56

ว้าวๆ
น่ารักน่าลุ้น
ท่าทางชุลมุนดีเหมือนกัน :m1:

หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: myLoveIsYOu ที่ 28-01-2008 20:56:06
มาตามรักตามลุ้นกันต่อไป  :m4:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: Ken Ken ที่ 28-01-2008 21:52:37
 :m1: :m1: :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: [D]a[D]a [T]oo[N] ที่ 28-01-2008 23:15:31
ดูท่าทางสนุกเลยนะเนี่ย

ชีวิตวัยเรียน
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 29-01-2008 12:03:40
ชีวิตเด็กม.ปลายที่แสนคิดถึง :m1:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 29-01-2008 13:19:07
บิ๊กต้องขอย้ายไปอยู่ห้องเดียวกับเชียร์แน่ๆ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 29-01-2008 16:03:13
ภาคนี้ออกแนวน่ารักจังเลยค่ะ :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: jojoe ที่ 29-01-2008 20:20:07
ตอนที่ 4 เปิดโลกชมรม

คำอธิบายเพิ่มเติม: ทางโรงเรียนบังคับให้นักเรียนทุกคนต้องเข้าชมรม เพื่อเป็นกิจกรรมในช่วงวันเสาร์ และ อาทิตย์
ชมรมจะมี3สาย (ประเภท) คือ
1.สายวิชาการ คือ ชมรมที่เกี่ยวข้องกับวิชาที่เรียน เช่น ชมรมคณิตศาสตร์ ชมรมภาษาไทย ชมรมชีวะวิทยา เป็นต้น
2.สายกีฬา คือ ชมรมที่เกี่ยวข้องกับกีฬา เช่น ชมรมบาสเก็ตบอล ชมรมว่ายน้ำ ชมรมฟุตบอล เป็นต้น
3.สายกิจกรรม คือ ชมรมที่ต้องใช้ทักษะความสามารถ หรือ กิจกรรมที่นอกเหนือจากวิชาการ และ กีฬา เช่น ชมรมดรตรี ชมรมเชียร์ ชมรมอนุรักษ์
กิจกรรมของชมรมที่นักเรียนเข้าร่วม มีผลต่อผลการเรียนของนักเรียนทุกคน
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

คู่ที่ 1

ณ โรงยิมของโรงเรียน บรรดาซุ้มของชมรมต่างๆ ตั้งเรียงรายไปทั่วโรงยิม
ผมยืนมองซุ้มต่างๆนั้น พลางคิดกับตัวเองว่า เราจะเลือกชมรมอะไรดี
เพื่อนๆของผม ต่างไปเลือกชมรมกันแล้ว
เชียร์ อยากเข้าชมรมเชียร์            เพราะมันอยากเป็นหลีดเดอร์
ปอ   อยากเข้าชมรมดนตรีสากล    เพราะมันชอบเล่นกีตาร์
เหลือแต่ผม ที่ยังไม่รู้ว่าตัวเองจะเข้าชมรมอะไร

“เด็กเรียนอย่างแกไม่เข้าชมรมคณิตว่ะ” เชียร์พูดกับผมเมื่อคืนนี้ ก่อนจะนอน
“ไม่อยากเข้าชมรมเครียดๆว่ะ ขอกูพักสมองบางเถอะ” ผมตอบพร้อมเอนตัวลงนอน
“แล้วแกจะเข้าชมรมอะไร แกไม่อยากอยู่ชมรมเดี๋ยวกับพี่เลี้ยงแกหรือไง” เชียร์พูด แล้วก็เอนตัวลงนอนเหมือนกัน
“แล้วทำไมกูถึงต้องอยากอยู่ชมรมเดียวกับพี่เลี้ยงกูด้วยว่ะ” ผมถามเชียร์ เพราะไม่เข้าใจว่ามันพูดแบบนั้นทำไม
“ป่าวไม่มีอะไร กูแซวไปงั้นๆ เห็นพี่เลี้ยงมึงหล่อดี” เชียร์พูดหร้อมเอนตัวหันหลังให้ผม
“เหรอ กูว่าพี่ซุ่ยเฉยๆว่ะ สู้พี่ยอดไม่ได้” ผมตอบตามความรู้สึกของผม
ไอ้เชียร์ได้ยินอย่างนั้นก็กระเด้งตัวลุกขึ้นมาทันที มันรีบเดินมาที่เตียงผม
“มึงเปลี่ยนพี่เลี้ยงกับกูไหมหล่ะ”
“จะบ้าเหรอไง ก็ลงชื่อกันไปแล้วนี้ เปลี่ยนได้ยังไงเล่า” ผมพูดกับเชียร์ ที่กำลังทำหน้าเสียดาย กระโดดกลับไปที่เตียงเหมือนเดิม
“ทำไมมึงไม่อยากให้พี่ยอดเป็นพี่เลี้ยงมึงหล่ะว่ะ” ผมถามเพราะไม่เข้าใจว่าทำไมเชียร์ถึงไม่อยากให้พี่ยอดเป็นพี่เลี้ยง
“เออ คือ เรื่องมันไม่ค่อยดีเท่าไหร่หรอก แบบ...เออ... ยังไงดีหล่ะ” เชียร์อ่ำอึ้ง
“ไม่อยากพูดก็ไม่ต้องพูดก็ได้ รีบนอนเถอะเดี๋ยวพรุ่งนี้ตื่นไม่ทัน” ผมเตือนเพื่อน
แล้วผมก็ปิดไฟ กำลังจะหลับอยู่แล้ว ไอ้เชียร์ดันเอ่ยถามคำถามหนึ่งที่ทำให้ผมต้องเปิดตา
“มึงชอบพี่ยอดเหรอ ทำไมถึงชอบว่ะ พี่เค้ามีแฟนแล้วนะ”
ผมเงียบไปสักพักหนึ่ง จนไอ้เชียร์ถามว่าผมหลับไปแล้วเหรอ ผมเลยตอบมันไป
“ไม่รู้สิ กูรู้แค่ว่าที่กูชอบ เพราะเห็นเขาหน้าตาดี ทำไงได้ กูเองก็ไม่เคยมีความรัก ไม่ค่อยเข้าใจเรื่องแบบนี้เท่าไร อีกอย่างพี่เค้าก็คงไม่มีวันชอบกูหรอก เค้ามีแฟนแล้ว และ ก็ไม่ได้เป็นเกย์ด้วย กูคงได้แค่ชอบเขาฝ่ายเดียวเท่านั้น แล้วมึงว่าไงหล่ะไอ้เชียร์”
ผมถามความเห็นจากเชียร์ แต่เชียร์ไม่ได้ตอบอะไร ผมเลยเรียกมันอีกครั้ง ปรากฎว่า ได้ยินเสียงมันกรนซะแล้ว

ผมลองมองไปที่ชมรมบาสเกตบอล ผมไม่ได้อยากจะเข้าหรอก ผมเล่นกีฬาอะไรไม่เป็นสักอย่าง(เล่นเป็นแต่วอลเลย์บอล)
แต่ที่ผมมองเพราะ ผมรู้ว่าพี่ยอดอยู่ชมรมนี้ ผมเดินไปที่ชมรมนั้น เผื่อจะเห็นพี่ยอด
แต่ผมมองไม่เห็นอะไรเลย เพราะคนเต็มไปหมด ผมชะเง้อมองไปทั่ว ก็ยังไม่เห็นใครอยู่ดี
คงหมดหวังจะเจอแล้วหล่ะ ผมเลยหันหลังจะเดินไปที่ชมรมอื่น
พอผมหันหลังกลับไปนั้น ผมเห็นคนกลุ่มหนึ่งกำลังเล่นบาสอยู่บริเวณแป้นบาส ใกล้ๆกับซุ้มของชมรมบาสนั่นแหล่ะ
“พี่ยอด” ผมพูดกับตัวเอง เมื่อเห็นชายที่ผมแอบชอบกำลังเล่นบาสกับเพื่อนๆ
ท่าทางที่ทะมัดทะเมง พร้อมกับการเคลื่อนไหวที่คล่องตัวและรวดเร็ว ทำให้พี่ยอดสามารถชู้ดบาสลงห่วงได้
ผมมองภาพของพี่ยอดที่กำลังชู้ลูกบาสลงห่วง สายตาของผมมองตรงแต่ผู้ชายคนนั้นคนเดียว
บาสลงห่วงไปแล้ว ผมก็ยังมองพี่ยอดเหมือนดิม ตอนนั้น เหมือนกับว่าที่ตรงนั้น มีพี่ยอดเล่นบาสอยู่คนเดียว
แต่แล้วก็มีเสียงหนึ่งดังแววมาที่ข้างหูผม “ไอ้น้องระวัง”
ยังไม่ทันที่ผมจะรับรู้ว่าผมต้องระวังอะไร ลูกบาสลอยมาจากไหนก็ไม่รู้ มากระแทกที่หัวของผม
ผมล้มลงไปกองกับพื้นตรงนั้นพอดี พี่ที่กำลังเล่นบาสวิ่งกรูมาที่ผม
ผมรู้สึกว่ามีคนค่อยๆมาประคองตัวผมลุกขึ้นนั่ง
“เป็นอะไรหรือเปล่า โจ้” เสียงใครก็ไม่รู้ คุ้นๆถามผม
ผมหันหน้าไปมองเจ้าของเสียง โอ้ว!ไม่ พี่ยอด
พี่ยอดกำลังประคองตัวผม หน้าของพี่ยอดใกล้กับหน้าของผมมาก ผมแทบจะเป็นลมไปตรงนั้น เพราะความตื้นเต้นและดีใจ
“ว่าไง ไหวไหม” พี่ยอดถามอีกครั้งหนึ่ง เพราะเห็นผมไม่ตอบอะไร แถมทำหน้าตาตกใจ
“มะ มะ ไม่เป็นไรครับ มึนหัวนิดหน่อย”ผมตอบ พร้อมยันตัวจะลุกขึ้น แต่แล้วก็ต้องล้มลงเพราะยังมึนหัวอยู่
ตอนที่ล้มตัว พี่ยอดรีบมารับตัวผม ผมเลยล้มไปในอ้อมกอดของพี่ยอด โอ้ว!ไม่ อีกแล้วครับ จมูกของพี่ยอดมาชมแก้มของผม
ผมตัวแข็งทำอะไรไม่ถูก ทั้งมึนหัว ทั้งตื้นเต้น ผมคงได้สลบกลางโรงยิมแน่ๆ
“เฮ้ย ไอ้ยอด มึงทำอะไรน้องกูว่ะ” เสียงของพี่ซุ่ยดังมาแต่ไกล พอมาถึงตัวผมกับพี่ยอด พี่แกก็คว้าตัวผมไป คราวนี้ หน้าผมไปซบกับอกของพี่ซุ่ย แต่ผมกลับรู้สึกเฉยๆไม่ได้ตื้นเต้นเหมือนตอนอยู่กับพี่ยอด
“พวกมึงเล่นบาสไม่ดูคนเลยเหรอไงว่ะ” พี่ซุ่ยด่าเพื่อนของตัวเอง พร้อมหันหน้ามามองผม
“น้องโจ้ ไหวไหม ให้พี่พาไปที่ห้องพยาบาลไหม” ผมค่อยๆยืนทรงตัว ตอนนี้อาการมึนหัวหายไปแล้ว แต่ความอายเข้ามาเยือนแทน
เพราะรอบตัวของผม มีแต่คนมายืนมุง
“ไม่เป็นไรแล้วครับ” ผมตอบพี่ซุ่ย พร้อมยิ้มเป็นการขอบคุณในความเป็นห่วง แล้วก็หันไปมองพี่ยอด
“พี่ขอโทษนะ พี่ไม่ได้ตั้งใจ” พี่ยอดพูดกับผม
“ไม่เป็นไรครับ ผมซุ่มซ่ามเองต่างหาก” ผมบอกกับพี่ยอด
เมื่อผมไม่ได้เป็นอะไร ทุกคนจึงแยกย้ายออกไปจากที่ตรงนั้น
เหลือผมคนเดียวที่ยังคงมองพี่ยอดเดินกลับไปที่แป้นมาก
----- กริ่งงงงงงงงงงง -----
เสียงกระดิ่งดัง เป็นสัญญาณบอกว่าจะหมดเวลาของการหาชมรม
ผมรีบเดินไปที่ซุ้มของชมรมต่างๆทันที
ตอนนี้มองไปทางไหน แต่ละชมรมก็เต็มไปด้วยผู้คนที่มายืนออๆกันตรงชมรมนั้นๆ
แต่มีอยู่ชมรมหนึ่งที่มีใครมายืนออ เหมือนชมรมอื่น
ผมเลยเดินตรงไปชมรมนั้น
ทันที่ผมถึงที่หน้าซุ้มของชมรม พี่ที่ยืนประจำซุ้ม ก็เดินตรงมาหาผม
“หวัดดีครับน้อง สนใจชมรมพี่เหรอครับ” รุ่นพี่หน้าตาตี๋ๆ ตัวประมาณผม เอ่ยถาม
“เออ ครับ” ผมตอบ
“งั้นน้องก็ลงชื่อเลยนะครับ” พี่เค้ายื่นใบลงชื่อมาให้ผม ผมก้มลงมองดูรายชื่อ
มีคนมาสมัครแค่สิบกว่าคนเอง (ปกติแต่ละชมรมจะมีคนประมาณสามสิบ สี่สิบคน)
ผมเลยมองไปที่ป้ายหน้าซุ่ม เขียนว่า “ชมรม พลังจิต”
ผมเกาหัว งงงงว่าชมรมนี้มันคืออะไร ผมเลยหันไปถามพี่คนนั้น
“เออ แล้วชมรมนี้ให้ทำอะไรเหอรครับ”
“น้องต้องลองเข้าดูเองครับว่าเข้าจะทำให้อะไร” พี่แกเล่นตอบแบบนี้ ไม่ได้ช่วยอะไรผมเลย
----- กริ่งงงงงงงงงงง -----
เสียงกระดิ่งดังอีกครั้ง เป็นสัญญาณบอกว่าหมดเวลาแล้ว
ผมเลยจำใจ ลงเป็นสมาชิกในชมรม “พลังจิต” แห่งนี้
“พี่ชื่อ เอ๊ด นะครับ เป็นหัวหน้าชมรม” พี่ตี๋แนะนำตัว
“ส่วนพี่คนนู้นชื่อ เติ้ง เป็นรองปราน” พี่เอ๊ดชี้ไปที่ พี่ผู้ชายคนหนึ่ง ดูหน้าตาใจดี สูงกว่าพี่เอ๊ดหน่อยหนึ่ง แต่ผิวไม่ขาวเท่าพี่แอ๊ด แก้มยุ้ยๆหน่อย
“ขอต้อนรับน้องสู่ชมรมนะครับ” พี่เอ๊ดยิ้มตอบรับผม
************************************************************************************************

คู่ที่ 2

ผมวิ่งตรงไปที่ชมรมเชียร์ทันที หลังจากคุณครู ปล่อยให้มาลงชื่อที่ชมรม
คนที่มาลงชื่อแต่ละคน ล้วนเป็นเชียร์หลีดเดอร์ตอนมอต้นกันทั้งนั้น
แต่ผมไม่สนใจ เพราะคิดว่าตัวเองก็คงพอสู้พวกนั้นไหว
แม้จะไม่เคยเป็นหลีดเดอร์เลยก็ตาม

พอมาถึงคิวผมจะลงชื่อ ผมดีใจมากๆ เพราะพี่ที่คุมตรงใบลงชื่อ คือ พี่เบ็นซ์ที่เป็นพี่เลี้ยงของปอ
“หวัดดีครับพี่เบ็นซ์” ผมทักทายตามมารยาท
“หวัดดีจ๊ะ เอ๊ะ!รู้ชื่อพี่ได้ไงจ๊ะ” พี่เบ็นซ์แปลกใจที่ผมรู้จักพี่เค้า
“ผมเป็นเพื่อนกับปอครับ” ผมเริ่มทำตามแผน คือ ทำความสนิทสนมกับพี่เค้าก่อน
“อ๋อเหรอจ๊ะ” พี่เบนซ์เริ่มยิ้มให้ผม
“ผมจะมาเข้าชมรมเชียร์ครับ” ผมเริ่มพูดเข้าเรื่อง
“อืมม แล้วน้องเคยเป็นหลีดมาก่อนหรือเปล่าจ๊ะ” พี่เบ็นซ์เริ่มยิงคำถาม
“เออ ไม่เคยครับ” ผมตอบอย่างอายๆ ก็คนอื่นเค้าเป็นหลีดกันทั้งนั้นนี้
“แล้วเคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับการเป็นหลีด หรือเปล่า” พี่เบ็นซ์ถามอีก
“ไม่เคยครับ เคยแต่เป็นกองเชียร์ร้องเพลงเชียร์ครับ” ผมตอบตามความจริง ผมจะไปเป็นหลีดได้ยังไงหล่ะครับ ก็ตอนมอต้น ทั้งอ้วน ทั้งหน้าตาก็น่าเกลียด
“อืมม แล้วมีพื้นฐานด้านการเต้นอะไรบ้าง” พี่เบ็นซ์ยิงคำถาม
ผมขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจว่าไอ้เต้นมันต้องมีพื้นฐานด้วยเหรอว่ะ พี่เบ็นซ์เห็นผมไม่ตอบ เลยลองถามผม
“เต้นแจ๊สแดนซ์ได้ไหม” ผมส่ายหัว
“โมเดิร์นแดนซ์หล่ะ” ผมก็ส่ายหัว
“อือม ฮิพฮอพ หรือ เบรคเด็นซ์” ผมก็ยังส่ายหัว
“แล้วเคยเรียนบัลเล่ต์ไหม” อันนี้ส่ายหัวอย่างแรง เป็นแค่เชียร์หลีดเดอร์ทำไมต้องเต้นบัลเล่ต์เป็นด้วยว่ะ
พี่เบ็นซ์ ถอนหายใจ พร้อมพูดกับผมว่า “พี่ต้องเสียใจด้วยนะ น้องไม่มีพื้นฐานด้านการเต้นอะไรมาเลย พี่คงไม่สามารถให้น้องเข้าชมรมได้”
ผมหน้าเสียรีบโว้ยพี่เค้ากลับ “ก็ผมจะเข้าชมรมเพื่อให้พวกพี่ๆสอนไงครับ”
“คือ ชมรมเชียร์ต้องมีงานโชว์ตามงานต่างๆของโรงเรียนพี่ไม่มีเวลามาสอนเรื่องการเต้นพื้นฐานให้น้องหรอก ถ้าคนที่สมัครมีพื้นฐานด้านการเต้นมาก่อน หรือมีประสบการณ์เคยเป็นหลีดมาก่อน พวกพี่ก็จะทำงานง่ายขึ้น” พี่เบ็นซ์พยายามอธิบายโดยใช้เหตุผล
ผมเองก็ยังยอมรับไม่ได้ เพราะชมรมเชียร์คือสิ่งที่ผมใฝ่ฝันถึงมาตลอด ผมเองก็อยากจะเถียงพี่เบ็นซ์อีก
แต่ยังไม่ทันจะอ้าปาก พี่ที่อยู่ข้างๆพี่เบ็นซ์ก็พูดกับผมขึ้นมาก่อน
“น้องคงเข้าใจแล้ว ก็ไปหาชมรมอื่นเถอะ” พี่เค้าพูดเสร็จ ก็เรียกน้องคนต่อไปเข้ามาสัมภาษณ์
ผมเลยเดินคอตกออกไป
ตอนแรกก็อยากจะร้องไห้นะ เพราะผมหวังไว้ว่าอยากเข้าชมรมเชียร์ เพราะผมอยากให้ทุกคนเห็นว่าผมเองก็มีความสามารถ และอยากให้ทุกคนรู้จักผมที่เป็นคนใหม่
----- กริ่งงงงงงงงงงง -----
เสียงกระดิ่งดัง เป็นสัญญาณบอกว่าจะหมดเวลาของการหาชมรม
เวรกรรม ก็ตอนต่อคิวเขาแถวของชมรมเชียร์ก็เสียเวลาไปมากแล้ว
แถมยังเข้าไม่ได้อีก แล้วทีนี้จะเข้าชมรมอะไรว่ะ หัวสมองอื้อไปหมด
ผมยืนอยู่หน้าชมรมหนึ่ง แต่ผมไม่ได้สนใจหรอกว่าเป็นชมรมอะไร
“อ้าว น้องเกย์ครับ สนใจเข้าชมรมพี่ไหม” เสียงคุ้นๆอีกแล้ว
ผมไม่อยากจะหันหน้าไปหาไอ้พี่ปากหมาคนนี้เลย
ผมเลยคิดว่าต้องรีบเดินหนีดีกว่า เพราะตอนนี้คงตกเป็นเป้าสายตาของคนอื่นไปแล้ว
ผมเลยก้มหน้าก้มตาเดินออกไปจากที่นั้น
“จะไปไหนครับ” มีมือปริศนามาคว้าตัวผมไว้
“อ๊ะ จะมายุ่งกับผมทำไมเนี้ย” ผมรีบว่าเจ้าพี่ปากหมาคนนั้น
“ก็จะมาถามว่าอยากเข้าชมรมของพี่ไหม” พี่เต๋าถาม แต่มือยังไม่ปล่อยจากแขนของผม
“ชมรมอะไรหล่ะ” ผมถาม
“ชมรมอนุรักษ์ครับ” พี่เต๋าตอบพร้อมยิ้มอย่างภูมิใจในชมรมของตนเอง
ผมนิ่งไปพักหนึ่ง พอจะรู้ว่าชมรมอนุรักษ์ เป็นชมรมที่เน้นการอนุรักษ์ธรรมชาติ เช่นปลูกต้นไม้ ดูแลทะเลสาบของโรงเรียน เป็นต้น
แต่ผมไม่ค่อยอยากจะเข้า เพราะมันดูขัดๆกับผมยังไงก็ไม่รู้
“สนใจจะเข้าไหมครับ” พี่เต๋าถามผมอีก
ผมมองไปที่ชมรมอีกครั้ง เห็นพี่ที่อยู่ในชมรมส่วนมาก เป็นเด็กนักเรียนต่างจังหวัด แถมดูเถื่อนๆด้วย
ผมเลยลองถามพี่เต๋าบ้าง “แล้วพี่ทำไมถึงมาชวนผมหล่ะ ปกติเค้าให้รุ่นน้องไปเข้าสมัครเองไม่ใช่เหรอ ผมยังเห็นว่ายังมีคนต่อคิวเข้าสมัครชมรมพี่อีกตั้งเยอะ” ผมชี้ไปทางแถวที่ยาวเหยีด ที่อยู่หน้าซุ้มชมรมของพี่เค้า
“ไม่รู้สิ พอดีพี่เห็นน้องเดินผ่าน กะจะมาทักเฉยๆ เลยลองถามไปด้วยเลยเผื่อน้องอยากเข้าชมรมพี่” พี่เต๋าตอบ
ผมเองก็ไม่คิดที่จะเข้าชมรมนี้ด้วยซ้ำ เพราะรู้ว่าเวลาทำกิจกรรมของชมรมนี้ ต้องใช้แรงเยอะ เช่นปลูกต้นไม้ต้องยกต้นไม้ พรวนดิน อะไรประมาณเนี้ย เกิดมาผมเคยทำอะไรพวกนี้ที่ไหนหล่ะ
----- กริ่งงงงงงงงงงง -----
เสียงกระดิ่งดังอีกครั้ง เป็นสัญญาณบอกว่าหมดเวลาแล้ว
ผมจะทำไงดีเนี้ย
พี่เต๋ากระเถิบตัวมาใกล้ผม “ตกลงว่าไงครับ”
ผมเลยจำใจตอบตกลงพี่เต๋าไป
“รู้จักชื่อพี่หรือยัง พี่ชื่อเต๋านะ” พี่เต๋ายิ้ม
“ผมชื่อเชียร์นะ ไม่ได้ชื่อเกย์ ที่หลังเวลาจะเรียกเรียกให้ถูกด้วยนะ” ผมพูดเหมือนออกคำสั่ง
พี่เต๋าหัวเราะ
“งั้นผมไปแล้วนะ” ผมเดินจากพี่เต๋าไปเพราะต้องกลับไปเข้าแถวเหมือนเดิม
************************************************************************************************

คู่ที่3

หลังจากที่ผมสมัครลงชมรมดนตรีแล้ว ผมก็เดินออกมาข้างนอกโรงยิม
ผมเอากีตาร์มาด้วย เพื่อเอามาทดสอบก่อนเข้าชมรมว่าผมเล่นดนตรีเป็น
ผมเดินมาตรงที่ทะเลสาบ ที่อยู่ถัดไปจากโรงยิม
ผมเดินมาตรงที่นั่งตรงทะเลสาบ ใกล้กับที่มีห้องเก็บของอยู่
ตรงนี้เป็นที่ที่ผม เจอกับบิ๊กครั้งแรก กับมาสเตอร์เบิร์ด
ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่า บิ๊ก กับมาสเตอร์เบิร์ดจะแอบมีอะไรกัน
ผมเคยเห็นว่าบิ๊ก กับมาสเตอร์เบิร์ดเคยเดินไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด
ผมไม่รู้ว่า บิ๊ก กับมาสเตอร์ เบิร์ดชอบกันหรือเปล่า ถึงพวกเขาจะเคยมีอะไรกันก็ตาม
มีอยู่ครั้งหนึ่งผมเคยเห็นว่าบิ๊กแอบเข้าห้องของมาสเตอร์เบิร์ดกลางดึก

คืนนั้นผมรู้สึกปวดท้อง เลยลุกจากเตียงออกมาเอายาธาตุน้ำขิงที่ตู้ยา
ในแต่ละชั้นที่หอพัก จะมีตู้ยาอยู่ทุกชั้น ตู้ยานี้จะอยู่ข้างๆกับบันไดขึ้นลงของหอพัก
ผมเปิดประตูออกมาจากห้อง เดินไปที่ตู้ยา ผมพยายามเดินให้เงียบที่สุดเพราะตอนนั้นคงดึกมากแล้ว
ถ้าทำเสียงดังขึ้นมา มาสเตอร์ที่คุมหอคงตื่นขึ้นมาด่าแน่
ผมหยิบยาธาตุมาทาน แม้จะยังไม่หายปวดในฉับพลัน แต่ก็รู้สึกดีขึ้นมานิดนึง เลยจะเดินกลับเข้าห้องไปนอนต่อ
พอผมจะปิดประตูห้อง ผมได้ยินเสียงประตูห้องตรงข้ามเปิดออก
ผมเลยแง้มประตูออกไปดูว่าใคร คนๆนั้นคือบิ๊ก
บิ๊กเปิดประตูออกมา พร้อมมองซ้ายมองขวา ท่าทางดูมีพิรุด
ผมแอบมองบิ๊กว่า บิ๊กจะทำอะไร
บิ๊กเดินไปที่ห้องๆหนึ่ง ผมรู้ว่าห้องนั้นเป็นห้องของใคร
บิ๊กยืนอยู่หน้าห้องนั้น พร้อมบิดลูกบิดห้องนั้นสามที
สักพัก เจ้าของห้องก็เปิดประตูออกมา ผมไม่แปลกใจเลยว่า เจ้าของห้องจะเป็น มาสเตอร์เบิร์ด มาสเตอร์ที่คุมหอของผมเอง
มาสเตอร์เบิร์ด ที่จริงเป็นรุ่นพี่ที่โรงเรียนของผม พอหลังจากจบปริญญาตรี ในคณะศึกษาศาสตร์ ก็มาเป็นครูที่โรงเรียน
ผมไม่รู้หรอกว่ามาสเตอร์เค้าจะเป็นเกย์ จนผมมาเห็นมาสเตอร์กับบิ๊กในคืนต้อนรับนักเรียนใหม่ที่ห้องเก็บของหลังทะเลสาบ
มาสเตอร์เบิร์ดเป็นคนผิวขาว รูปร่างสูง หุ่นก็ดี และดูเป็นคนที่ใจดีมากๆ ผมไม่เคยเห็นมาสเตอร์ดุเด็กเลยสักครั้ง
มาสเตอร์เบิร์ดยิ้มให้บิ๊ก พร้อมเอามือมาลูกที่หัวของบิ๊ก
บิ๊กยิ้มให้มาสเตอร์ พร้อมโผ่เข้ากอดมาสเตอร์
ผมรู้สึกแปลกๆ บอกไม่ถูกว่าความรู้สึกนั้นมันคืออะไร ผมมองภาพนั้น มองรอยยิ้มของบิ๊ก
ผมหลับตา พร้อมปิดประตูห้อง แล้วเดินไปที่เตียง
ภาพรอยยิ้มของบิ๊ก ในอ้อมกอดของมาสเตอร์เบิร์ด วนเวียนอยู่ในหัว จนผมนอนไม่หลับ
แต่ด้วยฤทธิ์ของยา ทำให้ผมรู้สึกมันหัวและเผลอหลับไปในที่สุด
และผมก็ฝันถึงบิ๊ก ภาพบิ๊กกำลังยิ้ม ซึ่งอยู่ในอ้อมกอดของผม ผมกอดบิ๊กแน่น
“เราชอบรอยยิ้มของนายมากเลย” ผมพูดกับบิ๊ก
บิ๊กไม่ตอบอะไร แต่บิ๊กหันมาจูบที่แก้มของผม ผมหน้าแดง ยิ้มจนแก้มปริ

“ปอ นึกอะไรอยู่เหรอ ยิ้มใหญ่เชียว” เสียงของบิ๊ก ทักผม ผมสะดุ้ง พยายามเลิกนึกฝันหวานถึงความฝันเมื่อคืน
“ป่าว ไม่มีอะไร” ผมทำหน้าตาขรึม พร้อมดีดกีตาร์ไปเรื่อยๆ
“นายเข้าชมรมดนตรีเหรอ” บิ๊กถามพร้อมเข้ามานั่งใกล้ผม
“อืมมม แล้วนายออกมาข้างนอกทำไม” ผมเป็นฝ่ายถามบ้าง
“ก็ ออกมาหานายไง” บิ๊กหันมาสบตาผม ผมอึ้งไปสักพัก พร้อมหันไปสบตาบิ๊ก
“มีอะไรเหรอ” ผมทำเสียงปกติ แต่ในใจดีใจจนใจเต้นรั่วไม่เป็นจังหวะ
“เรารู้นะว่านายเห็นเราไปที่ห้องมาสเตอร์เบิร์ด” สิ้นเสียงบิ๊ก ผมหยุดเล่นกีตาร์ด้วยความตกใจ
ผมไม่ตอบอะไร
----- กริ่งงงงงงงงงงง -----
เสียงกระดิ่งดัง เป็นสัญญาณบอกว่าจะหมดเวลาของการหาชมรม
เสียงนั้นทำเอาผมกลับมาตั้งสติ หันมาพูดกับบิ๊ก “ใช่”
บิ๊กหันไปมองทะเล พร้อมเอาหินขว้างไปที่ทะเลสาป
“นายนี้รู้ความลับของเราตลอดเลยนะ”
ผมเองก็หันไปมองทะเลสาบ มองหินที่ตกไปในน้ำ จนทะเลสาปที่นิ่งสงบเกิดเป็นคลื่นวงกลมขึ้นมา
“เราไม่ได้ตั้งใจที่จะรู้เรื่องของนายหรอกนะ” ผมพูดเหมือนแก้ตัว ทั้งที่ความจริงก็เป็นอย่างที่ผมพูด
“เราก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอก แต่เราก็อยากจะขอร้องนายเหมือนเดิม” บิ๊กพูดพร้อมหันหน้ามามองผม
“เรารักมาสเตอร์เบิร์ดมาก นายคงไม่เอาสิ่งที่นายเห็นไปบอกใครนะ” บิ๊กพูดกับผม สายตาของบิ๊กมองมาที่ผม ยากที่สายตาของผมจะหลบสายตาคู่นั้นของบิ๊ก
บิ๊กเอามือมาว่างบนบ่าของผม พร้อมเอนตัวมาใกล้กับผม
“เราไว้ใจนายนะ ปอ”
----- กริ่งงงงงงงงงงง -----
เสียงกระดิ่งดังอีกครั้ง เป็นสัญญาณบอกว่าหมดเวลาแล้ว
บิ๊กลุกขึ้น พร้อมพูดกับผม “เราไปเข้าแถวก่อนนะ” แล้วบิ๊กก็เดินเข้าโรงยิมไป
ผมยังคงนั่งอยู่ที่นั่น ผมไม่ได้หันไปมองบิ๊กที่กำลังเดินเข้าโรงยิม
ผมมองเงาของตัวเองในน้ำ หยดน้ำหยดหนึ่งไหลลงมาตกที่พื้นน้ำนั้น
หยดน้ำนั้น คือ น้ำตาของผมเอง

----- จบตอนที่4 -----
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: Ken Ken ที่ 29-01-2008 21:04:35
ทำไมปอเริ่มแรกทีไร
มีน้ำตาทุกทีเลยอ่า :o12:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 30-01-2008 18:13:05
ปอแอบรักคนมีเจ้าของอีกแล้ว   :m12:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 30-01-2008 19:43:06
ปอท่าทางมีดวงด้านนี้น่ะ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: jojoe ที่ 31-01-2008 23:02:19
ตอนที่ 5 รู้...รู้เธอมีเจ้าของ

คู่ที่ 1

ผมเริ่มกิจกรรมของชมรม ตอนแรกผมนึกว่า ชมรม “พลังจิต” ที่ผมเข้าสังกัดอยู่
เป็นชมรมที่ว่าด้วยเรื่องลึกลับเหนือธรรมชาติ เช่น การใช้พลังจิต หักช้อนให้โค้งงอ เหมือนในหนัง แต่เปล่าเลย มันไม่ใช่อย่างที่ผมคิด

พี่เอ๊ดที่เป็นประธานชมรม เข้ามาทักทายสมาชิกใหม่ พร้อมพูดถึงและอธิบายกิจกรรมของชมรม
“ชมรมของเรา คือ ชมรมที่ว่าด้วยเรื่องของจิตใจ การใช้พลังของหัวใจ การมองสิ่งรอบตัวต่างๆด้วยจิตใจ ไม่ใช่มองด้วยตาเห็นหรือมองด้วยรูปลักษณ์ภายนอก ต้องมองถึงแก่นแท้ของมัน เราจะมองมันได้ ก็ต้องใช้จิตใจ หรือ การใช้สมาธินั่นเอง”
ผมเริ่มเข้าใจแล้วว่า ที่แท้ชมรมของผม ไม่ต่างจากชมรมจริยธรรม

กิจกรรมแรกของชมรมคือการนั่งสมาธินั่นเอง
สำหรับผมแล้วการนั่งสมาธิไม่ใช้เรื่องลำบากสักเท่าไร เพราะตอนอยู่สถานสงเคาระห์ ซิสเตอร์ก็ฝึกให้ผมนั่งสมาธิเป็นประจำอยู่แล้ว ทำให้ผ่านกิจกรรมวันนี้ไปด้วยดี

ผมออกจากชมรม หลังจากทำกิจกรรมเสร็จ มองดูเวลาแล้วยังเหลือเวลาอีกตั้งเยอะกว่าจะถึงช่วงเล่นกีฬา ผมเลยอยากจะเดินเล่นดูโน้นดูนี้ไปเรื่อยเปื่อย
ผมเดินผ่านสนามบาส ซึ่งคนในชมรมบาสกำลังซ้อมกันอยู่
ผมเลยรีบมองดูว่าในสนามบาสนั้นจะมีพี่ยอดอยู่ไหม
ผมมองทุกสนามก็ไม่ยักจะเห็นพี่ยอด ไม่รู้ว่าเค้าไปอยู่ที่ไหน เวลานี้ทุกคนน่าจะอยู่ในชมรมของตัวเอง ยกเว้นพวกที่ชมรมเลิกก่อนเวลาอย่างเช่นชมรมของผม

ในขณะที่ผมกำลังชะเง้อมองพี่ยอดอยู่นั่นเอง ผมรู้สึกว่ามีวัตถุบางอย่างกำลังเคลื่อนตัวมาทางผม
“เฮ้ย! ไอ้น้องระวัง” เสียงจากคนในสนามบาสตะโกนบอกผม
แทนที่ผมจะหลบกลับมองไปทางวัตถุนั้น
“อีกแล้วเหรอกู” ผมนึกในใจ พร้อมหลับตาปี๋ ยืนรับชะตากรรมอยู่ตรงนั้น
แต่แล้วผมก็รู้สึกว่าตัวผมโดนใครคว้าตัวไป
ลูกบาสตกลงพื้นโดยไม่โดนตัวผม
ผมลืมตาขึ้นมองว่า ใครช่วยผมไว้
“อีกแล้วเหรอโจ้ ท่าทางจะไม่ถูกกับลูกบาสนะ” พี่ยอดพูดกับผมทั้งๆที่ผมยังซบอกพี่ยอดอยู่ริมสนามบาส
ผมรีบผละตัวออก พร้อมขอบคุณพี่ยอด “ขะ ขอบคุณ ครับ” ผมก้มหน้าพยายามไม่ให้พี่ยอดเห็นว่าผมเขินขนาดไหน
“เดินระวังหน่อยหล่ะกัน พี่คงช่วยโจ้ไม่ได้ตลอดหรอก” พี่ยอดพูด พร้อมเดินกลับไปซ้อมบาสต่อ
ผมยืนยิ้มตรงนั้นอีกสองสามนาที เพื่อดูพี่ยอดซ้อมบาส
“ทำไมกูโชคดีอย่างนี้ว่ะ ซบอกเค้ามาตั้งสองครั้งแล้ว จะมีครั้งที่สามอีกไหมเนี้ย” ผมนึกในใจ เพราะชอบที่ได้ซบอกของคนที่ผมชอบ
ไม่ทันขาดคำ ลูกบาสโผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ คราวนี้กระแทกหน้าผมอย่างจัง
ผมล้มไปทันที พร้อมตาของผมก็พร่าเบลอ จนผมหมดสติล้มไปข้างสนามบาสนั้น

ผมมารู้สึกตัวอีกที ก็ตอนมาอยู่ที่ห้องพยาบาลแล้ว
ผมลืมตามองไปรอบๆห้อง เห็นพี่ซุ่ยยืนมองผมที่ข้างเตียง
“ว่าไงโจ้ รู้สึกยังไงบ้าง” พี่ซุ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
“มึนหัวนิดหน่อยครับ แต่ก็ไม่เป็นอะไรมาก” ผมเอามือมาจับที่หัว รู้สึกว่าหน้าผากตัวเองนูนออกมา
“ท่าทางโจ้จะไม่ถูกกับลูกบาสนะ เห็นต้องล้มเพราะลูกบาสทุกที” พี่ซุ่ยเอามือมาลูบที่หัวผมเบาๆ
“ผมจะระวังตัวให้มากกว่านี้ครับ ขอบคุณพี่ซุ่ยมากที่ช่วยผมไว้” ผมพูดกับพี่ซุ่ย เพราะคิดว่าพีซุ่ยคงเป็นคนพาผมมาที่ห้องพยาบาล
เพราะในห้องตอนนี้ก็มีแค่ผมกับพี่ซุ่ยเท่านั้น
“ป่าวหรอก พี่ไม่ได้ช่วยโจ้หรอก นู้น คนนู้น” พี่ซุ่ยชี้ไปที่หน้าห้อง
พี่ยอดกำลังยืนพิงประตู้อยู่ด้านนอกของห้อง
“พี่ยอดเหรอครับ” ผมถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
“อืมม ยอดมันบอกว่าพอเห็นโจ้ล้มลง ก็รีบอุ้มมาที่ห้องพยาบาล แล้วก็ไปตามพี่ที่ชมรมนี้แหล่ะ”
ผมนึกภาพตามที่พี่ซุ่ยพูด พี่ยอดอุ้มเราเหรอเนี้ย เสียดายที่ตอนนั้นผมไม่รู้สึกตัว
“ไม่เป็นอะไรมาก พี่กลับชมรมก่อนแล้วกัน เดินไหวแน่นะ” พี่ซุ่ยถามผม
“ไหวครับ” ผมยิ้ม
พี่ซุ่ยจึงเดินออกไป พร้อมคุยกับพี่ยอดที่อยู่หน้าห้อง
สักพักพี่ซุ่ยก็ไปชมรม แต่พี่ยอดยังอยู่หน้าห้อง
ผมมองดูว่าพี่เค้าจะทำอะไร สักพักพี่ยอดก็เดินเข้ามาในห้อง
“เป็นไงบ้าง ความจำเสื่อมหรือเปล่า” พี่ยอดแซว ผมเลยหัวเราะ
“55555 ความจำยังดีอยู่ครับ แถมรู้ว่าด้วยว่าใครเป็นคนอุ้มผมมาที่นี้” ผมแซวกลับ พี่ยอดก็หัวเราะ
“55555 เหรอ แล้วรู้หรือเปล่าว่าตัวเองหนักขนาดไหน พี่เกือบให้เพื่อนอีกสองคนช่วยอุ้มแล้วนะเนี้ย” พี่ยอดไม่ยอมแพ้แซวผมกลับอีก
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ ยังไง ก็ขอบคุณนะครับ ที่ช่วยผมไว้ทุกครั้งเลย” ผมยิ้มให้พี่ยอด พี่ยอดก็ยิ้มให้ผมเหมือนกัน
“พี่ฝากของให้เชียร์หน่อยสิ” พี่ยอดหยิบโปสการ์ดใบหนึ่งขึ้นมายื่นให้ผม
ผมรับไว้แล้วมองดูรูปในโปสการ์ดใบนั้น มันเป็นรูป แกนแคงย่อน
ผมเลยพอจะรู้ว่าเป็นโปสการ์ดของใคร
“ไอ้แจ๊คมันฝากพี่เอามาให้เชียร์”
“แล้วพี่ไม่ให้เชียร์เองหล่ะครับ” ผมถามด้วยความสงสัย เพราะเห็นว่าพี่ยอดกับเชียร์เป็นพี่เลี้ยงน้องเลี้ยงกัน
“ก็เชียร์เค้าไม่ค่อยอยากคุยกับพี่เท่าไหร่ เห็นหนีหน้าพี่ตลอด” พี่ยอดอธิบาย
“แล้วทำไมเป็นอย่างนั้นหล่ะครับ” ผมถามเพราะผมเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ว่าทำไมเชียร์ถึงไม่ค่อยชอบพี่ยอด
“เฮ้อ! เรื่องมันยาวนะ มันเกี่ยวกับเจ้าแจ๊คด้วยแหล่ะ คือ พี่รู้ว่าแจ๊คกับเชียร์เค้าเป็น....” พี่ยอดพูดไม่ถูกว่าพี่แจ๊คกับเชียร์เป็นอะไรกัน
“เค้าเป็นแฟนกันใช่ไหม” ผมตอบแทน พี่ยอดหยักหน้า
“เชียร์เค้าคงอายมั่งที่พี่ไปรู้เรื่องนี้เข้า”
“แล้วมันจะอายทำไม” ผมแอบว่าเพื่อนตัวเอง
“ช่างเถอะ เป็นพี่เลี้ยงน้องเลี้ยงกันต้องมีสักวันที่ต้องคุยกัน อีกอย่างพี่เองก็เป็นแฟนกับพี่สาวของเชียร์ ยังไงก็ต้องคุยกันอยู่ดี”
จู่ๆพี่ยอดก็พูดเรื่องแฟนขึ้นมา ผมก็ไม่ค่อยอยากฟังเรื่องนี้เท่าไหร่ แต่ก็ต้องคุยเรื่องนี้ เพราะเดี๋ยวไม่มีอะไรคุย
“เออ แล้วพี่ยอดกับแฟนเป็นแฟนกันมานานยังครับ” ผมถาม
“ก็สามปีแล้ว ไปรู้จักกันตอนเรียนพิเศษที่โรงเรียนกวดวิชา ตอนนั้นพี่ก็รู้จักแจ๊คด้วย ฝ้ายกับแจ๊คเค้าเป็นญาติกัน โจ้คงรู้จากเชียร์แล้วใช่ไหม” พี่ยอดถาม ผมพยักหน้า
“จะหมดเวลาแล้ว พี่ไปก่อนแล้วกัน เดินไหวแน่นะ”พี่ยอดยิ้มพร้อมเอามือมามาแตะที่ไหล่ผมเบาๆ
“ไหวครับ” ผมตอบ ทั้งที่ในใจอยากจะบอกว่าไม่ไหว พี่เค้าจะได้มาช่วยพยุง
พี่ยอดยิ้มให้อีกครั้ง พร้อมเดินออกจากห้องไป
ผมยิ้มแก้มแทบปริ ไม่นึกว่าจะได้คุยกับพี่ยอดสองต่อสอง
ผมลุกจากเตียงเพื่อจะเอาโปสการ์ดไปให้เชียร์
ตอนนี้เชียร์มันคงยงอยู่ที่ชมรม เพราะยังไม่หมดเวลา
************************************************************************************************

คู่ที่ 2

ผมวิ่งหน้าตั้งไปที่ห้องชมรม เพราะเลยเวลาเข้ากิจกรรมของชมรม
ก็ตอนเที่ยงดันเผลอหลับไป ไอ้โจ้กับไอ้ปอก็ดันไม่ปลุก
ก้าวแรกที่ผมเข้าไปชมรม ทุกคนในชมรมต่างหันมามองผม
เพราะผมเดินเข้าไปในช่วงที่อาจารย์ที่ปรึกษาชมรมกำลังพูดอยู่หน้าห้อง
ผมรีบหาที่นั่งที่ใกล้ที่สุดกับตรงประตูห้อง
พอหาที่นั่งได้ก็พยายามหลบอยู่หลังคนที่นั่งข้างหน้า เพื่อไม่ให้อาจารย์เห็น
ผมนั่งพักเหนื่อยได้สักพัก ก็มีคนมากระซิบข้างหูผม
“ไปไหนมา ทำไมถึงมาสาย” พี่เต๋าจ้องตามาที่ผม
ผมหันหน้าไปมอง และก็นึกในใจว่า ทำไมกูต้องมาเจอะมาเจอกับคนคนนี้ตลอด
“เผลอหลับไปอ่ะ โทดที” พูดเสร็จผมรีบหันหน้ากลับไปฟังอาจารย์พูดต่อ
“วันแรกก็มาสายซะแล้ว ทำโทดดีไหมเนี้ย” พี่เต๋ายังคงพูดกับผม
“จะทำอะไรก็ทำไปเถอะ ก็พี่เป็นประธานชมรมไม่ใช่เหรอ ผมจะขัดขืนได้เหรอ” ผมเองพูดประชดใส่ พร้อมสีหน้าที่บ่งบอกว่าเบื่อผู้ชายคนนี้เต็มทน
“อะไรว่ะ แซวนิดเดียว โกรธเลยเหรอ” พี่เต๋าทำเสียงอ่อยๆ
“ป่าวโกรธ” ผมบอกอย่างนั้น แต่หน้าตาไม่ได้เป็นอย่างที่พูด
“ถ้าพี่ทำอะไรไม่พอใจ พี่ขอโทษแล้วกัน” พี่เต๋าทำหน้าสำนึกผิด
ผมหันหน้ามามองพี่เต๋า เห็นเค้าขอโทษอย่างนี้แล้ว ก็ไม่รู้จะพูดยังไง
ตัวผมเองก็ชอบทำอะไรเอาแต่ใจไม่ค่อยแคร์ความรู้สึกคนอื่น
“ก็บอกไม่ได้โกรธ ไม่ต้องขอโทษเชียร์หรอก” ผมเลยเปลี่ยนมายิ้มให้แทน
พี่เต๋าเห็นผมหายโกรธก็ยิ้มให้ผมพร้อมหันไปฟังอาจารย์พูดต่อ

เมื่อผมทำกิจกรรมของชมรมเรียบร้อยแล้ว ผมก็จะกลับไปที่ห้องเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า เพื่อเล่นกีฬา
ผมเดินมาที่นอกห้อง เห็นโจ้ยืนรออยู่หน้าประตู
พอโจ้เห็นผมก็รีบกวักมือเรียก
“มีอะไร ทำไมต้องมาหาถึงที่นี้” ผมแปลกใจ เพราะเดี๋ยวผมก็ต้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้อง ก็ต้องเจอมันอยู่แล้ว
“กูมีอะไรมาให้มึงด้วย” โจ้ทำท่ามีลับลมคมใน ผมเห็นว่ามันเอามือไขว้ไปข้างหลังเหมือนจะซ่อนอะไรบางอย่าง
“อะไรของมึง เอาของอะไรมาให้กู” ผมขมวดคิ้วสงสัยท่าทีประหลาดๆของมัน
“นี้ไง มีคนเค้าฝากมาให้มึง” โจ้เอามือที่ไขว้ไว้ข้างหลัง โผล่ขึ้นมา พร้อมโปสการ์ดใบหนึ่ง
ผมรีบเอาโปสการ์ดมาดูทันที
โปสการ์ดเป็นรูปแกนแคงย่อน ผมยิ้มทันทีเมื่อรู้ว่า โปสการ์ดใบนี้มาจากอเมริกา
“ใครให้มึงมาว่ะ” ผมถามโจ้
“พี่ยอดไง ก็แฟนแก เขาฝากพี่ยอดมาให้ แล้วทำไมแฟนแกไม่ส่งมาให้แกโดยตรงหล่ะว่ะ” โจ้ถาม
“พี่แจ๊คเค้าคงกลัวพ่อฉัน รู้เรื่องฉันกับเค้ามั้ง” ผมพูดและรีบอ่านข้อความในโปสการ์ด
ผมยังไม่ทันได้อ่านตัวอักษรสักตัว พี่เต๋ามาจากไหนก็ไม่รู้ แย่งโปสการ์ดไปจากผม
“โอ้โฮ! จากอเมริกาเลยเหรอ” พี่เต๋าทำตาโตเมื่อเห็นโปสการ์ดของผม
“ทำไมทำมารยาทอย่างนี้หล่ะ เจ้าของเค้ายังไม่ได้อ่านเลยนะ” ผมโมโห พร้อมตะโกนใส่พี่เต๋า
“คร้าบๆ ขอโทดคร้าบ แหย่เล่นหน่อยเดียว โกรธใหญ่เลย” พี่เต๋าทำท่าเหมือนกลัวผม พร้อมรีบส่งโปสการ์ดคืน
ผมรีบคว้าโปสการ์ดคืนกลับมา และรีบพาโจ้เดินไปที่อื่น
“แม่ง ชอบกวนตีนกูตลอดเลยว่ะ” ผมบ่นพึมพำกับโจ้
“สงสัยเค้าชอบแกมั้ง เห็นแหย่แกตลอดเลย” โจ้แซว
“จะชอบหรือไม่ชอบก็เรื่องของเขา แต่กูไม่ชอบคนแบบนี้” ผมยังคงบ่นต่อไป
สักพักผมก็ตะโกนขึ้นพร้อมร้องโวยวายเสียงดัง พร้อมทำท่าขยุ้มหัว
“ทำไมกูถึงมีแต่เรื่องซวยว่ะเนี้ย”
โจ้ทำท่าตกใจ เมื่อเห็นผมเริ่มบ้าแล้ว “มึงเป็นอะไรของมึง”
“ก็แม่ง ไหนจะเรื่องพี่ยอดที่เป็นพี่เลี้ยงกู เรื่องไอ้พี่เต๋าบ้านี้อีก เซ็งว่ะ” ผมทำหน้ามุ้ย
“แต่แกไม่ซวยไปตลอดหรอก เพราะนี้ไง แฟนแก่ส่งโปสการ์ดมาให้” โจ้ชี้ไปที่โปสการ์ดที่ผมถืออยู่ในมือ
“เออว่ะ ไหนอ่านหน่อยสิ ว่าสุดที่รักเขียนมาว่าอะไร” ผมยิ้มทันทีเมื่อพูดถึงพี่แจ๊ค พร้อมอ่านโปสการ์ดที่อยู่ในมือ
ผมอ่านข้อความในโปสการ์ดจนจบ ผมก็ทำหน้ามุ้ยอีก หันมามองไอ้โจ้
“อะไรอีกหล่ะมึง” โจ้สังเกตเห็นหน้าผม คงรู้แล้วว่าคงมีอะไรผิดปกติ
“ก็ ก็ ก็ พี่แจ๊คบอกว่าช่วงปี สองปีนี้ จะไม่กลับมาเมืองไทย” ผมพูดเสร็จก็รีบโผ่เข้ากอดไอ้โจ้ พร้อมร้องไห้ เสียใจที่จะไม่ได้เจอหน้าแฟนอีกสองปีเต็มๆ
โจ้ก็รีบปลอบผมทันที
“เออ ไม่ได้เจอสองปี ก็ไม่ได้แปลว่า จะไม่ได้เจอไปตลอดสักหน่อย ไม่เป็นไรหรอกน่า มึงก็ติดต่อเค้าตลอดอยู่แล้วนี้หน่า”
โจ้พูดอย่างนี้ผมก็เลยต้องสงบสติอารมณ์ เอามือเช็ดน้ำตา พร้อมพูดกับไอ้โจ้
“เห็นมั้ยมีแต่เรื่องซวยจริงๆด้วย”
************************************************************************************************
 
คู่ที่ 3

ผมหยิบกล่องที่เก็บกีตาร์ เอามาเก็บกีตาร์หลังจากเล่นกีตาร์เสร็จแล้วในช่วงทำกิจกรรมของชมรม
สำหรับในชั่วโมงแรกของการทำกิจกรรมของชมรม
พี่ๆในชมรมให้เครื่องดนตรีแต่ละประเภทแยกกันซ้อมไปก่อน
เนื่องจากช่วงเปิดเทอมใหม่ๆยังไม่มีงานที่จะต้องไปแสดงโชว์ เลยยังไม่ต้องซ้อมทั้งวง
ผมเก็บกีตาร์เสร็จแล้ว กำลังจะเดินออกจากห้องชมรม ก็เห็นบิ๊กมายืนรออยู่หน้าห้อง
ผมเองก็แอบนึกในใจว่าบิ๊กมารอผมหรือเปล่า
เมื่อบิ๊กเห็นผม บิ๊กก็ยิ้มมาให้ผมพร้อมเดินมาหา
“หวัดดี เป็นไงบ้าง ซ้อมหนักป่าว” บิ๊กทักทายผม
ผมส่ายหน้า “วันแรกก็ซ้อมเพลงง่ายๆ ไม่ค่อยหนักหรอก แล้วนายอยู่ชมรมอะไรเหรอ”
ผมถามบิ๊กเพราะไม่รู้ว่าบิ๊กอยู่ชมรมอะไร
“เราอยู่ชมรมคอรัส ห้องชมรมอยู่ฝั่งตรงข้ามนี้เอง”บิ๊กพูด
ผมเองก็อยากจะถามว่าบิ๊กมาห้องชมรมของผมทำไม
แต่ผมเห็นสายตาของบิ๊ก มองมายังใครคนหนึ่งซึ่งอยู่ข้างหลังของผม
ผมหันไปมองตามสายตาของบิ๊ก
มาสเตอร์เบิร์ด กำลังเล่นเปียโนอยู่ในห้องชมรมของผม
ที่แท้มาสเตอร์เบิร์ดก็อยู่ในชมรมเดียวกับผม
ที่บิ๊กมาที่ห้องชมรมก็มาหามาสเตอร์เบิร์ดนั่นเอง
ผมรู้ความจริงอย่างนั้น ก็เลยลาบิ๊กแล้วเดินออกจากห้องไป
“เราไปก่อนนะ” ผมพูดสั้นๆแค่นั้น แล้วก็เดินออกไป
บิ๊กคงไม่สังเกตเห็นหรอกว่า หน้าผมเศร้าขนาดไหน

ผมเดินหลบไปออกประตูด้านหลัง ก่อนที่ผมจะเปิดประตูเดินออกไปนั้น
เสียงเปียโนก็ดังขึ้น พร้อมเสียงร้องของคนๆหนึ่ง ที่ทำให้ผมต้องหยุดอยู่ตรงนั้น
เสียงร้องนั้นเป็นเสียงของบิ๊ก ผมไม่นึกกว่าบิ๊กจะร้องเพลงได้เพราะขนาดนี้
ผมไม่รู้ว่าเพลงบิ๊กร้องเป็นเพลงอะไร น่าจะเป็นเพลงภาษาอังกฤษเก่าๆหน่อย
ผมเดินย้อนกลับมาที่ห้อง แต่หลบอยู่หลังเสา ยืนฟังบิ๊กร้องเพลงจนจบเพลง
บิ๊กร้องเสร็จ ก็หันมายิ้มกับมาสเตอร์เบิร์ด
“เป็นไงบ้างบิ๊กร้องโอเคแล้วนะ” บิ๊กถามความเห็นมาสเตอร์เบิร์ด
“ก็ดีขึ้นนะ พี่ว่าตอนจบท้ายประโยคแต่ละท่อนลากเสียงให้ยาวกว่านี้หน่อย เพราะตามโน้ตแล้วต้องลากสียงไปให้ครบจังหวะ”
มาสเตอร์เบิร์ดแนะนำเทคนิคการร้องกับบิ๊ก
ผมมองดูสองคนนั้นพูดกันก็รู้แล้วว่า สนิทกันแค่ไหน
“คืนนี้จะไปหาอีกป่าว” มาสเตอร์เบิร์ดถามบิ๊ก
“อยากให้ไปมั้ยหล่ะ”บิ๊กเริ่มใช้มือมาโอบที่ไหล่มาสเตอร์เบิร์ด
“พี่อยากให้ไปทุกวันเลย เจ้าหนูของพี่มันจะได้สงบๆสักที”
“คิดว่าบิ๊กไปแล้ว มันจะสงบหรือไง”
“ตอนนี้เจ้าหนูของพี่มันเริ่มอาละวาดแล้วอ่ะ” มาสเตอร์เบิร์ดเริ่มเล่ห์ตามาทางบิ๊ก
“อะไร ร้องเพลงแค่นี้อารมณ์ขึ้นเลยเหรอ” บิ๊กหัวเราะ
“แค่เห็นบิ๊กพี่ก็ของขึ้นแล้ว” มาสเตอร์เบิร์ดดึงตัวบิ๊กเข้ามาใกล้ๆ
ผมเริ่มทนฟังการสนทนาของสองคนนี้ไม่ไหว ทำไมผมต้องมาฟังเรื่องแบบนี้ด้วยเล่า
ผมเลยจะเดินออกจากห้องไป ปล่อยให้สองคนนั้นทำอะไรตามใจพวกเขาแล้วกัน
แต่พอจะเปิดประตูเท้าผมดันไปเตะกับกล่องขยะ ทำให้เกิดเสียงดังไปทั่วห้อง
“ใครนะ” มาสเตอร์เบิร์ดตะโกนถาม
ตอนนั้นผมทำอะไรไม่ถูก กลัวๆก็กลัว พยายามจะหาที่ซ้อน แต่ไม่ทันซะแล้ว
บิ๊กกับมาสเตอร์เบิร์ดมายืนอยู่ข้างหลังผมแล้ว
“นายอยู่ที่นี้ตั้งแต่เมื่อไหร่” เสียงมาสเตอร์เบิร์ดเริ่มดุ ตอนนั้นผมกลัวมากๆ
“ผมลืมของเลยมาเข้ามาเอาเมื่อตะกี้” ผมโกหก
“ทำไมฉันไม่เห็นเสียงประตู แล้วนายลืมอะไรไว้เหรอ” มาสเตอร์เบิร์ดเริ่มจับผิด
“เออ คือ” ผมไม่รู้จะหาเหตุผลอะไรมาอ้างอีก
“ปอ นายลืมนี้ไว้ใช่มั้ย” บิ๊กพูดขัดขึ้นมา พร้อมชูปิ๊กกีตาร์ขึ้นมา แล้วก็กระพริบตาเป็นสัญญาณให้ผมเออออไปตามเรื่องที่บิ๊กอ้างขึ้นมา
“ชะ ชะ ใช่” ผมพยักหน้าพร้อมรีบรับปิ๊กจากบิ๊ก
“หมดธุระแล้วก็ไปซิ ใกล้เวลาเล่นกีฬาไม่ใช่เหรอ”มาสเตอร์เบิร์ดทำเสียงดูไล่ผม
ผมก็รีบออกจากห้องไปทันที
แต่ผมก็ได้ยินสียงของมาสเตอร์เบิร์ดที่พูดกับบิ๊กว่า
“พี่ไม่เชื่อที่เค้าพูดหรอก พี่ว่าเค้าต้องได้ยินที่เราพูดแน่”

----- จบตอนที่5 -----
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 31-01-2008 23:16:58
แต่ละคน  :serius2: ทำไมมันเศร้าอย่างนี้  :sad2:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 31-01-2008 23:34:35
ทำไมชีวิจวัยรุ่นของสามคนนี้ มีแต่เรื่องเศร้าๆล่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 01-02-2008 00:34:21
ชีวิตฝันแปร โชกโชน หุหุ
 :mc2: :mc2: :mc2: :mc2:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 01-02-2008 11:15:36
ขอบพระคุณมากๆครับ o13
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 01-02-2008 18:14:34
3 หนุ่ม 3 มุม อิอิ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: jojoe ที่ 01-02-2008 20:34:54
ตอนที่ 6 เดินเล่น...ไปกับเธอ

คู่ที่ 1

หลังจากทานอาหารเย็นเสร็จแล้ว ตามตารางเวลา หอพักจะให้เราพักประมาณสี่สิบห้านาที ก่อนที่จะเข้าห้องStudy เพื่อทำการบ้านหรืออ่านหนังสือ

ผมตั้งใจจะออกไปเดินเล่นบริเวณทะเลสาบที่ติดกับทางเดินตรงประตูทางเข้าด้านหน้าของโรงเรียน ในช่วงเวลาหัวค่ำอย่างนี้ แถวนั้นลมจะเย็นมากๆ เหมาะกับการผักผ่อนเป็นที่สุด

ผมเก็บจานข้าวเรียนร้อยแล้ว ก็ว่าจะชวนเชียร์และปอไปเดินเล่นด้วยกัน แต่ดันหาเจ้าสองตัวนี้ไม่เจอ
ช่วงที่เก็บจานข้าวหลังจากการกินอาหารเย็นเป็นช่วงที่วุ่นวายมากๆ(ที่จริงก็วุ่นวายทุกมื้อ) เพราะทุกคนอยากจะรีบเก็บจานข้าวให้เสร็จๆจะได้ไปทำอะไรตามใจชอบ ตอนแรกก็เดินมากับพวกมันอยู่ดีดี(กินข้าวอยู่โต๊ะเดียวกัน) เพราะหันหลังไปเก็บจานข้าวแป๊บเดียว หายไปไหนกันแล้วก็ไม่รู้ สุดท้ายผมเลยต้องออกมาเดินเล่นคนเดียว

บรรยากาศในช่วงหัวค่ำตรงบริเวณทะเลสาบนี้ช่างดีจริง ผมนั่งมองทะเลสาบคิดเรื่อยเปื่อยไปเรื่อยๆ ตั้งแต่ได้เข้ามาเรียนที่นี้ก็ผ่านไปครึ่งเทอมแล้ว การสอบกลางภาคก็กำลังจะใกล้มาถึงในไม่ช้านี้ ผมมีความสุขกับการใช้ชีวิตอยู่ที่นี้มากๆ เพราะมีเพื่อนที่ดี และ มีคนรอบข้างที่คอยช่วยเหลือผมเสมอ

ในขณะที่ผมกำลังนั่งคิดไปเรื่อยเปื่อยอยู่นั่น ก็มีคนๆหนึ่งมานั่งข้างๆผม
ผมหันไปมองว่าเป็นใคร พี่ยอดหันมายิ้มให้ผม
“ขอนั่งด้วยคนได้ไหม” พี่ยอดถาม ผมยิ้มตอบ
“ได้ครับ พี่ยอดมาเดินเล่นเหรอครับ” ผมถาม
“ใช่ พี่ชอบมาเดินเล่นแถวนี้แหล่ะ” พูดเสร็จพี่ยอดก็หันไปมองทะเลสาบ
ผมนั่งนิ่งอยู่นาน เพราะไม่รู้ว่าจะพูดอะไรกับพี่ยอด เพราะตอนนั้นกำลังควบคุมสติไม่ให้แสดงอาการเขินอายออกมา
“แล้วโจ้เป็นไงบ้าง อยู่ที่นี้มาเกือบสามเดือนแล้ว” พี่ยอดเริ่มชวนคุย
“ก็ ก็ ก็ไม่มีอะไรครับ มีความสุขดี” ผมตอบ พร้อมยิ้มแสดงอาการว่ามีความสุขจริงๆ รวมถึงตอนนี้ด้วยก็มีความสุขมากๆ ที่ได้มานั่งอยู่ใกล้ๆกับพี่ยอด
“แล้วเชียร์หล่ะ เป็นไงบ้าง ที่เรื่องแจ๊คมันจะไม่กลับมาเมืองไทยนะ” พี่ยอดถามถึงเชียร์ในฐานะน้องเลี้ยง
“ก็ ก็ ก็เศร้าๆอะครับ เห็นบอกชอบบ่นว่ามาเรียนที่นี้มีแต่เรื่องซวย” ผมตอบออกไป
“แล้วทำไมเวลาพูดถึงต้องพูด ก็ ก็ ก็ด้วยหล่ะ” พี่ยอดถามถึงการพูดของผม
“ก็ ก็ ก็ไม่รู้ครับ มันก็พูดอย่างนี้ทุกที” ไอ้คำว่า ก็ มันติดปากผมมาตั้งนานแล้ว เวลาเจอเรื่องตื่นเต้น
“พี่เคยได้ยินมาว่า เวลาคนพูดคำว่าก็ คือ คนที่ไม่ค่อยมีความมั่นใจในตัวเอง หรือคนที่กำลังตื่นเต้น” พี่ยอดพูดพร้อมมาจ้องตาผมเหมือนจะจับผิดอะไรบางอย่าง
ผมนิ่งอยู่ชั่วขณะหนึ่ง เพราะสายตาของพี่ยอดที่มองมาที่ผม ก่อนที่ผมจะหลบสายตา เพราะผมเริ่มเก็บอาการเขินอายไม่ไหวแล้ว
“อ้าว มานั่งทำอะไรกันนะ” เสียงพี่ซุ่ยทักผม กับ พี่ยอด
“ก็นั่งคุยกันเรื่อยเปื่อยนะ” พี่ยอดตอบ พร้อมลุกขึ้นไปคุยกับพี่ซุ่ย
“เออ พี่ตามหาโจ้ตั้งนาน ว่าจะชวนไปเดินเล่นหน่อย” พี่ซุ่ยพูดพร้อมขยับแว่น
“มีเรื่องอะไรเหรอครับ” ผมถามพี่ซุ่ยพร้อมลุกขึ้นยืน
“ก็ เดี๋ยวเอาไปคุยด้วยกันดีกว่า” พี่ซุ่ยทำท่าเหมือนไม่อยากบอกตอนนี้ พร้อมหันหน้าไปมองพี่ยอด
พี่ยอดเหมือนรู้ตัวว่าต้องทำอะไร เลยรีบบอกกับผมว่า
“งั้นพี่ไปก่อนนะ ให้พี่เลี้ยง น้องเลี้ยง เค้าคุยกัน” พี่ยอดพูดเสร็จ พร้อมโบกมือบายๆผม
ผมยิ้มตอบ รู้สึกดีใจมากๆที่ผมกับพี่ยอดได้คุยกันมากขึ้น

พี่ซุ่ยพาผมมาเดินตรงถนนด้านหลังโบสถ์ของโรงเรียน
“พี่ซุ่ยมีเรื่องอะไรจะคุยกับผมเหรอครับ” ผมถาม
“ก็ไม่มีอะไรหรอก แค่อยากถามสารทุกข์สุกดิบแค่นั้น”
“อ๋อครับ ก็มีความสุขดี”ผมตอบ
“เหรอ แล้วอะไรที่ทำให้มีความสุขหล่ะ” พี่ซุ่ยยังถามอีก
“ก็ เพื่อนๆ พี่ๆที่ใจดี แล้วก็บรรยากาศดีๆของที่นี้ครับ” ผมตอบ พร้อมรู้สึกแปลกๆที่พี่ซุ่ยถามอย่างนี้
“แค่นั้นเหรอ” พี่ซุ่ยหันมาจ้องตาผม
ผมเริ่มขมวดคิ้ว แปลกใจกับท่าทีของพี่ซุ่ย “แค่นั้นครับ”
“อืม แล้วสอบเลขกลางภาคเมื่อไหร่หล่ะ” พี่ซุ่ยเปลี่ยนเรื่อง
“อาทิตย์หน้าแล้วครับ” ผมตอบพร้อมเดินแตะก้อนหินเล็กที่อยู่ข้างหน้า
“ให้พี่ช่วยติวเลขให้ไหม” พี่ซุ่ยถาม
ผมพอรู้ว่าพี่ซุ่ยเก่งเลขมากๆ เพราะเคยเป็นประธานชมรมเลขตอนม.5 อีกทั้งยังสอบเลขได้เต็มเกือบทุกครั้ง
แต่ผมเองก็พอจะรู้เรื่องเลขอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องมีใครมาติวให้(เป็นผมต่างหากที่ต้องติวให้คนอื่นเช่น เชียร์)
แต่เป็นโอกาสที่ดีที่จะได้ติวกับคนอัจฉริยะเช่นพี่ซุ่ย เผื่อจะได้เก่งเหมือนพี่ซุ่ย ผมเลยตัดสินใจ ให้พี่ซุ่ยช่วยติวให้
“ครับ พี่ซุ่ยช่วยติวเลขให้ผมก็แล้วกันครับ” ผมตอบพร้อมยิ้มให้พี่ซุ่ย
พี่ซุ่ยยิ้มดีใจ
“งั้น คืนนี้มาหาพี่ที่ห้องแล้วกัน” พี่ซุ่ยเริ่มนัดแนะ
“ครับ ได้ครับ” ผมตอบ
“ที่ห้องพี่เก็บขนมไว้เยอะเลย อยากกินอะไรก็บอกนะ” พี่ซุ่ยบอกผม ที่จริงทางหอพักห้ามนักเรียนแอบเก็บขนมไว้ในห้อง เพราะกลัวเรื่องความสะอาด แต่ก็มีคนแอบเก็บขนมไว้อยู่ดี ส่วนมากจะเป็นพวกม.6
ผมได้ยินเรื่องขนมก็อยากไปห้องพี่ซุ่ยเหมือนกัน เพราะผมชอบกินขนมมากๆ
ผมกับพี่ซุ่ยเดินคุยไปเรื่อยๆ เดินกับไปตามทางที่กลับไปที่หอ
ระหว่างที่คุยนั้น ผมรู้สึกว่าพี่ซุ่ยเริ่มโอบไหล่ผม ผมก็เองก็รู้สึกแปลกๆอยู่เหมือนกันเพราะตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีใครมาโอบไหล่ผมเลย
ผมนึกในใจว่า พี่ซุ่ยคงอยากจะแสดงความสนิทสนมกับผม ผมเลยไม่ได้ว่าอะไร เลยให้พี่ซุ่ยโอบไหล่ไปอย่างนั้น จนถึงหอพัก

ก่อนที่ผมจะแยกกับพี่ซุ่ยไปห้องStudyของแต่ละคน และได้ให้ลูกกุญแจห้องของพี่ซุ่ยกับผม
พร้อมพูดว่า “พอทำการบ้านเสร็จแล้วไปหาพีที่ห้องเลยนะ”
************************************************************************************************

คู่ที่ 2

หลังจากทานอาหารเย็น ผมก็รีบเดินไปเก็บจานข้าว พลางนึกว่า จะไปทำอะไรดีในช่วงพัก ก่อนที่จะเข้าห้องStudy
เลยกะจะถามโจ้กับปอ แต่พอหันไปหาพวกมัน ก็หายไปไหนกันแล้วก็ไม่รู้

กลายเป็นว่าต้องออกมาเดินเล่นคนเดียว ผมยืนอยู่หน้าหอนึกไม่ออกว่าจะทำอะไรดี
เลยจำใจเดินไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีจุดหมาย
ผมเดินมาถึงสวนเพาะปลูกของชมรมอนุรักษ์ ซึ่งอยู่ด้านหลังของหอ ใกล้กับทางเดินไปโรงเรียน
ผมเห็นว่ามีไฟเปิดอยู่ เลยจะเดินเข้าไปดูว่าที่นี้มีอะไรบ้าง
ที่สวนเพาะปลูกของชมรมอนุรักษ์ มีต้นไม้หลายชนิด ส่วนมากจะเป็นพวกต้นกล้าของต้นชนิดที่เป็นพันธุ์ไม้ใหญ่ รวมถึงต้นไม้ดอกมากมาย ที่จัดว่างอย่างสวยงาม และยังมีพันธุ์ไม้เลื้อยที่แขวนอยู่กับต้นไม้ต้นใหญ่ที่อยู่กลางสวน

ผมเดินดูต้นไม้ไปเรื่อยๆ จู่ๆไฟที่เปิดอยู่นั้นก็ดับ
ผมเผลอกรี๊ดออกมาตามสันชาติญาณ ตอนนี้ผมคล้ายคนตาบอด เพราะมองไม่เห็นอะไรเลย
ผมเลยใช้มือเริ่มคลำทางไปเรื่อยๆเพื่อหาทางออก ตัวของผมเริ่มสั่นเพราะความกลัว
ไม่ได้กลัวเพราะมันมืดหรอก แต่กลัวเจอผีมากกว่า
มือของผมคลำไปทั่ว จนไปเจอะกับสิ่งๆหนึ่ง รู้สึกว่าสิ่งที่ผมคลำคล้ายมือของคน
ผมตัวสั่นเริ่มนึกภาพถึงหนังสยองขวัญที่เคยดู พลางนึกในใจว่า อย่าให้สิ่งที่ผมคลำเป็นสิ่งที่ผมคิดอยู่เลย
ผมคลำสิ่งนั้น ไปเรื่อย จากรู้สึกว่าเป็นมือของคนกลายเป็นแขน ไหล่ หน้าอก และ ใบหน้าของคน
ยังไม่ทันที่ผมจะนึกว่าไอ้ที่ผมคลำมันเป็นสิ่งมีชีวิต หรือตอนนี้ไม่มีชีวิตแล้ว
มือนั้นเริ่มขยับพร้อมกระชากตัวผม ผมกรี๊ดเสียงหลงทันที
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”
มีมือปริศนามาปิดปากผมเอาไว้ พร้อมเสียงกระซิบที่ดังข้างหูของผม
“กรี๊ดทำไม พี่เองโว้ย”
ผมหยุดทันทีพอรู้ว่าเสียงนั้นเป็นเสียงใคร

ไฟในสวนถูกเปิดอีกครั้งหนึ่ง ผมหันไปมองสิ่งที่ผมเพิ่งคลำเมื่อกี้
พี่เต๋ากำลังยิ้มแฉ่งอยู่ พร้อมกับผมอยู่ในอ้อมกอดของเขา
ผมรีบผลักพี่เต๋าออกไปทันที พี่เต๋ากระเดนล้มตัวหงายหลังไปกองกับพื้น
“เล่นบ้าอะไร” ผมตะโกนด่าออกไป
“ไม่ได้เล่นบ้าอะไรซะหน่อย ก็พี่มามารดน้ำต้นไม้ของพี่อยู่ดีดี พอเสร็จพี่ก็ปิดไฟจะกลับหอ ก็ได้ยินเสียงคนกรี๊ด เลยจะมาดูว่าเป็นใคร พอดีมาเจอเชียร์เอามือมาคลำอะไรของพี่ก็ไม่รู้” พี่เต๋าเริ่มทำเสียงแซว
“พูดดีดี เมื่อกี้คลำแค่มือกับแขนโว้ย ก็ไม่คิดว่าจะมีคนในนี้นี่หว่า” ผมพูดกระแทก
“ถ้าคลำโดนของพี่ต้องรับผิดชอบนะ” พี่เต๋าแซวทำเสียงทะเล้น
“ไม่คลำให้เสียมือหรอก เออที่บอกว่ามารดต้นไม้ รดทั้งหมดนี้เลยเหรอ” ผมถามเพราะเห็นว่าสวนใหญ่มากๆ ไม่น่าจะรดคนเดียวได้หมด
“อืม ใช่ ก็ต้องรดทั้งหมด แล้วก็ต้องรดทุกวันด้วย” พี่เต๋าตอบพร้อมหันไปทั่วสวน
“แบ่งเวรกันมารดเหรอ” ผมยังคงถามพี่เต๋า
“เปล่า พี่รดคนเดียวอย่างนี้ทุกวัน มาปีกว่าๆแล้ว”พี่เต๋าพูดเสร็จ ผมรีบหันไปมองทันที
“อ้าว ทำไมอ่ะ ตัวเองเป็นประธานไม่ใช่เหรอ ไม่ให้คนอื่นมารดให้เล่า” ผมแย้ง
“ช่วงพักอย่างนี้ใครๆก็อยากมีเวลาส่วนตัว ไม่มีใครอยากมาทำงานนี้กันหรอก พี่เองเป็นประธานก็เลยมารับหน้าที่นี้ อีกอย่างพี่ก็เต็มใจอยู่แล้ว เพราะพี่คิดว่างานนี้คือเวลาส่วนตัวของพี่” พี่เต๋าตอบอย่างภูมิใจ พร้อมเอามือไปแตะที่ต้นไม้ใหญ่กลางห้อง
“คนดีจริงๆ” ผมแซวบ้าง
“ถึงไม่ได้ชมอย่างจริงใจ ก็ขอบคุณที่ชมแล้วกันครับ” พี่เต๋าหันมาพูดกับผม
ผมขี้เกียจจะเถียงต่อ เลยกะจะเดินกลับไปที่หอ
ผมดันไปเห็นต้นกระบองเล็กๆ เพชรวางอยู่ที่ชั้นวางต้นไม้ตรงประตูทางออก เลยหยิบขึ้นมาดู
“ชอบเหรอ”พี่เต๋าเห็นผมดูต้นกระบองเพชรนั้นเลยถาม
“ก็น่ารักดี” ผมตอบแต่ยังคงมองดูต้นไม้นั้น
“เพิ่งไปซื้อจากจตุจักรมา ถ้าชอบก็เอาไปดิ” พี่เต๋าบอกผม
“เอาได้เหรอ ไม่มีใครว่าเหรอ” ผมถามเพื่อความแน่ใจ
“ได้สิ พี่เป็นประธานชมรมนะเว้ย ใครจะกล้าว่า”
“ขอบคุณนะคร้าบ” ผมยิ้มขอบคุณ
“จะหมดเวลาพักแล้ว กลับหอเถอะ” พี่เต๋าพูดเสร็จพร้อมปิดไฟ
“เฮ้ย จะรีบปิดไฟทำไม มองไม่เห็นทางออก” ผมโวยวาย เพราะตอนนี้ห้องทั้งห้องมืดไปหมด
พี่เต๋าคว้ามือของผมไปจับ พร้อมพูดว่า “เดินตามพี่มาสิ เดี๋ยวพาออกไปเอง”
ผมเริ่มรู้สึกแปลกๆ แต่ก็ไม่ได้ปล่อยมือ เดินตามพี่เต๋าไป

ผมกับพี่เต๋าเดินถึงพอพัก พี่เต๋าก็หันมาพูดกับผม
“ถึงหอแล้วผมไปแล้วนะ” ผมพูดกับพี่เต๋า
“เดี๋ยวก่อน ปล่อยมือพี่ได้แล้วครับ”พี่เต๋าบอก ผมตกใจลืมไปว่ายังจับมือพี่เค้าอยู่ เลยรีบปล่อยไปทันที เวรกรรมดันจับมือพี่เค้าตั้งแต่ในสวนจนถึงหน้าหอเลยเหรอเนี้ย
“งั้นผมไปแล้วนะ” ผมพูดพร้อมหันหลังจะเดินจากไป
“เดี๋ยวก่อน” พี่เต๋ายังคงเรียกผมอีก
“อะไรอีกหล่ะ” ผมหันไปมองหน้าพี่เต๋าที่ยืนยิ้มอยู่
“ดูแลต้นกระบองเพชรดีดีนะ”
************************************************************************************************

คู่ที่ 3

หลังจากเก็บจานช่วงอาหารเย็นเสร็จแล้ว ผมกำลังจะเดินไปหาโจ้กับเชียร์ เพื่อถามว่า จะไปทำอะไรกันต่อในช่วงพัก
แต่พวกนั้นดันหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ ผมเลยต้องเดินเล่นคนเดียว

ผมขึ้นไปหยิบกีตาร์มาจากห้อง กะจะเอาไปเล่นแถวทะเลสาบ ผมชอบที่ที่นั้นมากๆ
เพราะเป็นที่ที่สงบที่สุดในโรงเรียนแห่งนี้

เมื่อผมไปถึงผมก็เล่นกีตาร์ไปเรื่อยๆ ผมได้ยินเสียงเหมือนคนทะเลาะกัน แต่ผมได้ยินไม่ค่อยถนัด
ผมเลยไม่สนใจ เล่นกีตาร์ต่อไป คราวนี้เสียงเริ่มดังขึ้นอีก ผมเองก็เริ่มรำคาญ ลุกขึ้นจะเดินไปนั่งที่อื่น
พอผมหันหลังไป ผมเห็นบิ๊กเดินมาจากหลังต้นไม้ที่อยู่ไม่ไกลจากผมไปเท่าไร
บิ๊กเองเห็นผมก็ตกใจ ผมตกใจมากกว่า ไม่ได้ตกใจที่เจอบิ๊กหรอกแต่ตกใจที่เห็นบิ๊กกำลังร้องไห้
บิ๊กเดินมาหาผม แล้วรีบกอดผมทันที พร้อมน้ำตาไหลเอ่อ
“เป็นอะไรบิ๊ก เกิดอะไรขึ้น” ผมถาม บิ๊กไม่ตอบ ได้แต่ร้องไห้
ผมไม่ได้ถามอีกเพราะรู้ว่าตอนนี้บิ๊กคงไม่มีกะใจจะพูดอะไร
ผมได้แต่ปล่อยให้บิ๊กร้องไห้
ผมค่อยเอื้อมมือไปกอดบิ๊กเหมือนกัน พร้อมตบที่หลังเบาๆ พร้อมบอกว่า “ไม่เป็นไรนะ มีอะไรก็บอกเราได้ เผื่อเราจะช่วยได้บ้าง” ผมพูดอย่างจริงใจ ผมเองก็รู้สึกไม่ดีเช่นกันที่เห็นบิ๊กร้องไห้
บิ๊กเริ่มสงบ แต่ยังคงร้องไห้อยู่
บิ๊กปล่อยมือที่กอดผมอยู่ และเอามือนั้นมาเช็ดน้ำตาแทน
“คือ เรา ทะเลาะกับมาสเตอร์เบิร์ด” บิ๊กเริ่มเล่าเรื่อง
ผมพอจะรู้แล้วว่าเสียงที่ทะเลาะกันเมื่อกี้เป็นของใคร
“มาสเตอร์เบิร์ด เค้า เค้า....” บิ๊กเริ่มร้องไห้อีก
ผมไม่รู้จะทำอะไร เลยคว้ามือไปจับมือของบิ๊ก เพื่อเป็นการให้กำลังใจ
บิ๊กพยายามรวบรวมคำพูดอีกครั้งหนึ่ง
“มาสเตอร์เบิร์ด เค้าคิดว่าเรานอกใจเค้า”
ผมงง ผมเห็นบิ๊กออกจะรักเค้าจะตาย
“ทำไมเค้าถึงคิดอย่างนั้น” ผมถาม
“เค้า คิดว่า ว่า ว่า” บิ๊กอ่ำอึ้ง เหมือนไม่อยากพูด
“ไม่ต้องบอกเราก็ได้ ถ้ามันเป็นเรื่องที่เราไม่ควรรู้” ผมเองก็ไม่ได้จะบังคับให้บิ๊กเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังหรอก แม้ผมจะอยากรู้มากเพียงใดก็ตาม
“นายต้องรู้สิ” บิ๊กหยุดร้องไห้
ผมหันไปจ้องตาบิ๊ก “ทำไมเหรอ”
“ก็เค้าคิดว่า เราแอบนอกใจเค้า ไปคบกับนายน่ะสิ”
ผมอึ้งไปพักหนึ่ง ไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นสาเหตุทำให้บิ๊กร้องไห้
“ทำไมเค้าถึงคิดอย่างนั้นหล่ะ” ผมถามบิ๊ก
“นายจำเรื่องวันที่เรากับมาสเตอร์เบิร์ดเห็นนายในห้องชมรมดนตรีได้ไหม” บิ๊กถามผม ผมพยักหน้า
ผมจำเรื่องนั้นได้ดี เพราะวันนั้นทำให้ผมเริ่มถูกมาสเตอร์เบิร์ดจับตาผมเป็นพิเศษ
“ก็เค้าเห็นท่าทีของเรากับนายแปลกๆนะสิ” บิ๊กอธิบายให้ฟัง แม้เรื่องในวันนั้นจะเป็นจริงอย่างที่เค้าคิด
แต่ผมเองกับบิ๊กก็ไม่เคยทำอะไรเลยเถิด เพราะบิ๊กไม่ได้คิดกับผมอย่างนั้น
“วันนั้นนายเค้าไปในห้องทำไม” บิ๊กถามผม
ผมเองไม่รู้ว่าจะตอบตามความจริงหรือจะต้องโกหกอีกครั้งดี
“เรา ได้ยินเสียงนายร้องเพลง นายร้องเพลงเพราะมาก เราเลยยืนฟังอยู่ที่นั้น” ผมตอบตามความจริง
บิ๊กเงียบไม่ตอบอะไร ผมเองไม่ชอบบรรยากาศเครียดๆแบบนี้ เลยถามบิ๊กถึงปื๊กที่บิ๊กให้ผมในวันนั้น
“แล้วปิ๊กที่นายให้เราในวันนั้น เราเอามาคืน” ผมหยิบปิ๊กกีตารยื่นให้บิ๊ก
“ไม่ต้องหรอก เราตั้งใจจะให้นายอยู่แล้ว” บิ๊กพูดแต่ไม่ได้หันหน้ามามองผม
“ให้เราทำไม” ผมถามเพราะอยากรู้จุดประสงค์ของบิ๊ก
“ก็เห็นนายชอบเล่นกีตาร์เลยให้นายไง” บิ๊กเริ่มขว้างก้อนหินไปที่ทะเลสาบ
ผมยิ้มดีใจกับของขวัญจากบิ๊ก “ขอบใจนะ”
บิ๊กยังคงเงียบอยู่ แต่แล้วบิ๊กก็หันมาพูดกับผม
แต่ท่าทีของบิ๊กเปลี่ยนไป ดูเป็นคนละคนจากที่ร้องไห้เมื่อกี้
“นายพอจะช่วยเราได้ไหม” บิ๊กถามผม
“ได้อยู่แล้ว บอกมาสิ”ผมยิ้มตอบ
“เราไม่รู้หรอกนะว่าที่นายกับเราเจอกันบ่อยๆ มันเป็นเหตุบังเอิญ หรือ เป็นความจงใจ โดยเฉพาะเรื่องที่ห้องชมรมในวันนั้น”
ผมเริ่มรู้สึกแปลกกับคำพูดของบิ๊ก
บิ๊กเริ่มร้องไห้อีก “เราไม่อยากทะเลาะกับมาสเตอร์เบิร์ดอีก ขอร้องหล่ะ นายช่วยอยู่ห่างๆจากเราหน่อยได้ไหม”
บิ๊กพูดเสร็จก็วิ่งกลับไปที่หอ
ช่วงเวลาที่บิ๊กเดินสวนผมนั้น ผมรู้สึกเหมือนมีใครเอาไม้หน้าสามมาฟาดที่หัวของผม
ผมทำอะไรไม่ถูก ความหวังดีของผม กลายเป็นสิ่งที่มาทำร้ายตัวของผมเอง

ผมเดินมาถึงหอ ผมแทบจะไม่มีแรงเดิน ผมกำลังจะเดินเข้าไปในห้องStudy
แต่แล้วก็มีคนเอามือมาขวางผมไว้
ผมหันไปมอง เป็นมาสเตอร์เบิร์ดที่มายืนขวางผมไว้ พร้อมพูดด้วยเสียงดุ
“พอทำการบ้านเสร็จแล้ว ไปหามาสเตอร์ที่ห้องมาสเตอร์นะ อรรถพล”

-----จบตอนที่6-----
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: jojoe ที่ 01-02-2008 20:39:45
ประวัติตัวละครหลักในThree Couple of Love: Season 2: Back to School: part 1

ชื่อเล่น: โจ้
ชื่อ: ธนากร
ชั้น: ม.4
สายวิชา: ศิลป์ – คำนวณ
ชมรม: พลังจิต
ส่วยสูง: 163
น้ำหนัก: 58
พี่เลี้ยง: พี่ซุ่ย
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ, ร้องเพลง
ของที่ชอบ: ขนม, ไอติม, ของหวาน
ของที่เกลียด: น้ำพริก และ ของเผ็ด
สิ่งที่ไม่อยากพบอยากเจอ: พวกหื่นบ้ากาม
วิชาที่ชอบ: คณิตศาสตร์
วิชาที่ไม่ถนัด: ภาษาอังกฤษ
ความสามารถพิเศษ: ร้องเพลง, คิดเลขเร็ว
สิ่งที่อยากจะเป็น: อยากทำงานที่ช่วยเหลือสังคม และ ผู้ด้อยโอกาส
ประวัติย่อ: หนุ่มน้อยแสนเรียบร้อย จากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เป็นคนที่มีจิตใจดีและชอบช่วยเหลือผู้อื่น เรียนเก่ง ใสแว่น เวลาตื่นเต้นจะพูดติดอ่าง ซุ่มซ่าม ทำตัวเปิ่น แอบชอบ ยอด พี่เลี้ยงของเชียร์
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ชื่อเล่น: เชียร์
ชื่อ: วิรุฬพล
ชั้น: ม.4
สายวิชา: ศิลป์ - คำนวณ
ชมรม: อนุรักษ์
ส่วยสูง: 165
น้ำหนัก: 55
พี่เลี้ยง: พี่ยอด
งานอดิเรก: ดูทีวี (รายการที่เกี่ยวกับแฟชั่น)
ของที่ชอบ: เสื้อผ้าที่ตัวเองใส่แล้วดูดี รวมถึงเครื่องแต่งกายทุกอย่าง
ของที่เกลียด: ผักที่กินแล้วเหม็นเขียว
สิ่งที่ไม่อยากพบอยากเจอ: ผี, วิญญาณ
วิชาที่ชอบ: ภาษาอังกฤษ
วิชาที่ไม่ถนัด: คณิตศาสตร์
ความสามารถพิเศษ: โปรยเสน่ห์ให้กับคนที่ไม่รู้จัก
สิ่งที่อยากจะเป็น: บุคคลที่มีชื่อเสียง
ประวัติย่อ: หนุ่มน้อยลูกคุณหนูหน้าตาดี แต่ก่อนเคยอ้วนและหน้าตาน่าเกลียด เป็นคนเอาแต่ใจ ชอบเอาชนะคนอื่น มีแฟนชื่อแจ๊คกำลังเรียนอยู่ที่อเมริกา
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ชื่อเล่น: ปอ
ชื่อ: อรรถพล
ชั้น: ม.4
สายวิชา: ศิลป์ - คำนวณ
ชมรม: ดนตรีสากล
ส่วยสูง: 160
น้ำหนัก: 58
พี่เลี้ยง: พี่เบ็นซ์
งานอดิเรก: เล่นกีตาร์
ของที่ชอบ: สิ่งของต่างๆที่เป็นรูปกีตาร์
ของที่เกลียด: ไม่มี
สิ่งที่ไม่อยากพบอยากเจอ: เวลาพ่อแม่ทะเลาะกัน
วิชาที่ชอบ:  คณิตศาสตร์
วิชาที่ไม่ถนัด: ศิลปะ
ความสามารถพิเศษ: เล่นกีตาร์
สิ่งที่อยากจะเป็น: นักดนตรีอาชีพ
ประวัติย่อ: หนุ่มน้อยเงียบขรึม ผู้รักการเล่นกีตาร์เป็นชีวิตจิตใจ ชอบเก็บตัว แอบชอบบิ๊ก ซึ่งเป็นเพื่อนต่างห้อง
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ชื่อเล่น: บิ๊ก
ชื่อ: วสันต์
ชั้น: ม.4
สายวิชา: ศิลป์ – คำนวณ
ชมรม: คอรัส
ส่วยสูง: 163
น้ำหนัก: 56
พี่เลี้ยง: พี่เต๋า
งานอดิเรก: ร้องเพลง, ว่ายน้ำ, ฟุตบอล
ของที่ชอบ: ขนมกรอบๆ, เบียร์
ของที่เกลียด: อาหารทะเล
สิ่งที่ไม่อยากพบอยากเจอ: ฝ่ายปกครอง
วิชาที่ชอบ: พลศึกษา
วิชาที่ไม่ถนัด: คณิตศาสตร์, วิทยาศาสตร์
ความสามารถพิเศษ: ร้องเพลง
สิ่งที่อยากจะเป็น: นักแข่งรถ
ประวัติย่อ: หนุ่มน้อยน่าตาดี สนิทกับปอเพราะปอแอบรู้เรื่องที่เขาไปมีความสัมพันธ์กับมาสเตอร์เบิร์ดซึ่งเป็นผู้คุมหอพัก เป็นคนใจร้อน ชอบต่อยตีกับคนอื่น เป็นน้องชายของยอด
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ชื่อเล่น: ยอด
ชื่อ: ปิยะ
ชั้น: ม.6
สายวิชา: ศิลป์ - คำนวณ
ชมรม: บาสเกตบอล
ส่วยสูง: 175
น้ำหนัก: 62
น้องเลี้ยง: เชียร์
งานอดิเรก: บาสเกตบอล, ดูหนัง
ของที่ชอบ: อาหารญี่ปุ่น
ของที่เกลียด: กระเทียม
สิ่งที่ไม่อยากพบอยากเจอ: พวกบ้าดารา
วิชาที่ชอบ: สังคม, พลศึกษา
วิชาที่ไม่ถนัด: วิทยาศาสตร์
ความสามารถพิเศษ: ชู้ตบาสลงห่วงได้ทุกที่ในสนาม
สิ่งที่อยากจะเป็น: นักบาสทีมชาติ
ประวัติย่อ: หนุ่มสุดหล่อประจำโรงเรียน อดีตประธานชมรมบาสเกตบอล เป็นคนใจดี สุขุม บุคลิกดี มีแฟนชื่อผ้ายซึ่งเป็นญาติของเชียร์
และเป็นเพื่อนสนิทของแจ๊คแฟนของเชียร์ด้วย และเป็นพี่ชายของบิ๊ก
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ชื่อเล่น: ซุ่ย
ชื่อ: วินัย
ชั้น: ม.6
สายวิชา: ศิลป์ - คำนวณ
ชมรม: คณิตศาสตร์
ส่วยสูง: 170
น้ำหนัก: 68
น้องเลี้ยง: โจ้
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ, ฟุตบอล, บาสเกตบอล, เล่นฟิตเนส
ของที่ชอบ: แฮมเบอเกอร์ กับ เฟรนซ์ฟราย
ของที่เกลียด: ทุเรียน
สิ่งที่ไม่อยากพบอยากเจอ: โจทย์คณิตที่ตัวเองทำไม่ได้
วิชาที่ชอบ: คณิตศาสตร์, วิทยาศาสตร์, พลศึกษา
วิชาที่ไม่ถนัด: ศิลปะ
ความสามารถพิเศษ: คิดเลขเร็ว
สิ่งที่อยากจะเป็น: อาจารย์สอนวิชาคณิตศาสตร์
ประวัติย่อ: หนุ่มตี๋สุดหล่อล้ำบึก อดีตประธานชมรมคณิตศาสตร์ เป็นคนใจเย็นมีเหตุผล ชอบเล่นฟิตเนส รักและห่วงโจ้มากๆ เพราะชอบที่โจ้เป็นเด็กเรียบร้อย และ ชอบวิชาเลขเหมือนกับตน
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ชื่อเล่น: เต๋า
ชื่อ: สมภพ
ชั้น: ม.5
สายวิชา: ศิลป์ - ภาษา
ชมรม: อนุรักษ์
ส่วยสูง: 168
น้ำหนัก: 57
น้องเลี้ยง: บิ๊ก
งานอดิเรก: ปลูกต้นไม้, ฟุตบอล
ของที่ชอบ: ขนมไทยโบราณ
ของที่เกลียด: ไม่มี
สิ่งที่ไม่อยากพบอยากเจอ: ป่าแถวบ้านตัวเองกลายเป็นภูเขาหัวโล้น
วิชาที่ชอบ: ประวัติศาสตร์
วิชาที่ไม่ถนัด: คณิตศาสตร์
ความสามารถพิเศษ: รู้จักชื่อต้นไม้ทุกพันธุ์
สิ่งที่อยากจะเป็น: นักพฤกษาศาสตร์
ประวัติย่อ: หนุ่มต่างจังหวัด ลูกชายเจ้าของไร่และสวนผลไม้ที่ใหญ่ที่สุดของจังหวัด เป็นคนขี้เล่น และชอบแกล้งเชียร์ เป็นคนรักต้นไม้และชอบปลูกต้นไม้มาก เป็นประธานชมรมอนุรักษ์
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

แม้เรื่องราวจะเกิดในตอนชีวิต ม.ปลาย แต่เนื้อเรื่องสำหรับภาคสองจะเข้มข้นมากกว่าภาคแรก อย่าเพิ่งตกใจที่ชีวิตของสามหนุ่มมีเรื่องน่าตกใจมากมายเกินเด็กม.ปลายจะเจอ
ผมอยากจะบอกว่าเรื่องบางส่วนก็เกิดขึ้นกับชีวิตจริงของผมและเพื่อนๆ แม้มันดูเหมือนนิยาย แต่มันก็เกิดขึ้นจริงๆ
ติดตามชีวิตของผมและเพื่อนๆที่ดัดแปลงมาเป็นนิยายเรื่องนี้ต่อไปนะครับ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 01-02-2008 21:06:23
ชุนมุนวุ่นวาย ชีวิตม.ปลาย  :m13:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 02-02-2008 00:30:32
รักชีวิตตอนม.ปลายที่สุดเหมือนกัน คิดถึ้งงงงงงงงงงงงง ชีวิตตอนนั้นมาก

เรียนชายล้วนด้วย ยิ่งอ่านเรื่องนี้ยิ่งคิดถึง
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: meawkung02 ที่ 02-02-2008 20:46:57
ขอบคุณคับ ที่เขียนเรื่อง ทั้ง 3 ให้ได้อ่านกันนะคับ สนุกมากเลยคับ ทั้ง ภาค 1 และ ภาค 2 เลยค้าบบ...^^


จะติดตามไปตลอดเลยค้าบบบ...รีบมาต่อไวๆนะค้าบบบ...^^


 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: myLoveIsYOu ที่ 02-02-2008 20:53:35
ชีวิตแต่ละคน ช่างน่าค้นหาซะจริง ๆ :m4:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 02-02-2008 21:37:23
คู่แรก พี่ซุ่ยนี่แค่พี่น้องจิงป่าวน๊า...กะพี่ยอดนี่คงอกหักแหง๋มมม น่าจะเป็นพี่ซุ่ยเนอะ

คู่สอง นายเต๋ามาแรงงงงง เริ่มมีปัญหากะพี่แจ็คแล้วละสิเนาะ แต่ไม่น่าห่วงงงเท่าไร

คู่สุดท้าย ยอดชายนายปอฉานนนน รันทดตลอดดดด มีศัตรูหัวใจเป็นมาสเตอร์ด้วย

เจ้มจ้น ๆๆๆๆ  :m1:   
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 03-02-2008 12:09:21
ชีวิตหลายรูปแบบ  :m4: :m4:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: jojoe ที่ 03-02-2008 21:01:34
ตอนที่ 7 กุญแจห้อง ต้นกระบองเพชร และ ปิ๊กกีตาร์

คู่ที่ 1

ผมมองกุญแจห้องของพี่ซุ่ย ที่วางอยู่บนโต๊ะหนังสือของผม
ผมสองจิตสองใจว่าจะไปหาพี่ซุ่ยดีไหม
แต่ไม่ไปก็คงไม่ได้ เพราะพี่ซุ่ยให้กุญแจห้องมาซะขนาดนี้
แถมยังอยากกินขนมด้วย(อันนี้ประเด็นสำคัญ เห็นแก่กินจริงๆกู)
ผมเลยหยิบหนังสือวิชาเลขออกจากห้องนอนไป

ช่วงเวลาที่ผมเดินออกจากห้อง เชียร์ก็เดินเข้ามาพอดี
“อ้าว! มึงจะไปไหน ไม่ไปดูโปรเจคเตอร์เหรอ” เชียร์ถาม
ด้วยที่วันนี้เป็นวันศุกร์ ปกติทางหอจะฉายหนังด้วยโปรเจคเตอร์ให้นักเรียนดูทุกวันศุกร์และเสาร์หลังเวลาStudy ที่ห้องประชุมของหอพัก
“ไม่อ่ะ กูจะไปติวหนังสือกับพี่ซุ่ย” ผมตอบ
“เฮ้ย ไปติวกันที่ห้องสองต่อสองเนี้ยนะ” เชียร์ทำหน้าสงสัย
“เออ ทำไม” ผมสวน
“มันแปลกๆน้า ไปติวกันสองต่อสองที่ห้องด้วย พี่เลี้ยงน้องเลี้ยงคู่นี้ ยังไงกันนี้” เชียร์แซว
“มึงจะไปไหนก็ไปเลยไป เดี๋ยวไปดูหนังไม่ทันหรอก” ผมไล่ไอ้เชียร์
“เออ กูไปดูหนังกับไอ้ปอก็ได้ แล้วไอ้ปอไปไหนว่ะ กูยังไม่เห็นมันเลย” เชียร์พูด พร้อมหันไปทาครีมที่หน้ากระจก
“กูไม่เห็นมันเหมือนกัน พอเลิกStudy มันก็รีบออกจากห้องไปไหนก็ไม่รู้ กูไปก่อนแล้วนะ เดี๋ยวพี่ซุ่ยรอ” ผมรีบออกจากห้อง
ไม่วายจะมีเสียงของเชียร์ของแซวตามหลัง
“โอ้โฮ้! รีบเชียวนะมึง คืนนี้จะกลับมาหรือเปล่าจ๊ะ” เสียงเชียร์ดังไปทั่วตึก
“กลับดิว่ะ ไอ้เหี้ย” ผมให้พรไอเชียร์ไปทีหนึ่ง แล้วก็รีบออกจากตึกไป

ผมเดินมายืนอยู่ที่หน้าห้องของพี่ซุ่ย มือของผมถือกุญแจกำลังจะไขห้องของพี่ซุ่ย
ผมเองไม่เข้าใจว่าพี่ซุ่ยจะให้กุญแจผมทำไม ผมมาเคาะที่ห้องก็ได้
หรือพี่ซุ่ยคงไม่อยากให้ใครรู้ว่าผมมาหาพี่ซุ่ยที่ห้อง แล้วทำไมถึงเป็นอย่างนั้น ผมเองเริ่มสงสัยท่าทีของพี่ซุ่ย
ตั้งแต่ตอนเดินเล่นด้วยกันตอนหลังอาหารเย็นแล้ว
ในที่สุดผมก็เลยตัดสินใจ จะกลับห้องไปดูหนังกับเชียร์
พอผมกำลังหันหลังจะเดินกลับ
ผมได้ยินเสียงคนเปิดประตูห้องออกมา ด้วยความตกใจ และ รู้สึกกลัวที่คนจะเห็นผม
ผมเลยไขกุญแจห้องเข้าไปในห้องพี่ซุ่ย

ผมเปิดประตูเข้าไปในห้องของพี่ซุ่ย ผมมองเข้าไปในห้องนั้น
ทุกอย่างในห้องไม่ต่างจากห้องของผมเท่าไหร่
แต่ของดูรกกว่าเพราะเพื่อนของพี่ซุ่ยเป็นนักกีฬาฟุตบอลของโรงเรียน
ตอนนี้ไม่มีใครอยู่ในห้อง ผมไม่รู้จะทำอะไรเลยไปนั่งรอที่เตียงนอนเตียงหนึ่ง พลางมองไปรอบห้องว่าเตียงของพี่ซุ่ยอยู่ไหน
สักพักประตูห้องก็เปิด พร้อพี่ซุ่ยที่เดินยิ้มมาแต่ไกล
พี่ซุ่ยใส้เสื้อกล้ามสีขาว และกางเกงบอกเซอร์ลายสก็อต และไม่ใส่แว่น
ผมนั่งอึ้ง ในความหล่อ(บวกกับเซ็กซี่) ทั้งกล้าม ทั้งความขาว
พี่ซุ่ยตอนไม่ใส่แว่น ดูดีกว่าตอนใส่แว่นซะอีก
พี่ซุ่ยเดินเข้ามานั่งใกล้ๆผม ผมเองก็เขินๆทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ยิ้มกลับไป
“เออ เตียงพี่ซุ่ยอยู่เตียงไหนเหรอครับ” ผมถามแก้เขิน
“อยู่ห้องตรงข้าม ถามทำไม อยากนอนเตียงพี่เหรอไง” พี่ซุ่ยพูดพร้อมเอื้อมมาแตะที่ต้นขอของผม
พอต้นขาของผมรู้สึกถึงมือของพี่ซุ่ย ใจของผมเต้นดังจนทำอะไรไม่ถูก
พี่ซุ่ยบอกว่าห้องของพี่ซุ่ยอยู่ห้องตรงข้าม แปลว่าห้องนี้ไม่ใช่ห้องของพี่เค้า
แล้วมันเป็นห้องใครว่ะ
“อ้าว นี้ไม่ใช่ห้องของพี่เหรอครับ” ผมทำเสียงตกใจ
“อืมม ห้องนี้เป็นห้องของเพื่อนพี่ที่เป็นนักฟุตบอล ตอนนี้พวกมันไปเก็บตัวที่ต่างจังหวัดช่วงศุกร์ เสาร์ อาทิตย์นี้”
พี่ซุ่ยอธิบาย หมายความว่า ห้องที่ผมนั่งอยู่นี้ จะไม่มีใครอยู่ในช่วงสุดสัปดาห์นี้
“แล้วทำไมเราไม่ไปติวที่ห้องของพี่ซุ่ยหล่ะครับ” ผมถาม
“ก็ห้องพี่มีคนอยู่เต็มห้องเลย พี่กลัวว่าจะติวให้โจ้ไม่รู้เรื่อง เลยมาใช้ห้องนี้ อีกอย่างจะทำอะไรได้สะดวกด้วย”
ไอ้ประโยคหลังพี่ซุ่ยพูดด้วยเสียงแหบๆ พร้อมทำท่าหรี่ตา จนผมตัวสั่นเริ่มเดาออกว่าพี่ซุ่ยจะทำอะไร
“และ และ และ แล้วเราจะทำอะไรกันเหรอครับ” ผมตื่นเต้นจนพูดไม่ออก
“ก็ ก็ เราจะ เราจะ” พี่ซุ่ยพูดพร้อมเอนตัวมาทางผม ผมเองก็เอนตัวถอยห่างพี่ซุ่ยจนผมเกือบจะหงายหลังลงบนเตียง
พี่ซุ่ยก็คว้าบางอย่างมาจากด้านหลังของผม
“เราจะกินขนมกันไงจ๊ะ” พี่ซุ่ยชูถุงขนมขึ้น แต่ผมหงายหลังลงบนเตียงไปแล้ว พร้อมถอนหายใจโล่งอกยังไงก็ไม่รู้
ผมทรงตัวลุกขึ้นนั่ง พร้อมบอกกับพี่ซุ่ย “ครับ ผมว่าก่อนกินขนม มาติวเลขก่อนดีกว่า”
************************************************************************************************

คู่ที่ 2

ผมนั่งรอปอจนเกือบครึ่งชั่วโมง ปอก็ยังไม่โผล่มา
นี้ก็ใกล้เวลาที่โปรเจคเตอร์จะฉายหนังอยู่แล้ว ไอ้ปอมันไปไหนว่ะ
ผมรอไม่ไหว เลยจะไปดูโปรเจคเตอร์
พอผมจะปิดไฟที่ห้อง ตาของผมก็เหลือบไปมอง ต้นกระบองเพชรที่พี่เต๋าเพิ่งให้มา
ตั้งแต่ได้รู้จักพี่เต๋ามา ก็เพิ่งจะได้คุยกันดีดีก็วันนี้แหล่ะ ที่ผ่านมาก็กัดกันตลอด
ความจริงแล้วพี่เต๋าเองก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่ อาจจะกวนๆบ้าง แต่ก็เป็นคนนิสัยดีคนหนึ่ง

ผมเดินมาถึงห้องประชุมซึ่งตอนนี้ก็จะถึงเวลาใกล้ฉายหนังแล้ว
ผมวางรองเท้าแตะไว้ที่ชั้นวางรองเท้าที่ตั้งอยู่ด้านข้างห้องใกล้ๆกับประตูทางเข้า
มีคนๆหนึ่งก็วางรองเท้าแตะพร้อมกับผมพอดี
ผมหันไปมอง แต่แล้วผมก็รีบหันกลับ เพราะคนนั้นคือพี่ยอด พี่เลี้ยงของผมเอง
ผมรีบเดินจะเข้าห้อง แต่แล้วพี่ยอดก็เรียกผม “เดี๋ยวก่อน เชียร์ จะหนีหน้าพี่ไปไหนอีก”
ผมยืนนิ่งค่อยๆหันไปหาพี่ยอด “ปะปะป่าวหนี เชียร์อายเฉยๆ” ผมยืนก้มหน้า
พี่ยอดเดินเข้ามาใกล้ๆ “อายอะไร เรื่องวันนั้นเหรอ”
ผมพยักหน้า พี่ยอดนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นมาว่า “มันเป็นเรื่องบังเอิญ เราทั้งสองคนก็ไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิดขึ้นไม่ใช่เหรอ”
ผมยังคงก้มหน้า พี่ยอดพูดต่อไป “พี่อยากคุยกับเชียร์ ไหนๆเราก็ต้องเป็นพี่เลี้ยงน้องเลี้ยงกัน อีกอย่าง พี่เป็นเพื่อนของแจ๊ค เราก็ต้องรู้จักกันไม่ใช่เหรอ”
พี่ยอดเห็นผมก้มหน้า เลยเดินเข้ามา จับคางผมเงยหน้าขึ้น “อย่าหนีหน้าพี่แบบนี้อีกรู้ไหม มีอะไรอยากให้พี่ช่วยก็บอก ไอ้แจ๊คอุตส่าห์ฝากฝังพี่ไว้ ให้ดูแลเชียร์ รู้หรือเปล่า” ผมได้ยินพี่ยอดพูดอย่างนี้เลยค่อยโล่งอก พี่ยอดปล่อยมือที่จับคางผม เปลี่ยนมาลูบหัวแทน
“ไปดูหนังเถอะ หวังว่าคราวหน้า เราคงได้คุยกันซะทีนะ” พี่ยอดพูดพร้อมยิ้มให้ผม
ผมรู้สึกได้ที่ความอบอุ่นของผู้ชายคนนี้ ไม่แปลกที่พี่ฝ้ายที่เป็นญาติของผม และเป็นแฟนของพี่ยอด ถึงรักนักรักหนากับผู้ชายคนนี้

ผมเดินเข้ามาให้ห้องประชุมที่ตอนนี้กลายเป็นโรงหนังสำหรับเด็กหออย่างพวกผม
ห้องทั้งห้องมืด มีเพียงแสงจากโปรเจกเตอร์ที่กำลังเริ่มฉายหนัง
ผมมานั่งอยู่แถวๆริมกำแพงห้อง นั่งมองดูจอที่อยู่ด้านหน้าห้องประชุม
แม้หนังจะเริ่มฉายแล้ว ก็ยังมีคนเข้ามาในห้องเรื่อยๆ
ที่นั่งข้างๆผมก็มีคนมานั่ง แต่ผมไม่ได้สนใจอะไร นั่งดูหนังไปเรื่อยๆ
“นั่งด้วยได้ไหมครับ”คนที่มานั่งข้างผมกระซิบที่หูผม เสียงคุ้นๆอีกแล้ว
ผมหันไปมอง แม้ห้องจะมืดเพียงไร แต่ผมก็พอมองออกว่าเป็นพี่เต๋า
“นั่งไปซิ ไม่มีใครนั่งหรอก” ผมตอบพร้อมหันหน้าดูหนังเหมือนเดิม
“แหม นึกว่าพี่รูปหล่อเมื่อกี้ที่ลูบคางลูบหัวอยู่หน้าห้องจะมานั่งด้วย สวีทกันไม่อายคนอื่นกันเลยนะ” พี่เต๋าเริ่มแซว ไอ้พี่รูปหล่อที่พี่เต๋าพูดถึงคงหมายถึงพี่ยอด สงสัยคงเห็นผมกับพี่ยอดพูดกันเมื่อกี้แน่
“บ้าแล้ว พี่เลี้ยงเชียร์เอง” ผมหันไปแก้ตัว
“พี่เลี้ยงเหรอ แล้วชอบมั้ยหล่ะ มีพี่เลี้ยงหล่อๆด้วย” พี่เต๋ายังไม่ยอมเลิกแซว
“พี่ยอดเค้ามีแฟนแล้วเว้ย เชียร์เองก็มีแฟนแล้ว” ผมเริ่มเสียงดัง
“อ๋อ คนที่สงโปสการ์ดมาจากอเมริกานั่นใช่ป่ะ” พี่เต๋าเขยิบตัวมาใกล้ผม พร้อมกระซิบที่ข้างหู
“เออ ดูหนังเถอะ ไม่ต้องมาชวนคุยเลย” ผมหันไปดุ พี่เต๋าเลยเงียบไปได้สักที

หนังฉายไปกลางเรื่อง ผมเองก็เริ่มเบื่อๆหนัง แถมแอร์ในห้องประชุมที่เย็นฉ่ำ ก็เริ่มทำให้ผมเผลอหลับไป
ผมรู้สึกตัวอีกทีก็มีคนมาเขย่าตัวผม ผมลืมตาขึ้นมา ก็ต้องสะดุ้งตกในเมื่อเห็นตัวเองนอนอยู่บนตักของพี่เต๋า ผมรีบลุกทันที
“หนังยังไม่ทันถึงครึ่งเรื่องหลับซะแล้ว น้ำลายไหลหกใส่กางเกงพี่หรือป่าวเนี้ย” พี่เต๋าทำท่าก้มมองกางเกงตัวเอง
ผมทำหน้าบึ้งใส่พี่เต๋า พร้อมเดินจะออกจากห้องไป
พี่เต๋ายังแซวมาตามหลัง “ตอนนอนนะกรนเบาๆด้วยนะ อายคนอื่นเขา”
ที่ผมคิดว่าพี่เต๋านิสัยดี คงต้องเปลี่ยนความคิดซะแล้ว
************************************************************************************************

คู่ที่ 3

หลังจากเลิกStudy ผมก็รีบออกมาจากห้องทันที แล้วเดินตรงมาที่ห้องมาสเตอร์เบิร์ดทันที
ผมเองก็พอจะรู้ว่ามาสเตอร์เบิร์ดคงเรียกผมไปพูดเรื่องของบิ๊ก ผมเองก็ทำใจไว้แล้วกับเรื่องนี้
ยังไงผมกับบิ๊กคงเป็นอะไรได้ไม่มากไปกว่าคำว่าเพื่อน ไม่ใช่สิ แค่คนรู้จักเท่านั้น เพราะบิ๊กไม่ได้อยากให้ผมเป็นเพื่อนด้วยซ้ำ

ผมเปิดประตูเข้ามาให้ห้องของมาสเตอร์เบิร์ด
พวกมาสเตอร์ที่คุมหอ จะได้ห้องนอนคนละห้อง
ห้องของมาสเตอร์เบิร์ดเรียบร้อยดี ทุกอย่างถูกจัดอย่างเป็นระเบียบ
มีรูปของมาสเตอร์เบิร์ดตั้งแต่สมัยยังเป็นนักเรียน จนช่วงที่เรียนมหาลัย แขวนอยู่ตามเพดานห้อง
ที่โต๊ะข้างๆเตียงนอนของมาสเตอร์เบิร์ด มีคีย์บอร์ดวางอยู่
ผมเลยจำภาพที่มาสเตอร์เบิร์ดเล่นเปียโนให้บิ๊กร้อง ที่ห้องชมรมดนตรี
ทำให้ผมได้รู้ว่ามาสเตอร์เบิร์ดเป็นคนที่เล่นดนตรีเก่งมาก
ไม่ว่าจะเป็นเปียโน คีย์บอร์ด และอิเล็กโทน ผมเคยเห็นมาสเตอร์เบิร์ดเล่นอิเล็กโทนในโบสถ์ของโรงเรียน วันที่ต้อนรับนักเรียนใหม่

เสียงประตูห้องน้ำในห้องของมาสเตอร์เบิร์ดเปิดออก ทำให้ผมสะดุ้งตกใจ
มาสเตอร์เบิร์ดที่นุ่งผ้าขนหนูผืนเดียว หันมายิ้มให้ผม
“อ้าวมาแล้วเหรอ อรรถพล” มาสเตอร์เบิร์ดทักผม
ผมทำอะไรไม่ถูกได้แต่ยืนตัวแข็งอยู่หน้าคีย์บอร์ด
“รอแป๊บนึงนะ” มาสเตอร์เบิร์ดพูดกับผม พร้อมเดินมาทางผม
ผมมองดูมาสเตอร์เบิร์ดที่ตอนนี้กำลังเปลือยท่อนบนอยู่และร่างของมาสเตอร์เบิร์ดก็เต็มไปด้วยหยดน้ำ
มาสเตอร์เบิร์ดเป็นคนที่ผิวดีมากๆ นอกจากจะผิวขาวแล้ว หุ่นยังดีอีกด้วย
ผมมองมาสเตอร์เบิร์ดที่เอื้อมตัวไปหยิบผ้าขนหนูอีกผืนที่ผึ่งไว้บนหัวเตียง
เมื่อได้ผ้าขนหนูแล้วมาสเตอรเบิร์ดก็เช็ดตัวที่เต็มไปด้วยหยดน้ำ
มาสเตอร์จะเอื้อมไปเช็ดที่หลัง แต่ไม่ถนัด เลยหันมาหาผม
“อรรถพล ช่วยเช็ดหลังให้มาสเตอร์หน่อยสิ”
ผมเดินไปหามาสเตอร์ พร้อมหยิบผ้าขนหนูจากมือของมาสเตอร์เบิร์ดที่ยื่นให้ผม
ผมค่อยๆเช็ดหลังของมาสเตอร์เบิร์ด มือผมสั้นเพราะความตื่นเต้น
ผมเช็ดไปได้สักพักจู่ๆมาสเตอร์เบิร์ดก็หันหน้ามาหาผม
“อรรถพล ชื่อเล่นนายอะไร” มาสเตอร์เบิร์ดถามผม
“ปอครับ” ผมตอบ มือของผมยังถือผ้าเช็ดตัวอยู่
“อืมม ปอ มาสเตอร์รู้นะ ว่าเธอคงรู้ว่ามาสเตอร์กับบิ๊กมีอะไรกัน” มาสเตอร์เบิร์ดพูดกับผม
“ปะ ปะ ป่าวผมไม่รู้” ผมโกหกออกไปเพราะความกลัว
มาสเตอร์เบิรด์จับตัวผม พร้อมตะโกนใส่หน้า “อย่าโกหกเลย มาสเตอร์เห็นท่าทีของนายก็รู้แล้ว”
ผมเองก็อึ้งทำอะไรไม่ถูก ได้แต่จ้องมองหน้าของมาสเตอร์เบิร์ด
ผมเลยเป็นฝ่ายถามมาสเตอร์เบิร์ด “มาสเตอร์รักบิ๊กใช่ไหมครับ”
มาสเตอร์เบิร์ดปล่อยตัวผม พร้อมพูดเสียงเบาๆ “ใช่”
สักพักมาสเตอร์เบิร์ดก็เงยหน้ามามองที่ผม “แล้วนายหล่ะ นายเองก็รับบิ๊กใช่ไหม”
ผมเองได้ยินคำถามนั้น ก็ก้มหน้าคิดอยู่ว่าควรจะตอบอย่างไร
“ปะ ปะ ป่าวครับ ผมไม่ได้ชอบบิ๊ก” ผมหลบสายตามาสเตอร์บิ๊ก
“จริงเหรอ” มาสเตอร์เบิร์ดพยายามจับผิดผม
“จริงครับ” ผมตอบด้วยเสียงสั้น ทั้งที่ใจไม่อยากตอบอย่างนั้น
“ไหนนายพิสูจน์สิว่านายพูดอย่างนั้นจริง” มาสเตอร์เบิร์ดพูดกับผม พร้อมเดินมาใกล้ผม
ผมเงยหน้ามองมาสเตอร์เบิร์ด ที่ยืนอยู่ตรงหน้าผม

ผมสบตามาสเตอร์เบิร์ด มาสเตอร์เบิร์ดค่อยๆก้มตัวลงมาจูบผม
ผมรับจูบนั้น ไม่ได้หลบหรือขัดขืนอะไร เพราะผมอยากพิสูจน์ให้เห็นว่า ผมไม่ได้ชอบบิ๊ก

ผมตื่นมากลางดึก รู้สึกว่าตัวเองอยู่ใต้ผ้าห่ม พร้อมมีใครบางคนมากอดผมไว้
ผมหันไปมองชายคนนั้น มาสเตอร์เบิร์ดกำลังหลับอยู่ และหันหน้ามาทางผม
ผมเริ่มนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาเมื่อไม่กี่ชั่วโมงมานี้
ผมไม่รู้ว่าตัวเองทำเรื่องแบบนั้นไปได้อย่างไร
เพราะผมอยากไม่อยากให้มาสเตอร์เบิร์ดรู้ความรู้สึกที่แท้จริงของผมที่มีต่อบื๊ก
หรือเพราะความต้องการของผมกันแน่
มันจะเป็นอะไรก็ช่าง ผมต้องรีบออกจากห้องนี้ก่อนที่เพื่อนของผมจะตื่น
ไม่งั้นต้องเป็นเรื่องแน่ ขี้เกียจจะต้องโกหกไอ้เชียร์กับโจ้ ผมยิ่งโกหกไม่เก่งซะด้วย
ผมค่อยๆเขยิบตัวจะลุกออกจากเตียง แต่ผมถูกมาสเตอร์เบิร์ดกอดไว้อยู่
ผมเลยจะยกแขนมาสเตอร์เบิร์ดขึ้น ปรากฏว่ามาสเตอร์เบิร์ดรู้สึกตัว
“จะไปไหน ปอ” มาสเตอร์เบิร์ดทำเสียงงัวเงีย
“กะ กลับห้องครับ” ผมตอบ
“เดี๋ยวค่อยกลับตอนใกล้ๆเช้าก็ได้นี้ ขอมาสเตอร์กอดก่อนนะ” มาสเตอร์เบิร์ดก็คว้าต้วผมไปกอด
พร้อมหอมแก้มผมทีหนึ่ง แปลกที่ผมเกิดรู้สึกอบอุ่นกับการจูบของมาสเตอร์เบิร์ด
คงเพราะผมไม่เคยโดนผู้ชายจูบมั้ง
มาสเตอร์เบิร์ดกอดผมแน่น คงกลัวผมจะกลับห้องแน่
ผมเลยต้องนอนกับมาสเตอร์เบิร์ด พร้อมหันไปกอดมาสเตอร์เบิร์ดที่กำลังจะหลับ
ผมเริ่มสับสนตัวเองอีกครั้ง ผมอาจจะเริ่มรู้สึกชอบ มาสเตอร์เบิร์ดแล้วก็ได้

-----จบตอนที่ 7-----
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 03-02-2008 22:16:57
ปอ  :m30: ไหงกลายเป็นแบบนี้ล่ะ  :m29:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 03-02-2008 23:20:18

มาสเตอร์เบิร์ดต้องมีแผนอะไรแน่ๆ เลยอ่ะ  :m16:

หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: myLoveIsYOu ที่ 03-02-2008 23:21:07
อ่านแล้วไม่เคลียร์ ปอเสร็จ มาสเตอร์เบิร์ดไปแล้วเหรอเนี่ย  :m21: :m29:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 03-02-2008 23:32:52
มาสเตอร์ทำตัวแบบนี้ ถ้าจับได้นี้ไล่ออกสถานเดียวเลยน่ะ

แต่ตอนนี้ ชอบเต๋าอ่ะ กวนๆดี อิอิ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 04-02-2008 11:42:57
มาสเตอร์ :m16:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: jojoe ที่ 04-02-2008 14:09:32
ตอนที่ 8 เรื่องคืนนั้น...ฉันจะคิดว่าฉันฝันไป

คู่ที่ 1

เวลาประมาณตีสี่ของวันเสาร์ ทุกคนในหอคงจะยังหลับสนิทกันอยู่
ยกเว้นผมที่แอบเดินจากตึกไมเคิลที่อยู่ข้างกับตึกของผม
ผมพยายามรีบเดินแล้วจะรีบเข้าห้องของตัวเอง โดยไม่อยากให้ใครเห็น
โดยเฉพาะเพื่อนตัวดีของผมสองคนนั้น
เมื่อถึงหน้าห้อง ผมพักเหนื่อยกับการกึ่งวิ่งกึ่งเดินมาเกือบกิโล
พอหายเหนื่อยก็ค่อยๆเปิดประตูให้เบาที่สุด เพราะกลัวเชียร์ กับ ปอ จะตื่น
ผมแปลกใจที่พอมองไปที่เตียงของปอ ว่างเปล่า
และพอหันกับมามองเตียงของตัวเอง ก็ต้องตกใจเมื่อเห็นเชียร์ที่นั่งอยู่บอเตียงมันข้างเตียงผม
“เฮ้ยยยยย ทำไมมึงตื่นเร็วจัง” ผมอุทานออกมา พร้อมทำหน้าตกใจสุดขีด
เชียร์จ้องหน้ามองมาที่ผม “ไหนบอกว่าจะกลับ เล่นกลับมาซะเกือบเช้า มันต้องมีอะไรแน่ๆ มึงต้องเล่ามาให้หมดน่ะ ไอ้โจ้”
เชียร์พูดเสร็จก็วิ่งมาที่ผมพร้อมลากผมไปนั่งที่เตียง
“ไหนไหน เล่ามาดิว่าเป้งไง ของพี่ซุ่ยใหญ่ไหม มึงทำอาไรให้เขาบ้าง ครั้งแรกของมึงใช่ไหม เจ็บไหมว่ะ......” เชียร์ถามผมออกมาเป็นชุด ผมไม่รู้จะตอบยังไง ผมเลยเอามือไปปิดปากของเชียร์ไว้
“มึงฟังกูพูดก่อน กูไม่ได้มีอะไรกับพี่ซุ่ยเลย เข้าใจไหม”ผมพูดอย่างนี้ ทำให้เชียร์หยุดพูดทันที แต่แล้วก็เริ่มพูดอีก
“มีโอกาสขนาดนี้มึงยังไม่ทำอะไรอีกเหรอว่ะ เป็นกูน่ะ กูจะทำให้ถึงเช้าเลย” เชียร์ทำหน้าผิดหวัง
“ไอ้บ้ากูไม่ได้อยากมีอะไรกับพี่ซุ่ยซะหน่อย กูแค่จะไปติวเลข กูมีอะไรกับคนที่กูไม่ได้รัก ไม่ได้หรอกว่ะ” ผมพูดกับเชียร์เพื่อเป็นการยืนยันในความบริสุทธิ์ของตัวเองอีกครั้ง
“เออๆ กูก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย แต่พวกมึงอย่าปล่อยกูให้อยู่คนเดียวอีกน่ะ กูกลัว” เชียร์เขยิบเข้ามาจับที่แขนผม พร้อมทำหน้าว่ามันกลัวจริงๆ
“อย่าบอกน่ะว่ามึงกลัวจนไม่ได้นอน” ผมถาม เชียร์ส่ายหน้าทันที
“บ้า กูก็ไม่ได้กลัวขนาดนั้น แต่ที่ตื่นขึ้นมาเนี้ย เพราะกูฝัน แบบ ฝันแปลกๆอ่ะ” เชียร์ทำท่าเขินๆกับเรื่องความฝันของมัน
“ฝันอะไรของมึงว่ะ”
“คือ...กูฝันว่า...” เชียร์กำลังจะอ้าปากพูด
ประตูห้องก็เปิดขึ้น พร้อมปอที่เดินเข้ามาในห้อง
ปอท่าทางตกใจมาก ที่เห็นผมกับเชียร์
“อะ อะ อ้าว พวกมึงตื่นกันแล้วเหรอ” ปอพูดตะกุกตะกักเหมือนตกใจ
“เออ แล้วมึงหล่ะไปไหนมาทั้งคืน”เชียร์ทำเสียงดุ
“เออ คือ กู กู”ปอเริ่มหน้าซีด ผมกับเชียร์เริ่มสงสัยท่าทางพิรุธของปอ
“กูไปช่วยมาสเตอร์เบิร์ดตัวรายงานมาไง รายงานที่เพิ่งส่งไปจำได้ป่าว” ปอพูดออกมาในที่สุด
ผมไม่ได้สงสัยอะไร เพราะมาสเตอร์เบิร์ดขอบเรียกนักเรียนไปช่วยตรวจงานอยู่แล้ว
“มึงก็ไปตรวจทั้งคืนเลยว่างั้น” เชียร์ทำเสียงเหมือนไม่เชื่อ
“เออดิแม่งเยอะขนาดนั้น กูขอไปอาบน้ำก่อนน่ะ ง่วงนอนด้วย” ปอทำท่าห้าวพร้อมถอดเสื้อ คว้าผ้าเช็ดตัวมานุ่ง พร้อมถอดกางเกง แล้วเดินเข้าห้องน้ำไป
ผมกับเชียร์มองตามหลังไอ้ปอที่เดินเข้าห้องน้ำไป
เชียร์เป็นคนแรกที่พูดขึ้น พร้อมหันหน้ามาหาผม “มึงเชื่อที่มันพูดไหม”
เชียร์ถาม ผมขมวดคิ้ว แปลกใจที่เชียร์ไม่เชื่อคำพูดของปอ “กูไม่ได้คิดอะไรว่ะ ถึงมันจะไม่ได้ทำอย่างที่มันพูดก็เรื่องของมัน”
เชียร์เริ่มตะโกนใส่ผม “อ้าวมึงหาว่ากูเสือกเหรอ”
ผมแอบขำที่หลอกด่ามันได้ แต่เชียร์เริ่มทำหน้าเครียด ผมเลยหยุดขำ
“ที่กูไม่เชื่อ ไม่ใช้ไว้ไม่ไว้ใจมันหรอกน่ะ แต่เมื่อกี้กูเห็น...” เชียร์หนยุดคำพูดไว้
“เห็นอะไร”ผมทำตาโต
“เมื่อกี้ตอนไอ้ปอถอดเสื้อ กูเห็นรอยจ้ำตรงคอ กับตรงหน้าอกใกล้ๆหัวนมมันว่ะ”

************************************************************************************************

คู่ที่ 2

ผมบอกกับโจ้ ในสิ่งที่ผมเห็น
“แล้วมึงจะให้กูเชื่อในสิ่งที่มันพูดเหรอว่ะ”
“มันอาจจะเป็นรอยมดกัดหรือแมลงกัดก็ได้ม้าง” โจ้พยายามหาเหตุผลอื่นขึ้นมา
“ไอ้บ้า รอยมดกัดแมลงกัด มันต่างกับรอยจูดรอยดูดน่ะเว้ย กูรู้ดี เพราะกูก็เคยมีรอยแบบนั้นตอนมีอะไรกับพี่แจ๊ค”
ผมพูดอย่างนี้ ทำให้โจ้นิ่งเงียบ
“แล้วยิ่งไปห้องมาสเตอร์เบิร์ดอีก ยิ่งมีพิรุธ” ผมนั่งกอดอกพยายามรวบรวมความคิด
“แล้วทำไมอ่ะ” โจ้ยังไม่เข้าใจใตนสิ่งที่เกิดขึ้น
“เวรกรรมจริงๆมึงนี้ไม่รู้อะไรเลย ก็ไอ้ปอมันไปค้างที่ห้องมาสเตอร์เบิร์ดมา แล้วมีรอยจ้ำเหมือนคนโดนดูดนั่นก็แปลว่า” ผมค้างไว้เหมือนเป็นคำพูดที่รู้กันว่าไอ้ปอมีอะไรกับมาสเตอร์เบิร์ด
“เฮ้ยยยยยย” โจ้ทำท่าตกใจสุดขีด
“ไม่เห็นต้องตกใจขนาดนั้นเลย ไม่ใช่เรื่องแปลกสักกะหน่อย การมีอะไรกันในโรงเรียนชายล้วน กูเองยังฝันว่าจะต้องมีเลย” ผมอธิบายให้โจ้ฟัง
“ไอ้บ้า นี้มันครูกับนักเรียนน่ะเว้ย ไม่น่าเกลียดเหรอว่ะ” โจ้เริ่มโวยวาย
“โอ้ย มาสเตอร์เบิร์ดเองก็อายุแค่ยี่สิบต้นๆ ก็ถือว่ายังอยู่ในช่วงวัยรุ่น มันก็มีบ้างน่าอารมณ์แบบเนี้ย กูว่าอย่าสนใจมาสเตอร์เบิร์ดเลย เรามาสนใจเพื่อนของเราดีกว่า ว่ามันไปเสียตัวมายังไง” ผมเปลี่ยนจากเรื่องเครียดกลายมาเป็นเรื่องตลก
“เออๆ รอให้มันออกมาจากห้องน้ำก่อน แล้วค่อยว่ากัน เมื่อกี้มึงพูดถึงเรื่องฝันมึงเหรอว่ะ มึงฝันถึงเรื่องอะไรเหรอ” โจ้วกกลับมาเรื่องของผม
“คือ คือ กูฝันว่า กูเป็นแฟนกับคนชื่อเต๋าว่ะ” ผมพูดอย่างอายๆกับโจ้ โจ้ได้ยินอย่างนั้นก็หัวเราะ
“มึงรู้หรือเปล่าว่าความฝันมันคือจิตใต้สำนึกของความคิด เห็นชอบด่าเขาตลอด ระวังน่ะมึงยิ่งเกลียดก็ยิ่งจะชอบ” โจ้พูดซะผมหน้าซีดเลย
“ไอ้บ้า กูมีแฟนแล้วน่ะเว้ย จะไปเป็นแฟนกับคนอื่นได้ไง เออเลิกพูดเรื่องนี้เถอะ” ผมต้องจบเรื่องความฝันของผม เพราะรู้สึกแปลกๆกับความฝันนั้น ที่จริงผมไม่ได้แค่ฝันว่าเป็นแฟนกับไอ้พี่เต๋าหรอก แต่ผมดันฝันว่าผมไปมีอะไรกับพี่เต๋าน่ะสิ แล้วในความฝันผมดูมีความสุขซะด้วย อะไรกันเนี้ย ผมพยามส่ายหัวพยายามจะลบเลือนความมทรงจำนั้น
“เฮ้ยๆไอ้ปอต้นกระบองเพชรของใครอ่ะ น่ารักดี” โจ้หยิบต้นกระบองเพชรขึ้นมาดู
“พี่เต๋าให้มา” ผมตอบ
โจ้ก็เริ่มหัวเราะ “ความฝันมึงอาจจะเป็นจริงก็ได้น่ะ ไอ้เชียร์ 55555”

************************************************************************************************

คู่ที่ 3

ผมเข้ามาในห้องน้ำ น้ำจากฝักบัวกระทบร่างของผม
ผมลูบคล้ำร่างกายของตัวเอง พร้อมกับความสับสนที่เกิดขึ้นในจิตใจ
ผมรู้สึกชอบบิ๊ก แต่ผมไปมีอะไรกับมาสเตอร์เบิร์ดซึ่งเป็นคนรักของบิ๊ก
ผมทำผิดอย่างมหันต์ แล้วผมยังรู้สึกดีกับการมีอะไรกับมาสเตอร์เบิร์ด
มันหมายความว่าอะไรกันแน่
ผมพยามคิดว่าที่ผมมีความสุขกับการมีอะไรกับมาสเตอร์เบิร์ดคงเป็นแค่ความรู้สึกทางร่างกายหรือไม่ก็เป็นความต้องการทางอารมณ์มากกว่า
แต่ความรู้สึกจริงๆของผม ผมยังคงชอบบิ๊กเหมือนเดิม

ผมชำระร่างกายเสร็จ ก็ออกมาจากห้อง เห็นเชียร์ กับ โจ้นั่งมองผม
“มองอะไรกัน” ผมถาม
“กูมองรอยจ้ำตรงคอ กับตรงหัวนมมึงอ่ะ” เชียร์ตอบ ผมสะดุ้งตกใจรีบกลับไปมองตรงคอและหน้าอกของผม
รอยจ้ำคงเกิดขึ้นจากมาสเตอร์เบิร์ด
“มึงมีอะไรกับมาสเตอร์เบิร์ดใช่มั้ย” เชียร์ถามผมตรงๆ
ผมคงโกหกอะไรพวกมันไม่ได้อีกแล้ว ผมเลยพยักหน้า
“พวกมึงนี้โชคดีจริงๆมีอะไรกับใครเข้าไปแล้ว กูซิยังหาใครไม่ได้เลย” เชียร์ทำหน้าเซ็ง
“เฮ้ย กูเองก็ยังเว้ย” โจ้เริ่มโวยวาย แล้วก็หันมามองที่ผม
“คือไอ้ปอทำไมแกถึง... เออ...”โจ้คงอยากคุยกับผมเรื่องนี้ แต่ดูเขินอายยังไงไม่รู้
“มึงโดนมาสเตอร์ขมขื่นหรือเปล่าว่ะ” เชียร์ถามแทน
ผมส่ายหน้า เชียร์ตาโต “เห็นมึงเงียบๆอย่างนี้ก็ร้ายไม่เบาน่ะเนี้ย”
“กูขอไม่พูดเรื่องนี้น่ะ กูง่วงนอนแล้ว” ผมพยายามจบเรื่องนี้ แล้วล้มตัวลงนอน
“เฮ้ยๆ กูยังอยากรู้อีกอ่ะ มึงอย่าเพิ่งนอนดิว่ะ” เชียร์ตะโกนตามหลัง
“ไม่ต้องเลยไอ้เชียร์ปอมันพูดแล้วไม่ใช่เหรอ” โจ้คอยเตือนเชียร์ พอทำให้มันสงบมาบ้าง
ผมพยามหลับตานอน แต่ก็ดันเห็นภาพเหตุการณ์ตอนผมมีอะไรกับมาสเตอร์เบิร์ด
ผมอยากให้เรื่องที่เกิดขึ้น มันเป็นแค่เพียงความฝัน

เช้าวันรุ่งขึ้น ผมตื่นขึ้นมาพอจะลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นไปบ้าง
แม้ไอ้เชียร์จะคอยถามผมตลอด แต่โจ้ก็คอยด่าคอยว่าห้ามไอ้เชียร์ตลอด
และเป็นโชคดีอีกอย่างที่ผมไม่เห็นมาสเตอร์เบิร์ดกับบิ๊ก ทำให้ผมไม่ได้คิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
จนกระทั่ง ตอนเย็น ตอนที่เรากำลังจะไปเล่นกีฬากันพวกผมตกลงจะไปเล่นกีฬาวอลเล่ย์บอลชายหาด
ซึ่งเป็นกีฬาที่คนขอบเล่นเหมือนกัน โรงเรียนผมไม่ได้มีชายหาดหรอก
แต่สนามวอลเล่ย์บอลชายหาดนั่นเป็นสนามที่โรงเรียนสร้างขึ้น แล้วเอาทรายมาถ่ม ให้เหมือนกับเล่นที่ชายหาดจริงๆ
สนามวอลเล่ย์บอลชายหาดมีอยู่สองสนาม
สนามแรกพวกพี่เบ็นซ์เล่นกันอยู่
ผมเลยมาเล่นกันอีกสนามหนึ่ง
“พวกเรามีสามคนจะเล่นกันยังไงว่ะ” เชียร์ถาม
“ก็ชวนคนมาเล่นไง กูเห็นคนหนึ่ง เดี๋ยวกูไปชวนมาน่ะ” โจ้พูดขึ้นพร้อมวิ่งไปที่สนามบอลข้างๆ
แล้วมันก็จูงผู้ชายคนหนึ่งมา เชียร์ตะโกนเมื่อเห็นชายคนนั้น “เฮ้ยยยยย”
ผมเลยหันไปมองด้วย คนคนนั้นคือคนที่ชื่อเต๋าที่เป็นพี่เลี้ยงของบิ๊ก
“กูเห็นพี่เค้านั่งที่ข้างสนามฟุตบอลเลยชวนมาเล่นด้วย” โจ้พูด
เชียร์เริ่มทำหน้าโกรธแล้วหันไปทางไอ้โจ้ โจ้ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
“พี่รอเล่นฟุตบอลอยู่อ่ะ เห็นน้องโจ้บอกว่าเชียร์ให้ชวนพี่มาเล่น เลยรีบมาน่ะเนี้ย” พี่เต๋าทำตาหวานมาทางเชียร์
เชียร์ทำตาดุแล้วเขวี้ยงลูกวอลเล่ย์บอลไปทางโจ้ แต่โจ้รับได้
“เขินเหรอครับน้องเชียร์” พี่เต๋าไม่หยุดแซว
“จะเล่นก็ไม่ต้องพูดเลย” เชียร์ตะโกนกลับไป พี่เต๋าหัวเราะใหญ่
“เล่นแค่สี่คนเหรอ”พี่เต๋าถาม
“อ้าวก็วอลเล่ย์บอลชายหาดเค้าเล่นกันข้างละสองคนไม่ใช่เหรอ” เชียร์ตะวาดใส่พี่เต๋า
“แหม เรามันก็ไม่ได้มืออาชีพเล่นกันข้างละหลายๆคนก็ได้ สนุกดีออกนะ” พี่เต๋าพูด
“ดีครับ เล่นหลายคนสนุกดี” โจ้เห็นด้วย
“พี่ชวนคนมาเล่นอีกดีกว่า” พี่เต๋าพูดเสร็จก็วิ่งไปที่ข้างๆสนามฟุตบอลที่ตัวเองนั่งอยู่เมื่อกี้แล้วกลาก็ลากคนมาอีกคน
ผมแทบตกใจเมื่อเห็นว่าคนๆนั้นคือบิ๊ก
บิ๊กเองเห็นผมก็ตกใจเหมือนกัน
“บิ๊กเล่นวอลเล่ยบอลกันเถอะ” พี่เต๋าชวนบิ๊ก
“ไม่ครับ ผมไม่เล่น” บิ๊กพูดเสร็จพร้อมแกะมือของพี่เต๋าที่จับแขนตัวเองออก
“อ้าว บิ๊กชอบเล่นวอลเล่ย์ไม่ใช่เหรอ”
“ครับ แต่ผมไม่อยากเล่น”บิ๊กพูดเสียงแข็งพร้อมมองหน้ามาที่ผม

-----จบตอนที่8-----

ตอนหน้ามาดูแข่งวอลเล่ย์บอลชายหาดนะครับ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 04-02-2008 16:01:08
เฮ้ออออออออออออออ. :เฮ้อ:กรรมเวรแล้วงานนี้เสียเพื่อนเพราะผู้ชาย :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 04-02-2008 19:24:58
เอาละซี ศึกรักเริ่มรุนแรง  :m4: :m4: :m4:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: myLoveIsYOu ที่ 04-02-2008 23:49:34
โอ้ว ปอนี่เจอเรื่องแบบนี้แต่เด็กเลยเหรอ  o12 :o8:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 05-02-2008 00:45:23
นับวันยิ่งน่าปวดหัวขึ้นเรื่อยๆ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: meawkung02 ที่ 05-02-2008 16:40:45
เหอๆ...เรื่องราว เริ่มจะเข้มข้น ขึ้นเรื่อยๆ รีบมาต่อเร็วนะค้าบบบ...^^
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: jojoe ที่ 07-02-2008 05:44:49
ตอนที่ 9 Lucky in Game & Lucky in Love

คู่ที่ 1

สนามวอลเล่ย์บอลชายหาด เตรียมพร้อมสำหรับการเล่นแล้ว
ปอกับเชียร์กำลังกางเน็ต ส่วนผมกับพี่เต๋ามาเจรจากับบิ๊กเพื่ออยากให้เขามาเล่นกับพวกเรา
“พี่เห็นบิ๊กชอบเล่นวอลเล่ย์ไม่ใช่เหรอ เคยเป็นตัวโรงเรียนตอนอยู่ม.ต้นนี้” พี่เต๋าพยายามชวนบิ๊กมาเล่น
บิ๊กทำหน้าเครียด พร้อมมองไปทางปอกับเชียร์
“ผมอยากเล่นบอลมากกว่า”บิ๊กพูดขึ้น
“เออ ได้เล่นแน่ แต่กว่าจะเล่นต้องต่อคิวคนอีกตั้งเยอะ ตอนนี้ก็เล่นวอลเล่ย์รอไปก่อนดิว่ะ” พี่เต๋าพูดพร้อมดึงแขนของบิ๊กเข้าไปในสนาม
บิ๊กเหมือนจะขัดขืน แต่แล้วพี่ยอดที่เพิ่งเลิกเล่นบาสก็เดินเข้ามาในสนามด้วย
“เล่นซิบิ๊ก พี่เองก็อยากเล่นด้วย ครบคนพอดีไม่ใช่เหรอ” พี่ยอดเดินมาตบไหล่บิ๊ก บิ๊กจึงปฏิเสธไม่ลง
ผมยิ้มดีใจที่ได้เห็นพี่ยอด ผมมองพี่ยอดในชุดเสื้อกล้าม เนื่องจากพี่ยอดเพิ่งเลิกจากเล่นบาสมาหมาดๆ
ตัวจึงเปียกไปด้วยเหงื่อ ความจริงแล้วผมไม่ค่อยชอบคนที่เพิ่งเล่นกีฬาแล้วตัวเปียกชุ่มด้วยเหงื่อรสักเท่าไร
แต่สำหรับพี่ยอดแล้วเหงื่อที่เปียกตัว ทำให้พี่ยอดดูเท่ห์และเซ็กซี่มาก เพราะเสื้อกล้ามสีขาวที่เปียกเหงื่อนั้นแนบเนื้อที่บึกบึนของพี่ยอด จนทำให้เห็นหุ่นและเนื้อหนังของพี่ยอด
“แหม มองตาไม่กระพริบเชียวนะมึง” เชียร์เดินมากระซิบ ผมสะดุ้งเมื่อเชียร์ดึงผมออกจากความคิด
ผมหันไปด่ามัน “ไอ้เอี้ย”

ผมเห็นพี่ยอดกำลังเดินมาทางผม ผมเริ่มตัวแข็งทำอะไรไม่ถูก
แต่เมื่อมาถึงพี่ยอดกลับพูดกับเชียร์ “ว่าไง เตรียมตัวสอบหรือยังเชียร์” พี่ยอดถามเชียร์
“ยังเลยคับ”เชียร์ตอบพร้อมยิ้มให้พี่ยอด ผมแปลกใจที่เชียร์พูดกับพี่ยอดได้แล้ว
“อ่านได้แล้วน่ะ อย่ามัวแต่เล่นรู้มั้ย” พี่ยอดเอามือมาขยี้ผมของเชียร์ ตอนนั้นผมรู้สึกแปลกๆยังไงก็ไม่รู้
“รู้แล้วน่าครับ ผมไม่กลัวหรอกมีโจ้คอยสอนซะอย่าง ผมไม่กลัวตกอยู่แล้ว” เชียร์หันมาทางผม ผมรู้สึกว่าตัวเองเพิ่งจะมีส่วนร่วมในการสนทนา
“ทำไมต้องไปพึ่งคนอื่นด้วยเล่า หัดทำอะไรด้วยตัวเองซิ นิสัยเหมือนแจ๊คเลยน่ะ”พี่ยอดพูดไปยิ้มไป ส่วนเชียร์ก็หัวเราะ
ผมมองภาพเชียร์กับพี่ยอดที่ยืนคุยกัน ดูเหมาะกันดีน่ะคู่นี้ เพราะทั้งสองคนก็น่าตาดีเหมือนกัน มีฐานะที่เหมือนกัน
ต่างจากผม ที่ไม่มีอะไรเลยเมื่อไปเทียบกับสองคนนั้น

เมื่อกางเนตเสร็จแล้วพวกเราก็แบ่งทีมกันโดย ทีมของผม มีผม ปอ และเชียร์
อีกทีมหนึ่งมีพี่ยอด พี่เต๋า และบิ๊ก
ลูกแรก ถูกเซิรฟ์โดยพี่เต๋า
ผมรับลูกได้แล้วโยนไปฝั่งตรงข้าม ซึ่งมีพี่ยอดรับไว้ได้ แล้งลูกกระเด้งไปที่พี่เต๋า พี่เต๋าส่งลูกไปข้างหน้าที่มีบิ๊กรออยู่
แล้วบิ๊กก็กระโดดตบลูกได้ ลูกตรงมาที่ฝั่งผม ผมกับเชียร์จะวิ่งไปรับ แต่บิ๊กตบลูกแรงมาก ลูกลงที่พื้นก่อนที่ผมจะวิ่งเข้าไปรับ
เป็นว่าลูกแรกทีมตรงข้ามได้คะแนน และเซิร์ฟต่อ
พี่เต๋าเป็นคนเซิรฟ์อีก ลูกลอยมาที่เชียร์แต่เชียร์เกิดรับไม่ได้ กลายเป็นว่าทีมผมเผยจุดอ่อนให้พี่เต๋าเห็นแล้ว(ก็เชียร์มันเล่นกีฬาไม่เป็นสักอย่าง)
พี่เต๋าเซิรฟ์อีกครั้ง คราวนี้ดูพี่เต๋าตั้งใจจะให้ลูกมาทางเชียร์
เป็นไปตามคาดครับเชียร์ก็ยังรับลูกไม่ได้
พี่เต๋ายิ้มดีใจที่สามารถแกล้งเชียร์ได้ พี่เต๋าเซิร์ฟอีกครั้งหนึ่ง
เชียร์มองลูกแล้ววิ่งเข้าไปรับ เชียร์รับได้ครับ แต่ลูกดันกระเด้งออกนอกเขต ผมจะวิ่งไปช่วยรับลูกแต่ก็ไม่ทันอีก
พี่เต๋าเพ่งไปทางเชียร์อีกครั้ง แล้วก็กระโดดตบลูกอย่างแรง ลูกพุ่งมาทางเชียร์ทันที
ด้วยความแรงของลูกทำให้ลูกพุ่งเข้ามาที่หน้าอกของเชียร์อย่างจัง
“อุ๊กส์” เสียงของเชียร์ดังออกมาจนผมได้ยิน เชียร์ก้มลงจับหน้าอกตัวเอง
ผมวิ่งไปหาเพื่อนทันที “เฮ้ย! มึงเป็นไรป่าวว่ะ” ผมถามเพื่อนด้วยความเป็นห่วง ปอก็วิ่งเข้ามาดูอาการของเชียร์ด้วย
เชียร์เงยหน้าขึ้นมา น้ำตาคลอเบ้าแต่พยายามพูดว่า”มะ มะ มะไม่เป็นไร กูขอออกไปพักก่อน่ะ” แล้วเชียร์ก็เดินออกไปทันที
“ไอ้เต๋ามึงทำน้องเลี้ยงพี่แรงป่าวเนี้ย” พี่ยอดหันมาว่าพี่เต๋าที่ยืนอึ้งกับการกระทำของตัวเอง
พี่เต๋าเห็นเชียร์เดินออกไป เลยวิ่งตามออกไปด้วย

พี่ยอดเดินมาหาผม “โจ้ เชียร์เป็นไรมากกป่าว”น้ำเสียงและน่าตาของพี่ยอดดูเป็นห่วงเชียร์มาก
“เค้าบอกว่าไม่เป็นไรคับ” ผมตอบออกไป แต่เสียงผมสั่นๆยังไงก็ไม่รู้
แต่พี่ยอดยังคงมองเชียร์ที่เดินออกไป ผมคิดว่าพีเค้าก็คงยังเป็นห่วงเชียร์อยู่

ตอนนี้ผมกำลังพยายามคิดอยู่อย่างเดียวว่า พี่ยอดกับเชียร์เป็นพี่เลี้ยงน้องเลี้ยงกัน อีกอย่างเชียร์ก็มีแฟนแล้ว พี่ยอดก็มีแฟนแล้ว คงไม่มีอะไรมากไปกว่านี้ แต่อีกใจหนึ่งก็คิดว่า ถ้าความจริงไม่ได้เป็นอย่างที่ผมคิดหล่ะ ผมจะทำยังไง

************************************************************************************************
คู่ที่ 2

ผมเดินออกมาจากสนาม พร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุด
พี่เต๋าแกล้งผมจนผมกลายเป็นตัวตลกในสายตาของคนอื่นไปแล้ว
ทำไมพี่เต๋าถึงชอบแกล้งผมตลอดเวลา เค้าไม่ชอบผมนักหรือไง ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บใจ

ผมเดินออกมานั่งที่หลังหอพัก พยายามจะหยุดร้องไห้ แต่มันก็ไม่หยุด
ผมโกรธตัวเองที่เก็บอารมณ์ไม่อยู่ เกลียดตัวเองที่ให้ทุกคนเห็นความอ่อนแอของผม
ผมพยายามทำทุกอย่างที่จะทำให้คนอื่นยอมรับและคบกับผม แต่ดูเหมือนว่า ผมจะทำไม่สำเร็จซะแล้ว
เพราะพี่เต๋าคนเดียว  ผมเกลียดๆๆๆ คนๆนี้มาก จะไม่มีวันให้อภัยพี่เต๋าแน่นอน

ผมนั่งร้องไห้ไปเรื่อยๆ จนรู้สึกเหมือนมีใครคนหนึ่งมานั่งอยู่ข้างหลังผม
ผมไม่หันหลังกลับไปมอง เพราะรู้ว่าเป็นใคร
“เชียร์ พี่ขอโทษ” พี่เต๋าพูด แต่ผมไม่อยากฟัง ผมนั่งเงียบเช็ดน้ำตาตัวเอง
พี่เต๋าเห็นผมเงียบก็เลยเอามือมาแตะที่บ่าของผม “พี่ขอโทษจริงๆน่ะ พี่จะไม่แกล้งเชียร์อีกแล้ว”
ผมไม่อยากฟังคำพูดของผู้ชายคนนี้อีกแล้ว ผมเลยลุกจะเดินออกจากที่นั่น
แต่พี่เต๋าก็เดินมาคว้ามือผมไว้ แล้วดึงตัวผมมาใกล้ตัวของพี่เต๋า
พี่เต๋าจับตัวผมแล้วหันหน้าไปทางเขา “พี่ขอโทษแล้วน่ะ ยังโกรธทำไมอีก”
ผมสะบัดตัวพยายามให้มือของพี่เต๋าที่เกาะไหล่ผมออกไป
“ปล่อยเชียร์น่ะ ไม่ต้องมาขอโทษหรอก ถ้ามันไม่ได้มาจากใจจริงๆ”
ผมพูดพร้อมน้ำตาที่ไหลออกมา พี่เต๋าตกใจที่ผมเป็นอย่างนั้น
ผมเองไม่อยากร้องไห้ต่อหน้าใครหรอก แต่ไม่รู้ทำไมผมถึงได้เสียใจกับการกระทำของพี่เต๋ามากก็ไม่รู้
“เชียร์พี่ขอโทษจริงๆน่ะ พี่ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เชียร์เสียใจ พี่ขอโทษจริงๆ”
เสียงพี่เต๋าเองก็ดูสั่นๆ พร้อมสายตาที่แปลกไปจากเดิม รู้เพียงแต่ว่าสายตานั้นมันแสดงถึงความจริงใจ
ผมอึ้งไปพักหนึ่ง ผมจ้องตาของพี่เต๋า ผมตอบตัวเองไม่ได้ว่าจะยกโทษให้พี่เต๋าหรือไม่
แต่ผมเกิดรู้สึกแปลกๆกับสายตาที่พี่เต๋าจ้องมองมาที่ผม
“เชียร์จะยกโทษให้พี่ไหม พี่สัญญานะว่าจะไม่แกล้งเชียร์อีกแล้ว” พี่เต๋าถามผมอีกครั้ง
ผมก้มหน้า นึกถึงเรื่องที่ผมเสียใจ ผมเสียใจที่โดนแกล้ง เสียใจที่กลายเป็นตัวตลกต่อหน้าคนอื่น
แต่ผมเองก็รู้สึกดีที่มีคนมาขอโทษผม และคนๆนั้นเป็นพี่เต๋าด้วย
ผมเช็ดน้ำตา ผมเงยหน้าขึ้น ผมสบกับสายตาพี่เต๋าที่มองมาที่ผมเหมือนกัน
“ผม...” ผมกำลังจะพูดออกไป แต่แล้วเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น
ผมรีบรับโทรศัพท์ เพราะรู้ว่าคนที่โทรมาเป็นใคร

“ว่าไงครับ ทำอะไรอยู่”เสียงปลายสายที่ผมคุ้นเคยทักทาย
“หวัดดีพี่แจ๊ค เชียร์กำลังเล่นกีฬาอยู่” ผมพยายามทำเสียงให้เป็นปกติ
ผมพูดกับพี่แจ๊คหลายเรื่อง เพราะอาทิตย์นี้ยังไม่ได้คุยกับพี่แจ๊คเลย
พี่เต๋ายังคงอยู่ใกล้ๆกับผม แต่อยู่ห่างจากผมพอสมควร ผมไม่รู้ว่าพี่เต๋าจะได้ยินสิ่งที่ผมพูดกับพี่แจ๊คหรือเปล่า
“ปิดเทอมมาหาพี่สิ จะได้มาเที่ยวด้วย” พี่แจ๊คชวนผม
“นึกว่าจะไม่ได้มาเจอกันแล้ว เห็นส่งโปสการ์ดมาว่าจะไม่กลับมา” ผมทำเสียงประชด
“พี่ต้องเรียนจะได้รีบจบไง ก็บอกแล้วว่าให้มาหามาน่ะครับ” พี่แจ๊คทำเสียงอ้อน
“ครับ ไปแน่ครับ” ผมยิ้มดีใจที่จะได้เจอแฟน
“พี่รักเชียร์น่ะ คิดถึงมากด้วย” สิ่งที่พี่แจ๊คพูดทำเอาผมรู้สึกแปลก ไม่ใช่ว่าไม่เคยฟังที่พี่แจ๊คพูดหรือบอกว่ารักผมหรอกน่ะ
แต่ผมกับรู้สึกแปลกในความรู้สึกของตัวเองเมื่อได้ยินคำว่ารักต่างหาก
ผมหันไปมองพี่เต๋าที่ยืนอยู่แถวนั้น พี่เต๋าเองก็มองผมที่ยืนคุยโทรศัพท์อยู่
ผมสบตาพี่เต๋าอีกครั้ง ผมตอบตัวเองไม่ได้ว่าผมรู้สึกอะไรเมื่อได้มองตาของพี่เต๋า
“เชียร์เป็นอะไร ว่างไปแล้วเหรอ” พี่แจ๊คถามเมื่อเห็นผมเงียบไป
ผมรีบกลับมาคุยโทรศัพท์ต่อ โดยรีบหันหลังใมห้พี่เต๋า
“เออ เชียร์ไปเล่นวอลเล่ย์ต่อน่ะ” ผมพูดกับพี่แจ๊คบอกเป็นนัยๆว่าจะวางโทรศัพท์แล้ว
“ครับ เมื่อกี้พี่บอกว่ารักเชียร์แล้วน่ะ” พี่แจ๊คพูดเพื่อทวงสัญญาที่เคยบอกกับผมว่า ถ้าจะวางโทรศัพท์ต้องบอกรักกันก่อน
“ครับ ผมเองก็รักพี่ครับ ตั้งใจเรียนน่ะ บาย”
ผมกดวางโทรศัพท์พร้อมหันกลับไปหาพี่เต๋า แต่พี่เต๋าเดินออกไปแล้ว

ผมเริ่มสับสนกับความรู้สึกตัวเองว่าผมกำลังจะนอกใจพี่แจ๊คหรือเปล่า

************************************************************************************************

คู่ที่ 3

ผมกับโจ้เดินออกมานั่งนอกสนามวอลเล่ย์ เพราะมีทีมอื่นมาขอเล่นแทน
ผมเองก็ต้องยอมให้เขาเล่น เพราะเชียร์กับพี่เต๋าหายไปไหนไม่รู้
แต่พี่ยอด กับบิ๊กยังคงเล่นอยู่เพราะมีเพื่อนมาขอเล่นด้วย

ผมนั่งเงียบดูบิ๊กเล่นอวอลเล่ย์ ผมไม่แปลกใจที่บิ๊กได้เป็นตัววอลเล่ย์ของโรงเรียน
เพราะบิ๊กเล่นเก่งมาก ทั้งบล๊อคลูก เซ็ทลูก และกระโดดตบ
ผมสังเกตุว่าพอผมออกจากสนามบิ๊กดูไม่อึดอัดเหมือนเวลาเล่นกับผม
แสดงว่าบิ๊กเกลียดผมจริงๆ ผมไม่รู้ว่าบิ๊กเกลียดผม เพราะเรื่องที่บิ๊กคิดว่าผมเป็นสาเหตุที่ทำให้บิ๊กกับมาสเตอร์เบิร์ดทะเลาะกัน
หรือบิ๊กคิดว่าผมตามตอแยบิ๊ก เพราะเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นระหว่างผมกับบิ๊กแม้จะเป็นเรื่องบังเอิญ แต่เหมือนผมจงใจให้เกิดขึ้น หรือบิ๊กรู้ว่าผมมีอะไรกับมาสเตอร์เบิร์ด ยิ่งคิดยิ่งทำให้ผมคงไม่มีวันจะกัลบมาคุยกับบิ๊กเหมื่อนเดิม

“เฮ้ย เป็นอะไรอ่ะปอ นั่งเงียบเชียว” โจ้ถามผม ผมหันไปยิ้มให้
“ป่าวนี้ เราก็คิดไปเรื่อยเปื่อย เครียดเรื่องสอบด้วย” ผมหาเรื่องมากลบเกลื่อน
“ไม่เข้าใจวิชาอะไรบอกเราได้น่ะ เดี๋ยวเราติวให้” โจ้อาสาช่วยผม ผมยิ้มขอบคุณกับน้ำใจของเพื่อน
ผมหันกลับไปมองบิ๊กเล่นวอลเล่ย์อีกครั้ง
“อืมม...ปอ เราขอคุยเรื่องหนึ่งได้มั้ย” โจ้ถาม ผมพยักหน้าเพราะพอจะรู้ว่าโจ้จะพูดเรื่องอะไร
“เรื่องเมื่อคืน เราเองก็ไม่อยากยุ่งเรื่องส่วนตัวของนายหรอก แต่... เราคิดว่าเรื่องแบบนี้มันไม่สมควร เราอยากเตือนนายในฐานะเพื่อน นายเอาไปคิดดูเองแล้วกันว่าจะทำอย่างไรต่อไป” โจ้พูดทิ้งท้ายเพื่อให้ผมกลับไปคิดเอาเอง
ผมหันไปมองโจ้ “เราตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ทำอีก เราเองก็รู้สึกผิดกับการกระทำของเรา” ผมก้มหน้าอยากจะร้องไห้กับการกระทำของตัวเอง แต่โจ้ก็เอามือมาแตะไหล่ผม
“นายไม่ได้ผิดหรอก เพราะถ้าเราทำผิดแล้วสำนึกในความผิดนั้น และตั้งใจจะไม่ทำอีก ก็จะไม่มีใครสนใจในความผิดนั้นหรอก เราดีใจน่ะที่นายคิดได้” ผมรู้สึกดีกับคำพูดของโจ้ ผมยิ้มเพื่อขอบคุณโจ้ที่เข้าใจผม

“เฮ้ย! ไอ้บิ๊กขาแพลง” เสียงของคนในสนามดังขึ้น ผมกับโจ้หันไปมองพร้อมกัน
ผมเห็นบิ๊กล้มลงไปนอนในสนาม คงเป็นเพราะเมื่อกี้กระโดดตบลูกที่หน้าเนตแล้วลงมาผิดท่า เท้าเลยพลิก
ผมเองลุกขึ้นกำลังจะวิ่งไปที่สนามเพื่อไปดูอาการของบิ๊ก ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นว่ามาสเตอร์เบิร์ดวิ่งเข้ามาในสนามด้วย
ทั้งพี่บิ๊ก มาสเตอร์เบิร์ดก็ดูอาการของบิ๊ก มีพี่เต๋าอีกคนหนึ่งที่เพิ่งเข้ามาในสนามด้วย
“มีคนดูอาการเยอะเลยเนอะ ท่าทางจะเสน่ห์แรง” เสียงของเชียร์ดังมาพร้อมมายืนข้างผม
“อ้าวไปไหนมา หายไปทำอะไรกับพี่เต๋ามาอ่ะ” โจ้แซว เชียร์หันไปเบิร์ดกะโหลกมัน
“ป่าวไม่มีอะไร พี่แจ๊คโทรมาเลยออกไปโทรศัพท์” เชียร์พูดไป แต่ตาก็มองไปที่สนาม
“อืมม.. นึกว่าลืมพี่แจ๊คไปแล้ว เดี๋ยวนี้ไม่เห็นพูดถึงเลย” โจ้ยังคงแซว
เชียร์เงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้น “บ้า... กูยังรักพี่แจ๊คหรอกน่า” แต่ตามันกลับมองไปที่พี่เต๋า
ผมเองก็หันกลับไปมองที่สนามอีก ปรากฏว่าคนที่อุ้มบิ๊กคือพี่ยอด ผมรู้สึกโล่งใจยังไงก็ไม่รู้
ถ้าเป็นนอื่นอุ้ม โดยเฉพาะมาสเตอร์เบิร์ดผมคงไม่พอใจแน่ๆ
“กูว่าแล้วว่าคนที่อุ้มคือพี่ยอด แต่กูว่ามีคนอยากอุ้มบิ๊กใจจะขาดอีกคนว่ะ” เชียร์พูดแปลกๆ ผมไม่รู้ว่าเชียร์หมายถึงใคร
“มึงหมายถึงพี่เต๋าเหรอ” โจ้แซว เชียร์เงียบไปทันที พร้อมหันไปตีหลังโจ้
“กูก็เห็นว่าบิ๊กมันเสน่ห์แรง มีแต่คนชอบ ดูซิมีคนมาโอ๋ตั้งเยอะ มึงเถอะไอ้โจ้ พี่ยอดอุ้มบิ๊กไปอย่างนี้มึงไม่รู้สึกอะไรบ้างเหรอ” เชียร์พูดแปลกๆ
“ไอ้บ้า! พี่ยอดกับบิ๊กเค้าเป็นพี่น้องกัน มึงจะให้กูรู้สึกอะไร” โจ้หันไปด่าเชียร์
“มึงไม่รู้อะไรซะแล้ว จริงๆแล้วบิ๊กมันเป็นเด็กเก็บมาเลี้ยง ไม่ได้เป็นพี่น้องกับพี่ยอดแท้ๆหรอก”
ผมกับโจ้ตกใจกับเรื่องนี้
“คือ บิ๊กมันก็เป็นเด็กกำพร้า เหมือนกับมึงนั้นแหล่ะไอ้โจ้” เชียร์พูด หันไปมองโจ้ที่ตกใจกับเรื่องที่ได้ยิน

ผมเดินมาที่ห้องพยาบาล เพื่อจะมาดูอาการบิ๊ก แต่ผมคงไม่กล้าจะเข้าไปหาบิ๊กหรอก
บิ๊กเองก็คงไม่อยากเจอผมเหมือนกัน ผมยืนมองบิ๊กจากหน้าต่างด้านข้าง พยายามไม่ให้บิ๊กรู้ตัว
พี่ยอดยังคงอยู่ในห้อง ช่วยพยาบาลทายากับพันแผลให้บิ๊ก
ผมเองก็ตกใจเรื่องบิ๊กกับพี่ยอด แต่ผมเชื่อว่าบิ๊กกับพี่ยอดไม่น่าจะคิดอะไรที่เกินเลยความเป็นพี่เป็นน้อง
“จะมาหาบิ๊กเหรอ ไหนบอกว่าไม่ได้คิดอะไรกับบิ๊กไง” เสียงมาสเตอร์เบิร์ดกระซิบที่ข้างหูผม
ผมตกใจเล็กน้อย แต่ไม่ได้หันหลังกลับไป
“มาสเตอร์เองก็คงอยากจะไปหาบิ๊กเหมือนกันใช่ไหม” ผมเริ่มสวน
“อืมม ก็อยากน่ะ แต่พี่ชายของเขาคงไม่ยอม” เสียงมาสเตอร์เบิร์ดดูเศร้า
“พี่ยอดรู้เรื่องมาสเตอร์เบิร์ดกับบิ๊กหรือเปล่า” ผมถาม
“น่าจะรู้ เพราะยอดไม่ค่อยชอบขี้หน้ามาสเตอร์” มาสเตอร์เบิร์ดตอบ แล้วเงียบไปพักหนึ่ง
ก่อนที่มาสเตอร์เบิร์ดจะเริ่มใช้มือกอดผม ผมพยายามจะแกะแขนออก
“มาสเตอร์เบิร์ดทำแบบนี้ทำไม มาสเตอร์เบิร์ดไม่ได้รักบิ๊กเหรอครับ” ผมอยากพูดเพื่อเตือนสติมาสเตอร์เบิร์ดเพราะผมรู้ว่าบิ๊กรักมาสเตอร์เบิร์ดมาก และผมเองก็ไม่อยากจะเป็นที่ระบายอารมณ์ของใคร
มาสเตอร์เบิร์ดเหมือนรู้ตัว ค่อยๆปล่อยมือออกจากตัวผม
“บิ๊กกับมาสเตอร์เบิร์ดก็รักกันดีอยู่แล้ว ทำไมถึงเอาผมมาเกี่ยวข้องด้วย ผมเองก็รักบิ๊ก และไม่อยากทำร้ายคนที่ผมรัก” ผมเริ่มจะร้องไห้
ผมอยากให้มาสเตอร์เบิร์ดหยุดการกระทำแบบนี้สักที เพราะไม่อยากให้บิ๊กเสียใจ และตัวผมเองไม่อยากเป็นคนที่ร้ายบิ๊กด้วย
มาสเตอร์เบิร์ดก้มหน้าเหมือนคิดอะไรบางอย่าง ก่อนจะเงยหน้าพร้อมน้ำตาที่ไหลออกมา
“เธอไม่รู้หรอกว่าบิ๊กเค้าไม่ได้รักมาสเตอร์เลย ถึงแม้เค้าจะบอกรัก เคยมีอะไรกัน ทำทุกอย่างเหมือนคนรักกัน แต่จริงๆแล้วเค้าไม่ได้รักฉันเลย” มาสเตอร์ระบายสิ่งที่อยู่ในใจ
“ไม่จริง บิ๊กเค้ารักมาสเตอร์มากน่ะครับ ไม่งั้นเค้าไม่มาขอร้องให้ผมเลิกยุ่งเรื่องของเขากับมาสเตอร์หรอก” ผมพยายามทำความเข้าใจกับมาสเตอร์เบิร์ด
“ที่เค้าทำอย่างนั้น เพราะเค้าเห็นมาสเตอร์เป็นของตาย เป็นคนที่จะมาแทนคนที่เค้ารักอีกที เหมือนที่มาสเตอร์ทำกับเธอไงหล่ะ มาสเตอร์ขอโทษนะ ที่ทำเรื่องแบบนั้นเมื่อคืนนี้ มาสเตอร์เองก็อยากมีคนรักที่รักมาสเตอร์จริงๆ” มาสเตอร์ร้องไห้ออกมา ผมเชื่อในสิ่งที่มาสเตอร์เบิร์ดพูด
“ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจครับ แล้วคนที่บิ๊กรักคือใครเหรอครับ แล้วทำไมเค้าจึงอยากให้มาสเตอร์เบิร์ดมาแทนที่เค้าเหล่ะ” ผมถามเพราะเริ่มงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“เพราะคนที่บิ๊กรัก ไม่วันที่จะมารักบิ๊กไง” มาสเตอร์เบิร์ดตอบพร้อมเงยหน้ามองผม
“แล้วใครหล่ะ ครับ ทำไมเค้าไม่มีวันจะมารักบิ๊ก” ผมสงสัย
มาสเตอร์เบิร์ดมองไปที่ห้องพยาบาล ผมก็หันไปมองด้วย
“เพราะคนนั้น เป็นพี่ชายของเขาเองไง”
บิ๊กค่อยๆล้มตัวลงนอน พร้อมจับมือพี่ยอด สายตาของบิ๊กที่มองพี่ยอด ดูมีความสุขมากๆ
พี่ยอดจูบหน้าผากบิ๊กพร้อมเดินออกจากห้องไป

----- จบตอนที่9 -----

ชุลมุนวุ่นรักอีกแล้วครับ ติดตามต่อไปนะครับ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: dark789 ที่ 07-02-2008 09:41:31
หง่ะ สงสารโจ้ = ='
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: meawkung02 ที่ 07-02-2008 10:51:59
อ่ะ เนื้อเรื่อง เข้มข้น จริงๆค้าบบ...^^
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 07-02-2008 11:18:07
 :a11: :a11: :a11: :a11:
รออยู่นะครับผม :a3:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 07-02-2008 17:54:54
เศร้า สงสารโจ้

รอตอนต่อไป  :a3: :a4:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 07-02-2008 19:35:13
 :เฮ้อ: สงสารปอ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 07-02-2008 23:20:20

วุ่นวายดีจริงๆ  :m29:

หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: myLoveIsYOu ที่ 07-02-2008 23:44:56
ชุลมุน วุ่นรัก  :m23: :m4: :o8:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: MiTo™ ที่ 08-02-2008 00:06:26
เศร้า จัง :m15:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 08-02-2008 00:23:08
ทำไมมัน ดุชุลมุนชุลเกย์แบบนี้เนี่ย
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: snowblack ที่ 08-02-2008 22:51:26
รอนะครับคุณ jojoe
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: jojoe ที่ 11-02-2008 20:08:13
ตอนที่ 10 ปิดเทอมเปิดใจ

คู่ที่1

การสอบปลายภาคของเทอมแรกผ่านไป ผมกับเพื่อนๆก็ผ่านช่วงเวลานั้นไปได้ดี ไม่มีใครต้องมาสอบซ่อมในช่วงปิดเทอม
แม้ผมจะไม่ได้สอบซ่อม แต่ผมก็ต้องอยู่ที่โรงเรียนในช่วงปิดเทอม เพราะตอนนี้โรงเรียนคือบ้านของผม
รู้สึกแปลกเหมือนกัน ที่ต้องอยู่ในที่ๆกว้างขวางเพียงคนเดียว
แต่จะบอกว่าอยู่คนเดียวก็ไม่ได้สิ เพราะยังมีพวกพนักงานมาทำงาน มีคุณครู และมาสเตอร์มาตรวจข้อสอบ
มีพวกวงโยทวาธิตมาซ้อม และที่สำคัญมีเก็บตัวนักกีฬาประเภทต่างๆเพื่อไปแข่งงานกีฬาจังหวัดตอนเทอมสองอีก
ไอ้ที่บอกว่าเก็บตัวนักกีฬามันสำคัญยังไง ก็เพราะพี่ยอดก็มาเก็บตัวเพื่อไปแข่งบาส พี่ซุ่ยก็มาเก็บตัวเพื่อไปแข่งฟุตบอล
พี่ทั้งสองคนเขาจะชอบมากินข้าวกับผมตอนเที่ยง ก็กินข้าวที่โรงอาหารนั่นแหละ
แต่ตอนที่อยู่คนเดียวผมก็นั่งกินคนเดียว โรงอาหารที่สามารถจุนักเรียนได้เกือบพันคน มีผมนั่งกินคนเดียว
คิดดูซิมันเหงามากขนาดไหน ดีที่มีพวกพี่เขามาคอยอยู่เป็นเพื่อน
ตอนที่พี่เขาซ้อมผมก็จะไปนั่งดู (ซ้อมช่วงเช้าเจ็ดโมงถึงสิบโมง กับ ช่วงบ่ายสี่โมงถึงหนึ่งทุ่ม)
นอกเวลาซ้อมพี่เขาก็จะมาอยู่กับผม มีครั้งหนึ่งพี่เขาชวนผมไปเที่ยวกับดูหนัง
ผมก็ไปเพราะรู้ว่าได้กินข้าวกับดูหนังฟรีแน่นอน
“น้องโจ้ไปซิ ยอดเขาจะเป็นเจ้ามือ” พี่ซุ่ยโยนหน้าที่ให้พี่ยอด
“เฮ้ยๆ มึงเป็นพี่เลี้ยงก็ต้องเลี้ยงน้องซิว่ะ แต่ไม่เป็นไรเลี้ยงน้องโจ้ได้อยู่แล้ว”พี่ยอดยิ้มให้ผม ผมก็หันไปยิ้มให้พี่ยอด
หลังจากที่ไปเที่ยวกันเสร็จ พี่เขาก็ต้องรีบกลับมาซ้อมกีฬา
ส่วนผมไปช่วยคุณครูตรวจข้อสอบที่ตึกเรียน เลยนัดกับพวกพี่ๆว่าเดี๋ยวมาเจอกันอีกทีตอนกินข้าวเย็น

ผมลงมาจากตึก มองดูนาฬิกาก็ตกใจที่เลยเวลากินข้าวเย็นมาเยอะมาก
ผมไม่ได้กลัวอดกินข้าวหรอก เพราะยังไงผมก็ได้กินอยู่ดี(อย่าลืมซิผมเส้นใหญ่น่ะ)
แต่กลัวพี่ยอดกับพี่ซุ่ยกินข้าวเสร็จแล้วกลับไปที่ห้องของพวกเขามากกว่า
ผมเลยกระหืบกระหอบวิ่งตรงมาที่โรงอาหาร เห็นไฟยังเปิดอยู่
ผมเห็นแต่พวกวงโยที่เพิ่งเลิกจากการซ้อม ผมพยายามมองหาพวกนักกีฬา แต่ไม่เห็นใครสักคน
นั่งกินคนเดียวก็ได้ว่ะ ผมเลยทำใจเดินไปซื้อข้าวมากินคนเดียว
ผมสั่งกับข้าวกับแม่ค้า “เอาข้าวหอไข่ครับ”
แม่ค้าหันมาถามผม “กี่ที่ค่ะ”
ผมนึกในใจ ก็มาคนเดียวจะให้เอากี่ที่ว่ะ
ผมกำลังจะบอกว่าเอาที่หนึ่ง ก็มีเสียงใครอีกคนขัดขึ้นมา
“เอาสองที่ครับ” พี่ยอดหันมาหาผม
“อ้าวพี่ยอด ยังไม่กินข้าวเหรอครับ” ผมตกใจที่เห็นพี่ยอดมายืนข้างๆ
“พี่นั่งรอโจ้ไง ก็เรานัดกันแล้วไม่ใช่เหรอว่าจะกินข้าวเย็นด้วยกัน” พี่ยอดพูด ทำเอาผมอึ้งแทบไม่เชื่อหูตัวเอง พี่ยอดนั่งรอผมเพื่อจะกินข้าวด้วยกัน ทำอย่างกะเป็นแฟนกันแน่ะ อิอิ
“แล้วพี่ซุ่ยหล่ะครับ” ผมรีบเปลี่ยนเรื่องเพื่อกลบความเขินอาย
“ไอ้ซุ่ยมันกลับไปตั้งแต่เย็นแล้ว เห็นบอกว่ามีธุระ” พี่ยอดตอบพร้อมหยิบจานข้าวมาให้ผม
พี่ซุ่ยกลับไปแล้วแสดงว่า ผมได้กินข้าวเย็นสองต่อสองกับพี่ยอด ทำไมมันโชคดีอย่างนี้เนี้ย!

ผมเดินมานั่งพร้อมพี่ยอด
“อ่ะ พี่หยิบมาให้” พี่ยอดยื่นช้อนกับซ้อมมาให้

“ขอบคุณครับ” ผมยิ้มให้พี่ยอดพร้อมรับช้อนกับซ้อม พี่ยอดช่างเป็นสุภาพบุรุษจริงๆ
ระหว่างที่กินข้าวผมกับพี่ยอดคุยกันเรื่องทั่วไป ส่วนมากเป็นเรื่องเรียนซะมากกว่า

“เออ แล้วพี่ยอดจะเรียนอะไรต่อครับ” ผมถาม

“พี่คงไปเรียนเมืองนอก ไม่อังกฤษ ก็ อเมริกา” พี่ยอดตอบ ผมนั่งนึกในใจ ไม่แปลกหรอกที่ลูกท่านรัฐมนตรีจะไปเรียนที่เลิศหรูอย่างนั้น

“แล้วโจ้ไม่อยากไปเรียนเมืองนอกบ้างเหรอ” พี่ยอดเป็นฝ่ายถามผมบ้าง

“ผมคงไม่มีปัญญาไปหรอกครับ” ผมเข้าใจสถานะตัวเองว่าคนอย่างผมคงไปเรียนที่นั่นลำบาก

“มีทุนเรียนฟรีตั้งหลายทุนน่ะ ไม่ลองไปดูหล่ะ พี่ว่าอย่างโจ้น่าจะสอบได้น่ะ” พี่ยอดพูดแนะนำ

“อ๋อครับ ขอบคุณพี่ยอดมากน่ะครับ เดี๋ยวผมจะลองไปดูครับ” ผมตอบขอบคุณพี่ยอดไป
“แฟนพี่เองก็เป็นนักเรียนทุน เดี๋ยวพี่ลองถามให้แล้วกันว่ามีทุนไหนน่าสนใจ” พี่ยอดพูดถึงแฟน ผมเองก็ยิ้มๆทำเป็นไม่มีอะไร แต่ผมรู้สึกไม่ค่อยชอบเลยที่พี่ยอดพูดถึงแฟนเค้า มันเหมือนตอกย้ำว่าผมไม่มีสิทธิ์ที่จะคิดอะไรกับพี่ยอด

“เชียร์กลับมาจากอเมริกาวันนี้ ไม่ใช่เหรอ” พี่ยอดเปลี่ยนเรื่องคุย แต่ก็กลับให้ผมรู้สึกแย่ขึ้นไปอีก ผมยังไม่รู้เลยว่าเชียร์จะกลับมาวันนี้

“เหรอครับ เชียร์เค้าโทรมาบอกพี่เหรอครับ” ผมถาม โดยเก็บความรู้สึกน้อยใจเอาไว้

“ป่าวหรอก พี่คุยกับแจ๊ค มันบอกว่าเชียร์กลับมาถึงเมืองไทยวันนี้” พี่ยอดตอบ แล้วก็กินข้าวต่อไป ผมได้แต่นั่งมองพี่ยอดกินข้าว ทำไมผมรู้สึกยิ่งห่างจากพี่ยอดออกไปอีก ทั้งที่มีโอกาสอยู่ใกล้กันขนาดนี้
แม้ผมจะทำใจได้ถึงเรื่องที่พี่ยอดมีแฟนแล้ว แต่ทำใจไม่ได้กับเรื่องพี่ยอดกับเชียร์ ผมเองก็ยังไม่แน่ใจหรอกว่าทั้งสองเค้าคิดอะไรกันหรือเปล่า แต่หลังจากที่เชียร์พูดกับพี่ยอดได้แล้ว เชียร์ก็พูดกับพี่ยอดตลอดเลย มีอะไรก็ไปหาพี่ยอด บางครั้งพี่ยอดก็มาหาเชียร์ ทำให้ผมคิดว่าทั้งสองคนนั้นอาจจะชอบกัน

หลังจากกินข้าวเสร็จ ผมกับพี่ยอดก็แยกย้ายกันกลับห้อง
พอถึงห้องนอน ผมแปลกใจที่ไฟในห้องเปิด
ผมเปิดประตูเข้าไปเห็นเชียร์นั่งจัดของอยู่ พอมันเห็นผมก็ยิ้มแล้ววิ่งมากอดผม
“กูโคตรคิดถึงมึงเลย อ่ะกูซื้อเสื้อผ้ามาฝากมึงด้วยน่ะ.....” เชียร์พูดไม่หยุด พร้อมเดินไปหยิบของฝากในกระเป๋ามาให้ผม
แต่ผมกลับไม่ดีใจกลับของฝากเหล่านั้น ในสมองผมยังมัวแต่นึกถึงเรื่องเชียรกับพี่ยอด

“ไอ้โจ้มึงไม่ดีใจเหรอว่ะที่กูกลับมา เห็นทำหน้ามุ้ยตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว”เชียร์ถามผม
ผมถอนหายใจก่อนจะถามมันออกไปว่า “เชียร์กูมีเรื่องจะถามมึง”

“อะไรของมึง”เชียร์สงสัยกับท่าทีของผม

“มึงยังรักพี่แจ๊คอยู่ใช่ไหม” ผมถามออกไปเพื่อดูท่าทีของเชียร์
เชียรเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะตอบผมโดยไม่ได้สบตาผม

“รักซิ แต่กูเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่ะ ว่าตอนนี้กูยังรักเขาเหมือนเดิมหรือเปล่า” เชียร์ตอบออกมา
ผมอึ้งกับคำตอบของเชียร์ ที่เชียร์รู้สึกอย่างนี้ เพราะมันชอบพี่ยอดใช่หรือเปล่า
************************************************************************************************

คู่ที่ 2

คำถามของโจ้ที่ถามผมเรื่องความรักที่ผมมีต่อพี่แจ๊ค ทำให้ผมต้องตอบสิ่งที่ผมสับสนอยู่ในใจ
การไปหาพี่แจ๊คที่อเมริกา ผมแค่อยากไปหาคำตอบให้กับตัวเองว่ายังรักพี่แจ๊คเหมือนเดิมหรือเปล่า
ตอนที่อยู่กับพี่แจ๊คผมมีความสุขน่ะ และคิดว่าตัวเองยังรักพี่แจ๊คเหมือนเดิม
แต่พอกลับมา ยิ่งมาที่โรงเรียนผมกลับคิดถึงคนๆหนึ่ง
คนๆนั้นทำให้ผมเริ่มสับสนกับความรู้สึกของตัวเอง ผมเลยต้องย้ำกับตัวเองบ่อยๆว่าผมมีแฟนแล้ว
การที่ผมจะรู้สึกกับคนๆนั้นแบบที่ผมรู้สึกกับพี่แจ๊คมันไม่สมควรเลย
แต่พอโจ้ถาม ความรู้สึกที่ผมรู้สึกกับคนๆนั้นก็ย้อนกลับมาอีก
ผมแปลกใจที่อยู่ดีดี โจ้มันก็ถามเรื่องนี้ขึ้นมา มันจะถามทำไม มันรู้เหรอว่าผมจะนอกใจพี่แจ๊ค

“แล้วมึงถามกูทำไมว่ะ” ผมหันไปหาโจ้ ผมรู้สึกว่าเหมือนมันจะร้องไห้ ผมงง ว่ามันจะเศร้ากับเรื่องของผมทำไม

“ที่มึงไม่แน่ใจตัวเอง เพราะว่ามึงชอบคนอื่นอยู่ที่นี้ใช่ไหม” โจ้ถาม ผมเริ่มตกใจว่ามันรู้ได้ไงว่าที่ผมไม่แน่ใจเพราะผมเริ่มชอบคนอื่น

“เฮ้ยยยย มึงรู้ได้ไงเนี้ย อาการกูมันบอกอย่างนั้นเลยเหรอว่ะ 555” ผมถามปนตลก แต่ดูโจ้มันไม่ขำกับผมด้วย

“กูเองก็ไม่อยากยุ่งเรื่องส่วนตัวของมึงหรอกน่ะ แต่...” โจ้พูดกับผม แต่ไม่จบประโยค ผมนั่งรอฟังว่ามันจะพูดอะไร
โจ้ถอนหายใจก่อนจะพูดมาอีกว่า

“กูจะไม่ยุ่งเลยถ้ามึงไม่มาชอบคนๆเดียวกับกู” โจ้พูดจบ พร้อมมองมาที่ผม ผมตกใจอีกรอบ
ไอ้โจ้มันชอบพี่เต๋าเหมือนผมเหรอว่ะเนี้ย ไม่ยักเห็นรู้เลย เห็นมันแซวผมตลอดนี้หว่า

“อาไรกันว่ะ ไหนมึงบอกว่าชอบพี่ยอดไง แล้วไหงกลายว่ามึงชอบพี่เต๋าแทนว่ะ”ผมถามโจ้
โจ้ขมวดคิ้ว ทำท่างงกับคำพูดของผม

“ไอ้เชียร์คนที่กูพูดถึงคือพี่ยอด ไม่ใช่พี่เต๋าเว้ย แล้วมึงเอาพี่เต๋ามาเกี่ยวทำไม เอ๊ะ! หรือว่าคนที่มึงชอบคือพี่เต๋า” โจ้ทำตาโตเมื่อเข้าใจว่าคนที่ผมรู้สึกหวั่นไหวคือพี่เต๋า

“เออดิ ก็นึกว่ามึงรู้อยู่แล้ว เพราะมึงก็แซวกูอยู่ตลอด กูว่าที่ชอบพี่เต๋าเพราะมึงแซวนี้แหล่ะ”ผมโยนความผิดให้มัน

“อ้าวเหรอ กูก็ไม่นึกว่ามึงจะคิดอาไรกับพี่เต๋านี้ว่ะ” โจ้เกาหัว

“ช่างมันเถอะกูพอจะจัดการเรื่องนี้เองได้ แต่เดี๋ยวก่อนนี้มึงเข้าใจผิดว่ากูชอบพี่ยอดเหรอ” ผมถามโจ้ โจ้ก้มหน้ายอมรับความผิด

“โธ่เว้ย กูก็สนิทกับพี่ยอด เหมือนที่มึงสนิทกับพี่ซุ่ยนั้นแหล่ะ มึงไม่ต้องคิดมากหรอก กูขอโทษแล้วกันที่ทำให้มึงคิดมาก” ผมขอโทษเพื่อน ถึงแม้ไม่รู้ว่าไปทำให้มันสงสัยตอนไหน ผมว่าผมก็ไม่ได้ทำอะไรผิดปกติน่ะ

“ไม่ใช่ความผิดของมึงหรอก กูเองแหล่ะที่คิดเองคนเดียวตลอด ถึงพี่จะชอบมึงหรือชอบใครก็ตาม ก็เป็นสิทธิ์ของเค้า เค้าคงไม่มีวันมารักกูหรอก กูพูดกับตัวเองเสมอว่ากูทำใจได้ แต่กูกลับทำไมได้อย่างที่กูคิด” โจ้ระบายความรู้สึกที่มีต่อพี่ยอด ถ้าพี่ยอดรู้ว่ามีคนรักเค้ามากขนาดนี้เค้าคงจะดีใจ

“กูเองก็อยากช่วยมึงให้สมหวังน่ะ แต่พี่เค้ามีแฟนแล้ว และเค้าก็รักกันมากด้วย อีกอย่างน่ะ ถึงพี่เค้าไม่มีแฟน เค้าก็คงไม่ชอบมึงหรอก เพราะว่าเค้าไม่ได้เป็นเกย์” ผมพูดกับเพื่อนผมตรงๆ เพราะอยากให้มันทำใจให้ได้

“อืมม ใช่ กูต้องยอมรับความจริง การรักใครข้างเดียวมันทรมานเหมือนกันเนอะ” โจ้ถอนหายใจ

“ไม่เสมอไปหรอกว่ะ บางที่การได้รักกันอาจจะทรมานกว่าก็ได้” ผมพูด

“กูยังไม่เคยมีความรัก กูเลยยังไม่เข้าใจมันเท่าไหร่ว่ะ แต่ตอนนี้กูเริ่มจะรู้จักบ้างแล้ว” โจ้เงยหน้ามองฟ้า ผมเองก็สงสารเพื่อนน่ะ ที่ดันไปรักคนมีเจ้าของ

“เอาเถอะ สักวันหนึ่ง มึงจะต้องเจอกับความรักที่สมหวังแน่นอน ไม่แน่น่ะมึงอาจจะเจอคนที่ดีกว่าพี่ยอดก็ได้” ผมพูดให้กำลังใจเพื่อน

โจ้เดินเข้ามากอดคอผม “ขอบใจว่ะเพื่อน”

ผมยังคุยกับโจ้สักพัก โจ้ก็เริ่มวกเข้ามาเรื่องพี่เต๋า
“แล้วไหงมึงถึงชอบพี่เต๋าว่ะ”

ผมนั่งเงียบ ก่อนจะพูดว่า“กูเองก็ไม่รู้ว่ะ ว่ากูชอบพี่เต๋าหรือเปล่า กูสับสนว่า ที่กูชอบเขา เพราะกูเหงา เพราะกูอยู่ไกลกับพี่แจ๊ค”
ผมเงยหน้ามองดาวบนฟ้า

“แต่มึงยังบอกว่ามึงยังรักพี่แจ๊คอยู่นี้” โจ้ถามผม เหมือนย้ำให้ผมต้องรู้สึกอย่างนั้น

“ใช่ แต่กูเองก็อยากอยู่กับเขา กูไม่ชอบเลย การอยู่คนเดียว การอยู่ด้วยการคิดถึง” ผมระบายความในใจ

“อีกแค่สองปีเอง เดี๋ยวแกก็ไปอยู่กับเค้าแล้ว” โจ้พูดให้กำลังใจ
ผมเงียบเพราะไม่รู้จะพูดอะไร

“กูว่าไม่แปลกหรอกที่มึงจะชอบพี่เต๋า เพราะพี่เค้าเองก็นิสัยดี และดูเหมือนเค้าจะสนิทกับมึงด้วย แต่ไอ้ที่ว่าชอบของมึง มึงต้องเข้าใจว่า มันหมายถึงรู้สึกดีกับเค้า หรือ รู้สึกรักเค้าเพราะเค้า แต่กูว่าไม่น่าจะใช่รักน่ะ เพราะถ้ามึงรักเค้า มึงก็คงเลิกกับพี่แจ๊คไปแล้ว กูก็พูดได้แค่นี้แหล่ะ มึงก็ลองกลับไปคิดเอาเองแล้วกัน” โจ้พูดให้ผมคิด ผมเองก็ลองกลับมาคิดดูว่าเพราะผมห่างกับพี่แจ๊คเลยเหงา แล้วช่วงที่เหงา มีพี่เต๋านี้แหล่ะที่อยู่ใกล้กับผม ผมเลยรู้สึกชอบเค้า แต่ผมไม่ควรจะรู้สึกอย่างนั้นเลย เพราะเหมือนเป็นการทำลายความไว้ใจที่พี่แจ๊คมีให้ผม และผมจะทำลายความซื่อสัตย์ของตัวเองที่มีให้พี่แจ๊คเหมือนกัน

“ขอบใจน่ะ กูรู้แล้วว่ะ ว่ากูแค่รู้สึกดีกับเขา เพราะยังไงกูก็ยังรักพี่แจ๊คคนเดียว และเหมือนเดิมด้วย”ผมหันมายิ้มให้โจ้

“อืมม ก็ดีแล้ว งั้นไปนอนเถอะ ดึกแล้ว” โจ้ชวนผมไปนอน แล้วมันก็เดินเข้าไปที่ห้อง ผมเดินตามหลังไป

พอไปถึงที่เตียงนอน โจ้ก็พูดกับผมว่า “เออ ไอ้ต้นกระบองเพชรน่ะ กูดูแลอย่างดีเลยน่ะ” โจ้เดินไปที่หน้าต่าง หยิบต้นกระบองเพชรเอามาให้ผม

ผมรับต้นกระบองเพชรจากโจ้ ผมเริ่มนึกถึงเจ้าของที่ให้ผมมา

หลังจากวันที่พี่เต๋ามาขอโทษผม พี่เต๋าก็หนีหน้าผมตลอด ผมเองก็ไม่รู้ว่าพี่เค้ายังคิดว่าผมโกรธเค้าอยู่หรือเปล่า
ผมเองอยากจะบอกว่าผมไม่ได้โกรธเค้าเลย แต่ไม่มีโอกาสสักที
ผมมองต้นกระบองเพชรอีกครั้ง ก่อนจะวางมันบนลิ้นชักข้างๆหัวเตียง

************************************************************************************************

คู่ที่ 3

ผมหิ้วเป้ เดินมาที่หอ แม้จะยังไม่ถึงเวลาเข้าหอ
แต่ผมก็อยากจะเข้าหอก่อนกำหนด เพราะว่าผมเบื่อกับการอยู่ที่บ้าน
แม้พ่อ แม่ จะไม่ทะเลาะกันเหมือนที่ผ่านๆมา เพราะว่าได้หย่ากันแล้ว แต่ก็ไม่มีอะไรทำ
ผมเลยอยากกลับมาที่หอ มาเจอเพื่อนๆ เพราะรู้ว่าโจ้อยู่ที่หอตลอด
อยู่กับเพื่อนคงดีกว่าอยู่คนเดียวที่บ้าน
อีกอย่าง กลัวไอ้โจ้มันเหงา เพราะไม่มีใครอยู่เป็นเพื่อนกับมัน

ก่อนจะเดินเข้าไปที่หอ ผมเห็นว่ามีพวกนักกีฬาบาสกำลังซ้อมบาสกันอยู่
มีหนึ่งคนในนั้นที่ดูเด่นและสะดุดตากว่าใคร นั่นคือพี่ยอด นั่นเอง
นอกจากจะรวยเพราะเป็นลูกชายท่านรัฐมนตรีแล้ว ยังหล่อและมีความเป็นสุภาพบุรุษด้วย
ผมเองไม่แปลกใจเลยที่บิ๊กจะชอบพี่ยอด แม้จะมีความเป็นพี่น้องมากั้นไว้

หลังจากที่ผมได้รู้ความจริงทั้งหมดจากมาสเตอร์เบิร์ด ผมกลับเห็นใจในตัวบิ๊กมากขึ้น
การที่แอบรักใครสักคนหนึ่ง โดยที่คนๆนั้นไม่มีทางที่จะมารักเรา มันทรมานมาก
ผมว่าผมกับบิ๊กคงอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน

ผมเดินไปถึงห้อง กำลังจะเปิดประตูเข้าไป
มาสเตอร์เบิร์ดก็เปิดประตูห้องออกมา
ผมยิ้มทักทายมาสเตอร์เบิร์ด “สวัสดีครับมาสเตอร์เบิร์ด”

“หวัดดีปอ ทำไมกลับเข้าหอเร็วจัง” มาสเตอร์เบิร์ดถามผม

“ก็ อยู่ที่บ้านไม่มีไรทำครับ เลยอยากมาหาเพื่อนจะได้ไม่เหงาครับ” ผมตอบ
มาสเตอร์เบิร์ดยิ้ม ก่อนจะแบกกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ออกมาด้วย

ผมตกใจเลยถาม “แล้วมาสเตอร์จะไปไหนครับ”

มาสเตอร์เบิร์ดถอนหายใจ “มาสเตอร์จะย้ายไปสอนที่ฝั่งมอ ต้น”

“ทำไมหล่ะครับ” ผมท้วง
มาสเตอร์เบิร์ดไม่ตอบ พร้อมหยิบกระเป๋าเดินผ่านผมไป

“แล้วมาสเตอร์เบิร์ดบอกบิ๊กหรือยังครับ” ผมถาม

มาสเตอร์เบิร์ดหยุดเดินพร้อมหันมาทางผม
“ผมไม่อยากให้เขารู้หรอก ถึงเขารู้ เขาก็คงไม่รู้สึกอะไร”มาสเตอร์เบิร์ดตอบผม

ผมมองมาสเตอร์เบิร์ด “มาสเตอร์กำลังจะหนีปัญหาเหรอครับ”

มาสเตอร์เบิร์ดถอนหายใจ “มาสเตอร์คิดว่าการที่มาสเตอร์ไปจากเขาคงดีกว่า”
มาสเตอร์ตอบแค่นั้น แล้วก็เดินออกไป

ผมเองก็ไม่รู้หรอกน่ะว่าการที่มาสเตอร์เบิร์ดทำแบบนี้เป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือเปล่า
ผมเองก็ตอบไม่ได้ว่าถ้าผมเป็นมาสเตอร์เบิร์ดผมจะทำยังไงต่อไป

ผมเปิดประตูห้อง เห็นโจ้กับเชียร์นั่งคุยกันอยู่
ทั้งสองคนเห็นผมก็ทำท่าตกใจ “เฮ้ย! ไอ้ปอมึงมาได้ไงเนี้ย วันกลับเข้าหออีกตั้งหลายวัน” เชียร์เป็นคนแรกที่ทักผม

“มึงก็เหมือนกันนั่นแหล่ะ ทำไมกลับมาจากอเมริกาเร็วจังว่ะ” ผมหันไปถามไอ้เชียร์ พร้อมเอาเสื้อผ้าออกจากเป้

“ก็กูคิดถึงพวกมึงไง” เชียร์พูดพร้อมทำเสียงสูง

“คิดถึง แล้วไหนหล่ะของฝาก” ผมหันมาทำท่าแบมือ

เชียร์ยิ้มพร้อมคว้าไปหยิบเสื้อมาให้ผม
“อะไรว่ะ ซื้อเสื้อมาตัวเดียว” ผมแซว

“แพงน่ะเว้ยตัวเนี้ย กูยังมีขนมอีก เดี๋ยวค่อยเอาไปกินตอนเย็นกัน” เชียร์ตอบ

ผมเปลี่ยนเสื้อผ้า เพื่อจะออกไปเล่นกีฬา ผมหันไปชวนโจ้และเชียร์ เชียร์ตอบตกลง
แต่โจ้ไปไม่ได้ เพราะมันต้องไปช่วยอาจารย์ตรวจข้อสอบ
ผมเลยต้องเล่นกีฬากับเชียร์สองคน

ลูกแบตตกลงที่ฝั่งของผม เชียร์กระโดดดีใจ
“เย้ กูชนะมึง ตามที่ตกลงกันไว้ มึงต้องให้กูขี่ไปจนถึงหอเลยน่ะ”
ผมเขวี้ยงไม้แบตโมโหที่ตัวเองดันแพ้เชียร์ ก่อนจะเล่นผมพนันกับมันไว้ว่าถ้าใครแพ้จะต้องให้คนชนะขี้แล้วเดินไปจนถึงหอ
แล้วผมก็เป็นคนแพ้เลยต้องยอมให้มันขี้ไปจนถึงหอ
โชคดีที่สนามแบตอยู่หลังหอ คงไม่มีใครเห็นผมแบกไอ้เชียร์หรอก
ไอ้เชียร์ตอนอยู่บนหลังผม มันก็แกล้งผมตลอด เอานิ้วมาแหย่หูผมบ้างหล่ะ
สักพักก็จี้เอวผมบ้างหล่ะ ผมก็ดิ้นๆไปตามแรงที่มันจี้ จนผมสะดุดขาตัวเองล้มลงไปกองกับสนามหญ้า ไอ้เชียร์ก็ล้มไปด้วย

“เฮ้ยลุกดิว่ะ ตัวมึงโคตรหนักเลย” ตัวไอ้เชียร์ทับตัวผมอยู่

“เออ” เชียร์ตอบพร้อมเอามือยันกับพื้นพยุงตัวลุกขึ้น ผมเองก็ลุกขึ้นด้วย พร้อมปัดเศษหญ้าที่ติดตาเสื้อ

“เมื้อกี้ปากมึงโดนแก้มกู กูเสียความบริสุทธิ์ให้มึงแล้วน่ะ” เชียร์พูดพร้อมกระโดดเกาะผม


“เฮ้ย จริงเหรอว่ะ เดี๋ยวกูเอาแอลกอฮอลล์มาล้างก่อนดีกว่า” ผมตอบมันกลับไป เมื้อกี้ตอนล้มก็รู้สึกว่าปากตัวเองไปโดนอะไรนุ่มๆ

“ปากดีจริงๆน่ะมึง กูว่าเอาทิงเจอร์ล้างหมาในปากมึงด้วยก็ดี” เชียร์กระโดดลงจากตัวผม พร้อมเอามือมาตบที่หัวผม

“ยังไม่ถึงหอเลย มึงต้องให้กูขี่ไปอีกน่ะ”เชียร์ทวงสัญญา

ผมส่ายหน้า “ไม่เอาอ่ะ เมื่อกี้มึงแกล้งกูจนล้ม แถมลวนลามกูอีก กูขยะแขยงมึงว่ะ” ผมพูดเสร็จแล้วก็วิ่งหนีมัน เชียร์มันก็วิ่งไล่ผม
เราสองคนวิ่งมาถึงหน้าหอ ก็หยุดวิ่งเพราะเหนื่อยจัด

“ไปอาบน้ำเถอะ จะได้ไปกินข้าวเย็น นัดไอ้โจ้ไว้นี้ เดี๋ยวมันรอ” เชียร์พูดกับผม

“เออ มึงขึ้นไปก่อน เดี๋ยวกูตามไป กูขอกินน้ำก่อน”

ผมเดินเข้ามาที่แทงค์น้ำ ซึ่งตั้งอยู่ด้านล่างของหอ
ผมเอามือรองน้ำที่ไหลมาจากก๊อกน้ำ ค่อยก้มลงไปดื่มน้ำนั้น
พอผมเงยหน้าขึ้นมา ผมเห็นบิ๊กกำลังก้มหน้าดื่มน้ำที่ก๊อกน้ำฝั่งตรงข้าม
พอบิ๊กดื่มน้ำเสร็จ ก็เงยหน้าขึ้น
บิ๊กตกใจที่เห็นผมยืนอยู่ตรงหน้า
“หวัดดี” ผมยืนยิ้มทักทายบิ๊ก
บิ๊กไม่ตอบพร้อมทำท่าจะเดินหนี

“เดี๋ยวก่อนซิ นายโกรธอะไรเรา ทำไมถึงไม่อยากเจอหน้าเรา” ผมตะโกนถามบิ๊ก
บิ๊กหยุดเดิน แล้วก็เดินมาหาผม

“เราไม่ได้โกรธนายหรอก แต่เราไม่ชอบที่นายชอบตามเรา” บิ๊กพูดพร้อมทำหน้าโมโห

“เราป่าวตามนายน่ะ ทุกครั้งที่เราเจอนายมันเป็นความบังเอิญจริงๆ” ผมพูด

“แล้วเราจะเชื่อได้ยังไง” บิ๊กถาม

“ไม่รู้สิ เราคงพิสูจน์อะไรไม่ได้ แต่ถ้านายไม่ชอบที่เจอเรา เราก็ไม่มาให้นายเจออีกก็ได้” ผมพูดพร้อมด้วยอารมณ์น้อยใจ ผมหันหน้าจะเดินกลับขึ้นห้อง บิ๊กก็เรียกผม “เดี๋ยวก่อนซิปอ”
ผมแอบยิ้ม พร้อมหันหน้ากลับไป
บิ๊กเดินมาหาผม พร้อมเอามือมาแตะไหล่ผม “เออ เราขอโทษแล้วกัน ที่อารมณ์เสียใส่นาย เราเชื่อในสิ่งที่นายพูดนะ”
ผมเอามือไปแตะที่มือของบิ๊ก “ไม่เป็นไร”
บิ๊กกับผมยิ้มให้กัน มันเป็นการแสดงถึงมิตรภาพที่บิ๊กมีให้กับผม
“เมื้อกี้แฟนนายเหรอ น่ารักดีน่ะ” บิ๊กถามผมม

“เฮ้ย! ป่าวๆ เพื่อนเราเอง ไอ้นั้นมันมีแฟนแล้ว” ผมรีบแก้ตัว

“อ้าวเหรอ เมื่อกี้เราเห็นนายเล่นกัน เหมือนแฟนกันเลย” บิ๊กบอกเหตุผลที่คิดอย่างนั้น สงสังเห็นผมกับเชียร์ตอนล้มลงไปแน่ๆ

“ก็เพื่อนสนิทกัน เลยเล่นกันแบบนี้แหล่ะ เออ นายไม่รู้จักเพื่อนเราเหรอ เพราะว่าแฟนของเราเป็นญาติกับแฟนพี่ยอด” ผมนะนำเชียร์ให้บิ๊กรู้จัก แต่ดันเผลอพูดถึงเรื่องแฟนพี่ยอด น่าตาบิ๊กเลยดูเศร้าๆเมื่อได้ยินเรื่องแฟนของพี่ยอด สักพักบิ๊กก็เปลี่ยนสีหน้ามาเป็นปกติ
“เหรอ เราก็รู้สึกว่าน่าคุ้นๆ”

บิ๊กกับผมพูดคุยกันจนมาถึงห้อง
ผมหันไปถามเรื่องมาสเตอร์เบิร์ดกับบิ๊ก “เออ นายรู้หรือยังว่ามาสเตอร์เบิร์ดย้ายไปอยู่แผนกมอ ต้น แล้ว”

บิ๊กเงียบก่อนจะตอบกับผม “ไม่รู้หรอก แต่ก็คิดว่าสักวันเขาคงต้องไป”
ผมเห็นบิ๊กพูดอย่างนี้ ก็พอจะรู้สึกว่าบิ๊กเองก็คงรู้สึกแคร์มาสเตอร์เบิร์ดบ้างแหล่ะ

บิ๊กหันมายิ้มให้ผม “เราเองก็ไม่อยากแอบคบกับมาสเตอร์เบิร์ดในสภาพแบบนี้หรอก การที่ลูกศิษย์มีอะไรกับอาจารย์มันก็เป็นเรื่องที่ผิดอยู่แล้ว อีกอย่าง เราก็ไม่อยากจะทำร้ายเค้าอีก” ประโยคหลังบิ๊กพูดเสียงเบา

“เออ คือ เราหมายถึง ถ้าใครมารู้เรื่องนี้ มาสเตอร์อาจจะโดนไล่ออก แล้วมีประวัติไม่ดี” บิ๊กพยายามปกปิด เพราะคงไม่อยากให้ผมรู้เรื่องที่บิ๊กคบมาสเตอร์เพื่อเป็นตัวแทนของคนที่บิ๊กชอบ
ผมยิ้มเพื่อบอกว่า ผมเข้าใจในสิ่งที่บิ๊กพูดทุกอย่าง

ก่อนที่จะแยกเข้าห้องไป ผมรวบรวมความกล้า แล้วหันไปถามบิ๊ก
“บิ๊ก บิ๊ก บิ๊ก”
บิ๊กหันมาตามเสียงเรียก “มีอะไรเหรอ”
“ตอนเย็นไปกินข้าวกับเราไหม เพื่อนเราเค้าซื้อขนมมาจากอเมริกา มากินด้วยกันดิ”
ผมชวนบิ๊กมานิ่งกินข้าวด้วยกัน
บิ๊กคิดสักพักหนึ่ง ก่อนจะตอบว่า
“ได้สิ” แล้วก็เดินกลับเข้าห้องไป

ตอนเย็นวันนั้น นอกจากมีผม และเพื่อนผมอีกสองคนแล้ว ก็ยังมีบิ๊กมานั่งกินข้าวด้วย

----- จบตอนที่ 10 -----

ทักทายจากผู้เขียน

สำหรับตอนนี้ทุกอย่างลงเอยด้วยดี แต่ไม่ได้แปลว่าจบแล้วน่ะครับ ยังมีต่ออีก
ตอนนี้ผมเน้นเรื่องของการเปิดใจ พูดคุยกันตรงๆ ในการแก้ปัญหาต่างๆ
เมื่อเราเข้าใจตรงกัน ทุกอย่างก็จะลงเอยด้วยดีครับ
มีหลายคนบอกว่า ฉากสวีทมีน้อยจัง
แหม!ก็ตอนนี้เล่าถึงช่วงม.4 เรื่องของความรักมันยังไม่ค่อยมีอะไรมากเท่าไหร่
ในPart1 ค่อนข้างเน้นเรื่องของเพื่อนมากกว่าความรัก
อดใจรอ Part2 และ Part3แล้วกันครับ ที่จะเน้นถึงความรักของทั้งสามหนุ่มมากว่านี้

พบบทสรุปของเรื่องราวตอนม.4 ในวันวาเลนไทน์นะครับ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 11-02-2008 20:27:22
ดูเหมือนจะลงเอยด้วยดีทุกคู่นะ  :m13: :m13:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: BICHA ที่ 11-02-2008 21:38:36


    มาต่อเร็ว ๆ นะค๊าบ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 12-02-2008 01:05:44
รอวันที่ 14 อิอิ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: BuzZenitH ที่ 12-02-2008 05:49:20
 o13....ยกนิ้วให้.....

 :m1:....ไม่ว่าจะซีซั่นไหน....ก็หวั่นไหวทุกที.... :o8:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 12-02-2008 10:21:03
คิดถึงสามหนุ่มสามมุมมากมาย.......
กว่าจะอ่านตามมาทัน มึนนนนนน  o2
อะไรมันจะสับสนวุ่นวายดีแท้น้อออออ
ไงก็เอาใจช่วยค๊าบบบบบ
 :m4:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 12-02-2008 11:34:22
จะรออนะครับเจอกันวันที่14 นะครับ :m1:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 12-02-2008 16:38:29

รอด้วยๆ

 :m1:

หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: meawkung02 ที่ 12-02-2008 16:55:49
ค้าบบ...แล้วจะรออ่านนะค้าบบบ...^^
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: nolirin ที่ 12-02-2008 19:30:11
 :o8:แหะๆ  เพิ่งตามอ่านได้ไม่กี่ตอนเองค๊า

แต่ชักจะติดอกติดใจซะแว้ววววว

เลยมะเม้นแปะไว้ให้ก่อนนะค๊า

อ่านทันปัจจุบันเมื่อไรจะมาเม้นให้อีกรอบ

 :m1: :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: nolirin ที่ 13-02-2008 02:07:37
 :m1:อ่านทันตอนปัจจุบันแล้วค๊า

ช่วงตอนม.ปลายเนี้ย

ความรักของสามเพื่อนเลิฟช่างยุ่งเหยิงเหลือเกิน :เฮ้อ:

แต่ก้อเปงกำลังใจให้ทั้งสามคนน๊า :m1:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: snowblack ที่ 13-02-2008 10:34:56
รอนะครับ  :m1:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: BuzZenitH ที่ 14-02-2008 02:23:46
 :m1:....ลุ้นกันต่อไป......

ชอบจริงๆชีวิตเด็กม.ปลาย....(อยากกลับไปเป็นเด็กอีก)

อ๊ะลืม....Happy Valentine....

ขอให้รักจงเจริญ..... :mc3:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: jojoe ที่ 14-02-2008 07:17:47
Three Couples of Love Season2: Back to School part2

บทนำ (ม.4 เทอม2)

คู่ที่1

วันอำลารุ่นพี่ที่ทางโรงเรียนจัดขึ้น โดยรอบเช้าเป็นงานพิธีการ ที่จัดขึ้นในโบสถ์
มีบรรดา บาทหลวง และคณะครูผู้บริหารโรงเรียนมาร่วมงานด้วย
บรรยากาศในพิธีดูศักดิ์สิทธิ์ และดูสง่าเป็นอย่างมาก
เหมือนเป็นการบอกบรรดานักเรียนชั้นม.6ที่จบจากที่นี้ไปว่า จงภูมิใจที่ได้รับความรู้จากสถาบันแห่งนี้

ผมได้เป็นตัวแทนนักเรียนชั้นม.4 กล่าวความรู้สึกที่มีต่อรุ่นพี่
ขนาดซ้อมมาเป็นสิบรอบแล้วผมยังตื่นเต้นอยู่เลย
เป็นครั้งแรกที่ได้พูดต่อหน้าคนเป็นพันๆ
ผมพยามเพ่งสมาธิไปยังบทพูด แม้จะมีแสงเฟลชคอยรบกวนตลอดการพูด

“พวกเราดีใจ และภูมิใจที่ได้เป็นพี่น้องใต้ต้นชมพูพันธุ์ทิพย์ด้วยกัน ขอให้พี่ๆโชคดี และพบกับความสำเร็จในชีวิต ด้วยรักจากใจ น้องๆชั้นมัธยมศึกษาปีที่4”
ผมพูดประโยคสุดท้ายของบท พร้อมก้มคำนับประธานในพิธี แล้วเดินกลับไปยังที่นั่งของตัวเองซึ่งอยู่ด้านหน้าสุด ผมถอนหายใจโล่งอกที่ตัวเองพูดไม่ผิดเลย

ต่อไปเป็นการกล่าวความรู้สึกของชั้นม.5
ผมเพิ่งสังเกตเห็นคนที่เป็นตัวแทนชั้นม.5 ทั้งที่เมื่อกี้เขาก็นั่งข้างๆผม
สงสัยมัวแต่เตรียมตัวอ่านบทพูดเลยลืมสังเกตไป
ระหว่างที่พี่คนนั้นพูด ผมก็มองเขาตลอด รู้สึกว่าหน้าตาน่ารักดี
ผิวขาว คิ้วเข้ม ปากแดงอมชมพู ผมสีน้ำตาลเข้ม แต่ตัวเล็กไปหน่อย ตัวเท่าผมเลย
ผมไม่ได้ฟังสิ่งที่พี่เค้าพูดเลยสักนิด มัวแต่มองพี่เค้าอย่างเดียว จนพี่เค้าพูดจบ ผมเลยรู้สึกตัวเพราะเสียงปรบมือของคนในโบสถ์

พี่เค้ากลับมานั่งที่นั่งของตัวเองซึ่งนั่งข้างๆผม
ที่นั่งแถวของเรามีแต่เรานั่งอยู่สองคน เพราะทางโรงเรียนให้ตัวแทนนักเรียนที่จะกล่าวความรู้สึกนั่งอยู่ข้างหน้าสุด
ผมยังแอบๆมองพี่เค้าอยู่ มองด้านข้างก็น่ารัก เห็นชัดเลยว่าจมูกโด่งได้รูปที่เดียว
และแล้วพี่เค้าก็หันมาหาผม สายตาของผมกับพี่เค้าเลยจ๊ะเอ๋กันเข้า
ผมเลยหันหน้ากลับมาอัตโนมัติทันที พยายามเก็บอาการเขินไม่ไห้พี่เค้าเห็น
“น้องครับ น้องชื่ออะไร” พี่เค้าดันถามชื่อผม

“ชื่อโจ้ครับ” ผมหันไปตอบ

“น้องคือเด็กห้องศิลป์คำนวณที่สอบได้ที่หนึ่งของชั้นใช่ป่ะ”

“ชะ ชะ ใช่ครับ” ผมตอบตามความจริง เพราะเกรดออกแล้ว ซึ่งผมได้เกรดเฉลี่ยสูงสุดของชั้น

“น้องแน่มาก ปราบเด็กวิทย์ซะราบเลยนะ” ดูพี่เค้าจะชื่นชมผมมาก คงเพราะปกติแล้วที่หนึ่งของชั้นส่วนมากเป็นเด็กห้องวิทย์ซะมากกว่า พอปีนี้ที่หนึ่งเป็นเด็กห้องศิลป์ (ซึ่งเป็นไปได้ยากที่จะได้ที่หนึ่งของชั้น) ก็เลยฮือฮาเป็นพิเศษ จนกลายเป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์ของโรงเรียนไปเลย ผลสุดท้ายผมเลยมาเป็นตัวแทนรุ่นกล่าวความรู้สึกต่อพี่ม.6 อย่างที่เห็นนี้แหละ
“พี่ชื่อ หมี อยู่ห้องวิทย์ ห้องเดียวกับพวกไอ้เอ๊ด ไอ้เติ้ง” พี่เค้าแนะนำตัวกับผม ที่แท้เป็นเพื่อนกับประธานและรองประธานชมรมของผมนั่นเอง

“ยินดีที่ได้รู้จักนะ คงได้คุยกันอีก” พี่เค้าปิดการสนทนาเพราะเราต้องออกจากโบสถ์ เพื่อทำพิธีลำดับต่อไป

ผมเดินมาหาเพื่อนๆที่กำลังตั้งแถวอยู่หน้าบันไดทางเข้าโบสถ์ เพื่อรอให้พี่ม.6ออกมาแล้วเอาดอกกุหลาบไปให้
“โจ้ๆ ทางนี้” เสียงของเชียร์ ผมเห็นเพื่อนตัวดีชูมือเรียกผม

“คนเยอะจังอ่ะ” ผมบ่นเพราะคนเบียดจนผมเดินไม่ได้

สักพักปอก็เดินมาหาพร้อมหอบดอกกุหลาบช่อใหญ่มาให้

“เค้าให้คนละกี่ดอกว่ะ”เชียร์ถาม

“ไม่รู้ว่ะ กูหยิบมาไม่ได้นับ” ปอยื่นดอกกุหลาบมาให้ผมทีละดอก

“ถึงจะได้กี่ดอกก็ให้พี่ไม่กี่คนหรอก”ผมตอบ เพราะพี่ม.6ที่รู้จักก็มีแค่ไม่กี่คน

“แล้วมึงจะบอกเค้าวันนี้หรือเปล่า” เชียร์ถามผม เพื่อเตือนถึงสิ่งที่ผมควรบอกให้คนๆหนึ่งได้รับรู้สักที
ผมเงียบสักครู่หนึ่งก่อนจะหันมายิ้มให้เพื่อนทั้งสอง

“บอกซิ” ผมตอบอย่างชัดเจน พร้อมความมุ่งมั่นที่จะทำในสิ่งที่หัวใจเรียกร้องมานาน
เชียร์กับปอยิ้ม พร้อมเอามือมาแตะบ่าผมเป็นการให้กำลังใจ

“สู้ๆนะ” เชียร์ให้กำลังใจผม

“อืมม” ผมยิ้มรับกำลังใจจากมัน

“โน้น มาแล้ว” ปอชี้ให้ดูคนที่ผมมุ่งมั่นจะบอกความในใจให้เขาได้รับรู้

ชายร่างสูงใหญ่ หุ่นนักกีฬา ผมดำเข้มที่เริ่มยาวประบ่า ทำให้ผิวขาวเนียนยิ่งเด่นชัด ในมือหอบดอกไม้จำนวนมากที่บ่งบอกเลยว่า เจ้าตัวเป็นที่ชื่นชอบแก่บรรดารุ่นน้องมากแค่ไหน

ผมยังคงมองชายคนนั้น ผู้ชายที่เป็นรักแรกของผม แม้ผมกับเค้าจะสนิทกันในระดับหนึ่ง แต่ความสัมพันธ์นั้นก็เป็นแบบพี่น้อง ที่ผมเองไม่พยายามทำให้มันเกินไปกว่านั้น เพราะรู้ตัวดีอยู่เสมอว่าไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้ว เพราะเจ้าตัวเค้ามีเจ้าของหัวใจอยู่แล้ว แต่ผมก็ดีใจที่ได้รู้จักเค้า และมีประสบการณ์ที่ดีร่วมกัน

“ไปเหอะ” แล้วไอ้เชียร์ก็ลากผมไปเมื่อเห็นพี่เค้าแยกตัวไปในห้องน้ำ

“พี่ยอด” เชียร์เรียกเจ้าของชื่อ ที่ยื่นอยู่หน้ากระจกในห้องน้ำ

“อ้าวเชียร์” พี่ยอดยิ้มให้เชียร์ แต่คงเห็นผมแอบอยู่ข้างหลังเชียร์ เลยยื่นหน้ามายิ้มให้

เชียร์ยื่นดอกกุหลาบมาให้พี่ยอด “ดีใจด้วยนะครับ ยังไงก็ขอให้โชคดี ตั้งใจเรียนป.ตรีนะ”

พี่ยอดบอกขอบใจพร้อมรับดอกกุหลาบจากเชียร์

“ไม่น่าให้พี่เลย มีคนให้เยอะอยู่แล้วนี้” เชียร์เริ่มแซว

พี่ยอดหัวเราะ “พอเชียร์กับโจ้จบก็คงได้เยอะกว่าพี่ม้าง”

“เออ พี่ยอด โจ้มันมีเรื่องจะพูดกับพี่” แล้วเชียร์มันก็เริ่มเข้าเรื่อง

พี่ยอดทำหน้างงงง แล้วหันมามองที่ผม ซึ่งกำลังก้มหน้าก้มตาด้วยความเขินอาย

“เชียร์ขอตัวเอาดอกกุหลาบไปให้พี่ๆคนอื่นๆก่อนนะ” แล้วเชียร์มันก็ปล่อยให้ผมอยู่กับพี่ยอดสองต่อสอง

ผมยืนเงียบทำตัวไม่ถูก ไม่เข้าใจตัวเองว่าจะเริ่มด้วยคำพูดไหนดี

“พี่ว่าเราไปคุยกันข้างนอกดีกว่า” ผมเองก็เห็นด้วย ให้มาสารภาพรักในห้องน้ำคงไม่ดีแน่

พี่ยอดเดินนำผมออกไป จนถึงห้องโถงตึกหอประชุมกลางซึ่งมีแต่คนแน่นไปหมด ผมเริ่มมองไม่เห็นพี่ยอดแล้ว
แต่แล้วก็มีมือมาคว้าแขนผมไว้ ผมหันไปมอง เห็นพี่ยอดยืนยิ้มอยู่
“เดี๋ยวไปทางลัดดีกว่า” แล้วพี่ยอดก็ลากผมไป โดยพี่เค้าเลื่อนมือมาจับมือผม พาผมออกด้านหลังของห้องโถง
แล้วอ้อมไปทางสนามบอลที่ติดอยู่กับหอประชุมกลาง ก่อนจะวกกลับไปตามทางเดินซึ่งตรงไปยังทะเลสาบของด้านหน้าของโรงเรียน

ตลอดทางที่เดินพี่ยอดจับมือผม ผมไม่เคยรู้สึกดีอย่างนี้มาก่อน ทั้งที่ทางที่พี่ยอดพาผมเดินนั้นไกลเกือบกิโล แต่ผมกลับรู้สึกว่ามันสั้นเหลือเกิน

พอมาถึงม้านั่งใกล้ทะเลสาบ พี่ยอดก็ปล่อยมือผม แล้วเดินไปนั่งตรงม้านั่ง ผมก็ค่อยๆเดินไปนั่งข้างๆ
พี่ยอดหันมามองผม ซึ่งผมเองก็หันมามองพี่ยอดเช่นกัน

“พี่รู้นะว่าโจ้อยากบอกอะไรพี่” พี่เขาพูดยิ้มๆ ผมเองก็ตกใจที่พี่เค้ารู้ความในใจของผม

“พี่ดูออกว่าโจ้คิดยังไงกับพี่” พี่เขาตอบพร้อมหันหน้าไปมองทะเลสาบ

“ตลอด3ปีที่พี่อยู่ที่นี้ มีคนมาสารภาพรักกับพี่เยอะจนนับไม่ได้” พี่ยอดพูดพร้อมหยิบก้อนหินเควี่ยงไปที่ทะเลสาบ

ผมนึกในใจว่าถึงพี่เค้าไม่บอกก็พอรู้ เพราะพี่เค้าหล่อซะขนาดนั้น แถมนิสัยโคตรรดีเลย ใครจะไม่ชอบว่ะ

“ขนาดเพื่อนในห้องเดียวกัน ยังมีเลย” พี่เค้าพูดพร้อมหัวเราะ ฮิ ฮิ ในลำคอ

“พี่เองก็ไม่ได้ไม่ชอบหรอก แต่พี่พอรู้ว่าคนพวกนั้นชอบพี่เพราะอะไร เค้าชอบเพราะที่หน้าตาของพี่ ชอบเพราะรูปร่างของพี่ ชอบเพราะฐานะของพ่อพี่ ชอบเพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นรูปร่างภายนอกของพี่ จะมีสักกี่คนที่บอกว่ารักพี่ แล้วชอบที่ภายในจิตใจของพี่จริงๆ” หมดประโยคนี้ พี่ยอดเคี้ยวงก้อนหินไปสุดแรง จนหยดน้ำกระเด็นมาถูกเราสองคน

ผมหันไปมองพี่ยอด พร้อมนึกตามคำพูดของพี่เค้า ผมยอมรับว่าตอนแรกที่เห็นพี่เค้าผมชอบเพราะหน้าตา รูปร่าง ของพี่เค้าจริงๆ แต่พอได้รู้จัก ได้พูดคุย ผมก็ยิ่งรู้สึกชอบมากขึ้นไปอีก

ผมกับพี่ยอด นั่งเงียบไปสักครู่หนึ่ง ผมไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี เพราะพี่ยอดแย่งพูดความรู้สึกของผมไปหมดแล้ว

“ใกล้เวลาทานอาหารเที่ยง เราไปกันเถอะ” แล้วพี่ยอดก็ลุกขึ้นเดินออกไป แต่ผมยังคงนั่งอยู่ที่ม้านั่ง

แล้วน้ำตาของผมก็เริ่มไหลออกมา ผมกลั่นมันไว้ไม่อยู่จริงๆ รู้สึกเหมือนโดนตบหน้าอย่างแรง แม้ว่าพี่ยอดไม่ได้ตอบปฏิเสธผม แต่คำพูดของพี่ยอดมันเหมือนดูถูกว่าผมจะรักคนๆหนึ่งเพราะแค่มองจากภายนอกเท่านั้น

ไม่ได้ ผมจะไม่ยอมให้พี่เค้าคิดว่าผมเป็นคนแบบนั้นเด็ดขาด

ผมลุกขึ้นจากม้านั่ง หันไปมองที่พี่ยอดที่กำลังเดินห่างออกไปจากผมช้าๆ

ผมรู้ว่าอีกไม่นาน พี่ยอดก็จะไปจากผมแล้ว อาจจะไปจากชีวิตผมด้วยซ้ำ เพราะพี่ยอดจะย้ายไปเรียนต่ออังกฤษ และอาจจะย้ายไปอยู่ที่นั่นตลอดเลยด้วย

นี้จะเป็นโอกาสสุดท้าย ที่ผมจะทำให้รักครั้งแรกของผม

ผมวิ่งไปสุดแรง สายตายังคงจ้องด้านหลังของผู้ชายที่ผมเฝ้ามองมาตลอดเกือบปี
ผมวิ่งไปถึงพี่ยอด ผมคว้าตัวพี่ยอดไว้ ซบหน้าไปกับหลังของพี่เค้า แล้วน้ำตาของผมก็เริ่มไหล
“ใช่ ผมรักพี่เพราะหน้าตา เพราะรูปร่าง เพราะฐานะ และทุกอย่างที่ผมเห็น แต่รู้ไว้นะ ผมก็รักจิตใจ นิสัย บุคลิก เสื้อผ้า กางเกง รองเท้า ผู้คนรอบข้างในชีวิตของพี่ด้วย”

คำพูดพรั่งพรูออกมาจากปากของผม

ผมค่อยๆปล่อยตัวพี่ยอด แล้วเดินไปเผชิญหน้าของพี่เค้า

“ผมรักทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นพี่ ผมรักพี่มากกว่าที่พี่คิด”

ผมยังคงร้องไห้ มันเป็นความรู้สึกดีใจที่ผมได้พูดความรู้สึกออกมา และเสียใจที่จะไม่พบกับผู้ชายคนนี้อีกแล้ว

พี่ยอดหน้าเหวอไปสักพัก คงตกใจที่ผมพูดไปร้องไห้ แล้วพี่ยอดก็เดินเข้ามากอดผมแน่น

“ขอบใจมากๆ ขอบใจที่มีความรู้สึกดีดีให้พี่ ขอบใจจริงๆ”

ผมเองก็กอดพี่ยอดแน่น น้ำตาแห่งความดีใจมันไหลออกมาแทบไม่หยุด

“พี่เองก็ดีใจที่มีน้องที่น่ารักอย่างโจ้ ดีใจที่มีคนรักพี่ มีคนห่วงพี่ รู้ไว้นะ พี่ก็รักโจ้ และห่วงโจ้ แม้พี่จะเป็นอย่างที่โจ้คิดไม่ได้ แต่พี่จะเป็นพี่ชายที่ดีให้โจ้ ตอบแทนกับความรู้สึกของโจ้ที่มีต่อพี่” แล้วพี่ยอดค่อยๆเลื่อนหน้าลงมา แล้วจูบที่หน้าผากของผม

ผมยิ้มดีใจที่พี่ยอดเข้าใจผม แม้สุดท้ายความรักของผมจะไม่ได้ลงเอยด้วยการเป็นคนรักกัน แต่ก็ผมดีใจและพอใจที่คนที่ผมรัก ได้รับความรู้สึกของผมเอาไว้ และเห็นคุณค่าของมัน

พี่ยอดเช็ดน้ำตาให้ผม แล้วก็ยื่นมือมาที่ผม ผมก็ยื่นมือไปจับมือของพี่ยอด

เราสองคนเดินมุ่งหน้าไปยังที่หอประชุม

ตลอดทางถึงหอประชุมผมและพี่ยอดจับมือกันแน่น เหมือนยืนยันถึงความรู้สึกของกันและกัน

น้องชายคนนี้จะรักพี่ชายเสมอไปครับ

********************************************************************************
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: jojoe ที่ 14-02-2008 07:19:05
คู่ที่ 2

หลังจากที่ผมปล่อยให้โจ้อยู่กับพี่ยอดสองต่อสอง ผมก็เดินกลับมาที่ห้องโถงในหอประชุม
ผมมองพวกพี่ม.6กำลังรอรับดอกไม้จากน้องๆ ผมให้ดอกไม้พี่ๆไปหมดแล้ว
เลยมานั่งรอไอ้โจ้อยู่ที่บันไดทางเดินข้างๆกับทางเข้าหอประชุม

รู้สึกว่ามันไปนานจัง ผมก็ไม่รู้ว่ามันจะพูดอะไรกับพี่ยอดบ้าง
แต่ก็ดีใจที่เห็นเพื่อนกล้าเปิดเผยความในใจ แม้จะรู้ผลลัพท์ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว

ส่วนไอ้ปอก็ไปเตรียมเครื่องดนตรี ที่จะมาเล่นตอนกลางคืนในงานเลี้ยงอำลารุ่นพี่
โดยมีบิ๊กไปช่วยด้วย เพราะบิ๊กต้องร้องเพลงกับวงของไอ้ปอ
เห็นสองคนนี้ ก็อิจฉา เพราะแม้จะเป็นเพื่อนกัน
แต่เห็นท่าทีของทั้งสองคนที่มีให้กัน ก็พอจะรู้ว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองคงคืบหน้าไปมากกว่านี้แน่

ส่วนผมก็เรื่อยๆ ทั้งเรื่องเรียนและความรัก ยังคงเหมือนเดิม
ผมยังคบกับพี่แจ๊ค แม้ความรู้สึกของตัวผมเองจะสับสนบ้าง
เพราะคนบางคนที่เข้ามาใกล้ชิดผม ผมเองพยายามจะไม่คิดมากไปกว่านี้
ผมเลยพยายามหลบหน้า หรือไม่ก็พยายามอยู่ห่างๆ
แต่มันก็กลับไม่ช่วยอะไรเลย ผมก็ยังคิดถึงเขาอยู่ดี

“นี้ครับ ดอกกุหลาบสำหรับเชียร์” น้ำเสียงทุ้มต่ำที่ผมคุ้นเคย
ผมหันไปมองดอกกุหลาบ และมองคนที่ยื่นดอกไม้นั้นมาให้ผม
 
“เค้าเอาไว้ให้พี่ม.6ไม่ใช่เหรอ เอามาให้เชียร์ทำไม”

“ก็อยากให้ เห็นนั่งหงอยตั้งนานแล้ว”
พี่เต๋าพูดอย่างนี้แสดงว่าคงมองผมนานแล้ว

“ไม่มีกฎห้ามไม่ให้ดอกไม้รุ่นน้องในวันอำลารุ่นพี่สักหน่อย”
ผมเลยรับดอกไม้จากพี่เต๋า แล้วพี่แกก็นั่งข้างๆผม

“พักหลังไม่ค่อยได้เจอกันเลยนะ” พี่เต๋าพูดทำเอาผมสะอึก เพราะผมพยายามหนีหน้าพี่เค้าตลอดเลย

“ก็ ยุ่งๆ เตรียมตัวสอบเลยไม่ค่อยได้ออกจากห้องไปไหน” ผมแก้ตัว

“จริงเหรอ” พี่เต๋าหันมามองหน้าผม พร้อมทำหน้าสงสัย

“อะไรอีกหละ เชียร์จะโกหกพี่ทำไม” ผมหันมาทำเสียงดุ พี่เต๋าเลยหัวเราะออกมา

“นานๆจะได้คุยกันแบบนี้สักที ไม่ได้แหย่ใครมานานแล้ว”

“เห็นเชียร์เป็นที่ระบายอารมณ์เหรอไง” ผมเริ่มโวยวาย

“ป่าวๆสักหน่อย ก็เคยบอกแล้วไงว่าพี่ชอบตอนเชียร์โมโห น่ารักดี”

“มันน่ารักตรงไหน” คนบ้าอะไรชอบคนตอนโกรธ

“พอเชียร์โกรธ หน้าผากจะย่น คิ้วก็จะขมวดมาชนกัน แล้วก็ทำปากเบะออกมา ตลกดี” พี่เต๋าพูดกวนอีกแล้ว
“ที่แท้ก็เห็นเราเป็นตัวตลก” ผมทำท่างอนๆ มันสมควรจะงอนมั้ยหละ

“ล้อเล่นหรอกน่า” แล้วพี่เต๋าก็เขยิบตัวมากอดคอผม ผมทำตาโตตกใจมาก ไม่นึกว่าพี่เต๋าเค้าจะถึงเนื้อถึงตัวขนาดนี้ แต่ผมเข้าใจว่าที่เค้าทำแบบนี้เพราะนิสัยแบบผู้ชายของเค้า ผมเลยไม่ว่าอะไร ปล่อยให้โอบผมไปอย่างนั้น แต่อยากบอกว่ามันรู้สึกหวิวๆยังไงไม่รู้

“แล้วเพื่อนซี้ทั้งสองคนหายไปไหนแล้วหละ ทำไมปล่อยให้เชียร์นั่งเหงาคนเดียวแบบนี้” พี่เต๋าชวนคุย รู้สึกว่า พอพี่เค้ากอดคอ เวลาหันหน้ามาคุยกัน มันรู้สึกจะใกล้ไปหน่อย

“ไอ้ปอมันไปเตรียมเครื่องดนตรี กับบิ๊กอยู่ด้านหลังเวที” ผมบอกพี่เต๋า เวลาคุยกันทำไมพี่เค้าต้องจ้องหน้าด้วยว่ะ มันหวิวอีกแล้ว

“สองคนนั้นชอบกันหรือเปล่าว่ะ เห็นพักหลังสนิทกันจัง” พี่เต๋าตั้งคำถาม

“ตอนนี้ยัง แต่อนาคตผมว่าไม่แน่ เพราะปอมันชอบบิ๊กมานานแล้ว แต่ส่วนบิ๊ก เชียร์นะไม่รู้ว่าชอบไอ้ปอหรือเปล่า แต่ดูจากการกระทำที่มันมีให้ปอก็คงมีแววว่าจะชอบ” ผมเล่าเรื่องราวให้พี่เต๋าฟัง

“อืมม สองคนนั้นเป็นแฟนกันก็ดี แล้วโจ้หละ” พี่เต๋าถามถึงเพื่อนอีกคนหนึ่ง

“รายนั้นเค้าไปสารภาพรักอยู่” ผมพูดไปยิ้มไป

“กับพี่ยอดเหรอ”

“อ้าว! รู้ได้ไง”

“ก็เมื่อกี้เห็นพี่ยอดจูงมือกับโจ้ไปข้างนอกนู้น” พี่เต๋าพูดพลางชี้ออกไปข้างนอกห้อง  ผมมองตาม ก็เห็นคนสองคนตรงริมทะเลสาบ

“พี่ยอดเค้ามีแฟนแล้วไม่ใช่เหรอ อีกอย่างเค้าไม่ได้เป็นเกย์ด้วยนี้” พี่เต๋าสงสัย

“เออ รู้แล้ว” ผมรู้เรื่องนี้มาตั้งนานแล้ว

“แล้วโจ้ยังจะสารภาพรักอีกเหรอ”

“เพื่อนผมมันรู้อยู่แล้ว แต่มันแค่อยากให้พี่เค้ารู้ถึงความรู้สึกมันเฉยๆ”

“ทำแล้วได้อะไร”

“ไปถามมันเองดิ มาถามอะไรเชียร์เล่า” ผมทำเสียงดุ

“โอเค ไม่ถามแล้วก็ได้ แล้วเชียร์หละ ความรักเป็นไงบ้าง” อยู่ดีดีพี่เต๋าก็ถามเรื่องความรักของผม

“ก็ เรื่อยๆ ไม่มีอะไร”ผมตอบ แต่ก็อยากจะบอกว่า มีใครก็ไม่รู้มาทำให้ผมสับสนอยู่เนี้ย

“ไม่เหงาเหรอ ที่อยู่ห่างกันขนาดนั้น” พี่เต๋าเริ่มถามอีก

“เหงาซิ เชียร์เลยต้องอยู่กับเพื่อนจะได้ช่วยแก้เหงา” ผมตอบพร้อมถอนหายใจ

“มันช่วยได้จริงเหรอ” พี่เต๋าพูดเสร็จ ผมก็หันมามองหน้าพี่เค้า เหมือนเค้ารู้ความรู้สึกของผม

“แล้วเชียร์มั่นใจเหรอว่า ทั้งเชียร์และแฟนของเชียร์จะทนกับความห่างไกลนั้นได้” ยิ่งพี่เค้าพูดก็ยิ่งตรงกับความรู้สึกที่มีตอนนี้

“เชียร์ทนได้” ผมหลบสายตาของพี่เต๋า พยายามไม่ให้เห็นว่าผมเริ่มมีน้ำตา

“ขอโทษที่พี่ถามแบบนั้น เปลี่ยนเรื่องดีกว่า” พี่เต๋าคงเห็นสีหน้าของผม เลยเปลี่ยนเรื่องคุย

“ปีหน้าพี่เป็นประธานชมรม เลยอยากให้เชียร์เป็นเลขาฯของพี่หน่อย”

“จะใช้งานว่างั้น”

“เป็นเลขางานไม่หนักหรอก พี่เห็นว่าเชียร์คงพอจะทำงานด้านเอกสารได้เลยจะมารบกวนหน่อย”

“ได้” ผมตอบตกลง รู้สึกดีที่มีคนเห็นความสำคัญของเรา

“หิวแล้ว ไปกินข้าวเถอะ” พี่เต๋าก็คว้ามือผมลากลงไปในห้องโถง ที่ตอนนี้กลายเป็นโรงอาหารไปแล้ว

โจ้และพี่ยอดก็เดินเข้ามาในห้องโถงพอดี ผมเห็นว่าสองคนนั้นจับมือกันด้วย

“พี่ยอดเค้าจับมือโจ้แปลว่า เค้าเป็นไบเหรอ” พี่เต๋าถาม

“บ้า ไม่ใช่ม้าง” แล้วผมก็เดินไปหาเพื่อนของผม ที่ยิ้มแป้นซะจนหน้าบาน

ผมชี้ไปที่มือของทั้งสองคน แล้วหันไปถามพี่ยอด

“พี่ยอดนอกใจพี่ฝ้ายเหรอ” ผมทำเสียงเคืองๆ

“คนจับมือกันไม่ได้แปลว่าเป็นแฟนกันสักหน่อย” พี่ยอดเถียง แล้วก็หันมายิ้มหวานให้โจ้

ผมดูยังไงมันก็เหมือนเป็นแฟนกันอยู่ดี พี่ยอดก็ลากโจ้ไปกินข้าว เห็นมือยังจับกันอยู่เลย อะไรกันว่ะคู่นี้

“มัวแต่ดูชาวบ้านเค้าอยู่ได้ ไปกินข้าวได้แล้ว” พี่เต๋าสะกิดผมให้ไปกินข้าวสักที

พอตักข้าวเสร็จผมก็มานั่ง โต๊ะเดียวกับพี่ยอดและโจ้ ดูพี่ยอดจะจู๋จี๋กับไอ้โจ้เหลือเกิน ตกลงพี่ยอดเป็นไบหรือเปล่าเนี้ย  สักพักก็มีคนมานั่งข้าง ผมหันไปมอง เจอพี่เต๋าทำหน้าทะเล้นยิ้มให้ผม

“ไม่ไปนั่งกับเพื่อนเล่า มานั่งอะไรตรงนี้” ผมทำเสียงดุ

“ก็ยังอยากรู้เรื่องของพี่ยอดกับโจ้ ตกลงเค้าไม่ได้เป็นแฟนกัน แต่ทำไมหวานซะขนาดนั้น” พี่เต๋าทำเสียงกระซิบใส่ผม

“ไม่รู้อ่ะ เดี๋ยวค่อยถามโจ้อีกที กินข้าวไปเถอะ”

“เชียร์ ไอ้ปอมันกำลังจะเล่นดนตรีแล้ว” โจ้เรียกผมให้ไปดูบนเวที

“เอาดอกกุหลาบไปให้มันดีกว่า” ผมชวนโจ้ให้เอาดอกกุหลาบไปให้ปอ
“งั้น พี่ไปด้วยจะเอาไปให้ทั้งปอและบิ๊ก” พี่ยอดพูดพร้อมจะลุกตามเราทั้งสองคน

“ไปด้วย ผมขอเอาดอกกุหลาบไปให้น้องเลี้ยงผมด้วย” แล้วไอ้พี่เต๋ามันก็เดิมตามพี่ยอดด้วย

ผมหันไปมองพี่ยอดที่มีโจ้เดินข้างๆ ทั้งสองยังไม่วายจับมือกันตามเคย แม้ผมจะไม่รู้ความในใจของพี่ยอด แต่ผมรู้ว่าเพื่อนของผมคงมีความสุขแค่ไหน แล้วผมก็หันไปมองอีกด้านหนึ่ง

ผู้ชายที่ทำให้ผมอารมณ์ดีตลอดที่อยู่ใกล้ ผู้ชายที่คอยกวนให้ผมอารมณ์เสียตลอดเวลา ผู้ชายที่ชอบแหย่และแกล้งผม และผู้ชายคนนี้ทำให้ความรักของผมกับชายอีกคนหนึ่งเริ่มสั่นคลอน

ตอนนี้ผมลืมพี่แจ๊คไปชั่วขณะ เผลอตัวไปเกาะแขนพี่เต๋า พี่เค้าหันมามองมือของผม
ผมรีบคว้ามันออก อยากให้พี่เค้ารู้ว่าผมไม่ได้ตั้งใจ
แต่แล้วพี่เต๋าก็คว้ามือไปจับมือของผม พร้อมยิ้มให้ผม

ผู้ชายสี่คน สองคู่ ในมือต่างถือดอกไม้ พร้อมด้วยความรักในใจที่ล้นเต็มปรี่
แม้พวกเขาจะรู้ว่า อนาคตข้างหน้าที่ปวดร้าวกำลังรออยู่ก็ตาม

********************************************************************************
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: jojoe ที่ 14-02-2008 07:20:38
คู่ที่ 3

ผมเก็บข้าวของหลังจากเสร็จงานอำลารุ่นพี่ ผมดีใจที่การเล่นดนตรีครั้งแรกของผมผ่านไปด้วยดี
การันตีจากดอกไม้จำนวนมากที่มีคนให้ทั้งผม และเพื่อนๆในวง
ในดอกไม้เหล่านั้น ยังรวมไปถึงเพื่อนรักของผมอีกสองคน ที่วันนี้ดูพวกมันจะมีความสุขกันจังเห็นยิ้มแป้นกันใหญ่เลย

ผมเองก็มีความสุข เพราะวันนี้บิ๊กจะขอค้างที่ห้องด้วย
ตั้งแต่รู้จักกันมา บิ๊กไม่เคยมาที่ห้องของผมเลย ทั้งที่ห้องบิ๊กก็อยู่ตรงข้ามห้องผมแท้ๆ

พอมาถึงห้อง ผมก็รีบอาบน้ำแต่งตัว แล้วก็จะจัดห้องให้มันเรียบร้อยหน่อย

“มึงจะจัดห้องทำไม แทนทีจะเก็บข้าวข้องยัดลงกระเป๋า พรุ่งนี้ไม่กลับบ้านเหรอไง ห๊า” ไอ้เชียร์จอมโวยวายพูดกับผม

“เออ กูจัดกระเป๋าเสร็จแล้ว ที่จัดห้องเนี้ย เพราะบิ๊กเค้ามาขอค้างด้วย”

พอพูดจบปุ๊บ ทั้งไอ้โจ้และเชียร์หันมามองผมเป็นตาเดียว

“พวกกูสองคนต้องไปหาที่นอนที่อื่นหรือเปล่า” โจ้พูดแบบนี้คงนึกว่าผมกับบิ๊กจะขออยู่ในห้องสองต่อสอง

“ไม่ใช่อย่างที่พวกมึงคิดแน่นอน บิ๊กที่เค้ามาขอค้าง เพราะเพื่อนเค้าที่ห้องกลับบ้านกันหมดแล้ว บิ๊กมันเลยขอมานั่งเมาท์นั่งคุยกับพวกเราด้วย” ผมเฉลยออกไป พวกมันพูดคำว่า อ๋อ มาแทบจะพร้อมกัน

“แต่กูว่า มึงน่าจะไปค้างกับบิ๊กห้องนู้นมากกว่า จะได้เสร็จๆกันสักที” เชียร์แซว ผมเลยเอาหมอนข้างฟาดมันไปทีหนึ่ง ข้อหาพูดได้โดนใจ อิอิอิ

สักพัก บิ๊กก็เปิดประตูห้องเข้ามา บิ๊กใส่เสื้อกล้ามกับกางเกงเลย์สีฟ้า(ผ้าบางไปหน่อย ถ้ามองดีๆจะเห็นกางเกงในเลย) มองแล้วน่ารักดี
บิ๊กยิ้มให้ผม ก่อนจะยิ้มให้โจ้และเชียร์

“วันนี้ขอรบกวนหน่อยนะ เราไม่ชอบนอนในห้องคนเดียว” พูดเสร็จบิ๊กก็มานั่งที่เตียงของผมซึ่งผมกำลังนั่งอยู่

“วันนี้ ร้องเพลงเพราะมากเลย บิ๊ก” โจ้เริ่มชมบิ๊ก บิกยิ้มเชิงเป็นการขอบใจ

“เห็นพี่ยอดเคยบอกว่านายก็ร้องเพลงเพราะเหมือนกันนี้” บิ๊กหันมาคุยกับโจ้ โจ้ยิ้มเขินๆ คงเขินที่พี่ยอดเป็นคนชมมันว่าร้องเพลงเพราะ

ทั้งสองคนก็ร้องเพลงเพราะนะ เสียงของบิ๊กจะหนักและทุ้มกว่า เหมาะจะร้องเพลงร็อค ส่วนโจ้เสียงจะสูงและหวานกว่า เหมาะกับการร้องเพลงช้าๆ ฟังสบายๆ

“แต่เราว่าดอกไม้นายเยอะมากๆ คงมีคนกรี๊ดเยอะอ่ะดิ” เชียร์แซว บิ๊กหัวเราะแบบเขินๆ นานทีผมจะเห็นบิ๊กเขิน ช่วงหลังๆที่บิ๊กมาสนิทกับผม ดูบิ๊กจะยิ้มแย้มบ่อยขึ้น

“เราเห็นนายสองคน จับมือพี่ชายเรา กับพี่เลี้ยงของเรา มันหมายความว่ายังไงจ๊ะ” แล้วบิ๊กก็ยิ่งมุขเด็จจนไอ้สองคนหงายหลังไปเลย ผมเองก็อยากรู้เหมือนกัน เลยหันไปยกนิ้วโป้งให้บิ๊กที่ถามคำถามเด็ดนี้

โจ้เริ่มเป็นคนสารภาพมาก่อน “คือเรา ไปสารภาพรักกับพี่ยอดมาอ่ะ” โจ้พูดไปเขินไป

“เหรอ แล้วพี่ยอดบอกว่าไง” บิ๊กถาม ผมเองก็หันไปมองบิ๊ก เพราะรู้ว่าบิ๊กก็ชอบพี่ยอดเหมือนกัน

“นายก็น่าจะรู้คำตอบอยู่แล้ว พี่เค้าก็เป็นได้แค่พี่ชายของเราเท่านั้น” โจ้หันมายิ้มให้บิ๊ก

“พี่ชายอะไรว่ะ จับมือถือแขนกันยิ่งกว่าแฟนเค้าซะอีก” เชียร์หันมาแซว

“ไม่ต้องมาแขวะกูเลย ตามึงเล่าแล้วว่า ไปทำอีท่าไหน ถึงไปติดหนึบอยู่กับพี่เต๋า ไหนบอกว่าไม่คิดอะไรไง” ตาโจ้เอาคืนไอ้เชียร์บ้างแล้ว

“ติดหนึบอะไร พี่เค้าแค่มาบอกว่าอยากให้กูเป็นเลขาฯของชมรม” เชียร์เริ่มแก้ตัว

“แล้วทำไมต้องเป็นนายด้วย คนอื่นเป็นไม่ได้เหรอไง” บิ๊กเริ่มจับผิด

“จะไปรู้เหรอ” เชียร์ขมวดคิ้ว

“แค่นี้มึงยังไม่รู้เหรอว่าเค้าชวนเพราะอะไร” โจ้หันมาแซวเชียร์

“ไม่รู้โว้ยยยยย” เชียร์พูดเสียงดังพร้อมส่ายหัว ทั้งผมและบิ๊กและโจ้ต่างหัวเราะกับท่าทีของมัน

“พี่เค้าเป็นผู้ชายโว้ย กูก็มีแฟนแล้วด้วย” เชียร์พูดเหมือนจะเตือนสติตัวเอง

“ทุกอย่างมันเปลี่ยนแปลงกันได้ จากผู้ชายก็กลายเป็นเกย์ได้ คนที่รักกันก็อาจเลิกกันได้” บิ๊กพูดกับเชียร์ ทำเอาเชียร์นิ่งเงียบไปพักหนึ่ง

“แล้วนายหละ คิดยังไงกับเพื่อนเรา” แล้วไอ้เชียร์ก็สวนกลับบิ๊ก ทั้งบิ๊กกับผมอึ้งกันไปพร้อมกันเลย

ไอ้เชียร์แอบยิ้มดีใจที่จัดการบิ๊กซะอยู่หมัด

“เออ คือ เออ” บิ๊กอ้ำอึ้ง หันมามองผม ผมเองก็สบตาบิ๊ก ทั้งที่ในใจก็อยากรู้แต่ก็ไม่อยากให้ตัวเองเจ็บปวด หากคำตอบไม่ได้เป็นอย่างที่คิด

“เราขอโทษนะ คือ เราขอคุยกับปอแค่สองคนเท่านั้นได้ไหม” บิ๊กทำเสียงเศร้าๆ แล้วเดินออกจากห้องไป โดยลากผมไปด้วย

ผมเข้ามาที่ห้องของบิ๊ก โดยที่บิ๊กนั่งลงบนเตียง ผมยืนเก้ๆกังๆอยู่ข้างๆ
ตั้งแต่เข้ามาในห้อง ยังไม่ได้เปิดไฟเลย ผมเลยเดินจะไปกดสวิตซ์ไฟ แต่บิ๊กห้ามไว้ก่อน
“ไม่ต้องเปิดไฟหรอก นายมานั่งข้างๆเรานี้” บิ๊กสั่ง ผมเลยทำตาม

พอนั่งข้างๆบิ๊ก ผมก็หันไปมอง แม้ในห้องจะมืดแต่ผมก็ยังเห็นใบหน้าของคนที่ผมกำลังรอคำตอบว่าเขารู้สึกยังไงกับผมกันแน่

“อย่าจ้องหน้าเราดิ เราอึดอัดนะ” บิ๊กหันมาดุ

“ขะ ขะ ขอโทษ” แล้วผมก็ต้องหันหน้ากลับไป

แล้วก็ไม่มีใครพูดอะไรอีก ได้แต่นั่งเงียบเกือบสิบนาที ผมทนไม่ไหว เป็นไงเป็นกันว่ะ

“บิ๊ก” ผมหันไปหาบิ๊ก พร้อมจับมือแน่น

“อะ อะ อะไร” บิ๊กทำหน้าเหวอ

“ยังไม่รู้อีกเหรอว่า เราจะพูดอะไร” ผมเริ่มคาดคั้น

“รู้ เรารู้ตลอดว่านายคิดยังไงกับเรา” บิ๊กพูดเสร็จก็หันหน้าหนีไป

“แล้วนายหละ บอกมาเถอะ เรารับได้” ผมพยายามไม่บีบคั้นอะไรมาก แม้จะอยากรู้ใจขาดก็ตาม

บิ๊กไม่ตอบ คงอึกอัดอยากจะพูดออกมา ผมเห็นท่าทีก็คงพอรู้ว่ามันคืออะไร

ผมเลยปล่อยมือบิ๊ก พร้อมลุกจะเดินออกจากห้อง

“ไม่เป็นไรหรอก เราเข้าใจ เอาเป็นว่าเรายังรู้สึกกับนายเหมือนเดิม นายก็ถือว่าเราไม่ได้พูดอะไรออกไปแล้วกัน” แม้ปากบอกว่ารับได้แต่มันก็ทำไม่ได้อย่างที่พูด

“เฮ้ยๆเดี๋ยวก่อน” บิ๊กรีบมาคว้าตัวไว้ก่อน

“ยังไม่ได้พูดอะไรสักหน่อย ฟังเราพูดก่อนดิ” บิ๊กพูดอย่างนี้ แสดงว่าผมมีลุ้นใช่ป่ะ

บิ๊กลากผมมาที่ระเบียง พร้อมจับมือผมทั้งสองข้าง

“ไม่รู้จะพูดไงดีว่ะ” บิ๊กอมยิ้ม

“ถ้าไม่พูดเรากลับห้องนะ” ผมแกล้งขู่ แล้วทำท่าจะเดินกลับห้อง

“พูดแล้ว พูดแล้ว” บิ๊กเริ่มสักที

“เอ่อ แบบว่า แต่ก่อนเราชอบคนๆหนึ่ง ไม่ใช่มาสเตอร์เบิร์ดรหรอกนะ” ผมรู้ว่าคนนั้นคือพี่ยอด

“แต่เรารู้แล้วว่า เรารักคนนั้นไม่ได้”บิ๊กพูดออกมาพร้อมจ้องตาผม

“รู้ไหมทำไม” บิ๊กถามผม ผมงงกับคำถามเลยไม่ได้ตอบอะไร

“เพราะเรารักนายแล้วไง” แล้วบิ๊กก็ยื่นหน้ามาจุ๊บปากผม

ผมเหวอไปนานเลยครับ ทำอะไรไม่ถูกเลย

พอเรียกสติมาได้  ผมเลยคว้าตัวบิ๊กมากอด ความรู้สึกที่อัดอั้นมาทั้งปีก็ได้เปิดเผยหมดแล้ว

คืนนั้นเราสองคนเลยนอนห้องของบิ๊กด้วยกัน ผมกับบิ๊กก็เป็นอย่างที่ไอ้เชียร์คิดสักที

********************************************************************************

เหมือนจะดูว่าความรักของพวกเราจะลงเอยด้วยดี แต่อย่าลืมนะครับ ว่าพวกเราเพิ่งจบแค่ม.4 ยังเหลือชีวิตในรั่วแห่งนี้อีก2ปี ความรักของเราเพิ่งเริ่มต้นต่างหาก

----- จบบทนำ -----
ขอพักไปทำมาหากินสัก2อาทิตย์ แล้วจะนำชีวิตม.5มาให้อ่านนะครับ มีเปลี่ยนพระเอกด้วยบางคู่และก็มีตัวละครเพิ่มมาิีอีก
สุขสันต์วันแห่งความรัก
----ที่ใดมีรักย่อมมีความหวัง----
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 14-02-2008 11:09:59
ที่ใดมีรักย่อมมีความหวัง :m4:
แล้วผมควรที่จะหวังอยู่อีกไหมอ่ะ :m15:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 14-02-2008 11:12:16
จบภาคม.4ไปแบบซึ้งๆน่ะคับ แต่จั่วหัวไว้ซะ น่ากลัวเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 14-02-2008 12:07:05
ความรักมักสวยงามเสมอ จิงเหรอ??

รอตอนม.5 ฮับบบบบบบ :m4:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: meawkung02 ที่ 14-02-2008 13:10:05
แล้วจะรออ่านช่วงชีวิตในช่วง ม. 5 นะค้าบบ...^^
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: nolirin ที่ 14-02-2008 14:50:28
อีก 2อาทิตย์หรอ :serius2:

มีการเปลี่ยนตัวพระเอกด้วย :serius2: :serius2:

 :oni1: :oni1:แต่ยังไงก้อจะรออ่านนะค๊า

 :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 14-02-2008 19:08:27
รออ่าน ม.5 ต่อค่ะ   :m1: :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: myLoveIsYOu ที่ 14-02-2008 21:28:55
โห...ต้องรออีกตั้ง 2 อาทิตย์

แต่อย่างไรก็รอได้คร๊าบบบ  :oni2:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: Ken Ken ที่ 14-02-2008 22:05:29
 :m1: :m1: :m1: :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 15-02-2008 02:21:02

จบได้น่ารักน่าลุ้นดีจัง

ต่อไปก็รอลุ้นม.5 ต่อ

 :m1: :m1:

หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: snowblack ที่ 15-02-2008 10:32:18
เย้ๆในที่สุดก็ได้อ่านภาคม. 5  o7

สองอาทิตย์เลยหรอครับพี่โจ้ :sad2:

เฝ้ารออยู่นะครับ :m13:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: dark789 ที่ 15-02-2008 22:03:10
รออ่านอยู่นะครับ ^^ สองอาทิตย์ก็จะรอ อิอิ

ชอบคาแร๊กเตอร์ของโจ้ที่สุดเลยยยย
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: nolirin ที่ 15-02-2008 22:28:28
  :L2: :L2:

เข้ามานับวันรอค๊า :m13:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: BuzZenitH ที่ 17-02-2008 11:48:47
 :m1:....โห้ยยยย....น่ารักกันจริงๆ....

 :sad2:....แต่ให้รอตั้งสองอาทิตย์เนี่ย...ไม่ไหวนะ....ลงแดงกันพอดี.....

 :a12:....เอาเป็นว่าจะนอนรอล่ะกัน....

 o13
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 19-02-2008 21:13:13
พึ่งจะได้เข้ามาอ่านเรื่องนี้

โหยๆ ชอบมากๆเลย

โดยเฉพาะ เรื่องของ ปอ

มีหลายรสดีครับ ชอบๆ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: nolirin ที่ 21-02-2008 01:25:42
รอจ้า

 :oni1: :oni1: :oni1: :oni1: :oni1: :oni1:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 22-02-2008 13:26:33
รออยู่นะครับผม
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: snowblack ที่ 22-02-2008 14:09:11
รอนะครับ  :m13:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: dekchin ที่ 24-02-2008 03:08:28
 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: jojoe ที่ 25-02-2008 19:50:45
ตอนที่ 1 คำอธิษฐานของความรัก

คู่ที่ 1

เช้าวันเปิดเทอมกับชีวิตม.5ของพวกผม ได้เริ่มต้นขึ้น
ผมเองก็ตื่นเต้นเล็กน้อยกับการเปิดเทอมครั้งนี้ คงเพราะพวกผมเป็นรุ่นพี่แล้ว
อยากเห็นพวกน้องๆจังเลย

ผมลุกขึ้นจากเตียงนอน คาดว่าผมคงตื่นเป็นคนแรก
เพราะปกติผมจะต้องเป็นคนปลุกเจ้าเพื่อนสองตัว ที่นอนขี้เซาชะมัด
แต่ปรากฏว่า มีแต่เชียร์คนเดียวที่ยังนอนอยู่ ส่วนปอคงตื่นแล้วเพราะไม่เห็นที่เตียง
“ตื่นเร็ว เมื่อไหร่แกจะตื่นเองได้สักทีว่ะ จะได้ไม่ต้องมารบกวนกู” ผมบ่นมาเป็นสิบๆรอบแล้วและคงจะต้องบ่นแบบนี้ต่อๆไปแน่

“อื้อ อื้อ” เชียร์ทำเสียงอู้อี้ในลำคอ แต่ตัวไม่ขยับเลยสักนิด ผมเลยต้องใช้ท่าไม้ตายขั้นสุดท้าย

“ย้ากส์..........ย้ากส์.........” ผมกระโดดถีบไอ้เชียร์จนตกเตียงไปเลย

“ไอ้สัตว์ กูตื่นแล้วโว้ย จะถีบทำเหี้ยอะไร” เชียร์โวยวาย

“ตื่นห่าอะไร กูไม่เห็นมีส่วนไหนของมึงกระดิกเลย” ผมด่ากลับ

“นี่ไง จู๋กูกระดิกแล้ว ไม่เห็นเหรอ” ไอ้เชียร์มันชี้ไปที่เป้าของมัน  ที่ตอนนี้รู้สึกว่าจะตุงเป็นพิเศษ

“ไอ้ทุเรศ ไปอาบน้ำเลยไป” แม้ผมจะเป็นเพื่อนมัน แต่ก็เขินนะ

ไอ้เชียร์หัวเราะที่เห็นผมหน้าแดง แล้วก็เดินเข้าห้องน้ำไป

ผมกับเชียร์แต่งตัวเรียบร้อยแล้ว สักพักเชียร์ก็มันพูดขึ้นมาว่า
“เฮ้ย ไอ้ปอมันไม่ได้เอากระเป๋าเรียนไปเหรอ” เชียร์ชี้ไปที่กระเป๋าบนหัวเตียงของปอ
ผมแปลกใจเพราะมันไม่น่าลืมกระเป๋านักเรียนไปด้วย
แล้วก็มีคนเปิดประตูห้องเข้ามา เจ้าตัวนั้นเอง

ไอ้ปอมันยังใส่ชุดนอนอยู่เลย มันไม่ได้ไปโรงเรียนเหรอเนี้ย
แล้วมันไปไหนมาว่ะ
พอผมกับเชียร์จะถาม มันก็ตอบมาก่อน

“คือ เมื่อคืนกูไปค้างที่ห้องของบิ๊กมาอ่ะ” มันทำท่าเขินๆ

“พวกมึงไปก่อนเลยนะ ไม่ต้องรอกู เดี๋ยวกูตามไป” ว่าแล้วมันก็รีบเข้าห้องน้ำทันที โดยที่พวกเรายังไม่ได้ถามอะไรมันเลย

“ไอ้สองคนนี้มันร้ายเนอะ พอเริ่มคบกันก็ติดกันแจเชียว” เชียร์เริ่มบ่น

“ไปค้างห้องคนอื่นเค้า รูมเมทของบิ๊กมันไม่ว่าเหรอ” ผมสงสัย

“แหม! มันคงไม่ทำอะไรกันหรอก คงนอนเฉยๆม้าง มันคงไม่กล้าเล่นหนังสดให้ใครดูหรอกว่า เอ๊ะ!หรือว่าก็ไม่แน่ว่ะ ไอ้ปอยิ่งชอบทำอะไรที่ไม่คาดคิดอยู่”

“กูว่าช่างเรื่องของมัน รีบไปกันดีกว่า” ผมลากเจ้าเพื่อนตัวดีออกจากห้อง เพื่อไปทานข้าวเช้าที่โรงอาหาร

เปิดเทอมวันแรกรู้สึกว่า คนจะเยอะเป็นพิเศษ ดูอะไรก็แปลกหูแปลกตาไปหมด
พี่ๆม.6ก็ไม่อยู่แล้ว มีน้องหน้าใหม่ๆเมาแทน
ทำเอาผมนึกถึงพี่ยอด ที่ปกติ ตอนเช้าผมจะคอยมองพี่เขาออกมาจากหอ เพื่อมานั่งทานข้าวเช้าที่โรงอาหารกับเพื่อนๆ
นึกถึงตอนที่พี่เขาหวีผมและแต่งตัวก่อนขึ้นห้องเรียน
นึกถึงตอนพี่เขาเล่นบาสกับเพื่อนๆในวันที่คาบแรกเป็นชั่วโมงพละ
และก็นึกถึงเพี่เขา.... “ไอ้โจ้ ไอ้โจ้” เสียงของเชียร์ดังก้องอยู่ในหัว

“อะไร อะไร” ผมหันไปถาม

“นั่งเหมออะไรว่ะ ข้าวไม่กินหรือไง”

“กิน กิน ดิ”ผมเลิกคิดฟุ้งซ่านก่อนจะกลับมาสู่โลกของความเป็นจริง

“คิดถึงใครหละ พี่ยอดอ่ะดิ” เชียร์แม่งรู้ไปซะทุกเรื่อง

“อืมม งับ...งับ...” ผมตอบพร้อมทานข้าวไปด้วย

“ว่าไงครับ ขอนั่งด้วยคนได้ไหม” มีแขกที่ไม่ได้รับเชิญมาแล้ว

“ไม่ให้นั่ง” ไอ้เชียร์ตะวาดกลับไปใส่พี่เต๋า

“แล้วไง” พี่เต๋าฟังซะที่ไหน นั่งลงข้างเชียร์เลย

เชียร์มันคงรู้ว่าห้ามไปก็เท่านั้น เลยทำเป็นไม่สนใจ

“กับข้าวน่ากินเนอะ  ขอกินหน่อยเด่ะ” พี่เต๋าพูดพร้อมแอบจิ๊กไส้กรอกบนจานของเชียร์

“โอ๊ย ทำไมมารยาทแย่อย่างเนี้ย” เชียร์เริ่มวีน
ดูพี่เต๋าจะสะใจที่ทำให้เชียร์โวยวายได้
สองคนนี้ดูไปก็น่ารักดีนะ หยอกกันไปหยอกกันมา เพื่อนผมบอกว่าไม่คิดอะไรกับเขา แต่ผมว่าใจมันคิดแน่นอน

สักพัก ปอกับบิ๊กก็มา
“รอกูด้วยนะ อย่างเพิ่งรีบกินกันหมดหละ” ปอมันเอากระเป๋ามาวางแล้วก็พาบิ๊กไปสั่งกับข้าว
ดูกระหนุ่งกระหนิงกันยังไงก็ไม่รู้

หันไปทางขวาก็เจอเชียร์กับพี่เต๋า หันไปทางซ้ายก็เห็นปอกับบิ๊ก
รู้สึกว่าตัวเองทำไมว้าเหว่จัง
“กูลืมของว่ะ เดี๋ยวกูมานะ” ผมแกล้งบอกเชียร์ไปอย่างนั้น แต่ที่จริงไม่อยากอยู่ดูเพื่อนๆมันสวีทกับคู่ของมัน

ผมแยกตัวออกมาเดินตรงสนามบอล รู้สึกเหงาจังที่ตัวเองยังไม่มีแฟนกับเขาสักที
สำหรับความสัมพันธ์ของผมกับพี่ยอดก็แค่พี่น้องเท่านั้น ถึงผมจะรู้จักความรักบ้างแล้ว
แต่ไม่เคยได้รับความรักจากใครเลย อยากได้รับความรักจากใครสักคนบ้างจัง
ผมมายืนหยุดตรงหน้ารูปปั้นพระแม่มารีย์ ผมจำได้ว่าปีที่แล้วผมมาขอท่านให้สามารถสอบผ่านทุกวิชา และก็ให้ใช้ชีวิตที่นี้ได้อย่างราบรื่น แต่ปีนี้ผมจะไม่ขออย่างนั้น

“ขอให้ผมมีแฟนกับเขาบ้างเถอะ” ผมยกมือไหว้ก่อนจะขอคำอธิษฐาน
สักพักก็เหมือนมีลมพัดแรงพัดผ่านผมไป จนผมขนลุกซู่

กริ๊งงงงงงงงง............................................................

โรงเรียนเข้าแล้ว ผมรีบออกจากตรงรูปปั้นและวิ่งไปที่ตึกเรียน

“น้องๆ” เหมือนมีคนเรียก ผมหันไปมอง

“น้องทำของตกไว้ครับ” รุ่นพี่คนหนึ่งยื่นสมุดจดของผมมาให้

“ขอบคุณครับ ถ้าเล่มนี้หายซวยแน่ เพราะผมจดตารางสอนไว้” ผมรับสมุดจากรุ่นพี่คนนั้น

“น้องโจ้ใช่มั้ย จำพี่ไม่ได้เหรอ” รุ่นพี่คนนั้นทักทาย ผมแปลกใจที่พี่เขารู้ชื่อผม

“พี่หมีไง ที่เจอกันตอนงานอำลารุ่นพี่ไง”พี่เขาพยายามทบทวนความจำ
แล้วผมก็นึกถึงงานวันนั้น ผมเป็นตัวแทนนักเรียนกล่าวอำลารุ่นพี่กับรุ่นพี่อีกคนหนึ่ง
อ๋อ จำได้แล้ว รุ่นพี่คนนั้นนั้นเอง

“ครับ จำได้แล้วครับ” ผมนี้แย่จัง เค้าอุตส่าห์จำเราได้

“กลับห้องเถอะ เดี๋ยวไม่ทัน”
เราสองคนแยกกันตรงนั้น พี่เขาเรียนอีกตึกหนึ่ง เลยเดินไปกันคนละทาง
ผมเดินกลับห้อง แต่ก็ยังหันหลังไปมองพี่เขาอีกครั้ง
แล้วก็เดินยิ้มๆกลับมาที่ห้อง

“มึงลืมอะไรไว้เหรอ หายไปนานเลยนะ” ปอทักหลังจากเห็นผมเดินเข้ามานั่งที่โต๊ะ

“นี่ไง” ผมโชว์สมุดให้ปอดู

“นี้ๆ เมื่อกี้ มึงคุยกับใคร กูเห็นนะเว้ย” ไอ้เชียร์เสนอหน้ามาเชียว

“ก็รุ่นพี่ที่พูดสุนทรพจน์วันอำลารุ่นพี่ไง” ผมตอบ พลางนึกถึงหน้าของพี่หมีไปด้วย นึกปุ๊บก็ยิ้มปั๊บ ผมเป็นอะไรไปเนี้ย

“อ๋อ รุ่นพี่ที่ชื่อหมีใช่ไหม” เชียร์ตอบ

“มึงไปรู้จักประธานนักเรียนคนใหม่ตอนไหนเนี้ย” ปอถามผม

“ห๊า...ว่าไงนะ” ผมตกใจไม่นึกว่าพี่หมีเป็นประธานนักเรียน

“มึงหันเดินไปดูบอร์ดตรงหน้าห้องปกครองซะมั้งนะ พี่เขาออกจะเด่นซะขนาดนั้น” เชียร์เหน็บแนม

“มันจะไปรู้อะไร วันๆเอาแต่เพ้อถึงพี่ยอด พี่ยอด” ปอสมทบอีกคน

“กรูเลิกเพ้อแล้ว” ผมสวนกลับไป

“จิงอ่ะ มึงมีคนใหม่ให้เพ้อแล้วเหรอ” เชียร์ยังไม่เลิกแซว

“พวกมึงจำไว้นะ ว่ากรูจะไม่เพ้อถึงใครอีก ถึงคราวที่จะต้องมีคนเพ้อถึงกรูบ้าง”

ผมพูดอย่างมีอารมณ์ ป่าวโกรธพวกมันที่แซวผมหรอกนะ แต่โกรธที่ยังไม่มีคนมาชอบผมสักที

ดูพวกมันอึ้งๆที่ผมตอบอย่างมุ่งมั่นแบบนั้น
ที่ผมพูดไป ผมไม่ได้พูดเล่นนะ ผมจะต้องทำให้ได้จริงๆ

คู่ที่ 2

หลังจากเข้าเรียนในช่วงครึ่งวันเช้าแล้ว ผมก็แยกตัวจากปอและโจ้มาที่ห้องชมรมของผม
ผมต้องรีบมาเคลียร์เอกสารต่างๆที่ต้องใช้ในวันเปิดโลกชมรม เพราะตอนนี้ผมรับตำแหน่งเลขาของชมรมเรียบร้อยแล้ว

“อะไรว่ะเนี้ย ทำไมมันถึงรกอย่างนี้ ไอ้พี่คนเก่ามันไม่เคยคิดจะจัดแฟ้มเลยหรือไงว่ะ”
ผมบ่นอุบอิบ พลางพาดพึงถึงไอ้พี่เลขาคนเก่า เพราะเห็นเอกสารวางอย่างระเกะระกะบนโต๊ะที่จะเป็นที่ทำงานของผม

“มันก็อย่างนี้แหละนิสัยผู้ชาย” เสียงคุ้นๆพร้อมกับเจ้าตัวที่เดินเข้ามาในห้อง
ผมเงยหน้ามองพี่เต๋าที่กำลังกอดอกยืนพิงเสาหน้าห้องอยู่

“เป็นเหตุผลส่วนหนึ่งที่พี่อยากให้เชียร์มาทำงานนี้ไง”

“เอ๊ะ พูดยังกะเชียร์ไม่ใช่ผู้ชาย” ผมย้อนกลับไป

“แล้วคิดว่าตัวเองเป็นผู้ชายไหมหละ” พี่เต๋าทำหน้าทะเล้นย้อนกลับมาอีก

“เป็นหรือไม่เป็นแล้วทำไม” ยิ่งพูดกับอีตาบ้านี้ก็ยิ่งโมโห ผมเลยไม่สนใจหันมาจัดข้าวของบนโต๊ะดีกว่า

“ให้ช่วยไหม” พี่เต๋าถาม
ผมไม่ตอบก้มหน้าจัดข้าวของต่อไป แต่พี่เต๋าก็มาแย่งของในมือ พร้อมเรียงเอกสารให้เรียบร้อย

“งานเลขา มันต้องทำควบคู่พร้อมกับประธาน เราสองคนต้องร่วมงานกันบ่อยมากขึ้นนะ”
ผมฟังคำพูดของพี่เต๋า พร้อมนึกตามไปด้วย “บ่อยกว่าเก่า” แค่นี้ก็เจอกันแทบทุกวินาทีอยู่แล้ว ยังจะมีบ่อยกว่านี้อีกเหรอ

“อีกอย่างพอพี่จบจากที่นี้ไปแล้ว พี่อยากฝากชมรมที่พี่รักมากที่สุดไว้กับเชียร์” คนพูด พูดเสร็จพร้อม กับเอามือวางไว้บนบ่าของผม

“แน่ใจแล้วเหรอ ไม่กลัวชมรมมันจะล้มเหรอ” ผมย้อนถาม

“ถ้าเชียร์ทำชมรมนี้คว่ำไม่เป็นท่า ก็เหมือนทำร้ายหัวใจพี่” พี่เต๋าจ้องตาผม ทำเอาผมอึ้งพูดไม่ออก
ดูท่าทางจะจริงจังกับคำพูดนั้น

“งั้นเตรียมหัวใจวายได้เลย เพราะพี่มองอนาคตประธานชมรมอนุรักษ์ผิดคนซะแล้ว” ผมก้มหน้าหันไปทางอื่นทำเป็นจัดข้าวของ ปกปิดอาการเขินอาย

จู๋ๆพี่เต๋าก็คว้าตัวผมพร้อมหันหน้าไปจ้องตาเขา

“เชียร์คิดว่าพี่จะยอมให้เชียร์ทำกับพี่แบบนั้นเหรอ”
ผมงงที่พี่เต๋าดูเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ทำไมตอนนี้ดูเถื่อนจนผมกลัว

“อย่ามาบังคับกันซิ คิดว่าทำแบบนี้แล้วเชียร์จะยอมทำตามหรือไง” ผมตะคอกกลับ

“พี่ไม่ได้บังคับ แต่พี่ขอร้องต่างหาก” พี่เต๋าลดระดับความรุนแรงลง แต่ท่าทางยังดุดันเหมือนเดิม

“แล้วที่ทำอยู่เขาเรียกว่าขอร้องหรือไง” พอผมพูดประโยคนี้ พี่เต๋าก็ปล่อยตัวผม พร้อมเดินไปทางประตู

“ที่พี่อยากให้เชียร์ดูแลชมรม เพราะอยากให้เชียร์ไม่ลืมพี่เวลาที่พี่จบไปแล้ว แต่ถ้าเชียร์คิดว่าพี่ไม่มีความสำคัญอะไร ก็ไม่ต้องรับปากกับพี่หรอก”

ผมยืนนิ่งพยายามเรียบเรียงคำพูดของพี่เต๋า ว่ามันหมายความว่าอะไร
ทำไมคนบ้าๆอย่างนั้นถึงอยากให้ผมดูแลสิ่งที่เขารักมากที่สุด
ทำไมคนที่คอยแกล้งผมตลอดเวลาต้องอยากอยู่ใกล้ๆกับผมด้วย
ทำไมคนที่เคยทำให้ผมร้องไห้ ต้องการให้ผมจดจำเขาเวลาที่เขาไม่อยู่
แล้วตัวผมทำไมถึงอยากทำตามที่เขาต้องการ

ทำไมผมรู้สึกเหมือนว่าผมกำลังรู้สึกเหมือนจะรักคนๆนั้น ทั้งที่ผมก็มีคนรักอยู่แล้ว

ผมคิดเรื่อยเปื่อยพร้อมหอบหิ้วเอกสารของชมรมมาด้วย มารู้ตัวอีกทีก็เห็นตัวเองยืนอยู่หน้ารูปปั้นพระแม่มารีย์ องค์อุปถัมภ์ของโรงเรียน

โจ้เคยบอกว่ารูปปั้นนี้ศักดิ์สิทธิ์มากขออะไรมักจะได้ ตอนนี้ผมกำลังสับสน ผมหวังว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์คงช่วยผมให้หายกับความสับสน

“ขอให้ผมตัดสินใจได้ที่เถอะว่าใครคือคนที่ผมต้องการ”
สักพักก็เหมือนมีลมพัดแรงพัดผ่านผมไป จนผมขนลุกซู่

กริ๊งงงงงงงงง............................................................

เป็นสัญญาณบอกเวลาพักเที่ยง
ผมเดินไปที่โรงอาหารเพื่อไปทานข้าวเที่ยงกับปอและโจ้

“โฮ ถือเอกสารมาเยอะเชียว งานคงหนักหละซิ” โจ้ทัก

“งานหนัก หรือหนักใจว่ะ” ปอแซว

“กูจะหนักใจเรื่องไรว่ะ” ผมถาม

“ก็หนักใจที่ประธานชมรมเนื้อหอมนะซิ”

“ใครมาจีบพี่เต๋าเหรอ” โจ้ถามปอ

“พอดีกูได้ยินบิ๊กเล่าให้ฟังว่า มีแต่คนคอยตอมพี่เต๋า เพราะพี่เค้าดูเป็นสุภาพบุรุษมากๆ อีกอยากคนที่มาจีบก็ไม่ใช่ย่อย มีแต่คนดังๆของโรงเรียนทั้งนั้น”
ผมแทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองว่ามีคนมาชอบตาบ้านี้ด้วย ท่าทางพวกนั้นคงประสาทแน่ๆ

“ใครจะมาจีบหมอนั้น มันก็เรื่องของเขาทำไมกูต้องหนักใจด้วยว่ะ” ผมหันไปบอกปอ

“โอเคก็จะเชื่อตามที่มึงพูดนะ งั้นมึงหันไปข้างหลังนะ”
ผมหันไปตามที่ปอพูด

ผมเห็นพี่เต๋ากินข้าวกับใครก็ไม่รู้ ท่าทางจะเป็นรุ่นเดียวกัน
รูปร่างน่าตาดีถึงขั้นดีมาก
“มึงจำพี่คนนั้นได้ป่าวว่าเป็นใคร”ปอถามผม
ผมลองทบทวนว่าพี่คนนั้นเป็นใคร เพราะหน้าตาก็คุ้นๆอยู่
แล้วผมก็ย้อนนึกไปถึงวันกีฬาสีที่ผ่านมา
ชายหนุ่มที่ทั้งโรงเรียนให้ความสนใจในวันนั้น คงไม่พ้นดรัมเมเยอร์ไม้1 ที่เดินนำหน้าขบวนพาเหรด
จำได้ว่ามีคนสมัครเพื่อรับตำแหน่งนี้กว่าร้อยคน
“พี่สุภักดิ์”
ภาพชายหนุ่มที่เดินอย่างสง่านำหน้าบวนพาเหรด ชายหนุ่มที่มีคนขอถ่ายรูปมากที่สุด

“เห็นไหมหละว่า พี่เต๋าก็เสน่ห์แรงไม่ใช่เล่น” ปอพูดเสร็จแล้วก็หันกลับไปกินข้าวตอน

ทำไมผมถึงบังคับตัวหันกลับไปไม่ได้ ตายังจ้องภาพที่พี่เต๋าพูดคุยและกินข้าวไปกับพี่สุดหล่อคนนั้น
แล้วผมแทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเอง สองคนนั้นป้อนข้าวกันด้วย!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

คู่ที่3

เกือบชั่วโมงสุดท้ายของการเปิดเทอมวันแรก ผมออกมาจากห้องเรียนก่อนจะหมดคาบ เพราะอาจารย์ปล่อยเร็วเป็นพิเศษ(วันแรกก็อย่างเนี้ย อาจารย์ยังไม่ค่อยสอนเท่าไหร่)

ผมแยกตัวกับปอและเชียร์ ไปที่ศาลาข้างหลังหอพัก ผมกำลังนั่งรอบิ๊กอยู่ เราสองคนนัดจเอกันที่นี้ก่อนจะกลับเข้าหอ

ผมนั่งอมยิ้มนึกในใจอยู่คนเดียว เกี่ยวกับเรื่องของผมและบิ๊ก แปลกใจมากที่ผมกับบิ๊กกลายเป็นแฟนกัน
ทั้งๆที่อนาคตดูไม่มีวี่แววเลย

“นายเคยบอกว่าชอบเราตั้งแต่เจอเลยเหรอ ทำไมถึงชอบเราหละ” บิ๊กถามผมในวันหนึ่ง จำได้ว่าวันนั้นผมพาบิ๊กไปค้างที่บ้าน ผมกำลังกอดบิ๊กใต้ผ้าห่มบนเตียง(ยังใส่เสื้อผ้าอยู่นะครับ อย่าเพิ่งคิดไปไกล)

“ยังไงดีหละ ไม่รู้ดิ ตอนนั้นทำไมถึงชอบนาย ทั้งๆที่...” ผมค้างไว้ในฐานที่เข้าใจ

บิ๊กเงยหน้ามามองผม เหมือนต้องการให้ผมพูดให้จบ

“ทั้งๆที่ เห็นว่านายมีอะไรกับคนอื่น” ผมไม่อยากนึกถึงเรื่องที่แล้วมาเลย

บิ๊กทำหน้าเศร้า “เรื่องของความรักของเรามันไม่ค่อยสวยงามสักเท่าไหร่”

บิ๊กปล่อยมือที่กอดผมอยู่ “ถ้าเราไม่พูดถึงมัน นายคงไม่ว่าใช่ไหม”

ผมยิ้มเข้าใจความรู้สึกของคนที่ผมรัก
“ได้ เราจะไม่ถามนายในเรื่องที่นายอึดอัดจะตอบ”

บิ๊กยิ้มให้ผมแล้วก็กลับมากอดผมเหมือนเดิม

“แต่มีเรื่องหนึ่งที่เราจะถาม แม้บิ๊กจะอึดอัดที่จะตอบก็ตาม” ผมเขยิบตัวมาใกล้กับหูของบิ๊ก

“ทำไมนายถึงตอบรับรักเรา” ผมเองก็ไม่รู้จะถามทำไมถึงเรื่องนี้ ทั้งๆที่ก็รู้คำตอบอยู่แล้ว

บิ๊กหน้าแปลกใจที่ผมถามคำถามนี้

“ตอนนั้นเราไม่ได้บอกเหรอ” บิ๊กคงหมายถึงตอนที่ผมมาสารภาพรัก

ผมส่ายหน้า ถ้าบอกตั้งแต่ตอนนั้น ผมจะถามอีกทำไม

“ตอนนี้ใครสนิทกับเรามากที่สุด” บิ๊กถาม

“ผู้ชายที่ชื่อ...ปอ” ผมตอบ

“ใครที่ช่วยลอกรายงานให้เราและช่วยเราปั่นการบ้าน”

“ผู้ชายที่ชื่อ...ปอ”

“ใครที่เราชอบชวนให้ไปนั่งกินไอติมด้วยกันหลังเลิกเรียนที่ทะเลสาบกลางโรงเรียน”

“นายปออีกแล้ว”

“แล้วใครที่ชอบจูบแก้มเราตอนเผลอ”

“เอ๊ะ! นายปอทำแบบนั้นด้วยเหรอ” ผมทำหน้าตกใจ เหมือนคนโดนใส่ร้าย

“หมอนั้นทำยิ่งกว่าที่เราพูดซะอีก” บิ๊กเหล่ตามองมาที่ผม

“บอกมาดิว่าหมอนั้นทำอะไร” ผมคะยั้นคะยอถาม

“หมอนั้นชอบจูบแก้ม ปาก และ...ตรงนั้น” บิ๊กชี้ไปตามทุกส่วนที่พูด

“ตรงนั้นเค้าคงไม่ได้จูบหรอก เราว่าหมอนั้นน่าจะดูดมากกว่า” ผมแหย่กลับ

“แล้วมีอีกอย่าที่หมอนั้นทำ” บิ๊กพูดอีก

“อะไร” ผมถาม

“เขาทำทุกอย่างเพื่อให้บิ๊กมีความสุข” บิ๊กพูดพร้อมจูบผม

“ที่นี้รู้ยังว่าเราควรจะรักนายคนนั้นไหม” แล้วเราสองคนก็จูบกันอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่ได้จูบอย่างเดียว

ผมยังจำวันนั้นได้ดี คิดถึงมันแล้วก็นั่งยิ้มอยู่คนเดียว ถ้าใครเห็นคงนึกว่าผมบ้าไปแล้วแน่ๆ

“เออขอโทษนะครับ นั่งนึกอะไรอยู่” คนที่ผมกำลังนึกมาแล้ว

ผมหันไปยิ้มให้พร้อมลากตัวเข้ามากอด

“เฮ้ย เดี่ยวมีคนเห็น” บิ๊กผลักตัวผมออก

“เห็นแล้วทำไม เขาก็คงรู้เรื่องเราหมดกันแล้วม้าง” ผมลากตัวบิ๊กกลับมากอดอีก คราวนี้บิ๊กก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร

“มีอะไรหรือเปล่าถึงนัดมาที่นี้” ผมแปลกใจเพราะปกติเราสองคนชอบนั่งเล่นในห้องมากกว่า เพราะทำอะไรที่เป็นส่วนตัวได้สะดวกกว่า

“พอดีว่าจะไปไหว้รูปปั้นพระแม่มารีย์ที่หน้าสนามฟุตบอล นายไม่เคยได้ยินเหรอว่าศักดิ์สิทธิ์มาก”

“อืมม ก็ได้ยินเหมือนกัน เห็นโจ้บอกว่าเคยขอแล้วได้”

ว่าแล้วเราสองคนก็เดินไปที่หน้ารูปปั้นด้วยกัน

“ขอให้ผมกับบิ๊กมีความสุขอย่างนี้ต่อไปนะครับ” ผมอธิษฐานในใจ พร้อมยกมือไหว้ ก่อนจะหันไปมองบิ๊กที่กำลังหลับตาอธิษฐานอยู่
สักพักก็เหมือนมีลมพัดแรงพัดผ่านผมไป จนผมขนลุกซู่

กริ๊งงงงงงงงง............................................................

สัญญาณบอกเวลาเลิกเรียน ทำเอาผมสะดุ้งตกใจ เพราะมัวแต่มองบิ๊กอธิษฐาน
ไปกันเถอะปอ

ระหว่างจะถึงหอ ผมถามปอตลอดว่าอธิษฐานะไร แต่ปอไม่ยอมตอบ
“ถ้าบอกไป คำอธิษฐานจะไม่ขลังนะ” เจ้าตัวก็หลีกเลี่ยงไม่บอกอยู่ดี

ผมเดินกลับมาถึงห้องพบเพื่อนสองคนกำลังคุยอะไรกันก็ไม่รู้
“นินทาอะไรกันท่าทางเมามันเชียว”
สองคนนั้นมองมาทางผมเป็นตาเดียว
ผมเริ่มรู้สึกแปลกๆ
“มีอะไร อย่าบอกนะว่ากำลังนินทากู” ผมเริ่มร้อนตัว

โจ้เดินมาหาผม ด้วยสีหน้าที่ไม่คอยดี
“พอดีกูไปส่งสรุปรายงานตารางสอนประจำวันที่ห้องพักครู กูเพิ่งรู้ว่า มาสเตอร์เบิร์ดจะกลับมาสอนแผนกม.ปลายเหมือนเดิม”

ผมเองก็อึ้งไป ไม่นึกว่าเค้าคนนั้นจะกลับมา

“แล้วไง กูกับเค้าไม่ได้มีอะไรกันสักหน่อย”

“กูไม่ได้หมายถึงมึง แต่หมายถึงแฟนมึงต่างห่าง” เชียร์บอกผม

“จะห่วงบิ๊กทำไม”

“เพราะมาสเตอร์เบิร์ดคือครูประจำชั้นของห้องไอ้บิ๊ก”
เสียงเชียร์ทำเอาผมชาไปทั้งหน้า

“อย่าลืมนะว่า มึงเคยทำอะไรไว้กับมาสเตอร์เบิร์ด”

-----จบตอนที่1-----
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 25-02-2008 21:12:21
รูปปั้นพระแม่อยู่ที่ไหนเนี่ยยยยย จะไปขอบ้าง อิอิ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: BuzZenitH ที่ 26-02-2008 21:44:25
ในที่สุดก็มาต่อแล้ว..... :m4: :m4: :m4:

 :serius2: ....ไม่นะ....มาสเตอร์เบิร์ด....???...ไม่กลับมาจะได้มั้ย...

ปล...แล้วพระแม่มารีย์.....จะทำให้คำปรารถนาของใครสำเร็จก่อนกันอะ...... :oni2:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: myLoveIsYOu ที่ 26-02-2008 23:09:00
อ่ามาต่อแล้ว

ชอบทุกคู่เลยครับ โดยเฉพาะคู่ของเชียร์ กับ พี่เต๋า กัด ๆ กัน ฮาดี  :oni2:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: KevinKung ที่ 27-02-2008 18:45:59
ตั้งตารออ่านตอนต่อไปค้าบบบบ  :oni2:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: snowblack ที่ 27-02-2008 20:57:23
เย้ๆมาต่อแล้ว

รอตอนต่อไปนะครับ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: ltahset ที่ 27-02-2008 23:42:54
มาต่อเร็วๆนะคะ
รออ่านค่ะ :m1:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: meawkung02 ที่ 28-02-2008 12:33:43
น่าสงสาร โจ้ จัง รีบๆมาคนมาจีบ ซะนะค้าบบ...^^
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: kYos ที่ 01-03-2008 00:14:46
เรื่องนี้ก็หนุกอีกแล้ว  เข้มข้น ถึงใจ...

ตามมาอ่าผลงานคุณโจโจ้  หลังจากที่อ่านเรื่องของนายบั๊มพ์  หุหุ

รออ่านเรื่อยๆเลยน้า  :oni2:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: jojoe ที่ 01-03-2008 18:18:31
ตอนที่ 2 คนในฝัน

เคยมีใครถามคุณถึงผู้ชายในสเป็คบ้างไหม?

สำหรับผม ผมคาดหวังถึงชายคนนั้นว่าจะเป็นคนที่ให้ความรักและความอบอุ่น ที่ผมไม่เคยได้รับมาทั้งชีวิต
เด็กกำพร้าอย่างผมย่อมหวังคนที่จะปกป้อง ดูแล และรักผมมากพอที่จะไม่คิดทำร้ายผม

ที่จริงตอนม.4ผมเจอคนนั้นแล้ว เขามีพร้อมทุกอย่างที่ผมต้องการ รูปร่าง หน้าตา ฐานะและครอบครัวที่มั่นคง รวมถึงบุคลิกภาพและนิสัยใจคอที่ชวนหลงใหล

แต่เขาไม่ได้รักผม

ผมหวังว่าจะเจอคนในแบบเขาคนนั้น และที่สำคัญเขาต้องรักผมด้วย

“นายอมร  พจนวัฒน์ ประธานคณะกรรมการนักเรียนโรงเรียนเซนต์XXXXX”

ผมจ้องมองรูปภาพของผู้ชายในอุดมคติของผม

“กูเห็นมึงจ้องรูปพี่หมีมาสามนาทีแล้วนะ” เชียร์ถามผม ผมรู้สึกเหมือนถูกดึงออกจากความคิด

“ก็จะได้จำพี่เขาได้ เวลาเจอหน้ากันคราวหน้าจะได้ทักไง” ผมแก้ตัวพร้อมเดินออกจากบอร์ดคณะกรรมการนักเรียนหน้าห้องปกครอง
“แล้วทำไมต้องหน้าแดงด้วย มึงคิดอะไรอยู่” เชียร์ยังไม่เลิกเซ้าซี้

ผมจับแก้มตัวเอง ไม่นึกว่าแค่รูปยังเขินขนาดนี้เลย

“นายธนากร มานี้หน่อย” อาจารย์ฝ่ายปกครองเรียก

“ได้เวลารับใช้บรรดาคณาจารย์แล้ว นักเรียนคนเก่ง” เชียร์แซวพร้อมเดินหนีไปอีกทาง ผมนึกโมโห แทนที่มันจะอยู่ช่วย

ผมเดินเข้าไปในห้อง พร้อมตรงไปที่โต๊ะของอาจารย์ ว่าแล้ว ต้องโดนใช้ยกของอีกตามเคย

ผมหอบหนังสือเล่มใหญ่ เดินไปที่อีกฝากของตึกที่ผมเรียนอยู่ อาจารย์ให้ผมเอาหนังสือไปที่ห้องม.6 ที่อาจารย์กำลังจะไปสอนในคาบต่อไป

เมื่อถึงห้องของพี่ม.6 ผมเดินเอาหนังสือไปวางไว้ที่โต๊ะ พร้อมรีบเดินออกจากห้องเพราะรู้สึกว่าทุกคนในห้องนั้นจ้องมองมาที่ผม

“โอ๊ะ” คงรีบเกินไปเลยชนคนที่กำลังเข้ามาในห้อง แต่แว่นผมมันหายไปไหนอ่ะ

“ระวังแว่นหักนะ” คนที่ผมเดินไปชนยื่นแว่นให้

“ขอบคุณครับ” ผมรับแว่นพร้อมใส่มัน

แล้วผมก็เห็นภาพที่อยู่ตรงหน้าผม

ชายหนุ่มที่ผมจ้องมองรูปเขาเกือบสามนาที และทำให้ผมรู้สึกเขินอายแค่เพียงมองรูปเขา

“มาทำอะไรครับ เข้าผิดห้องเหรอ” พี่หมีถามอย่างสุภาพ

“เออ คือ อาจารย์ใช้ผมให้เอาหนังสือมาไว้ที่ห้องนี้”

“นึกว่ามาหาใครซะอีก” พี่หมียิ้มให้ผม

“แล้วพี่คิดว่าผมจะมาหาใครเหรอ” ผมย้อนถาม

“ไม่รู้สิพี่ก็เดาไปอย่างนั้นแหละ”

“เฮ้ยไอ้หมี มึงจีบใครอยู่หน้าห้องเหรอว่ะ” เพื่อนในห้องแซว ผมลืมไปว่าตอนนี้ผมคุยกับพี่หมีอยู่หน้าห้อง ที่มีสายตานับสิบกำลังจ้องมองเราสองคนสนทนากันอยู่

“ไม่รีบกลับห้องเหรอ จะหมดเวลาพักแล้วนะ” พี่หมีตัดบทสนทนาเมื่อเห็นว่าคุยในเวลานี้ไม่ค่อยเหมาะสักเท่าไหร่

“เออ ครับ ยินดีที่ได้เจอพี่อีกครั้งนะครับ” ผมไม่วายพูดความรู้สึกในใจออกมา

พี่หมียักคิ้วให้ผมก่อนจะเดินกลับไปนั่งที่เก้าอี้ของตัวเอง

ผมเดินมาจากห้องนั้นพร้อมรอยยิ้ม นึกไม่ถึงว่าผู้ชายที่จะมีแค่ในฝันมีตัวตนจริงๆ
ผมเดินลัดไปทางหลังของตึก เพราะเป็นทางลัดที่ไปตึกที่ผมเรียน แต่ไม่ค่อยมีใครใช้ทางนี้ เพราะหญ้าค่อนข้างรกและพื้นก็มีแต่หินที่เป็นทางไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ แต่ตอนนี้ไม่มีเวลาแล้วผมต้องรีบไปเข้าเรียนให้ทัน เลยไม่สนใจทางลัดที่แสนทรมานขนาดนี้

ผมรู้สึกว่าเหมือนมีควันลอยขึ้นมาใกล้ๆกับทางที่ผมเดิน ผมมองที่ควันนั้นพร้อมเดินเข้าไปหาว่ามันคืออะไร

“ใครสูบบุหรี่ว่ะ” ผมบ่นพึมพำกับตัวเอง

เจอเจ้าตัวแล้ว ทำไมหน้าคุ้นๆว่ะ

“โจ นายสูบบุหรี่เหรอ” ผมเอ่ยชื่อเจ้าตัว ดูเจ้าตัวจะไม่ค่อยตกใจเท่าไหร่ที่มีคนเห็นเขา

“อืมม แล้วมึงเห็นกูทำอะไรเล่า” แนะมันย้อน

“สูบไหม” มันยื่นมาให้ผม

“โทดที เราไม่อยากตายเร็ว” ผมพูดประชด

“ลืมไป ดันไปชวนเทวดาประจำโรงเรียน” มันก็ใช่ย่อย

“นายไม่กลับห้องไปเรียนด้วยกันเหรอ” ผมทำหน้าที่เพื่อนที่ดี แม้รู้คำตอบว่าคนตรงหน้าจะตอบว่าอะไร

“กลับไปทำไม ไม่ได้คิดจะมาเรียนสักหน่อย ไม่ได้เข้าเรียนมาตั้งแต่เช้าอยู่แล้ว” ผมแทบจะไม่เชื่อหูตัวเอง

“นี้นายไม่ได้เข้าเรียนมาตั้งแต่เช้าเหรอ”

“เอ้า อยู่ห้องเดียวกันแท้ๆ ไม่รู้เหรอ” มันทำน่าตกใจ สักพักมันก็ถอนหายใจ “ใช่สิ เด็กเรียนแถวหน้าอย่างมึงคงไม่คิดจะสนใจเด็กซ้ำชั้นหลังห้องอย่างกูหรอก”

มันพูดเหมือนให้ผมรู้สึกผิด

กรี้งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง...........................................................

“โธ่เว้ย! ไปไม่ทันจนได้” ผมบ่นกับตัวเอง

“ไปช้าหน่อยจะเป็นไร อาจารย์ไม่ทำโทดศิษย์รักอย่างนายหรอก” ไม่รู้มันพูดประชดหรือพูดจริง

ที่จริงผมก็ไม่ได้กลัวหรอก เพราะผมอ้างได้ว่าไปชวนอาจารย์ฝ่ายปกครองมา แค่อยากไปให้มันทันแค่นั้น

“แล้วนายแน่ใจนะว่าจะไม่ไปด้วยกัน” ผมถามโจอีกครั้ง

“ก็กูบอกแล้วไงว่าไม่ได้คิดจะมาเรียน” มันย้ำอีกครั้ง

“นายลืมไปแล้วเหรอว่าถ้าศิษย์รักอย่างเราไปบอกอาจารย์ว่านายโดดเรียนไปสูบบุหรี่ แล้วมันจะเป็นยังไง”

โจทำหน้าไม่พอใจ แต่มันก็ทิ้งบุหรี่ พร้อมเดินตามผมมา

พอเห็นมันเดินตามมา ผมหยิบหมากฝรั่งให้มัน
“เคี้ยวซะ จะได้ลบกลิ่นบุหรี่ของนาย”

มันทำหน้าไม่พอใจ แต่ก็รับหมากฝรั่งของผม

พอถึงห้องผมก็เดินกลับไปที่นั่ง โดยอาจารย์ไม่ได้ว่าอะไร สงสัยเชียร์มันบอกให้แล้วมั้ง

“เอ๊ะ วิรุฬกาน บอกว่าอาจารย์เค้าใช้ธนาการไปคนเดียวไม่ใช่เหรอ แล้วนายอัศวเทพไปไหนมาเหรอ” อาจารย์ถามนายโจก่อนที่มันจะไปนั่งที่

“พอดีผมแบกของคนเดียวไม่ไหว เลยให้อัศวเทพไปช่วยครับ” ผมแก้ตัวให้โจ ไม่รู้ไปแก้ตัวให้มันทำไม

อาจารย์เชื่อผมเลยปล่อยให้มันไปนั่งที่

“พอดีเมื่อกี้อาจารย์ให้คนในห้องจับบัดดี้กันนะ” ที่อาจารย์พูดถึง คือการจับคู่กันในการเรียน ให้คนเก่งช่วยคนที่เรียนไม่เก่ง เหมือนให้คอยช่วยเหลือกัน

“เพื่อนๆในห้องจับกันไปแล้ว เหลือเธอสองคน อาจารย์เลยให้เธอคู่กันนะ”

“ห๊า...ว่าไงนะ” ผมกับโจอุทานขึ้นมาพร้อมกัน คนทั้งห้องหันมามองผมกับโจที่ตกใจกับการจับคู่ครั้งนี้

“ถึงทั้งสองคนไม่พอใจ แต่อาจารย์คิดว่าเหมาะสมดีแล้ว” อาจารย์รวบรัดกันง่ายๆอย่างนี้เลยเหรอ

และแล้วอาจารย์ก็ให้คนที่เป็นบัดดี้มานั่งคู่กัน

ผมต้องมานั่งกับนายโจจนได้

“ไม่ต้องดีใจขนาดนั้นก็ได้” โจแซวเหมือนเห็นผมทำหน้าบูด

“อย่ารบกวนสมาธิในการเรียนของเรา” ผมหันไปดุมัน

“คิดว่าอยากพูดกับมึงนักเหรอไง” มันทำเสียงเข้ม

“งั้นก็เงียบๆไปเลย ต่างคนต่างอยู่ โอเคมั้ย” ผมตัดบท

“มึงก็จำไว้ว่ากูไม่คิดจะขอร้องอะไรมึง เมื่อกี้ที่มึงพูดแก้ตัวให้กู กูไม่คิดว่าเป็นบุญคุณหรอกนะ เพราะกูไม่ได้ขอร้อง ถือว่ามึงเสือกเอง”

ผมแทบจะไม่เชื่อหูตัวเอง ที่ได้ฟังคำพูดของมัน

ผมจะจำไว้เลยว่า มัน คือผู้ชายที่ผมเกลียดที่สุดในโลก

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: jojoe ที่ 01-03-2008 18:19:59
คู่ที่2

ผมชอบผู้ชายแบบไหนเหรอ

หล่อ หน้าตาดี หุ่นล่ำ รวย ของพวกนี้มันต้องมีอยู่แล้ว แต่ไม่ต้องมีครบทุกอันหรอกน่ะ ขาดอย่างหนึ่งอย่างใดไปก็ได้ แต่ถ้าขาดมากกว่าหนึ่งอันนี้ขอคิดดูก่อน

แต่สิ่งที่ผมต้องการคือ เขาเข้าใจในตัวผม รับทุกอย่างที่ผมเป็นได้ และต้องรักผมคนเดียว

“นายสมภพ เลิศสกุล ประธานชมรมอนุรักษ์ธรรมชาติเพื่อความยั่งยืน”

ผมเขียนชื่อบรรดาคณะกรรมการของชมรมพร้อมแปะรูปไปด้วย

“รูปนี้พี่หล่อไหม”พี่เต๋าพูดพร้อมช่วยแปะรูป

“ท่าทางจะใช้มุมกล้อง ไม่ก็ใช้คอมแต่งรูป ไม่งั้นคงไม่ออกมาขนาดนี้หรอก” ผมพูดทำเป็นไม่สนใจ

“งั้นเชียร์ก็ยอมรับว่ารูปนี้พี่หล่อจริงๆ”

“ยังไม่ได้พูดอะไรเลย” ผมไม่สนใจพร้อมแปะรูปต่อไป

“บ้านพี่เต๋าทำอะไรเหรอ” ผมชวนคุย

“ทำไร่ผลไม้ ปลูกผักขาย แล้วก็ขายพวกไม้ยืนต้น ไม้ประดับ”

ที่จริงก็พอรู้ว่าพี่เต๋าเป็นทายาทเศรษฐีพ่อค้าไม้เมืองกาญจน์ แปลว่ารวยมากๆ

“มีกี่ไร่อ่ะ” ผมยังถามต่อ

“ถ้าเฉพาะที่บ้านเมืองกาญจน์ ก็2000กว่าไร่” พี่เต๋าพูดไปทำงานไป

“ห๊า.....” ผมตกใจ “ยังมีที่อื่นอีกเหรอ”

“ถ้าที่เชียงใหม่ก็ของพี่สาวกับแฟนเค้า มีอีกที่เพชรบุรีอันนั้นของน้า แล้วก็..............”

พี่เต๋าบอกมาอีกสองสามที รวยกว่ากูอีกนะเนี้ย

“พี่วางแผนว่า ปิดเทอมจะให้ชมรมเราไปเข้าค่ายที่บ้านพี่ คงประหยัดงบไปได้เยอะ”

ผมนึกในใจ พร้อมนึกภาพผมอยู่ในสวนผลไม้ พร้อมคนๆหนึ่งที่กำลังเดินคู่กับผมอยู่ พร้อมกางร่มให้ผม เราสองคนกำลังเก็บผลไม้ เขาคนนั้นกำลังป้อนผลไม้ให้ผมชิม

“เชียร์ว่าไง” พี่เต๋ายื่นหน้าหันมาถาม

“ไม่อ่ะ เมืองกาญจน์ร้อนไม่ใช่เหรอ” ผมทำสีหน้าเรียบเฉย

“งั้น พี่ชวนเพื่อนพี่ไปก็ได้ เห็นไอ้หมิงบ่นว่าอยากไป”

“ใครอ่ะะ หมิง เชียร์รู้จักมั้ย” ผมถาม

“มันชื่อ สุภักดิ์ คนที่เป็นดรัมเมอร์เยอร์ไม้หนึ่งของโรงเรียน ตอนงานกีฬาสีเมื่อปีที่แล้วไง”

ผมชะงัก ในที่สุดสองคนนั้นก็สนิทถึงขั้นชวนไปเที่ยวบ้านกันเลยเหรอเนี้ย

“ไปสนิทกันตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมไม่เห็นรู้” ผมเริ่มซัก

“รู้จักกันมาตั้งนานแล้ว ตั้งแต่ม.ต้น แต่ช่วงนี้ไปไหนกับมันบ่อย เพราะจะเอ็นท์ที่เดียวกัน”

เหตุผลพอฟังขึ้นแต่ก็ยัง สงสัยในความสัมพันธ์ของคู่นี้

“ชอบเพื่อนพี่เหรอ” พี่เต๋าแหย่

“บ้า... ถามไปงั้นๆแหละ” ผมกลบเกลื่อน

“แล้วทำไมต้องทำเหมือนเขิน” พี่เต๋ายังไม่เลิก

ผมขว้างปากกาใส่พี่เต๋า พูดกวนอยู่นั้นแหละ

“ยินดีด้วยนะ เพื่อนพี่มันเป็นเกย์ เดี๋ยวพี่บอกให้” พี่เตาทำหน้าทะเล้น

“เลิกอำสักทีเถอะ สนใจงานดีกว่า”

“ก็มัน...” พี่เต๋าจะพูดอีก แต่ผมห้ามไว้ก่อน

“ถ้าไม่หยุดพูด เชียร์จะฉีกรูปพี่เดี๋ยวนี้นะ” ผมโชว์รูปพี่เต๋าที่กำลังจะติดบอร์ดเอามาขู่

พี่เต๋ายอมแพ้ก้มหน้าก้มตา ทำงานต่อไป

“ไอ้เต๋า ไปกินข้าวได้แล้ว” เสียงหล่อๆของใครบางคน ทำเอาผมกับพี่เต๋าเงยหน้ามามอง

“อ้าวไอ้หมิง” พี่เต๋าทักทายเพื่อนสนิทที่ผมคิดว่า น่าจะสนิทกันมากกว่านั้น

“ขยันจริงๆเลยนะมึง” พี่หมิงเดินเข้ามาในห้องชมรม พร้อมนั่งลงข้างๆพี่เต๋า พี่เค้าหันมายิ้มให้ผม

“หวัดดีครับ พี่ชื่อหมิงนะครับ เพื่อนไอ้เต๋ามัน” พี่เค้าแนะนำตัว

“หวัดดีครับ ผมชื่อเชียร์ เลขาชมรมอนุรักษ์” ผมแนะนำตัวตามารยาท

“เดี๋ยวกูเอาของไปเก็บก่อนนะ” พี่เต๋าหยิบบอร์ดกับอุปกรณ์ไปเก็บ ปล่อยให้ผมนั่งจ้องหน้ากับพี่หมิง

“น้องเชียร์น่ารักดีนะครับ”

อยู่ดีดี พี่เค้าก็ชมผมน่ารัก รู้สึกแปลกๆอ่ะ

“ไม่สนใจสมัคร ดรัมเมเยอร์ไม้หนึ่งเหรอ”

“คนสมัครเยอะไม่ใช้เหรอครับ ผมคงไม่ได้ม้าง” ผมตอบไปตามความคิดของผม แค่เชียร์ลีดเดอร์ยังไม่ได้เลย เอาประสาอะไรกับดรัมเมยอร์ไม้หนึ่ง

“ถ้าเราไม่ลองลงแข่ง เราจะรู้เหรอครับ เห็นเต๋าบอกว่าเชียร์ชอบงานแบบนี้ไม่ใช่เหรอ พี่ดูแล้ว ว่าเชียร์ก็น่ามีโอกาส”

ทำไมพี่เค้าเชียร์ผมจัง มีอะไรแอบแฝงหรือเปล่า

“ที่พี่พูดแบบนี้เพราะพี่ผ่านมันมาแล้ว อยากให้คนอื่นได้โอกาสที่พี่เคยได้บ้าง”

ท่าทางพี่เค้าเป้นคนจริงใจดี ไม่น่ามารู้จักกับคนอย่างพี่เต๋าเลย

“เสร็จแล้ว ป่ะไปกินข้าวกัน” พี่เต๋าโผล่มาลากตัวผมกับพี่หมิงออกไป

“เชียร์ว่าไปกินข้าวกับเพื่อนของเชียร์ดีกว่า พี่ไปกินสองคนเถอะ” ผมรีบปฏิเสธ ไม่อยากเป็นกว้างขวางคอ

“ไม่กินข้าวกับเพื่อนวันหนึ่ง ไม่ตายหรอก” พี่เต๋าพูดพร้อมยังลากผมอีก

“ไปกินด้วยกันดิครับ” พี่หมิงชวนพร้อมรอยยิ้ม ทำไมหมอนี้ดูเป็นผู้ชายเพอร์เฟคจัง ดูดีไปซะทุกอย่าง

สุดท้ายผมก็มานั่งท่ามกลางพี่เต๋าและพี่หมิง

“เดี๋ยวพี่ไปซื้อนำมาให้ เอาน้ำเปล่ากันใช่มั้ย” พี่หมิงเดินไปซื้อน้ำ

พี่เต๋าก็หันมาซุบซิบกับผม “เป็นไงเพื่อนพี่หล่อใช่มั้ยหละ”

ผมอึ้งไปนิด คิดว่าผู้ชายชมผู้ชายว่าหล่อมันหมายความว่าไงหล่ะ

“ก็ดูดีกว่าพี่ไปทุกอย่าง” ผมพูดประชด

“แสดงว่าเชียร์สนใจ” อ่ะน่ะ ยังไม่เลิกแซวอีก

“อยากกินราดหน้าเหรอ” ผมคว้าจานไปจ่อที่หน้าพี่เต๋า

“ฟังก่อนดิ” พี่เต๋าจับมือผมที่ถือจานราดหน้าไปวางไว้บนโต๊ะ

“โทษทีๆ พี่แซวเล่นๆ ก็เพื่อนพี่มันสเป็คเกย์นี้ นึกว่าจะชอบ”

“น้ำเปล่ามาแล้วครับ” พี่หมิงมาพร้อมขวดน้ำสามขวด ผมและพี่เต๋าเลยก้มก้มตาทานข้าว

ผมเหลือบมองพี่หมิง ผู้ชายที่หล่อ หน้าตาดี รวย ทุกอย่างดูดีไปหมด แต่ทำไมผมถึงไม่ได้รู้สนใจในตัวเค้าเลย

ตรงกันข้ามกับพี่เต๋าที่อาจจะมีทุกอย่างพอๆกับพี่หมิง ถ้าเอามาเปรียบกันแล้ว ก็ดูด้อยกว่า แต่ผมกับรู้สึกสนใจตัวเค้ามากกว่า

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: jojoe ที่ 01-03-2008 18:21:03
คู่ที่3
ผู้ชายที่ผมชอบใช่คนในสเป็คหรือเปล่า จู่ๆก็มีคำถามเกิดขึ้นในใจของผม

บิ๊กใช่ผู้ชายในสเป็คหรือเปล่า

ผมเองก็ไม่เคยวาดภาพผู้ชายในฝันหรอก ขอแค่เป็นคนที่แคร์และเข้าใจความรู้สึกของผมเท่านั้น

เพราะมัวแต่นึกถึงคนที่เราใฝ่ฝันถึง ก็คงไม่มีแฟนกันสักที

“นายวสันต์  มานะผลจารุ เลขที่13 ห้องม.5/6” ผมหยิบสมุดวิชาเลขคืนให้บิ๊ก

“ใครสอนวิชาเลขห้องนายเหรอ” ผมถามหลังจากช่วยบิ๊กจัดตารางสอน

“เออ คือ เออ” บิ๊กอ่ำอึ้ง

ผมถอนหายใจ เห็นท่าทีของบิ๊กก็พอรู้ว่าบิ๊กหนักใจที่จะเอ่ยชื่อถึงคนรักเก่า

“มาสเตอร์เบิร์ดใช่ไหม” ผมตอบคำถามแทน บิ๊กก้มหน้าเหมือนทำความผิด

“ทำไมไม่บอกเรา” ผมถามเสียงเหมือนดุ

“ก็เพราะรู้ว่านายต้องเป็นแบบนี้ ก็เลยไม่บอกไง” บิ๊กเองก็ทำท่าไม่พอใจเหมือนกัน

“ที่เราเป็นแบบนี้ เพราะนายไม่บอกต่างหาก” ผมเริ่มขึ้นเสียง

“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับมาสเตอร์เบิร์ด ถึงเค้าจะอยู่ที่นี้หรืออยู่ที่อื่น มันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเราแล้ว”

บิ๊กตะโกนใส่หน้าผมสุดเสียง

“ถ้านายรักเราจริงนายต้องเชื่อใจเราซิ” นี้คือคำที่บิ๊กพูดก่อนจะออกจากห้องพักของผมไป

ผมรู้สึกตัวว่างี่เง่าจริงๆ ผมคงหึงเกินเหตุไปจริงๆ

“ทะเลาะกันเสียงดังเชียว” เชียร์ทำเสียงทะเล้นเดินเข้ามาในห้อง

“ก็กูโมโหที่บิ๊กไม่ยอมบอกเรื่องมาสเตอร์เบิร์ด” ผมเล่าให้เชียร์ฟัง

“เป็นกูก็ไม่บอกเรื่องแฟนเก่าให้แฟนใหม่ฟังหรอก” เชียร์ออกความเห็น

“กูไม่รู้ว่าจะโกรธไปทำไม เหมือนกูไม่เชื่อใจบิ๊ก”ผมเริ่มระบายให้เชียร์ฟัง

“มันเป็นความรู้สึกปกติสามัญ ที่เราหึงหวงแฟนเรา ยิ่งแฟนเก่ามาป้วนเปี้ยนอย่างนี้ใครก็เป็น แต่..” เชียร์ทิ้งคำไว้

“ถ้าบิ๊กรู้ว่ามึงเคยมีอะไรกับมาสเตอร์เบิร์ด มันไม่ยิ่งกว่าที่แกโกรธอยู่เหรอ”เชียร์ถามเรื่องที่ผมไม่อยากจะคิด

“สำหรับกู คืนนั้นมันไม่ได้เกิดขึ้น กูลืมไปแล้วว่าคืนนั้นกูทำอะไรไปบ้าง” ผมพยายามพูดไปอย่างที่ใจคิด

“กูก็อยากรู้จริงๆว่ามึงทำไปทำไม” เชียร์ถาม

“กูแค่อยากให้มาสเตอร์เบิร์ดมั่นใจว่ากูไม่ได้คิดอะไรกับบิ๊ก เพราะตอนนั้นเค้าสองคนคบกันอยู่”

“มึงจะเป็นผู้เสียสละให้สองคนนั้นรักกัน” เชียร์ทำเสียงประชด

“ถ้าเป็นมึง มึงจะไม่ทำอย่างนั้นเหรอ” ผมถามเชียร์ถ้ามันอยู่ในสถานการณ์เดียวกับผมมันก็คงทำแบบนั้นเช่นกัน

“ไม่รู้สิ มึงเอาตัวเข้าแลกจนได้บิ๊กมาแล้วนี้ แต่กูว่า มึงไม่น่าทำอย่างนั้นเลย” เชียร์พูดพร้อมเอามือมาแตะที่บ่าผม

“เตรียมตัวรับความสับสนวุ่นวายแล้วกัน”เชียร์พูดจบก็เดินไปที่โต๊ะหนังสือ

ผมหันไปมองมันพร้อมนึกถึงคำพูดของมันเมื่อกี้

กำลังจะพูดกับเชียร์ต่อ โจ้ก็เปิดประตูเข้ามา

“ไอ้ปอ กู กู กู เห็นบิ๊กคุยกับมาสเตอร์เบิร์ดที่สวนหน้าหอว่ะ”

ผมตกใจเล็กน้อยกับสิ่งที่ได้ยิน

“กูนี้ไม่น่าพูดเลย” โจ้คงรู้สึกผิดที่บอกเรื่องนี้

“ ดีแล้วที่มึงบอก” เชียร์พูดกับโจ้ พร้อมหันมาที่ผม “ถึงตามึงออกไปยอมรับความจริงได้แล้ว”

ผมถอนหายใจเดินออกไปนอกห้อง พาตัวเองไปข้างล่างของหอ

พอถึงชั้นล่างผมพยายามมองหา บิ๊กกับมาสเตอร์เบิร์ด เห็นแว่บๆอยู่สองคนตรงใต้ต้นไม้ข้างหอ

ผมพยายามเดินไปที่ตรงนั้น โดยที่พยายามเดินให้เบาที่สุด ไม่ให้คนแถวนั้นเห็นผม พอผมไปถึงต้นไม้นั้นก็แอบพิงอยู่หลังต้นไม้ เอาหูแนนบฟังการสนทนาของทั้งสองคน แต่ฟังเท่าไหร่ก็ไม่ได้ยิน

“แอบฟังคนอื่นคุยกันไม่ดีหรอกนะ อรรถพล” ผมสะดุ้งเงยหน้ามองมาสเตอร์เบิร์ด ที่ยืนยิ้มให้ผม

ผมพยายามเดินหนี แต่มาสเตอร์เบิร์ด คว้าตัวผมไว้

“ไม่ไว้ใจแฟนเหรอ” เค้าถามผม

ผมไม่ตอบ แต่พยายามแกะมือออกจากมาสเตอร์เบิร์ด

“กลัวผมจะมาแย่งเหรอ”

“แล้วมาสเตอร์กลับมาทำไม” ผมถามน้ำเสียงโมโหนิดๆ

“ก็ผู้ใหญ่อยากให้มาสเตอร์กลับมาทำงานฝั่งม.ปลายเหมือนเดิม ก็กลับมาตามคำสั่ง”

ผมมองผู้มาสเตอร์เบิร์ด ด้วยท่าทีแปลกๆ ที่ผมไม่ค่อยแน่ใจในตัวผู้ชายคนนี้เท่าไหร่

“ผมไม่แย่งบิ๊กไปจากนายหรอก ผมให้สัญญากับบิ๊กไปแล้วเมื่อกี้”

ผมถอนหายใจโล่งอก ที่บิ๊กไม่คิดนอกใจผม
 
“แต่ผมไม่สัญญากับนาย เพราะผมจะแย่งนายมาจากบิ๊ก” ผมหันหน้าไปจ้องสายตาที่จริงจังของมาสเตอร์เบิร์ด

“ผมยังจำได้ดีถึงคืนนั้นที่เรามีอะไรกัน ผมหวังว่ามันจะมีอีก ในฐานะที่เราเป็นแฟนกัน” พูดจบมาสเตอร์เบิร์ดก็จะจูบผม แต่ผมเบือนหน้านี้

มาสเตอร์เบิร์ดหัวเราะก่อนจะเดินกลับไปที่หอ

“เตรียมตัวรับความสับสนวุ่นวายแล้วกัน” เสียงของเชียร์ยังก้องอยู่ในหูผม พร้อมสายตาที่ผมยังจ้องมองมาสเตอร์เบิร์ดเดินลับไป

------จบตอน------
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: lucifel ที่ 01-03-2008 18:49:17
ชอบมาสเตอร์เบิร์ดมากกว่าบิ๊กอ่ะ

มันจะผิดมากไหม :serius2:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: meawkung02 ที่ 02-03-2008 13:06:34
ปอคุง เริ่มมีปัญหา...น่ากลัวซะแล้วอ่ะ...งิงิ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: snowblack ที่ 02-03-2008 14:46:30
ชอบมาสเตอร์เบิร์ดมากกว่าบิ๊กอ่ะ

มันจะผิดมากไหม :serius2:

เห็นด้วยอย่างแรง

เย้ๆในที่สุดก็มาต่อแว๊ว

แต่ละคนมีตัวเลือกมาสองคนเหมือนกันเลยแหะๆ

เริ่มมันส์แล้วซิ

มาต่ออีกไวๆนะครับพี่โจ้จะมารออ่านทุกวันนะครับ :o8:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: dark789 ที่ 02-03-2008 14:50:03
ชอบมาสเตอร์เบิร์ดมากกว่าบิ๊กอ่ะ

มันจะผิดมากไหม :serius2:

เหมือนกันเลย ^^
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 02-03-2008 15:23:28
 :เฮ้อ: ชุลมุนวุ่นวายเจงๆ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: ranaways ที่ 02-03-2008 16:51:38
ยังรออย่นะคับ


ติดตามมาตลอดเลย
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: BuzZenitH ที่ 02-03-2008 18:23:08
 o21 o21 o21....บรึ่ยยยยยยย

เริ่มจะเป้นเรื่องแล้วววววววว :sad3:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: nolirin ที่ 02-03-2008 19:12:50
ต้องเตรียมตัวรับความวุ่นวายจิงๆด้วย :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: myLoveIsYOu ที่ 02-03-2008 20:04:33
ชุลมุน วุ่นรัก  o2
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 02-03-2008 23:40:32
ตัวเลือกของแต่ล่ะคนมันส์ๆทั้งนั้นเลย เดี่ยวจะต้องวุ่นวายปวดหัว แน่ๆ อิอิ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: snowblack ที่ 03-03-2008 19:20:23
รอคร้าบบบบ  o7
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: snowblack ที่ 06-03-2008 21:41:39
รอครับ  o7
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: BuzZenitH ที่ 07-03-2008 00:03:15
 o9...มาต่อด่วน....เขารออยู่นะ....
:freeze:...รอจนแข็งแล้ว.......
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 08-03-2008 09:16:21
เข้ามารอจ้า  :a12: :a12:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 08-03-2008 14:13:57
 :oni1: มารอตอนต่อไปค่า
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: snowblack ที่ 09-03-2008 18:11:27
 :m13: :m13: :m13:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 12-03-2008 23:16:02
เหอๆ ตอนจะไม่มีใครก็ไม่มี

พอจะมีล่ะก็มารุมกันเชียว

อารายกันนี่ เซงเลย
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: dark789 ที่ 13-03-2008 08:30:23
12 วัันผ่านไป... ยังรอคอยนะครับ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: TaroT ที่ 13-03-2008 18:53:56
เมื่อไหร่จะมาต่อตอนต่อไปอ่ะค๊าบบบบบบบบบ o7  แบบว่ากะลังรออยู่อย่างใจจดใจจ่อมากมาย
เรื่องมันจะดำเนินต่อไปยังไงเนี๊ยะ........... อยากรู้อ่ะ :m13: :m13:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 13-03-2008 23:30:38
มาต่อหน่อยครับ อิอิ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: jojoe ที่ 13-03-2008 23:45:52
ตอนที่ 3 ให้คะแนนหัวใจ

คู่ที่ 1

สระว่ายน้ำของโรงเรียน เป็นที่รวมตัวของนักเรียนใน วันเสาร์และอาทิตย์

ผม เชียร์และปอนัดกันมาว่ายน้ำที่สระน้ำเหมือนๆนักเรียนทั่วไป

“เย้ นานๆจะมาพร้อมกันสามคนสักที” เชียร์กระโดดดีใจที่ผมตัดสินใจมากับมัน เพราะปกติผมไม่ค่อยมาหรอก ไอ้สระว่ายน้ำ ผมหุ่นไม่ค่อยดีเหมือนกับไอ้เชียร์และปอ เลยไม่ชอบมาว่ายน้ำ อายหุ่นตัวเอง

“แต่กูแค่มาเฉยๆนะ ไม่คิดจะมาว่ายน้ำ” ผมออกตัวไว้ก่อน ยังไงก็ไม่ใส่กางเกงว่ายน้ำตัวเดียวให้คนอื่นเห็นหรอก

“อ้าวแล้วมึงจะมาทำไมเนี้ย” ปอหันมาถาม

“มันจะมาดูผู้ชายหล่ะซิ เห็นตอนนี้อารมณ์เปลี่ยวอยู่” เชียร์ปากหมาแซวผม ผมเลยเอาหนังสือฟาดหัวมัน

“กูแค่อยากมาเปลี่ยนบรรยากาศหาที่อ่านหนังสือสักหน่อยแค่นั้น” ผมอธิบายให้เพื่อนๆฟัง

“มึงจะอ่านรู้เรื่องเหรอ คนออกจะเสียงดังขนาดนั้น”ปอถาม

ผมโชว์หูฟังพร้อมเซาว์อะเบาวท์ที่พกมาด้วย

“มันเอาแว่นกันแดดมาด้วย ยังกะมาอาบแดดชายทะเล” เชียร์หันมาพูดประชดกับผม

“พวกมึงจะไปว่ายก็ไปแล้วกัน กูไปอ่านหนังสือตรงมุมสระโน้นแล้วกัน” ผมทำหน้าเซ็งๆแยกตัวออกไปจากพวกมัน พักหลังเป็นอะไรก็ไม่รู้ ผมเหมือนเป็นคนหงุดหงิดตลอดเวลา

พอหาที่นั่งได้แล้ว ผมก็ใส่หูฟังแล้วเข้าโลกส่วนตัวของผมทันที

อ่านเพลินๆจนผมเผลอหลับไป มารู้สึกตัวอีกที รู้สึกมีอะไรเปียกๆมาหยดลงแหมะๆบนหน้าผม

“อะไรว่ะ” ผมโวยวายขึ้นมา สงสัยคงเป็นเพื่อนตัวดีของผมมาแกล้งผมแน่ๆ แต่พอลืมตาขึ้นมา กลับไม่ใช่คนที่ผมคิด

“โจ นายทำบ้าอะไร” ผมตะคอกพร้อมแสดงสีหน้าไม่พอใจกับการกระทำของมัน แต่ดูมันจะสะใจที่ผมทำท่าโกรธ

“คนเค้ามาสระน้ำ เค้าก็ต้องมาว่ายน้ำ ไม่ใช่มานอนหลับน้ำลายยืดอย่างนี้” โจทำเสียงล้อเลีย จนผมทนไม่ไหวลุกเดินหนี ทำไมต้องมาเจอมันด้วยเนี้ย

ตูม! โจมันกระโดดลงสระ พร้อมน้ำที่กระเซ็นมาทั่วร่างของผม

“อะ อะ อะ ไอ้” ผมโมโหจนพูดอะไรไม่ออก

“55555555” โจมันหัวเราะร่า ที่เห็นผมเปียกไปทั้งตัว

“ไหนก็เปียกแล้ว ลงมาเล่นน้ำดิว่ะ” มันยังมีหน้ามาชวนผมอีก

“เราจะไม่ลงสระเดียวกับนายเป็นอันขาด ไอ้บ้าเอ้ย” ผมโมโหนึกอยากจะเตะหน้ามันจริงๆเลย

แต่มันก็ว่ายหนีไปอีกฝั่ง จะให้ผมวิ่งตามไปเตะมันเดี๋ยวคนจะหาผมว่าบ้า เลยหนีไปสงบสติอารมณ์ที่อื่นดีกว่า

ไหนๆก็คงไม่ว่ายน้ำอยู่แล้วผมเลยกะจะเดินกลับหอ

แต่แล้วก็มีคนยื่นผ้าเช็ดตัวให้ “ทำไมรีบกลับหล่ะครับ ยังไม่เล่นน้ำเลยไม่ใช่เหรอ” 

ผมเลยหน้ามอง พี่หมีในชุดกางเกงว่ายน้ำแบบบีกินนี่ กำลังยืนยิ้มให้ผม

“เอาไปเช็ดตัวสิ ตัวเปียกปอนหมดแล้ว” พี่หมีคงเห็นผมมัวแต่ทำเขินอาย เลยคะยั้นคะยอให้ผมรับผ้าเช็ดตัว

ผมเลยรับมาเช็ดหน้าเช็ดตา แต่สายตายังคงเหลือบมองพี่หมี พร้อมมองหุ่นเขาด้วย พี่หมีหุ่นดีใช้ได้ ไม่ได้ล้ำมากแต่ก็มีกล้ามให้พอรู้ว่าออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ แล้วผมก็เหลือมองต่ำลงไป

เวรแล้ว เรานี้ลามกจริงๆทำไมไปมองตรงนั้นของพี่เค้าแล้วเนี่ย

“ไปเล่นน้ำกับพี่ไหม วันนี้พี่มาคนเดียว ไม่มีเพื่อนเล่นเลย”

ผมแทบไม่เชื่อหูตัวเองพี่เค้าชวนผมไปเล่นน้ำเนี่ยนะ

“เออ คือ เออ” ผมอ้ำอึ้งไม่กล้าไปเล่นกับพี่เค้า เขินก็เขิน อายก็อายหุ่นตัวเอง

“ว่าไง” น้ำสียงของพีหมีดูเหมือนเร่งเร้า

“ครับ” ผมตอบโดยไม่ได้คิดอะไร รู้แต่ว่าโอกาสมาแล้วจะปล่อยไปทำไม

ลืมไปผมไม่ได้ใส่กางเกงว่ายน้ำมานี่หว่า แล้วจะลงไปได้มั้ย

“เป็นไรหรอก ใส่บอกเซอร์ลงไปก็ได้” พี่หมีตอบแทนความคิดของผม คงเห็นผมเก้ๆกังๆอยู่บนขอบสระ

ผมค่อยถอดเสื้อ พร้อมกับถอดแว่นออกด้วย พอไม่ใส่แว่นแล้วมันมองอะไรไม่ค่อยชัด

พอผมลงไปที่สระได้ก็เอาแต่คล้ำๆที่ขอบสระ ไม่กล้าว่ายออกไปไกลๆ พูดง่ายผมเอาแต่คล้ำขอบสระไปเรื่อยๆจนวนรอบสระ

พี่หมีที่ว่ายเล่นไปกลับหลายรอบ เห็นผมเป็นอย่างนั้นเลยว่ายเข้ามาถาม

“ทำไมวนรอบสระซะอย่างนั้น มีอะไรหรือเปล่า”

“ผม มองไม่ค่อยเห็นอะครับ เลยไม่กล้าว่ายไปไกล อีกอย่างผมก็ว่ายน้ำไม่ค่อยแข็งด้วย” ผมบอกไปก็อายไป ดูเหมือนเป็นคนไม่เอาไหนเลย

พี่หมีหัวเราะสักพักก่อนจะว่ายเข้ามาใกล้ตัวผมแล้วค่อยๆโอบผมไว้ก่อนจะคว้ามือมาจับทั้งสองข้าง

“งั้นพี่พาไปแล้วกันนะ” ว่าแล้วพี่เข้าก็ค่อยถีบตัวออกไปโดยพี่เข้าทั้งโอบทั้งจับมือผมว่ายไปกลางสระ

ผมตัวแข็งไปทั้งตัว ความรู้สึกที่เนื้อแนบเนื้อนั้นบรรยายมาเป็นคำพูดไม่ออก ไม่นึกว่าคนที่เราแอบปลื้มจะพยายามทำเพื่อเราขนาดนี้

“เหมือนพาเด็กมาว่ายน้ำเลย” พี่หมีหระซิบข้างหูเมื่อพามาถึงกลางสระ

“ผมทำให้พี่ลำบากหรือเปล่า” ผมรู้สึกเกรงใจยังไงก็ไม่รู้

“พี่ไม่เคยทำอะไรแบบนี้กับใครมาก่อน มันแปลกๆยังไงก็ไม่รู้” พี่หมียังพูดกับผมข้างๆหู (พี่เขายังโอบผมไว้อยู่)

“ที่ว่าแปลก พี่หมายถึง มันรู้สึกดี ที่ได้ใกล้กับโจ้ ทั้งๆที่เราก็ยังไม่รู้จักกันเท่าไร่”

พี่เขาพูดจบ ผมอึ้งไป ไม่นึกว่าพี่เค้าจะคิดแบบนั้น

“โทษที พี่อาจพูดตรงไปหน่อยนะ” ผมหมุนตัวเพื่อไปมองพี่เขา

พี่เขายิ้มให้ผมแบบเขินๆพร้อมเกาหัวไปด้วย

“ไม่มีใครเคยบอกเหรอว่า ตอนนายถอดแว่น ก็น่ารักดีนะ” พี่เขาจ้องหน้าผม

ตอนนี้กลายเป็นผมหน้าแดงแทน แถมเกาหัวเหมือนกับที่พี่หมีทำเมื่อกี้นี้

“ขืนพี่ยังพูดอะไรอีก คงไม่ได้ว่ายน้ำกันแน่เลย” พูดเสร็จพี่เขาก็โอบตัวผมไว้ แล้วว่ายพาผมไปรอบสระ

ไม่อยากจะเชื่อว่า น้ำในสระที่ว่าเย็น ก็ไม่ทำให้ผมรู้สึกเย็นไปด้วย ผมกลับรู้สึกอบอุ่นที่มีคนมาโอบกอดผมไว้ มันเหมือนเป็นความรู้สึกที่ชีวิตผมขาดหายไป และผมกำลังไขว่คว้าหามันอยู่

จะใช้คนๆนี้ที่กำลังกอดผมอยู่หรือเปล่า

พี่หมีพาผมไปที่ขอบสระ แต่แล้วก็มีใครบางคนว่ายมาด้วยความเร็ว แล้วว่ายผ่านตรงกลางระหว่างผมกับพี่หมี จนเราสองคนแยกออกจากกันไปทั้งคู่

ผมแทบเกือบจะจมน้ำ ดีที่ผมแตะขอบสระไว้ทัน
ผมหันไปมองดูว่าใครที่ทำแบบนั้น

“โจ” พี่หมีเอ่ยขึ้นมาก่อน เมื่อเห็นตัวเจ้าปัญหากำลังว่ายไปอีกฝั่ง

ผมสงสัยที่พี่หมีรู้จักกับโจ

“ไอ้เด็กซ้ำชั้นนั้นอยู่ห้องเดียวกับโจ้ใช่มั้ย” พี่หมีหันมาถามผม

ผมพยักหน้า

“พี่เคยเรียนกับมันตอนม.ต้น ห่างๆมันหน่อยนะ พี่ขอเตือน” พี่หมีทำเสียงจริงจัง

“ครับ มีอะไรเหรอ โจมันไปทำอะไรมาเหรอ” ผมถามอย่างสงสัย

“เอาเป็นว่าพี่เตือนแล้วกัน สัญญานะครับ”

“ครับ ผมสัญญา” ผมตอบ

“พี่เป็นห่วงนะ”

อีกแล้วพี่หมีทำผมหน้าแดงอีกแล้ว

“พี่ขอตัวไปก่อนนะ พอดีเดี๋ยวมีประชุมกับคณะกรรมการนักเรียน พี่ต้องไปเตรียมเอกสารการประชุม ไว้เจอกันนะครับ” พี่หมีลาผม แล้วขึ้นจากสระไป ผมได้แต่มองพี่หมี อยากให้พี่หมีกอดอีกครั้งจัง

“เฮ้ย! มึงนี้ร้ายจริงๆ โดนประกาศความเป็นของไปแล้วนะ” ไอ้เพื่อนตัวดี โผล่มาแซวผมทันที

“พวกมึงพูดไร” ผมทำเป็นดุ แก้ความเขินที่แสดงออกมาทางแก้มที่แดงจัด

“กอดกันกลมกลางสระขนาดนี้  พรุ่งนี้เถอะ คนเขาคงลือกันแซ่ดว่ามึงเป็นแฟนกับประธานนักเรียน” ปอเสริม

“กรูว่าเขากอดมึงไม่แคร์สายตาคนอื่นขนาดนี้ แสดงว่าเขาคงอยากได้มึงเป็นแฟนแน่ๆ”

พอได้ฟังมันพูด ผมก็ลองหันไปรอบสระ ปรากฏว่าทุกคนหันมามองผมจริงๆ ซุบซิบกันด้วย

กลายเป็นคนดังอีกแล้ว

“พี่หมีนี้เพอร์เฟคไปทุกอย่างเลยนะ ทั้งหล่อ รวย มีตำแหน่งหน้าที่ดีอีก แถมหุ่นก็ดี๊ดี เป้าก็ตุงใช่เล่น”

ผมศอกไปทุ้งไอ้เชียร์ที่ยังปากหมากันอยู่อีก

“เต็มสิบ กูให้แปดครึ่งเลยนะ” ปอลงความเห็น

“กูให้เก้าว่ะ” เชียร์บอก แล้วทั้งสองคนก็มองมาที่ผม

“ทำไมกูต้องลงคะแนนบ้าๆบอๆด้วยเนี้ย”

“คงสิบเต็มหละซิ หน้าแดงขนาดนั้น” ทั้งสองคนหัวเราะกันใหญ่
ผมงอนหันหลังให้พวกมัน แล้วก็เจอภาพเด็ด

พี่เต๋ากับพี่หมิงกำลังเล่นน้ำกันอยู่ พี่เต๋ากำลังกอดพี่หมิงอยู่ เหมือนแย่งอะไรกันก็ไม่รู้

“เฮ้ย! เชียร์ดูคู่นั้นซิ ท่าทางเค้าคงประกาศความเป็นเจ้าของกันอยู่” ผมทำเสียงแซวไอ้เชียร์ ที่หน้าซีดเมื่อได้เห็นภาพที่อยู่ตรงหน้า

********************************************************************************
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: jojoe ที่ 13-03-2008 23:47:59
คู่ที่ 2

เดี๋ยวกอด เดี๋ยวกอด เนื้อแนบเนื้อขนาดนั้น เป็นใครใครก็คิดว่าสองคนนั้นต้องเป็นแฟนกันแน่ๆ

“ไหนบอกไม่คิดอะไรไง ทำไมหน้ามึงบึ้งขนาดนั้น” โดนเพื่อนตัวดีเอาคืนซะแล้ว

“พี่เต๋าทั้งหล่อคม ล้ำ แถมเป็นกันเอง ให้เก้าว่ะ” โจ้พูดข้างหู

“ยิ่งมีคู่ขาหล่อ ยิ่งทำให้เป็นคนเจ้าสเน่ห์ เก้าครึ่งอ่ะ” ไอ้ปอเสริมอีก

“ตามึงแล้ว” ทั้งปอกับโจ้พูดพร้อมกัน

ผมไม่มีอารมณ์มาให้พวกมันปั่นหัวหรอก ผมหนีจากพวกมันพร้อมปีนบันไดตรงขอบสระ

แล้วก็มีอะไรนุ่มๆเด้งมาโดนที่หลัง ผมหันไปเจอลูกบอลลอยอยู่ใกล้ๆ

“น้องเชียร์มาเล่นด้วยกันมั้ยครับ” พี่หมิงพูดชวนผมซะเพราะเชียว

ผมหันไปมองอีกคน ที่ยักคิ้วให้ผม รู้ตัวไหมเนี้ยว่าทำให้ใครอารมณ์เสีย

ผมขว้างลูกบอลใส่ไอ้พี่เต๋าซะเต็มแรง ไอ้คนบ้าเอ๋ย!

พี่เต๋าดันรับได้ พร้อมตีลูกกลับมาที่ผม ผมไม่ได้ตั้งตัว ทำเอาผมทรงตัวไม่อยู่ จนผมตกลงสระไปอีกรอบ

โชคดีที่มีคนมาประคองผมไว้ ผมหันไปก็เจอพี่หมิงยิ้มให้

“เป็นไรป่าวครับ น้องเชียร์” แล้วพี่เค้าก็หันไปดูพี่เต๋า “ไอ้เต๋า มึงก็เล่นแรงเกินไป”

“มึงไม่รู้อะไร เชียร์เค้าชอบเล่นแรงอย่างนี้แหละ” ว่าแล้วก็ปาลูกบอลใส่ผมอีก

“อะไรว่ะ ได้ เล่นแบบนี้ใช่ไหม” ใครจะไปยอมผมก็ปาไปอีก สุดแรงเลย

“หัดรู้ซะบ้างว่าคนอื่นเค้าก็เจ็บเหมือนกัน” ผมตะโกนด่าพี่เต๋า

“ก็ใครจะไปรู้เล่า ไม่บอกอะไรใคร แล้วใครมันจะไปรู้ว่ารู้สึกอะไร” พี่เต๋าพูดเสร็จก็ขว้างมาอีก

“เรื่องแค่นี้ต้องบอกด้วยเหรอ หัดสนใจคนอื่นเค้าเองได้ไหม” ผมรับลูกแล้วก็ขว้างไปอีก

“ใครกันแน่ที่ควรจะสนใจ กลับไปมองตัวเองซะไป” แล้วลูกบอลก็กลับมาอีก ผมยังรับได้
“แค่นี้ยังไม่รู้อีกเหรอ ว่าเชียร์รู้สึกยังไง” ผมพูดด้วยเสียงที่เบาลง

“จะไปยุ่งกับใครก็เชิญเลย” คราวนี้ผมขว้างสุดแรง ไม่สนใจว่าใครจะรับลูกบอลนั้นได้หรือไม่

ผมตะกายตัวเองวิ่งออกไปจากสระ ไปหลบอยู่หลังห้องน้ำ

ทำไมผมต้องแสดงท่าทีแบบนั้นออกมา

ผมตอบคำถามให้กับหัวใจตัวเองได้แล้ว ว่าผมชอบพี่เต๋าจริงๆ

ผมทนเห็นพี่เค้าสนิทสนกับคนอื่นนอกจากผมไม่ได้จริงๆ

“มันไม่ควรจะเป็นแบบนี้” ผมบอกตัวเอง

“ใช่ มันไม่ควรจะเป็นแบบนี้” ผมหันไปมองเจ้าของเสียง

พี่หมิงยืนมองมาที่ผม

“พี่หมายถึง ตัวพี่เองต่างหาก” ผมทำหน้างงที่พี่เค้าพูดแบบนั้น

“พี่ขอโทษที่ทำให้น้องเชียร์เข้าใจผิด พี่คงทำตัวสนิทกับไอ้เต๋ามากเกินไป”

“ผมไม่ได้คิดอะไรกับพี่เต๋าสักหน่อย ผมมีแฟนแล้ว และผมก็รักเค้ามากด้วย” ผมตอบแต่หลบสายตาของพี่หมิง

“ทำไมต้องโกหกตัวเองด้วย ในเมื่อตัวเชียร์เองก็รู้ดีแก่ใจอยู่แล้ว” ยิ่งพี่หมิงพูดผมก็ยิ่งรู้สึกอึดอัดกับตัวเอง

“เอาเป็นว่า พี่จะคอยสนับสนุนเชียร์แล้วกัน” พี่หมิงยื่นมือมาแตะที่บ่าของผม

“ขอบใจพี่มากนะครับ แต่ผมก็ยังไม่อยากบอกพี่เค้าอยู่ดีว่าผมคิดยังไง”

พี่หมิงถอนหายใจ “คงกลัวผิดหวังใช่มั้ย”

ผมไม่ตอบ พี่หมิงพูดอีก “ถ้ากลัวผิดหวัง อย่ารักเลยดีกว่า”

ผมหันไปมองพี่หมิง พูดแรงจัง

“ว่าไงยังอยากจะลองรักอยู่ไหม” พี่หมียื่นมือมาที่ผม

ผมคิดแป๊บนึงก่อนจะยื่มมือไปจับพี่หมิง

“ครับ ผมจะลองดู”

ผมเดินก้าวออกมาที่สระ พร้อมมองไปที่คนๆนั้น

พี่เต๋าเดินมาที่ผม “ขอโทษนะที่เล่นแรง”

ผมทำหน้าบึ้งก่อนจะพูดออกมา “งั้นก็ต้องเจอแบบนี้” ผมกระโดดผลักพี่เต๋าลงไปในสระ แต่พี่เต๋าก็คว้าตัวผมไปด้วย

กลายเป็นว่า เราสองคนก็ตกไปพร้อมกัน

“แสบนะเรา” พี่เต๋าหันมายี้หัวผม

“แสบเฉพาะคนที่สมควรโดน” ผมหันไปมอง

“แล้วพี่จะโดนอะไรอีก” พี่เต๋าเขยิบตัวมาใกล้ผม

“ก็คิดเอาเองแล้วกันว่าถ้าทำอะไรถึงจะโดน” ผมหันหลังให้กับพี่เต๋า พร้อมจะตะกายตัวออกจากสระ

“ถ้าทำแบบนี้จะโดนอะไรอีก” แล้วพี่เต๋าก็กระโดดกอดตัวผม พร้อมลากตัวไปกลางสระ

“ไอ้บ้า ทำไร” ผมโวยวาย

“ก็อยากทำในสิ่งที่พี่ยากทำมานาน” พี่เต๋าพูดข้างหู ทำเอาผมเลิกดิ้น

“มะ หมายความว่าไง” ผมใจเต้นตึกตัก

“ก็แสดงความเป็นเจ้าของไง” พูดเสร็จพี่เต๋าก็จูบลงมาที่แก้มผม

ทำเอาผมอึ้งทำอะไรไม่ถูก

ผมเห็นพี่หมิงยืนยิ้มอยู่ พร้อมยกนิ้วโป้งให้ผม

ผมยิ้มขอบคุณพี่หมิงก่อนจะกอดพี่เต๋า

“เชียร์ก็จะแสดงความเป็นเจ้าของเหมือนกัน เราเจ๊ากันแล้วนะ”

********************************************************************************
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: jojoe ที่ 13-03-2008 23:54:51
คู่ที่3

ผมมองเพื่อนๆของผมที่ต่างก็มีความสุข ทั้งโจ้ที่กำลังจะมีความรัก ส่วนเชียร์ก็กำลังสมหวังในความรัก

“สระนี้ท่าจะหวาน” บิ๊กว่ายน้ำมาอยู่ข้างๆผม

“หวานเพราะคู่เราหรือเปล่า” ผมเอื้อมตัวจะไปจูบบิ๊ก บิ๊กเอามายันหน้าผมไว้ก่อน

“อย่าแม้แต่จะคิด เราไม่ชอบแสดงออกขนาดนั้น”

“งั้นกลับห้องคูณสอง” ผมเอาค้างไปเกยที่ไหล่ของบิ๊ก

“อีกแล้ว เอะอะอะไรก็คูณสอง”บิ๊กทำท่าเขินๆ

“เดี๋ยวเราไปก่อนนะ จะไปซ้อมร้องเพลงงานวันรับน้อง” ว่าแล้วบิ๊กก็ว่ายไปอีกฝั่ง พร้อมขึ้นไปจากสระ

ผมยิ้มมองที่รักผมเดินออกไป
“มองเมียตายเยิ้มเชียว” เชียร์แซว

“ตกลงบิ๊กเค้าเป็นรับเหรอ มึงก็เป็นรับไม่ใช่เหรอปอ” โจ้พูดพร้อมทำหน้างงงง

“เพื่อนเราแมนซะขนาดนี้ ถึงจะรุกหรือรับ สถานะก็สามีอยู่ดี” เชียร์ทำท่าวิเคราะห์ถึงสถานะของผม

“บิ๊กเองก็แมน ไม่ได้ออกสาวซะหน่อย” โจ้ยังไม่เลิกสงสัย

“แต่ไอ้ปอหน้าเถื่อนกว่า เป็นผัวชัวร์” เชียร์ทำท่าฟันธง

“ผัวมึงไรสาระว่ะ เอาเป็นว่าจะผัวหรือเมีย พวกกรูก็เป็นได้ทั้งสองอย่าง” ผมรำคาญเลยบอกพวกมันไป

“ผลัดกันนั่นเอง” เชียร์เสริม พร้อมหัวเราะ

“เฮ้ย มาสเตอร์เบิร์ดมาว่ะ” อยู่ดีดีโจ้ก็ชี้ให้ผมกับเชียร์ไปดู ชายหนุ่มในชุดว่ายน้ำแบบเต็มตัว

“มาสเตอร์เบิร์ดเค้าก็หุ่นดีอยู่นะ แถมใหญ่ตามอายุด้วย” เชียร์มันยังวิเคราะห์บ้าบออะไรของมันอีก

“ให้เท่าไรดีว่ะ แปดแล้วกัน” เชียร์สรุป

“กูว่าก็แปดนะ ภาพรวมดูดี ดูสมเป็นผู้ใหญ่ดี” โจ้พูด

“แต่กรูว่าให้คนที่เขาเคยลองมาแล้วสรุปเองดีกว่า” เชียร์ทำท่ากวนตีน ทำมือเหมือนจับไมค์ แล้วมาจ่อที่ผม

“ไอ้สัตว์ มึงไม่มีอะไรทำแล้วหรือไง” ผมฉุน มันเอาเรื่องซีเรียษมาทำเล่นตลก

ผมว่ายน้ำหนีจากพวกมันไปพร้อมลุกออกจากสระ

กะว่าจะกลับห้อง เห็นมาสเตอร์เบิร์ดแล้วไม่สบอารมณ์

พอเข้าห้องน้ำก็ไปยืนฉี่สักหน่อย แล้วก็เดินไปเอาเป้สัมภาระจากล็อกเกอร์ เพื่อไปเปลี่ยนเสื้อผ้า

แต่แล้วก็มีคนมาคว้าตัวผมไว้ แล้วลากผมไปที่ห้องน้ำริมในสุด

ผมพยายามดิ้น แต่แล้วคนนั้นก็หันหน้าผมมาปะทะกับหน้าเค้า

“มาสเตอร์เบิร์ด” ผมเอ่ยชื่อเมื่อเห็นหน้าผู้ชายคนนั้น

มาสเตอร์เบิร์ดยิ้มก่อนจะคว้าตัวไปล็อคประตู พร้อมเปิดน้ำจากฝักบัว

“จะทำอะไร” ผมเริ่มรู้สึกถึงความไม่ปลอดถัยของตัวเอง

มาสเตอร์เบิร์ดไม่พูดอะไรก็คว้าตัวผมมากอด พร้อมทั้งจูบทั้งไซร้ไปตามตัว แต่มาสเตอร์ตัวใหญ่กว่าผมเยอะผมสู้แรงเค้าไม่ได้จริงๆ เลยตะโกนร้องให้ใครช่วย แต่ดูเหมือนว่าเสียงน้ำจากฝักบัวจะกลบเสียงร้องของผม

สภาพผมตอนนี้ถูกขึงอยู่กับผนังห้องน้ำ โดนมีผู้ชายคนหนึ่งกำลังไซร้ไปตามตัวของผม

มือของมาสเตอร์เบอร์ดเริ่มล้วงเข้าไปในกางเกงว่ายน้ำของผม
“ไม่นะ ขอร้อง อย่า” ผมพูดได้แค่นั้น ทั้งๆที่ร็ว่าพูดไปก็ไม่มีประโยชน์

“อะ” ผมครางออกมา ร่างกายของผมเหมือนจะตอบสนองการสัมผัสของมาสเตอร์เบิร์ด

มาสเตอร์เบิร์ด เริ่มเอาตัวมาถูไถผม ผมแยกไม่ออกแล้วว่าผมดิ้นเพราะอะไร

อยากหรือไม่อยาก

ชอบหรือไม่ชอบ

รู้สึกหรือไม่รู้สึก

ผมตอบอะไรไม่ได้ รู้เพียงว่า ผมควบคุมอะไรไม่ได้แล้ว  ผมตอบรับทุกอย่างที่มาสเตอร์เบิร์ดเสอนให้

ผมกอดมาสเตอร์เบิร์ดแน่น ครางเสียงดัง เหมือนอยากระบายสิ่งที่อยู่ในใจ

“อร๊ายส์” สิ้นเสียงสุดท้ายของผม ผมซบไหลมาสเตอร์เบอร์ด ท่ามกลางน้ำจากฝักบัวที่ชำระล้างทุกสิ่งทุกอย่างออกจากตัวผม

ผมเผลอตัวกอดมาสเตอร์เบิร์ด “เห็นมั้ย นายก็ปฏิเสธตัวเองไม่ได้” ผมสะดุ้งเหมือนได้สติ

ผมมองตัวเอง มองมาสเตอร์เบิร์ด ผมรีบลุกแล้วคว้าเป้พยายามหาประตู

มาสเตอร์เบิร์ดคว้าตัวผมไว้ก่อน “ทำไมถึงไม่เข้าใจตัวเองว่าชอบอะไร”

“พูดบ้าอะไร” ผมสะบัดมือสุดแรง ก่อนจะปลดล็อคประตูวิ่งออกจากที่นั้นไปสุดแรง

ผมวิ่งมาถึงที่หอ ผมทรุดตัวลงไปที่หน้าห้อง

“ทำไม ทำไม” ผมเริ่มร้องไห้ สับสนว่าทำไมผมถึงต้องทำแบบนั้น มันหมายความว่าอะไร

ผมชอบอะไร ผมต้องการอะไร ทำไมผมถึงตอบตัวเองไม่ได้

เสียงประตูดังขึ้นพร้อมภาพของบิ๊กที่กำลังนอนอยู่บนเตียง

ผมค่อยๆขยับตัวไปกอดบิ๊ก บิ๊กคงรู้สึกตัวหันมามองผม

“อะไรเหรอ เข้ามาที่ห้องเราซะดึกเชียว”

ผมไม่ตอบอะไรได้แต่กอดบิ๊ก

“ไม่รู้สึกมันนึกอยากกอดขึ้นมา” ผมตอบพร้อมเอาแก้มไปแนบที่แก้มของบิ๊ก

“ขออะไรสักอย่างได้ไหม” ผมกระซิบพูดกับบิ๊ก

“กอดเราหน่อยได้ไหม” รู้สึกว่าเสียงตัวเองสั่นๆ

“ทำไมเหรอ” บิ๊กงงกับท่าทีของผม
ผมไม่ตอบอะไร แต่ก็ค่อยๆปล่อยมือที่กอดบิ๊กไว้ออก พร้อมหันหลังให้

บิ๊กไม่ได้ถามอะไรผม แต่ก็มากอดผมไว้

ผมจับมือของบิ๊กแน่น ผมกลั้นน้ำตาไม่อยู่ มันไหลออกมาแทบไม่หยุด

“มีอะไร ปอ มีอะไร นายเป็นอะไร” บิ๊กถามผมใหญ่

“เรา เรา กลัวจะเสียนายไป” ผมร้องไห้ไม่หยุด

บิ๊กกอดผมแน่นพร้อมจูบผม “ทำไมขี้แยเหมือนเด็กนะ เราอยู่นี้ไง ไม่ได้หนีไปไหนหรอก”

ใช่ตอนนี้นายอยู่กลับเรา แล้วอนาคตหละ มันจะยังเป็นอย่างเดิมอยู่ไหม มันเป็นเพียงคำถามในใจ ที่ทั้งผมและบิ๊กก็ไม่สามารถตอบมันได้ นอกจากกาลเวลา

-----จบตอน-----

มาลงให้สดๆร้อนๆ(วันที่13 มีนา เวลา11.54)โทดทีที่หายไปนานเลยนะครับ มาแ้ล้วๆ พูดถึงตอนนี้ให้คะแนน มาลองให้คะแนนของตัวละครกันดีกว่านะครับว่าจะให้คะแนนใครเท่าไหร่กันบ้าง หรือให้เป็นคู่ๆก็ได้นะครับ
จะพยายามเอามาต่อให้เร็วที่สุดนะครับ ช่วงนี้งานยุ่งจริงๆ เรื่องนี้ก็ไม่ได้แต่งเก็บไว้ในสต็อคเลยต้องใช้เวลานานหน่อย 
ขอบคุณ BlueboYhUb ที่เป็นแรงกระตุ้นให้ได้เอาตอนต่อไปมาลงซะที  ขอบคุณนะคร้าบบ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: snowblack ที่ 14-03-2008 02:31:03
อออย่างงี๊น่ะเอง  o13

ให้คะแนนหรอ อืมมมม... ให้ไม่ถูกแหะ

เอาเป็นว่าให้คะแนนพี่ jojoe ไป 10 เลยล่ะกัน  :o8: (เกี่ยวไหมนี่)

ปล.ชอบมาสเตอร์เบิร์ด  :laugh:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 14-03-2008 08:07:26
คู่ที่ 1ให้  8 คะแนน คู่นี้แอบหวาน แต่ดูเหมือนจะมีตัวปัญหาคือนายโจรึป่าว  :o

คู่ที่ 2 ให้ 9 คะแนน เพราะความรักดูท่าจะไปได้สวยสุด หวานซ้า  :m1:

คู่ที่ 3 ให้ 8 คะแนน ความสัมพันธ์ช่างซับซ้อนชุลมุนเหลือเกิน มาสเตอร์รุกน่าดู เอาใจช่วยปออยู่นะ   :เฮ้อ:

ให้แบบนี้ละกัน ให้ไม่ค่อยถูกเหมือนกัน  :m29:

รออ่านตอนต่อไปเช่นเดิมค่ะ  :oni2:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 14-03-2008 18:50:08
เย้ๆ..........อ่านจนถึงปัจจุบันสักที

ว่าแต่เรื่องเราของทั้งสามคนก้อซับซ้อนมากมายเลยนะนี่

แล้วเหตุกานมานจะเปงยังไงต่อไปละนั่น o2 o2

คงต้องติดตามต่อไป อิอิ

ยังไงก้ออย่าลืมมาต่อนะคร๊าฟ

อยากอ่านต่อมากมาน อิอิ

เปงกำลังใจให้นะคร๊าฟ........................สู้ๆนะ อิอิ :oni2: :oni2:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: ranaways ที่ 16-03-2008 01:17:46
<object width="315" height="80"><param name="movie" value="http://www.ijigg.com/jiggPlayer.swf?songID=V2BEAC40PB0&Autoplay=0"><param name="scale" value="noscale" /><param name="wmode" value="transparent"><embed src="http://www.ijigg.com/jiggPlayer.swf?Autoplay=0&songID=V2BEAC40PB0" width="315" height="80"  scale="noscale" wmode="transparent"></embed></object>


เอาเป็นว่า คู่ที่1  ให้ 8  ก้อน่ารักดี  ใส



คู่ที่2  ให้  9  มันเริ่มจะชัดเจนอ่ะนะ


คู่ที่3  ให้7 ละกัน  เริ่มไม่ไว้ใจปอแระ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: snowblack ที่ 16-03-2008 05:48:35
รอครับ  :sad2:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 16-03-2008 10:15:40
คู่ที่1 ให้6
คู่ที่2 ให้ 6
คู่ที่3 ให้9
อิอิ

มาช่วยตาม ลงแบบสม่ำเสมอนะครับ จะได้ตามอ่านทัน ไม่ลืมเรื่อง
อิอิ :a4:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 16-03-2008 11:53:27
คราวนี้มาแปลก มีทั้งสุช ทั้งทุกช์เลยแฮะ สงสารปอจัง
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: shutta ที่ 16-03-2008 12:39:58
ชลมุน น่าดูแต่ละคู่น้า
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 16-03-2008 13:12:43
หว่า.................ยังไม่มาต่ออีกหลอฮะเนี่ย

ยังไงก้ออย่าลืมมาต่อนะคร๊าฟ..................

อยากอ่านต่อมากมายนะคร๊าฟ อิอิ.............

รอ..............คร๊าฟ................รอ :oni2: :oni2:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 17-03-2008 13:46:49
เง้อ.................มารอนะคร๊าฟ

มาต่อได้แย้วนะคร๊าฟ o7 o7
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: snowblack ที่ 21-03-2008 05:33:45
 :sad2: :sad2: :sad2: :sad2:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 22-03-2008 22:02:16
เอาเป็น 8 6 9 ละกัน อิอิ

อย่าเอาไปแทงหวยนา

ชอบปอที่สุดเลย ดูน่าลุ้นดี
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: snowblack ที่ 22-03-2008 22:44:39
_________อัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพ________________________อัพอัพอัพอัพอัพอัพ______________
______อัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพ_______________อัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพ____________
___อัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพ__________อัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพ_________
__อัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพ______อัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพ_______
_อัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพ___อัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพ_______
_อัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพ_____
_อัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพ____อัพอัพอัพอัพ_____อัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพ________
__อัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอั________อัพอัพ_________อัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพ_________
__อัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพ__________อัพ___________อัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพ___________
____อัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอั______________________อัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพ______________
______อัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพ____________________อัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพ_______________
________อัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอั__________________อัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอั__________________
__________อัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพ_______________อัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอั____________________
____________อัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพ____________อัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพ______________________
______________อัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพ________อัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพ________________________
________________อัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพ____อัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพ__________________________
___________________อัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพ______________________________
_______________________อัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพ_________________________________
____________________________อัพอัพอัพอัพอัพ_______________________________________
________________________________อัพอัพ__________________________________________
_________________________________อัพ___________________________________________
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 24-03-2008 15:29:32
เห้อ..................ทามมั้ยยังไม่มาต่ออีกนะ

อยาก่อานต่อมากมายนะคร๊ษฟ :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: snowblack ที่ 25-03-2008 20:06:56
 :sad2: :sad2: :o12: :o12: o7 o7
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: snowblack ที่ 30-03-2008 02:13:08
 :sad2: :sad2: :sad2: :sad2:

เมื่อไรจะมาครับเนี่ยะ


 :m15: :m15: :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: ranaways ที่ 30-03-2008 13:39:43
หายไปไหนคับเนี่ย   รอนานแล้วนะคับ   ได้แต่รอ รอ รอ รอ รอ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: snowblack ที่ 01-04-2008 04:47:27
มาได้แล้วนะครับ  :m15:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: BuzZenitH ที่ 02-04-2008 19:38:27
ไม่ใช่แค่คนแต่งที่หายไปนาน....คนอ่านคนนี้ก็หายไปนานเช่นกัน... :m23:

เพิ่งจะนึกได้ว่าลืมอะไรไปอย่าง..คือลืมมาตามอ่านเรื่องนี้นะเอง....ขอโทษ.... :m15:

อืม....เมื่อมาตามอ่านก็พบว่า...ชอบคู่ที่สามมากที่สู้ดดดดด....ตื่นเตนปนรันทดดี.... :o8: :o8: :o8:

ถึงงานจะยุ่ง...ก็อย่าลืมแต่งเรื่องนี้ต่อเน้อ...สู้ๆๆๆ :a2: :a2: :a2:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: snowblack ที่ 03-04-2008 00:17:44
มารอทุกวันนะครับ  o7
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: dark789 ที่ 10-04-2008 15:28:26
รออยู่นะครับ ^^
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: BuzZenitH ที่ 11-04-2008 02:46:30
มาดันให้สูงๆ.... :a1:...คนแต่งเห็นแล้วจะได้...มาต่อซะที... :a1:

ปล.สงกะสัยจะเตรียมตัวเล่นสงกรานต์...เลยไม่มาต่อซะที.. :laugh:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: นางมารร้าย ที่ 17-04-2008 13:20:10
รอค่ะ รอ มาต่อไว ๆนะคะ

หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 23-04-2008 22:03:33
หายไปนานจังเลยอะ

คิดถึงนะครับ

มาต่อนะ จ้ะ อิอิ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: snowblack ที่ 24-04-2008 03:08:19
มาต่อด่วนครับ  :serius2:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: iamhappywood ที่ 25-04-2008 00:08:12
อ่านจนจบหมดแล้ว ชอบเรื่องนี้มากเลยครับ
  :m4: :m4: :m4:



ถ้ามีเวลาก็อย่าลืมมาต่อนะครับ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: snowblack ที่ 28-04-2008 00:34:52
รออยู่นะครับ  :o12:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: ren ที่ 12-05-2008 01:06:53
โอ้วว  เรนพลาดเรื่องนี้ไปได้อย่างไร   :give2:

มาลงตอนต่อไปเร็วๆนะคะ


ดันๆๆๆ 
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: snowblack ที่ 16-05-2008 02:51:22
หายนานเลยอ่ะไมมาซะที

 :sad2: :sad2: :sad2:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 16-05-2008 07:00:33
 :undecided:   :o11:   :amen:   
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: jojoe ที่ 25-05-2008 23:50:06
อดใจรอนิดนึงนะครับ
กำลังเร่งแต่งอยู่
มีหลายคนสงสัยว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงหรือไม่
บอกเลยครับว่าเรื่องจริง(90%)ปนแต่งเอง(10%)
ตัวละครทั้งหมดมีอยู่จริง ใช่ชื่อจริงด้วย(ขี้เกียจแต่งชื่อขึ้นมาใหม่)
แต่บางตัวละครเอามาเกี่ยวโยงเข้ากับเรื่องเฉยๆ โดยที่เรื่องจริงไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรเลย
แล้วก็มีคนถามอีกว่าผมเป็นใครในสามคน
ใช่โจ้หรือเปล่า เพราะผมใช้นามปากกาเป็นชื่อนั้น
เอาเป็นว่าไม่บอก หลอกให้งง
ไปเดากันเอง อิอิอิอิอิ
แล้วเจอพบกับผมและเพื่อนกับความรักในช่วงมอห้า
้ขอบคุณนะครับที่ยังรอคอยผมเสมอมา
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: snowblack ที่ 26-05-2008 01:35:46
เป็นกำลังใจให้นครับ  :o8:

แล้วก็รอต่อไป  :a2:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 26-05-2008 13:49:21
มาร่วมด้วยช่วยรอ  :a1:

มาต่อไว ๆ นะ  :L2:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 26-05-2008 17:51:13
เย้ จะได้อ่านต่อแล้ววววววววววววววววววววววววววววววว  :a2:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 28-05-2008 10:58:47
เย่ๆ ดีใจๆ

ในที่สุดก็จะได้ต่อสักที

เอาใจช่วยๆ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: hito_no_ainochikara ที่ 28-05-2008 12:35:53
จิ้มๆๆ ติดกตามมานานแล้วว่ะ :oni2:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 29-05-2008 10:59:12
ตามมาทันแล้ว

สนุกมาครับ

มีหลายมุมมองให้ติดตาม

เป็นกำลังใจให้ครับ

 :L2:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: RN ที่ 30-05-2008 10:05:19
เข้ามารออออออ

อยากอ่านต่อแล้วววววววว

รีบมาอัพนะ

เคยอ่านเรืองนี้นานแล้ววววววว

ดีใจจังจะเขียนต่อ   o13 o13
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: Pal ที่ 30-05-2008 12:31:21
ไม่ได้เร่งนะคร๊าบคุณโจ้ แต่ขอเร็วนิดนึง รออ่านนานแว้วนะ
ขอบคุณที่รีบมาลงให้ล่วงหน้าเลยนะครับ  o13
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: jojoe ที่ 01-06-2008 22:03:50
ตอนที่ 4 คนกลางระหว่างเรา
คู่ที่  1
เช้าในวันอาทิตย์ เป็นวันที่ทุกๆคนอยากจะตื่นสาย อยากจะนอนขี้เกียจไม่ลุกขึ้นจากเตียง
พวกผมสามคนเช่นกัน หลังจากเมื่อวานว่ายน้ำกันมาอย่างเหน็ดเหนื่อย ก็นอนหมดแรงพร้อมกันในวันอาทิตย์แบบนี้
“ก๊อก ก๊อก ก็อก…….”
เสียงประตูดังขึ้นในตอนเช้า ใครมาหาแต่เช้าเนี้ย
“ไอ้โจ้มึงไปเปิดประตูเด่ะ” เชียร์ออกคำสั่งให้ผมไปเปิดประตู
“มึงหัดเดินไปเปิดเองบ้างเด่ะ” ผมกำลังนอนอย่างมีความสุขใครจะเดินไปเปิด
“มึงไม่ไป ก็ให้คนมาหายืนรอแม่งอย่างนั้นหละ” ไอ้เชียร์ตะโกนใส่ผมพร้อมนอนคลุมโปงทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น
เลยเป็นเวรเป็นกรรมของผมที่ต้องเดินเปิดประตู
พอผมเปิดประตูเท่านั้น หัวใจหล่นไปที่ตาตุ่มทันที พร้อมปิดประตูแทบไม่ทัน
พี่หมีใส่เสื้อเชิ้ตกับกางเกงยีนส์ ทำหน้าหล่ออีกต่างหาก กำลังยืนยิ้มอยู่หน้าประตู
ส่วนผมที่กำลังเพิ่งตื่น ผมเผ้าหยุ่งเหยิง ขี้ตาก็ยังไม่ได้แคะ โอ๊ย……อะไรกันเนี้ย
ผมรีบล้างหน้าล้างตา จัดผมให้เป็นระเบียบเรียบร้อย เหมือนคิดว่าเรียบร้อยแล้ว ก็ออกไปเผชิญหน้ากับผู้มาเยือนสุดหล่อ
ผมเปิดประตู ก็ยังเห็นพี่หมียืนยิ้มอยู่เหมือนเดิม
“เออ พี่หมีมีอะไรหรือเปล่าครับ” ผมถามไปเขินไป
“พี่อยากจะชวนโจ้ไปกินข้าวเช้าแล้วก็ว่าจะชวนไปเดินเล่นที่สวนต่อด้วย โจ้พอจะว่างไปกับพี่ไหมครับ”
พี่หมีพูดออกมา ผมแทบจะทรุดลงตรงหน้าประตูนั้นอยู่แล้ว
แม้วันนี้จะมีภารกิจต้องไปเตรียมตัวรับน้องมอสี่ แต่ใครจะพลาดการออกเดทกับพี่หมี
“ว่างครับ” ตอบรับแทบไม่คิดเลย
“งั้นเดี๋ยวพี่ไปรอโจ้อยู่ข้างล่างหอนะครับ” พูดเสร็จพี่หมีก็เดินออกจากหน้าห้องของผมไป
ผมยืนยิ้มอยู่ตรงนั้นนานทีเดียว นึกว่ากำลังฝันอยู่
“เพื่อนเราขายออกแล้วโว้ย” เชียร์กระเด้งลุกขึ้นมาจากเตียง พร้อมมากอดคอผม ทีอย่างนี้ตื่นขึ้นมาเชียวนะ
“ไปกับพี่เข้า อย่าทำเปิ่นให้เขาเห็นหละเดี๋ยวเขาตกใจหนีมึงไปแน่ๆ” ไอ้ปอให้พร
“กูไปแต่งตัวดีกว่าปล่อยให้พวกมึงกัดอยู่อย่างนี้ “ ผมพูดกึ่งๆประชด พร้อมรีบไปแต่งตัว
ผมไม่เคยอาบน้ำและแต่งตัวไวเท่านี้มาก่อน เกรงใจไม่อยากให้พี่เค้ารอ
ผมกำลังลงบันไดไปชั้นล่าง เดินสวนทางกับโจที่จะขึ้นไปที่ห้องของตัวเอง
“อ้าว ตื่นเช้าเชียว รีบไปเตรียมงานรับน้องเหรอจ๊ะ” ว่าแล้วว่ามันต้องแซว
ผมไม่สนใจเดินโดยคิดว่ามันคืออากาศ  เจอมันแต่เช้าจะโชคดีไหมเนี้ย
พอมาถึงด้านล่างของหอ ผมก็มองมองหาพี่หมีทันที ไปแอบอยู่ตรงไหน ทำไมไม่เห็นสักที
แล้วผมก็รู้สึกว่ามีใครมาสะกิดหลังผม
ผมหันหลังไปเจอ คนที่ผมอยากเจอ ถือดอกกุหลาบดอกหนึ่งไว้ในมือ พร้อมยื่นมาให้ผม
“ให้โจ้นะครับ สำหรับความสัมพันธ์ของเราในฐานะ แฟน” ผมตัวแข็งทื่อทำอะไรไม่ถูก ไม่เคยรู้สึกดีใจอย่างนี้มาก่อน เป็นครั้งแรกที่มีคนแสดงออกว่าชอบผมขนาดนี้
“โทษทีพี่เร่งเร้าโจ้มากไปหน่อย แต่พี่รู้สึกอะไรก็อยากบอกโจ้ไปแบบนั้น แต่ถ้าโจ้จะปฏิเสธพี่ก็ไม่ว่านะครับ”
ผมยิ้มพร้อมรับดอกไม้ ผมตัดสินใจไปเร็วไหม ที่เปลี่ยนสถานะของพี่หมีตามที่พี่เค้าขอร้อง
ใจผมตอบว่าไม่ เพราะผมเองก็รอคนแบบพี่หมีมานาน
“เอาเป็นว่าเรามาเรียนรู้กันก่อนดีกว่าครับ ผมอาจมีหลายเรื่องที่พี่หมีไม่ชอบก็ได้” ผมพูดไปยิ้มไป ไม่ต่างกับพี่หมีที่ยิ้มหน้าบานไม่แพ้กัน
“แสดงว่า พี่เรียกโจ้ ว่าแฟนได้ใช่ไหม” พี่หมียังถามผม
“แล้วแต่พี่แบ้วกันครับ” ท่าทางจะห้ามคนอย่างพี่หมียาก เลยตามใจเขาไป แต่ในใจก็รู้สึกดีที่พี่เขาต้องการแบบนั้น
“งั้นเราก็ไปกินฉลองที่เราเริ่มความสัมพันธ์กันในฐานะแฟนนะครับ”
พี่หมีพาผมมาที่ศาลาริมน้ำ ซึ่งมีศาลาริมน้ำเล็กๆอีกหลังอยู่ข้างๆ
มีโต๊ะเล็กๆตั้งไว้ในศาลานั้น พร้อมมีกับข้าววางไว้ที่โต๊ะด้วย
“อย่าบอกนะครับว่าเราจะกินข้าวกันทีนี้” ผมถาม ทั้งที่รู้คำตอบ
“ใช่ครับพี่อยากให้เราอยู่กันแบบส่วนตัว ถ้าไปกินที่โรงอาหารมันจะไม่โรแมนติก”
พี่หมีทำผมเขินเป็นรอบที่ล้านอีกแล้ว
ระหว่างที่กินอาหารอย่างเอร็ดอร่อย ผมก็ถามคำถามกับพี่หมี
“พี่พอจะบอกผมได้ไหมครับว่า ทำไมพี่ถึง ชอบ ผม” เป้นคำถามที่ผมอยากรู้มากๆๆๆๆๆๆ
พี่หมีหยุดเคี้ยวข้าว พร้อมกลืนมันลงไปทันที เพื่อจะพูดกับผม
“อย่าหาว่าพี่เว่อร์เลย พี่เห้นโจ้ครั้งแรกมันก็รู้สึกชอบตั้งแต่ตอนนั้น แล้วเมื่อวานที่พี่ได้กอดโจ้ พี่ก็แน่ใจเลยว่า พี่ชอบโจ้จริงๆ”
ที่พี่หมีพูดมันเหมือนกับความรู้สึกของผมเช่นกัน
“ปกติถ้าพี่ชอบใคร พี่ก็จะอยากจะบอกกับเขาไปตรงๆ พี่ไม่อยากมาเสียดายที่หลัง”
แล้วพี่เขาก็เอื้อมมือมาจับมือผม “แล้วพี่ก็มั่นใจว่าพี่ตัดสินใจไม่ผิด”
น้ำตาผมแทบจะไหลมาตรงนั้น นี้มีคนมาชอบผมจริงๆใช่ไหม ไม่ใช่ความฝันใช่ไหม
ไม่อยากจะเชื่อก็ต้องเชื่อ มันเป็นไปแล้ว
หลังจากกินข้าวกันอิ่มหน่ำสำราญแล้ว พี่หมีก็พาผมไปเดินเล่น ไปนู้นไปนี้ จนผ่านไปหนึ่งวัน
พี่หมีก็เดินมาส่งผมที่หอ
“หนุกมากเลยวันนี้  ขอบใจโจ้มากนะ”
“พี่ขอบใจผมทำไม ผมต่างหากที่ต้องขอบใจที่พี่ทำให้ผมรู้สึกดีมากๆ” ผมยิ้มหวานกลับไป
“งั้นพี่กลับก่อนนะครับ เดี๋ยวจะรีบกลับไปฝันถึงโจ้” พี่หมีหยอดคำหวานทิ้งท้าย ก่อนจะเดินกลับหอไป
ผมยืนยิ้มอยู่หน้าหอนานมาก เพราะไม่เชื่อว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับผมวันนี้คือความจริง
“ไอ้เราก็นึกว่าไปช่วยงานรับน้อง ที่แท้ก็ไปเที่ยวกับผู้ชาย” เสียงของผู้ไม่หวังดีแทรกขึ้นมา
โจเดินมายืนข้างผม
“เป็นไง ส่อยท่านประธานนักเรียนมาได้แล้ว”
ผมอยากจะตอบโต้มันนะ แต่วันนี้ถือเป็นวันดีของผม อย่าไปเห่าแข่งกับมันดีกว่า
ผมเลยเดินขึ้นห้องไป แต่โจเอามือมาคว้าแขนผมไว้
 “บางที่สิ่งที่มึงเห็นอาจไม่ใช่สิ่งที่มึงคิดก็ได้” โจทำสีหน้าจริงจังเมื่อพูดประโยคนี้
“นายพูดบ้าอะไร เราไม่สนใจคำพูดของคนอย่างนายหรอก” ผมสะบัดแขนจนมือของโจหลุดออกจากแขนของผม
แล้วก็วิ่งขึ้นห้อง โดยไม่สนใจคำพูดบ้าๆของคนที่ผมเกลียดที่สุด
*****************************************************************************************************************************
เอาคู่แรกมาให้อ่านก่อน อีกสองคู่จะตามาทีหลัง
กลัวรอนาน
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 01-06-2008 22:45:55
มาแล้ว 1 รอ 2 และ 3 ต่อ อีกแล้ว อิอิ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 02-06-2008 01:01:55
 :pig4:

รออ่านอีก 2 คู่นะ  :m1:

 :L2:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: snowblack ที่ 02-06-2008 20:46:14
เย้ๆ มาแล้ว
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 02-06-2008 22:29:31
มาแล้ววววววววววววววววววววววววววววววววว ดีใจจัง อิอิ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: iamhappywood ที่ 03-06-2008 00:34:16
มาต่อเร็วๆ เน้อ อย่าหายไปนานอีกนะครับ  :oni2:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 03-06-2008 14:06:55
วี้ดวิ้ววววววว

รออีกสองคน

ขอบคุณคร้าบบบ

 :L2:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: jojoe ที่ 04-06-2008 21:18:22
ตอนที่ 4 คนกลางระหว่างเรา

คู่ที่2

งานในวันรับน้องใกล้เข้ามาแล้ว ทุกคนต่างวุ่นวายสำหรับการเตรียมงานรับน้อง
ชมรมของผมก็เตรียมงานวันรับน้องด้วยเหมือนกัน และยังเตรียมไปถึง งานวันเปิดโลกชมรมอีกด้วย
ผมเตรียมงานกับพี่ๆ เพื่อนๆ ในชมรมตั้งแต่เช้าจนไปถึงตอนเย็น ทุกคนในชมรมต่างลากลับเพื่อไปกินข้าวเย็นที่โรงอาหาร
เหลือผมกับพี่เต๋า สองคนในห้องชมรม
“ป้ายนี้ลงสีอะไรดีอ่ะ” ผมถามความคิดเห็น
“อือ...” เสียงพี่เต๋าตอบมาแค่นั้น
“สีน้ำเงินดีไหม เชียร์ชอบสีน้ำเงิน” ผมสรุปเอง
“อือ...” เสียงพี่เต๋าก็ยังตอบมาแค่นั้น
“เอ๊ะ แต่สีของชมรม สีเขียวนี้ เอาสีเขียวดีไหม” ผมยังถามอีก
“อือ...” พี่แกก็ยังตอบมาแค่นั้น
“เป็นบ้าอะไร ไม่ยอมตอบ” ผมเริ่มรำคาญเลยโวยวายออกไป
ผมเห็นพี่เต๋านั้งมองผมตาเยิ้ม ผมเริ่มรู้สึกแปลกๆ แบบว่า เขินๆอ่ะ “สีอะไรก็ได้ที่น้องเชียร์คิดว่าเหมาะ”
ผมเลยรีบก้มลงไปทำงาต่อ ทำไปได้แป๊บนึง ก็เงยหน้าขึ้นมามองอีก ก็ยังเห็นพี่แกมองผมอยู่เหมือนเดิม
“เป็นอะไรไปเนี้ย มองบ้าอะไร” ผมพยายามควบคุมความเขิน
“ไม่รู้ดิ ตั้งแต่ที่เราเข้าใจกัน พี่ก็อยากมองเชียร์นานๆ” พูดไปก็ทำตาเยิ้มไป รู้สึกไม่คุ้นเหมือนเมื่อก่อนเลย
แล้วเราก็ตกอยู่ความเงียบ คือผมไม่รู้จะพูดอะไร เขินก็เขิน อายก็อาย
และแล้วพี่เต๋าก็ค่อยเอามือมาเอื้อมกอดผมไว้ ผมสะดุ้งเล็กน้อย ตกใจสุดขีด
“ทำอะไรอ่ะ” เสียงผมสั่น ตัวก็สั่นด้วย
“เห็นว่าทำอะไรอยู่เล่า” พี่เต๋าเริ่มกวนแล้ว
“เป็นบ้าอะไร มากอดเชียร์ทำไม” ผมทำตัวอะไรไม่ถูก เลยโวยวายออกไป
พี่เต๋าเริ่มเอาหน้าเข้ามาใกล้หน้าผม และแล้วพี่เขาก็จูบแก้มซ้าย จูบแก้มขวาผม
“เฮ้ยยยยยยยย.....................” ผมร้องโวยวายอีก ยังไม่ทันได้ตั้งตัวเลย
“ก็อยากทำแบบนี้กับเชียร์มาตั้งนานแล้ว รู้ไหม” พี่เต๋าสารภาพ
แล้วพี่เค้าก็ปล่อยผม “ถ้าเชียร์ไม่ชอบให้พี่ทำแบบนี้ พี่ก็จะไม่ทำอีก”
ไม่นึกว่าคนอย่างพี่เต๋า จะเป็นสุภาพบุรุษได้ขนาดนี้
ที่จริงไม่ใช่ว่าผมจะไม่ชอบหรอกนะ แต่ผมไม่อยากแสดงท่าทีอะไรออกไปมาก เดี๋ยวคนอื่นเขาจะเอาพี่เต๋าไปนินทาเพราะผม
“เออ...คือ ตกลงเราสองคน ชอบกันใช่ป่ะ” ผมก้มหน้าก้มตาทำงานแต่ปากก็อดพูดออกไปไม่ได้
“อืมม” พี่เต๋าตอบรับ
“งั้นเราก็เป็นแฟนกันใช่มั้ย” ผมก็ยังถาม
“อืมม” พี่เต๋ารีบตอบทันที
“แต่...เชียร์ทีแฟนแล้วนะ” ผมพูดจบ ความเงียบก็เริ่มครอบงำเรา
พี่เต๋าถอนหายใจ พร้อมเงยหน้าจ้องตาผม
“แล้วเชียร์ยังรักเขาอยู่หรือเปล่า” พี่เต๋าถามคำถามที่แทงใจดำผมเป็นที่สุด
ผมก้มหน้า พยายามหาคำตอบให้กับตัวเอง
“เชียร์เคยคิดว่าเชียร์จะอดทนรอเขาได้ แต่เชียร์ไม่เก่งขนาดนั้น เชียร์ก็อยากมีคนที่จะคอยดูแล คอยใกล้ชิด และอยู่ด้วยกันไปตลอด ถ้าถามว่าตอนนี้เชียร์ยังรักเขาอยู่ไหม เชียร์คงตอบว่าไม่ แต่ถ้าวันไหนเขากลับมา เชียร์ก็ตอบไม่ได้ว่าเชียร์จะกลับไปหาเขาหรือเปล่า” ผมพูดไป พร้อมน้ำตาที่เริ่มไหลออกมา
พี่เต๋าโน้มตัวเข้าไปกอดผม ผมซบไหล่ของพี่เต๋าไว้ ความว้าเหว่ ความเหงา ได้มลายหายไป ตั้งแต่ผมได้รู้จักกับผู้ชายคนนี้
“ตอนนี้เชียร์ รัก พี่ มากที่สุด” ผมพูดทมันออกไปในที่สุด
พี่เต๋าก้มหน้าเอาปากมาประกบกับปากของผม เราสองคนกอดกันแน่นขึ้น
ผมรับรสชาติการจูบของพี่เต๋า พร้อมค่อยๆถอดเสื้อออก
“อ๊า.......” ผมเริ่มครางเมื่อลิ้นของพี่เต๋าเริ่มสัมผัสกับร่างกายของผม
เมื่ออารมณ์พาไป กางเกงก็เริ่มหลุดออกไปจากตัวผมโดยฝีมือขอพี่เต๋า
ในช่วงที่นัวเนียกันไปอยู่นั้น เสียงของใครบางคนก็ดังขึ้น
“ไอ้เต๋า ไอ้เต๋า ไปกินข้าวกัน” เสียงของพี่หมิงนั้นเอง
เหวอ! ผมกับพี่เต๋ากระเด้งหลุดขึ้นพร้อมกันอย่างมิได้นัดหมาย
ผมคว้าเสื้อผ้าที่กระจายไปรอบตัว แล้วรีบไปหลบในตู้อุปกรณ์
ส่วนพี่เต๋ายังไม่ได้ถอดอะไรเลยออกจากร่างกาย เลยไปดักแขกที่ไม่ได้รับเชิญที่หน้า
“มึงไม่ไปกินข้าวว่ะ กูรอตั้งนาน” พี่หมิงถาม
“งานกูยังไม่เสร็จ เดี๋ยวค่อยไปกิน” พี่เต๋าโกหกได้แนบเนียน
“ให้กูช่วยไหม” พี่หมิงก็เป้นคนดีซะเหลือเกิน
“เฮ้ย ไม่ต้อง เดี๋ยวจะเสร็จแล้ว” พี่เต๋าเริ่มรน
“งั้นกูรอในห้องนะ” เวรกรรมพี่หมิงยังราวีไม่เลิก
“ไม่ต้องเลย งั้นไปกินข้าวเลยแล้วกัน” อ้าวไหงพี่เต๋าตอบอย่างนั้นเล่า
แล้วผมก็ได้ยินเสียงปิดประตู ผมเลยรีบเดินออกมาจากตู้ ปรากฏว่าผมโดนขังในห้องชมรม
“แล้วมาขังกูทำไมเนี้ย” ผมพยายเปิดประตู แต่มันถูกล็อคจากข้างนอก จะออกไปได้ไง
ผ่านไปประมาณห้านาที พี่เต๋าก็มาเปิดประตู พร้อมทำน้าสำนึกผิด
“ขอโทษนะ ถ้าพี่ไม่ไปกับมัน มันก้ต้องอยู่ในห้องนี้ ถ้าอยู่ในห้องนี้ น้องเชียร์ก็ต้องอยู่ในตู้ไปตลอด ถ้าน้องเชียร์อยู่ในตู้ พี่ก็ต้อง....”
“พอเถอะ หยุดพูดไปเลย” ผมเริ่มโมโห แก้ตัวอยู่นั้นแหละ
“เอาเป็นว่า พี่ไถ่โทษให้นะ” ว่าแล้วพี่แกก็มากอดผมอีกครั้ง
“ไม่มีอารมณ์ ถ่อยไปไกลๆเลย” ที่จริงก็อยากนะ แต่เห็นว่าดึกแล้ว เดี๋ยวหอปิด
“งั้นพี่ไปส่งนะ” ว่าแล้ว เราก็เก็บข้าวของในห้องให้เรียบร้อย และเดินกลับหอ
ระหว่างถามผมก็ถามพี่เต๋าถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น
“ทำไมถึงสนิทกับพี่หมิง เมื่อปีที่แล้วไม่ยักเห็น”
“สนิทกันมาตั้งนานแล้ว แต่ไม่สนิทมากเท่าปีนี้” พี่เต๋าพูดหน้าตาเฉย
“แล้วไงต่อเล่า ทำไมปีนี้ถึงสนิทมาก” ผมยังถามไปอีก
“ก็...” พี่เต๋าทำท่าอึดอัด
“ที่จริงพี่ก็ไม่อยากเล่า แต่ไหนๆก็ไหนๆแล้ว เมื่อปีที่ผ่านมา พ่อแม่พี่ชายของไอ้หมิง โดนรถชนตาย”
ผมอึ้งเล็กน้อย ไม่นึกว่าจะเกิดเรื่องนี้ขึ้น
“มันเลยเหมือนอยู่ตัวคนเดียว เพราะตอนนี้มันก็อยู่กับญาติที่มันไม่ค่อยสนิทเท่าไหร่”
ผมฟังเรื่องราวต่อไปเรื่อยๆ
“มันทรมานมากกับการต้องถูกทิ้งให้อยู่บนโลกนี้คนเดียว มันต้องการเพื่อน”
ผมหันไปมองพี่เต๋า
“ตั้งแต่นั้นมาพี่เลยพยายามไปคุยกับมัน เล่นกับมัน ไม่อยากให้มันคิดมาก อยากให้มันกลับมาเป็นคนเดิม เหมือนก่อนที่จะเกิดเรื่องนี้ขึ้น”
ผมภูมิใจในผู้ชายคนนี้จริงๆ หน้าตาดี ยังจิตใจดีอีก
“ถ้าเชียร์เป็นพี่ เชียร์ก็คงจะทำแบบพี่แหละ” ผมหันไปยิ้มให้พี่เต๋า
พอมาถึงหน้าหอ พี่เต๋าจะลากลับหอ แต่ผมดึงมือพี่เข้าไว้ก่อน
ผมกระโดดไปจุ๊บที่แก้มทีหนึ่ง แล้วก็รีบวิ่งไปที่ห้อง เขินมากเลยวิ่งเร็วมาก
พอมาถึงที่ห้อง ก็เห็นมีโปสการ์ดใบหนึ่งวางไว้บนโต๊ะ
“มีจดหมายถึงมึงอ่ะ” ปอบอกพร้อมชี้ไปที่โต๊ะ
ผมเปิดมันแล้วขึ้นเอามาอ่าน
“เป็นไงบ้าง โทษทีที่ไม่ค่อยติดต่อ พี่เรียนยุ่งจริงๆ เชียร์เรียนหนักไหม ตั้งใจเรียนนะ พี่เอาใจช่วย เขียนมาหาบ้างนะ คิดถึงเสมอ แจ๊ค แฟนเชียร์”
ผมมือสั่น พลางนึกในใจว่าจะสลัดคนนี้ออกจากใจได้เหรอ
******************************************************************************************************************************

เหลือคู่สุดท้าย ติดตามต่อไปนะครับ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 04-06-2008 23:16:08
รอคู่สุดท้ายยยยยยยยย  :a1:

:pig4:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 05-06-2008 10:19:45
รอคร้าบบบบบ

 o13
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: Money_LovE ที่ 10-06-2008 19:37:37

ตื่นได้แล้ว :mc4:

รออ่านอยู่คาบบบบบบบบบบบบ :L2:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: iamhappywood ที่ 10-06-2008 21:56:56
มาเร็วๆ นะครับ รออยู่  :a11:  :a3:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 11-06-2008 13:11:40
รอๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆน่ะค้าบ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: jobisuka ที่ 16-06-2008 16:53:54
 :เฮ้อ: อ่านทันซะที เย่ๆๆ
ขอรอลุ้นด้วยคนน้า
เอาใจช่วยทั้งสามคู่เลย ชอบ ๆ
ของโจ้ ได้มีแฟนสมใจ อ่านไปก็ยิ้มไปน่าร๊ากกก :m1:
ของเชียร์ ก็คงต้องเลือกซักคนแล้วหล่ะ เสน่ห์แรงจิง ๆ  :m12:
ของปอนี่ก็ขี้หึงใช่ย่อย นะเนี่ย รอคู่นี้มาต่ออยู่นะเนี่ย  :oni2:

มาไวไว นะจ๊า จารอ หุหุ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 18-06-2008 01:31:55
แงๆ มัวแต่ไปต่อเรื่อง เลิฟ กะ ตาร์

จนลืมเรื่องนี้หรอ ม่ายๆ

(ต่อทั้งสองเลย อิอิ โลภ)
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: jojoe ที่ 20-06-2008 18:45:46
ตอนที่4 คู่ที่ 3
งานวันรับน้องม.4เริ่มขึ้น ผมกับบิ๊กต้องเตรียมวงดนตรีเพื่อเล่นในตอนเย็น
ดังนั้นตอนเช้าคือเวลาผักผ่อนของพวกเรา เพราะเราซ้อมเล่นดนตรีกันจนดึกดื่น เวลานอนเลยไม่ค่อยจะพอ
และแน่นอนผมกับบิ๊กก็นอนด้วยกัน(นอนอย่างเดียวจริงๆ)
แสงสว่างส่องเข้ามาในห้องทำให้ผมตื่นขึ้น และก็พบว่าบิ๊กไม่ได้อยู่ที่เตียง ไม่รู้ลุกไปตอนไหน
ผมเดินไปทั่วห้องก็ไม่เห็นบิ๊กเลย สงสัยคงกลบห้องไปแล้วมั้ง แต่อย่างน้อยก็น่าจะบอกกันบ้าง
ช่วงเช้างานเป็นอย่างไรบ้างผมก็ไม่รู้ เพราะไม่ได้สนใจอะไรอยู่แล้ว
ตอนนี้มุ่งมั่นกับเพลงที่จะเล่นอย่างเดียว เลยไปที่ห้องซ้อมซึ่งเก็บกีตาร์และเครื่องดนตรีอื่นๆ
พอไปถึงที่ห้องผมเห็นมาสเตอร์เบิร์ดนั่งเล่นเปียโนอยู่ในห้อง ทำไมพักหลังๆผมเจอมาสเตอร์เบิร์ดบ่อยก็ไม่รู้
ผมตัดสินใจหลีกเลี่ยงที่จะไม่พบกับเขา เลยตั้งใจจะไปที่อื่น
“ปอ จะมาเล่นกีตาร์ไม่ใช่เหรอ แล้วจะไปไหนล่ะ” เสียงของทักของมาสเตอร์เบิร์ดทำเอาผมต้องชะงัก
“ถ้าไม่เล่น มาสเตอร์จะเล่นเองนะ” ว่าแล้วเขาก็เดินไปหยิบกีตาร์ของผม
ผมหันหลังกลับเดินไปหาเขาและแย่งกีตาร์มาจากมือของเขา
แล้วเขาก็จับมือผมไว้ “หนีผมทำไม กลัวผมเหรอ”
มาสเตอร์เบิร์ดถามคำถามที่ทำให้ผมต้องหนักใจที่จะตอบ
“ผมจะไม่ยุ่งกับคุณอีก” ผมสะบัดมือ แต่ไม่หลุด
“ปากบอกว่าไม่ แต่ก็ไม่เคยรอดสักที” เขาพูดจบก็ดันตัวผมไปพิงกับกำแพง ผมเริ่มรู้สึกกลัวกับการกระทำแบบนั้นของเขา
“ผมไม่อยากทำแบบนี้กับนายไปตลอดหรอก แค่อยากให้นายพูดกับผมดีดี และก็....” เขาเว้นคำพูดแล้วเข้ามากระซิบข้างหู
“คิดถึงผมบ้าง เวลาที่เหงา ก็เท่านั้น” พูดเสร็จ เขายิ้มให้ผม แต่ผมรู้สึกไม่ไว้ใจในรอยยิ้มนั้น
“ถึงผมจะเหงา ผมก็ไม่มีวันคิดถึงคุณหรอก” ผมตะคอกกลับไป
“เหงาของผมหมายถึง...” พูดจบ มาสเตอร์เบิร์ดก็โน้มตัวเข้ามา พร้อมยื่นปากมาจูบผม
ผมเบือนหน้าหนี แต่เขาก็เอื้อมมือมาจับหน้าผมให้หันไปรับจูบของเขา
“อื้อ อื้อ อื้อ“ ผมพยายามขัดขืน แต่ในที่สุดผมก็บังคับตัวเองไม่ได้
ผมค่อยๆผ่อนแรงรับจูบจากเขา มือที่ถูกเขาขึงก็ค่อยๆปล่อยมาโอบแผ่นหลังอันหนาแน่นของมาสเตอร์เบิร์ด
แล้วผมก็เริ่มรู้สึกตัว ทำไมผมต้องเผลอตัวเผลอใจไปกับเขาด้วยนะ
“พอเถอะ ทำไมต้องทำแบบนี้กับผมด้วย” ผมผลักตัวเขาออกไป
มาสเตอร์ตกใจเล็กน้อยที่ผมปฏิเสธเขา
ผมรีบคว้ากีตาร์พร้อมวิ่งหนีออกจากห้องให้เร็วที่สุด ทั้งๆที่มาสเตอร์ไม่ได้ตามผมมา
ที่มาสเตอร์เบิร์ดทำแบบนี้เขาต้องการอะไรกันแน่
ผมวิ่งกลับมาที่ห้อง พร้อมล็อคปะตู
น้ำตาเริ่มไหลอีกแล้ว ผมรู้สึกทุเรศตัวเองว่าทำไมทุกครั้งที่อยู่ใกล้มาสเตอร์เบิร์ด ผมควบคุมตัวเองไม่ได้
และทุกครั้งที่มีอะไรกับเขา ผมรู้สึกมีความสุข พอๆกับตอนที่มีอะไรกับบิ๊ก
 ผมต้องเข้มแข็งมากกว่านี้ให้ได้ ถ้าผมยังรักบิ๊กจริง ผมต้องทำให้ได้
ผมปาดน้ำตาแล้วเดินไปที่โต๊ะหนังสือเห็นกระดาษโน้ตใบหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะ
“รออยู่ที่ศาลาริมน้ำ จาก บิ๊ก”
ผมวางกระดาใบนั้น พร้อมรู้แล้วว่าทำไมมาสเตอร์เบิร์ดถึงทำกับผมแบบนั้น
ผมเดินมาถึงศาลาริมน้ำ พร้อมแบกกีตาร์มาด้วย
ผมเองก็ไม่รู้ว่าทำไมบิ๊กถึงนัดผมมาที่นี้ ผมมองดูนาฬิกาอีกไม่กี่ชั่วโมงงานก็จะเริ่มแล้ว ทำไมบิ๊กยังนัดผมมาที่นี้เอง
“มาช้าจังไปไหนมา” บิ๊กเดินมากอดคอผม
“เออ.. ก็เตรียมตัวอยู่ไง” ผมแก้ตัว ไม่กล้าบอกว่าไปเจอมาสเตอร์เบิร์ดมา
“แสดงว่าพร้อมแล้วอ่ะดิ” บิ๊กหันมาหน้ามายิ้มให้ผม ผมชอบรอยยิ้มของบิ๊กมาก เพราะมันแสดงถึงความรู้สึกของบิ๊กที่มีต่อผมได้ชัดเจนที่สุด
“แล้วนัดมาที่นี้ทำไม” ผมย้อนถาม
“จำไม่ได้เหรอว่าปีที่แล้วเกิดอะไรขึ้น” บิ๊กหันมาถามผม
“ปีที่แล้ว....” ผมย้อนนึกเหตุการณ์ไป ปีที่แล้วผมเพิ่งอยู่ม.4และเพิ่งได้เข้าเรียนที่นี้ วันรับน้องหรือวันปฐมนิเทศ ผมแยกตัวมาจากโจ้และเชียร์ มาอยู่ที่ศาลาริมน้ำแห่งนี้
และวันนั้นผมได้พบกับมาสเตอร์เบิร์ด กับบิ๊กเป็นครั้งแรก
ผมหันมายิ้มให้บิ๊กพร้อมเดินเข้าไปกอด
“เราจำได้เป็นวันที่เราเจอนายเป็นครั้งแรก”
“นึกว่าจะลืมซะแล้ว อ่ะนี้” บิ๊กหยิบแหวนวงหนึ่งขึ้นมา มันเป็นแหวนเงินเรียบๆที่ไม่มีลวดลายอะไร
“เราให้ได้ เป็นครั้งแรกมั้งที่เราทำให้นาย เพราะมีแต่นายที่ทำเพื่อเรามาตลอด” บิ๊กคว้ามือซ้ายผมขึ้นมาแล้วส่วมแหวนที่นิ้วนางของผม
“นี้จะหมั้นเราเหรอ” ผมถามพร้อมหัวเราะ ไม่อยากจะเชื่อว่าบิ๊กจะทำแบบนี้
“แค่อยากให้นายรู้สึกว่ามีเราอยู่กับนายตลอดเวลา” บิ๊กพูดพร้อมหันหน้าไปทางทะเลสาป
“ปกตินายก็อยู่กับเราตลอดเวลาอยู่แล้วนี้” ผมแปลกใจกับคำพูดของบิ๊ก
“ปอ..” บิ๊กเรียกชื่อผม พร้อมค่อยๆพูดบางประโยคออกมา
“เราจะไปเรียนต่อที่อังกฤษตอนม.6” เสียงของบิ๊กดูสั่นๆ
“เรามีเวลาอยู่กับนายแค่ปีเดียว” บิ๊กเริ่มร้องไห้
ผมได้แต่อึ้งไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้
“ทำไมกะทันหันแบบนี้ บิ๊กถ้านายไม่อยากไป ทำไมไม่บอกพ่อกับแม่นาย” ผมเองก็ไม่อยากให้บิ๊กไป เลยพยายามหาทางที่จะพอช่วยไม่ให้คนที่ผมรักจากไปไหน
“เราเป็นคนตัดสินใจไปเอง เราอยากไปอยู่ที่นั้นตั้งแต่ม.3แล้ว” บิ๊กปาดน้ำตาแล้วเดินมากอดผม
“เวลาที่เหลือเรามาทำให้มันคุ้มค่าที่สุดดีกว่า” บิ๊กเข้ามากอดผม
ผมเองอยากจะร้องไห้แต่ร้องไม่ออก พร้อมนึกไม่ออกว่าถ้าผมใช้ชีวิตโดยขาดคนนี้ไป ผมจะเป็นอย่างไร
-----จบตอนที่4-----
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 20-06-2008 19:01:57
หง่ะ

มาที เล่นเอาน้ำตาไหลอะ

แงแง
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 20-06-2008 19:35:38
เย่ๆ จบบทแล้ว

ฟู่ ต่างคนก็มีปัญหา

แล้วก็ จะเป็นอย่างไรต่อ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: ranaways ที่ 20-06-2008 19:53:16
ได้อ่าน สองตอนเรยยยยยยยยย

เพราะว่าไม่ได้เข้ามานาน

อยากอ่านตอน ต่อไปแล้วอ่ะ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 22-06-2008 23:43:53
อย่าลืมมาอัพเรื่องนี้ด้วยนะคร้าบ มาดันไว้ก่อน
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: meawkung02 ที่ 23-06-2008 20:40:11
จากทั้ง 3 คู่...คู่ของปอ ทำไมต้องเศร้าสุดอยู่คนเดียวด้วยอ่า... :sad2: :sad2: :sad2:


ตั้งแต่ ภาค 1 แระอ่า...งิงิ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: Pomeranian ที่ 24-06-2008 22:17:01
couple พี่เชียร์นี่น่าอิจฉาจังอะคับ ตั้งแต่ Season 1 แล้ว  :o12:

แต่ที่ยังสงสัยคือพี่ jojoe คือคนไหนคร้าบบบบ  :oni3: (ไม่บอกแน่เลยใช่มะคับ ผมเข้าใจคับ เรื่องส่วนตัวนี่นา เป็นผมก็คงไม่บอก  :o8:)
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก Season1(จบแล้ว) ต่อด้วย Season2
เริ่มหัวข้อโดย: jojoe ที่ 25-06-2008 19:52:33
ตอนที่ 5
คู่ที่1
“เอาการบ้านมาวางไว้ที่หน้าโต๊ะ” เสียงของอาจารย์ภาษาอังกฤษจอมดุ ทำให้ทุกคนในห้องต้องรีบเอาสมุดการบ้านมาวางไว้ที่หน้าโต๊ะ เพราะถ้าโต๊ะไหนไม่มีสมุดวางไว้ ผลที่จะได้รับคือรอยแดงๆจากไม้เรียว ทั้งบนฝ่ามือหรือแก้มก้น
เวรแล้ว ผมลืมเอาสมุดมา ไปลืมไว้ที่ไหนเนี้ย มั่นใจแล้วนะว่าเอามาด้วยแท้ๆ
“เฮ้ ไม่ได้เอาสมุดมาใช่ไหม” ศัตรูตัวฉกาจถามผม เมื่อเห็นผมค้นหาข้าวของในกระเป๋า
“มึงชะตาขาดแน่ๆ” มันพูดล้อเลียน ทำเอาผมหัวเสียไปใหญ่
“อ๊ะ มึงเอาสมุดอะไรก็ได้ไปวางก่อนเถอะ อาจารย์เขาไม่ตรวจของแกหรอก คงไม่นึกว่าเด็กเรียนดีอย่างแก จะลืมเอาสมุดมา” โจพูดกับผม ไม่รู้ว่ามันพูดแบบนี้ต้องการช่วยผมหรือเปล่า
“เรายอมโดนตีดีกว่าเชื่อคำพูดของนาย” ว่าแล้วผมก็นั่งกอดอก โดยไม่มีอะไรวางอยู่บนโต๊ะ
“ดื้อด้าน” มันบ่นเบาๆแต่ผมได้ยิน
แล้วมันก็เอาสมุดของมันมาวางไว้ที่โต๊ะของผมแทน
“กูไม่อยากเห็นคนอย่างมึงโดนตี มันสมเพช”
ผมไม่เข้าใจว่าทำไมโจถึงทำแบบนี้ เขาหวังดี แต่การกระทำและคำพูดมันเหมือนดูถูกผมมากกว่า
ผมขว้างสมุดนั้นกลับไปที่โต๊ะของโจ “เรายอมโดนตี” ผมพูดเสร็จก็หันไปนั่งกอดอก
แล้วอาจารย์ที่กำลังตรวจงานตามโต๊ะนักเรียน กำลังเดินมาทางผม
ผมตื้นเต้นเล็กน้อย เพราะไม่เคยลืมหนังสือ หรือสมุดงานมาส่งเลยซักครั้ง
นึกภาพไม่ออกว่าตัวเองจะถูกตี
แล้วอาจารย์ก็เดินมาถึง ผมเงยหน้ามองอาจารย์ กำลังจะบอกกับอาจารย์ว่าทำสมุดงานหายไป
“ขอโทษนะครับอาจารย์ “ เสียงที่ผมคุ้นเคยเอ่ยดังขึ้นมา
ทุกคนในห้องหันไปมองพร้อมกัน รวมถึงผมด้วยที่หันไปมองพร้อมรอยยิ้ม
“ผมเอาสมุดมาให้น้อง ธนากร พอดีน้องเค้าทำตกไว้” พี่หมีบอกกับอาจารย์ พร้อมโชว์สมุดเจ้าปัญหาเล่มนั้น
“วีด...วิ้ว...” แล้วเพื่อนๆในห้องก็ส่งเสียงล้อผม เพราะทุกคนรู้ว่าผมกับพี่หมีกิ๊กกันอยู่
ผมเดินไปหาพี่หมีที่หน้าห้อง “ไปเก็บมาจากไหน”
ผมจำได้ว่าตอนเช้าก็เอามาด้วย แล้วมันไปอยู่ที่พี่หมีได้ไง
“พี่เห็นว่ามันว่างอยู่ที่โรงอาหารตอนเช้า เห็นว่าเป็นชื่อโจ้เลยรีบเอามาให้”
แล้วผมก็นึกตาม เมื่อเช้าก่อนเข้าแถวเคารพธงชาติ ผมนั่งกินข้าวกับพวกไอ้ปอและเชียร์ อ๊ะ!ใช่แล้ว
แล้วผมก็หันไปหาไอ้เชียร์ทันที เมื่อเช้ามันลอกการบ้านผมนี้หว่า แล้วไม่เก็บเข้ากระเป๋าให้เรียบร้อยว่ะ
เชียร์ยิ้มเจือนๆเหมือนสำนึกผิด
“ขอบคุณนะครับ พี่หมีที่อุตส่าห์เอามาให้ ผมเกือบโดนตีแล้ว”
“งั้นไปกินข้าวกับพี่ตอนเที่ยงเป็นการตอบแทนแล้วกัน” พี่หมียิ้มพร้อมส่งตาหวาน
ผมเอาแต่เขินเลยไม่ได้พูดอะไร แต่พยักหน้าเป็นการตอบรับ แล้วเดินกลับไปนั่งที่ของตัวเอง
เพื่อนๆยังคงส่งเสียงล้อผมต่อไป จนอาจารย์ต้องปรามให้หยุดเพื่อจะได้สอนต่อ
มีเพียงแต่โจเท่านั้นที่นั่งหน้าบึงเมื่อไม่ได้เห็นผมโดนตี
“มั่นไส้ว่ะ” มันบ่นพึมพำ แต่ผมก็ได้ยิน
ตอนนี้ผมรู้สึกดีใจที่ทำให้โจแค้นผม
เวลาผ่านไปจนเกือบเที่ยง ผมมัวแต่ตื่นเต้นนั่งมองนาฬิกาว่าเมื่อไหร่จะถึงเวลาที่ผมจะเจอกับพี่หมีสักที
“ก่อนจะปล่อยไปกินข้าว อาจารย์ให้บัดดี้ช่วยกันทำงานให้เสร็จ คู่ไหนทำไม่เสร็จไม่ต้องไปกินข้าว”
คำพูดเด็ดขาดของอาจารย์ทำเอาทั้งห้องรีบกระตือรื้อร้นทำงานให้เสร็จ
ผมเองก็ตั้งใจทำงานจะได้รีบไปเจอพี่หมี แต่คนข้างๆผมกลับนั่งหัวเราะ
“ไม่ค่อยหิวข้าวเที่ยงเลยว่ะ “ มันนั่งกระดิกเท้าเหล่ตามองมาที่ผม
“จะกวนอะไรเราอีกล่ะ” ผมถามมัน
“มันอยู่ที่นายว่าอยากไปกินข้าวกับแฟนหรือเปล่า” มันพูดจากวนๆ ผมไม่เข้าใจในความหมายของคำพูดของมัน
“ถ้าเราไม่ทำงาน นายก็อดไปเจอไอ้ประธารนักเรียนนั้น” มันพูดพร้อมมองตาผม
ผมไม่เข้าใจว่าทำไมมันต้องแกล้งผมตลอดเวลา
“นายพูดอย่างนี้ นายต้องการอะไร”
“ตอบมาก่อนมาซิว่าอยากไปเจอแฟนหรือเปล่า” มันถามผม
ผมขมวดคิ้ว มันกำลังเล่นเกมส์อะไรกับผมหรือเปล่า
“อยากซิ”
“งั้นเราจะทำงานให้เสร็จ ถ้านายสัญญาว่านายต้องทำตามที่เราต้องการ” โจพูดจบพร้อมยิ้มอย่างมีเลศนัย
“มันไม่มากไปหน่อยเหรอ” ผมโมโหจ้องมองหน้ามัน ผมอยากต่อยมันจริงๆ แต่ผมรู้ว่าคงสู้แรงคนเถื่อนอย่างมันไม่ได้ เลยได้แต่ทำตาโต กำมือแน่น
โจไม่สนใจผม เขานั่งกอดอก ยกเท้าวางไว้บนโต๊ะ
เลยเวลาผักไปหลายนาที เพื่อนๆในห้องของผมทยอยออกไปจนหมด
เชียร์กับปอ นั่งรอผมหน้าห้อง พวกมันเองก็สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมผมยังไม่ออกมาจากห้อง
เชียร์เลยเดินมาหาผม “ทะเลาะอะไรกันอีก มึงจะไม่ไปแดกข้าวกันเหรอไง” มันด่าทั้งผมและโจ
“ทำเป็นผัวเมียทะเลาะกันไปได้ งี่เง่าชะมัด” มันยังบ่นไม่เลิก แทบพูดหมาๆอีก ใครไปเป็นผัวเป็นเมียกับไอ้บ้านั้นเล่า
ผมกระชากเชียร์มากริบที่ข้างหูของมัน เพราะไม่อยากให้ไอ้โจได้ยิน “มันบอกว่า ถ้ากูยอมทำตามที่มันต้องการมันจะยอมทำงานให้เสร็จ”
“มึงก็ตกลงมันไปเถอะ แล้วมันจะให้ทำอะไรก็ค่อยๆปัดมันไปทีหลัง เดี๋ยวพวกกูช่วย”
ที่จริงก็ไม่อยากทำตามที่ไอ้เชียร์พูดหรอก เพราะถ้าผมไม่ทำตามที่มันต้องการ มันจะไม่ต่อยผมเหรอก
แต่เวลาผ่านไปมากแล้ว พี่หมีคงรอผมอยู่แน่ๆ
“ตกลงเราจะทำตามที่นายต้องการ” ผมพูดพร้อมมองโจที่ยิ้มเหมื่อนว่าตนชนะจากการเล่นเกมส์คราวนี้
.................................
ผมรีบวิ่งมาที่โรงอาหาร เหลืออีกแค่10 นาทีก็จะหมดเวลาพักแล้ว
ผมมองหาพี่หมีทั่วโรงอาหารแต่ก็ไม่เจอ
สงสัยเค้าคงไม่รอผมแล้ว ผมอยากจะร้องไห้กลางโรงอาหารจริงๆ
แต่แล้วก็มีน้องคนหนึ่ง มาสะกิดที่หลังผม
ผมหันไปเจอเด็กหนุ่มหน้าตาน่ารัก ผิวขาว พร้อมมีลักยิ้มที่แก้มทั้งสองข้าง
“พี่โจ้ใช่มั้ยครับ พอดีพี่หมีฝากมาให้บอกว่า ต้องรีบไปประชุมคณะกรรมการนักเรียนด่วน เลยมากินข้าวเที่ยงด้วยไม่ได้”
ผมโล่งอก นึกว่าจะอดซะแล้ว
“ผมชื่อเจมส์นะครับ เป็นน้องเลียงพี่หมี ยินดีที่ได้รู้จักครับ” น้องคนนั้นทักทายผม
ผมนึกในใจว่าน่าตาดีทั้งพี่เลียงน้องเลี้ยงเลยเนอะ
“พี่หมีชอบเล่าให้ฟังว่าพี่โจ้เรียนเก่งมาก”
ยังคบกันไม่เท่าไหร่ แอบเล่าเรื่องให้คนอื่นฟังซะแล้ว
“ผมไปเข้าเรียนก่อนนะครับ” แล้วน้องเจมส์ก็วิ่งกลับห้องไป
ผมดีใจที่พี่หมีรู้สึกดีกับผม ดูเขาจะชอบผมมาก ไม่ได้เข้าข้างตัวเอง แต่ตลอดเวลามันบอกอย่างนั้นจริงๆ
แต่ก็ใจหายแว้บๆเมื่อนึกถึงคำสัญญาของผมที่ให้กับโจ
มันต้องการให้ผมทำอะไร?
******************************************************************************************************************************
จบไปแล้วคู่ที่ 1เดี๋ยวจะรีบเอาคู่ต่อไปมาลงให้นะครับ
ช่งนี้ขอลงแบบนี้ไปแล้วกันครับ ถ้าแต่งให้ครบสามคนแล้วค่อยเอามาลง คงรอกันนานแน่ๆ
เรื่องของโจ้ เอาเรื่องราวมาจากผมค่อนข้างเยอะเหมือนกัน
โจ้จะเน้นไปทางโรแมนติกมากกว่า
เชียร์ก็จะไปแนวกุ๊กกิ๊ก
ปอก็เศร้าน้ำตาแตก
เพราะอยากให้ได้ลิ้มรส ของความรัก3รูปแบบ มันคือจุดขายของเรื่องนี้
เดี๋ยวเอาคู่น้องเชียร์กับพี่เต๋ามาต่อให้นะครับ รอแป๊บ
(ที่มาช้าพอติดนิยายบางเรื่องในบอร์ดนี้อยู่5555 แก้ตัวไปเรื่อย)
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:25/6/08:ภาค2ตอน5คู่1)
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 25-06-2008 20:21:40
จิ้มมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม คนโรแมนติก อิอิ

มาลง ทีละคนแบบนี้ก็คับ จะได้ไม่ใจขาดตายกันไปก่อน อิอิ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:25/6/08:ภาค2ตอน5คู่1)
เริ่มหัวข้อโดย: Pomeranian ที่ 25-06-2008 21:04:35
ที่มาช้าพอติดนิยายบางเรื่องในบอร์ดนี้อยู่5555 แก้ตัวไปเรื่อย

(http://fc05.deviantart.com/fs9/i/2006/142/6/4/_eh__by_xXpunaniXx.gif)
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:25/6/08:ภาค2ตอน5คู่1)
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 25-06-2008 21:14:07
 :mc4:
มาต่อแล้ววววว หายไปนาน...คิดถึงสามหนุ่มสามมุมจังงงงง
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:25/6/08:ภาค2ตอน5คู่1)
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 25-06-2008 22:38:16
อ่านะ ยังไงปอก็น่าสงสารที่สุดเลย

ค่อยๆทยอยลงก็ได้ครับ

อย่ามัวอ่านนิยายคนอื่นจนลืมล่ะ อิอิ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:25/6/08:ภาค2ตอน5คู่1)
เริ่มหัวข้อโดย: meawkung02 ที่ 26-06-2008 21:43:48
งึมๆ... :m4: :m4: :m4:


มิน่าล่ะ คู่ของปอ ถึงเศร้าเหลือหลาย...น่าสงสารปอจังเยยอ่า...งิงิ


หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:25/6/08:ภาค2ตอน5คู่1)
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 27-06-2008 10:19:56
วี้ดวิ้ววววว

เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:25/6/08:ภาค2ตอน5คู่1)
เริ่มหัวข้อโดย: snowblack ที่ 01-07-2008 09:51:43
เย้ๆมาอัพแล้ว  o7
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:3/7/08:ภาค2 ม.5 ตอน5คู่2)
เริ่มหัวข้อโดย: jojoe ที่ 03-07-2008 20:40:36
ตอนที่ 5 คู่ที่ 2
“ตัวตรง สายตามองไปที่ไม้คทา ค่อยๆยกมันขึ้น แล้วโยน” สิ้นเสียงของพี่หมิง ผมก็ทำตามพี่เขาทันที
ไม้คทาถูกโยนไปจากมือผม พี่หมิงบอกว่า พยายามให้ไม้นั้นตั้งตรง90องศากับพื้นดินเสมอ แม้เวลาเราโยมมันไปแล้วก็ตาม
แต่เอ๊ะ ทำไมมันเอียงๆ
“เฮ้ย!” คนแถวนั้นหลบไม้คทาผมกันยกใหญ่
แต่ไม้มันไม่ดันตกพื้น มีคนยื่นมือมารับไม่นั้นได้
“หนีมาซ้อมกันตรงนี้เหรอ ไม่คิดจะบอกกันเลยใช่ไหม” พี่เต๋าทำท่างอนนิดๆ พร้อมเดินถือไม้คทายื่นมาให้ผม
“พอดีพี่หมิงเค้าจะเอาไม้ไปคืนห้องกีฬา เลยแวะเอามาให้เชียร์ลองซ้อมดู” ผมแก้ตัวกับพี่เต๋า โดยเอาพี่หมิงมาอ้าง
“ไหนมึงบอกกับกูแล้วไงว่า จะไม่สนับสนุนเชียร์เป็นดรัมเมเยอร์” พี่เต๋าหันไปพูดกับพี่หมิง
“เอ้า!ทำไมพูดแบบนั้น พี่ก็รู้ไม่ใช่เหรอ ว่าเชียร์อยากเป็น” ผมรีบโวยวาย
“เชียร์มีหน้าที่ของตัวเองอยู่แล้วคือเลขาชมรมอนุรักษ์ จะเอาเวลาที่ไหนไปซ้อมอีก”
“โอเค เชียร์สัญญาว่าจะทำหน้าที่เลขาอนุรักษ์ พร้อมกับจะเป็นดรัมเมเยอร์ด้วย” ผมพยายามเกลี้ยกล่อมพี่เต๋าให้เชื่อตามผม
“ทำไมไม่ให้น้องเชียร์เค้าลองดูก่อนเล่า กูเชื่อว่าเชียร์ต้องทำได้แน่” พี่หมิงเค้าข้างผม พยายามช่วยพูดอีกแรง
พี่เต๋าคงรู้สึกเหมือนโดนรุม เลยทำสีหน้าไม่พอใจ พร้อมพูดกับผม “อยากทำอะไรก็ทำไปเถอะ พี่บังคับเชียร์ไม่ได้อยู่แล้วนี้”
แล้วพี่เต๋าก็เดินไป ปล่อยให้ผมยืนทำหน้าเศร้าข้างพี่หมิง
“เต๋ามันคงห่วงเชียร์ ไม่อยากให้เชียร์ทำอะไรหลายอย่างมั้ง” พี่หมิงพยายามพูดให้ผมรู้สึกดีขึ้น
แต่ผมกลับรู้สึกแย่เหมือนเดิม ปกติจะเป็นเชียร์ที่ชอบงอนพี่เต๋า แต่ครั้งนี้กลับกัน พอเห็นสีหน้าไม่พอใจของพี่เต๋า รู้สึกตัวเองทำผิดยังไงก็ไม่รู้ เวรกรรมมีจริงเหรอเนี้ย
“ให้พี่ช่วยพูดกับเต๋าดีไหม ซ้อมดรัมเมเยอร์มันไม่หนักหนาหรอก ตอนพี่เป็นดรัมเมเยอร์พี่ก็เป็นเลขาชมรมแบดมินตัน พี่ยังทำได้เลย “
“ไม่เป็นไรหรอกครับ เชียร์พูดเองดีกว่า” ผมเองเกรงใจพี่เค้ามากกว่า รู้สึกพักหลังต้องให้พี่เขาช่วยตลอดเวลา
“อีกอย่าง เชียร์อาจจะไม่ได้เป็นดรัมเมเยอร์ไม้หนึ่งก็ได้ คนสมัครตั้งหลายคน แต่ละคนเก่งๆทั้งนั้น เชียร์แค่อยากทำในสิ่งที่เชียร์หวังมาตลอดเท่านั้น” ผมพูดกับพี่หมิงก่อนจะยื่นไม้คทาคืนพี่เขา แล้วเดินไปตามหาผู้ชายขี้งอนที่ผมต้องตามตื้อ
………………………………………………………………..
ณ สวนเพาะปลูกของชมรมอนุรักษ์ พี่เต๋าทำหน้าที่รดน้ำต้นไม้ในสวนตามปกติ
ผมค่อยๆย่องเข้าไป ไม่ให้พี่เต๋ารู้ตัว พอถึงตัวได้แล้ว ผมก็จี้ที่เอวเข้าให้
“เฮ้ยๆๆๆๆ” ได้ผล พี่เต๋าบ้าจี้ตามผม แต่แล้วพี่เต๋าก็หันสายยางมาทางผม
“อ้า................” น้ำจากสายยางถูกฉีดมาเต็มตัวผมทันที
กลายเป็นว่าผมต้องมายืนตัวสั่น ตัวเปียกไปหมด พี่เต๋าได้แต่หัวเราะกลับสภาพลูกหมาเปียกน้ำของผม
“แกล้งชาวบ้านเค้าเจอกลับแล้วเป็นไง” พี่เต๋ายังไม่เลิกเยาะเย้ย พร้อมยืนผ้าขนหนูมาให้
ผมทำหน้าบึ้ง พร้อมค่อยๆเช็ดผม ที่เปียกน้ำจนไม่เป้นทรง
“มาเดียวเช็ดให้” พี่เต๋าคว้าผ้าแล้วเช็ดผมให้แทน
“หายงอนยัง” ผมถาม
“งอนอะไร ใครงอน” พี่เต๋าทำเสียงหน้าสงสัย
“ก็เห็นทำหน้าบึ้ง”
พี่เต๋าหยุดเช็ดผม ผมเลยหันไปมองพี่เต๋า
“พี่แค่ไม่อยากให้เชียร์ผิดหวัง ดรัมเมเยอร์ไม้หนึ่ง ไม่ใช่อยากเป็นแล้วได้เป็นเลย”
อย่างที่พี่หมิงบอกเลย พี่เค้าห่วงผมจริงๆ
ผมเลยสะบัดผม พร้อมค่อยๆถอดเสื้อออก
“เฮ้ย ทำอะไร เดี๋ยวมีคนมาเห็นหรอก” พี่เต๋าตกใจที่ผมอยู่ดีดีก็จะชีเปลือยซะงั้น
ตอนนี้เสื้อและกางเกงของผมถูกถอดออกจนหมด เหลือแต่กางเกงในตัวจิ๋วเท่านั้น
“คิดว่ารูปร่างของเชียร์เป็นไง” ผมถามพี่เต๋าที่ทำหน้างงกับการกระทำของผม
“ก็ถือว่าหุ่นดี มีกล้ามแขน กล้ามท้อง ผิวขาวเนียน” พี่เต๋าพูดพร้อมพิจารณาร่างกายของผม
“แล้วหน้าตาของเชียร์หละ” ผมถามอีก
“ก็ จมูกโด่ง ปากเรียวอมชมพู ผิวหน้าใส คิ้วเข้ม”
ผมได้ยินดังนั้น ก็ยิ้มนิดๆ พร้อมเดินเข้าไปใกล้พี่เต๋า
“เชื่อไหม ว่าแต่ก่อน เชียร์เป็นคนละคน”
“หมายความว่าไง” พี่เต๋าทำหน้างง
“ตอนนี้เชียร์น้ำหนัก55  เมื่อ2ปีที่แล้วเชียร์น้ำหนักเกือบ80 หน้าที่ดูเรียบเนียน แต่ก่อนมีแต่สิวเต็มไปหมด กล้ามท้องแต่ก่อนก็เป็นพุงที่ยืนออกมาจนใส่กางเกงแทบไม่ได้ “
ผมบรรยายภาพสมัยก่อนของผม ดูพี่เต๋าอึ้งไปเหมือนกัน
“เด็กคนหนึ่งที่เจียมตัวเอง รู้ว่าตัวเองไม่เคยมีอะไรดีไปสักอย่าง ไม่ใครอยากคบ ไม่มีใครอยากรู้จัก แต่พอมาวันหนึ่ง เด็กคนนั้นเรียนรู้ที่จะทำตัวเองให้มีคุณค่า เขาเปลี่ยนตัวเองเพื่อให้ทุกคนยอมรับ เพื่อให้ทุกคนมองเขาว่าเขาคือคนที่สมบูรณ์แบบ”
ผมเดินไปทางพี่เต๋า พร้อมจับมือของเค้ามาทางที่หน้าอกด้านซ้าย
“แต่สิ่งหนึ่งที่เด็กคนนั้นไม่เคยเปลี่ยนแปลง คือ หัวใจที่ยังโหยหาใครสักคน ใครที่จะคอยดูคุณค่าของเขาที่เขาพยายามเปลี่ยนแปลง มันจะไม่มีคุณค่าเลยถ้าคนที่เด็กคนนั้นโหยหา ไม่เห็นคุณค่าของเขาที่จะพยายามเปลี่ยนแปลง”
“ถึงแม้เชียร์จะไม่ได้เป็นดรัมเมเยอร์ เชียร์ก็มีคุณค่ากับพี่เสมอ” พี่เต๋าพูดจบก็ค่อยๆจูบผม
ผมดีใจที่พี่เค้าเข้าใจผม
ไม่ใช่เข้าใจว่าผมอยากเป็นดรัมเมเยอร์เพราะอะไร แต่เข้าใจว่าผมต้องการใครมากที่สุดในตอนนี้
-----จบคู่ที่2------
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:03/07/08:ภาค2 ม.5 ตอน5คู่
เริ่มหัวข้อโดย: iamhappywood ที่ 03-07-2008 22:36:06
แอบงอนพี่หมีด้วย

แต่ชอบพี่เต๋า อิอิ

มาต่อเร็วๆ นะครับ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:03/07/08:ภาค2 ม.5 ตอน5คู่
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 03-07-2008 23:00:38
หนุกดีคับ
 :m23:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:03/07/08:ภาค2 ม.5 ตอน5คู่
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 03-07-2008 23:03:48
หวานกันได้หวานกันดี ชิชะ

รอน้ำตาซึมกับปอดีกว่า อิอิ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:03/07/08:ภาค2 ม.5 ตอน5คู่
เริ่มหัวข้อโดย: โมกข์มีนา ที่ 04-07-2008 00:09:59
หายไปนานเลยนะครับเนี่ย :m12:

เข้ามาดันก่อน เดี๋ยวจะมาอ่านนะ :a4:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:03/07/08:ภาค2 ม.5 ตอน5คู่
เริ่มหัวข้อโดย: ranaways ที่ 04-07-2008 00:11:36
 :oni2: :oni2: :oni2: :oni2: :oni2:

มาแล้ววววววววววววววววววววววววววววววววว
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:03/07/08:ภาค2 ม.5 ตอน5คู่
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 04-07-2008 15:19:46
คู่นี้ น่าร้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกโคตร
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:03/07/08:ภาค2 ม.5 ตอน5คู่
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 04-07-2008 15:58:22
กรี้ดดดดดดดดดดดดดดด

หวานซะ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:03/07/08:ภาค2 ม.5 ตอน5คู่
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 04-07-2008 22:26:26
สงสัยคู่สามจะเศร้าหนักกว่าเดิม  :monkeysad:

มารอคู่สาม  :undecided:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:03/07/08:ภาค2 ม.5 ตอน5คู่
เริ่มหัวข้อโดย: jobisuka ที่ 07-07-2008 12:25:06
เย่ ๆ มาต่อแล้ว ดีจัง :m1:
 เตรียมเศร้า รอคู่สามเลยดีกว่า :sad2: เหอ ๆ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:03/07/08:ภาค2 ม.5 ตอน5คู่
เริ่มหัวข้อโดย: meawkung02 ที่ 07-07-2008 22:43:39
ห่วง หวง กันจิงๆนะค้าบบ...คู่นี้ อิอิ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:03/07/08:ภาค2 ม.5 ตอน5คู่
เริ่มหัวข้อโดย: snowblack ที่ 09-07-2008 00:07:55
เชียร์ก็ช่างกล้าเน๊าะ  :o8:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:03/07/08:ภาค2 ม.5 ตอน5คู่
เริ่มหัวข้อโดย: BuzZenitH ที่ 13-07-2008 09:17:46
เพิ่งจะได้กลับเข้ามาอ่านหลังจากห่างไปนาน.... :o8:

โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยย  :m25:....ทำไมตอนเป็นเด็กมัธยมมนถึงได้...... :o8:
แอบอิจฉา....

 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
มาต่อตอนไปเร็วๆนะ....ขอแบบนานๆแต่ยาวๆนะ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:03/07/08:ภาค2 ม.5 ตอน5คู่
เริ่มหัวข้อโดย: EaK_kung^^ ที่ 18-07-2008 14:45:04
 :เฮ้อ: ยังอ่านไม่ทันเลย แต่ขอมาดันก่อน อิอิ o13

ชอบคนแต่งจัง เก่งมั๊กๆ อ่านที น่าติดตาม :o8:

แล้วรีบมาลงนะคร้าบ :bye2:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:03/07/08:ภาค2 ม.5 ตอน5คู่
เริ่มหัวข้อโดย: KevinKung ที่ 23-07-2008 09:30:16
มาต่อเร็ว ๆ ๆ ๆ ๆ ใจจะขาดแย้ว :sad2:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:03/07/08:ภาค2 ม.5 ตอน5คู่
เริ่มหัวข้อโดย: jojoe ที่ 03-08-2008 18:54:33
ตอนที่ 5 คู่ที่3
หลังจากเรียนเสร็จในตอนเย็น ผมจะมีซ้อมเล่นดนตรีกับเพื่อนๆ แน่นอนมีบิ๊กเข้าร่วมซ้อมด้วย
แม้บิ๊กจะไม่ได้อยู่วงเดียวกับผม แต่เนื่องจากนักร้องวงของเราลาออกไปสมัครเข้าชมรมอื่น ผมจึงดึงบิ๊กเข้าร่วมซ้อมด้วย
งานแรกที่วงเราได้เล่น ก็คืองานวันปฐมนิเทศที่เพิ่งผ่านมา  ผลตอบรับถือว่าดีมาก มีคนรู้จักพวกเราเยอะขึ้น และคาดว่างานต่อๆไปของโรงเรียนเราคงจะได้ไปเล่นอีก
ดังนั้น พวกเราจึงซ้อมดนตรีกัน วันจันทร์ พุธ ศุกร์ หลังเลิกเรียน และเสาร์อาทิตย์ในช่วงบ่าย
วงของเราประกอบด้วย ผมมือกีต้าร์ ไอ้โต้งมือเบส ไอ้อาทร์มือคีย์บอร์ด ไอ้ติ่งมือกลอง และบิ๊กร้องนำ
พอซ้อมเสร็จเราก็กลับมายังที่หอ
“ไปนอนแล้ว ฝันดีระ” บิ๊กยิ้มหวานพร้อมเดินกลับไปที่ห้อง
ผมรีบคว้าตัวบิ๊กไว้ทันที “เออ คือ...” ผมไม่ค่อยชอบที่เราต้องแยกกันอยู่ เพราะเวลาที่เราจะอยู่ด้วยกันเหลือน้อยเต็มที่
“มีอะไร ทำท่าแปลกๆ” บิ๊กคงสงสัยที่ผมจับบิ๊กไว้อย่างนั้นโดยที่ไม่พูดอะไรเลย
“แบบว่า...” ผมก็ยังพูดไม่ออก ได้แต่จ้องหน้าบิ๊ก
บิ๊กเห้นผมอย่างนั้นแล้วก็หัวเราะ พร้อมค่อยๆยื่นหน้ามาจุ๊บที่ปากของผม
“ต้องการแบบนี้ใช่ไหม” บิ๊กถาม ผมส่ายหัว
บิ๊กขมวดคิ้ว ไม่รู้ว่าผมจะมาไม้ไหน
“วันนี้วันศุกร์ พรุ่งนี้ก็วันเสาร์ใช่ป่ะ” ผมถามอย่างเขินๆ
“5555 ใช่อ่ะดิ ถามแปลกๆ” บิ๊กหัวเราะผมใหญ่
“แสดงว่าคืนนี้ก็นอนดึกได้ อืมม ใช่ป่ะ” ผมเริ่มอมยิ้ม
“ที่แท้ก็เรื่องนี้ คืนนี้เราเหนื่อยไม่มีแรงให้ปอปล้ำหรอก” บิ๊กเอามือมาโอบผม
“เราไม่ได้คิดเรื่องนั้นสักหน่อย เห็นเราเป็นคนแบบนั้นเหรอ” ผมแก้ตัว
“เดี๋ยวนี้งอแงจังเลย เออน่า พรุ่งนี้ไปซ้อมดนตรีแล้วพอซ้อมเสร็จ เราจะอยู่กับปอทั้งคืนเลย” บิ๊กพูดเสร็จก็หอมแก้มผม
“ไปนอนแล้ว เราง่วงมากเลย” แล้วผมก็ปล่อยบิ๊กเข้าห้องไป
ผมยืนถอนหายใจ ไม่ชอบเลยที่ต้องอยู่โดยไม่มีบิ๊ก
---------------------------------------------------------------
ผมสะดุ้งตื่นมากลางดึก รู้สึกหงุดหงิดยังไงชอบกล
พยายามจะหลับต่อก็หลับไม่ลง มัวแต่นึกถึงบิ๊ก นึกถึงเวลาที่บิ๊กต้องไปอยู่อังกฤษ
นึกถึงตัวเองที่ต้องอยู่คนเดียว ยังไงผมก็ทำใจไม่ได้
ผมลุกจากเตียง เดินตรงไปที่ห้องของบิ๊ก
ผมค่อยเปิดประตู เพราะกลัวเพื่อนๆของบิ๊กจะตื่น ผมย่องเดินไปที่เตียงของบิ๊ก
ผมแปลกใจ บิ๊กไม่ได้อยู่ที่เตียง
บิ๊กหายไปไหน?
ผมเดินออกมากจากห้องของบิ๊ก นึกสงสัยว่าบิ๊กตื่นมากลางดึกแล้วหายไปไหน
“ทำไมต้องมาหาด้วย บอกแล้วไงว่าหยุดติดต่อกันสักพักก่อน” เสียงคุ้นๆ ผมเลยเดินไปตามเสียงนั้น
“เมื่อไหร่เกมส์มันจะจบสักที ผมทนไม่ไหวแล้วนะ” อีกเสียงนั้นก็คุ้นๆเหมือนกัน
“เอาเป็นว่าหลังกีฬาสี ทุกอย่างก็จบ แต่ตอนนี้อย่าติดต่อกันเลย ถ้ามีอะไรผมจะติดต่อไปเอง”
ผมใกล้จะเดินไปถึงที่ๆสองคนคุยกัน
แต่แล้วทุกอย่างก็เงียบ สองคนนั้นคงคุยกันจบแล้ว
ขณะที่ผมเดินไปที่นั้น ก็มีคนเดินมาปะทะผม
“บิ๊ก” ผมอุทานอย่างตกใจ
หนึ่งในสองคนที่พูดคุยกันเมื่อกี้คือบิ๊กนั้นเอง
-----จบคู่ที่3-----
จบตอนสักที ตอนนี้ไม่มีชื่อตอนนะครับ แบบว่าคิดไม่ทันอ่ะ
ฝากติดตามต่อไปนะครับ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:03/08/08:ภาค2 ม.5 ตอน5คู่
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 03-08-2008 19:35:54
เง้อ ค้างคาใจ

ปอเศร้าอีกละ เสียใจๆ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:03/08/08:ภาค2 ม.5 ตอน5คู่
เริ่มหัวข้อโดย: meawkung02 ที่ 03-08-2008 20:37:09
อย่าบอกนะว่าเป็น มาสเตอร์เบิร์ด กับ บิ้ก น่ะ รวมหัวกันหลอก ปอ หรือป่าวเนี้ยย???


ปล.ขออย่าให้เป็นอย่างนั้นเลยอ่า...สงสารปกที่สุดเยยอ่า...งิงิ


หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:03/08/08:ภาค2 ม.5 ตอน5คู่
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 03-08-2008 21:50:26
เกมส์อะไรยังไงเนี่ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:03/08/08:ภาค2 ม.5 ตอน5คู่
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 03-08-2008 22:01:37
เกิดอะไรขึ้นกะปออีกละเนี่ย  :serius2:

ใครเล่นเกมส์อะไรกัน   :a6:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:03/08/08:ภาค2 ม.5 ตอน5คู่
เริ่มหัวข้อโดย: jobisuka ที่ 04-08-2008 11:46:11
เกิดไรขึ้นนนน   o2  สงสารปอจัง :o12:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:03/08/08:ภาค2 ม.5 ตอน5คู่
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 04-08-2008 15:09:14
บิ๊กต้องวางแผนอารายกะมาสเตอร์โอหรือเปล่า

กรี้ดดดดดดดดดดดดดด
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:03/08/08:ภาค2 ม.5 ตอน5คู่
เริ่มหัวข้อโดย: tarhae ที่ 04-08-2008 16:33:26
อืม น่าหนุก
ไปอ่านก่อนน๊า แห่ๆ
 :เตะ1: :เตะ1: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:03/08/08:ภาค2 ม.5 ตอน5คู่
เริ่มหัวข้อโดย: ranaways ที่ 09-08-2008 19:17:32
บิ๊ก คุยกับ..... แน่เลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:09/08/08:ภาค2 ม.5 ตอน6คู่
เริ่มหัวข้อโดย: jojoe ที่ 09-08-2008 22:04:08
ตอนที่ 6 เพลงของเธอ เพลงของเรา
คู่ที่1
เช้าวันเสาร์สำหรับผม ถือเป็นวันที่ผมจะพักผ่อนจากการร่ำเรียนมาอย่างหนัก
การผักผ่อนของผมนอกจากการอ่านหนังสือนอกเวลาแล้ว ผมยังชอบร้องเพลงอีกด้วย
ปกติผม เชียร์ และปอ มักจะตั้งวงร้องเพลงกัน โดยปอจะเป็นคนเล่นกีตาร์
แต่ช่วงนี้ทั้งสองคนกลับไม่ว่างเลย
“กูไปซ้อมดนตรีก่อนนะ” ปอคว้ากีตาร์ พร้อมเดินออกจากห้องไป ผมเห็นหน้ามันไม่ค่อบยสู้ดีเท่าไหร่ สงสัยทะเลาะกับบิ๊กมามั้ง
“เดี๋ยวกูจะไปซ้อมดรัมเมเยอร์นะ” ไอ้เชียร์ก็อีกคน ทิ้งผมให้อยู่คนเดียวจนได้
“ว่างๆ อย่างนี้ พี่หมีเค้าไม่ชวนมึงไปไหนเหรอ” เชียร์ยังมีน้ำใจถามผม
“พี่เค้ามีเรียนพิเศษ และก็มีประชุมงานวันแม่ และกีฬาสีอีก” ผมพูดไปก็ถอนหายใจไป ตั้งแต่คบกันมา พี่หมีมีเวลาว่างน้อยมาก
“มีแฟนเป็นคนใหญ่คนโต ต้องทำใจหน่อยแล้วกัน” เชียร์พูดปลอบ พร้อมคว้าคทาออกจากห้องไป
ในที่สุดผมก็มานั่งเหงาคนเดียวในห้อง
ในเมื่อไม่รู้จะทำอะไร ผมเลยกระโดดไปที่เตียงนอนแล้วนอนหลับผักสมองดีกว่า
ผมหลับไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ รู้ตัวอีกทีก็มีใครก็ไม่รู้ก็มาเคาะประตูตั้งหลายทีจนผมต้องลูกขึ้นไปเปิดประตูให้
พอเปิดประตู แขกไม่ได้รับเชิญก็คว้ามือผมออกจากห้องไป
“ไอ้บ้าโจ แกจะพาฉันไปไหนว่ะ” ผมถามมัน แต่มันไม่ตอบ ได้แต่ลากผมไปไหนก็ไม่รู้
ผมเองก็พยายามดึงมือมันออกแต่ก็สู้แรงมันไม่ไหว เลยกลายเป็นสภาพถูกมันลากไปไหนต่อไหน
“มึงสัญญากับกูเองไม่ใช่เหรอว่าจะทำตามที่กูสั่งทุกอย่าง” มันลากผมมาถึงสนามข้างทะเลสาบของโรงเรียน
แล้วมันก็ปล่อยผมที่ข้างทะเลสาบ ผมทรงตัวไม่อยู่เลยล้มไปกองกับสนามหญ้า
“ไอ้คนบ้า แกลากฉันมาที่นื้ทำไม” ผมตะโกนว่ามันออกไป
“มึงนั่งอยู่เฉยๆ” มันสั่งผม ผมมองหน้ามันงงๆ
“แกต้องการใหฉันทำอะไร”
“กูบอกให้นั่งเฉยๆ” มันตะโกนใส่ผม พร้อม เดินไปหยิบบางอย่างที่ข้างหลังต้นไม้
แล้วไอ้โจก็เดินมาพร้อมกีตาร์ และ หนังสือเพลง
“อะ ร้องซะ เห็นชอบร้องเพลงไม่ใช่เหรอ” มันโยนหนังสือเพลงมาที่ผม
แล้วมันก็นั่งลงข้างๆผม พร้อมทำท่าจะดีดกีตาร์
“นายเล่นกีต้าร์เป็นด้วยเหรอ” ผมถามด้วยความแปลกใจ เห็นเถื่อนๆแบบนี้ไม่นึกว่าจะมีอารมณ์สุนทรีย์
“แล้วเห็นว่าเล่นได้ไหมล่ะ” มันตอบกวนๆ
“ไหนอยากร้องเพลงอะไร” มันชะเง้อหน้ามาดูที่หนังสือเพลง
“ไป ไป ไปลงนรกซะเถอะที่รัก ฉันจะลงโทษเธอ” อยู่ดีดีมันก็ร้องเพลงนี้ใส่หน้าผม
“ไอ้บ้า “ ผมด่ามันกลับไป มันหัวเราะชอบใจใหญ่
“ตกลงเลือกเพลงได้ยัง” มันถามผม ผมมองหน้ามันด้วยความแปลกใจ
เมื่อไม่กี่นาที มันคือคนป่าเถื่อน ไม่มีเหตุผล ชอบใช้กำลัง และพูดจาหยาบคาย
แต่ตอนนี้มันดูไม่เหมือนมันที่ผมรู้จัก
“มึงไม่ร้อง งั้นกูเลือกเพลงเองนะ” ว่าแล้วมันก็เปิดหนังสือเพลง
จนมาถึงหน้าหนึ่ง มันก็เริ่มดีดีกีตาร์
ทำนองคุ้นหูเพราะเพลงนี้เป็นเพลงที่ผมรู้จักและก็ชอบมากด้วย
“มึงร้องนะ” มันมองหน้าผม
ผมพยักหน้า พอถึงท่อนที่ผมต้องร้อง ผมก็ก้มไปดูเนื้อร้อง
“ทุกครั้งที่ฉันสับสน ค้าหาว่าชีวิตคืออะไร
ค้นลึกไปไหนความหมาย ว่าอะไรที่ชีวิตฉันนั้นต้องการ
เธอนั่นเองคือคำตอบ ที่ค้นหามาเนิ่นนาน
สิ่งเดียวที่ต้องการ ก็คือการได้อยู่คู่กับเธอ
แค่มีคนอย่างแนและเธอ มาอยู่คู่กัน
ฉันรู้ว่าตัวฉันไม่ต้องการใครใคร
สุดแผ่นดินแผ่นฟ้าที่กว้างใหญ่
จะมีคนมากมาย เพียงเธอผู้เดียวพียงพอ”
ผมกำลังจะร้องท่อนต่อไป โจก็ทำท่าให้ผมหยุด
แล้วมันก็ร้องท่อนต่อไปเอง
“และแม้ว่าเธอสับสน เหลียวหาใครสักคนที่เข้าใจ
และแม้ว่าเธอหวั่นไหว ไม่เจอใครที่เธอได้ค้นหามานาน
ตัวฉันขอเป็นคำตอบ หากแม้นว่าเธอต้องการ
โปรดมองฉันให้นาน ว่าเธอจะต้องการบ้างไหม
แค่มีคนอย่างฉันและเธอมาอยู่คู่กัน ฉันรู้ว่าตัวฉันไม่ต้องการใครใคร
สุดแผ่นดินแผ่นฟ้าที่กว้างใหญ่ จะมีคนมากมาย
เพียงเราสองคนเพียงพอ”
ผมฟังโจร้องเพลงแล้วขนลุก ไม่นึกว่ามันจะร้องเพลงได้เพราะขนาดนี้
ผมเลยเงยหน้ามองมัน
มันยังคงเล่นเพลงต่อไป แต่สายตามันไม่ได้มองไปที่หนังสือเพลง แต่มันมองมาที่ผม
“แค่มีคนอย่างฉันและเธอมาอยู่คู่กัน ฉันรู้ว่าตัวฉันไม่ต้องการใครใคร
สุดแผ่นดินแผ่นฟ้าที่กว้างใหญ่ จะมีคนมากมาย
เพียงเราสองคนเพียงพอ”
เพลงจบ แต่มันยังคงมองผม
“มึงร้องเพลงพอใช้ได้นี้” ผมแก้เขินด้วยการชมมันพร้อมทำเป็นเปิดหนังสือเพลงหาเพลงต่อไป
“มึงรู้หรือเปล่าว่าเพลงเมื่อกี้ชื่อเพลงอะไร” มันถามผม
“เพลง บอกรัก ไง” ผมตอบ แล้วก็ชะงักเล็กน้อย พร้อมมองหน้ามัน
ผมเริ่มรู้สึกแปลกๆกับสายตาของมันยังไงก็ไม่รู้
“จ้องเราทำไม” ผมตัดสินใจถามมัน
“ก็อย่างที่เพลงมันบอก” มันตอบผม
“หมายความว่าอะไร เราไม่เข้าใจ” ผมเริ่มตัวสั่น กล้าๆกลัวๆกับท่าทีของมัน
“มาอยู่นี้เองเหรอโจ้” พี่หมีเดินมาที่ผมกับโจ
“พี่ตามหาตั้งนาน”
ผมลุกขึ้นมองไปที่พี่หมี พี่เขาดูไม่พอใจที่ผมมาอยู่กับโจ
“พี่บอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าไปยุ่งกับไอ้นี้” พี่หมีชี้หน้าโจ
“เออ คือ...” ผมอ้ำอึ้ง ไม่รู้จะตอบอะไรกับพี่หมี
“มึงก็เหมือนกัน อย่ามายุ่งกับแฟนกู” พี่หมีพูดเสร็จแล้วก็ลากผมออกไปจากที่นั้น
ทำไมวันนี้มีแต่คนลากเราไปมาตลอดเลย
พี่หมีพาผมมาที่หน้าหอ พร้อมมองผมเหมือนต้องการให้ผมสำนึกผิด
“คือ ผมแค่ไปนั่งร้องเพลงกับโจเฉยๆ” ผมพยายามอธิบายกับพี่หมี
“แล้วทำไมต้องเป็นมัน เพื่อนโจ้มีตั้งเยอะ ทำไมต้องเป้นมัน” พี่หมีเริ่มระเบิดอารมณ์ออกมา
ผมตกใจที่พี่หมีโกรธมากขนาดนี้
“ที่พี่โกรธ เพราะพี่เคยบอกโจ้แล้ว พี่แค่อยากให้โจ้เชื่อพี่” พี่หมีก็เอื้อมมือมาจับผม
“พี่เป็นห่วงโจ้มากรู้ไหม”
พี่ยิ้มให้พี่หมี “ผมจะพยายามไม่ให้พี่เป็นห่วง ผมสัญญา”
พี่หมียิ้มให้ผมกลับ เขาคงพอใจที่ผมตอบเช่นนั้น
งั้นก็ไปกินข้าวกันเถอะ พี่หมีก็พาผมเดินไปด้วยกัน
แต่ระหว่างทางผมกลับคิดถึงเนื้อเพลงที่โจร้อง และท่าทีที่มันมีตอนอยู่กับผมเมื้อกี้
มันต้องการอะไรกันแน่?
----- จบคู่ที่1----
อยากแปะเพลงให้ฟังแต่แปะไม่เป็น
เอาเป้นว่า เดี๋ยวเอามาให้โหลดวันหลังแล้วกัน
รอคู่ที่2 ว่าจะมาร้องเพลงอะไรกันนะครับ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:09/08/08:ภาค2 ม.5 ตอน6คู่
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 10-08-2008 01:42:52
เพลงรักจะนำมาซึ่งปัญหาล่ะสิเนี่ยยยยยยยยยยยยยยยยยยย  o2
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:09/08/08:ภาค2 ม.5 ตอน6คู่
เริ่มหัวข้อโดย: meawkung02 ที่ 10-08-2008 02:24:25
เหอๆ...โจ กลับมาชอบ โจ้ ซะงั้นเยย...เริ่มมีอุปสรรคซะแระอ่าค้าบบบ...^^
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:09/08/08:ภาค2 ม.5 ตอน6คู่
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 10-08-2008 10:35:55
พัลวันพัลเกย์จิงๆ

รอตอนต่อไปครับ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:09/08/08:ภาค2 ม.5 ตอน6คู่
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 10-08-2008 17:27:41
ช่างวุ่นวายสับสนจริงๆ

รอลุ้นคู่สองต่อค่ะ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:09/08/08:ภาค2 ม.5 ตอน6คู่
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 12-08-2008 14:48:10
เอาล่ะสิ เรื่องยุ่งๆเข้ามาหาแล้ว

คู่ 2 ขอเพลง I will survive นะจ้ะคริๆ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:09/08/08:ภาค2 ม.5 ตอน6คู่
เริ่มหัวข้อโดย: jojoe ที่ 12-08-2008 21:54:06
ว่าจะมาโพสต์ต่อ แต่เนื่องจากเพิ่งกลับมาจาก ไปดินเนอร์กับผู้ชาย(ว่าที่สามี เฮ้ย!) ไปกินอาหารญวณบุฟเฟ่ต์ ท้องแทบแตก(หมายถึงอีกฝ่ายนะ ส่วนผมเฉยๆ)

ผู้ชายอุตส่าห์ชวนไปบ้าน เราไม่กล้าไป เห็นว่าเป็นวันแม่ ให้ลูกชายเค้าอยู่กับแม่ดีกว่าเนอะ
(แต่กลับมาคิดอีกทีก็เสียดาย จะได้เสียตัววันแม่ คิดอกุศลจริงๆเรา)

จะรีบมาโพสต์แล้วกัน

อยากจะเกริ่นว่า ตอน ม.5 มี10ตอนจบ
ส่วนม.6 อาจจะแค่ 5 ตอน เนื่องจากช่วงนั้นเตรียมเอ็นท์ ไม่ค่อยหมกหมุ่นเรื่องผู้ชายกันสักเท่าไหร่
อยากแต่งให้จบๆ เพราะมีนิยาย เรื่องใหม่ต่อคิวอยู่
ให้กำลังใจด้วยนะคร้าบบบบบบ

http://jojoestory.hi5.com
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:09/08/08:ภาค2 ม.5 ตอน6คู่
เริ่มหัวข้อโดย: meawkung02 ที่ 12-08-2008 22:32:43
รับทราบแล้วค้าบบ...แล้วจะรออ่านทุกเรื่องเยยน้าค้าบบ...^^
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:09/08/08:ภาค2 ม.5 ตอน6คู่
เริ่มหัวข้อโดย: jobisuka ที่ 13-08-2008 08:52:43
 :oni2: มาต่อแล้วว ดีจัง ๆๆ
รอคู่ 2  :กอด1: อย่างใจจดใจจ่อ :laugh:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:09/08/08:ภาค2 ม.5 ตอน6คู่
เริ่มหัวข้อโดย: jojoe ที่ 13-08-2008 23:44:17
คู่ที่ 2
และวันคัดเลือกดรัมเมเยอร์ไม้หนึ่งของโรงเรียนก็มาถึง
มีคนมาคัดเลือกเกือบห้าสิบกว่าคน
ผมมองคู่แข่งก็แทบจะเป็นลม เพราะตัวแม่ของโรงเรียนมากันทั้งนั้น
ทั้งหน้าตาดี หุ่นดี ตัวสูงใหญ่ แบบว่า เพอร์เฟคแมนกันทั้งนั้น
ตัวกูจะไปรอดไม่ว่ะ
แต่พอหันไปมอง พี่เต๋ากับพี่หมิงที่มาคอยเชียร์ ก็ค่อยโล่งใจหน่อย
“ไอ้เชียร์ สู้ๆ” เสียงตะโกนดังมาจาก ไอ้โจ้ และไอ้ปอที่มาให้กำลังใจผมเหมือนกัน
เมื่อมาถึงคิวของผม ผมต้องเดินออกไปกับคนอีกห้าคน พร้อมทำท่าดรัมเมเยอร์ตามที่ฝึกซ้อมมา
พอมาถึงช่วงโยน กรรมการจะดูว่าใครโยนสูงที่สุด และใครรับแม่นที่สุด แบบว่ารับโดยไม่เอื้อมตัวมากเกินไป หรือเวลารับมัวพะวาพะวงทำให้ท่าเดินเสีย
แล้วผมก็ทำได้ ค่อนข้างมั่นใจว่าทำตามที่ฝึกซ้อมมาอย่างดีที่สุด(ดรัมเมเยอร์ปี่ที่แล้วมาสอนให้ ไม่ได้ให้มันรู้ไปซิ)
“คนที่จะได้เป็นดรัมเมเยอร์ไม้หนึ่งปีนี้ได้แก่”
ผมหลับตาลุ้น สาธุขอให้ได้เถอะ
“นาย วิฬุณพล ห้อง 5/4 ส่วนดรัมเมเยอร์ไม้สองได้แก่.......”
“ห๊า...... กูได้เหรอเนี้ย” ผมแทบจะเป็นลมไปตรงนั้น
“เย้.... เชียร์มึงได้เว้ย” รู้สึกว่า ไอ้โจ้มันดีใจมากกว่าผมซะอีก
“เชียร์เก่งมาก พี่ดีใตจด้วยนะ” พี่หมิงเอามือมาแตะที่บ่าของผม
“มึงได้จริงเหรอเนี้ย” ไอ้ปอทำหน้าไม่อยากจะเชื่อว่าผมจะได้
แล้วผมหันไปหาพี่เต๋า ที่ยืนยิ้มๆไม่ได้พูดอะไร
“ไม่ดีใจเหรอที่เชียร์ได้” ผมถามพี่เต๋า
พี่เต๋าเอามือมาลูบที่หัวของผม
“ดีใจซิ ดีใจมากด้วย” พี่เต๋าพูดแค่นั้น แต่ผมกลับร้องไห้ ที่ผมสามารถทำสิ่งที่ผมตั้งใจ
และผมสามารถทำให้คนที่ผมอยากให้เขาเห็นความสำเร็จของผม รู้สึกดีใจไปกับผมด้วย
“ไปฉลองกันเถอะ” พี่เต๋าก็ลากผม ไอ้โจ้ ไอ้ปอ และพี่หมิง ไปกินเลี้ยงที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง
การรับประทานอาหารของเรา ไม่ค่อยมีอะไรเท่าไหร่
แต่ที่เด็ดก็คือ การร้องคาราโอเกะ ที่แย่งร้องกันมันส์สุดๆ
“โอ๊ โอ๊ะ โอ๊ะ โอ๊ย น่ากลัวใจเลย......” แล้วผมก็ร้องเพลงเป็นคนแรก
“ไม่ใช่ ไม่ช่ายยยยย ไม่ใช่ ไม่ช่ายยยยย ไม่ได้เป็นแฟนจริงๆนะ” ผมก็ยังร้องต่อ
“อยู่ๆก็มีเรื่องราวให้นอนไม่หลับ ให้กลับมาคิดวกวนทั้งคืนวุ่นวาย” ผมร้องอีกแล้ว จนไอ้โจ้แย่งไมค์มาได้สำเร็จ
“ครั้งโดนเขารังแก ร้องงอแงร้องไห้ พี่คนนี้ยังคอยคุ้มครองคุ้มภัย น้องเอยอย่ากลัวใครเขา” ไอ้โจ้ร้องเพลงนี้ให้พี่ยอด
“แค่มีคนอย่างฉันและเธอ มายอยู่คู่กัน ฉันรู้ว่าตัวฉันไม่ต้องการใครๆ” อันนี้ไอ้โจ้ร้องให้ใครก็ไม่รู้ เห็นมันอินกับเพลงมากๆ
“พูดไม่ค่อยเก่งแต่รักหมดใจ ถ้ารู้ว่าชอบอะไรจะหาให้เธอ” อันนี้ไอ้ปอร้อง เหมาะกับมันจริงๆ
“จุดอ่อนจากการที่ไว้ใจ คือโดนทำร้ายแทบเสียคน” ไอ้ปอร้องใส่อารมณ์ซะ (แต่ละเพลงแมนจริงๆเพื่อนกู)
“ฉันเป็นเพียงชายคนหนึ่งที่อยากดูและ ห่วงใยเธอเท่านั้น” เฮอะ เฮอะ อันนี้พี่เต๋าร้อง ให้ผมเอง(เขินจังอ่ะ)
“อยู่มาจนวันนี้เพื่อเจอเธอ จะอยู่เพื่อเธอตลอดไปจะเอาความรักที่มีเก็บไว้เพื่อรอคอยวันที่เธอเดินผ่านมา อาจจะมีเวลาที่เธอต้องการ”
แล้วพี่เต๋าก็ร้องเพลงโปรดของผม ผมยิ้มแก้มปริจนทำอะไรไม่ถูก
“อ่ะ ตามึงร้องแล้ว” พี่เต๋าก็ยื่นไมค์ให้พี่หมิง พี่หมิงรับไมค์แล้วก็หันมาหาพวกเรา
“คือพี่ร้องเพลงไม่ค่อยเก่งนะ พี่เลือกเพลงที่จะร้องต่อไป ให้คนๆหนึ่ง คนที่เขาไม่เคยรู้เลยว่า พี่คิดอะไรกับเขา”
แล้วทำนองก็ขึ้น
“มอง มองเธอมาแสนนาน ฉันไม่กล้า ต้องคอยหลบตาอยู่เสมอ
กลัว สักวันหนึ่งถ้าเธอ รู้ว่าฉันปิดบังความจริงอะไรเอาไว้
ความลับที่ฉันซ่อนไว้ ไม่เคยบอกใคร จะอดใจไม่ไหว
ยิ่งฉันใกล้เธอ เท่าไหร่ ยิ่งอยากจะเผยใจ ยิ่งสบสายตา ก็ยิ่งหวั่นไหว
มันยากเหลือเกินจะเก็บ ซ่อนความลับเอาไว้
และความลับในใจของเธอ มีฉันอยู่บ้างไหม
โปรดบอกความในใจ ให้ฉันรู้ทีนะเธอ”
พี่หมิงร้องจบ ทุกคนเอาแต่นิ่ง เพราะพี่แกร้องเพราะเหลือเกิน ร้องดีกว่าต้นยฉบับซะอีก
แต่ผมแปลกใจคือพี่หมิงร้องให้ใคร เวลาตอนพี่แกร้อง เหมือนจะมองมาที่ผม(หรือว่าเราเข้าข้างตัวเอง)
“เฮ้ย แกแอบไปชอบใครว่ะ” พี่หมิงไม่ตอบได้แต่ซดเบียร์ไม่ยั้ง
ผมเห็นบรรยากาศไม่ดี เลยลากพี่เต๋าไปร้องเพลงต่อ
“บัวลอย เจ้าเพื่อนยาก......” พี่เต๋าแหกปากร้องเพลง แฟนใครว่ะเนี้ย
“บางระจัน บางระจัน บางระจัน” ยังจะร้องอีกนะ
ผมหันไปมองพี่หมิง เค้าก็ยังมองมาที่ผม แถมซดเบียร์ไปอีก รู้สึกแปลกๆอ่ะ
“เป็นแฟนคนจนต้องทนหน่อยน้อง พี่นี้ไม่มีเงินทอง....” พี่เต๋าก็มัวแต่ร้อง ทำยังกะเมา ทั้งๆที่กินเบียร์ไม่ถึงแก้ว
แล้วงานเลี้ยงก็เลิกรา
พี่หมิงเมาไม่เป็นท่าหลับคอพับคออ่อน กลางแก้วเบียร์
“พี่ว่าพี่คงต้องลากไอ้หมิงไปที่หอแล้วแหละ ไม่รู้ว่าไปอกหักที่ไหนมา” พี่เต๋าพูด คงเป็นห่วงเพื่อน
แต่ผมกับสะดุ้ง เหมือนโดนตัวเองยังไงก็ไม่รู้
“แล้วพี่เต๋าไม่รู้เหรอ เค้าไปชอบใคร” ผมลองถาม เผื่อจะได้ไม่เข้าตัว
“มันจะไปสนใคร วันๆก็อยู่กับพี่กับเชียร์ตลอด” พี่เต๋าพูดเสร็จก็ค่อยๆพยุงร่างของพี่หมิงขึ้น
ผมสะดุ้งอีกแล้
“โทษทีวันนี้พี่คงไม่ได้ไปส่งเชียร์นะ” พี่เต๋าหันมาบยิ้มให้ผม
“ไม่เป็นไรหรอก ดูพี่หมิงดีๆล่ะ” ผมพูดพร้อมเดินแยกจากพี่เต๋า โดยมีปอ และโจ้เดินมาด้วย
ความรู้สึกผมมันบอกว่าคนที่พี่หมิงชอบอาจจะเป็นผมก็ได้
---- จบคู่ที่2 -----
ตอนนี้เอาเรื่องจริงมาเขียน เพราะตอนร้องคาราโอเกะก็็้แย่งกันร้องแบบเนี้ยล่ะครับ
ส่วนเพลง คู่ที่1 เพลง บอกรัก ของ คุณปั่น ไพบูลย์เกียรติ
คู่ที่2 เพลง ความลับ ของ วงพอส
ส่วนคู่ที่ 3 เพลงอะไรนั้น รอลุ้นแล้วกันครับ

เมื่อนายโจแอบชอบ โจ้
พี่หมิงแอบชอบ เชียร
แล้วปอจะมีใครมาแอบชอบหรือเปล่า ต้องติดตามต่อไปครับ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:14/08/08:ภาค2 ม.5ตอนที6 ค
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 14-08-2008 01:59:45
หุหุ เรื่องตอนนี้ชักจะวุ่นได้อีก

นายปอใครจะมาชอบอีกหว่า

สงสาร ปอ อะ ซิกๆ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:14/08/08:ภาค2 ม.5ตอนที6 ค
เริ่มหัวข้อโดย: jobisuka ที่ 14-08-2008 11:43:10
 :m22: ว๊าว ๆๆๆๆๆๆ มาต่อแล้วว ดีจัง  :a4:

รออ่านตอนต่อไปจ้า  o13
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:14/08/08:ภาค2 ม.5ตอนที6 ค
เริ่มหัวข้อโดย: meawkung02 ที่ 14-08-2008 12:06:00
รู้สึกว่า ทั้ง 3 คู่ พอสมหวังก้อจะมีคนมาแอบรัก กันทั้ง 3 คู่เยยนะค้าบบ...งิงิ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:14/08/08:ภาค2 ม.5ตอนที6 ค
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 14-08-2008 12:52:36
รักสามเศร้าซะงั้น
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:14/08/08:ภาค2 ม.5ตอนที6 ค
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 14-08-2008 13:55:56
ฟันธง มาเซอร์โอชัวร์

จบข่าว
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:14/08/08:ภาค2 ม.5ตอนที6 ค
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 14-08-2008 22:54:15
มีหนุ่มมาแอบชอบให้หวั่นไหวกันสองคู่แล้ว

รอลุ้นคู่ 3 ต่อไป :a1:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:14/08/08:ภาค2 ม.5ตอนที6 ค
เริ่มหัวข้อโดย: ranaways ที่ 16-08-2008 19:35:23
อยากรู้เหมือนกันอ่ะ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:14/08/08:ภาค2 ม.5ตอนที6 ค
เริ่มหัวข้อโดย: jobisuka ที่ 20-08-2008 09:14:41
มายางงงง :m22:
รอๆๆๆ :a12:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:14/08/08:ภาค2 ม.5ตอนที6 ค
เริ่มหัวข้อโดย: EZPADA™ KlKA ZER ll • ที่ 20-08-2008 21:08:14
อ่ะนะ  น่าหนุก  ละ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:14/08/08:ภาค2 ม.5ตอนที6 ค
เริ่มหัวข้อโดย: meawkung02 ที่ 21-08-2008 19:49:49
มารอด้วยคนค้าบบบ...อิอิ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:14/08/08:ภาค2 ม.5ตอนที6 ค
เริ่มหัวข้อโดย: jojoe ที่ 23-08-2008 13:01:15
คู่ที่ 3
“1 2 3 เริ่ม” แล้วเสียงดนตรีก็ดังขึ้น
“เฮ้ย! ไอ้ปอ ทำไมมึงไม่เล่นว่ะ” ไอ้ติ่งด่าผม เพราะผมมัวแต่เหม่อ ไม่ได้เล่นตามที่พวกมันบอก
“โทษที กูไม่ค่อยมีสมาธิเลย กูขอพักสักแป๊บนะ เดี๋ยวกูมา” ผมวางกีตาร์ลง แล้วเดินออกจากห้องซ้อมออกไป
ในตอนนี้หัวผมมีแต่เรื่องที่ผมเพิ่งได้เจอเมื่อคืน
หลังจากที่ผมเจอบิ๊กที่ห้องน้ำเมื่อคืน
“มาทำอะไรตรงนี้” ผมถามบิ๊ก พร้อมมองไปข้างหลังบิ๊ก เพื่อมองว่าบิ๊กคุยกับใคร
“ก็มาห้องน้ำไงถามได้” บิ๊กตอบ
“ที่ห้องเข้าไม่ได้เหรอไง ต้องออกมาเข้าข้างนอก” ผมถามอย่างสงสัย เพราะปกติในแต่ละห้องก็จะมีห้องน้ำในตัว
แต่ตามชั้นต่างๆจะมีห้องน้ำรวมเพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับนักเรียน แต่ตอนกลางดึกแบบนี้ ไม่น่าจะต้องอออกมาข้างนอกเข้าห้องน้ำในห้องก็ได้
“ห้องเราห้องน้ำมันเสียเลยออกมาใช้ข้างนอก” บิ๊กพูดกับผม ผมพยายามจับพิรุธ
“แล้วเมื่อกี้คุยกับใคร” ผมถาม
“จะบ้าเหรอเรามาคนเดียวจะให้ไปคุยกับใคร”
แต่ผมไม่เชื่อ เมื่อกี้ผมได้ยินเต็มสองรูหูว่ามีคนคุยกัน
ผมเลยเดินสวนบิ๊กเข้าไปในห้องน้ำเพื่อมองหาว่ามีใครหลบไปในห้องน้ำหรือเปล่า
“ปอ นายเป็นอะไรมากหรือเปล่า ทำไมต้องทำอะไรแบบนี้ด้วย” บิ๊กเดินมาลากผมออกจากห้องน้ำ
“ก็เราได้ยินว่านายคุยกับใครก็ไม่รู้ที่ห้องน้ำนี้” ผมตะโกนกลับไป
“เรามา ขี้ เข้าใจๆไหม จะให้ไปคุยกับผีที่ไหน” บิ๊กก็เริ่มโกรธ
“แล้วนายมาตามหาเราทำไม” บิ๊กย้อนถามผม
ผมถอนหายใจ อยากตอบว่าคิดถึง อยากมานอนกอด แต่ตอนนี้อารมณ์เสีย เลยไม่พูดออกไป
“งั้นเราไปนอนนะ” ผมเลยตัดสินใจกลับไปนอนดีกว่า
“งอนเหรอไง” บิ๊กยังคว้าตัวผมไว้
“เปล่า ง่วงแล้วขี้เกียจคุย” ผมตอบอย่างหัวเสีย แต่ตอนนั้นไม่รู้ตัวหรอกว่าตัวเองกำลังโกรธอยู่
“ทำไมทำตัวงี่เง่าอย่างนี้ว่ะ” บิ๊กก็เริ่มด่าผม
“แล้วไง งี่เง่าแล้วทำไม” ผมก็ชักอารมณ์ขึ้น
“ก็เราเกลียดคนงี่เง่า” บิ๊กตะคอกใส่หน้าผม
“ตะโกนให้เสียงดังเลยซิ ว่าเรามันงี่เง่า” ผมท้า
“เห็นมั้ย นายมันงี่เงาจริงๆ” บิ๊กคงเหลืออดจริงๆเลยเป็นฝ่ายเดินหนีผมไป
“แล้วมาชอบคนงี่เง่าอย่างเราทำไม” ผมตะโกนตามหลังบิ๊กที่กำลังเดินกลับห้อง
นี้คือเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ กลายเป็นว่า ตั้งแต่เช้าที่ผ่านมา ผมกับบิ๊กยังไม่เจอกันเลย
และไม่แน่ใจว่าถ้าเจอกันยังจะโกรธกันอยู่ หรือจะหายเป็นปกติ
เป็นครั้งแรกทีผมทะเลาะกับบิ๊ก และผมก็กลัวว่าจะทำให้เราเลิกกัน
ตอนนี้เป็นเวลาที่เราต้องมาซ้อมดนตรี แต่บิ๊กก็ยังไม่มา
คงเพราะโกรธผมเลยพาลไม่มาซ้อมด้วย
กลายเป็นเรื่องใหญ่ไปเลย
“เป็นอะไรว่ะ ไอ้ปอ” อาร์ตเดินมาหาผม มันคงห่วงผม
“ทะเลาะกับบิ๊กมาล่ะซิ” มันถาม ผมไม่ได้ตอบ แต่ยังคงมองออกไปตรงระเบียง
“แล้วใครเริ่มก่อน มึงหรือ ไอ้บิ๊ก” มันยังคงถามผม
“ไม่รู้ดิ ตอนนั้นกูไม่รู้ตัวว่ากูทำไมถึงได้โกรธเป็นฝืนเป็นไฟขนาดนั้น” ผมบอกมัน
“อย่างนี้แหละ ลิ้นกับฟัน ต้องกระทบกัน ชีวิตจะได้มีรสชาติ ให้หวานกันอย่างเดียว มันจะอร่อยเหรอ”
ผมหันไปมองหน้ามัน พูดอย่างกับเคยมีแฟน
“กูแค่พูดตามความจริง เค้าเรียกว่าสัจธรรม ไม่ต้องคิดเลยว่ากูพูดอย่างกับเคยมีแฟน” มันสวนกลับ แล้วมันรู้ได้ไงว่าผมคิดแบบนั้น
“เออ ไอ้ปอตกลงพวกเราว่าเราจะเปลี่ยนเพลงว่ะ”
ผมงง ก็ซ้อมเพลงเดิมมาตั้งนานแล้วจะมาเปลี่ยนทำห่าอะไร
“พอดีได้เพลงใหม่มา”
“เพลงอะไร” ผมถาม
“ลองฟังซิ บอกไว้ก่อนนะว่า เพลงนี้เล่นแค่เปียโนเท่านั้น” มันอธิบายผม
“มึงเล่นคีย์บอร์ดเป็นอย่างเดียวไม่ใช่เหรอ” ผมถามด้วยความสงสัย
“พอดีวงเรารับคนเล่นเปียโนเพิ่ม หล่อนะเว้ยคนนี้” แนะพอเห็นคนหล่อก็รับเพิ่มเชียว
ผมเลยเดินเข้าไปในห้องซ้อมพร้อมไอ้อาร์ท
แล้วเสียงเปียโนก็ดังขึ้น
ผมมองไปที่คนเล่นเปียโน
ไม่ใช่ใครที่ไหน บีกนั้นเอง
“เธอเคยถามกับฉัน ที่ฉันรักเธอ ก็อยากจะรู้รักเพราะอะไร
กับไปคิดไปค้น ใคร่ครวญมากมาย ไม่เจอคำตอบ
ที่ผ่านมานั้นไม่คิดอยากรู้ที่มา และไม่เคยหาเหตุผลใดใด
แค่ตัวฉันเพียงรู้ ว่าเป็นสุขใจ เมื่ออยู่เคียงกัน
อาจจะฟังแล้วไร้เหตุผล ว่าสิ่งที่ทำให้คนรักกัน
หรือเป็นเพียงรอยยิ้ม รอยนั้นเมื่อวันแรกเจอ
หากจะหาเหตุผลสักคำ ว่าสิ่งที่ทำให้ฉันรักเธอ
นั้นเป็นเพราะตัวฉันมาเจอ เจอสิ่งดีงาม
ตั่งแต่ตัวฉันพบเธอ เธอคือสิ่งดีงาม”
บิ๊กร้องจบ ก็เดินมาหาผม
“ที่ถามเมื่อคืนว่าเรารักนายเพราะอะไร คงได้คำตอบแล้วนะ”
ผมอึ้งไปเลยครับ สักพักผมก็โผเข้ากอดบิ๊ก ไม่อายเพื่อนในวงที่นั่งมองเราสองคนกอดกัน
“ตกลงสองคนนี้มันเป็นเกย์เหรอว่ะ” ไอ้โต้งถามไอ้อาร์ท
“เพิ่งรู้เหรอ กูก็เป็น” ไอ้อาร์ทบอก ไอ้โต้งสะดุ้ง “เฮ้ยเป็นทั้งวงเลยเหรอ”
“กูไม่ได้เป็นเว้ย” ไอ้ติ่งรีบบอก
“หยุดเถียงเถอะ ซ้อมเพลงได้แล้ว ไอ้สองคนนั้นก็เลิกกอดกันได้แล้ว ซ้อมเพลงเว้ย”
ไอ้อาร์ทำหน้าที่หัวหน้าวงชวนเราซ้อมเพลง
ผมปล่อยมือจากบิ๊ก แล้วก็อดหัวเราะตัวเองไม่ได้ที่ทำตัวงี่เง่าตามที่บิ๊กบอกจริงๆ
ก็อย่างที่ไอ้อาร์ทบอก หวานกันอย่างเดียวมันจะอร่อยเหรอ
-----จบคู่ 3 -----

ตอนหน้า จะพาไปงานกีฬาสีของโรงเรียน
สามหนุ่มจะเป็นไงบ้างกับงานกีฬาสี
ต้องติดตามนะครับ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:23/08/08:ภาค2 ม.5ตอนที6 ค
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 23-08-2008 13:19:30
 :m1:

 :pig4:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:23/08/08:ภาค2 ม.5ตอนที6 ค
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 23-08-2008 13:27:36
หุหุ รักชื่นมื่น จะไปได้อีกกี่น้ำ

สงสารปอ อะ ที่สุดละ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:23/08/08:ภาค2 ม.5ตอนที6 ค
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 23-08-2008 13:55:48
ความลับยังดำมืด
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:23/08/08:ภาค2 ม.5ตอนที6 ค
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 23-08-2008 18:47:50
อิอิ..................ตอนบิ๊กมาง้อนี้แอบซึ้งเลยน่ะเนี่ยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:23/08/08:ภาค2 ม.5ตอนที6 ค
เริ่มหัวข้อโดย: snowblack ที่ 25-08-2008 02:21:28
เป็นกำลังใจให้ครับ  o13
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:23/08/08:ภาค2 ม.5ตอนที6 ค
เริ่มหัวข้อโดย: ranaways ที่ 25-08-2008 18:00:23
กลัวจัง

ไม่อยากอ่านตอนที่ผิดหวังเลยอ่ะนะ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:23/08/08:ภาค2 ม.5ตอนที6 ค
เริ่มหัวข้อโดย: jobisuka ที่ 25-08-2008 18:11:25
เย่ ๆๆๆ มาต่อแล้ววว :m4:

 :a2: พยายามต่อไปนะ อิอิ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:25/08/08:ภาค2 ม.5ตอนที7 ค
เริ่มหัวข้อโดย: jojoe ที่ 25-08-2008 22:11:56
ตอนที่ 7 ชุลมุนวุ่นรักในงานกีฬาสี
คู่ที่ 1 ก่อนวันงาน
อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันงานกีฬาสีแล้ว ทุกคนต่างเตรียมพร้อมกันอย่างเต็มที่
แต่ละคนก็มีหน้าที่รับผิดชอบของตัวเอง
เชียร์(สีฟ้า)ก็เป็นดรัมเมเยอร์ไม้หนึ่ง อย่างที่ทุกๆคนทราบกันแล้ว มันต้องซ้อมหนักเพราะต้องซ้อมกับวงดุริยางค์ของโรงเรียนด้วย
พี่เต๋า(สีเขียว) แม้จะไม่ได้รับผิดชอบอะไร แต่ก็ต้องช่วยสีเตรียมขบวนพาเหรดและทำสแตนด์กองเชียร์
เชียร์กับพี่เต๋าช่วงนี้เลยไม่ค่ยจะกะหนุงกะหนิงกันเท่าไหร่
พี่หมิง(สีเหลือง) เป็นนักกีฬาแบดมินตันประจำสี พี่แกตบเก่งมากจนเข้ารอบชิง ต้องไปแข่งวันจริง
ปอ(สีแดง) เห็นมันมีโชว์ตอนพิธีเปิด ส่วนเรื่องกีฬามันไม่ได้ลงเล่นอะไรสักอย่าง
บิ๊ก(สีแดง) ทำทุกอย่างเหมือนปอเปี๊ยบ อยู่ด้วยกันไม่ห่างเลยคู่นี้ พักหลังดูบิ๊กจะอ้อนๆไอ้ปอบ่อย ซึ่งแต่ก่อนจะเป็นปอตามบิ๊กตลอด แต่ดูๆไปก็น่ารักดีคู่นี้
พี่หมี(สีเหลือง) เนื่องจากเป็นประธานนักเรียน เลยทำแทบทุกอย่าง ปกติก็ยุ่งอยู่แล้ว ยิ่งยุ่งเข้าไปใหญ่
โจ(สีฟ้า) ลงแข่งวิ่ง 400เมตร กะลงแข่งวิ่ง4X100เมตร ไม่ยักรู้ว่าคนอย่างมันเล่นกีฬาเป็นกะเค้าด้วย
ผม(สีฟ้า) นอกจากลงแข่งวอลเลย์แล้ว(ซึ่งได้เหรียญทองแดงมานอนกอดแล้ว) ผมยังได้รับมอบหมายให้ถือป้ายโรงเรียนในขบวนพาเหรดด้วย
“พี่หมีเค้าใช้เส้นให้มึงถือใช่มั้ย” ไอ้เชียร์เริ่มแซว
“ไม่รู้ดิ ไม่เห็นพี่หมีพูดอะไรเลย” ผมพูดพร้อมทำพู่เอาไว้ให้น้องๆม.4ใช้ตอนเชียร์
“แล้วมึงไม่เตรียมชุดเหรอ จะเดินอยู่วันพรุ่นี้อยุ่แล้ว” ปอถามผม
“ถือป้ายโรงเรียนก็ใช่ขุดนักเรียนดิ จะให้ไปใส่ชุดอะไรว่ะ” ผมหันไปบอกพวกมัน
“ไอ้เราก็นึกว่าจะใส่ชุดไทย จะได้ช่วยเตรียมชุด” เชียร์พูดพร้อมช่วยผมทำงาน
“คืนนี้กูจะไปช่วยพี่ๆที่โรงยิมนะ” ผมเก็บพู่ใส่ถุงจะเอาไปที่โรงยิมด้วย
“งั้นมึงลงไปพร้อมกู กูก็กะจะไปซ้อมดนตรี” ปอพูดเสร็จก็คว้ากีตาร์ไปด้วย
“เอ้า ไปกันหมดเลย พวกมึงก็อย่ากลับกันดึกนะ  กูกลัว” เชียร์ทำหน้าบ๊องแบ๊ว
“เออ.......” ผมกับปอพูดพร้อมกัน มันก็น่าจะรู้ว่าเตรียมงานกีฬาสี แทบจะไม่ได้นอน
ส่วนไอ้เชียร์มันซ้อมหนักอยู่แล้ว เลยไม่ต้องไปยุ่งกับงานที่สีของมัน อีกอย่างมันต้องตื่นแต่เช้าไปเตรียมขบวนอีก
ผมมาที่โรงยิม ทั้งสีสี่ก็จะอยู่กันคนละมุม เตรียมป้าย เตรียมชุด เตรียมของทำหรับกีฬาสีกันยกใหญ่
มีพวกเชียร์หลีดเดอร์ก็ยังซ้อมกันอยู่ แม้จะเกือบสามทุ่ม แต่ก็ยังครึกครื้นกันอยู่
ผมก็ไปช่วยพี่ๆเพื่อนๆที่กำลังวุ่นวายกับการเตรียมพาเหรดสี
ไอ้โจที่ช่วยทำอยู่ตั้งนานแล้ว เห็นผมก็ลุกขึ้นมารับถุงที่ใส่พู่จากผม
“ทำได้กี่อัน ครบที่สั่งไปหรือเปล่า”มันถาม
“ก็แหกตาดูเองเด่ะ” ผมตอบมันไป ปรากฏว่าคนแถวนั้นหันมามองผมกันยกใหญ่ คงตกใจที่คนแสนจะเรียบร้อยอย่างผม พูดจาแบบนี้
ผมเองก็ไม่รู้ตัวว่าพูดจาอะไรสงสัยติดนิสัยมันมาแน่ๆเลย
ไอ้โจเองก็ตกใจ แต่มันกลับหัวเราะ “เดี๋ยวนี้พูดจาห้าวจริงๆนะ”
ผมเลยเดินไปที่อื่น ไม่ค่อยอยากอยู่ใกล้ๆมันเลย
ผมหางานให้ตัวเองทำเลยไปช่วนเพื่อนลงสีป้ายดีกว่า
ช่วยเพื่อนไปได้สักพักมันก็ไปหนีไปทำงานอื่น ปล่อยให้ผมนั่งทำคนเดียว
“มึงลงสีเข้มๆหน่อยดิว่ะ” มันมาอีกแล้ว มันนั่งลงข้างๆผม พร้อมเอาพู่กันาลงสีซ้ำของผม
“งั้นทำคนเดียวเลยป่ะ” ผมทำท่าจะลุกหนี แต่มันคว้าตัวผมไว้
“ทำไมมึงชอบหนีกูจริงว่ะ เกลียดกูขนาดนั้นเลยเหรอ” มันถาม ผมเองก็อยากจะตอบว่ามันคิดถูกแล้ว
“ก็มึงชอบแก้ลงกู ด่ากู กวนตีนกู ใครเค้าอยากจะอยู่ด้วยเล่า” ผมตะคอกมันกลับไป
“งั้นถ้ากูบอกว่า กูจะไม่แกล้งมึง ด่ามึง กวนตีนมึง มึงยังจะหนีกูไปอีกหรือเปล่า” มันถาม
ผมรู้สึกแปลกใจ และไม่เชื่อว่ามันจะทำได้
“กูแถมให้อีก เราจะเลิกพูดคำหยาบ จะพูดเพราะๆกับนาย” มันทำหน้าจริงจัง
“เออ....” ผมอึ้งไป ทำไมมันต้องเปลี่ยนแปลงอะไรขนาดนี้ด้วย 
“ตอนนี้เราไม่หนีก็ได้ แต่ถ้านายกลับมาเป็นเหมือนเดิม เราก็คง....” ผมค้างไว้ ไม่รู้ว่าจะตอบอะไร
“โอเค ถ้าเราทำไม่ดีกับนาย เราจะเป็นคนไปเอง” มันพูดแบบนี้ผมรู้สึกหวั่นๆกับคำพูดแบบนั้นของมัน
“รีบลงสีเถอะ ยังมีอีกตั้งหลายป้าย” ผมรีบเปลี่ยนเรื่อง
“ลงสีฟ้าซิ ไปจุ่มสีเขียวทำไม” โจเตือนผม ผมเริ่มทำอะไรผิดๆถูกๆ
“เออๆ ลงๆไปเถอะ” ผมพูดแก้เก้อ
“ทำไมจับพู่กันแบบนี้ มาเดี๋ยวสอนให้” ว่าแล้วมันก็จับมือผมซะงั้น
แล้วก็ค่อยๆเขียน รอ เรือ ไม้หันอากาศ กอไก่
“เฮ้ย” ผมอุทานเสียงดัง
“อะไรของนาย” มันถามผม
ผมหันไปมองที่ป้าย
“รัก ในหลวง ห่วงลูกหลานช่วยกันต้านยาเสพติด”
ที่แท้ก็คำขวัญ ผมถอนหายใจ
แต่มันก็ยังจับมือผมไม่ปล่อย ยังคงเขียนตัวต่อไป ชอช้าง อออ่าง บอใบไม้
“เฮ้ย” ผมอุทานอีกแล้ว
“อะไรอีกเล่า” มันคงตกใจ
ผมหันไปดูที่ป้าย
“ชอบคนเล่นกีฬามากๆค่ะ” เป็นคำพูดของตัวการ์ตูนที่อยู่ในป้าย
“เราเขียนเองได้ไม่ต้องสอนหรอก” ผมรีบบอกปัดมันก่อน
มันก็ค่อยๆปล่อยมือผม
เราสองคนนั่งเขียนป้ายจะเกือบจะเที่ยงคืน
พี่หมีก็เดินมาหาผม “น้องโจ้กลับเถอะ เดี่ยวพรุ่งนี้ตื่นแต่เช้าไม่ใช่เหรอครับ”
ผมพยักหน้า แล้วก็ลุกขึ้น
ผมสังเกตเห็นสายตาพิฆาต ของพี่หมี กับโจ
แล้วพี่หมีก็เอามือมาโอบผมพร้อมพาผมเดินออกจากโรงยิมไป ผมตกใจที่พี่หมีแสดงท่าทีแบบนี้ เพราะปกติพี่หมีแทบจะไม่แตะผมเลย
แต่ผมก็ยังแอบหันไปดูโจที่มองผมเดินไปกับพี่หมี
สายตาที่มองผมดูแปลกไปจริงๆ
-----จบคู่ที่1-----

คู่ของโจ้เป็นเรื่องก่อนวันงาน
คู่ของเชียร์เป็นเรื่องในวันงาน
คู่ของปอเป็นเรื่องหลังวันงาน

พอจบตอนกีฬาสี ก็จะเล่าตอนปิดเทอมของแต่ละคู่
ถือเป็นไคลแมกซ์ของภาคนี้ ยังไงก็ติดตามนะครับ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:25/08/08:ภาค2 ม.5ตอนที7 ค
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 25-08-2008 23:03:49
ดูท่าจะรันทดทุกคู่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:25/08/08:ภาค2 ม.5ตอนที7 ค
เริ่มหัวข้อโดย: meawkung02 ที่ 25-08-2008 23:08:32
ค้าบบ...แล้วจะรอติดตามต่อนะค้าบบ...^^
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:25/08/08:ภาค2 ม.5ตอนที7 ค
เริ่มหัวข้อโดย: jobisuka ที่ 26-08-2008 12:15:39
ว๊าว ๆๆๆๆ  :a2: มาต่อแล้ววว
 o13 ขอบคุงนะคร้า
มาต่อไว ๆ น้า ติดตามอยู่จ้า
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:25/08/08:ภาค2 ม.5ตอนที7 ค
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 26-08-2008 13:27:12
รอลุ้นไคลแมกซ์  :oni2:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:25/08/08:ภาค2 ม.5ตอนที7 ค
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 26-08-2008 14:09:47
มาแว้ววววววววววว

ขอบคุณคร้าบบบบ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:01/09/08:ภาค2 ม.5ตอนที7 ค
เริ่มหัวข้อโดย: jojoe ที่ 01-09-2008 22:05:40
คู่ที่ 2
ในวันงานกีฬาสี ก่อนที่จะผมเริ่มเดินขวบนเข้าสู่สนาม เราต้องจัดแถวกันตรงหน้าตึกเรียน แล้วค่อยๆเดินลงสู่สนาม ผมคือคนที่ยืนอยู่หน้าสุดของแถว
และแน่นอนทุกคนพุ่งความสนใจมาที่ผมโดยเฉพาะบรรดาน้องม.4 ที่ยืนมองผมอยู่ห่างๆ(เพราะตอนตั้งขบวนห้ามใครที่ไม่ได้เดินพาเหรดเข้ามายุ่งในขบวนนั้น)
รู้สึกว่าแสงแฟลชมีอยู่ตลอด แต่ตอนนั้นผมทำได้แต่ตัวตรง และนิ่ง ต้องทำระเบียบแถวก่อนเดินเข้าสู่สนาม
เวลาเดินขบวนผ่านไปอย่างรวดเร็ว แม้อากาศจะร้องเพียงใด แต่ผมก็ทนได้ และทำหน้าที่ของผมได้อย่างดี
เมื่อเสร็จสิ้นภาระหน้าที่ของผมแล้ว ผมก็ตัดสินใจจะไปเปลี่ยนชุด เพราะถ้าให้แต่งชุดดรัมเมอยร์เดินทั้งวันกรูคงร้อนในตายแน่ๆ
แต่แล้วก็มีผู้คนมาจากไหนก็ไม่รู้มาขอถ่ายรูปกันให้จ้าละหวั่น
ทั้งเพื่อนในห้อง พี่ๆในชมรม  น้องๆแฟนคลับ(อันนี้ล้อเล่นผมตั้งขึ้นมาขำๆเอง)
เกือบจะชั่วโมงที่ถ่ายรูปเสร็จ
แต่ แต่ ต้องมาถ่ายกับไอ้โจ้ ปอ บิ๊ก พี่เต๋า พี่หมี มีอาจารย์อีกสองสามท่าน
เบื่อจริง ที่ต้องมาเป็นคนดังในวันนี้
แต่ผมลืมไปหนึ่งคนที่ยังไม่ได้ถ่าย นั้นคือ พี่หมิง
พอหลังจากวันที่ไปร้องคาราโอเกะวันนั้น พี่หมิงก็เริ่มมีท่าทีรู้สึกแปลกไป ไม่ค่อยมาให้ผมเห็นสักเท่าไหร่
อาจจะเป็นเพราะผมเองก็เอาเวลาไปซ้อมดรัมเมเยอร์กับวงดุริยางค์ของโรงเรียน
เลยไม่ค่อยมีเวลาจะจเอทั้งพี่เต๋าและพี่หมิง
ผมเองก็ทึกทักว่าพี่เค้าคงไม่อยากเจอผมอยู่กับพี่เต๋ามั้ง
ทำไมน่าต้องมีเหตุการณ์แบบนี้ด้วย ผมเองก็ทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าพี่หมิงคิดอะไรอยู่ และผมเองก็ไม่กล้าที่จะพูดกับพี่เค้าตรงๆ
พอเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จผมก็ไปนั่งดูกีฬากับไอ้โจ้ แต่ก็ไม่ค่อยได้ดูหรอก เราสองคนก็นั่งสนทนากัน
“อืมม กูมีเรื่องจะถามอ่ะ” ผมหันไปถามเพื่อน
“ว่ามา” โจ้พูดแต่ตายังมองคนเล่นกีฬา
“คือ ถ้ามีคนมาแอบชอบเรา แล้วเรา...แบบ...เออ... ไม่ได้ชอบเค้า แต่เราก็ไม่อยากพูดตรงๆกลัวมองหน้ากันไม่ติด เราจะทำยังอ่ะ” ผมทำมัน โจ้หันหน้ามามองทันที
“มึงหมายถึงใคร ใครชอบมึง” เพื่อนกูนี้อยากรู้จริงๆเลย
“เออ ขอยังไม่บอกตอนนี้ได้ป่ะ” ผมไม่ค่อยอยากบอกเท่าไหร่ เพราะตอนนี้ผมไม่ได้มั่นใจร้อยเปอร์เซนต์สักเท่าไหรว่าพี่เค้าชอบผม
“อืมม ถ้ามึงไม่ชอบกูว่าก็ต้องบอกเค้าตรงๆ ถึงแม้เขาจะรับได้ ไม่ได้ ยังไง ถ้าเขาชอบมึงจริงๆเขาก็ต้องยอมรับความรู้สึกของมึง แต่ถ้ารับไม่ได้ เขาก็อาจจะไม่ได้ชอบมันจริงๆก็ได้”
ผมฟังอย่างนี้ก็ถอนหายใจ ผมเองก็นับถือพี่หมิงเป็นพี่ชายคนหนึ่งของผม แต่ถ้าเขาเกิดรับความรู้สึกของผมไม่ได้ ผมเองก็เสียดายที่ต้องเสียพี่ชายที่ดีอกีหนึ่งคนไป
“เออ ตอนบ่ายไปดูพี่หมิงแข่งแบดมินตันดีกว่า” โจ้หันมาชวนผม ผมดันสะดุ้งตกใจที่ได้ยินชื่อนี้
“แล้วพี่เต๋าอ่ะ ชวนไปดูด้วยกันดิ” โจ้เริ่มคะยั้นคะยอ ผมก็เลยไปเลยตามเลย
ผมกับโจ้เดินมาหาพี่เต๋าที่ศาลาข้างสแตนด์เชียร์ของสีเขียวที่พี่เค้าเตรียมของอยู่
“พี่เต๋าตอนบ่ายไปดูแข่งแบดป่าวอ่ะ” ผมชวน ในใจนึกภาพพี่เต๋ากับผมยืนเชียรืพี่หมิง พี่หมิงเห็นภาพนี้จะเล่นออกไหมเนี้ย
“พี่ว่า พี่คงไปไม่ได้” พี่เต๋าตอบแบบนี้หน้าตาเฉย
“ทำไมอ่ะ เพื่อนสนิทพี่นะ”
“เออ พี่มีงานต้องทำ วันนี้วุ่นๆ เชียร์ก็น่าจะรู้นี้” ว่าแล้วพี่เต๋าก็รีบทำเป็นจัดข้าวของ ดูแปลกๆแหะ ปกติพูดถึงพี่หมิงทีไรต้องกระตือรื้อร้นทุกที แต่เดี๋ยวนี้หลังจากวันไปคาราโอเกะ ผมก็เริ่มสงสัยว่าสองคนนี้ทะเลาะกันหรือเปล่า เพราะเจอกันไม่ค่อยบ่อยเหมือนเมื่อก่อน อย่าบอกนะว่าทะเลาะกันเรื่องของผม เฮ้อ....เราทำเพื่อนเค้าทะเลาะกันหรือเนี้ย
“เราไปกันสองคนก็ได้เชียร์” โจ้เลยชวนผมไปที่สนามแบด เพราะยังไงพี่เต๋าก็ไม่ไปท่าเดียว
พอเราเดินมาที่สนามแบด โจ้ก็ถามทันที “พี่เต๋ากับพี่หมิงเค้าทะเลาะกันเหรอ”
ผมไม่รู้จะตอบเพื่อนยังไง ปากก็คันหยิกๆอยากจะเล่าเรื่องใจจะขาด แต่มันยังไม่มั่นใจ เขาอาจจะทะเลาะกันเรื่องอื่นก็ได้
พอไปถึงสนามแข่ง คนมาดูเยอะพอสมควร แต่เราสองคนรู้สึกจะเด่นมาก เพราะมันเป็นการแข่งระหว่างสีเหลืองกับสีแดง แต่เราสองคนอยู่สีฟ้า
พี่หมิงนี้เป็นตัวเต็งอยู่แล้วจึงสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ไปได้อย่างรวดเร็ว
“เก่งจังเนอะ” โจ้พูดกรอกใส่หูผม ที่จริงมันคงไม่ได้คิดอะไรหรอก แต่กลายเป็นว่าผมเริ่มจะคิดซะแล้ว
“กูว่า กูจะไปหาพี่เขาหน่อย มึงรออยู่ตรงนี้แป๊บนะ” แล้วผมก็แยกตัวจากโจ้ เดินไปหาพี่หมิงที่มีคนล้อมหน้าล้อมหลัง
ผมไม่รู้จะแทรกเข้าไปยังไง เลยกระโดดเหย่งๆให้พี่เขาเห็น
ได้ผลครับพี่เขาเห็นจริงๆ พี่หมิงเลยแหวกผู้คนมาหาผม “มีอะไรเหรอเชียร์” พี่หมิงถามผม น้ำเสียงราบเรียบต่างจากแต่ก่อนที่คุยกับผม
“เออ คือ ดีใจด้วยนะครับ” ผมพูดพร้อมยิ้มให้พี่เขา
“แค่นี้เหรอ” พี่เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา ผมอึ้งไปเลย
“เออ พี่เต๋าเค้ามาไม่ได้ เชียร์เลยมาแทน” ผมไม่รู้จะพูดอะไรเลยเอาชื่อพี่เต๋ามาอ้าง
“อย่าโกหกเลย พี่รู้มันไม่อยากมาหรอก มันอ้างว่างานยุ่งอยู่ที่สีของมันใช่มั้ยหล่ะ”
เวร!พี่เค้ารู้ทันอีก ท่าทางสองคนนี้เค้าจะทะเลาะกันจริงๆ
“คือผมขอถามตรงๆได้ไหม” ผมเริ่มทนไม่ไหว
“พี่กับพี่เต๋าทะเลาะกันใช่ไหม” ผมถามไปจนได้
พี่หมิงถอนหายใจ “ไอ้เต๋ายังไม่เล่าใช่ไหม”
ผมส่ายหัว พร้อมถามพี่หมิงอีก “แล้วพี่สองคนทะเลาะกันเรื่องอะไร”
พี่หมิงถอนหายใจ ผมรู้สึกว่าพี่เค้าตัวสั่น
“พี่ขอโทษแล้วกัน มันเป็นเรื่องของพี่กับไอ้เต๋า พี่ไม่ขอเล่าแล้วกัน” พี่หมิงตอบแบบนี้ยิ่งทำให้ผมอยากรุ้
“พี่เล่ามาเถอะครับ เผื่อผมพอจะช่วยได้”
“พี่กับไอ้เต๋าจะเป็นคนจัดการเรื่องนี้เอง เชียร์ไม่ต้องห่วงหรอก ยังไง เราก็ต้องแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น ไม่ปล่อยให้มันทำร้ายเราสองคนหรอก” พี่หมิงพูดแบบนี้ ผมเองก็ไม่รู้จะตะล่อมถามต่อไปทำไม เค้าคงอยากจัดการปัญหาเองกันสองคน
“พี่ขอตัวก่อนนะ พี่ต้องไปรับเหรียญแล้ว” แล้วพี่หมิงก็เดินออกไป
โจ้ก็รีบเดินมาหาผม
“กูรู้มึงคงอยากจะมีเรื่องเล่าให้กูฟังใช่มั้ย” โจ้ถามผม เพราะเห็นสีหน้าผมมันก็คงรู้
“เรื่อง เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดแน่เลย” ไอ้โจ้สันนิษฐาน ทำไมมันเก่งอย่างนี้
ผมซิได้แต่ถอนหายใจ เราไม่น่าเป็นตัวปัญหาเลย
-----จบคู่ที่2-----

สองคู่ผ่านไปแล้ว เหลือคู่สุดท้าย จะรีบมาโพสต์ให้นะครับ
ยังรอคำติชมจากเพื่อนๆเสมอนะครับ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:01/09/08:ภาค2 ม.5ตอนที7 ค
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 01-09-2008 22:35:06
 :m12:
งานนี้เชียร์เข้าใจผิดป่าวววว มันทะแม่ง ๆ
เหมือนพี่เต๋ากับพี่หมิงจะกิ๊กกันเองมากกว่า
 :laugh:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:01/09/08:ภาค2 ม.5ตอนที7 ค
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 01-09-2008 23:35:02
:m12:
งานนี้เชียร์เข้าใจผิดป่าวววว มันทะแม่ง ๆ
เหมือนพี่เต๋ากับพี่หมิงจะกิ๊กกันเองมากกว่า
 :laugh:

555 เป็นงั้นไป ไม่หรอม้าง
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:01/09/08:ภาค2 ม.5ตอนที7 ค
เริ่มหัวข้อโดย: meawkung02 ที่ 02-09-2008 09:11:30
เหอๆ..."เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด"...อิอิ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:01/09/08:ภาค2 ม.5ตอนที7 ค
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 02-09-2008 09:26:37
ทำไปทำมาถ้าหมิงกับเต๋ารักกันเองล่ะ.............................ฮึ ฮึ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:01/09/08:ภาค2 ม.5ตอนที7 ค
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 02-09-2008 09:54:39
ขอให้เป็นเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดละกันจะดีกว่า  :m23:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:01/09/08:ภาค2 ม.5ตอนที7 ค
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 02-09-2008 10:21:15
ทำไปทำมาถ้าหมิงกับเต๋ารักกันเองล่ะ.............................ฮึ ฮึ

เชียร์ก็นกสิจ๊ะหนู

เอิ๊กๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:05/09/08:ภาค2 ม.5ตอนที7 ค
เริ่มหัวข้อโดย: jojoe ที่ 05-09-2008 21:04:36
คู่ที่ 3
งานแข่งขันกีฬาสีจบลง ทุกคนต่างสุนกสนาน และประทับใจกับงานในวันนี้
แม้ผมเองจะไม่ได้ทำอะไรมากมาย แค่เล่นดนตรี ตอนพิธีเปิดเท่านั้น
และก็คลุกอยู่กับบิ๊กทั้งวัน ไม่ได้ไปไหนห่างกันเลย ผมไปเชียร์กีฬาที่ไหน ต้องมีบิ๊กไปด้วยที่นั้น
จำได้ว่าตอนเที่ยง โจ้กับเชียร์จะมาชวนผมไปดูแข่งกีฬาแบดมันตัน
แต่บิ๊กทำท่าเหมือนไม่อยากไป พร้อมบอกกับผมว่า“เราอยากไปดูแข่งบาสมากกว่า” ผมก็ต้องตามใจแฟนผม
พอเสร็จสิ้นกีฬาสี ก็เกือบจะดึกแล้ว ประมาณทุ่มหนึ่ง ผมเองก็จะพาบิ๊กไปกินข้าวกับเพื่อนๆผม
แต่บิ๊กยังไม่อยากไป ชวนให้ผมเดินเล่นสักพักก่อน
“เราหิวข้าวแล้ว ไปหม่ำข้าวเถอะ เดี๋ยวโจ้กับเชียร์รอ” ผมเริ่มถ้วง
“แป๊บนึง ขอเล่นบาสแป๊บ”
“จะเล่นทำไม สนามบาสอยู่ตั้งไกล” ผมเริ่มโวยวาย จะเดินมาถึงโรงอาหารอยู่แล้ว ยังจะเดินกลับไปเล่นบาสอีก
“เล่นตรงนี้ก็ได้” บิ๊กพูดกวนๆ ผมงง ลูกบาสก็ไม่มีจะเล่นได้ไง
“นายเอาลูกโยนลงห่วงดิ” บิ๊กพูดกับผม ผมยิ่งงง
“แล้วจะเอาลูกจากไหน” ผมเกาหัว
“ก็หัวใจนายไง โยนมาลงห่วงดิ” บิ๊กยิ้มน่าระรื่น
“ห่วงอะไรของนาย” ผมว่าแล้ว แฟนดันอยากเล่นมุข
“ก็ห่วงใยนายเสมอไง” แค่นั้นแหละ ผมทั้งหัวเราะ ทั้งอายกับมุขของแฟนผม
ท่าทางวันนี้อากาศร้อน จนแฟนผมเป็นเอามาก
“ทุเรศ อุตส่าห์คิดมาทั้งวัน ยังมาขำอีก เดี๋ยวเตะเลย” บิ๊กเริ่มงอน
“งั้นให้เตะ แต่ให้เตะที่หัวใจนะ แล้วรับดีดีละ อย่าให้พลาดเข้าประตู” ผมเริ่มมุขกลับ
“ประตูที่ว่า ประตูหลังหรือเปล่า” บิ๊กย้อน
“พูดอย่างนี้เดียวก็ปล้ำซะเลย” ผมพูดพร้อมเข้าไปกอด
“เฮ้ยๆ รู้ว่ารักกันมาก ไม่ต้องแสดงให้เค้ารู้หรอก” เชียร์กับโจ้เดินมาพอดี เชียร์มันคงอดแซวไม่ได้
“ปล่อยเค้าไปเหอะ เดี๋ยวปีหน้าเพื่อนเราคงนั่งบ่นคิดถึงแฟนทุกวันแน่ๆ” โจ้ก็แซวอีก เป็นครั้งแรกนะที่มันแซวผม
“แล้วคืนนี้จะไปนอนด้วยกันไหม” เชียร์ถามขึ้นมาซะงั้น
ผมกับบิ๊กหน้าแดงทันที
“ทำไมต้องเขินด้วย ปกติก็นอนด้วยกันแทบทุกวัน ยังจะมาเขินอีก” เชียร์มันแซวหรือมันด่าก็ไม่รู้
“ไม่ดีกว่า เราอยู่กับปอมาทั้งวันแล้ว” อ้าว บิ๊กพูดปฏิเสธซะงั้น ผมอยากไปนอนด้วยอ่ะ
“เฮ้ย บิ๊กแกพูดแบบนี้ ดูดิ เพื่อนเราหน้าบูดเป็นตูดหมาเลย” แล้วมันก็หัวเราะชอบใจกันใหญ่
“เดี๋ยวพรุ่งนี้จะไปติวหนังสือกันที่ห้องสมุดไม่ใช่เหรอ ยังไงก็เจอกันพรุ่งนี้อยู่แล้ว” บิ๊กพูดปลอบผม
“ได้ ได้ งั้นไปกินข้าวเถอะหิวแล้ว” ผมรีบตัดบท เพราะหิวจริงๆ
เราทั้งสี่คนก็ไปกินข้าวที่โรงอาหาร
******************************************************************************************************************************
เช้าวันรุ่งขึ้น ผมไปหาบิ๊กที่ห้องตามที่นัดไว้ว่าจะไปติวหนังสือกัน แต่เพื่อนๆที่ห้องบอกว่าบิ๊กออกไปนานแล้ว
ผมงง ไหนตอนแรกบอกว่าจะไปด้วยกันไง ดันไปก่อนซะนี้
ผมเลยรีบไปห้องสมุดทันที พอไปถึงก็เดินตามหาทั่วตึก ก็ไม่เจอสักกะที
ไปแอบที่ไหนเนี้ย ทำไมต้องให้หาด้วย
ผมเลนมานั่งสงบจิตสงบใจแถวที่นั่งตรงริมข้างหน้าต่าง แล้วจะอ่านหนังสือรอไปด้วย
ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง ผมก็ยังไม่เห็นวี่แววสุดที่รัก
ทำไมเหลวไหลอย่างนี้เนี้ย
ผมถอนหายใจ มองออกไปนอกหน้าต่าง
แต่แล้วผมก็เห็น คนสองคนยืนคุยกันอยู่ด้านหลังตึกเรียน ตรงข้ามกับหอสมุด
สักพักสองคนนั้นก็โผเข้ากอดกัน ผมอมยิ้ม ไม่นึกว่าโรงเรียนนี้จะมีคู่เกย์เยอะ
แต่แล้วรอยยิ้มผมก็หายไป เมื่อเห็นสองคนนั้นว่าคือใคร
มาสเตอร์เบิร์ด กับบิ๊ก ผมเห็นมาสเตอร์เบิร์ดกับบิ๊ก กอดกัน!!!!!!!!!!
-----จบคู่ที่3-----

เอาเป็นว่าตอนหน้า ทุกๆอย่างจะเฉลย ทั้งเรื่องของโจ้ เชียร์ ปอ
เตรียมใจ ช็อค (เฮ้ย ล้อเล่น ตกใจกันใหญ่)
รอตอนต่อไปนะคร้าบบบ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:05/09/08:ภาค2 ม.5ตอนที7 ค
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 06-09-2008 01:35:31
เออ....................จะให้ช๊อครอไว้เลยมั้ยคับ  :serius2:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:05/09/08:ภาค2 ม.5ตอนที7 ค
เริ่มหัวข้อโดย: meawkung02 ที่ 06-09-2008 09:11:05
เง้ออ...ปอ น่าสงสารอีกแย้วอ่า...งิงิ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:05/09/08:ภาค2 ม.5ตอนที7 ค
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 06-09-2008 11:47:24
 :a5: :a5: :a5:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:05/09/08:ภาค2 ม.5ตอนที7 ค
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 06-09-2008 15:05:23
เหงม่ะ

ซื้อหวยไม่เคยถูก

สองคนนี้เขาสวมเขาให้น้องปอ

กราซิก กราซิก สงสารน้องปอ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:06/09/08:ภาค2 ม.5ตอนที8 ค
เริ่มหัวข้อโดย: jojoe ที่ 06-09-2008 19:09:06
ตอนที่ 8 ความสัมพันธ์ที่แท้จริงเปิดเผย
คู่ที่ 1
ปิดเทอมสักที หลังจากเหน็ดเหนื่อยทั้งเรื่องการเรียน และกิจกรรมต่างๆมานาน
พวกเราก็มีฉลองกันเล็กน้อย พวกเราในที่นี้คือ แต่ละห้องก็จะมีกินเลี้ยงกัน
แต่เราสามคนกลับยกอาหารออกมากินกันนอกห้อง
โต๊ะ และม้านั่งหินอ่อน ข้างๆสนาม ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตึกเรียนเท่าไหร่
เรื่องปิดเทอมของแต่ละคนก็กลายเป็นหัวข้อสนทนาของพวกเรา
ผมเองก็คงต้องพักอยู่ที่หอพักตอนปิดเทอม อาจจะแวะเข้าไปเยี่ยมซิสเตอร์ที่สถานสงเคาระห์ เผื่อไปช่วยดูแลน้องๆด้วย
“เอ้า มึงไม่ไปไหนกับพี่หมีเหรอ” เชียร์ถาม
“ก็พี่เค้าไม่เห็นนัดนี้ คงงานยุ่งมั้ง” ผมทำหน้าเซ็งๆ
“ตั้งแต่มึงเป็นแฟนกับพี่หมี กูไม่ค่อยเห็นจะสวีทกันเลย” ปอถามอีก
ผมได้แต่ถอนหายใจ ทำไงได้ ก็พี่เค้ายุ่งจริงๆนี้
เชียร์เปลี่ยนเรื่อง ด้วยการแถลงว่ามันจะไปเที่ยวบ้านพี่เต๋า
“นานๆจะไปเที่ยวป่า เขา ลำเนาไพรสักที” มันพูดไปยิ้มไป
“จะไปเอากันนอกสถานที่ว่างั้น” ปอแซว
“ดีออก มีเสียงนกเสียงกา เสียงน้ำตก เสียงลมพัด ได้อารมณ์ดี” มันย้อนกลับ
คู่นี้มันกัดกันจริงๆ
ส่วนไอ้ปอ มันจะไปเที่ยวกลับแม่ที่ฮ่องกง
“ไม่พาแฟนมึงไปด้วยละ แม่ผัวจะได้ลูกจักลูกสะใภ้” เชียร์ปากดีใส่ไอ้ปอ แต่ไอ้ปอกลับไม่เถียง
“เป็นไรอ่ะ ทำไมพักหลังเห็นมึงทำหน้าง๋อยๆตอนอยู่กับบิ๊ก เห็นปกติทำหน้าระรื่น”
“ก็...ไม่มีอะไรหรอก” มันทำตัวแปลกๆ
“มีอาไรก็บอกพวกกูได้นะ เผื่อกูพอจะช่วยได้” ผมถามด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เป้นไรหรอก กรูจัดการเองได้” มันยิ้มให้ เมื่อมันไม่พูดก็ไม่อยากรบเร้ามัน
“เฮ้ยๆ สุดที่รักมึงมาอ่ะ” เชียร์เรียกให้ผมไปดูชายหนุ่มที่กำลังเดินมาหาพวกเรา
พีหมีเดินยิ้มาแต่ไกล ผมเลยลุกไปหาพี่เขา ไม่ค่อยอยากให้สองคนนั้นได้ยินเราคุยกัน
“มีอาไรคับ” ผมถามพร้อมรอยยิ้ม
“คิดถึงเลยมาหาไง” พี่หมีตอบ
“แค่เนี้ยเหรอ” ผมทำท่าเขิน
“ว่าจะชวนโจ้ไปเที่ยวช่วงวปิดเทอม” พี่หมีพูดออกมา ผมอยากจะตะโกนใส่พวกมัน ว่าเห็นมั้ย กูก็ไม่ได้นั่งหงอยอยู่คนเดียว
“เที่ยวไหนบ้างอ่ะคับ” ผมถาม
“อืมม บอกไปเที่ยวไม่ได้ซิ ปิดเทอม โจ้ไปพักที่คอนโดพี่มั้ย” พี่หมีพูดออกมา ผมช็อคเล็กน้อย
“ให้ไปพักที่บ้านคงไม่สะดวก ไปคอนโดพี่พีกว่า มันเป็นส่วนตัวดี” พี่หมีอธิบาย
ผมก็ยังยืนอึ้งอยู่
“คงเป็นประมาณอีกสองอาทิตย์หน้านะครับ ขอพี่เคลียร์งานให้เรียนร้อยก่อน” พี่หมีพูดไม่หยุด ไม่ได้ดูเลยว่าผมยังยืนอึ้งอยู่
“ว่าไงครับโจ้ โอเคมั้ย” พี่หมีถามผม
“ครับ” ผมตอบเร็วกว่าความคิดผมซะอีก
******************************************************************************************************************************
เวลา 2 อาทิตย์ช่างยาวนานเหลือเกิน กว่ามันจะผ่านไปทำไมมันนานจัง
อาทิตย์แรกผมช่วยอาจารย์เกี่ยวกับการตรวจข้อสอบ ก็ทำให้เจอหน้าพี่หมีบ้าง แต่ก็แค่เจอ และคุยอะไรกันเล็กน้อยเท่านั้น
อาทิตย์ที่สองผมขออณุญาตท่านอธิการ ขอลากลับไปสถานสงเคราะห์ เพื่อไปเยี่ยมซิสเตอร์และน้องๆด้วย
และก็มาถึงวันที่ผมรอคอย พี่หมีมารับผมแต่เช้า
“ไม่เห็นต้องแบกอาไรมาเยอะเลย เสื้อผ้า ข้าวของเครื่องใช้ที่บ้านพี่ก็มี มาแต่ตัวก็พอ” พี่หมีพูดพร้อมรับกระเป๋าของผมไปเก็บไว้หลังรถ
“พี่หมีให้ผมไปอยู่ตั้งอาทิตย์หนึ่ง ผมว่าผมเตรียมของเอาไปดีกว่า ไม่อยากรบกวนพี่มากอ่ะ” ผมหันไปยิ้มให้พี่หมี
“โจ้ครับ โจ้แน่ใจนะว่าเอาของมาครบแล้ว” พี่หมีหันมาถามผม
“ก็เอามาครบแล้วนี้ครับ” ผมทำหน้างง
“แล้วหัวใจเอามาหรือยังครับ ถ้าเอามาแล้วฝากพี่ไว้ก็ได้นะครับ” พี่หมียิ่งมุข ผมทั้งเขินทั้งขำ
“เล่นสุขแบบนี้เป็นด้วยเหรอครับ”
“ทำไมล่ะ พี่ก็อยากคุยในฐานะที่เราเป็นแฟนกัน เกือบทั้งเทอมพี่ไม่ได้อยู่แบบส่วนตัวอย่างนี้กับโจ้เลย” สักพักพี่หมีก็เข้ามากอดผม ผมอึ้งไปชั่วขณะ
“พี่ขอโทษนะ ที่ไม่ได้ดูแลโจ้เลย ไม่ได้ทำตัวเป็นแฟนที่ดี แต่พี่สัญญานะว่า สี่ ห้า วันนี้พี่จะดูแลโจ้อย่างดีเลย โจ้อยากทำอะไร โจ้อยากได้อะไร โจ้จะไปไหน พี่จะทำให้ทุกอย่างเลย”
ผมยิ้มดีใจ ไม่เคยมีใครทำอะไรให้ผมขนาดนี้มาก่อน
“ผมไม่ต้องการอะไรหรอกครับ แค่พี่ทำทุกอย่างด้วยความเต็มใจ และรักผมอย่างที่พี่พูดก็พอ”
ผมพูดแค่นั้นแหละ พี่หมีก็เข้ามาจุ๊บที่ปากผม
กลายเป็นว่า ผมตัวแข็งไปเลย จูบแรกของผมนะนั้น
ตอนนั้นผมคิดว่า นั้นคือความสุขที่ผมตามหามาทั้งชีวิต
******************************************************************************************************************************
ความสุขผ่านไปอย่างรวดเร็ว พี่หมีไม่ค่อยพาผมไปไหน เพราะผมเองก็ไม่ค่อยอยากไปไหนเท่าไร อยากอยู่ด้วยกันกับพี่หมีมากกว่า เพราะที่คอนโดของพี่มีก็มีทุอย่างอยู่แล้ว ส่วนมากจะนั่งดูหนังกันมากกว่า
ส่วนกลางคืน หลายคนคงคิดว่า ต้องมีอะไรกันแน่ แต่เปล่าครับ ผมบอกพี่หมีตั้งแต่แรกแล้วว่า ผมยังไม่พร้อมในเรื่องแบบนั้น ที่ไม่พร้อมคือ ผมอายทำอะไรไม่เป็นซะอย่างขายหน้าเค้า
“วันนี้ไปธุระเป็นเพื่อนพี่หน่อยนะ” พี่หมีเอ่ยขึ้น ขณะดูหนังช่องHBO
“อ๋อครับ ได้ซิครับ” ผมหันไปยิ้มให้พี่หมี
แล้วตอนเย็นของวันนั้นพี่ก็พาผมมาที่คอนโดใกล้ๆกับคอนโดของพี่หมี
พี่หมีพาเข้าไปในห้องของเพื่อนพี่เค้า ผมไม่เคยเห็นคนพวกนี้เลย คงไม่ใช่เพื่อนที่โรงเรียนมั้ง
ท่าทางคงมีปาร์ตี้กัน เพราะเห็นทั้งอาหาร และขวดเหล้า
“กินเหล้าแบบนี้ไม่ผิดเหรอครับ อายุเรายังไม่ถึงเลยนะ” ผมกระซิบถาม
พี่หมีไม่ตอบก็ได้แต่หัวเราะ
“เด็กมึงเหรอว่ะ” เพื่อนพี่หมีคนหนึ่ง เดินเข้ามาทัก พร้อมทำสายตาแปลกๆให้ผม
“เฮ้ย! กูแค่แวะมา เออเดี๋ยวขอยืมห้องแป๊บนะ” พี่หมีพูดกับเพื่อนคนนั้น
“ผมชื่อ ตาล นะ นายชื่อไรคับ” เพื่อนคนนั้นถามผม
“โจ้ครับ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ” ผมตอบ
“เอ๊ะ ! แต่กูได้ยินมาว่า เด็กแก ชื่อ เจไม่ใช่เหรอ” เพื่อนพี่หมีพูดแปลกๆ
“มึงเมาแล้ว กูพาน้องเค้าไปรอที่ห้องแป๊บนะ” พี่หมีก็พาผมไปให้ห่างจากเพื่อนของเค้า
ผมหันไปมองผู้คนรอบๆห้องนั้น ทุกต่างที่แก้วเหล้าในมือ และก็ดูเหมือนคนไม่ค่อยมีสติ บ้างก็กินเหล้า บ้องก็กอดกัน
พอเข้าไปในห้อง พี่หมีก็พูดกับผม
“พี่ไม่ค่อยสนิทกับพวกนี้เท่าไร พอดีพ่อพี่กับพ่อมันเป็นเพื่อนกัน “ ผมก็เชื่อพี่หมี เพราะพี่หมีเป็นถึงประธานนักเรียน ไม่น่าจะคบกับคนพวกนี้ได้
“เดี๋ยวพี่ไปเอาของแป๊บนึงนะ พอดีพ่อพี่ฝากให้มาเอาของกับมัน รอในห้องนะ” แล้วพี่หมีก็เดินออกไป
ผมนั่งรอในห้องอยู่นานเหมือนกัน เกือบๆ20นาที รู้สึกง่วงๆเลยเผลอหลับบนโซฟาในห้องนั้น
ผมมารู้สึกตัวอีกที ก็เหมือนมีคนมาปลุก คงเป็นพี่หมีมั้ง ผมเลยรีบกระเด้งตัวลุกขึ้นนั่ง
แต่คนที่มาปลุกผมกลับเป็นตำรวจประมาณ 3 นาย
“กะ กะ เกิดอะไรขึ้นหรือครับ”  ผมตกใจ
คุณตำรวจไม่พูดอะไร จับผมหันหลังรวบแขนทั้งสองข้าง และใส่กุญแจมือ
“ไอ้หนู ถ้าพ่อแม่รู้ว่าแกมารวมกลุ่มเสพยา เค้าจะเสียใจมากรู้มั้ย”
เกิดอะไรขึ้นกับผม!!!!!!!!!!
------ จบคู่ที่ 1 -----

ช็อคไปแล้วกับคู่แรก เตรียมช็อตกับคู่ที่ 2 และคู่ที่ 3 เร็วๆนี้ครับ
 :serius2:
 :o12:
 :a5:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:06/09/08:ภาค2 ม.5ตอนที8 ค
เริ่มหัวข้อโดย: snowblack ที่ 07-09-2008 01:07:05
รอคู่ต่อไปนะครับ  :a5:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:06/09/08:ภาค2 ม.5ตอนที8 ค
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 07-09-2008 10:17:07
อ้าววววววววววววววววววววววววววววววว ไอ้พี่หมี
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:06/09/08:ภาค2 ม.5ตอนที8 ค
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 07-09-2008 11:44:56
 :a5: จะเป็นไงต่อนะ

แค่ซวยที่มาตอนพวกนั้นเล่นยา

หรือพี่หมีก็เล่นยาด้วยนี่สิเฮ้อ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:06/09/08:ภาค2 ม.5ตอนที8 ค
เริ่มหัวข้อโดย: iamhappywood ที่ 07-09-2008 22:44:57
เอาใจช่วยโจดีกว่า อิอิ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:06/09/08:ภาค2 ม.5ตอนที8 ค
เริ่มหัวข้อโดย: meawkung02 ที่ 07-09-2008 23:12:10
ไหงกลายเปงปารตี้มั่วยา ไปได้ล่ะเนี้ย...???
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:06/09/08:ภาค2 ม.5ตอนที8 ค
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 08-09-2008 09:07:05
กรี้ดดดด เกิดอะไรขึ้น
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:09/09/08:ภาค2 ม.5ตอนที8 ค
เริ่มหัวข้อโดย: jojoe ที่ 08-09-2008 21:43:18
คู่ที่ 2
เป็นครั้งแรกที่ผมนั่งรถทัวร์ไปต่างจังหวัด ต้องโกหกพ่อว่าไปกับทางโรงเรียน ถ้าพ่อรู้ว่าแบกเป้ลุยป่าไปคนเดียว(เอ๊ะ! ไปกับพี่เต๋านะครับไม่ใช้ไปคนเดียว) พ่อคงไม่มีทางให้ผมไปแน่
ผมมองไปข้างทางตลอด ดูต้นไม้แปลกๆที่ผมไม่เคยเห็น ทุ่งนาก็ไม่เคยเห็น ผู้เขาเอยหุบเขาเอย สร้างความสนใจให้กับเด็กเมืองกรุงอย่างผม
จนผมไม่ได้สนใจผู้ชายที่นั่งข้างๆผมเลย
“พี่เต๋ารู้ป่าว เชียร์ดีใจมากเลยนะ ที่ได้มาเที่ยวแบบนี้” ผมเริ่มชวนพี่เต๋าคุย แต่สายตายังคงมองออกไปข้างนอก
“เหรอ” พี่เต๋าตอบผม
“ได้มาอยู่กับธรรมชาติแบบนี้ รู้สึกดีเป็นบ้าเลย” ผมทำเสียงดีใจสุดขีด
“อืมม” พี่เต๋าตอบแค่นั้น
“อีกอย่าง เหมือนมาฮันนีมูนเลยเนอะ” อันนี้ผมปล่อยมุขดูดิพี่เต๋าจะเล่นกลับว่าอะไร
“เหอะ เหอะ” พี่เต๋าได้แต่หัวเราะ แต่รู้สึกเหมือนไม่ได้อยากหัวเราะยังไงก็ไม่รู้
“เป็นอะไรเนี้ย” ผมชักสงสัยกับท่าทีของพี่เต๋า
“ป่าว” ตอบแล้วทำหน้าตาเฉย เห็นอยู่ชัดว่าต้องมีอะไร แต่ก่อนจะแซวจะพูดกันตลอด ไม่ก็จะมาอ้อนนู้นอ้อนนี้ ตั้งแต่ขึ้นรถมา ยังไม่แตะเนื้อต้องตัวกันเลย
“คิดว่าโกหกคนอย่างเชียร์ได้เหรอ” ผมเริ่มโวยวาย
พี่เต๋าถอนหายใจ “เชียร์ต้องการอะไร” น้ำเสียงเหมือนหมดอาไรตายอยาก
“เดี๋ยวนี้ทำไมพี่เป็นแบบนี้ ทำอย่างกับเชียร์ไม่ใช่แฟน” ผมพยายามเบาเสียง ไม่อยากเสียงดังบนรถทัวร์ อายเค้า
“เชียร์คิดไปเองหรือเปล่า พี่ก็ไม่ได้เปลี่ยนไปนี้” พี่เต๋าเถียง
“นี้แหละ ที่เปลี่ยนไป ปกติพี่ไม่มาเถียงเชียร์ ฉอดๆ อย่างนี้หรอก” ผมโมโหจริงๆ
“พี่ไม่ใช่นักบุญนะ พี่ก็มีความอดทน” พี่เต๋ายังเถียงแต่ไม่มองผม
“ตกลงเต็มใจให้เชียร์มาหรือเปล่า ถ้าไม่เต็มใจ เชียร์จะลงตรงนี้” ผมโมโหถึงขีดสุด ทำท่าจะเดินไปหยิบกระเป๋า  แต่พี่เต๋าก็ยังจับตัวผมไว้
“อย่าทำเป็นเรื่องใหญ่เลยได้ไหม” พี่เต๋าทำเสียงอ้อนวอน
“การที่พี่ไม่แคร์ความรู้สึกของเชียร์ เชียร์ถือว่าเรื่องใหญ่” ผมพยายามดิ้น
“พี่ขอโทษก็ได้ ขอร้องล่ะ นั่งอยู่เฉยๆได้ไหม” พี่เต๋าพยายามอีกครั้ง
ผมหยุดดิ้น ผมพยามยามสงบสติอารมณ์ กลายเป็นว่า จะมาอย่างมีความสุขสักหน่อย ต้องมาทะเลาะกันอีก เซ็งโว้ย!
ภาพข้างนอก แม้จะสวยงามเพียงไหน แต่ผมไม่มีอารมณ์สุนทรีย์แบบนั้นอีกแล้ว
ตอนนี้ผมเหมือนรู้สึกว่า คนข้างๆผม เขาไม่ได้สนใจผมเหมือนเมื่อก่อน เขาปิดบังอะไรผมบางอย่าง ผมรู้ว่าถ้าคาดคั้นไป เขาก็คงไม่ตอบผม
ความรู้สึกเหล่านั้น ทำให้ผมเครียด ทำให้ผมกลัว กลัวจะผิดหวัง
ผมร้องไห้ออกมาตอนไหนไม่รู้
พี่เต๋าเห็นผม ก็เข้ามาโอบผมไว้
“พี่ขอโทษ อย่าร้องไห้นะครับ พี่เครียดจากเรื่องการสอบ และก็เรื่องงานนิดหน่อย พี่ขอโทษว่าพี่จะไม่ทำให้เชียร์ร้องไห้อีก”
พี่เต๋าพยายามพูดปลอบผม แต่ผมกลับไม่ได้รู้สึกดีขึ้นเลย
การโอบกอดผมของพี่เต๋า ถ้าเป็นคนอื่นเค้าคงรู้สึกดีที่มีแฟนมาง้อ
หากแต่ตอนนี้ ความรู้สึกของผมที่มีให้พี่เต๋า เปลี่ยนไปซะแล้ว!!!!
******************************************************************************************************************************
พี่เต๋ามีบ้านอยู่สองหลัง หลังแรกเป็นบ้านจัดสรรที่อยู่ในตัวเมือง พี่เต๋าแค่แวะไปเอาของและไปหาพ่อแม่กับญาติของเขาเฉยๆ แต่พี่เค้าจะพาผมไปบ้านอีกหลังหนึ่ง ซึ่งเป็นรีสอร์ทอยู่หลังเขา
ผมเริ่มสงบลงแล้ว ความรู้สึกโกรธ หรือ ความสงสัยในตัวพี่เต๋า ก็ลดลงเรื่อยๆ
เมื่อมาถึงรีสอร์ท ผมพยายามจะสนุกกับการผักผ่อนให้เต็มที่ ไม่ควรจะมาเครียดในวันดีดีแบบนี้
พี่เต๋ายังคงดูแลผมอย่างดี พาผมไปเล่นน้ำตก ล่องแก่ง พายเรือคะยัก ฯลฯ และอีกหลายกิจกรรมที่ทำให้ผมลืมเรื่องต่างๆ
“หนุกป่าว” พี่เต๋าเดินเข้ามากอดผม เมื่อเห็นผมยืนตรงระเบียงมองดูดาว
“อืมม ไม่เคยมาเที่ยวแบบนี้เลย รู้สึกเหมือนเป็นผู้ใหญ่เลย” ผมตอบ
“พรุ่งนี้จะพาไปไหนอ่ะ” ผมหันไปถาม
“ไปเดินป่ามั้ง ไม่รู้อ่ะ เดี่ยวดูก่อน” พี่เต๋าตอบ
“ไม่เอาอ่ะ ไม่อยากเดินป่า ขอนอนพักสักวันได้ป่ะ เล่นมาทุกวันมามากพอแล้ว” ผมตอบ
“อืมม ตามใจ” พี่เต๋ายิ้มให้ก่อนจะมาจูบผม
“เออออ.....” พี่เต๋าไม่ได้แค่จูบแต่เริ่มเรื่อยตัวมาไซร้ผม
“ไปทำข้างในได้ไหม เดี๋ยวใครมาเห็น” ผมเริ่มเขิน ไม่รู้จะเขินทำไม ตั้งแต่มาที่นี้ก็ทำกันแทบทุกวัน บางวันก็หลายรอบ
พี่เต๋ายิ้ม แล้วจูงมือพาผมเข้าไปในห้อง
“ในเมื่อพรุ่งนี้เชียร์ไม่ไปเดินป่า งั้นก็ใช้แรงทั้งหมดในคืนนี้ก็แล้วกัน”
ผมหัวเราะปนเขิน ไม่นึกว่าแฟนเราจะหื่นขนาดนี้
******************************************************************************************************************************
ผมตื่นมาก็เกือบเที่ยงแล้ว ไม่นึกว่าจะตื่นสายขนาดนี้
แต่ก็สมควรอยู่หรอก เพราะเล่นกันซะเกือบเช้า ยิ่งนึกก็ยิ่งเขิน
ผมหันไปมองรอบๆห้องก็ไม่เห็นพี่เต๋า สงสัยคงไปเดินป่าแล้วมั้ง
รู้สึกหงุดหงิดยังไงก็ไม่รู้ ไม่อยากอยู่คนเดียวเลย
ผมเดินมาที่เคาน์เตอร์ สอบถามว่าการเดินป่าจะกลับมาถึงเมื่อไหร่ พนักงานบอกว่าคงประมาณเย็นๆเลย
ผมถอนหายใจ พอไม่มีพี่เต๋าอยู่ก็ไม่รู้จะทำอะไรดี
อย่างแรกคงไปหาอะไรใส่ท้องก่อน
ผมไปที่ห้องอาหารของรีสอร์ท ก็รีบจัดการกับกระเพราะตัวเองเพราะว่าหิวมากๆ
ขณะที่เอร็ดอร่อยอยู่นั้น สายตาผมก็มองไปเจอแขกของทางรีสอร์ทคนหนึ่งรู้สึกว่าหน้าคุ้นๆ
แต่ผมมองไม่ค่อยชัด เห็นเขาแบกเป้ เดินไปที่บ้านพักหลังหนึ่งซึ่งติดอยู่กับทางลงไปน้ำตก
แล้วผมก็เลิกสนใจ มาสนใจกับข้าวที่อยู่บนโต๊ะ
หลังจากกินเสร็จก็กลับมาที่พักของตัวเอง นั่งๆนอนๆไปสักพักก็ ง่วงอีกแล้ว เลยหลับไปอีกรอบ
**************************************************
ตื่นมาอีกที มองนาฬิกาก็ปาไปหกโมงเย็นแล้ว ป่านนี้พี่เต๋าน่าจะกลับมาแล้ว
ผมมองไปทั่วห้องก็ไม่เห็นวี่แวว หรือร่องรอยของพี่เต๋าเลย
อะไรกันเนี้ย ยังไม่กลับอีกเหรอ หรือว่ากินข้าวอยู่ที่ห้องอาหาร ผมเลยบึ่งไปที่นั่นทันที
ไม่เจออ่ะ หรือยังมาไม่ถึง ผมเลยไปถามพนักงาน
“อ๋อ กลับมาตั้งแต่สี่โมงแล้วคะ” พนักงานตอบแบบนี้ผมก็อึ้ง เริ่มเป็นห่วงพี่เต๋า
“แต่ผมยังไม่เห็นเขาเลยนี้ครับ” ผมตอบ พร้อมบอกชื่อพี่เต๋า และลักษณะท่าทางให้
“อ๋อ น้องคนนั้น เห็นเดินกลับไปพร้อมเพื่อนแล้วนี้ค่ะ” พนักงานคนนั้นตอบ
ผมอึ้งไปชั่วขณะ เพื่อนที่พนักงานคนนั้นก่อนคือใคร
“เออ คือคนผิดคนแล้วมั้งครับ ผมนั้นแหละคือเพื่อนของเค้า” ผมพยายามถามอีกครั้ง
“ไม่ผิดหรอกค่ะ เห็นเขาเดินกลับไปบ้านหลังนั้นคะ” พนักงานชี้ไปทางบ้านพักหลังที่ติดอยู่กับทางลงไปน้ำตก
ผมขอบคุณพนักงานพร้อมเดินไปที่บ้านหลังนั้น
ใจผมเต้นระรัว ในใจคิดไปต่างๆนาๆ
ขออย่าให้ผมรับรู้หรือเห็นภาพอะไรที่ไม่ควรเห็นเลย
เมื่อผมไปที่บ้านหลังนั้น ตอนแรกผมกำลังจะเคาะประตู แต่ผมว่าไม่เคาะดีกว่า ผมอยากรู้ด้วยตัวผมเอง
ผมจึงตัดสินใจเดินอ้อมไปด้านหลัง แล้วค่อยๆข้ามรั้วตรงระเบียง มาเดินบนคานที่สำหรับวางแอร์ ซึ่งพอเป็นทางเดินไปหน้าต่าด้านข้างได้
ใครมาเห็นผมตอนนี้คงนึกว่าเป็นขโมยแน่ๆ
ผมมองไปที่ประตู มันเป็นห้องนั่งเล่น มีกระเป๋าวางอยู่ มันเป็นกระเป๋าใบเดียวกับของนักท่องเที่ยวที่ผมคุ้นหน้าคนนั้น
เมื่อห้องนั่งเล่นไม่เห็น ผมเลยเดินไปเรื่อยๆ ไปอีกหน้าต่างอีกบานหนึ่ง ซึ่งเป้นหน้าต่างห้องนอน
เมื่อผมไปถึงหระหน้าต่างผมค่อยลอดมองไปดูไปข้างใน
“พี่เต๋า” ผมนึกในใจ เมื่อเห็นพี่เต๋า ยืนคุยอยู่กับใครบางคนซึ่งผมไม่เห็น เพราะเขาอยู่อีกฝั่ง
ผมค่อยๆเอามือแง้มหน้าต่างออก เพื่อให้ได้ยินว่าพี่เต๋าคุยกะใคร
“มึงจะให้กูบอกน้องเค้ายังไง” พี่เต๋าเอ่ยขึ้น
“มึงไม่บอกูบอกเองก็ได้” เสียงอีกคนดังขึ้น ผมว่ามันคุ้นจริงๆนะ
“อย่าเลย ทุกอย่างกูเป็นคนก่อ กูขอเป็นคนบอกเอง” พี่เต๋าทำเสียงอ๋อยๆ เหมือนรู้สึกผิด คนที่สองคนพูดถึง หมายถึงผมใช่มั้ย
“มึงอย่าคิดซิว่าเป็นความผิดมึง” เสียงอีกคนพูดปลอบ พร้อมเอามือมาลูปหัวพี่เต๋า ผมใจหายวูบ
“กูเหมือนเป็นคนเลวเลยว่ะ” พี่เต๋าก้มหน้า ผมเองก็รู้สึกถึงน้ำเสียงของเขา เขาหลอกอะไรผมเหรอ
“เอาน่า กูว่าน้องเค้าคงเข้าใจ” แล้วผู้ชายคนนั้นก็เอามือลูบหน้าพี่เต๋า ผมเจ็บแปลบๆขึ้นมา ไม่อยากเห็นภาพตรงนั้นเลย
“กูเองก็คงมีส่วนผิด กูรู้ที่มึงทำไปก็เพราะกู” แล้วผู้ชายคนนั้นก็ค่อยๆเดินเข้ามากอดพี่เต๋า
ตอนนั้นน้ำตาผมไหลไม่รู้กี่รอบแล้ว พยายามปิดปากตัวเองไม่ให้มีเสียงเล็ดลอดเข้าไป
“ลันลา ลันลา ลันลา.......” เสียงโทรศัพท์ผมดังขึ้น ทำให้สองคนนั้นเดินมาที่หน้าต่างทันที
ผมหนีไปไม่ได้อีกแล้ว เลยนั่งร้องไห้อยู่ที่หน้าต่างนั้น
พี่เต๋าแทบช็อคเมื่อเห็นผม
แต่ที่ผมช็อคกว่าก็คือผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างๆพี่เต๋า
“เชียร์ เมื่อกี้ได้ยินหมดเลยเหรอ” พี่หมิงถามผม
ผมพยักหน้าพร้อมร้องไห้ฟูมฟาย
พี่เต๋าถอนหายใจ “ก็ดี เราจะได้คุยกันสักที”
-----จบคู่ที่ 2-----

คู่ที่ 2 มีคนทายถูกว่าจะช็อคกันเรื่องอะไร
ตอนหน้าค่อยมาดูละกันว่า เต๋าทำไมถึง จั๊กกะแด๋ว กับหมิง

แต่ตอนต่อไปนี้ซิ จะมีอะไรมาให้ช็อคกับน้องปอของเรา
เขียรเศร้ามากไปจะทำให้คนเกลียดป่าวอ่ะ

ฝากติดตามต่อไปนะคร้าบบบบ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:09/09/08:ภาค2 ม.5ตอนที8 ค
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 09-09-2008 00:05:14
เอ่อ....พี่ครับจะไม่ให้มีใครสมหวังเลยใช่มั้ยนี่

 :serius2: :serius2: :serius2: ม่ายยยยยย
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:09/09/08:ภาค2 ม.5ตอนที8 ค
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 09-09-2008 00:17:42
คนเขียนใจร้ายที่สุด

ฮืออออออออออออออออออออออออ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:09/09/08:ภาค2 ม.5ตอนที8 ค
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 09-09-2008 15:04:51
โหดสุดๆใจร้ายสุดๆ ทำกันได้น่ะ  :o12:

หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:09/09/08:ภาค2 ม.5ตอนที8 ค
เริ่มหัวข้อโดย: jobisuka ที่ 10-09-2008 08:34:02
 :oni2: มาต่อแล้ว ดีใจ ๆๆ

โอยยย แต่อ่านแล้ว ปวดใจจัง :โฮๆ1:

รอคู่ 3 นะค้า :sad2:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:09/09/08:ภาค2 ม.5ตอนที8 ค
เริ่มหัวข้อโดย: jobisuka ที่ 16-09-2008 12:47:33
 :m22:
 :m22:
 :m22:

 :m15:ยังไม่มา

 :a12:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:09/09/08:ภาค2 ม.5ตอนที8 ค
เริ่มหัวข้อโดย: jojoe ที่ 17-09-2008 14:48:09
คู่ที่ 3
ผมกลับมาที่หอเร็วกว่าปกติ หนึ่งอาทิตย์ ที่กลับมาเร็ว ผมมีเหตุผล
ในหอตอนนี้ไม่มีใครอยู่เลย นอกจากอาจารย์ที่มาเตรียมเอกสารสำหรับในการสอน
แสดงว่า หอของผม มีมาสเตอร์เบิร์ดพักอยู่คนเดียวในขณะนี้
ผมตัดสินใจจะสืบหาความจริงด้วยตัวของผมเอง
******************************************************************************************************************************
แสงอาทิตย์หมดไปแล้ว ผมมานั่งอยู่ที่ม้านั่งข้างๆหอ เพื่อจะรอเจอใครบางคน
ชายหนุ่มในชุดเสื้อยืดคอปก กางเกงสแล็ค พร้อมหอบเอกสารเดินมาที่ติด
ผมมองมาสเตอร์เบิร์ด ลุ้นว่าเค้าจะเห็นผมหรือเปล่า
“เอ๊ะ ใครนะ” เค้าเห็นผม ผมแอบยิ้มในใจ
“ปอ นายมาทำอะไร อีกตั้งอาทิตย์ไม่ใช่เหรอถึงจะเปิดเทอม” มาสเตอร์เริ่มทำหน้าสงสัย
ผมค่อยๆเขยิบตัวเข้าไปใกล้เขา “ผมมีเรื่องอยากจะคุยกับมาสเตอร์”
เขาเริ่มมองซ้ายมองขวา ดูว่ามีใครเห็นเราสองคนหรือเปล่า
“งั้นไปคุยกันที่ห้อง” มาสเตอร์พูดพร้อมลากตัวผมไปด้วย
**********************************************************************************
พอไปถึงห้อง มาสเตอร์ก็วางเอกสารไว้บนโต๊ะ และลากเก้าอี้มาให้ผมนั่ง
“มีอะไรเหรอ” เขาเริ่มคำถาม
ผมไม่ตอบ แต่เดินไปหามาสเตอร์ พร้อมค่อยๆ ก้มตัวลงไปจูบ อีกฝ่ายคงตกใจที่จู่ๆผมเป็นคนเริ่มรุกก่อน แต่ก็รับรอยจูบผมอย่างดี
“ผมคิดถึงมาสเตอร์” ผมกระซิบข้างๆหู พร้อมค่อยปลดกระดุมเสื้อของตัวเอง แล้วจับมือมาสเตอร์มาคล้ำตรงหน้าอกของผม มาสเตอร์เบิร์ดเองก็กล้าๆกลัวกับพฤติกรรมของผม สังเกตได้จากสีหน้าและมือที่สั่น
ผมเลยก้มไปจบมาสเตอร์อีกครั้ง พร้อมนั่งค่อมมาสเตอร์ แล้วเอามือมาสเตอร์มากอดตัวผม ผมจูบมาสเตอร์อย่างเร้าร้อน เพื่อให้เค้าเคลิ้มไปกับผม
“อ้า......” ผมค่อยๆไซร้ไปตามซอกคอ ของเขา และค่อยๆถอดเสื้อของเขาออก ผมใช้ลิ้นไปตามจุดประสาทของร่างกาย เพื่อให้มาสเตอร์ได้ทำตัวตามสบาย
ผมเลื่อนตัวตามลงมาเรื่อยๆ กางเกงของมาสเตอร์ถูกถอดไปแล้วด้วยตัวผมเอง
ผมค่อยๆบรรจงครอบปากไปกับส่วนนั้นของมาสเตอร์ และเริ่มทำมัน มาสเตอร์เผลอตัวจับหัวผมขึ้นลงไปตามจัหวะ
เมื่อได้ที่แล้ว มาสเตอร์เบิร์ดรู้จังหวะก็บอกให้ผมหยุดและจับผมขึ้นมานั่งทับส่วนนั้นของเขา
ผมกอดมาสเตอร์แน่น
“ผมจะค่อยๆทำนะ ถ้าเจ็บก็บอก” มาสเตอร์ปลอบพร้อมลูบหัวผม
เสียงเก้าอี้เริ่มดังเอี๊ยดอ๊าด พร้อมเสียงเนื้อกระทบเนื้อแต่ก็ดังสู่เสียงครางของเราสองคนไม่ได้
“อะ อะ อ้า อ้ายส์” มาสเตอร์เบิร์ดกระเด้งตัว กอดผมแน่น ผมรู้สึกถึงน้ำอุ่น ไหลผ่านช่องของผม
มาสเตอร์เบิร์ดหอบอย่างหมดแรง “เธอนี้ยอดจริงๆ” เขาชมผม
ผมค่อยๆลุกขึ้นจากตัวของเขา พร้อมหยิบเสื้อผ้าขึ้นมา
“ผมกลับแล้วนะ”
“เออ ที่บอกว่ามีเรื่องจะคุยอะไรเหรอ” เขาถามผมอีกครั้ง
“ผมไม่ได้อยากคุยกับคุณ แต่ ผมอยาก....” ผมเว้นคำไว้
“ผมได้สิ่งที่ผมต้องการแล้ว ผมไปก่อนนะครับ” ผมรีบออกจากห้องให้เร็วที่สุด ทั้งๆที่มาสเตอร์พยายามเรียกผม
ผมรีบไปหลบในห้องน้ำ ซึ่งจะมีห้องเก็บอุปกรณ์อยู่ ห้องหนึ่ง
เมื่อผมแน่ใจแล้วว่า ไม่มีใครตามผม ผมตัดสินใจไปที่บ้านของบิ๊กทันที
พร้อมหลักฐานที่อยู่ในมือผม
ผมเปิดโทรศัพท์ พร้อมกดคลิปวีดีโอที่ผมเพิ่งแอบถ่ายมาเมื่อกี้
ทั้งเสียง ทั้งภาพ เห็นหน้ามาสเตอร์เบิร์ดชัดเจน ยกเว้นตัวผมที่หันหลังให้กล้อง
----- จบคู่ที่ 3 -----

มาดูต่อนะครับว่า นายปอจะทำอย่างไรต่อไป
แม้ช่วงนี้สามหนุ่มจะดูมีแต่เรื่องไม่ดีเข้ามา แต่ก็ทำให้พวกเขาโตขึ้น
บทสรุปของเรื่องอาจไม่เลวร้ายกว่าที่คิดนะครับ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:17/09/08:ภาค2 ม.5ตอนที8 ค
เริ่มหัวข้อโดย: Pal ที่ 17-09-2008 18:22:41
จิ้มคุณโจโจ้ด้วยความขอบคุณ  ติดตามมาตลอดนะครับ  o13
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:17/09/08:ภาค2 ม.5ตอนที8 ค
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 17-09-2008 18:28:18
แผนนายปอเสี่ยงมากกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:17/09/08:ภาค2 ม.5ตอนที8 ค
เริ่มหัวข้อโดย: meawkung02 ที่ 17-09-2008 22:59:08
โห...ปอ เล่นแบบนี้เยยหรอ???
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:17/09/08:ภาค2 ม.5ตอนที8 ค
เริ่มหัวข้อโดย: jobisuka ที่ 18-09-2008 09:25:29
 :m24: แอบถ่ายตัวเอง โอ้ววว สุดยอด

การแก้แค้นเริ่มขึ้นแล้วววว

ว่าไปนายปอนี่ก็โหดใช่ย่อยนะเนี่ย  o13
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:19/09/08:ภาค2 ม.5ตอนที9 ค
เริ่มหัวข้อโดย: jojoe ที่ 19-09-2008 04:36:56
ตอนที่ 9 ความโหดร้ายของคนที่ไว้ใจ
คู่ที่ 1
ผมไม่คิดว่าตัวผมจะมาอยู่ที่สถานีตำรวจ ตัวผมกลายเป็นนักโทษไปแล้ว
ตั้งแต่มาที่นี้ ผมไม่เห็นพี่หมีเลยด้วยซ้ำ พี่เค้าหายไปไหน ผมทั้งสงสัย และเป็นห่วง
ผมจึงตัดสินใจพยายามถามเพื่อนๆของเขา แต่ปรากฏว่า ทุกคนไม่ได้สติ
“ไม่ต้องเป็นห่วงมันหรอก” ผู้ชายที่นั่งข้างๆผม เห็นผมถามคนอื่นเรื่องพี่หมี
ผมหันไปมองหน้าเค้า จำได้ว่าเค้าคือคนที่ชื่อ ตาล คนที่มองผมแปลกๆ
“นายพูดเมื่อกี้ หมายความว่าอะไร” ผมย้อนถาม
“ก็ตอนที่ตำรวจมาจับ หมีมันไปรับยาข้างนอก มันคงรู้ตัวก่อนเลยหนีไปแล้วมั้ง มันคงไม่โผล่มาให้เห็นหรอก”
ผมฟังเขาพูดแต่ก็ไม่อยากเชื่อ เขาอาจจะเมายาอยู่ก็ได้
“นายไม่ต้องห่วงหรอก เดี๋ยวเราบอกตำรวจเอง ว่านายไม่เกี่ยว อีกอย่าง นายไม่ได้เล่นยา ให้เขาไปพิสูจน์ก็ได้อยู่แล้วนี้”
เขาคงพูดปลอบผม ตอนนี้ผมต้องหาคนมาประกันตัวก่อน ผมเลยโทรไปหาเชียร์ก่อนคนแรก
เวรกรรม มันไม่รับโทรศัพท์ ตอนนี้มันอยู่กับพี่เต๋าคงสวีทกันอยู่
ผมโทรหาพี่หมีอีก ทั้งๆที่รู้อยู่แล้วว่าเค้าคงไม่รับ
ผมนั่งถอนหายใจ นี้เหรอที่เค้าบอกว่ารักเรา
พ่อแม่เริ่มมาประกันตัวกันแล้ว คงเหลือแต่ผมละมั้ง ที่ต้องนอนในคุก
“เฮ้! นั่งทำน่าหงิกเชียว ออกมาได้แล้ว” เสียงคุ้นๆเรียกผม
ผมหันไปเจอโจยืนยิ้มให้ผม
******************************************************************************************************************************
ผมออกมานั่งที่หน้าร้านก๋วยเตี๋ยว ข้างๆโรงพัก โดยมีโจเอาน้ำเก็กฮวยมาให้ผม
“พ่อเราเป็นตำรวจ ที่โรงพักนี้แหละ โชคดีนะที่เราแวะมาหาพ่อ ไม่งั้นได้นอนในคุกแน่” มันพูดพร้อมยื่นช้อนส้อมมาให้
ผมรับจากมัน ได้สักพัก ผมก็ค่อยๆร้องไห้ ทำไมคนที่ผมคิดว่าเขารักเรา เขาถึงทำกับเราแบบนี้
โจถอนหายใจ แล้วก็ลุกมาเดินข้างๆผม มันค่อยๆเอามือมาโอบเอวผมไว้
“ไม่ใช่ความผิดนายหรอกที่มาเจอคนเลวๆอย่างไอ้หมี”
“เมื่อสองปีที่แล้วเราเรียนห้องเดียวกับมัน เราเจอมันดูถูก เจอมันด่าต่างๆนานา เรามันแค่ลูกตำรวจ มันเป็นถึงลูกนักธุรกิจระดับประเทศ แต่เราพอรู้เรื่องที่มันติดยา เพราะมันเคยโดนจับมาแล้วตอนม.3 แต่พ่อมันใช้เงินปิดข่าว และ พยายามให้ลูกเป็นประธานนักเรียน เพื่อจะได้กลบเรื่องนี้ซะ ที่มันไม่ชอบเราก็เพราะเรารู้ความเลวของมันไง เฮ้อ! อย่าให้เราเล่าอีกเลย มันมีเรื่องเลวร้ายกว่าที่นายคิดอีกเยอะ”
ผมฟังไปก็อึ้ง ไม่นึกว่าผมจะมองคนไม่ออก และทำให้ผมรู้ว่าทำไมพี่หมีถึงเกลียดโจนัก
“คืนนี้ไปนอนที่บ้านเรานะ” โจพูดออกมา ผมหันไปมองหน้ามันทันที
“นี้มันจะตีหนึ่งกว่า หอมันปิดไปแล้ว แกจะไปนอนที่ไหน” มันมองหน้าผม
ผมไม่ตอบอะไร ได้แต่เดินตามมันไป
ผมซ้อนรถมอเตอร์ไซด์ของโจ ผมเผลอตัวเอามือไปโอบกอดมัน ตอนนั้นผมก็ยังร้องไห้อยู่ เอาหน้าซุกไปที่หลังของมัน
โจมันขับรถไปก็ค่อยๆเอามือมากุมที่มือผม  ผมกลับรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก
คนที่ผมเกลียดเขามาตลอด คนที่ผมไม่ชอบขี้หน้า คนที่ผมไม่อยากอยู่ใกล้ด้วย แต่เขากลับอยู่ใกล้ผมและปลอบใจผมเมื่อผมเกิดความทุกข์ใจ
บ้านของโจเป็นทาวน์เฮาส์สามชั้นอยู่ไม่ไกลจากโรงพัก
โจอาศัยอยู่กับพ่อที่เป็นตำรวจ และมีพี่ชายอีกสองคน ทั้งหมดเรียนอาชีวะ มีโจคนเดียวเท่านั้นที่เรียนสายสามัญ
ส่วนแม่หย่ากับพ่อไปนานแล้ว ตั้งแต่โจเด็กๆ
ห้องของโจไม่ค่อยเป็นระเบียบเท่าไร แต่ก็ไม่ได้รก ผมยืนเก้ๆกังๆอยู่ที่กลางห้อง ไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อไปดี
“ไปอาบน้ำเถอะ” โจยื่นผ้าขนหนูพร้อมเสื้อผ้าให้ผม ผมยิ้มขอบใจก่อนจะไปอาบน้ำ
******************************************************************************************************************************
หลังจากผมอาบน้ำเสร็จ โจก็เข้าไปอาบต่อ ผมเลยมายืนที่ระเบียง พร้อมมองออกไปข้างนอก
ภาพตึกราบ้านชนในเมืองหลวง ทำให้ผมนึกถึงสังคมที่อีกไม่กี่ปีที่ต้องไปเผชิญ
ผมยังจะต้องเจอคนที่ไม่จริงใจแบบพี่หมีอีกไหม แล้วเขาคนนั้นจะทำร้ายจิตใจของผมเหมือนพี่หมีหรือเปล่า
หรือมันอาจจะเลวร้ายกว่านั้น  ผมน้ำตาไหลอีกแล้ว ผมอ่อนแอเกินไปหรือเปล่า
“ร้องไห้อีกแล้ว” โจเดินออกมายืนข้างๆผม ผมรีบเช็ดคราบน้ำตา
“ทำไมคนที่จริงใจกับเราถึงมีน้อยจัง” ผมหันไปถามโจ
โจส่ายหัว “แค่ผิดหวังจากคนๆเดียว อย่าพาลถึงคนที่เขายังเป็นห่วงนายซิ”
ใช่สิ ผมลืมเพื่อนๆของผมไป ผมลืมท่านอธิการ ลืมซิสเตอร์มีเรียม ลืมน้องๆในสถานสงเคราะห์
“แล้วอีกอย่าง เราอีกคนที่ยังมีความจริงใจให้นายเสมอ” โจพูดแบบเขินๆ แล้วก็หันหน้าไปทางอื่น
“นายคงไม่เคยรู้หรอกว่า คนที่นายเห็นว่าไม่เอาไหน ไม่เอาถ่าน อยากจะทำตัวให้ดี เพื่อคนที่เขาไม่คิดจะหันมองมาเลยสักนิด นายคงไม่รู้หรอกว่า สองปีที่ผ่านมา มีใครแอบมองนาย มีใครแอบชอบนาย  ชื่นชมกับความขยัน ความตั้งใจในการทำงาน แอบมองรอยยิ้มที่ยิ้มอย่างจริงใจให้ทุกคน”
ผมฟังสิ่งที่โจพูดอย่างตั้งใจ สองปีที่ผ่านมา ผมไม่เคยคิดจะสนใจโจเลย ทั้งๆที่เป็นเพื่อนร่วมห้อง
“อย่าถามนะว่าเราชอบนายตั้งแต่เมื่อไหร่ เราเองก็ไม่รู้” โจยังพูดต่อไป
“เรารู้แค่ว่า เราคงไม่ใช่คนที่นายหวัง คนที่นายอยากรู้จัก แต่เรามั่นใจว่าความจริงใจที่เรามีให้นายไม่แพ้กับคนอื่นๆแน่”
สิ้นสุดประโยค ผมฟังได้แต่อึ้ง อาจไม่ใช่ครั้งแรกที่มีคนมาสารภาพรักกับผม แต่ผมถือว่านี้เป็นการสารภาพรักที่ผมประทับใจที่สุด
“อย่าทำหน้าแบบนั้นดิว่ะ เราไม่ได้หวังอะไรหรอก แค่ไม่อยากให้นายเศร้ามากไปกว่านี้” โจหันมามองหน้าผม
“ขอบใจนะ ขอบใจนายจริงๆ” ผมร้องไห้อีกแล้ว แต่คราวนี้ เป็นน้ำตาของความดีใจ
ดีใจที่ยังมีคนเห็นคุณค่าในตัวของผม ทั้งๆที่คนๆนั้นผมไม่เคยเห็นคุณค่าเขามาตลอด
ผมค่อยๆเอื้อมมือไปจับมือของโจ บีบมือของเขาเบาๆ
โจมองหน้าผม เขาทำท่าจะเขยิบตัวมาใกล้ แต่สักพักเขาก็ถอยกลับไปเหมือนเดิม
ผมเลยเดินเข้าไปหาเขาและกอดเขาแทน
“สิ่งที่เราตอบแทนนาย ก็คงเป็นความจริงใจที่เพื่อนคนหนึ่งจะมอบให้”
โจได้ยินสิ่งที่ผมพูดก็คงเข้าใจในความหมายของมัน เขาเลยกอดรับอ้อมกอดของผม
มิตรภาพนั้นอาจยั่งยืนยาวนานกว่าความรักที่ผมตามหาก็ได้
-----จบคู่ที่1-----

ไม่รู้ว่าบทสรุปของโจ้เป็นแบบนี้ จะถูกใจป่าวคับ
เหลืออีก 2 คู่
อย่าคิดว่ามันเศร้าล่ะกัน ถือว่ามันเป็นการเริ่มต้นที่จะเรียนรู้ความรักในแง่ของความเจ็บปวด
เพราะทุกคนที่อ่านเรื่องนี้ก็รู้อยู่แล้วนี้ครับว่า พอตอนเข้ามหาลัย จะไปเจอใครบ้าง
เพราะยังไงเรื่องจริง มันไม่ได้ลงเอยด้วยดีเหมือนในนิยายอยู่แล้ว

ติดตามคู่ต่อไปครับ o8
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:19/09/08:ภาค2 ม.5ตอนที9 ค
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 19-09-2008 04:46:55
 จบไปแล้วคู่ที่ 1 ยังพอยิ้มได้อยู่อย่างน้อยโจ้ก็ยังมีโจไว้คอยปลอบใจ  :man1:

รอลุ้นอีกสองคู่ ท่าจะอาการหนักเอาการอยู่  :serius2:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:19/09/08:ภาค2 ม.5ตอนที9 ค
เริ่มหัวข้อโดย: meawkung02 ที่ 19-09-2008 09:15:29
.....เยยอ่ะ...น่าสงสาร โจ้ มากมาย... :sad2: :sad2: :sad2:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:19/09/08:ภาค2 ม.5ตอนที9 ค
เริ่มหัวข้อโดย: marchmenlo ที่ 19-09-2008 10:53:02
โจ้น่ะยังไม่เท่าไหร่มั่ง รอดูคู่สองน่าจะสะเทือนใจกว่าน่ะ แถมยังไม่รู้ว่าปอจะทำอะไรอีก
อ่านมาตั้งแต่ต้น ปอเนี๊ยน่าสงสารสุด เป็นรักที่รุนแรง ที่มาพร้อมกับความเสี่ยงทุกกรณี
เป็นความรักที่รู้ว่าต้องผิดหวัง แต่ยังดึงดันที่จะรัก  :o12:

ส่วนเชียร์ ถึงจะเป็นคนใส ๆ รักใส ๆ เป็นคุณนู๋ที่เอาแต่ใจ แต่ถ้าได้รักใครแล้วรักจริง(แถมขี้หึงอีกต่างหาก) อุส่าห์ยอมรับว่าตัวเองเผลอใจ แต่ดัน.....
:เฮ้อ:ไอ้เต๋า หลงนึกว่าจะจริงใจ คงพอ ๆกันกับไอ้หมีนั้นแหละ o12
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:19/09/08:ภาค2 ม.5ตอนที9 ค
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 19-09-2008 11:32:06
เศร้าเป็นที่สุด

ขอบคุณที่มาต่อคร้าบบบ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:19/09/08:ภาค2 ม.5ตอนที9 ค
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 19-09-2008 16:04:05
อ่าเนอะ แต่อยากให้ปอจบแบบ happy อะ

ขอสักตอนเหอะ น่าสงสาร ซิกๆ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:20/09/08:ภาค2 ม.5ตอนที9 ค
เริ่มหัวข้อโดย: jojoe ที่ 19-09-2008 23:27:52
คู่ที่ 2
ในที่สุดผมก็เป็นคนเลือกที่จะไป
ผมกำลังนั่งรถกลับสู่กรุงเทพ ไม่มีใครกลับไปกับผมด้วย ระหว่างทางผมนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนไปด้วย
“พี่ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมพี่ถึงแคร์หมิงมากขนาดนั้น” ผมยังจำคำพูดของพี่เต๋าได้ชัดเจน
“ตอนแรกพี่พยายามเข้าใจว่า คงเพราะความเป็นเพื่อน”
“แต่ยิ่งพี่เปลี่ยนความคิด เปลี่ยนตัวเอง เปลี่ยนทุกๆอย่างเพื่อไม่ให้คิดกับหมิงแบบนั้น พี่ก็ทำไม่ได้”
ผมถอนหายใจ น้ำตาผมหายไปหมดแล้ว “เปลี่ยน ที่พี่พูดถึง รวมทั้งการมาคบกับเชียร์ด้วยใช่มั้ย”
พี่เต๋ามองหน้าผม ผมสบตาเขา สายตาที่พี่เขามีให้ผม มันไม่เหมือนทุกครั้งที่เขามองผม
“พูดง่ายๆ เชียร์มาที่หลัง” ผมพูดสรุป
“แต่สิ่งที่พี่ทำให้เชียร์ มันมาจากความจริงใจ จริงๆ” พี่เต๋าเดินมากุมมือผมไว้
“ตอนนี้เชียร์ไม่มีอะไรจะพูด เชียร์ขออยู่เงียบสักพักนะ”
พี่เต๋ายึกยัก เค้าคงเป็นห่วงผม
“เชียร์ไม่ทำอะไรหรอก แต่เชียร์ไม่รู้จะทำอะไรตอนนี้ ขอเวลาเชียร์พยายามทำความเข้าใจกับเรื่องราวทั้งหมดได้ไหม”
ผมพูดขนาดนี้ พี่เต๋าจึงออกจากห้องไป
หลังจากนั้นผมจึงตัดสินใจกลับกรุงเทพทันที พร้อมทิ้งข้อความไว้ให้พี่เต๋า ว่าไม่ต้องเป็นห่วงผม
พอดีกับได้รู้เรื่องราวของโจ้ว่าโดนตำรวจจับ โชคดีที่ โจ ช่วยออกมาได้
กลับมาเรื่องของผม พอถึงกรุงเทพ ผมพยายามไม่ติดต่อพี่เต๋า เพราะอยากทำใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นให้ได้ก่อน
แล้วผมก็ได้รับข่าวที่ไม่สู้ดีเท่าไร จากเพื่อนสมัยม.3 มันไปเรียนอยู่ที่เมืองนอก เรียนที่เดียวกับพี่แจ๊คด้วย
“เออ พี่แจ๊คเขาไม่กลับมาเลยใช่ป่ะ” ซี ถามผม
“อืมม เห็นบอกว่ายุ่งๆ” ผมแทบจะลืมพี่แจ๊คไปเลยตั้งแต่คบกับพี่เต๋า
“เออ กูจะบอกดีไหมอ่ะ” มันเริ่มทำท่าแปลกๆ
“มีเรื่องอะไร” ผมอารมณ์ไม่ดีที่เห็นมันทำแบบนี้
“คือ พี่แจ๊คเค้า แอบคบกับฝรั่งคนหนึ่ง คงเป็นเพื่อนเค้านั้นแหละ กูเห็นว่ามันไม่ดีสำหรับมึงเลยมาบอกไว้ ที่จริงปิดเทอมเนี้ย เค้าไม่ได้ยุ่งอะไรหรอก แต่เค้าไปเที่ยกับไอ้ฝรั่งคนนั้นต่างหาก กูไม่ได้อยากยุ่งหรอกนะ แต่กูไม่อยากให้ผู้ชายคนนั้นหลอกมึงอ่ะ” เพื่อนผมพยามพูดความจริง
ผมได้แต่ยิ้มกับโชคชะตาของผม
“กูอาจจะสมควรได้เจอเรื่องบ้าๆแบบนี้มั้ง” ผมพูดอย่างปลงๆ
ซีมันคงงงที่ผมดูไม่มีทุกข์ร้อนอะไร
คงเพราะผมเสียใจไปมากมายกับผู้ชายอีกคนแล้วต่างหาก
******************************************************************************************************************************
ผมกลับมาหอเร็วกว่าปกติสองสามวัน เพราะไม่อยากอยู่บ้าน มัวแต่คิดฟุ้งซ่าน
“ว่าไงเพื่อน ไปเที่ยวหนุกป่าว” โจ้เข้ามาทักผม มันยังไม่รู้ว่าอะไรเกิดกับผม
“อืมม” ผมทำหน้าหงอยๆ
“อ้าว ไม่สบายเหรอมึง” มันตกใจ
“เปล่า” ผมยังไม่อยากเล่าให้มันฟัง
“มึงคิดว่าคนอย่างมึงโกหกคนเป็นด้วยเหรอ” โจ้เริ่มถามมันคงเป็นห่วงผม
“เดี่ยวกรูค่อยเล่า กรูขอนอนเอาแรงแป๊บนึงได้มั้ย” ว่าแล้ว ผมก็ล้มตัวลงนอน อยากนอนแล้วหลับไปเลยไม่ต้องตื่นมารับรู้เรื่องราวอะไรอีก แต่จะข่มตาหลับทีไร มันยากเย็นเหลือเกิน
******************************************************************************************************************************
ตื่นมาอีกที โจ้มันหลับไปแล้ว ผมเลยเดินไปที่ห้องน้ำ จะล้างหน้าล้างตา หาหนังสือมาอ่านสักหน่อย
แล้วผมก็มองตัวเองในกระจก ภาพเมื่อสามปีที่แล้วสะท้อนกลับมาให้ผมเห็นอีกครั้ง
เด็กอ้วนขี้เหร่คนหนึ่ง ที่พยายามเปลี่ยนแปลงตัวเอง พยามทำตัวเพื่อให้คนอื่นมาสนใจ
แต่สุดท้าย ก็ไม่มีใครสักคนเห็นคุณค่าของมัน
แม้ผมจะเปลี่ยนตัวเองให้ดีสักเท่าไร มันก็ไม่มีความหมาย
ผมรีบวิ่งไปที่ถุงขนม ผมแกะถุงขนมทุกชิ้น ผมรีบยัดขนมพวกนั้นใส่ปาก
กินมันให้อ้วนเหมือนเดิม เมื่อเปลี่ยนตัวเองแบบนี้มันไม่มีความหมายอะไร
ผมกินไปก็ร้องไห้ไป น้ำตามันไหลออกมาไม่หยุด มือก็ยังไม่หยุดกิน
“เฮ้ย เชียร์ ทำอะไรอ่ะ” โจ้มันตกใจที่ผมตื่นมากินขนมกลางดึก แต่สภาพที่มันเห็นเหมือนคนไม่ได้สติ
ผมหันไปมองหน้ามัน แล้วก็ร้องไห้ไม่หยุด
“กูอยากอ้วนเหมือนเดิม กูอยากหน้าตาหน้าเกลียดเหมือนเดิม กูไม่อยากเป็นแบบนี้อีกแล้ว”
ผมไม่เคยรู้สึกสมเพชตัวเองแบบนี้มาก่อน
โจ้มันรีบเจ้ามากอดผม เอามือมาลูบหลังผม
“ใจเย็นๆ กูไม่รู้หรอกนะว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้น แต่มึงอย่าประชดตัวเองแบบนี้ มันไม่มีอะไรดีขึ้นมาหรอก”
แล้วโจ้ก็พูดปลอบผมอีกมากมาย จนผมสงบขึ้น
ผมจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้เพื่อนผมฟัง
โจ้ถอนหายใจ หันมาบอกผม “ผู้ชายไม่ได้มีแค่นี้สักหน่อย โตไปมึงอาจจะเจอคนที่ดีกว่าสองคนนี้ก็ได้”
“ดีแล้ว ตัดเรื่องผู้ชายออกไป ปีหน้าเราจะได้ขยันๆ เตรียมเอนท์ไง”
ว่าแล้วเพื่อนผมก็วกเข้าเรื่องเรียนจนได้
“ความรักของเราตอนเนี้ยมันเป็นความรักแบบเด็กๆ เราจะไปหวังให้มันยั่งยืนเหมือนแบบผู้ใหญ่คงยาก แต่อย่างน้อยเราได้รู้จักความรักก็ถือว่าดีแล้วล่ะ” โจ้หันมาพูดอีก
“นี้แก พูดซะเหมือนคนแก่เลย” ผมแซวมัน
“พูดความจริงต่างหากเล่า”
ผมเห็นด้วยกับมัน
“มึงเก็บความทรงจำดีดี ที่มีกับผู้ชายสองคนไว้ก็แล้วกัน” โจ้ทิ้งท้าย
ผมแหงนหน้ามองฟ้า จะให้ผมลบทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวกับสองคนนั้นคงยาก
แต่ที่ผมห่วง เวลาที่เหลืออีกหนึ่งเทอม ผมจะต้องเจอพี่เต๋า ผมจะทำตัวอย่างไรดี
-----จบคู่ที่2-----

เศร้าไปอีกหนึ่งคน ไม่มีคนเยียวยาเหมือนโจ้ซะด้วย
ใจเย็นๆนะครับ มันมีบทสรุปของแต่ละคู่ คงไม่เศร้าอย่างที่คิดแน่ๆ
รอลุ้นคู่ปอต่อไป
อันนี้เศร้าจริงๆ 555555
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:20/09/08:ภาค2 ม.5ตอนที9 ค
เริ่มหัวข้อโดย: marchmenlo ที่ 20-09-2008 00:11:53
:เฮ้อ: เหลืออีก 1 เศร้า คราวนี้สาหัสแน่..
ปอน่ะปอ ตัวบ่มความเศร้าชัด ๆ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:20/09/08:ภาค2 ม.5ตอนที9 ค
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 20-09-2008 00:13:03
อ้างถึง
เศร้าไปอีกหนึ่งคน ไม่มีคนเยียวยาเหมือนโจ้ซะด้วย
ใจเย็นๆนะครับ มันมีบทสรุปของแต่ละคู่ คงไม่เศร้าอย่างที่คิดแน่ๆ
รอลุ้นคู่ปอต่อไป
อันนี้เศร้าจริงๆ 555555

งะ ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

ปอจะเศร้าอีกแล้ว สงสารน้องปอจังเลย

ปล. ระวังคลิปหลุดนะจ้ะ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:20/09/08:ภาค2 ม.5ตอนที9 ค
เริ่มหัวข้อโดย: dorgchant ที่ 20-09-2008 01:41:00
แอบเหนื่อย นั่งอ่านมาตั้งแต่หน้าแรกเมื่อตอนเย็น  :jul1:

จำได้ว่าเคยอ่านตั้งแต่บอร์ดปาล์มเมื่อหลายปีก่อน แล้วยุ่งๆหรือไรเนี่ยแหละ กลับมาก็หาไม่เจอแล้ว ตามมาอ่านที่นี่แทน รออ่านอยู่นะครับ  :m4:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:20/09/08:ภาค2 ม.5ตอนที9 ค
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 20-09-2008 05:37:39
โอ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยบอกไม่เศร้า เจอของแต่ละคนเข้าไปนี้มีน้ำตาปรื่มทั้งนั้น
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:20/09/08:ภาค2 ม.5ตอนที9 ค
เริ่มหัวข้อโดย: meawkung02 ที่ 20-09-2008 08:51:27
อกหักกันทุกคู่เลยหรอ???...เง้ออ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:20/09/08:ภาค2 ม.5ตอนที9 ค
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 20-09-2008 09:56:03
+1 ให้ความเศร้าครับ

สงสัยคู่ที่สามจะเศร้าสุดๆ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:20/09/08:ภาค2 ม.5ตอนที9 ค
เริ่มหัวข้อโดย: Pal ที่ 20-09-2008 14:58:07
ตอนหน้าเศร้าได้อีกเหรอเนี่ย  สงสารปอเจรง ๆ  :o12:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:21/09/08:ภาค2 ม.5ตอนที9 ค
เริ่มหัวข้อโดย: jojoe ที่ 21-09-2008 00:01:43
คู่ที่ 3
ผมมาหาบิ๊กถึงบ้าน สร้างความแปลกใจแก่เจ้าตัวไม่น้อย
“มีอาไรมาถึงบ้านเลย ไม่ยอมโทรมาบอกก่อนเลยนะ”
“ว่าจะชวนไปตัดผมนะ” ผมบอกจุดประสงค์ที่มา
บิ๊กทำหน้างงงง “แล้วทำไมนายไปตัดมาแล้วล่ะ”
“ก็แม่เราพาไปตัด” ผมแก้ตัว
ถึงบิ๊กจะยังไม่หายข้องใจแต่ก็ยอมไปตัดผมกับผม
เมื่อเปิดเทอมแล้ว ทรงผมของพวกเราต้องถูกระเบียบ ดังนั้นก่อนจะเปิดเทอมเราต้องไปจัดการกับผมให้เรียบร้อย ไม่งั้นฝ่ายปกครองเล่นเอาตายแน่ๆ
ผมจึงใช้มันเป็นข้ออ้างเพื่อทำตามแผนที่ผมวางไว้
“พี่ครับพยายามตัดให้คล้ายผมมากที่สุดนะครับ” ผมสั่งช่างทำผมโดยไม่ให้บิ๊กได้ยิน
เมื่อตัดผมเสร็จแล้ว ผมเอาหน้าของผมมาทาบกับหน้าของบิ๊ก
“คล้ายฝาแฝดมั้ย” ผมหยอกถาม
“55555 เราน่าตาดีกว่านายเยอะ” บิ๊กพูดตลก ผมพยายามทำเป็นยิ้ม
“ไปกินไอติมกัน” ผมชวนบิ๊กไปร้านไอติม เพื่อทำตามแผนต่อไป
******************************************************************************************************************************
“กินช้าจัง เรากินหมดแล้วน่ะ” บิ๊กทักผม
ผมไม่ค่อยมีอารมณ์ อยากพูดเรื่องที่เกิดขึ้นใจจะขาด
แต่กลัวความจริงของมันจะทำร้ายความรู้สึกที่ผมมีต่อบิ๊ก
ความจริง ก็คือความจริง
“นายยังติดต่อกับมาสเตอร์เบิร์ดหรือเปล่า” ผมถามตรงๆ
บิ๊กตกใจที่พูดถึงเรื่องนี้
“ติดต่อ ไม่นี้ เราเจอเขาตอนเรียนเท่านั้น” บิ๊กตอบทันที ไม่มีท่าทีหน้าสงสัย
“ทำไมถามเรื่องนี้”
ผมสบตาบิ๊ก “เพราะเราเจอเขาบ่อยมาก เหมือนเขาตั้งใจมาหาเรา”
บิ๊กทำหน้าตกใจเมื่อผมพูดอย่างนั้น
“เขามาหานายทำไม” บิ๊กถาม
“เราต่างหากที่ต้องถามนาย ว่า เขามาหาเราทำไม” ผมเริ่มยิงคำถาม
บิ๊กทำหน้าหวั่นๆเมื่อผมยกประเด็นเรื่องมาสเตอร์เบิร์ด
“เราไม่รู้ เราจะไปรู้เรื่องของเขาทำไม” บิ๊กปฎิเสธ
“ถ้างั้น มาสเตอร์เบิร์ดไม่มีความหมายอะไรกับนายจริงๆใช่มั้ย”
ผมยังคาดคั้นจากบิ๊ก
“พอเถอะ ปอนายพูดเรื่องนี้ทำไม” ดูบิ๊กจะหมดความอดทนแล้ว
“บอกมาซิ ว่าไปกอดกับเขาอีกทำไม คืนนั้นเราก็ได้ยินที่นายพูด เสียงอีกคนก็คือมาสเตอร์เบิร์ด พวกนายพูดถึง เกมส์ มันหมายถึงอะไร”
ผเองก็หมดความอดทนเช่นกัน
บิ๊กหน้าซีดทันทีที่ได้ยินสิ่งที่ผมพูด
“เราไม่ใช่สิ่งของ ที่พวกนายจะมาทำอะไรกับเราก็ได้ อย่ามาดูถูกกับความรักของเรา รู้ไว้ด้วย ว่านายสองคนต้องได้รับสิ่งที่ทำกับเรา” ผมไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ความโมโหทำเอาผมไม่สนใจว่าบิ๊กจะร้องไห้ต่อหน้าผม
ผมไม่มีวันให้อภัยคนที่มาทำร้ายจิตใจของผมหรอก
“เราพูดอย่างไรนายก็คงคิดว่าแก้ตัว ถ้านายคิดแบบนั้นก็เอาเลย แต่จำไว้ การกระทำของนายก็ดูถูกความรักของเราเหมือนกัน”
พูดจบ เราสองคนก็มองหน้ากัน ต่างข้องใจกับการกระทำของแต่ละฝ่าย
ตกลงผมเชื่อใจว่าบิ๊กหลอกผม
บิ๊กเองก็คิดว่าผมมองเขาในแง่ร้าย
ความจริงมันคืออะไรกันแน่?
**********************************************************************************
ผมกลับมาหออีกครั้ง คราวนี้ผมตั้งใจไปหามาสเตอร์เบิร์ดโดยเฉพาะ
ผมไปถึงห้อง เคาะประตูหลายครั้งจนเจ้าตัวเปิดประตู
“ปอ” เขาเรียกชื่อผม
ผมยิ้มให้เขา แล้วก็ยกโทรศัพท์ให้เขาดู พร้อมเปิดคลิปฉาวที่เขาทำกับผมให้ดู
“คุณบอกความจริงให้หมด ไม่งั้นคลิปนี้จะถูกส่งไปให้ท่านอธิการ และ ตำรวจ”
เขาหน้าซีด “ให้ผมบอกอะไร”
“ตอบคำถามมาเท่านั้น” ผมเริ่มขู่
เขาพนักหน้า
“คุณกลับมาที่นี้อีกครั้ง เพื่อง้อบิ๊กใช่ไหม”
เขาพยักหน้า
“บิ๊กเองก็ปฎิเสธคุณ แต่คุณก็ยังตื้อไม่เลิก”
เขาพยักหน้า
“บิ๊กปัดรำคาญ โดยให้คุณไปลองคบคนอื่น แต่ถ้าคุณไม่โอเคกับคนนนั้น คุณเลยกลับมาหาบิ๊กอีก”
“บิ๊กเล่าให้ฟังใช่มั้ย” เขาหันมาถามผม ผมไม่ได้แสดงอาการอะไร
“ผมกลับมาหาเขา แต่เขาก็ไม่ยอมเพราะเขารักนายไง นั้นหมายถึงเกมส์ของผมกับบิ๊กจบแล้ว” มาสเตอร์เบิร์ดเริ่มน้ำตาคลอ
“ถ้างั้นที่คุณจงใจมีอะไรกับผม ก็เพราะอยากให้ผมเลิกกับบิ๊กใช่ไหม”
เขามองหน้าผม
“ใช่” เขาตอบสั้นๆ
ผมตบหน้าเขาอย่างแรง ผมทั้งโกรธทั้งเสียใจ
“อย่ามายุ่งกับชีวิตของผมอีก ผมจะลบคลิปนี้ทิ้ง เพราะถึงยังไง สิ่งที่คุณทำมันเป็นตราบาปไปทั้งชีวิตคุณอยู่แล้ว”
แล้วผมก็เดินก็เดินออกมา ผมกลับไปที่ห้อง
โจ้ และเชียร์ อยู่ที่ห้องนั้น
พวกมันตกใจมากที่หน้าตาผมเปื้อนไปด้วยรอบคราบน้ำตา
“เฮ้ย! เป็นอะไร”
ผมรีบโผเข้ากอดพวกมัน ผมร้องไห้อีกครั้งกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้น
“ฮื้อ ฮื้อ ฮื้อ บิ๊กไปแล้ว เขาไปจากกูแล้ว”
มันเป็นน้ำตาแห่งความเสียใจที่ผมทำลายความเชื่อใจที่ผมมีให้คนที่ผมรักมากที่สุด
เมื่ออดีตแก้ไขไม่ได้ แต่อนาคตก็ดูจะไม่มีความหมายอีกแล้ว
แล้วเราจะเหลืออะไรอีกเล่า?
-----จบคู่ที่3-----

คงมีหลายคนสงสัยนะครับ คือ พอบิ๊กรู้ว่า ปอคิดว่าตัวเองรวมหัวหลอกปอ
ก็โกรธมาก บิ๊กเลยตัดสินใจไปอังกฤษทันที โดยไม่ได้ลาเลยครับ

ยอมรับคำว่าเศร้า แต่บทสรุปตอนม.5 ไม่เศร้าอย่างที่คิด

มีข่าวดีครับ ตอนหน้า อาจจะได้ลงทีเดียวเลย 3 คู่
และ จะต่อด้วยตอนม.6 อีก 1 ตอน
ที่เล่าแค่ตอนเดียว เพราะคนเล่าไม่ได้เป็น โจ้ เชียร์ ปอ
แต่เป็นใครนั้นต้องติดตามครับ
และจะลงตอนสรุปเรื่องราวทั้งหมดในภาค 2 อีก 1 ตอน
แปลว่า อีก 3 ตอน(คูณ 3 คู่) เรื่องนี้ก็อวสานครับ
แต่จะมี เบื้องหลังของเรื่องอีก 1 ตอนเป็นของแถม

ฝากติดตามจนจบเลยนะครับ   :t2:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:21/09/08:ภาค2 ม.5ตอนที9 ค
เริ่มหัวข้อโดย: dorgchant ที่ 21-09-2008 00:17:02
มาให้กำลังใจก่อนอ่านครับ  :m4:
---------------------------------------------------------------

หลังจากได้อ่านจบ ปอก็เป็นคนที่น่าสงสารที่สุดอยู่ดี   :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:21/09/08:ภาค2 ม.5ตอนที9 ค
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 21-09-2008 01:27:04
ช่าย ยังไงปอก็น่าสงสารที่สุดอยู่ดี

รออ่านตอนต่อครับ 3 ตอนรวด
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:21/09/08:ภาค2 ม.5ตอนที9 ค
เริ่มหัวข้อโดย: iamhappywood ที่ 21-09-2008 02:48:25
เป็นบิ๊กรึเปล่า ไม่รู้อ่ะ เดาเอา

แต่รีบมาต่อนะครับ  :m12:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:21/09/08:ภาค2 ม.5ตอนที9 ค
เริ่มหัวข้อโดย: phak ที่ 21-09-2008 08:42:24
สนุ สุขเศร้าครบรสชาติชีวิตครับเรื่องนี้  ช่วยมาต่อไวๆๆๆนะคร๊าบ รอเป็นกำลังใจให้อยู่ :t2: :t2: :jul3:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:21/09/08:ภาค2 ม.5ตอนที9 ค
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 21-09-2008 13:28:37
+ 1 ให้คนขยันครับ

สู้ๆ นะคร้าบบบ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:21/09/08:ภาค2 ม.5ตอนที9 ค
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 21-09-2008 13:39:18
 :เฮ้อ:
สำหรับโจ้ คงเรียกว่า " รักที่ผิดพลาด " เพราะโจ้มีสติกับความรักพอสมควร
เพียงแต่รู้ไม่เท่าทัน ต้องเรียนรู้ใจคนอีกนาน...

สำหรับเชียร์ คงเป็น " รักซ่อนเล้น " ก็น่าสงสารอยู่ เพราะมาทำดีกับเราสารพัด
สุดท้ายก็หักมุมรักกันเองซะงั้น...

ยอดชายนายปอ เรื่องผาดโผนละยกให้ " รักปริศนา " บางครั้งคิดจะรักก็คง
ต้องปิดปูปิดตาซะบ้าง...

เอาใจช่วยกับความรักทุกรูปแบบ...+1 ให้เป็นกำลังใจครับบบบ  :L2:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love เรื่องราวความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก (Up Date:21/09/08:ภาค2 ม.5ตอนที9 ค
เริ่มหัวข้อโดย: marchmenlo ที่ 21-09-2008 13:46:51
เอาไปอีก +1 ครับ
อ่านตอนนี้แล้วค่อยหายใจหายคอโล่งหน่อย ถึงปอจะผิดหวัง แต่ก็ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิดไว้ อย่างน้อยปอเค้าก็ได้ทำในสิ่งที่เค้าควรทำ รู้ในสิ่งที่ค้างคาใจแล้ว ถึงจะเลิกกันแบบไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่มันก็ยังดีกว่าคู่โจ้และเชียร์ด้วยซ้ำ อย่าน้อยก็ได้รู้ว่าถึงความรักของปอจะเลวร้ายมาตลอด แต่ปอมันเป็นคนเข้มแข็ง
ปอคับ รักน่ะจุฟ ๆ
หัวข้อ: Re: Three Couple of loveความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก UpDate:21/09/08:ภาค2 ม.5ตอนที่10ทั้ง3คู่
เริ่มหัวข้อโดย: jojoe ที่ 21-09-2008 18:51:03
ตอนที่ 10 กำหนดความรักด้วยตัวเราเอง

คู่ที่ 1

เสียงกริ่งดังขึ้นเป็นสัญญาณว่าหมดเวลาทำข้อสอบ ผมยิ้มดีใจที่ทำเสร็จเวลาทันที แต่พอหันไปมองรอบห้อง
มีผมอยู่ในห้องคนเดียว ทุกคนทำเสร็จกันไปยังไม่ถึงชั่วโมง แต่ผมใช้เวลาตามที่เขากำหนดมาให้
ผมเดินไปส่งข้อสอบให้อาจารย์ “กลัวไม่ได้เต็มเหรอ” อาจารย์แซวผม
ผมได้แต่ยิ้ม พร้อมยกมือไหว้ และออกจากห้องไป
เจอผู้ชายหน้าเถื่อนนั่งไขว้ห่างกระดิกเท้ารอผมอยู่
“กลับกันเถอะ” ผมบอก
โจหันมามองหน้าผม “รอตั้งนานเลย” มันบ่น
“แล้วไง ใครให้นายเสร็จเร็วล่ะ” ผมย้อน
“ทีหลังก็ทำให้เสร็จพร้อมกันดิ” มันพูดยิ้มๆ
คนแถวนั้นหันมามองเราสองคนกันใหญ่ แล้วก็เริ่มซุบซิบกัน
ผมถอนหายใจ ทำไมผมต้องมีคนเข้าใจผิดทุกที คุยเล่นกับใครที่ไรเป็นข่าวทุกที ผมเลยรีบออกจากที่นั้นโดยด้วย
“เฮ้ย! รอด้วย” โจรีบวิ่ตามผม
ผมเดินมาเรื่อยๆ โดยโจวิ่งมาเดินข้างผม
“เรามีเรื่องจะขอ” มันถามผม
“อะไร” ผมรู้สึกว่ามันต้องแปลกๆแน่
“ถ้าเราสอบผ่านครั้งนี้ นายจะให้อะไรเรา” มันถามผม
“ทำไมต้องให้ด้วยอ่ะ” ผมย้อน
“เราอุตส่าห์ทำเพื่อนายนะ”
ถ้าใครได้ยินคงเขินกับคำพูดแบบนี้ แต่ผมกับตลกมากกว่า
“งั้นเราจะเลี้ยงหนังเรื่องหนึ่ง” ผมหันไปบอก
“ไม่เอา แค่หนังเนี้ยนะ” โจเริ่มงอแง
“ก็นายให้เราเป็นคนเสนอรางวัล” ผมย้อน
“ขอเป็น หอมแก้มได้มั้ย” โจเขยิบตัวมาใกล้
ผมเอามือไปยันหน้าเถื่อนๆของมัน
“ทะลึ่งใหญ่แล้วนะ ให้เดินด้วยก็บุญแล้ว” ผมว่ากลับไป
“โห อะไรว่ะ แค่หอมแก้มเอง” มันยังไม่เลิกงอแง
ผมหัวเราะกับท่าทีของมัน ทำไมเทอมนี้กับเทอมที่แล้วมันเปลี่ยนไปยังกับคนละคน
ผมเดินกับโจไปเรื่อยๆจนเดินไปพบกับคนๆหนึ่งที่ผมหนีเขามาทั้งเทอม
เขากำลังนั่งอยู่ที่ศาลากับน้องเลี้ยงของเขา ที่ชื่อเจ
ผมยืนมองดูเขาสักพัก พี่เค้าก็หันมามองผมโดยบังเอิญ
ผมรีบหลบสายตา และเดินหนีไปจากที่นั้นทันที
“เดี๋ยวก่อนโจ้” พี่เขาเรียกผม ผมเลยหยุดหันไปมองเขา
“อย่าไปยุ่งกับมัน” โจบอกผม
“ขอพี่พูดสักนึดนึงได้มั้ย” พี่หมียังเรียกผม
โจทำท่าห้ามผม ผมเลยหันไปพูดกับมัน “มันคงเป็นครั้งสุดท้ายที่เราจะฟังเขาพูด”
ผมเดินไปหาเขา ผมเองก็อยากรู้ว่าเขาจะพูดอะไร
“พี่ขอโทษกับทุกสิ่งทุกอย่าง กับเรื่องวันนั้น โจ้คงเข้าใจพี่ใช่มั้ย พี่อยากไปหาช่วยโจ้ แต่พ่อพี่ห้าม พี่...”
“พอเถอะครับ” ผมพูดขัดขึ้นมาก่อน
“ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ยังไงผมก็ไม่เข้าใจพี่อยู่ดี ถึงพี่จะอธิบายมากมายเท่าไร ผมก็ไม่มีวันให้อภัยพี่แน่นอนครับ”
ผมพูดพร้อมรอยยิ้ม ทำเอาพี่หมีอึ้ง
แล้วน้องเจก็เดินมาเกาะแขนพี่หมี “ไปประชุมเถอะครับ”
พี่หมีเลยเดินไปกับน้องเจคนนั้น
น้องเจ ทำให้ผมนึกถึงเรื่องบางอย่าง
คืนที่ผมไปกับพี่หมี เพื่อนของเค้าทักพี่หมีว่า แฟนของพี่หมี ชื่อเจไม่ใช่เหรอ
และทุกครั้งที่ผมชวนไปไหน พี่หมีจะปฏิเสธ และจะอ้างว่าไปประชุมทุกครั้ง
ผมมองน้องที่ชื่อเจ เดินเกาะแขนพี่หมี ผมเลยเข้าใจทันที
“เราว่าสองคนนั้นคงไม่ได้เป็นแค่พี่เลี้ยงน้องเลี้ยง” โจพูดเสริม
“ช่างหัวมันปะไร” ผมตอบ พร้อมเดินกลับหอ
“ปิดเทอมไปค้างที่บ้านได้ป่าว” ผมหันไปถามโจ
โจทำหน้าเหวอ ที่ผมกล้าพูดแบบนี้
“ตกลงไปได้ป่าว” ผมถามมันอีกครั้ง
มันพยักหน้ายิกๆ ยิ้มจนแก้มปริ
“เปลี่ยนใจดีกว่า น่ากลัวยังไงก็ไม่รู้” ผมแกล้งมัน
“ไม่เอา ไม่เอา ไปนะ ไปนะ” มันลากตัวผมไปทันที
ในที่สุดผมก็ตัดใจจากคนนั้นได้สักที แต่ส่วนคนที่ลากผมอยู่นั้น คงไม่มีอะไรเกินมากไปกว่าเพื่อนแน่นอนครับ
----- จบคู่ที่ 1 -----
หัวข้อ: Re: Three Couple of loveความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก UpDate:21/09/08:ภาค2 ม.5ตอนที่10ทั้ง3คู่
เริ่มหัวข้อโดย: jojoe ที่ 21-09-2008 18:52:37
คู่ที่ 2
วันอำลาพี่ม.6ก็มาถึง เด็กม.4 ม.5 วิ่งไปยืนเข้าแถวเตรียมมอบดอกไม้ให้พี่ม.6
รวมถึงเพื่อนของผมสองคนด้วย แต่ผมกลับแยกตัวออกมา
ผมไปยืนแอบอยู่ที่ศาลาริมสนาม ห่างจากตัวโบสถ์ไปไม่เท่าไร
ทุกคนมีดอกกุหลายเตรียมไว้ให้กับพี่ๆ แต่ผมกลับถือสิ่งๆหนึ่งไว้ในมือ รอจะมอบให้ใครบางคน
เวลาผ่านไป พร้อมกับพี่ๆ ที่ทยอยเดินออกมา แต่ละคนก็รับดอกไม้จากน้องๆ เยอะบ้างน้อยบ้าง แล้วแต่ว่าตอนที่เรียนอยู่นั้นทำอะไรให้น้องๆประทับใจบ้าง
จนคนๆหนึ่งที่ผมรอเดินออกมา
คนๆนั้นมีดอกไม้อยู่ในมือเยอะพอสมควร
“พี่หมิง ครับ” ผมเรียกเขา
เจ้าตัวได้ยิน เขาทำหน้าตกใจเล็กน้อย แต่ก็เดินมาหาผม
“ว่าไงเชียร์” เขาทักผม
ผมเองไม่รู้จะทำหน้ายังไง กับเขา เพราะหนึ่งเทอมที่ผ่านมา ผมแทบจะไม่เห็นเขาเลย ไม่รู้เพราะผมหลบหน้าเขา หรือเขาหลบหน้าผมกันแน่
แม้เทอมที่แล้วเราจะสนิทกันมาก็ตาม แต่เรื่องราวที่เกิดขึ้น ความสัมพันธ์ของเรากับเปลี่ยนไป
“ผมดีใจด้วยนะครับ เรื่องที่ผิดสอบติดโควต้าได้” ผมพูดไปก็ถอนหายใจ เพราะพี่เขาสอบติดที่เดียวกับพี่เต๋า คณะเดียวกันด้วย
พี่หมิงยิ้ม “ขอบใจนะ พี่เองก็อยากจะขอโทษเชียร์”
“พี่หมิงไม่มีอะไรต้องขอโทษผมหรอกครับ พี่ไม่ได้ผิดสักหน่อย” ผมรีบตอบพี่เขา
“แต่พี่เป็นต้นเหตุทำให้เชียร์เสียใจ” พี่เขาแย้ง
ผมหลบสายตาพี่เค้า พยายามฝืนใจพูดต่อไป
“ผมรู้พี่ไม่ได้ตั้งใจ” ผมก้มไปหยิบสิ่งหนึ่งที่ผมใส่ถุงเอามาด้วย
“ต้นกระบองเพชรต้นนี้ พี่เต๋าเคยให้ผมตอนม.4 ผมมอบให้พี่นะครับ พี่ควรเป็นคนดูแลมันแทนผม”
“แต่ว่า เต๋าให้เชียร์ไม่ใช่เหรอ” พี่หมิงทำหน้าสงสัย
“ที่ผมให้พี่ ไม่ได้แปลว่าผมไม่ต้องการหรอกนะครับ แต่ผมคิดว่าพี่คงดูแลมันได้ดีกว่าผม”
ผมคิดว่าพี่เค้าคงเข้าใจความหมายที่ผมพูด
พี่หมิงรับมันจากผม “พี่จะดูแลมันอย่างดี เหมือนเชียร์”
“พี่สัญญา” พี่หมิงพูดอย่างหนักแน่น ผมมั่นใจอยู่แล้วว่า พี่เค้าคงดูแลมันอย่างดี
รวมถึงเจ้าของ ของต้นกระบองเพชรนั้นด้วย
******************************************************************************************************************************
พิธีอำลาเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมแยกตัวจากเพื่อนมาที่ห้องชมรม
ตอนนี้ผมได้กลายเป็นประธานชมรมอนุรักษ์ฯ ผมเองก็ไม่คิดว่าจะผูกพันกับชมรมนี้
ทั้งที่ตอนม.4 มีแต่คนตกใจว่า เด็กคุณหนูอย่างผม จะมาอยู่ชมรมเถื่อนๆอย่างนี้ได้ยังไง
คงเป็นเพราะ คนที่ชักชวนผมมา เขาดูแลผมเป็นอย่างดี จนผมผูกพันทั้งคนนั้นและชมรมแห่งนี้ไปด้วย
มีหลายคนสงสัยว่า หนึ่งเทอมที่ผ่านมา ผมกับพี่เต๋าเป็นยังไงบ้าง
แน่นอนครับความสัมพันธ์เราเปลี่ยนไป พูดคุยกันน้อยลง
เพราะผมเองที่พยายามลดความสัมพันธ์ลง แต่พี่เต๋าพยายามทำตัวเหมือนเดิม
ผมเองก็ซึ้งในน้ำใจ ที่เวลาอยู่ต่อหน้าผม พี่เต๋าแทบจะไม่พาพี่หมิงมาให้ผมเห็นเลย
แต่ถ้าสองคนนั้นอยู่ต่อหน้าผม เขาจะไม่ทำตัวสนิทสนมกัน
ผมเองพอรู้ว่าสองคนนั้นเขาแคร์ความรู้สึกผมมาก
แต่ยังไง ผมก็ยังเสียใจกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น ผมเองก็ไม่รู้ว่ามันเป็นความผิดของใคร
รู้แต่ว่า ทำไมมันเจ็บเหลือเกิน
“ว่าไงท่านประธาน” พี่เต๋ามาจากที่ไหนไม่รู้ เดินเข้ามาทักผม
ผมรีบเช็ดน้ำตาทันที
“มาทำไม” ผมทำเสียงงอนๆ
“มาเอาดอกไม้” เขายื่นมือมาที่ผม
“ไม่มีให้ ไปเอากับพี่หมิงนู้น” ผมพูดประชด
“ก็จะเอาจากเชียร์ ถ้าไม่ให้จะปล้ำตรงนี้” ว่าแล้วเขาก็เข้ามากอดผม
ผมดิ้นใหญ่ เพราะไม่มีความรู้สึกแบบนั้นกับเขาอีกแล้ว
“พี่ขอโทษ พี่ขอโทษจริงๆ” เขากระซิบข้างหู
เสียงของเขาทำเอาผมหยุดดิ้น
“พี่ไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้ พี่ก็ยังรู้สึกดีดีกับเชียร์อยู่นะ”
ผมถอนหายใจ “เราสองคนรู้สึกกันแบบพี่น้องมาก่อน แต่เราฝืนมัน คิดว่า เราน่าจะเป็นอย่างอื่นที่จะมีความสุขมมากกว่าเป็นพี่น้อง”
“ตอนนี้เราคงต้องยอมรับความจริง เชียร์ก็เป็นได้แค่น้องชายของพี่เท่านั้น” ผมพูดไป น้ำตาก็ไหลออกมา
พี่เต๋าได้ยินแบบนั้นเขาก็กอดผมแน่นขึ้น
“ผมทำตามสัญญาของพี่แล้วนะ เรื่องชมรม” ผมรื้อฟื้นคำสัญญาที่ผมเคยให้พี่เต๋า
“ทำไม ทั้งๆที่พี่ทำกับเชียร์ขนาดนั้น” พี่เต๋าถามผม
“เพราะมันเป็นสิ่งหนึ่ง ที่จะทำให้ผมนึกถึงพี่ ตอนที่พี่ไม่อยู่” ผมบอกเขา
พี่เต๋า สบตาผม
“ขอบใจมาก ขอบใจกับทุกสิ่งทุกอย่าง พี่ รัก เชียร์ ไม่ใช่ซิ พี่รัก น้องชายคนนี้ที่สุดเลย”
ผมกอดพี่เต๋า นั้นเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมได้สัมผัสกับผู้ชายคนนั้น คนที่ผมได้รู้จักคำว่ารัก
รักจากผู้ชายคนนี้ คือ รักที่จะทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อเขาคนเดียว
-----จบคู่ที่2-----
หัวข้อ: Re: Three Couple of loveความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก UpDate:21/09/08:ภาค2 ม.5ตอนที่10ทั้ง3คู่
เริ่มหัวข้อโดย: jojoe ที่ 21-09-2008 18:54:03
คู่ที่ 3
ผมกลับมาถึงบ้าน ก็รีบเข้าห้องทันที
แผ่ตัวนอนลงบนที่นอน หนึ่งเทอมที่ผ่านมา เป็นอะไรที่หนักหนากับผมมาก
จริงอยู่ มาสเตอร์เบิร์ดได้ออกไปจากชีวิตผมแล้ว เขาแทบจะไม่ให้ผมเห็นหน้า หรือเวลาเจอกันเขาจะทำเป็นไม่รู้จักผม
แต่การที่บิ๊กไม่อยู่นั้น มันทรมานมาก เพราะยังไม่มีใครล่ำลาใครเลย
อีกอย่างเราจากกันเพราะความเข้าใจผิด
ผมคิดว่าบิ๊กหลอกผม
บิ๊กคิดว่าผมเข้าใจเค้าผิด
ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าความจริงคืออะไร
บิ๊กจากไปทุกอย่างก็เปลี่ยนไป
ผมพูดน้อยลง เก็บตัวมากขึ้น ไม่ค่อยจะออกไปทำกิจกรรมอะไรมากมายเท่าไร
เพื่อนสองคนก็พยายามคอยดูแลผม แต่ผมก็ไม่มีกะจิตกะใจสนุกสนานไปกับมาก แต่ก็รู้ว่า ทำตัวแบบนี้ไป มันก็ไม่มีอะไรดีขึ้นสำหรับตัวผม
“กูว่านะ จะแก้อาการที่ไอ้ปอเป็นแบบนี้ได้ ต้องหาผู้ชายให้มันสักคน รับรองหายขัวร์”
นี้คือความคิดชั่วๆของเชียร์ หลังจากนั้นมันก็พาคนนู้นคนนี้มาแนะนำ
ซึ่งผมแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่ต้องการคนพวกนั้น
เพราะบางคน บ่งบอกมากว่าต้องการ แค่มีอะไรกับผมเท่านั้น
“งั้นรีบอ่านหนังสือเตรียมเอ็นท์ดีกว่าเนอะ เดี๋ยวปีหน้าอ่านไม่ทัน”
โจ้มันก็เอาหนังสือนับพันเล่น มากองให้ผม พร้อมกับข้อสอบเอ็นท์เก่าๆมาให้ผมทำ
แต่ให้อ่านเท่าไร ผมก็อ่านไม่เคยรู้เรื่องเลย
มีสิ่งเดียวที่ทำให้ผมรู้สึกมีความสขุได้ นั้นก็คือ ดนตรี
ผมเล่นกีตาร์บ่อยมาก เพราะมันทำให้นึกถึงคนที่อยู่อีกฝากของโลก
ไม่รู้ว่าเขายังเล่นเปียโนอยู่หรือเปล่า
ไม่รู้ว่ามีใครคอยปลุกเวลาเขาตื่น
ไม่รู้ว่ามีใครคอยเตือนให้ทำการบ้าน
ไม่รู้ว่าเขาจะคิดถึงผมบ้างหรือเปล่า
ยิ่งนึกก็ยิ่งปวดใจ
“ปอ มีจดหมายมาถึงลูกนะ” แม่ผมเดินเอากล่องจดหมายมาให้ผม
ผมรับมัน พร้อมเปิดกล่อง เจอจดหมายประมาณห้าถึงหก ฉบับ
พร้อม โปสการ์ดอีกกลายฉบับ ซึ่งเยอะมาก
เมื่อผมเห็นชื่อ คนที่ส่งมาเท่านั้นแหละ น้ำตาผมไหลแทบไม่หยุด
“อยู่ที่นี้ หนาวมากเลย ไม่มีใครให้กอด คิดถึงจัง”
“ฟังพวกฝรั่งไม่ค่อยออก แม่งพูดโคตรเร็วเลย”
ผมอ่านจดหมายและโปสการ์ด จนเกือบครบ
“เรื่องราวของเรามันอาจจะไม่ได้สวยหรูอย่างที่เราต่างคิดกันเอาไว้ แต่เราสองคนก็คงพยายามที่สุดแล้ว ที่จะแสดงความรักต่อกัน เราเองก็คงมีส่วนผิดที่ทำให้นายคิดว่าเราไม่ได้จริงใจกับนาย และเราเองก็โกรธนายที่คิดแบบนั้น แต่เวลาผ่านไป ทำไมความโกรธ กลายเป็นความคิดถึง สุดท้ายเราก็รู้ตัวเองว่าเราก็คงโกรธนายไม่ลงจริงๆ แต่จะทำให้เรากลับไปเป็นเหมือนเดิม มันก็คงยาก เพราะเราเองก็อยู่คนละซีกโลกเลย เราไม่อยากเห็นแก่ตัวต้องให้นายคอยเรา หรือรอเรา (ทั้งๆที่ก็ไม่รู้ว่า นายอยากจะรอเราหรือเปล่า) เราสองคนคงอยู่คนละสังคมกันแล้ว คงมีใครหลายคนจะผ่านชีวิตของเราสองคนอีกมากมาย เราน่าจะเปิดใจให้พวกเขาบ้าง แต่เราสองคนคงไม่ลืมเวลาที่เราเคยใช้ร่วมกัน เคยทำด้วยกันมา ตัวเราไม่ลืมแน่นอน และจะจำไว้เสมอ เราเองก็หวังให้นายได้รับจดหมายฉบับนี้ ถ้ามีโอกาสกลับไปเมืองไทย เราคงไปหาแน่นอน
คิดถึงเสมอน่ะ  จาก บิ๊ก”
ในที่สุด ผมก็เข้าใจอะไรมากขึ้นจากจดหมายฉบับนี้
ผมก็เดินไปบนโต๊ะหนังสือ แล้วหยิบกระดาษขึ้นมาเขียนจดหมาย
สิ่งที่ผมอยากจะเขียนในจดหมายมีเรื่องราวมากมายที่จะบอกบิ๊ก แน่นอน ผมไม่ลืมที่จะเขียนว่า “เรารักนายเสมอ”
******************************************************************************************************************************
ผมหิ้วกีตาร์ เดินออกไปจากบ้านเพื่อไปซ้อมดนตรีปกติ
ตอนนี้ปัญหาของวงเรา คือยังหานักร้องไม่ได้ กลายเป็นว่าผมต้องทั้งเล่นทั้งร้อง
คือ แต่ผมไม่ถนัดร้องอ่ะ พอร้องได้ แต่อยากเล่นมากกว่า
เลยต้องหานักร้องกันยกใหญ่
ผมเดินออกจากบ้านไม่ทันไร ก็มีรถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งวิ่งมาขวางผมไว้
เจ้าของรถใส่หมวกกันน็อค มองมาที่ผม
“ไปไหนปอ ให้เราไปส่งไหม”
ผมทำหน้างง ไอ้หมอนี้มันใครว่ะ
เจ้าของรถมอเตอร์ไซค์ ถอดหมวกกันน็อคออก พร้อมยิ้มมาให้ผม
“ไอ้เหน่ง” ผมแทบช็อคไม่นึกว่าจะเจอเพื่อนสมัยเด็กๆ
เก่งเป็นเพื่อนข้างบ้านผมตอนประถม แต่มันย้ายไปเรียนมัธยมที่อื่น พร้อมย้ายบ้านไปด้วย
เกือบ6ปีที่ไม่ได้เจอกัน มันเปลี่ยนไปมาก
คือมันหล่อมาก พูดจริงๆนะครับ คือมันดูดีมาก ผมแทบจะจำไม่ได้
“เฮ้ย! มาทำอะไรแถวนี้ว่ะ” ผมเดินเข้าไปตบไหล่มัน
“กูย้ายกลับมาอยู่แถวนี้แหละ บ้างข้างๆ ร้านก๋วยเตี๋ยว” มันชี้ไปทางบ้านของมัน ซึ้งก็ไม่อยู่ไกลจากบ้านผมเท่าไร
“เออมึงจะไปไหน เดี๋ยวกูไปส่งไหม” มันถาม
“ก็จะไปซ้อมเพลง ที่ห้องซ้อม แถวๆลาดพร้าว” ผมตอบ
“เออ ขึ้นมาดิ เดี่ยวกูไปส่ง”
ว่าแล้วผมก็กระโดดขึ้นมอเตอร์ไซด์ทันที
******************************************************************************************************************************
ไปถึงห้องซ้อม บรรดาเพื่อนๆ ก็หน้าเหวอ ที่เห็นผมพาหนุ่มหล่อมาด้วย
มันก็เริ่มกระซิบกระซาบกันใหญ่
“เพื่อนกูสมัยเด็กๆ ไม่ต้องสุ่มหัวนินทากูเลย” ผมด่าพวกมัน
แล้วเราก็เริ่มซ้อมโดยมี เหน่งนั่งมองผม
ซ้อมไปจนจบ สักสองสามเพลง
“ว่าไง ว่ะ โอเคป่ะวงกู” ผมหันไปถามมัน
เหน่งทำหน้าครุ่นคิด ก่อนจะบอกผม
“อืมม ดนตรีนะโอเคแล้ว แต่กูว่า เสียงร้องของมึงยังไม่ว่ะ”
มันเริ่มวิจารณ์ใหญ่เลย
“มึงต้องร้องแบบนี้” แล้วมันก็ร้องเพลงที่ผมร้องเมื่อกี้ มาท่อนหนึ่ง
พอร้องจบ ผมหันไปมองกับเพื่อนๆในวงทันที
“กูว่ากูได้นักร้องวงเราแล้วว่ะ”
เพื่อนๆก็เห็นด้วย
“เหน่ง มึงมาร้องเพลงให้พวกกูหน่อยดิ” ผมบอกมัน
“เฮ้ย!” มันทำน่าตกใจใหญ่
“เอาเป็นว่า เดี๋ยวไปเคลียร์เรื่องนี้กันที่บ้าน แต่ยังไงมึงก็ต้องเป็นอยู่ดี”
ผมจับมัดมือชก เหน่งทำหน้าเหวอ
แต่เพื่อนผมเหวอกว่า
“เมื่อกี้ มึงพูดว่าไปเคลียร์ที่บ้าน หมายความว่าไงว่ะ” พวกมันรุมถามผม
“ไหนบอกแค่เพื่อนไง” แนะโดนรุมอีกแล้ว
“เออ โอเค เราร้องก็ได้ ไหนเอาเนื้อมาดูดิร้องเพลงอาไรกัน” เหน่งมันตัดบท ช่วยผมจากเพื่อนๆที่กำลังรุมผม
เหมือนเรื่องร้ายๆจะผ่านพ้นไปกับเรื่องราวใหม่ๆที่กำลังเข้ามา
ผมมองผู้ชายที่กำลังร้องเพลงอยู่ข้างๆผม
เพียงเสี้ยววินาทีในความคิด เขาใช้ความาหวังครั้งใหม่ของผมหรือเปล่า
-----จบคู่ที่3-----
หัวข้อ: Re: Three Couple of loveความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก UpDate:21/09/08:ภาค2 ม.5ตอนที่10ทั้ง3คู่
เริ่มหัวข้อโดย: jojoe ที่ 21-09-2008 19:11:41
จบแล้วนะครับ สำหรับชีวิตในช่วงม.5

โจ้เข้าใจในความรักมากขึ้น แต่ก็ไม่ได้คิดกับโจในฐานะแฟน
เพราะยังเจ็บช้ำจากความรัก และอยากจะดูใจตัวโจไปเรื่อยๆ
แต่ก็คงหมดหวัง เพราะโจ้ไปเจออาจารย์เบน ซึ่งดูจะสามารถดูแลโจ้ได้ดีกว่าโจ
อีกอย่างผู้ชายที่โจ้ชอบ ค่อนข้างเป็นผู้ใหญ่ และดูจะสมบูรณ์แบบมากๆ(เพอร์เฟคแมน)
เนื่องจากโจ้เป็นเด็กกำพร้า ขาดความอบอุ่นตั้งแต่เด็ก เลยชอบผู้ชายที่จะดูแลตัวเองได้เสมอ

เชียร์เองก็ยอมรับความจริง พี่เต๋าอาจจะสองจิตสองใจ เพราะก็ยังรักเชียร์อยู่
แต่เชียร์รู้ตัวเองว่า อยู่ห่างแฟนไม่ได(เป็นคนติดแฟนมากๆ)้ เพราะถึงไ่ม่เลิกตอนนี้
ก็อาจจะเลิกกันอยู่ดี เพราะเชียร์เป็นคนขี้เหงา(แม้ภายนอกจะดูไม่เป็นอย่างนั้น) และชอบให้คนเอาแต่ใจ
ดูจากกรณีพี่แจ็ค เชียร์ไม่เสียใจกับการนอกใจของพี่แจ๊ค เพราะความผูกพันได้ลดลงไป เมื่อตอนอยู่ห่างกัน
สังเกตดีดี เพราะเป็นแฟนกัน สองคนนี้จะไม่ค่อยกัดกันแซวกันเลย แต่กลายเป็นทะเลาะกันมากกว่า
เชียร์เองประทับใจตอนที่ยังไม่ชอบกันมากกว่า

ส่วนน้องปอ สองคนนี้ดูจะรักกันอยู่ แต่ความห่างไกลย่อมเป็นอุปสรรค
บิ๊ก เองก็ไม่เห็นแก่ตัวให้ปอรอ เพราะรู้ดีว่าปอน่าจะเจอคนดีดีเข้ามาในชีวิต ซึ่งอาจจะดีกว่าตัวเขาเองด้วย
แต่น่าสงสารน้องปอเนอะ ดันมาเจอพี่เก่งที่ร้ายกว่าบิ๊กซะอีก (น้องปอตอนมหาลัยน่าสงสารกว่าตอนมัธยมอีกนะ)
และก็เปิดตัวเหน่ง ที่ใครก็ลุ้นให้คู่กัน

ตอนหน้า ม.6กันแล้ว อยากบอกว่า ทั้งสามคนป็อบปูล่ามากๆ
อยากรู้ว่าเป็นยังไงต้องติดตามนะครับ

อย่าลืมคอมเมนท์ด้วยนะครับ ว่าบทสรุปของแต่ละคนเ้ป็นยังไบ้าง

 :oni2:
หัวข้อ: Re: Three Couple of loveความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก UpDate:21/09/08:ภาค2 ม.5ตอนที่10ทั้ง3คู่
เริ่มหัวข้อโดย: dorgchant ที่ 21-09-2008 20:10:56
เห็นโจ้เป็นเด็กเรียน แต่เสน่ห์แรงไม่เบานะ  :m1:
หัวข้อ: Re: Three Couple of loveความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก UpDate:21/09/08:ภาค2 ม.5ตอนที่10ทั้ง3คู่
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 21-09-2008 20:22:06
เป็นบทเรียนอีกบทหนึ่ง

แต่ว่าถ้าจบตอน ม6 แล้วอยากรู้เรื่องตอนต่อ

ของภาค 1 อะ คริๆ อยากรู้ว่าตกลงปอจะลงเอยกะใคร
หัวข้อ: Re: Three Couple of loveความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก UpDate:21/09/08:ภาค2 ม.5ตอนที่10ทั้ง3คู่
เริ่มหัวข้อโดย: iamhappywood ที่ 21-09-2008 20:53:25
เฮ้อ อยากเห็นว่าตอนนี้ใครเป็นยังไงบ้าง เชียร์ยังอยู่กับแฟนดีไหม
แล้วโจ้อยู่กับอาจารย์เป้นไงบ้าง ส่วนปอลงหลักปักฐานกับใครไปรึยัง
อยากรู้ๆ  :m12:
หัวข้อ: Re: Three Couple of loveความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก UpDate:21/09/08:ภาค2 ม.5ตอนที่10ทั้ง3คู่
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 21-09-2008 23:06:32
จบแบบนี้น่ารักที่ซู้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดเลย อิอิ  :oni2:
หัวข้อ: Re: Three Couple of loveความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก UpDate:21/09/08:ภาค2 ม.5ตอนที่10ทั้ง3คู่
เริ่มหัวข้อโดย: marchmenlo ที่ 22-09-2008 10:53:59
:m29: พอถึงม.6 ก็ไกล้จะจบแล้วอ่ะดิ ไม่อยากให้จบเร็วเลยอ่ะ ยังอยากอ่านต่อ แต่.......
สงสารปอ :sad2:
หัวข้อ: Re: Three Couple of loveความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก UpDate:21/09/08:ภาค2 ม.5ตอนที่10ทั้ง3คู่
เริ่มหัวข้อโดย: jobisuka ที่ 22-09-2008 14:45:36
อย๊ายยยยยยยยยยยยยยย จุใจมาก ๆ แต่ใกล้จบแล้วหรอออ   :a5:

แต่ ม. 6 นี่คงหลายตอนอยู่ อิอิ แอบไซโค

ลุ้น ๆ ว่าจะป๊อบขนาดใหน สับรางทันรึเปล่า เหอ ๆ :oni2: :oni2:

มาต่อ ๆๆ  :m13: ไวๆนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: Three Couple of loveความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก UpDate:21/09/08:ภาค2 ม.5ตอนที่10ทั้ง3คู่
เริ่มหัวข้อโดย: dorgchant ที่ 22-09-2008 14:55:48
นึกแล้วเสียดาย ตอนที่ยังเรียนอยู่อสช ไม่ได้อยู่ประจำ ไม่งั้นคงได้มีเรื่องชุลมุนแบบนี้บ้าง  :m1:
หัวข้อ: Re: Three Couple of loveความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก UpDate:21/09/08:ภาค2 ม.5ตอนที่10ทั้ง3คู่
เริ่มหัวข้อโดย: meawkung02 ที่ 22-09-2008 16:54:05
รอลุ้น ตอน ม.6 ต่อปายย...อิอิ
หัวข้อ: Re: Three Couple of loveความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก UpDate:21/09/08:ภาค2 ม.5ตอนที่10ทั้ง3คู่
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 22-09-2008 19:40:40
สู้ คร้าบ
หัวข้อ: Re: Three Couple of loveความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก UpDate:23/09/08:ภาค2 ม.6 คนที่ 1
เริ่มหัวข้อโดย: jojoe ที่ 23-09-2008 09:49:15
Three Couple of Love Season2: Back to School part 3

สวัสดีครับ ผมขอแนะนำตัวก่อนนะครับ ผมชื่อเอ ครับ เรียนอยู่ม.5 เป็นสมาชิกในชมรม หนังสือของโรงเรียน
พอดีผมได้รับมอบหมายมาทำคอลัมน์ คนเด่นคนดังของโรงเรียนเรา
จะบอกว่าได้รับมอบหมายก็ไม่เชิง เพราะผมอาสารับทำหน้าที่ด้วยตัวเองครับ
เพราะผมอยากจะทำคอลัมน์ถึงพี่ๆที่ผมชอบมากๆๆๆ
เอาเป็นว่าไม่ใช่ผมชอบอยู่คนเดียว เพราะมีทั้งรุ่นพี่รุ่นน้อง เพื่อนๆผม ก็ชื่นชมพี่ๆ3คนนี้ไม่น้อยเหมือนกัน
ดังนั้น ผมจึงต้องใช้ความกล้าแทรกตัวเข้าไปสัมภาษณ์พวกพี่ๆ ที่พูดอย่างนี้ไม่ได้เว่อร์นะครับ
เดี๋ยวก็จะรู้ว่าทำไมผมต้องทำขนาดนั้น
งั้นมาเริ่มกันเลนดีกว่า
**********************************************************************************
คนที่ 1
 
พี่คนแรก เป็นนักเรียนเรียนดี ประพฤติดี ได้รางวัลจากโรงเรียนทุกปี ไม่สามารถบอกได้ว่ารางวัลอะไรบ้างเพราะพี่แกคว้าไปเกือบหมด ส่วนมากเป็นรางวัลทางด้านวิชาการ
เกรดเฉลี่ย 4.00มาทั้งหมดสี่เทอม มี3.98 อยู่เทอมเดียว (คนหรือเปล่า)
แต่ที่สำคัญที่สุด น่ารักมากกกกกก
ไม่ใช้แค่หน้าตานะ แต่นิสัยดีมาก น้องๆชอบกันเกลียวเลย เพราะพี่แกชอบมาช่วยติวให้น้องๆเสมอ
ผมจึงหมายมั่นไปหาพี่คนนี้เป็นคนแรก
ผมไปยืนอยู่หน้าห้องเรียนของพี่ ม.6 ห้อง 4 ซึ่งเป็นห้องสายศิลป์ – คำนวณ
สายตามองหาพี่โจ้ ซึ่งเป็นคนแรกที่ผมจะสัมภาษณ์ด้วย
เจอแล้ว พี่ที่ใส่แว่นก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสืออยู่
ผมงงนี้มันเวลาพัก พี่เค้าไม่ไปพักเหรอ
“เฮ้ย! มาทำอะไรแถวนี้ว่ะ” ผมสะดุ้งโหย่ง ตกใจที่มีใครมาทักผมข้างหลัง
ผมหันไปเจอพี่หน้าเถื่อนๆคนหนึ่งยืนมองผมอยู่
ผมกลัวๆพี่เขายังไงก็ไม่รู้
“มีอาไรเหรอ โจ” พี่โจ้เงยหน้าขึ้นมา เห็นผมกำลังประชันหน้ากับไอ้พี่หน้าเถื่อนนี้
“ไอ้นี้มันมาด่อมๆมองๆตรงนี้ ไม่รู้มันมาทำอะไร” ไอ้พี่หน้าเถื่อนหันมาแขวะผม
พี่โจ้หันมามองที่ผม พร้อมยิ้มก่อนจะถามคำถาม
“มีอะไรเหรอครับน้อง” พูดเพราะด้วย โอ้ย ทำไมน่ารักอย่านี้ว่ะ
“เออ ผมชื่อ เอนะครับ มาจากชมรมหนังสือของโรงเรียน จะมาทำคอลัมน์คนเด่นคนดังของโรงเรียนเรา คือจะมาขอสัมภาษณ์พี่อ่ะครับ” ผมพูดไปก็เขินไป
“ได้ซิครับ งั้นไปคุยกันข้างนอกดีกว่า” ว่าแล้วพี่โจ้ก็เก็บหนังสือที่เขาอ่านเมื่อกี้ พร้อมเดินมาหาผม
“อ้าว ไหนวันนี้บอกว่าจะไปกินไอติมกับเราไง” ไอ้พี่หน้าเถื่อนโวยวาย
ผมว่าสองคนนี้เค้าดูแปลกๆเนอะ เหมือนว่าจะเป็นแฟนกันเลย
“ก็กินไปด้วย แล้วก็ให้น้องสัมภาษณ์ไปด้วย” พี่โจ้หันมาเจรจากับไอ้พี่หน้าโหด
“ก็อยากไปกินกันสองคนนี้” ทำเสียงงอนด้วยไม่เข้ากับหน้าโหดของพี่แกเลย
“น้องเอไปเหอะ” พี่โจ้ดูท่าจะไม่สนใจเท่าไร พร้อมเดินนำหน้าผมไป
ผมเลยเดินคู่กับไอ้พี่หน้าโหด ที่กำลังส่งสายตาพิฆาตมาให้ผม กลายเป็นว่าผมคงเป็นก้างชิ้นโตสำหรับเขาไปซะแล้ว
ผมมาที่ศาลาริมสนาม โดยพี่โจ้เดินเข้าไปนั่งก่อน ผมกำลังจะเดินไปนั่งข้างๆ ใจเต้นโครมครามเลยครับ
แบบว่า ไม่เคยคิดจะนั่งใกล้พี่โจ้ขนาดนี้ พี่เขาผิวเนียนมาก
จมูกนี้โด่งเชียว ผมว่าพี่เค้าเหมือนฝรั่งนิดๆ เห็นมีข่าวลือว่าเป็นลูกครึ่งฮอลแลนด์
“เฮ้ย! เอ็งไปนั่งตรงโน้นเลย”ไอ้พี่หน้าเถื่อนมานั่งคั่นกลางระหว่าผมกับพี่โจ้ ทำไมถึงหวงหนักหวงหนาว่ะ
“โจไปซื้อไอติมมาเลย อยากกินไม่ใช่เหรอ” พี่โจ้หันไปสั่งไอ้พี่หน้าเถื่อน
“ไม่กิน ไม่มีอารมณ์กินแล้ว” มีทำงอนด้วย
“โจ ไปซื้อไอติมมาเดี๋ยวนี้” พี่โจ้ทำหน้าดุ
เท่านั้นแหละ จากดุๆกลายเป็นเชื่องทันที พี่หน้าเถื่อนลุกขึ้นไปตามคำสั่ง
“ซื้อมาสามถ้วยนะ เลี้ยงน้องเอด้วย” พี่โจ้สั่ง
ไอ้พี่หน้าเถื่อนหันมาส่งสายตาพิฆาตให้ผมก่อนจะเดินไปที่โรงอาหาร กูจะโดนพี่เค้าเล่นมั้ยเนี่ย
“งั้นสัมภาษณ์เลยได้มั้ยครับ”
“จ๊ะ” พี่โจ้ยิ้มหวานให้ โห ใจแทบละลาย ใครว่าเด็กเรียน เนิร์ดๆจะไม่น่ารักว่ะ
“พี่โจ้มีเคล็ดลับอะไรบ้างอ่ะครับ ทำไมถึงเรียนเก่งมาก ได้ 4.00มาเกือบตลอด”
ผมเริ่มคำถามมีสาระก่อน
“ก็ไม่มีอะไรมากครับ เราต้องตั้งใจในสิ่งที่เราทำก่อน และต้องทำมันให้ดีที่สุด อย่างพี่ก็ค่อนข้างทุ่มเทกับการอ่านหนังสือมากเป็นพิเศษ แต่ก็ต้องแบ่งเวลาไปทำอย่างอื่นด้วย เพราะความรับผิดชอบของเราไม่ได้มีแค่การเป็นนักเรียนอย่างเดียว” 
“พี่ชอบวิชาอะไรมากเป็นพิเศษอ่ะครับ”
“ที่จริงชอบเกือบหมดนะ แต่ชอบจริงๆคงเป็นคณิต” พี่เขาตอบไปยิ้มไป
“ทำไมอ่ะครับ ส่วนมากคนชอบวิชานี้น้อยนะ” ผมย้อน
“พี่ว่าวิชานี้มันได้ใช้ความคิดอะไรหลายอย่าง ใช้หลักเหตุผล การวิเคาระห์ และพัฒนาสมองได้ดีทีเดียว”
พี่เขาตอบอย่างคนที่มีความคิดจริงๆ มีคนอย่างนี้น้อยเนอะ
“พี่อยากเรียนต่อคณะอะไรเหรอครับ”
“อืมม จิตวิทยาครับ”
ผมทำหน้าตกใจเล็กน้อย เพราะคณะนี้เรียนยากอ่ะ “ทำไมอ่ะครับ”
“ก็ พี่อยากเรียนรู้ถึงจิตใจของคน พี่ว่าจิตใจของคนเป็นอะไรที่เข้าใจยากที่สุด” พี่เค้าตอบ แถมทำหน้าเศร้าไปสักพัก แล้วก็เปลี่ยนหน้ามายิ้มให้เหมือนเดิม
และผมก็ถามไปอีกสองสามคำถาม ก่อนจะรีบถามคำถามที่ไม่ได้เกี่ยวกับคอลัมน์เลย
“เออ พี่ครับ พี่คนนั้น เค้าทำไมถึงดูหวงพี่อ่ะครับ” ผมถามไปมองซ้ายมองขวาไปกลัวพี่แกจะมาซะก่อน
พี่โจ้หัวเราะใหญ่เลย “ไอ้โจ มันก็บ้าๆบอๆอย่างนี้แหละ ไม่มีอะไรหรอก”
ไม่มีอะไรได้ไง มองอย่างกับจะฆ่ากันเลย
“อืมม แล้วน้องทำไมอยากจะมาสัมภาษณ์พี่ล่ะ” พี่โจ้ยิงคำถามผมกลับ
ตอบยังไงดีว่ะกู เหตุผลจริงๆนะเหรอ คือผมชอบพี่ไงครับ
“พี่เก่งขนาดนี้ แถมน่ารักอีกต่างหาก เออหมายถึง นิสัยดีอ่ะครับ ที่ชมรมเค้าอยากให้พี่ลงคอลัมน์นี้
“ขอบใจนะครับ” พี่โจ้ยิ้มให้อีกแล้ว กูจะละลายอีกแล้ว
“ผมขอถ่ายรูปนะครับ ต้องเอารูปไปลงด้วยอ่ะครับ” ผมรีบคว้ากล้องมาทันที จะถ่ายสักสิบ ยี่สิบรูปเลย
“เฮ้ย! เดี๋ยยวค่อยถ่าย แดกไอติมไปก่อน เดี๋ยวมันละลาย กูอุตส่าห์เดินไปซื้อมาให้”
แล้วพี่หน้าเถื่อนก็ยื่นไอติมมาให้ผม จะถ่ายอยู่แล้วเชียว
ผมรับไอติม และก็รีบๆกินจะได้ถ่ายรูป
พลางมองไปทางพี่สองคนนั้น พี่หน้าเถื่อนแกล้งเอาไอติมไปหยดที่แว่นตาพี่โจ้
“ทำบ้าอะไรว่ะ” พี่โจ้โวยวาย พร้อมถอดแว่นมาเช็ด
โอ้ว! ตอนพี่โจ้ถอดแว่น หล่อมากกกกกก
ผมคว้ากล้องมาถ่ายทันที
“ถ่ายอะไรว่ะ” พี่หน้าเถื่อนทำหน้าเข้มใส่ผม
“เออ เออ เออ” ไม่กล้าตอบอ่ะกลัวโดนต่อย
“น้องเค้าจะถ่ายไปลงคอลัมน์นะ” พี่โจ้มาช่วยชีวิตผมไว้ ผมเกือบตายแล้ว
“งั้น มึงถ่าย พี่สองคนได้เปล่า” แล้วพี่หน้าเถื่อนก็คว้าพี่โจ้ไปกอด
ผมอึ้งไปเลยครับ แบบ ไม่เห็นเหมาะกันเลยคู่นี้
ผมเลยจำใจถ่ายรูปพี่โจ้ กับพี่หน้าเถื่อนไปด้วย
แต่ก็ไม่วายขอร้องพีโจ้ถอดแว่น แล้วถ่ายไปอีกหลายรูป
กูจะเอาไปขายพวกที่ชอบพี่เค้า เพื่อนผมมีคนหนึ่งชอบพี่เค้ามาก มันเหมาหมดแน่
แล้วผมก็เดินไปสัมภาษณ์พี่คนต่อไป
******************************************************************************************************************************
ติดตามการสัมภาษณ์คนต่อไปเร็วๆนี้นะครับ
เดี๋ยวเย็นๆจะมาตอบคำถามนะครับ
หัวข้อ: Re: Three Couple of loveความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก UpDate:23/09/08:ภาค2 ม.6 คนที่ 1
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 23-09-2008 10:27:39
คู่โจ้ - โจ นี้ก็น่ารักน่ะเนี่ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: Three Couple of loveความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก UpDate:23/09/08:ภาค2 ม.6 คนที่ 1
เริ่มหัวข้อโดย: jojoe ที่ 23-09-2008 13:46:47
ตอบคำถามครับ

dorgchant – ถ้าอ่านภาคที่1 จะรู้ว่าโจ้เป็นเด็กลูกครึ่ง ไทย-ฮอลแลนด์ ไม่แปลกที่จะน่าตาดีกว่าเด็กคนอื่น แต่ส่วนมากคนชอบโจ้เพราะนิสัยที่เป็นคนเรียบร้อย และยิ้มเก่ง

Tifa – ภาคต่อของภาคหนึ่ง ผมเคยเกริ่นไว้แล้วในบทนำภาคที่2 สามารถอ่านได้ที่หน้า 5 นะครับ

iamhappywood – ถ้าอยากรู้ว่าปัจจุบันเป็นยังไงบอกได้แค่ว่า โจ้ก็ยังรักกับอาจารย์เบน เชียร์ก็คบอยู่กับพี่เอก ส่วนปอยังไม่คบใคร แต่เหน่งจะอยู่ใกล้ๆเสมอ เหมือนเป็นแฟนกันอยู่ดีละครับ

pongsj – ผมเองก็อยากให้จบแบบนี้ เพราะเรื่องจริงมันแตกต่างจากนี้ลิบลับ

marchmenlo – อย่าว่าแต่คนอ่านเลย ผมเองก็สงสารปอ ทำไมแต่งให้เศร้าซะขนาดนั้น แต่เจอแบบนี้ทำให้นายปอ แกร่งกว่าคนอื่นๆนะครับ พอจบภาคนี้ ผมคิดถึงภาค3ไว้นะ เรื่องตอน3คนนี้เข้าทำงาน แต่แค่คิดไว้ยังไม่แน่ใจว่าจะแต่งต่อหรือเปล่า

jobisuka – ตอนม.6ขอลงแค่ตอนเดียวนะครับ เพราะเรื่องของทั้งสามคนจบแล้ว ช่วงนี้ค่อนข้างไม่ได้สนใจผู้ชายกันเท่าไร เพราะทั้งสามคนเตรียมเอนท์กันสุดฤทธิ์ เพราะยังไงอนาคตของตัวเองย่อมมาก่อนผู้ชายแน่นอนครับ ส่วนเรื่องป็อบปูล่าไหม ลองอ่านตอนม.6แล้วกันครับ

dorgchant – เรียนประจำถึงจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น แต่มันก็มีทั้งข้อดีข้อเสียอ่ะครับ ผมเองเจอมาทั้งสองแบบ แม้จะมีกุ๊กกิ๊กบ้าง แต่พอทะเลาะกันเนี้ยเรื่องใหญ่เลยะครับ เอาเป็นว่าเป็นประสบการณ์ชีวิตในวัยเด็กก็แล้วกันครับ

meawkung02 – ตอนม.6อาจจะไม่มีอะไรให้ลุ้นนะครับ ถือว่าเอามาเป็นตอนพี่เศษก็แล้วกัน

Junrai_Hyper – ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะครับ สู้ๆ สู้ตาย


หัวข้อ: Re: Three Couple of loveความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก UpDate:23/09/08:ภาค2 ม.6 คนที่ 1
เริ่มหัวข้อโดย: dorgchant ที่ 23-09-2008 13:56:07
เย้ มาแล้วๆๆ  :m4:

อ่านมันที่ทำงานเลยละกัน ใจร้อน
--------------------------------------------------------------------------

แล้วงานวันเลี้ยง โจ้จะได้เจอกับโจ ไหมน้อ  :o8:
หัวข้อ: Re: Three Couple of loveความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก UpDate:23/09/08:ภาค2 ม.6 คนที่ 1
เริ่มหัวข้อโดย: meawkung02 ที่ 23-09-2008 14:45:07
ค้าบบ...แล้วจะรอตอนพิเศษนะค้าบบ...^^


ปล. แค่ตอนแรก โจ้ ก้อฮ๊อตขนาดนี้แย้วอ่า...อิอิ
หัวข้อ: Re: Three Couple of loveความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก UpDate:23/09/08:ภาค2 ม.6 คนที่ 1
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 23-09-2008 16:50:36
อ้างถึง
Tifa – ภาคต่อของภาคหนึ่ง ผมเคยเกริ่นไว้แล้วในบทนำภาคที่2 สามารถอ่านได้ที่หน้า 5 นะครับ


คือว่าอยากรู้ต่ออะครับว่าตกลงปอจะ........มั้ยอะ อยากให้ลงเอยสักทีใน3คนนี้ ปอดูค้างคาที่สุด

ปล. ตอนใหม่ก็ดีนะครับ เปลี่ยนคนดำเนินเรื่อง น่าสนุกๆ
หัวข้อ: Re: Three Couple of loveความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก UpDate:23/09/08:ภาค2 ม.6 คนที่ 1
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 23-09-2008 17:36:53
อย่าบอกนะครับ ว่ารอบนี้จะรักรุ่นน้อง

อิอิ
หัวข้อ: Re: Three Couple of loveความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก UpDate:23/09/08:ภาค2 ม.6 คนที่ 1
เริ่มหัวข้อโดย: marchmenlo ที่ 23-09-2008 22:57:34
:m4: ดี ๆ คับ ได้พักสมองมั่งอ่านแล้วสนุกดี ฮากับโจที่คอยหึง กะเด็กมันก็ไม่เว้น กรรม..
หัวข้อ: Re: Three Couple of loveความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก UpDate:24/09/08:ภาค2 ม.6 คนที่ 2
เริ่มหัวข้อโดย: jojoe ที่ 24-09-2008 22:00:15
คนที่ 2
พี่คนนี้ถือว่าป๊อบปูล่าตัวจริง เพราะน่าตาดีมาก เป็นถึงดรัมเมยอร์ไม้หนึ่ง เมื่อปี่ที่แล้ว
ไอ้จอร์จ ดรัมเมยอร์ไม้หนึ่งปีนี้ (เพื่อนผมเอง หล่อที่สุดในรุ่นแล้วเนี่ย) ยังเทียบไม่ติดเลย
แต่พี่แกแปลก เป็นประธานชมรมอนุรักษ์ฯ ซึ่งต่างรู้ว่าเป็นชมรมสำหรับคนรักงานกรรมกร
แต่พี่เค้าดูคุณหนูมากๆ ทั้งกิริยา และหน้าตา แต่เป็นถึงประธานชมรม
ผมเก็บความสงสัยไว้เพื่อการสัมภาษณ์ครั้งนี้
ผมมาถึงแปลงเพาะปลูกต้นไม้ของชมรมอนุรักษ์ฯ ซึ่งอยู่ทางด้านหลังของหอพัก
ผมเห็นพี่เชียร์กำลังรดน้ำต้นไม้อยู่
ผมมองพี่เค้าตาไม่กระพริบเลย ขนาดท่ารดต้นไม้ยังน่ารักเลยอ่ะ
“พี่ครับ” ผมเรียกพี่เค้าไม่ได้ยิน เรียกอีกครั้ง เค้าก็ไม่ได้ยิน
ผมเลยเดินไปแตะที่บ่าของพี่เชียร์
“เฮ้ย!” พี่เค้าตกใจ แต่ดันหันสายยางที่ฉีดน้ำมาด้วย
ตัวผมเลยเปียกไปทั้งตัว
“ขอโทษ น้องมาแบบนี้พี่ก็ตกใจดิ” พี่เค้ารีบหาผ้ามาให้ผมใหญ่
พอผมเช็ดตัวจนพอแห้งได้แล้ว จึงบอกกับพี่เชียร์
“ผมชื่อ เอ นะครับ ผมมาจากขมรมหนังสือของโรงเรียน จะมาขอสัมภาษณ์พี่อ่ะครับ”
“อ้าวเหรอ งั้นน้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนไหม” พี่เชียร์ดูเป็นห่วงผม ผมเนี้ยน้ำตาแทบไหลเลยคร้าบ
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมรบกวนพี่แป๊บเดี๋ยวครับ”
“โอเคก็ได้ครับ” พี่เชียร์ยิ้ม รอยยิ้มพี่เค้าทำตัวผมแห้งเลยอ่ะครับ(เว่อร์ซะ)
“ทำไมพี่ถึงเข้าชมรมอนุรักษ์อ่ะครับ แบบว่า ดูพี่ไม่ค่อยเหมาะกับชมรมแบบนี้”
ผมถามตรงๆ พี่เชียร์ยิ้มแล้วก็หันไปมองบรรดาต้นไม้ที่อยู่ด้านหลัง
“ตอนแรกพี่โดนหลอกเข้ามา แต่พอๆอยู่ไป พี่ก็รู้สึกผูกพัน และก็พี่ทำตามคำสัญญาของ...”
พี่เชียร์เว้นวรรคไป ผมลุ้นในใจ ใช่พี่ประธานคนก่อนป่าว เห็นกิ๊กกันอยู่นี้
“ของบรรดารุ่นพี่ รุ่นก่อนๆ ที่เข้ารักชมรมนี้ อีกอย่างพี่ว่า ตอนนี้โลกร้อน มาใส่ใจธรรมชาติดีกว่าเนอะ”
พี่เขายิ้มให้ผม ผมพยายามควบคุมสติไว้ แต่มันเคลิ้มทุกทีเลย
แล้วก็มีใครบ้างคนมาเขามาแทรกการสัมภาษณ์
“อ้าว อั้ม มีอาไรเหรอ” พี่เชียร์ยิ้มให้ พี่อั้ม ประธานชมรมบาส
ผมเงยมองหน้าพี่เขา เพราะพี่แกสูงเกือบ190 แถมหล่อโคตร หุ่นก็ล่ำเกินวัยเด็กม.6
“จะชวนไปกินข้าวนะ” พี่อั้มยิ้มหวายให้พี่เชียร์
“กินคนเดียวไม่เป็นเหรอไง” พี่เชียร์แขวะ
“ไม่เคยมีใครปฏิเสธเรานะ เชียร์เป็นคนแรกเลยนะ ยอมไปกินกับเราเถอะ” พี่อั้มเดินมาใกล้พี่เชียร์
พี่เชียร์เขยิบตัวออกไป พร้อมส่ายหน้า “ไม่อ่ะ เรามีธุระ เราสัมภาษณ์หนังสือโรงเรียนอยู่ อีกอย่าง เราว่าจะไปกินกับน้องเขาด้วย”
พี่เขาเอาผมมาเป็นไม้กันหมาซะงั้น
“พรุ่งนี้ไปก็ได้ แต่ให้ครั้งเดียวนะ เพราะเราอยากไปกินกับเพื่อนมากกว่า” พี่เชียร์พูดปัดไป เพราะคงคิดว่าถ้าไม่พูดแบบนี้ พี่อั้มคงตื้อต่อแน่ๆ
“ได้ได้”มีขู่ด้วย พี่อั้มเลยเดินจากไป พร้อมส่งสายตาพิฆาตมาให้ผมแทน วันนี้ทำไมมีคนเกลียดกูจังว่ะ
“เรื่องที่พี่จะไปกินกับข้าวกับเอ เรื่องจริงนะ เดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง” พี่เชียร์เค้าคงกลัวผมคิดว่าพี่เขาเอาผมเป็นข้ออ้าง
ผมได้ยินดังนั้น หัวใจจะวาย นึกว่าฝันไปนะเนี้ย
ไอ้พี่อั้มที่พวกกะเทยในโรงเรียนกรี๊ดๆกัน เขายังปฏิเสธเลยแต่ไปกินกับผมที่ธรรมดา กระจอกงอกง่อย
“เชื่อซิ เดี๋ยวไอ้อั้ม ก็ไปกินกับ พิงค์กี้ ไม่รู้จะมาหาพี่อีกทำไม” พี่เชียร์แฉให้ผมฟัง
ผมก็พอรู้ว่าพี่อั้ม แกคบยัยพิงค์กี้ กะเทยสาวสุดสวยประจำโรงเรียนอยู่
“สัมภาษณ์ไป เดินไปดีกว่ามั้ย” พี่เค้าแนะนำ ผมเลยเดินตามพี่เค้าไป
“แล้วพี่เขียร์อยากเข้าเรียนต่อคณะไหนเหรอ” ผมถาม
“คงเป็นด้านนิเทศ ไม่ก็ด้านศิลปกรรม พี่ชอบเกี่ยวกับออกแบบเสื้อผ้านะ”
เหมาะกับพี่มากเลย หน้าตาอินเทรนด์แบบนี้ รุ่งแน่
ผมถามไปอีกหลายคำถาม เวลาเดินไปก็มีคนมองไป
คือพี่เค้าดังอยู่แล้วอ่ะ คนรู้จักเยอะ
“อืมม ตอนนี้พี่มีแฟนยังครับ” ผมเผลอถามไปซะงั้น พี่เค้าหันมามองทำหน้างงงง
“จะเอาไปลงหนังสือเหรอคำถามเนี้ย”
“ป่าวๆคับ พอดีมีคนอยากรู้เยอะ” ที่จริงผมนั้นแหละที่อยากรู้
แล้วก็มีคนเดินมาหาพี่เชียร์ พี่บี้ ประธานชมรมการแสดงนี้หว่า คนเนี้ยแกหล่อมาก มีข่าวว่าค....ย ของแกใหญ่ใช่เล่น
“เชียร์ เมื่อไหร่จะไปกินไอติมกับเรา เมื่อวานก็ไม่ไป บอกว่าไปวันนี้ไม่ใช่เหรอ”
กรณีเดียวกับพี่อั้มเป๊ะ
“เรายุ่งอยู่ สัมภาษณ์ลงคอลัมน์ในหนังสือโรงเรียนอยู่” พี่เชียร์พยายามยิ้ม
“โห ปัดเราตลอดเลยนะ เมื่อไรจะมาเป็นSomeoneของเราซะทีล่ะ” พี่แกทำท่าเป็นชี้มาที่ตรงหน้าอกข้างซ้ายของพี่เชียร์
“พรุ่งนี้ชัวร์ โอเคป่ะ” พี่เชียร์เอามือปัดพี่บี้ออก
“ได้ๆ แต่จำไว้นะ I need somebody love และเราอยากให้เป็นเชียร์จัง” ยังปล่อยมุขอีกนะ
และพี่แกเดินสวนผมพร้อมส่งสายตาพิฆาตอีก ผมถอนหายใจ กูได้ไปกี่ตีนแล้วเนี้ย
พี่เชียร์ถอนหายใจ “อย่าไปสนใจคนพวกนี้เลย”
ผมพยักหน้า แล้วก็มีคนเดินมาชนผม จนผมเซไปนิดนึง เงยมาเจอ
พี่รุจ ประธานชมรมร้งเพลงประสานเสียง คนนี้หล่อแบบคุณชาย และรวยมาก พ่อเป็นสส ด้วย
“เชียร์คร้าบ วันไหนจะได้ไปเดินเล่นกัน” พูดซะหวานไม่พอ ส่งตาหวานอีก
“เราไม่ว่างอ่ะ ต้องสัมภาษณ์ลงคอลัมน์ในหนังสือโรงเรียนนะ เป็นวันพรุ่งนี้ได้ไหม”
พี่เชียร์เริ่มทำหน้าเอือม
“ได้ครับ แต่ครั้งหน้าห้ามพูดอย่างนี้อีกนะ เพราะเชียร์ หมดเวลาแก้ตัว แล้ว”
พี่เชียร์ยิ้มให้พร้อมพยักหน้า
พี่รุจเดินสวนผม พร้อมส่งสายตาพิฆาตมาให้อีก
กูจะโดนเก็บไหมเนี้ย
“เมื่อกี้ถามเรื่องแฟนใช่ไหม ไม่มีหรอก ตอนนี้ขอสนใจเรื่องเรียนก่อนดีกว่า อีกอย่าง คนพวกนั้นก็หวังจะฟันพี่ทั้งนั้น เก็บให้แฟนฟันคนเดียวดีกว่าเนอะ” พี่เชียร์พูดติดตลก ผมเองฟังไปก็เคลิ้มไป
ผมขอตัวพี่เค้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้า โดยพี่เค้ารออยู่หน้าห้อง
ผมเข้าไปเจอไอ้ตอล นั่งเล่นเกมส์กดอยู่
“เฮ้ย มึงไปกินข้าวยัง” มันถามผม
“เดี๋ยวไปเนี้ย” ผมเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว
“ไปด้วยเด่ะ” มันดึงแขนผม
“ไม่ต้องเลย หยุดเลย” ผมห้ามมันทันที ผมอุตส่าห์มีโอกาสได้กินข้าวกับพี่เชียร์สองต่อสอง
“มึงต้องมีอะไรแน่ๆเลย” ว่าแล้ว มันก็เดินไปเปิดประตู
มันเจอพี่เชียร์ยืนยิ้มอยู่นอกห้อง มันคงตกใจไม่แพ้ผม มันหวัดดีพี่เขาแป๊บนึง มันก็รีบปิดประตูทันที
“เฮัย! พี่เชียร์ประธานชมรมอนุรักษ์นี้หว่า ทำไมคนอย่างมึงถึงได้ไปกินข้าวกับพี่เขา”
มันเริ่มดูถูกผม เออกูไม่หล่อเหมือนมึง ที่มีแฟนคลับมาแห่รอบล้อมเหมือนมึงนี้หว่า
“กูต้องไปสัมภาษณ์พี่เค้าลงคอลัมน์ กูทำงานนะ มึงไปด้วย เดี๋ยวมึงก็จีบพี่เค้าอีก”
ผมห้ามมันครับ เพราะมันหน้าหม้อจะตาย
“ขอร้องเถอะเพื่อน พี่คนนี้สเป็คกูเลยนะ” มันเริ่มเว้าวอน
“พี่นัทของมึงล่ะ ใครเค้าก็รู้ว่ามึงคบกับพี่นัท” ผมเริ่มแขวะมัน  เห็นมันตามง้อพี่นัทมาเกือบแรมปีจนพี่เค้าใจอ่อนให้มันไปนอนที่ห้องเกือบทุกวี่ทุกวัน
“เฮ้ย! กูคบกันแบบพี่น้องเว้ย มึงอ่ะ กูแค่ไปกินข้าวเอง” มันนี้จริงๆเลย และแล้วผมก็คิดแผนแกล้งมันออก
“เออ ก็ได้ งั้นมึงไปกินข้าวกับพี่เชียร์พรุ่งนี้ดีกว่า เห็นพี่เค้าบอกว่าว่าง เดี๋ยวกูจัดการให้”
มันยิ้มร่าเลยครับ หารู้มั้ยว่า มันคงได้กินตีน พี่อั้ม พี่บี้ พี่รุจแน่ๆ
ผมรีบออกมาหาพี่เชียร์ พร้อมเดินไปกับพี่เขา
“เออ พี่กินข้าวกับเพื่อนนะ” พี่เค้าหันมาบอกผม
ผมใจแป้วเลยครับ นึกว่าได้กินกันสองต่อสอง
ปรากฏว่าคนที่มากินข้าวกับเราด้วยคือ พี่ปอ คนที่ผมจะสัมภาษณ์เป็นคนต่อไปนั้นเอง

***********************************************************************

ติดตามการสัมภาษณ์น้องปอในตอนต่อไปนะครับ
หัวข้อ: Re: Three Couple of loveความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก UpDate:24/09/08:ภาค2 ม.6 คนที่ 2
เริ่มหัวข้อโดย: dorgchant ที่ 24-09-2008 22:06:53
เย้ๆ มาแล้ว  :m4:

ขอเวลาอ่านแปปนะครับ
-------------------------------------------------------
เอ่อ ครือ..... อั้ม บี้ ต้อล นัท รุจ ชื่อแต่ละคน  :m12:
แถมมียัยพิงค์กี้อีก
หัวข้อ: Re: Three Couple of loveความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก UpDate:24/09/08:ภาค2 ม.6 คนที่ 2
เริ่มหัวข้อโดย: snowblack ที่ 24-09-2008 22:53:11
รอตอนต่อไปนะครับ ^^
หัวข้อ: Re: Three Couple of loveความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก UpDate:24/09/08:ภาค2 ม.6 คนที่ 2
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 24-09-2008 23:00:29
เชียร์นี้ฮ๊อตสุดเลยน่ะ อิอิ
หัวข้อ: Re: Three Couple of loveความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก UpDate:24/09/08:ภาค2 ม.6 คนที่ 2
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 24-09-2008 23:09:10
แหม pop กันใหญ่

เ่อ่อ แต่ปอนี่จะ pop แบบไหนอะ
หัวข้อ: Re: Three Couple of loveความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก UpDate:24/09/08:ภาค2 ม.6 คนที่ 2
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 24-09-2008 23:12:21
ลุ้นๆ จะเป็นยังงัยต่อ
หัวข้อ: Re: Three Couple of loveความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก UpDate:24/09/08:ภาค2 ม.6 คนที่ 2
เริ่มหัวข้อโดย: marchmenlo ที่ 24-09-2008 23:25:41
:o8: น้องเอน่ารักอ่ะ ขำ ๆ แต่ท่าทางอายุจะไม่ค่อยจะยืนเท่าไหร่ :laugh:
หัวข้อ: Re: Three Couple of loveความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก UpDate:24/09/08:ภาค2 ม.6 คนที่ 2
เริ่มหัวข้อโดย: meawkung02 ที่ 25-09-2008 07:20:57
นั่นสิคับ...สงสัย อายุจะไม่ยืนจิงๆ...อิอิ
หัวข้อ: Re: Three Couple of loveความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก UpDate:24/09/08:ภาค2 ม.6 คนที่ 2
เริ่มหัวข้อโดย: jojoe ที่ 27-09-2008 21:57:43
คนที่ 3
ผมนั่งมองพี่ปอ ตาไม่กระพริบเลยครับ พี่เค้าเท่ห์มาก มีไว้หนวดด้วย
ผมจำได้ว่างานตอนรับน้อง ผมไปกรี๊ดอยู่หน้าเวที ทั้งพี่บิ๊กนักร้องนำ และทั้ง พี่ปอที่เป็นมือกีต้าร์
ยอมรับว่าวันนั้นเผลอสาวแตกไป (วันเดียวเท่านั้นครับ)
แต่ผมชอบบุคลิกของพี่เค้าครับ คือ เป็นคนพูดน้อย ทำหน้าครึม ชอบพกกีต้าร์ตลอด
“น้องเอ กินอะไร เดี๋ยวพี่ไปสั่งให้” พี่เชียร์ถามผม ผมตอบไปขอข้าวไขเจียวก็พอ แบบว่าเกรงใจอ่ะ
“มึงสั่งให้กูด้วยดิ” พี่ปอหันไปบอกพี่เชียร์
“ขี้เกียจเชียวนะมึง เออ เดี๋ยวสั่งให้” พี่เชียร์ก็เดินไปสั่งกับข้าว
ปล่อยให้ผมนั่งอยู่กับพี่ปอสองคน
“หวัดดีครับ ผมชื่อเอ นะครับ จะมาขอสัมภาษณ์พี่ ลงคอลัมน์หนังสือโรงเรียนอ่ะครับ”
พี่ปอทำหน้าประหลาดใจเล็กน้อย
“ไม่มีอะไรจะให้สัมภาษณ์ ไปสัมภาษณ์คนอื่นเถอะน้อง”
ผมโดนปฏิเสธ ใจหายเลยครับ
พี่เค้าเห็นผมน้ำตาซึมเลยเปลี่ยนใจ “เออก็ได้”
ผมกระโดดตัวลอยเลยครับ
“คือ พี่ครับ ทำไมพี่ถึงอยากจะเล่นกีต้าร์อ่ะครับ” ผมถาม
“ตอนเด็กๆพี่คิดว่ามันเท่ห์ดี แต่ตอนนี้พี่ว่ามันสามารถพูดแทนพี่ได้ เพราะบางครั้งคนเราพูดกัน อาจไม่เข้าใจ แต่ดนตรีอาจทำให้เราเข้าใจกันได้”
โอ้วแม้เจ้า บาดใจมากครับ
“แล้วตอนนี้ มีใครมาเป็นนักร้องนำยังอ่ะครับ เพราะพี่บิ๊กออกไปแล้ว”
พอผมพูดชื่อพี่บิ๊ก พี่ปอหน้าเศร้าเลยอ่ะ คงฝังใจมั้ง ได้ข่าวว่ารักกันมาก ที่จริงผมก็เคยเห็น พี่เค้าสนิทกันมาก ผมเนี้ยอิจฉามากเลย
“ได้แล้วครับ แต่เป็นนักเรียนโรงเรียนอื่นนะ เป็นเพื่อนพี่สมัยประถม” พี่ปอทำหน้าตาปกติแหละ
“ตอนนี้พี่สอบโควต้าติดแล้วใช่ป่ะครับ” ผมได้ยินว่าพี่เค้าสอบตรง โดยเล่นกีต้าร์เนี้ยแหละ
“ใช่ครับ คณะดุริยางคศิลป์ เอกดนตรีสากล ครับ”
พี่ผมเก่งป่าว
“พี่ใช่เพลงอะไรเข้าไปสอบครับ”
“เดี๋ยวพี่เล่นให้ฟังเลยดีกว่า” ว่าแล้วพี่เค้าก็คว้ากีต้าร์มาเล่นทันที เป็นบุญหูกูจริงๆ
“หากบังเอิญสายตาเธอจะผ่านมาที่ฉัน แหละเธอนั้นบังเอิญจะสนใจ
หากบางทีหัวใจเธอเจอสิ่งที่ซ่อนไว้ ก็คงเพราะว่าใจเราตรงกัน

แต่มันคงไม่มีทางเป็นอย่างที่คิดไว้ แหละเราไม่มีทางจะรักกัน
แหละไม่มีเรื่องบังเอิญจะเกิดขึ้นทั้งนั้น เพราะฉันคิดฝันไปคนเดียว

อยู่กับความเหงา กอดกับความฝัน อยู่กับความหวังที่มันยังไม่หายไป
อยู่กับความรักที่มันบังเอิญไม่เป็นใจ เพราะไม่มีทางจะมีเธอ

ก็คงเป็นเพราะความจริง มันต่างจากที่ฝัน และเธอนั้นไม่เคยจะสนใจ
แต่บังเอิญฉันยืนยันจะเก็บความฝันไว้ เก็บมันไว้ให้เธอเพียงคนเดียว

อยู่กับความเหงา กอดกับความฝัน อยู่กับความหวังที่มันยังไม่หายไป
อยู่กับความรักที่มันบังเอิญไม่เป็นใจ เพราะไม่มีทางจะมีเธอ

มีเพียงความเหงา มีเพียงความฝัน เพียงเธอเท่านั้นที่มันยังขาดหายไป
ก็มีความรัก แต่เธอบังเอิญไม่มีใจ ฉันไม่มีทางจะมีเธอ

ก็ฝันว่าซักวันจะมีเธอ”
ผมนั่งฟังจนน้ำตาซึมไปเลยครับ พี่เค้าร้องเพลงเพราะพอๆกับเล่นดนตรีเลยอ่ะ
“ร้องเพลงจีบน้องเค้าเหรอ” พี่เชียร์เดินมาพอดี พร้อมจานกับข้าว
“ป่าวครับ พอดีผมสัมภาษณ์พี่เค้าไปด้วย” ผมบอกพี่เชียร์ คนอย่างผมนะเหรอพี่ปอจะมาจีบ
“พูดเล่นนะ เพราะตอนนี้พี่ปอเค้ามีหนุ่มมาดามหัวใจแล้ว” พี่เชียร์แซว
อย่าบอกนะว่า นักร้องนำคนใหม่
“หุบปากไปเลย เอาข้าวยัดปากไปเลยนะมึง”
สองคนนี้เค้าด่ากัน น่ารักเชียว
“เออ ผมจะขอถ่ายรูปด้วยนะครับ” ผมหยิบกล้องมา
พี่เชียร์ดูจะเต็มใจ แต่พี่ปอไม่ค่อยจะอยากถ่ายเท่าไร
แต่ผมก็ได้ถ่ายพวกพี่เขาไปหลายรูปอยู่
“น้องเอ พอดีพวกพี่ไปถ่ายรูปกันมา ในร้านมันแต่งรูปซะเว่อร์เลย อาจจะดูดีกว่าที่น้องถ่ายก็ได้”
แล้วพี่เชียรก็ยื่นรูปมาให้
มีครบทั้งสามคนเลยครับ ผมไม่สนว่ามันแต่งหรือไม่แต่ง รู้แต่ว่า น่ารักทุกคนเลยอ่ะ
พี่โจ้นั่งบนโซฟา ไม่ได้ทำท่าอะไรเลยยิ้มอยู่อย่างเดียว และถอดแว่นด้วย น่ารักโคตร
พี่เชียร์มีโพสต์ท่าเล็กน้อย แบบว่าทำท่าเสยผม ก็หล่อมากกก
พี่ปอนั่งอีกฝาก กดออกเฉยๆ ก็เท่ห์มากกกกกก
“ขอบคุณครับพี่ ขอบคุณจริงๆครับ”
น้ำตาไหลออกมาไม่รู้ตัวเลยครับ เคยไหมครับ เวลาปลื้มใครมากๆ แล้วเราได้ของจากเขาคนนั้น มันดีใจจนพูดอะไรไม่ออกเลย
******************************************************************************************************************************
เวลาผ่านล่วงเลยมาเกือบ 5 ปี ผมยังจำเหตุการณ์วันนั้นได้ดี
นึกแล้วก็ขำๆ ไม่นึกว่าตัวเองจะบ้าอะไรได้มากขนาดนี้
แต่ก็อยากรู้นะว่า ตอนนี้พี่เค้าเป็นยังไงกันบ้าง จะน่ารักเหมือนเดิมหรือเปล่า
มีแฟนไปแล้วหรือยัง
ทำงานอะไรกันอยู่
ผมจึงตัดสินใจมางานรวมรุ่นที่โรงเรียนจัดขึ้น หวังจะเจอพวกพี่ๆเขาอีกครั้ง
ผมมาที่งานโรงเรียน ภาพเก่ามันก็เข้ามาในหัว
นึกถึงตอนนั้นทีไรก็นึกขำทุกที
แล้วสิ่งที่ผมหวังก็เป็นจริง
พี่โจ้ได้เรียนจิตวิทยาสมใจ จบออกมาเป็นผู้ช่วยจิตแพทย์ที่คลินิกแห่งหนึ่ง ตอนนี้ดูพี่เค้าเป็นผู้ใหญ่มาก แต่หน้าใส และน่ารักเหมือนเดิม มีทำสีผมด้วย ทำให้หน้าพี่เค้ายิ่งเหมือนฝรั่งเข้าไปใหญ่ มีคนบอกว่าพี่เค้าคบอยู่กับอาจารย์ที่มหาลัยที่แกเรียนมา
อาจารย์คนนั้นโชคดีมากๆที่มีแฟนเป็นคนน่ารักอย่างพี่โจ้
พี่เชียร์นี้เปลี่ยนไปเยอะครับ ผมยาวสไตล์เกาหลี แต่งตัวหรูมากๆ เรื่องน่าตาไม่ต้องพูดถึง หล่อมากๆ ตอนนี้พี่เชียร์ทำงานให้แบรนด์เสื้อผ้ายี่ห้อหนึ่ง ไม่แน่ใจว่าเป็นดีไซเนอร์หรือเปล่า แต่พอรู้ว่า แกไปอยู่ที่อเมริกาหลายปี กับแฟนตี๋หนุ่ม ท่าทางคนนั้นคงจะหล่อไม่แพ้พี่เชียร์ เพราะคนที่มาจีบพี่เชียร์หล่อๆทั้งนั้น
พี่ปอนี้ยังเท่ห์ไม่เปลี่ยนเลยครับ ขนาดแกใส่แค่เสื้อเชิ้ตแขนยาวธรรมดา กับกางเกงยีนส์ แต่หน้าตาหล่อมาก ผมยาวปัดข้าง อารมณ์เซอร์มากๆ เดินมากับพี่บิ๊ก ที่หล่อพอๆกัน แต่พี่บิ๊กออกแนวคุณชาย ไปอยู่อังกฤษซะหลายปีเหมือนฝรั่งเลย สองคนนี้ไม่รู้ว่าเค้าคบกันเหมือนเดิมหรือเปล่า เพราะพี่ปอเค้าเหมือนจะกิ๊กกับนักร้องนำของวงที่พี่เค้าเล่นอยู่
ผมเองก็อยากจะเดินเข้าไปทักพี่เค้านะ แต่พี่เค้าคงจำผมไม่ได้แน่ๆ
ผมขอมองพี่เค้าก็พอ และก็นึกตามว่า อย่างน้อยผมก็มีพวกเขาในความทรงจำก็พอ
-----จบครับผม-----

ตอนพิเศษที่แต่งขึ้นมานี้ แต่งมาชมตัวเองทั้งนั้น ใครเผลออ๊วกไปก็ไม่ว่าหรอกครับ เพราะตั้งใจให้เป็นแบบนั้น

ติดตามบทส่งท้ายของเรื่องในตอนต่อไปนะครับ
หัวข้อ: Re: Three Couple of loveความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก UpDate:27/09/08:ภาค2 ม.6 คนที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 27-09-2008 23:54:50
จิ้มมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม
หัวข้อ: Re: Three Couple of loveความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก UpDate:27/09/08:ภาค2 ม.6 คนที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 28-09-2008 02:24:43
รวมตัวครอบ 3 คน

งานนี้สนุกแน่
หัวข้อ: Re: Three Couple of loveความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก UpDate:27/09/08:ภาค2 ม.6 คนที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: meawkung02 ที่ 29-09-2008 14:46:45
ค้าบ...แล้วจะรอบทสรุปในตอนต่อไปนะค้าบบ...^^
หัวข้อ: Re: Three Couple of loveความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก UpDate:27/09/08:ภาค2 ม.6 คนที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 29-09-2008 17:44:43
กำลังใจมาแล้วคร้าบบบบ

+_+

หัวข้อ: Re: Three Couple of loveความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก UpDate:27/09/08:ภาค2 ม.6 คนที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: snowblack ที่ 30-09-2008 00:19:17
รอตอนจบนะครับ  :a2:
หัวข้อ: Re: Three Couple of loveความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก UpDate:27/09/08:ภาค2 ม.6 คนที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: iamhappywood ที่ 30-09-2008 02:33:42
มาให้กำลังใจ รอตอนต่อไปอยู่ห่างๆ  :laugh:

มาต่อเร็วๆ นะครับ :oni2:
หัวข้อ: Re: Three Couple of loveความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก UpDate:27/09/08:ภาค2 ม.6 คนที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: Pal ที่ 30-09-2008 12:40:41
รอตอนส่งท้ายอย่างใจจดใจจ่อ แต่ตอนหน้าคงยังไม่ใช่ตอนจบใช่ไหมครับ  o12
หัวข้อ: Re: Three Couple of loveความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก UpDate:27/09/08:ภาค2 ม.6 คนที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 01-10-2008 22:57:31
มารอตอนจบด้วยคน  :oni2:

หัวข้อ: Re: Three Couple of loveความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก UpDate:27/09/08:ภาค2 ม.6 คนที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: marchmenlo ที่ 02-10-2008 16:35:57
:oni2: รออยู่น่ะค๊าฟฟ :oni2:
หัวข้อ: Re: Three Couple of loveความรักของหนุ่มน้อย3คน 3บุคคลิก UpDate:27/09/08:ภาค2 ม.6 คนที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: jojoe ที่ 03-10-2008 21:50:10
บทส่งท้าย Season 2

คู่ที่ 1

ผมเดินมาตามทาง พลางนึกถึงวันเวลาเก่าๆ จนมาถึงบริเวณงาน น่าเชื่อว่าจะมีคนมาเยอะ โรงเรียนผมสร้างมาเกือบจะ50ปี มีตั้งแต่รุ่นพี่ที่ตอนนี้ไม่น่าจะเรียกพี่ เพราะอายุคงปาไป 50 - 60 กันแล้ว
ผมพยายามมองเพื่อนรุ่นผม ซึ่งน่าจะไปอยู่แถวด้านท้ายๆของงาน (เลี้ยงแบบโต๊ะจีน)
ส่วนปอ กับ เชียร์ ยังมาไม่ถึง ผมเลยฉายเดี่ยวไปก่อน
และแล้วผมก็เจอเพื่อนๆในห้อง ทุกคนเปลี่ยนไปเยอะ มีงานทำกันเกือบหมดแล้ว บางคนก็เรียนต่อ
เพื่อนบอกผมว่า ดูไม่เนิร์ดเหมือนเมื่อก่อน แต่ก็ดูคงแก่เรียนไม่เปลี่ยน (ตกลงมันชมรึป่าว)
“เออ โจมาหรือเปล่า เราไม่ยักเห็นมันเลย” ผมถามเพื่อน เพื่อนมันก็หันมาซุบซิบกัน
ตกลงในสายตาคนอื่นผมกับโจคงไม่ได้เป็นแค่เพื่อนแน่ๆ
“คิดถึงป๋าเหรอ” เสียงของคนที่ผมบ่นหาก็ดังมาอยู่ที่ใกล้ๆหูของผม
ผมหันไปเจอชายหนุ่มหน้าไม่คอยคุ้นเท่าไร
“อึ้งเหรอ ที่เราหล่อขนาดนี้” มันยังพูดพร้อมเดินเข้ามาใกล้
โจเปลี่ยนไปเยอะมาก ทั้งหน้าตาที่ดูเกลี้ยงเกลาไม่รกไปด้วยหนวดเคราเหมือนเมื่อก่อน การแต่งกายที่ดูดีมากๆ แตกต่างจากเด็กอันธพาลเมื่อสมัยมัธยม
“อืมม ก็ดูเป็นคนขึ้น นึกว่ายังเป็นจิ๊กโก๋เหมือนเดิม” ผมแซว
“แหม มันเป็นหัวหน้ามันฑนากร ของ บริษัทXXXXXเชียวนะมึง” เพื่อนผมอธิบายให้ฟัง
“คงคิดว่าเด็กซ้ำชั้นอย่างกูจะไปไม่รอดอ่ะดิ” มันพูดใส่เพื่อนๆ แล้วก็หันมามองผม
“เราไม่ได้คิดอย่างนั้นซะหน่อย” ผมตอบ
“แล้วทำไมไม่ติดต่อกันเลย” มันเริ่มแขวะ
“ก็งานยุ่ง” ผมตอบไป
“หรือว่า แฟนห้ามโทร” โจเดินมาเข้าใกล้ผมจนตัวเริ่มชิดกัน
“ก็เพิ่งคุยกันเองนะ” ผมรู้สึกเขินๆยังไงไม่รู้ เลยเขยิบตัวออกห่าง
“ใช่! เพิ่งคุย มันก็ได้แค่คุย ทุกครั้งที่เราอยากเจอนาย นายก็ดันปฏิเสธตลอด”
ผมฟังจากน้ำเสียงน้อยใจของโจก็รู้สึกผิด
“เราไปคุยกันที่มันเงียบๆดีกว่าไหม ตรงนี้มันเสียงดังคุยกันไม่รู้เรื่อง” ผมพยายามเอาตัวมันออกไปจากกุล่มเพื่อนที่ฟังการสนทนาอย่างตั้งอกตั้งใจ
“ไม่กลัวเราทำอะไรเหรอ” มันทำเล่นหูเล่นตาใส่ผม
ผมเลยเอื้อมมือไปจับมือมันแล้วรีบลากไปที่อื่น เพื่อนๆไม่วายโหร้องดีใจกันใหญ่
เดินมาถึงอีกมุมหนึ่งของงาน ใกล้ๆกับรูปปั้นพระแม่มารีย์ที่ผมเคยขอพร ในสมัยตอนมัธยม ทำให้นึกถึงพรที่ผมได้รับจากท่าน
ผมรีบปล่อยมือมัน มันดันไม่ปล่อย
“ขอจับหน่อยเถอะ เป็นครั้งแรกที่นายเป็นคนมาจับมือเราก่อน” มันพูดแบบนี้ผมเลยต้องปล่อยให้มันจับ
“แต่ถึงยังไงเราก็ได้จับมือนายแค่ช่วงนี้เท่านั้น คงไม่ได้จับมือนายไปได้ตลอดเหมือน....” มันเว้นวรรค พร้อมมองหน้าผม
“เปลี่ยนเรื่องดีกว่า” แล้วมันก็ปล่อยมือผม หันออกไปมองภาพคนในงานที่อยู่ด้านหน้าเรา
“อาจารย์สุดหล่อเป็นไง ทำไมไม่พามาด้วยล่ะ”
“จะพามาทำไม ขนาดไม่พามา นายยังทำตัวแบบนี้เลย” ผมหันไปแซวมัน
“ทำไงได้ นายเป็นผู้ชายคนแรกที่เราชอบนี้” มันหันมามองผม ทำไมมันทำให้ผมเขินได้ตลอด
“ตื้อมาตั้ง 6ปีแล้ว ควรจะหมดหวังได้แล้วเนอะ” มันพูดอย่างหมดหวัง
ผมเลยเดินไปใกล้ๆมัน พร้อมกอดคอมัน แบบผู้ชายเค้าทำกัน
“เราสองคนอาจไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นแฟนกัน แต่มันก็ต้องมีคนๆหนึ่งรอแก่อยู่ก็ได้”
ผมพูดปลอบใจ มันหันมายิ้มให้
“คิดว่าเราไม่มีแฟนเหรอไง”
ผมอึ้งไปพักหนึ่ง มันก็หยิบกระเป๋าตังค์ขึ้นมา พร้อมโชว์รูปให้ผมเห็น
โจกำลังถ่ายรูปคู่กับผู้ชายคนหนึ่ง ก็น่าตาดูน่ารักดี
“เนี้ยแฟนเราเอง คบมาได้จะสองปีแล้ว” มันพูดพร้อมเก็บกระเป๋าตังค์
“แต่ก่อนนั้น ตอนเราเรียน ก็คบกับรุ่นน้อง แต่แม่งเจ้าชู้ฉิบหาย เลยเลิกไป ก็เพิ่งมาเจอคนนี้ตอนทำงาน”
พอโจมันพูดถึงแฟนมันก็รู้สึกแปลกๆ นึกว่ามันยังรักผมอยู่
“พูดง่ายๆ ที่ผ่านมานายก็มีแฟนมาตลอดใช่ป่ะ” ผมหันไปถามมัน
“อืมม แต่ยังไง คนที่เรารักที่สุด ก็คือนายอยู่ดี” มันพูดเสร็จก็เดินนำหน้าผมไปในงาน
ปล่อยให้ผมมองมันจากด้านหลัง
ผมนึกคำพูดตัวเองได้เสมอว่า ผมจะทำให้มีคนเพ้อถึงผมให้ได้ ใช่ผมทำสำเร็จ
แต่สิ่งที่ผมได้มา สร้างความเจ็บปวดกับคนอีกคน

-----จบคู่ที่1-----

พรุ่งนี้มาต่อคู่ที่2นะครับ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love บทส่งท้ายSeason2 คู่ที่1 UpDate:03/10/08
เริ่มหัวข้อโดย: dorgchant ที่ 03-10-2008 23:43:19
 :m4: มากรี๊ดก่อนอ่าน
--------------------------------------

โจ แอบเท่ห์นะ  :m1:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love บทส่งท้ายSeason2 คู่ที่1 UpDate:03/10/08
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 03-10-2008 23:46:06
+1 ให้ที่รักครับ

อิอิ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love บทส่งท้ายSeason2 คู่ที่1 UpDate:03/10/08
เริ่มหัวข้อโดย: thaitanoi ที่ 04-10-2008 03:16:03
 :m32:  ย่องๆเข้ามาดู ความจริงก็เข้ามาอ่านนานแล้วตั้งแต่ภาคแรกจนจะถึงบทส่งท้ายแล้วครับ ก็มีหลายรสดีนะทั้งสุข เศร้า เหงา และรัก เป็นกำลังใจให้นะครับ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love บทส่งท้ายSeason2 คู่ที่1 UpDate:03/10/08
เริ่มหัวข้อโดย: Pal ที่ 04-10-2008 14:48:17
+1 สำหรับความขยันของโจโจ้ครับ  ติดตามมาตั้งแต่ต้นและติดตามตอนต่อไปนะครับ ให้ไวๆๆๆ (แอบเร่งนิดนึง)
หัวข้อ: Re: Three Couple of love บทส่งท้ายSeason2 คู่ที่1 UpDate:03/10/08
เริ่มหัวข้อโดย: marchmenlo ที่ 04-10-2008 15:32:45
:m32: ซุ่มรอคู่ต่อไปคับผม :laugh:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love บทส่งท้ายSeason2 คู่ที่1 UpDate:03/10/08
เริ่มหัวข้อโดย: meawkung02 ที่ 05-10-2008 14:03:38
เหอๆ โจ นี่ยังไงนะ มีแฟนแล้ว แต่ก้อยังรัก โจ้ มากที่สุดอีก...อิอิ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love บทส่งท้ายSeason2 คู่ที่1 UpDate:03/10/08
เริ่มหัวข้อโดย: iamhappywood ที่ 07-10-2008 22:24:24
มาต่อเร็ว กระทู้ตกแล้วน้า  :เตะ1:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love บทส่งท้ายSeason2 คู่ที่2 UpDate:08/10/08
เริ่มหัวข้อโดย: jojoe ที่ 08-10-2008 07:34:30
คู่ที่ 2
ผมเดินมาที่งาน แล้วก็ทักทายเพื่อนๆที่ยืนจับกลุ่มคุยกันอยู่
“เฮ้ย! เห็นไอ้โจ้ป่าว” ผมถามหาเพื่อนรักเป๋นอย่างแรก
“โน้นนะ มันเดินมาแล้ว แอบไปรำลึกความรักกับไอ้โจมา” เพื่อนมันขี้ไปทางต้นไม้ข้างบทางเดิน
เห็นโจเดินนำมาโดยมีโจ้เดินตามหลัง
“ไอ้โจ้อย่าบอกนะ ว่ามึง...” ผมเอามือปิดปากไม่นึกว่าเพื่อนจะเป็นคนแบบนี้
“ไม่ต้องคิดอกุศลเลย กูไม่ใช่มึงนะ” ไอ้โจ้ด่ามา ผมก็แบบอำไปงั้นแหละ รู้อยู่แล้วว่าไม่มีอะไร เพราะยังไงโจก็ไม่ใช่สเป็คของไอ้โจ้
แต่โจก็ดูหล่อขึ้นเยอะ โจ้มันก็น่าจะหวั่นไหวบ้างนะ
“มึงมาเป็นเพื่อนกูหน่อย” แล้วผมก็ลากโจ้ไปอีกด้านของงาน
“จะไปไหนอ่ะ”
“มึงเจออดีตรักของมึงแล้วนี้ ตากูบ้างดิ” ผมหันไปด่ามัน
“อดง อดีตอะไร โจเพื่อนกูเว้ย กูอยากเจอพี่ยอดมากกว่า” โจ้ยังไม่เลิกบ่น
ผมกับโจ้เดินไปตามโต๊ะในงานเลี้ยง มองหาใครบางคนที่เราเคยปลื้มนักหนา
“โอ๊ะ!” ผมเจอเขาแล้ว พี่เต๋ากำลังยืนคุยกับเพื่อนๆของเขา
ผมตั้งใจรีบเดินไปหาเขาทันที
แต่แล้วขาของผมก็หยุดโดยอัตโนมัติ เมื่อเห็นพี่หมิงยืนข้างๆพี่เต๋า
“เป็นอะไรของมึง ไม่ไปหาพี่เขาเหรอ” โจ้เห็นผมยืนนิ่ง
“ถ้ากูจะบอกว่า กูยังทำใจไม่ได้ เรื่อง....เค้ากับเพื่อนของเค้า มึงจะว่ากูเว่อร์ไปหรือเปล่า” ผมพูดพร้อมนึกภาพต่างๆที่เกิดขึ้นเมื่อ5ปีที่แล้ว
โจ้ถอนหายใจ “ทำไมเราไม่จำถึงสิ่งที่ดีดี อย่าทำร้ายตัวเองด้วยความทรงจำที่ทำให้เราเสียใจดิ”
แล้วโจ้ก็เดินมากอดคอผม “มึงเองก็มีแฟนใหม่แล้ว พี่เค้าก็เป็นแค่อดีต กูว่ามึงน่าทำใจได้แล้วนะ”
สุดท้าย ผมก็ตัดสินใจเดินหันหลังกลับ แม้ว่าเพื่อนจะเทศน์ขนาดไหนก็ตาม
ผมกลับมานั่งหงอยอยู่ที่โต๊ะ รู้งั้ไม่น่ามาเลย
“โทษนะครับ ทำไมถึงทักแฟนเก่าเลย” เสียงคุ้นๆดังอยู่ข้างหูผม
“พี่เต๋า” ผมหันไปเจอชายหนุ่มหน้าคมเข้ม หน้าของเขาแทบจะชนหน้าผมอยู่แล้ว
“ใจร้ายจัง ต้องให้พี่มาหา” พี่เค้าทำเสียงงอนๆ ผมมองหน้าเค้าแบบเขินๆ ก่อนจะไปมองไอ้โจ้ที่ยืนยิ้มอยู่ด้านหลัง ว่าแล้วมันต้องไปตามพี่เค้ามา
พี่เค้าก็ลากผมไปคุยกันที่ม้านั่งริมทะเลสาบ ผมไม่ค่อยอยากไปกับพี่เค้าสองคนเลย มันรู้สึกไม่ค่อยดีอ่ะ
“ใจร้ายจังเลยนะ ไม่ยอมติดต่อกันเลย” พี่ค้าเริ่มต่อว่าผม
“ก็ยุ่งๆ อีกอย่างเชียร์ก็ไปเรียนเมืองนอกด้วย” ผมแก้ตัว ทั้งที่มันไม่น่าจะใช่ข้ออ้าง อยู่เมืองนอกแล้วจะโทรกลับมาไม่ได้เหรอไงว่ะ
“เชียร์ทำให้พี่รู้สึกผิดรู้เปล่า” พี่เค้าหันมามองผม
“ผิดในสิ่งที่พี่ทำกับเชียร์ เรายังคบกันในแบบพี่น้องก็ไม่ได้เหรอ” พี่เค้าเริ่มต่อว่าผม
“ถ้าในตอนนั้น เชียร์ทำใจไม่ได้ เพราะเชียร์ไม่ได้มองพี่ในแบบพี่น้อง” ผมทำเสียงเศร้า
“แต่ตอนนี้ก็โอเค เพราะเชียร์มีแฟนแล้ว” ผมหันมาพูดพร้อมรอยยิ้ม
“ใช่คนที่คบกันตั้งแต่ปีหนึ่งใช่ป่ะ”
“รู้ได้ไงฟ่ะ ไอ้โจ้บอกอีกแล้วเหรอ”
พี่เขาหัวเราะ แล้วก็ขอดูรูปพี่เอก ผมก็ให้พี่เขาดู
“หล่อดีอ่ะ ขาวๆตี๋ๆ พี่แพ้เลย” แล้วพี่เขาก็คืนรูปให้ผม
“พี่กับพี่หมิงนี้ก็คบกันยืดเนอะ” ผมหันไปคุยเรื่องเค้าบ้าง
“คงเป็นเพราะ เราทำตัวเหมือนตอนเป็นเพื่อนกัน คือ พอเป็นแฟน เราก็ทำตัวเหมือนตอนที่เรายังเป็นเพื่อน”
“เสมอต้นเสมอปลายล่ะซิ” ผมแซว
“ก็ไม่ถึงขั้นนั้นหรอก มันก็มีบ้างที่เราเคยไหวหวั่นไปกับคนอื่น แต่สุดท้าย คนที่เรารักที่สุดก็คือ คนที่เขาก็รักเราที่สุดเช่นกัน”
“หวานเชียว” ผมหันไปแซว พี่เค้าก็ยิ้มๆ
“เปลี่ยนเรื่องดีกว่า” รู้สึกว่าพูดเรื่องนี้มันแล้วมันแปลกๆเนอะ
“ถามเล่นๆน่ะ ระหว่างพี่หมิง กับ เชียร์ ใครเด็ดกว่ากัน”
ผมเขาเรื่องอย่างว่าจนได้ พี่เต๋าเขินหน้าแดงเลย สะใจจริงๆทำพี่เต๋าเขินได้เนี้ย
“เออ ว่าไงดีอ่ะ คือกับเชียร์ พี่เป็นรุกใช่ป่ะ แต่พอกับหมิง เราผลัดกันอ่ะ”
ผมอ้าปากหวอเลยครับ พี่เต๋ากับพี่หมิง ผลัดกัน?
“มาอยู่กันนี้เอง” พี่หมิงเดินมาหาพอดี
“ผมยืมแฟนพี่จนพอใจแล้ว พี่หมิงเอาคืนไปเลยครับ” ผมพูดแซวพี่เค้ากลับไป
พี่เค้ายิ้มๆก่อนพี่เต๋าเดินตามหลังพี่หมิงไป
โจ้ที่มองอยู่ห่างๆ ก็เดินเข้ามาหาผม
“ว่าไง ถ่านไฟเก่าครุบ้างหรือเปล่า”
“ไม่หรอก บอกแล้วไงเรากลายเป็นพี่เป็นน้องกันแล้ว” ผมหันไปตอบมัน
“เออ ไอ้ปอมันยังไม่มาเหรอ” อยู่กับผู้ชายดันลืมพื่อนไปซะนี้
“มึงเจ้ากี้เจ้าการให้บิ๊กไปรับไอ้ปอ มึงไม่คิดว่าเขาอาจจะแวะโรงแรมข้างทางเหรอ”
ไอ้โจ้พูดตลกอีกแล้ว
ผมเลยรีบโทรศัพท์ไปหาไอ้ปอทันที
มันรับครับ “นี้มึง งานจะเลิกแล้ว ยังไม่ถึงอีกเหรอ” ผมด่ามันทันที
“ห๊า...ว่าไงนะ” ผแทบช็อคเมื่อได้ยินมันพูด
“อะไรเหรอ” ไอ้โจ้รีบถามใหญ่
“เออ เออ รีบมาแล้วกัน” ผมก็วางโทรศัพท์ แล้วหันไปหาโจ้
“มึงทายถูก พวกมันอยู่กันที่โรงแรม”
-----จบคุ่ที่2-----

รอคู่ที่3นะครับ จะรีบมาต่อให้เร็วที่สุด
ผากอีกเรื่องไว้ด้วยแล้วกัน
Friend to Friend
หัวข้อ: Re: Three Couple of love บทส่งท้ายSeason2 คู่ที่2 UpDate:08/10/08
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 08-10-2008 09:02:20
จิ้มๆ

เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love บทส่งท้ายSeason2 คู่ที่2 UpDate:08/10/08
เริ่มหัวข้อโดย: meawkung02 ที่ 08-10-2008 09:43:22
อิอิ...คู่ ปอ ไปโรงแรมกันจิงๆด้วยอ่ะ...เหอๆ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love บทส่งท้ายSeason2 คู่ที่2 UpDate:08/10/08
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 08-10-2008 11:52:27
โรงแรม........กับใคร
หัวข้อ: Re: Three Couple of love บทส่งท้ายSeason2 คู่ที่2 UpDate:08/10/08
เริ่มหัวข้อโดย: Pal ที่ 08-10-2008 12:11:47
บทสรุปของเรื่องนี้ ปอก็สมหวังซะทีกับเพื่อนเก่าใช่ไหมครับ กรี๊ดดดด   :o8:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love บทส่งท้ายSeason2 คู่ที่2 UpDate:08/10/08
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 08-10-2008 13:53:02
ได้ใจจริงๆคู่สุดท้ายเนี่ย 555
หัวข้อ: Re: Three Couple of love บทส่งท้ายSeason2 คู่ที่2 UpDate:08/10/08
เริ่มหัวข้อโดย: jobisuka ที่ 08-10-2008 14:17:43
โรงแรมมมมมมมมมมมมมมมมมม :n1:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love บทส่งท้ายSeason2 คู่ที่2 UpDate:08/10/08
เริ่มหัวข้อโดย: dorgchant ที่ 08-10-2008 20:41:53
แรงมากนะปอ

แต่ยังไม่หายโกรธพี่เต๋าเลยอ่ะ ทำกับเชียร์ได้  :m16:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love บทส่งท้ายSeason2 คู่ที่2 UpDate:08/10/08
เริ่มหัวข้อโดย: thaitanoi ที่ 09-10-2008 01:42:27
 :pig4:  ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love บทส่งท้ายSeason2 คู่ที่2 UpDate:08/10/08
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 09-10-2008 07:55:05
รอปอ กับ บิ๊ก ไปรำลึกความหลังกัน  :o8:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love บทส่งท้ายSeason2 คู่ที่3 UpDate:09/10/08
เริ่มหัวข้อโดย: jojoe ที่ 09-10-2008 18:13:14
คู่ที่ 3

ผมวางโทรศัพท์พร้อมมองไปยังร่างเปลือยเปล่าของชายหนุ่มที่กำลังหลับใหลอยู่ข้างกายผม
เพียงแว่บเดียวภาพของบิ๊กในปัจจุบันกลายเป็นภาพของบิ๊กในสมัยม.5
เด็กหนุ่มที่ผมรัก และพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อเขาได้เสมอ
เขากลับมาหาผมแล้ว
“ใครโทรมา” บิ๊กขยับตัวหันมาทางผม
“พวกโจ้กับเชียร์ มันเร่งให้ไปที่งาน” ผมตอบพร้อมลุกขึ้นจากเตียง
“ตกลงเรายังจะไปกันอีกเหรอ” บิ๊กลุกขึ้นนั่งมองดูร่างเปลือยเปล่าของผม
“อืมม นายไม่อยากเจอเพื่อนเราเหรอ” ผมหันไปถามบิ๊กก่อนจะคว้าผ้าเช็ดตัวมาห่ม
“ยังไงก็คงได้เจอกันอยู่แล้ว เพราะเราจะมาอยู่เมืองไทย” บิ๊กพูด ผมหันหาเขาทันที
“ตอนแรกเห็นจะบอกว่าแค่มาเยี่ยมญาติไม่ใช่เหรอ” ผมทำน้ำเสียงตกใจ
“ก็... เรามาเจอนายแล้วมันไม่อยากกลับอ่ะ” บิ๊กลุกขึ้นมากอดผมจากด้านหลัง
ผมยิ้มเขินๆ “แต่ครอบครัวนายอยู่ที่นั้นหมดเลยไม่ใช่เหรอ เค้าไม่ว่าเหรอที่นายจะกลับมาอยู่ที่เมืองไทย”
“เราโตแล้วนะ เราเองก็อยากดูแลตัวเอง อีกอย่าง เราไม่อยากจากนายไปไหนอีกแล้ว”
บิ๊กพูดพร้อมเอาหน้ามาซบที่หลังของผม
“อย่าพูดให้เราดีใจซิ สองปีที่ผ่านมานายไม่ได้ติดต่อเราเลยนะ” ผมพูดแอบน้อยใจนิดๆ
บิ๊กเลยลากตัวผมมานั่งกับเตียง
“สองปีที่เราไม่ได้ติดต่อนาย เพราะเราลำบากใจกับเรื่องที่นายมีแฟนแล้ว”
ผมถอนหายใจ ไม่นึกว่าบิ๊กจะย้อนมาถึงเรื่องของพี่เก่ง
แม้ผมกับบิ๊กเราตกลงจะเป็นแค่เพื่อนกันในระหว่างที่อยู่กันคนละขั้วโลก
ผมเองก็เป็นคนขี้เหงา พี่เก่งจึงเข้ามาในชีวิตผม ยังรวมไปถึงเหน่งที่พักหลังจะสนิทกันมากกว่าเพื่อนอีก
“อย่ามาอ้างเลย ที่ไม่ติดต่อ เพราะแฟนเกาหลีของนายหรือเปล่า” ผมย้อนกลับบิ๊ก บิ๊กทำหน้าไม่พอใจที่ผมไม่ได้เล่นเกมส์ตามไปกับเค้าด้วย
“ตกลงว่าเราสองคนก็มีใครคนอื่นทั้งคู่” ผมหันไปกอดคอบิ๊ก
“แต่ตอนนี้ นายก็ไม่มีใคร เราก็ยังไม่มีใคร” บิ๊กหันมาพูดกับผม ผมเองตอนนี้ก็ถือว่าโสด บิ๊กเองก็เพิ่งเลิกไปกับหนุ่มเกาหลีที่เรียนเมืองนอกด้วยกัน
“จะรีเทิร์นว่างั้น” ผมหันมาถามบิ๊ก
“แล้วนายว่าไง” บิ๊กทำท่าลุ้นกับคำตอบผม
“ขอดูความประพฤติก่อน เราไม่เจอกันนานขนาดนี้ มันอาจจะมีอะไรบางอย่างเปลี่ยนไป” ผมกอดอกทำหน้าเข้มใส่บิ๊ก
“อะไรเนี้ย แต่ก่อนนายต้องมาเป็นคนง้อเราไม่ใช่เหรอ ทำไมตอนนี้กลายเป็นเราต้องมาง้อนาย”
บิ๊กเริ่มทำท่าไม่พอใจ
“พูดเล่นหรอกน้า! เราสองคนโตขึ้นไม่ใช่เด็กเหมือนเมื่อห้าปีที่แล้ว การจะคบกันมันก็ต้องดูใจกันก่อนเป็นธรรมดา” ผมพูดประมาณปลอบบิ๊กไม่ให้ท้อแท้
“เป็นแฟนพี่ต้องอดทน” ผมพูดข้างหูบิ๊ก บิ๊กหันมายิ้ม
“นายเปลี่ยนไปเยอะจริงๆด้วย เหมือนไม่ใช่ปอที่เรารู้จักเลย”
“อืมม ใช่! เราเปลี่ยนไปเยอะ ห้าปีที่ผ่านมาเราเรียนรู้อะไรมากมาย อย่างที่เราบอก ที่เรายังไม่ตอบตกลงกับนาย เพราะอยากให้นายรู้จักเราที่โตขึ้นให้ดีก่อน ไม่แน่เราอาจจะไม่ใช่สำหรับนายก็ได้”
บิ๊กมองผมพร้อมรอยยิ้ม ดูเขาปลื้มลุคใหม่ของผมมาก
“ไปอาบน้ำกันเถอะ พวกนั้นรอแล้ว” ผมเลยลากบิ๊กไปอาบน้ำด้วยกัน
แต่ปรากฏว่านอกจากอาบน้ำแล้ว เรายังมีกิจกรรมอีกทำกันอีก อิอิอิ!
******************************************************************************************************************************
ผมมาถึงงาน ก็ตรงไปหาเพื่อนสองตัวที่นั่งมองผมอย่างไม่พอใจ
“นึกว่าจะมาพรุ่งนี้ช่วยคนงานเค้าเก็บขวดซะแล้ว” เชียร์เริ่มพูดประชด
“แล้วบิ๊กล่ะไปไหน” โจ้ถามผม
“ไปทักทายเพื่อนห้องเค้าอ่ะดิ” ผมตอบพร้อมนั่งลงข้างๆโจ้
“พวกมึงคงเจออดีตรักวัยหวานกนัมาแล้วใช่ไหมล่ะ” ผมทำเสียงล้อเลียน แต่ปรากฏว่าแต่ละคนจะไม่มีอารมณ์ร่วมไปกับผม ทำหน้าบูดกันหมด
“ตอนเด็กๆพวกกูไม่ได้แฮปปี้เหมือนมึงนะ” เชียร์ทำเสียงดุ
“พี่ยอดน่าจะมาเนอะ อยากเจอจังเลย” โจ้มันก็เพ้ออะไรของมันก็ไม่รู้
“เอาน่า เรื่องเก่าๆมันผ่านไปแล้วก็ปล่อยมันผ่านไปเถอะ” ผมพูดปลอบพวกมัน แต่ดูจะไม่ได้ผล หันมาค้อนผมทั้งสองคนเลย
“เป็นไงล่ะ ได้รีเทิร์นสมใจแล้วนี้” เชียร์ยังกัดไม่ปล่อย
“ก็...ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก แค่ลองดูใจกันไปก่อน” ผมเกาหัวแก้เขิน
“ยินดีด้วยนะ เพราะเราคิดว่าแก กับบิ๊กก็น่าจะเหมาะดีนะ” โจ้หันมายิ้มให้ผม
“ไม่รู้ดิ เราว่า ไม่มีใครรู้อนาคตหรอก” ผมถอนหายใจ พร้อมมองไปยังบิ๊กที่ยืนคุยกับเพื่อนๆของเค้า
แล้วเพื่อนผมอีกทั้งสองคนก็ถอนหายใจพร้อมกัน
“เฮ้อ!”
-----จบคู่ที่3-----

ยังไม่จบนะครับ เดี๋ยวจะมาโพสต์ Special Features
-   Behind the Scenes เบื้อลึกเบื้องหลังกว่าจะมาเป็นนิยาย  :sad4:
-   Interview กับ Jojoe และ ตัวละครทั้งสาม(โจ้,เชียร์,ปอ)  :o9:
-   ฉากประทับใจ  :give2:
-   เรื่องจริงที่คุณควรรู้ใน Three Couples of Love  :sad5:
-   Sweet Couple เรื่องเล่าของคู่รักในเรื่อง  :oo1:
-   และ ตัวอย่างของ Three Couples of Love: Season 3  :interest:
หรือใครอยากรู้อะไรก็สามารถถามได้เลยนะครับ ผมจะมาตอบให้
หัวข้อ: Re: Three Couple of love บทส่งท้ายSeason2 คู่ที่3 UpDate:09/10/08
เริ่มหัวข้อโดย: Pal ที่ 09-10-2008 18:38:06
จิ้ม ๆ ๆ ๆ คุณโจโจ้ด้วยความขอบคุณก่อนไปอ่าน อิอิอิ  :laugh:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love บทส่งท้ายSeason2 คู่ที่3 UpDate:09/10/08
เริ่มหัวข้อโดย: CMYK ที่ 09-10-2008 19:07:14
สนุกดีครับ อ่านตั้งต้นจนจบ 2 วัน  o13
ดีใจแทนทั้ง 3 คนที่ต่างเป็นเพื่อนดีๆ ต่อกัน กับแฟนเลิกบ้างรักบ้าง..แต่กับเพื่อน ยังเป็นเพื่อนกันเสมอ และตลอดไป....
แอบขำตอนสัมภาษย์ ที่มีคนมาจีบเชียร์ มาหมดทั้ง AF ทั้ง the star
หัวข้อ: Re: Three Couple of love บทส่งท้ายSeason2 คู่ที่3 UpDate:09/10/08
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 09-10-2008 20:26:07
ยิ่งอ่านนับวันสามคนนี้ยิ่งคุยกันเหมือนสาวๆใน sex and the city 555
หัวข้อ: Re: Three Couple of love บทส่งท้ายSeason2 คู่ที่3 UpDate:09/10/08
เริ่มหัวข้อโดย: meawkung02 ที่ 09-10-2008 21:01:36
อ่ะมี ภาค 3 ต่อด้วยอ่ะ...ดีจังเลยค้าบบ ชอบๆๆ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love บทส่งท้ายSeason2 คู่ที่3 UpDate:09/10/08
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 09-10-2008 23:53:31
ต่อด่วนเลยจ้า

แหมๆ นึกว่าปอจะได้กะคนใหม่เสียอีก

กลับกลายจะย้อนกลับมาคบกัน

season หน้ามันแน่นอน
หัวข้อ: Re: Three Couple of love บทส่งท้ายSeason2 คู่ที่3 UpDate:09/10/08
เริ่มหัวข้อโดย: thaitanoi ที่ 10-10-2008 00:50:04
 :m4:   ขอบคุณนะครับ  ยังไงก็จะติดตามต่อไปครับ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love บทส่งท้ายSeason2 คู่ที่3 UpDate:09/10/08
เริ่มหัวข้อโดย: artday ที่ 10-10-2008 02:38:36
Three Couples of Love: Season 3 :m13:
จะอดใจรอครับ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love บทส่งท้ายSeason2 คู่ที่3 UpDate:09/10/08
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 10-10-2008 14:08:28
มารอ Special Features   :oni2: 
หัวข้อ: Re: Three Couple of love บทส่งท้ายSeason2 คู่ที่3 UpDate:09/10/08
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 10-10-2008 17:32:37
อยากอ่านฉากได้เสียกันครับ

เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love บทส่งท้ายSeason2 คู่ที่3 UpDate:09/10/08
เริ่มหัวข้อโดย: iamhappywood ที่ 11-10-2008 23:47:19
มารออ่านด้วยเช่นกัน
ว่าแต่ทำไมใจร้อน เข้าโรงแรมกันไปซะกันล่ะ
เดี๋ยวหมดแรงเจอเพื่อนหรอกครับ อิอิ  :t2:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love บทส่งท้ายSeason2 คู่ที่3 UpDate:09/10/08
เริ่มหัวข้อโดย: marchmenlo ที่ 12-10-2008 03:54:10
:m29:ปอกับบิ๊กกลับมาเจอกันตอนไหนหว่า o2

แต่ก็แอบดีใจมากมายกะปอเน่อะ สมหวังซ่ะที

ปล.บิ๊กน่าร๊ากกก
หัวข้อ: Re: Three Couple of love บทส่งท้ายSeason2 คู่ที่3 UpDate:09/10/08
เริ่มหัวข้อโดย: jojoe ที่ 12-10-2008 21:48:57
Special Features : Behind the Scenes เบื้องลึกเบื้องหลังกว่าจะมาเป็นนิยาย

ขอกราบงามๆในอ้อมอกอ้อมใจแฟนคลับทุกท่าน ที่กรุณาให้ความรักและความเอ็นดู ต่อนิยายของผม(พูดซะเวอ่ร์เลย)

เอาเป็นว่า ขอบคุณขอบใจทุกๆReply และ Comment ต่างๆที่มีให้เสมอมาจนนิยายเรื่องนี้ใกล้จะเสร็จสมบูรณ์ คือ ผมตั้งใจจะทำเป็น ไตรภาค ตอนนี้เสร็จไปสอง เหลืออีกหนึ่ง แต่เมื่อไรนั้นคงตอบได้ยาก ต้องรอดูต่อไป

ก่อนจะพูดถึงว่าทำไมเรื่องนี้ถึงได้เกิดขึ้น จึงขอเล่าย้อนกลับไปถึงผมก่อนดีกว่า

เรื่องมันมีอยู่ว่า.......ผมได้อ่านนิยายและเรื่องเล่าจากบอร์ดปาล์มอย่างสม่ำเสมอ ตั้งแต่มหาลัยปี1-ปี2 ชอบมาก ถึงขั้นปริ้นซ์ ออกมาเป็นเล่มๆ เสียงค่าหมึกไปหลายบาท อ่านไปอ่านมา รู้สึกว่าหลังๆ แวดวงนิยายบอยเลิฟ เริ่มมีเค้าโครงซ้ำๆซาก คือ เพ้อผันเกินความเป็นจริง เข้าใจว่านิยายเป็นเรื่องราวที่ประโลมโลก แต่ผมว่าถ้าตั้งเรื่องราวโดยพื้นฐานของความเป็นจริง และมีเรื่องราวที่สมเหตุสมผล เลยคิดในใจว่า เราลองแต่งสักเรื่องไหม แบบว่าอยากฉีกแนวจากเรื่องอื่นๆด

แล้วถ้าแต่งจะเอาเรื่องจากไหนล่ะ แน่นอนครับ เรื่องแรกที่คิดออก ก็ต้องเป็นเรื่องของตัวเอง ผมเองก็ผ่านความรักมาพอสมควร(แต่ไม่ถึงกลับโฉกโฉนนะครับ) เลยเอาเรื่องของตัวเองมาแต่ง แต่...มันก็ไม่หนำใจครับ เรื่องของตัวเองมันได้อารมณ์แค่โทนเดียว ผมอยากแต่งหลากหลายอารมณ์ในเรื่องเดียว จึงนึกถึงเพื่อนสนิทอีกสองคน ที่มีประสบการณ์ความรักมามากพอๆกับผม และสองคนนั้น เรื่องราวของพวกมันก็มีอารมณ์โทนแตกต่างจากผม คือสามคนสามรสพอดี เลยลองขีดๆเขียนๆมาสี่ตอนแรก แล้วเอาไปโพสต์ให้คนรู้จักอ่าน ปรากฏว่า เพื่อนๆติดกันงอมแงม ยุให้เขียนต่อ เลยเขียนเป็นเรื่องเป็นราวจนจบภาคแรก

หลังจากนั้นเลยทยอยโพสต์ในบอร์ด ปาล์มพลาซ่า ก็ไม่นึกว่าจะมีคนติดกันงอมแงม จนตั้งเป็นแฟนคลับทั้งคนเขียนและตัวละคร(จำได้ว่าเคยให้โหวตว่าชอบตัวละครตัวไหน ผลปรากฏว่านายปอ คว้าอันคับหนึ่งไปครอง คู่รักที่มีคนชอบมากที่สุด คือคู่โจ้กับอาจารย์เบน) ถือว่าเป็นเรื่องแรกที่เป็นใบเบิกทางในการเขียนนิยายเรื่องต่อๆไปของผม

พอเขียนนิยายเรื่องที่สองและสามจบ ผมได้มีโอกาสกลับไปงานเลี้ยงรุ่นที่โรงเรียนเก่า ได้พบกับเพื่อนๆทั้งสองคนที่เป็นแรงบันดาลใจในเรื่องนี้ เราสามคนพูดคุยกันถึงเรื่องราวเก่าๆที่ผ่านมาตอนที่ยังเป็นนักเรียนอยู่ ด้วยความใช้ชีวิตเป็นเด็กหอ เรื่องราวต่างๆจึงเยอะมากมายและผมก็นึกไอเดียได้ว่าทำไมไม่เอาเรื่องราวในชีวิตตอนนั้นมาแต่ง

เลยได้ใจแต่ง Season2 ขึ้นมา โดยภาคนี้ขุดคุ้ยอดีตกันยกใหญ่ถือเป็นการแฉเรื่องราวของเพื่อนไปในตัว แต่โทนอารมณ์ก็แต่งต่างไปจากSeasonแรก จะดูกุ๊กกิ๊กสดใสขึ้นแต่ยังคงคาแรกแตอร์ของตัวละครไว้เหมือนเดิม ที่สำคัญเปลี่ยนผู้ชายในเรื่องยกเซ็ต(พระเอกภาคแรกกับภาคสองคนละคน)

พูดถึงเนื้อเรื่องไปแล้ว เรามาพูดถึงตัวละครกันดีกว่า
หัวข้อ: Re: Three Couple of love:Special Features:Behind the Scenes เบื้องลึกเบื้องหลังกว่าจะมาเป็นนิยาย
เริ่มหัวข้อโดย: marchmenlo ที่ 12-10-2008 22:02:27
 :oni2:รอ ๆ  :oni2:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love:Special Features:Behind the Scenes เบื้องลึกเบื้องหลังกว่าจะมาเป็นนิยาย
เริ่มหัวข้อโดย: jojoe ที่ 12-10-2008 22:07:28
โจ้

(http://img219.imageshack.us/img219/8100/01ox4.jpg)

คาแรกเตอร์ของโจ้จะเป็นคนเรียบร้อยมองโลกในแง่ดี ใสๆแบ๊วๆ เด็กเรียนอะไรประมาณเนี้ย คือ บุคลิกแบบนี้มันคงน่าเบื่อเนอะ แต่ท่าจะแต่งให้สามคนมีบุคลิดแตกต่างกัน ก็อยากให้มันต่างกันสุดขั้ว เลยให้โจ้เป็นคนเรียบร้อยแสนเรียบร้อย แต่ในความเรียบร้อยก็แฝงความฉลาดเอาไว้ ในเพื่อนสามคน โจ้จะดูมีความเป็นผู้็ใหญ่มากที่สุด มักจะมีบทเทศน์สอนเพื่อนๆเสมอ
มีหลายคนสงสัยว่าโจ้เนี้ย เอามาจากตัวผมหรือเปล่า ขอบอกว่าไม่อ่ะครับ เพราะ
1.ผมไม่ใช่คนเรียบร้อย
2.ผมไม่เรียนเก่งถึงขั้นที่1 ของโรงเรียน
3.ผมไม่ได้กำพร้าคร้าบบบ
แต่เรื่องราวที่เกิดกับโจ้ ส่วนมากเอามาจากเรื่องที่เกิดกับผมครับ ทั้งเรื่อง อาจารย์เบน พี่ยอด พี่หมี และโจ เกิดขึ้นจริงๆกับผม ส่วนอีกสองคนที่เหลือ มีเรื่องจริงกับแต่งผสมกัน

บุคคลที่มีลักษณะใกล้เคียง คงเป็นนาย ทักกี้ ที่น่าตานอกจากน่ารักแล้ว เวลายิ้ม ยิ้มได้สดใสน่ารักมากๆ รวมถึง นัยน์ตาที่บางครั้งก็ดูเศร้าซะน่าสงสารเชียว

เชียร์
(http://img119.imageshack.us/img119/9533/03pb9.jpg)

คาแรกเตอร์ที่เหมือนจะไม่มีอะไร แต่ถือว่าเป็นตัวที่ซับซ้อนพอๆกับปอ มีหลายอารมณ์มากกว่าโจ้ แต่อาจจะรุนแรงน้อยกว่าปอ ถือว่าเป็นบุคลิกกลางๆระหว่างโจ้กับปอ เชียร์ถือเป็นตัวแทนเกย์สมัยใหม่ที่มีความน่ารักสดใส แต่งตัวเก่ง นิสัยคุณหนูสุดๆ คือเอาแต่ใจ แต่เรื่องเซ็กส์กลับเป็นคนที่มีเฉพาะกับแฟนของตนเท่านั้น ดูขัดกันเนอะ บุคลิกของเชียร์เอามาจากเพื่อนของผมหลายคนอยู่ เรื่องราวของเชียร์ผสมระหว่างเรื่องจริงกับเรื่องแต่ง จนออกมาอย่างที่ทุกคนเห็นกัน

บุคคลที่ใกล้เคียงกับเชียร์ คือ นายเท็ปเป้ นักร้องหน้าสาวของญี่ปุ่น คือผมอยากให้เชียร์เป็นอารมณ์เกย์สาวที่เราเห็นในปัจจุบัน คือหน้าตาต้องดีและอินเทรนด์แบบญี่ปุ่นไม่ก็เกาหลี

ปอ

(http://img383.imageshack.us/img383/9623/05fm5.jpg)

คาแรกเตอร์ที่ดูหลายคนจะชอบ เพราะในความเงียบครึมซ้อนน่ารักและความเท่ห์ไว้ในตัว แต่ที่ทุกคนสงสัยว่าทำไมต้องแต่งให้เศร้าตลอดเลย เรื่องจริงมันก็ไม่เศร้าหรอกล่ะครับ ผมแค่แต่งเรียกร้องความสนใจ(55555) ตัวจริงของปอมีหลายอารมณ์กว่าที่ผมแต่งไว้ (ตัวจริงมันก็ไม่ได้แมนกว่าพวกผมเท่าไร) ถือเป็นตัวละครที่เรื่องราวแต่งขึ้นมาใหม่เกือบหมด ส่วนพี่เก่ง และ บิ๊ก นี้เรื่องจริงครับ แต่เหน่ง และ มาสเตอร์เบิร์ด เป็นตัวละครสมมติขึ้นมา

บุคคลที่ใกล้เคียงกับปอ คือ นายจองมยอง ดาราเกาหลี ที่น่าตาบางครั้งก็ดูกวนๆแมนๆ บางครั้งก็ดูเศร้าๆเหงาๆ ที่สำคัญ คือตัดสกินเฮดแล้วน่ากินมากๆ

อาจารย์เบน

(http://img56.imageshack.us/img56/3353/02te6.jpg)

อาจารย์หนุ่มผู้กุมหัวใจนายโจ้ ภายนอกเค้าคือผู้ชายในมาดครึม ดูมีความเป็นผู้ใหญ่ เพราะอาชีพครู แต่ความจริงเวลาอยู่กับโจ้สองต่อสอง ขี้อ้อนมากๆ(พอๆกับขี้เอา เฮ้ย!) และที่สำคัญ เป็นไบฯ ในเรื่องของผมส่วนมากตัวละครจะเป็นเกย์แท้กัน มีอาจารย์เบนที่ยังพอมีความเป็นผู้ชายอยู่บ้าง ผมว่าในภาคแรกตัวอาจารย์ยังไม่โดดเด่นเท่าไร มีฉากกุ๊กกิ๊กกันน้อยด้วย ว่าจะมาใส่รายละเอียดของคาแรกเตอร์ตัวอาจารย์ในภาคสาม และฉากกุ๊กกิ๊กกับโจ้ให้เยอะพอๆกับคู่อื่น ตัวจริงอาจารย์แกแค่กิ๊กๆกับผม ไม่ได้ถึงขั้นแฟน ผมเลยเอาความอยากของตัวเองมาแต่งซะเลย

บุคคลที่ใกล้เคียงกับอาจารย์เบน คือ วอน บินครับ เพราะหน้าตาพี่แกประมาณนั้นเลย(แต่คงไม่ขั้นเทพเท่าวอนบินหรอกนะ) ดูภายนอกแมนๆผู้ใหญ่ๆ แต่พอจริงกับอ้อนเหมือนเด็กซะงั้น

พี่เอก

 (http://img219.imageshack.us/img219/5753/04fs6.jpg)

หนุ่มขี้เล่นมัดใจน้องเชียร์ด้วยคำพูดและท่าทางที่กวนๆ สิ่งหนึ่งที่พี่เอกโดดเด่นมากคือ ความขาวตี๋ และล่ำ สไตล์เกาหลี ญี่ปุ่นมากๆ พี่เอกถือว่าเป็นลูกครึ่งจีน เพราะพ่อจีนแท้ แม่ไทยครึ่งจีน แน่นอนหน้าตาก็คือตี๋หล่อเยาวราชนั่นเอง ส่วนนิสัยก็จะค่อนข้างสำอาง ขี้เล่น มีเจ้าชู้เล็กน้อย แต่เทคแคร์แฟนดีมากๆ ถือว่าเป็นผู้ชายในฝันอีกคน
 
บุคลิกที่ใกล้เคียงกับพี่เอก แว้บแรกที่ผมคิดเป้นต้นแบบ นั้นคือนาย แวนเนส F4 คือน่าตาดูใจดีและขี้เล่น ตี๋ขาวและล่ำ ใกล้เคียงกับพี่เอกมากๆ

พี่เก่ง

 (http://img505.imageshack.us/img505/6910/06xc6.jpg)


หนุ่มเพลย์บอยเจ้าชู้ประตูดิน การที่คบคนมากหน้าหลายตาเพื่อเป็นการป้องกันตัวเองจะเสียใจกับความรัก แต่ยังไงก็แพ้ใจนายปอ เจอนายปอาสาวแตกเต้นโคโยตี้เข้าไป อึ้งไปเลย พี่เก่งบุคคลิกเอามาจากพวกๆคนที่ไปเที่ยวตามผับ ตามบาร์ คือ จีบดะไปทั่ว และ ฟันดะไปทั้ว ตอนแรกว่าจะให้ฟันทั้งสามคน โจ้ ปอ เชียร์ แต่คงแรงไปเอาได้กับปอคนเดียวก็พอ

บุคคลที่ใกล้เคียง กับพี่เก่ง คือนายซงซึงฮอน ที่ดูเป็นผู้ชายเจ้าสเน่ห์ ขี้เล่น เหมาะกับคุณสมบัติเพลย์บอยมากๆ

พี่ยอด

(http://img93.imageshack.us/img93/1451/07ut4.jpg)

สุดยอดคุณชาย ที่ทั้งหน้าดีขั้นเทพ รวยมาก ผู้ดีตั้งแต่เกิด นิสัยกก็สุภาพบุรุษ ต้องทำบุญอีกกี่ชาติที่เราจะมีบุญได้ผู้ชายคนนี้มาเป็นแฟน ตัวจริงในเรื่องเป็นยังไง ตัวจริงก็เป็นอย่างนั้น ถอดมาหมดเลยครับตัวละครตัวนี้

บุคคลใกล้เคียง พี่ยอด ผมว่าหน้าพี่แกก็คล้ายๆหวัง ลีฮอมน่ะ หล่อขั้นเทพพอกัน

โจ

 (http://img373.imageshack.us/img373/487/08ar6.jpg)

ตอนแรกหลายคนคงคิดว่า โจต้องเป็นตัวร้ายแน่ๆ ที่ไหนได้เป็นพระเอกขี่ม้าขาวตอนจบ แม้จะไม่สมหวัง เพราะโจ้มันเลือกมาก ไม่ค่อยชอบผู้ชายแบดบอยเท่าไร แต่คงมีหลายคนชอบผู้ชายแบดบอยแบบนี้

บุคคลต้องเถื่อนๆ เซอร์ เหมือนนายออสซี่-วรพล จันทร์ส่องแสง

พี่เต๋า

(http://img222.imageshack.us/img222/8885/09nb7.jpg)

ผู้ชายที่คอยกัด คอยแกล้งวเชียร์ แต่สุดท้ายก็ลิฟกันซะงั้น แต่ไปๆมาๆดันไปได้กับเพื่อนชายของตัวเอง พี่เต๋าเองก็ไม่ได้เป็นเกย์ตั้งแต่แรก แต่ดันมีผุ้ชายน่ารักสองคนมายุ่งเกี่ยว คนเรามันก็หวั่นไหวเป็นธรรมดา ฟันไปซะสองคนเลย พี่เต๋าเป็นสุภาพบุรุษอีกคนหนึ่ง

บุคลิก แบบพี่เต๋า คือดูแมนๆ ครึมๆ แต่ถ้ารู้จักก็จะฮาๆ บ้าๆบอๆพอสมควร แถมเป็นคนที่อยู่ใกล้แล้วรู้สึกอบอุ่น ผมว่าเค้าคล้าย ไจ๋ไจ๋ นะ (วิคF4)

พี่หมิง

 (http://img123.imageshack.us/img123/7579/10vg0.jpg)

พี่หมิงนิสัยคุณหนูพอๆกับพี่ยอด แต่พี่ยอดแมน ส่วนพี่หมิงเป็นเกย์เรียบร้อย แถมชอบงอนพี่เต๋าด้วย(สมัยนี้เค้าเรียกว่าเหวี่ยง) เรื่องหน้าตาไม่ต้องพูดถึง หล่อขั้นเทพพอกัน แต่เสียดายความหล่อ ไม่น่าเป็นเกย์เลย

บุคคลที่ใกล้เคียงกับพี่หมิง อู๋จุนจ้า หล่อล้ำ คุณหนู ผู้ดี อยู่ในตัวคนนี้คนเดียว เป็นผู้ชายหน้าสวยที่น่ากินอีกคน

บิ๊ก

 (http://img147.imageshack.us/img147/6302/11wd6.jpg)

คุณหนูอีกคน ที่สารพัดพิษ มีอะไรกับอาจารย์ ซะได้เรื่อง แต่เจอลูกตื้อไอ้ปอไป เลยกระหนุงกระหนิงกันซะงั้น บิ๊กนี้แหละ ที่ทำให้ปอมีความเป็นแมนขึ้น เพราะปอต้องทำหน้าที่สามีที่ดี คอยเทคแคร์บิ๊กตลอด บิ๊กเองก็มีปมในใจเยอะ ทั้งแอบชอบพี่ชายตัวเอง ลักลอบมีอะไรกับมาสเตอร์ แต่ยังไงบิ๊ก ดูเหมาะกับปอมากที่สุด

บุคคลใกล้เคียง นายคิมจองฮุนที่ดูคุณหนู(เพราะเล่นเป็นองค์ชายหยุน) นัยน์ตาที่ซ้อนอะไรบางอย่างเอาไว้ ไม่รู้ว่าจะสุขหรือจะเศร้า แต่รอยยิ้มที่น่ารัก สามารทำเอาสาวๆและหนุ่ม หลงไปตามๆกัน

เหน่ง

 (http://img216.imageshack.us/img216/449/12zc1.jpg)

พระรองแสนดี ที่ยังไงก็ไม่ได้กับปอสักะที เหน่งนิสัยคล้ายกับปอ แต่ต่างกันที่ เหน่งจะไม่ใบ้แดกเท่าปอ เหน่งพูดเก่ง และร้องเพลงก็เก่ง แต่จะเอาเก่งหรือเปล่าอันนี้ไม่รู้ต้องไปถามปอ(อิอิอิ)

บุคคลใกล้เคียง คงเป็นนายเฮ่อจุนเสียง มาดเท่ห์ ที่ใครเห็นแล้วกรี๊ดดดด

นี้คือ12 ตัวละครหลัก จาก 2 Season ผมเองก็ไม่รู้ว่า เพื่อนๆแต่ละคนที่อ่านเรื่องนี้แล้วรู้สึกกับตัวละครยังไง หรือ จินตนาการภาพตัวละครเป็นใครบ้าง ลองเล่าให้ฟังดูก็ได้นะครับ แต่ถึงยังไง ทั้งหมดก็เป็นแรงบันดาลใจให้นิยายเรื่องนี้ ต้องขอบคุณทั้งตัวละครในชีวิตจริง และตัวละครที่สมมุติขึ้นมาด้วยนะครับ

ติดตาม Interview กับ Jojoe และ ตัวละครทั้งสาม(โจ้,เชียร์,ปอ) ในตอนต่อไปนะครับ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love:Special Features:เบื้องลึกเบื้องหลังกว่าจะมาเป็นนิยายและImageตัวละคร
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 12-10-2008 22:10:33
กีซซซซซซ หล่อใจละลายทุกคนเลยยยย  :o8:

รอ Interview ต่อค่า  :oni2:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love:Special Features:เบื้องลึกเบื้องหลังกว่าจะมาเป็นนิยายและImageตัวละคร
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 12-10-2008 22:17:30
ซี้ด......เห็นละหิวทันทีเลย

ชอบแบดบอยมากค้า....
หัวข้อ: Re: Three Couple of love:Special Features:เบื้องลึกเบื้องหลังกว่าจะมาเป็นนิยายและImageตัวละคร
เริ่มหัวข้อโดย: thaitanoi ที่ 12-10-2008 22:46:15
 :m23:  ขอบคุณครับ  มีเบื้องหลังนิยายมาให้อ่านด้วยดีเหมือนกันครับเหมือนเป็นการเติมเต็มจินตนาการให้สมบูรณ์ขึ้น ไม่ว่าจะเป็นตัวจริงหรือคนที่สมมุติขึ้นแต่ก็ทำได้แนบเนียนดี จะเป็นกำลังใจให้นะครับ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love:Special Features:เบื้องลึกเบื้องหลังกว่าจะมาเป็นนิยายและImageตัวละคร
เริ่มหัวข้อโดย: BuzZenitH ที่ 13-10-2008 05:08:23
 :m23:....ห่างหายไปนาน...เข้ามาทวงสองสามที...แต่กลับไม่ได้ตามอ่านซะที...
ตอนนี้เลยต้องกลับมาตั้งใจอ่านใหม่อีกรอบ.... :m13:

จะติดตามต่อไปเน้อ.... :a1:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love:Special Features:เบื้องลึกเบื้องหลังกว่าจะมาเป็นนิยายและImageตัวละคร
เริ่มหัวข้อโดย: jobisuka ที่ 13-10-2008 16:05:39
โอววววววววว ใจละลายยยยย :jul1:

 :oni2: :oni2: :oni2:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love:Special Features:เบื้องลึกเบื้องหลังกว่าจะมาเป็นนิยายและImageตัวละคร
เริ่มหัวข้อโดย: iamhappywood ที่ 13-10-2008 23:27:04
ขอบคุณครับ ผมอ่านแล้วชอบมากๆ  :m4:
มาต่อเร็วๆ นะครับ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love:Special Features:เบื้องลึกเบื้องหลังกว่าจะมาเป็นนิยายและImageตัวละคร
เริ่มหัวข้อโดย: benxine ที่ 14-10-2008 11:43:53
หุหุ


รออ่าน ภาค 3


แล้วเมื่อไรเอา Best love Best man season 2 มาลงอ่ะค๊าบบบ


รออยู่
หัวข้อ: Re: Three Couple of love:Special Features:เบื้องลึกเบื้องหลังกว่าจะมาเป็นนิยายและImageตัวละคร
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 14-10-2008 16:07:31
กรี้ดดดดดดดดดดดดดดด

น่ารักที่ซู้ดดดดดดดดดดด

ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love:Special Features:เบื้องลึกเบื้องหลังกว่าจะมาเป็นนิยายและImageตัวละคร
เริ่มหัวข้อโดย: meawkung02 ที่ 16-10-2008 11:29:51
ค้าบบผม แล้วจะติดตามต่อไปนะค้าบบ...^^
หัวข้อ: Re: Three Couple of love:Special Features:เบื้องลึกเบื้องหลังกว่าจะมาเป็นนิยายและImageตัวละคร
เริ่มหัวข้อโดย: dorgchant ที่ 18-10-2008 16:10:04
ดัน  :a4:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love:Special Features:เบื้องลึกเบื้องหลังกว่าจะมาเป็นนิยายและImageตัวละคร
เริ่มหัวข้อโดย: marchmenlo ที่ 18-10-2008 17:20:08
น้ำลายไหล ใครก็ได้ซักคน  :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love:Special Features:InterviewกับJojoeและตัวละครทั้งสาม(โจ้,เชียร์,ปอ)
เริ่มหัวข้อโดย: jojoe ที่ 20-10-2008 21:03:28
Special Features : Interview กับ Jojoe และ ตัวละครทั้งสาม(โจ้,เชียร์,ปอ)

หวัดดีครับ ผมเอนะครับ จำกันได้ไหมเอ่ย ที่เป็นรุ่นน้องของพวกพี่ๆในเรื่องทั้งสามคน โผล่มาแค่ตอนเดียวเอง ไม่จุใจเลยขอมาโผล่อีกรอบ ในช่วงการสัมภาษณ์ พี่Jojoe และพี่ๆทั้งสามคน คงมีหลายคำถามที่อยากรู้เกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นเราลองไปดูกันเลยนะครับ
*****************************************************************************************

ในร้านกาแฟแห่งหนึ่งในห้างใหญ่กลางใจเมือง ผมได้มีโอกาสเจอพี่Jojoe ครั้งแรก ที่เป็นคนเขียนเรื่องราวของพี่ๆทั้งสามคน พอดีผมได้อ่านเจอเรื่องราวของเด็กหนุ่ม3คนในเว็ปแห่งหนึ่ง แล้วรู้สึกว่ามันคุ้นๆ เหมือนใครที่รู้จัก ยิ่งได้อ่าน ภาค2 ยิ่งชัดว่า สามคนที่ว่า คือพี่โจ้ พี่เชียร์ และพี่ปอ ที่ผมแอบกรี๊ดกราดตอนสมัยมัธยม

แล้วพี่โจ้ก็มาตามนัด พร้อมหอบหิ้วโน็ตบุ๊คมาด้วย
“หวัดดีครับ” ผมยกมือไหว้ผู้ใหญ่ตามมารยาท
พี่โจ้ยิ้มรับผม แล้วพยักหน้าเป็นการรับไหว้
“รอนานไหม สั่งอะไรไปแล้วหรือยัง” พี่Jojoeถาม
ผมเลยชี้ไปที่กาปูชิโน่ใส่วิปครีมที่วางอยู่บนโต๊ะ
“อ้าว เรียบร้อยแล้วเหรอ ว่าจะเลี้ยงสักหน่อย งั้นพี่ขอสั่งก่อนนะ” แล้วพี่Jojoeก็ไปที่เคาน์เตอร์ สักพัก พี่เค้าก็มาพร้อมกับลาเต้ปั่น และเค้กวนิลาที่สองชิ้น
“อ่ะ กินกันก่อนจะสัมภาษณ์แล้วกัน” พี่เค้าก็เริ่มประเดิม
ผมเลยกินตามพี่เค้าไปด้วย
“งั้นผมขอถามเลยแล้วกัน” ผมหยิบสมุดและดินสอมาทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย
“แป๊บนะจ๊ะ พี่ขอเปิดโน้ตบุ๊คก่อน พอดีข้อมูลมันอยู่ในนี้”
ผมเลยนั่งหม่ำเค้กรอพี่เค้า
“โอเค ถามได้เลย” พี่เค้ายิ้มาให้ผม
ผมกระเด้งลุกพร้อมกับหยิบปากกามาจด

เอ: ครับผม คืออยากรู้ว่า ทำไมพี่ถึงต้องแต่งเป็นสามคน แต่งเป็นคู่พระ-นาง คู่เดียวไม่ได้เหรอ แล้วให้คู่อื่นเป็นพระรอง-นางรอง อะไรแบบนี้
JOjoe: พี่ตั้งใจให้เป็นสามคนเพราะเรื่องราวที่พี่อยากเขียนมาจากคนสามคน
เอ: สามคนนั้นใครอ่ะครับ
JOjoe: เป็นเพื่อนของพี่เองครับ แปลกไหมละ ที่ตอนม.ต้น พี่มีเพื่อนสนิทสองคน ตอนม.ปลายก็มีสองคน แม้จะเป็นคนละคนกับตอนม.ต้นแต่ก็นิสัยคล้ายๆกัน เลยงงงงว่าทำไมเราถึงถูกชโลกกับแลข3
เอ: แสดงว่า โจ้ ในเรื่อง คือตัวพี่ แล้วเชียร์ กับปอ คือเพื่อนของพี่เหรอครับ
JOjoe: จะว่าอย่างนั้นก็ได้ แต่มันก็ไม่ซะทีเดียว คือบุคลิกทั้งสามคนก็มีเอาทั้งตัวพี่และเพื่อนพี่มาผสมกัน ไม่ใช่ให้บุคลิกของตัวละครไปลอกมาจากใคร เพราะทั้งสามคนก็มีนิสัยบางอย่างเอามาจากพี่
เอ: แล้วเรื่องราวนี้มีส่วนไหนบ้างที่เป็นเรื่องจริงครับ
JOjoe: ถ้าจะให้บอกว่าตอนไหนจริงไม่จริงคงคุยกันอีกยาว เอาเป็นว่า เรื่องราวที่เกิดขึ้นมีเรื่องจริงผสมกับเรื่องที่แต่งขึ้นเพื่อนความสนุกแต่สถานที่หรือบรรยากาศ จะเอามาจากเรื่องจริง โดยเฉพาะภาค2 นี้เอามาจากเรื่องจริงค่อนข้างเยอะกว่าภาคแรก
เอ: อยากให้เล่าถึงความแตกต่างของภาค1 กับภาค 2
JOjoe: ภาคแรกเล่าถึงความรักของคนสามคนที่เป็นเพื่อนกัน โดยทั้งสามคนนี้ก็มีนิสัยและความรักแตกต่างกันออกไป ส่วนภาคสอง เล่าย้อนกลับไปตอนที่อยู่มัธยม ก็ยังเล่าถึงความรักของคนสามคน แต่ที่แตกต่างคือ ภาคหนึ่งจะเน้นความรักมากกว่ามิตรภาพของเพื่อน แต่ภาคสองเน้นทั้งสองอย่างเท่าๆกันเพราะตอนมัธยม เรื่องเพื่อนค่อนข้างสำคัญของคนในวัยนั้น
เอ: ทำไมภาคสองถึงย้อนกลับไปเล่าถึงตอนเด็กๆ ทำไมไม่เล่าถึงเรื่องตอนต่อไปจากภาคหนึ่ง
JOjoe: ที่จริงอยากเล่าตอนวัยทำงานเหมือนกันนะ แต่ที่กลับมาเล่าตอนมัธยม เพราะคิดว่าน่าจะทำให้คนอ่านเข้าใจบุคลิกของตัวละครมากขึ้นว่านอกจากตอนมหาลัยพวกเขาเป็นอย่างไร ตอนเด็กพวกเขาก็เจอเรื่องหนักๆพอกับตอนมหาลัย อีกอย่างภาคสองค่อนข้างเจาะลึกนิสัย บุคลิกและความคิดของตัวละครมากกว่าภาคหนึ่งที่เน้นเรื่องความรักกุ๊กกิ๊กมากว่า เพราะถ้าคนอ่านเข้าใจถึงบุคลิดของตัวละครแล้ว ภาคสามก็จะทำให้คนอ่านอ่านสนุกขึ้น แต่ที่จริงผมเองก็แอบเกริ่นนำภาคที่สามไว้ในภาค2ตอนบทนำ ที่เล่าเรื่องราวต่อจากภาคหนึ่ง
เอ: พอบอกได้ไหมครับว่าภาคสามเรื่องราวเป็นอย่างไร
JOjoe: ก็เป็นเรื่องราวในวัยทำงาน ปัญหาต่างๆก็จะมาเยอะขึ้น ทั้งเรื่องความรัก เรื่องส่วนตัว ฯลฯ
เอ: แล้วภาคสามมีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไหมครับ
JOjoe: ก็คงมีอยู่แล้ว ทั้งตัวละครเสริมที่มาใหม่ในภาคนี้ ทั้งตัวละครเก่าในภาคหนึ่ง และภาคสอง บางส่วน
เอ: แล้วจะจบที่ภาคสามหรือเปล่าครับ
JOjoe: ตอนแรกตั้งใจจะจบที่ภาคหนึ่งด้วยซ้ำ แต่มันแต่งแล้วสนุกมือ อีกอย่างเรามีเรื่องราวที่อยากแต่งด้วย ก็เลยลงมือแต่งภาคสอง ภาคสามนี้เลยตามมาติดๆ แต่มีอีกไหมนั้นคงไม่รู้เหมือนกัน ต้องดูว่าเรามีเรื่องราวที่จะแต่งต่อไปหรือเปล่า
เอ: คิดว่าเรื่องนี้มีอะไรที่แตกต่างจากเรื่องอื่น
JOjoe: ที่แตกต่างคงเป็นวิธีการเล่าเรื่อง ที่เล่าโดยตัวละครนำทั้งสามตัว แต่เล่าคนละเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเอง คือหนึ่งตอนจะมีสามเรื่อง แต่ในหนึ่งตอนนั้นทั้งสามเรื่อง อาจเกี่ยวข้องกัน หรือไม่ ก็แล้วแต่
เอ:มีอะไรอยากฝากถึงคนอ่านไหมครับ
JOjoe: ก็คงฝากนิยายที่ผมแต่งแล้วกัน และก็ขอบคุณมากๆด้วยที่ติดตามและให้กำลังใจมาตลอด
เอ: พอเรื่องนี้จบแล้วจะแต่งเรื่องอะไรอีกครับ
JOjoe: หลายเรื่องมากเลยครับ เพราะอยากแต่งเก็บไว้เยอะๆ พัฒนาฝีมือไปในตัว
เอ: แล้วพี่โจ้ชอบแต่งนิยายแนวไหนอ่ะครับ
JOjoe: ถ้าแนวถนัดก็คงเป็นแนวกุ๊กกิ๊กหวานแหวว แต่อยากแต่งหลายแนว แฟนตาซีก็แต่งมาแล้ว อยากแต่งแนวระทึกขวัญ ประวัติศาสตร์ ฯลฯ จะได้เก่งๆขึ้น
เอ: ดีครับ เป็นทางเลือกให้นักอ่านดี
Jojoe: น้องเอ อยากไปคุยกับพี่โจ้ พี่เชียร์ พี่ปอ ไหม?
เอ: จริงเหรอครับ พี่ อยากมากๆ เลยครับ

แล้วพี่Jojoe ก็โทรศัพท์ไปหาพี่โจ้ พร้อมบอกนัดที่สัมภาษณ์ให้ผม
“เรียบร้อยแล้ว พี่จัดการให้แล้ว มีอะไรอยากถามก็เอาเลยนะ” พี่Jojoe ยิ้มหวาน พร้อมส่งหนังสือเล่มหนึ่งมาให้ผม ผมเลยก้มลงไปอ่านดู
“พี่เอาเรื่องนี้รวมเล่มไว้เหรอครับ” ผมถือมือสั่นเลยครับ
“พี่ว่าเอคงอยากได้ อันนี้ยังไม่สมบูรณ์นะ เพราะพี่ตั้งใจรวมเล่นตอนจบภาค3”
“งั้นผมขอฉบับรวมเล่มสมบูรณ์นะครับ”
ผมเห็นแก่ของฟรีมากไปป่าว
ปรากฏว่าผมได้ของฟรี แถมได้ไปสัมภาษณ์ ดารานำทั้งสามคนอีก
*****************************************************************************************
ผมมาร้านเบเกอรรี่ย่านสุขุมวิท พร้อมเห็นพี่ๆทั้งสามนั่งคุยกันอยู่ก่อนแล้ว
“หวัดดีครับ” ผมยกมือไหว้พี่ๆ
“น้องเอ เป็นไงบ้างไม่เจอกันนานเลยเนอะ” พี่โจ้ทักขึ้นมาก่อน
“หล่อขึ้นด้วยนะเนี้ย” พี่เชียร์พูดแบบนี้ทำเอาผมเขินเลย
“ไม่หรอกครับ พวกพี่ดูดีกว่าผมตั้งเยอะ” ผมหยอกล้อกับพี่ๆเพื่อสร้างความคุ้นเคย

คุยกันไปได้สักพัก ผมก็ขอพี่เค้าเรื่องสัมภาษณ์จะได้ไม่เสียเวลา
เอ: ตอนนี้พี่ๆเป็นยังไงกันบ้าง แฮปปี้กับแฟนมากขนาดไหนกันครับ
โจ้: ตอนนี้ก็ดีครับ สนุกกับงานที่คลินิกให้คำปรึกษา ได้ใช้สิ่งที่เรียนมาจริงๆ ส่วนแฟนนั้นก็เรื่อยๆครับ เพิ่งกลับมาคบกันใหม่ เพิ่งย้ายมาอยู่ด้วยกัน ช่วงนี้เลยเหมือนต้องมาเริ่มต้นกันใหม่หมด
เชียร์: ส่วนพี่เองก็สนุกกับงานนะ อยู่หลังเวทีแฟชั้นวุ่นวายดี ได้เห็นอะไรต่อมิอะไรของนายแบบ อิอิอิ  เรื่องแฟนเหรอ ก็ต่างคนต่างทำงาน มีนัดไปเที่ยวบ้าง ดูหนังบ้าง แล้วแต่ว่าวันไหนว่างตรงกัน
ปอ: สอนดนตรีอยู่ครับ มีทำงานเบื้องหลังด้วย เรื่องแฟน ยังไม่ได้คบใครจริงจังคับ

เอ: แล้ววางแผนอะไรกับตัวเองไหมครับ
โจ้: ที่จริงก็ทำสำเร็จไปหลายอย่างแล้วนะ ทั้งเรื่องงาน เรื่องบ้าน แต่เรื่องความรักไม่ได้วางแผนไว้อ่ะ ให้เวลาตัดสินดีกว่า
เชียร์: ทุกอย่างก็โอเคแล้วนะ แต่ตอนนี้คงจะมาดูแลพ่อดีกว่า
ปอ: อยากเปิดบาร์ ให้น้องๆที่เล่นดนตรีมาแสดงความสามารถกัน

เอ: พอได้อ่านเรื่องราวของพี่ตั้งแต่ภาคหนึ่ง ภาคสอง อยากรู้ว่าจนถึงตอนนี้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง
โจ้: เกือบทุกอย่างเลยครับ ทั้งความคิด นิสัย คงเพราะเจอเรื่องราวต่างๆมากขึ้น ใช้ชีวิตในสังคมที่กว้างขึ้น
เชียร์: เหมือนกันเลย แต่ความคิดกับนิสัยพี่ไม่ได้เปลี่ยนนะ
ปอ: อืมม พี่ว่าพี่ก็ไม่ได้เปลี่ยน แต่ก็เหมือนโจ้ที่บอก เราสามคนเข้าใจโลก สังคม มากขึ้น จากเรื่องราวที่ได้พบมา

เอ: อยากให้เล่าเรื่องที่ทำให้หน้าแตก หรือเรื่องเปิ่นๆ ตอนภาคหนึ่งหรือภาคสอง ให้ฟังหน่อยครับ
โจ้: คงเป็นตอนอยู่ต่อหน้ากับคนที่เราชอบ พี่มักจะทำตัวไม่ค่อยถูก หน้าแดง หูแดง ตลอดเลย อย่างตอนเจออาจารย์เบนบนรถไฟฟ้า ก็เขินแล้วเขินอีก แต่หนีไปไหนไม่ได้ ต้องทนเขินอยู่ตรงนั้น
เชียร์: พี่คงไม่เล่าเรื่องหน้าแตกให้ฟังหรอก เสียภาพพจน์หมด แต่ถ้าให้เล่าคงเป็นตอนที่มีอะไรกับพี่แจ็คแล้วพี่ยอดมาเห็น อายโคตรๆเลยอ่ะ
ปอ: ไม่ค่อยมี พี่ค่อนข้างระมัดระวังตัว

เอ: มาเม้าท์กันเองดีกว่า แฉใครก่อนดี พี่โจ้เลยล่ะกัน
โจ้: อ้าว! มีคำถามนี้ด้วย
เชียร์: ของชอบเลยอย่างนี้ ถ้าเรื่องโจ้ คงไม่แพ้เรื่องผู้ชาย อ่ะอ่ะ หลายคนคงคิดว่า เรียบร้อยอย่างนี้ จะอินโนเซ็นต์ เปล่าเลยนะจ๊ะ ตอนที่ไปค้างพี่หมี มีหรือว่าพี่หมีจะปล่อยให้รอด เจ้าตัวทำเป็นบอกไม่พร้อม แต่ไม่คิดเหรอว่าพี่เค้าจะยอม อีกเรื่องหนึ่ง ช่วงปิดเทอมมันชอบไปค้างที่บ้านโจ แล้วคิดว่าไปค้างกันอย่างเดียวหรือเปล่า เอาไปคิดเองแล้วกันนะ
เอ: มีอะไรแก้ตัวไหมครับ พี่โจ้
โจ้: เออ เออ แต่ก็ไม่มีอะไรเสียหายนี้(หน้าแดง)
ปอ: พี่ชอบขำเวลาโจ้ทำตัวโก๊ะๆ เปิ่นๆ โดยเฉพาะต่อหน้าผู้ชายที่มันชอบ ทั้งตกจากเก้าอี้ โดนลูกบาสตกใส่ ฯลฯ
อีกอย่าง มันกินเก่ง ว่างอะไรกินหมับๆเลย
เอ: แฉพี่เชียร์ต่อเลยครับ
โจ้: เชียร์เหรอ เรื่องเยอะอ่ะ บอกไม่หมดหรอก แต่เรื่องเด็ด คือเรื่องที่มันแอบมีอะไรกับพี่เต๋า ในสวนหลังหอ ไม่นึกว่าเพื่อนวิตถารชอบโชว์กลางแจ้ง
เอ: จริงเหรอครับ แล้วตอนนั้นกี่โมง
ปอ: 10โมงเช้า 55555 แม่งกล้า
เชียร์: ตอนนั้นปิดเทอมไม่มีใครเห้นหรอกม้าง
ปอ: ยามเอย คนสวนเอย ใครเขาก็เห็น ไอ้บ้า
เอ: พี่ปอดีกว่า พี่ปอมีเรื่องให้แฉป่าว
โจ้: ปอมันครางเสียงดังมาก ตอนนั้นมันไปค้างห้องบิ๊ก ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับห้องเรา ประมาณเที่ยงคืนหลับอยู่ดีดี  เสียงครางของใครก็ไม่รู้ ดังมาก หันไปหาเชียร์ เชียร์มันก็ยักคิ้ว รู้กันว่า ถ้าปอไปค้างกับบิ๊กแปลว่าอะไร แต่มันครางดังมากจริงๆนะ
เชียร์: แถมครางสาวกว่าบิ๊กอีกนะ 555555
ปอ: ทะลึ่งแล้ว ไม่ใช่พี่เอกนะ ที่ครางสาวพอๆกับแก
เอ: ผมว่าเราจบแค่นี้ก่อนดีกว่า ไม่งั้นคงมีตีกันแน่ๆ มีอะไรจะฝากนักอ่านไหมครับ
โจ้: ขอบคุณที่ติดตามนะครับ ยังไงเรื่องราวของเราคงเข้มข้นขึ้นแน่ๆครับ
เชียร์: แล้วมีตัวละครใหม่ๆด้วยนะครับ
ปอ: ใครคิดถึงพี่เบน พี่เอก พี่เก่ง และมีบิ๊ก พี่ยอด พี่เต๋า พี่หมิงในภาค3ด้วยนะครับ รวมมิตรเลยครับภาค3 สนุกแน่ๆ
เอ: ขอบคุณพี่ๆมากครับ หวังว่าจบภาค 3 คงได้มีสัมภาษณ์พี่อีกนะครับ

ตอนต่อไปเหล่าตัวละครจะมาพูดถึงฉากประทับใจนะครับ

หัวข้อ: Re: Three Couple of love:Special Features:InterviewกับJojoeและตัวละครทั้งสาม(โจ้,เชียร์,ปอ)
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 20-10-2008 21:34:17
เก๋มากกกกก น่ารักที่สุดด รอผลงานต่อไปจ้า...
 :L2: :L1: :L2:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love:Special Features:InterviewกับJojoeและตัวละครทั้งสาม(โจ้,เชียร์,ปอ)
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 20-10-2008 23:05:44
น่ารักดีครับ ทั้ง 3 คนเลย

แอบไปฟังกันครางด้วย หุหุ

วันหลังน่าจะมีคลิปบ้างนะ เอิ้กๆ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love:Special Features:InterviewกับJojoeและตัวละครทั้งสาม(โจ้,เชียร์,ปอ)
เริ่มหัวข้อโดย: meawkung02 ที่ 21-10-2008 16:41:59
น่ารักจังเลยค้าบบบ...น้องเอ ด้วยนะค้าบบ...อิอิ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love:Special Features:InterviewกับJojoeและตัวละครทั้งสาม(โจ้,เชียร์,ปอ)
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 22-10-2008 00:17:16
มารอดูฉากประทับใจของสามหนุ่มค่า  :oni2:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love:Special Features:InterviewกับJojoeและตัวละครทั้งสาม(โจ้,เชียร์,ปอ)
เริ่มหัวข้อโดย: Kirimanjaro ที่ 22-10-2008 00:46:08
บทสัมภาษณ์ฮามั่กๆๆ ครับ  พี่โจโจ้รุ่นเดียวกับพี่อาร์ก้าหรือเปล่าเนี่ย   :o
หัวข้อ: Re: Three Couple of love:Special Features:InterviewกับJojoeและตัวละครทั้งสาม(โจ้,เชียร์,ปอ)
เริ่มหัวข้อโดย: jojoe ที่ 28-10-2008 06:17:24
Special Features : ฉากประทับใจ

เรื่องราวของสามหนุ่มทั้งหมดเกือบ 40 กว่าตอน คงทำให้ใครหลายคนสนุกสนานกับเรื่องราว มิตรภาพ และ ความรักของพวกเขา ดังนั้น ตัวละครทั้งหมด จะมาเล่าเรื่องราวประทับใจ ว่าพวกเขาชอบฉากไหนหรือตอนไหนมากที่สุด

ขอให้เกียรติกับคนเขียนก่อนแล้วกันนะครับ

Jojoe - “ชอบตอนจบของภาคที่ 1 ที่สรุปเรื่องราวทั้งหมดของสามหนุ่ม ว่าบทสรุปของแต่ละคนเป็นอย่างไร ดูบรรยากาศของตอนนั้นอบอุ่นดี ตัวละครทุกตัวมารวมกัน อีกอย่างที่สำคัญ อาจารย์เบนกับโจ้คืนดีกันอีกครั้ง ที่ชายทะเล ให้ความรู้สึกเหมือนตนอจบของละครไทยบางเรื่อง ดูน้ำเน่าดีอ่ะ แต่รู้ว่าทุกๆคนก็อยากให้จบน้ำเน่าอย่างนี้ใช่ป่ะ
 
ผมเลยแยกตัวออกมาเดินที่ชายหาดคนเดียว ปอกับเชียร์เห็นผมออกมาเดินคนเดียวก็เดินตามมาด้วย
"เฮ้ย มึงทำไมออกมาเดินคนเดียว นี้งานเลี้ยงวันเกิดมึงน่ะ"เชียร์ถาม
"มึงเป็นอะไรรึป่าวว่ะ"ปอถามผม เพราะเห็นสีหน้าของผมดูเศร้า
ผมพยายามฝืนยิ้ม หันมาพูดกับเพื่อนๆ
"ป่าวๆ กูแค่นึกถึงเรื่องราวเก่าๆ เรื่องราวของพวกเราไง"
"กูก็นึกว่ามึงคิดถึงอาจารย์เบน"ไอ้เชียร์มันพูดแทงใจดำอีกแล้ว
ผมเงียบ ไปสักพักหนึ่ง
"นานแล้วเนอะ ที่พวกเราสามคนไม่ได้อยู่ด้วยกันอย่างนี้"ผมเอ่ยขึ้นมา
"ใช่ๆ กูโคตรคิดถึงพวกมึงเลยน่ะ" ไอ้เชียร์พูดเสร็จ ก็กระโดดกอดผมกับปอ
"อืมม กูรักพวกมึงมากๆเลยน่ะ" ปอพูดออกมาทั้งที่ยังกอดผมกับเชียร์อยู่
ผมไม่ได้พูดอะไร แต่ร้องไห้ออกมา นอกจากอาจารย์เบนแล้ว ก็มีเพื่อนตัวดีทั้งสองคนนี้แหล่ะที่ผมรักมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ที่สุด
พวกเรากอดกันสักพักหนึ่ง เชียร์ก็พูดขึ้นมาว่า
"กูมีอะไรจะให้มึงด้วยน่ะ โจ้" ผมงง ก็มันให้กล่องของขวัญผมไปแล้วนี้
"ไม่ใช่ของมึงคนเดียว กูด้วย เป็นของขวัญที่กูกับเชียร์หามาให้มึง" ปอเริ่มโวยวาย
ผมยิ่งงง อะไรของพวกมัน จะแกล้งอะไรผมอีกรึป่าว
เชียร์กับปอ ยิ้มให้ผมก่อนค่อยๆเดินออกไป อ้าวไหนบอกว่าจะให้ของขวัญไงเล่า แล้วเดินหนีไปทำไม
จู่ๆก็มีเสียงดังมาจากข้างหลังผม
"รอของขวัญเหรอครับ" ผมรีบหันไป
ผมแทบจะร้องไห้ออกมา ไม่นึกว่าคนที่พูดกับผมจะเป็นคนๆที่ผมคิดถึงอยู่ตลอดเวลา เกือบสี่ปี
"อาจารย์มาได้ไงครับ"ผมถาม
"ก็วันเกิดของโจ้นี้ ไม่มาได้ไง"
"แล้วอาจารย์ เป็งไงบ้างครับ"
"อืมม ก็... ชีวิตแต่งงาน มันไม่ค่อยราบรื่นน่ะ เพราะผมไม่ได้รักภรรยาผม ผมแต่งงานเพราะพ่อบังคับให้แต่งกับลูกสาวเจ้าหนี้ของพ่อผม ไม่งั้นร้านผมถูกยึดแน่"
ผมนึกไว้แต่แรกอยู่แล้วหล่ะ ว่าอาจารย์ไม่ได้อยากแต่ง
"สามสี่ปีที่ผ่านมา ก็ทะเลาะกันตลอด จนผมกับภรรยา ต้องแยกทางกันอยู่"อาจารย์เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ผมฟัง

ผมเดินคุยกับอาจารย์ไปเรื่อยๆ
อยู่ดีดีอาจารย์ก็เดินเข้ามากอดผมทางด้านหลัง
"โจ้ ตอนนี้ผมโสดแล้วน่ะ" อาจารย์กระซิบข้างๆหู
"บอกผมทำไม"
"อ้าว โจ้ไม่ดีใจเหรอ"
"ดีใจสิครับ" ผมหันหน้าไปมองอาจารย์
"งั้น เรามาคบกันเหมือนเดิมน่ะ" อาจารย์พูดกับผม
"แล้วผมจะแน่ใจได้ไหมว่า อาจารย์จะไม่หนีไปแต่งงงานอีก"
ผมเริ่ม เล่นตัว อาจารย์เลยคุกเข่าต่อหน้าผม
"น่า น่ะ เป็นแฟนกับผมเถอะครับ รับรองผมไม่ไปแต่งงานกับใครแน่ๆ ทั้งผู้หญิง ทั้งผู้ชาย" ผมอดขำกับอาจารย์ไม่ได้
"ครับ" ผมตอบเพียงเท่านี้ อาจารย์ได้ยินก็กระโดด ขึ้นมาจูบผม
"ผมรักโจ้น่ะครับ"
"ผมก็รักอาจารย์ครับ"

-----จบบริบูรณ์-----


และชอบตอนที่1 ของภาค2 ตอนม.4 ที่เล่าเรื่องที่มาของสามหนุ่มว่ามาเรียนที่หอนี้ได้อย่างไร และเป็นจุดเริ่มมิตรภาพของทั้งสามคน ดูอบอุ่น และแอบอมยิ้มเวลาแต่ง นึกถึงเพื่อนขึ้นมาจริงๆ”

เมื่อถึงเวลาเลิกประชุม ผมนั่งมองนักเรียนที่กำลังแยกย้ายกันไปขึ้นหอพัก ผมจึงเดินตามพวกเขาไป เหมือนกับว่าผมได้เข้าประชุมด้วย
ผมพยายามทำตัวปกติ คนอื่นจะได้ไม่สงสัยว่าทำไมผมถึงร้องไห้
ผมเดินไปถึงที่ห้อง ผมตกใจเมื่อเห็นเด็กผู้ชายสองคน กำลังนั่งคุยกันอยู่ที่เตียงตรงข้ามของผม ผมลืมนึกไปเลยว่า ผมต้องอยู่กับเพื่อนใหม่อีกสองคน
“อ้าวหวัดดี นายเพิ่งขึ้นมาเหรอ เราชื่อโจ้นะ ส่วนอีกคนชื่อเชียร์” เด็กผู้ชายใส่แว่น น่าตาดูดี พูดจาสุภาพเรียบร้อย เอ่ยทักผม ก่อนที่จะแนะนำคนอีกคนหนึ่ง ซึ่งน่าตาน่ารักพอๆกัน ดูจากการแต่งตัวแล้วน่าจะเป็นคุณหนู ดูหยิ่งๆยังไงก็ไม่รู้
“นายชื่อไรเหรอ” คุณหนูถามชื่อผม
“เราชื่อปอ คือ เราขอนอนพักหน่อยนะเราไม่ค่อยสบายนะ” ผมรีบแยกตัวไปนอนที่เตียง ผมไม่ได้ไม่สบายหรอก แต่อารมณ์ผมตอนนี้ไม่อยากจะคุยอะไรกับใครมากกว่า
“งั้นเราไปเอายามาให้ดีกว่านะ” โจ้ดูท่าทางเป็นห่วงเป็นใยผม แล้วก็รีบออกจากห้องไป
ผมไม่สนใจ นอนหันหลังให้กับเชียร์ที่ยังคงนั่งอยู่บนเตียงที่เดิม ผมหลับตา พยายามที่จะนอนหลับ
“นายไม่สบายจริงเหรอตัวไม่เห็นร้อนเลย” เชียร์เดินมาแตะหน้าผากตั่งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ผมสะดุ้งตกใจลุกขึ้นมา
“นะ นาย ไม่ต้องมายุ่งได้มั้ย” ผมตะโกนใส่เชียร์ ดูเชียร์จะตกใจเมื่อเห็นผมโกรธ
“ยุ่ง อะไรกัน ก็เป็นห่วง จะมาดูว่าเป็นหวัด หรือเป็นไข้ จะได้ให้ยาถูก” เชียร์เกาหัว ท่าทางคงงงที่ผมทำไมถึงโมโห
“เราไม่ต้องการให้ใครมาสนใจเรา เราอยากอยู่คนเดียวเข้าใจไหม” ผมตะโกนใส่เชียร์ พร้อมน้ำตาที่ไหลออกมาแทบยั้งไม่อยู่
ผมลุกจากเตียง และวิ่งไปที่ประตูเพื่อจะออกจากห้อง เป็นขณะเดียวกับที่โจ้กำลังหยิบมายามาให้ผมพอดี
ผมเลยชนกับโจ้เข้าอย่างจัง ต่างฝ่ายต่างล้มไม่เป็นท่า
“โอ้ยๆ” โจ้ร้องออกมาพร้อมจับเอว สงสัยขาผมไปชนกับเอวของโจ้แน่ๆ เพราะขาผมก็เจ็บ
แต่ผมไม่ได้ร้องโอดครวญเพราะเจ็บขา แต่ผมกำลังร้องไห้ “ฮือออ ฮือออ”
เชียร์กับโจ้ เดินมาดูผมที่กำลังร้องไห้อยู่
“นะ นายเป็นอะไร เราชนนายเจ็บมากเลยเหรอ” โจ้ถามผมนึกว่าผมร้องไห้เพราะเจ็บจากการวิ่งชนกันเมื่อกี้
“ปะ ป่าว ไม่มีอะไรหรอก” ผมรีบเช็ดน้ำตา “เราแค่ ฮือออ ฮือออ” แต่ก็ร้องไห้มาอีก
“นายเป็นอะไร มีเรื่องอะไร บอกพวกเราได้นะ” โจ้เข้ามาจับมือผม ผมรู้สึกได้ถึงความจริงใจของเพื่อนใหม่คนนี้
ตอนนี้ผมไม่รู้จะทำยังไง การได้เล่าปัญหาของผมให้ใครสักคนฟัง อาจจะทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมาบ้างก็ได้
ผมจึงเล่าถึงปัญหาของผมที่เกิดขึ้นให้โจ้และเชียร์ฟัง ดูทั้งสองคนตั้งใจฟังปัญหาของผมอย่างจิงจัง
ผมเล่าจบ โจ้ก็เข้ามาจับที่แขนผม
“ปัญหาที่เกิดขึ้น มันต้องมีทางแก้ พ่อแม่นายคงไม่ทะเลาะกันไปตลอดหรอก พวกเขาทะเลาะกันก็เพราะพวกเขารักนายไม่ใช่เหรอ”
สิ่งที่โจ้พูดทำให้ผม รู้สึกดีขึ้นมามาก และทำให้มีสติถึงปัญหาที่เกิดขึ้น
“ฉันอิจฉานายนะ” เชียร์พูดกับผม
“นายอิจฉาเราทำไม” ผมสงสัย อย่างเชียร์ที่ดูเป็นคนสมบูรณ์แบบทุกอย่าง ไม่น่าจะขาดอะไร
“เราไม่มีแม่ นายโชคดีที่ยังมีแม่” เชียร์พูดออกมา ผมเห็นว่าน้ำตาของเชียร์เริ่มซึม
“เราเอง ไม่มีทั้งพ่อทั้งแม่ ตั่งแต่เกิดมายังไม่เคยเห็นหน้าพ่อแม่เลยด้วยซ้ำ” โจ้เองก็พูดออกมาให้ผมฟังเช่นกัน
“ดูสิ นายนะโชคดีแค่ไหนที่มีพ่อแม่” โจ้เองก็เริ่มร้องไห้
กลายเป็นว่าทั้งสองคนร้องแทนผม ผมรีบปลอมพวกนั้นทันที
“เฮ้ย โตๆกันแล้ว ไม่เห็นต้องร้องเลย พวกนายอยู่ได้โดยไม่มีพ่อไม่มีแม่มาตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอ ยังจะมาร้องอีกทำไม”
ผมพูดใส่หูทั้งสองคน พวกนั้นก็หยุดร้องพร้อมเช็ดน้ำตา
“เชียร์เราขอโทษนะที่เมื่อกี้เราตะโกนใส่นาย” ผมพูดกับเชียร์ เชียร์ยิ้มรับ
“เราก็ขอโทดนะโจ้ ที่เราวิ่งชนนาย” ผมพูดกับโจ้ โจ้ก็เอามือมาแตะที่มือของผม
“ไม่เป็นไรหรอก เราเป็นเพื่อนกันแล้วนี้ มีอะไรเราก็ต้องช่วยเพื่อน” โจ้ยิ้มให้ผม
ปรากฏว่าคืนนั้น พวกเราไม่ได้นอนกันทั้งคืน เพราะมัวแต่คุยกัน ไม่รู้ไปเรื่องกันมาจากไหน พูดกันได้ไม่จบสักที
ผมรู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่มีเพื่อนที่ดี และหวังว่าพวกเราจะเป็นอย่างนี้ไปตลอด.....


โจ้ – “ชอบ บทนำของภาค 2 ตอนม.5 ที่โจ้ไปสารภาพรักกับพี่ยอด รู้สึกว่าตอนนั้น ดูโจ้มุ่งมั่นมากๆ ทั้งๆที่รู้ว่าความรักของตัวเองไม่มีทางสมหวังอยู่แล้ว ตอนนี้เองที่บรรยายความเป็นตัวโจ้มากที่สุด และชอบคำพูดที่ว่า ผมรักพี่มากกว่าที่พี่คิด ดูเป็นคำที่แสดงความรู้สึกออกมาจริงๆ ชอบตอนนี้มากที่สุดเลยครับ”
ผมหันไปมองพี่ยอด พร้อมนึกตามคำพูดของพี่เค้า ผมยอมรับว่าตอนแรกที่เห็นพี่เค้าผมชอบเพราะหน้าตา รูปร่าง ของพี่เค้าจริงๆ แต่พอได้รู้จัก ได้พูดคุย ผมก็ยิ่งรู้สึกชอบมากขึ้นไปอีก

ผมกับพี่ยอด นั่งเงียบไปสักครู่หนึ่ง ผมไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี เพราะพี่ยอดแย่งพูดความรู้สึกของผมไปหมดแล้ว

“ใกล้เวลาทานอาหารเที่ยง เราไปกันเถอะ” แล้วพี่ยอดก็ลุกขึ้นเดินออกไป แต่ผมยังคงนั่งอยู่ที่ม้านั่ง

แล้วน้ำตาของผมก็เริ่มไหลออกมา ผมกลั่นมันไว้ไม่อยู่จริงๆ รู้สึกเหมือนโดนตบหน้าอย่างแรง แม้ว่าพี่ยอดไม่ได้ตอบปฏิเสธผม แต่คำพูดของพี่ยอดมันเหมือนดูถูกว่าผมจะรักคนๆหนึ่งเพราะแค่มองจากภายนอกเท่านั้น

ไม่ได้ ผมจะไม่ยอมให้พี่เค้าคิดว่าผมเป็นคนแบบนั้นเด็ดขาด

ผมลุกขึ้นจากม้านั่ง หันไปมองที่พี่ยอดที่กำลังเดินห่างออกไปจากผมช้าๆ

ผมรู้ว่าอีกไม่นาน พี่ยอดก็จะไปจากผมแล้ว อาจจะไปจากชีวิตผมด้วยซ้ำ เพราะพี่ยอดจะย้ายไปเรียนต่ออังกฤษ และอาจจะย้ายไปอยู่ที่นั่นตลอดเลยด้วย

นี้จะเป็นโอกาสสุดท้าย ที่ผมจะทำให้รักครั้งแรกของผม

ผมวิ่งไปสุดแรง สายตายังคงจ้องด้านหลังของผู้ชายที่ผมเฝ้ามองมาตลอดเกือบปี
ผมวิ่งไปถึงพี่ยอด ผมคว้าตัวพี่ยอดไว้ ซบหน้าไปกับหลังของพี่เค้า แล้วน้ำตาของผมก็เริ่มไหล
“ใช่ ผมรักพี่เพราะหน้าตา เพราะรูปร่าง เพราะฐานะ และทุกอย่างที่ผมเห็น แต่รู้ไว้นะ ผมก็รักจิตใจ นิสัย บุคลิก เสื้อผ้า กางเกง รองเท้า ผู้คนรอบข้างในชีวิตของพี่ด้วย”

คำพูดพรั่งพรูออกมาจากปากของผม

ผมค่อยๆปล่อยตัวพี่ยอด แล้วเดินไปเผชิญหน้าของพี่เค้า

“ผมรักทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นพี่ ผมรักพี่มากกว่าที่พี่คิด”

ผมยังคงร้องไห้ มันเป็นความรู้สึกดีใจที่ผมได้พูดความรู้สึกออกมา และเสียใจที่จะไม่พบกับผู้ชายคนนี้อีกแล้ว

พี่ยอดหน้าเหวอไปสักพัก คงตกใจที่ผมพูดไปร้องไห้ แล้วพี่ยอดก็เดินเข้ามากอดผมแน่น

“ขอบใจมากๆ ขอบใจที่มีความรู้สึกดีดีให้พี่ ขอบใจจริงๆ”


เชียร์ – “ฉากที่เชียร์ ถอนเสื้อผ้าออกมาจนหมด เพื่อให้พี่เต๋าดูความเปลี่ยนแปลงของตัวเอง จากคนที่อัปลักษณ์จนเป็นคนที่สมบูรณ์แบบ ที่เชียร์ทำแบบนั้นเพราะต้องการให้เห็นว่า ถึงจะเปลี่ยนแปลงตัวเองไปมากเท่าไร สิ่งที่เชียร์ต้องการไม่ใช้ความสมบูรณ์แบบของร่างกาย แต่เป็นความสมบูรณ์ของจิตใจ นั้นคือการมีคนที่เข้าใจในตัวเชียร์นั้นเอง”


ผมเลยสะบัดผม พร้อมค่อยๆถอดเสื้อออก
“เฮ้ย ทำอะไร เดี๋ยวมีคนมาเห็นหรอก” พี่เต๋าตกใจที่ผมอยู่ดีดีก็จะชีเปลือยซะงั้น
ตอนนี้เสื้อและกางเกงของผมถูกถอดออกจนหมด เหลือแต่กางเกงในตัวจิ๋วเท่านั้น
“คิดว่ารูปร่างของเชียร์เป็นไง” ผมถามพี่เต๋าที่ทำหน้างงกับการกระทำของผม
“ก็ถือว่าหุ่นดี มีกล้ามแขน กล้ามท้อง ผิวขาวเนียน” พี่เต๋าพูดพร้อมพิจารณาร่างกายของผม
“แล้วหน้าตาของเชียร์หละ” ผมถามอีก
“ก็ จมูกโด่ง ปากเรียวอมชมพู ผิวหน้าใส คิ้วเข้ม”
ผมได้ยินดังนั้น ก็ยิ้มนิดๆ พร้อมเดินเข้าไปใกล้พี่เต๋า
“เชื่อไหม ว่าแต่ก่อน เชียร์เป็นคนละคน”
“หมายความว่าไง” พี่เต๋าทำหน้างง
“ตอนนี้เชียร์น้ำหนัก55  เมื่อ2ปีที่แล้วเชียร์น้ำหนักเกือบ80 หน้าที่ดูเรียบเนียน แต่ก่อนมีแต่สิวเต็มไปหมด กล้ามท้องแต่ก่อนก็เป็นพุงที่ยืนออกมาจนใส่กางเกงแทบไม่ได้ “
ผมบรรยายภาพสมัยก่อนของผม ดูพี่เต๋าอึ้งไปเหมือนกัน
“เด็กคนหนึ่งที่เจียมตัวเอง รู้ว่าตัวเองไม่เคยมีอะไรดีไปสักอย่าง ไม่ใครอยากคบ ไม่มีใครอยากรู้จัก แต่พอมาวันหนึ่ง เด็กคนนั้นเรียนรู้ที่จะทำตัวเองให้มีคุณค่า เขาเปลี่ยนตัวเองเพื่อให้ทุกคนยอมรับ เพื่อให้ทุกคนมองเขาว่าเขาคือคนที่สมบูรณ์แบบ”
ผมเดินไปทางพี่เต๋า พร้อมจับมือของเค้ามาทางที่หน้าอกด้านซ้าย
“แต่สิ่งหนึ่งที่เด็กคนนั้นไม่เคยเปลี่ยนแปลง คือ หัวใจที่ยังโหยหาใครสักคน ใครที่จะคอยดูคุณค่าของเขาที่เขาพยายามเปลี่ยนแปลง มันจะไม่มีคุณค่าเลยถ้าคนที่เด็กคนนั้นโหยหา ไม่เห็นคุณค่าของเขาที่จะพยายามเปลี่ยนแปลง”
“ถึงแม้เชียร์จะไม่ได้เป็นดรัมเมเยอร์ เชียร์ก็มีคุณค่ากับพี่เสมอ” พี่เต๋าพูดจบก็ค่อยๆจูบผม
ผมดีใจที่พี่เค้าเข้าใจผม
ไม่ใช่เข้าใจว่าผมอยากเป็นดรัมเมเยอร์เพราะอะไร แต่เข้าใจว่าผมต้องการใครมากที่สุดในตอนนี้


ปอ – “ชอบฉากที่ปอ เต้นอะโกโก้ในบาร์เพื่อเรียกร้องความสนใจจากพี่เก่ง ขอบอกว่า เป็นฉากที่ทำให้ทุกคนคาดไม่ถึงว่าคนแมนๆครึมๆอย่างปอ จะกล้านุ่งสั้น เต้นสะบัดตูดส่ายไปมา แต่ก็ถือว่าการกระทำนั้นได้ผล เพราะได้แก้แค้นพี่เก่งสมใจ แถมจูบชายอื่น ต่อหน้าพี่เก่งซะด้วย สุดยอดมาก”


"ตอนนี้ราคา ถึง สองหมื่นแล้วน่ะครับ" ผมหันมามองเชียร์ที่แอบอยู่หลังร้าน
เป็นไปตามแผน เชียร์ได้นัดแนะให้คนหนึ่งเสนอราคาให้สูงที่สุด
ดูท่าทางคนในร้านจะไม่สู้กับราคานี้
"ตกลง เราจะจบด้วยราคาสองหมื่นน่ะครับ"เจ้าของร้านประกาศการสิ้นสุดการประมูล
"เดี๋ยวก่อน ผมให้สามหมื่น" ผมหันไปมองสียงนั้น ทุกคนในร้านต่างมองมาทางเสียงนั้น
คนที่เสนอราคาคนสุดท้ายคือ พี่เก่ง
พูดจบพี่เก่งเขียนเช็ค แล้วเดินมาที่กลางฟอร์ล พร้อมลากผมออกจากไป

ผมเดินตามพี่เก่งออกมาจากบาร์
"นี้มันอะไรกัน ทำไมปอถึงทำแบบนี้" พี่เก่งเริ่มตะคอกใส่ผม
ผมไม่ตอบ ได้แต่จ้องหน้าพี่เก่ง
"ทำเพื่อประชดพี่ใช่ไหม" พี่เก่งจ้องหน้าผมกลับ
สายตาพี่เก่งที่มองผมดูแปลกไป มันเหมือนแฝงอะไรบางอย่าง
พี่เก่งค่อยๆก้มลงจะมาจูบผม
ผมรีบผลักพี่เก่ง แล้วพูดกับพี่เก่งว่า
"พี่เป็นคนบอกผมไม่ใช่เหรอ ว่าให้ลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อวันนั้น แล้วพี่จะมารื้อฟื้นอะไรอีกหล่ะ หรือทำไปเพราะเสียดายเงินที่ประมูลไป" ผมเริ่มโมโห
"เอาเงินของพี่ไปเถอะ จำไว้เลยน่ะ ผมลืมเรื่องราววันนั้นไปหมดแล้ว" ผมเดินหนีพี่เก่ง พี่เก่งยังมาคว้ามือผมไว้
"พี่ไม่เชื่อหรอกว่าปอ จะลืมพี่ได้ แล้ววันนี้ที่ปอขึ้นไปเต้น ปอต้องการอะไร" พี่เก่งถามผม
ผมไม่ตอบอะไรทั้งนั้น พร้อมสะบัดมือพี่เก่งออกอย่างแรง
ผมเดินเข้าไปหาผู้ชายคนหนึ่งที่มาเที่ยวที่บาร์ ดูท่าทางธรรมดาๆต่างจากพี่เก่งโดยสิ้นเชิง
"คุณสนใจจะนอนกับผมหรือเปล่า"ผมเดินเข้าไปถามตรงๆ
ผู้ชายคนนั้นดูตกใจ ถามผมว่า"คุณคือคนที่เต้นเมื่อกี้นี้ ผมคงไม่มีเงินให้คุณถึงสามหมื่นหรอก"
"ไม่ต้องหรอก ผมให้คุณนอนกับผม ฟรี ไม่ต้องเสียเงิน" พุดจบ ผมก็จูบปากกับผู้ชายต่อหน้าพี่เก่ง
ผมหันไปมองพี่เก่ง "นี้ไงคือคำตอบของผม" แล้วผมก็เดินไปกับผู้ชายคนนั้น
แม้ผมจะไม่พยายามสบตาพี่เก่ง แต่ผมกู้รู้ว่า พี่เก่ง ร้องไห้!!!!


เบน – “ชอบตอนที่โจ้มาที่ห้องอาจารย์เบนครั้งแรก ตอนนั้นทั้งสองก็มีใจให้กันแล้ว แต่ก็กล้าๆกลัวๆไม่ยอมบอกให้กันและกันรู้ เมื่อต้องมาอยู่ด้วยกันสองคน ก็ทำตัวไม่ค่อยถูก แต่สายตามันก็ฟ้องอยู่ดี”
พอผมมาถึงห้องของอาจารย์ ผมก็แปลกใจมาก ตอนแรกก้เข้าใจว่าห้องของอาจารย์คือ ห้องพักอาจารย์ที่มหาลัย แต่ที่อาจารย์พามากลายเป็นห้องนอนของอาจารย์ที่บ้านของอาจารย์ ผมแปลกใจตั้งแต่อาจารย์พาผมเดินออกมานอกรั้วประตูมหาลัยแล้ว บ้านของอาจารย์คือร้านขายก๋วยเตี๋ยวที่ผมเคยมากิน ส่วนห้องอาจารย์อยู่ด้านบน


อาจารย์ถอดเนคไทด์ และปลดกระดุมเสื้อตรงคอและตรองหน้าอก เผยให้เห็นแผงหน้าอกของอาจารย์ ผมใจเต้นมองอาจารย์ตาไม่กระพริบ ผมยืนเก้ๆกังๆอยู่หน้าประตูห้อง อาจารย์คงเห็นเลยเรียกผม

"มานี่สิ" อาจารย์เรียกผมเข้าไปหา

"ครับ" ผมตอบรับอาจารย์ และเดินไปตรงหน้าคอม

"นี้งานที่จะให้พิม สงสัยอะไรถามอาจารย์ได้นะ" อาจารย์ยืนแฟ้มงานมาให้ผม

"ครับ" ผมรับงานอาจารย์มาพิม ตอนแรกต้องพยายามไม่วอกแวก เพราะสมาธิเสียไปตั้งแต่เห็นอาจารย์ปลดกระดุมแล้ว พอผมพิมไปได้พักใหญ่ๆ เครื่องมันเป็นอะไรก็ไม่รู้ พิมไม่ได้เหมือนเครื่องมันค้าง เลยหันไปบอกอาจารย์ให้ช่วยมาแก้เครื่องให้หน่อย พอผมหันไปสิ่งที่ผมเห็นก็คืออาจารย์ใส่เสื้อกล้าม กับกางเกงบอล อยากจะบอกว่าอาจารย์น่ารักมาก

"ว่าไงนะเครื่องมันค้างเหรอ มาเดี๋ยวแก้ให้" อาจารย์เดินมาที่คอมที่ผมนั้งอยู่ อาจารย์ค่อยๆโอบมือมาด้านหลังของผม แล้วเขยิบตัวมาใกล้ๆคอมแต่ถ้าใครเห็นคงคิดว่าอาจารย์กำลังกอดผมอยู่ เนื่องจากอาจารย์ยืนอยู่เลยต้องก้มตัว เพื่อจะได้เห็นคอมพิวเตอร์ทำให้แก้มของผมกับอาจารย์ แทบจะชนกัน

ถ้าใครหยุดเวลาได้ ช่วยหยุดเวลาตอนนี้ให้ทีเถอะ


เอก – “ประทับใจฉากบทนำของภาค2 ที่เอกทะเลาะกับเชียร์ ดูเหมือนคู่รักทั่วไปที่ไม่เข้าใจกัน แต่ฝ่ายที่ยอมมาตลอดกับไม่อยากเป็นฝ่ายยอมบ้าง บางคนอาจลงเอยด้วยการเลิกกันก็มี แต่คู่นี้ใช้วิธีปรับความเข้าใจกัน ไม่แปลกที่ในเรื่อง คู่นี้จะรักกันยืดที่สุด”

ผมรีบกดเบอร์โทรศัพท์ของไอ้ปอ เพื่อจะรีบบอกมันถึงงานศิษย์เก่า
แต่ผมก็กดวางสายไปเมื่อเห็นพี่เอกเดินออกมาจากห้องน้ำ
พี่เอกกำลังใช้ผ้าเช็ดตัวเช็ดผมที่เพิ่งสระมา ปกติผมจะเป็นคอยเช็ดให้เสมอ
ผมเอาเสื้อผ้าที่เตรียมไว้ให้พี่เอก มาวางไว้ข้างๆตัวเขา(ปกติผมจะเตรียมเสื้อผ้าให้พี่เอกเสมอ รวมทั้ง กกน.ด้วย)
พี่เอกไม่สนใจเสื้อผ้าของผมเลย แล้วเดินไปหยิบเสื้อผ้าในตู้มาใส่เอง โดยเดินผ่านผมไป แทบจะไม่มองผมเลย ท่าทางคงงอนผมจริงๆ
“งอนเชียร์เหรอ” ผมเริ่มทำเสียงอ่อนลง พร้อมเดินไปหาพี่เอกที่กำลังหวีผมอยู่ พอผมเดินไปถึง พี่เอกกลับเดินไปที่เตียงนอนแทน แล้วรีบนอนทันที
ผมรู้สึกไม่ดีเลยที่พี่เอกแสดงอาการอย่างนี้ ผมกลับมานึกถึงตัวเองว่า “ทำไมเรางี่เง่าอย่างนี้ว่ะ”
ผมค่อยๆเดินไปที่เตียงพร้อมลงตัวนอนข้างพี่เอก
“พี่เอก เชียร์ขอโทษน่ะ” ผมพูดแค่นี้ เพราะไม่รู้ว่าจะพูดอะไรอีก แต่ผมมั่นใจว่าผมพูดมาจากใจจริงๆ
ผมค่อยๆเอามือไปโอบร่างของพี่เอก
“เชียร์คงรู้แล้วน่ะว่า เวลาที่เราถูกคนที่เราไว้ใจที่สุด ไม่ไว้ใจเรา มันเจ็บขนาดไหน” พี่เอกพูดเสร็จก็หันหน้ามาหาผม
ตอนนั้นผมร้องไห้ไปแล้ว
“แต่พี่ไว้ใจเชียร์เสมอน่ะ” พี่เอกพูดเสร็จก็จูบหน้าผากของผม
แล้วเราก็ไม่พูดอะไรกันอีกเลย ผมก็นอนไปในอ้อมกอดของพี่เอก จนลืมไปเลยว่าต้องโทรไปหาไอ้ปอ ไม่เป็นไรค่อยโทรไปหามันตอนเช้าก็ได้


เก่ง – “คงชอบตอนที่ไปสารภาพรักกับปอครับ อย่างที่ทุกคนรู้ๆกันว่า เก่งเป้นคนเจ้าชู้มาก แต่มายอมสยบกับปอ ที่ตัวเองไม่เคยคิดจะสนใจมาตลอด เมื่อไปทำให้เค้าเจ็บปวด เลยต้อหาวิธีขอโทษ ด้วยการใช้เพลงแทนคำพูด ดูซึ้งดีครับฉากนี้”

ผมกำลังจะกลับบ้าน พร้อมกับเหน่ง ผมนั่งรอเหน่งให้เก็บของให้เรียบร้อย แต่ดูเหมือนเหน่งเดินหายไปไหนก็ไม่รู้
ผมเลยเดินตามหาเก่งทั่วร้าน เพื่อนๆในวงก็หายไป
ที่จริงวันนี้วงของผมไม่ได้เล่นเป็นวงสุดท้าย จะมีอีกวงมาเล่นต่อจากวงของผม
ไม่นานนัก วงต่อจากผมก็เริ่มเล่น ผมไม่ได้สนใจ เพราะมัวแต่ตามหาเพื่อน
แต่แล้วผมก็ต้องหันไปมอง วงดนตรีวงนั้น เพราะนอกจากเสียงดนตรี จะคล้ายกับเสียงของวงของผม และน้ำเสียงของคนร้องก็คุ้นเคยผมเป็นอย่างดี
“ ด้วยเหตุใดก็ตาม เธอไม่เคยรับรู้ ใกล้เธอสักเท่าไหร่แต่เหมือนไกล ไกลห่างกัน
ได้แค่มองหน้าเธอทำได้เพียงแค่นั้น หัวใจที่แอบฝังอยู่ใกล้กันยิ่งหวั่นไหว
หากเธอรู้ใจ หากเธอรู้ตัว เธอจะเข้าใจกันหรือเปล่า
ก็ไม่รู้เลย แต่ต้องพูดไป และจะมาเพื่อกวนใจคำถามเดียว
แค่อยากรู้รังเกียจกันไหม ขอให้มันอย่าเป็นแบบนั้นเลย
อยากได้ยินเสียง คนที่คุ้นเคย อยากเจอเธอคนเดิมที่เคยได้เจอในเมื่อวาน
หากพรุ่งนี้ทุกอย่างหมุนไป ฉันคนหนึ่งจะยืนตรงที่เก่า อยู่เพื่อบอกเธอ คำที่ค้างใจ
ต่อให้มันจะไม่มีวันเป็นจริงเลยก็ตาม อยากให้รู้ว่ารักเธอ
อยากให้หันมาหน่อย อยากให้มองหน้ากัน ถ้าเธอไม่หวั่นไหว กับสายตาคนอย่างฉัน
ไม่บังคับใจเธอ หากเจอคนที่ฝัน หวังเพียงใครคนนั้น จะใกล้เคียงคนอย่างฉัน
หากเธอรู้ใจ หากเธอรู้ตัว เธอจะเข้าใจกันหรือเปล่า
ก็ไม่รู้เลย แต่ต้องพูดไป และจะมาเพื่อกวนใจคำถามเดียว
แค่อยากรู้รังเกียจกันไหม ขอให้มันอย่าเป็นแบบนั้นเลย
อยากได้ยินเสียง คนที่คุ้นเคย อยากเจอเธอคนเดิมที่เคยได้เจอในเมื่อวาน
หากพรุ่งนี้ทุกอย่างหมุนไป ฉันคนหนึ่งจะยืนตรงที่เก่า อยู่เพื่อบอกเธอ คำที่ค้างใจ
ต่อให้มันจะไม่มีวันเป็นจริงเลยก็ตาม อยากให้รู้ว่า...รักเธอ”
บนเวที เพื่อนๆของผมกำลังเล่นดนตรีกันครบทั้งวง ยกเว้นเหน่งที่ร้องคอรัสอยู่หลังเวที แต่นักร้องและมือกีตาร์คือ พี่เก่งที่กำลังร้องเพลง และ กำลังจ้องมองมาที่ผม
ผมยืนนิ่งฟังพี่เก่งร้องเพลง แม้พี่เก่งเองจะไม่ได้ร้องเพลงเพราะเหมือนเหน่ง และเล่นกีตาร์ไม่ดีเท่าผม แต่ผมกลับชอบที่พี่เก่งร้องเพลงนี้ เรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้น ที่พี่เก่งทำให้ผมเสียใจ ผมลืมมันไปในทันที ผมเผลอร้องไห้ออกมาโดยไม่รู้ตัว ผมรีบเช็ดน้ำตา และเดินออกมาจากผับ โดยพี่เก่งรีบเดินตามผมมา
พี่เก่งเรียกผม ผมจึงหยุดอยู่ตรงข้างๆถนน แต่ไม่ได้หันหลังกลับไปมอง ผมเองยังอายไม่กล้ามองหน้าพี่เก่งชัดๆ
“คือ...พี่ขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้น พี่ไม่รู้ว่าปอจะเสียใจ” พี่เก่งพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสำนึดผิด
“พี่อยากให้ปอรู้ว่าพี่เองก็เสียใจ” พี่เก่งเงียบไปสักพักหนึ่ง ก่อนจะพูดคำๆหนึ่งขึ้นมาว่า
“พี่ รัก ปอ น่ะ”
ผมรีบหันกลับไปมองพี่เก่ง ไม่นึกว่าพี่เก่งจะเป็นคนที่เอ่ยคำๆนี้มาก่อน

หัวข้อ: Re: Three Couple of love:Special Features:InterviewกับJojoeและตัวละครทั้งสาม(โจ้,เชียร์,ปอ)
เริ่มหัวข้อโดย: jojoe ที่ 28-10-2008 06:19:22
ยอด – “ชอบฉากที่โจ้โดนบาสหล่นใส่จนสลบ โดยฝีมือของยอดนั้นเอง ที่ชอบเพราะดูฉากนี้กุ๊กกิ๊กดี เหมือนสองคนจะชอบกัน แต่ความเป็นจริงยอดไม่ได้ชอบ แค่รู้สึกดีกับโจ้เฉยๆ แต่โจ้นี้หลงหัวปักหัวปำเลย”

ในขณะที่ผมกำลังชะเง้อมองพี่ยอดอยู่นั่นเอง ผมรู้สึกว่ามีวัตถุบางอย่างกำลังเคลื่อนตัวมาทางผม
“เฮ้ย! ไอ้น้องระวัง” เสียงจากคนในสนามบาสตะโกนบอกผม
แทนที่ผมจะหลบกลับมองไปทางวัตถุนั้น
“อีกแล้วเหรอกู” ผมนึกในใจ พร้อมหลับตาปี๋ ยืนรับชะตากรรมอยู่ตรงนั้น
แต่แล้วผมก็รู้สึกว่าตัวผมโดนใครคว้าตัวไป
ลูกบาสตกลงพื้นโดยไม่โดนตัวผม
ผมลืมตาขึ้นมองว่า ใครช่วยผมไว้
“อีกแล้วเหรอโจ้ ท่าทางจะไม่ถูกกับลูกบาสนะ” พี่ยอดพูดกับผมทั้งๆที่ผมยังซบอกพี่ยอดอยู่ริมสนามบาส
ผมรีบผละตัวออก พร้อมขอบคุณพี่ยอด “ขะ ขอบคุณ ครับ” ผมก้มหน้าพยายามไม่ให้พี่ยอดเห็นว่าผมเขินขนาดไหน
“เดินระวังหน่อยหล่ะกัน พี่คงช่วยโจ้ไม่ได้ตลอดหรอก” พี่ยอดพูด พร้อมเดินกลับไปซ้อมบาสต่อ
ผมยืนยิ้มตรงนั้นอีกสองสามนาที เพื่อดูพี่ยอดซ้อมบาส
“ทำไมกูโชคดีอย่างนี้ว่ะ ซบอกเค้ามาตั้งสองครั้งแล้ว จะมีครั้งที่สามอีกไหมเนี้ย” ผมนึกในใจ เพราะชอบที่ได้ซบอกของคนที่ผมชอบ
ไม่ทันขาดคำ ลูกบาสโผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ คราวนี้กระแทกหน้าผมอย่างจัง
ผมล้มไปทันที พร้อมตาของผมก็พร่าเบลอ จนผมหมดสติล้มไปข้างสนามบาสนั้น

ผมมารู้สึกตัวอีกที ก็ตอนมาอยู่ที่ห้องพยาบาลแล้ว
ผมลืมตามองไปรอบๆห้อง เห็นพี่ซุ่ยยืนมองผมที่ข้างเตียง
“ว่าไงโจ้ รู้สึกยังไงบ้าง” พี่ซุ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
“มึนหัวนิดหน่อยครับ แต่ก็ไม่เป็นอะไรมาก” ผมเอามือมาจับที่หัว รู้สึกว่าหน้าผากตัวเองนูนออกมา
“ท่าทางโจ้จะไม่ถูกกับลูกบาสนะ เห็นต้องล้มเพราะลูกบาสทุกที” พี่ซุ่ยเอามือมาลูบที่หัวผมเบาๆ
“ผมจะระวังตัวให้มากกว่านี้ครับ ขอบคุณพี่ซุ่ยมากที่ช่วยผมไว้” ผมพูดกับพี่ซุ่ย เพราะคิดว่าพีซุ่ยคงเป็นคนพาผมมาที่ห้องพยาบาล
เพราะในห้องตอนนี้ก็มีแค่ผมกับพี่ซุ่ยเท่านั้น
“ป่าวหรอก พี่ไม่ได้ช่วยโจ้หรอก นู้น คนนู้น” พี่ซุ่ยชี้ไปที่หน้าห้อง
พี่ยอดกำลังยืนพิงประตู้อยู่ด้านนอกของห้อง
“พี่ยอดเหรอครับ” ผมถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
“อืมม ยอดมันบอกว่าพอเห็นโจ้ล้มลง ก็รีบอุ้มมาที่ห้องพยาบาล แล้วก็ไปตามพี่ที่ชมรมนี้แหล่ะ”
ผมนึกภาพตามที่พี่ซุ่ยพูด พี่ยอดอุ้มเราเหรอเนี้ย เสียดายที่ตอนนั้นผมไม่รู้สึกตัว
“ไม่เป็นอะไรมาก พี่กลับชมรมก่อนแล้วกัน เดินไหวแน่นะ” พี่ซุ่ยถามผม
“ไหวครับ” ผมยิ้ม
พี่ซุ่ยจึงเดินออกไป พร้อมคุยกับพี่ยอดที่อยู่หน้าห้อง
สักพักพี่ซุ่ยก็ไปชมรม แต่พี่ยอดยังอยู่หน้าห้อง
ผมมองดูว่าพี่เค้าจะทำอะไร สักพักพี่ยอดก็เดินเข้ามาในห้อง
“เป็นไงบ้าง ความจำเสื่อมหรือเปล่า” พี่ยอดแซว ผมเลยหัวเราะ
“55555 ความจำยังดีอยู่ครับ แถมรู้ว่าด้วยว่าใครเป็นคนอุ้มผมมาที่นี้” ผมแซวกลับ พี่ยอดก็หัวเราะ
“55555 เหรอ แล้วรู้หรือเปล่าว่าตัวเองหนักขนาดไหน พี่เกือบให้เพื่อนอีกสองคนช่วยอุ้มแล้วนะเนี้ย” พี่ยอดไม่ยอมแพ้แซวผมกลับอีก
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ ยังไง ก็ขอบคุณนะครับ ที่ช่วยผมไว้ทุกครั้งเลย” ผมยิ้มให้พี่ยอด พี่ยอดก็ยิ้มให้ผมเหมือนกัน


โจ – “ฉากที่โจสารภาพความรู้สึกทั้งหมดให้กับโจ้ ดูเป็นฉากที่หักมุมเหมือนกัน เพราะโจดูเหมือนไม่ได้ชอบโจ้เลย เพราะโจไม่ใช่สเป็คของโจ้ อีกอย่างยังชอบแกล้ง และชอบพูดจาประชดประชัน พอโจ้รู้ความจริงก็อึ้งไปเลย แต่ถือว่าโจเป็นสุภาพบุรุษในมาดเถื่อนนะ เพราะเค้าก็ไม่ได้บังคับโจ้ แถมยังให้โจ้ทำอะไรก็ได้ตามใจ”


หลังจากผมอาบน้ำเสร็จ โจก็เข้าไปอาบต่อ ผมเลยมายืนที่ระเบียง พร้อมมองออกไปข้างนอก
ภาพตึกราบ้านชนในเมืองหลวง ทำให้ผมนึกถึงสังคมที่อีกไม่กี่ปีที่ต้องไปเผชิญ
ผมยังจะต้องเจอคนที่ไม่จริงใจแบบพี่หมีอีกไหม แล้วเขาคนนั้นจะทำร้ายจิตใจของผมเหมือนพี่หมีหรือเปล่า
หรือมันอาจจะเลวร้ายกว่านั้น  ผมน้ำตาไหลอีกแล้ว ผมอ่อนแอเกินไปหรือเปล่า
“ร้องไห้อีกแล้ว” โจเดินออกมายืนข้างๆผม ผมรีบเช็ดคราบน้ำตา
“ทำไมคนที่จริงใจกับเราถึงมีน้อยจัง” ผมหันไปถามโจ
โจส่ายหัว “แค่ผิดหวังจากคนๆเดียว อย่าพาลถึงคนที่เขายังเป็นห่วงนายซิ”
ใช่สิ ผมลืมเพื่อนๆของผมไป ผมลืมท่านอธิการ ลืมซิสเตอร์มีเรียม ลืมน้องๆในสถานสงเคราะห์
“แล้วอีกอย่าง เราอีกคนที่ยังมีความจริงใจให้นายเสมอ” โจพูดแบบเขินๆ แล้วก็หันหน้าไปทางอื่น
“นายคงไม่เคยรู้หรอกว่า คนที่นายเห็นว่าไม่เอาไหน ไม่เอาถ่าน อยากจะทำตัวให้ดี เพื่อคนที่เขาไม่คิดจะหันมองมาเลยสักนิด นายคงไม่รู้หรอกว่า สองปีที่ผ่านมา มีใครแอบมองนาย มีใครแอบชอบนาย  ชื่นชมกับความขยัน ความตั้งใจในการทำงาน แอบมองรอยยิ้มที่ยิ้มอย่างจริงใจให้ทุกคน”
ผมฟังสิ่งที่โจพูดอย่างตั้งใจ สองปีที่ผ่านมา ผมไม่เคยคิดจะสนใจโจเลย ทั้งๆที่เป็นเพื่อนร่วมห้อง
“อย่าถามนะว่าเราชอบนายตั้งแต่เมื่อไหร่ เราเองก็ไม่รู้” โจยังพูดต่อไป
“เรารู้แค่ว่า เราคงไม่ใช่คนที่นายหวัง คนที่นายอยากรู้จัก แต่เรามั่นใจว่าความจริงใจที่เรามีให้นายไม่แพ้กับคนอื่นๆแน่”
สิ้นสุดประโยค ผมฟังได้แต่อึ้ง อาจไม่ใช่ครั้งแรกที่มีคนมาสารภาพรักกับผม แต่ผมถือว่านี้เป็นการสารภาพรักที่ผมประทับใจที่สุด
“อย่าทำหน้าแบบนั้นดิว่ะ เราไม่ได้หวังอะไรหรอก แค่ไม่อยากให้นายเศร้ามากไปกว่านี้” โจหันมามองหน้าผม
“ขอบใจนะ ขอบใจนายจริงๆ” ผมร้องไห้อีกแล้ว แต่คราวนี้ เป็นน้ำตาของความดีใจ
ดีใจที่ยังมีคนเห็นคุณค่าในตัวของผม ทั้งๆที่คนๆนั้นผมไม่เคยเห็นคุณค่าเขามาตลอด
ผมค่อยๆเอื้อมมือไปจับมือของโจ บีบมือของเขาเบาๆ
โจมองหน้าผม เขาทำท่าจะเขยิบตัวมาใกล้ แต่สักพักเขาก็ถอยกลับไปเหมือนเดิม
ผมเลยเดินเข้าไปหาเขาและกอดเขาแทน
“สิ่งที่เราตอบแทนนาย ก็คงเป็นความจริงใจที่เพื่อนคนหนึ่งจะมอบให้”
โจได้ยินสิ่งที่ผมพูดก็คงเข้าใจในความหมายของมัน เขาเลยกอดรับอ้อมกอดของผม
มิตรภาพนั้นอาจยั่งยืนยาวนานกว่าความรักที่ผมตามหาก็ได้


เต๋า – “ฉากที่เต๋าไปขอโทษเชียร์ที่แกล้งเชียร์มาตลอด แต่เชียร์มาปรี๊ดแตกตอนเล่นวอลเล่ย์ และเป็นฉากที่ทำให้เชียร์เริ่มสับสน ว่าตัวเองยังมั่นคงในความรักกับแฟนอยู่หรือเปล่า”


ผมนั่งร้องไห้ไปเรื่อยๆ จนรู้สึกเหมือนมีใครคนหนึ่งมานั่งอยู่ข้างหลังผม
ผมไม่หันหลังกลับไปมอง เพราะรู้ว่าเป็นใคร
“เชียร์ พี่ขอโทษ” พี่เต๋าพูด แต่ผมไม่อยากฟัง ผมนั่งเงียบเช็ดน้ำตาตัวเอง
พี่เต๋าเห็นผมเงียบก็เลยเอามือมาแตะที่บ่าของผม “พี่ขอโทษจริงๆน่ะ พี่จะไม่แกล้งเชียร์อีกแล้ว”
ผมไม่อยากฟังคำพูดของผู้ชายคนนี้อีกแล้ว ผมเลยลุกจะเดินออกจากที่นั่น
แต่พี่เต๋าก็เดินมาคว้ามือผมไว้ แล้วดึงตัวผมมาใกล้ตัวของพี่เต๋า
พี่เต๋าจับตัวผมแล้วหันหน้าไปทางเขา “พี่ขอโทษแล้วน่ะ ยังโกรธทำไมอีก”
ผมสะบัดตัวพยายามให้มือของพี่เต๋าที่เกาะไหล่ผมออกไป
“ปล่อยเชียร์น่ะ ไม่ต้องมาขอโทษหรอก ถ้ามันไม่ได้มาจากใจจริงๆ”
ผมพูดพร้อมน้ำตาที่ไหลออกมา พี่เต๋าตกใจที่ผมเป็นอย่างนั้น
ผมเองไม่อยากร้องไห้ต่อหน้าใครหรอก แต่ไม่รู้ทำไมผมถึงได้เสียใจกับการกระทำของพี่เต๋ามากก็ไม่รู้
“เชียร์พี่ขอโทษจริงๆน่ะ พี่ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เชียร์เสียใจ พี่ขอโทษจริงๆ”
เสียงพี่เต๋าเองก็ดูสั่นๆ พร้อมสายตาที่แปลกไปจากเดิม รู้เพียงแต่ว่าสายตานั้นมันแสดงถึงความจริงใจ
ผมอึ้งไปพักหนึ่ง ผมจ้องตาของพี่เต๋า ผมตอบตัวเองไม่ได้ว่าจะยกโทษให้พี่เต๋าหรือไม่
แต่ผมเกิดรู้สึกแปลกๆกับสายตาที่พี่เต๋าจ้องมองมาที่ผม
“เชียร์จะยกโทษให้พี่ไหม พี่สัญญานะว่าจะไม่แกล้งเชียร์อีกแล้ว” พี่เต๋าถามผมอีกครั้ง
ผมก้มหน้า นึกถึงเรื่องที่ผมเสียใจ ผมเสียใจที่โดนแกล้ง เสียใจที่กลายเป็นตัวตลกต่อหน้าคนอื่น
แต่ผมเองก็รู้สึกดีที่มีคนมาขอโทษผม และคนๆนั้นเป็นพี่เต๋าด้วย
ผมเช็ดน้ำตา ผมเงยหน้าขึ้น ผมสบกับสายตาพี่เต๋าที่มองมาที่ผมเหมือนกัน
“ผม...” ผมกำลังจะพูดออกไป แต่แล้วเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น
ผมรีบรับโทรศัพท์ เพราะรู้ว่าคนที่โทรมาเป็นใคร

“ว่าไงครับ ทำอะไรอยู่”เสียงปลายสายที่ผมคุ้นเคยทักทาย
“หวัดดีพี่แจ๊ค เชียร์กำลังเล่นกีฬาอยู่” ผมพยายามทำเสียงให้เป็นปกติ
ผมพูดกับพี่แจ๊คหลายเรื่อง เพราะอาทิตย์นี้ยังไม่ได้คุยกับพี่แจ๊คเลย
พี่เต๋ายังคงอยู่ใกล้ๆกับผม แต่อยู่ห่างจากผมพอสมควร ผมไม่รู้ว่าพี่เต๋าจะได้ยินสิ่งที่ผมพูดกับพี่แจ๊คหรือเปล่า
“ปิดเทอมมาหาพี่สิ จะได้มาเที่ยวด้วย” พี่แจ๊คชวนผม
“นึกว่าจะไม่ได้มาเจอกันแล้ว เห็นส่งโปสการ์ดมาว่าจะไม่กลับมา” ผมทำเสียงประชด
“พี่ต้องเรียนจะได้รีบจบไง ก็บอกแล้วว่าให้มาหามาน่ะครับ” พี่แจ๊คทำเสียงอ้อน
“ครับ ไปแน่ครับ” ผมยิ้มดีใจที่จะได้เจอแฟน
“พี่รักเชียร์น่ะ คิดถึงมากด้วย” สิ่งที่พี่แจ๊คพูดทำเอาผมรู้สึกแปลก ไม่ใช่ว่าไม่เคยฟังที่พี่แจ๊คพูดหรือบอกว่ารักผมหรอกน่ะ
แต่ผมกับรู้สึกแปลกในความรู้สึกของตัวเองเมื่อได้ยินคำว่ารักต่างหาก
ผมหันไปมองพี่เต๋าที่ยืนอยู่แถวนั้น พี่เต๋าเองก็มองผมที่ยืนคุยโทรศัพท์อยู่
ผมสบตาพี่เต๋าอีกครั้ง ผมตอบตัวเองไม่ได้ว่าผมรู้สึกอะไรเมื่อได้มองตาของพี่เต๋า
“เชียร์เป็นอะไร ว่างไปแล้วเหรอ” พี่แจ๊คถามเมื่อเห็นผมเงียบไป
ผมรีบกลับมาคุยโทรศัพท์ต่อ โดยรีบหันหลังใมห้พี่เต๋า
“เออ เชียร์ไปเล่นวอลเล่ย์ต่อน่ะ” ผมพูดกับพี่แจ๊คบอกเป็นนัยๆว่าจะวางโทรศัพท์แล้ว
“ครับ เมื่อกี้พี่บอกว่ารักเชียร์แล้วน่ะ” พี่แจ๊คพูดเพื่อทวงสัญญาที่เคยบอกกับผมว่า ถ้าจะวางโทรศัพท์ต้องบอกรักกันก่อน
“ครับ ผมเองก็รักพี่ครับ ตั้งใจเรียนน่ะ บาย”
ผมกดวางโทรศัพท์พร้อมหันกลับไปหาพี่เต๋า แต่พี่เต๋าเดินออกไปแล้ว

ผมเริ่มสับสนกับความรู้สึกตัวเองว่าผมกำลังจะนอกใจพี่แจ๊คหรือเปล่า


บิ๊ก – “ฉากที่ปอและบิ๊กบอกความในใจ ดูกุ๊กกิ๊กน่ารักเหมือนกับความรักของเด็กวัยรุ่นจริงๆเพราะเวลาอื่นๆทั้งสองดูตึงเครียดและมีความลับ ความสับสนวุ่นวาย จึงเป็นตอนเดียวที่ดูคู่นี้แล้วน่ารักที่สุด”


พอนั่งข้างๆบิ๊ก ผมก็หันไปมอง แม้ในห้องจะมืดแต่ผมก็ยังเห็นใบหน้าของคนที่ผมกำลังรอคำตอบว่าเขารู้สึกยังไงกับผมกันแน่

“อย่าจ้องหน้าเราดิ เราอึดอัดนะ” บิ๊กหันมาดุ

“ขะ ขะ ขอโทษ” แล้วผมก็ต้องหันหน้ากลับไป

แล้วก็ไม่มีใครพูดอะไรอีก ได้แต่นั่งเงียบเกือบสิบนาที ผมทนไม่ไหว เป็นไงเป็นกันว่ะ

“บิ๊ก” ผมหันไปหาบิ๊ก พร้อมจับมือแน่น

“อะ อะ อะไร” บิ๊กทำหน้าเหวอ

“ยังไม่รู้อีกเหรอว่า เราจะพูดอะไร” ผมเริ่มคาดคั้น

“รู้ เรารู้ตลอดว่านายคิดยังไงกับเรา” บิ๊กพูดเสร็จก็หันหน้าหนีไป

“แล้วนายหละ บอกมาเถอะ เรารับได้” ผมพยายามไม่บีบคั้นอะไรมาก แม้จะอยากรู้ใจขาดก็ตาม

บิ๊กไม่ตอบ คงอึกอัดอยากจะพูดออกมา ผมเห็นท่าทีก็คงพอรู้ว่ามันคืออะไร

ผมเลยปล่อยมือบิ๊ก พร้อมลุกจะเดินออกจากห้อง

“ไม่เป็นไรหรอก เราเข้าใจ เอาเป็นว่าเรายังรู้สึกกับนายเหมือนเดิม นายก็ถือว่าเราไม่ได้พูดอะไรออกไปแล้วกัน” แม้ปากบอกว่ารับได้แต่มันก็ทำไม่ได้อย่างที่พูด

“เฮ้ยๆเดี๋ยวก่อน” บิ๊กรีบมาคว้าตัวไว้ก่อน

“ยังไม่ได้พูดอะไรสักหน่อย ฟังเราพูดก่อนดิ” บิ๊กพูดอย่างนี้ แสดงว่าผมมีลุ้นใช่ป่ะ

บิ๊กลากผมมาที่ระเบียง พร้อมจับมือผมทั้งสองข้าง

“ไม่รู้จะพูดไงดีว่ะ” บิ๊กอมยิ้ม

“ถ้าไม่พูดเรากลับห้องนะ” ผมแกล้งขู่ แล้วทำท่าจะเดินกลับห้อง

“พูดแล้ว พูดแล้ว” บิ๊กเริ่มสักที

“เอ่อ แบบว่า แต่ก่อนเราชอบคนๆหนึ่ง ไม่ใช่มาสเตอร์เบิร์ดรหรอกนะ” ผมรู้ว่าคนนั้นคือพี่ยอด

“แต่เรารู้แล้วว่า เรารักคนนั้นไม่ได้”บิ๊กพูดออกมาพร้อมจ้องตาผม

“รู้ไหมทำไม” บิ๊กถามผม ผมงงกับคำถามเลยไม่ได้ตอบอะไร

“เพราะเรารักนายแล้วไง” แล้วบิ๊กก็ยื่นหน้ามาจุ๊บปากผม

ผมเหวอไปนานเลยครับ ทำอะไรไม่ถูกเลย

พอเรียกสติมาได้  ผมเลยคว้าตัวบิ๊กมากอด ความรู้สึกที่อัดอั้นมาทั้งปีก็ได้เปิดเผยหมดแล้ว

คืนนั้นเราสองคนเลยนอนห้องของบิ๊กด้วยกัน ผมกับบิ๊กก็เป็นอย่างที่ไอ้เชียร์คิดสักที


เหน่ง – “ฉากที่พลาดไม่ได้คงเป็นตอนที่เหน่ง ไปซบหลังปอ แม้จะไม่ได้พูดอะไรออกไปมาก แต่ภาษากายที่แสดงออกมาก็ทำให้รู้ว่าเหน่งคิดอะไรกับปอ เรื่องนี้บรรยายความสัมพันธ์ของปอกับเหน่งน้อยไปหน่อย คิดว่าภาค 3 คู่นี้น่าจะมีความสัมพันธืมากขึ้น”

ผมงัวเงียตื่นขึ้นมา เห็นนาฬิกาบอกเวลาก็ต้องกระเด้งลุกขึ้นจากเตียง
"เฮ้ยๆ ไอ้เหน่ง สายแล้ว มีเรียนเช้าใช่ไหม"ผมรีบปลุกไอ้เหน่ง
"อืมม รู้แล้ว ตื่นแล้ว"ไอ้เหน่งลุกขึ้นมาขยี้ตา ปกติผมจะตื่นเพราะจะตั้งเวลานาฬิกาปลุกไว้ แต่เมื่อคืนคุยกับเหน่งจนดึกเลยลืมตั้งนาฬิกาปลุกไว้
เหน่งรีบถอดเสื้อผ้าเพื่อเข้าอาบน้ำ
"ไปแก้ผ้าในห้องน้ำซิว่ะ"ผมด่าไอ้เหน่ง
"มึงเห้นของกูตั้งแต่เด็กแล้ว ยังจะมาอายอะไรว่ะ"
ผมกับเหน่งอาบน้ำด้วยกันบ่อยๆ
"เข้ามาอาบด้วยกันดิว่ะ จะได้ไม่เสียเวลา" เหน่งเรียกผมเข้าไปอาบน้ำด้วย ผมยังนึกถึงคำพูดของเหน่งเมื่อวาน เลยยังลังเลที่จะทำตัวกับมันแบบเดิม แต่ถ้าผมทำตัวผิกปกติ อาจจะทำให้เหน่งเสียความรู้สึก เลยตกลงเข้าไปอาบน้ำกับเหน่งด้วย

นานแล้วที่ผมไม่ได้อาบน้ำกับเหน่ง ตั้งแต่เข้ามหาลัยเหน่งไม่ค่อยได้มาค้างที่บ้านผม
"ไอ้ปอถูหลังให้กูหน่อยดิ"
"อืมม" ผมทำตามที่เหน่งขอร้อง แล้วเหน่งก็มาถูหลังให้ผมเช่นกัน
แต่แทนที่เหน่งจะถูหลังกลับเข้ามากอดผมแล้วเอาหน้าซบกับหลังของผม ผมตัวแข็งทื่อทำอะไรไม่ถูก
"มึงไม่ต้องถามอะไรทั้งนั้น กูแค่ขอกอดมึงเท่านั้น แล้วกูจะไม่ขออะไรจากมึงอีก กูสัญญา"
ผมรู้สึกถึงหยดน้ำตาของเหน่งที่มากระทบกับไหล่ของผม ผมทำได้แค่เพียงกุมมือของเหน่งไว้

อยากให้คนที่เรารัก รัก เหมือนกับคนที่รักเรา


คงมีอีกหลายฉากที่ประทับใจ แต่นี้เป็นส่วนหนึ่งของความประทับใจในตัวละคร หวังว่าเรื่องนี้จะเป็นอีกหนึ่งเรื่องในความประทับใจของใครหลายๆคนนะครับ
**********************************************************************************
(ยังมีอีกนะครับ สิ่งที่คุณควรรู้ และ ตัวอย่างSeason3)

หัวข้อ: Re: Three Couple of love:Special Features:ฉากประทับใจ(28ตุลา)
เริ่มหัวข้อโดย: marchmenlo ที่ 28-10-2008 07:13:26
:m1: :m1: เป็นปลื้ัม ขอบอก  :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love:Special Features:ฉากประทับใจ(28ตุลา)
เริ่มหัวข้อโดย: Pal ที่ 28-10-2008 12:53:28
ติดตามอ่านเสมอนะครับ เพราะชอบเรื่องที่ creative ดี ยังไงรีบ ๆ เขียนตอนต่อไปมาให้อ่านอีกโดยไวนะครับ อิอิ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love:Special Features:ฉากประทับใจ(28ตุลา)
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 28-10-2008 17:23:31
ชอบคร้าบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ

 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love:Special Features:ฉากประทับใจ(28ตุลา)
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 28-10-2008 19:53:04
คนอ่านชอบทุกตอนเลยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยค้าบ อิอิ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love:Special Features:ฉากประทับใจ(28ตุลา)
เริ่มหัวข้อโดย: dorgchant ที่ 29-10-2008 12:24:57
อ่านไปเขิลล์ไป  :o8:


เกือบลืมเหน่งไปเลยอ่ะ  :m15:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love:Special Features:ฉากประทับใจ(28ตุลา)
เริ่มหัวข้อโดย: thaitanoi ที่ 29-10-2008 23:01:48
 :m23:  ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love:Special Features:ฉากประทับใจ(28ตุลา)
เริ่มหัวข้อโดย: meawkung02 ที่ 31-10-2008 12:17:17
 :oni2: :oni2: :oni2:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love:Special Features : Sweet Couple เรื่องเล่าของคู่รักในเรื่อง(3พฤศจิ)
เริ่มหัวข้อโดย: jojoe ที่ 03-11-2008 20:08:17
Special Features : Sweet Couple เรื่องเล่าของคู่รักในเรื่อง

Sweet Couple : รวมเรื่องราวของคู่รักที่ไม่เคยเอามาลงที่ไหนมาก่อน

ภาคที่ 1

คู่ที่ 1 โจ้ กับ เรื่องของอาจารย์เบน เล่าโดย อาจารย์เบน
คู่ที่ 2 เชียร์ กับ พี่เอก เล่าโดย พี่เอก
คู่ที่ 3 ปอ กับ พี่เก่ง เล่าโดย พี่เก่ง

ภาคที่ 2
 
คู่ที่ 1 โจ้ กับ โจ เล่าโดย โจ
คู่ที่ 2 เชียร์ กับ พี่เต๋า เล่าโดย พี่เต๋า
คู่ที่ 3 ปอ กับ บิ๊ก เล่าโดย บิ๊ก

และ แถมให้อีก คู่ ปอ กับ เหน่ง เล่าโดย เหน่ง

******************************************************************************************************************************

Sweet Couple คู่ที่ 1 โจ้ กับ เรื่องของอาจารย์เบน เล่าโดย อาจารย์เบน

เช้าวันเสาร์ของวันที่ 1 มกราคม คือวันเกิดของผม วันเกิดที่ไม่อยากให้มาถึง เพราะอายุของผมได้ย่างเข้าสู่เลข 3 เข้าไปแล้ว
“เฮ้อ!” ผมสลึมสะลือตื่นขึ้นมาพร้อมความหนักใจที่เล่าให้ฟังไปเมื่อกี้
ผมหันไปมองชายหนุ่มที่นอนข้างๆผม แต่เจอเพียงความว่างเปล่าเท่านั้น
วันนี้วันหยุดแท้ๆ หายไปไหนแต่ข้าวของเขานะ
แล้วเสียงเปิดประตูห้องก็ดังขึ้น พร้อมร่างของชายหนุ่มที่ถือถุงกับข้าวเข้ามาในห้อง
“ไปซื้อกับข้างให้ผมเหรอครับ” ผมถามพร้อมบิดขี้เกียจ
“อาจารย์ครับ นี้มันจะเก้าโมงแล้ว รีบลงไปตักบาตรกับผมด่วนเลยนะ ก่อนพระท่านจะกลับกุฏิ”
คำพูดของโจ้เหมือนเป็นคำสั่ง ผมทำหน้าไม่พอใจเล็กน้อยเพราะความขี้เกียจเริ่มครอบนำพร้อมอาการมึนจะการดื่มหนักในงานเมื่อคืนนี้
“ถ้าผมนับถือพุทธ ผมคงตักบาตรไปนานแล้ว อีกอย่างผมอยากให้เจ้าของวันเกิดได้บุญ ไม่ใช่ผม” เสียงโจ้เริ่มดุ ทำไมเดี๋ยวนี้แฟนผมดุขึ้นทุกวันทุกวัน
ผมเลยต้องทำตามคำสั่ง เพราะรู้ว่าเขาหวังดีกับผม
การตักบาตรผ่านไป พวกเรากลับมาที่ห้อง ผมก็วิ่งกลับไปนอนที่เตียงอีกครั้ง
“ทำไมขี้เกียจอย่างนี้ ไม่กินข้าวก่อนเหรอครับ” โจ้ทำเสียงดุอีกแล้ว พร้อมจัดการอาหารบนโต๊ะ
“ผมมึนหัวมากเลย เมื่อวานโจ้ไม่ยอมห้ามผม พวกนั้นเลยมอมผมจนเป็นแบบนี้เลย” ผมอ้างไปดื้อๆ
“ถ้าไม่อยากเมา ก็อย่าดื่มซิ เล่นดื่มไม่หยุดเอง” โจ้เองก็ไม่ใช่ย่อยว่าผมไม่หยุดเลย
ผมเลยกระเด้งลุกขึ้นนั่งบนเตียง พร้อมหาเรื่องสนุกๆทำ
“ป้อนข้าวผมหน่อยดิ” ผมส่งสายตาเหล่ไปทางโจ้
โจ้ทำหน้านิ่วคิ้วขมวด “อะไรอีกล่ะ จะแกล้งผมอีกล่ะซิ”
รู้ทันจริงๆแฟนเรา
“แค่อยากให้ป้อนให้หน่อยแค่นั้น ซื้อโจ๊กมาไม่ใช่เหรอ ป้อนง่ายจะตาย” ผมเริ่มแหย่
“ไม่เอาอ่ะ” โจ้เริ่มเล่นตัว
“อย่าลืมซิวันนี้วันเกิดผม แค่มื้อเดียวเองน่ะน่ะ” ผมเริ่มอ้อน
“ก็ได้ ก็ได้ มื้อเดียวนะ” โจ้เลยต้องทำตามใจผม
โจ้เดินมานั่งข้างๆมพร้อมถือจานโจ๊กมาด้วย แล้วคำแรกก็ถูกป้อนเข้าปากไปอย่างง่ายดาย มีความสุขจริงๆเลยเรา
“ไม่อยากกินโจ๊กแล้ว กินอย่างอื่นได้ป่าว” ผมเอามือไปปัดช้อนถือโจ้กำลังถืออยู่พร้อมแย่งจานโจ๊กเอาไปวางที่อื่น
“เห็นโจ้แล้วอยากกินอย่างอื่นมากกว่า” ว่าแล้วผมก็ค่อยเอื้อมไปตัวไปกอดโจ้
แต่โจ้ขัดขืนเอามือมาปัดมือผม
“เพิ่งตื่นแท้ๆ ยังจะมาทำอย่างนี้อีก” โจ้ก็ลุกขึ้นไปหยิบเสื้อผ้าจะไปซัก
“ขอทำงานบ้านก่อนได้ป่าว ต้องซักผ้ารีดผ้าให้อาจารย์อีก” โจ้เริ่มแขวะผม
“ผมทำเองก็ได้ ไม่อยากกวนโจ้หรอก” ผมรีบไปแย่งตระกร้าผ้าเปื้อนจากมือโจ้
“แต่ตอนนี้เราเข้าสู่พิธีการดีกว่า” ผมรีบจับตัวของโจ้ไว่ก่อนกลัวจะหนีไปไหน
“จะเล่นอะไรพิเรนท์อีกล่ะ” โจ้เริ่มทำท่าไม่ไว้ใจในตัวผม
ผมก็เอื้อมไปหยิบของขวัญที่ผมซ่อนเอาไว้ เอามายื่นให้โจ้
“ให้ของขวัญผมทำไม วันนี้วันเกิดอาจารย์ไม่ใช่เหรอ” โจ้ทำหน้างง
“ผมอยากขอบคุณโจ้กับสิ่งต่างๆที่โจ้ทำให้ผมเสมอมา ขอบคุณความรู้สึกดีดีที่มีให้ผมมาตลอด เพราะโจ้ทำให้ผมมีความสุขที่สุด นี้คงแทนคำขอบคุณจากผม รับไว้นะถือว่าทำให้ผมเพื่อวันเกิดแล้วกัน”
โจ้หน้าแดงเห็นผมทำซึ้งใส่
“ครับ” แล้วโจ้ก็รับของขวัญจากผมไป
“แกซิ” ผมลุ้นให้แฟนผมเห็นของขวัญเร็วๆ
“ห๊า..........” โจ้ร้องตกใจกับของขวัญของผม ผมแอบขำที่เห็นสีหน้าของโจ้
โจ้หยิบเสื้อกล้ามซีทรู และ กางเกงในแบบจีสตริงที่เป็นซีทรูขึ้นมาดู
“หมายความว่าไง” โจ้เริ่มทำสีหน้าโมโห
“ก็...ใส่ให้ผมในวันเกิดได้อ่ะป่าวคับ” ผมทำหน้าเว้าวอน
“ท่าทางอาจารย์จะได้ตายในวันเกิด” โจ้พูดซะผมนี้กลัวไปเลย
“ทำให้ผมไม่ได้เลยเหรอ” ผมทำหน้าเซ็งพร้อมเดินไปเก็บจานโจ๊ก
“ผมแค่อยากให้เราสองคนสนุกในวันเกิดของผมเท่านั้นเอง” ผมยังทำเสียน้อยใจ
โจ้เห็นผมเป็นอย่างนั้น เลยเดินมาข้างๆผม พร้อมกระซิบข้างหูผม
“ก็ได้ครับ แค่ครั้งเดียวจริงๆนะ”
เท่านั้นแหละผมก็กระโดดโลดเต้นเหมือนเด็กเลย
“เปลี่ยนตรงเลยนี้ดีไหม” โจ้ถามแต่ทำหน้าไม่ค่อยพอใจเท่าไร
“ไปเปลี่ยนในห้องน้ำดีกว่า แล้วเดินมาหาที่เตียง” ผมกลายมาเป็นฝ่ายออกคำสั่งบ้าง
“ได้ครับ เจ้านาย” ว่าแล้วโจ้ก็เดินกระฟัดกระเฟียดเข้าไปในห้องน้ำ
ผมรีบวิ่งกลับไปนอนรออยู่ที่เตียง
และแล้วสิ่งที่ผมรอคอยก็มาถึง โจ้เดินมาพร้อมเสื้อกล้ามซีทรู และกางเกงในจีสตริงซีทรู
เลือดกำเดาผมไหลออกมาหรือเปล่าเนี้ย ทำไมมันเซ็กส์กว่าตอนแก้ผ้าออกหมดเลยว่ะ
โจ้เดินมาที่เตียง พร้อมค่อยๆขึ้นมานั่งข้างๆผม
“พอใจยังต้องการแค่นี้ใช่ป่ะ จะได้กลับไปเปลี่ยนชุด” พูดเสร็จโจ้ก็รีบลุกขึ้นไปจากผม แต่ผมคว้าตัวกลับมาทัน
“คิดว่าผมให้โจ้ใส่มาให้ผมดูเท่านั้นเหรอ” ผมพูดเสร็จก็ค่อยๆไซร้ตามซอกคอของโจ้
“อาจารย์ชอบเล่นอะไรแพลงๆอยู่เรื่อยเลย” โจ้พยายามปัดแต่ผมแรงเยอะกว่า ย่อมเป็นผู้ชนะ
ผมเริ่มใช้มือทั้งสองข้างขึงโจ้ไว้กับเตียง พร้อมใช้ลิ้นเล้าโลมไปทั้วร่างกายของโจ้
“ทำไมวันนี้รุนแรงจังเลย” โจ้คงตกใจกับอารมณ์ที่กระเจิดกระเจิงของผม
ผมถลกเสื้อผ้าของโจ้ขึ้น พร้อมใช้ลิ้นไล่ไปตามตัวของโจ้ เสียงครางของโจ้ดังขึ้นเป็นระลอก
ผมจึงเริ่มความรุนแรงมากขึ้นไปอีก โดยเริ่มใช้ลิ้นไล่ต่ำลงมา
โจ้เริ่มอ่อนแรง ตัวเริ่มนิ่ง เสียงครางเบาลง แต่เสียหายใจดังถี่ขึ้นเรื่อยๆ
ผมเริ่มใช้ปากและลิ้นครอบส่วนสำคัญของโจ้ไว้
แน่นอนโจ้กระเด้งตัว พร้อมเสียงครางที่ดังขึ้น ร่างกายก็เริ่มไม่อยู่ที่ ดิ้นไปมา
ผมได้ใจเริ่มบรรเลงอย่างชำนาญ
เสื้อกล้าม และ กางเกงในของโจ้ยังอยู่ ไม่ได้ถูกถอดไปไหน
“ไม่ถอดเหรอครับ” โจ้พูดขึ้นมากลางคัน
“ไม่ ผมชอบให้ใส่อย่างนี้” ผมพูดจบปุ๊บก็บรรเลงต่อไป
“พอเถอะครับ ผมไม่ไหวแล้ว” โจ้ส่งสัญญาณ ด้วยการห้ามปรามตัวผม
ผมเลยเขยิบตัวขึ้นมา พร้อมถอดเสื้อตัวผมออกจนหมด
ผมเหลือแต่ปราการด่านสุดท้ายไว้ “ถอดกางเกงในให้ผมหน่อยซิ”
โจ้หน้าแดงหูแดง ผมเองก็งงว่าทำอะไรกันมาตั้งหลายครั้ง แต่ทำไมครั้งนี้โจ้เขินเป็นพิเศษ
โจ้ค่อยๆดึงกางเกงในผมออก ทำให้เผยเจ้าหนูยักษ์ของผมที่พร้อมเต็มที่แล้ว
“จะให้ผมทำอะไรอีกหรือเปล่าครับ”  โจ้ก็ยังทำเขิน แต่คำพูดที่พูดออกมาดูไม่น่าจะเขิน
“ทำไมวันนี้ดูเต็มที่เป็นพิเศษ” ผมถาม
“ก็...วันเกิดอาจารย์นี้ครับ” โจ้ก้มหน้าก้มตาทำท่าเขิน
“งั้นโจ้อยากทำอะไรกับผม ผมให้ทำตามสบายเลย”
โจ้ยิ่งหูแดงหน้าแดงขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ก้มหน้าก้มตา ลงไปที่ระหว่างขาของผม
พร้อมทำสิ่งที่ผมเพิ่งทำให้โจ้ไปเมื่อกี้
ทุกคนคงไม่นึกว่าเด็กเรียบร้อยอย่างโจ้ จะชำนาญการเรื่องนี้เป็นพิเศษ คงเพราะการฝึกสอนของผม
โจ้ทำไปได้สักพัก ผมก็บอกให้โจ้หยุด พร้อมให้โจ้ลุกขึ้นนั่ง คร่อมเจ้าหนูของผมไว้
ผมชอบท่านี้ เพราะมันได้เห็นอิริยาบถของคู่ขาได้อย่างชัดเจน
“ครั้งนี้ผมขอท่านี้นะครับ” ผมพูดอย่างไพเราะ โจ้ก็พยักหน้า
และแล้วโจ้ก็เริ่มค่อยขยับตัวขึ้นลงตามจังหวะ แต่โจ้ทำช้าไป ผมเริ่มขยับเอวสวนขึ้นไปรับแทน
และแน่นอนผมทำได้เร็วกว่าโจ้ จนตัวโจ้สั่นไม่หยุดและเสียงครางที่ดังขึ้นจนผมฟังไม่ได้ศัพท์ ตอนนั้นรู้แต่เพียงว่า ต้องไปให้ถึงเส้นชัยเท่านั้น
“ใกล้แล้ว” ผมพูดแต่เอวก็ยังกระเด้งไม่หยุด
“อะ อะ อ้ากส์” ในที่สุดเส้นชัยที่ผมต้องการ ก็มาถึง
ผมนอนหมดแรงอย่างหมดสภาพ เป็นเซ็กส์ที่มีความสุขที่สุดสำหรับผมเลย
ผมลืมตาขึ้นมา เพื่อว่าจะทำให้โจ้ต่อ แต่โจ้ก็รีบลุกไปที่ครัว
พร้อมเค้กชิ้นเล็กๆ ที่ปักเทียนไว้แล้ว เดินมาหาผม
“เซอร์ไพรส์” โจ้ยิ้มร่า พร้อมยื่นเค้กวันเกิดมาให้
ผมอึ้งจนน้ำตาจะไหล “เมื่อวานเราก็ฉลองไปแล้วนี้”
ที่ผมพูดแบบนี้เพราะเมื่อวานเราไปเลี้ยงกับกลุ่มเพื่อนๆที่ร้านอาหาร พร้อมเค้กชิ้นโตกันแล้ว
“วันนี้ถือว่าฉลองกันสองคนไงครับ” โจ้พูดพร้อมทำท่าชี้ไปที่เทียน
ผมอธิษฐานแป๊บนึงก่อนจะเป่าเทียน
“กินเค้กกันไหมครับ” โจ้ถาม
“คนถือเค้กน่ากินกว่าอีกอ่ะ” ผมพูดพร้อมเข้าไปหอมแก้มโจ้
“การที่ผมตื่นมาเจอโจ้ทุกๆวันข้าง ก็ถือเป็นเซอร์ไพรส์สำหรับผมแล้ว”
แล้วพระเอกก็จูบที่รักเขามากที่สุด
----จบคู่ที่1 คร้าบบบ-----
เดี๋ยวเอาคู่อื่นๆมาต่อให้อีก
หัวข้อ: Re: Three Couple of love:Special Features : Sweet Couple เรื่อง&
เริ่มหัวข้อโดย: Pomeranian ที่ 03-11-2008 22:19:46
 :try2: นี่เป็นหนึ่งในประสบการณ์ตรงของพี่โจ้ด้วยรึเปล่าคับ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love:Special Features : Sweet Couple เรื่องเล่าของคู่รักในเรื่อง(3พฤศจิ)
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 03-11-2008 23:10:06
อาจารย์เบน คงอยากให้มีวันเกิด 365 วันแน่ๆ 555
หัวข้อ: Re: Three Couple of love:Special Features : Sweet Couple เรื่องเล่าของคู่รักในเรื่อง(3พฤศจิ)
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 03-11-2008 23:42:28
ตายแล้ว โจ้ เปลี่ยนไป

เข้าเรียนกับครูเบนนี่ดีจริงๆ



ขอเข้าเรียนด้วยคนได้มั้ย คริๆ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love:Special Features : Sweet Couple เรื่องเล่าของคู่รักในเรื่อง(3พฤศจิ)
เริ่มหัวข้อโดย: Pal ที่ 04-11-2008 12:54:38
ตีตั๋วรอตอนที่ 2 ต่อไป หุๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love:Special Features : Sweet Couple เรื่องเล่าของคู่รักในเรื่อง(3พฤศจิ)
เริ่มหัวข้อโดย: marchmenlo ที่ 04-11-2008 14:22:14
:m29: เพิ่งเคยเจอมุมของอาจารย์เบน
ออกจะหนักไปทางจิตนิด ๆ ป่าวอ่ะ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love:Special Features : Sweet Couple เรื่องเล่าของคู่รักในเรื่อง(3พฤศจิ)
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 04-11-2008 15:44:33
โอ่วววว

เซ็กส์ร้อนๆ

อิอิ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love:Special Features : Sweet Couple เรื่องเล่าของคู่รักในเรื่อง(3พฤศจิ)
เริ่มหัวข้อโดย: dorgchant ที่ 07-11-2008 19:04:17
up  :mc4:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love:Special Features : Sweet Couple เรื่องเล่าของคู่รักในเรื่อง(3พฤศจิ)
เริ่มหัวข้อโดย: marchmenlo ที่ 07-11-2008 22:00:39
คู่สองค๊าฟฟฟคู่สอง


ขอด่วน รอม่ายหวายยย
หัวข้อ: Re: Three Couple of love:Special Features : Sweet Couple เรื่องเล่าของคู่รักในเรื่อง(3พฤศจิ)
เริ่มหัวข้อโดย: Money_LovE ที่ 08-11-2008 09:53:10
ตอนที่ไมไ่ด้เอามาลงเนี้ย

ตอน NC ต่างนะรึ

อยากอ่านๆ....หุหุ :laugh:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love:Special Features : Sweet Couple เรื่องเล่าของคู่รักในเรื่อง(3พฤศจิ)
เริ่มหัวข้อโดย: dorgchant ที่ 15-11-2008 01:00:28
up  :m25:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love:Special Features : Sweet Couple เอาเพิ่มอีก2คู่ (20พฤศจิ)
เริ่มหัวข้อโดย: jojoe ที่ 20-11-2008 17:02:11
Sweet Couple คู่ที่ 2 เชียร์ กับ พี่เอก เล่าโดย พี่เอก
ผมเดินออกจากคลับฟิตเนสที่ผมทำงานอยู่ เตรียมตัวกลับบ้านด้วยการจะไปขึ้นรถไฟฟ้า
“พี่เอกๆ” เสียงคุ้นเรียกผม ผมมองไปที่ถนน เจอหนุ่มน้อยน่ารักที่ผมรู้จักเป็นอย่างดี
“วันนี้จะไปบ้านนะ ขึ้นรถเร็ว” เชียร์เรียกผมขึ้นรถ ผมงงเล็กน้อยที่จู่ๆก็จะไปบ้านผมซะงั้น
“แล้วทำไมไม่เห็นโทรมาบอกเลยว่าจะไปบ้านพี่” ผมถามด้วยความสงสัย พร้อมคาดเข็มขัดหลังจากหย่อนตูดลงนั่งที่รถไปแล้ว
“ก็อยากไป ไม่มีเหตุผล” ว่าแล้วเชียร์ก็ขับรถออกไป
ตัดฉากมาที่ห้องของผมอย่างรวดเร็ว ห้องของผม เล็กมากครับ ไม่ใหญ่เท่าไร เป็นห้องใต้บันได เลยทำให้ห้องไม่ได้เป็นรูปสี่เหลี่ยม แต่เป็นสามเหลี่ยม เพดานก็เอียงลงไปอีกข้างหนึ่ง
“เชียร์เองก็ชอบห้องเล็กๆอย่างนี้ มันดูเอาไว้นอนอย่างเดียว” เชียร์เกลือกกลิ้งบนที่นอนของผม ซึ้งเป็นแค่เตียงเดี่ยวที่วางบนพื้น ไม่ได้วางบนเตียงยกสูงเหมือนบ้านอื่น
“ห้องพี่ทำได้ทุกอย่างแหละ แต่ที่เล็กเพราะว่าจน โอเค” ผมหงุดหงิดเล็กน้อย เหมือนโดนดูถูกยังไงไม่รู้
เชียร์เลยเดินมาโอบผมด้านหลัง “เชียร์พูดเพราะชอบห้องของพี่จริงๆ ไม่ได้จะว่าอะไรเลยนะ เห็นเชียร์เป็นคนแบบนั้นเหรอ”
“พอดีพี่รักห้องนี้มาก มันเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของตัวพี่” ผมนอน กิน อ่านหนังสือ และทำอื่นๆในห้องนี้มา เกือบจะยี่สิบห้าปีแล้ว ผมจึงรักมันมากเป้นพิเศษ
“แล้วปกติพี่ไม่ค่อยให้ใครเข้ามาในห้องของพี่ แม้แต่พวกน้องๆ” ผมหวงและห่วงห้องนี้มาก เพราะอย่างที่บอก มันคือส่วนหนึ่งของผม
“จะบอกว่าเชียร์ โชคดีที่ได้มาที่ห้องนี้ใช่ม้า...” เชียร์ทำเสียงดีใจ พร้อมเดินมาข้างหน้าผม
“ที่เชียร์อยากมาหาพี่ที่บ้านก็เพราะอยากมาห้องนี้นั้นแหละ และที่อยากมาห้องนี้ก็เพราะ” เชียร์พูดจบ ก็เงยหน้าเอาปากสีชมพูออ่นมาประกบกับปากของผม ลิ้นอุ่นๆของเชียร์ก็แทรกเข้ามาในปากของผม สัมผัสนั้นทำเอาผมขนลุก และเริ่มเร่าร้อนตามแรงลิ้นของเชียร์ ไม่ได้แค่ลิ้น มือ ก็เริ่มถลกเสื้อผมขึ้น และเชียร์ก็ดันตัวเอง โดยเฉพาะด้านล่างเข้ามาดันผมอย่างแรง การเสียดระหว่างเป้ากางเกงของคนทั้งสองก็เริ่มเกิดขึ้น
อารมณ์ผมกระเจิดกระเจิง เพราะความร้อนแรงของเด็กหนุ่มดีกรีเดือนคณะศิลปกรรม ช่างเราร้อน รุนแรง แม้ครั้งนี้จะเป็นครั้งที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้ ผมก็ไม่เคยเบื่อ และอยากจะทำซ้ำแล้วซ้ำอีก
เชียร์พลักผมลงบนเตียง พร้อมเอามือทั้งสองมาขึงผมไว้ ผมรู้สึกแปลกไปกว่าทุกครั้ง เพราะปกติ สิ่งที่เชียร์ทำอยู่นี้เป็นหน้าที่ของผม
“ทำไมวันนี้ดูเชียร์เร่าร้อนผิดปกติ” ผมถามที่รักถึงความสงสัยของผม
เชียร์ไม่ตอบแต่เอาปากมาประกบผมไว้ เหมือนไม่ให้ถามแต่ให้ใส่ใจกับสิ่งที่กำลังทำต่อไปนี้
เสื้อและกางเกงของผมหลุดไปอย่างรวดเร็ว พร้อมลิ้นของเชียร์ที่กำลังไล้ไปตามร่างกาย
ผมดิ้นทุรนทุรายไปมาเพราะความเสียวที่ถูกแฟนหนุ่มยัดเยียดให้
“อ้า...........” เชียร์ใช้ปากจัดการเจ้าหนูของผมอย่างไม่รู้ตัว
ผมเผลอตัวเอามือไปกดหัวของเชียร์ไปตามจังหวะ แถมยังเด้งเอวรับปากของเชียร์อีกด้วย การควบคุมของผมไม่สามารถทำอะไรได้แล้ว
“เชียร์ พอเถอะพี่ไม่ไหวแล้ว” ผมครางอย่างกระเส่า
เชียร์ถอนปากออก เปลี่ยนมาประกบปากผมอีกครั้ง และเอื้อมไปรูดเจ้าหนูของผม
“วันนี้พี่เอกเซ็กซี่มาก รู้ตัวมั้ย เชียร์อดใจไม่ไหวเลย” เชียร์กระซิบข้างหูผม พร้อมรูดเจ้าหนูผมไปด้วย
ความเสียวที่ไม่สามารถบรรยายได้กลับมาอีกครั้ง
คราวนี้เหมือนถูกยกกำลังสอง เพราะเชียร์ใช้ลิ้นไปชอนไชตรงหน้าอกของผม
“อ้า..........” ทำไมถึงทรมานพี่ได้ถึงขนาดนี้ ที่รัก
ลิ้นของเชียร์ยังวนเวียนตรงหน้าอก ซ้ายที ขวาที มือที่รูดก็ยังทำงานไปด้วย
เมื่อโดนโจมตีขนาดนี้ ความอดทนของผมก็ไม่สามารถต้านทานอะไรไหว
“เชียร์.......อะ......อ๊ะ........อ้า..................อ้ายส์.............................................”
ของเหลวพุ่งออกมาตามแรงกระตุ้นตามตัวของผม
หมดแรงครับโดนแฟนหนุ่มใช้งาน ผมนอนแผ่หลาบนเตียงนอนของผม
“โอโห้  แค่5นาทีเอง สุดยอด ได้กินโออิชิ แกรนด์ ฟรีแน่ๆ” เชียร์กระโดดโลดเต้นดีใจอะไรสักอย่าง
“อะไรเหรอ” ผมถามอย่าง งงงง รู้สึกว่าวันนี้เชียร์ทำตัวแปลก
“ก็เชียร์พนันกับ ไอ้โจ้ กับไอ้ปอ ว่าใครทำแฟนน้ำแตกช้าสุด ต้องเป็นคนเลี้ยง โออิชิแกรนด์ 5นาทีของพี่เอกสุดยอดมาก ขอบใจนะที่เอาขนะพวกนั้นได้”
ผมหน้าเหี่ยวไปทันที นี้แฟนผมหลอกใช้งานผมเหรอเนี้ย
“พอดีถ่ายคลิปเอาไว้ ต้องเอาไปเป็นหลักฐานให้พวกนั้นดู เดี๋ยวเชียร์มานะ อยากให้พวกนั้นเห็นเร็วๆ” ว่าแล้วเชียร์ก็ออกจากห้องไป
ปล่อยผมนั่งอึ้งไปซะงั้น ว่าแล้ว ว่ามันแปลกๆ ทำไมเชียร์ไม่ยอมถอดเสื้อผ้า ปล่อยเราแก้ผ้าคนเดียว
เจ็บใจครับเจ็บใจ โดนหลอกแบบนี้ต้องเอาคืน
ผมแอบหลับเมื่อเชียร์กลับเข้ามาในห้องของผม
เชียร์ค่อยๆลงนอนข้างตัวผม คงคิดว่าผมหลับไปแล้วจริงๆ เห็นทำเสียงเงียบเชียว
“ตกลงได้กินโออิชิฟรีไหม”  ผมทำเป็นเสียงงัวเงีย จะได้ดูเหมือนว่าผมเพิ่งตื่น
“ไม่อ่ะ ไอ้ปอมันทำได้เร็วกว่า 4 นาที 55 วิ เจ็บใจฉิบ เฉือนไปนิดเดียวเอง”
โธ่ คนที่เจ็บใจ นอนอยู่ข้างๆต่างหาก
“ไม่โกรธเชียร์ใช่ป่ะ” เชียร์เขยิบมากอดผม
“ไม่โกรธหรอก แต่ขอได้ป่าวคืนนี้” ผมทำเสียงอ้อนๆ
“อะไรกัน เพิ่งโดนเค้นไปเมื่อตอนเย็น มีแรงอีกเหรอ” เชียร์ทำเสียงล้อเลียน แต่เพิ่มความแค้นให้ผม
“พี่เห็นเชียร์ก็มีอารมณ์ทุกทีแหละ” พูดเสร็จผมก็เริ่มไซร้ เข้าแผนแล้วครับ
ผมก็เริ่มเล้าโลมและปลดเสื้อผ้า กางเกงและกางเกงในของเชียร์ออกให้หมด
ผมจับเชียร์หันหลังและเอามือขึงไว้
“ถึงตาพี่ล่ะ พี่ก็พนันกับเพื่อนไว้ ว่าใครเอากับแฟนได้นานที่สุด จะได้กินไดโดมอนฟรี” ผมทำเสียงเหี้ยมๆ
เชียร์เริ่มตัวสั่น
“แล้วของพี่ก็มีข้อแม้นด้วยว่าห้ามใช้น้ำยาหล่อลื่น”
คราวนี้เชียร์ดิ้นไม่หยุดเลยคร้าบ
“เชียร์ขอโทษ อย่าทำแบบนี้นะ เชียร์จะไม่ทำอีกแล้ว”
“พูดตอนนี้ก็สายไปแล้วที่รัก พี่ถ่ายคลิปแล้วนะ เริ่มกันเถอะ”
“ม้ายยยยยยยยยยย.......................” เสียงของเชียร์ดังก้องไปทั่วห้อง
แต่ดังไม่เท่าเสียงของการลงทัณฑ์จากผม
 “เชียร์มีค่าแค่ไดโดมอนเองเหรอ ของพี่เอกตั้งโออิชิแกรนด์เลยนะ”
เชียร์บ่นพร้อมหลั่งน้ำตาหลังจากผมเสร็จสิ้นภารกิจไป 1 ชั่วโมง 45 นาที
“งั้นก็จำไว้ว่าอย่ามาแหยมกับพี่”
พูดจบผมก็หอมแก้มที่รักของผม ถือว่าศึกครั้งนี้สงบลงสักที
อาจมีเจ็บตัวบ้างแต่ก็จบลงด้วยดี
-----จบคู่ที่ 2คร้าบบบบ-----
ต่ออีกคู่ข้างล่างนะครับ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love:Special Features : Sweet Couple เอาเพิ่มอีก2คู่ (20พฤศจิ)
เริ่มหัวข้อโดย: jojoe ที่ 20-11-2008 17:03:57
Sweet Couple คู่ที่ 3 ปอ กับ พี่เก่ง เล่าโดย พี่เก่ง
แสงสีในยามค่ำคืน ณ สถานบันเทิงแห่งหนึ่ง อดีต ที่นั้นเคยเหมือนที่ผักผ่อนหย่อนใจของผมที่ผมต้องมาทุกวัน
ทำไมถึงมาทุกวันนั้นเหรอ เพราะผมต้องหาใครสักคนกลับไปบ้านพร้อมผมด้วย และคนนั้นต้องไม่ใช้คนเดิมด้วย
แต่มันเป็นอดีตไปแล้ว เมื่อผมได้พบกับ น้องปอ ชายหนุ่มที่ทำให้ผมรู้จักคำว่ารัก และรักคนเป็นไม่เหมือนเมื่อก่อน
แต่ผมกลับมาที่นี้อีกครั้งหนึ่ง เพราะเพื่อนๆตัวดีทั้งหลาย นัดมีตติ้งกันที่นี้ ผมเลยต้องจำใจมา และแน่นอน ปอไม่รู้เรื่องนี้ เพราะผมอ้างไปว่า ไปคุยธุระที่บ้านญาติ
ไก่ แอ๊ด และ เอ็ม แก็งค์เพื่อนสนิทที่ไปไหนมาไหนด้วยกันตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัย ต่างดีใจที่ผมมาตามที่นัดได้
“ตั้งแต่มีแฟนและกลับใจ กูแทบจะไม่เห็นเงาหัวมึงเลยนะ ไอ้เก่ง” ไก่แซวขึ้นมา
“แต่ก่อนมึงเที่ยวแทบทุกวัน ฟันคนไม่รู้ไปเท่าไหร่ ไหงเดี๋ยวนี้กลายเป็นคนดีซะล่ะ” แอ็ดเริ่มสมทบ
“กลับเมียอ่ะดิ มึงอ่ะ” และจบการสนทนาด้วยไอ้เอ็ม พร้อมเสียงหัวเราะอย่างชอบใจของพวกมัน
“เฮ้อ! พวกมึงคงไม่เข้าใจหรอก ถ้าพวกมึงมีแฟนและรักใครสักคน คงเข้าใจสิ่งที่กูเป็นอยู่อย่างนี้” ผมทำหน้าละอายกับพฤติกรรมของพวกมัน ถ้าพวกมันคิดได้แบบผม มันคงไม่เป็นเกย์ไร้อนาคตแบบนี้หรอก
“ทำเป็นพูดดี ทีหลังก็เอาแฟนเด็กของแกมาด้วยดิ” เอ็มเริ่มพาดพิงถึงปอ
“มึงยังไม่เคยเห็นอ่ะดิ กูเคยเห็นแล้ว แฟนไอ้เก่งมันเป็นนักร้องอยู่ร้านXXXXX แถวYYYY เซอร์ๆหน่อย แอบเท่ห์อีกต่างหาก” แอ็ดมันเคยเห็นปอครับ เพราะผมเคยพามันไปกินร้านที่ปอร้องเพลงอยู่
“อ้าว! สเป็คไอ้เก่งมันต้องหน้าหวานๆ สาวๆ หน่อยไม่ใช่เหรอ แล้วไงได้เด็กเซอร์ซะงั้น” ไก่ทำหน้างง
“ของพวกนี้มันไม่เกี่ยวกับสเป็ค มันอยู่ที่ใจต่างหากโว้ย” ผมเกทับพวกมัน
“กูจะอ้วก” พวกมันพูดเป็นเสียงเดียวกัน
“เฮ้ยๆ ดูเด็กโต๊ะโน้นดิ” แล้วไอ้ไก่ก็ชี้ไปที่โต๊ะเด็กวัยรุ่นกลุ่มหนึ่ง
โต๊ะนั้นมีวัยรุ่น5คน แต่งตัวไสตล์เกาหลีทั้งหมด หน้าตาก็ตี๋ๆ ขาวๆ ผมก็ทำยุ่งๆแนวดารานักร้องเกาหลี พวกเราจ้องกันใหญ่ น้ำลายเกย์รุ่นใหญ่ก็เริ่มไหล
“น่ารักดีว่ะ ไปจีบกันไหม” เอ็มเริ่มชวนเพื่อน
“พวกมึงไปเถอะ กูขอบาย” ผมทำหน้าเซ็งๆกับพฤติกรรมของเพื่อนๆ

“เฮ้ย! ไอ้ปอ มึงไม่สนใจน้องคนนั้นจริงเหรอ คนผมทองๆ เข้าหันมายิ้มให้มึงใหญ่เชียว” ไอ้แอ๊ดเริ่มยุ
ผมหันไปมองที่โต๊ะเด็กพวกนั้น เด็กหนุ่มผมทอง มีหนวดเล็กน้อย พร้อมส่งสายตามาให้ผม
ผมเองรู้สึกหวาบๆกับเด็กคนนั้น รู้สึกว่าอาการเก่ามันจะกำเริบ
“ไร้สาระนะพวกมึง กูไปเข้าห้องน้ำน่ะเดียวมาแล้วกัน” ผมเลยจำเป้นต้องหาทางหนีพวกนั้นมา
ผมทำธุระเสร็จก็เดินจะกลับไปที่โต๊ะ ผมก็เจอเด็กหนุ่มผมทองคนนั้นดักรอผม
“ขอโทษนะครับ เราเคยเจอกันที่ไหนมาก่อนหรือเปล่า” เด็กคนนั้นทักผม เสียงรู้สึกคุ้นๆ แต่หน้าไม่คุ้น
“ไม่นี้ครับ หรือว่านี้เป็นการจีบของคุณ” ผมเลยแซวกลับไป
“จีบเหรอ? คุณนี้ก็หลงตัวเองชะมัด” เด็กคนนั้นหัวเราะใส่ผม
“งั้นคืนนี้คุณไปกับผมไหมล่ะ จะได้รู้ว่าคุณมันจะน่าหลงขนาดไหน” เด็กคนนั้นยิ้มท้าทายผม
ผมเหวอกับการรุกของเด็กสมัยนี้ สมัยผมกว่าจะจีบได้ ยกแม่น้ำทั้งห้ามาฝอยเป็นชั่วโมง แล้วคอยเข้าเรื่อง แต่เด็กสมัยนี้เลยพูดกันโต้งๆ
“ตกลงว่าไงครับ” เด็กคนนั้นเขยิบเข้ามาใกล้ จนปากของน้องเค้าจะชนปากผมซะแล้ว
“เออ โทษทีผมมีแฟนแล้วนะครับ” ผมเขยิบหนีห่าง
“แฟนไม่ได้มาด้วยนี้” น้องคนนี้เขยิบเข้ามาอีก
“แต่มันไม่ดีหรอกถ้าผมทำแบบนี้” ผมเขยิบถอยไปอีก
“ผมก็แค่...คนที่รู้จักคุณแค่วันเดียว” น้องเขาไม่ยอมแพ้ เขยิบเข้ามาใกล้ผม ผมเขยิบจนหลังชิดกำแพง
น้องเค้าก็ได้โอกาส ประกบปากของผมพร้อมเอาลิ้มตัวเองมางัดลิ้นของผม แม้ผมจะห้ามตัวเองเท่าไร แต่ร่างกายกับตอบสนองการรุกของน้องเค้า
“เป็นอันว่า คุฯตอบตกลง” น้องเข้ากระซิบข้างผม พร้อมจับมือผมจูงผมเดินออกไปนอกร้าน
โทษทีนะปอ แต่เด็กมันยั่วอ่ะ
*************************************************************************************************
ผมขับรถพาน้องผมทองมาที่หอพักของน้องเขา ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านของปอเท่าไหร่ ผมเลยใจคอไม่ค่อยดี เพราะถ้าปอเห็น ผมคงไม่รอดชีวิตแน่ๆ ใครๆก็รู้เวลาปอหึงหรือโมโห ใครก็ห้ามไม่อยู่ คือเคยโดนมาบอ่ยแต่มันก็ไม่ชินอยู่ดี
“คือ น้องยังไม่บอกชื่อพี่เลย” จะถึงห้องนอนเค้าอยู่แล้ว ชื่อเสียงเรียงนามยังไม่รู้จักอะไรกันเลย
“ชื่อนั้นสำคัญไฉน ผมบอกแล้วไงว่าเราคงได้เจอกันแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว” น้องผมทองหันมาให้ พร้อมเดินนำหน้ามาที่ห้อง
ห้องของน้องเค้าไม่ค่อยมีอะไรมาก มีแค่เตียงนอน กับโต๊ะหนังสือ และก็ตู้สื้อผ้า
“เรียนอยู่เหรอเรา” ผมถามพลางนั่งลงที่เตียง
“เรียนเรื่องเพศศึกษาอยู่ ว่าจะหาอาจารย์มาติวเข้ม” น้องเค้าเดินมาทางผม พร้อมๆค่อยก้มลงมาจูบปากผม
อืมม จูบได้ดูดดื่มมากๆ  การใช้ลิ้น กลิ่นปาก ลมหายใจ ทำเอาผมเคิล้มไปกับน้องผมทอง แต่ผมว่ามันคุ้นๆอ่ะ
“เก่งขนาดนี้ยังต้องหาครูมาติวอีกเหรอ” ผมแซว
“ก็แค่จูบ” พูดจบน้องก็เข้ามาจู่โจมผมทั้งจูบทั้งไซร้ ช่างเร่าร้อนอะไรเช่นนี้
 “แควก!” เสื้อเชิ้ตผมถูกกระชากจนเม็ดกระดุมกระเด็กกระดอนไปคนละทาง
“อ้า…..”ผมครางออกมาเมื่อน้องลากลิ้นวนไปมาตรงแผงหน้าอกของผม
ท่าทางผมคงเจอตัวแม่เข้าให้แล้ว เพราะดูจากท่าทางและการกระทำ น่าจะชำนาญไม่น้อย
ผมเสียวแทบไม่ได้หายใจ เมื่อปากและลิ้นของน้องไต่ระดับลงมาถึงส่วนล่างของผม
ขนาดยังไม่ถอดกางเกง น้องเค้ายังใช้ลิ้นวนไปมา ที่เป้าตูมๆของผม มันคงอยากจะออกมาเต็มที่แล้วล่ะซิ
ว่าแล้ว กางเกงผมก็ถูกถอดพรวดมาอย่างรวดเร็ว ทั้งกางเกงยีนส์และบ็อกเซอร์กองมาตรงข้อเท้า
เจ้าหนูน้องผงาดต่อหน้าน้องผมทอง น้องเค้าเอาหน้าถูไปมา ทำเอาผมเสียวซ่านไปทั้งตัว
“เป็นพระเอกหนังโป๊หรือเปล่าเราน่ะ” ผมแซวพลางดันหน้าน้องให้ใกล้ชิดกับเจ้าหนูของผม
น้องผมทองไม่ตอบมัวแต่สาละวนดูดๆเลียๆเจ้าหนูของผม มีการรัวลิ้นตรงส่วนหัว ผมกระตุกตัวเผลอปล่อยน้ำใสๆออกมาเล็กน้อย พร้อมความเสียวที่กลัวจะจบก่อนที่ผมจะทำอะไรลงไป
“พอก่อน ตาพี่ทำให้น้องบ้างดิ” ผมดึงตัวน้องเค้าขึ้นมาจูบปาก พร้อมเอามือถอดเสื้อยืดของน้องเค้าไปด้วย
กล้ามใหญ่ดีแฮะ ทั้งแผงอก กล้ามทอง พร้อมวีเชพ นี้แหละความน่ากินของเด็กหนุ่มวัยรุ่น
ผมเริ่มซดอาหารชามนี้ ร้างลาวงการไปนานต้องมาทวนกันสักหน่อย
“อ้า……พี่คับ พี่สุดยอดมาก” น้องเค้าครางซะเสียงดังพร้อมเอามือเอื้อมล้วงๆคลำๆที่เจ้าหนูของผม
แต่ผมไม่ยอมให้ทำแค่นั้นเลย ผลักน้องเค้าลงบนเตียง ผมขึ้นคร่อมร่างน้องเค้าแต่กลับหัว
ปากของผมเจอกับเจ้าหนูของน้องเค้า ซึ่งใหญ่กว่าของผมนิดหน่อย ผมตกใจไม่นึกว่าน้องเค้าจะใหญ่ขนาดนี้ว่อนรูปนะเนี้ย
ว่าแล้ว เราสองคนก็ต่างบรรเลงเพลงกันอย่างเมามันส์ ทั้งดูดทั้งอมทั้งเลีย ไม่ยอมแพ้กันทั้งคู่
และแล้ว ผมก็เริ่มชักอยากได้น้องเค้ามาเป็นของผม เป็นกิ๊กก็ดี เวลาเบื่อจากปอ ก็มาลงที่น้องผมทองคนนี้
“พี่ขอนะครับ” ผมกระซิบข้างหู พร้อมจะจับน้องหันหลัง
“เออ แป๊บนึง ผมขอไปเอาถุงยางกับน้ำยาหล่อลื่นนะครับ” น้องพูดอย่างสุภาพร้อมหายไปในห้องน้ำ
ผมนั่งรอน้องเค้าอย่างใจจดใจจ่อ พลางนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“นี่กูกำลังนอกใจอ่ะป่าวเนี้ย” อยู่ดีดีผมก็นึกขึ้นได้
“ไม่ใช่หรอก กูแค่อยากมีเซ็กส์ ทำไมเดี๋ยวนี้กูต้องมาพะวงเรื่องนี้ว่ะ จะเอากับใครก็เอาไปเถอะ ก็แค่เซ็กส์” จิตสำนึกผมกำลังพูดในหัวผม
“แต่ปอจะเสียใจกับสิ่งที่ผมทำหรือเปล่า” มโนธรรมผมเริ่มกลับมาทำงาน
“รอนานไหมครับ” ก่อนที่ผมจะตัดสินใจอะไร เสียงน้องผมทองดังขึ้น
“เหวอ” ผมแทบช็อค ทำไมน้องผมทองถึงกลายเป็นปอ
“มะ มะ มะ มาได้ไง” ผมตกใจยิ่งกว่าเห็นผี
ปอไม่ตอบพร้อมชูวิกผมทองขึ้น ผมมองหน้าปอที่เปียกไปด้วยน้ำ
“ทั้งใส่วิกทั้งแต่งหน้า อะไรกันเนี่ย” ผมกุมขมับ แฟนผมลงทุนจับผมขนาดนี้เลยเหรอ
“ปอพยายามจะเข้าใจนะว่าพี่เก่งเป็นคนแบบนี้ แต่ปอก็ไม่พอใจอยู่ดี ถ้าพี่เก่งไปมีอะไรกับคนอื่น” ปอทำหน้าซีเรียส
“เออ เออ เออ” ผมพูดไม่ออก เจอจับได้แบบนี้
“ขอแค่พี่ทำให้ปอได้ไหม”ปอเดินมาหาผมที่เตียง
ผมถอนหายใจ พร้อมเอามือไปกุมมือของปอ “พี่จะพยายาม”
ผมเองก็ไม่อยากทำให้คนที่ผมรักเสียใจหรอก แต่ผมก็รู้ตัวว่าเป็นคนควบคุมอารมณ์ยาก
แต่ปอทำถึงขนาดนี้ผมก็จะพยายาม
“ครับ” ปอรับคำสัญญาจากผม
ผมเลยดึงตัวปอลงมาจูบ “งั้นไหนๆเราก็มาทำกันต่อให้จบดีกว่า” คือเมื่อกี้อารมณ์ค้างอ่ะ
“ได้ แต่ปอขอเสียบนะ” ปอกระซิบข้างหูผม
“อ่ะ” ผมชะงัก ว่าแล้ว ปอต้องเล่นมุขนี้
“จะให้หรือให้” รังสีอำมหิตเริ่มแผ่รอบตัวปอ
ยังไม่ทันได้ตอบ ผมก็โดนจับหันหลัง ถึงผมตัวจะใหญ่กว่าปอ แต่สู้แรงปอไม่ได้หรอกครับ ปอกล้ามใหญ่กว่าผมอีก
“ไม่เอา ไม่เอา” ผมร้องโหยหวน เพราะความเจ็บปวดจากการเป็นผู้รับ มันทรมานมากๆ
ครั้งที่แล้วเดินขาถ่างไปหลายวัน
“อะ อะ อะ อะ” ตัวผมสั่นไปตามจังหวะแรงกระแทกของปอ พร้อมน้ำตาที่ซึมไหลออกมา
“ครั้งหน้าไปมีอะไรกับใคร ก็เป็นแบบนี้แหละ” ปอทิ้งประโยคสุดท้ายไว้ พร้อมกระหน่ำส่าวเอวเข้าร่างของผมไม่ยั้ง
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ใครเจ้าชู้ จะเจ็บตูดไปจนวันตาย
-----จบคู่3คร้าบ-----
เหลืออีก4คู่ รอหน่อยนะคร้าบ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love:Special Features : Sweet Couple เอาเพิ่มอีก2คู่ (20พฤศจิ)
เริ่มหัวข้อโดย: marchmenlo ที่ 20-11-2008 19:06:19
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ใครเจ้าชู้ จะเจ็บตูดไปจนวันตาย   :m20: :m20: :m20: :m20:


ตาย ๆ ปอโหดอ่ะ น่ากัวว
:m29:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love:Special Features : Sweet Couple เอาเพิ่มอีก2คู่ (20พฤศจิ)
เริ่มหัวข้อโดย: dorgchant ที่ 20-11-2008 21:57:52
ชอบพี่เอก  :impress2:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love:Special Features : Sweet Couple เอาเพิ่มอีก2คู่ (20พฤศจิ)
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 20-11-2008 23:50:58
555 เด็ดทั้งสองคู่เลยยยยยยยยยยยยยย คู่แรกออกแนวฮา แต่คู่สองนี้สะใจไอ้พวกเจ้าชู้นัก 555
หัวข้อ: Re: Three Couple of love:Special Features : Sweet Couple เอาเพิ่มอีก2คู่ (20พฤศจิ)
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 22-11-2008 09:23:08
คู่โจ้กับครูเบนน่ารักดี.... :o8:

เชียร์กับพี่เอก คงต้องสมน้ำหน้าเชียร์ เล่นไรไม่เข้าเรื่อง
เลยโดนลงโทษเลยยยย  :laugh:

คู่ปอกับเก่ง...สงสัยเป็นแผนหลอกฟันของปอ แต่มันก็
สะท้อนให้เห็น ถึงคนของเราจะไม่ แต่ถ้าคนอื่นเค้าจะเอา
เราก็คงห้ามลำบากกกกก  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love:Special Features : Sweet Couple เอาเพิ่มอีก2คู่ (20พฤศจิ)
เริ่มหัวข้อโดย: dorgchant ที่ 29-11-2008 01:30:47
up ให้นะครับ  :z2:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love:Special Features : Sweet Couple เอาเพิ่มอีก2คู่ (20พฤศจิ)
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 29-11-2008 11:58:27
+ 1 ให้กับความหื่น + น่ารักครา้บบบบบบ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love:Special Features : Sweet Couple เอาเพิ่มอีก2คู่ (20พฤศจิ)
เริ่มหัวข้อโดย: dorgchant ที่ 10-12-2008 00:01:33
แอบดันครับ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love:Special Features : Sweet Couple มาแล้วคู่ที่4 (11ธันวา)
เริ่มหัวข้อโดย: jojoe ที่ 11-12-2008 13:44:19
คู่ที่ 4 โจ้ กับ โจ เล่าโดย โจ
การฉลองวันสอบวันสุดท้ายของผมในชีวิตมัธยม จบลงที่ร้านหมูกระทะพร้อมกับเพื่อนๆในห้อง
และแน่นอนคนที่นั่งข้างๆผม คือรักครั้งแรกของผม
“อันนี้สุกยังอ่ะ” โจ้คีบเนื้อหมูจากกระทะพร้อมหันมาถามผม
“ยัง รออีกนิด” ผมบอกพร้อม คีบเนื้อหมูของผมที่สุกเรียบร้อยแล้วไปวางแทน
“กินของเราไปก่อนนะ เดี๋ยวเราย่างให้แล้วกัน” ผมพูดเสร็จ รู้สึกเหมือนมีสายตาหลายคู่บนโต๊ะมองมาที่ผม
โจ้เองก็คงรู้สึก หน้าแดงขึ้นมาทันที
“มองอะไรกัน คนเค้าย่างเนื้อให้กันมันผิดตรงไหน” ผมเลยโวยวาย เพื่อนที่ชอบสอดรู้สอดเห็นเลยหลบสายตาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ย่างหมูกันต่อไป
“ตกลกทุกคนเขามองพวกแกสองคนว่าเป็นผัวเมียกัน เมื่อไรจะยอมรับสักทีว่ะ” เชียร์ยื่นหน้ามาพูดกับผมและโจ้
ผมยินดีจะยอมรับสถานะนั้นอยู่แล้ว แต่ติดที่โจ้คิดกับผมก็แค่เพื่อน
ผมหันไปมองโจ้ที่ก้มหน้าไม่ตอบอะไร แม้ผมจะสนิทกับโจ้เท่าปอและเชียร์ แต่ผมเองก็ไม่รู้ว่าทำไมโจ้ถึงไม่ยอมรับความรู้สึกผมสักที
“ไปฉิ๊งฉ๋องแป๊บนึงนะ” โจ้หันมาอบกกับผมพร้อมลุกเดินออกไป
เชียร์กับปอที่นั่งผั่งตรงข้ามกับผมก็ยื่นหน้าเข้ามา
“โจ แกรู้หรือเปล่าว่าไอ้โจ้มันก็ชอบแก แต่มันไม่ยอมพูด” เชียร์บอกผม ผมแทบตกใจไม่อยากจะเชื่อที่เชียร์พูด
“พวกเรารู้วิธีที่จะทำให้โจ้มันพูด” ปอพูดจบก็ไปหยิบชวดเหล้ามาให้ผม
“ให้เรามอมเหล้าเนี้ยนะ” ผมหันไปถามเชียร์และปอ ไม่นึกว่าสองคนนี้จะให้ผมทำอะไรบ้าๆแบบนี้
“ใช่ๆ  ไอ้โจ้มันคออ่อนจะตายพอมันเมาปุ๊บเราจะหลอกถามมันเอง แกเตรียมรอฟังแล้วกัน” เชียร์บอกแผนการให้กับผม
ผมเองอีกใจก็อยากรู้ แต่อีกใจก็กลัวๆ กลัวโจ้อาจจะพูดความจริงที่ไม่ได้เป็นอย่างที่สอคนนั้นพูดก็ได้
โจ้เดินกลับมา เราสามคนเลยทำตัวปกติ นั่งคีบหมู จิ้มน้ำจิ้ม ทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ไหนบอกจะคีบหมูให้เราไง” โจ้เริ่มโวยเมื่อเห็นว่าบนจานยังไม่มีหมูสักตัว
ผมสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อกี้มัวแต่ฟังเชียร์และปอพูด เลยไม่ได้สนใจหมู
“นี้ไงได้แล้ว พอดีเลย” ผมเลยรีบเอาหมูไปไว้บนจานโจ้
เชียร์เอาเท้ามาสะกิดเท้าผม พร้อมทำหน้าเล็งไปที่ขวดเหล้า
“เออ โจ้กินเหล้าป่าวเดี๋ยวเราชงให้นะ” ผมรีบทำตามแผนการ
“อืมม ที่จริก็ไม่อยากกินหรอกนะ แต่วันนี้กินหน่อยดีกว่า อย่าผสมให้เยอะนะ เอาโค้กเยอะๆแทนแล้วกัน”
เป็นไปตามแผนการ ผมเลยชงเหล้าให้โจ้
หนึ่งแก้วผ่านไป ผมแทบจะไม่ได้กินหมูเพราะมัวแต่มองปฏิกิริยาของโจ้
“อร่อยดีอ่ะ นายชงอร่อยดีอ่ะ” โจ้ยื่นแก้วมาให้ผมชงอีก
ผมเลยชงแก้วที่สอง เชียร์และปอก็ทำเป็นชวนโจ้คุย ทำให้โจ้ไม่สนใจเรื่องที่ผมจะมอมเหล้า
ดังนั้น แก้วที่สาม ที่สี และที่ห้า จึงผ่านไปอย่างรวดเร็ว
โจ้กินหมูย่าง เรื่อยๆ พร้อมกับเหล้าที่ผมผสมมากขึ้น จำนวนแก้วก็มากขึ้น
จนเกือบเที่ยงคืน เพื่อนๆต่างกันจะแยกย้ายกลับบ้าน
ผมหันไปดูโจ้ ที่นั่งหมอบหมดสภาพอยู่ข้างๆผม
“เมาจนหลับอย่างนี้ แล้วเราจะรู้ความจริงจากโจ้ได้ไงเนี้ย” ผมโวยวายกับปอและเชียร์
“เมาอย่างนี้แหละดี เพราะคนที่จะพาโจ้ไปส่งคือนาย” เชียร์หยิบเป้ของโจ้ยื่นมาให้ผม
“คนรู้ใช่มั้ย ว่าพวกเราหมายความว่ายังไง” ปอค่อยๆพยุงร่างของโจ้แล้วผลักมาหาผม
“พวกนาย หมายความว่า......” ผมอึ้งไม่นึกว่าเพื่อนสนิทของโจ้จะคิดแผนชั่วร้ายได้มากกว่าผมซะอีก
“นายเปลี่ยนใจเหรอ พวกเราพาโจ้กลับหอก็ได้” ว่าแล้วปอกับเชียร์ก็มาพยุงร่างโจ้
“เออ เออ เออ เราพาโจ้กลับบ้านเอง” ผมรีบตัดสินใจทันที
ปอและเชียร์ยิ้มอย่างพอใจก่อนจะขอตัวกลับบ้าน
ตอนนี้ที่ร้านเหลือผมและร่างอันไร้สติของโจ้ “เฮ้อ! ตกลงเราจะทำอย่างนั้นจริงๆใช่มั้ย”
*************************************************************************************************
ในที่สุด ผมก็พาโจ้มาที่บ้านของผมจนได้
ร่างอันไร้สติของหนุ่มน้อยที่มีเชื้อเดนมาร์ค น้องสลบไสลอยู่บนเตียงของผม
แก้มขาวใสอมชมพูมีเลือดฝาด จมูกที่โด่งสันได้รูป ปากเรียวงามอมชมพูคล้ายปากผู้หญิง
เสื้อนักเรียนที่หลุดลุย พร้อมกับกระดุมบนที่ถูกแกะเผยให้เห็นแผงหน้าอกที่ขาวกว่าใบหน้าของเจ้าของซะอีก
ผมเผลตัวเอามือไปลูบท่อนขาขาวๆของโจ้ พร้อมค่อยๆสอดมือเข้าไปในกางเกงนักเรียน
มือผมไปสัมผัสขอบกางเกงในของโจ้ ผมก็รีบถอนมือออกมาอย่างรวดเร็ว
พร้อมเบือนหน้าหนีไม่อยากจะเชื่อว่าผมจะกล้าทำคนที่ผมบอกว่ารักเค้ามากที่สุดได้ลงคอ
ผมไม่อยากจะฉวยโอกาสด้วยวิธีแบบนี้เลย
ผมเลยตัดสินใจเดินไปเอาน้ำใส่ในขันพร้อมผ้าผืนเล็กๆมาวางไว้ที่ข้างๆเตียง
พร้อมกับค่อยๆเช็ดตัวให้โจ้ ผมพยายามเช็ดตัวของโจ้อย่างทะนุถนอม
แต่แล้วในการเช็ดตัว ผมต้องปลดกระดุมของโจ้
ร่างของโจ้ที่เปลือยท่อนบนทำผมไม่มีสติพอที่จะทำอะไรได้
ตัดไฟซะตั้งแต่ต้นลมดีกว่าผมเลยเอาผ้าห่มมาห่มให้โจ้ ก่อนจะลุกจากเตียงเพื่อไปนอนห้องพี่ชาย
ผมกลับรู้สึกเหมือนโดนสวมกอดจากหลัง
“อย่าไปนะ อย่าทิ้งเราไปไหน” เสียงของโจ้ที่ดูเมาไม่ได้สติพูดกับผม
“เราไม่หนีนายไปไหนหรอก เราจะไปนอนห้องพี่เราไง” ผมพูดกับโจ้ทั้งที่รู้ว่าโจ้คงไม่รู้เรื่อง
ผมพยายามแกะมือของโจ้ออก แต่โจ้กอดรัดผมแน่น
“โจ้ปล่อยเราเถอะนะ นายจะได้นอนผักไง” ผมพยายามพูดดี แต่โจ้ไม่ปล่อยพร้อมเอาหน้ามาซบที่หลังผม
“เห็นมั้ย นายจะหนีเราไปจริงๆด้วย นายไม่ได้รักเราแล้วใช่ไหม” โจ้พูดด้วยน้ำเสียน้อยใจ
ผมนิ้งเลยครับ โจ้ถามแบบนี้ ทั้งๆที่รู้ว่าเมาและคงอาจไม่ตั้งใจจะพูดแบบนั้นออกมา
“รักซิ รักมากด้วย นายต่างหากที่ไม่ยอมรักเราสักที คนที่หนีคือนายต่างหาก”
ผมเองก็พูดความรู้สึกตัวเองออกมา
โจ้เงียบไปแล้วครับ แต่ผมกลับรู้สึกว่า……
มือของโจ้กลับล้วงเข้าไปในกางเกงผม?
ผมสะดุ้งพร้อมรีบจะปัดมือออก แต่โจ้ยันมือผมไว้พร้อมเอาหน้ามาซักไซร้ตัวผม
ฤทธิ์เหล้าทำให้โจ้หื่นได้มากขนาดนี้เลยเหรอ
ผมถูกผลักไปนอนลงอยู่บนเตียงโดยมีโจ้ค่อมทับผมอยู่
ผมเองควรจะขัดขืนหรือจะทำยังไงก็ได้เพื่อให้โจ้ได้สติ
แต่จิตใต้สำนึกกลับปฏิเสธ พร้อมปล่อยให้โจ้ทำตามใจที่ต้องการ
เสื้อผ้า กางเกงยีนส์ กางเกงบ็อกเซอร์ ถูกเขวี้ยงไปคนละทิศละทาง
พร้อมกับการจูบตามซอกคอ มือของโจ้ค่อยๆคลำไปส่วนนั้น
ใช่ครับ มันขยายใหญ่เต็มมือของโจ้เหมือนพร้อมที่จะแสดงพลังของมันออกมา
“อ้า……” ผมครางดังลั่นเมื่อโจ้ใช้ลิ้นเลียวนไปตรงจุดประสาทตรงนั้นของผม
ผมทั้งเกร็งทั้งเสียว เผลอเอามือไปจับกดหัวโจ้ที่กำลังเอาปากครอบเจ้าหนู
ผมเผลอตัวยกเอวขึ้นลงให้ตรงกับจังกวะครอบปากของโจ้
“อือ….อือ….” โจ้เองก็ดูจะตั้งใจทำให้ผมอย่างเต็มที่
ความเลวก้เริ่มครอบนำตัวผม เมื่อผมคิดจะทำอะไรกับโจ้มากกว่าที่กำลังทำอยู่ตอนนี้
ผมดึงตัวโจ้ขึ้น แล้วผลักบนลงที่นอน จากนั้นก็ค่อยๆถอดกางเกงโจ้ลง
โจ้ยังคงไม่ได้สติ ปล่อยให้ผมทำอะไรก้ได้ตามใจชอบ
ผมจับตัวโจ้หันหลังเอาหมอนมารองตรงก้นเพื่อให้สูงพอกับการคุกเขาของผม
แล้วผมก็เริ่มกระทำการที่ผมตั้งใจไว้
“โอ้ย….เจ็บ” โจ้เริ่มร้อง ผมเองก็ตกใจเล็กน้อยกลัวโจ้จะได้สติ แต่ก็ยังพยายามทำต่อไป
ผมเริ่มดันเจ้าหนูเข้าไป เอ๊ะ มันหลวมกว่าที่คิดว่ะ
นี้ไม่ใช่ครั้งแรกของโจ้นี้ ผมแทบช็อค โจ้เคยมีอะไรกับใครมาก่อนผมใช่ไหม
ผมนั่งลงข้างๆร่างของโจ้ที่ตอนนี้คงหลับไปแล้ว เพราะเสียงกรนเริ่มดังขึ้น
ผมเริ่มสับสนในตัวเอง จะมาตกใจทำไม นี้ก็ไม่ใช่ครั้งแรกของผม
โจ้จะเคยมีอะไรกับใครไม่ก็ไม่น่าจะใช่เรื่องแปลก
แปลกซิ เพราะโจ้ไม่น่าจะ……หรือว่า โจ้กับไอ้หมี
เจ็บใจนัก ทำไมต้องเป็นมันด้วย
“อ๊ะ อ๊ะ อ๊าย” เสียงครางของโจ้ดังขึ้น
ผมหันไปมอง ตกใจที่เห้นโจ้กำลัง……
“ช่วยเราหน่อยได้มั้ย” โจ้เรียกผม พร้อมสายตาที่ยั่วยวน
ผมรีบกระโดนไปนอนข้างโจ้ ไม่คิดอะไรทั้งนั้นอีกแล้ว
โจ้คว้ามือผมไปจับของโจ้ที่ดูจะใหญ่กว่าของผม
“ยังเมาอยู่หรือเปล่า” ผมถาม เผื่อฟลุ๊ค
“ม่าย….เมา” โจ้ตอบทำหน้าปรือๆ
เมาชัวร์ แต่ก็โล่งอกถ้าโจ้มีสติไม่ทำแบบนี้หรอก
ในขณะที่ต่างคนต่างชักให้กัน ผมก็ถือโอกาสถามเรื่องนั้นซะเลย
“โจ้มีอะไรกับหมีใช่มั้ย” ผมถามไปลุ้นไป
“ช่าย……” ว่าแล้ว ไปนอนที่เดียวกันตั้ง4 – 5 คืน ไอ้หมีมันจะไม่ทำอะไรก็บ้าแล้ว
“คนแรกเหรอ” ผมถาม
“ป่าว ก่อนนั้นกับพี่เลี้ยงเรา ตอนอยู่สถานสงเคราะห์กับเพื่อนกับรุ่นน้องอีก ครั้งแรกตอน13ขวบมั้ง”
“ห๊า………….”ผมแท็บช็อค
“อะ อะ อ๊าย” โจ้ปล่อยน้ำเต็มมือผม พร้อมหลับไป
ผมทั้งอึ้งทั้งเหวอ โจ้ไม่ได้ใสซื่ออย่างที่เราคิดใช่มั้ย
เท่านั้นแหละ ผมก็จับโจ้หันหลัง และทำสิ่งที่ผมอยากทำมานาน
“ในเมื่อไม่ใช่คนแรก ก็จะทำหล่ะนะ”
ว่าแล้วผมก็ใส่ไม่ยั้ง
“โอ้ย…..โอ้ย…”
ผมไม่สนว่าโจ้จะเมาหรือจะตื่น แต่แค้นที่หลอกมาตลอดว่าใสซื่อ ต้องโดนแบบนี้แหละถึงสาสม
************************************************************************************************
เช้าอีกวัน ผมตื่นมาทำกับข้าวให้โจ้ เพราะเจ้าตัวยังหลับสนิทอยู่
ผมหายโกรธ และลืมเรื่องที่ไม่ควรจำของโจ้ อดีตเป็นยังไงก็ช่างมัน
ทำปัจจุบันให้ดีกว่าเนอะ
ผมถือจานอาหารเช้าไปหาโจ้ที่เตียง จะบริการอย่างดีไถ่โทษที่เผลอปล้นสวาทไปเมื่อคืน
โจ้ตื่นแล้วครับ อาบน้ำอาบท่าเรียบร้อยเชียว
“กินข้าวเช้าด้วยกันเร็วๆ” ผมเรียกพร้อมรอยยิ้ม
“โจ เรามีเรื่องต้องบอกนาย” โจ้ทำหน้าเครียด
“มีอะไรเหรอ” ผมเริ่มรู้สึกไม่ค่อยดี
“เมื่อคืนเราคงทำอะไรหน้าขายหน้าไปเยอะใช่มั้ย”
“ไม่หรอก นายเมาปุ๊บก็หลับปั๊บเลย” ผมโกหก ไม่กล้าบอกว่าเมื่อคืนโจ้ทำอะไรไปบ้างถ้ารู้ว่าตัวเองเก่งกว่านักแสดงหนังโป๊คงต้องช็อคแน่ๆ
“ถึงเราจำอะไรไม่ได้ แต่เรารู้ว่าตัวเองตอนเมาเป็นยังไง” โจ้เดินมาข้างผม
“ก็ได้ เมื่อคืนเรามีอะไรกัน” ในที่สุดผมก็ยอมอบกความจริงไป
โจ้ถอนหายใจ พร้อมกับน้ำตาที่เริ่มไหลออกมา
“แม้กระทั่งนายก้ยังทำแบบนี้กับเรา”
เวรกรรมกำลังเล่นงานผม ผมทำร้ายโจ้ได้ขนาดนี้เลยเหรือ
“ทุกครั้งที่เรามีอะไรกับใคร ก็เพราะพวกนั้นมอมเหล้าเรา พวกเขารู้ถึงทำแบบนั้น แต่โทษใครไม่ได้หรอก”
โจ้พยายามเช็ดน้ำตา ผมไม่รู้จะทำอย่างไร เลยเดินเข้าไปกอดโจ้
“เราไม่รู้เรื่องที่นายเป็นแบบนั้น แต่ที่เรามีอะไรกับนายเพราะเรารักนายต่างหาก”
ผมยิ่งกอดแน่น ผมไม่อยากให้โจ้คิดว่าผมเหมือนคนพวกนั้น
“เรารู้ แต่เราไม่อยากให้เราสองคนมีความสัมพันธ์เกินเพื่อน” โจ้ตอบ
ผมปล่อยตัวโจ้ “ทำไมถึงเป็นเราไม่ได้”
“ก็……เราไม่อยากเสียนายไป” โจ้พูดจบ ก็เดินออกจากห้องผมไป
ผมได้แต่นั่งเสียใจ พร้อมนึกถึงคำพูดของโจ้
“ใช่ นายไม่อยากเสียเราไป แต่เราคงเสียนายไปแล้ว”
และนั้นเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมกับโจ้พบกัน
-----จบจ้า เศร้าหน่อยเนอะ มารอดูคู่ตอไปดีกว่าเนอะ------
ที่หายไปนาน เพราะวุ่นๆกับเรื่องงาน
แต่ที่หายไปก็ไปคิดโปรเจ็กท์เรื่องใหม่ ได้ประมาณ10เรื่อง แต่จะเขียนกี่เรื่องก็อีกเรื่องหนึ่ง
ลืมไปเลยว่ายังแต่งค้างไว้สองเรื่อง มาต่อให้จบดีกว่า
เดี๋ยวมาใหม่นะครับ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love:Special Features : Sweet Couple มาแล้วคู่ที่4 (11ธันวา)
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 11-12-2008 18:12:27
ไม่น่าเลย.....ถ้าแค่นอนกอดกันก็อาจมีลุ้นสินะ คริๆ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love:Special Features : Sweet Couple มาแล้วคู่ที่4 (11ธันวา)
เริ่มหัวข้อโดย: palpouverny ที่ 11-12-2008 20:56:57
อึ้งตั้งแต่โจบอกว่าของโจ้หลวม
หัวข้อ: Re: Three Couple of love:Special Features : Sweet Couple มาแล้วคู่ที่4 (11ธันวา)
เริ่มหัวข้อโดย: nirun4 ที่ 11-12-2008 21:18:53
 o22 หลวม o22
 :-[ใหญ่กว่าของผม  :-[
หัวข้อ: Re: Three Couple of love:Special Features : Sweet Couple มาแล้วคู่ที่4 (11ธันวา)
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 12-12-2008 01:09:20
 :sad11: ทำไมเนี่ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: Three Couple of love:Special Features : Sweet Couple มาแล้วคู่ที่4 (11ธันวา)
เริ่มหัวข้อโดย: sheri ที่ 15-12-2008 13:03:21
เห็นคำว่า ... หลวม ...  :a5:
นึกว่าตัวเองอ่านผิด ย้อนกลับไปอ่านใหม่ เฮ้ย ก็ไม่ได้อ่านผิดนิหว่า จิตตกเลย- -"
หัวข้อ: Re: Three Couple of love:Special Features : Sweet Couple คู่ที่5 ขอบอกว่าแรง (17ธันวา)
เริ่มหัวข้อโดย: jojoe ที่ 17-12-2008 17:22:36
คู่ที่ 5 เชียร์ กับ พี่เต๋า เล่าโดย พี่เต๋า (แขกรับเชิญ:พี่หมิง)
(NC17นะครับ ใครไม่ชอบแรงๆแบบนี้ ไม่ต้องอ่านก็ได้นะครับ)
“ปรากฏการณ์ฝนดาวตก”
ผมยืนอ่านบอร์ดนิทรรศการงานวันวิทยาศาสตร์ ที่ทางโรงเรียนจัดขึ้น
“จะเริ่มตั้งแต่ ตีสองของวันXX เดือนYY  ปีพ.ศ. 25SS” หมิงยืนอ่านข้างๆผม
“ก็วันนี้อ่ะดิ เต๋าไปดูกันป่ะ” หมิงหันมาถามผม
“โห ตั้งตีสาม ไม่เอาอ่ะขี้เกียจ” ว่าแล้วผมก็เดินออกมาจากงาน มานั่งที่ศาลาริมทะเลสาบ
หมิงเดินตามมาติดๆ แล้วก็มานั่งข้างผม สักพักหมิงก็เริ่มซบผมพร้อมเอามือมากุมที่มือของผม
“ไปดูกันเถอะ โรแมนติกออก” หมิงเริ่มทำเสียงอ้อน
“ถ้าไปดูไปดูที่ไหน”ผมย้อนถาม
“ก็ที่สวนเพาะปลูก ดาดฟ้าตึกชมรมอนุรักษ์ไง” หมิงบอก ผมก็ว่าเห้นด้วย เพราะที่มันส่วนตัวดี มีผมเข้าไปได้คนเดียวเพราะมีผมเป็นคนถือกุญแจ
“แต่ไปเป็นเพื่อนเท่านั้นนะ นายดูไปคนเดียว เราขอนอนข้างๆล่ะกัน” ผมรีบตัดบท พร้อมเดินออกจากศาลาจะกลับไปที่งาน
“เต๋า ไปที่งานก่อนแล้วกัน เราไปเอาของที่ตึกแป๊บ” แล้วหมิงก็วิ่งแยกจากผมไป
ในช่วงที่ผมกำลังกลับไปที่งานซึ่งจัดที่โรงยิม ผมก็พลางนึกถึงเรื่องเกี่ยวกับฝนดาวตก
ผมจำได้ว่า เมื่อสี่ห้าเดือนที่แล้ว ตอนที่ข่าวเพิ่งออกมาใหม่ๆ ผมอยากดูมากๆ
เพราะผมเองก็อยากดูฝนดาวตกกับคนที่ผมรัก มันคงจะโรแมนติกมาก
“ฝนดาวตก น่าดูเนอะ ดูกันมั้ย เชียร์” ภาพวันเก่าๆตอนที่ผมกำลังรักกับใครคนหนึ่งก็หลุดลอยเข้ามา
“อืมม น่าดูเหมือนกัน ตีสามเลยเหรอ จะตื่นมาดูไหวไหมเนี้ย” เชียร์บ่นอุบอิบพร้อมทำหน้านิ่วคิ้วขมวด
“พี่ปลุกให้ก็ได้” ผมหันไปบอก
“ปลุกเหรอ ใครกันแน่ที่ปลุก เอาเค้าจริงคงเป็นเชียร์ที่ปลุก” เชียร์แซวผมกลับ
ผมยังจำบทสนทนานั้นได้ดี เมื่อมาถึงตอนนี้ ผมคงไม่ได้ดูกับเชียร์แล้ว เพราะเราเลิกกันมาได้สองสามเดือนแล้ว
แต่ผมเองก็ยังนึกว่า เชียร์ยังอยากดูอยู่หรือเปล่า หรือเชียร์จะไปดูกับใคร
พอนึกอย่างนั้น ผมเลยเดินมาที่บอร์ดเรื่อง ฝนดาวตกอีกครั้ง
ตอนนี้ที่บอร์ด มีคนๆหนึ่งกำลังดูบอร์ดเดียวกับผมอยู่
เพราะผมไปยืนข้างเขา เราสองคนก็หันมามองกัน
“พี่เต๋า” “เชียร์”
เราสองคนพูดแทบจะพร้อมกัน
เชียร์ดูหน้าซีดไปเมื่อเจอผม ผมเองก็ทำตัวไม่ค่อยถูกเมื่อเจอเชียร์
เชียร์ก้มแล้วเบือนหน้าหนี พร้อมจะเดินออกไป แต่ผมคว้าแขนไว้ได้ก่อน
“ขอร้องล่ะ อย่าหนีได้ไหม” ผมทำเสียงอ้อนวอน
เชียร์มองหน้าผมแล้วทำหน้าเหมือนจะร้องไห้
“ไม่อยากเห็นห้าพี่ขนาดนั้นเลยเหรอ” ผมถามกึงประชด
เชียร์ถอนหายใจ “แล้วพี่จะให้เชียร์ทำยังไง”
“ทำเหมือนเดิม ทำเหมือนที่เราเคยทำ อย่าทำให้พี่ต้องลำบากใจมากกว่านี้”
“ถ้าทำแบบนั้น เชียร์ก็ลำบากใจเหมือนกัน” เชียร์พูดพร้อมน้ำตาเริ่มไหลออกมา
ผมเริ่มรู้สึกผิด ผมอยากเดินเข้าไปกอด เข้าไปปลอบ หรือทำเหมือนที่แต่ก่อนเคยทำ แต่ตอนนี้มันคงทำไม่ได้อีกแล้ว
“พี่ไม่อยากให้เชียร์เกลียดพี่ ไม่อยากให้คิดว่า พี่ทำร้ายเชียร์ พี่ขอโทษกับทุกสิ่งทุกอย่าง จะให้พี่ทำอย่างไรพี่ก็ยอม”
ผมพยายามทำสิ่งที่พอจะทำได้  ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม
“งั้น ไปดูฝนดาวตกกับเชียร์ได้ไหม” เชียร์พูดขึ้นมา ทำเอาผมจุก
“เออ เออ เออ” ผมตอบไม่ถูก ไม่กล้าบอกว่านัดกับหมิงไว้แล้ว
“ไหนบอกว่าจะทำทุกอย่างไงหล่ะ” เชีนร์ทำหน้างอน
“ได้ ได้” ผมรีบตอบไปก่อน เพราะไม่กล้าปฏิเสธ
“งั้น คืนนี้เจอกัน เชียร์ว่าไปดูที่สวนเพาะปลูก ดาดฟ้าตึกชมรมอนุรักษ์น่ะเชียร์ว่ามันคงเห็นชัด”
เวรกรรมที่เดียวกันอีก มันอะไรกันนี้ย
“เชียร์จะรอนะ” ว่าแล้วเชียร์ก็เดินกลับห้อง พร้อมทิ้งหายนะอันใหญ่หลวงให้กับผม
งานเข้าแล้วมึงไอ้เต๋า
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เที่ยงคืนพอดี ผมกะจะเบี้ยวหมิง แล้วไปดูกับน้องเชียร์แทน
โดยแกล้งไม่ไปตามนัด พร้อมบอกว่าเผลอหลับไปไม่ตื่น
ผมเตี๊ยมกับเพื่อนที่ห้องไว้ว่า ถ้าหมิงมาตามบอกว่ามันไปผมหลับที่อื่น
ไม่นึกว่าคนอย่างผม จะต้องมาสับรางขบวนรถไฟ
แล้วผมก็ไปที่ชมรมทันที พอไปถึงก็เห็นว่าที่ดาดาฟ้ามีไฟเปิดอยู่ สงสัยเชียร์มาถึงแล้ว
ผมเลยรีบไปทันที โดยไม่ลืมไปล็อคกุญแจ เผื่อหมิงตามมา
ผมไปถึงปุ๊บ ก็รีบปิดไฟเพราะกลัวถ้าหมิงมาจะเห็นว่ามีใครอยู่
“ปิดไฟนะจะได้เห็นดาวสวย” ผมรีบบอกก่อนจะหันไปหาเชี… เฮ้ย!หมิง
มันมาได้ไงว่ะ
“แกเข้ามาได้ไง”
“ก็เต๋าปั๊มกุญแจให้เราไง เราเลยเข้ามารอก่อน” มันยิ้มแป้น
ซวยแล้วแล้วเรื่องน้องเชียร์จะทำไงว่ะเนี้ย
ไม่ทันขาดคำ เชียร์ก็ขึ้นมาที่ดาดฟ้าพอดี
“เฮ้ยมาได้ไง” ผมตกใจอีกรอบ
“ก็กุญแจนี้พี่เต๋าปั๊มให้เชียร์ไง” เชียร์ชูกุญแจให้ผมดู
เอ้า เป็นเพราะเราเหรอเนี้ย
“ทำไมน้องเชียร์ถึงมาได้” หมิงทำหน้างงงง
“ไหนพี่เต๋าบอกว่าจะมาดูกับเชียร์ไง” เชียร์ก็ทำหน้างงงง
ผมทำไรไม่ถูกได้แต่ยิ้มให้ทั้งสองคน
ทั้งเต๋าทั้งเชียร์ก็ทำหน้าไม่พอใจ จะเดินลงไปที่ดาดฟ้า
ผมรีบคว้าตัวทั้งสองคนเอาไว้
“เราขอโทษ เราเองไม่อยากทำให้ใครเสียใจ มันเลยไปอย่างนี้” ผมไม่รู้จะว่ายังไงกับความผิดของตัวเอง
“งั้นเลือกมาซิ ว่าอยากดูกับใคร” หมิงขู่ผม
“ไม่ต้องหรอก เชียร์มันส่วนเกิน กลับดีกว่า” เชียร์เริ่มงอน
“พอเถอะ ก็อยากดูทั้งสองคน ดูด้วยกันทั้งสามคนไม่ได้เหรอ” ผมเสนอข้อตัวเลือก
“ไม่ได้” พูดพร้อมจะแทบกันเลยทั้งเชียร์และหมิง
“อะไรกัน แค่ดูดาวไม่ใช่เหรอ” ผมเริ่มบ่น
“มันไม่ใช่แค่ดูดาวนะ” ทั้งเชียร์และหมิงพูดพร้อมกัน แล้วก็หันมามองหน้ากัน
“หมายความว่าไง” ผมงง
“เออ เชียร์ไม่ได้อยากดูดาว แค่อยากมีอะไรกับพี่เป็นครั้งสุดท้าย” เชียร์หน้าแดง
“เราเองก็ไม่ได้อยากมาดูดาว แค่อยากมีอะไรกับนาย บนดาดฟ้ามันน่าจะสนุกดี”หมิงเริ่มหน้าแดง
ไม่อยากเชื่อว่าทั้งสอง จะคิดอะไรกันแบบนี้
“แล้ว ถ้าเรามีอะไรกันทั้งสามคนหล่ะ” ในเมื่อคนเสนอมีหรือผมจะไม่สนอง
สองคนนั้นก็พยักหน้า ผมเลยเดินไปกอดทั้งเพื่อนและน้องของผม
เชียร์เงยหน้ามาจูบผม แล้วผมก็หันไปจูบหมิงอีกที
จูบจากเชียร์เร่าร้อน แต่จูบของหมิงนุ่มนวล แล้วทั้งสองก็เริ่มไซร้ที่ซอกคอ
ผมได้แต่โอบสองคนนั้นไว้ พร้อมหลับตารับความรู้สึกที่เกินจะบรรยายจะลิ้นนุ่มๆของทั้งสอง
สองคนประสานงานกันดี ค่อยๆถอดเสื้อผมและเริ่มขบกัดกน้าอกของผม
เชียร์อยู่ขวา หมิงอยู่ซ้าย
ผมได้แต่คราง กอดทั้งสองคนแน่น
ลิ้นของใครก็ไม่รู้  เริ่มไล้ต่ำลงมา จากกลางหน้าอก กล้ามท้อง
สะดือ ท้องน้อย และ……..
“อ้า…..” มันโดนครอบไปแล้ว ผมได้แต่เด้งตัวรับความเสียวที่ เออ ผมลืมตาไปดู
อ๋อ เชียร์ครับ เชียร์เป็นคนครอบส่วนนั้นได้ก่อน ส่วนหมิงยังคงอยู่ที่หน้าอกผม
ตอนนี้จุดเสียวทั้งสองทีเริ่มมีผลต่อระบบประสาทของผม ผมรับความรู้สึกเสียวที่มากขึ้นและมากขึ้น
หมิงเริ่มตามมาสมทบที่จุดเดียวกับเชียร์ กลายเป็นว่า แท่งทองของผม เจอรุมจากสองหนุ่มดรัมเมเยอร์ไม้หนึ่งของโรงเรียนแต่คนละปี
ความรู้สึกเหนียวๆลื่นๆเหนอะๆเปียกๆชื้นๆ สร้างความสำราญใจให้กับผมยิ่งนัก
แต่ผมต้องการมากกว่านั้น
หมิงและเชียร์ยืนพร้อมกัน โดยที่ผมยังนั่งอยู่
กางเกงของทั้งสองถูกถอดลงมาพร้อมกัน แท่งกลางชี้เด่มาที่ผมทันที
ผมเลยหันไปอมขวาที ซ้ายที เพื่อตอบแท่งที่ทั้งสองทำให้ผมเมื่อกี้
แรกๆก็ทีละอัน นานเข้าเริ่มมาพร้อมกันทั้งสองอัน
“อื้อ อื้อ อื้อ” ผมห้ามไม่ทัน มันเข้ามาอย่างเร็ว
ผมต้องปล่อยเลยตามเลย
พอสมใจอยากทั้งสองคน ผมก็ลุกขึ้นจับเชียร์หันหลังคุกเข่า
แล้วค่อยบรรจงยัดของผมไป ใช้เวลาแป๊บนึง ผมจึงเข้าไปได้หมด
แล้วก็เริ่มส่ายเอวเป็นจังหวะ
เชียร์คงเริ่มเสียว เริ่มร้อง ซีดซ้าด ดังขึ้น
ส่วนหมิงเข้ามาด้านหลังของผม ทำหน้าที่ไซร้ตามซอกคอ และ เลียด้านหลังของผมมาเรื่อยๆ
จนมาถึงแก้มก้น ไม่นึกว่าการเลียแก้มก้นจะเสียวได้มากขนาดนี้
ขณะที่กำลังมันส์อยู่กับข้างหน้า ข้างล่างผมก็เริ่มรู้สึกว่ามีคนเข้ามาบุก
กลายเป็นเป็นว่า ผมโดยประกบจากทั้งหน้าทั้งหลัง อืมม มันส์ครับ
ผมแทบจะไม่ได้ส่งแรงเท่าไร เพราะหมิงแค่ดันมาผมก็ดันไปให้ที่น้องเชียร์
เสียงครางเริ่มสนั่นหวั่นไหวไปทั่วดาดฟ้า
“อะ อะ อ๊าย” น้องเชียร์ดันเสร้จคนแรก คงเพราะผมเอามือช่วนน้องเค้าไปด้วย
จากสามเลยกลายเหลือสอง เมื่อเชียร์แยกวงออกไปผัก
หมิงเลยเปลี่ยนทิศให้ผมเข้าบ้าง ผมเลยกึ่งนั่งกึ่งนอน โดยมีหมิง นั่งคร่อมผมอีกที
“อะ อะ อ๊ะ” ผมยกตัวขึ้นตามจังหวะ ใส่แรงเท่าที่มีตามอารมณ์ที่เริ่มมันส์ขึ้นเรื่อย
หมิงมันก็เริ่มร้องไม่เป้นสรรพ พยายามจะเอามือมาชักให้ตัวเอง
แต่น้องเชียร์เข้ามาช่ววแทน แต่ใช้ปากครอบส่วนนั้นของหมิง
ผมที่เห็นผมยิ่งทำเอาผมยิ่งคึกเพิ่มความแรง ให้เร็วขึ้น
“อ๊ะ อ๊ะ อายยยยย” หมิงเจอแบบนี้ก็เก็บอารมณ์ไว้ไม่อยู่ พุ่งกระชูดใส่น้องเชียร์ที่หลบไม่ทันเลยเจอเข้าไปเต็มๆ
ผมเลยขอพักยก มานอนชักของตัวเองที่เสร็จช้ากว่าชาวบ้าน
แต่ทั้งหมิงและเชียร์ ก็มานอนขนาบทั้งสองข้าง พร้อมเล้าโลมช่วยผมไปด้วย
เชียร์ใช้ลิ้นเลียหน้าอกของผม ส่วนหมิงก็ทั้งจูบและดูดปากอย่างเร้าร้อน
ความอดทนผมก้จบกันซะที
“อ๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”
ไม่สามารถระบุได้ว่ามันพุ่งแรงไปถึงไหน
แต่พอเงยหน้าฝนดาวตกก็เริ่มพอดี
จากหนึ่งดวง สองดวง และเริ่มเป็นสิบๆดวง
ไม่ถึงสองนาที มันก็จบลง พร้อมความเหนื่อยล้าที่ทำเอาตาผมปิดไปด้วย
เช้าวันใหม่ผมตื่นขึ้นมา พร้อมรู้สึกแปลกๆกับกางเกง
“เฮ้ย! อะไรว่ะ ฝันเหรอเนี้ย” ผมเห็นคราบที่กางเกงก็พอรู้ว่าเมื่อคืนดันฝันเปียก
เล่นไปค่ายธรรมะมาเกือบสองอาทิตย์ กลับมาฝันเปียกเลยเหรอเนี้ย
แถมฝันถึง ทั้งเชียร์และหมิง
แต่ถ้าเป็นจริงก็ดีนะ ชอบ มันส์ดี
555555555555555
-----จบจ้า เหลือของนายปอ อีก2คู่ ก็จะจบแล้วนะครับ-----
หัวข้อ: Re: Three Couple of love:Special Features : Sweet Couple คู่ที่5 ขอบอกว่าแรง (17ธันวา)
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 17-12-2008 18:20:48
กรี๊ดดดด  อาไร้

แค่ฝันซะงั้นนึกว่าเรื่องจริง ชิ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love:Special Features : Sweet Couple คู่ที่5 ขอบอกว่าแรง (17ธันวา)
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 17-12-2008 18:51:41
 :m25: :m25: :m25: :m25: :m25:

ถึงว่า เชียร์คงไม่ยอมทรีซัมหรอก

กรี้ดดดดดดดดดดดดด

หัวข้อ: Re: Three Couple of love:Special Features : Sweet Couple คู่ที่5 ขอบอกว่าแรง (17ธันวา)
เริ่มหัวข้อโดย: palpouverny ที่ 17-12-2008 19:41:26
ฝันหรือเนี่ยยยยย
 :m31: :m31: :m31:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love:Special Features : Sweet Couple คู่ที่5 ขอบอกว่าแรง (17ธันวา)
เริ่มหัวข้อโดย: marchmenlo ที่ 17-12-2008 20:03:39
 :m16: :m16:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love:Special Features : Sweet Couple คู่ที่5 ขอบอกว่าแรง (17ธันวา)
เริ่มหัวข้อโดย: dorgchant ที่ 18-12-2008 00:39:09
ยังโกรธพี่เต๋าอยู่นะ ทำกับเชียร์ได้  :fire:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love:Special Features : Sweet Couple คู่ที่5 ขอบอกว่าแรง (17ธันวา)
เริ่มหัวข้อโดย: artday ที่ 18-12-2008 01:00:48
 :jul3: ฝันไปเต๋าหื่นมากๆ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love:Special Features : Sweet Couple คู่ที่5 ขอบอกว่าแรง (17ธันวา)
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 25-12-2008 07:52:05
 Special Features : Sweet Couple 

แต่ละคู่แต่ละตอน เล่นเอาเลือดกาฉูด   :m25:

มารอตอนต่อไปค่า  :3123:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love:Special Features : Sweet Couple คู่ที่5 ขอบอกว่าแรง (17ธันวา)
เริ่มหัวข้อโดย: dorgchant ที่ 30-12-2008 23:16:42
ดันให้จ้า  o13
หัวข้อ: Re: Three Couple of love:Special Features : Sweet Couple คู่ที่5 ขอบอกว่าแรง (17ธันวา)
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 18-01-2009 14:18:59
ตกไปอยู่สุดท้ายแล้วววว

ดันไว้ครับ

หัวข้อ: Re: Three Couple of love:Special Features : Sweet Couple คู่ที่5 ขอบอกว่าแรง (17ธันวา)
เริ่มหัวข้อโดย: LOT ที่ 20-01-2009 03:44:50
ช่วยดันด้วยคน เกือบลืมเรื่องนี้ไปแล้วเหมือนกัน

มาต่อให้จบเร็วๆ นะคะ รออยู่จ้า  :pig4:

(ส่วนเรื่องงานก็สู้ๆ เช่นกันนะคะ)
หัวข้อ: Re: Three Couple of love:Special Features:Sweet Coupleสองคู่สุดท้ายพร้อมตัวอย่างSeasonที่3(จบบริบูรณ
เริ่มหัวข้อโดย: jojoe ที่ 05-03-2009 06:39:53
คู่ที่ 6 ปอ กับ บิ๊ก เล่าโดยบิ๊ก
ผมนั่งมองจดหมายฉบับหนึ่ง ข้อความในจดหมายฉบับนั้นเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมต้องมาที่นี้
“คืนสู่เหย้า โรงเรียนเซนต์XXX”
เป็นปีแรกที่ผมจะกลับไปที่โรงเรียนมัธยมของผม
สาเหตุหลักผมไม่ได้กลับไปเพราะอยากไปงานนั้นหรอก
ผมอยากไปหาใครบางคนต่างหาก ใครบางคนที่ผมเคยรัก และคิดถึงมาตลอด
แม้ว่า ตลอดหกปีที่ผ่านมา ผมมีแฟน คนรัก คู่นอน หรืออะไรก็ตามที่มาช่วยมาผมให้หายเหงา
แต่ผมก็ยังคิดถึงคนๆหนึ่งที่รักผมมากๆ เขายอมทำทุกอย่างเพื่อผม แม้ผมจะไม่ค่อยทำตัวดีต่อเขาเท่าไหร่นัก
ผมขับรถไปยังคอนโดของคนๆนั้น เพื่อจะรับเขาๆไปงานศิษย์เก่าด้วยกัน
ผมมาถึงที่คอนโด เห็นเขายืนมองเมื่อรถผมมาจอดอยู่ตรงหน้าเขา
ผมตื่นเต้นมากๆ ที่จะได้เจอเขาคนนั้น
ผมเดินออกจากรถ ตรงไปเผชิญหน้ากับเขา
“บิ๊ก” ปอเอ่ยชื่อผมเมื่อเห็นผมยืนยิ้มให้เขา
ดูท่าเขาตกใจมากที่เห็นผม
จากเด็กผู้ชายตัวเล็กๆคนหนึ่ง ชอบไว้ผมสั้น หน้าตาบึ้งๆ ไม่ค่อยพูดค่อยจา
ตอนนี้กลายเป็นชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ หน้าตาไม่ได้เปลี่ยนไปมากเท่าไร แต่การไว้หนวดไว้เคราทำให้ดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น พร้อมกับผมที่ยาวเกือบถึงไหล ไม่นึกว่าปอจะเปลี่ยนตัวเองให้เซอร์ได้ขนาดนี้ แต่ผมชอบนะ เท่ห์ดี
“ใช่ เราเอง นึกว่าจะจำเราไม่ได้ซะอีก” ผมทักทายปอ
“แล้วนายมาทำอะไรที่นี้” ปอยังคงแปลกใจกับการปรากฏตัวของผม ไม่แปลกหรอกที่เป็นแบบนั้นเพราะเราไม่เจอกันมาเกือบหกปี
“อ้าว เชียร์ไม่ได้บอกเหรอว่าเราจะมารับนายไปงานศิษย์เก่า” ผมเดินเข้าไปใกล้ปอดูเขายังจะไม่หายตกใจที่เจอผม
“เราไม่เห็นรู้เรื่องเลย แล้วนายติดต่อกับเชียร์ได้ยังไง พวกเราไม่ได้เจอกันมาเลยเกือบหกปีแล้วนะ” ปอเริ่มยิงคำถาม
“ก็เราเรียนอเมริกาที่เดียวกับเชียร์ไง เชียร์ไม่ได้บอกอีกแล้วเหรอ” ผมเองก็สงสัยว่าปอไม่เคยติดต่อผมเลย ทั้งๆที่ผมก็เจอเชียร์บ่อยๆตอนอยู่ที่โน้น เชียร์ไม่เคยบอกข่าวผมให้ปอรู้เลยเหรอ
ปอส่ายหัว พร้อมจ้องตาผม นานมากที่ผมไม่ได้สบตาคู่นั้น ปออาจไม่ใช่รักครั้งแรก แต่เขาเป็นคนที่ทำให้ผมมีความสุขมากที่สุด
“เราว่ารีบไปกันเถอะ เดี๋ยวไปไม่ทันงานเริ่ม เราอยากเจอเพื่อนๆมากเลย” ผมรีบเปลี่ยนเรื่อง เพราะถ้าจ้องตากันอย่างนี้คงไม่ได้ไปถึงงานโรงเรียนแน่ๆ
ปอนั่งลงบนเบาะรถข้างๆผม ระหว่างทางผมสังเกตว่าปอได้แต่นั่งเงียบ ผมเลยรู้สึกอึดอัด อย่างน้อยน่าจะถามอะไรบ้าง ผมเลยต้องเป็นคนเริ่มการสนทนาซะก่อน
“นั่งนึกอะไรอยู่เหรอ เงียบเชียว”
ปอได้ยินผมพูดเลยหันหน้ามามองผม “ก็คิดเรื่องที่ผ่านๆมา”
“เรื่องอะไรเหรอ”
ปอเงียบไปสักพักก่อนจะหันหน้ามามองผม “เรื่องของเราไง”
กลายเป็นผมเป็นฝ่ายเงียบแทน
“นายกลับมาที่นี้ เพราะแค่มางานศิษย์เก่าเหรอ” ปอเริ่มถาม
“มาเยี่ยมญาติๆแล้วก็พอดีอยากเจอเพื่อนน่ะ ” ผมพยายามตอบปัดๆไม่กล้าตอบว่า สาเหตุจริงๆผมอยากมาหาปอนั้นแหละ
“อ๋อ เราคงเป็นหนึ่งในเพื่อนนายนะ” ปอเริ่มพูดประชดประชันคงผิดหวังกับคำตอบของผม
“ก็ได้ เราอยากมาหานาย พอใจยัง” ผมตอบไปแถมใส่อารมณ์นิดหน่อย
ดูปอจะดีใจที่ผมยอมพูดความจริง เห็นเค้ายิ้มใหญ่เลย
ผมเลยจอดรถข้างทาง
ปอตกใจ “หยุดรถทำไม”
ผมดับเครื่อง พร้อมหันมาจ้องหน้าปอ
“อะไร” ปองงกับอาการของผม
ผมไม่ตอบ แต่เขยิบตัวไปใกล้ปอ ยื่นหน้าไปจูบปากของปอ
ปอตอนแรกก็ตกใจ แต่ก็ค่อยรับการจูบของผมอย่างดี
แม้ผมจะผ่านการจูบมาหลายครั้งจากหลายต่อหลายคน แต่ไม่มีใครที่จูบแล้วทำให้ผมรู้สึกดีและมีอารมณ์ร้อนแรงเท่ากับปอ
เรานัวเนียกันได้สักพัก ปอก็รีบดันตัวผมออก
“ค่อยทำกันทีหลังดีกว่า ไปงานเลี้ยงกันก่อนเถอะ” ปอดูมีสติมากกว่าผม เตือนผมว่าจุดหมายปลายทางของเราคืออะไร
“ถ้าเราอยากทำก่อนไปงานล่ะ” ผมเข้าไปโอบปอไว้ทำหน้าเว้าวอน
ปอถอนหายใจ “งั้นแวะโรงแรมม่านรูดแถวนี้ล่ะกัน”
ผมแอบไชโยดีใจขอซัดให้หายคิดถึงกันหน่อยเถอะ
ผมบึงรถมาที่โรงแรมภายไม่กี่นาที เราสองคนรีบร้อนกันมาก
ทีเร่งขนาดนี้ไม่ใช่เพราะกลัวจะไปงานโรงเรียนไม่ทัน แต่รีบเพราะเราทนกันไม่ไหวมากกว่า
เมื่อถึงห้องเราถอดเสื้อผ้ากันทันทีพร้อมกระโจนลงบนเตียง
เมื่อเนื้อแนบเนื้อ แน่นอน ทุกอย่างก็ตื่นตัว
“ปอ เรารู้สึกแปลกๆ” ผมเงยหน้ามองปอ
“อะไร” ปอมองผมแต่ก็ยังใช้ลิ้นวนเวียนตามซอกคอของผม
“คือ เหมือนนายเปลี่ยนไปเยอะ” ผมรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ ตอนนั้นเราค่อนข้างยังเด็ก ตัวเล็กกันทั้งคู่ กล้ามเนื้อกล้ามท้องยังไม่มีกันเลยด้วยซ้ำ
“นายเองก็เปลี่ยนไปเหมือนกัน” ปอยิ้มพร้อมมองร่างกายของผม
“ไปฟิตกล้ามตั้งแต่เมื่อไร แถมมีขนหน้าอกอีกต่างหาก” ปอใช้มือลูบไปตามหน้าอกของผม
“เราต่างหากที่ต้องถามนาย ซิกส์แพ็คของนายนะ ใช่ย่อยซะที่ไหน” ผมเองก็เริ่มใช้มือไล่ไปที่กล้ามท้องของปอ ปอเลยเกร็งหน้าท้อง ทำให้เห็นกล้ามชัดๆ
เรื่องรูปร่างไม่เท่าไหร่ แต่ของปอมันใหญ่ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“หัวเปิดแล้วเหรอ ใครเป็นคนทำล่ะเนี้ย” ผมแอบอึ้งเล็กน้อยตอนที่คบกับผม ผมจำได้ว่านอกจากยังไม่ใหญ่เท่าตอนนี้ แถมหัวก็ยังไม่เปิดอีกด้วย
“เอาน่า ไม่เห็นต้องถามเลย เปิดแล้วก็ดีออก สวยไหมล่ะ” ปอพูดจบก็เข้ามาไซร้ซอกคอของผม
“อ้า....” เผลอแป๊บเดียวปอก็เลื่อนตำแหน่งมากัดที่หัวนมของผม
ผมเด้งไปตามแรงขบกัดของปอ
“โอ้ว....” ปอเลื่อนตำแหน่งไปอย่างรวดเร็ว พร้อมกับการจัดกราเจ้าหนูของผม
“ของนายก็ใหญ่ขึ้นเหมือนกันน่ะ เราอมไม่มิดเลย” ปอพูดก่อนจะครอบปากลงไป
มันไม่มิดเหมือนที่ปอพูดจริงๆ ปอกลัวผมไม่ซะใจเลยเน้นที่การเลียมากกว่า
“นายนี้ยังเล้าโลมคู่ขาได้เก่งไม่เปลี่ยนเลยนะ” มันเสียวมากจนผมอดชมไม่ได้จริงๆ
“ของอย่างนี้มันต้องใช้ประสบการณ์” ปอกระเถิบตัวขึ้นมาจูบผมอย่างเร่าร้อนอีกรอบ
“แต่ที่เด็ดคือนี้ต่างหาก” สักพักปอก็ยกขาของผมขึ้น แล้วนั่งชันเข่า เตรียมพร้อมกับท่าที่ทุกคนก็รู้ว่าท่าอะไร
“ดะ ดะ เดี๋ยวก่อน นายจะเป็นคนทำเหรอ” ผมตกใจเล็กน้อย เพราะไม่ได้เตรียมใจมาโดน
“ทำไมเหรอ ไม่ต้องห่วงหรอกเรามีถุงยางเราเตรียมพร้อมเสมอน่ะ” ปอพูดพร้อมเอื้อมไปหยิบถุงยางมาโชว์
“ไม่ได้ห่วงเรื่องนั้นหรอก แต่...นายเป็นรุกตั้งแต่เมื่อไร” เป็นคำถามที่ผมอยากถามปอมากที่สุด
ปอได้ยินที่ผมพูดก็หัวเราะออกมา
“จำไม่ได้ แต่ตอนนี้ถนัดรุกว่ะ” ปอพูดเสร็จก็ฉีกซองถุงยาง
“ดะ ดะ เดี๋ยว คือเราก็เป็นรุก ตอนอยู่อมริกาเราก็รุกมาตลอดยังไม่เคยเป็นรับอ่ะ” ผมเฉลยความจริง
อธิบายก่อนว่า ตอนมอสี่ มอห้า ที่เราคบกัน เรายังไม่รู้แนวของตัวเองว่าจะเป็นรุกเป็นรับ ตอนมีอะไรกันก็มีกันแค่ภายนอกกันเท่านั้น พอผมไปอยู่อมริกา ผมก็รู้ว่าตัวเองชอบอะไร ไม่คิดว่าปอจะชอบเหมือนที่ผมชอบ ปัญหากิดแล้วซิ
“แล้วเอายังไงต่อ นายจะมารุกแทนเหรอ” ปอถามอย่าง งงๆ
“แล้วถ้าเรารุกนายมีปัญหาไหมหล่ะ” ผมถามก่อนดูปอก็อยากจะรุกเหมือนผม
“ที่จริงเราเคยเป็นรับมาก่อน แต่ช่วงหลังเราถนัดรุกมากกว่า เพราะคู่ขาส่วนมากเป็นรับ”
ปออธิบาย แต่ผมดันสะดุดกับคำว่าคู่ขา
“ผ่านคู่ขาที่เป็นรับมากี่คนล่ะ” ผมย้อนถาม
“ถามทำไม”
“แสดงว่าที่ผ่านมาก็ไม่ใช่ย่อยล่ะซิ ไอ้เราก็นึกว่าจะเป็นคนเรียบร้อย” อดกัดไม่ได้ ก็รู้สึกแย่อ่ะ ไม่นึกว่าปอจะเป็นพวกชอบมั่ว
“ตกลงจะชวนทะเลาะใช่ไหม เรื่องรุกรับไม่พอ จะมาด่าเรื่องที่เรามั่วอีก” ปอเริ่มย้อนผมกลับ
“เดี๋ยวนี้ขี้โมโหด้วย” ผมไม่อยากจะเชื่อปอโตขึ้นแล้วเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้
ปอถอนหายใจ พร้อมเดินมาหาผม
“ใช่เราเปลี่ยนไป เราคงไม่เหมือนปอคนเดิมที่นายรู้จัก แต่เชื่อซิ ความรักที่เรามีให้นายไม่เคยเปลี่ยนหรอกน่ะ”
ปอพูดจบก็เอื้อมตัวมาจูบที่หน้าผากของผม
ผมตัวชา ไม่แน่คนที่เปลี่ยนไปอาจไม่ใช่ปอ แต่เป็นตัวผมต่างหาก
“แล้วความรักที่บิ๊กมีให้ปอ มันเปลี่ยนไปหรือเปล่า” ปอย้อนถามผมบ้าง
น้ำตาของผมไหลออกมาตอนไหนก็ไม่รู้ ผมพูดไม่ออกได้แต่พยักหน้า พร้อมกอดปอ
“ไม่รู้ซิเรา ไม่แน่ใจว่ามันจะเพิ่มขึ้น หรือน้อยลง แต่ยังไงความรักของเราที่มีให้นาย มันยังมีอยู่แน่ๆ”
แล้วเราก็ลองมันใหม่อีกครั้ง ผมยอมเป็นฝ่ายรับตามที่ปอต้องการ แม้มันจะเจ็บ แต่ผมเองก็อยากทำอะไรสักอย่างให้ปอ ผมแค่อยากทำอะไรให้เขามีความสุขบ้าง
ผมเผลอหลับไปเพราะความเพลีย รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนได้ยินปอพูดโทรศัพท์กับใครก็ไม่รู้
“ใครโทรมา” ผมขยับตัวไปหาปอ
“พวกโจ้กับเชียร์ มันเร่งให้ไปที่งาน” ปอตอบพร้อมลุกขึ้นจากเตียง
“ตกลงเรายังจะไปกันอีกเหรอ” ผมลุกขึ้นนั่งมองดูร่างเปลือยเปล่าของปอ
“อืมม นายไม่อยากเจอเพื่อนเราเหรอ” ปอหันไปถามผมก่อนจะคว้าผ้าเช็ดตัวมาห่ม
“ยังไงก็คงได้เจอกันอยู่แล้ว เพราะเราจะมาอยู่เมืองไทย” ผมพูด ปอหันหาผมทันที
“ตอนแรกเห็นจะบอกว่าแค่มาเยี่ยมญาติไม่ใช่เหรอ” ปอทำน้ำเสียงตกใจ
“ก็... เรามาเจอนายแล้วมันไม่อยากกลับอ่ะ” ผมลุกขึ้นมากอดปอจากด้านหลัง
ปอยิ้มเขินๆ “แต่ครอบครัวนายอยู่ที่นั้นหมดเลยไม่ใช่เหรอ เค้าไม่ว่าเหรอที่นายจะกลับมาอยู่ที่เมืองไทย”
“เราโตแล้วนะ เราเองก็อยากดูแลตัวเอง อีกอย่าง เราไม่อยากจากนายไปไหนอีกแล้ว”
ผมพูดพร้อมเอาหน้ามาซบที่หลังของปอ
“อย่าพูดให้เราดีใจซิ หกปีที่ผ่านมานายไม่ได้ติดต่อเราเลยนะ” ปอพูดแอบน้อยใจนิดๆ
ผมเลยลากตัวปอมานั่งบนเตียง
“หกปีที่เราไม่ได้ติดต่อนาย เพราะเราลำบากใจกับเรื่องที่นายมีแฟนแล้ว”
ผมปอถอนหายใจ คงไม่นึกว่าผมจะพูดเรื่องนี้
 “อย่ามาอ้างเลย ที่ไม่ติดต่อ เพราะแฟนเกาหลีของนายหรือเปล่า” ปอย้อนกลับผม ผมทำหน้าไม่พอใจที่เหมือนโดนจับได้ยังไงก็ไม่รู้
“ตกลงว่าเราสองคนก็มีใครคนอื่นทั้งคู่” ปอหันไปกอดคอผม
“แต่ตอนนี้ นายก็ไม่มีใคร เราก็ยังไม่มีใคร” ผมหันมาพูดกับปอ เพราะพอรู้ว่าปอเลิกกับแฟนไปนานแล้ว ผมเองก็เพิ่งเลิกไปกับหนุ่มเกาหลีที่เรียนเมืองนอกด้วยกัน
“จะรีเทิร์นว่างั้น” ปอหันมาถามผม
“แล้วนายว่าไง” ผมลุ้นกับคำตอบของปอ
“ขอดูความประพฤติก่อน เราไม่เจอกันนานขนาดนี้ มันอาจจะมีอะไรบางอย่างเปลี่ยนไป” ปอกอดอกทำหน้าเข้มใส่ผม
“อะไรเนี้ย แต่ก่อนนายต้องมาเป็นคนง้อเราไม่ใช่เหรอ ทำไมตอนนี้กลายเป็นเราต้องมาง้อนาย”
ผมริ่มทำท่าไม่พอใจ
“พูดเล่นหรอกน้า! เราสองคนโตขึ้นไม่ใช่เด็กเหมือนเมื่อห้าปีที่แล้ว การจะคบกันมันก็ต้องดูใจกันก่อนเป็นธรรมดา” ปอพูดประมาณปลอบผมไม่ให้ท้อแท้
“เป็นแฟนพี่ต้องอดทน” ปอพูดข้างหูผม ผมเลยหันมายิ้มให้
“นายเปลี่ยนไปเยอะจริงๆด้วย เหมือนไม่ใช่ปอที่เรารู้จักเลย”
“อืมม ใช่! เราเปลี่ยนไปเยอะ ห้าปีที่ผ่านมาเราเรียนรู้อะไรมากมาย อย่างที่เราบอก ที่เรายังไม่ตอบตกลงกับนาย เพราะอยากให้นายรู้จักเราที่โตขึ้นให้ดีก่อน ไม่แน่เราอาจจะไม่ใช่สำหรับนายก็ได้”
ผมมองปอพร้อมรอยยิ้ม ผมปลื้มลุคใหม่ของปอจริงๆ
“ไปอาบน้ำกันเถอะ พวกนั้นรอแล้ว” ปอเลยลากผมไปอาบน้ำด้วยกัน
แต่แล้ว ก็มีรอบสองแถมท้ายด้วย
-----จบคู่ที่หก-----
หัวข้อ: Re: Three Couple of love:Special Features:Sweet Coupleสองคู่สุดท้ายพร้อมตัวอย่างSeasonที่3(จบบริบูรณ
เริ่มหัวข้อโดย: jojoe ที่ 05-03-2009 06:40:36
คู่ที่เจ็ด ปอ กับ เหน่ง เล่าโดย เหน่ง
“คืนนี้ขอค้างนะ”
ถ้าใครฟังผมพูดประโยคนี้ คงคิดว่าผมกำลังพูดอยู่กับคนรักของผม
ใช่ครับ คนที่ผมพูด้วยเป็นคนรักของผม แต่คนรักของผมกลับไม่ได้คิดอย่างนั้น
“กูว่ามึงย้ายข้าวของมาที่หอกูแลยม่ะ อาทิตย์หนึ่งเล่นค้างตั้งหกวัน”
ไอ้ปอมันพูดประชด แต่สิ่งที่มันพูดกับทำให้หัวใจผมเต้นโครมคราม
“งั้นพรุ่งนี้มึงไปช่วยกูขนเสื้อผ้าน่ะ” เมื่อได้โอกาส ทำไมผมจะไม่คว้ามันล่ะ
“ไอ้เชี้ยนี้กูพูดประชด เอาจริงซะงั้น” มันหันมามองค้อน แต่ผมรู้ว่ายังไงมันก็คงอยากให้ผมมาค้างด้วยจริงๆ
ไอ้ปอหนัหน้ากลับไปซ้อมกีต้าร์เหมือนเดิมหลังจากบทสนทนาจบ
แต่ผมยังคงนั่งจ้องปอ พลางนึกถึงเรื่องราวของมันกับผม
อย่างที่ทราบๆกัน ผมกับปอเคยเป็นเพื่อนบ้านกัน คร้งแรกที่เจอมันประมาณป.5
ผมกับแก็งค์เพื่อนๆแถวบ้าน มักจะชอบมาเล่นบอลกันตอนเย็นๆ
แต่ปรากฏว่ามีเด็กตัวเล็กๆคนหนึ่งมานั่งมองพวกผมเล่นบอลกันทุกวัน
ผมเองก็ไม่กล้าชวนมาเล่นด้วย เพราะหน้าตาบูดบึ้งของเด็กคนนั้น
จนในที่สุดเมื่อลูกบอลกระเด็นออกนอกสนาม ไปอยู่ตรงหน้าเด็กคนนั้น
ผมตามไปเก็บลูกบอล และนั้นเป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นหน้าเด็กคนนั้นเต็มๆ
“เออ นายเก็บลูกให้เราหน่อยสิ”ผมพูดพร้อมยิ้มให้หวังสร้างมิตรภาพ
เด็กคนนั้นไม่ได้ยิ้มตอบ แต่ก็เก็บลูกบอลให้
“นายไม่เล่นกับพวกเราเหรอ” ผมถาม
“เออ พ่อกับแม่ของเรา ไม่ให้เล่น” เขาตอบ
“ทำไมอ่ะ” ผมเกาหัว
“เขาบอกว่าพวกนายสกปรก” เจอคำตอบแบบนี้ทำเอาผมอึ้งไปเล็กน้อย
“แล้วนายคิดว่าเราสกปรกไหมล่ะ” ผมเลยย้อนถาม
เด็กคนนั้นไม่ได้ตอบคำถาม แต่พูดว่า “เรากลัวพ่อดุ”
“เราเองก็กลัวพ่อดุ แต่พ่อไม่ดุซิแปลก ผู้ใหญ่เค้าก็ดุกันเป็นปกติ อยู่ที่เราต่างหากจะสนใจกับสิ่งที่พวกเขาดุไหม”
ผมเทศน์ไปซะเลย
“นายนี้พูดยังกะไม่ใช่เด็ก”
“ก็ไม่ใช่เด็กซิ ขนขึ้นแล้วนะเฟ้ย” ผมพูดทะลึ่งๆไป ปรากฏว่าเด็กคนนั้นหน้าแดง
“เราคงพูดมากไป กลับไปเล่นบอลดีกว่า เอ่อ นายชื่ออะไรอ่ะ เราเหน่งน่ะ”
“เราชื่อปอ” เด็กคนนั้นตอบ
“บ้านอยู่ไหนอ่ะ” ผมถาม เพราะไม่เคยเห็นหน้า
“ก็ ข้างบ้านนายไง”
อ้าว ทำไมผมไม่ยักรู้ รู้แต่ว่าข้างบ้านย้ายมาใหม่ แต่ไม่เห็นมีเด็กตามมาด้วยนี้
“งั้นยินดีที่ได้รู้จัก เราพูดขนาดนี้จะไปเล่นบอลกันไหม”
ปอเริ่มยิ้มและยอมไปเล่นบอลกับผม
เมื่อมีการเล่นบอลครั้งต่อไป ผมเลยต้องแต่งตัวเรียบร้อย ทาแป้งให้ดูสะอาดสะอ้าน เวลาจะที่ไปบ้านมันเพื่อเรียกมันมาเล่นบอล แม่มันไม่ได้ดุ แถมใจดีอีกต่างหาก แต่พ่อซิดุมากๆ แต่เห็นหน้าตาของผม พวกท่านก็ไว้ใจให้มันไปเล่นบอลกับผม
เราเริ่มสนิทกัน แต่พอขึ้นม.1 ผมดันต้องย้ายบ้านไปตามพ่อกับแม่
ตอนนั้นก็เศร้านะที่ต้องย้าย แต่ความผูกผันของผมกับปอ มันยังไม่มากเท่าไรก็แค่เพื่อนข้างบ้านที่เล่นฟุตบอลด้วยกัน แถมตอนนั้นไม่ได้ล่ำลากันซะด้วย
แต่คนมันจะคู่กันยังไงมันก็ต้องมาเจอกัน(อันนี้คิดไปเอง)
ผ่านไป 5 ปี ผมกลับมาที่ย่านแห่งนี้อีกครั้ง ผมเองไม่ได้คิดว่าจะมาเจอปอ
เพราะตอนนั้นมันไปเรียนที่โรงเรียนประจำ ผมเลยคิดว่ามันคงย้ายไปอยู่ที่อื่นซะแล้ว
วันนึงผมขับมอเตอร์ไซด์ไปซื้อของที่หน้าปากซอย ดันเห็นมันกำลังออกจากบ้านไปข้างนอก
นั้นแหล่ะทำให้เราได้เจอกันอีกครั้ง
มันลากผมไปดูการซ้อมดนตรีของมัน และตอนนั้นมันก็กำลังขาดนักร้องนำ
ผมเองของร้องเพลงอยู่แล้ว จึงประจวบเหมาะพอดี เลยจับพลัดจับพลูไปเป็นนักร้องนำของวงมัน
และนั้นเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมคิดกับมันเกินเพื่อน
การที่ผมได้เป็นนักร้องนำของวงมันทำให้ผมกับมันเริ่มสนิทกันมากขึ้น
ช่วงที่เราจะสอบเข้ามหาลัย มันแนะนำให้ผมเรียนร้องเพลง ทั้งๆที่ทางบ้านอยากให้ผมเรียนนิติศาสตร์
และแน่นอนผมเชื่อมัน เพราะปอทำให้ผมรักการ้องเพลง
อีกอย่างได้เรียนที่เดียวกับมันด้วย แม้จะคนละเอกก็ตาม
ถ้าถามผมว่าเริ่มรักมันตอนไหน คงตอบยาก
เพราะช่วงที่สนิทกัน ผมก็คิดว่าความรู้สึกของผมก็คงแค่เพื่อนคนหนึ่ง อีกอย่างผมไม่ได้เป็นเกย์
แต่พอมันเริ่มมีแฟนนี้ซิ ตอนนั้นผมรู้สึกว่าเหมือนมันกำลังจะจากผมไป
ความสนิทสนมของมันกับผมจะถูกแบ่งให้ใครไปอีกคนก็ไม่รู้
ผมจึงเก็บงำความรู้สึกของผมเอาไว้ นั่งมองมันมีความสุขกับคนที่มันรัก ปลอบใจมันเมื่อทะเลาะกับคนนั้น
เป็นที่ปรึกษาให้มันเมื่อมันมีปัญหากับเขา นั้นคือหน้าที่ของเพื่อนที่ดีที่จะทำให้มันได้
และพอมันเลิกกับแฟน มันก็กลับมาเป็นของผมดั่งเดิม
“เหน่ง ทำไมมึงยังไม่มีแฟนว่ะ” อยู่ดีดีมันก็ถามคำถามหนึ่งกับผม
“มึงก็รู้ก็เรื่องมาก ใครเป็นแฟนกู ก็ต้องเลือกหน่อย”
ผมตอบปัดๆไป
“มึงออกจะหล่อ ไม่มีใครมาจีบมึงเลยเหรอว่ะ กิ๊กสักคนกูก็ไม่เคยเห็นเลย”
ไม่รู้มันจะสงสัยอะไรนักหนา ผมเองก็อัดอั้นมานานเลยเข้าไปกอดหลังมัน
“ก็ กูไม่อยากมีใครนอกจากมึง” ผมบอกมันไปแบบนั้น มันไม่ได้ดิ้น หรือกอดรับผม
“มึงอ่ะ จะมาจมปลักกับกูทำไม” มันคงเป็นห่วงผม
“กูเต็มใจ เพราะกูสนิทกับมึงมากมั้ง กูเลยไม่อยากจากมึงไปไหน” ผมตอบพร้อมซบไปที่ไหล่มัน
คราวนี้มันเอามือมาลูบหัวของผม นี้เป็นครั้งแรกมั้งที่มันทำกับผมแบบนี้
“มึงรู้ไหมที่กูไม่อยากให้มึงมาเป็นผัวกู เพราะกูเองก็ไม่อยากเสียมึงไป” มันพูดเถื่อนจัง
“เป็นเกย์คิงไม่ใช่เหรอ ทำไมให้กูเป้นผัวว่ะ” ผมหยอกมันเล่น
มันดันไม่ขำ กลับตบหัวผม “กูกำลังซึ้ง”
“มึงก็รู้ ที่เราเป็นอยู่มันก็มากกว่าเพื่อน” มันตอบ ผมเองก็ดีใจที่มันพูดแบบนั้น
“แต่ถ้าบอกเป็นแฟนมันคงยาก เพราะกูไม่อยากเสียเพื่อนอย่างมึงไปจริงๆ” มันน้ำตาซึม
ผมเลยจ้องตามันพร้อมจูบปากมันไป
“มึงจะเห็นกูเป็นอะไรก็เรื่องของมึง มึงจะไปเป็นแฟนกับใคร มึงจะคบใคร มึงจะเอาใคร นั้นมันเรื่องของมึง แค่ขอมึงอย่าจากกูไปไหนก็พอ”
“มึงพูดอย่างนี้ทำให้กูเป็นคนเห็นแก่ตัวยังไงไม่รู้” มันยังน้ำตาซึม
“มีคนมากมายที่อยากรักมึง อยากรู้จักมึง แต่ถ้ากูครอบครองมึงไว้เพียงคนเดียว กูนั้นแหละที่เห็นแก่ตัว”
ผมพูดแบบนี้ ทำมันร้องไห้ไม่หยุดเลยครับ
มันจูบผม พร้อมโถมตัวมาที่ผม
“เฮ้ย! นี้เพื่อนเขาทำกันแบบนี้เหรอ” ผมทักมัน
“กูแค่อยากให้มึงมีความสุข” มันตอบพร้อมจูบผมอย่างเร้าร้อน
ใครจะนิยามความรักของผมกับปออย่างไร ผมไม่สนหรอก
เพราะที่เราเป็นอยู่ตอนนี้ ก็มีความสุขมากพอแล้ว
-----จบคู่ที่เจ็ด-----
ตัวอย่าง Seasonที่ 3
เรื่องราวของ โจ้ เชียร์ ปอ ดำเนินไปถึงในวัยทำงาน พวกเขากำลังจะก้าวข้ามสู่วัยผู้ใหญ่
แน่นอน ชีวิตของพวกเขาเริ่มยุ่งยากขึ้น ทั้งเรื่องชีวิตส่วนตัว การทำงาน และ ความรัก
โจ้ เป็นผู้ช่วยจิตแพทย์ที่คลินิกแห่งหนึ่ง มีหมอรูปหล่อตามจีบ แต่ไม่พ้นการหึงหวงของอาจารย์เบน
นอกจากนี้ โจ้ยังได้พบกับพ่อที่แท้จริง พร้อมกับรู้ว่าอาจารย์เบนมีลูก !
และจะทำยังไง เมื่อคนไข้โรคจิตของโจ้ คือ คนที่โจ้เคยปลื้มสมัยเด็กๆ
เชียร์ เป็นดีไซเนอร์เสื้อผ้าแบรนด์หนึ่ง และได้รู้จักนายแบบหนุ่มรูปหล่อ จนตัวเองเผลอใจไปเป็นกิ๊กกับหนุ่มคนนั้น
พี่เอกได้ทำงานในบริษัทของพ่อเชียร์ พร้อมกับการแก้แค้นของพี่แจ็ค
พี่เต๋ามาปรึกษาเรื่องพี่หมิงมีกิ๊ก แต่ที่ช็อคกว่านั้นกิ๊กของพี่หมิงคือ.....!
ปอรีเทิร์นคบกับบิ๊ก แต่เหน่งไม่เห็นด้วย จึงเกิดศึกชิงปอ ระหว่างบิ๊กกับเหน่ง
แต่หารู้ไม่ว่า พี่เก่งที่เพิ่งหย่ากับเมีย ก็อยากจะรีเทิร์นปอเช่นกัน
รอพบกับSeasonที่ 3 และคาดว่าคงเป็นSeasonสุดท้าย
ผมเองก็ไม่รู้ว่าจะมาโพสต์ต่อได้ตอนไหน คงให้เรื่องที่โพสต์อยู่ตอนนี้จบไปก่อน
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามเรื่องราวของหนุ่มทั้งสามคนมาตลอด
พร้อมทั้งกำลังใจ คำติชม ที่ให้ผมมาตลอดในการเขียนนิยายครั้งนี้
สำหรับกระทู้นี้ขอจบลงอย่างเป็นทางการ
เมื่อผมโพสต์Seasonใหม่ คงได้เจอกันในกระทู้ใหม่นะครับ
---Bye Bye---
 :bye2:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love:Special Features:Sweet Coupleสองคู่สุดท้ายพร้อมตัวอย่างSeasonที่3(จบบริบูรณ
เริ่มหัวข้อโดย: marchmenlo ที่ 05-03-2009 07:06:26
 :กอด1: :กอด1:


ดีใจมากมายครับ นึกว่าจะหายไปจริง ๆ ซ่ะแล้ว
รอSeasonสุดท้ายอยู่น่ะ

อย่าทิ้งให้รอนานน่ะครับ :กอด1:

เอ่อ แต่ไอ้ที่สปอยด์มาน่ะ น่ากลัวอยู่เหมือนกันน่ะ ท่าทางจะยุ่งเหยิงได้เรื่องเหมือนกัน

หัวข้อ: Re: Three Couple of love:Special Features:Sweet Coupleสองคู่สุดท้ายพร้อมตัวอย่างSeasonที่3(จบบริบูรณ
เริ่มหัวข้อโดย: nirun4 ที่ 05-03-2009 16:21:53
 o18 ได้อ่านอีกแล้ว ยังไงก็จะรอนะครับ o18
หัวข้อ: Re: Three Couple of love:Special Features:Sweet Coupleสองคู่สุดท้ายพร้อมตัวอย่างSeasonที่3(จบบริบูรณ
เริ่มหัวข้อโดย: artday ที่ 05-03-2009 22:36:24
 :z10: มารอครับ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love:Special Features:Sweet Coupleสองคู่สุดท้ายพร้อมตัวอย่างSeasonที่3(จบบริบูรณ
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 05-03-2009 23:41:33
โฮ่

ดูเหมือนส่วนสุดท้ายนี่ปัญหาเยอะน่าดูเลยนะนี่

ท่าทางจะดุเดือดเลือดสาดจอแน่ๆ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love:Special Features:Sweet Coupleสองคู่สุดท้ายพร้อมตัวอย่างSeasonที่3(จบบริบูรณ
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 05-03-2009 23:49:34
 :mc4: มาต่อแล้ว

รออ่าน Season สุดท้ายด้วยคนค่า  :L2:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love:Special Features:Sweet Coupleสองคู่สุดท้ายพร้อมตัวอย่างSeasonที่3(จบบริบูรณ
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 06-03-2009 16:47:31
ขอบคุณครับ ร้อนแรงจิงๆ

รอซีซันต่อไปนะครับ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love:Special Features:Sweet Coupleสองคู่สุดท้ายพร้อมตัวอย่างSeasonที่3(จบบริบูรณ
เริ่มหัวข้อโดย: ┠┨ ¡ Þ Þ ☻ ❣ ╰╰ ที่ 17-03-2010 08:24:37
เข้สไปขุดมาจกหน้าสุดท้าย....ยังม่ะดั้ยอ่านเลย.....

แต่ดูเนื้อเรื่องท่าจะสนุก...ขอเวลาอ่านก่อนน่ะ...
หัวข้อ: Re: Three Couple of love:Special Features:Sweet Coupleสองคู่สุดท้ายพร้อมตัวอย่างSeasonที่3(จบบริบูรณ
เริ่มหัวข้อโดย: กระต่ายชมจันทร์ ที่ 17-03-2010 23:42:15
อ่านตอนแรกเปิดมายังเฉยๆนะคะแต่ยิ่งอ่านยิ่งติดแบบว่าไม่จบไม่นอนทีเดียว

ไม่เคยดูsex and the cityเลยไม่รู้ว่าเหมือนกันแค่ไหนแต่นึกถึงเรื่องrainbow boysค่ะ วิธีการเขียนเหมือนกันเลย

ต่ายชอบเรื่องนี้มากเลยค่ะ

สมจริง ตัวละครมีเอกลักษณ์ เรื่องแอบอิรุงตุงนังดี   :really2:

มีบางช่วงที่พี่เขียนชื่อตัวละครผิดนะคะ

จากตัวนั้นๆกลายเป็นพี่เก่งแอบเยอะอยู่ สงสัยพี่จะติดใจชื่อนี้รึเปล่าเอ่ย ฮะๆ

ว่าแต่seasonสุดท้ายมารึยังคะเนี่ย แค่คำโปรยก็น่าอ่านมากเลยค่ะ

ซีซั่นสองนี่อ่านก็มันจะรู้สึกสะดุดหน่อยๆเหมือนกันค่ะเพราะมันรู้ว่าไม่ได้คู่กันหรอกหรือคู่กันไปเดี๋ยวก็จบ....

แต่ก็ประทับใจค่ะ

ขอบคุณมากค่ะที่แต่งเรื่องนี้ให้อ่าน  :L2:

ปล.อิจฉาเอมากกกกกกกกกกก  อยากได้ของที่ระลึกจากคนที่ปลื้มแบบนี้บ้างจัง  :sad4:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love:Special Features:Sweet Coupleสองคู่สุดท้ายพร้อมตัวอย่างSeasonที่3(จบบริบูรณ
เริ่มหัวข้อโดย: CaroL ที่ 14-05-2010 16:15:13
ขอบคุณมากครับสำหรับเรื่องราวดีดี
อ่านไปก็ลุ้นไป
มันมีทั้งสมหวังและผิดหวัง แต่สะท้อนถึงชีวิตจริงจังครับ
เป็นกำลังใจ
จะรอติดตามซีซั่นต่อไปนะครับ :man1:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love:Special Features:Sweet Coupleสองคู่สุดท้ายพร้อมตัวอย่างSeasonที่3(จบบริบูรณ
เริ่มหัวข้อโดย: rainy_naja ที่ 13-09-2010 20:15:59
ขอบคุณนะคะสำหรับนิยายดีดี ^^ 

อ่านรวดเดียวจบเลยอ่ะ...อิอิ  :o8:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love:Special Features:Sweet Couple
เริ่มหัวข้อโดย: DEMON3132 ที่ 23-09-2010 22:25:38
อ่านแล้วอ่านอีกก็ยังทำให้มีความสุขได้ทุกครั้ง
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love:Special Features:Sweet Couple
เริ่มหัวข้อโดย: O_Artkung_O ที่ 09-12-2010 00:25:29
อ่านแล้วสนุกอ่าครับ เมื่อไหร่จะมาต่อครับ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love:Special Features:Sweet Couple
เริ่มหัวข้อโดย: pay-it-forward ที่ 14-12-2010 16:50:22
เพิ่งอ่านจบ สนุกมากๆๆๆ
ยิ่งของseason 3 น่าจะสนุกมากๆเช่นกัน โดยเฉพาะเรื่องของปอ อิรุงตุงนังน่าดู
แล้วคนไข้โรคจิตของโจ้ คงไม่ใช่พี่ยอดใช่มั้ยคะ
รอseason 3นะคะ
 :L2:
หัวข้อ: Re: Three Couple of love:Special Features:Sweet Couple
เริ่มหัวข้อโดย: rainy_naja ที่ 25-12-2010 08:09:51
merry★ 。 • ˚ ˚ ˛ ˚ ˛ •
•。★Christmas★ 。* 。
° 。 ° ˚* _Π_____*。*˚
˚ ˛ •˛•*/______/~\。˚ ˚ ˛
˚ ˛ •˛• | 田田|門| ˚★ 。 • ˚ ˚ ˛ ˚ ˛ •
Jaaaaaaaa \\(^^)//
หัวข้อ: Re: Three Couple of love:Special Features:Sweet Couple
เริ่มหัวข้อโดย: qq_oo ที่ 09-04-2011 03:24:08
หนุกหนานจ้า
หัวข้อ: Re: Three Couple of love:Special Features:Sweet Couple
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 14-08-2012 08:10:31
"พี่เอกก็พาผมขึ้นไปที่ห้อง ห้องของพี่เอกไม่กว้างเท่าไร แต่ก็ไม่ใหญ่มาก ผมว่าห้องน้ำบ้านผมใหญ่กว่าอีกนะ พี่เอกหยิบเสื้อผ้ามาให้"

สรุปว่า ห้องพี่เอก แค้บ... แคบบ~
หัวข้อ: Re: Three Couple of love:Special Features:Sweet Couple
เริ่มหัวข้อโดย: Chichi Yuki ที่ 12-10-2013 22:42:28
มาตามรอ Season 3 ค่ะ
อยากรู้ว่าเรื่องราวจะจบยังไง อิอิ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love:Special Features:Sweet Couple
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 04-11-2014 23:55:10
 o13 o13 o13 สงสารปอจังเลย

ขอบคุณนะครับ
หัวข้อ: Re: Three Couple of love:Special Features:Sweet Couple
เริ่มหัวข้อโดย: mucan99 ที่ 05-11-2014 11:16:06
So cute thank writer
หัวข้อ: Re: Three Couple of love:Special Features:Sweet Couple
เริ่มหัวข้อโดย: venass09 ที่ 30-03-2016 15:51:05
แต่งได้สนุกมากค่ะ   :impress2:
ถึงคราวเศร้าก็เรียกน้ำตาได้ดีทีเดียว  :o12:
รอภาค3อยู่นะคะ  :3123:
ขอบคุณค่ะ  :pig4:  :pig4:  :pig4: