บทนี้ ยอมรับเลยครับว่ามานนนนนนน้ำเน่ามากมายๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
มากที่สุดเท่าที่เคยเขียนมาเลย แฮะๆ
...แต่เอาเถอะครับ มันต้องไปตามท้องเรื่อง สำหรับภาคสามนี้ผมกะจะเขียนจบสั้นกว่าภาคอื่น(แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าสั้นม๊ากมาก) คือ ตอนแรกนึกว่าภาคสามเขียนสนุกสุด แต่เปล่าเลย ยากสุดเลยต่างหาก 555+
ภาคที่เขียนแล้วเอนจอยที่สุดคงเป็นภาคสอง งืมๆ
ใกล้จะเปิดเทอมแล้ว และผมคงเรียนหนักเหมือนเคย(ปิดเทอมก็เรียนทุกวัน เฮ้อ) ไม่ได้ออกไปเที่ยวเหล่หนุ่มเลย ฮ่าๆๆ(<<<<ล้อเล่นอ่ะ
) สองวันนี้ก็เลยแอบหนีไปเที่ยวกับครอบครัวซะเลย รู้สึกสดชื่นขึ้น และเป็นกำลังใจให้กับทุกคนนะครับ โดยเฉพาะพี่ๆน้องๆที่กำลังเรียนหนังสืออยู่ ตั้งใจเข้า สักวันเราก็จะประสบความสำเร็จเอง สู้ๆ!!! เป็นกำลังจายห้ายยย ขอบคุนก๊าบ
บทที่ 9
“ถึงแล้ว…”
ชิพเดินนำผมขึ้นมาจนถึงห้องชุดสุดหรูแห่งหนึ่งย่านประชาชื่น…ประตูเปิดออก ข้างในกว้างขวางและตกแต่งเรียบง่ายสไตล์ชายโสด ผมลากกระเป๋า
ใบใหญ่เข้าไปงงๆ
“นี่บ้านคุณเหรอ?”
“ใช่”
ผมกวาดตามองไปโดยรอบ ห้องกว้างมาก แต่เหมือนมันโล่งว่างและขาดอะไรไปอีกหลายอย่าง…ชิพเดินแนะนำห้องต่างๆ มีห้องน้ำสองห้อง ห้องครัว
ห้องนั่งเล่น ห้องซักผ้าและห้องเก็บของ
“คุณจะให้ผมอยู่ที่นี่งั้นเหรอ”
“แล้วคุณคิดว่ายังไงล่ะ”
“ผม...จะนอนห้องเล็ก หรือว่าคุณจะให้ผมนอนที่ไหน…ผมไม่รู้ว่าคุณอยู่ที่นี่หรือเปล่า…”
“ผมไม่กลับไปที่บ้านนั้นอีกแล้ว”
ชิพกอดอก ไม่มองหน้าผม...นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
“ทำไมคุณถึงไม่กลับล่ะ”
“ก็เพราะ...ผมอาศัยอยู่ที่นี่ คุณย่า...ท่านเสียไปเมื่อหลายปีก่อนแล้ว บ้านนั้นไม่มีคนอยู่ ผมปิดเอาไว้”
ความจริงที่เพิ่งออกจากปากชิพทำเอาผมใจหายวูบ...คุณย่าเสียแล้ว?
“ตอนนี้ผมไม่อยากกลับไป ผมไม่อยากอยู่บ้านหลังนั้น”
“แต่ชิพ นั่นคือบ้านของคุณ บ้านที่คุณเติบโตมาตั้งแต่เด็กๆนะ...ทำไมคุณถึงทำแบบนี้ล่ะ...”
ผมพยายามแย้ง แต่ไม่เป็นผล ชิพโบกมือห้ามไม่ให้ผมพูดต่อ
“หยุด! พอได้แล้ว...ผมไม่อยากกลับไปเจอสภาพแวดล้อมเดิมๆอีก...เด็กมีปัญหาอย่างผมสมควรต้องจดจำอะไรไว้บ้าง ในเมื่อมันไม่มีอะไรเลย
ให้จดจำ...”
…ยกเว้น...ยกเว้นผมไง…
ผมต่อประโยคเองในใจ...
เขาคิดแบบนี้หรือเปล่านะ?
“แต่อย่างน้อย ท่านก็เป็นคุณย่าคุณนะครับ!”
“คนใจร้ายแบบนั้น...ผมไม่อยากนึกถึง...ฮึ! ก็แล้วคุณเป็นใครล่ะ หลานก็ไม่ใช่ คนรู้จักก็ไม่เชิง...แต่คุณ คุณกลับเอาใจใส่ เพราะเงินที่ได้ไปใช่
มั้ยทำให้คุณปลื้มอกปลื้มใจนักหนา แล้วความรักของเราสองคนล่ะแดน...คุณเคย ’ปลื้ม’ มันบ้างมั้ย...”
เราสองคนมองหน้ากัน ความรู้สึกบอกให้ผมเลิกเถียงต่อปากต่อคำกับชิพ เพราะแต่ไหนแต่ไรมาแล้วหากเขาลงหลักปักใจเชื่ออะไร มันยากหากเรา
พยายามเปลี่ยนใจเขา...ตั้งแต่สมัยวัยรุ่นแล้ว ผมเองก็เหนื่อยเวลาต้องรับมือกับชิพภาคเอาแต่ใจตัวเองแบบนี้ =_=”
แต่ผมเข้าใจความรู้สึกของเขา ผมเข้าใจดี...หากเทียบกันแล้วถึงครอบครัวของผมจะจน ไม่ค่อยสุขสบาย แต่ผมมีอิสระมากกว่าชิพ...ผมมีสิทธิที่จะ
รักจะชอบใครก็ได้ ผมมีสิทธิจะทำตามที่ตัวเองฝัน...แต่ชิพเป็นเด็กที่เติบโตมาด้วยความกดดันหลายๆด้าน ครอบครัวเขาไม่ค่อยสมประกอบเหมือนผม...นั่นเองล่ะมั้งถึง
เป็นสาเหตุที่ผมเข้าใจเขาดีกว่าใครๆ...
ตลอดมา...ผมอยากทำให้ความทุกข์ของเขาเหล่านั้นจางหายไป
แต่ทุกครั้ง...มันต้องมีเรื่องมาแยกเราจากกัน
และผมเจ็บใจ...
“สรุป คุณจะเอายังไง? หรือว่าคุณยังจะอยากอยู่บ้านหลังใหญ่โตสีขาวสวยหรูอย่างที่คุณเคยฝันถึงบ่อยๆกันแน่?”
ผมมองตาเขาตรงๆ
“ทำไมคุณต้องประชดผมตลอดเวลาอย่างนี้ด้วย?”
ชิพเลิกคิ้ว...ผมเดินเข้าไปเก็บประเป๋าในห้องหนึ่งเงียบๆ…ไม่ต่อรองอะไร กลับออกมาก็เจอชิพยืนมองดูอากัปกิริยาทั้งหมดของผมอยู่
“อะไร?”
เหนื่อย(ใจ)ชะมัด =_=”…
“…คุณเคยคิดถึงผมบ้างมั้ย?”
โดนยิ่งคำถามแบบนี้ ทำให้จุกจนพูดไม่ออก…ผมมองตาชิพที่เต็มไปด้วยอารมณ์ต่างๆมากมาย…เขาขมวดคิ้ว
“ทำไมไม่ตอบ”
ผม…ไม่รู้จะตอบเขายังไงดี ก็เพราะว่ามันมากมายจนกลั่นออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ เพราะมันไม่มีค่าเทียบเท่ากับความจริงใจในส่วนลึกของผม…ผม
จึงไม่อาจบอกเขาในสิ่งที่น้อยนิดเกินนั้นไปได้
“ผมพูดไปคุณคงไม่เชื่อ…แต่มันยากจะอธิบายว่าผมคิดยังไงกับคุณ”
“คุณคิดถึงผมทุกวันหรือเปล่า?”
ร่างสูงเดินย่ำเข้ามา ใจเริ่มสั่น…ทว่ายังมองตาของเขาอยู่
“ใช่ ผมคิดถึงคุณทุกวัน…”
“คุณเหงาทุกๆคืนหรือเปล่า?”
“ใช่…ผมเหงา”
บัดนี้ ชิพมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าผมแล้ว ร่างสูงจ้องมองลงมา ก่อนจะค่อยๆยกมือขึ้นเชยคางของผมขั้น เคลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้ๆเหมือนจะจูบ…
“แล้วทำไม…แค่เงินที่คุณย่าซื้อคุณให้เลิกยุ่งกับผมเมื่อสิบปีก่อนถึงเปลี่ยนใจคุณได้ล่ะ!”
ชิพกระแทกเสียงใส่หน้าจนสะดุ้ง พร้อมทั้งสะบัดคางผมออกไปจนร่างเซเกือบล้มลง…ดีที่ผมยืนอยู่ติดผนัง วินาทีที่เบือนหน้าออกมา น้ำตาอุ่นร้อน
พลันไหลไปเอ่อคลออยู่ตรงหน่วยตา รู้สึกเจ็บปวดกับความจริงที่ต้องเผชิญอยู่ตรงหน้า...
“คุณรับเงินย่าผมไปหลายล้าน…เพียงเพื่อจะหนีผมไป ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข…ปล่อยให้ผมต้องทนอยู่กับสภาพที่คุณทิ้งผมไป คุณคิดว่ามันสนุก
มากหรือไง? หา?!”
ชิพผลักผมล้มลงกับพื้นไม้ขัดเงา แล้วตามมาเขย่าร่างของผม ความจริงแล้วมันไม่ได้เจ็บที่ร่างกายแต่มันเจ็บที่หัวใจ ผมไม่ได้ทำตัวอ่อนแอหรือ
อะไรเพียงแต่มันหมดแรงที่จะต่อกร
“คุณกลับมาจากชีวิตที่สุขสบาย เพียงเพื่อจะมาโกหกผมอีกงั้นน่ะหรือ คนไร้ยางอาย!”
ชิพโยนตัวผมไปอีก คราวนี้หยาดน้ำตามันไหลร่วงลงมาเผาะหนึ่ง….ตามด้วยสายน้ำตาที่ไหลรินลงมาเป็นทาง…ความเจ็บปวดที่ร้ายกาจในตอนนี้
มันช่างเกินจินตนาการจริงๆ…
“คุณ…ไม่เข้าใจเหตุผลของผม”
“เหตุผลบ้าบอ คุณจะเอาอะไรมาอ้างอีก ไหนบอกมาซิ”
แต่ผมเลือกที่จะนิ่งเงียบและปิดปากแน่น…เขาจะต้องไม่มีวันรับรู้ว่าเพราะอะไรผมต้องหนีจากเขาไป เพราะอะไรผมต้องรับเงินจำนวนนั้น…สัญญาที่
เคยให้ไว้กับคุณย่าของชิพผมยังคงเก็บกุมและรักษาไว้ตราบจนถึงทุกวันนี้
เพราะค่าตอบแทนที่ผมได้มา ถือว่าได้รักษาพ่อ...อย่างน้อยก็ทำให้ผมกับแม่ได้กลับไปเจอหน้าพ่ออีกครั้ง...
เม้มปากแน่นไม่พูดอะไร…นั่นยิ่งทำให้ชิพโมโห
“แสดงว่าคุณไม่มีอะไรจะพูด ผมให้โอกาสคุณแล้ว อย่าหาว่าผมใจร้ายก็แล้วกัน”
ผมพยักหน้าช้าๆ…ซึมซับข้อความเหล่านั้นไว้ ถูกแล้วที่ชิพจะทำเยี่ยงนั้น เขามีสิทธิ…
“ตอนนี้ผมมีเงินมากพออย่างที่อยากได้อะไรก็ตาม ผมย่อมได้…ผมต้องการอะไรก็ตามที่เงินสามารถซื้อได้ ซึ่งนั่นรวมถึงคุณด้วยใช่มั้ย?”
ชิพดึงไหล่ผมให้หันกลับมาจ้องหน้ากัน…สิ่งที่กระตุกหัวใจของผมนั่นคือสีหน้าของชิพที่เจ็บปวดไม่แพ้กัน…แล้วเขาจะทำแบบนี้ทำไม?
“คุณมีค่าเท่าไรล่ะ? ต้องใช้เงินกี่บาทถึงจะซื้อคุณให้สาสมได้?” ชิพกวาดตามองผมไปทั่วทั้งตัว แบบขยะแขยง...
“ผมจะซื้อคุณให้มาทำงานเป็นเบี้ยล่างของผม ให้เป็นที่รองรับอารมณ์ เพราะคุณง่ายกับเงินมากนักนี่ ใช่มั้ย? พอใจหรือเปล่า?”
“คุณเป็นบ้าอะไรกันแน่ชิพ?”
“ก็เพราะผมแค้นคุณ!”
ร่างของผมถูกดึงขึ้นตามร่างสูง มันบีบต้นแขนผมแน่นจนเจ็บเนื้อแทบแตก…ผมร้องโอยออกมา
“ร้องออกมาเลย ร้องออกมา!”
“ถ้า…ถ้าหากผมไม่รับเงินของคุณล่ะ”
“ผมก็จะบังคับ ให้คุณยอมรับมันให้ได้”
ชิพยืนเหนื่อยหอบจากการระเบิดอารมณ์อยู่ตรงหน้าผม…รู้สึกรวดร้าวในหัวใจ ผมยกมือขึ้นแตะแก้มของเขา แต่กลับดันโดนปัดออกอย่างแรง ผม
จ้องลงไปในดวงตาที่แสนคุ้นเคยนั่น...พลางถามเบาๆว่า…
“คุณเปลี่ยนไป…”
“ก็เพราะใครที่โหดร้ายกับผมก่อน”
เขาผลักผมออกห่างอีกครั้ง ก่อนจะเดินออกไปจากห้องด้วยความฉุนเฉียว เสียงปิดประตูลงดังๆยังคงก้องเหมือนมันไกลแสนไกล…มีเพียงผมคนเดียว
เท่านั้นที่อยู่ในห้องโล่งร้างๆแห่งนี้ ความทรมานที่พุ่งพล่านออกมาทำให้ผมต้องทรุดกายลงกับพื้น นั่งร้องไห้โฮด้วยความเสียใจ…ทำไมนะ ทำไมโชคชะตาต้องเล่นตลกให้
ผมกับเขากลับมาเจอกันด้วย ในเมื่อผมเกือบจะทำใจจากเขาได้แล้ว มันอีกนิดเดียวเท่านั้น…
ตอนนี้ หัวใจที่ดูเหมือนจะหายขาดจากแผลเก่ายิ่งโดนเชือดเฉือนเจ็บปวดกว่าครั้งเก่า
เพราะผมรู้ดี…รู้ดีทั้งหัวใจว่าไม่อาจลืมเขา ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม
และผมรอ…รอวันเวลา แต่มันคงง่ายกว่านี้ถ้าไม่มีเงื่อนไขที่ว่า…สิบปีก่อนผมเคยทำร้ายจิตใจของเขา ตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่ผมจะชดใช้…ผมจะชดใช้
ให้เขาเอง…
เสียงประตูเปิดเข้ามาดังจนสะดุ้งจากการนอนหลับหลังจากวันอันแสนเหนื่อยล้า…หลายวันมาแล้วที่ชิพกลับบ้านมาหลังจากที่ผมเข้านอน จนเราไม่ได้
เจอหน้ากัน หรือว่าผมพยายามหลบหน้าเขาตลอดกันแน่ก็ไม่รู้...
ทั้งที่อยู่บ้านเดียวกันแท้ๆแต่เราก็ไม่พูดคุยกัน
ความจริง...คงเป็นเพราะเขาไม่ยอมพูดกับผมมากกว่า
ทุกเช้าผมจะเตรียมอาหารเช้าง่ายๆเพื่อเขา แต่มันไม่เคยถูกแตะต้อง ทุกวันที่ผมคอยซักผ้า รีดผ้า ทำความสะอาดข้าวของเครื่องใช้ทุกชิ้นของเขาเอง
กับมือ แต่ผมไม่เคยได้รับคำขอบคุณ หรือแม้แต่ล่วงรู้เลยสักนิด ทว่ามันคือความเต็มใจที่ต้องการทำให้ โดนไม่หวังอะไรเป็นสิ่งตอบแทนเลยสักอย่าง
“ชิพ?...”
เงาดำของร่างใหญ่โตยืนค้ำเต็มประตู แสงภายนอกลอดเข้ามาทำให้ผมปรับสายตาไม่ทันเมื่อนอนอยู่ในห้องมืดสนิท ความงัวเงียทำให้ไม่ทันรู้เรื่อง
อะไร…ร่างสูงนั้นก็เดินเข้ามาแล้วทิ้งตัวลงบนเตียง ผมไม่ทันได้ถอยหนีก็โดนจับล็อคเอาไว้
“ทำไมต้องหนีหน้ากันด้วย”
“ใคร...ใครกันแน่ที่หนีหน้า?…คุณ คุณน่ะแหละที่ไม่ยอมคุยกับผมเลย”
“อย่ามาทำพูดดี!”
“คุณมีเรื่องอะไร คุณคิดอะไรอยู่ในใจ คุณก็คุยกับผมซิ! ทำไมคุณต้องพยายามทรมานเราทั้งสองคนด้วยวิธีนี้ ในเมื่อผม...ผมก็กลับมาแล้ว และ
ยอมรับผิดทุกอย่าง...”
“แต่…”
ชั่วครู่หนึ่ง...ชิพเหมือนจะพูดอะไรไม่ออก ก่อนจะพลิกตัวคร่อมอยู่เหนือร่างของผม เหม็นกลิ่นแอลกอฮอล์คละเคล้าไปหมด…สีหน้าของเขาเหมือน
คนสับสนที่ไม่รู้จะไปทางไหนดี ผมเองก็งุนงงกับท่าทางของเขา
“คุณไปไหนมา?”
“มันไม่ใช่เรื่องของคุณ!”
“แล้วจู่ๆเข้ามาในห้องของผมทำไม?”
“นี่มันไม่ใช่ห้องของคุณ มันบ้านผม!...ความจริงแล้ว คุณต้องมาห้องนี้ถึงจะถูก”
แรงของคนมึนเมาแทนที่จะอ่อนแรงแต่สำหรับชิพกลับรุนแรงยิ่งกว่าตอนมีสติเสียอีก…ผมถูกลากอย่างแรงมาที่ห้องของเขา แล้วถูกโยนไปบนเตียง
ตามด้วยร่างหนาใหญ่บึกบึนทาบทับ
“นี่คุณจะบ้าไปแล้วหรือไงชิพ! นี่มันห้องของคุณนะ”
“หยุดพูด หยุดพูดเดี๋ยวนี้!”
มือแข็งแรงของเขาพยายามจะปลดกระดุมเสื้อนอนของผมออก แต่ทั้งความมืดและมืออันสั่นระริกทำให้อาจไม่ทันใจ จนเขากระชากหลุดออกมาทั้ง
แผงแบบนั้นแหละ…
“ชิพ! คุณหยุดทำแบบนี้ซะที ผมขอร้อง”
ทว่าเขากลับกระชากเสียงห้วนออกมา และต่อสู้กับผมอย่างดุเดือด…
“หยุด หยุดดิ้นเดี๋ยวนี้ บอกให้หยุดไง!”
ทุกอย่างดูรวดเร็วและวุ่นวายไปหมด…กางเกงของเขาหลุดออกไปจากเอวตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ แล้วเมื่อไรกันที่ผมต้องโดนกระทำแบบนี้…ในที่สุดผม
ก็ต้องยอมอ่อนโอนไปตามแรงที่มากมายของเขา มันไม่น่ารื่นรมย์เลยสักนิด…มันคือความหยาบโลน ความใคร่ชั้นต่ำล่างสุด…ความรุนแรงที่ผมได้รับเกือบทำให้ต้องร้อง
โฮออกมาทั้งเจ็บปวดกายและใจ…เขาคงไม่เคยคิดถึงหัวใจของผมเลยสินะหลังจากเกิดเรื่องนี้ขึ้น ความป่าเถื่อนของเขาช่างโหดร้ายจริงๆ…
มันสมควรที่เขาจะเกลียดผม แต่ผมก็เป็นคน...เป็นคนที่รักเขาหมดหัวใจ...
ทำไมต้องทำกันแบบนี้ด้วย?
ใช่ว่าผมไม่อดทน แต่มันห้ามไม่ได้ที่จะน้อยใจ...ตอนนี้ในใจของเขา คงมีแต่ความเคียดแค้น แล้ววันเวลาดีๆที่เราเคยมีร่วมกันมาล่ะ?...สิ่งเหล่านั้น
จางหายไปไหน
ผมไม่เข้าใจ สับสน หมดหนทางจริงๆ...
เขาไม่เคย...ไม่อ่อนหวาน กับผมเลยมาก่อนในชีวิต
วันนี้เขาทำเหมือนผมเป็นวัตถุอะไรสักอย่าง…
...ที่ผมจะไม่มีวันลืม
โปรดติดตามตอนต่อไป