บทที่ 11 ผมอาจจะเอามาลงต่อให้ช้าหน่อยเด้อคับ แฮะๆ เพราะว่าใกล้จะเปิดเทอมแล้ว ขอเวลาจัดเตรียมอะไรทุกอย่างให้เข้าที่เข้าทางซะก่อน แล้วผมสัญญาว่าจะเอาตอนต่อไปมาลงให้อ่านกันครับ ขอบคุณครับ
ปล. ถ้ามันมีตรงไหนผิดหรือเพี้ยนไปเล็กน้อยก็ขอประทานโต๊ดมา ณ ที่นี้ด้วยนะงับ งุงิ ง่วงอ่ะ :เตะ1:
บทที่ 10
“กอล์ฟ?”
ร่างสูงไล่เลี่ยกันกับผมยืนอยู่หน้าประตูห้องชุดของชิพ...ใบหน้าขาวที่มีคิ้วเข้มพาดเฉียงเต็มไปด้วยความสงสัย พร้อมทั้งขมวดคิ้วเท่ๆอย่างที่ชอบทำ
“แดน มึงหายไปไหนมาว่ะ?”
“~เอ่อ...”
ไม่รู้จะตอบมันยังไงดีเหมือนกัน...ผมเลยให้มันเข้ามานั่งพักในห้องก่อน กอล์ฟมาพร้อมกับกระเป๋าเอกสารใบใหญ่ที่มันพกไปไหนต่อไหน นั่งรอที่โซฟารับแขกส่วนผมไปเอาน้ำเย็นๆมาให้
“โห นี่มึงหาที่อยู่ใหม่ได้หรูขนาดนี้เชียวเหรอว่ะ แพงมากเลยอ่ะดิ”
กอล์ฟดื่มน้ำที่ผมยกมาให้จดหมด มันเอาผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับเหนื่อยเนื่องจากเดินทางมาร้อนๆ...ก่อนจะนั่งกางแขนพาดไปบนพนักโซฟาอันแสนนุ่ม
“เอ่อ ความจริงนี่ไม่ใช่คอนโดกูหรอก…”
“~อ้าว? ก็คุณมาร์คบอกว่ามึงย้ายออกไปแล้ว มันหมายความว่าไงกันแน่เนี้ย?”
สีหน้าของกอล์ฟคาดคั้น ผมลำบากจะตอบ...
“ความจริงแล้วนี่คือคอนโด...ของเจ้านายใหม่กูน่ะ เขาให้อยู่”
ไอ้กอล์ฟทำตาโต
“จริงดิ!? งานใหม่นี่ดีชะมัดเลย หาได้ไงว่ะ เออ ว่าแต่มึงออกจากที่เก่าทำไมล่ะ”
ผมอ้ำๆอึ้งๆ...เพราะไม่อยากเล่าให้มันฟังถึงเรื่องต่างๆที่ผ่านมา กอล์ฟอาจจะเป็นเพื่อนของผมแต่เราสองคนก็ไม่ได้สนิทอะไรกันมากมายขนาดนั้น...สรุปแล้วผมก็เลยโกหกมันไปว่าผมอยากหางานใหม่ทำมากกว่า
“แล้ววันนี้มึงมาทำไม?”
“อ้อ ก็เมื่อวันก่อนที่กูไปกินเหล้ากับมึง กูลืมเอาเอกสารบางอย่างให้มึงไง กูโทรฯบอกเจ้านายมึงสองคนแล้วว่าจะแวะเอามาให้ เขาก็เลยบอกว่ามึงย้ายออกไปแล้ว เผอิญกูผ่านมาแถวนี้พอดีเลยจะฝากไปด้วยแล้วกัน”
มันเล่าเป็นฉากๆ หยิบเอกสารซองสีน้ำตาลออกมาจากกระเป๋า แต่แล้วมันก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะไป -_-“
“แล้ววันนั้น...มึงไม่โทรฯมาปลุกกูที่โรงแรมเลยนะเว้ย แมร่งกูไปทำงานสายเลย”
“วันไหน?”
นั่นดิ วันไหนว่ะ?
“อ้าว ก็วันที่กูเมาจนกลับบ้านไม่ไหวไง แต่ก็ดีนะ...เลยได้โดดงานวันหนึ่งเลย”
มันยิ้มๆ มองผมเหมือนจะประชด
ชวนผมคุยไปเรื่อยๆ สักพักมันก็อมยิ้มแปลกๆ มองไปรอบๆห้องเหมือนกำลังตั้งใจสำรวจอะไรบางอย่าง…
“นี่..ถามจริงเหอะ มึงมีแฟนยังว่ะ?”
ใจหลุนวูบไปอยู่ตาตุ่ม...หรือว่ามึงเห็นอะไรเข้าแล้ว?
“’ไมอ่ะ?...”
“ก็ไม่รู้อ่ะ...กูแค่อยากถาม ไม่ได้ข่าวมึงมาตั้งนาน มึงยัง...เอ่อ ชอบแบบเดิมอยู่หรือเปล่า”
ผมหลบสายตาของมัน จิบน้ำ...สบตามันอีกทีก็ต้องตกใจเพราะพบว่าไอ้กอล์ฟเองก็หน้าแดงไม่แพ้กัน
“อืม...”
“เหรอ...กูถึงว่าทำไมห้องมันกว้างเกินกว่าจะอยู่แค่คนเดียว...”
“...”
“แล้ว...แฟนคนเก่าล่ะ?”
ผมก้มหน้าไม่ตอบมัน รู้สึกว่ามันคือเรื่องส่วนตัวมากเกินไป...
‘แฟนคนเก่า’…พูดแบบรู้ๆกัน
“เฮ้ย...มึงเป็นอะไรหรือเปล่า?”
“เปล่าหรอก...”
“กูก็ยังไม่มีแฟนว่ะ...แมร่ง ทำแต่งาน ส่วนไอ้พวกที่ทำงานก้มีแต่แก่ๆทั้งนั้น ไม่ไหวๆ”
ไอ้ลิงเฮ่งเจีย(ฉายาเก่า ถ้าใครยังจำได้นะครับ
)ส่ายหน้าเอือมระอา แต่ตอนนี้กรูระอามึงมากกร่า~~~=_=”
“สงสัยเราสงคนคงต้องอยู่ด้วยกันแล้วล่ะมั้ง?”
ไอ้กอล์ฟพูดขึ้นลอยๆ...มันมองผมด้วยแววตาหยั่งเชิง โอ๊ย!!! ประสาทจะแดก ทำไมมันต้องมายียวนกวนบาทผมเอาตอนนี้ด้วย คนยิ่งรู้สึก...แปลกๆอยู่
ผมแกล้งทำเป็นสำลักน้ำ
“ฮ่าๆๆๆ ไม่ต้องเว่อร์ขนาดนั้นก็ได้...กูพูดเล่นน่ะ”
กอล์ฟมองดูนาฬิกา เหมือนมันต้องไปที่ไหนต่อแล้ว ผมล่ะดีใจสุดๆ -_-“
“เออ งั้นเดี๋ยวกูไปก่อนนะ”
ออกไปส่งมันที่ประตู กอล์ฟกลับไปแล้ว...ทำไมผมถึงรู้สึกปวดใจยังไงไม่รู้เวลามันถามจี้ใจดำเรื่องของชิพ...
“ปึง!”
ผมสะดุ้งทันทีที่เสียงนั่นดังสนั่นขึ้นที่หน้าประตูห้อง บังเอิญยังไม่ได้นอนเพราะกำลังคิดอะไรอยู่เรื่อยเปื่อย...ปาดน้ำตาก่อนรีบเปิดไฟเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น
ร่างสูงจ้องมองมาด้วยแววตาเลือดเย็น...สีหน้าเย็นชาแลดูไร้อารมณ์ ผมกำมือไว้กับผ้าปูที่นอนแน่น...อะไรอีกล่ะคราวนี้?
“ทำไมถึงมานอนห้องนี้”
แปลกที่ผมไม่ยักกะได้กลิ่นแอลกอฮอล์ หรือท่าทางเขาก็ไม่เหมือนคนเมา...ชิพยืนกอดอกพิงขอบประตูแล้วจ้องหน้าผมตาไม่กระพริบ รู้สึกกดดันจากสายตานั้น เขาทั้งสงบ เย็น แต่ร้ายลึก...ผมทั้งกลัว...ทั้งไม่ชอบเวลาชิพทำแบบนี้ เพราะเราไม่รู้เลยว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้น
“ผม...เอ่อ...”
“ผมเคยบอกคุณแล้วไม่ใช่เหรอว่าให้คุณนอนห้องเดียวกับผม?”
ไม่รู้จะตอบอะไรนอกจากก้มหน้างุด หลบสายตาคมกริบนั่น
“วันนี้ใครมาหาคุณ”
หา?
ใจของผมเต้นแรงตึกตักขึ้นมาทันที...ความตื่นกลัวพุ่งพล่าน ผมไม่อยากให้ชิพรู้เพราะเขาเป็นผู้ชายที่ขี้หึงมากที่สุดเท่าที่ผมเคยรู้จักมา -_-* หากบอกไปว่าวันนี้กอล์ฟเอาเอกสารมาให้ที่บ้าน...ผมคงต้องตายแน่ๆ
“อะ...อะไรนะ? เปล่านี่...”
“แล้วทำไมถึงมีผ้าเช็ดหน้าของใครก็ไม่รู้ตกอยู่ล่ะ!”
วินาทีที่พูดจบ ชิพพุ่งพรวดขึ้นมาบนเตียงเพียงชั่วพริบตา จับกดผมไว้ มือของมันแข็งแรงอย่างกะปลอกเหล็ก ใจผมหายวูบเหมือนมันจะหยุดเต้นลงเสียเดี๋ยวนั้น
“รู้มั้ยว่ามีอยู่สองสิ่งในโลกนี้ที่คุณเรียกกลับคืนมาไม่ได้ นั่นก็คือคำพูดและกาลเวลา...ทำไมคุณต้องโกหกผม? ผมถามยามข้างล่างแล้วว่าวันนี้มีคนขึ้นมาที่ห้อง เป็นผู้ชาย...มันคือคนที่คุณนอนด้วยที่โรงแรมคืนนั้นใช่มั้ย?”
ชิพคร่อมร่างอยู่เหนือผม ตะคอกลงมาเสียงดัง...แต่ละคำพูดของเขาช่างเชือดเฉือนจนผมกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่...เลยจริงๆ
“ปะ เปล่านะ! ผมไม่ได้มีอะไรกับเขา”
“โกหก! คุณโกหก!”
ยามโมโหเขาคงไม่ฟังเหตุผลหรือพยายามเข้าใจอะไรทั้งนั้น เขาลืมไปแล้วเหรอไงว่าหลังจากคืนนั้น…เขาทำให้ผมเลือดออก เพราะสิบปีที่ผ่านมาผมไม่เคยเปิดใจหรือปล่อยตัวไปกับใครเลย... “ทำไมคุณต้องโกหกผม?...ทำไมคุณต้องทำให้ผมหึงได้หน้ามึดขนาดนี้...รู้มั้ยว่ามันทรมานมากแค่ไหนที่ต้องคิดว่าคุณอยู่กับคนอื่น...ผมจะทำให้คุณรู้เองว่าคุณทำผิดยังไง!”
ชิพก้มลงจูบผมอย่างหนักหน่วงรุนแรง มันเจ็บมากกว่าจะรู้สึกอย่างอื่น…มืออุ่นร้อนของมันปัดป้องการต่อสู้ขัดขืนของผมได้หมดทุกทาง
“ชิพ เดี๋ยวก่อน ฟังผมก่อน...”
ชิพรีบร้อนถอดเสื้อเชิร์ตสีขาวของเขาออก ก่อนจะเร่งรีบให้ผมถอดชุดนอนตัวโคร่งออก...กางเกงขาสั้นของผมหลุดลอยตามไป ชิพถอดเข็มขัดออกมามัดข้อมือทั้งสองข้างของผมไว้แน่นจนมันเจ็บมาก
“หยุดร้องไห้เดี๋ยวนี้! หยุดร้องไห้!”
สมเพชก็สมเพชตัวเอง...ขณะที่นอนน้ำตานองหน้าอยู่ในขณะนั้น ชิพหอบเหนื่อยๆเพราะอารมณ์โกรธ...จู่ๆระหว่างเราสองคนก็เงียบงันลง มีเพียงเสียงสะอื้นสูดจมูกของผมเบาๆ
ชิพจ้องตาผม
เขาค่อยๆบรรจงจูบผม...
มันคือความอ่อนโยนที่แปลกประหลาด
“คุณพูดมาคำเดียว...คุณมีใครอื่นหรือเปล่า”
น้ำเสียงของเขามันเย็นชื่น ฟังดูอ่อนหวานเหมือนเขากำลังขอร้อง...อ้อนวอน มากกว่าคาดคั้นเอาคำตอบ
“เปล่า...”
“แต่คุณทำให้ผมโกรธ ผมเคยโกหกคุณเหรอ? ทำไมคุณต้องโกหกผมด้วย...”
ใช่...นิสัยสันดานเลวๆของผมมันมีอยู่อย่างหนึ่งที่แก้ไม่หาย นั่นคือปากเบาและชอบโกหกเสมอ...กับเขาผมโกหกเพราะผมกลัว กลัวว่าเขาจะบ้าคลั่งใส่ผมอีก
“คุณจูบผมหน่อย...”
ชิพร้องขอ แต่ผมไม่ทำตาม เขาจึงเป้นฝ่ายจูบลงมาบนริมฝีปากของผมเอง...เปรียบเสมือนกระแสไฟฟ้าที่ไหลแผ่ซ่าน จุมพิศที่เร่าร้อนรุนแรงเริ่มทวีความเข้มข้นขึ้นทุกขณะ o_O*
“หากคุณโกหกผมอีก ผมไม่ปล่อยคุณไว้แน่”
ชิพโถมเอาร่างที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามบึกๆลงมานอนทับไว้ ก่อนจะค่อยๆสอดแทรกกายเข้ามา...ผมรู้สึกเจ็บที่ใจมากกว่าร่างกาย เขากัดลงไปที่เอ็นตรงลำคอแรงจนผมร้องโอยออกมา ก่อนจะลากลิ้นอุ่นร้อนกลับมางับเอาริมฝีปากล่างของผมเข้าไป ดูดมันอย่างแรงจนชา
ชิพควานหาผมด้วยลิ้นอ่อนนุ่ม...ผมเริ่มมีความรู้สึกตื่นเต้นร่วมไปกับเขา ทว่าความรู้สึกข้างในที่โดนทำลายจากคำข่มขู่ไม่เหลือชิ้นดีกลับทำให้อารมณ์อยู่ครึ่งๆกลางๆ...แสงไฟจากโคมที่ส่องสะท้อนมาเผยให้เห็นแผ่นหลังของชิพเกร็งเขม่ง ใบหน้าเหยเกของชิพ...เขาหลับตาลงแล้วกระตุกกายเป็นครั้งสุดท้าย
ลมหายใจของเราหอบหนัก ชิพจิกผมบนหัวของผมขึ้นมาแล้วแหงนหน้าให้เขาได้จูบลงไปอย่างไม่ยินดียินร้าย...เขาไม่เคยเป็นแบบนี้ ผมหลับตาลงพลางเก็บความรู้สึกเสียใจนั้นไว้ข้างใน...ผมเสียใจที่โกหกเขาโดยไม่ทันคิด ผมเสียใจที่ทุกอย่างเป็นเช่นนี้...
ทว่าอีกใจหนึ่งก็เต้นไปพร้อมกับจังหวะรักของเขา
ลืมตาขึ้นมาผมกับแววตาของชิพ มันดูอ่อนโยนขึ้น นิ้วโป้งของเขาถูกยกขึ้นมาลูบอย่างแผ่วเบา...ผมค่อยๆเบือนหน้าหนีออก สักพักชิพก็ผละออกไป แล้วเอ่ยขึ้นมาเสียงเรียบ
“อย่าโกหกผมอีก...”
น้ำเสียงอันจะกล่าวเป็นนัยว่านี่คือบทเรียน แต่มันคงไม่ใช่โทษร้ายแรงถึงขนาดที่เขาต้องทำกับผมแบบนี้นี่...นั่นคือทำให้ผมหลงรักเขา โดยที่ไม่เคยให้สัญญาณอะไรผมตอบแทน อาจจะใช่ที่เขายังคอยผมอยู่...แต่เขาไม่ยอมพูดคุยกับผมตรงๆเหมือนแต่ก่อน ประมาณว่าชิพรั้งตัวตนอีกครึ่งหนึ่งไว้กับตัวไม่ยอมเปิดเผยออกมา...
เป็นเพราะสิบปี มันนานไปหรือเปล่า...เลยทำให้เปลี่ยนไปแบบนี้
แต่ก่อนผมไม่เคยเชื่อว่ากาลเวลาเปลี่ยนใจคน…
...รู้สึกว่าร่างถูกยกขึ้นจากเตียง อยู่ในอ้อมกอดของชิพ...เขาเดินตัวเปล่าผ่านห้องรับแขกโล่งว่างไปยังอีกห้องซึ่งก็คือห้องส่วนตัวของเขา ผมถูกวางลง...ตามด้วยร่างของชิพที่นอนลงมาข้างๆ กอดจากด้านหลัง...
จุมพิตที่อ่อนโยนเนิบนาบประทับลงมา ทำให้ผมงุนงง…ทำไมชิพถึงชอบทำแบบนี้? ด้วยการทำให้ผมสับสน...เขาเพิ่งจะสะใจจากการมีบทรักรุนแรงป่าเถื่อน ตอนนี้ทำไมต้องมาทำดีกับผมด้วย ผมมันก็แค่เครื่องระบายอารมณ์ของเขานี่
“คุณคิดว่าผมเป็นคนร้ายกาจ...แล้วคุณล่ะ คุณหนีผมไปสิบปี คุณเคยคิดกลับกันบ้างมั้ย?”
คำพูดของชิพทำให้ขนลุกซู่...
แล้วค่ำคืนอันแสนยาวนานก็ผ่านเลยไป ผมนอนให้เขากอดอยู่แต่ลืมตาตื่นพลางคิดทบทวนสิ่งต่างๆ...มันแปลกๆที่ว่าผมกับเขา เราเคยเป็นเหมือนคนเดียวกัน ทำไมนะ…ทำไมตอนนี้แม้เราจะกลับมาเจอกัน มันก็เหมือนไม่รู้จักกันมานานแสนนาน...แม้ความสัมพันธ์ทางกายจะยังคงดีเลิศเช่นเดิม แต่ผมรู้สึกเหมือนไม่รู้จักเขา...ทำไมกัน ทำไม?
ไอ้ความจริงที่บอกผมว่าเราสองคนเริ่มห่างไกลกันทุกที...มันเหมือนจะฆ่าผมให้ตาย
ทรมานอย่างสุดบรรยายเลยเชียวล่ะ...