บทที่ 3
เสียงดนตรีเริ่มเปลี่ยนอารมณ์ไปเรื่อยๆตามเวลา ยิ่งดึก เสียงเพลงยิ่งเปิดดังขึ้น แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นปวดหูเหมือนพวกแถวอาร์ซีเอ มองไปรอบๆที่นี่มีแต่พวกนักธุรกิจหรูๆ...เสียงเพลงล่าสุดบรรเลงจบลง ผมปรบมือเบาๆร่วมกับโต๊ะอื่น(ดูเว่อร์ดีเนอะ) หันกลับมามองดูบอยอีกที อ้าว! คอพับคออ่อนซะแล้ว
“บอย บอย!”
“ฮื้อ?...”
“~นี่คุณไม่เคยกินเหล้าเข้มแบบนี้มาก่อนเลยใช่มั้ยเนี้ย???”
บอยมองหน้าผม ยกมือขึ้นมาจับ ลูบเบาๆ...สงสัยคงเบลอจนตอบไม่รู้เรื่อง
“ทำไมคุณไม่บอกผม แย่จริงๆ”
ผมสั่งเก็บตัง ซึ่งตัวเลขรวมถึงกับทำเอาผมตัวชาไปสิบวินาที เกือบร้องจ๊ากออกไปซะแล้ว แต่ลืมไปว่านี่มันไม่ใช่เงินกรูนี่หว่า...ว่าแล้วก็ถือวิสาสะควักเงินออกมาจากกระเป๋าตังบอย จ่ายเงิน+ทิปบ๋อยไปด้วยยี่สิบบาท(มันมองค้อนๆเหมือนจาดูถูก) เสร็จปุ๊บผมก็หิ้วปีกบอยออกมาจากร้าน ซึ่งลำบากมากเพราะบอยตัวหนักสุดๆ
ระหว่างทางที่เดินมา น้ำหนักบวกกับไออุ่นจากร่างสูง...ทำให้ผมหวั่นไหวชอบกล...ในที่สุดก็ลากมันเข้ามาในรถได้ ผมตัดสินใจเป็นคนขับเอง เพราะดูท่าทางบอยคงจะขับเองไม่ไหวแน่
ผมจัดท่าทางบอยให้เข้าที่ ขายาวๆของบอยดูเกะกะเหลือเกิน เสร็จเรียบร้อย ผมก็เริ่มขับรถไปตามถนนที่ค่อนข้างโล่งเพื่อมุ่งหน้าสู่คอนโดของบอยตามที่ได้ถามพี่เจ้าของร้านเอาไว้
ดีที่ดึกแล้ว รถราไม่ค่อยมีสักเท่าไร ทำให้ผมอุ่นใจขึ้นเมื่อขับรถราคาเป็นล้านของบอย(นี่ถ้ากรูทำเฉี่ยวอะไรขึ้นมานิดส์ต้องชดใช้ด้วยบ้านทั้งหลังเลยหรือเปล่านะ) ความจริงแล้วผมขับรถไม่ค่อยแข็ง แต่ทำไงได้ ผมไม่กล้าทิ้งรถบอยไว้กับร้าน เลยขับเองหมดเรื่อง (-_-“)
ไฟแดงสุดท้ายก่อนจะเลี้ยวเข้าถนนรามอินทรา ผมลอบมองหน้าบอย...แม้แต่หลับพ่อคุณยังดูน่าเอ็นดู ไม่รู้เพราะสาเหตุใด...ทำให้ผมปัดปอยผมสั้นๆที่ปรกหน้าผากของเค้าออก...ช่างเป็นค่ำคืนที่รู้สึกแปลกประหลาดอะไรเช่นนี้
คอนโดของบอยอยู่ละแวกนั้น คือแถวสวนลุมไนท์ฯ แต่อยู่ฝั่งเดียวกับตึกLPN ไม่ลึกมาก แต่แลดูเงียบสงบ เป็นส่วนตัว หรูหรามาก ยูนิตหนึ่งคงแพงหูฉี่ชนิดที่เรียกได้ว่าผมไม่มีวันลืมตาอ้าปากขึ้นมาถึงขนาดนั้นได้แน่ๆ
อยากรู้จริง ว่าบอยรวยเพราะใคร?
ถ้าเป็นอย่างที่ผมคิดไว้...เสี่ยคนนั้นคงบุญทุ่มมากแน่ๆ
ว่าแล้ว ก็จอดรถเบนซ์ซีคลาสของบอยกลับคืนบ้านได้อย่างสวัสดิภาพ เรื่องใหญ่ต่อมาก็คือจะลากบอยลงมาไงดีหว่า ช่างเหอะ ผมวิ่งเข้าไปเรียกยามมาที่รถ ช่วยกันแบกร่างบอยเข้าไปภายในตัวตึกที่แมร่งโ-ค-ต-รหรู จู่ๆผมก็รู้สึกเหมือนไม่สมควรมาอยู่ที่นี่ ควรจะรีบกลับสู่ความเป็นจริงได้แล้ว
“พี่ครับ ฝากเพื่อนผมด้วย”
ผมพูดกับพี่ยาม ซึ่งเค้าก็คับๆรับคำดี
“เดี๋ยว…”
เสียงของบอยดังขึ้นหลังจากเงียบไปนาน...ผมถูกรั้งไว้อีกแล้ว
“ผม...เหงา แดนอยู่เป็นเพื่อนผมก่อนนะครับ”
น้ำเสียงอ้อนวอนของบอยทำให้ผมลำบากใจ ตัดสินใจไม่ถูก มองหน้าพี่ยามยิ้มๆ
“พาเพื่อนขึ้นไปซิน้อง เดี๋ยวพี่ช่วย”
“อ้อ...ถ้างั้นไม่ต้องแล้วล่ะคับพี่ ผมพยุงขึ้นไปได้”
แล้วเราสองคนก็ก้าวเข้ามาในลิฟต์ โดยมีแขนของบอยคล้องคอผมอยู่ กดไปที่ชั้นเก้าตามคำบอกของเค้า...ความเงียบที่ห้อมล้อมเราสองต่อสอง ช่างน่าอึดอัดจนผมเริ่มเครียด…
ถึงห้อง ผมต้องใช้ความพยายาม+ความสามารถอย่างสูงในการเปิดประตูขณะที่มีร่างหนาใหญ่พิงทับลงมาด้วย เสียงเครื่องอ่านแถบคีย์การ์ดดังติ๊ด แล้วผมก็ได้เข้าไปยืนอยู่ในห้องของบอย ซึ่งขอบอกเลยว่า...
ใหญ่มากกกกก~~~!!! และต้องแพงมากมายเมื่อมันตั้งอยู่ใจกลางกรุงแบบนี้ ภายในตัวห้องตกแต่งเรียบๆเหมือนห้องชายโสดทั่วไป ออกจะเรียกร้อยมากกว่าเสียด้วยซ้ำ ไหนจะชั้นวางหนังสือเก๋ๆ โทรทัศน์เครื่องใหญ่ยักษ์ มุมรับแขกแสนผ่อนคลาย...ชั่ววูบหนึ่งที่ไฟเปิดทำให้ผมยิ่งเห็นภาพต่างๆชัดเจนมากยิ่งขึ้น ผมอิจฉา...อิจฉาในความโชคดีของบอย ทำไมผมถึงเกิดมาได้ไม่โชคดีเท่าเขาบ้าง?...
ผมไม่เคยอิจฉาความร่ำรวยของใครมาก่อน…เคยคิด ว่าคนเราแค่มีความสุขก็เพียงพอแล้ว...แต่สำหรับตอนนี้…นี่ซิคือความสุขที่แท้จริง หรือไม่ อย่างน้อยมันก็ทำให้เราสบายได้จริงมั้ยล่ะ
“ผมขอเข้าห้องน้ำก่อน”
บอยพูดอ้อแอ้ ทำให้ความคิดต่างๆของผมถูกสลัดหลุดออก กลายเป็นยืนเงอะงะอย่างกะคนบ้าอยู่ตรงนั้น
ผมนั่งรอบอยขณะอยู่ในห้องน้ำ ที่ชุดโซฟารับแขกบุด้วยวัสดุอย่างดี ผมพยายามบอกตัวเองว่าให้ยึดความจริงเอาไว้ ผมไม่มีทางมีอะไรเทียบเท่าได้เหมือนบอย แล้วผมจะไปอิจฉาเขาทำไม...
“แดน ผมอยู่ในนี้…”
บอยตะโกนเรียกผมดังแว่วมาจากในห้อง ซึ่งก็คือห้องนอนใหญ่และอยู่ส่วนในลึกที่สุด...ผมก้าวเข้ามาพร้อมกับรับไอแอร์เย็นๆ ห้องทั้งห้องมืดสลัว…เดินไปนั่งลงข้างๆเตียงของบอย
“คุณ...ช่วยเช็ดตัวให้ผมหน่อยได้มั้ย?”
ฮื้อ? อะไรนะ??? นี่สรุปผมต้องมาคอยเป็นเบ้รับใช้มันหรือยังไง
“ก็...คุณจะคอยอยู่เป็นเพื่อนผมคืนนี้ไม่ใช่เหรอ?”
โชคดีที่มันมืด บอยเลยไม่เห็นผมแอบค้อนนิดส์ๆ “อุปกรณ์ล่ะ”
“ในห้องน้ำคับ”
เอาว่ะ<<<ไอ้โรคสันดานใจอ่อนเก่าๆที่แก้ไม่เคยหายสักทีกำเริบอีกแล้ว ผมจำใจต้องลุกขึ้นไปเปิดน้ำอุ่นใส่อ่างพลาสติกเล็กๆ เอาผ้าชุบน้ำ พลางมองตัวเองในกระจก...สรุปแล้วชักจะเหมือนหนังช่องเจ็ดเข้าไปทุกทีแล้วนะooo\(-_-*)
“ถอดเสื้อซิ” ผมสั่งเสียงเรียบ
“คุณถอดให้หน่อยได้มั้ย ผมไม่มีแรง”
ผมนั่งลงที่เดิม ค่อยๆปลดเปลื้องกระดุมเสื้อนักศึกษา และกางกางยีนส์ บอยในชุดเดิมถูกลอกคราบออกในที่สุด เหลือแต่อันเดอร์แวร์กระชับตัว ผมห่มผ้าเอาไว้ เวลานี้ก็ไม่นึกอยากลอบดูของใครหรอก เหอะๆ O_O...
“เอาล่ะ ถ้านายอยากจะระบายเรื่องอะไรล่ะก็ บอกเรามาได้เลยนะ”
ขณะที่ผมเช็ดตัวไปตามกล้ามเนื้อแผงอกกำยำของบอย พยายามตั้งสติไม่ใจลอยไปกับความเย้ายวนตรงหน้า(แพร๊บ!)…ชีวิตรักของบอยก็คล้ายๆของผม นั่นก็คือไม่เคยสมหวังในความรักที่มอบความหวังจอมปลอมเป็นสิ่งตอบแทนแก่เราตลอดมา...
“ผมกับแฟน...เราเจอกันตั้งแต่ตอนปีหนึ่ง เราเป็นแค่เพื่อนกันนานหลายเดือน จนตกลงเป็นแฟนกัน”
“...แฟนของผมเค้าหาว่าระยะทางทำให้เราสองคนต้องไกลกัน แต่ผมว่าไม่เลย...หัวใจของเขาต่างหากที่ไม่เคยอยู่กับตัวผม”
ประโยคเมื่อตะกี้แทงใจดำ...เหมือนเคยมีใครพูดเมื่อหลายปีก่อน ผมรู้สึกเจ็บจี๊ดๆ~~~>///<
“ตอนนี้เขาหนีผมไปไกลแล้ว และไม่มีวันกลับมาอีก แต่ผมสงสัย...ว่าทำไมเขาต้องทิ้งความหวังลมๆแล้งๆไว้ให้ผมด้วย คุณรู้มั้ยแดน ว่าความหวังที่ค่อยๆฆ่าเราให้ตายทั้งเป็นทีละนิดๆนั่น มันทรมานเพียงใด...”
นั่นแหละ คือสิ่งเดียวที่ผมเข้าใจถ่องแท้มาโดยตลอดหลายปีที่ผ่านมา…
“แฟนนายต้องเป็นคนที่เห็นแก่ตัวมากแน่ๆ”
“อย่าไปว่าเขาเลย ผมมันโง่เอง...รักคนที่หลอกลวงผมมาโดยตลอด”
“ตอนนี้เขาอยู่ไหนแล้วล่ะ?”
“ช่างมันเถอะ...ถือซะว่าเขาตายจากผมไปนานแล้ว”
“นายคิดถูกแล้วล่ะ”
ถึงตอนนี้ หลังจากที่ผมลากมือมาจนถึงขอบกางเกง ต่ำลงมาทางด้านล่าง...ผมสบตากับบอยเงียบๆ ท่ามกลางความมืด เสียงหอบจางๆของบอยที่รับรู้ถึงความสุขจากสัมผัสของผม ชั่วครู่เดียวที่ผมกลั้นลมหายใจถามบอยตรงๆ
“สรุปคืนนี้ นายอยากให้เราอยู่ต่อหรือเปล่า”
บอยค่อยๆคว้ามือผม ดึงให้ขึ้นมานั่งบนเตียงข้างๆกัน
“ผมรู้ว่ามันอาจจะฟังดูแปลก...แม้ว่าเราเพิ่งพบกัน แต่ผมกลับมีความสุขเมื่ออยู่กับคุณ...อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับใครมาก่อน”
ผมคิดว่านี่อาจเป็นแค่เพียงคำพูดหวานๆ ที่บอยชอบพูดกับคนอื่นๆ…
“แล้วทำไมนายต้องแกล้งทำเป็นเมา ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ด้วยล่ะ”
“…เพราะผมอยากให้คุณอยู่”
ผมพยักหน้า “เพราะความรักมันเหี้ยกับนายมากใช่มั้ยล่ะ?”
ใบหน้าเราค่อยๆขยับเข้าใกล้กัน ใกล้กัน…รสจูบอ่อนโยน โดยผมเป็นฝ่ายเริ่มก่อน...กลิ่นหอมจางๆ รสสัมผัสนุ่มๆตามมา ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นเร่าร้อนขึ้นตามจังหวะ
“...ใช่...” ลมหายใจของบอยขาดช่วง
“ดี...แต่นายสัญญากับเราก่อนได้มั้ย ว่า...”
“ว่าอะไร?...” ผมแกล้งบอยโดยการถอนริมฝีปากออกมา ทำให้เขายิ่งยื่นใบหน้าเข้ามาใกล้อีก อิอิ ดูสีหน้าตอนนี้แล้วคงกำลังทนไม่ไหว และจะต้องดิ้นพลาดๆแน่ในอีกไม่ช้าหากผมยังใจร้ายแบบนี้อีก >///<
“ห้ามคาดหวังอะไรจากเราเด็ดขาด นอกจากเรื่องนี้ โดยเฉพาะเรื่องของหัวใจ...เราไม่มีอะไรจะให้นายหรอกนะ”
ผมจับคางบอยด้วยมือเดียวแล้วสอดลิ้นเข้าไปอย่างเผ็ดร้อน...บอยตอบสนองรับแต่ยังดูไร้เดียงสากว่ามาก…มือที่แนบอยู่กับแผงอกแน่นๆรู้สึกถึงจังหวะการเต้นหัวใจ ว่ามันรุนแรงมากแค่ไหน…ร่างของผมที่เกยอยู่บนตัวเค้าเริ่มถอดเสื้อผ้าของตัวเองออก…ส่วนอีกมือก็ถอดของบอยออกเช่นกัน และแล้วร่างเปลือยเปล่าของเราก็กอดรัดกันแน่นอยู่บนเตียง…มีเสียงครางแผวเบาของบอกดังออกมาเป็นระลอกๆ
สีหน้าสุขสุดๆของบอยทำให้ผมแปลกใจ…หรือว่านี้จะเป็นครั้งแรกของเขา? แล้วไหนจะฝ่ามือเทอะทะที่ผมต้องช่วยนำไปในทางที่ถูก แต่ต้องยอมรับว่าความไร้เดียงสาแบบนี้ยิ่งทำให้ผมตื่นเต้นขึ้นหลายเท่าตัว นอกจากนั้นสรีระของบอย…ที่ดีจนแทบไร้ที่ติ…อาวุธน้องบอยของเค้าก็ช่าง…
ผมกอดเขาไว้แน่น ทุกครั้งที่หลับตาลง ผมพยายามปล่อยใจไปกับทุกๆอย่าง…ไปตามเหงื่อไคลจากกิจกรรมร้อนแรง ไปตามเรือนร่างของคู่ขาที่ผมกำลังโอบรอบอยู่…พยายามลืมความเจ็บปวดลึกๆในใจ…ที่มันกัดกินหัวใจของผมจนไม่เหลือชิ้นดี
ในที่สุดบอยก็ร้องครางออกมาหนักๆ…ซบหน้าลงไปในซอกไหลของผม ผมขยับตามไปอีกสักพักก็ถึงจุดหมายเดียวกัน…ล้มลงบนตัวบอย ที่โอบผมไว้แน่นอย่างกับกลัวจะสูญเสียผมไป…ทว่าไม่ทำให้ผมแปลกใจจนหยุดทุกอย่างเอาไว้ได้...หลังจากหายเหนื่อยแล้วผมก็ยังคาใจกับบอยอยู่ดี...ทำให้คืนนั้นทั้งคืนเราแทบไม่ได้หลับไม่ได้นอนกันเลยทีเดียว
โปรดติดตามตอนต่อไป
ปล.อาจจะเจอกันอาทิตย์หน้าเลยน๊า บ๊ายบาย