คู่ที่เจ็ด ปอ กับ เหน่ง เล่าโดย เหน่ง
“คืนนี้ขอค้างนะ”
ถ้าใครฟังผมพูดประโยคนี้ คงคิดว่าผมกำลังพูดอยู่กับคนรักของผม
ใช่ครับ คนที่ผมพูด้วยเป็นคนรักของผม แต่คนรักของผมกลับไม่ได้คิดอย่างนั้น
“กูว่ามึงย้ายข้าวของมาที่หอกูแลยม่ะ อาทิตย์หนึ่งเล่นค้างตั้งหกวัน”
ไอ้ปอมันพูดประชด แต่สิ่งที่มันพูดกับทำให้หัวใจผมเต้นโครมคราม
“งั้นพรุ่งนี้มึงไปช่วยกูขนเสื้อผ้าน่ะ” เมื่อได้โอกาส ทำไมผมจะไม่คว้ามันล่ะ
“ไอ้เชี้ยนี้กูพูดประชด เอาจริงซะงั้น” มันหันมามองค้อน แต่ผมรู้ว่ายังไงมันก็คงอยากให้ผมมาค้างด้วยจริงๆ
ไอ้ปอหนัหน้ากลับไปซ้อมกีต้าร์เหมือนเดิมหลังจากบทสนทนาจบ
แต่ผมยังคงนั่งจ้องปอ พลางนึกถึงเรื่องราวของมันกับผม
อย่างที่ทราบๆกัน ผมกับปอเคยเป็นเพื่อนบ้านกัน คร้งแรกที่เจอมันประมาณป.5
ผมกับแก็งค์เพื่อนๆแถวบ้าน มักจะชอบมาเล่นบอลกันตอนเย็นๆ
แต่ปรากฏว่ามีเด็กตัวเล็กๆคนหนึ่งมานั่งมองพวกผมเล่นบอลกันทุกวัน
ผมเองก็ไม่กล้าชวนมาเล่นด้วย เพราะหน้าตาบูดบึ้งของเด็กคนนั้น
จนในที่สุดเมื่อลูกบอลกระเด็นออกนอกสนาม ไปอยู่ตรงหน้าเด็กคนนั้น
ผมตามไปเก็บลูกบอล และนั้นเป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นหน้าเด็กคนนั้นเต็มๆ
“เออ นายเก็บลูกให้เราหน่อยสิ”ผมพูดพร้อมยิ้มให้หวังสร้างมิตรภาพ
เด็กคนนั้นไม่ได้ยิ้มตอบ แต่ก็เก็บลูกบอลให้
“นายไม่เล่นกับพวกเราเหรอ” ผมถาม
“เออ พ่อกับแม่ของเรา ไม่ให้เล่น” เขาตอบ
“ทำไมอ่ะ” ผมเกาหัว
“เขาบอกว่าพวกนายสกปรก” เจอคำตอบแบบนี้ทำเอาผมอึ้งไปเล็กน้อย
“แล้วนายคิดว่าเราสกปรกไหมล่ะ” ผมเลยย้อนถาม
เด็กคนนั้นไม่ได้ตอบคำถาม แต่พูดว่า “เรากลัวพ่อดุ”
“เราเองก็กลัวพ่อดุ แต่พ่อไม่ดุซิแปลก ผู้ใหญ่เค้าก็ดุกันเป็นปกติ อยู่ที่เราต่างหากจะสนใจกับสิ่งที่พวกเขาดุไหม”
ผมเทศน์ไปซะเลย
“นายนี้พูดยังกะไม่ใช่เด็ก”
“ก็ไม่ใช่เด็กซิ ขนขึ้นแล้วนะเฟ้ย” ผมพูดทะลึ่งๆไป ปรากฏว่าเด็กคนนั้นหน้าแดง
“เราคงพูดมากไป กลับไปเล่นบอลดีกว่า เอ่อ นายชื่ออะไรอ่ะ เราเหน่งน่ะ”
“เราชื่อปอ” เด็กคนนั้นตอบ
“บ้านอยู่ไหนอ่ะ” ผมถาม เพราะไม่เคยเห็นหน้า
“ก็ ข้างบ้านนายไง”
อ้าว ทำไมผมไม่ยักรู้ รู้แต่ว่าข้างบ้านย้ายมาใหม่ แต่ไม่เห็นมีเด็กตามมาด้วยนี้
“งั้นยินดีที่ได้รู้จัก เราพูดขนาดนี้จะไปเล่นบอลกันไหม”
ปอเริ่มยิ้มและยอมไปเล่นบอลกับผม
เมื่อมีการเล่นบอลครั้งต่อไป ผมเลยต้องแต่งตัวเรียบร้อย ทาแป้งให้ดูสะอาดสะอ้าน เวลาจะที่ไปบ้านมันเพื่อเรียกมันมาเล่นบอล แม่มันไม่ได้ดุ แถมใจดีอีกต่างหาก แต่พ่อซิดุมากๆ แต่เห็นหน้าตาของผม พวกท่านก็ไว้ใจให้มันไปเล่นบอลกับผม
เราเริ่มสนิทกัน แต่พอขึ้นม.1 ผมดันต้องย้ายบ้านไปตามพ่อกับแม่
ตอนนั้นก็เศร้านะที่ต้องย้าย แต่ความผูกผันของผมกับปอ มันยังไม่มากเท่าไรก็แค่เพื่อนข้างบ้านที่เล่นฟุตบอลด้วยกัน แถมตอนนั้นไม่ได้ล่ำลากันซะด้วย
แต่คนมันจะคู่กันยังไงมันก็ต้องมาเจอกัน(อันนี้คิดไปเอง)
ผ่านไป 5 ปี ผมกลับมาที่ย่านแห่งนี้อีกครั้ง ผมเองไม่ได้คิดว่าจะมาเจอปอ
เพราะตอนนั้นมันไปเรียนที่โรงเรียนประจำ ผมเลยคิดว่ามันคงย้ายไปอยู่ที่อื่นซะแล้ว
วันนึงผมขับมอเตอร์ไซด์ไปซื้อของที่หน้าปากซอย ดันเห็นมันกำลังออกจากบ้านไปข้างนอก
นั้นแหล่ะทำให้เราได้เจอกันอีกครั้ง
มันลากผมไปดูการซ้อมดนตรีของมัน และตอนนั้นมันก็กำลังขาดนักร้องนำ
ผมเองของร้องเพลงอยู่แล้ว จึงประจวบเหมาะพอดี เลยจับพลัดจับพลูไปเป็นนักร้องนำของวงมัน
และนั้นเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมคิดกับมันเกินเพื่อน
การที่ผมได้เป็นนักร้องนำของวงมันทำให้ผมกับมันเริ่มสนิทกันมากขึ้น
ช่วงที่เราจะสอบเข้ามหาลัย มันแนะนำให้ผมเรียนร้องเพลง ทั้งๆที่ทางบ้านอยากให้ผมเรียนนิติศาสตร์
และแน่นอนผมเชื่อมัน เพราะปอทำให้ผมรักการ้องเพลง
อีกอย่างได้เรียนที่เดียวกับมันด้วย แม้จะคนละเอกก็ตาม
ถ้าถามผมว่าเริ่มรักมันตอนไหน คงตอบยาก
เพราะช่วงที่สนิทกัน ผมก็คิดว่าความรู้สึกของผมก็คงแค่เพื่อนคนหนึ่ง อีกอย่างผมไม่ได้เป็นเกย์
แต่พอมันเริ่มมีแฟนนี้ซิ ตอนนั้นผมรู้สึกว่าเหมือนมันกำลังจะจากผมไป
ความสนิทสนมของมันกับผมจะถูกแบ่งให้ใครไปอีกคนก็ไม่รู้
ผมจึงเก็บงำความรู้สึกของผมเอาไว้ นั่งมองมันมีความสุขกับคนที่มันรัก ปลอบใจมันเมื่อทะเลาะกับคนนั้น
เป็นที่ปรึกษาให้มันเมื่อมันมีปัญหากับเขา นั้นคือหน้าที่ของเพื่อนที่ดีที่จะทำให้มันได้
และพอมันเลิกกับแฟน มันก็กลับมาเป็นของผมดั่งเดิม
“เหน่ง ทำไมมึงยังไม่มีแฟนว่ะ” อยู่ดีดีมันก็ถามคำถามหนึ่งกับผม
“มึงก็รู้ก็เรื่องมาก ใครเป็นแฟนกู ก็ต้องเลือกหน่อย”
ผมตอบปัดๆไป
“มึงออกจะหล่อ ไม่มีใครมาจีบมึงเลยเหรอว่ะ กิ๊กสักคนกูก็ไม่เคยเห็นเลย”
ไม่รู้มันจะสงสัยอะไรนักหนา ผมเองก็อัดอั้นมานานเลยเข้าไปกอดหลังมัน
“ก็ กูไม่อยากมีใครนอกจากมึง” ผมบอกมันไปแบบนั้น มันไม่ได้ดิ้น หรือกอดรับผม
“มึงอ่ะ จะมาจมปลักกับกูทำไม” มันคงเป็นห่วงผม
“กูเต็มใจ เพราะกูสนิทกับมึงมากมั้ง กูเลยไม่อยากจากมึงไปไหน” ผมตอบพร้อมซบไปที่ไหล่มัน
คราวนี้มันเอามือมาลูบหัวของผม นี้เป็นครั้งแรกมั้งที่มันทำกับผมแบบนี้
“มึงรู้ไหมที่กูไม่อยากให้มึงมาเป็นผัวกู เพราะกูเองก็ไม่อยากเสียมึงไป” มันพูดเถื่อนจัง
“เป็นเกย์คิงไม่ใช่เหรอ ทำไมให้กูเป้นผัวว่ะ” ผมหยอกมันเล่น
มันดันไม่ขำ กลับตบหัวผม “กูกำลังซึ้ง”
“มึงก็รู้ ที่เราเป็นอยู่มันก็มากกว่าเพื่อน” มันตอบ ผมเองก็ดีใจที่มันพูดแบบนั้น
“แต่ถ้าบอกเป็นแฟนมันคงยาก เพราะกูไม่อยากเสียเพื่อนอย่างมึงไปจริงๆ” มันน้ำตาซึม
ผมเลยจ้องตามันพร้อมจูบปากมันไป
“มึงจะเห็นกูเป็นอะไรก็เรื่องของมึง มึงจะไปเป็นแฟนกับใคร มึงจะคบใคร มึงจะเอาใคร นั้นมันเรื่องของมึง แค่ขอมึงอย่าจากกูไปไหนก็พอ”
“มึงพูดอย่างนี้ทำให้กูเป็นคนเห็นแก่ตัวยังไงไม่รู้” มันยังน้ำตาซึม
“มีคนมากมายที่อยากรักมึง อยากรู้จักมึง แต่ถ้ากูครอบครองมึงไว้เพียงคนเดียว กูนั้นแหละที่เห็นแก่ตัว”
ผมพูดแบบนี้ ทำมันร้องไห้ไม่หยุดเลยครับ
มันจูบผม พร้อมโถมตัวมาที่ผม
“เฮ้ย! นี้เพื่อนเขาทำกันแบบนี้เหรอ” ผมทักมัน
“กูแค่อยากให้มึงมีความสุข” มันตอบพร้อมจูบผมอย่างเร้าร้อน
ใครจะนิยามความรักของผมกับปออย่างไร ผมไม่สนหรอก
เพราะที่เราเป็นอยู่ตอนนี้ ก็มีความสุขมากพอแล้ว
-----จบคู่ที่เจ็ด-----
ตัวอย่าง Seasonที่ 3
เรื่องราวของ โจ้ เชียร์ ปอ ดำเนินไปถึงในวัยทำงาน พวกเขากำลังจะก้าวข้ามสู่วัยผู้ใหญ่
แน่นอน ชีวิตของพวกเขาเริ่มยุ่งยากขึ้น ทั้งเรื่องชีวิตส่วนตัว การทำงาน และ ความรัก
โจ้ เป็นผู้ช่วยจิตแพทย์ที่คลินิกแห่งหนึ่ง มีหมอรูปหล่อตามจีบ แต่ไม่พ้นการหึงหวงของอาจารย์เบน
นอกจากนี้ โจ้ยังได้พบกับพ่อที่แท้จริง พร้อมกับรู้ว่าอาจารย์เบนมีลูก !
และจะทำยังไง เมื่อคนไข้โรคจิตของโจ้ คือ คนที่โจ้เคยปลื้มสมัยเด็กๆ
เชียร์ เป็นดีไซเนอร์เสื้อผ้าแบรนด์หนึ่ง และได้รู้จักนายแบบหนุ่มรูปหล่อ จนตัวเองเผลอใจไปเป็นกิ๊กกับหนุ่มคนนั้น
พี่เอกได้ทำงานในบริษัทของพ่อเชียร์ พร้อมกับการแก้แค้นของพี่แจ็ค
พี่เต๋ามาปรึกษาเรื่องพี่หมิงมีกิ๊ก แต่ที่ช็อคกว่านั้นกิ๊กของพี่หมิงคือ.....!
ปอรีเทิร์นคบกับบิ๊ก แต่เหน่งไม่เห็นด้วย จึงเกิดศึกชิงปอ ระหว่างบิ๊กกับเหน่ง
แต่หารู้ไม่ว่า พี่เก่งที่เพิ่งหย่ากับเมีย ก็อยากจะรีเทิร์นปอเช่นกัน
รอพบกับSeasonที่ 3 และคาดว่าคงเป็นSeasonสุดท้าย
ผมเองก็ไม่รู้ว่าจะมาโพสต์ต่อได้ตอนไหน คงให้เรื่องที่โพสต์อยู่ตอนนี้จบไปก่อน
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามเรื่องราวของหนุ่มทั้งสามคนมาตลอด
พร้อมทั้งกำลังใจ คำติชม ที่ให้ผมมาตลอดในการเขียนนิยายครั้งนี้
สำหรับกระทู้นี้ขอจบลงอย่างเป็นทางการ
เมื่อผมโพสต์Seasonใหม่ คงได้เจอกันในกระทู้ใหม่นะครับ
---Bye Bye---